Tag :
คุณหมอนิน สู่เวทีวิชาการนานาชาติ APAAC 2025
ในงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ KVPS Thailand ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรม Carlton Bangkok Sukhumvit นับเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของวงการศัลยกรรมความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัย โดยครั้งนี้มีการเปิดเวทีเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การประชุม “APAAC 2025 (Asia Pacific Anti Aging Conference)” งานประชุมระดับภูมิภาคที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านผิวหนัง การปลูกผม ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ชะลอวัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วเอเชียแปซิฟิก


พญ.นิล นามทองต้น (ว44659)  แพทย์ผู้ก่อตั้ง Namanin Clinic ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในวิทยากรผู้บรรยายในเวทีครั้งนี้ โดยนำเสนอหัวข้อ Key of success in Hair transplantation หัวใจสำคัญของความสำเร็จในการปลูกผม และ HMPF treatment” ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ ความเข้าใจเชิงลึก และแนวทางการรักษาที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะกับผู้รับบริการแต่ละราย



การได้รับเชิญให้ร่วมเป็นวิทยากรในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเกียรติประวัติของ พญ.นิล และเป็นบทพิสูจน์ถึงความไว้วางใจจากวงการแพทย์ ทั้งในด้านองค์ความรู้ เทคนิค และมาตรฐานการรักษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นามนินขอแสดงความยินดีกับคุณหมอนิน พร้อมร่วมส่งต่อองค์ความรู้สู่เวทีนานาชาติ ใน APAAC 2025 อย่างเต็มความภาคภูมิใจ




คุณหมอนิน สู่เวทีวิชาการนานาชาติ APAAC 2025
ในงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ KVPS Thailand ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรม Carlton Bangkok Sukhumvit นับเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของวงการศัลยกรรมความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัย โดยครั้งนี้มีการเปิดเวทีเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การประชุม “APAAC 2025 (Asia Pacific Anti Aging Conference)” งานประชุมระดับภูมิภาคที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านผิวหนัง การปลูกผม ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ชะลอวัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วเอเชียแปซิฟิก


พญ.นิล นามทองต้น (ว44659)  แพทย์ผู้ก่อตั้ง Namanin Clinic ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในวิทยากรผู้บรรยายในเวทีครั้งนี้ โดยนำเสนอหัวข้อ Key of success in Hair transplantation หัวใจสำคัญของความสำเร็จในการปลูกผม และ HMPF treatment” ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ ความเข้าใจเชิงลึก และแนวทางการรักษาที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะกับผู้รับบริการแต่ละราย



การได้รับเชิญให้ร่วมเป็นวิทยากรในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเกียรติประวัติของ พญ.นิล และเป็นบทพิสูจน์ถึงความไว้วางใจจากวงการแพทย์ ทั้งในด้านองค์ความรู้ เทคนิค และมาตรฐานการรักษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นามนินขอแสดงความยินดีกับคุณหมอนิน พร้อมร่วมส่งต่อองค์ความรู้สู่เวทีนานาชาติ ใน APAAC 2025 อย่างเต็มความภาคภูมิใจ




คุณหมอนิน สู่เวทีวิชาการนานาชาติ APAAC 2025
ในงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ KVPS Thailand ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรม Carlton Bangkok Sukhumvit นับเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของวงการศัลยกรรมความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัย โดยครั้งนี้มีการเปิดเวทีเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การประชุม “APAAC 2025 (Asia Pacific Anti Aging Conference)” งานประชุมระดับภูมิภาคที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านผิวหนัง การปลูกผม ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ชะลอวัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วเอเชียแปซิฟิก


พญ.นิล นามทองต้น (ว44659)  แพทย์ผู้ก่อตั้ง Namanin Clinic ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในวิทยากรผู้บรรยายในเวทีครั้งนี้ โดยนำเสนอหัวข้อ Key of success in Hair transplantation หัวใจสำคัญของความสำเร็จในการปลูกผม และ HMPF treatment” ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ ความเข้าใจเชิงลึก และแนวทางการรักษาที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะกับผู้รับบริการแต่ละราย



การได้รับเชิญให้ร่วมเป็นวิทยากรในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเกียรติประวัติของ พญ.นิล และเป็นบทพิสูจน์ถึงความไว้วางใจจากวงการแพทย์ ทั้งในด้านองค์ความรู้ เทคนิค และมาตรฐานการรักษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นามนินขอแสดงความยินดีกับคุณหมอนิน พร้อมร่วมส่งต่อองค์ความรู้สู่เวทีนานาชาติ ใน APAAC 2025 อย่างเต็มความภาคภูมิใจ




คุณหมอนิน สู่เวทีวิชาการนานาชาติ APAAC 2025
ในงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ KVPS Thailand ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรม Carlton Bangkok Sukhumvit นับเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของวงการศัลยกรรมความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัย โดยครั้งนี้มีการเปิดเวทีเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การประชุม “APAAC 2025 (Asia Pacific Anti Aging Conference)” งานประชุมระดับภูมิภาคที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านผิวหนัง การปลูกผม ศัลยกรรมตกแต่ง และเวชศาสตร์ชะลอวัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วเอเชียแปซิฟิก


พญ.นิล นามทองต้น (ว44659)  แพทย์ผู้ก่อตั้ง Namanin Clinic ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในวิทยากรผู้บรรยายในเวทีครั้งนี้ โดยนำเสนอหัวข้อ Key of success in Hair transplantation หัวใจสำคัญของความสำเร็จในการปลูกผม และ HMPF treatment” ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ ความเข้าใจเชิงลึก และแนวทางการรักษาที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะกับผู้รับบริการแต่ละราย



การได้รับเชิญให้ร่วมเป็นวิทยากรในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเกียรติประวัติของ พญ.นิล และเป็นบทพิสูจน์ถึงความไว้วางใจจากวงการแพทย์ ทั้งในด้านองค์ความรู้ เทคนิค และมาตรฐานการรักษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นามนินขอแสดงความยินดีกับคุณหมอนิน พร้อมร่วมส่งต่อองค์ความรู้สู่เวทีนานาชาติ ใน APAAC 2025 อย่างเต็มความภาคภูมิใจ




เติมความมั่นใจ “กรอบหน้า ด้วยแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ
ในปัจจุบัน เทรนด์การเสริมความงามไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้า รูปร่าง หรือผิวพรรณเท่านั้นแล้วค่ะ เพราะ “กรอบหน้า” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าสมดุล ดูละมุนและโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาแนวผมไม่ชัด หน้าผากกว้าง หรือผมบางบางจุด สามารถปรับให้ดูมีมิติมากขึ้นได้ด้วยเทคนิคหลากหลายรูปแบบ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า การสักไรผม (Hairline Tattoo) และ Scalp Micropigmentation (SMP) กันมาบ้าง เทคนิคทั้งสองนี้อาจดูคล้ายกัน เพราะต่างก็ช่วยให้แนวผมดูชัดและเต็มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ การสักไรผม ใช้เทคนิคแบบเดียวการสักทั่วไป มุ่งเน้นการวาดแนวไรผมแบบชัดเจน ส่วน SMP เป็นการฝังเม็ดสีเลียนแบบลักษณะของเส้นผม หรือเงาผม ลงในชั้นตื้นของผิวหนัง ช่วยทำให้แนวผมดูชัดเจน ช่วยพรางบริเวณผมบางให้ดูแน่นขึ้น ซึ่งข้อดีของสองเทคนิคนี้คือ เห็นผลรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน


แต่ในบางกรณี การสักไรผม หรือ SMP อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณไรผมได้ และสีที่ฝังไว้ในผิวหนังอาจทำให้บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่ส่งผลต่อสภาพผิวหนัง หากในอนาคตต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า ปัญหาที่อาจพบได้คือ หนังศีรษะบริเวณนั้นอาจมีรอยแผลเป็นหรือพังผืด ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดในการปลูกผม ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจปัญหาและความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงก่อนค่ะ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่บางคนอาจมองหาแนวทางที่ตอบโจทย์ในระยะยาว


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและถาวร การปลูกผม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสมกับคุณค่ะ ที่นามนิน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด คือการพบแพทย์ โดยคุณหมอนินจะเป็นผู้ตรวจและวิเคราะห์สภาพหนังศีรษะให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนด้วยตัวเอง หากมีปัญหารอยแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะ หรือเคยผ่านการสักไรผมและ SMP มาก่อน สามารถเปิดใจปรึกษาคุณหมอนินได้ในทุกแง่มุม ทั้งความคาดหวัง และความกังวลใจ คุณหมอนินจะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อจำกัดและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมค่ะ

NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมที่มอบทั้ง “เส้นผม” และ“กรอบหน้าใหม่” เริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วย
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางให้อิงไปกับเส้นผมเดิม โดยคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะของเส้นผมแต่ละบริเวณ ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน


หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ในช่วงเวลานี้ หากคุณหมอประเมินแล้วว่าควรเข้ารับบริการดูแลหลังการปลูกผมเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB หรือโปรแกรม Peptide hair treatment ที่เป็นการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมทั้งสองโปรแกรม ซึ่งมีรายละเอียดในการทำบริการต่างกันเล็กน้อยค่ะ 

โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงหนังศีรษะโดยการใช้เลือดของผู้เข้ารับบริการเองผสานกับวิตามินสูตรของนามนิน คลินิก ส่วน โปรแกรม Hair Revive  เป็นการใช้ไมโครนีดเดิล (Microneedle) ซึ่งเป็นเข็มขนาดเล็กสะกิดหนังศีรษะ เพื่อเปิดช่องรูขุมขนลึกประมาณ 1 มม. พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เข้ารับบริการที่ไม่สะดวกผ่านกระบวนการที่ต้องใช้เลือดของตัวเอง ทั้งนี้ คุณหมอนินจะประเมินและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเข้ารับบริการเป็นรายบุคคลค่ะ

การดูแลเส้นผมหรือปรับกรอบหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามภายนอก แต่คือการเติมเต็มความมั่นใจในแบบที่คุณเป็น ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด คือทางเลือกที่สอดคล้องกับตัวตนและความรู้สึกของคุณอย่างแท้จริง และเมื่อเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมความเข้าใจที่ชัดเจน นั่นคือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่งดงามและมีความหมายสำหรับตัวคุณค่ะ




เติมความมั่นใจ “กรอบหน้า ด้วยแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ
ในปัจจุบัน เทรนด์การเสริมความงามไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้า รูปร่าง หรือผิวพรรณเท่านั้นแล้วค่ะ เพราะ “กรอบหน้า” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าสมดุล ดูละมุนและโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาแนวผมไม่ชัด หน้าผากกว้าง หรือผมบางบางจุด สามารถปรับให้ดูมีมิติมากขึ้นได้ด้วยเทคนิคหลากหลายรูปแบบ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า การสักไรผม (Hairline Tattoo) และ Scalp Micropigmentation (SMP) กันมาบ้าง เทคนิคทั้งสองนี้อาจดูคล้ายกัน เพราะต่างก็ช่วยให้แนวผมดูชัดและเต็มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ การสักไรผม ใช้เทคนิคแบบเดียวการสักทั่วไป มุ่งเน้นการวาดแนวไรผมแบบชัดเจน ส่วน SMP เป็นการฝังเม็ดสีเลียนแบบลักษณะของเส้นผม หรือเงาผม ลงในชั้นตื้นของผิวหนัง ช่วยทำให้แนวผมดูชัดเจน ช่วยพรางบริเวณผมบางให้ดูแน่นขึ้น ซึ่งข้อดีของสองเทคนิคนี้คือ เห็นผลรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน


แต่ในบางกรณี การสักไรผม หรือ SMP อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณไรผมได้ และสีที่ฝังไว้ในผิวหนังอาจทำให้บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่ส่งผลต่อสภาพผิวหนัง หากในอนาคตต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า ปัญหาที่อาจพบได้คือ หนังศีรษะบริเวณนั้นอาจมีรอยแผลเป็นหรือพังผืด ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดในการปลูกผม ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจปัญหาและความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงก่อนค่ะ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่บางคนอาจมองหาแนวทางที่ตอบโจทย์ในระยะยาว


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและถาวร การปลูกผม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสมกับคุณค่ะ ที่นามนิน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด คือการพบแพทย์ โดยคุณหมอนินจะเป็นผู้ตรวจและวิเคราะห์สภาพหนังศีรษะให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนด้วยตัวเอง หากมีปัญหารอยแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะ หรือเคยผ่านการสักไรผมและ SMP มาก่อน สามารถเปิดใจปรึกษาคุณหมอนินได้ในทุกแง่มุม ทั้งความคาดหวัง และความกังวลใจ คุณหมอนินจะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อจำกัดและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมค่ะ

NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมที่มอบทั้ง “เส้นผม” และ“กรอบหน้าใหม่” เริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วย
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางให้อิงไปกับเส้นผมเดิม โดยคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะของเส้นผมแต่ละบริเวณ ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน


หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ในช่วงเวลานี้ หากคุณหมอประเมินแล้วว่าควรเข้ารับบริการดูแลหลังการปลูกผมเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB หรือโปรแกรม Peptide hair treatment ที่เป็นการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมทั้งสองโปรแกรม ซึ่งมีรายละเอียดในการทำบริการต่างกันเล็กน้อยค่ะ 

โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงหนังศีรษะโดยการใช้เลือดของผู้เข้ารับบริการเองผสานกับวิตามินสูตรของนามนิน คลินิก ส่วน โปรแกรม Hair Revive  เป็นการใช้ไมโครนีดเดิล (Microneedle) ซึ่งเป็นเข็มขนาดเล็กสะกิดหนังศีรษะ เพื่อเปิดช่องรูขุมขนลึกประมาณ 1 มม. พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เข้ารับบริการที่ไม่สะดวกผ่านกระบวนการที่ต้องใช้เลือดของตัวเอง ทั้งนี้ คุณหมอนินจะประเมินและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเข้ารับบริการเป็นรายบุคคลค่ะ

การดูแลเส้นผมหรือปรับกรอบหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามภายนอก แต่คือการเติมเต็มความมั่นใจในแบบที่คุณเป็น ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด คือทางเลือกที่สอดคล้องกับตัวตนและความรู้สึกของคุณอย่างแท้จริง และเมื่อเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมความเข้าใจที่ชัดเจน นั่นคือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่งดงามและมีความหมายสำหรับตัวคุณค่ะ




เติมความมั่นใจ “กรอบหน้า ด้วยแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ
ในปัจจุบัน เทรนด์การเสริมความงามไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้า รูปร่าง หรือผิวพรรณเท่านั้นแล้วค่ะ เพราะ “กรอบหน้า” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าสมดุล ดูละมุนและโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาแนวผมไม่ชัด หน้าผากกว้าง หรือผมบางบางจุด สามารถปรับให้ดูมีมิติมากขึ้นได้ด้วยเทคนิคหลากหลายรูปแบบ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า การสักไรผม (Hairline Tattoo) และ Scalp Micropigmentation (SMP) กันมาบ้าง เทคนิคทั้งสองนี้อาจดูคล้ายกัน เพราะต่างก็ช่วยให้แนวผมดูชัดและเต็มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ การสักไรผม ใช้เทคนิคแบบเดียวการสักทั่วไป มุ่งเน้นการวาดแนวไรผมแบบชัดเจน ส่วน SMP เป็นการฝังเม็ดสีเลียนแบบลักษณะของเส้นผม หรือเงาผม ลงในชั้นตื้นของผิวหนัง ช่วยทำให้แนวผมดูชัดเจน ช่วยพรางบริเวณผมบางให้ดูแน่นขึ้น ซึ่งข้อดีของสองเทคนิคนี้คือ เห็นผลรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน


แต่ในบางกรณี การสักไรผม หรือ SMP อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณไรผมได้ และสีที่ฝังไว้ในผิวหนังอาจทำให้บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่ส่งผลต่อสภาพผิวหนัง หากในอนาคตต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า ปัญหาที่อาจพบได้คือ หนังศีรษะบริเวณนั้นอาจมีรอยแผลเป็นหรือพังผืด ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดในการปลูกผม ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจปัญหาและความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงก่อนค่ะ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่บางคนอาจมองหาแนวทางที่ตอบโจทย์ในระยะยาว


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและถาวร การปลูกผม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสมกับคุณค่ะ ที่นามนิน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด คือการพบแพทย์ โดยคุณหมอนินจะเป็นผู้ตรวจและวิเคราะห์สภาพหนังศีรษะให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนด้วยตัวเอง หากมีปัญหารอยแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะ หรือเคยผ่านการสักไรผมและ SMP มาก่อน สามารถเปิดใจปรึกษาคุณหมอนินได้ในทุกแง่มุม ทั้งความคาดหวัง และความกังวลใจ คุณหมอนินจะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อจำกัดและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมค่ะ

NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมที่มอบทั้ง “เส้นผม” และ“กรอบหน้าใหม่” เริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วย
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางให้อิงไปกับเส้นผมเดิม โดยคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะของเส้นผมแต่ละบริเวณ ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน


หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ในช่วงเวลานี้ หากคุณหมอประเมินแล้วว่าควรเข้ารับบริการดูแลหลังการปลูกผมเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB หรือโปรแกรม Peptide hair treatment ที่เป็นการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมทั้งสองโปรแกรม ซึ่งมีรายละเอียดในการทำบริการต่างกันเล็กน้อยค่ะ 

โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงหนังศีรษะโดยการใช้เลือดของผู้เข้ารับบริการเองผสานกับวิตามินสูตรของนามนิน คลินิก ส่วน โปรแกรม Hair Revive  เป็นการใช้ไมโครนีดเดิล (Microneedle) ซึ่งเป็นเข็มขนาดเล็กสะกิดหนังศีรษะ เพื่อเปิดช่องรูขุมขนลึกประมาณ 1 มม. พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เข้ารับบริการที่ไม่สะดวกผ่านกระบวนการที่ต้องใช้เลือดของตัวเอง ทั้งนี้ คุณหมอนินจะประเมินและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเข้ารับบริการเป็นรายบุคคลค่ะ

การดูแลเส้นผมหรือปรับกรอบหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามภายนอก แต่คือการเติมเต็มความมั่นใจในแบบที่คุณเป็น ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด คือทางเลือกที่สอดคล้องกับตัวตนและความรู้สึกของคุณอย่างแท้จริง และเมื่อเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมความเข้าใจที่ชัดเจน นั่นคือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่งดงามและมีความหมายสำหรับตัวคุณค่ะ




เติมความมั่นใจ “กรอบหน้า ด้วยแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ
ในปัจจุบัน เทรนด์การเสริมความงามไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้า รูปร่าง หรือผิวพรรณเท่านั้นแล้วค่ะ เพราะ “กรอบหน้า” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าสมดุล ดูละมุนและโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาแนวผมไม่ชัด หน้าผากกว้าง หรือผมบางบางจุด สามารถปรับให้ดูมีมิติมากขึ้นได้ด้วยเทคนิคหลากหลายรูปแบบ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า การสักไรผม (Hairline Tattoo) และ Scalp Micropigmentation (SMP) กันมาบ้าง เทคนิคทั้งสองนี้อาจดูคล้ายกัน เพราะต่างก็ช่วยให้แนวผมดูชัดและเต็มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ การสักไรผม ใช้เทคนิคแบบเดียวการสักทั่วไป มุ่งเน้นการวาดแนวไรผมแบบชัดเจน ส่วน SMP เป็นการฝังเม็ดสีเลียนแบบลักษณะของเส้นผม หรือเงาผม ลงในชั้นตื้นของผิวหนัง ช่วยทำให้แนวผมดูชัดเจน ช่วยพรางบริเวณผมบางให้ดูแน่นขึ้น ซึ่งข้อดีของสองเทคนิคนี้คือ เห็นผลรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน


แต่ในบางกรณี การสักไรผม หรือ SMP อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณไรผมได้ และสีที่ฝังไว้ในผิวหนังอาจทำให้บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่ส่งผลต่อสภาพผิวหนัง หากในอนาคตต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า ปัญหาที่อาจพบได้คือ หนังศีรษะบริเวณนั้นอาจมีรอยแผลเป็นหรือพังผืด ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดในการปลูกผม ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจปัญหาและความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงก่อนค่ะ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่บางคนอาจมองหาแนวทางที่ตอบโจทย์ในระยะยาว


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและถาวร การปลูกผม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสมกับคุณค่ะ ที่นามนิน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด คือการพบแพทย์ โดยคุณหมอนินจะเป็นผู้ตรวจและวิเคราะห์สภาพหนังศีรษะให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนด้วยตัวเอง หากมีปัญหารอยแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะ หรือเคยผ่านการสักไรผมและ SMP มาก่อน สามารถเปิดใจปรึกษาคุณหมอนินได้ในทุกแง่มุม ทั้งความคาดหวัง และความกังวลใจ คุณหมอนินจะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อจำกัดและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมค่ะ

NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมที่มอบทั้ง “เส้นผม” และ“กรอบหน้าใหม่” เริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วย
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางให้อิงไปกับเส้นผมเดิม โดยคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะของเส้นผมแต่ละบริเวณ ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน


หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ในช่วงเวลานี้ หากคุณหมอประเมินแล้วว่าควรเข้ารับบริการดูแลหลังการปลูกผมเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB หรือโปรแกรม Peptide hair treatment ที่เป็นการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมทั้งสองโปรแกรม ซึ่งมีรายละเอียดในการทำบริการต่างกันเล็กน้อยค่ะ 

โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงหนังศีรษะโดยการใช้เลือดของผู้เข้ารับบริการเองผสานกับวิตามินสูตรของนามนิน คลินิก ส่วน โปรแกรม Hair Revive  เป็นการใช้ไมโครนีดเดิล (Microneedle) ซึ่งเป็นเข็มขนาดเล็กสะกิดหนังศีรษะ เพื่อเปิดช่องรูขุมขนลึกประมาณ 1 มม. พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เข้ารับบริการที่ไม่สะดวกผ่านกระบวนการที่ต้องใช้เลือดของตัวเอง ทั้งนี้ คุณหมอนินจะประเมินและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเข้ารับบริการเป็นรายบุคคลค่ะ

การดูแลเส้นผมหรือปรับกรอบหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามภายนอก แต่คือการเติมเต็มความมั่นใจในแบบที่คุณเป็น ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด คือทางเลือกที่สอดคล้องกับตัวตนและความรู้สึกของคุณอย่างแท้จริง และเมื่อเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมความเข้าใจที่ชัดเจน นั่นคือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่งดงามและมีความหมายสำหรับตัวคุณค่ะ




เติมความมั่นใจ “กรอบหน้า ด้วยแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ
ในปัจจุบัน เทรนด์การเสริมความงามไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้า รูปร่าง หรือผิวพรรณเท่านั้นแล้วค่ะ เพราะ “กรอบหน้า” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าสมดุล ดูละมุนและโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาแนวผมไม่ชัด หน้าผากกว้าง หรือผมบางบางจุด สามารถปรับให้ดูมีมิติมากขึ้นได้ด้วยเทคนิคหลากหลายรูปแบบ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า การสักไรผม (Hairline Tattoo) และ Scalp Micropigmentation (SMP) กันมาบ้าง เทคนิคทั้งสองนี้อาจดูคล้ายกัน เพราะต่างก็ช่วยให้แนวผมดูชัดและเต็มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ การสักไรผม ใช้เทคนิคแบบเดียวการสักทั่วไป มุ่งเน้นการวาดแนวไรผมแบบชัดเจน ส่วน SMP เป็นการฝังเม็ดสีเลียนแบบลักษณะของเส้นผม หรือเงาผม ลงในชั้นตื้นของผิวหนัง ช่วยทำให้แนวผมดูชัดเจน ช่วยพรางบริเวณผมบางให้ดูแน่นขึ้น ซึ่งข้อดีของสองเทคนิคนี้คือ เห็นผลรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน


แต่ในบางกรณี การสักไรผม หรือ SMP อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณไรผมได้ และสีที่ฝังไว้ในผิวหนังอาจทำให้บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่ส่งผลต่อสภาพผิวหนัง หากในอนาคตต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า ปัญหาที่อาจพบได้คือ หนังศีรษะบริเวณนั้นอาจมีรอยแผลเป็นหรือพังผืด ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดในการปลูกผม ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจปัญหาและความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงก่อนค่ะ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่บางคนอาจมองหาแนวทางที่ตอบโจทย์ในระยะยาว


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและถาวร การปลูกผม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสมกับคุณค่ะ ที่นามนิน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด คือการพบแพทย์ โดยคุณหมอนินจะเป็นผู้ตรวจและวิเคราะห์สภาพหนังศีรษะให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนด้วยตัวเอง หากมีปัญหารอยแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะ หรือเคยผ่านการสักไรผมและ SMP มาก่อน สามารถเปิดใจปรึกษาคุณหมอนินได้ในทุกแง่มุม ทั้งความคาดหวัง และความกังวลใจ คุณหมอนินจะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อจำกัดและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมค่ะ

NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมที่มอบทั้ง “เส้นผม” และ“กรอบหน้าใหม่” เริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วย
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางให้อิงไปกับเส้นผมเดิม โดยคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะของเส้นผมแต่ละบริเวณ ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน


หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ในช่วงเวลานี้ หากคุณหมอประเมินแล้วว่าควรเข้ารับบริการดูแลหลังการปลูกผมเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB หรือโปรแกรม Peptide hair treatment ที่เป็นการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมทั้งสองโปรแกรม ซึ่งมีรายละเอียดในการทำบริการต่างกันเล็กน้อยค่ะ 

โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงหนังศีรษะโดยการใช้เลือดของผู้เข้ารับบริการเองผสานกับวิตามินสูตรของนามนิน คลินิก ส่วน โปรแกรม Hair Revive  เป็นการใช้ไมโครนีดเดิล (Microneedle) ซึ่งเป็นเข็มขนาดเล็กสะกิดหนังศีรษะ เพื่อเปิดช่องรูขุมขนลึกประมาณ 1 มม. พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เข้ารับบริการที่ไม่สะดวกผ่านกระบวนการที่ต้องใช้เลือดของตัวเอง ทั้งนี้ คุณหมอนินจะประเมินและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเข้ารับบริการเป็นรายบุคคลค่ะ

การดูแลเส้นผมหรือปรับกรอบหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามภายนอก แต่คือการเติมเต็มความมั่นใจในแบบที่คุณเป็น ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด คือทางเลือกที่สอดคล้องกับตัวตนและความรู้สึกของคุณอย่างแท้จริง และเมื่อเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมความเข้าใจที่ชัดเจน นั่นคือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่งดงามและมีความหมายสำหรับตัวคุณค่ะ




เติมความมั่นใจ “กรอบหน้า ด้วยแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ
ในปัจจุบัน เทรนด์การเสริมความงามไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้า รูปร่าง หรือผิวพรรณเท่านั้นแล้วค่ะ เพราะ “กรอบหน้า” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าสมดุล ดูละมุนและโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาแนวผมไม่ชัด หน้าผากกว้าง หรือผมบางบางจุด สามารถปรับให้ดูมีมิติมากขึ้นได้ด้วยเทคนิคหลากหลายรูปแบบ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า การสักไรผม (Hairline Tattoo) และ Scalp Micropigmentation (SMP) กันมาบ้าง เทคนิคทั้งสองนี้อาจดูคล้ายกัน เพราะต่างก็ช่วยให้แนวผมดูชัดและเต็มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ การสักไรผม ใช้เทคนิคแบบเดียวการสักทั่วไป มุ่งเน้นการวาดแนวไรผมแบบชัดเจน ส่วน SMP เป็นการฝังเม็ดสีเลียนแบบลักษณะของเส้นผม หรือเงาผม ลงในชั้นตื้นของผิวหนัง ช่วยทำให้แนวผมดูชัดเจน ช่วยพรางบริเวณผมบางให้ดูแน่นขึ้น ซึ่งข้อดีของสองเทคนิคนี้คือ เห็นผลรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน


แต่ในบางกรณี การสักไรผม หรือ SMP อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณไรผมได้ และสีที่ฝังไว้ในผิวหนังอาจทำให้บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่ส่งผลต่อสภาพผิวหนัง หากในอนาคตต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า ปัญหาที่อาจพบได้คือ หนังศีรษะบริเวณนั้นอาจมีรอยแผลเป็นหรือพังผืด ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดในการปลูกผม ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจปัญหาและความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงก่อนค่ะ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่บางคนอาจมองหาแนวทางที่ตอบโจทย์ในระยะยาว


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและถาวร การปลูกผม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสมกับคุณค่ะ ที่นามนิน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด คือการพบแพทย์ โดยคุณหมอนินจะเป็นผู้ตรวจและวิเคราะห์สภาพหนังศีรษะให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนด้วยตัวเอง หากมีปัญหารอยแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะ หรือเคยผ่านการสักไรผมและ SMP มาก่อน สามารถเปิดใจปรึกษาคุณหมอนินได้ในทุกแง่มุม ทั้งความคาดหวัง และความกังวลใจ คุณหมอนินจะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อจำกัดและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมค่ะ

NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมที่มอบทั้ง “เส้นผม” และ“กรอบหน้าใหม่” เริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วย
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางให้อิงไปกับเส้นผมเดิม โดยคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะของเส้นผมแต่ละบริเวณ ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน


หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ในช่วงเวลานี้ หากคุณหมอประเมินแล้วว่าควรเข้ารับบริการดูแลหลังการปลูกผมเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB หรือโปรแกรม Peptide hair treatment ที่เป็นการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมทั้งสองโปรแกรม ซึ่งมีรายละเอียดในการทำบริการต่างกันเล็กน้อยค่ะ 

โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงหนังศีรษะโดยการใช้เลือดของผู้เข้ารับบริการเองผสานกับวิตามินสูตรของนามนิน คลินิก ส่วน โปรแกรม Hair Revive  เป็นการใช้ไมโครนีดเดิล (Microneedle) ซึ่งเป็นเข็มขนาดเล็กสะกิดหนังศีรษะ เพื่อเปิดช่องรูขุมขนลึกประมาณ 1 มม. พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เข้ารับบริการที่ไม่สะดวกผ่านกระบวนการที่ต้องใช้เลือดของตัวเอง ทั้งนี้ คุณหมอนินจะประเมินและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเข้ารับบริการเป็นรายบุคคลค่ะ

การดูแลเส้นผมหรือปรับกรอบหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามภายนอก แต่คือการเติมเต็มความมั่นใจในแบบที่คุณเป็น ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด คือทางเลือกที่สอดคล้องกับตัวตนและความรู้สึกของคุณอย่างแท้จริง และเมื่อเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมความเข้าใจที่ชัดเจน นั่นคือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่งดงามและมีความหมายสำหรับตัวคุณค่ะ




เติมความมั่นใจ “กรอบหน้า ด้วยแนวทางที่ใช่สำหรับคุณ
ในปัจจุบัน เทรนด์การเสริมความงามไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้า รูปร่าง หรือผิวพรรณเท่านั้นแล้วค่ะ เพราะ “กรอบหน้า” ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าสมดุล ดูละมุนและโดดเด่นขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาแนวผมไม่ชัด หน้าผากกว้าง หรือผมบางบางจุด สามารถปรับให้ดูมีมิติมากขึ้นได้ด้วยเทคนิคหลากหลายรูปแบบ

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า การสักไรผม (Hairline Tattoo) และ Scalp Micropigmentation (SMP) กันมาบ้าง เทคนิคทั้งสองนี้อาจดูคล้ายกัน เพราะต่างก็ช่วยให้แนวผมดูชัดและเต็มขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ การสักไรผม ใช้เทคนิคแบบเดียวการสักทั่วไป มุ่งเน้นการวาดแนวไรผมแบบชัดเจน ส่วน SMP เป็นการฝังเม็ดสีเลียนแบบลักษณะของเส้นผม หรือเงาผม ลงในชั้นตื้นของผิวหนัง ช่วยทำให้แนวผมดูชัดเจน ช่วยพรางบริเวณผมบางให้ดูแน่นขึ้น ซึ่งข้อดีของสองเทคนิคนี้คือ เห็นผลรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน


แต่ในบางกรณี การสักไรผม หรือ SMP อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณไรผมได้ และสีที่ฝังไว้ในผิวหนังอาจทำให้บริเวณนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่ส่งผลต่อสภาพผิวหนัง หากในอนาคตต้องการปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า ปัญหาที่อาจพบได้คือ หนังศีรษะบริเวณนั้นอาจมีรอยแผลเป็นหรือพังผืด ซึ่งอาจทำให้เป็นข้อจำกัดในการปลูกผม ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจปัญหาและความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงก่อนค่ะ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ขณะที่บางคนอาจมองหาแนวทางที่ตอบโจทย์ในระยะยาว


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและถาวร การปลูกผม เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสมกับคุณค่ะ ที่นามนิน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด คือการพบแพทย์ โดยคุณหมอนินจะเป็นผู้ตรวจและวิเคราะห์สภาพหนังศีรษะให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนด้วยตัวเอง หากมีปัญหารอยแผลเป็นบริเวณหนังศีรษะ หรือเคยผ่านการสักไรผมและ SMP มาก่อน สามารถเปิดใจปรึกษาคุณหมอนินได้ในทุกแง่มุม ทั้งความคาดหวัง และความกังวลใจ คุณหมอนินจะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อจำกัดและความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อนจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมค่ะ

NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมที่มอบทั้ง “เส้นผม” และ“กรอบหน้าใหม่” เริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วย
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางให้อิงไปกับเส้นผมเดิม โดยคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะของเส้นผมแต่ละบริเวณ ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน


หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ในช่วงเวลานี้ หากคุณหมอประเมินแล้วว่าควรเข้ารับบริการดูแลหลังการปลูกผมเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB หรือโปรแกรม Peptide hair treatment ที่เป็นการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมทั้งสองโปรแกรม ซึ่งมีรายละเอียดในการทำบริการต่างกันเล็กน้อยค่ะ 

โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงหนังศีรษะโดยการใช้เลือดของผู้เข้ารับบริการเองผสานกับวิตามินสูตรของนามนิน คลินิก ส่วน โปรแกรม Hair Revive  เป็นการใช้ไมโครนีดเดิล (Microneedle) ซึ่งเป็นเข็มขนาดเล็กสะกิดหนังศีรษะ เพื่อเปิดช่องรูขุมขนลึกประมาณ 1 มม. พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เข้ารับบริการที่ไม่สะดวกผ่านกระบวนการที่ต้องใช้เลือดของตัวเอง ทั้งนี้ คุณหมอนินจะประเมินและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการเข้ารับบริการเป็นรายบุคคลค่ะ

การดูแลเส้นผมหรือปรับกรอบหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความงามภายนอก แต่คือการเติมเต็มความมั่นใจในแบบที่คุณเป็น ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด คือทางเลือกที่สอดคล้องกับตัวตนและความรู้สึกของคุณอย่างแท้จริง และเมื่อเริ่มต้นด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมความเข้าใจที่ชัดเจน นั่นคือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่งดงามและมีความหมายสำหรับตัวคุณค่ะ




Mega Session ช่วงเวลาแห่งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม
“ผมบางมาก ศีรษะล้าน” ปัญหาที่ผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไปจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญ แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงแล้วส่งผลต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และภาพลักษณ์ในการทำงานหรือการเข้าสังคมได้มากกว่าที่คิด หลายคนเริ่มหลีกเลี่ยงการถ่ายรูป ไม่กล้าไว้ทรงผมตามต้องการ หรือแม้กระทั่งรู้สึกแก่กว่าวัย ทั้งที่ยังมีไฟในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ก็ตาม

ในปัจจุบัน “การปลูกผม” เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่ผมบางมาก การปลูกผมแบบ Mega Session ของนามนิน คือคำตอบของทุกโจทย์ เพราะสามารถปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกหลายรอบ และช่วยลดช่วงเวลาฟื้นตัว ไม่กระทบการทำงานและชีวิตประจำวัน


“Mega Session” ในทางการแพทย์ คือการปลูกผมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางมาก ต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก เช่น 4,000 กราฟต์ขึ้นไป และใช้เวลาในการทำหัตถการนานกว่าปกติ ซึ่งในบางเคส อาจจะใช้เวลา 10 – 15 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งในการทำงานที่ยากและซับซ้อนระดับนี้ แพทย์ปลูกผมมีบทบาทสำคัญมากในการบริหารจัดการทุกส่วนให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ทั้งการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง การทำงานร่วมกับทีมผู้ช่วยทำหัตถการ และรวมถึงการดูแลผู้เข้ารับบริการให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาอันยาวนานของการปลูกผม



ขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นด้วยการนำกราฟต์ผมออกมาให้ได้ตามจำนวนที่แพทย์ได้คำนวณไว้  โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนินจะไม่ตัดแยกกราฟต์ผมโดยเด็ดขาด แต่จะเลือกใช้กราฟต์ผมให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และปลูกกระจายเพื่อครอบคลุมปัญหาให้ได้มากที่สุด ดังนั้น กราฟต์ผมที่ปลูกจึงจะมีได้ทั้ง 1-2 เส้น หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการวางแผนของคุณหมอนินและความแข็งแรงของกราฟต์ผมต้นทุน


ในการปลูกผม Mega Session ที่มีระยะเวลายาวนาน สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง แพทย์และทีมงานจึงต้องบริหารการทำงานแข่งกับเวลา ที่แม้แต่เพียงนาทีเดียวก็จะปล่อยให้สูญเสียไปไม่ได้

หลังจากการนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง โดยใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เช่น บริเวณด้านหน้าควรใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะควรใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้นหรือมากกว่า และอาจมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน


ในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็น “กราฟต์” หรือเป็น “เส้น” เพราะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ยกตัวอย่างเช่น ในการปลูกผม Mega Session เคสหนึ่งของนามนิน ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น จึงจะได้ความหนาแน่นตามที่วางแผนไว้


นอกจากการบริหารเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนแล้ว คุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับบริการให้มั่นใจด้วยการตรวจติดตามความดัน ชีพจร และการทำงานของร่างกายโดยรวมด้วยเครื่องต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำหัตถการ และไม่มองข้ามในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการดูแลเรื่องความสะดวกสบายด้วย เนื่องจากเป็นการปลูกผมจำนวนมาก ผู้รับบริการอาจต้องนอนอยู่บนเตียงนานกว่าปกติ และด้วยการใช้ยาชา ไม่ดมยาสลบ จึงรู้สึกตัวตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องเผื่อระยะเวลาให้ได้ลุกเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ รวมถึงรับประทานอาหารที่นามนินจัดไว้ให้ และทำธุระส่วนตัวตามความเหมาะสม

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังคงดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ติดตามผลและวางแผนการดูแลบำรุงรักษาเพื่อให้เส้นผมที่ปลูกแข็งแรงและงอกขึ้นให้เต็มที่ โดยเฉพาะในกรณีที่ผมก่อนปลูกบางมาก คุณหมอจะแนะนำให้เข้ารับบริการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้อวบอ้วนและดกดำขึ้น เสริมผลลัพธ์การงอกของเส้นผมใหม่และบำรุงเส้นผมเดิมไปพร้อมกัน



การปลูกผมในความยากระดับ Mega Session จะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้เข้าบริการเองที่ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ และ “ยิ่งเร็วยิ่งดี” เพราะนั่นหมายถึงยังมีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา ในส่วนของแพทย์ บทบาทสำคัญคือการบริหารจัดการในทุกขั้นตอนอย่างเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลหลังการปลูกผมอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองส่วนทำงานร่วมกันเป็นทีม ผลลัพธ์ของความทุ่มเทและตั้งใจก็จะชัดเจนในตัวเอง เส้นผมใหม่จะนำพาทั้งความมั่นใจภายใน และเสริมบุคลิกภาพภายนอกให้ดีขึ้นได้เกินกว่าที่คาดไว้แน่นอน 




Mega Session ช่วงเวลาแห่งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม
“ผมบางมาก ศีรษะล้าน” ปัญหาที่ผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไปจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญ แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงแล้วส่งผลต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และภาพลักษณ์ในการทำงานหรือการเข้าสังคมได้มากกว่าที่คิด หลายคนเริ่มหลีกเลี่ยงการถ่ายรูป ไม่กล้าไว้ทรงผมตามต้องการ หรือแม้กระทั่งรู้สึกแก่กว่าวัย ทั้งที่ยังมีไฟในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ก็ตาม

ในปัจจุบัน “การปลูกผม” เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่ผมบางมาก การปลูกผมแบบ Mega Session ของนามนิน คือคำตอบของทุกโจทย์ เพราะสามารถปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกหลายรอบ และช่วยลดช่วงเวลาฟื้นตัว ไม่กระทบการทำงานและชีวิตประจำวัน


“Mega Session” ในทางการแพทย์ คือการปลูกผมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางมาก ต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก เช่น 4,000 กราฟต์ขึ้นไป และใช้เวลาในการทำหัตถการนานกว่าปกติ ซึ่งในบางเคส อาจจะใช้เวลา 10 – 15 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งในการทำงานที่ยากและซับซ้อนระดับนี้ แพทย์ปลูกผมมีบทบาทสำคัญมากในการบริหารจัดการทุกส่วนให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ทั้งการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง การทำงานร่วมกับทีมผู้ช่วยทำหัตถการ และรวมถึงการดูแลผู้เข้ารับบริการให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาอันยาวนานของการปลูกผม



ขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นด้วยการนำกราฟต์ผมออกมาให้ได้ตามจำนวนที่แพทย์ได้คำนวณไว้  โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนินจะไม่ตัดแยกกราฟต์ผมโดยเด็ดขาด แต่จะเลือกใช้กราฟต์ผมให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และปลูกกระจายเพื่อครอบคลุมปัญหาให้ได้มากที่สุด ดังนั้น กราฟต์ผมที่ปลูกจึงจะมีได้ทั้ง 1-2 เส้น หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการวางแผนของคุณหมอนินและความแข็งแรงของกราฟต์ผมต้นทุน


ในการปลูกผม Mega Session ที่มีระยะเวลายาวนาน สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง แพทย์และทีมงานจึงต้องบริหารการทำงานแข่งกับเวลา ที่แม้แต่เพียงนาทีเดียวก็จะปล่อยให้สูญเสียไปไม่ได้

หลังจากการนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง โดยใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เช่น บริเวณด้านหน้าควรใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะควรใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้นหรือมากกว่า และอาจมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน


ในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็น “กราฟต์” หรือเป็น “เส้น” เพราะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ยกตัวอย่างเช่น ในการปลูกผม Mega Session เคสหนึ่งของนามนิน ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น จึงจะได้ความหนาแน่นตามที่วางแผนไว้


นอกจากการบริหารเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนแล้ว คุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับบริการให้มั่นใจด้วยการตรวจติดตามความดัน ชีพจร และการทำงานของร่างกายโดยรวมด้วยเครื่องต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำหัตถการ และไม่มองข้ามในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการดูแลเรื่องความสะดวกสบายด้วย เนื่องจากเป็นการปลูกผมจำนวนมาก ผู้รับบริการอาจต้องนอนอยู่บนเตียงนานกว่าปกติ และด้วยการใช้ยาชา ไม่ดมยาสลบ จึงรู้สึกตัวตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องเผื่อระยะเวลาให้ได้ลุกเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ รวมถึงรับประทานอาหารที่นามนินจัดไว้ให้ และทำธุระส่วนตัวตามความเหมาะสม

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังคงดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ติดตามผลและวางแผนการดูแลบำรุงรักษาเพื่อให้เส้นผมที่ปลูกแข็งแรงและงอกขึ้นให้เต็มที่ โดยเฉพาะในกรณีที่ผมก่อนปลูกบางมาก คุณหมอจะแนะนำให้เข้ารับบริการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้อวบอ้วนและดกดำขึ้น เสริมผลลัพธ์การงอกของเส้นผมใหม่และบำรุงเส้นผมเดิมไปพร้อมกัน



การปลูกผมในความยากระดับ Mega Session จะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้เข้าบริการเองที่ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ และ “ยิ่งเร็วยิ่งดี” เพราะนั่นหมายถึงยังมีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา ในส่วนของแพทย์ บทบาทสำคัญคือการบริหารจัดการในทุกขั้นตอนอย่างเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลหลังการปลูกผมอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองส่วนทำงานร่วมกันเป็นทีม ผลลัพธ์ของความทุ่มเทและตั้งใจก็จะชัดเจนในตัวเอง เส้นผมใหม่จะนำพาทั้งความมั่นใจภายใน และเสริมบุคลิกภาพภายนอกให้ดีขึ้นได้เกินกว่าที่คาดไว้แน่นอน 




Mega Session ช่วงเวลาแห่งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม
“ผมบางมาก ศีรษะล้าน” ปัญหาที่ผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไปจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญ แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงแล้วส่งผลต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และภาพลักษณ์ในการทำงานหรือการเข้าสังคมได้มากกว่าที่คิด หลายคนเริ่มหลีกเลี่ยงการถ่ายรูป ไม่กล้าไว้ทรงผมตามต้องการ หรือแม้กระทั่งรู้สึกแก่กว่าวัย ทั้งที่ยังมีไฟในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ก็ตาม

ในปัจจุบัน “การปลูกผม” เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่ผมบางมาก การปลูกผมแบบ Mega Session ของนามนิน คือคำตอบของทุกโจทย์ เพราะสามารถปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกหลายรอบ และช่วยลดช่วงเวลาฟื้นตัว ไม่กระทบการทำงานและชีวิตประจำวัน


“Mega Session” ในทางการแพทย์ คือการปลูกผมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางมาก ต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก เช่น 4,000 กราฟต์ขึ้นไป และใช้เวลาในการทำหัตถการนานกว่าปกติ ซึ่งในบางเคส อาจจะใช้เวลา 10 – 15 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งในการทำงานที่ยากและซับซ้อนระดับนี้ แพทย์ปลูกผมมีบทบาทสำคัญมากในการบริหารจัดการทุกส่วนให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ทั้งการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง การทำงานร่วมกับทีมผู้ช่วยทำหัตถการ และรวมถึงการดูแลผู้เข้ารับบริการให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาอันยาวนานของการปลูกผม



ขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นด้วยการนำกราฟต์ผมออกมาให้ได้ตามจำนวนที่แพทย์ได้คำนวณไว้  โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนินจะไม่ตัดแยกกราฟต์ผมโดยเด็ดขาด แต่จะเลือกใช้กราฟต์ผมให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และปลูกกระจายเพื่อครอบคลุมปัญหาให้ได้มากที่สุด ดังนั้น กราฟต์ผมที่ปลูกจึงจะมีได้ทั้ง 1-2 เส้น หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการวางแผนของคุณหมอนินและความแข็งแรงของกราฟต์ผมต้นทุน


ในการปลูกผม Mega Session ที่มีระยะเวลายาวนาน สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง แพทย์และทีมงานจึงต้องบริหารการทำงานแข่งกับเวลา ที่แม้แต่เพียงนาทีเดียวก็จะปล่อยให้สูญเสียไปไม่ได้

หลังจากการนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง โดยใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เช่น บริเวณด้านหน้าควรใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะควรใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้นหรือมากกว่า และอาจมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน


ในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็น “กราฟต์” หรือเป็น “เส้น” เพราะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ยกตัวอย่างเช่น ในการปลูกผม Mega Session เคสหนึ่งของนามนิน ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น จึงจะได้ความหนาแน่นตามที่วางแผนไว้


นอกจากการบริหารเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนแล้ว คุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับบริการให้มั่นใจด้วยการตรวจติดตามความดัน ชีพจร และการทำงานของร่างกายโดยรวมด้วยเครื่องต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำหัตถการ และไม่มองข้ามในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการดูแลเรื่องความสะดวกสบายด้วย เนื่องจากเป็นการปลูกผมจำนวนมาก ผู้รับบริการอาจต้องนอนอยู่บนเตียงนานกว่าปกติ และด้วยการใช้ยาชา ไม่ดมยาสลบ จึงรู้สึกตัวตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องเผื่อระยะเวลาให้ได้ลุกเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ รวมถึงรับประทานอาหารที่นามนินจัดไว้ให้ และทำธุระส่วนตัวตามความเหมาะสม

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังคงดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ติดตามผลและวางแผนการดูแลบำรุงรักษาเพื่อให้เส้นผมที่ปลูกแข็งแรงและงอกขึ้นให้เต็มที่ โดยเฉพาะในกรณีที่ผมก่อนปลูกบางมาก คุณหมอจะแนะนำให้เข้ารับบริการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้อวบอ้วนและดกดำขึ้น เสริมผลลัพธ์การงอกของเส้นผมใหม่และบำรุงเส้นผมเดิมไปพร้อมกัน



การปลูกผมในความยากระดับ Mega Session จะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้เข้าบริการเองที่ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ และ “ยิ่งเร็วยิ่งดี” เพราะนั่นหมายถึงยังมีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา ในส่วนของแพทย์ บทบาทสำคัญคือการบริหารจัดการในทุกขั้นตอนอย่างเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลหลังการปลูกผมอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองส่วนทำงานร่วมกันเป็นทีม ผลลัพธ์ของความทุ่มเทและตั้งใจก็จะชัดเจนในตัวเอง เส้นผมใหม่จะนำพาทั้งความมั่นใจภายใน และเสริมบุคลิกภาพภายนอกให้ดีขึ้นได้เกินกว่าที่คาดไว้แน่นอน 




Mega Session ช่วงเวลาแห่งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม
“ผมบางมาก ศีรษะล้าน” ปัญหาที่ผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไปจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญ แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงแล้วส่งผลต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และภาพลักษณ์ในการทำงานหรือการเข้าสังคมได้มากกว่าที่คิด หลายคนเริ่มหลีกเลี่ยงการถ่ายรูป ไม่กล้าไว้ทรงผมตามต้องการ หรือแม้กระทั่งรู้สึกแก่กว่าวัย ทั้งที่ยังมีไฟในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ก็ตาม

ในปัจจุบัน “การปลูกผม” เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่ผมบางมาก การปลูกผมแบบ Mega Session ของนามนิน คือคำตอบของทุกโจทย์ เพราะสามารถปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกหลายรอบ และช่วยลดช่วงเวลาฟื้นตัว ไม่กระทบการทำงานและชีวิตประจำวัน


“Mega Session” ในทางการแพทย์ คือการปลูกผมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางมาก ต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก เช่น 4,000 กราฟต์ขึ้นไป และใช้เวลาในการทำหัตถการนานกว่าปกติ ซึ่งในบางเคส อาจจะใช้เวลา 10 – 15 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งในการทำงานที่ยากและซับซ้อนระดับนี้ แพทย์ปลูกผมมีบทบาทสำคัญมากในการบริหารจัดการทุกส่วนให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ทั้งการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง การทำงานร่วมกับทีมผู้ช่วยทำหัตถการ และรวมถึงการดูแลผู้เข้ารับบริการให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาอันยาวนานของการปลูกผม



ขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นด้วยการนำกราฟต์ผมออกมาให้ได้ตามจำนวนที่แพทย์ได้คำนวณไว้  โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนินจะไม่ตัดแยกกราฟต์ผมโดยเด็ดขาด แต่จะเลือกใช้กราฟต์ผมให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และปลูกกระจายเพื่อครอบคลุมปัญหาให้ได้มากที่สุด ดังนั้น กราฟต์ผมที่ปลูกจึงจะมีได้ทั้ง 1-2 เส้น หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการวางแผนของคุณหมอนินและความแข็งแรงของกราฟต์ผมต้นทุน


ในการปลูกผม Mega Session ที่มีระยะเวลายาวนาน สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง แพทย์และทีมงานจึงต้องบริหารการทำงานแข่งกับเวลา ที่แม้แต่เพียงนาทีเดียวก็จะปล่อยให้สูญเสียไปไม่ได้

หลังจากการนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง โดยใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เช่น บริเวณด้านหน้าควรใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะควรใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้นหรือมากกว่า และอาจมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน


ในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็น “กราฟต์” หรือเป็น “เส้น” เพราะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ยกตัวอย่างเช่น ในการปลูกผม Mega Session เคสหนึ่งของนามนิน ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น จึงจะได้ความหนาแน่นตามที่วางแผนไว้


นอกจากการบริหารเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนแล้ว คุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับบริการให้มั่นใจด้วยการตรวจติดตามความดัน ชีพจร และการทำงานของร่างกายโดยรวมด้วยเครื่องต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำหัตถการ และไม่มองข้ามในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการดูแลเรื่องความสะดวกสบายด้วย เนื่องจากเป็นการปลูกผมจำนวนมาก ผู้รับบริการอาจต้องนอนอยู่บนเตียงนานกว่าปกติ และด้วยการใช้ยาชา ไม่ดมยาสลบ จึงรู้สึกตัวตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องเผื่อระยะเวลาให้ได้ลุกเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ รวมถึงรับประทานอาหารที่นามนินจัดไว้ให้ และทำธุระส่วนตัวตามความเหมาะสม

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังคงดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ติดตามผลและวางแผนการดูแลบำรุงรักษาเพื่อให้เส้นผมที่ปลูกแข็งแรงและงอกขึ้นให้เต็มที่ โดยเฉพาะในกรณีที่ผมก่อนปลูกบางมาก คุณหมอจะแนะนำให้เข้ารับบริการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้อวบอ้วนและดกดำขึ้น เสริมผลลัพธ์การงอกของเส้นผมใหม่และบำรุงเส้นผมเดิมไปพร้อมกัน



การปลูกผมในความยากระดับ Mega Session จะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้เข้าบริการเองที่ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ และ “ยิ่งเร็วยิ่งดี” เพราะนั่นหมายถึงยังมีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา ในส่วนของแพทย์ บทบาทสำคัญคือการบริหารจัดการในทุกขั้นตอนอย่างเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลหลังการปลูกผมอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองส่วนทำงานร่วมกันเป็นทีม ผลลัพธ์ของความทุ่มเทและตั้งใจก็จะชัดเจนในตัวเอง เส้นผมใหม่จะนำพาทั้งความมั่นใจภายใน และเสริมบุคลิกภาพภายนอกให้ดีขึ้นได้เกินกว่าที่คาดไว้แน่นอน 




Mega Session ช่วงเวลาแห่งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม
“ผมบางมาก ศีรษะล้าน” ปัญหาที่ผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไปจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญ แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงแล้วส่งผลต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และภาพลักษณ์ในการทำงานหรือการเข้าสังคมได้มากกว่าที่คิด หลายคนเริ่มหลีกเลี่ยงการถ่ายรูป ไม่กล้าไว้ทรงผมตามต้องการ หรือแม้กระทั่งรู้สึกแก่กว่าวัย ทั้งที่ยังมีไฟในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ก็ตาม

ในปัจจุบัน “การปลูกผม” เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่ผมบางมาก การปลูกผมแบบ Mega Session ของนามนิน คือคำตอบของทุกโจทย์ เพราะสามารถปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกหลายรอบ และช่วยลดช่วงเวลาฟื้นตัว ไม่กระทบการทำงานและชีวิตประจำวัน


“Mega Session” ในทางการแพทย์ คือการปลูกผมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางมาก ต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก เช่น 4,000 กราฟต์ขึ้นไป และใช้เวลาในการทำหัตถการนานกว่าปกติ ซึ่งในบางเคส อาจจะใช้เวลา 10 – 15 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งในการทำงานที่ยากและซับซ้อนระดับนี้ แพทย์ปลูกผมมีบทบาทสำคัญมากในการบริหารจัดการทุกส่วนให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ทั้งการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง การทำงานร่วมกับทีมผู้ช่วยทำหัตถการ และรวมถึงการดูแลผู้เข้ารับบริการให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาอันยาวนานของการปลูกผม



ขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นด้วยการนำกราฟต์ผมออกมาให้ได้ตามจำนวนที่แพทย์ได้คำนวณไว้  โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนินจะไม่ตัดแยกกราฟต์ผมโดยเด็ดขาด แต่จะเลือกใช้กราฟต์ผมให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และปลูกกระจายเพื่อครอบคลุมปัญหาให้ได้มากที่สุด ดังนั้น กราฟต์ผมที่ปลูกจึงจะมีได้ทั้ง 1-2 เส้น หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการวางแผนของคุณหมอนินและความแข็งแรงของกราฟต์ผมต้นทุน


ในการปลูกผม Mega Session ที่มีระยะเวลายาวนาน สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง แพทย์และทีมงานจึงต้องบริหารการทำงานแข่งกับเวลา ที่แม้แต่เพียงนาทีเดียวก็จะปล่อยให้สูญเสียไปไม่ได้

หลังจากการนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง โดยใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เช่น บริเวณด้านหน้าควรใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะควรใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้นหรือมากกว่า และอาจมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน


ในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็น “กราฟต์” หรือเป็น “เส้น” เพราะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ยกตัวอย่างเช่น ในการปลูกผม Mega Session เคสหนึ่งของนามนิน ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น จึงจะได้ความหนาแน่นตามที่วางแผนไว้


นอกจากการบริหารเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนแล้ว คุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับบริการให้มั่นใจด้วยการตรวจติดตามความดัน ชีพจร และการทำงานของร่างกายโดยรวมด้วยเครื่องต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำหัตถการ และไม่มองข้ามในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการดูแลเรื่องความสะดวกสบายด้วย เนื่องจากเป็นการปลูกผมจำนวนมาก ผู้รับบริการอาจต้องนอนอยู่บนเตียงนานกว่าปกติ และด้วยการใช้ยาชา ไม่ดมยาสลบ จึงรู้สึกตัวตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องเผื่อระยะเวลาให้ได้ลุกเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ รวมถึงรับประทานอาหารที่นามนินจัดไว้ให้ และทำธุระส่วนตัวตามความเหมาะสม

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังคงดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ติดตามผลและวางแผนการดูแลบำรุงรักษาเพื่อให้เส้นผมที่ปลูกแข็งแรงและงอกขึ้นให้เต็มที่ โดยเฉพาะในกรณีที่ผมก่อนปลูกบางมาก คุณหมอจะแนะนำให้เข้ารับบริการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้อวบอ้วนและดกดำขึ้น เสริมผลลัพธ์การงอกของเส้นผมใหม่และบำรุงเส้นผมเดิมไปพร้อมกัน



การปลูกผมในความยากระดับ Mega Session จะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้เข้าบริการเองที่ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ และ “ยิ่งเร็วยิ่งดี” เพราะนั่นหมายถึงยังมีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา ในส่วนของแพทย์ บทบาทสำคัญคือการบริหารจัดการในทุกขั้นตอนอย่างเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลหลังการปลูกผมอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองส่วนทำงานร่วมกันเป็นทีม ผลลัพธ์ของความทุ่มเทและตั้งใจก็จะชัดเจนในตัวเอง เส้นผมใหม่จะนำพาทั้งความมั่นใจภายใน และเสริมบุคลิกภาพภายนอกให้ดีขึ้นได้เกินกว่าที่คาดไว้แน่นอน 




อาจารย์พิเศษ วิชา Hair Transplantation หลักสูตร วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปีที่ 2
บทบาททางวิชาการของ พญ.นิล นามทองต้น 
ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปลูกผม ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 

พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก และผู้พัฒนาการปลูกผมเทคนิค NEAT ได้รับเกียรติเป็นอาจารย์พิเศษ ในหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา วิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

โดยคุณหมอนินได้บรรยายในรายวิชา Hair Transplantation (การปลูกผม) หัวข้อ “Tips of Success Rate” และ “Graft Donors and Transplantation”  แก่แพทย์ผู้เข้าเรียนจากหลากหลายสถาบันทั่วประเทศ

การบรรยายจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 8–9 มีนาคม พ.ศ. 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคนิคปฏิบัติ และประสบการณ์เชิงลึกจากการปฏิบัติงานจริงเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ และยกระดับมาตรฐานวิชาชีพด้านการปลูกผมในประเทศไทย

การบรรยายดังกล่าวนับเป็นการมีส่วนร่วมที่สำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ทางคลินิกให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสนใจในศาสตร์ด้านการปลูกผมและการฟื้นฟูสุขภาพเส้นผม




อาจารย์พิเศษ วิชา Hair Transplantation หลักสูตร วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปีที่ 2
บทบาททางวิชาการของ พญ.นิล นามทองต้น 
ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปลูกผม ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 

พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก และผู้พัฒนาการปลูกผมเทคนิค NEAT ได้รับเกียรติเป็นอาจารย์พิเศษ ในหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา วิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

โดยคุณหมอนินได้บรรยายในรายวิชา Hair Transplantation (การปลูกผม) หัวข้อ “Tips of Success Rate” และ “Graft Donors and Transplantation”  แก่แพทย์ผู้เข้าเรียนจากหลากหลายสถาบันทั่วประเทศ

การบรรยายจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 8–9 มีนาคม พ.ศ. 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคนิคปฏิบัติ และประสบการณ์เชิงลึกจากการปฏิบัติงานจริงเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ และยกระดับมาตรฐานวิชาชีพด้านการปลูกผมในประเทศไทย

การบรรยายดังกล่าวนับเป็นการมีส่วนร่วมที่สำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ทางคลินิกให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสนใจในศาสตร์ด้านการปลูกผมและการฟื้นฟูสุขภาพเส้นผม




อาจารย์พิเศษ วิชา Hair Transplantation หลักสูตร วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปีที่ 2
บทบาททางวิชาการของ พญ.นิล นามทองต้น 
ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการปลูกผม ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 

พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก และผู้พัฒนาการปลูกผมเทคนิค NEAT ได้รับเกียรติเป็นอาจารย์พิเศษ ในหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา วิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

โดยคุณหมอนินได้บรรยายในรายวิชา Hair Transplantation (การปลูกผม) หัวข้อ “Tips of Success Rate” และ “Graft Donors and Transplantation”  แก่แพทย์ผู้เข้าเรียนจากหลากหลายสถาบันทั่วประเทศ

การบรรยายจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 8–9 มีนาคม พ.ศ. 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคนิคปฏิบัติ และประสบการณ์เชิงลึกจากการปฏิบัติงานจริงเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ และยกระดับมาตรฐานวิชาชีพด้านการปลูกผมในประเทศไทย

การบรรยายดังกล่าวนับเป็นการมีส่วนร่วมที่สำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ทางคลินิกให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสนใจในศาสตร์ด้านการปลูกผมและการฟื้นฟูสุขภาพเส้นผม




รากผมอ่อนแอ สัญญาณเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
เคยรู้สึกไหมคะว่าทำไมผมดูบางลง ทั้งที่ก็ยังดูแลตัวเองเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะรากผมเราเริ่มอ่อนแอลง และพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเราอยู่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผมที่หลุดร่วงมากขึ้น ผมที่ดูบางลง หรือหนังศีรษะที่เริ่มมีปัญหา ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก จะพาคุณไปสำรวจตัวเองว่า “รากผมเราเริ่มอ่อนแอลงหรือยัง” และมีวิธีไหนบ้างที่จะดูแลก่อนสายเกินไปค่ะ

Q : “เราจะรู้ได้ยังไงว่ารากผมเราเริ่มอ่อนแอลงแล้ว?”
  • เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ เกินวันละ 50-100 เส้น โดยเฉพาะในขณะสระผม หรือแปรงผม
  • เส้นผมแห้ง เปราะบาง หักง่าย ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม และยาวช้ากว่าปกติ เป็นเพราะโครงสร้างเส้นผมอ่อนแอลง อาจขาดสารอาหารหรือเลือดไปเลี้ยงรากผมไม่เพียงพอ เส้นผมที่ขึ้นใหม่จึงขนาดเล็กลงและไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม 
  • หนังศีรษะขาดความสมดุล - แห้ง ลอก คัน หรือมันเกินไป เกิดจากการไหลเวียนเลือดที่รากผมไม่ดีหรือเกิดการอักเสบของหนังศีรษะซึ่งส่งผลต่อรากผมโดยตรง
  • ผมดูบางลงเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้ตัดผมหรือเปลี่ยนทรงผม และเมื่อส่องกระจก จะเริ่มเห็นรอยแสกดูกว้างขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะที่เคยมีเส้นผมเป็นจุดบังแสง เริ่มดูโปร่งๆ บางๆ เห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น


Q : “ถ้ามีปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะ แต่ยังไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน ต้องแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมอย่างเดียวไหม หรือยังมีทางเลือกอื่นอยู่?”
A: การแก้ปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะนั้นไม่จำเป็นต้องปลูกผมอย่างเดียวเสมอไปค่ะ ถ้ายังอยู่ในช่วงผมบางระยะเริ่มต้น ยังมีรูรากผมเหลืออยู่ ก็ยังมีโอกาสสูงมากที่จะฟื้นฟูรากผมที่ยังมีอยู่ให้แข็งแรงขึ้น พร้อมกับกระตุ้นการงอกใหม่ไปพร้อมกันเพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิมได้

ซึ่งที่นามนิน เรามีโปรแกรม PHB ที่เป็นกระบวนการบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม เพื่อแก้ปัญหาผมบาง พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมและหนังศีรษะได้โดยไม่ต้องปลูกผม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาผมบางอย่างได้ผลค่ะ


Q : "โปรแกรม PHB เหมาะกับใคร? ระหว่างคนที่ยังไม่ต้องปลูกผมหรือคนที่ปลูกผมไปแล้ว?"
A : PHB เป็นโปรแกรมที่คุณหมอนินออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งสองกลุ่มค่ะ โดยเฉพาะคนที่กำลังอยู่ในช่วง "ระหว่างทาง" ที่ยังไม่ได้อยากปลูกผมตอนนี้ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือเริ่มไม่มั่นใจกับสภาพเส้นผมในปัจจุบัน โดยสรุปแล้ว โปรแกรมนี้เหมาะกับ
  • ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมบางในระยะแรก เช่น คนที่สังเกตว่าผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะหรือรอยแสกกว้างขึ้น ซึ่งหากแพทย์ตรวจแล้วว่ายังมี "รูรากผม" อยู่ ก็ยังมีโอกาสฟื้นฟูได้ด้วยการกระตุ้นและบำรุงอย่างเหมาะสม โดยยังไม่ต้องปลูกผม
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงเตรียมตัวก่อนปลูกผม บางคนอาจมีแนวโน้มต้องปลูกผมในอนาคต แต่ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสม หรืออยากให้สภาพหนังศีรษะและรากผมแข็งแรงที่สุดก่อน เพื่อให้การปลูกผมได้ผลดี PHB ก็สามารถเป็นขั้นตอนการ "เตรียมความพร้อม" ได้อย่างดี
  • ผู้ที่ต้องการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผม การดูแลต่อเนื่องมีผลอย่างมากต่อความสำเร็จของเส้นผมที่ปลูกใหม่ โปรแกรม PHB จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แพทย์จะแนะนำเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้รากผมใหม่ และลดโอกาสการหลุดร่วงซ้ำ

Q : “ขั้นตอนการเข้ารับบริการมีอะไรบ้าง แล้วแพทย์ดูแลด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบเลยไหม?”
A : ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ โปรแกรม PHB นี้ คุณหมอนินดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาปัญหาเส้นผมกับคุณหมอ เพื่อวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อวางแผนการรักษา ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะคุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อดูว่ารากผมแข็งแรงแค่ไหน  และจะวางแผนการรักษาให้ตรงกับปัญหาเป็นรายบุคคลค่ะ

จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เป็นแสงเลเซอร์คลื่นแสงความถี่ต่ำที่จะตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์ปุ่มผม (Dermal Papilla Cells) ที่ทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารจากเลือดมาเลี้ยงเซลล์รากผม การฉายแสง LLLT เข้าจุดนี้โดยตรงจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น สารอาหารและออกซิเจนจึงมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น 

ขั้นตอนสุดท้ายคือเข้ารับการฉีดบำรุงที่หนังศีรษะเพื่อฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง ดกดำ เงางาม ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งค่ะ


Q : "หลังจากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB แล้ว เส้นผมจะกลับมาหนาแน่นขึ้นจริงไหม?"
A : โปรแกรม PHB จะช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ บำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เส้นผมบริเวณหนังศีรษะที่เคยบางจะเริ่มหนาแน่นและดกดำขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ


Q : "จริงๆ แล้วบำรุงผมก็มีหลายแบบ ทำไมถึงต้องเลือกโปรแกรม PHB?"
A : เพราะจุดเด่นของการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB คือ คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเองค่ะ การเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาที เห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ และคุณหมอยังเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการถ่ายรูป Before & After เปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการอีกด้วย

เพราะสุขภาพเส้นผมที่ดี เริ่มจากรากผมที่แข็งแรงค่ะ ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือหนังศีรษะเริ่มส่งสัญญาณบางอย่าง อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก เราพร้อมดูแลด้วยโปรแกรม PHB ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อผมทุกเส้นที่คุณรัก เพราะการเริ่มดูแลอย่างใส่ใจวันนี้ จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการกลับมามั่นใจในแบบที่คุณเคยเป็นได้อีกครั้งค่ะ



รากผมอ่อนแอ สัญญาณเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
เคยรู้สึกไหมคะว่าทำไมผมดูบางลง ทั้งที่ก็ยังดูแลตัวเองเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะรากผมเราเริ่มอ่อนแอลง และพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเราอยู่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผมที่หลุดร่วงมากขึ้น ผมที่ดูบางลง หรือหนังศีรษะที่เริ่มมีปัญหา ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก จะพาคุณไปสำรวจตัวเองว่า “รากผมเราเริ่มอ่อนแอลงหรือยัง” และมีวิธีไหนบ้างที่จะดูแลก่อนสายเกินไปค่ะ

Q : “เราจะรู้ได้ยังไงว่ารากผมเราเริ่มอ่อนแอลงแล้ว?”
  • เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ เกินวันละ 50-100 เส้น โดยเฉพาะในขณะสระผม หรือแปรงผม
  • เส้นผมแห้ง เปราะบาง หักง่าย ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม และยาวช้ากว่าปกติ เป็นเพราะโครงสร้างเส้นผมอ่อนแอลง อาจขาดสารอาหารหรือเลือดไปเลี้ยงรากผมไม่เพียงพอ เส้นผมที่ขึ้นใหม่จึงขนาดเล็กลงและไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม 
  • หนังศีรษะขาดความสมดุล - แห้ง ลอก คัน หรือมันเกินไป เกิดจากการไหลเวียนเลือดที่รากผมไม่ดีหรือเกิดการอักเสบของหนังศีรษะซึ่งส่งผลต่อรากผมโดยตรง
  • ผมดูบางลงเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้ตัดผมหรือเปลี่ยนทรงผม และเมื่อส่องกระจก จะเริ่มเห็นรอยแสกดูกว้างขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะที่เคยมีเส้นผมเป็นจุดบังแสง เริ่มดูโปร่งๆ บางๆ เห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น


Q : “ถ้ามีปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะ แต่ยังไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน ต้องแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมอย่างเดียวไหม หรือยังมีทางเลือกอื่นอยู่?”
A: การแก้ปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะนั้นไม่จำเป็นต้องปลูกผมอย่างเดียวเสมอไปค่ะ ถ้ายังอยู่ในช่วงผมบางระยะเริ่มต้น ยังมีรูรากผมเหลืออยู่ ก็ยังมีโอกาสสูงมากที่จะฟื้นฟูรากผมที่ยังมีอยู่ให้แข็งแรงขึ้น พร้อมกับกระตุ้นการงอกใหม่ไปพร้อมกันเพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิมได้

ซึ่งที่นามนิน เรามีโปรแกรม PHB ที่เป็นกระบวนการบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม เพื่อแก้ปัญหาผมบาง พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมและหนังศีรษะได้โดยไม่ต้องปลูกผม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาผมบางอย่างได้ผลค่ะ


Q : "โปรแกรม PHB เหมาะกับใคร? ระหว่างคนที่ยังไม่ต้องปลูกผมหรือคนที่ปลูกผมไปแล้ว?"
A : PHB เป็นโปรแกรมที่คุณหมอนินออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งสองกลุ่มค่ะ โดยเฉพาะคนที่กำลังอยู่ในช่วง "ระหว่างทาง" ที่ยังไม่ได้อยากปลูกผมตอนนี้ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือเริ่มไม่มั่นใจกับสภาพเส้นผมในปัจจุบัน โดยสรุปแล้ว โปรแกรมนี้เหมาะกับ
  • ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมบางในระยะแรก เช่น คนที่สังเกตว่าผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะหรือรอยแสกกว้างขึ้น ซึ่งหากแพทย์ตรวจแล้วว่ายังมี "รูรากผม" อยู่ ก็ยังมีโอกาสฟื้นฟูได้ด้วยการกระตุ้นและบำรุงอย่างเหมาะสม โดยยังไม่ต้องปลูกผม
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงเตรียมตัวก่อนปลูกผม บางคนอาจมีแนวโน้มต้องปลูกผมในอนาคต แต่ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสม หรืออยากให้สภาพหนังศีรษะและรากผมแข็งแรงที่สุดก่อน เพื่อให้การปลูกผมได้ผลดี PHB ก็สามารถเป็นขั้นตอนการ "เตรียมความพร้อม" ได้อย่างดี
  • ผู้ที่ต้องการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผม การดูแลต่อเนื่องมีผลอย่างมากต่อความสำเร็จของเส้นผมที่ปลูกใหม่ โปรแกรม PHB จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แพทย์จะแนะนำเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้รากผมใหม่ และลดโอกาสการหลุดร่วงซ้ำ

Q : “ขั้นตอนการเข้ารับบริการมีอะไรบ้าง แล้วแพทย์ดูแลด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบเลยไหม?”
A : ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ โปรแกรม PHB นี้ คุณหมอนินดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาปัญหาเส้นผมกับคุณหมอ เพื่อวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อวางแผนการรักษา ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะคุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อดูว่ารากผมแข็งแรงแค่ไหน  และจะวางแผนการรักษาให้ตรงกับปัญหาเป็นรายบุคคลค่ะ

จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เป็นแสงเลเซอร์คลื่นแสงความถี่ต่ำที่จะตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์ปุ่มผม (Dermal Papilla Cells) ที่ทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารจากเลือดมาเลี้ยงเซลล์รากผม การฉายแสง LLLT เข้าจุดนี้โดยตรงจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น สารอาหารและออกซิเจนจึงมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น 

ขั้นตอนสุดท้ายคือเข้ารับการฉีดบำรุงที่หนังศีรษะเพื่อฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง ดกดำ เงางาม ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งค่ะ


Q : "หลังจากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB แล้ว เส้นผมจะกลับมาหนาแน่นขึ้นจริงไหม?"
A : โปรแกรม PHB จะช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ บำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เส้นผมบริเวณหนังศีรษะที่เคยบางจะเริ่มหนาแน่นและดกดำขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ


Q : "จริงๆ แล้วบำรุงผมก็มีหลายแบบ ทำไมถึงต้องเลือกโปรแกรม PHB?"
A : เพราะจุดเด่นของการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB คือ คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเองค่ะ การเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาที เห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ และคุณหมอยังเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการถ่ายรูป Before & After เปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการอีกด้วย

เพราะสุขภาพเส้นผมที่ดี เริ่มจากรากผมที่แข็งแรงค่ะ ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือหนังศีรษะเริ่มส่งสัญญาณบางอย่าง อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก เราพร้อมดูแลด้วยโปรแกรม PHB ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อผมทุกเส้นที่คุณรัก เพราะการเริ่มดูแลอย่างใส่ใจวันนี้ จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการกลับมามั่นใจในแบบที่คุณเคยเป็นได้อีกครั้งค่ะ



รากผมอ่อนแอ สัญญาณเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
เคยรู้สึกไหมคะว่าทำไมผมดูบางลง ทั้งที่ก็ยังดูแลตัวเองเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะรากผมเราเริ่มอ่อนแอลง และพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเราอยู่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผมที่หลุดร่วงมากขึ้น ผมที่ดูบางลง หรือหนังศีรษะที่เริ่มมีปัญหา ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก จะพาคุณไปสำรวจตัวเองว่า “รากผมเราเริ่มอ่อนแอลงหรือยัง” และมีวิธีไหนบ้างที่จะดูแลก่อนสายเกินไปค่ะ

Q : “เราจะรู้ได้ยังไงว่ารากผมเราเริ่มอ่อนแอลงแล้ว?”
  • เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ เกินวันละ 50-100 เส้น โดยเฉพาะในขณะสระผม หรือแปรงผม
  • เส้นผมแห้ง เปราะบาง หักง่าย ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม และยาวช้ากว่าปกติ เป็นเพราะโครงสร้างเส้นผมอ่อนแอลง อาจขาดสารอาหารหรือเลือดไปเลี้ยงรากผมไม่เพียงพอ เส้นผมที่ขึ้นใหม่จึงขนาดเล็กลงและไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม 
  • หนังศีรษะขาดความสมดุล - แห้ง ลอก คัน หรือมันเกินไป เกิดจากการไหลเวียนเลือดที่รากผมไม่ดีหรือเกิดการอักเสบของหนังศีรษะซึ่งส่งผลต่อรากผมโดยตรง
  • ผมดูบางลงเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้ตัดผมหรือเปลี่ยนทรงผม และเมื่อส่องกระจก จะเริ่มเห็นรอยแสกดูกว้างขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะที่เคยมีเส้นผมเป็นจุดบังแสง เริ่มดูโปร่งๆ บางๆ เห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น


Q : “ถ้ามีปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะ แต่ยังไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน ต้องแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมอย่างเดียวไหม หรือยังมีทางเลือกอื่นอยู่?”
A: การแก้ปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะนั้นไม่จำเป็นต้องปลูกผมอย่างเดียวเสมอไปค่ะ ถ้ายังอยู่ในช่วงผมบางระยะเริ่มต้น ยังมีรูรากผมเหลืออยู่ ก็ยังมีโอกาสสูงมากที่จะฟื้นฟูรากผมที่ยังมีอยู่ให้แข็งแรงขึ้น พร้อมกับกระตุ้นการงอกใหม่ไปพร้อมกันเพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิมได้

ซึ่งที่นามนิน เรามีโปรแกรม PHB ที่เป็นกระบวนการบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม เพื่อแก้ปัญหาผมบาง พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมและหนังศีรษะได้โดยไม่ต้องปลูกผม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาผมบางอย่างได้ผลค่ะ


Q : "โปรแกรม PHB เหมาะกับใคร? ระหว่างคนที่ยังไม่ต้องปลูกผมหรือคนที่ปลูกผมไปแล้ว?"
A : PHB เป็นโปรแกรมที่คุณหมอนินออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งสองกลุ่มค่ะ โดยเฉพาะคนที่กำลังอยู่ในช่วง "ระหว่างทาง" ที่ยังไม่ได้อยากปลูกผมตอนนี้ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือเริ่มไม่มั่นใจกับสภาพเส้นผมในปัจจุบัน โดยสรุปแล้ว โปรแกรมนี้เหมาะกับ
  • ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมบางในระยะแรก เช่น คนที่สังเกตว่าผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะหรือรอยแสกกว้างขึ้น ซึ่งหากแพทย์ตรวจแล้วว่ายังมี "รูรากผม" อยู่ ก็ยังมีโอกาสฟื้นฟูได้ด้วยการกระตุ้นและบำรุงอย่างเหมาะสม โดยยังไม่ต้องปลูกผม
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงเตรียมตัวก่อนปลูกผม บางคนอาจมีแนวโน้มต้องปลูกผมในอนาคต แต่ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสม หรืออยากให้สภาพหนังศีรษะและรากผมแข็งแรงที่สุดก่อน เพื่อให้การปลูกผมได้ผลดี PHB ก็สามารถเป็นขั้นตอนการ "เตรียมความพร้อม" ได้อย่างดี
  • ผู้ที่ต้องการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผม การดูแลต่อเนื่องมีผลอย่างมากต่อความสำเร็จของเส้นผมที่ปลูกใหม่ โปรแกรม PHB จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แพทย์จะแนะนำเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้รากผมใหม่ และลดโอกาสการหลุดร่วงซ้ำ

Q : “ขั้นตอนการเข้ารับบริการมีอะไรบ้าง แล้วแพทย์ดูแลด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบเลยไหม?”
A : ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ โปรแกรม PHB นี้ คุณหมอนินดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาปัญหาเส้นผมกับคุณหมอ เพื่อวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อวางแผนการรักษา ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะคุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อดูว่ารากผมแข็งแรงแค่ไหน  และจะวางแผนการรักษาให้ตรงกับปัญหาเป็นรายบุคคลค่ะ

จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เป็นแสงเลเซอร์คลื่นแสงความถี่ต่ำที่จะตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์ปุ่มผม (Dermal Papilla Cells) ที่ทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารจากเลือดมาเลี้ยงเซลล์รากผม การฉายแสง LLLT เข้าจุดนี้โดยตรงจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น สารอาหารและออกซิเจนจึงมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น 

ขั้นตอนสุดท้ายคือเข้ารับการฉีดบำรุงที่หนังศีรษะเพื่อฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง ดกดำ เงางาม ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งค่ะ


Q : "หลังจากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB แล้ว เส้นผมจะกลับมาหนาแน่นขึ้นจริงไหม?"
A : โปรแกรม PHB จะช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ บำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เส้นผมบริเวณหนังศีรษะที่เคยบางจะเริ่มหนาแน่นและดกดำขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ


Q : "จริงๆ แล้วบำรุงผมก็มีหลายแบบ ทำไมถึงต้องเลือกโปรแกรม PHB?"
A : เพราะจุดเด่นของการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB คือ คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเองค่ะ การเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาที เห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ และคุณหมอยังเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการถ่ายรูป Before & After เปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการอีกด้วย

เพราะสุขภาพเส้นผมที่ดี เริ่มจากรากผมที่แข็งแรงค่ะ ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือหนังศีรษะเริ่มส่งสัญญาณบางอย่าง อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก เราพร้อมดูแลด้วยโปรแกรม PHB ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อผมทุกเส้นที่คุณรัก เพราะการเริ่มดูแลอย่างใส่ใจวันนี้ จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการกลับมามั่นใจในแบบที่คุณเคยเป็นได้อีกครั้งค่ะ



รากผมอ่อนแอ สัญญาณเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
เคยรู้สึกไหมคะว่าทำไมผมดูบางลง ทั้งที่ก็ยังดูแลตัวเองเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะรากผมเราเริ่มอ่อนแอลง และพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเราอยู่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผมที่หลุดร่วงมากขึ้น ผมที่ดูบางลง หรือหนังศีรษะที่เริ่มมีปัญหา ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก จะพาคุณไปสำรวจตัวเองว่า “รากผมเราเริ่มอ่อนแอลงหรือยัง” และมีวิธีไหนบ้างที่จะดูแลก่อนสายเกินไปค่ะ

Q : “เราจะรู้ได้ยังไงว่ารากผมเราเริ่มอ่อนแอลงแล้ว?”
  • เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ เกินวันละ 50-100 เส้น โดยเฉพาะในขณะสระผม หรือแปรงผม
  • เส้นผมแห้ง เปราะบาง หักง่าย ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม และยาวช้ากว่าปกติ เป็นเพราะโครงสร้างเส้นผมอ่อนแอลง อาจขาดสารอาหารหรือเลือดไปเลี้ยงรากผมไม่เพียงพอ เส้นผมที่ขึ้นใหม่จึงขนาดเล็กลงและไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม 
  • หนังศีรษะขาดความสมดุล - แห้ง ลอก คัน หรือมันเกินไป เกิดจากการไหลเวียนเลือดที่รากผมไม่ดีหรือเกิดการอักเสบของหนังศีรษะซึ่งส่งผลต่อรากผมโดยตรง
  • ผมดูบางลงเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้ตัดผมหรือเปลี่ยนทรงผม และเมื่อส่องกระจก จะเริ่มเห็นรอยแสกดูกว้างขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะที่เคยมีเส้นผมเป็นจุดบังแสง เริ่มดูโปร่งๆ บางๆ เห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น


Q : “ถ้ามีปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะ แต่ยังไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน ต้องแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมอย่างเดียวไหม หรือยังมีทางเลือกอื่นอยู่?”
A: การแก้ปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะนั้นไม่จำเป็นต้องปลูกผมอย่างเดียวเสมอไปค่ะ ถ้ายังอยู่ในช่วงผมบางระยะเริ่มต้น ยังมีรูรากผมเหลืออยู่ ก็ยังมีโอกาสสูงมากที่จะฟื้นฟูรากผมที่ยังมีอยู่ให้แข็งแรงขึ้น พร้อมกับกระตุ้นการงอกใหม่ไปพร้อมกันเพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิมได้

ซึ่งที่นามนิน เรามีโปรแกรม PHB ที่เป็นกระบวนการบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม เพื่อแก้ปัญหาผมบาง พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมและหนังศีรษะได้โดยไม่ต้องปลูกผม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาผมบางอย่างได้ผลค่ะ


Q : "โปรแกรม PHB เหมาะกับใคร? ระหว่างคนที่ยังไม่ต้องปลูกผมหรือคนที่ปลูกผมไปแล้ว?"
A : PHB เป็นโปรแกรมที่คุณหมอนินออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งสองกลุ่มค่ะ โดยเฉพาะคนที่กำลังอยู่ในช่วง "ระหว่างทาง" ที่ยังไม่ได้อยากปลูกผมตอนนี้ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือเริ่มไม่มั่นใจกับสภาพเส้นผมในปัจจุบัน โดยสรุปแล้ว โปรแกรมนี้เหมาะกับ
  • ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมบางในระยะแรก เช่น คนที่สังเกตว่าผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะหรือรอยแสกกว้างขึ้น ซึ่งหากแพทย์ตรวจแล้วว่ายังมี "รูรากผม" อยู่ ก็ยังมีโอกาสฟื้นฟูได้ด้วยการกระตุ้นและบำรุงอย่างเหมาะสม โดยยังไม่ต้องปลูกผม
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงเตรียมตัวก่อนปลูกผม บางคนอาจมีแนวโน้มต้องปลูกผมในอนาคต แต่ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสม หรืออยากให้สภาพหนังศีรษะและรากผมแข็งแรงที่สุดก่อน เพื่อให้การปลูกผมได้ผลดี PHB ก็สามารถเป็นขั้นตอนการ "เตรียมความพร้อม" ได้อย่างดี
  • ผู้ที่ต้องการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผม การดูแลต่อเนื่องมีผลอย่างมากต่อความสำเร็จของเส้นผมที่ปลูกใหม่ โปรแกรม PHB จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แพทย์จะแนะนำเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้รากผมใหม่ และลดโอกาสการหลุดร่วงซ้ำ

Q : “ขั้นตอนการเข้ารับบริการมีอะไรบ้าง แล้วแพทย์ดูแลด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบเลยไหม?”
A : ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ โปรแกรม PHB นี้ คุณหมอนินดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาปัญหาเส้นผมกับคุณหมอ เพื่อวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อวางแผนการรักษา ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะคุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อดูว่ารากผมแข็งแรงแค่ไหน  และจะวางแผนการรักษาให้ตรงกับปัญหาเป็นรายบุคคลค่ะ

จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เป็นแสงเลเซอร์คลื่นแสงความถี่ต่ำที่จะตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์ปุ่มผม (Dermal Papilla Cells) ที่ทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารจากเลือดมาเลี้ยงเซลล์รากผม การฉายแสง LLLT เข้าจุดนี้โดยตรงจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น สารอาหารและออกซิเจนจึงมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น 

ขั้นตอนสุดท้ายคือเข้ารับการฉีดบำรุงที่หนังศีรษะเพื่อฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง ดกดำ เงางาม ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งค่ะ


Q : "หลังจากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB แล้ว เส้นผมจะกลับมาหนาแน่นขึ้นจริงไหม?"
A : โปรแกรม PHB จะช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ บำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เส้นผมบริเวณหนังศีรษะที่เคยบางจะเริ่มหนาแน่นและดกดำขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ


Q : "จริงๆ แล้วบำรุงผมก็มีหลายแบบ ทำไมถึงต้องเลือกโปรแกรม PHB?"
A : เพราะจุดเด่นของการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB คือ คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเองค่ะ การเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาที เห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ และคุณหมอยังเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการถ่ายรูป Before & After เปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการอีกด้วย

เพราะสุขภาพเส้นผมที่ดี เริ่มจากรากผมที่แข็งแรงค่ะ ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือหนังศีรษะเริ่มส่งสัญญาณบางอย่าง อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก เราพร้อมดูแลด้วยโปรแกรม PHB ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อผมทุกเส้นที่คุณรัก เพราะการเริ่มดูแลอย่างใส่ใจวันนี้ จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการกลับมามั่นใจในแบบที่คุณเคยเป็นได้อีกครั้งค่ะ



รากผมอ่อนแอ สัญญาณเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
เคยรู้สึกไหมคะว่าทำไมผมดูบางลง ทั้งที่ก็ยังดูแลตัวเองเหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะรากผมเราเริ่มอ่อนแอลง และพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเราอยู่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผมที่หลุดร่วงมากขึ้น ผมที่ดูบางลง หรือหนังศีรษะที่เริ่มมีปัญหา ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก จะพาคุณไปสำรวจตัวเองว่า “รากผมเราเริ่มอ่อนแอลงหรือยัง” และมีวิธีไหนบ้างที่จะดูแลก่อนสายเกินไปค่ะ

Q : “เราจะรู้ได้ยังไงว่ารากผมเราเริ่มอ่อนแอลงแล้ว?”
  • เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ เกินวันละ 50-100 เส้น โดยเฉพาะในขณะสระผม หรือแปรงผม
  • เส้นผมแห้ง เปราะบาง หักง่าย ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม และยาวช้ากว่าปกติ เป็นเพราะโครงสร้างเส้นผมอ่อนแอลง อาจขาดสารอาหารหรือเลือดไปเลี้ยงรากผมไม่เพียงพอ เส้นผมที่ขึ้นใหม่จึงขนาดเล็กลงและไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม 
  • หนังศีรษะขาดความสมดุล - แห้ง ลอก คัน หรือมันเกินไป เกิดจากการไหลเวียนเลือดที่รากผมไม่ดีหรือเกิดการอักเสบของหนังศีรษะซึ่งส่งผลต่อรากผมโดยตรง
  • ผมดูบางลงเรื่อย ๆ แม้ไม่ได้ตัดผมหรือเปลี่ยนทรงผม และเมื่อส่องกระจก จะเริ่มเห็นรอยแสกดูกว้างขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะที่เคยมีเส้นผมเป็นจุดบังแสง เริ่มดูโปร่งๆ บางๆ เห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น


Q : “ถ้ามีปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะ แต่ยังไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน ต้องแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมอย่างเดียวไหม หรือยังมีทางเลือกอื่นอยู่?”
A: การแก้ปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะนั้นไม่จำเป็นต้องปลูกผมอย่างเดียวเสมอไปค่ะ ถ้ายังอยู่ในช่วงผมบางระยะเริ่มต้น ยังมีรูรากผมเหลืออยู่ ก็ยังมีโอกาสสูงมากที่จะฟื้นฟูรากผมที่ยังมีอยู่ให้แข็งแรงขึ้น พร้อมกับกระตุ้นการงอกใหม่ไปพร้อมกันเพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิมได้

ซึ่งที่นามนิน เรามีโปรแกรม PHB ที่เป็นกระบวนการบำรุงและฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม เพื่อแก้ปัญหาผมบาง พร้อมทั้งเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมและหนังศีรษะได้โดยไม่ต้องปลูกผม เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาผมบางอย่างได้ผลค่ะ


Q : "โปรแกรม PHB เหมาะกับใคร? ระหว่างคนที่ยังไม่ต้องปลูกผมหรือคนที่ปลูกผมไปแล้ว?"
A : PHB เป็นโปรแกรมที่คุณหมอนินออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งสองกลุ่มค่ะ โดยเฉพาะคนที่กำลังอยู่ในช่วง "ระหว่างทาง" ที่ยังไม่ได้อยากปลูกผมตอนนี้ แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือเริ่มไม่มั่นใจกับสภาพเส้นผมในปัจจุบัน โดยสรุปแล้ว โปรแกรมนี้เหมาะกับ
  • ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมบางในระยะแรก เช่น คนที่สังเกตว่าผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะหรือรอยแสกกว้างขึ้น ซึ่งหากแพทย์ตรวจแล้วว่ายังมี "รูรากผม" อยู่ ก็ยังมีโอกาสฟื้นฟูได้ด้วยการกระตุ้นและบำรุงอย่างเหมาะสม โดยยังไม่ต้องปลูกผม
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงเตรียมตัวก่อนปลูกผม บางคนอาจมีแนวโน้มต้องปลูกผมในอนาคต แต่ยังไม่ถึงเวลาเหมาะสม หรืออยากให้สภาพหนังศีรษะและรากผมแข็งแรงที่สุดก่อน เพื่อให้การปลูกผมได้ผลดี PHB ก็สามารถเป็นขั้นตอนการ "เตรียมความพร้อม" ได้อย่างดี
  • ผู้ที่ต้องการเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผม การดูแลต่อเนื่องมีผลอย่างมากต่อความสำเร็จของเส้นผมที่ปลูกใหม่ โปรแกรม PHB จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แพทย์จะแนะนำเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้รากผมใหม่ และลดโอกาสการหลุดร่วงซ้ำ

Q : “ขั้นตอนการเข้ารับบริการมีอะไรบ้าง แล้วแพทย์ดูแลด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบเลยไหม?”
A : ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ โปรแกรม PHB นี้ คุณหมอนินดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาปัญหาเส้นผมกับคุณหมอ เพื่อวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อวางแผนการรักษา ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะคุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อดูว่ารากผมแข็งแรงแค่ไหน  และจะวางแผนการรักษาให้ตรงกับปัญหาเป็นรายบุคคลค่ะ

จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เป็นแสงเลเซอร์คลื่นแสงความถี่ต่ำที่จะตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์ปุ่มผม (Dermal Papilla Cells) ที่ทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารจากเลือดมาเลี้ยงเซลล์รากผม การฉายแสง LLLT เข้าจุดนี้โดยตรงจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น สารอาหารและออกซิเจนจึงมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น 

ขั้นตอนสุดท้ายคือเข้ารับการฉีดบำรุงที่หนังศีรษะเพื่อฟื้นฟูรากผมให้แข็งแรง ดกดำ เงางาม ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่งค่ะ


Q : "หลังจากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB แล้ว เส้นผมจะกลับมาหนาแน่นขึ้นจริงไหม?"
A : โปรแกรม PHB จะช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ บำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เส้นผมบริเวณหนังศีรษะที่เคยบางจะเริ่มหนาแน่นและดกดำขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ


Q : "จริงๆ แล้วบำรุงผมก็มีหลายแบบ ทำไมถึงต้องเลือกโปรแกรม PHB?"
A : เพราะจุดเด่นของการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB คือ คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเองค่ะ การเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาที เห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ และคุณหมอยังเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการถ่ายรูป Before & After เปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการอีกด้วย

เพราะสุขภาพเส้นผมที่ดี เริ่มจากรากผมที่แข็งแรงค่ะ ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าผมบางลง หรือหนังศีรษะเริ่มส่งสัญญาณบางอย่าง อย่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามไปมากกว่านี้ นามนิน คลินิก เราพร้อมดูแลด้วยโปรแกรม PHB ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อผมทุกเส้นที่คุณรัก เพราะการเริ่มดูแลอย่างใส่ใจวันนี้ จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการกลับมามั่นใจในแบบที่คุณเคยเป็นได้อีกครั้งค่ะ



ปลูกผมปรับกรอบหน้า คุณค่าความ NEAT เพื่อผู้หญิง
“ปลูกผมปรับกรอบหน้า” อีกหนึ่งภารกิจเพื่อผมสวยที่ไม่เคยมีสูตรสำเร็จ เพราะนี่คือการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยเฉพาะบุคคล ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเคสต่อเคส เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ตามแต่ปัญหาและความต้องการของแต่ละคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง

และหนึ่งในปัจจัยเบื้องต้นที่คุณหมอใช้พิจารณาเพื่อออกแบบวิธีปลูกผมให้เหมาะสมและตอบโจทย์ ก็คือ “เพศ” โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นการปลูกผมให้คุณผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงบริเวณหน้าผาก คุณหมอจะเน้นเติมเต็มผมเพื่อคืนความหนาแน่น ปรับลุคให้ดูสมาร์ทและมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สำหรับคุณผู้หญิง การปลูกผมปรับกรอบหน้า อาจจะมีความแตกต่างที่ลึกลงไปในรายละเอียดความประณีตระดับเส้นต่อเส้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผมปลูกใหม่แลดูใกล้เคียงผมเดิมมากที่สุด สะท้อนความพิถีพิถันและความใส่ใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคนิค NEAT นั่นเอง


หากถามว่า ปลูกผมปรับกรอบหน้าอย่างไรให้สวยเนียน คำตอบสำคัญอยู่ที่ “การเลือกใช้กราฟต์ผม” คำว่า “กราฟต์ผม” นั้น หมายถึงกอผมซึ่งมีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น อาจเป็นผมเส้นเล็กบาง หรือเส้นหนาใหญ่ แล้วแต่ลักษณะของแต่ละคน ซึ่งเมื่อคุณหมอเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยกและตัดแต่ง ก่อนนำไปปลูกใหม่ 

ตรงนี้เอง ที่คุณหมอจะคัดเลือกเส้นผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูกใหม่มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผาก เพราะหากลองสังเกตให้ดี แนว Hairline แต่ละชั้นของคนเรานั้น ประกอบด้วยเส้นผมที่มีลักษณะแตกต่างกัน 
  • แนวไรผมชั้นนอกสุด คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว เป็นผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีขนาดเล็กและบาง
  • แนวผมชั้นถัดไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว แต่มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น และหนาขึ้น
  • แนวผมชั้นลึก ยิ่งลึกเข้าไป คุณหมอจะเลือกใช้กราฟต์ผมที่ประกอบไปด้วยผมหลายเส้น เช่น 2 – 4 เส้น ขึ้นอยู่กับลักษณะผมเดิมของคนไข้


ด้วยความเนี้ยบในการคัดสรรกราฟต์ผมเช่นนี้เอง ผลลัพธ์กรอบหน้าใหม่ของคุณผู้หญิงจึงออกมาดูเนียนตา ไล่ระดับอย่างเป็นระเบียบ ขั้นตอนนี้ จึงนับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนแบบสุด ๆ และเมื่อบวกกับความใส่ใจของคุณหมอ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ด้วยตัวเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยคำนึงถึงการวางทิศทางและองศาผม ให้กลมกลืนไปในแนวเดียวกันกับผมเดิม ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของเทคนิค NEAT ด้วยเช่นกัน ก็จะยิ่งตอบคำถามได้ชัดขึ้นว่า การปลูกผมปรับกรอบหน้าให้สวยเนียน ต้องอาศัยความพิถีพิถันมากเพียงใด

ทั้งนี้ การออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ของคุณหมอ จะใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์และมุมมองเชิงศิลป์รวมกัน โดยยึดหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ หมายถึงระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน หากใบหน้าของคุณผู้หญิงได้สัดส่วนตามนี้ ก็จะช่วยให้รูปหน้ายิ่งสมส่วนชวนมอง ได้ลุคใหม่ที่สดใสและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การปลูกผมสำหรับคุณผู้หญิง จึงไม่เพียงเติมผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังเน้นไปที่การเติมกรอบหน้าเพื่อผลลัพธ์ความงาม ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจได้อีกด้วย


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของความใส่ใจของคุณหมอ ในทุก ๆ เคสของการปลูกผม เพื่อให้คุณผู้หญิงได้ผมใหม่ที่สะท้อนสไตล์และความงามในแบบของตัวเอง เสริมบุคลิกรูปลักษณ์ให้โดดเด่น พร้อมกันนั้นก็แก้ปัญหาผมบางได้อย่างถาวร เนื่องจากผมปลูกใหม่นี้จะหลุดร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติ สามารถคงอยู่กับเจ้าของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต



ปลูกผมปรับกรอบหน้า คุณค่าความ NEAT เพื่อผู้หญิง
“ปลูกผมปรับกรอบหน้า” อีกหนึ่งภารกิจเพื่อผมสวยที่ไม่เคยมีสูตรสำเร็จ เพราะนี่คือการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยเฉพาะบุคคล ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเคสต่อเคส เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ตามแต่ปัญหาและความต้องการของแต่ละคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง

และหนึ่งในปัจจัยเบื้องต้นที่คุณหมอใช้พิจารณาเพื่อออกแบบวิธีปลูกผมให้เหมาะสมและตอบโจทย์ ก็คือ “เพศ” โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นการปลูกผมให้คุณผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงบริเวณหน้าผาก คุณหมอจะเน้นเติมเต็มผมเพื่อคืนความหนาแน่น ปรับลุคให้ดูสมาร์ทและมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สำหรับคุณผู้หญิง การปลูกผมปรับกรอบหน้า อาจจะมีความแตกต่างที่ลึกลงไปในรายละเอียดความประณีตระดับเส้นต่อเส้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผมปลูกใหม่แลดูใกล้เคียงผมเดิมมากที่สุด สะท้อนความพิถีพิถันและความใส่ใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคนิค NEAT นั่นเอง


หากถามว่า ปลูกผมปรับกรอบหน้าอย่างไรให้สวยเนียน คำตอบสำคัญอยู่ที่ “การเลือกใช้กราฟต์ผม” คำว่า “กราฟต์ผม” นั้น หมายถึงกอผมซึ่งมีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น อาจเป็นผมเส้นเล็กบาง หรือเส้นหนาใหญ่ แล้วแต่ลักษณะของแต่ละคน ซึ่งเมื่อคุณหมอเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยกและตัดแต่ง ก่อนนำไปปลูกใหม่ 

ตรงนี้เอง ที่คุณหมอจะคัดเลือกเส้นผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูกใหม่มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผาก เพราะหากลองสังเกตให้ดี แนว Hairline แต่ละชั้นของคนเรานั้น ประกอบด้วยเส้นผมที่มีลักษณะแตกต่างกัน 
  • แนวไรผมชั้นนอกสุด คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว เป็นผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีขนาดเล็กและบาง
  • แนวผมชั้นถัดไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว แต่มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น และหนาขึ้น
  • แนวผมชั้นลึก ยิ่งลึกเข้าไป คุณหมอจะเลือกใช้กราฟต์ผมที่ประกอบไปด้วยผมหลายเส้น เช่น 2 – 4 เส้น ขึ้นอยู่กับลักษณะผมเดิมของคนไข้


ด้วยความเนี้ยบในการคัดสรรกราฟต์ผมเช่นนี้เอง ผลลัพธ์กรอบหน้าใหม่ของคุณผู้หญิงจึงออกมาดูเนียนตา ไล่ระดับอย่างเป็นระเบียบ ขั้นตอนนี้ จึงนับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนแบบสุด ๆ และเมื่อบวกกับความใส่ใจของคุณหมอ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ด้วยตัวเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยคำนึงถึงการวางทิศทางและองศาผม ให้กลมกลืนไปในแนวเดียวกันกับผมเดิม ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของเทคนิค NEAT ด้วยเช่นกัน ก็จะยิ่งตอบคำถามได้ชัดขึ้นว่า การปลูกผมปรับกรอบหน้าให้สวยเนียน ต้องอาศัยความพิถีพิถันมากเพียงใด

ทั้งนี้ การออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ของคุณหมอ จะใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์และมุมมองเชิงศิลป์รวมกัน โดยยึดหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ หมายถึงระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน หากใบหน้าของคุณผู้หญิงได้สัดส่วนตามนี้ ก็จะช่วยให้รูปหน้ายิ่งสมส่วนชวนมอง ได้ลุคใหม่ที่สดใสและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การปลูกผมสำหรับคุณผู้หญิง จึงไม่เพียงเติมผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังเน้นไปที่การเติมกรอบหน้าเพื่อผลลัพธ์ความงาม ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจได้อีกด้วย


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของความใส่ใจของคุณหมอ ในทุก ๆ เคสของการปลูกผม เพื่อให้คุณผู้หญิงได้ผมใหม่ที่สะท้อนสไตล์และความงามในแบบของตัวเอง เสริมบุคลิกรูปลักษณ์ให้โดดเด่น พร้อมกันนั้นก็แก้ปัญหาผมบางได้อย่างถาวร เนื่องจากผมปลูกใหม่นี้จะหลุดร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติ สามารถคงอยู่กับเจ้าของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต



ปลูกผมปรับกรอบหน้า คุณค่าความ NEAT เพื่อผู้หญิง
“ปลูกผมปรับกรอบหน้า” อีกหนึ่งภารกิจเพื่อผมสวยที่ไม่เคยมีสูตรสำเร็จ เพราะนี่คือการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยเฉพาะบุคคล ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเคสต่อเคส เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ตามแต่ปัญหาและความต้องการของแต่ละคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง

และหนึ่งในปัจจัยเบื้องต้นที่คุณหมอใช้พิจารณาเพื่อออกแบบวิธีปลูกผมให้เหมาะสมและตอบโจทย์ ก็คือ “เพศ” โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นการปลูกผมให้คุณผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงบริเวณหน้าผาก คุณหมอจะเน้นเติมเต็มผมเพื่อคืนความหนาแน่น ปรับลุคให้ดูสมาร์ทและมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สำหรับคุณผู้หญิง การปลูกผมปรับกรอบหน้า อาจจะมีความแตกต่างที่ลึกลงไปในรายละเอียดความประณีตระดับเส้นต่อเส้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผมปลูกใหม่แลดูใกล้เคียงผมเดิมมากที่สุด สะท้อนความพิถีพิถันและความใส่ใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคนิค NEAT นั่นเอง


หากถามว่า ปลูกผมปรับกรอบหน้าอย่างไรให้สวยเนียน คำตอบสำคัญอยู่ที่ “การเลือกใช้กราฟต์ผม” คำว่า “กราฟต์ผม” นั้น หมายถึงกอผมซึ่งมีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น อาจเป็นผมเส้นเล็กบาง หรือเส้นหนาใหญ่ แล้วแต่ลักษณะของแต่ละคน ซึ่งเมื่อคุณหมอเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยกและตัดแต่ง ก่อนนำไปปลูกใหม่ 

ตรงนี้เอง ที่คุณหมอจะคัดเลือกเส้นผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูกใหม่มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผาก เพราะหากลองสังเกตให้ดี แนว Hairline แต่ละชั้นของคนเรานั้น ประกอบด้วยเส้นผมที่มีลักษณะแตกต่างกัน 
  • แนวไรผมชั้นนอกสุด คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว เป็นผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีขนาดเล็กและบาง
  • แนวผมชั้นถัดไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว แต่มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น และหนาขึ้น
  • แนวผมชั้นลึก ยิ่งลึกเข้าไป คุณหมอจะเลือกใช้กราฟต์ผมที่ประกอบไปด้วยผมหลายเส้น เช่น 2 – 4 เส้น ขึ้นอยู่กับลักษณะผมเดิมของคนไข้


ด้วยความเนี้ยบในการคัดสรรกราฟต์ผมเช่นนี้เอง ผลลัพธ์กรอบหน้าใหม่ของคุณผู้หญิงจึงออกมาดูเนียนตา ไล่ระดับอย่างเป็นระเบียบ ขั้นตอนนี้ จึงนับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนแบบสุด ๆ และเมื่อบวกกับความใส่ใจของคุณหมอ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ด้วยตัวเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยคำนึงถึงการวางทิศทางและองศาผม ให้กลมกลืนไปในแนวเดียวกันกับผมเดิม ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของเทคนิค NEAT ด้วยเช่นกัน ก็จะยิ่งตอบคำถามได้ชัดขึ้นว่า การปลูกผมปรับกรอบหน้าให้สวยเนียน ต้องอาศัยความพิถีพิถันมากเพียงใด

ทั้งนี้ การออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ของคุณหมอ จะใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์และมุมมองเชิงศิลป์รวมกัน โดยยึดหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ หมายถึงระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน หากใบหน้าของคุณผู้หญิงได้สัดส่วนตามนี้ ก็จะช่วยให้รูปหน้ายิ่งสมส่วนชวนมอง ได้ลุคใหม่ที่สดใสและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การปลูกผมสำหรับคุณผู้หญิง จึงไม่เพียงเติมผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังเน้นไปที่การเติมกรอบหน้าเพื่อผลลัพธ์ความงาม ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจได้อีกด้วย


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของความใส่ใจของคุณหมอ ในทุก ๆ เคสของการปลูกผม เพื่อให้คุณผู้หญิงได้ผมใหม่ที่สะท้อนสไตล์และความงามในแบบของตัวเอง เสริมบุคลิกรูปลักษณ์ให้โดดเด่น พร้อมกันนั้นก็แก้ปัญหาผมบางได้อย่างถาวร เนื่องจากผมปลูกใหม่นี้จะหลุดร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติ สามารถคงอยู่กับเจ้าของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต



ปลูกผมปรับกรอบหน้า คุณค่าความ NEAT เพื่อผู้หญิง
“ปลูกผมปรับกรอบหน้า” อีกหนึ่งภารกิจเพื่อผมสวยที่ไม่เคยมีสูตรสำเร็จ เพราะนี่คือการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยเฉพาะบุคคล ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเคสต่อเคส เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ตามแต่ปัญหาและความต้องการของแต่ละคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง

และหนึ่งในปัจจัยเบื้องต้นที่คุณหมอใช้พิจารณาเพื่อออกแบบวิธีปลูกผมให้เหมาะสมและตอบโจทย์ ก็คือ “เพศ” โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นการปลูกผมให้คุณผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงบริเวณหน้าผาก คุณหมอจะเน้นเติมเต็มผมเพื่อคืนความหนาแน่น ปรับลุคให้ดูสมาร์ทและมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สำหรับคุณผู้หญิง การปลูกผมปรับกรอบหน้า อาจจะมีความแตกต่างที่ลึกลงไปในรายละเอียดความประณีตระดับเส้นต่อเส้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผมปลูกใหม่แลดูใกล้เคียงผมเดิมมากที่สุด สะท้อนความพิถีพิถันและความใส่ใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคนิค NEAT นั่นเอง


หากถามว่า ปลูกผมปรับกรอบหน้าอย่างไรให้สวยเนียน คำตอบสำคัญอยู่ที่ “การเลือกใช้กราฟต์ผม” คำว่า “กราฟต์ผม” นั้น หมายถึงกอผมซึ่งมีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น อาจเป็นผมเส้นเล็กบาง หรือเส้นหนาใหญ่ แล้วแต่ลักษณะของแต่ละคน ซึ่งเมื่อคุณหมอเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยกและตัดแต่ง ก่อนนำไปปลูกใหม่ 

ตรงนี้เอง ที่คุณหมอจะคัดเลือกเส้นผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูกใหม่มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผาก เพราะหากลองสังเกตให้ดี แนว Hairline แต่ละชั้นของคนเรานั้น ประกอบด้วยเส้นผมที่มีลักษณะแตกต่างกัน 
  • แนวไรผมชั้นนอกสุด คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว เป็นผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีขนาดเล็กและบาง
  • แนวผมชั้นถัดไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว แต่มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น และหนาขึ้น
  • แนวผมชั้นลึก ยิ่งลึกเข้าไป คุณหมอจะเลือกใช้กราฟต์ผมที่ประกอบไปด้วยผมหลายเส้น เช่น 2 – 4 เส้น ขึ้นอยู่กับลักษณะผมเดิมของคนไข้


ด้วยความเนี้ยบในการคัดสรรกราฟต์ผมเช่นนี้เอง ผลลัพธ์กรอบหน้าใหม่ของคุณผู้หญิงจึงออกมาดูเนียนตา ไล่ระดับอย่างเป็นระเบียบ ขั้นตอนนี้ จึงนับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนแบบสุด ๆ และเมื่อบวกกับความใส่ใจของคุณหมอ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ด้วยตัวเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยคำนึงถึงการวางทิศทางและองศาผม ให้กลมกลืนไปในแนวเดียวกันกับผมเดิม ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของเทคนิค NEAT ด้วยเช่นกัน ก็จะยิ่งตอบคำถามได้ชัดขึ้นว่า การปลูกผมปรับกรอบหน้าให้สวยเนียน ต้องอาศัยความพิถีพิถันมากเพียงใด

ทั้งนี้ การออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ของคุณหมอ จะใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์และมุมมองเชิงศิลป์รวมกัน โดยยึดหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ หมายถึงระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน หากใบหน้าของคุณผู้หญิงได้สัดส่วนตามนี้ ก็จะช่วยให้รูปหน้ายิ่งสมส่วนชวนมอง ได้ลุคใหม่ที่สดใสและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การปลูกผมสำหรับคุณผู้หญิง จึงไม่เพียงเติมผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังเน้นไปที่การเติมกรอบหน้าเพื่อผลลัพธ์ความงาม ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจได้อีกด้วย


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของความใส่ใจของคุณหมอ ในทุก ๆ เคสของการปลูกผม เพื่อให้คุณผู้หญิงได้ผมใหม่ที่สะท้อนสไตล์และความงามในแบบของตัวเอง เสริมบุคลิกรูปลักษณ์ให้โดดเด่น พร้อมกันนั้นก็แก้ปัญหาผมบางได้อย่างถาวร เนื่องจากผมปลูกใหม่นี้จะหลุดร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติ สามารถคงอยู่กับเจ้าของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต



ปลูกผมปรับกรอบหน้า คุณค่าความ NEAT เพื่อผู้หญิง
“ปลูกผมปรับกรอบหน้า” อีกหนึ่งภารกิจเพื่อผมสวยที่ไม่เคยมีสูตรสำเร็จ เพราะนี่คือการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยเฉพาะบุคคล ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเคสต่อเคส เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ตามแต่ปัญหาและความต้องการของแต่ละคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง

และหนึ่งในปัจจัยเบื้องต้นที่คุณหมอใช้พิจารณาเพื่อออกแบบวิธีปลูกผมให้เหมาะสมและตอบโจทย์ ก็คือ “เพศ” โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นการปลูกผมให้คุณผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงบริเวณหน้าผาก คุณหมอจะเน้นเติมเต็มผมเพื่อคืนความหนาแน่น ปรับลุคให้ดูสมาร์ทและมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สำหรับคุณผู้หญิง การปลูกผมปรับกรอบหน้า อาจจะมีความแตกต่างที่ลึกลงไปในรายละเอียดความประณีตระดับเส้นต่อเส้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผมปลูกใหม่แลดูใกล้เคียงผมเดิมมากที่สุด สะท้อนความพิถีพิถันและความใส่ใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคนิค NEAT นั่นเอง


หากถามว่า ปลูกผมปรับกรอบหน้าอย่างไรให้สวยเนียน คำตอบสำคัญอยู่ที่ “การเลือกใช้กราฟต์ผม” คำว่า “กราฟต์ผม” นั้น หมายถึงกอผมซึ่งมีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น อาจเป็นผมเส้นเล็กบาง หรือเส้นหนาใหญ่ แล้วแต่ลักษณะของแต่ละคน ซึ่งเมื่อคุณหมอเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยกและตัดแต่ง ก่อนนำไปปลูกใหม่ 

ตรงนี้เอง ที่คุณหมอจะคัดเลือกเส้นผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูกใหม่มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผาก เพราะหากลองสังเกตให้ดี แนว Hairline แต่ละชั้นของคนเรานั้น ประกอบด้วยเส้นผมที่มีลักษณะแตกต่างกัน 
  • แนวไรผมชั้นนอกสุด คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว เป็นผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีขนาดเล็กและบาง
  • แนวผมชั้นถัดไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว แต่มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น และหนาขึ้น
  • แนวผมชั้นลึก ยิ่งลึกเข้าไป คุณหมอจะเลือกใช้กราฟต์ผมที่ประกอบไปด้วยผมหลายเส้น เช่น 2 – 4 เส้น ขึ้นอยู่กับลักษณะผมเดิมของคนไข้


ด้วยความเนี้ยบในการคัดสรรกราฟต์ผมเช่นนี้เอง ผลลัพธ์กรอบหน้าใหม่ของคุณผู้หญิงจึงออกมาดูเนียนตา ไล่ระดับอย่างเป็นระเบียบ ขั้นตอนนี้ จึงนับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนแบบสุด ๆ และเมื่อบวกกับความใส่ใจของคุณหมอ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ด้วยตัวเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยคำนึงถึงการวางทิศทางและองศาผม ให้กลมกลืนไปในแนวเดียวกันกับผมเดิม ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของเทคนิค NEAT ด้วยเช่นกัน ก็จะยิ่งตอบคำถามได้ชัดขึ้นว่า การปลูกผมปรับกรอบหน้าให้สวยเนียน ต้องอาศัยความพิถีพิถันมากเพียงใด

ทั้งนี้ การออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ของคุณหมอ จะใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์และมุมมองเชิงศิลป์รวมกัน โดยยึดหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ หมายถึงระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน หากใบหน้าของคุณผู้หญิงได้สัดส่วนตามนี้ ก็จะช่วยให้รูปหน้ายิ่งสมส่วนชวนมอง ได้ลุคใหม่ที่สดใสและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การปลูกผมสำหรับคุณผู้หญิง จึงไม่เพียงเติมผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังเน้นไปที่การเติมกรอบหน้าเพื่อผลลัพธ์ความงาม ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจได้อีกด้วย


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของความใส่ใจของคุณหมอ ในทุก ๆ เคสของการปลูกผม เพื่อให้คุณผู้หญิงได้ผมใหม่ที่สะท้อนสไตล์และความงามในแบบของตัวเอง เสริมบุคลิกรูปลักษณ์ให้โดดเด่น พร้อมกันนั้นก็แก้ปัญหาผมบางได้อย่างถาวร เนื่องจากผมปลูกใหม่นี้จะหลุดร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติ สามารถคงอยู่กับเจ้าของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต



ปลูกผมปรับกรอบหน้า คุณค่าความ NEAT เพื่อผู้หญิง
“ปลูกผมปรับกรอบหน้า” อีกหนึ่งภารกิจเพื่อผมสวยที่ไม่เคยมีสูตรสำเร็จ เพราะนี่คือการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยเฉพาะบุคคล ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเคสต่อเคส เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ตามแต่ปัญหาและความต้องการของแต่ละคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง

และหนึ่งในปัจจัยเบื้องต้นที่คุณหมอใช้พิจารณาเพื่อออกแบบวิธีปลูกผมให้เหมาะสมและตอบโจทย์ ก็คือ “เพศ” โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นการปลูกผมให้คุณผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงบริเวณหน้าผาก คุณหมอจะเน้นเติมเต็มผมเพื่อคืนความหนาแน่น ปรับลุคให้ดูสมาร์ทและมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สำหรับคุณผู้หญิง การปลูกผมปรับกรอบหน้า อาจจะมีความแตกต่างที่ลึกลงไปในรายละเอียดความประณีตระดับเส้นต่อเส้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผมปลูกใหม่แลดูใกล้เคียงผมเดิมมากที่สุด สะท้อนความพิถีพิถันและความใส่ใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคนิค NEAT นั่นเอง


หากถามว่า ปลูกผมปรับกรอบหน้าอย่างไรให้สวยเนียน คำตอบสำคัญอยู่ที่ “การเลือกใช้กราฟต์ผม” คำว่า “กราฟต์ผม” นั้น หมายถึงกอผมซึ่งมีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น อาจเป็นผมเส้นเล็กบาง หรือเส้นหนาใหญ่ แล้วแต่ลักษณะของแต่ละคน ซึ่งเมื่อคุณหมอเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยกและตัดแต่ง ก่อนนำไปปลูกใหม่ 

ตรงนี้เอง ที่คุณหมอจะคัดเลือกเส้นผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูกใหม่มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผาก เพราะหากลองสังเกตให้ดี แนว Hairline แต่ละชั้นของคนเรานั้น ประกอบด้วยเส้นผมที่มีลักษณะแตกต่างกัน 
  • แนวไรผมชั้นนอกสุด คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว เป็นผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีขนาดเล็กและบาง
  • แนวผมชั้นถัดไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว แต่มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น และหนาขึ้น
  • แนวผมชั้นลึก ยิ่งลึกเข้าไป คุณหมอจะเลือกใช้กราฟต์ผมที่ประกอบไปด้วยผมหลายเส้น เช่น 2 – 4 เส้น ขึ้นอยู่กับลักษณะผมเดิมของคนไข้


ด้วยความเนี้ยบในการคัดสรรกราฟต์ผมเช่นนี้เอง ผลลัพธ์กรอบหน้าใหม่ของคุณผู้หญิงจึงออกมาดูเนียนตา ไล่ระดับอย่างเป็นระเบียบ ขั้นตอนนี้ จึงนับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนแบบสุด ๆ และเมื่อบวกกับความใส่ใจของคุณหมอ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ด้วยตัวเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยคำนึงถึงการวางทิศทางและองศาผม ให้กลมกลืนไปในแนวเดียวกันกับผมเดิม ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของเทคนิค NEAT ด้วยเช่นกัน ก็จะยิ่งตอบคำถามได้ชัดขึ้นว่า การปลูกผมปรับกรอบหน้าให้สวยเนียน ต้องอาศัยความพิถีพิถันมากเพียงใด

ทั้งนี้ การออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ของคุณหมอ จะใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์และมุมมองเชิงศิลป์รวมกัน โดยยึดหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ หมายถึงระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน หากใบหน้าของคุณผู้หญิงได้สัดส่วนตามนี้ ก็จะช่วยให้รูปหน้ายิ่งสมส่วนชวนมอง ได้ลุคใหม่ที่สดใสและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การปลูกผมสำหรับคุณผู้หญิง จึงไม่เพียงเติมผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังเน้นไปที่การเติมกรอบหน้าเพื่อผลลัพธ์ความงาม ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจได้อีกด้วย


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของความใส่ใจของคุณหมอ ในทุก ๆ เคสของการปลูกผม เพื่อให้คุณผู้หญิงได้ผมใหม่ที่สะท้อนสไตล์และความงามในแบบของตัวเอง เสริมบุคลิกรูปลักษณ์ให้โดดเด่น พร้อมกันนั้นก็แก้ปัญหาผมบางได้อย่างถาวร เนื่องจากผมปลูกใหม่นี้จะหลุดร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติ สามารถคงอยู่กับเจ้าของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต



“ดูแลหลังปลูก” เพื่อผมดีไม่มีวันเปลี่ยน
หลายคนคงสงสัยว่า การปลูกผมถาวรนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ “ถาวร” สมชื่อหรือไม่ เป็นไปได้จริงหรือที่ผมปลูกใหม่จะสามารถอยู่กับเราไปอีกแสนนานจนถึงวันที่อายุมากขึ้น และถึงขั้นที่ว่าอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่กลับมาหลุดร่วงและบางลงอีกเลย

“คำตอบก็คือ เป็นไปได้ ถ้าผมใหม่ได้รับการดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ

แต่ก่อนจะไปขยายความกันว่า การดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ หมายถึงอะไร เราขอชวนมาทำความเข้าใจธรรมชาติและวัฏจักรของเส้นผมให้มากขึ้นไปพร้อมกัน เพราะนั่นคือปัจจัยหนึ่งที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมผมปลูกใหม่จึงต้องการการดูแลอย่างดีจากแพทย์และเจ้าของเส้นผม และหากขาดการดูแลอย่างใส่ใจและต่อเนื่อง อาจเกิดอะไรขึ้นกับเส้นผมหลังปลูกของเราได้บ้าง 

ความท้าทาย ในการดูแลหลังปลูกผม
หลังปลูกผมจบ ไม่ได้หมายความว่าปัญหาผมบางและศีรษะล้านจะจบตามไปด้วยเสมอไป แพทย์ของนามนินย้ำกับคนไข้เสมอว่า การปลูกผมเป็นการแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้หนังศีรษะที่แม้จะอยู่ในภาวะศีรษะล้าน ไม่มีรูรากผมแล้ว ยังสามารถกลับมามีเส้นผมตามวงจรธรรมชาติได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ฮอร์โมน DHT ก็ยังเป็นฮอร์โมนเจ้าปัญหาที่ต้องระวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฮอร์โมน DHT มีบทบาทอย่างไรในสมการการเกิดภาวะผมร่วงและผมบาง หากคุณผู้ชายสืบต่อกรรมพันธุ์ผมบางจากคนในครอบครัว จะพบว่าที่บริเวณหนังศีรษะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase โดยเอนไซม์ตัวนี้จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือเรียนอย่างย่อว่า DHT ซึ่งจะส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ดังนั้น ผมที่งอกขึ้นมาใหม่จึงมีขนาดเล็ก ลีบแบน และอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร แม้ในคุณผู้ชายที่ยังอายุไม่มากหรืออยู่ในวัยหนุ่ม ก็ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงผมบางได้เช่นกัน

ส่วนการปลูกผมใหม่นั้น จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย บริเวณที่เรียกว่า Safe Zone เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้ไม่หลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือกลางศีรษะ คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะยังคงอยู่ จึงสามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง แบบถาวรได้ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


แต่เราไม่ควรลืมว่า หลังปลูกผมใหม่แล้ว ฮอร์โมน DHT ก็จะยังออกฤทธิ์อยู่ในบริเวณข้างเคียงอื่น ๆ ที่เป็นเส้นผมเดิม ทำให้เส้นผมเดิมมีโอกาสที่จะทยอยหลุดร่วง และกลายเป็นที่มาของภาวะผมล้านต่อก็เป็นได้ 

ขณะเดียวกัน แม้ผมปลูกใหม่จะรอดพ้นจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมาย ที่อาจทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วง ไม่ได้ผลลัพธ์ความหนาแน่นที่ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกหลังปลูกผมใหม่ ๆ เซลล์รากผมของคนไข้จะยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดีนัก เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อกันเพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผม จึงมีโอกาสที่รากผมจะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ๆ หรือที่เรียกว่า ปลูกผมไม่ติด ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาสำคัญที่จะต้องดูแลทะนุถนอมเส้นผมเป็นอย่างดี รวมถึงระวังพฤติกรรมในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงโดยไม่ได้ตั้งใจ จนแก้ปัญหาผมบางได้ไม่สำเร็จ

และไม่ใช่แค่ช่วงแรก ๆ ของการปลูกผมใหม่เท่านั้น แต่ผมใหม่ยังต้องการการดูแลอย่างใส่ใจตลอด 1 ปีเต็มหลังปลูก นั่นเป็นเพราะว่าผมปลูกใหม่ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าจะเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ แล้วจึงให้ผลลัพธ์ผมสวย สุขภาพดี แลดูหนาแน่นอย่างเต็มที่ 

ดังนั้นแล้ว การดูแลหลังปลูกผมที่ดี จึงเป็นการดูแลทั้งเส้นผมปลูกใหม่ และเส้นผมเดิม ให้ยังคงอยู่ และลดโอกาสการหลุดร่วงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปี เส้นผมที่แพทย์ลงมือปลูกไว้ให้ ก็จะยังแข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ราวกับเพิ่งปลูกผมใหม่ปีแรกนั่นเอง

ดูแลอย่างไร ผมใหม่หลังปลูก
ถึงตรงนี้ คนไข้ของนามนินสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่ เพราะภารกิจการดูแลผมใหม่หลังปลูกนั้น เป็นส่วนสำคัญในแผนการรักษาฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์ออกแบบมาอย่างใส่ใจ ทั้งยังตั้งใจที่จะดูแลต่อเนื่องใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็มตั้งแต่วันแรก โดยแพทย์จะนัดเข้ามาดูแลติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ย้ำเตือนข้อควรระวังต่าง ๆ และให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คนไข้รับมือการภาวะการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยความเข้าใจ 


และเพื่อให้การดูแลตนเองที่บ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ แพทย์จะจัดชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมให้คนไข้กลับไป พร้อมทั้งนัดเข้ามารับบริการ Treatment บำรุงต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงและลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม แพทย์ยังคอยตอบคำถามหรือข้อสงสัยให้กับคนไข้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด ตลอดเส้นทางการรักษาและดูแลหลังปลูก 

ไม่เพียงเท่านั้น แม้ผ่านช่วง 1 ปีเต็มไปแล้ว คนไข้หลาย ๆ ท่านก็ยังคงเข้ามารับคำแนะนำจากแพทย์ของนามนินในการดูแลและบำรุงเส้นผมต่อเนื่อง ผลลัพธ์เส้นผมจึงยังคงหนาแน่น แข็งแรง ดูสุขภาพดีเหมือนเพิ่งปลูกเมื่อปีแรก ซึ่งตัวช่วยจากนามนินที่จะเสริมประสิทธิภาพการดูแลหลังปลูกผมก็มีหลากหลาย โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีที่เหมาะสมและตอบโจทย์การดูแลคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

  • Mojelim Elixir Shampoo
แชมพูทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนล้ำลึกที่ส่งตรงจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมที่เกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง มาพร้อมคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ผมจึงสะอาด นุ่มสลวย หลุดร่วงน้อยลง แนะนำใช้คู่กับครีมนวด Mojelim Elixir Treatment เพื่อผสานพลังบำรุงแบบคูณสอง


  • VITA H 
วิตามินรวมตัวสำคัญที่แพทย์ค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อดูแลสุขภาพเส้นผมโดยเฉพาะ รับประทานง่ายและสะดวกในรูปแบบแคปซูล ทั้งยังเสริมคุณค่าด้วยสารสกัดจากแหล่งอาหารธรรมชาติหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น 
สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม
Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม พร้อมเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง
Iron Amino Acid Chelate บำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
Vitamin B Premix ช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE
ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มาในรูปแบบเซรั่ม ตรงเข้าฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ กระตุ้นและเร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม พร้อมลดโอกาสผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควรของทั้งผมปลูกใหม่และผมเดิม เซรั่มประกอบด้วยส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ได้แก่สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยเสริมให้เส้นผมดกดำ เงางาม สุขภาพดี


  • โปรแกรมฉีดบำรุง PHB
บริการ Treatment บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้มีอาการผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น หรือผู้ที่เข้ารับการปลูกผมแล้ว และต้องการคงผลลัพธ์ความหนาแน่นของเส้นผม ไม่ให้เกิดภาวะล้านต่อจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT โดยแพทย์จะฉีดบำรุงเข้าที่หนังศีรษะ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผม จากผมเส้นเล็ก ลีบแบน ก็จะมีขนาดหนาและใหญ่ขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้น


โปรแกรม PHB ยังกระตุ้นการทำงานของรากผม เร่งการงอกใหม่ให้เร็วขึ้นและมากขึ้น พร้อมกับลดการหลุดร่วง ซึ่งสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการครั้งแรก ที่สำคัญ คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับโปรแกรม Treatment อื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

และนี่ก็คือเส้นทางการรักษาตลอดจนการดูแลหลังปลูกผม ที่แพทย์และคนไข้จะได้ออกแบบแนวทางร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ขึ้นกับสภาพปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคน ซึ่งแพทย์และคนไข้จะจับมือเดินร่วมทางเคียงข้างกันไปจนสุดทาง เพื่อให้เส้นผมที่คุณรักอยู่กับคุณไปได้อีกนานแสนนาน



“ดูแลหลังปลูก” เพื่อผมดีไม่มีวันเปลี่ยน
หลายคนคงสงสัยว่า การปลูกผมถาวรนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ “ถาวร” สมชื่อหรือไม่ เป็นไปได้จริงหรือที่ผมปลูกใหม่จะสามารถอยู่กับเราไปอีกแสนนานจนถึงวันที่อายุมากขึ้น และถึงขั้นที่ว่าอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่กลับมาหลุดร่วงและบางลงอีกเลย

“คำตอบก็คือ เป็นไปได้ ถ้าผมใหม่ได้รับการดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ

แต่ก่อนจะไปขยายความกันว่า การดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ หมายถึงอะไร เราขอชวนมาทำความเข้าใจธรรมชาติและวัฏจักรของเส้นผมให้มากขึ้นไปพร้อมกัน เพราะนั่นคือปัจจัยหนึ่งที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมผมปลูกใหม่จึงต้องการการดูแลอย่างดีจากแพทย์และเจ้าของเส้นผม และหากขาดการดูแลอย่างใส่ใจและต่อเนื่อง อาจเกิดอะไรขึ้นกับเส้นผมหลังปลูกของเราได้บ้าง 

ความท้าทาย ในการดูแลหลังปลูกผม
หลังปลูกผมจบ ไม่ได้หมายความว่าปัญหาผมบางและศีรษะล้านจะจบตามไปด้วยเสมอไป แพทย์ของนามนินย้ำกับคนไข้เสมอว่า การปลูกผมเป็นการแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้หนังศีรษะที่แม้จะอยู่ในภาวะศีรษะล้าน ไม่มีรูรากผมแล้ว ยังสามารถกลับมามีเส้นผมตามวงจรธรรมชาติได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ฮอร์โมน DHT ก็ยังเป็นฮอร์โมนเจ้าปัญหาที่ต้องระวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฮอร์โมน DHT มีบทบาทอย่างไรในสมการการเกิดภาวะผมร่วงและผมบาง หากคุณผู้ชายสืบต่อกรรมพันธุ์ผมบางจากคนในครอบครัว จะพบว่าที่บริเวณหนังศีรษะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase โดยเอนไซม์ตัวนี้จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือเรียนอย่างย่อว่า DHT ซึ่งจะส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ดังนั้น ผมที่งอกขึ้นมาใหม่จึงมีขนาดเล็ก ลีบแบน และอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร แม้ในคุณผู้ชายที่ยังอายุไม่มากหรืออยู่ในวัยหนุ่ม ก็ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงผมบางได้เช่นกัน

ส่วนการปลูกผมใหม่นั้น จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย บริเวณที่เรียกว่า Safe Zone เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้ไม่หลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือกลางศีรษะ คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะยังคงอยู่ จึงสามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง แบบถาวรได้ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


แต่เราไม่ควรลืมว่า หลังปลูกผมใหม่แล้ว ฮอร์โมน DHT ก็จะยังออกฤทธิ์อยู่ในบริเวณข้างเคียงอื่น ๆ ที่เป็นเส้นผมเดิม ทำให้เส้นผมเดิมมีโอกาสที่จะทยอยหลุดร่วง และกลายเป็นที่มาของภาวะผมล้านต่อก็เป็นได้ 

ขณะเดียวกัน แม้ผมปลูกใหม่จะรอดพ้นจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมาย ที่อาจทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วง ไม่ได้ผลลัพธ์ความหนาแน่นที่ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกหลังปลูกผมใหม่ ๆ เซลล์รากผมของคนไข้จะยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดีนัก เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อกันเพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผม จึงมีโอกาสที่รากผมจะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ๆ หรือที่เรียกว่า ปลูกผมไม่ติด ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาสำคัญที่จะต้องดูแลทะนุถนอมเส้นผมเป็นอย่างดี รวมถึงระวังพฤติกรรมในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงโดยไม่ได้ตั้งใจ จนแก้ปัญหาผมบางได้ไม่สำเร็จ

และไม่ใช่แค่ช่วงแรก ๆ ของการปลูกผมใหม่เท่านั้น แต่ผมใหม่ยังต้องการการดูแลอย่างใส่ใจตลอด 1 ปีเต็มหลังปลูก นั่นเป็นเพราะว่าผมปลูกใหม่ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าจะเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ แล้วจึงให้ผลลัพธ์ผมสวย สุขภาพดี แลดูหนาแน่นอย่างเต็มที่ 

ดังนั้นแล้ว การดูแลหลังปลูกผมที่ดี จึงเป็นการดูแลทั้งเส้นผมปลูกใหม่ และเส้นผมเดิม ให้ยังคงอยู่ และลดโอกาสการหลุดร่วงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปี เส้นผมที่แพทย์ลงมือปลูกไว้ให้ ก็จะยังแข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ราวกับเพิ่งปลูกผมใหม่ปีแรกนั่นเอง

ดูแลอย่างไร ผมใหม่หลังปลูก
ถึงตรงนี้ คนไข้ของนามนินสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่ เพราะภารกิจการดูแลผมใหม่หลังปลูกนั้น เป็นส่วนสำคัญในแผนการรักษาฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์ออกแบบมาอย่างใส่ใจ ทั้งยังตั้งใจที่จะดูแลต่อเนื่องใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็มตั้งแต่วันแรก โดยแพทย์จะนัดเข้ามาดูแลติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ย้ำเตือนข้อควรระวังต่าง ๆ และให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คนไข้รับมือการภาวะการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยความเข้าใจ 


และเพื่อให้การดูแลตนเองที่บ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ แพทย์จะจัดชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมให้คนไข้กลับไป พร้อมทั้งนัดเข้ามารับบริการ Treatment บำรุงต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงและลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม แพทย์ยังคอยตอบคำถามหรือข้อสงสัยให้กับคนไข้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด ตลอดเส้นทางการรักษาและดูแลหลังปลูก 

ไม่เพียงเท่านั้น แม้ผ่านช่วง 1 ปีเต็มไปแล้ว คนไข้หลาย ๆ ท่านก็ยังคงเข้ามารับคำแนะนำจากแพทย์ของนามนินในการดูแลและบำรุงเส้นผมต่อเนื่อง ผลลัพธ์เส้นผมจึงยังคงหนาแน่น แข็งแรง ดูสุขภาพดีเหมือนเพิ่งปลูกเมื่อปีแรก ซึ่งตัวช่วยจากนามนินที่จะเสริมประสิทธิภาพการดูแลหลังปลูกผมก็มีหลากหลาย โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีที่เหมาะสมและตอบโจทย์การดูแลคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

  • Mojelim Elixir Shampoo
แชมพูทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนล้ำลึกที่ส่งตรงจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมที่เกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง มาพร้อมคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ผมจึงสะอาด นุ่มสลวย หลุดร่วงน้อยลง แนะนำใช้คู่กับครีมนวด Mojelim Elixir Treatment เพื่อผสานพลังบำรุงแบบคูณสอง


  • VITA H 
วิตามินรวมตัวสำคัญที่แพทย์ค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อดูแลสุขภาพเส้นผมโดยเฉพาะ รับประทานง่ายและสะดวกในรูปแบบแคปซูล ทั้งยังเสริมคุณค่าด้วยสารสกัดจากแหล่งอาหารธรรมชาติหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น 
สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม
Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม พร้อมเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง
Iron Amino Acid Chelate บำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
Vitamin B Premix ช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE
ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มาในรูปแบบเซรั่ม ตรงเข้าฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ กระตุ้นและเร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม พร้อมลดโอกาสผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควรของทั้งผมปลูกใหม่และผมเดิม เซรั่มประกอบด้วยส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ได้แก่สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยเสริมให้เส้นผมดกดำ เงางาม สุขภาพดี


  • โปรแกรมฉีดบำรุง PHB
บริการ Treatment บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้มีอาการผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น หรือผู้ที่เข้ารับการปลูกผมแล้ว และต้องการคงผลลัพธ์ความหนาแน่นของเส้นผม ไม่ให้เกิดภาวะล้านต่อจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT โดยแพทย์จะฉีดบำรุงเข้าที่หนังศีรษะ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผม จากผมเส้นเล็ก ลีบแบน ก็จะมีขนาดหนาและใหญ่ขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้น


โปรแกรม PHB ยังกระตุ้นการทำงานของรากผม เร่งการงอกใหม่ให้เร็วขึ้นและมากขึ้น พร้อมกับลดการหลุดร่วง ซึ่งสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการครั้งแรก ที่สำคัญ คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับโปรแกรม Treatment อื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

และนี่ก็คือเส้นทางการรักษาตลอดจนการดูแลหลังปลูกผม ที่แพทย์และคนไข้จะได้ออกแบบแนวทางร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ขึ้นกับสภาพปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคน ซึ่งแพทย์และคนไข้จะจับมือเดินร่วมทางเคียงข้างกันไปจนสุดทาง เพื่อให้เส้นผมที่คุณรักอยู่กับคุณไปได้อีกนานแสนนาน



“ดูแลหลังปลูก” เพื่อผมดีไม่มีวันเปลี่ยน
หลายคนคงสงสัยว่า การปลูกผมถาวรนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ “ถาวร” สมชื่อหรือไม่ เป็นไปได้จริงหรือที่ผมปลูกใหม่จะสามารถอยู่กับเราไปอีกแสนนานจนถึงวันที่อายุมากขึ้น และถึงขั้นที่ว่าอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่กลับมาหลุดร่วงและบางลงอีกเลย

“คำตอบก็คือ เป็นไปได้ ถ้าผมใหม่ได้รับการดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ

แต่ก่อนจะไปขยายความกันว่า การดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ หมายถึงอะไร เราขอชวนมาทำความเข้าใจธรรมชาติและวัฏจักรของเส้นผมให้มากขึ้นไปพร้อมกัน เพราะนั่นคือปัจจัยหนึ่งที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมผมปลูกใหม่จึงต้องการการดูแลอย่างดีจากแพทย์และเจ้าของเส้นผม และหากขาดการดูแลอย่างใส่ใจและต่อเนื่อง อาจเกิดอะไรขึ้นกับเส้นผมหลังปลูกของเราได้บ้าง 

ความท้าทาย ในการดูแลหลังปลูกผม
หลังปลูกผมจบ ไม่ได้หมายความว่าปัญหาผมบางและศีรษะล้านจะจบตามไปด้วยเสมอไป แพทย์ของนามนินย้ำกับคนไข้เสมอว่า การปลูกผมเป็นการแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้หนังศีรษะที่แม้จะอยู่ในภาวะศีรษะล้าน ไม่มีรูรากผมแล้ว ยังสามารถกลับมามีเส้นผมตามวงจรธรรมชาติได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ฮอร์โมน DHT ก็ยังเป็นฮอร์โมนเจ้าปัญหาที่ต้องระวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฮอร์โมน DHT มีบทบาทอย่างไรในสมการการเกิดภาวะผมร่วงและผมบาง หากคุณผู้ชายสืบต่อกรรมพันธุ์ผมบางจากคนในครอบครัว จะพบว่าที่บริเวณหนังศีรษะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase โดยเอนไซม์ตัวนี้จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือเรียนอย่างย่อว่า DHT ซึ่งจะส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ดังนั้น ผมที่งอกขึ้นมาใหม่จึงมีขนาดเล็ก ลีบแบน และอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร แม้ในคุณผู้ชายที่ยังอายุไม่มากหรืออยู่ในวัยหนุ่ม ก็ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงผมบางได้เช่นกัน

ส่วนการปลูกผมใหม่นั้น จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย บริเวณที่เรียกว่า Safe Zone เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้ไม่หลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือกลางศีรษะ คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะยังคงอยู่ จึงสามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง แบบถาวรได้ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


แต่เราไม่ควรลืมว่า หลังปลูกผมใหม่แล้ว ฮอร์โมน DHT ก็จะยังออกฤทธิ์อยู่ในบริเวณข้างเคียงอื่น ๆ ที่เป็นเส้นผมเดิม ทำให้เส้นผมเดิมมีโอกาสที่จะทยอยหลุดร่วง และกลายเป็นที่มาของภาวะผมล้านต่อก็เป็นได้ 

ขณะเดียวกัน แม้ผมปลูกใหม่จะรอดพ้นจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมาย ที่อาจทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วง ไม่ได้ผลลัพธ์ความหนาแน่นที่ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกหลังปลูกผมใหม่ ๆ เซลล์รากผมของคนไข้จะยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดีนัก เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อกันเพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผม จึงมีโอกาสที่รากผมจะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ๆ หรือที่เรียกว่า ปลูกผมไม่ติด ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาสำคัญที่จะต้องดูแลทะนุถนอมเส้นผมเป็นอย่างดี รวมถึงระวังพฤติกรรมในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงโดยไม่ได้ตั้งใจ จนแก้ปัญหาผมบางได้ไม่สำเร็จ

และไม่ใช่แค่ช่วงแรก ๆ ของการปลูกผมใหม่เท่านั้น แต่ผมใหม่ยังต้องการการดูแลอย่างใส่ใจตลอด 1 ปีเต็มหลังปลูก นั่นเป็นเพราะว่าผมปลูกใหม่ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าจะเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ แล้วจึงให้ผลลัพธ์ผมสวย สุขภาพดี แลดูหนาแน่นอย่างเต็มที่ 

ดังนั้นแล้ว การดูแลหลังปลูกผมที่ดี จึงเป็นการดูแลทั้งเส้นผมปลูกใหม่ และเส้นผมเดิม ให้ยังคงอยู่ และลดโอกาสการหลุดร่วงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปี เส้นผมที่แพทย์ลงมือปลูกไว้ให้ ก็จะยังแข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ราวกับเพิ่งปลูกผมใหม่ปีแรกนั่นเอง

ดูแลอย่างไร ผมใหม่หลังปลูก
ถึงตรงนี้ คนไข้ของนามนินสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่ เพราะภารกิจการดูแลผมใหม่หลังปลูกนั้น เป็นส่วนสำคัญในแผนการรักษาฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์ออกแบบมาอย่างใส่ใจ ทั้งยังตั้งใจที่จะดูแลต่อเนื่องใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็มตั้งแต่วันแรก โดยแพทย์จะนัดเข้ามาดูแลติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ย้ำเตือนข้อควรระวังต่าง ๆ และให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คนไข้รับมือการภาวะการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยความเข้าใจ 


และเพื่อให้การดูแลตนเองที่บ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ แพทย์จะจัดชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมให้คนไข้กลับไป พร้อมทั้งนัดเข้ามารับบริการ Treatment บำรุงต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงและลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม แพทย์ยังคอยตอบคำถามหรือข้อสงสัยให้กับคนไข้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด ตลอดเส้นทางการรักษาและดูแลหลังปลูก 

ไม่เพียงเท่านั้น แม้ผ่านช่วง 1 ปีเต็มไปแล้ว คนไข้หลาย ๆ ท่านก็ยังคงเข้ามารับคำแนะนำจากแพทย์ของนามนินในการดูแลและบำรุงเส้นผมต่อเนื่อง ผลลัพธ์เส้นผมจึงยังคงหนาแน่น แข็งแรง ดูสุขภาพดีเหมือนเพิ่งปลูกเมื่อปีแรก ซึ่งตัวช่วยจากนามนินที่จะเสริมประสิทธิภาพการดูแลหลังปลูกผมก็มีหลากหลาย โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีที่เหมาะสมและตอบโจทย์การดูแลคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

  • Mojelim Elixir Shampoo
แชมพูทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนล้ำลึกที่ส่งตรงจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมที่เกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง มาพร้อมคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ผมจึงสะอาด นุ่มสลวย หลุดร่วงน้อยลง แนะนำใช้คู่กับครีมนวด Mojelim Elixir Treatment เพื่อผสานพลังบำรุงแบบคูณสอง


  • VITA H 
วิตามินรวมตัวสำคัญที่แพทย์ค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อดูแลสุขภาพเส้นผมโดยเฉพาะ รับประทานง่ายและสะดวกในรูปแบบแคปซูล ทั้งยังเสริมคุณค่าด้วยสารสกัดจากแหล่งอาหารธรรมชาติหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น 
สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม
Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม พร้อมเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง
Iron Amino Acid Chelate บำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
Vitamin B Premix ช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE
ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มาในรูปแบบเซรั่ม ตรงเข้าฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ กระตุ้นและเร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม พร้อมลดโอกาสผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควรของทั้งผมปลูกใหม่และผมเดิม เซรั่มประกอบด้วยส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ได้แก่สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยเสริมให้เส้นผมดกดำ เงางาม สุขภาพดี


  • โปรแกรมฉีดบำรุง PHB
บริการ Treatment บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้มีอาการผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น หรือผู้ที่เข้ารับการปลูกผมแล้ว และต้องการคงผลลัพธ์ความหนาแน่นของเส้นผม ไม่ให้เกิดภาวะล้านต่อจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT โดยแพทย์จะฉีดบำรุงเข้าที่หนังศีรษะ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผม จากผมเส้นเล็ก ลีบแบน ก็จะมีขนาดหนาและใหญ่ขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้น


โปรแกรม PHB ยังกระตุ้นการทำงานของรากผม เร่งการงอกใหม่ให้เร็วขึ้นและมากขึ้น พร้อมกับลดการหลุดร่วง ซึ่งสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการครั้งแรก ที่สำคัญ คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับโปรแกรม Treatment อื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

และนี่ก็คือเส้นทางการรักษาตลอดจนการดูแลหลังปลูกผม ที่แพทย์และคนไข้จะได้ออกแบบแนวทางร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ขึ้นกับสภาพปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคน ซึ่งแพทย์และคนไข้จะจับมือเดินร่วมทางเคียงข้างกันไปจนสุดทาง เพื่อให้เส้นผมที่คุณรักอยู่กับคุณไปได้อีกนานแสนนาน



“ดูแลหลังปลูก” เพื่อผมดีไม่มีวันเปลี่ยน
หลายคนคงสงสัยว่า การปลูกผมถาวรนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ “ถาวร” สมชื่อหรือไม่ เป็นไปได้จริงหรือที่ผมปลูกใหม่จะสามารถอยู่กับเราไปอีกแสนนานจนถึงวันที่อายุมากขึ้น และถึงขั้นที่ว่าอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่กลับมาหลุดร่วงและบางลงอีกเลย

“คำตอบก็คือ เป็นไปได้ ถ้าผมใหม่ได้รับการดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ

แต่ก่อนจะไปขยายความกันว่า การดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ หมายถึงอะไร เราขอชวนมาทำความเข้าใจธรรมชาติและวัฏจักรของเส้นผมให้มากขึ้นไปพร้อมกัน เพราะนั่นคือปัจจัยหนึ่งที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมผมปลูกใหม่จึงต้องการการดูแลอย่างดีจากแพทย์และเจ้าของเส้นผม และหากขาดการดูแลอย่างใส่ใจและต่อเนื่อง อาจเกิดอะไรขึ้นกับเส้นผมหลังปลูกของเราได้บ้าง 

ความท้าทาย ในการดูแลหลังปลูกผม
หลังปลูกผมจบ ไม่ได้หมายความว่าปัญหาผมบางและศีรษะล้านจะจบตามไปด้วยเสมอไป แพทย์ของนามนินย้ำกับคนไข้เสมอว่า การปลูกผมเป็นการแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้หนังศีรษะที่แม้จะอยู่ในภาวะศีรษะล้าน ไม่มีรูรากผมแล้ว ยังสามารถกลับมามีเส้นผมตามวงจรธรรมชาติได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ฮอร์โมน DHT ก็ยังเป็นฮอร์โมนเจ้าปัญหาที่ต้องระวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฮอร์โมน DHT มีบทบาทอย่างไรในสมการการเกิดภาวะผมร่วงและผมบาง หากคุณผู้ชายสืบต่อกรรมพันธุ์ผมบางจากคนในครอบครัว จะพบว่าที่บริเวณหนังศีรษะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase โดยเอนไซม์ตัวนี้จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือเรียนอย่างย่อว่า DHT ซึ่งจะส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ดังนั้น ผมที่งอกขึ้นมาใหม่จึงมีขนาดเล็ก ลีบแบน และอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร แม้ในคุณผู้ชายที่ยังอายุไม่มากหรืออยู่ในวัยหนุ่ม ก็ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงผมบางได้เช่นกัน

ส่วนการปลูกผมใหม่นั้น จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย บริเวณที่เรียกว่า Safe Zone เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้ไม่หลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือกลางศีรษะ คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะยังคงอยู่ จึงสามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง แบบถาวรได้ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


แต่เราไม่ควรลืมว่า หลังปลูกผมใหม่แล้ว ฮอร์โมน DHT ก็จะยังออกฤทธิ์อยู่ในบริเวณข้างเคียงอื่น ๆ ที่เป็นเส้นผมเดิม ทำให้เส้นผมเดิมมีโอกาสที่จะทยอยหลุดร่วง และกลายเป็นที่มาของภาวะผมล้านต่อก็เป็นได้ 

ขณะเดียวกัน แม้ผมปลูกใหม่จะรอดพ้นจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมาย ที่อาจทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วง ไม่ได้ผลลัพธ์ความหนาแน่นที่ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกหลังปลูกผมใหม่ ๆ เซลล์รากผมของคนไข้จะยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดีนัก เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อกันเพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผม จึงมีโอกาสที่รากผมจะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ๆ หรือที่เรียกว่า ปลูกผมไม่ติด ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาสำคัญที่จะต้องดูแลทะนุถนอมเส้นผมเป็นอย่างดี รวมถึงระวังพฤติกรรมในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงโดยไม่ได้ตั้งใจ จนแก้ปัญหาผมบางได้ไม่สำเร็จ

และไม่ใช่แค่ช่วงแรก ๆ ของการปลูกผมใหม่เท่านั้น แต่ผมใหม่ยังต้องการการดูแลอย่างใส่ใจตลอด 1 ปีเต็มหลังปลูก นั่นเป็นเพราะว่าผมปลูกใหม่ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าจะเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ แล้วจึงให้ผลลัพธ์ผมสวย สุขภาพดี แลดูหนาแน่นอย่างเต็มที่ 

ดังนั้นแล้ว การดูแลหลังปลูกผมที่ดี จึงเป็นการดูแลทั้งเส้นผมปลูกใหม่ และเส้นผมเดิม ให้ยังคงอยู่ และลดโอกาสการหลุดร่วงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปี เส้นผมที่แพทย์ลงมือปลูกไว้ให้ ก็จะยังแข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ราวกับเพิ่งปลูกผมใหม่ปีแรกนั่นเอง

ดูแลอย่างไร ผมใหม่หลังปลูก
ถึงตรงนี้ คนไข้ของนามนินสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่ เพราะภารกิจการดูแลผมใหม่หลังปลูกนั้น เป็นส่วนสำคัญในแผนการรักษาฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์ออกแบบมาอย่างใส่ใจ ทั้งยังตั้งใจที่จะดูแลต่อเนื่องใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็มตั้งแต่วันแรก โดยแพทย์จะนัดเข้ามาดูแลติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ย้ำเตือนข้อควรระวังต่าง ๆ และให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คนไข้รับมือการภาวะการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยความเข้าใจ 


และเพื่อให้การดูแลตนเองที่บ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ แพทย์จะจัดชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมให้คนไข้กลับไป พร้อมทั้งนัดเข้ามารับบริการ Treatment บำรุงต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงและลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม แพทย์ยังคอยตอบคำถามหรือข้อสงสัยให้กับคนไข้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด ตลอดเส้นทางการรักษาและดูแลหลังปลูก 

ไม่เพียงเท่านั้น แม้ผ่านช่วง 1 ปีเต็มไปแล้ว คนไข้หลาย ๆ ท่านก็ยังคงเข้ามารับคำแนะนำจากแพทย์ของนามนินในการดูแลและบำรุงเส้นผมต่อเนื่อง ผลลัพธ์เส้นผมจึงยังคงหนาแน่น แข็งแรง ดูสุขภาพดีเหมือนเพิ่งปลูกเมื่อปีแรก ซึ่งตัวช่วยจากนามนินที่จะเสริมประสิทธิภาพการดูแลหลังปลูกผมก็มีหลากหลาย โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีที่เหมาะสมและตอบโจทย์การดูแลคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

  • Mojelim Elixir Shampoo
แชมพูทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนล้ำลึกที่ส่งตรงจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมที่เกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง มาพร้อมคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ผมจึงสะอาด นุ่มสลวย หลุดร่วงน้อยลง แนะนำใช้คู่กับครีมนวด Mojelim Elixir Treatment เพื่อผสานพลังบำรุงแบบคูณสอง


  • VITA H 
วิตามินรวมตัวสำคัญที่แพทย์ค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อดูแลสุขภาพเส้นผมโดยเฉพาะ รับประทานง่ายและสะดวกในรูปแบบแคปซูล ทั้งยังเสริมคุณค่าด้วยสารสกัดจากแหล่งอาหารธรรมชาติหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น 
สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม
Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม พร้อมเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง
Iron Amino Acid Chelate บำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
Vitamin B Premix ช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE
ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มาในรูปแบบเซรั่ม ตรงเข้าฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ กระตุ้นและเร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม พร้อมลดโอกาสผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควรของทั้งผมปลูกใหม่และผมเดิม เซรั่มประกอบด้วยส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ได้แก่สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยเสริมให้เส้นผมดกดำ เงางาม สุขภาพดี


  • โปรแกรมฉีดบำรุง PHB
บริการ Treatment บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้มีอาการผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น หรือผู้ที่เข้ารับการปลูกผมแล้ว และต้องการคงผลลัพธ์ความหนาแน่นของเส้นผม ไม่ให้เกิดภาวะล้านต่อจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT โดยแพทย์จะฉีดบำรุงเข้าที่หนังศีรษะ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผม จากผมเส้นเล็ก ลีบแบน ก็จะมีขนาดหนาและใหญ่ขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้น


โปรแกรม PHB ยังกระตุ้นการทำงานของรากผม เร่งการงอกใหม่ให้เร็วขึ้นและมากขึ้น พร้อมกับลดการหลุดร่วง ซึ่งสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการครั้งแรก ที่สำคัญ คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับโปรแกรม Treatment อื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

และนี่ก็คือเส้นทางการรักษาตลอดจนการดูแลหลังปลูกผม ที่แพทย์และคนไข้จะได้ออกแบบแนวทางร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ขึ้นกับสภาพปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคน ซึ่งแพทย์และคนไข้จะจับมือเดินร่วมทางเคียงข้างกันไปจนสุดทาง เพื่อให้เส้นผมที่คุณรักอยู่กับคุณไปได้อีกนานแสนนาน



“ดูแลหลังปลูก” เพื่อผมดีไม่มีวันเปลี่ยน
หลายคนคงสงสัยว่า การปลูกผมถาวรนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ “ถาวร” สมชื่อหรือไม่ เป็นไปได้จริงหรือที่ผมปลูกใหม่จะสามารถอยู่กับเราไปอีกแสนนานจนถึงวันที่อายุมากขึ้น และถึงขั้นที่ว่าอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่กลับมาหลุดร่วงและบางลงอีกเลย

“คำตอบก็คือ เป็นไปได้ ถ้าผมใหม่ได้รับการดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ

แต่ก่อนจะไปขยายความกันว่า การดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ หมายถึงอะไร เราขอชวนมาทำความเข้าใจธรรมชาติและวัฏจักรของเส้นผมให้มากขึ้นไปพร้อมกัน เพราะนั่นคือปัจจัยหนึ่งที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมผมปลูกใหม่จึงต้องการการดูแลอย่างดีจากแพทย์และเจ้าของเส้นผม และหากขาดการดูแลอย่างใส่ใจและต่อเนื่อง อาจเกิดอะไรขึ้นกับเส้นผมหลังปลูกของเราได้บ้าง 

ความท้าทาย ในการดูแลหลังปลูกผม
หลังปลูกผมจบ ไม่ได้หมายความว่าปัญหาผมบางและศีรษะล้านจะจบตามไปด้วยเสมอไป แพทย์ของนามนินย้ำกับคนไข้เสมอว่า การปลูกผมเป็นการแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้หนังศีรษะที่แม้จะอยู่ในภาวะศีรษะล้าน ไม่มีรูรากผมแล้ว ยังสามารถกลับมามีเส้นผมตามวงจรธรรมชาติได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ฮอร์โมน DHT ก็ยังเป็นฮอร์โมนเจ้าปัญหาที่ต้องระวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฮอร์โมน DHT มีบทบาทอย่างไรในสมการการเกิดภาวะผมร่วงและผมบาง หากคุณผู้ชายสืบต่อกรรมพันธุ์ผมบางจากคนในครอบครัว จะพบว่าที่บริเวณหนังศีรษะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase โดยเอนไซม์ตัวนี้จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือเรียนอย่างย่อว่า DHT ซึ่งจะส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ดังนั้น ผมที่งอกขึ้นมาใหม่จึงมีขนาดเล็ก ลีบแบน และอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร แม้ในคุณผู้ชายที่ยังอายุไม่มากหรืออยู่ในวัยหนุ่ม ก็ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงผมบางได้เช่นกัน

ส่วนการปลูกผมใหม่นั้น จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย บริเวณที่เรียกว่า Safe Zone เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้ไม่หลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือกลางศีรษะ คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะยังคงอยู่ จึงสามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง แบบถาวรได้ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


แต่เราไม่ควรลืมว่า หลังปลูกผมใหม่แล้ว ฮอร์โมน DHT ก็จะยังออกฤทธิ์อยู่ในบริเวณข้างเคียงอื่น ๆ ที่เป็นเส้นผมเดิม ทำให้เส้นผมเดิมมีโอกาสที่จะทยอยหลุดร่วง และกลายเป็นที่มาของภาวะผมล้านต่อก็เป็นได้ 

ขณะเดียวกัน แม้ผมปลูกใหม่จะรอดพ้นจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมาย ที่อาจทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วง ไม่ได้ผลลัพธ์ความหนาแน่นที่ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกหลังปลูกผมใหม่ ๆ เซลล์รากผมของคนไข้จะยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดีนัก เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อกันเพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผม จึงมีโอกาสที่รากผมจะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ๆ หรือที่เรียกว่า ปลูกผมไม่ติด ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาสำคัญที่จะต้องดูแลทะนุถนอมเส้นผมเป็นอย่างดี รวมถึงระวังพฤติกรรมในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงโดยไม่ได้ตั้งใจ จนแก้ปัญหาผมบางได้ไม่สำเร็จ

และไม่ใช่แค่ช่วงแรก ๆ ของการปลูกผมใหม่เท่านั้น แต่ผมใหม่ยังต้องการการดูแลอย่างใส่ใจตลอด 1 ปีเต็มหลังปลูก นั่นเป็นเพราะว่าผมปลูกใหม่ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าจะเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ แล้วจึงให้ผลลัพธ์ผมสวย สุขภาพดี แลดูหนาแน่นอย่างเต็มที่ 

ดังนั้นแล้ว การดูแลหลังปลูกผมที่ดี จึงเป็นการดูแลทั้งเส้นผมปลูกใหม่ และเส้นผมเดิม ให้ยังคงอยู่ และลดโอกาสการหลุดร่วงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปี เส้นผมที่แพทย์ลงมือปลูกไว้ให้ ก็จะยังแข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ราวกับเพิ่งปลูกผมใหม่ปีแรกนั่นเอง

ดูแลอย่างไร ผมใหม่หลังปลูก
ถึงตรงนี้ คนไข้ของนามนินสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่ เพราะภารกิจการดูแลผมใหม่หลังปลูกนั้น เป็นส่วนสำคัญในแผนการรักษาฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์ออกแบบมาอย่างใส่ใจ ทั้งยังตั้งใจที่จะดูแลต่อเนื่องใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็มตั้งแต่วันแรก โดยแพทย์จะนัดเข้ามาดูแลติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ย้ำเตือนข้อควรระวังต่าง ๆ และให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คนไข้รับมือการภาวะการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยความเข้าใจ 


และเพื่อให้การดูแลตนเองที่บ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ แพทย์จะจัดชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมให้คนไข้กลับไป พร้อมทั้งนัดเข้ามารับบริการ Treatment บำรุงต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงและลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม แพทย์ยังคอยตอบคำถามหรือข้อสงสัยให้กับคนไข้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด ตลอดเส้นทางการรักษาและดูแลหลังปลูก 

ไม่เพียงเท่านั้น แม้ผ่านช่วง 1 ปีเต็มไปแล้ว คนไข้หลาย ๆ ท่านก็ยังคงเข้ามารับคำแนะนำจากแพทย์ของนามนินในการดูแลและบำรุงเส้นผมต่อเนื่อง ผลลัพธ์เส้นผมจึงยังคงหนาแน่น แข็งแรง ดูสุขภาพดีเหมือนเพิ่งปลูกเมื่อปีแรก ซึ่งตัวช่วยจากนามนินที่จะเสริมประสิทธิภาพการดูแลหลังปลูกผมก็มีหลากหลาย โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีที่เหมาะสมและตอบโจทย์การดูแลคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

  • Mojelim Elixir Shampoo
แชมพูทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนล้ำลึกที่ส่งตรงจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมที่เกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง มาพร้อมคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ผมจึงสะอาด นุ่มสลวย หลุดร่วงน้อยลง แนะนำใช้คู่กับครีมนวด Mojelim Elixir Treatment เพื่อผสานพลังบำรุงแบบคูณสอง


  • VITA H 
วิตามินรวมตัวสำคัญที่แพทย์ค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อดูแลสุขภาพเส้นผมโดยเฉพาะ รับประทานง่ายและสะดวกในรูปแบบแคปซูล ทั้งยังเสริมคุณค่าด้วยสารสกัดจากแหล่งอาหารธรรมชาติหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น 
สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม
Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม พร้อมเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง
Iron Amino Acid Chelate บำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
Vitamin B Premix ช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE
ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มาในรูปแบบเซรั่ม ตรงเข้าฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ กระตุ้นและเร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม พร้อมลดโอกาสผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควรของทั้งผมปลูกใหม่และผมเดิม เซรั่มประกอบด้วยส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ได้แก่สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยเสริมให้เส้นผมดกดำ เงางาม สุขภาพดี


  • โปรแกรมฉีดบำรุง PHB
บริการ Treatment บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้มีอาการผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น หรือผู้ที่เข้ารับการปลูกผมแล้ว และต้องการคงผลลัพธ์ความหนาแน่นของเส้นผม ไม่ให้เกิดภาวะล้านต่อจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT โดยแพทย์จะฉีดบำรุงเข้าที่หนังศีรษะ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผม จากผมเส้นเล็ก ลีบแบน ก็จะมีขนาดหนาและใหญ่ขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้น


โปรแกรม PHB ยังกระตุ้นการทำงานของรากผม เร่งการงอกใหม่ให้เร็วขึ้นและมากขึ้น พร้อมกับลดการหลุดร่วง ซึ่งสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการครั้งแรก ที่สำคัญ คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับโปรแกรม Treatment อื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

และนี่ก็คือเส้นทางการรักษาตลอดจนการดูแลหลังปลูกผม ที่แพทย์และคนไข้จะได้ออกแบบแนวทางร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ขึ้นกับสภาพปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคน ซึ่งแพทย์และคนไข้จะจับมือเดินร่วมทางเคียงข้างกันไปจนสุดทาง เพื่อให้เส้นผมที่คุณรักอยู่กับคุณไปได้อีกนานแสนนาน



“ดูแลหลังปลูก” เพื่อผมดีไม่มีวันเปลี่ยน
หลายคนคงสงสัยว่า การปลูกผมถาวรนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ “ถาวร” สมชื่อหรือไม่ เป็นไปได้จริงหรือที่ผมปลูกใหม่จะสามารถอยู่กับเราไปอีกแสนนานจนถึงวันที่อายุมากขึ้น และถึงขั้นที่ว่าอยู่ได้ตลอดชีวิต โดยไม่กลับมาหลุดร่วงและบางลงอีกเลย

“คำตอบก็คือ เป็นไปได้ ถ้าผมใหม่ได้รับการดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ

แต่ก่อนจะไปขยายความกันว่า การดูแลหลังปลูกที่ดีเพียงพอ หมายถึงอะไร เราขอชวนมาทำความเข้าใจธรรมชาติและวัฏจักรของเส้นผมให้มากขึ้นไปพร้อมกัน เพราะนั่นคือปัจจัยหนึ่งที่จะอธิบายได้ว่า ทำไมผมปลูกใหม่จึงต้องการการดูแลอย่างดีจากแพทย์และเจ้าของเส้นผม และหากขาดการดูแลอย่างใส่ใจและต่อเนื่อง อาจเกิดอะไรขึ้นกับเส้นผมหลังปลูกของเราได้บ้าง 

ความท้าทาย ในการดูแลหลังปลูกผม
หลังปลูกผมจบ ไม่ได้หมายความว่าปัญหาผมบางและศีรษะล้านจะจบตามไปด้วยเสมอไป แพทย์ของนามนินย้ำกับคนไข้เสมอว่า การปลูกผมเป็นการแก้ปัญหาเพื่อช่วยให้หนังศีรษะที่แม้จะอยู่ในภาวะศีรษะล้าน ไม่มีรูรากผมแล้ว ยังสามารถกลับมามีเส้นผมตามวงจรธรรมชาติได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ฮอร์โมน DHT ก็ยังเป็นฮอร์โมนเจ้าปัญหาที่ต้องระวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฮอร์โมน DHT มีบทบาทอย่างไรในสมการการเกิดภาวะผมร่วงและผมบาง หากคุณผู้ชายสืบต่อกรรมพันธุ์ผมบางจากคนในครอบครัว จะพบว่าที่บริเวณหนังศีรษะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase โดยเอนไซม์ตัวนี้จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือเรียนอย่างย่อว่า DHT ซึ่งจะส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ดังนั้น ผมที่งอกขึ้นมาใหม่จึงมีขนาดเล็ก ลีบแบน และอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร แม้ในคุณผู้ชายที่ยังอายุไม่มากหรืออยู่ในวัยหนุ่ม ก็ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงผมบางได้เช่นกัน

ส่วนการปลูกผมใหม่นั้น จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย บริเวณที่เรียกว่า Safe Zone เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้ไม่หลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือกลางศีรษะ คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะยังคงอยู่ จึงสามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง แบบถาวรได้ หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม


แต่เราไม่ควรลืมว่า หลังปลูกผมใหม่แล้ว ฮอร์โมน DHT ก็จะยังออกฤทธิ์อยู่ในบริเวณข้างเคียงอื่น ๆ ที่เป็นเส้นผมเดิม ทำให้เส้นผมเดิมมีโอกาสที่จะทยอยหลุดร่วง และกลายเป็นที่มาของภาวะผมล้านต่อก็เป็นได้ 

ขณะเดียวกัน แม้ผมปลูกใหม่จะรอดพ้นจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมาย ที่อาจทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วง ไม่ได้ผลลัพธ์ความหนาแน่นที่ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกหลังปลูกผมใหม่ ๆ เซลล์รากผมของคนไข้จะยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดีนัก เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อกันเพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผม จึงมีโอกาสที่รากผมจะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ๆ หรือที่เรียกว่า ปลูกผมไม่ติด ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาสำคัญที่จะต้องดูแลทะนุถนอมเส้นผมเป็นอย่างดี รวมถึงระวังพฤติกรรมในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงโดยไม่ได้ตั้งใจ จนแก้ปัญหาผมบางได้ไม่สำเร็จ

และไม่ใช่แค่ช่วงแรก ๆ ของการปลูกผมใหม่เท่านั้น แต่ผมใหม่ยังต้องการการดูแลอย่างใส่ใจตลอด 1 ปีเต็มหลังปลูก นั่นเป็นเพราะว่าผมปลูกใหม่ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าจะเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ แล้วจึงให้ผลลัพธ์ผมสวย สุขภาพดี แลดูหนาแน่นอย่างเต็มที่ 

ดังนั้นแล้ว การดูแลหลังปลูกผมที่ดี จึงเป็นการดูแลทั้งเส้นผมปลูกใหม่ และเส้นผมเดิม ให้ยังคงอยู่ และลดโอกาสการหลุดร่วงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปี เส้นผมที่แพทย์ลงมือปลูกไว้ให้ ก็จะยังแข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย ราวกับเพิ่งปลูกผมใหม่ปีแรกนั่นเอง

ดูแลอย่างไร ผมใหม่หลังปลูก
ถึงตรงนี้ คนไข้ของนามนินสามารถวางใจได้อย่างเต็มที่ เพราะภารกิจการดูแลผมใหม่หลังปลูกนั้น เป็นส่วนสำคัญในแผนการรักษาฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์ออกแบบมาอย่างใส่ใจ ทั้งยังตั้งใจที่จะดูแลต่อเนื่องใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็มตั้งแต่วันแรก โดยแพทย์จะนัดเข้ามาดูแลติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ย้ำเตือนข้อควรระวังต่าง ๆ และให้ข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คนไข้รับมือการภาวะการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยความเข้าใจ 


และเพื่อให้การดูแลตนเองที่บ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ แพทย์จะจัดชุดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมให้คนไข้กลับไป พร้อมทั้งนัดเข้ามารับบริการ Treatment บำรุงต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงและลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม แพทย์ยังคอยตอบคำถามหรือข้อสงสัยให้กับคนไข้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด ตลอดเส้นทางการรักษาและดูแลหลังปลูก 

ไม่เพียงเท่านั้น แม้ผ่านช่วง 1 ปีเต็มไปแล้ว คนไข้หลาย ๆ ท่านก็ยังคงเข้ามารับคำแนะนำจากแพทย์ของนามนินในการดูแลและบำรุงเส้นผมต่อเนื่อง ผลลัพธ์เส้นผมจึงยังคงหนาแน่น แข็งแรง ดูสุขภาพดีเหมือนเพิ่งปลูกเมื่อปีแรก ซึ่งตัวช่วยจากนามนินที่จะเสริมประสิทธิภาพการดูแลหลังปลูกผมก็มีหลากหลาย โดยแพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีที่เหมาะสมและตอบโจทย์การดูแลคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

  • Mojelim Elixir Shampoo
แชมพูทำความสะอาดอย่างอ่อนโยนล้ำลึกที่ส่งตรงจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมที่เกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง มาพร้อมคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ผมจึงสะอาด นุ่มสลวย หลุดร่วงน้อยลง แนะนำใช้คู่กับครีมนวด Mojelim Elixir Treatment เพื่อผสานพลังบำรุงแบบคูณสอง


  • VITA H 
วิตามินรวมตัวสำคัญที่แพทย์ค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อดูแลสุขภาพเส้นผมโดยเฉพาะ รับประทานง่ายและสะดวกในรูปแบบแคปซูล ทั้งยังเสริมคุณค่าด้วยสารสกัดจากแหล่งอาหารธรรมชาติหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น 
สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม
Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม พร้อมเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง
Iron Amino Acid Chelate บำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม
Vitamin B Premix ช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE
ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มาในรูปแบบเซรั่ม ตรงเข้าฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ กระตุ้นและเร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม พร้อมลดโอกาสผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควรของทั้งผมปลูกใหม่และผมเดิม เซรั่มประกอบด้วยส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ได้แก่สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยเสริมให้เส้นผมดกดำ เงางาม สุขภาพดี


  • โปรแกรมฉีดบำรุง PHB
บริการ Treatment บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้มีอาการผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น หรือผู้ที่เข้ารับการปลูกผมแล้ว และต้องการคงผลลัพธ์ความหนาแน่นของเส้นผม ไม่ให้เกิดภาวะล้านต่อจากอิทธิพลของฮอร์โมน DHT โดยแพทย์จะฉีดบำรุงเข้าที่หนังศีรษะ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผม จากผมเส้นเล็ก ลีบแบน ก็จะมีขนาดหนาและใหญ่ขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้น


โปรแกรม PHB ยังกระตุ้นการทำงานของรากผม เร่งการงอกใหม่ให้เร็วขึ้นและมากขึ้น พร้อมกับลดการหลุดร่วง ซึ่งสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการครั้งแรก ที่สำคัญ คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับโปรแกรม Treatment อื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

และนี่ก็คือเส้นทางการรักษาตลอดจนการดูแลหลังปลูกผม ที่แพทย์และคนไข้จะได้ออกแบบแนวทางร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ขึ้นกับสภาพปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคน ซึ่งแพทย์และคนไข้จะจับมือเดินร่วมทางเคียงข้างกันไปจนสุดทาง เพื่อให้เส้นผมที่คุณรักอยู่กับคุณไปได้อีกนานแสนนาน



“ปลูกผม” ปรับหน้าเป๊ะ! เคล็ดลับแต่งหน้าสวยปัง ที่คนดังอยากบอกต่อ
ได้ยินคำว่า “ปลูกผม” ทีไร สาว ๆ คงนึกถึงคุณผู้ชายที่ผมบางหรือผมล้าน จึงเลือกใช้วิธีการปลูกผมเพื่อคืนความหนาแน่นดกดำ ซึ่งฟังดูไกลตัวมาก ๆ เลย แต่ทราบมั้ยว่าที่จริงแล้ว ทุกวันนี้มีคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกการปลูกผมถาวรเป็นทางออกที่แสนจะตอบโจทย์ให้กับปัญหาเส้นผม ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมในบริเวณที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังช่วยเติมและปรับแนวผมบริเวณหน้าผาก หรือกรอบหน้า จนสามารถเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ คืนความมั่นใจให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

แนวผมหรือกรอบหน้า สำคัญกับการเปลี่ยนหรือปรับลุคขนาดไหน นามนินขอยกหน้าที่ให้ภาพของคนดังเหล่านี้ ช่วยเล่าเรื่องดีกว่า

  • คุณ วรัฐฐา อิมราพร หรือ คุณเนย เนโกะจัมพ์ จบปัญหาผมบางและความกังวลเรื่องรอยแสกผม ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงสามารถรวบผมเปิดหน้าเผยออร่าความสวยได้เต็มที่


  • คุณหญิง ธิติกานต์ ไต้ไธสง บอกลาการใช้ Hair Shadow ปกปิดผมบางบริเวณหน้าผาก ด้วยผมปลูกใหม่ที่ซูมใกล้แค่ไหนก็สวยเป๊ะ


  • คุณขวัญนภา เรืองศรี หรือ คุณลาล่า อาร์สยาม พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าการปลูกผมเปลี่ยนรูปหน้าทำได้จริง ผมยังแน่น เนียน สวย แม้ปลูกมาแล้ว 3 ปี


  • คุณนุชนันท์ วรรวิรา อวดกรอบหน้าใหม่ จากแนว Hairline ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี และปลูกด้วยมือของแพทย์แบบเส้นต่อเส้น จนได้ผลลัพธ์สวยเนียนประณีต


และเคล็ดลับที่คนดังเหล่านี้อยากบอกต่อให้กับคุณผู้หญิงทุกคน ก็คือความสำคัญของกรอบหน้า ถ้ากรอบหน้าเป๊ะ ได้สัดส่วนชวนมองเมื่อไหร่ การแต่งหน้าให้สวยปังก็จะง่ายขึ้นเยอะมาก ๆ เพราะกรอบหน้าที่ชัดเจนและได้รูปตามสัดส่วนทองคำนั้น เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ โดยมีระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน ถึงตรงนี้ก็คงหายสงสัยแล้วว่า ทำไมคุณผู้หญิงที่มีหน้าผากกว้าง หรือมีแนวไรผมถอยร่นขึ้นไป จึงทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย ไม่สมส่วน ซึ่งการปลูกผมจะสามารถเติมแนวไรผมบริเวณหน้าผากให้ได้สัดส่วน สอดรับกับรูปหน้า คุณจึงไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของแนวไรผม ทำให้แต่งหน้าได้ง่าย เสริมลุคให้โดดเด่น ได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติจากความงามของกรอบหน้าของเราเองจริง ๆ

และเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความงามในปัจจุบัน การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงเป็นคำตอบให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คน ที่ต้องการเผยความงามอย่างเป็นธรรมชาติ จากรูปหน้าที่สวยได้สัดส่วน โดยแพทย์จะพูดคุยให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาหน้าผากกว้าง วางแผนออกแบบแนว Hairline ใหม่ที่เหมาะกับรูปหน้า ก่อนจะลงมือปลูกผมใหม่ให้ด้วยตัวเองทุก ๆ เส้น ทั้งนี้ แพทย์จะเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีจากด้านหลังท้ายทอย มาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาดที่เหมาะสม และปลูกลงบริเวณแนวไรผม โดยใช้อุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการปลูก เน้นทิศทางและองศาผมที่กลมกลืน จนได้แนวผมสวนเนียนเป็นระเบียบ ไล่ระดับจากผมเส้นเล็กบางในชั้นนอก ไปสู่ผมที่หนาและใหญ่ขึ้นบริเวณชั้นใน จึงใกล้เคียงผมธรรมชาติมากที่สุด 

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบาย แทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที พร้อมคำแนะนำในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างง่าย ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลและให้คำปรึกษา ตลอดระยะการดูแลหลังปลูก 12 – 18 เดือน จนกว่าผมใหม่จะแข็งแรงเติบโตอย่างสมบูรณ์

หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ความงามของเส้นผมและใบหน้า ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่จริง ๆ

“ปลูกผม” ปรับหน้าเป๊ะ! เคล็ดลับแต่งหน้าสวยปัง ที่คนดังอยากบอกต่อ
ได้ยินคำว่า “ปลูกผม” ทีไร สาว ๆ คงนึกถึงคุณผู้ชายที่ผมบางหรือผมล้าน จึงเลือกใช้วิธีการปลูกผมเพื่อคืนความหนาแน่นดกดำ ซึ่งฟังดูไกลตัวมาก ๆ เลย แต่ทราบมั้ยว่าที่จริงแล้ว ทุกวันนี้มีคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกการปลูกผมถาวรเป็นทางออกที่แสนจะตอบโจทย์ให้กับปัญหาเส้นผม ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมในบริเวณที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังช่วยเติมและปรับแนวผมบริเวณหน้าผาก หรือกรอบหน้า จนสามารถเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ คืนความมั่นใจให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

แนวผมหรือกรอบหน้า สำคัญกับการเปลี่ยนหรือปรับลุคขนาดไหน นามนินขอยกหน้าที่ให้ภาพของคนดังเหล่านี้ ช่วยเล่าเรื่องดีกว่า

  • คุณ วรัฐฐา อิมราพร หรือ คุณเนย เนโกะจัมพ์ จบปัญหาผมบางและความกังวลเรื่องรอยแสกผม ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงสามารถรวบผมเปิดหน้าเผยออร่าความสวยได้เต็มที่


  • คุณหญิง ธิติกานต์ ไต้ไธสง บอกลาการใช้ Hair Shadow ปกปิดผมบางบริเวณหน้าผาก ด้วยผมปลูกใหม่ที่ซูมใกล้แค่ไหนก็สวยเป๊ะ


  • คุณขวัญนภา เรืองศรี หรือ คุณลาล่า อาร์สยาม พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าการปลูกผมเปลี่ยนรูปหน้าทำได้จริง ผมยังแน่น เนียน สวย แม้ปลูกมาแล้ว 3 ปี


  • คุณนุชนันท์ วรรวิรา อวดกรอบหน้าใหม่ จากแนว Hairline ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี และปลูกด้วยมือของแพทย์แบบเส้นต่อเส้น จนได้ผลลัพธ์สวยเนียนประณีต


และเคล็ดลับที่คนดังเหล่านี้อยากบอกต่อให้กับคุณผู้หญิงทุกคน ก็คือความสำคัญของกรอบหน้า ถ้ากรอบหน้าเป๊ะ ได้สัดส่วนชวนมองเมื่อไหร่ การแต่งหน้าให้สวยปังก็จะง่ายขึ้นเยอะมาก ๆ เพราะกรอบหน้าที่ชัดเจนและได้รูปตามสัดส่วนทองคำนั้น เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ โดยมีระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน ถึงตรงนี้ก็คงหายสงสัยแล้วว่า ทำไมคุณผู้หญิงที่มีหน้าผากกว้าง หรือมีแนวไรผมถอยร่นขึ้นไป จึงทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย ไม่สมส่วน ซึ่งการปลูกผมจะสามารถเติมแนวไรผมบริเวณหน้าผากให้ได้สัดส่วน สอดรับกับรูปหน้า คุณจึงไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของแนวไรผม ทำให้แต่งหน้าได้ง่าย เสริมลุคให้โดดเด่น ได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติจากความงามของกรอบหน้าของเราเองจริง ๆ

และเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความงามในปัจจุบัน การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงเป็นคำตอบให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คน ที่ต้องการเผยความงามอย่างเป็นธรรมชาติ จากรูปหน้าที่สวยได้สัดส่วน โดยแพทย์จะพูดคุยให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาหน้าผากกว้าง วางแผนออกแบบแนว Hairline ใหม่ที่เหมาะกับรูปหน้า ก่อนจะลงมือปลูกผมใหม่ให้ด้วยตัวเองทุก ๆ เส้น ทั้งนี้ แพทย์จะเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีจากด้านหลังท้ายทอย มาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาดที่เหมาะสม และปลูกลงบริเวณแนวไรผม โดยใช้อุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการปลูก เน้นทิศทางและองศาผมที่กลมกลืน จนได้แนวผมสวนเนียนเป็นระเบียบ ไล่ระดับจากผมเส้นเล็กบางในชั้นนอก ไปสู่ผมที่หนาและใหญ่ขึ้นบริเวณชั้นใน จึงใกล้เคียงผมธรรมชาติมากที่สุด 

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบาย แทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที พร้อมคำแนะนำในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างง่าย ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลและให้คำปรึกษา ตลอดระยะการดูแลหลังปลูก 12 – 18 เดือน จนกว่าผมใหม่จะแข็งแรงเติบโตอย่างสมบูรณ์

หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ความงามของเส้นผมและใบหน้า ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่จริง ๆ

“ปลูกผม” ปรับหน้าเป๊ะ! เคล็ดลับแต่งหน้าสวยปัง ที่คนดังอยากบอกต่อ
ได้ยินคำว่า “ปลูกผม” ทีไร สาว ๆ คงนึกถึงคุณผู้ชายที่ผมบางหรือผมล้าน จึงเลือกใช้วิธีการปลูกผมเพื่อคืนความหนาแน่นดกดำ ซึ่งฟังดูไกลตัวมาก ๆ เลย แต่ทราบมั้ยว่าที่จริงแล้ว ทุกวันนี้มีคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกการปลูกผมถาวรเป็นทางออกที่แสนจะตอบโจทย์ให้กับปัญหาเส้นผม ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมในบริเวณที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังช่วยเติมและปรับแนวผมบริเวณหน้าผาก หรือกรอบหน้า จนสามารถเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ คืนความมั่นใจให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

แนวผมหรือกรอบหน้า สำคัญกับการเปลี่ยนหรือปรับลุคขนาดไหน นามนินขอยกหน้าที่ให้ภาพของคนดังเหล่านี้ ช่วยเล่าเรื่องดีกว่า

  • คุณ วรัฐฐา อิมราพร หรือ คุณเนย เนโกะจัมพ์ จบปัญหาผมบางและความกังวลเรื่องรอยแสกผม ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงสามารถรวบผมเปิดหน้าเผยออร่าความสวยได้เต็มที่


  • คุณหญิง ธิติกานต์ ไต้ไธสง บอกลาการใช้ Hair Shadow ปกปิดผมบางบริเวณหน้าผาก ด้วยผมปลูกใหม่ที่ซูมใกล้แค่ไหนก็สวยเป๊ะ


  • คุณขวัญนภา เรืองศรี หรือ คุณลาล่า อาร์สยาม พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าการปลูกผมเปลี่ยนรูปหน้าทำได้จริง ผมยังแน่น เนียน สวย แม้ปลูกมาแล้ว 3 ปี


  • คุณนุชนันท์ วรรวิรา อวดกรอบหน้าใหม่ จากแนว Hairline ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี และปลูกด้วยมือของแพทย์แบบเส้นต่อเส้น จนได้ผลลัพธ์สวยเนียนประณีต


และเคล็ดลับที่คนดังเหล่านี้อยากบอกต่อให้กับคุณผู้หญิงทุกคน ก็คือความสำคัญของกรอบหน้า ถ้ากรอบหน้าเป๊ะ ได้สัดส่วนชวนมองเมื่อไหร่ การแต่งหน้าให้สวยปังก็จะง่ายขึ้นเยอะมาก ๆ เพราะกรอบหน้าที่ชัดเจนและได้รูปตามสัดส่วนทองคำนั้น เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ โดยมีระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน ถึงตรงนี้ก็คงหายสงสัยแล้วว่า ทำไมคุณผู้หญิงที่มีหน้าผากกว้าง หรือมีแนวไรผมถอยร่นขึ้นไป จึงทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย ไม่สมส่วน ซึ่งการปลูกผมจะสามารถเติมแนวไรผมบริเวณหน้าผากให้ได้สัดส่วน สอดรับกับรูปหน้า คุณจึงไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของแนวไรผม ทำให้แต่งหน้าได้ง่าย เสริมลุคให้โดดเด่น ได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติจากความงามของกรอบหน้าของเราเองจริง ๆ

และเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความงามในปัจจุบัน การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงเป็นคำตอบให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คน ที่ต้องการเผยความงามอย่างเป็นธรรมชาติ จากรูปหน้าที่สวยได้สัดส่วน โดยแพทย์จะพูดคุยให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาหน้าผากกว้าง วางแผนออกแบบแนว Hairline ใหม่ที่เหมาะกับรูปหน้า ก่อนจะลงมือปลูกผมใหม่ให้ด้วยตัวเองทุก ๆ เส้น ทั้งนี้ แพทย์จะเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีจากด้านหลังท้ายทอย มาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาดที่เหมาะสม และปลูกลงบริเวณแนวไรผม โดยใช้อุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการปลูก เน้นทิศทางและองศาผมที่กลมกลืน จนได้แนวผมสวนเนียนเป็นระเบียบ ไล่ระดับจากผมเส้นเล็กบางในชั้นนอก ไปสู่ผมที่หนาและใหญ่ขึ้นบริเวณชั้นใน จึงใกล้เคียงผมธรรมชาติมากที่สุด 

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบาย แทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที พร้อมคำแนะนำในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างง่าย ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลและให้คำปรึกษา ตลอดระยะการดูแลหลังปลูก 12 – 18 เดือน จนกว่าผมใหม่จะแข็งแรงเติบโตอย่างสมบูรณ์

หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ความงามของเส้นผมและใบหน้า ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่จริง ๆ

“ปลูกผม” ปรับหน้าเป๊ะ! เคล็ดลับแต่งหน้าสวยปัง ที่คนดังอยากบอกต่อ
ได้ยินคำว่า “ปลูกผม” ทีไร สาว ๆ คงนึกถึงคุณผู้ชายที่ผมบางหรือผมล้าน จึงเลือกใช้วิธีการปลูกผมเพื่อคืนความหนาแน่นดกดำ ซึ่งฟังดูไกลตัวมาก ๆ เลย แต่ทราบมั้ยว่าที่จริงแล้ว ทุกวันนี้มีคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกการปลูกผมถาวรเป็นทางออกที่แสนจะตอบโจทย์ให้กับปัญหาเส้นผม ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมในบริเวณที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังช่วยเติมและปรับแนวผมบริเวณหน้าผาก หรือกรอบหน้า จนสามารถเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ คืนความมั่นใจให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

แนวผมหรือกรอบหน้า สำคัญกับการเปลี่ยนหรือปรับลุคขนาดไหน นามนินขอยกหน้าที่ให้ภาพของคนดังเหล่านี้ ช่วยเล่าเรื่องดีกว่า

  • คุณ วรัฐฐา อิมราพร หรือ คุณเนย เนโกะจัมพ์ จบปัญหาผมบางและความกังวลเรื่องรอยแสกผม ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงสามารถรวบผมเปิดหน้าเผยออร่าความสวยได้เต็มที่


  • คุณหญิง ธิติกานต์ ไต้ไธสง บอกลาการใช้ Hair Shadow ปกปิดผมบางบริเวณหน้าผาก ด้วยผมปลูกใหม่ที่ซูมใกล้แค่ไหนก็สวยเป๊ะ


  • คุณขวัญนภา เรืองศรี หรือ คุณลาล่า อาร์สยาม พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าการปลูกผมเปลี่ยนรูปหน้าทำได้จริง ผมยังแน่น เนียน สวย แม้ปลูกมาแล้ว 3 ปี


  • คุณนุชนันท์ วรรวิรา อวดกรอบหน้าใหม่ จากแนว Hairline ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี และปลูกด้วยมือของแพทย์แบบเส้นต่อเส้น จนได้ผลลัพธ์สวยเนียนประณีต


และเคล็ดลับที่คนดังเหล่านี้อยากบอกต่อให้กับคุณผู้หญิงทุกคน ก็คือความสำคัญของกรอบหน้า ถ้ากรอบหน้าเป๊ะ ได้สัดส่วนชวนมองเมื่อไหร่ การแต่งหน้าให้สวยปังก็จะง่ายขึ้นเยอะมาก ๆ เพราะกรอบหน้าที่ชัดเจนและได้รูปตามสัดส่วนทองคำนั้น เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ โดยมีระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน ถึงตรงนี้ก็คงหายสงสัยแล้วว่า ทำไมคุณผู้หญิงที่มีหน้าผากกว้าง หรือมีแนวไรผมถอยร่นขึ้นไป จึงทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย ไม่สมส่วน ซึ่งการปลูกผมจะสามารถเติมแนวไรผมบริเวณหน้าผากให้ได้สัดส่วน สอดรับกับรูปหน้า คุณจึงไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของแนวไรผม ทำให้แต่งหน้าได้ง่าย เสริมลุคให้โดดเด่น ได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติจากความงามของกรอบหน้าของเราเองจริง ๆ

และเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความงามในปัจจุบัน การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงเป็นคำตอบให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คน ที่ต้องการเผยความงามอย่างเป็นธรรมชาติ จากรูปหน้าที่สวยได้สัดส่วน โดยแพทย์จะพูดคุยให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาหน้าผากกว้าง วางแผนออกแบบแนว Hairline ใหม่ที่เหมาะกับรูปหน้า ก่อนจะลงมือปลูกผมใหม่ให้ด้วยตัวเองทุก ๆ เส้น ทั้งนี้ แพทย์จะเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีจากด้านหลังท้ายทอย มาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาดที่เหมาะสม และปลูกลงบริเวณแนวไรผม โดยใช้อุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการปลูก เน้นทิศทางและองศาผมที่กลมกลืน จนได้แนวผมสวนเนียนเป็นระเบียบ ไล่ระดับจากผมเส้นเล็กบางในชั้นนอก ไปสู่ผมที่หนาและใหญ่ขึ้นบริเวณชั้นใน จึงใกล้เคียงผมธรรมชาติมากที่สุด 

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบาย แทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที พร้อมคำแนะนำในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างง่าย ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลและให้คำปรึกษา ตลอดระยะการดูแลหลังปลูก 12 – 18 เดือน จนกว่าผมใหม่จะแข็งแรงเติบโตอย่างสมบูรณ์

หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ความงามของเส้นผมและใบหน้า ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่จริง ๆ

“ปลูกผม” ปรับหน้าเป๊ะ! เคล็ดลับแต่งหน้าสวยปัง ที่คนดังอยากบอกต่อ
ได้ยินคำว่า “ปลูกผม” ทีไร สาว ๆ คงนึกถึงคุณผู้ชายที่ผมบางหรือผมล้าน จึงเลือกใช้วิธีการปลูกผมเพื่อคืนความหนาแน่นดกดำ ซึ่งฟังดูไกลตัวมาก ๆ เลย แต่ทราบมั้ยว่าที่จริงแล้ว ทุกวันนี้มีคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกการปลูกผมถาวรเป็นทางออกที่แสนจะตอบโจทย์ให้กับปัญหาเส้นผม ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมในบริเวณที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังช่วยเติมและปรับแนวผมบริเวณหน้าผาก หรือกรอบหน้า จนสามารถเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ คืนความมั่นใจให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

แนวผมหรือกรอบหน้า สำคัญกับการเปลี่ยนหรือปรับลุคขนาดไหน นามนินขอยกหน้าที่ให้ภาพของคนดังเหล่านี้ ช่วยเล่าเรื่องดีกว่า

  • คุณ วรัฐฐา อิมราพร หรือ คุณเนย เนโกะจัมพ์ จบปัญหาผมบางและความกังวลเรื่องรอยแสกผม ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงสามารถรวบผมเปิดหน้าเผยออร่าความสวยได้เต็มที่


  • คุณหญิง ธิติกานต์ ไต้ไธสง บอกลาการใช้ Hair Shadow ปกปิดผมบางบริเวณหน้าผาก ด้วยผมปลูกใหม่ที่ซูมใกล้แค่ไหนก็สวยเป๊ะ


  • คุณขวัญนภา เรืองศรี หรือ คุณลาล่า อาร์สยาม พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าการปลูกผมเปลี่ยนรูปหน้าทำได้จริง ผมยังแน่น เนียน สวย แม้ปลูกมาแล้ว 3 ปี


  • คุณนุชนันท์ วรรวิรา อวดกรอบหน้าใหม่ จากแนว Hairline ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี และปลูกด้วยมือของแพทย์แบบเส้นต่อเส้น จนได้ผลลัพธ์สวยเนียนประณีต


และเคล็ดลับที่คนดังเหล่านี้อยากบอกต่อให้กับคุณผู้หญิงทุกคน ก็คือความสำคัญของกรอบหน้า ถ้ากรอบหน้าเป๊ะ ได้สัดส่วนชวนมองเมื่อไหร่ การแต่งหน้าให้สวยปังก็จะง่ายขึ้นเยอะมาก ๆ เพราะกรอบหน้าที่ชัดเจนและได้รูปตามสัดส่วนทองคำนั้น เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ โดยมีระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน ถึงตรงนี้ก็คงหายสงสัยแล้วว่า ทำไมคุณผู้หญิงที่มีหน้าผากกว้าง หรือมีแนวไรผมถอยร่นขึ้นไป จึงทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย ไม่สมส่วน ซึ่งการปลูกผมจะสามารถเติมแนวไรผมบริเวณหน้าผากให้ได้สัดส่วน สอดรับกับรูปหน้า คุณจึงไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของแนวไรผม ทำให้แต่งหน้าได้ง่าย เสริมลุคให้โดดเด่น ได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติจากความงามของกรอบหน้าของเราเองจริง ๆ

และเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความงามในปัจจุบัน การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงเป็นคำตอบให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คน ที่ต้องการเผยความงามอย่างเป็นธรรมชาติ จากรูปหน้าที่สวยได้สัดส่วน โดยแพทย์จะพูดคุยให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาหน้าผากกว้าง วางแผนออกแบบแนว Hairline ใหม่ที่เหมาะกับรูปหน้า ก่อนจะลงมือปลูกผมใหม่ให้ด้วยตัวเองทุก ๆ เส้น ทั้งนี้ แพทย์จะเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีจากด้านหลังท้ายทอย มาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาดที่เหมาะสม และปลูกลงบริเวณแนวไรผม โดยใช้อุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการปลูก เน้นทิศทางและองศาผมที่กลมกลืน จนได้แนวผมสวนเนียนเป็นระเบียบ ไล่ระดับจากผมเส้นเล็กบางในชั้นนอก ไปสู่ผมที่หนาและใหญ่ขึ้นบริเวณชั้นใน จึงใกล้เคียงผมธรรมชาติมากที่สุด 

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบาย แทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที พร้อมคำแนะนำในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างง่าย ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลและให้คำปรึกษา ตลอดระยะการดูแลหลังปลูก 12 – 18 เดือน จนกว่าผมใหม่จะแข็งแรงเติบโตอย่างสมบูรณ์

หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ความงามของเส้นผมและใบหน้า ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่จริง ๆ

“ปลูกผม” ปรับหน้าเป๊ะ! เคล็ดลับแต่งหน้าสวยปัง ที่คนดังอยากบอกต่อ
ได้ยินคำว่า “ปลูกผม” ทีไร สาว ๆ คงนึกถึงคุณผู้ชายที่ผมบางหรือผมล้าน จึงเลือกใช้วิธีการปลูกผมเพื่อคืนความหนาแน่นดกดำ ซึ่งฟังดูไกลตัวมาก ๆ เลย แต่ทราบมั้ยว่าที่จริงแล้ว ทุกวันนี้มีคุณผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลือกการปลูกผมถาวรเป็นทางออกที่แสนจะตอบโจทย์ให้กับปัญหาเส้นผม ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมในบริเวณที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังช่วยเติมและปรับแนวผมบริเวณหน้าผาก หรือกรอบหน้า จนสามารถเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ คืนความมั่นใจให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

แนวผมหรือกรอบหน้า สำคัญกับการเปลี่ยนหรือปรับลุคขนาดไหน นามนินขอยกหน้าที่ให้ภาพของคนดังเหล่านี้ ช่วยเล่าเรื่องดีกว่า

  • คุณ วรัฐฐา อิมราพร หรือ คุณเนย เนโกะจัมพ์ จบปัญหาผมบางและความกังวลเรื่องรอยแสกผม ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงสามารถรวบผมเปิดหน้าเผยออร่าความสวยได้เต็มที่


  • คุณหญิง ธิติกานต์ ไต้ไธสง บอกลาการใช้ Hair Shadow ปกปิดผมบางบริเวณหน้าผาก ด้วยผมปลูกใหม่ที่ซูมใกล้แค่ไหนก็สวยเป๊ะ


  • คุณขวัญนภา เรืองศรี หรือ คุณลาล่า อาร์สยาม พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าการปลูกผมเปลี่ยนรูปหน้าทำได้จริง ผมยังแน่น เนียน สวย แม้ปลูกมาแล้ว 3 ปี


  • คุณนุชนันท์ วรรวิรา อวดกรอบหน้าใหม่ จากแนว Hairline ที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี และปลูกด้วยมือของแพทย์แบบเส้นต่อเส้น จนได้ผลลัพธ์สวยเนียนประณีต


และเคล็ดลับที่คนดังเหล่านี้อยากบอกต่อให้กับคุณผู้หญิงทุกคน ก็คือความสำคัญของกรอบหน้า ถ้ากรอบหน้าเป๊ะ ได้สัดส่วนชวนมองเมื่อไหร่ การแต่งหน้าให้สวยปังก็จะง่ายขึ้นเยอะมาก ๆ เพราะกรอบหน้าที่ชัดเจนและได้รูปตามสัดส่วนทองคำนั้น เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ โดยมีระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน ถึงตรงนี้ก็คงหายสงสัยแล้วว่า ทำไมคุณผู้หญิงที่มีหน้าผากกว้าง หรือมีแนวไรผมถอยร่นขึ้นไป จึงทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัย ไม่สมส่วน ซึ่งการปลูกผมจะสามารถเติมแนวไรผมบริเวณหน้าผากให้ได้สัดส่วน สอดรับกับรูปหน้า คุณจึงไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของแนวไรผม ทำให้แต่งหน้าได้ง่าย เสริมลุคให้โดดเด่น ได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติจากความงามของกรอบหน้าของเราเองจริง ๆ

และเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความงามในปัจจุบัน การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงเป็นคำตอบให้กับผู้หญิงหลาย ๆ คน ที่ต้องการเผยความงามอย่างเป็นธรรมชาติ จากรูปหน้าที่สวยได้สัดส่วน โดยแพทย์จะพูดคุยให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาหน้าผากกว้าง วางแผนออกแบบแนว Hairline ใหม่ที่เหมาะกับรูปหน้า ก่อนจะลงมือปลูกผมใหม่ให้ด้วยตัวเองทุก ๆ เส้น ทั้งนี้ แพทย์จะเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีจากด้านหลังท้ายทอย มาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาดที่เหมาะสม และปลูกลงบริเวณแนวไรผม โดยใช้อุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการปลูก เน้นทิศทางและองศาผมที่กลมกลืน จนได้แนวผมสวนเนียนเป็นระเบียบ ไล่ระดับจากผมเส้นเล็กบางในชั้นนอก ไปสู่ผมที่หนาและใหญ่ขึ้นบริเวณชั้นใน จึงใกล้เคียงผมธรรมชาติมากที่สุด 

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบาย แทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที พร้อมคำแนะนำในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างง่าย ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลและให้คำปรึกษา ตลอดระยะการดูแลหลังปลูก 12 – 18 เดือน จนกว่าผมใหม่จะแข็งแรงเติบโตอย่างสมบูรณ์

หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ความงามของเส้นผมและใบหน้า ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่จริง ๆ

สำรวจ Men’s Grooming Trend เมื่อ “ผมแน่น” คือไอเทมลับของหนุ่มมีสไตล์
ในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ Men’s Grooming กลายเป็นเทรนด์มาแรงที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่คุณผู้ชาย หากถามว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไร ก็คงอธิบายแบบง่าย ๆ ได้ว่า คือการที่ผู้ชายลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดีมากขึ้น ไม่ต่างจากผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลทรงผม ผิวพรรณ ใบหน้า หนวดเครา การทำเล็บ การฉีดโบทอกซ์ การแต่งตัว ไปจนถึงการเลือกน้ำหอม หรือเครื่องประดับต่าง ๆ โดยยิ่งนับวัน ก็ยิ่งเพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญ เทรนด์ที่ว่านี้ยังไม่จำกัดในเรื่องของตัวเลขอายุ เพราะไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้ดูดี เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้เสมอ

ทราบหรือไม่ว่า เทรนด์ Men’s Grooming นี้ ก็สอดคล้องกับสถิติบางอย่างในวงการการ “ปลูกผม” เช่นกัน เพราะในช่วงหลัง ๆ มานี้ พบว่าอายุของผู้ชายที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จากเดิมที่การปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย 50 – 60 ปีขึ้นไป กลายเป็นว่าในปัจจุบัน คุณผู้ชายในวัยหนุ่มหันมาสนใจการปลูกผมเพิ่มขึ้นมาก ๆ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายวัย 20 ต้น ๆ ก็สามารถเดินเข้าคลินิกปลูกผมได้ไม่แปลกเลย ซึ่งแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมเองก็ให้ความรู้ว่า ผมของเราเริ่มส่งสัญญาณอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน ได้ตั้งแต่วัยเลข 2 หรือเลข 3 และหากรีบเข้ามารับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะเพิ่มโอกาสการคืนผมหนาแน่น และเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผมได้ในระยะยาว 


แน่นอนว่า สาเหตุที่คุณผู้ชายเลือกตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ใช่แค่เป้าหมายการรักษาหรือการดูแลสุขภาพผมเท่านั้น แต่เพราะเส้นผม คือองค์ประกอบสำคัญของภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ ที่ส่งผลถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิต สังเกตได้ว่าคุณผู้ชายที่เริ่มผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าบริเวณหน้าผากถอยร่นขึ้นไปเป็นรูปตัว M มักจะต้องเผชิญกับความกังวลใจเวลามองตัวเองในกระจก จนต้องใช้เวลานาน ๆ ในการพยายามปกปิดร่องรอยความบางของเส้นผม นั่นเป็นเพราะผมบาง หรือผมถอยร่น มักจะทำให้เจ้าของเส้นผมดูแก่กว่าวัย บุคลิกภาพเปลี่ยนไปไม่ดีอย่างที่เคย และสุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งบั่นทอนความมั่นใจการออกไปพบปะผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการพบครอบครัว เพื่อนฝูง 

ขณะเดียวกัน หากเส้นผมยังคงดกดำ หนาแน่น แนว Hairline ได้สัดส่วนกับรูปหน้า คุณผู้ชายก็สามารถปลดล็อกทุกความกังวลเรื่องเส้นผม มีอิสระเต็มที่ในการจัดแต่งทรงผมหรือแต่งตัวที่สะท้อนสไตล์ความเป็นตัวเองได้อย่างแท้จริง เสริมความมั่นใจในการก้าวออกไปใช้ชีวิตในทุก ๆ สถานการณ์ ทั้งยังไม่ตกเทรนด์ Men’s Grooming เพราะเส้นผมหนาแน่นนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณใส่ใจดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นั่นเอง

นามนินจึงขอแนะนำให้รู้จักกับการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ทางเลือกสำคัญในการหันมาดูแลเส้นผมของคุณผู้ชาย เพื่อปรับลุค บุคลิก และภาพลักษณ์ให้ดูดีได้กว่าที่เคย โดยเทคนิค NEAT ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUE ซึ่งต่างจากการปลูกผมในอดีตที่ใช้วิธีโกนผมและผ่าตัดนำชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาทั้งแผ่น แต่เทคนิคในปัจจุบันนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็ก ทำให้ไม่ต้องผ่าตัดหรือโกนผมทิ้ง ก่อนจะนำมาคัดแยก ตัดแต่ง และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้เอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น 


การปลูกผมเทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์ที่คนไข้หลาย ๆ คนยืนยันว่าน่าพอใจ เริ่มตั้งแต่การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับแพทย์อย่างเต็มที่ บอกความต้องการของตัวเองได้ เพื่อวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์มากที่สุดร่วมกัน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง และการที่แพทย์ลงมือปลูกผมให้เอง ก็เพื่อควบคุมการปักกราฟต์ผมใหม่ให้แม่นยำได้ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางและองศาผม ที่ต้องจัดวางให้กลมกลืนไปกับแนวผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ยังสามารถทำผมทรงเดิมได้หลังปลูก การปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผม รวมถึงได้ระยะห่างความหนาแน่นที่พอเหมาะพอดี ไม่ถี่แน่นไปหรือห่างเกินไป และการคัดเลือกผมเส้นใหญ่ เล็ก หนา บาง ให้เข้ากับผมในบริเวณที่จะทำการปลูก 

โดยทั้งหมดนี้ แพทย์เลือกใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น รอยแผลหลังปลูกจึงมีขนาดเล็ก คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูก สามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ในทันที ไม่มีผลกระทบกับการทำงาน และไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยการปลูกผม ทั้งยังลดความเจ็บและอาการบวมต่าง ๆ ลงได้มากเมื่อเทียบกับวิธีแบบเดิมในอดีต 


ที่สำคัญ แพทย์จะอยู่กับคุณตั้งแต่ DAY 1 ในการวางแผนการรักษาและให้คำปรึกษา ไปจนถึงวันสุดท้ายที่ผมใหม่เติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ที่ระยะเวลาหลังปลูก 18 เดือน โดยติดตามผล ตอบข้อสงสัย และให้คำแนะนำด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ผมใหม่จะอยู่กับคุณไปได้ตลอดชีวิต


ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ก็สามารถมาร่วมเทรนด์ Men’s Grooming กับคุณผู้ชายทั่วโลก เสริมลุคให้ดูสมาร์ทน่ามองขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแล “เส้นผม” ให้แลดูหนาแน่น สุขภาพดีจากภายใน 

...เพราะผู้ชายที่ดูดี คือผู้ชายที่ดูแลตัวเอง...
สำรวจ Men’s Grooming Trend เมื่อ “ผมแน่น” คือไอเทมลับของหนุ่มมีสไตล์
ในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ Men’s Grooming กลายเป็นเทรนด์มาแรงที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่คุณผู้ชาย หากถามว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไร ก็คงอธิบายแบบง่าย ๆ ได้ว่า คือการที่ผู้ชายลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดีมากขึ้น ไม่ต่างจากผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลทรงผม ผิวพรรณ ใบหน้า หนวดเครา การทำเล็บ การฉีดโบทอกซ์ การแต่งตัว ไปจนถึงการเลือกน้ำหอม หรือเครื่องประดับต่าง ๆ โดยยิ่งนับวัน ก็ยิ่งเพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญ เทรนด์ที่ว่านี้ยังไม่จำกัดในเรื่องของตัวเลขอายุ เพราะไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้ดูดี เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้เสมอ

ทราบหรือไม่ว่า เทรนด์ Men’s Grooming นี้ ก็สอดคล้องกับสถิติบางอย่างในวงการการ “ปลูกผม” เช่นกัน เพราะในช่วงหลัง ๆ มานี้ พบว่าอายุของผู้ชายที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จากเดิมที่การปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย 50 – 60 ปีขึ้นไป กลายเป็นว่าในปัจจุบัน คุณผู้ชายในวัยหนุ่มหันมาสนใจการปลูกผมเพิ่มขึ้นมาก ๆ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายวัย 20 ต้น ๆ ก็สามารถเดินเข้าคลินิกปลูกผมได้ไม่แปลกเลย ซึ่งแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมเองก็ให้ความรู้ว่า ผมของเราเริ่มส่งสัญญาณอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน ได้ตั้งแต่วัยเลข 2 หรือเลข 3 และหากรีบเข้ามารับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะเพิ่มโอกาสการคืนผมหนาแน่น และเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผมได้ในระยะยาว 


แน่นอนว่า สาเหตุที่คุณผู้ชายเลือกตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ใช่แค่เป้าหมายการรักษาหรือการดูแลสุขภาพผมเท่านั้น แต่เพราะเส้นผม คือองค์ประกอบสำคัญของภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ ที่ส่งผลถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิต สังเกตได้ว่าคุณผู้ชายที่เริ่มผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าบริเวณหน้าผากถอยร่นขึ้นไปเป็นรูปตัว M มักจะต้องเผชิญกับความกังวลใจเวลามองตัวเองในกระจก จนต้องใช้เวลานาน ๆ ในการพยายามปกปิดร่องรอยความบางของเส้นผม นั่นเป็นเพราะผมบาง หรือผมถอยร่น มักจะทำให้เจ้าของเส้นผมดูแก่กว่าวัย บุคลิกภาพเปลี่ยนไปไม่ดีอย่างที่เคย และสุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งบั่นทอนความมั่นใจการออกไปพบปะผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการพบครอบครัว เพื่อนฝูง 

ขณะเดียวกัน หากเส้นผมยังคงดกดำ หนาแน่น แนว Hairline ได้สัดส่วนกับรูปหน้า คุณผู้ชายก็สามารถปลดล็อกทุกความกังวลเรื่องเส้นผม มีอิสระเต็มที่ในการจัดแต่งทรงผมหรือแต่งตัวที่สะท้อนสไตล์ความเป็นตัวเองได้อย่างแท้จริง เสริมความมั่นใจในการก้าวออกไปใช้ชีวิตในทุก ๆ สถานการณ์ ทั้งยังไม่ตกเทรนด์ Men’s Grooming เพราะเส้นผมหนาแน่นนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณใส่ใจดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นั่นเอง

นามนินจึงขอแนะนำให้รู้จักกับการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ทางเลือกสำคัญในการหันมาดูแลเส้นผมของคุณผู้ชาย เพื่อปรับลุค บุคลิก และภาพลักษณ์ให้ดูดีได้กว่าที่เคย โดยเทคนิค NEAT ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUE ซึ่งต่างจากการปลูกผมในอดีตที่ใช้วิธีโกนผมและผ่าตัดนำชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาทั้งแผ่น แต่เทคนิคในปัจจุบันนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็ก ทำให้ไม่ต้องผ่าตัดหรือโกนผมทิ้ง ก่อนจะนำมาคัดแยก ตัดแต่ง และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้เอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น 


การปลูกผมเทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์ที่คนไข้หลาย ๆ คนยืนยันว่าน่าพอใจ เริ่มตั้งแต่การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับแพทย์อย่างเต็มที่ บอกความต้องการของตัวเองได้ เพื่อวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์มากที่สุดร่วมกัน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง และการที่แพทย์ลงมือปลูกผมให้เอง ก็เพื่อควบคุมการปักกราฟต์ผมใหม่ให้แม่นยำได้ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางและองศาผม ที่ต้องจัดวางให้กลมกลืนไปกับแนวผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ยังสามารถทำผมทรงเดิมได้หลังปลูก การปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผม รวมถึงได้ระยะห่างความหนาแน่นที่พอเหมาะพอดี ไม่ถี่แน่นไปหรือห่างเกินไป และการคัดเลือกผมเส้นใหญ่ เล็ก หนา บาง ให้เข้ากับผมในบริเวณที่จะทำการปลูก 

โดยทั้งหมดนี้ แพทย์เลือกใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น รอยแผลหลังปลูกจึงมีขนาดเล็ก คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูก สามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ในทันที ไม่มีผลกระทบกับการทำงาน และไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยการปลูกผม ทั้งยังลดความเจ็บและอาการบวมต่าง ๆ ลงได้มากเมื่อเทียบกับวิธีแบบเดิมในอดีต 


ที่สำคัญ แพทย์จะอยู่กับคุณตั้งแต่ DAY 1 ในการวางแผนการรักษาและให้คำปรึกษา ไปจนถึงวันสุดท้ายที่ผมใหม่เติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ที่ระยะเวลาหลังปลูก 18 เดือน โดยติดตามผล ตอบข้อสงสัย และให้คำแนะนำด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ผมใหม่จะอยู่กับคุณไปได้ตลอดชีวิต


ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ก็สามารถมาร่วมเทรนด์ Men’s Grooming กับคุณผู้ชายทั่วโลก เสริมลุคให้ดูสมาร์ทน่ามองขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแล “เส้นผม” ให้แลดูหนาแน่น สุขภาพดีจากภายใน 

...เพราะผู้ชายที่ดูดี คือผู้ชายที่ดูแลตัวเอง...
สำรวจ Men’s Grooming Trend เมื่อ “ผมแน่น” คือไอเทมลับของหนุ่มมีสไตล์
ในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ Men’s Grooming กลายเป็นเทรนด์มาแรงที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่คุณผู้ชาย หากถามว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไร ก็คงอธิบายแบบง่าย ๆ ได้ว่า คือการที่ผู้ชายลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดีมากขึ้น ไม่ต่างจากผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลทรงผม ผิวพรรณ ใบหน้า หนวดเครา การทำเล็บ การฉีดโบทอกซ์ การแต่งตัว ไปจนถึงการเลือกน้ำหอม หรือเครื่องประดับต่าง ๆ โดยยิ่งนับวัน ก็ยิ่งเพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญ เทรนด์ที่ว่านี้ยังไม่จำกัดในเรื่องของตัวเลขอายุ เพราะไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้ดูดี เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้เสมอ

ทราบหรือไม่ว่า เทรนด์ Men’s Grooming นี้ ก็สอดคล้องกับสถิติบางอย่างในวงการการ “ปลูกผม” เช่นกัน เพราะในช่วงหลัง ๆ มานี้ พบว่าอายุของผู้ชายที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จากเดิมที่การปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย 50 – 60 ปีขึ้นไป กลายเป็นว่าในปัจจุบัน คุณผู้ชายในวัยหนุ่มหันมาสนใจการปลูกผมเพิ่มขึ้นมาก ๆ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายวัย 20 ต้น ๆ ก็สามารถเดินเข้าคลินิกปลูกผมได้ไม่แปลกเลย ซึ่งแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมเองก็ให้ความรู้ว่า ผมของเราเริ่มส่งสัญญาณอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน ได้ตั้งแต่วัยเลข 2 หรือเลข 3 และหากรีบเข้ามารับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะเพิ่มโอกาสการคืนผมหนาแน่น และเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผมได้ในระยะยาว 


แน่นอนว่า สาเหตุที่คุณผู้ชายเลือกตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ใช่แค่เป้าหมายการรักษาหรือการดูแลสุขภาพผมเท่านั้น แต่เพราะเส้นผม คือองค์ประกอบสำคัญของภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ ที่ส่งผลถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิต สังเกตได้ว่าคุณผู้ชายที่เริ่มผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าบริเวณหน้าผากถอยร่นขึ้นไปเป็นรูปตัว M มักจะต้องเผชิญกับความกังวลใจเวลามองตัวเองในกระจก จนต้องใช้เวลานาน ๆ ในการพยายามปกปิดร่องรอยความบางของเส้นผม นั่นเป็นเพราะผมบาง หรือผมถอยร่น มักจะทำให้เจ้าของเส้นผมดูแก่กว่าวัย บุคลิกภาพเปลี่ยนไปไม่ดีอย่างที่เคย และสุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งบั่นทอนความมั่นใจการออกไปพบปะผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการพบครอบครัว เพื่อนฝูง 

ขณะเดียวกัน หากเส้นผมยังคงดกดำ หนาแน่น แนว Hairline ได้สัดส่วนกับรูปหน้า คุณผู้ชายก็สามารถปลดล็อกทุกความกังวลเรื่องเส้นผม มีอิสระเต็มที่ในการจัดแต่งทรงผมหรือแต่งตัวที่สะท้อนสไตล์ความเป็นตัวเองได้อย่างแท้จริง เสริมความมั่นใจในการก้าวออกไปใช้ชีวิตในทุก ๆ สถานการณ์ ทั้งยังไม่ตกเทรนด์ Men’s Grooming เพราะเส้นผมหนาแน่นนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณใส่ใจดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นั่นเอง

นามนินจึงขอแนะนำให้รู้จักกับการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ทางเลือกสำคัญในการหันมาดูแลเส้นผมของคุณผู้ชาย เพื่อปรับลุค บุคลิก และภาพลักษณ์ให้ดูดีได้กว่าที่เคย โดยเทคนิค NEAT ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUE ซึ่งต่างจากการปลูกผมในอดีตที่ใช้วิธีโกนผมและผ่าตัดนำชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาทั้งแผ่น แต่เทคนิคในปัจจุบันนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็ก ทำให้ไม่ต้องผ่าตัดหรือโกนผมทิ้ง ก่อนจะนำมาคัดแยก ตัดแต่ง และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้เอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น 


การปลูกผมเทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์ที่คนไข้หลาย ๆ คนยืนยันว่าน่าพอใจ เริ่มตั้งแต่การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับแพทย์อย่างเต็มที่ บอกความต้องการของตัวเองได้ เพื่อวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์มากที่สุดร่วมกัน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง และการที่แพทย์ลงมือปลูกผมให้เอง ก็เพื่อควบคุมการปักกราฟต์ผมใหม่ให้แม่นยำได้ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางและองศาผม ที่ต้องจัดวางให้กลมกลืนไปกับแนวผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ยังสามารถทำผมทรงเดิมได้หลังปลูก การปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผม รวมถึงได้ระยะห่างความหนาแน่นที่พอเหมาะพอดี ไม่ถี่แน่นไปหรือห่างเกินไป และการคัดเลือกผมเส้นใหญ่ เล็ก หนา บาง ให้เข้ากับผมในบริเวณที่จะทำการปลูก 

โดยทั้งหมดนี้ แพทย์เลือกใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น รอยแผลหลังปลูกจึงมีขนาดเล็ก คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูก สามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ในทันที ไม่มีผลกระทบกับการทำงาน และไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยการปลูกผม ทั้งยังลดความเจ็บและอาการบวมต่าง ๆ ลงได้มากเมื่อเทียบกับวิธีแบบเดิมในอดีต 


ที่สำคัญ แพทย์จะอยู่กับคุณตั้งแต่ DAY 1 ในการวางแผนการรักษาและให้คำปรึกษา ไปจนถึงวันสุดท้ายที่ผมใหม่เติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ที่ระยะเวลาหลังปลูก 18 เดือน โดยติดตามผล ตอบข้อสงสัย และให้คำแนะนำด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ผมใหม่จะอยู่กับคุณไปได้ตลอดชีวิต


ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ก็สามารถมาร่วมเทรนด์ Men’s Grooming กับคุณผู้ชายทั่วโลก เสริมลุคให้ดูสมาร์ทน่ามองขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแล “เส้นผม” ให้แลดูหนาแน่น สุขภาพดีจากภายใน 

...เพราะผู้ชายที่ดูดี คือผู้ชายที่ดูแลตัวเอง...
สำรวจ Men’s Grooming Trend เมื่อ “ผมแน่น” คือไอเทมลับของหนุ่มมีสไตล์
ในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ Men’s Grooming กลายเป็นเทรนด์มาแรงที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่คุณผู้ชาย หากถามว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไร ก็คงอธิบายแบบง่าย ๆ ได้ว่า คือการที่ผู้ชายลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดีมากขึ้น ไม่ต่างจากผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลทรงผม ผิวพรรณ ใบหน้า หนวดเครา การทำเล็บ การฉีดโบทอกซ์ การแต่งตัว ไปจนถึงการเลือกน้ำหอม หรือเครื่องประดับต่าง ๆ โดยยิ่งนับวัน ก็ยิ่งเพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญ เทรนด์ที่ว่านี้ยังไม่จำกัดในเรื่องของตัวเลขอายุ เพราะไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้ดูดี เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้เสมอ

ทราบหรือไม่ว่า เทรนด์ Men’s Grooming นี้ ก็สอดคล้องกับสถิติบางอย่างในวงการการ “ปลูกผม” เช่นกัน เพราะในช่วงหลัง ๆ มานี้ พบว่าอายุของผู้ชายที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จากเดิมที่การปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย 50 – 60 ปีขึ้นไป กลายเป็นว่าในปัจจุบัน คุณผู้ชายในวัยหนุ่มหันมาสนใจการปลูกผมเพิ่มขึ้นมาก ๆ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายวัย 20 ต้น ๆ ก็สามารถเดินเข้าคลินิกปลูกผมได้ไม่แปลกเลย ซึ่งแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมเองก็ให้ความรู้ว่า ผมของเราเริ่มส่งสัญญาณอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน ได้ตั้งแต่วัยเลข 2 หรือเลข 3 และหากรีบเข้ามารับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะเพิ่มโอกาสการคืนผมหนาแน่น และเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผมได้ในระยะยาว 


แน่นอนว่า สาเหตุที่คุณผู้ชายเลือกตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ใช่แค่เป้าหมายการรักษาหรือการดูแลสุขภาพผมเท่านั้น แต่เพราะเส้นผม คือองค์ประกอบสำคัญของภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ ที่ส่งผลถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิต สังเกตได้ว่าคุณผู้ชายที่เริ่มผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าบริเวณหน้าผากถอยร่นขึ้นไปเป็นรูปตัว M มักจะต้องเผชิญกับความกังวลใจเวลามองตัวเองในกระจก จนต้องใช้เวลานาน ๆ ในการพยายามปกปิดร่องรอยความบางของเส้นผม นั่นเป็นเพราะผมบาง หรือผมถอยร่น มักจะทำให้เจ้าของเส้นผมดูแก่กว่าวัย บุคลิกภาพเปลี่ยนไปไม่ดีอย่างที่เคย และสุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งบั่นทอนความมั่นใจการออกไปพบปะผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการพบครอบครัว เพื่อนฝูง 

ขณะเดียวกัน หากเส้นผมยังคงดกดำ หนาแน่น แนว Hairline ได้สัดส่วนกับรูปหน้า คุณผู้ชายก็สามารถปลดล็อกทุกความกังวลเรื่องเส้นผม มีอิสระเต็มที่ในการจัดแต่งทรงผมหรือแต่งตัวที่สะท้อนสไตล์ความเป็นตัวเองได้อย่างแท้จริง เสริมความมั่นใจในการก้าวออกไปใช้ชีวิตในทุก ๆ สถานการณ์ ทั้งยังไม่ตกเทรนด์ Men’s Grooming เพราะเส้นผมหนาแน่นนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณใส่ใจดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นั่นเอง

นามนินจึงขอแนะนำให้รู้จักกับการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ทางเลือกสำคัญในการหันมาดูแลเส้นผมของคุณผู้ชาย เพื่อปรับลุค บุคลิก และภาพลักษณ์ให้ดูดีได้กว่าที่เคย โดยเทคนิค NEAT ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUE ซึ่งต่างจากการปลูกผมในอดีตที่ใช้วิธีโกนผมและผ่าตัดนำชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาทั้งแผ่น แต่เทคนิคในปัจจุบันนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็ก ทำให้ไม่ต้องผ่าตัดหรือโกนผมทิ้ง ก่อนจะนำมาคัดแยก ตัดแต่ง และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้เอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น 


การปลูกผมเทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์ที่คนไข้หลาย ๆ คนยืนยันว่าน่าพอใจ เริ่มตั้งแต่การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับแพทย์อย่างเต็มที่ บอกความต้องการของตัวเองได้ เพื่อวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์มากที่สุดร่วมกัน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง และการที่แพทย์ลงมือปลูกผมให้เอง ก็เพื่อควบคุมการปักกราฟต์ผมใหม่ให้แม่นยำได้ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางและองศาผม ที่ต้องจัดวางให้กลมกลืนไปกับแนวผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ยังสามารถทำผมทรงเดิมได้หลังปลูก การปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผม รวมถึงได้ระยะห่างความหนาแน่นที่พอเหมาะพอดี ไม่ถี่แน่นไปหรือห่างเกินไป และการคัดเลือกผมเส้นใหญ่ เล็ก หนา บาง ให้เข้ากับผมในบริเวณที่จะทำการปลูก 

โดยทั้งหมดนี้ แพทย์เลือกใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น รอยแผลหลังปลูกจึงมีขนาดเล็ก คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูก สามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ในทันที ไม่มีผลกระทบกับการทำงาน และไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยการปลูกผม ทั้งยังลดความเจ็บและอาการบวมต่าง ๆ ลงได้มากเมื่อเทียบกับวิธีแบบเดิมในอดีต 


ที่สำคัญ แพทย์จะอยู่กับคุณตั้งแต่ DAY 1 ในการวางแผนการรักษาและให้คำปรึกษา ไปจนถึงวันสุดท้ายที่ผมใหม่เติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ที่ระยะเวลาหลังปลูก 18 เดือน โดยติดตามผล ตอบข้อสงสัย และให้คำแนะนำด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ผมใหม่จะอยู่กับคุณไปได้ตลอดชีวิต


ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ก็สามารถมาร่วมเทรนด์ Men’s Grooming กับคุณผู้ชายทั่วโลก เสริมลุคให้ดูสมาร์ทน่ามองขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแล “เส้นผม” ให้แลดูหนาแน่น สุขภาพดีจากภายใน 

...เพราะผู้ชายที่ดูดี คือผู้ชายที่ดูแลตัวเอง...
สำรวจ Men’s Grooming Trend เมื่อ “ผมแน่น” คือไอเทมลับของหนุ่มมีสไตล์
ในช่วงที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ Men’s Grooming กลายเป็นเทรนด์มาแรงที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่คุณผู้ชาย หากถามว่าปรากฏการณ์นี้คืออะไร ก็คงอธิบายแบบง่าย ๆ ได้ว่า คือการที่ผู้ชายลุกขึ้นมาดูแลตัวเองเพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดีมากขึ้น ไม่ต่างจากผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลทรงผม ผิวพรรณ ใบหน้า หนวดเครา การทำเล็บ การฉีดโบทอกซ์ การแต่งตัว ไปจนถึงการเลือกน้ำหอม หรือเครื่องประดับต่าง ๆ โดยยิ่งนับวัน ก็ยิ่งเพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญ เทรนด์ที่ว่านี้ยังไม่จำกัดในเรื่องของตัวเลขอายุ เพราะไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองให้ดูดี เพื่อเพิ่มความมั่นใจได้เสมอ

ทราบหรือไม่ว่า เทรนด์ Men’s Grooming นี้ ก็สอดคล้องกับสถิติบางอย่างในวงการการ “ปลูกผม” เช่นกัน เพราะในช่วงหลัง ๆ มานี้ พบว่าอายุของผู้ชายที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จากเดิมที่การปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย 50 – 60 ปีขึ้นไป กลายเป็นว่าในปัจจุบัน คุณผู้ชายในวัยหนุ่มหันมาสนใจการปลูกผมเพิ่มขึ้นมาก ๆ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้ชายวัย 20 ต้น ๆ ก็สามารถเดินเข้าคลินิกปลูกผมได้ไม่แปลกเลย ซึ่งแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมเองก็ให้ความรู้ว่า ผมของเราเริ่มส่งสัญญาณอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน ได้ตั้งแต่วัยเลข 2 หรือเลข 3 และหากรีบเข้ามารับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะเพิ่มโอกาสการคืนผมหนาแน่น และเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผมได้ในระยะยาว 


แน่นอนว่า สาเหตุที่คุณผู้ชายเลือกตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ใช่แค่เป้าหมายการรักษาหรือการดูแลสุขภาพผมเท่านั้น แต่เพราะเส้นผม คือองค์ประกอบสำคัญของภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ ที่ส่งผลถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิต สังเกตได้ว่าคุณผู้ชายที่เริ่มผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าบริเวณหน้าผากถอยร่นขึ้นไปเป็นรูปตัว M มักจะต้องเผชิญกับความกังวลใจเวลามองตัวเองในกระจก จนต้องใช้เวลานาน ๆ ในการพยายามปกปิดร่องรอยความบางของเส้นผม นั่นเป็นเพราะผมบาง หรือผมถอยร่น มักจะทำให้เจ้าของเส้นผมดูแก่กว่าวัย บุคลิกภาพเปลี่ยนไปไม่ดีอย่างที่เคย และสุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งบั่นทอนความมั่นใจการออกไปพบปะผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือการพบครอบครัว เพื่อนฝูง 

ขณะเดียวกัน หากเส้นผมยังคงดกดำ หนาแน่น แนว Hairline ได้สัดส่วนกับรูปหน้า คุณผู้ชายก็สามารถปลดล็อกทุกความกังวลเรื่องเส้นผม มีอิสระเต็มที่ในการจัดแต่งทรงผมหรือแต่งตัวที่สะท้อนสไตล์ความเป็นตัวเองได้อย่างแท้จริง เสริมความมั่นใจในการก้าวออกไปใช้ชีวิตในทุก ๆ สถานการณ์ ทั้งยังไม่ตกเทรนด์ Men’s Grooming เพราะเส้นผมหนาแน่นนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่า คุณใส่ใจดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นั่นเอง

นามนินจึงขอแนะนำให้รู้จักกับการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ทางเลือกสำคัญในการหันมาดูแลเส้นผมของคุณผู้ชาย เพื่อปรับลุค บุคลิก และภาพลักษณ์ให้ดูดีได้กว่าที่เคย โดยเทคนิค NEAT ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUE ซึ่งต่างจากการปลูกผมในอดีตที่ใช้วิธีโกนผมและผ่าตัดนำชิ้นหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาทั้งแผ่น แต่เทคนิคในปัจจุบันนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็ก ทำให้ไม่ต้องผ่าตัดหรือโกนผมทิ้ง ก่อนจะนำมาคัดแยก ตัดแต่ง และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้เอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น 


การปลูกผมเทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์ที่คนไข้หลาย ๆ คนยืนยันว่าน่าพอใจ เริ่มตั้งแต่การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับแพทย์อย่างเต็มที่ บอกความต้องการของตัวเองได้ เพื่อวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์มากที่สุดร่วมกัน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง และการที่แพทย์ลงมือปลูกผมให้เอง ก็เพื่อควบคุมการปักกราฟต์ผมใหม่ให้แม่นยำได้ประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางและองศาผม ที่ต้องจัดวางให้กลมกลืนไปกับแนวผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ยังสามารถทำผมทรงเดิมได้หลังปลูก การปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผม รวมถึงได้ระยะห่างความหนาแน่นที่พอเหมาะพอดี ไม่ถี่แน่นไปหรือห่างเกินไป และการคัดเลือกผมเส้นใหญ่ เล็ก หนา บาง ให้เข้ากับผมในบริเวณที่จะทำการปลูก 

โดยทั้งหมดนี้ แพทย์เลือกใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น รอยแผลหลังปลูกจึงมีขนาดเล็ก คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูก สามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ในทันที ไม่มีผลกระทบกับการทำงาน และไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยการปลูกผม ทั้งยังลดความเจ็บและอาการบวมต่าง ๆ ลงได้มากเมื่อเทียบกับวิธีแบบเดิมในอดีต 


ที่สำคัญ แพทย์จะอยู่กับคุณตั้งแต่ DAY 1 ในการวางแผนการรักษาและให้คำปรึกษา ไปจนถึงวันสุดท้ายที่ผมใหม่เติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ที่ระยะเวลาหลังปลูก 18 เดือน โดยติดตามผล ตอบข้อสงสัย และให้คำแนะนำด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ผลลัพธ์ผมใหม่จะอยู่กับคุณไปได้ตลอดชีวิต


ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ก็สามารถมาร่วมเทรนด์ Men’s Grooming กับคุณผู้ชายทั่วโลก เสริมลุคให้ดูสมาร์ทน่ามองขึ้นได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแล “เส้นผม” ให้แลดูหนาแน่น สุขภาพดีจากภายใน 

...เพราะผู้ชายที่ดูดี คือผู้ชายที่ดูแลตัวเอง...
เส้นผมใหม่ เปิดโลกใหม่ เติมเต็มความมั่นใจในทุกวัน
ถ้าความมั่นใจไม่มีวันหมดอายุ การปลูกผมเพื่อเสริมความมั่นใจก็ไม่จำกัดอายุเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบัน การปลูกผมเป็นเทรนด์ที่ทุกคนสามารถทำได้ไม่ว่าจะเพศไหนหรือวัยใดก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ปัญหาผมร่วงและผมบางมักเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ เส้นผมที่เคยหนาแน่นเริ่มบางลงจนส่งผลกับบุคลิกภาพและความมั่นใจ ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าสังคมหรือแม้กระทั่งกระทบต่อการทำงาน 

การปลูกผมช่วยฟื้นฟูบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง การมีเส้นผมหนาแน่นและสุขภาพดีไม่เพียงแต่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีขึ้น แต่ยังฟื้นฟูความรู้สึกภายในจิตใจได้อย่างมาก จากประสบการณ์ตรงของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน หลายคนจะมี “จุดเปลี่ยน” ที่เหมือนกันคือ จากที่เคยคิดว่า พออายุมากแล้ว ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย ใส่ใจตัวเองน้อยลง ทิ้งความฝันที่เคยอยากทำ และไม่คิดอยากลองทำอะไรใหม่ๆ อีก แต่หลังการปลูกผม ทัศนคติก็เปลี่ยนไป เส้นผมใหม่ทำให้รู้สึกมั่นใจ สดใสและมีพลัง ได้กลับมามองโลกในมุมมองใหม่ พร้อมเผชิญกับทุกโอกาสในชีวิต เปิดใจลองทำสิ่งใหม่ๆ การใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นและมีความสุขในทุกวัน


NEAT เทคนิคการปลูกผมที่เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ ที่คิดค้นและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้ปลูกผมที่เข้าใจดีว่า “เส้นผม” นั้นส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้มากเพียงใด คุณหมอนินได้ออกแบบ NEAT มาเพื่อมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ทุกคน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และหัวใจสำคัญของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ คุณหมอนินเป็นผู้ลงมือเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาปรึกษาคุณหมอ และดูแลอยู่เคียงข้างจนครบ 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโต แข็งแรง

ไม่ว่าปัญหาเส้นผมจะเป็นอย่างไร กังวลใจอะไรเป็นพิเศษ ความคาดหวังที่คิดไว้จะเป็นไปได้จริงเพียงใด หลังปลูกผมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คำถามเหล่านี้และข้อสงสัยอื่นๆ อีกมากมาย ผู้เข้ารับบริการสามารถถามคุณหมอนินได้โดยตรง คุณหมอพร้อมให้ปรึกษา อธิบายเหตุและผลอย่างตรงไปตรงมากับทุกคนทุกเคส NEAT จึงเป็นการปลูกผมที่ได้รับการแนะนำต่อกันเป็นวงกว้าง ด้วยความใส่ใจ จริงใจ และการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกสร้างความประทับใจให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา 




สิ่งที่นอกเหนือจากความใส่ใจของคุณหมอนิน ผลลัพธ์ของการปลูกผมเทคนิค NEAT ก็เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งกรอบหน้าใหม่ที่ช่วยเสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น เส้นผมใหม่ที่คุณหมอนินลงมือปลูกด้วยตัวเองทุกเส้นขึ้นหนาแน่นและกลมกลืนกับผมเดิม ที่สำคัญคือ หลังการปลูกผม คุณหมอก็ยังคงดูแลต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ใครๆ ต่างก็เชื่อมั่นและประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

นอกจากจะพัฒนาการปลูกผม NEAT จนเป็นที่ยอมรับแล้ว คุณหมอยังได้มุ่งมั่นค้นคว้า พัฒนาเทคนิคการฟื้นฟูและดูแลเส้นผมในรูปแบบวิธีการอื่นๆ ที่จะช่วยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมนั้นแข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมประเภทต่างๆ ที่อ่อนโยนและเหมาะสมที่จะใช้ภายหลังการปลูกผม เช่น แชมพู ครีมนวดผม เซรั่มบำรุงเส้นผมและสเปรย์จัดแต่งทรงผม 

และไม่ว่าจะผ่านการปลูกผมไปนานกี่ปีก็ตาม หลายคนยังมั่นใจเลือกให้คุณหมอนินดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ตามที่คุณหมอนินแนะนำ เพื่อเป็นการฉีดบำรุงทั้งเส้นผมใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน



การปลูกผมไม่ใช่แค่เพื่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจจากภายใน เมื่อมีความมั่นใจ เราจะมีพลังในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ และจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าการใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น เปิดโอกาสให้ตัวเองได้กลับมารู้สึกดีในทุกๆ วัน เหมือนกับได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับตัวเองที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความสุขอีกครั้งหนึ่ง

เส้นผมใหม่ เปิดโลกใหม่ เติมเต็มความมั่นใจในทุกวัน
ถ้าความมั่นใจไม่มีวันหมดอายุ การปลูกผมเพื่อเสริมความมั่นใจก็ไม่จำกัดอายุเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบัน การปลูกผมเป็นเทรนด์ที่ทุกคนสามารถทำได้ไม่ว่าจะเพศไหนหรือวัยใดก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ปัญหาผมร่วงและผมบางมักเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ เส้นผมที่เคยหนาแน่นเริ่มบางลงจนส่งผลกับบุคลิกภาพและความมั่นใจ ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าสังคมหรือแม้กระทั่งกระทบต่อการทำงาน 

การปลูกผมช่วยฟื้นฟูบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง การมีเส้นผมหนาแน่นและสุขภาพดีไม่เพียงแต่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีขึ้น แต่ยังฟื้นฟูความรู้สึกภายในจิตใจได้อย่างมาก จากประสบการณ์ตรงของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน หลายคนจะมี “จุดเปลี่ยน” ที่เหมือนกันคือ จากที่เคยคิดว่า พออายุมากแล้ว ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย ใส่ใจตัวเองน้อยลง ทิ้งความฝันที่เคยอยากทำ และไม่คิดอยากลองทำอะไรใหม่ๆ อีก แต่หลังการปลูกผม ทัศนคติก็เปลี่ยนไป เส้นผมใหม่ทำให้รู้สึกมั่นใจ สดใสและมีพลัง ได้กลับมามองโลกในมุมมองใหม่ พร้อมเผชิญกับทุกโอกาสในชีวิต เปิดใจลองทำสิ่งใหม่ๆ การใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นและมีความสุขในทุกวัน


NEAT เทคนิคการปลูกผมที่เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ ที่คิดค้นและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้ปลูกผมที่เข้าใจดีว่า “เส้นผม” นั้นส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้มากเพียงใด คุณหมอนินได้ออกแบบ NEAT มาเพื่อมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ทุกคน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และหัวใจสำคัญของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ คุณหมอนินเป็นผู้ลงมือเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาปรึกษาคุณหมอ และดูแลอยู่เคียงข้างจนครบ 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโต แข็งแรง

ไม่ว่าปัญหาเส้นผมจะเป็นอย่างไร กังวลใจอะไรเป็นพิเศษ ความคาดหวังที่คิดไว้จะเป็นไปได้จริงเพียงใด หลังปลูกผมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คำถามเหล่านี้และข้อสงสัยอื่นๆ อีกมากมาย ผู้เข้ารับบริการสามารถถามคุณหมอนินได้โดยตรง คุณหมอพร้อมให้ปรึกษา อธิบายเหตุและผลอย่างตรงไปตรงมากับทุกคนทุกเคส NEAT จึงเป็นการปลูกผมที่ได้รับการแนะนำต่อกันเป็นวงกว้าง ด้วยความใส่ใจ จริงใจ และการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกสร้างความประทับใจให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา 




สิ่งที่นอกเหนือจากความใส่ใจของคุณหมอนิน ผลลัพธ์ของการปลูกผมเทคนิค NEAT ก็เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งกรอบหน้าใหม่ที่ช่วยเสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น เส้นผมใหม่ที่คุณหมอนินลงมือปลูกด้วยตัวเองทุกเส้นขึ้นหนาแน่นและกลมกลืนกับผมเดิม ที่สำคัญคือ หลังการปลูกผม คุณหมอก็ยังคงดูแลต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ใครๆ ต่างก็เชื่อมั่นและประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

นอกจากจะพัฒนาการปลูกผม NEAT จนเป็นที่ยอมรับแล้ว คุณหมอยังได้มุ่งมั่นค้นคว้า พัฒนาเทคนิคการฟื้นฟูและดูแลเส้นผมในรูปแบบวิธีการอื่นๆ ที่จะช่วยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมนั้นแข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมประเภทต่างๆ ที่อ่อนโยนและเหมาะสมที่จะใช้ภายหลังการปลูกผม เช่น แชมพู ครีมนวดผม เซรั่มบำรุงเส้นผมและสเปรย์จัดแต่งทรงผม 

และไม่ว่าจะผ่านการปลูกผมไปนานกี่ปีก็ตาม หลายคนยังมั่นใจเลือกให้คุณหมอนินดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ตามที่คุณหมอนินแนะนำ เพื่อเป็นการฉีดบำรุงทั้งเส้นผมใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน



การปลูกผมไม่ใช่แค่เพื่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจจากภายใน เมื่อมีความมั่นใจ เราจะมีพลังในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ และจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าการใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น เปิดโอกาสให้ตัวเองได้กลับมารู้สึกดีในทุกๆ วัน เหมือนกับได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับตัวเองที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความสุขอีกครั้งหนึ่ง

เส้นผมใหม่ เปิดโลกใหม่ เติมเต็มความมั่นใจในทุกวัน
ถ้าความมั่นใจไม่มีวันหมดอายุ การปลูกผมเพื่อเสริมความมั่นใจก็ไม่จำกัดอายุเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบัน การปลูกผมเป็นเทรนด์ที่ทุกคนสามารถทำได้ไม่ว่าจะเพศไหนหรือวัยใดก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ปัญหาผมร่วงและผมบางมักเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ เส้นผมที่เคยหนาแน่นเริ่มบางลงจนส่งผลกับบุคลิกภาพและความมั่นใจ ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าสังคมหรือแม้กระทั่งกระทบต่อการทำงาน 

การปลูกผมช่วยฟื้นฟูบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง การมีเส้นผมหนาแน่นและสุขภาพดีไม่เพียงแต่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีขึ้น แต่ยังฟื้นฟูความรู้สึกภายในจิตใจได้อย่างมาก จากประสบการณ์ตรงของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน หลายคนจะมี “จุดเปลี่ยน” ที่เหมือนกันคือ จากที่เคยคิดว่า พออายุมากแล้ว ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย ใส่ใจตัวเองน้อยลง ทิ้งความฝันที่เคยอยากทำ และไม่คิดอยากลองทำอะไรใหม่ๆ อีก แต่หลังการปลูกผม ทัศนคติก็เปลี่ยนไป เส้นผมใหม่ทำให้รู้สึกมั่นใจ สดใสและมีพลัง ได้กลับมามองโลกในมุมมองใหม่ พร้อมเผชิญกับทุกโอกาสในชีวิต เปิดใจลองทำสิ่งใหม่ๆ การใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นและมีความสุขในทุกวัน


NEAT เทคนิคการปลูกผมที่เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ ที่คิดค้นและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้ปลูกผมที่เข้าใจดีว่า “เส้นผม” นั้นส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้มากเพียงใด คุณหมอนินได้ออกแบบ NEAT มาเพื่อมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ทุกคน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และหัวใจสำคัญของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ คุณหมอนินเป็นผู้ลงมือเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาปรึกษาคุณหมอ และดูแลอยู่เคียงข้างจนครบ 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโต แข็งแรง

ไม่ว่าปัญหาเส้นผมจะเป็นอย่างไร กังวลใจอะไรเป็นพิเศษ ความคาดหวังที่คิดไว้จะเป็นไปได้จริงเพียงใด หลังปลูกผมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คำถามเหล่านี้และข้อสงสัยอื่นๆ อีกมากมาย ผู้เข้ารับบริการสามารถถามคุณหมอนินได้โดยตรง คุณหมอพร้อมให้ปรึกษา อธิบายเหตุและผลอย่างตรงไปตรงมากับทุกคนทุกเคส NEAT จึงเป็นการปลูกผมที่ได้รับการแนะนำต่อกันเป็นวงกว้าง ด้วยความใส่ใจ จริงใจ และการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกสร้างความประทับใจให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา 




สิ่งที่นอกเหนือจากความใส่ใจของคุณหมอนิน ผลลัพธ์ของการปลูกผมเทคนิค NEAT ก็เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งกรอบหน้าใหม่ที่ช่วยเสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น เส้นผมใหม่ที่คุณหมอนินลงมือปลูกด้วยตัวเองทุกเส้นขึ้นหนาแน่นและกลมกลืนกับผมเดิม ที่สำคัญคือ หลังการปลูกผม คุณหมอก็ยังคงดูแลต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ใครๆ ต่างก็เชื่อมั่นและประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

นอกจากจะพัฒนาการปลูกผม NEAT จนเป็นที่ยอมรับแล้ว คุณหมอยังได้มุ่งมั่นค้นคว้า พัฒนาเทคนิคการฟื้นฟูและดูแลเส้นผมในรูปแบบวิธีการอื่นๆ ที่จะช่วยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมนั้นแข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมประเภทต่างๆ ที่อ่อนโยนและเหมาะสมที่จะใช้ภายหลังการปลูกผม เช่น แชมพู ครีมนวดผม เซรั่มบำรุงเส้นผมและสเปรย์จัดแต่งทรงผม 

และไม่ว่าจะผ่านการปลูกผมไปนานกี่ปีก็ตาม หลายคนยังมั่นใจเลือกให้คุณหมอนินดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ตามที่คุณหมอนินแนะนำ เพื่อเป็นการฉีดบำรุงทั้งเส้นผมใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน



การปลูกผมไม่ใช่แค่เพื่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจจากภายใน เมื่อมีความมั่นใจ เราจะมีพลังในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ และจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าการใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น เปิดโอกาสให้ตัวเองได้กลับมารู้สึกดีในทุกๆ วัน เหมือนกับได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับตัวเองที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความสุขอีกครั้งหนึ่ง

เส้นผมใหม่ เปิดโลกใหม่ เติมเต็มความมั่นใจในทุกวัน
ถ้าความมั่นใจไม่มีวันหมดอายุ การปลูกผมเพื่อเสริมความมั่นใจก็ไม่จำกัดอายุเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบัน การปลูกผมเป็นเทรนด์ที่ทุกคนสามารถทำได้ไม่ว่าจะเพศไหนหรือวัยใดก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ปัญหาผมร่วงและผมบางมักเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ เส้นผมที่เคยหนาแน่นเริ่มบางลงจนส่งผลกับบุคลิกภาพและความมั่นใจ ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าสังคมหรือแม้กระทั่งกระทบต่อการทำงาน 

การปลูกผมช่วยฟื้นฟูบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง การมีเส้นผมหนาแน่นและสุขภาพดีไม่เพียงแต่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีขึ้น แต่ยังฟื้นฟูความรู้สึกภายในจิตใจได้อย่างมาก จากประสบการณ์ตรงของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน หลายคนจะมี “จุดเปลี่ยน” ที่เหมือนกันคือ จากที่เคยคิดว่า พออายุมากแล้ว ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย ใส่ใจตัวเองน้อยลง ทิ้งความฝันที่เคยอยากทำ และไม่คิดอยากลองทำอะไรใหม่ๆ อีก แต่หลังการปลูกผม ทัศนคติก็เปลี่ยนไป เส้นผมใหม่ทำให้รู้สึกมั่นใจ สดใสและมีพลัง ได้กลับมามองโลกในมุมมองใหม่ พร้อมเผชิญกับทุกโอกาสในชีวิต เปิดใจลองทำสิ่งใหม่ๆ การใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นและมีความสุขในทุกวัน


NEAT เทคนิคการปลูกผมที่เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ ที่คิดค้นและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้ปลูกผมที่เข้าใจดีว่า “เส้นผม” นั้นส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้มากเพียงใด คุณหมอนินได้ออกแบบ NEAT มาเพื่อมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ทุกคน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และหัวใจสำคัญของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ คุณหมอนินเป็นผู้ลงมือเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาปรึกษาคุณหมอ และดูแลอยู่เคียงข้างจนครบ 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโต แข็งแรง

ไม่ว่าปัญหาเส้นผมจะเป็นอย่างไร กังวลใจอะไรเป็นพิเศษ ความคาดหวังที่คิดไว้จะเป็นไปได้จริงเพียงใด หลังปลูกผมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คำถามเหล่านี้และข้อสงสัยอื่นๆ อีกมากมาย ผู้เข้ารับบริการสามารถถามคุณหมอนินได้โดยตรง คุณหมอพร้อมให้ปรึกษา อธิบายเหตุและผลอย่างตรงไปตรงมากับทุกคนทุกเคส NEAT จึงเป็นการปลูกผมที่ได้รับการแนะนำต่อกันเป็นวงกว้าง ด้วยความใส่ใจ จริงใจ และการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกสร้างความประทับใจให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา 




สิ่งที่นอกเหนือจากความใส่ใจของคุณหมอนิน ผลลัพธ์ของการปลูกผมเทคนิค NEAT ก็เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งกรอบหน้าใหม่ที่ช่วยเสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น เส้นผมใหม่ที่คุณหมอนินลงมือปลูกด้วยตัวเองทุกเส้นขึ้นหนาแน่นและกลมกลืนกับผมเดิม ที่สำคัญคือ หลังการปลูกผม คุณหมอก็ยังคงดูแลต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ใครๆ ต่างก็เชื่อมั่นและประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

นอกจากจะพัฒนาการปลูกผม NEAT จนเป็นที่ยอมรับแล้ว คุณหมอยังได้มุ่งมั่นค้นคว้า พัฒนาเทคนิคการฟื้นฟูและดูแลเส้นผมในรูปแบบวิธีการอื่นๆ ที่จะช่วยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมนั้นแข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมประเภทต่างๆ ที่อ่อนโยนและเหมาะสมที่จะใช้ภายหลังการปลูกผม เช่น แชมพู ครีมนวดผม เซรั่มบำรุงเส้นผมและสเปรย์จัดแต่งทรงผม 

และไม่ว่าจะผ่านการปลูกผมไปนานกี่ปีก็ตาม หลายคนยังมั่นใจเลือกให้คุณหมอนินดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ตามที่คุณหมอนินแนะนำ เพื่อเป็นการฉีดบำรุงทั้งเส้นผมใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน



การปลูกผมไม่ใช่แค่เพื่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจจากภายใน เมื่อมีความมั่นใจ เราจะมีพลังในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ และจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าการใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น เปิดโอกาสให้ตัวเองได้กลับมารู้สึกดีในทุกๆ วัน เหมือนกับได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับตัวเองที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความสุขอีกครั้งหนึ่ง

เส้นผมใหม่ เปิดโลกใหม่ เติมเต็มความมั่นใจในทุกวัน
ถ้าความมั่นใจไม่มีวันหมดอายุ การปลูกผมเพื่อเสริมความมั่นใจก็ไม่จำกัดอายุเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบัน การปลูกผมเป็นเทรนด์ที่ทุกคนสามารถทำได้ไม่ว่าจะเพศไหนหรือวัยใดก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ปัญหาผมร่วงและผมบางมักเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ เส้นผมที่เคยหนาแน่นเริ่มบางลงจนส่งผลกับบุคลิกภาพและความมั่นใจ ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าสังคมหรือแม้กระทั่งกระทบต่อการทำงาน 

การปลูกผมช่วยฟื้นฟูบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง การมีเส้นผมหนาแน่นและสุขภาพดีไม่เพียงแต่ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีขึ้น แต่ยังฟื้นฟูความรู้สึกภายในจิตใจได้อย่างมาก จากประสบการณ์ตรงของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน หลายคนจะมี “จุดเปลี่ยน” ที่เหมือนกันคือ จากที่เคยคิดว่า พออายุมากแล้ว ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย ใส่ใจตัวเองน้อยลง ทิ้งความฝันที่เคยอยากทำ และไม่คิดอยากลองทำอะไรใหม่ๆ อีก แต่หลังการปลูกผม ทัศนคติก็เปลี่ยนไป เส้นผมใหม่ทำให้รู้สึกมั่นใจ สดใสและมีพลัง ได้กลับมามองโลกในมุมมองใหม่ พร้อมเผชิญกับทุกโอกาสในชีวิต เปิดใจลองทำสิ่งใหม่ๆ การใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้นและมีความสุขในทุกวัน


NEAT เทคนิคการปลูกผมที่เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ ที่คิดค้นและพัฒนาโดย พญ.นิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้ปลูกผมที่เข้าใจดีว่า “เส้นผม” นั้นส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้มากเพียงใด คุณหมอนินได้ออกแบบ NEAT มาเพื่อมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ทุกคน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และหัวใจสำคัญของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ คุณหมอนินเป็นผู้ลงมือเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาปรึกษาคุณหมอ และดูแลอยู่เคียงข้างจนครบ 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโต แข็งแรง

ไม่ว่าปัญหาเส้นผมจะเป็นอย่างไร กังวลใจอะไรเป็นพิเศษ ความคาดหวังที่คิดไว้จะเป็นไปได้จริงเพียงใด หลังปลูกผมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง คำถามเหล่านี้และข้อสงสัยอื่นๆ อีกมากมาย ผู้เข้ารับบริการสามารถถามคุณหมอนินได้โดยตรง คุณหมอพร้อมให้ปรึกษา อธิบายเหตุและผลอย่างตรงไปตรงมากับทุกคนทุกเคส NEAT จึงเป็นการปลูกผมที่ได้รับการแนะนำต่อกันเป็นวงกว้าง ด้วยความใส่ใจ จริงใจ และการดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกสร้างความประทับใจให้ผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา 




สิ่งที่นอกเหนือจากความใส่ใจของคุณหมอนิน ผลลัพธ์ของการปลูกผมเทคนิค NEAT ก็เห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งกรอบหน้าใหม่ที่ช่วยเสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น เส้นผมใหม่ที่คุณหมอนินลงมือปลูกด้วยตัวเองทุกเส้นขึ้นหนาแน่นและกลมกลืนกับผมเดิม ที่สำคัญคือ หลังการปลูกผม คุณหมอก็ยังคงดูแลต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ใครๆ ต่างก็เชื่อมั่นและประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

นอกจากจะพัฒนาการปลูกผม NEAT จนเป็นที่ยอมรับแล้ว คุณหมอยังได้มุ่งมั่นค้นคว้า พัฒนาเทคนิคการฟื้นฟูและดูแลเส้นผมในรูปแบบวิธีการอื่นๆ ที่จะช่วยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมนั้นแข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมประเภทต่างๆ ที่อ่อนโยนและเหมาะสมที่จะใช้ภายหลังการปลูกผม เช่น แชมพู ครีมนวดผม เซรั่มบำรุงเส้นผมและสเปรย์จัดแต่งทรงผม 

และไม่ว่าจะผ่านการปลูกผมไปนานกี่ปีก็ตาม หลายคนยังมั่นใจเลือกให้คุณหมอนินดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ตามที่คุณหมอนินแนะนำ เพื่อเป็นการฉีดบำรุงทั้งเส้นผมใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงอย่างยาวนานไปพร้อมกัน



การปลูกผมไม่ใช่แค่เพื่อรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจจากภายใน เมื่อมีความมั่นใจ เราจะมีพลังในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเต็มที่ และจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าการใช้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น เปิดโอกาสให้ตัวเองได้กลับมารู้สึกดีในทุกๆ วัน เหมือนกับได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับตัวเองที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความสุขอีกครั้งหนึ่ง

ผมร่วง ไม่ใช่เรื่องเล็ก เข้าใจให้ลึกก่อนสายเกินไป
หากเริ่มสังเกตว่าเส้นผมบางลง ผมหลุดร่วงมากผิดปกติ หรือเริ่มเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเมื่อมองในกระจก ขอให้รู้ไว้ว่า......คุณไม่ได้เผชิญปัญหานี้เพียงลำพังค่ะ ยังมีผู้ชายอีกจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วงผมบางอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมมากกว่าที่คุณคิด

ในแต่ละวัน คุณอาจเผลอทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมตามความเคยชินและความสะดวก ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น หนังศีรษะแห้ง แต่ใช้แชมพูสำหรับผมมัน เส้นผมจะยิ่งแห้งกว่าเดิมและหลุดร่วงง่าย หรือบางพฤติกรรมที่อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การไดร์ผมด้วยลมร้อนจัด การเซ็ตผมด้วยเจล แว็กซ์ สเปรย์ฉีดผมแล้วไม่ล้างให้สะอาด หรือบางคนชอบใส่หมวกแน่นๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดีและอาจมีความอับชื้น มีสิ่งสกปรกติดค้างอยู่ในหนังศีรษะ ซึ่งทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายขึ้นโดยที่คุณเองก็ไม่ทันสังเกต

นอกจากนี้ สไตล์การใช้ชีวิตบางรูปแบบก็ส่งผลเสียต่อเส้นผมได้ค่ะ เช่น การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ นอนน้อย ร่างกายไม่ได้ฟื้นฟูตัวเอง หรือการรับประทานของทอด ของมันเป็นประจำ ดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง เมื่อร่างกายสะสมไขมันและน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ระบบในร่างกายจะเกิดการอักเสบแบบเรื้อรัง ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ก็ทำให้ผมร่วงได้ หรือแม้แต่สายรักสุขภาพที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตและออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นพิเศษก็ไม่ควรประมาทค่ะ เพราะคุณอาจจะละเลยการปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ที่สามารถทำลายโครงสร้างโปรตีนเคราตินในเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสียและหลุดร่วงง่ายขึ้น ยิ่งหากมีเหงื่อสะสมร่วมด้วยและไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหารังแค หนังศีรษะลอก และการอักเสบที่อาจลุกลามไปสู่ภาวะผมร่วงได้เช่นกัน


นอกจากปัจจัยภายนอกอย่างเช่นไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว ปัญหาผมร่วงในผู้ชายยังสัมพันธ์โดยตรงกับฮอร์โมนเพศชายอีกด้วยค่ะ ในร่างกายผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศที่ชื่อว่า "เทสโทสเทอโรน" (Testosterone) ซึ่งฮอร์โมนนี้บางส่วนจะถูกเปลี่ยนไปเป็น "DHT" (Dihydrotestosterone) ซึ่ง DHT นี้เอง ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผมบาง ถึงแม้ทุกคนจะมี DHT อยู่ในร่างกายเหมือนกัน แต่คนที่มี “พันธุกรรมผมบาง” หรือมีประวัติศีรษะล้านในครอบครัว มักจะมีความไวของรากผมต่อ DHT สูงกว่าคนทั่วไป จึงเกิดอาการผมบางได้เร็วและง่ายกว่า ฮอร์โมนตัวนี้จะค่อย ๆ ทำให้รูขุมขนหดเล็กลง เส้นผมที่ขึ้นใหม่จะบางลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะและ M Shape ตรงหน้าผากค่ะ

และหากมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่ส่งผลต่อเส้นผมร่วมด้วย โดยเฉพาะ “ความเครียด” ก็จะยิ่งทำให้ผมอ่อนแอลงไปกว่าเดิม เมื่อร่างกายเผชิญความเครียด ระบบจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปรบกวนสมดุลของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในร่างกาย เร่งกระบวนการเปลี่ยนเทสโทสเทอโรนเป็น DHT มากขึ้น ทำให้ปัญหาผมร่วงรุนแรงขึ้นตามมา นอกจากนี้ ความเครียดยังอาจทำให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพักพร้อมกันจำนวนมาก เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้อีกด้วย

แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร??? ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ ขั้นตอนแรก ให้ทำความเข้าใจก่อนว่า “ผมร่วง” ไม่ใช่เรื่องที่ต้องยอมรับสภาพหรือยอมแพ้ เพราะถ้าเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงโดยเร็ว ก็มีโอกาสในการรักษาและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงได้ค่ะ โดยเริ่มต้นจาก “การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน” เช่น เลือกใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพผม สระผมให้สะอาดทุกครั้งหลังการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม หลีกเลี่ยงความร้อนสูงที่ทำร้ายหนังศีรษะ หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืออยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ควรใช้หมวกหรือผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับเส้นผมร่วมด้วย และเพิ่มการดูแลสุขภาพโดยรวมเข้าไปอีกสักนิดก็จะยิ่งช่วยได้มากเลยค่ะ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อเส้นผม เช่น ธาตุเหล็ก ซิงก์ และไบโอติน ลดหรือเลิกสูบบุหรี่ รวมถึงการหาวิธีคลายความเครียดในแบบที่ชอบ เช่น การออกกำลังกายเบาๆ ฟังเพลง ดูภาพยนตร์ หรือพักผ่อนในสถานที่เงียบสงบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของผมร่วงได้ และยังช่วยให้สุขภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรงขึ้นด้วย

นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว นามนินขอแนะนำอีกวิธีหนึ่งของการฟื้นฟูผมร่วง ผมบางที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน คือ โปรแกรม PHB ค่ะ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เมื่อวิเคราะห์สาเหตุของผมร่วงได้แล้ว คุณหมอจะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะเป็นรายบุคคล จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ
  • เส้นผมแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • ลดหรือชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม
  • สร้างสมดุลและเสริมความแข็งแรงให้หนังศีรษะ ลดอาการคัน แห้งและมัน


และขั้นตอนสุดท้ายของโปรแกรม PHB คือ การฉีดบำรุง เพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง การฟื้นฟูเส้นผมด้วยการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB นี้เป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยคุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และการเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาทีเท่านั้นค่ะ รับรองว่าไม่กระทบชีวิตประจำวันแน่นอน




ปัญหาผมร่วงไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายหรือเป็นเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาเพียงลำพัง ถ้าเข้าใจสาเหตุ และเริ่มต้นดูแลอย่างถูกวิธี การมีเส้นผมที่แข็งแรงก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัว และ “นามนิน” พร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดไหนของเส้นทางการดูแลเส้นผม เราพร้อมให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างคุณเสมอค่ะ




ผมร่วง ไม่ใช่เรื่องเล็ก เข้าใจให้ลึกก่อนสายเกินไป
หากเริ่มสังเกตว่าเส้นผมบางลง ผมหลุดร่วงมากผิดปกติ หรือเริ่มเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเมื่อมองในกระจก ขอให้รู้ไว้ว่า......คุณไม่ได้เผชิญปัญหานี้เพียงลำพังค่ะ ยังมีผู้ชายอีกจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วงผมบางอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมมากกว่าที่คุณคิด

ในแต่ละวัน คุณอาจเผลอทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมตามความเคยชินและความสะดวก ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น หนังศีรษะแห้ง แต่ใช้แชมพูสำหรับผมมัน เส้นผมจะยิ่งแห้งกว่าเดิมและหลุดร่วงง่าย หรือบางพฤติกรรมที่อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การไดร์ผมด้วยลมร้อนจัด การเซ็ตผมด้วยเจล แว็กซ์ สเปรย์ฉีดผมแล้วไม่ล้างให้สะอาด หรือบางคนชอบใส่หมวกแน่นๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดีและอาจมีความอับชื้น มีสิ่งสกปรกติดค้างอยู่ในหนังศีรษะ ซึ่งทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายขึ้นโดยที่คุณเองก็ไม่ทันสังเกต

นอกจากนี้ สไตล์การใช้ชีวิตบางรูปแบบก็ส่งผลเสียต่อเส้นผมได้ค่ะ เช่น การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ นอนน้อย ร่างกายไม่ได้ฟื้นฟูตัวเอง หรือการรับประทานของทอด ของมันเป็นประจำ ดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง เมื่อร่างกายสะสมไขมันและน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ระบบในร่างกายจะเกิดการอักเสบแบบเรื้อรัง ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ก็ทำให้ผมร่วงได้ หรือแม้แต่สายรักสุขภาพที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตและออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นพิเศษก็ไม่ควรประมาทค่ะ เพราะคุณอาจจะละเลยการปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ที่สามารถทำลายโครงสร้างโปรตีนเคราตินในเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสียและหลุดร่วงง่ายขึ้น ยิ่งหากมีเหงื่อสะสมร่วมด้วยและไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหารังแค หนังศีรษะลอก และการอักเสบที่อาจลุกลามไปสู่ภาวะผมร่วงได้เช่นกัน


นอกจากปัจจัยภายนอกอย่างเช่นไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว ปัญหาผมร่วงในผู้ชายยังสัมพันธ์โดยตรงกับฮอร์โมนเพศชายอีกด้วยค่ะ ในร่างกายผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศที่ชื่อว่า "เทสโทสเทอโรน" (Testosterone) ซึ่งฮอร์โมนนี้บางส่วนจะถูกเปลี่ยนไปเป็น "DHT" (Dihydrotestosterone) ซึ่ง DHT นี้เอง ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผมบาง ถึงแม้ทุกคนจะมี DHT อยู่ในร่างกายเหมือนกัน แต่คนที่มี “พันธุกรรมผมบาง” หรือมีประวัติศีรษะล้านในครอบครัว มักจะมีความไวของรากผมต่อ DHT สูงกว่าคนทั่วไป จึงเกิดอาการผมบางได้เร็วและง่ายกว่า ฮอร์โมนตัวนี้จะค่อย ๆ ทำให้รูขุมขนหดเล็กลง เส้นผมที่ขึ้นใหม่จะบางลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะและ M Shape ตรงหน้าผากค่ะ

และหากมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่ส่งผลต่อเส้นผมร่วมด้วย โดยเฉพาะ “ความเครียด” ก็จะยิ่งทำให้ผมอ่อนแอลงไปกว่าเดิม เมื่อร่างกายเผชิญความเครียด ระบบจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปรบกวนสมดุลของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในร่างกาย เร่งกระบวนการเปลี่ยนเทสโทสเทอโรนเป็น DHT มากขึ้น ทำให้ปัญหาผมร่วงรุนแรงขึ้นตามมา นอกจากนี้ ความเครียดยังอาจทำให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพักพร้อมกันจำนวนมาก เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้อีกด้วย

แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร??? ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ ขั้นตอนแรก ให้ทำความเข้าใจก่อนว่า “ผมร่วง” ไม่ใช่เรื่องที่ต้องยอมรับสภาพหรือยอมแพ้ เพราะถ้าเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงโดยเร็ว ก็มีโอกาสในการรักษาและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงได้ค่ะ โดยเริ่มต้นจาก “การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน” เช่น เลือกใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพผม สระผมให้สะอาดทุกครั้งหลังการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม หลีกเลี่ยงความร้อนสูงที่ทำร้ายหนังศีรษะ หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืออยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ควรใช้หมวกหรือผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับเส้นผมร่วมด้วย และเพิ่มการดูแลสุขภาพโดยรวมเข้าไปอีกสักนิดก็จะยิ่งช่วยได้มากเลยค่ะ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อเส้นผม เช่น ธาตุเหล็ก ซิงก์ และไบโอติน ลดหรือเลิกสูบบุหรี่ รวมถึงการหาวิธีคลายความเครียดในแบบที่ชอบ เช่น การออกกำลังกายเบาๆ ฟังเพลง ดูภาพยนตร์ หรือพักผ่อนในสถานที่เงียบสงบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของผมร่วงได้ และยังช่วยให้สุขภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรงขึ้นด้วย

นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว นามนินขอแนะนำอีกวิธีหนึ่งของการฟื้นฟูผมร่วง ผมบางที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน คือ โปรแกรม PHB ค่ะ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เมื่อวิเคราะห์สาเหตุของผมร่วงได้แล้ว คุณหมอจะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะเป็นรายบุคคล จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ
  • เส้นผมแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • ลดหรือชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม
  • สร้างสมดุลและเสริมความแข็งแรงให้หนังศีรษะ ลดอาการคัน แห้งและมัน


และขั้นตอนสุดท้ายของโปรแกรม PHB คือ การฉีดบำรุง เพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง การฟื้นฟูเส้นผมด้วยการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB นี้เป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยคุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และการเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาทีเท่านั้นค่ะ รับรองว่าไม่กระทบชีวิตประจำวันแน่นอน




ปัญหาผมร่วงไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายหรือเป็นเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาเพียงลำพัง ถ้าเข้าใจสาเหตุ และเริ่มต้นดูแลอย่างถูกวิธี การมีเส้นผมที่แข็งแรงก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัว และ “นามนิน” พร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดไหนของเส้นทางการดูแลเส้นผม เราพร้อมให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างคุณเสมอค่ะ




ผมร่วง ไม่ใช่เรื่องเล็ก เข้าใจให้ลึกก่อนสายเกินไป
หากเริ่มสังเกตว่าเส้นผมบางลง ผมหลุดร่วงมากผิดปกติ หรือเริ่มเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเมื่อมองในกระจก ขอให้รู้ไว้ว่า......คุณไม่ได้เผชิญปัญหานี้เพียงลำพังค่ะ ยังมีผู้ชายอีกจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วงผมบางอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมมากกว่าที่คุณคิด

ในแต่ละวัน คุณอาจเผลอทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมตามความเคยชินและความสะดวก ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น หนังศีรษะแห้ง แต่ใช้แชมพูสำหรับผมมัน เส้นผมจะยิ่งแห้งกว่าเดิมและหลุดร่วงง่าย หรือบางพฤติกรรมที่อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การไดร์ผมด้วยลมร้อนจัด การเซ็ตผมด้วยเจล แว็กซ์ สเปรย์ฉีดผมแล้วไม่ล้างให้สะอาด หรือบางคนชอบใส่หมวกแน่นๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดีและอาจมีความอับชื้น มีสิ่งสกปรกติดค้างอยู่ในหนังศีรษะ ซึ่งทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายขึ้นโดยที่คุณเองก็ไม่ทันสังเกต

นอกจากนี้ สไตล์การใช้ชีวิตบางรูปแบบก็ส่งผลเสียต่อเส้นผมได้ค่ะ เช่น การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ นอนน้อย ร่างกายไม่ได้ฟื้นฟูตัวเอง หรือการรับประทานของทอด ของมันเป็นประจำ ดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง เมื่อร่างกายสะสมไขมันและน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ระบบในร่างกายจะเกิดการอักเสบแบบเรื้อรัง ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ก็ทำให้ผมร่วงได้ หรือแม้แต่สายรักสุขภาพที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตและออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นพิเศษก็ไม่ควรประมาทค่ะ เพราะคุณอาจจะละเลยการปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ที่สามารถทำลายโครงสร้างโปรตีนเคราตินในเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสียและหลุดร่วงง่ายขึ้น ยิ่งหากมีเหงื่อสะสมร่วมด้วยและไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหารังแค หนังศีรษะลอก และการอักเสบที่อาจลุกลามไปสู่ภาวะผมร่วงได้เช่นกัน


นอกจากปัจจัยภายนอกอย่างเช่นไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว ปัญหาผมร่วงในผู้ชายยังสัมพันธ์โดยตรงกับฮอร์โมนเพศชายอีกด้วยค่ะ ในร่างกายผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศที่ชื่อว่า "เทสโทสเทอโรน" (Testosterone) ซึ่งฮอร์โมนนี้บางส่วนจะถูกเปลี่ยนไปเป็น "DHT" (Dihydrotestosterone) ซึ่ง DHT นี้เอง ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผมบาง ถึงแม้ทุกคนจะมี DHT อยู่ในร่างกายเหมือนกัน แต่คนที่มี “พันธุกรรมผมบาง” หรือมีประวัติศีรษะล้านในครอบครัว มักจะมีความไวของรากผมต่อ DHT สูงกว่าคนทั่วไป จึงเกิดอาการผมบางได้เร็วและง่ายกว่า ฮอร์โมนตัวนี้จะค่อย ๆ ทำให้รูขุมขนหดเล็กลง เส้นผมที่ขึ้นใหม่จะบางลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะและ M Shape ตรงหน้าผากค่ะ

และหากมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่ส่งผลต่อเส้นผมร่วมด้วย โดยเฉพาะ “ความเครียด” ก็จะยิ่งทำให้ผมอ่อนแอลงไปกว่าเดิม เมื่อร่างกายเผชิญความเครียด ระบบจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปรบกวนสมดุลของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในร่างกาย เร่งกระบวนการเปลี่ยนเทสโทสเทอโรนเป็น DHT มากขึ้น ทำให้ปัญหาผมร่วงรุนแรงขึ้นตามมา นอกจากนี้ ความเครียดยังอาจทำให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพักพร้อมกันจำนวนมาก เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้อีกด้วย

แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร??? ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ ขั้นตอนแรก ให้ทำความเข้าใจก่อนว่า “ผมร่วง” ไม่ใช่เรื่องที่ต้องยอมรับสภาพหรือยอมแพ้ เพราะถ้าเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงโดยเร็ว ก็มีโอกาสในการรักษาและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงได้ค่ะ โดยเริ่มต้นจาก “การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน” เช่น เลือกใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพผม สระผมให้สะอาดทุกครั้งหลังการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม หลีกเลี่ยงความร้อนสูงที่ทำร้ายหนังศีรษะ หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืออยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ควรใช้หมวกหรือผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับเส้นผมร่วมด้วย และเพิ่มการดูแลสุขภาพโดยรวมเข้าไปอีกสักนิดก็จะยิ่งช่วยได้มากเลยค่ะ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อเส้นผม เช่น ธาตุเหล็ก ซิงก์ และไบโอติน ลดหรือเลิกสูบบุหรี่ รวมถึงการหาวิธีคลายความเครียดในแบบที่ชอบ เช่น การออกกำลังกายเบาๆ ฟังเพลง ดูภาพยนตร์ หรือพักผ่อนในสถานที่เงียบสงบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของผมร่วงได้ และยังช่วยให้สุขภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรงขึ้นด้วย

นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว นามนินขอแนะนำอีกวิธีหนึ่งของการฟื้นฟูผมร่วง ผมบางที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน คือ โปรแกรม PHB ค่ะ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เมื่อวิเคราะห์สาเหตุของผมร่วงได้แล้ว คุณหมอจะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะเป็นรายบุคคล จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ
  • เส้นผมแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • ลดหรือชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม
  • สร้างสมดุลและเสริมความแข็งแรงให้หนังศีรษะ ลดอาการคัน แห้งและมัน


และขั้นตอนสุดท้ายของโปรแกรม PHB คือ การฉีดบำรุง เพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง การฟื้นฟูเส้นผมด้วยการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB นี้เป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยคุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และการเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาทีเท่านั้นค่ะ รับรองว่าไม่กระทบชีวิตประจำวันแน่นอน




ปัญหาผมร่วงไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายหรือเป็นเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาเพียงลำพัง ถ้าเข้าใจสาเหตุ และเริ่มต้นดูแลอย่างถูกวิธี การมีเส้นผมที่แข็งแรงก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัว และ “นามนิน” พร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดไหนของเส้นทางการดูแลเส้นผม เราพร้อมให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างคุณเสมอค่ะ




ผมร่วง ไม่ใช่เรื่องเล็ก เข้าใจให้ลึกก่อนสายเกินไป
หากเริ่มสังเกตว่าเส้นผมบางลง ผมหลุดร่วงมากผิดปกติ หรือเริ่มเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเมื่อมองในกระจก ขอให้รู้ไว้ว่า......คุณไม่ได้เผชิญปัญหานี้เพียงลำพังค่ะ ยังมีผู้ชายอีกจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วงผมบางอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมมากกว่าที่คุณคิด

ในแต่ละวัน คุณอาจเผลอทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมตามความเคยชินและความสะดวก ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น หนังศีรษะแห้ง แต่ใช้แชมพูสำหรับผมมัน เส้นผมจะยิ่งแห้งกว่าเดิมและหลุดร่วงง่าย หรือบางพฤติกรรมที่อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การไดร์ผมด้วยลมร้อนจัด การเซ็ตผมด้วยเจล แว็กซ์ สเปรย์ฉีดผมแล้วไม่ล้างให้สะอาด หรือบางคนชอบใส่หมวกแน่นๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดีและอาจมีความอับชื้น มีสิ่งสกปรกติดค้างอยู่ในหนังศีรษะ ซึ่งทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายขึ้นโดยที่คุณเองก็ไม่ทันสังเกต

นอกจากนี้ สไตล์การใช้ชีวิตบางรูปแบบก็ส่งผลเสียต่อเส้นผมได้ค่ะ เช่น การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ นอนน้อย ร่างกายไม่ได้ฟื้นฟูตัวเอง หรือการรับประทานของทอด ของมันเป็นประจำ ดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง เมื่อร่างกายสะสมไขมันและน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ระบบในร่างกายจะเกิดการอักเสบแบบเรื้อรัง ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ก็ทำให้ผมร่วงได้ หรือแม้แต่สายรักสุขภาพที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตและออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นพิเศษก็ไม่ควรประมาทค่ะ เพราะคุณอาจจะละเลยการปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ที่สามารถทำลายโครงสร้างโปรตีนเคราตินในเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสียและหลุดร่วงง่ายขึ้น ยิ่งหากมีเหงื่อสะสมร่วมด้วยและไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหารังแค หนังศีรษะลอก และการอักเสบที่อาจลุกลามไปสู่ภาวะผมร่วงได้เช่นกัน


นอกจากปัจจัยภายนอกอย่างเช่นไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว ปัญหาผมร่วงในผู้ชายยังสัมพันธ์โดยตรงกับฮอร์โมนเพศชายอีกด้วยค่ะ ในร่างกายผู้ชายจะมีฮอร์โมนเพศที่ชื่อว่า "เทสโทสเทอโรน" (Testosterone) ซึ่งฮอร์โมนนี้บางส่วนจะถูกเปลี่ยนไปเป็น "DHT" (Dihydrotestosterone) ซึ่ง DHT นี้เอง ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผมบาง ถึงแม้ทุกคนจะมี DHT อยู่ในร่างกายเหมือนกัน แต่คนที่มี “พันธุกรรมผมบาง” หรือมีประวัติศีรษะล้านในครอบครัว มักจะมีความไวของรากผมต่อ DHT สูงกว่าคนทั่วไป จึงเกิดอาการผมบางได้เร็วและง่ายกว่า ฮอร์โมนตัวนี้จะค่อย ๆ ทำให้รูขุมขนหดเล็กลง เส้นผมที่ขึ้นใหม่จะบางลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะและ M Shape ตรงหน้าผากค่ะ

และหากมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่ส่งผลต่อเส้นผมร่วมด้วย โดยเฉพาะ “ความเครียด” ก็จะยิ่งทำให้ผมอ่อนแอลงไปกว่าเดิม เมื่อร่างกายเผชิญความเครียด ระบบจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปรบกวนสมดุลของฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในร่างกาย เร่งกระบวนการเปลี่ยนเทสโทสเทอโรนเป็น DHT มากขึ้น ทำให้ปัญหาผมร่วงรุนแรงขึ้นตามมา นอกจากนี้ ความเครียดยังอาจทำให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพักพร้อมกันจำนวนมาก เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้อีกด้วย

แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร??? ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ ขั้นตอนแรก ให้ทำความเข้าใจก่อนว่า “ผมร่วง” ไม่ใช่เรื่องที่ต้องยอมรับสภาพหรือยอมแพ้ เพราะถ้าเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงโดยเร็ว ก็มีโอกาสในการรักษาและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงได้ค่ะ โดยเริ่มต้นจาก “การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน” เช่น เลือกใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพผม สระผมให้สะอาดทุกครั้งหลังการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม หลีกเลี่ยงความร้อนสูงที่ทำร้ายหนังศีรษะ หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืออยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ควรใช้หมวกหรือผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับเส้นผมร่วมด้วย และเพิ่มการดูแลสุขภาพโดยรวมเข้าไปอีกสักนิดก็จะยิ่งช่วยได้มากเลยค่ะ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อเส้นผม เช่น ธาตุเหล็ก ซิงก์ และไบโอติน ลดหรือเลิกสูบบุหรี่ รวมถึงการหาวิธีคลายความเครียดในแบบที่ชอบ เช่น การออกกำลังกายเบาๆ ฟังเพลง ดูภาพยนตร์ หรือพักผ่อนในสถานที่เงียบสงบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของผมร่วงได้ และยังช่วยให้สุขภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรงขึ้นด้วย

นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมส่วนตัวแล้ว นามนินขอแนะนำอีกวิธีหนึ่งของการฟื้นฟูผมร่วง ผมบางที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน คือ โปรแกรม PHB ค่ะ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เมื่อวิเคราะห์สาเหตุของผมร่วงได้แล้ว คุณหมอจะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะเป็นรายบุคคล จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ
  • เส้นผมแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผม
  • ลดหรือชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม
  • สร้างสมดุลและเสริมความแข็งแรงให้หนังศีรษะ ลดอาการคัน แห้งและมัน


และขั้นตอนสุดท้ายของโปรแกรม PHB คือ การฉีดบำรุง เพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง การฟื้นฟูเส้นผมด้วยการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB นี้เป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยคุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และการเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาทีเท่านั้นค่ะ รับรองว่าไม่กระทบชีวิตประจำวันแน่นอน




ปัญหาผมร่วงไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายหรือเป็นเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาเพียงลำพัง ถ้าเข้าใจสาเหตุ และเริ่มต้นดูแลอย่างถูกวิธี การมีเส้นผมที่แข็งแรงก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัว และ “นามนิน” พร้อมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดไหนของเส้นทางการดูแลเส้นผม เราพร้อมให้คำปรึกษาและอยู่เคียงข้างคุณเสมอค่ะ




ปกป้องผมจาก “แสงแดด” สไตล์ผู้ชายสายสปอร์ต
แม้ว่าแดดเมืองไทยจะร้อนราวกับอยู่ในช่วงซัมเมอร์ตลอด 12 เดือนไม่มีพัก แต่เราก็ยังเห็นคุณผู้ชายสายสปอร์ตที่รักสุขภาพหลาย ๆ คน ออกมาลุยกีฬากลางแจ้งกันแบบแมน ๆ ไม่หวั่นความร้อนแผดเผาของแสงแดด ไหนจะออกรอบตีกอล์ฟซ้อมวงสวิงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง บ้างก็สวมบทนักปั่นน่องเหล็กปั่นจักรยานพิสูจน์ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา บ้างก็เพลิดเพลินกับการออกกำลังเผาผลาญแคลอรีทั่วตัวในสระว่ายน้ำ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เราจะเตรียมไอเท็มปกป้องผิวจากแสงแดดมาเป็นอย่างดี แต่หลาย ๆ ครั้ง เรากลับลืมนึกถึงส่วนที่สัมผัสแสงแดดแบบเต็ม ๆ ตลอดเวลาที่เราพาตัวเองไปอยู่กลางแจ้ง นั่นก็คือ “เส้นผม”

อย่าลืมว่า แสงแดดทำร้ายผิวอย่างไร ก็ทำร้ายผมได้ไม่ต่างกัน ไล่มาตั้งแต่รังสี UVA ในแสงแดด ที่ทำลายเม็ดสีเมลานินในเส้นผม รังสี UVB ทำลายโครงสร้างโปรตีน “เคราติน” ในส่วนเกล็ดผมชั้นนอกสุด ซึ่งปกติแล้วจะคอยทำหน้าที่ปกป้องเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ภายใน ทำให้ผมขาดเกราะปกป้องและถูกทำร้ายง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็รบกวนการทำงานของกรดอมิโนในเส้นผมรวมถึงรากผมด้วย 

และนี่คือผลลัพธ์ของเส้นผมที่สัมผัสแสงแดดนาน ๆ โดยขาดการดูแลอย่างถูกวิธี
  • สีผมจางลง จากการสูญเสียเม็ดสีเมลานิน หรืออาจเกิดภาวะผมหงอกก่อนวัย
  • ผมเสีย แห้ง หยาบกร้าน ขาดความนุ่มสลวย เงางาม
  • ผมชี้ฟู ดูไม่มีน้ำหนัก
  • ผมอ่อนแอ แตกปลาย เปราะขาดง่าย
  • ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งข้อนี้สำคัญทีเดียว เพราะหากปล่อยให้เกิดภาวะผมร่วงต่อเนื่องนาน ๆ อาจตามมาด้วยอาการผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้านเลยก็เป็นได้



ไม่เพียงเท่านั้น แสงแดดยังทำให้การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของหนังศีรษะผิดปกติไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและชี้ฟู ทั้งยังทำร้ายหนังศีรษะโดยตรง จนอาจเกิดอาการแสบ คัน ระคายเคือง ทำให้หนังศีรษะลอก หรือเกิดรังแคกวนใจ ส่งผลไปถึงบุคลิกภาพและความมั่นใจ อีกทั้งการออกกำลังกายมักจะทำให้เกิดเหงื่อหรือสิ่งสปกรกจากฝุ่นและมลพิษสะสม ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี ก็จะส่งผลทำร้ายเส้นผมจนหลุดร่วงง่ายด้วยเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้น คุณผู้ชายสายสปอร์ตจะมีวิธีดูแลปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างไร นามนินมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมขณะที่มีแดดจัด ๆ อย่างเช่นเวลาเที่ยงตรงหรือบ่ายโมง ลองเลือกปรับเวลาออกกำลังในช่วงอื่น ๆ ที่แสงแดดไม่แรงจนเกินไป
  • การสวมหมวก ก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันแสงแดดสัมผัสกับเส้นผมโดยตรงได้เป็นอย่างดี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด เช่น Hair Tonic หรือ Hair Spray เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยสามารถใช้ได้ทั้งก่อนออกจากบ้าน และใช้ซ้ำระหว่างวัน
  • การระวังไม่ใช้ความร้อนกับเส้นผมมากหรือบ่อยเกินไป เช่นความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผม เพราะจะยิ่งรวมพลังกับแสงแดด ทำให้ผมของเราเสียง่ายขึ้นแบบคูณสอง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงให้เหมาะกับสภาพผมของเราเอง เพื่อคืนความชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงจากภายใน



อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย สำหรับคุณผู้ชายที่กังวลเรื่องผมร่วง ผมบาง เป็นพิเศษ เพราะการปกป้องเส้นผมด้วยการ “สวมหมวก” ที่รัดแน่นเกินไป หรือสวมใส่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเป็นปัจจัยเสริมที่กระทบต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะก็เป็นได้ 

ข้อแรกเลย หมวกที่รัดแน่นเกินไป อาจไปก่อความระคายเคืองหรืออักเสบ พร้อมกับทำให้รากผมยิ่งอ่อนแอ จนผมขาดหลุดร่วงง่าย และหากหมวกทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ก็จะมีปัญหาความอับชื้นตามมา กลายเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะต่าง ๆ อย่างเช่น รังแค หรือเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งจะส่งผลต่อรากผม และลงท้ายทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรเลือกหมวกที่มีวัสดุและขนาดที่เหมาะสม ช่วยระบายอากาศ ไม่รัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป รวมถึงไม่ใส่ติดต่อกันจนนานเกินไป ก็จะช่วยลดความเสี่ยงผมร่วงได้อีกทาง

และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ปัจจัยเสริมอย่างเช่นการสวมหมวก หรือแม้กระทั่งการถูกทำร้ายจากแสงแดด เป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นทางอ้อมเท่านั้น สาเหตุหลักที่คุณผู้ชายส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วง ผมบาง ก็คือกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาครอบครัว ซึ่งมีฮอร์โมนเจ้าปัญหาตัวหนึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายจะมีฮอร์โมนควบคุมลักษณะเพศชาย หรือ Testosterone ซึ่งร่างกายผลิตขึ้นเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วง นั่นก็เพราะเอนไซม์ 5α-Reductase มาเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone เจ้าฮอร์โมน DHT นี้เอง จะเข้าไปจับกับ Androgen Receptor ที่บริเวณรากผม ทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตเส้นผมสั้นลง ผมงอกใหม่เส้นเล็กบาง ไม่แข็งแรง ทั้งงอกช้าและขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น กลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง หรือผมล้านในที่สุด


และเพราะอย่างนั้นเอง การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อคืนผมหนาแน่นดกดำให้กับผู้ที่เผชิญภาวะผมร่วง ผมบาง จากฮอร์โมน DHT และกรรมพันธุ์ได้อย่างตอบโจทย์ เนื่องจากเป็นการเจาะย้ายผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่เส้นผมของเรามีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT โดยธรรมชาติ ทำให้ผมแข็งแรง คงทน ไม่หลุดร่วงง่าย จากนั้นจึงย้ายนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา ผมปลูกใหม่จึงสามารถอยู่รอดจากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT สามารถร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต 

การปลูกผมเทคนิค NEAT ยังเต็มไปด้วยความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมของนามนิน ตั้งแต่การเข้ามาพูดคุยปรึกษา วางแผนแนวทางการรักษาร่วมกัน การคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ผมบาง การลงมือปลูกผมให้คนไข้เองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น และยังรวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ ลดระยะเวลาในการพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยจากปลูกผม ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ทั้งยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกยาวนานถึง 18 เดือน จนกว่าผลลัพธ์ผมใหม่จะหนาแน่น แข็งแรง สมบูรณ์




ดังนั้น หากคุณกำลังกังวลกับปัญหาผมร่วงที่มากขึ้นผิดปกติ ไม่ว่าสาเหตุของอาการผมร่วงจะเกิดจากปัจจัยแบบใด และไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ได้ทันทีไม่ต้องรีรอ เพราะยิ่งเข้ามารับการรักษาเร็ว ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพียงวางใจให้แพทย์ช่วยออกแบบเส้นทางการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณได้อย่างตรงจุดมากที่สุด



ปกป้องผมจาก “แสงแดด” สไตล์ผู้ชายสายสปอร์ต
แม้ว่าแดดเมืองไทยจะร้อนราวกับอยู่ในช่วงซัมเมอร์ตลอด 12 เดือนไม่มีพัก แต่เราก็ยังเห็นคุณผู้ชายสายสปอร์ตที่รักสุขภาพหลาย ๆ คน ออกมาลุยกีฬากลางแจ้งกันแบบแมน ๆ ไม่หวั่นความร้อนแผดเผาของแสงแดด ไหนจะออกรอบตีกอล์ฟซ้อมวงสวิงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง บ้างก็สวมบทนักปั่นน่องเหล็กปั่นจักรยานพิสูจน์ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา บ้างก็เพลิดเพลินกับการออกกำลังเผาผลาญแคลอรีทั่วตัวในสระว่ายน้ำ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เราจะเตรียมไอเท็มปกป้องผิวจากแสงแดดมาเป็นอย่างดี แต่หลาย ๆ ครั้ง เรากลับลืมนึกถึงส่วนที่สัมผัสแสงแดดแบบเต็ม ๆ ตลอดเวลาที่เราพาตัวเองไปอยู่กลางแจ้ง นั่นก็คือ “เส้นผม”

อย่าลืมว่า แสงแดดทำร้ายผิวอย่างไร ก็ทำร้ายผมได้ไม่ต่างกัน ไล่มาตั้งแต่รังสี UVA ในแสงแดด ที่ทำลายเม็ดสีเมลานินในเส้นผม รังสี UVB ทำลายโครงสร้างโปรตีน “เคราติน” ในส่วนเกล็ดผมชั้นนอกสุด ซึ่งปกติแล้วจะคอยทำหน้าที่ปกป้องเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ภายใน ทำให้ผมขาดเกราะปกป้องและถูกทำร้ายง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็รบกวนการทำงานของกรดอมิโนในเส้นผมรวมถึงรากผมด้วย 

และนี่คือผลลัพธ์ของเส้นผมที่สัมผัสแสงแดดนาน ๆ โดยขาดการดูแลอย่างถูกวิธี
  • สีผมจางลง จากการสูญเสียเม็ดสีเมลานิน หรืออาจเกิดภาวะผมหงอกก่อนวัย
  • ผมเสีย แห้ง หยาบกร้าน ขาดความนุ่มสลวย เงางาม
  • ผมชี้ฟู ดูไม่มีน้ำหนัก
  • ผมอ่อนแอ แตกปลาย เปราะขาดง่าย
  • ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งข้อนี้สำคัญทีเดียว เพราะหากปล่อยให้เกิดภาวะผมร่วงต่อเนื่องนาน ๆ อาจตามมาด้วยอาการผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้านเลยก็เป็นได้



ไม่เพียงเท่านั้น แสงแดดยังทำให้การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของหนังศีรษะผิดปกติไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและชี้ฟู ทั้งยังทำร้ายหนังศีรษะโดยตรง จนอาจเกิดอาการแสบ คัน ระคายเคือง ทำให้หนังศีรษะลอก หรือเกิดรังแคกวนใจ ส่งผลไปถึงบุคลิกภาพและความมั่นใจ อีกทั้งการออกกำลังกายมักจะทำให้เกิดเหงื่อหรือสิ่งสปกรกจากฝุ่นและมลพิษสะสม ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี ก็จะส่งผลทำร้ายเส้นผมจนหลุดร่วงง่ายด้วยเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้น คุณผู้ชายสายสปอร์ตจะมีวิธีดูแลปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างไร นามนินมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมขณะที่มีแดดจัด ๆ อย่างเช่นเวลาเที่ยงตรงหรือบ่ายโมง ลองเลือกปรับเวลาออกกำลังในช่วงอื่น ๆ ที่แสงแดดไม่แรงจนเกินไป
  • การสวมหมวก ก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันแสงแดดสัมผัสกับเส้นผมโดยตรงได้เป็นอย่างดี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด เช่น Hair Tonic หรือ Hair Spray เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยสามารถใช้ได้ทั้งก่อนออกจากบ้าน และใช้ซ้ำระหว่างวัน
  • การระวังไม่ใช้ความร้อนกับเส้นผมมากหรือบ่อยเกินไป เช่นความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผม เพราะจะยิ่งรวมพลังกับแสงแดด ทำให้ผมของเราเสียง่ายขึ้นแบบคูณสอง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงให้เหมาะกับสภาพผมของเราเอง เพื่อคืนความชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงจากภายใน



อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย สำหรับคุณผู้ชายที่กังวลเรื่องผมร่วง ผมบาง เป็นพิเศษ เพราะการปกป้องเส้นผมด้วยการ “สวมหมวก” ที่รัดแน่นเกินไป หรือสวมใส่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเป็นปัจจัยเสริมที่กระทบต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะก็เป็นได้ 

ข้อแรกเลย หมวกที่รัดแน่นเกินไป อาจไปก่อความระคายเคืองหรืออักเสบ พร้อมกับทำให้รากผมยิ่งอ่อนแอ จนผมขาดหลุดร่วงง่าย และหากหมวกทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ก็จะมีปัญหาความอับชื้นตามมา กลายเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะต่าง ๆ อย่างเช่น รังแค หรือเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งจะส่งผลต่อรากผม และลงท้ายทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรเลือกหมวกที่มีวัสดุและขนาดที่เหมาะสม ช่วยระบายอากาศ ไม่รัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป รวมถึงไม่ใส่ติดต่อกันจนนานเกินไป ก็จะช่วยลดความเสี่ยงผมร่วงได้อีกทาง

และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ปัจจัยเสริมอย่างเช่นการสวมหมวก หรือแม้กระทั่งการถูกทำร้ายจากแสงแดด เป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นทางอ้อมเท่านั้น สาเหตุหลักที่คุณผู้ชายส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วง ผมบาง ก็คือกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาครอบครัว ซึ่งมีฮอร์โมนเจ้าปัญหาตัวหนึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายจะมีฮอร์โมนควบคุมลักษณะเพศชาย หรือ Testosterone ซึ่งร่างกายผลิตขึ้นเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วง นั่นก็เพราะเอนไซม์ 5α-Reductase มาเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone เจ้าฮอร์โมน DHT นี้เอง จะเข้าไปจับกับ Androgen Receptor ที่บริเวณรากผม ทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตเส้นผมสั้นลง ผมงอกใหม่เส้นเล็กบาง ไม่แข็งแรง ทั้งงอกช้าและขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น กลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง หรือผมล้านในที่สุด


และเพราะอย่างนั้นเอง การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อคืนผมหนาแน่นดกดำให้กับผู้ที่เผชิญภาวะผมร่วง ผมบาง จากฮอร์โมน DHT และกรรมพันธุ์ได้อย่างตอบโจทย์ เนื่องจากเป็นการเจาะย้ายผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่เส้นผมของเรามีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT โดยธรรมชาติ ทำให้ผมแข็งแรง คงทน ไม่หลุดร่วงง่าย จากนั้นจึงย้ายนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา ผมปลูกใหม่จึงสามารถอยู่รอดจากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT สามารถร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต 

การปลูกผมเทคนิค NEAT ยังเต็มไปด้วยความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมของนามนิน ตั้งแต่การเข้ามาพูดคุยปรึกษา วางแผนแนวทางการรักษาร่วมกัน การคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ผมบาง การลงมือปลูกผมให้คนไข้เองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น และยังรวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ ลดระยะเวลาในการพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยจากปลูกผม ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ทั้งยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกยาวนานถึง 18 เดือน จนกว่าผลลัพธ์ผมใหม่จะหนาแน่น แข็งแรง สมบูรณ์




ดังนั้น หากคุณกำลังกังวลกับปัญหาผมร่วงที่มากขึ้นผิดปกติ ไม่ว่าสาเหตุของอาการผมร่วงจะเกิดจากปัจจัยแบบใด และไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ได้ทันทีไม่ต้องรีรอ เพราะยิ่งเข้ามารับการรักษาเร็ว ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพียงวางใจให้แพทย์ช่วยออกแบบเส้นทางการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณได้อย่างตรงจุดมากที่สุด



ปกป้องผมจาก “แสงแดด” สไตล์ผู้ชายสายสปอร์ต
แม้ว่าแดดเมืองไทยจะร้อนราวกับอยู่ในช่วงซัมเมอร์ตลอด 12 เดือนไม่มีพัก แต่เราก็ยังเห็นคุณผู้ชายสายสปอร์ตที่รักสุขภาพหลาย ๆ คน ออกมาลุยกีฬากลางแจ้งกันแบบแมน ๆ ไม่หวั่นความร้อนแผดเผาของแสงแดด ไหนจะออกรอบตีกอล์ฟซ้อมวงสวิงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง บ้างก็สวมบทนักปั่นน่องเหล็กปั่นจักรยานพิสูจน์ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา บ้างก็เพลิดเพลินกับการออกกำลังเผาผลาญแคลอรีทั่วตัวในสระว่ายน้ำ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เราจะเตรียมไอเท็มปกป้องผิวจากแสงแดดมาเป็นอย่างดี แต่หลาย ๆ ครั้ง เรากลับลืมนึกถึงส่วนที่สัมผัสแสงแดดแบบเต็ม ๆ ตลอดเวลาที่เราพาตัวเองไปอยู่กลางแจ้ง นั่นก็คือ “เส้นผม”

อย่าลืมว่า แสงแดดทำร้ายผิวอย่างไร ก็ทำร้ายผมได้ไม่ต่างกัน ไล่มาตั้งแต่รังสี UVA ในแสงแดด ที่ทำลายเม็ดสีเมลานินในเส้นผม รังสี UVB ทำลายโครงสร้างโปรตีน “เคราติน” ในส่วนเกล็ดผมชั้นนอกสุด ซึ่งปกติแล้วจะคอยทำหน้าที่ปกป้องเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ภายใน ทำให้ผมขาดเกราะปกป้องและถูกทำร้ายง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็รบกวนการทำงานของกรดอมิโนในเส้นผมรวมถึงรากผมด้วย 

และนี่คือผลลัพธ์ของเส้นผมที่สัมผัสแสงแดดนาน ๆ โดยขาดการดูแลอย่างถูกวิธี
  • สีผมจางลง จากการสูญเสียเม็ดสีเมลานิน หรืออาจเกิดภาวะผมหงอกก่อนวัย
  • ผมเสีย แห้ง หยาบกร้าน ขาดความนุ่มสลวย เงางาม
  • ผมชี้ฟู ดูไม่มีน้ำหนัก
  • ผมอ่อนแอ แตกปลาย เปราะขาดง่าย
  • ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งข้อนี้สำคัญทีเดียว เพราะหากปล่อยให้เกิดภาวะผมร่วงต่อเนื่องนาน ๆ อาจตามมาด้วยอาการผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้านเลยก็เป็นได้



ไม่เพียงเท่านั้น แสงแดดยังทำให้การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของหนังศีรษะผิดปกติไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและชี้ฟู ทั้งยังทำร้ายหนังศีรษะโดยตรง จนอาจเกิดอาการแสบ คัน ระคายเคือง ทำให้หนังศีรษะลอก หรือเกิดรังแคกวนใจ ส่งผลไปถึงบุคลิกภาพและความมั่นใจ อีกทั้งการออกกำลังกายมักจะทำให้เกิดเหงื่อหรือสิ่งสปกรกจากฝุ่นและมลพิษสะสม ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี ก็จะส่งผลทำร้ายเส้นผมจนหลุดร่วงง่ายด้วยเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้น คุณผู้ชายสายสปอร์ตจะมีวิธีดูแลปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างไร นามนินมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมขณะที่มีแดดจัด ๆ อย่างเช่นเวลาเที่ยงตรงหรือบ่ายโมง ลองเลือกปรับเวลาออกกำลังในช่วงอื่น ๆ ที่แสงแดดไม่แรงจนเกินไป
  • การสวมหมวก ก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันแสงแดดสัมผัสกับเส้นผมโดยตรงได้เป็นอย่างดี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด เช่น Hair Tonic หรือ Hair Spray เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยสามารถใช้ได้ทั้งก่อนออกจากบ้าน และใช้ซ้ำระหว่างวัน
  • การระวังไม่ใช้ความร้อนกับเส้นผมมากหรือบ่อยเกินไป เช่นความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผม เพราะจะยิ่งรวมพลังกับแสงแดด ทำให้ผมของเราเสียง่ายขึ้นแบบคูณสอง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงให้เหมาะกับสภาพผมของเราเอง เพื่อคืนความชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงจากภายใน



อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย สำหรับคุณผู้ชายที่กังวลเรื่องผมร่วง ผมบาง เป็นพิเศษ เพราะการปกป้องเส้นผมด้วยการ “สวมหมวก” ที่รัดแน่นเกินไป หรือสวมใส่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเป็นปัจจัยเสริมที่กระทบต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะก็เป็นได้ 

ข้อแรกเลย หมวกที่รัดแน่นเกินไป อาจไปก่อความระคายเคืองหรืออักเสบ พร้อมกับทำให้รากผมยิ่งอ่อนแอ จนผมขาดหลุดร่วงง่าย และหากหมวกทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ก็จะมีปัญหาความอับชื้นตามมา กลายเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะต่าง ๆ อย่างเช่น รังแค หรือเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งจะส่งผลต่อรากผม และลงท้ายทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรเลือกหมวกที่มีวัสดุและขนาดที่เหมาะสม ช่วยระบายอากาศ ไม่รัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป รวมถึงไม่ใส่ติดต่อกันจนนานเกินไป ก็จะช่วยลดความเสี่ยงผมร่วงได้อีกทาง

และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ปัจจัยเสริมอย่างเช่นการสวมหมวก หรือแม้กระทั่งการถูกทำร้ายจากแสงแดด เป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นทางอ้อมเท่านั้น สาเหตุหลักที่คุณผู้ชายส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วง ผมบาง ก็คือกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาครอบครัว ซึ่งมีฮอร์โมนเจ้าปัญหาตัวหนึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายจะมีฮอร์โมนควบคุมลักษณะเพศชาย หรือ Testosterone ซึ่งร่างกายผลิตขึ้นเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วง นั่นก็เพราะเอนไซม์ 5α-Reductase มาเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone เจ้าฮอร์โมน DHT นี้เอง จะเข้าไปจับกับ Androgen Receptor ที่บริเวณรากผม ทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตเส้นผมสั้นลง ผมงอกใหม่เส้นเล็กบาง ไม่แข็งแรง ทั้งงอกช้าและขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น กลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง หรือผมล้านในที่สุด


และเพราะอย่างนั้นเอง การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อคืนผมหนาแน่นดกดำให้กับผู้ที่เผชิญภาวะผมร่วง ผมบาง จากฮอร์โมน DHT และกรรมพันธุ์ได้อย่างตอบโจทย์ เนื่องจากเป็นการเจาะย้ายผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่เส้นผมของเรามีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT โดยธรรมชาติ ทำให้ผมแข็งแรง คงทน ไม่หลุดร่วงง่าย จากนั้นจึงย้ายนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา ผมปลูกใหม่จึงสามารถอยู่รอดจากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT สามารถร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต 

การปลูกผมเทคนิค NEAT ยังเต็มไปด้วยความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมของนามนิน ตั้งแต่การเข้ามาพูดคุยปรึกษา วางแผนแนวทางการรักษาร่วมกัน การคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ผมบาง การลงมือปลูกผมให้คนไข้เองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น และยังรวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ ลดระยะเวลาในการพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยจากปลูกผม ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ทั้งยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกยาวนานถึง 18 เดือน จนกว่าผลลัพธ์ผมใหม่จะหนาแน่น แข็งแรง สมบูรณ์




ดังนั้น หากคุณกำลังกังวลกับปัญหาผมร่วงที่มากขึ้นผิดปกติ ไม่ว่าสาเหตุของอาการผมร่วงจะเกิดจากปัจจัยแบบใด และไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ได้ทันทีไม่ต้องรีรอ เพราะยิ่งเข้ามารับการรักษาเร็ว ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพียงวางใจให้แพทย์ช่วยออกแบบเส้นทางการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณได้อย่างตรงจุดมากที่สุด



ปกป้องผมจาก “แสงแดด” สไตล์ผู้ชายสายสปอร์ต
แม้ว่าแดดเมืองไทยจะร้อนราวกับอยู่ในช่วงซัมเมอร์ตลอด 12 เดือนไม่มีพัก แต่เราก็ยังเห็นคุณผู้ชายสายสปอร์ตที่รักสุขภาพหลาย ๆ คน ออกมาลุยกีฬากลางแจ้งกันแบบแมน ๆ ไม่หวั่นความร้อนแผดเผาของแสงแดด ไหนจะออกรอบตีกอล์ฟซ้อมวงสวิงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง บ้างก็สวมบทนักปั่นน่องเหล็กปั่นจักรยานพิสูจน์ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา บ้างก็เพลิดเพลินกับการออกกำลังเผาผลาญแคลอรีทั่วตัวในสระว่ายน้ำ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เราจะเตรียมไอเท็มปกป้องผิวจากแสงแดดมาเป็นอย่างดี แต่หลาย ๆ ครั้ง เรากลับลืมนึกถึงส่วนที่สัมผัสแสงแดดแบบเต็ม ๆ ตลอดเวลาที่เราพาตัวเองไปอยู่กลางแจ้ง นั่นก็คือ “เส้นผม”

อย่าลืมว่า แสงแดดทำร้ายผิวอย่างไร ก็ทำร้ายผมได้ไม่ต่างกัน ไล่มาตั้งแต่รังสี UVA ในแสงแดด ที่ทำลายเม็ดสีเมลานินในเส้นผม รังสี UVB ทำลายโครงสร้างโปรตีน “เคราติน” ในส่วนเกล็ดผมชั้นนอกสุด ซึ่งปกติแล้วจะคอยทำหน้าที่ปกป้องเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ภายใน ทำให้ผมขาดเกราะปกป้องและถูกทำร้ายง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็รบกวนการทำงานของกรดอมิโนในเส้นผมรวมถึงรากผมด้วย 

และนี่คือผลลัพธ์ของเส้นผมที่สัมผัสแสงแดดนาน ๆ โดยขาดการดูแลอย่างถูกวิธี
  • สีผมจางลง จากการสูญเสียเม็ดสีเมลานิน หรืออาจเกิดภาวะผมหงอกก่อนวัย
  • ผมเสีย แห้ง หยาบกร้าน ขาดความนุ่มสลวย เงางาม
  • ผมชี้ฟู ดูไม่มีน้ำหนัก
  • ผมอ่อนแอ แตกปลาย เปราะขาดง่าย
  • ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งข้อนี้สำคัญทีเดียว เพราะหากปล่อยให้เกิดภาวะผมร่วงต่อเนื่องนาน ๆ อาจตามมาด้วยอาการผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้านเลยก็เป็นได้



ไม่เพียงเท่านั้น แสงแดดยังทำให้การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของหนังศีรษะผิดปกติไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและชี้ฟู ทั้งยังทำร้ายหนังศีรษะโดยตรง จนอาจเกิดอาการแสบ คัน ระคายเคือง ทำให้หนังศีรษะลอก หรือเกิดรังแคกวนใจ ส่งผลไปถึงบุคลิกภาพและความมั่นใจ อีกทั้งการออกกำลังกายมักจะทำให้เกิดเหงื่อหรือสิ่งสปกรกจากฝุ่นและมลพิษสะสม ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี ก็จะส่งผลทำร้ายเส้นผมจนหลุดร่วงง่ายด้วยเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้น คุณผู้ชายสายสปอร์ตจะมีวิธีดูแลปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างไร นามนินมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมขณะที่มีแดดจัด ๆ อย่างเช่นเวลาเที่ยงตรงหรือบ่ายโมง ลองเลือกปรับเวลาออกกำลังในช่วงอื่น ๆ ที่แสงแดดไม่แรงจนเกินไป
  • การสวมหมวก ก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันแสงแดดสัมผัสกับเส้นผมโดยตรงได้เป็นอย่างดี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด เช่น Hair Tonic หรือ Hair Spray เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยสามารถใช้ได้ทั้งก่อนออกจากบ้าน และใช้ซ้ำระหว่างวัน
  • การระวังไม่ใช้ความร้อนกับเส้นผมมากหรือบ่อยเกินไป เช่นความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผม เพราะจะยิ่งรวมพลังกับแสงแดด ทำให้ผมของเราเสียง่ายขึ้นแบบคูณสอง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงให้เหมาะกับสภาพผมของเราเอง เพื่อคืนความชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงจากภายใน



อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย สำหรับคุณผู้ชายที่กังวลเรื่องผมร่วง ผมบาง เป็นพิเศษ เพราะการปกป้องเส้นผมด้วยการ “สวมหมวก” ที่รัดแน่นเกินไป หรือสวมใส่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเป็นปัจจัยเสริมที่กระทบต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะก็เป็นได้ 

ข้อแรกเลย หมวกที่รัดแน่นเกินไป อาจไปก่อความระคายเคืองหรืออักเสบ พร้อมกับทำให้รากผมยิ่งอ่อนแอ จนผมขาดหลุดร่วงง่าย และหากหมวกทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ก็จะมีปัญหาความอับชื้นตามมา กลายเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะต่าง ๆ อย่างเช่น รังแค หรือเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งจะส่งผลต่อรากผม และลงท้ายทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรเลือกหมวกที่มีวัสดุและขนาดที่เหมาะสม ช่วยระบายอากาศ ไม่รัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป รวมถึงไม่ใส่ติดต่อกันจนนานเกินไป ก็จะช่วยลดความเสี่ยงผมร่วงได้อีกทาง

และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ปัจจัยเสริมอย่างเช่นการสวมหมวก หรือแม้กระทั่งการถูกทำร้ายจากแสงแดด เป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นทางอ้อมเท่านั้น สาเหตุหลักที่คุณผู้ชายส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วง ผมบาง ก็คือกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาครอบครัว ซึ่งมีฮอร์โมนเจ้าปัญหาตัวหนึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายจะมีฮอร์โมนควบคุมลักษณะเพศชาย หรือ Testosterone ซึ่งร่างกายผลิตขึ้นเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วง นั่นก็เพราะเอนไซม์ 5α-Reductase มาเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone เจ้าฮอร์โมน DHT นี้เอง จะเข้าไปจับกับ Androgen Receptor ที่บริเวณรากผม ทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตเส้นผมสั้นลง ผมงอกใหม่เส้นเล็กบาง ไม่แข็งแรง ทั้งงอกช้าและขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น กลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง หรือผมล้านในที่สุด


และเพราะอย่างนั้นเอง การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อคืนผมหนาแน่นดกดำให้กับผู้ที่เผชิญภาวะผมร่วง ผมบาง จากฮอร์โมน DHT และกรรมพันธุ์ได้อย่างตอบโจทย์ เนื่องจากเป็นการเจาะย้ายผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่เส้นผมของเรามีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT โดยธรรมชาติ ทำให้ผมแข็งแรง คงทน ไม่หลุดร่วงง่าย จากนั้นจึงย้ายนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา ผมปลูกใหม่จึงสามารถอยู่รอดจากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT สามารถร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต 

การปลูกผมเทคนิค NEAT ยังเต็มไปด้วยความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมของนามนิน ตั้งแต่การเข้ามาพูดคุยปรึกษา วางแผนแนวทางการรักษาร่วมกัน การคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ผมบาง การลงมือปลูกผมให้คนไข้เองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น และยังรวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ ลดระยะเวลาในการพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยจากปลูกผม ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ทั้งยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกยาวนานถึง 18 เดือน จนกว่าผลลัพธ์ผมใหม่จะหนาแน่น แข็งแรง สมบูรณ์




ดังนั้น หากคุณกำลังกังวลกับปัญหาผมร่วงที่มากขึ้นผิดปกติ ไม่ว่าสาเหตุของอาการผมร่วงจะเกิดจากปัจจัยแบบใด และไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ได้ทันทีไม่ต้องรีรอ เพราะยิ่งเข้ามารับการรักษาเร็ว ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพียงวางใจให้แพทย์ช่วยออกแบบเส้นทางการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณได้อย่างตรงจุดมากที่สุด



ปกป้องผมจาก “แสงแดด” สไตล์ผู้ชายสายสปอร์ต
แม้ว่าแดดเมืองไทยจะร้อนราวกับอยู่ในช่วงซัมเมอร์ตลอด 12 เดือนไม่มีพัก แต่เราก็ยังเห็นคุณผู้ชายสายสปอร์ตที่รักสุขภาพหลาย ๆ คน ออกมาลุยกีฬากลางแจ้งกันแบบแมน ๆ ไม่หวั่นความร้อนแผดเผาของแสงแดด ไหนจะออกรอบตีกอล์ฟซ้อมวงสวิงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง บ้างก็สวมบทนักปั่นน่องเหล็กปั่นจักรยานพิสูจน์ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา บ้างก็เพลิดเพลินกับการออกกำลังเผาผลาญแคลอรีทั่วตัวในสระว่ายน้ำ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เราจะเตรียมไอเท็มปกป้องผิวจากแสงแดดมาเป็นอย่างดี แต่หลาย ๆ ครั้ง เรากลับลืมนึกถึงส่วนที่สัมผัสแสงแดดแบบเต็ม ๆ ตลอดเวลาที่เราพาตัวเองไปอยู่กลางแจ้ง นั่นก็คือ “เส้นผม”

อย่าลืมว่า แสงแดดทำร้ายผิวอย่างไร ก็ทำร้ายผมได้ไม่ต่างกัน ไล่มาตั้งแต่รังสี UVA ในแสงแดด ที่ทำลายเม็ดสีเมลานินในเส้นผม รังสี UVB ทำลายโครงสร้างโปรตีน “เคราติน” ในส่วนเกล็ดผมชั้นนอกสุด ซึ่งปกติแล้วจะคอยทำหน้าที่ปกป้องเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ภายใน ทำให้ผมขาดเกราะปกป้องและถูกทำร้ายง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็รบกวนการทำงานของกรดอมิโนในเส้นผมรวมถึงรากผมด้วย 

และนี่คือผลลัพธ์ของเส้นผมที่สัมผัสแสงแดดนาน ๆ โดยขาดการดูแลอย่างถูกวิธี
  • สีผมจางลง จากการสูญเสียเม็ดสีเมลานิน หรืออาจเกิดภาวะผมหงอกก่อนวัย
  • ผมเสีย แห้ง หยาบกร้าน ขาดความนุ่มสลวย เงางาม
  • ผมชี้ฟู ดูไม่มีน้ำหนัก
  • ผมอ่อนแอ แตกปลาย เปราะขาดง่าย
  • ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งข้อนี้สำคัญทีเดียว เพราะหากปล่อยให้เกิดภาวะผมร่วงต่อเนื่องนาน ๆ อาจตามมาด้วยอาการผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้านเลยก็เป็นได้



ไม่เพียงเท่านั้น แสงแดดยังทำให้การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของหนังศีรษะผิดปกติไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและชี้ฟู ทั้งยังทำร้ายหนังศีรษะโดยตรง จนอาจเกิดอาการแสบ คัน ระคายเคือง ทำให้หนังศีรษะลอก หรือเกิดรังแคกวนใจ ส่งผลไปถึงบุคลิกภาพและความมั่นใจ อีกทั้งการออกกำลังกายมักจะทำให้เกิดเหงื่อหรือสิ่งสปกรกจากฝุ่นและมลพิษสะสม ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี ก็จะส่งผลทำร้ายเส้นผมจนหลุดร่วงง่ายด้วยเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้น คุณผู้ชายสายสปอร์ตจะมีวิธีดูแลปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างไร นามนินมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมขณะที่มีแดดจัด ๆ อย่างเช่นเวลาเที่ยงตรงหรือบ่ายโมง ลองเลือกปรับเวลาออกกำลังในช่วงอื่น ๆ ที่แสงแดดไม่แรงจนเกินไป
  • การสวมหมวก ก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันแสงแดดสัมผัสกับเส้นผมโดยตรงได้เป็นอย่างดี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด เช่น Hair Tonic หรือ Hair Spray เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยสามารถใช้ได้ทั้งก่อนออกจากบ้าน และใช้ซ้ำระหว่างวัน
  • การระวังไม่ใช้ความร้อนกับเส้นผมมากหรือบ่อยเกินไป เช่นความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผม เพราะจะยิ่งรวมพลังกับแสงแดด ทำให้ผมของเราเสียง่ายขึ้นแบบคูณสอง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงให้เหมาะกับสภาพผมของเราเอง เพื่อคืนความชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงจากภายใน



อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย สำหรับคุณผู้ชายที่กังวลเรื่องผมร่วง ผมบาง เป็นพิเศษ เพราะการปกป้องเส้นผมด้วยการ “สวมหมวก” ที่รัดแน่นเกินไป หรือสวมใส่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเป็นปัจจัยเสริมที่กระทบต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะก็เป็นได้ 

ข้อแรกเลย หมวกที่รัดแน่นเกินไป อาจไปก่อความระคายเคืองหรืออักเสบ พร้อมกับทำให้รากผมยิ่งอ่อนแอ จนผมขาดหลุดร่วงง่าย และหากหมวกทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ก็จะมีปัญหาความอับชื้นตามมา กลายเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะต่าง ๆ อย่างเช่น รังแค หรือเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งจะส่งผลต่อรากผม และลงท้ายทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรเลือกหมวกที่มีวัสดุและขนาดที่เหมาะสม ช่วยระบายอากาศ ไม่รัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป รวมถึงไม่ใส่ติดต่อกันจนนานเกินไป ก็จะช่วยลดความเสี่ยงผมร่วงได้อีกทาง

และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ปัจจัยเสริมอย่างเช่นการสวมหมวก หรือแม้กระทั่งการถูกทำร้ายจากแสงแดด เป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นทางอ้อมเท่านั้น สาเหตุหลักที่คุณผู้ชายส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วง ผมบาง ก็คือกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาครอบครัว ซึ่งมีฮอร์โมนเจ้าปัญหาตัวหนึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายจะมีฮอร์โมนควบคุมลักษณะเพศชาย หรือ Testosterone ซึ่งร่างกายผลิตขึ้นเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วง นั่นก็เพราะเอนไซม์ 5α-Reductase มาเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone เจ้าฮอร์โมน DHT นี้เอง จะเข้าไปจับกับ Androgen Receptor ที่บริเวณรากผม ทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตเส้นผมสั้นลง ผมงอกใหม่เส้นเล็กบาง ไม่แข็งแรง ทั้งงอกช้าและขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น กลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง หรือผมล้านในที่สุด


และเพราะอย่างนั้นเอง การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อคืนผมหนาแน่นดกดำให้กับผู้ที่เผชิญภาวะผมร่วง ผมบาง จากฮอร์โมน DHT และกรรมพันธุ์ได้อย่างตอบโจทย์ เนื่องจากเป็นการเจาะย้ายผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่เส้นผมของเรามีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT โดยธรรมชาติ ทำให้ผมแข็งแรง คงทน ไม่หลุดร่วงง่าย จากนั้นจึงย้ายนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา ผมปลูกใหม่จึงสามารถอยู่รอดจากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT สามารถร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต 

การปลูกผมเทคนิค NEAT ยังเต็มไปด้วยความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมของนามนิน ตั้งแต่การเข้ามาพูดคุยปรึกษา วางแผนแนวทางการรักษาร่วมกัน การคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ผมบาง การลงมือปลูกผมให้คนไข้เองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น และยังรวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ ลดระยะเวลาในการพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยจากปลูกผม ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ทั้งยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกยาวนานถึง 18 เดือน จนกว่าผลลัพธ์ผมใหม่จะหนาแน่น แข็งแรง สมบูรณ์




ดังนั้น หากคุณกำลังกังวลกับปัญหาผมร่วงที่มากขึ้นผิดปกติ ไม่ว่าสาเหตุของอาการผมร่วงจะเกิดจากปัจจัยแบบใด และไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ได้ทันทีไม่ต้องรีรอ เพราะยิ่งเข้ามารับการรักษาเร็ว ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพียงวางใจให้แพทย์ช่วยออกแบบเส้นทางการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณได้อย่างตรงจุดมากที่สุด



ป้องกัน “หน้าผากเถิก” แนะเลิก “รวบผมตึง”
หนึ่งในทรงผมที่เผยความมั่นใจของคุณผู้หญิงได้เต็มที่ ก็คือทรงมัดผมรวบตึง อวดรูปหน้าสวย เพิ่มลุคให้ดูโฉบเฉี่ยว คล่องตัว ทั้งยังช่วยเก็บเส้นผมให้เรียบเนียนไม่มากวนใจในวันที่ต้องลุยกิจกรรมต่าง ๆ หลายคนมัดผมตึงปล่อยหางม้า หรือถักเปียแน่นเป๊ะออกจากบ้านเป็นประจำตั้งแต่วัยอนุบาลเลยก็มี ซึ่งการรวบผมมัดแน่นจนเกินไปเช่นนี้ อาจกลายเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ยิ่งเรามัดผมจนตึงและแน่นมากเท่าไหร่ ลองนึกภาพดูสิว่า รากผมก็จะยิ่งถูกดึงรั้งมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าหากรากผมถูกแรงดึงเช่นนี้บ่อย ๆ หรือเป็นเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดบริเวณรากผม หนังศีรษะเกิดการระคายเคือง รากผมอ่อนแอลง ตามมาด้วยความเสี่ยงที่เส้นผมจะขาดหลุดร่วง 

ดังนั้น ที่เรามักได้ยินกันว่า มัดผมรวบตึงจนทำให้หน้าผากเถิก ก็เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลย เพราะเมื่อผมบริเวณนั้นถูกดึงรั้งซ้ำ ๆ ก็ทำให้หลุดร่วง เกิดภาวะผมบาง จนอาจนำไปสู่ภาวะผมล้านได้ อีกทั้งการมัดผมแน่น ๆ ยังทำให้หนังศีรษะระบายอากาศได้ยาก เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกจนเกิดอาการคันหรือระคายเคืองตามมาได้ด้วย

ที่สำคัญ หากคุณผู้หญิงท่านไหนไม่เพียงชอบมัดผมรวบตึง แต่ยังชอบยืดผม ดัดผม หรือทำสีผมร่วมด้วย ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายผมอีกทางด้วยความร้อนและสารเคมี ซึ่งถ้าทำพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยจนเกินไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้นด้วยเช่นกัน 



เพราะฉะนั้น วิธีป้องกันไม่ให้หน้าผากเถิกเกินวัย ก็คือการระวังไม่มัดผมรวบตึงแน่นจนเกินไป หรือสลับไปทำทรงอื่นเพื่อปล่อยให้เส้นผมและหนังศีรษะได้พักผ่อนคลายบ้าง ขณะเดียวกันก็ใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผมแต่พอเหมาะ เพื่อถนอมสุขภาพเส้นผมให้คงความแข็งแรงไว้ได้นาน ๆ

สำหรับสาว ๆ ท่านไหนที่ป้องกันไม่ทัน และกำลังกังวลกับปัญหาหน้าผากเถิก จนสัดส่วนใบหน้าเปลี่ยน และดูสูงอายุกว่าวัย นามนินก็ขอแนะนำการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT บริเวณหน้าผาก ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าให้กลับมาหนาแน่นดกดำ แต่ยังสามารถออกแบบและปรับกรอบหน้าใหม่ร่วมกับคุณหมอ โดยอาศัยหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสมส่วน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมแนว Hairline ใหม่ที่เนียนสวยใกล้เคียงแนวผมธรรมชาติ เพราะคุณหมอลงมือปลูกให้เองแบบเส้นต่อเส้น พร้อมดูแลหลังปลูกต่อเนื่องยาวนานถึง 18 เดือน





ทั้งนี้ คุณหมอยังฝากถึงผู้ที่เคยเข้ารับการปลูกผมใหม่ว่า แม้จะปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่สวยดังใจแล้ว ก็ยังต้องระวังพฤติกรรมที่อาจทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการมัดผมรวบตึง การยืด ดัด ทำสี การสระผมผิดวิธี การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงปัจจัยความเครียด เพราะทั้งหมดอาจทำให้ผมกลับมาร่วงและบางซ้ำ จนเกิดปัญหาหน้าผากกว้างได้อีกนั่นเอง



ป้องกัน “หน้าผากเถิก” แนะเลิก “รวบผมตึง”
หนึ่งในทรงผมที่เผยความมั่นใจของคุณผู้หญิงได้เต็มที่ ก็คือทรงมัดผมรวบตึง อวดรูปหน้าสวย เพิ่มลุคให้ดูโฉบเฉี่ยว คล่องตัว ทั้งยังช่วยเก็บเส้นผมให้เรียบเนียนไม่มากวนใจในวันที่ต้องลุยกิจกรรมต่าง ๆ หลายคนมัดผมตึงปล่อยหางม้า หรือถักเปียแน่นเป๊ะออกจากบ้านเป็นประจำตั้งแต่วัยอนุบาลเลยก็มี ซึ่งการรวบผมมัดแน่นจนเกินไปเช่นนี้ อาจกลายเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ยิ่งเรามัดผมจนตึงและแน่นมากเท่าไหร่ ลองนึกภาพดูสิว่า รากผมก็จะยิ่งถูกดึงรั้งมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าหากรากผมถูกแรงดึงเช่นนี้บ่อย ๆ หรือเป็นเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดบริเวณรากผม หนังศีรษะเกิดการระคายเคือง รากผมอ่อนแอลง ตามมาด้วยความเสี่ยงที่เส้นผมจะขาดหลุดร่วง 

ดังนั้น ที่เรามักได้ยินกันว่า มัดผมรวบตึงจนทำให้หน้าผากเถิก ก็เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลย เพราะเมื่อผมบริเวณนั้นถูกดึงรั้งซ้ำ ๆ ก็ทำให้หลุดร่วง เกิดภาวะผมบาง จนอาจนำไปสู่ภาวะผมล้านได้ อีกทั้งการมัดผมแน่น ๆ ยังทำให้หนังศีรษะระบายอากาศได้ยาก เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกจนเกิดอาการคันหรือระคายเคืองตามมาได้ด้วย

ที่สำคัญ หากคุณผู้หญิงท่านไหนไม่เพียงชอบมัดผมรวบตึง แต่ยังชอบยืดผม ดัดผม หรือทำสีผมร่วมด้วย ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายผมอีกทางด้วยความร้อนและสารเคมี ซึ่งถ้าทำพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยจนเกินไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้นด้วยเช่นกัน 



เพราะฉะนั้น วิธีป้องกันไม่ให้หน้าผากเถิกเกินวัย ก็คือการระวังไม่มัดผมรวบตึงแน่นจนเกินไป หรือสลับไปทำทรงอื่นเพื่อปล่อยให้เส้นผมและหนังศีรษะได้พักผ่อนคลายบ้าง ขณะเดียวกันก็ใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผมแต่พอเหมาะ เพื่อถนอมสุขภาพเส้นผมให้คงความแข็งแรงไว้ได้นาน ๆ

สำหรับสาว ๆ ท่านไหนที่ป้องกันไม่ทัน และกำลังกังวลกับปัญหาหน้าผากเถิก จนสัดส่วนใบหน้าเปลี่ยน และดูสูงอายุกว่าวัย นามนินก็ขอแนะนำการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT บริเวณหน้าผาก ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าให้กลับมาหนาแน่นดกดำ แต่ยังสามารถออกแบบและปรับกรอบหน้าใหม่ร่วมกับคุณหมอ โดยอาศัยหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสมส่วน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมแนว Hairline ใหม่ที่เนียนสวยใกล้เคียงแนวผมธรรมชาติ เพราะคุณหมอลงมือปลูกให้เองแบบเส้นต่อเส้น พร้อมดูแลหลังปลูกต่อเนื่องยาวนานถึง 18 เดือน





ทั้งนี้ คุณหมอยังฝากถึงผู้ที่เคยเข้ารับการปลูกผมใหม่ว่า แม้จะปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่สวยดังใจแล้ว ก็ยังต้องระวังพฤติกรรมที่อาจทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการมัดผมรวบตึง การยืด ดัด ทำสี การสระผมผิดวิธี การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงปัจจัยความเครียด เพราะทั้งหมดอาจทำให้ผมกลับมาร่วงและบางซ้ำ จนเกิดปัญหาหน้าผากกว้างได้อีกนั่นเอง



ป้องกัน “หน้าผากเถิก” แนะเลิก “รวบผมตึง”
หนึ่งในทรงผมที่เผยความมั่นใจของคุณผู้หญิงได้เต็มที่ ก็คือทรงมัดผมรวบตึง อวดรูปหน้าสวย เพิ่มลุคให้ดูโฉบเฉี่ยว คล่องตัว ทั้งยังช่วยเก็บเส้นผมให้เรียบเนียนไม่มากวนใจในวันที่ต้องลุยกิจกรรมต่าง ๆ หลายคนมัดผมตึงปล่อยหางม้า หรือถักเปียแน่นเป๊ะออกจากบ้านเป็นประจำตั้งแต่วัยอนุบาลเลยก็มี ซึ่งการรวบผมมัดแน่นจนเกินไปเช่นนี้ อาจกลายเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ยิ่งเรามัดผมจนตึงและแน่นมากเท่าไหร่ ลองนึกภาพดูสิว่า รากผมก็จะยิ่งถูกดึงรั้งมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าหากรากผมถูกแรงดึงเช่นนี้บ่อย ๆ หรือเป็นเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดบริเวณรากผม หนังศีรษะเกิดการระคายเคือง รากผมอ่อนแอลง ตามมาด้วยความเสี่ยงที่เส้นผมจะขาดหลุดร่วง 

ดังนั้น ที่เรามักได้ยินกันว่า มัดผมรวบตึงจนทำให้หน้าผากเถิก ก็เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลย เพราะเมื่อผมบริเวณนั้นถูกดึงรั้งซ้ำ ๆ ก็ทำให้หลุดร่วง เกิดภาวะผมบาง จนอาจนำไปสู่ภาวะผมล้านได้ อีกทั้งการมัดผมแน่น ๆ ยังทำให้หนังศีรษะระบายอากาศได้ยาก เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกจนเกิดอาการคันหรือระคายเคืองตามมาได้ด้วย

ที่สำคัญ หากคุณผู้หญิงท่านไหนไม่เพียงชอบมัดผมรวบตึง แต่ยังชอบยืดผม ดัดผม หรือทำสีผมร่วมด้วย ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายผมอีกทางด้วยความร้อนและสารเคมี ซึ่งถ้าทำพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยจนเกินไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้นด้วยเช่นกัน 



เพราะฉะนั้น วิธีป้องกันไม่ให้หน้าผากเถิกเกินวัย ก็คือการระวังไม่มัดผมรวบตึงแน่นจนเกินไป หรือสลับไปทำทรงอื่นเพื่อปล่อยให้เส้นผมและหนังศีรษะได้พักผ่อนคลายบ้าง ขณะเดียวกันก็ใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผมแต่พอเหมาะ เพื่อถนอมสุขภาพเส้นผมให้คงความแข็งแรงไว้ได้นาน ๆ

สำหรับสาว ๆ ท่านไหนที่ป้องกันไม่ทัน และกำลังกังวลกับปัญหาหน้าผากเถิก จนสัดส่วนใบหน้าเปลี่ยน และดูสูงอายุกว่าวัย นามนินก็ขอแนะนำการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT บริเวณหน้าผาก ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าให้กลับมาหนาแน่นดกดำ แต่ยังสามารถออกแบบและปรับกรอบหน้าใหม่ร่วมกับคุณหมอ โดยอาศัยหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสมส่วน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมแนว Hairline ใหม่ที่เนียนสวยใกล้เคียงแนวผมธรรมชาติ เพราะคุณหมอลงมือปลูกให้เองแบบเส้นต่อเส้น พร้อมดูแลหลังปลูกต่อเนื่องยาวนานถึง 18 เดือน





ทั้งนี้ คุณหมอยังฝากถึงผู้ที่เคยเข้ารับการปลูกผมใหม่ว่า แม้จะปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่สวยดังใจแล้ว ก็ยังต้องระวังพฤติกรรมที่อาจทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการมัดผมรวบตึง การยืด ดัด ทำสี การสระผมผิดวิธี การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงปัจจัยความเครียด เพราะทั้งหมดอาจทำให้ผมกลับมาร่วงและบางซ้ำ จนเกิดปัญหาหน้าผากกว้างได้อีกนั่นเอง



ป้องกัน “หน้าผากเถิก” แนะเลิก “รวบผมตึง”
หนึ่งในทรงผมที่เผยความมั่นใจของคุณผู้หญิงได้เต็มที่ ก็คือทรงมัดผมรวบตึง อวดรูปหน้าสวย เพิ่มลุคให้ดูโฉบเฉี่ยว คล่องตัว ทั้งยังช่วยเก็บเส้นผมให้เรียบเนียนไม่มากวนใจในวันที่ต้องลุยกิจกรรมต่าง ๆ หลายคนมัดผมตึงปล่อยหางม้า หรือถักเปียแน่นเป๊ะออกจากบ้านเป็นประจำตั้งแต่วัยอนุบาลเลยก็มี ซึ่งการรวบผมมัดแน่นจนเกินไปเช่นนี้ อาจกลายเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ยิ่งเรามัดผมจนตึงและแน่นมากเท่าไหร่ ลองนึกภาพดูสิว่า รากผมก็จะยิ่งถูกดึงรั้งมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าหากรากผมถูกแรงดึงเช่นนี้บ่อย ๆ หรือเป็นเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดบริเวณรากผม หนังศีรษะเกิดการระคายเคือง รากผมอ่อนแอลง ตามมาด้วยความเสี่ยงที่เส้นผมจะขาดหลุดร่วง 

ดังนั้น ที่เรามักได้ยินกันว่า มัดผมรวบตึงจนทำให้หน้าผากเถิก ก็เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลย เพราะเมื่อผมบริเวณนั้นถูกดึงรั้งซ้ำ ๆ ก็ทำให้หลุดร่วง เกิดภาวะผมบาง จนอาจนำไปสู่ภาวะผมล้านได้ อีกทั้งการมัดผมแน่น ๆ ยังทำให้หนังศีรษะระบายอากาศได้ยาก เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกจนเกิดอาการคันหรือระคายเคืองตามมาได้ด้วย

ที่สำคัญ หากคุณผู้หญิงท่านไหนไม่เพียงชอบมัดผมรวบตึง แต่ยังชอบยืดผม ดัดผม หรือทำสีผมร่วมด้วย ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายผมอีกทางด้วยความร้อนและสารเคมี ซึ่งถ้าทำพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยจนเกินไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้นด้วยเช่นกัน 



เพราะฉะนั้น วิธีป้องกันไม่ให้หน้าผากเถิกเกินวัย ก็คือการระวังไม่มัดผมรวบตึงแน่นจนเกินไป หรือสลับไปทำทรงอื่นเพื่อปล่อยให้เส้นผมและหนังศีรษะได้พักผ่อนคลายบ้าง ขณะเดียวกันก็ใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผมแต่พอเหมาะ เพื่อถนอมสุขภาพเส้นผมให้คงความแข็งแรงไว้ได้นาน ๆ

สำหรับสาว ๆ ท่านไหนที่ป้องกันไม่ทัน และกำลังกังวลกับปัญหาหน้าผากเถิก จนสัดส่วนใบหน้าเปลี่ยน และดูสูงอายุกว่าวัย นามนินก็ขอแนะนำการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT บริเวณหน้าผาก ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าให้กลับมาหนาแน่นดกดำ แต่ยังสามารถออกแบบและปรับกรอบหน้าใหม่ร่วมกับคุณหมอ โดยอาศัยหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสมส่วน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมแนว Hairline ใหม่ที่เนียนสวยใกล้เคียงแนวผมธรรมชาติ เพราะคุณหมอลงมือปลูกให้เองแบบเส้นต่อเส้น พร้อมดูแลหลังปลูกต่อเนื่องยาวนานถึง 18 เดือน





ทั้งนี้ คุณหมอยังฝากถึงผู้ที่เคยเข้ารับการปลูกผมใหม่ว่า แม้จะปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่สวยดังใจแล้ว ก็ยังต้องระวังพฤติกรรมที่อาจทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการมัดผมรวบตึง การยืด ดัด ทำสี การสระผมผิดวิธี การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงปัจจัยความเครียด เพราะทั้งหมดอาจทำให้ผมกลับมาร่วงและบางซ้ำ จนเกิดปัญหาหน้าผากกว้างได้อีกนั่นเอง



ป้องกัน “หน้าผากเถิก” แนะเลิก “รวบผมตึง”
หนึ่งในทรงผมที่เผยความมั่นใจของคุณผู้หญิงได้เต็มที่ ก็คือทรงมัดผมรวบตึง อวดรูปหน้าสวย เพิ่มลุคให้ดูโฉบเฉี่ยว คล่องตัว ทั้งยังช่วยเก็บเส้นผมให้เรียบเนียนไม่มากวนใจในวันที่ต้องลุยกิจกรรมต่าง ๆ หลายคนมัดผมตึงปล่อยหางม้า หรือถักเปียแน่นเป๊ะออกจากบ้านเป็นประจำตั้งแต่วัยอนุบาลเลยก็มี ซึ่งการรวบผมมัดแน่นจนเกินไปเช่นนี้ อาจกลายเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ยิ่งเรามัดผมจนตึงและแน่นมากเท่าไหร่ ลองนึกภาพดูสิว่า รากผมก็จะยิ่งถูกดึงรั้งมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าหากรากผมถูกแรงดึงเช่นนี้บ่อย ๆ หรือเป็นเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดบริเวณรากผม หนังศีรษะเกิดการระคายเคือง รากผมอ่อนแอลง ตามมาด้วยความเสี่ยงที่เส้นผมจะขาดหลุดร่วง 

ดังนั้น ที่เรามักได้ยินกันว่า มัดผมรวบตึงจนทำให้หน้าผากเถิก ก็เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลย เพราะเมื่อผมบริเวณนั้นถูกดึงรั้งซ้ำ ๆ ก็ทำให้หลุดร่วง เกิดภาวะผมบาง จนอาจนำไปสู่ภาวะผมล้านได้ อีกทั้งการมัดผมแน่น ๆ ยังทำให้หนังศีรษะระบายอากาศได้ยาก เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกจนเกิดอาการคันหรือระคายเคืองตามมาได้ด้วย

ที่สำคัญ หากคุณผู้หญิงท่านไหนไม่เพียงชอบมัดผมรวบตึง แต่ยังชอบยืดผม ดัดผม หรือทำสีผมร่วมด้วย ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายผมอีกทางด้วยความร้อนและสารเคมี ซึ่งถ้าทำพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยจนเกินไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้นด้วยเช่นกัน 



เพราะฉะนั้น วิธีป้องกันไม่ให้หน้าผากเถิกเกินวัย ก็คือการระวังไม่มัดผมรวบตึงแน่นจนเกินไป หรือสลับไปทำทรงอื่นเพื่อปล่อยให้เส้นผมและหนังศีรษะได้พักผ่อนคลายบ้าง ขณะเดียวกันก็ใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผมแต่พอเหมาะ เพื่อถนอมสุขภาพเส้นผมให้คงความแข็งแรงไว้ได้นาน ๆ

สำหรับสาว ๆ ท่านไหนที่ป้องกันไม่ทัน และกำลังกังวลกับปัญหาหน้าผากเถิก จนสัดส่วนใบหน้าเปลี่ยน และดูสูงอายุกว่าวัย นามนินก็ขอแนะนำการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT บริเวณหน้าผาก ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าให้กลับมาหนาแน่นดกดำ แต่ยังสามารถออกแบบและปรับกรอบหน้าใหม่ร่วมกับคุณหมอ โดยอาศัยหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสมส่วน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมแนว Hairline ใหม่ที่เนียนสวยใกล้เคียงแนวผมธรรมชาติ เพราะคุณหมอลงมือปลูกให้เองแบบเส้นต่อเส้น พร้อมดูแลหลังปลูกต่อเนื่องยาวนานถึง 18 เดือน





ทั้งนี้ คุณหมอยังฝากถึงผู้ที่เคยเข้ารับการปลูกผมใหม่ว่า แม้จะปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่สวยดังใจแล้ว ก็ยังต้องระวังพฤติกรรมที่อาจทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการมัดผมรวบตึง การยืด ดัด ทำสี การสระผมผิดวิธี การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงปัจจัยความเครียด เพราะทั้งหมดอาจทำให้ผมกลับมาร่วงและบางซ้ำ จนเกิดปัญหาหน้าผากกว้างได้อีกนั่นเอง



ฮอร์โมนเปลี่ยน…ผมร่วง? รู้ทันก่อนสาย!
“ฮอร์โมนเปลี่ยน ผมร่วง” เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงหลายช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่เข้าสู่ช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน และหลังการคลอดบุตร

ฮอร์โมนตัวสำคัญที่เปลี่ยนไปก็คือ “เอสโตรเจน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักในร่างกายของผู้หญิง มีบทบาทสำคัญในการควบคุมหลายระบบในร่างกาย รวมถึงการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย โดยฮอร์โมนเอสโตรเจนจะช่วยกระตุ้นให้เส้นผมอยู่ในระยะการเจริญเติบโต (Anagen Phase) ได้นานขึ้น ทำให้เส้นผมยาว หนาแน่น และไม่หลุดร่วงง่าย หากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง เส้นผมจะดูสุขภาพดีและหนาขึ้น แต่เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง เช่น อายุเข้าสู่วัย 30 ไปจนถึงช่วงใกล้หมดประจำเดือนและหลังการคลอดบุตร จะส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมเปลี่ยนไป ทำให้เส้นผมบางลงหรือหลุดร่วงได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยสามารถสังเกตอาการผมร่วงที่ผิดปกติได้จากสัญญาณต่างๆ ต่อไปนี้

เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ โดยเฉลี่ยผมจะร่วงประมาณวันละ 50-100 เส้น แต่หากพบว่าผมร่วงมากกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเส้นผมเริ่มหลุดร่วงมากในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น ในขณะสระผม หรือแปรงผม นั่นอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ นอกจากนี้ เส้นผมจะแห้งและเปราะบาง ไม่เงางามแข็งแรงเหมือนเดิม และในบางครั้ง การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือเกิดจุดผมบางที่เห็นได้ชัดเจนค่ะ


หากเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติเหล่านี้ได้เร็วเท่าไหร่ การรีบปรึกษาแพทย์ก็จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีได้โดยเร็วเท่านั้น โดยไม่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่เสียบุคลิกภาพหรือความมั่นใจ โดยเฉพาะที่นามนิน แพทย์จะให้คำปรึกษา ประเมินปัญหา และวางแนวทางการรักษาปัญหาผมร่วงให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้พิจารณาแต่ละเคสด้วยตัวเองค่ะ

แนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงของนามนินมีหลายวิธี เริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม พักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้ค่ะ อีกแนวทางหนึ่งคือ การใช้ยา Minoxidil ทาบริเวณที่เป็นปัญหา เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการผมบางในผู้หญิง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วง สะดวกในการใช้ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนค่ะ นอกจากนี้ ยังมีการรับประทานวิตามิน VITA H ของนามนินเพื่อบำรุงเส้นผม ลดการหลุดร่วงพร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


อีกทางเลือกหนึ่งคือ ฟื้นฟูเส้นผมด้วยการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยคุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และการเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาทีค่ะ


เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุและวิเคราะห์ปัญหาผมบางของผู้เข้ารับบริการ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะเป็นรายบุคคล จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มความแข็งแรงของรากผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี


ขั้นตอนสุดท้ายคือ การฉีดบำรุงโดยคุณหมอนิน ซึ่งการฉีดบำรุงนี้จะกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการค่ะ




แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้หญิงได้ไม่น้อย เพราะอาจทำให้ผมร่วงหรือบางลง แต่หากรีบปรึกษาแพทย์ทันทีที่เริ่มสังเกตเห็นผมร่วงมากผิดปกติ เส้นผมของคุณก็จะกลับมามีสุขภาพดีได้เหมือนเดิม เสริมบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจและทำให้รู้สึกดีกับตัวเองทุกครั้งที่มองกระจกค่ะ
ฮอร์โมนเปลี่ยน…ผมร่วง? รู้ทันก่อนสาย!
“ฮอร์โมนเปลี่ยน ผมร่วง” เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงหลายช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่เข้าสู่ช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน และหลังการคลอดบุตร

ฮอร์โมนตัวสำคัญที่เปลี่ยนไปก็คือ “เอสโตรเจน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักในร่างกายของผู้หญิง มีบทบาทสำคัญในการควบคุมหลายระบบในร่างกาย รวมถึงการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย โดยฮอร์โมนเอสโตรเจนจะช่วยกระตุ้นให้เส้นผมอยู่ในระยะการเจริญเติบโต (Anagen Phase) ได้นานขึ้น ทำให้เส้นผมยาว หนาแน่น และไม่หลุดร่วงง่าย หากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง เส้นผมจะดูสุขภาพดีและหนาขึ้น แต่เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง เช่น อายุเข้าสู่วัย 30 ไปจนถึงช่วงใกล้หมดประจำเดือนและหลังการคลอดบุตร จะส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมเปลี่ยนไป ทำให้เส้นผมบางลงหรือหลุดร่วงได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยสามารถสังเกตอาการผมร่วงที่ผิดปกติได้จากสัญญาณต่างๆ ต่อไปนี้

เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ โดยเฉลี่ยผมจะร่วงประมาณวันละ 50-100 เส้น แต่หากพบว่าผมร่วงมากกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเส้นผมเริ่มหลุดร่วงมากในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น ในขณะสระผม หรือแปรงผม นั่นอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ นอกจากนี้ เส้นผมจะแห้งและเปราะบาง ไม่เงางามแข็งแรงเหมือนเดิม และในบางครั้ง การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือเกิดจุดผมบางที่เห็นได้ชัดเจนค่ะ


หากเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติเหล่านี้ได้เร็วเท่าไหร่ การรีบปรึกษาแพทย์ก็จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีได้โดยเร็วเท่านั้น โดยไม่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่เสียบุคลิกภาพหรือความมั่นใจ โดยเฉพาะที่นามนิน แพทย์จะให้คำปรึกษา ประเมินปัญหา และวางแนวทางการรักษาปัญหาผมร่วงให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้พิจารณาแต่ละเคสด้วยตัวเองค่ะ

แนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงของนามนินมีหลายวิธี เริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม พักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้ค่ะ อีกแนวทางหนึ่งคือ การใช้ยา Minoxidil ทาบริเวณที่เป็นปัญหา เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการผมบางในผู้หญิง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วง สะดวกในการใช้ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนค่ะ นอกจากนี้ ยังมีการรับประทานวิตามิน VITA H ของนามนินเพื่อบำรุงเส้นผม ลดการหลุดร่วงพร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


อีกทางเลือกหนึ่งคือ ฟื้นฟูเส้นผมด้วยการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยคุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และการเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาทีค่ะ


เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุและวิเคราะห์ปัญหาผมบางของผู้เข้ารับบริการ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะเป็นรายบุคคล จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มความแข็งแรงของรากผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี


ขั้นตอนสุดท้ายคือ การฉีดบำรุงโดยคุณหมอนิน ซึ่งการฉีดบำรุงนี้จะกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการค่ะ




แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้หญิงได้ไม่น้อย เพราะอาจทำให้ผมร่วงหรือบางลง แต่หากรีบปรึกษาแพทย์ทันทีที่เริ่มสังเกตเห็นผมร่วงมากผิดปกติ เส้นผมของคุณก็จะกลับมามีสุขภาพดีได้เหมือนเดิม เสริมบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจและทำให้รู้สึกดีกับตัวเองทุกครั้งที่มองกระจกค่ะ
ฮอร์โมนเปลี่ยน…ผมร่วง? รู้ทันก่อนสาย!
“ฮอร์โมนเปลี่ยน ผมร่วง” เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงหลายช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่เข้าสู่ช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน และหลังการคลอดบุตร

ฮอร์โมนตัวสำคัญที่เปลี่ยนไปก็คือ “เอสโตรเจน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักในร่างกายของผู้หญิง มีบทบาทสำคัญในการควบคุมหลายระบบในร่างกาย รวมถึงการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย โดยฮอร์โมนเอสโตรเจนจะช่วยกระตุ้นให้เส้นผมอยู่ในระยะการเจริญเติบโต (Anagen Phase) ได้นานขึ้น ทำให้เส้นผมยาว หนาแน่น และไม่หลุดร่วงง่าย หากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง เส้นผมจะดูสุขภาพดีและหนาขึ้น แต่เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง เช่น อายุเข้าสู่วัย 30 ไปจนถึงช่วงใกล้หมดประจำเดือนและหลังการคลอดบุตร จะส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมเปลี่ยนไป ทำให้เส้นผมบางลงหรือหลุดร่วงได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยสามารถสังเกตอาการผมร่วงที่ผิดปกติได้จากสัญญาณต่างๆ ต่อไปนี้

เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ โดยเฉลี่ยผมจะร่วงประมาณวันละ 50-100 เส้น แต่หากพบว่าผมร่วงมากกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเส้นผมเริ่มหลุดร่วงมากในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น ในขณะสระผม หรือแปรงผม นั่นอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ นอกจากนี้ เส้นผมจะแห้งและเปราะบาง ไม่เงางามแข็งแรงเหมือนเดิม และในบางครั้ง การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือเกิดจุดผมบางที่เห็นได้ชัดเจนค่ะ


หากเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติเหล่านี้ได้เร็วเท่าไหร่ การรีบปรึกษาแพทย์ก็จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีได้โดยเร็วเท่านั้น โดยไม่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่เสียบุคลิกภาพหรือความมั่นใจ โดยเฉพาะที่นามนิน แพทย์จะให้คำปรึกษา ประเมินปัญหา และวางแนวทางการรักษาปัญหาผมร่วงให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้พิจารณาแต่ละเคสด้วยตัวเองค่ะ

แนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงของนามนินมีหลายวิธี เริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม พักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้ค่ะ อีกแนวทางหนึ่งคือ การใช้ยา Minoxidil ทาบริเวณที่เป็นปัญหา เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการผมบางในผู้หญิง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วง สะดวกในการใช้ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนค่ะ นอกจากนี้ ยังมีการรับประทานวิตามิน VITA H ของนามนินเพื่อบำรุงเส้นผม ลดการหลุดร่วงพร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


อีกทางเลือกหนึ่งคือ ฟื้นฟูเส้นผมด้วยการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยคุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และการเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาทีค่ะ


เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุและวิเคราะห์ปัญหาผมบางของผู้เข้ารับบริการ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะเป็นรายบุคคล จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มความแข็งแรงของรากผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี


ขั้นตอนสุดท้ายคือ การฉีดบำรุงโดยคุณหมอนิน ซึ่งการฉีดบำรุงนี้จะกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการค่ะ




แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้หญิงได้ไม่น้อย เพราะอาจทำให้ผมร่วงหรือบางลง แต่หากรีบปรึกษาแพทย์ทันทีที่เริ่มสังเกตเห็นผมร่วงมากผิดปกติ เส้นผมของคุณก็จะกลับมามีสุขภาพดีได้เหมือนเดิม เสริมบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจและทำให้รู้สึกดีกับตัวเองทุกครั้งที่มองกระจกค่ะ
ฮอร์โมนเปลี่ยน…ผมร่วง? รู้ทันก่อนสาย!
“ฮอร์โมนเปลี่ยน ผมร่วง” เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงหลายช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่เข้าสู่ช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน และหลังการคลอดบุตร

ฮอร์โมนตัวสำคัญที่เปลี่ยนไปก็คือ “เอสโตรเจน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักในร่างกายของผู้หญิง มีบทบาทสำคัญในการควบคุมหลายระบบในร่างกาย รวมถึงการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย โดยฮอร์โมนเอสโตรเจนจะช่วยกระตุ้นให้เส้นผมอยู่ในระยะการเจริญเติบโต (Anagen Phase) ได้นานขึ้น ทำให้เส้นผมยาว หนาแน่น และไม่หลุดร่วงง่าย หากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง เส้นผมจะดูสุขภาพดีและหนาขึ้น แต่เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง เช่น อายุเข้าสู่วัย 30 ไปจนถึงช่วงใกล้หมดประจำเดือนและหลังการคลอดบุตร จะส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมเปลี่ยนไป ทำให้เส้นผมบางลงหรือหลุดร่วงได้ง่ายขึ้นค่ะ โดยสามารถสังเกตอาการผมร่วงที่ผิดปกติได้จากสัญญาณต่างๆ ต่อไปนี้

เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ โดยเฉลี่ยผมจะร่วงประมาณวันละ 50-100 เส้น แต่หากพบว่าผมร่วงมากกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อเส้นผมเริ่มหลุดร่วงมากในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น ในขณะสระผม หรือแปรงผม นั่นอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ นอกจากนี้ เส้นผมจะแห้งและเปราะบาง ไม่เงางามแข็งแรงเหมือนเดิม และในบางครั้ง การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจทำให้ผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือเกิดจุดผมบางที่เห็นได้ชัดเจนค่ะ


หากเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติเหล่านี้ได้เร็วเท่าไหร่ การรีบปรึกษาแพทย์ก็จะช่วยให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีได้โดยเร็วเท่านั้น โดยไม่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่เสียบุคลิกภาพหรือความมั่นใจ โดยเฉพาะที่นามนิน แพทย์จะให้คำปรึกษา ประเมินปัญหา และวางแนวทางการรักษาปัญหาผมร่วงให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้พิจารณาแต่ละเคสด้วยตัวเองค่ะ

แนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงของนามนินมีหลายวิธี เริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม พักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้ค่ะ อีกแนวทางหนึ่งคือ การใช้ยา Minoxidil ทาบริเวณที่เป็นปัญหา เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการผมบางในผู้หญิง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วง สะดวกในการใช้ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนค่ะ นอกจากนี้ ยังมีการรับประทานวิตามิน VITA H ของนามนินเพื่อบำรุงเส้นผม ลดการหลุดร่วงพร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


อีกทางเลือกหนึ่งคือ ฟื้นฟูเส้นผมด้วยการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ซึ่งเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ โดยคุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และการเข้ารับบริการก็ง่าย สบาย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาต่อครั้งเพียง 40-60 นาทีค่ะ


เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุและวิเคราะห์ปัญหาผมบางของผู้เข้ารับบริการ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมโดยเฉพาะเป็นรายบุคคล จากนั้นเข้ารับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy) เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มความแข็งแรงของรากผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี


ขั้นตอนสุดท้ายคือ การฉีดบำรุงโดยคุณหมอนิน ซึ่งการฉีดบำรุงนี้จะกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น ช่วยให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งหลังเข้ารับบริการค่ะ




แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้หญิงได้ไม่น้อย เพราะอาจทำให้ผมร่วงหรือบางลง แต่หากรีบปรึกษาแพทย์ทันทีที่เริ่มสังเกตเห็นผมร่วงมากผิดปกติ เส้นผมของคุณก็จะกลับมามีสุขภาพดีได้เหมือนเดิม เสริมบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจและทำให้รู้สึกดีกับตัวเองทุกครั้งที่มองกระจกค่ะ
ผมหยุดยาว สัญญาณแรกสู่ภาวะผมล้าน
โดยธรรมชาติแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ ทีละนิด ตามวงจรปกติของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณผู้ชายส่องกระจกแล้วเริ่มสังเกตเห็นว่า ทำไมผมยังมีความยาวเท่าเดิม? เหมือนไม่ได้เพิ่มความยาวขึ้นเลย โดยเฉพาะผมบริเวณด้านหน้า ทราบหรือไม่ว่า ความผิดปกติแม้เพียงจุดเล็ก ๆ เช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง ซึ่งหากคุณผู้ชายปล่อยปละละเลย ก็อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านในท้ายที่สุดก็เป็นได้

ดังนั้น แม้ว่าคุณผู้ชายจะยังไม่เข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็ควรเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยอาศัยจุดสังเกตง่าย ๆ 3 จุดต่อไปนี้

  • ผมด้านหน้า ไม่ยาวเพิ่มขึ้นเลย จากปกติที่จะต้องยาวขึ้นทีละนิด
  • ผมอาจจะยังไม่เริ่มร่วงจนเห็นได้ชัด แต่แค่หยุดยาวก็ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษแล้ว
  • ลักษณะอาการเช่นนี้ มักจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันในครอบครัว

ถ้าสังเกตพบอาการดังกล่าวนี้ นามนินแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านเส้นผม เพราะหากมองข้ามความผิดปกติเล็ก ๆ อย่างเช่นอาการผมหยุดยาว ก็เท่ากับมองข้ามสัญญาณเตือนของปัญหาเส้นผมที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น


ภาวะผมถอยร่นบริเวณหน้าผาก เพราะเมื่อผมเริ่มหยุดยาว ในลำดับต่อไป ผมก็อาจจะอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ คุณผู้ชายจึงมักจะสังเกตเห็นผมถอยร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยหนุ่ม นอกจากนั้น อาจเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ในบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะได้ด้วย เช่นบริเวณกลางศีรษะ หรือในรูปแบบที่เรียกว่า ผมบางแบบตัว O
และเมื่ออาการผมร่วง ผมบาง เริ่มรุนแรงขึ้น ก็แน่นอนว่ามีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมล้านได้


ไม่เพียงเท่านั้น ภาวะผมบางยังส่งผลในมุมของบุคลิกและภาพลักษณ์ เพราะกรอบหน้าที่เปลี่ยนไปจากผมที่ถอยร่นสูงขึ้น ก็ทำให้สัดส่วนใบหน้าไม่สมดุล แลดูสูงวัยกว่าอายุจริง ผมที่บางลงยังทำให้เจ้าของเส้นผมต้องคอยกังวลใจ และขาดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน ในการทำงาน หรือในชีวิตประจำวัน 

ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ทั้งในแง่ของสุขภาพผม และผลกระทบด้านภาพลักษณ์ ต่อเนื่องมาถึงด้านจิตใจ จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมเราจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยก่อน หรือรอให้ปัญหารุนแรงขึ้นจนเห็นได้ชัดเสียก่อน ซึ่งเมื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์ แพทย์จะช่วยประเมินและวิเคราะห์ปัญหาผม รวมถึงออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น

  • การรับประทานยา
  • การรับประทานวิตามินบำรุง
  • การทาเซรั่ม
  • การเข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB
  • การเข้ารับการปลูกผมถาวร

การปลูกผมถาวร ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางรักษา จึงไม่มีคำว่า เร็วเกินไป ถ้าถามว่าการปลูกผมเร็วมีข้อดีอย่างไร สามารถอธิบายด้วยปัจจัยคำตอบเหล่านี้

เพราะ “กราฟต์ผม” ไม่ได้มีเพียงพอตลอดไป
“กราฟต์ผมต้นทุน” เป็นกุญแจสำคัญทีเดียวในสมการนี้ เนื่องจากการปลูกผมถาวรแบบ FUE คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยปกติแล้ว ผมบริเวณท้ายทอยนั้น คือส่วนที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เพราะมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ที่ส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก ลีบแบน และหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ที่สำคัญ แม้จะย้ายกราฟต์ผมมาปลูกใหม่แล้ว คุณสมบัติพิเศษนี้ก็จะยังคงอยู่ไปตลอด


อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมที่ว่านี้ไม่ได้มีจำนวนมาก หรือไม่ได้มีเพียงพอไปตลอดชีวิตของคนเรา ยิ่งอายุมากขึ้น กราฟต์ผมต้นทุนก็ยิ่งเหลือน้อยลงตามธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับพื้นที่ผมบางที่จะยิ่งขยายวงกว้างขึ้นตามวัย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนสวนทางกับพื้นที่ปลูกใหม่ ก็เป็นไปได้ว่า กราฟต์ผมอาจจะไม่เพียงพอ หรือเหลือพอแค่ให้ปลูกเสริมแบบเฉลี่ย แต่ไม่สามารถปลูกได้หนาแน่นเต็มที่ เพราะจะต้องไม่ลืมคำนึงว่า แพทย์ไม่สามารถเจาะย้ายผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยออกได้ทั้งหมด ยังต้องเหลือไว้บางส่วนด้วยเพื่อไม่ให้ผมด้านหลังดูบางจนเกินไป 

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรอจนเข้าสู่ภาวะผมล้าน ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะไม่เพียงพอ จนไม่สามารถปลูกผมถาวรเพื่อแก้ปัญหาได้

ตรงกันข้าม ถ้าคุณผู้ชายตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่ยังอายุไม่มาก ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยยังมีอยู่ในปริมาณมาก ขณะเดียวกัน พื้นที่ผมบางที่ต้องการการปลูกใหม่ ก็ยังไม่กินพื้นที่กว้าง ปัจจัยเอื้อเหล่านี้ก็ช่วยให้แพทย์สามารถคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ได้อย่างหนาแน่นเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวว่ากราฟต์ผมจะไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ยังสามารถวางแผนเหลือกราฟต์ผมไว้เผื่อในกรณีต้องมีการปลูกผมใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในอนาคตได้อีกด้วย




เพราะยิ่งปลูกผมเร็ว = จุดเริ่มต้นการบำรุงต่อเนื่องแต่เนิ่น ๆ
หลังจากทำหัตถการปลูกผมแล้ว แพทย์ของนามนินจะคอยดูแลติดตามผลอย่างตลอด 18 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่ผมปลูกใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์ เห็นผลลัพธ์ความหนาแน่นได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้นแพทย์ก็จะแนะนำให้บำรุงผมในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์หรือเซรั่มบำรุง วิตามินสำหรับรับประทาน รวมไปถึงทรีตเมนต์ฟื้นฟูดูแลเส้นผม 
ซึ่งทั้งหมดนี้ แม้จะพ้นระยะติดตามผล 18 เดือนไปแล้ว แพทย์ก็จะยังให้คำแนะนำใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของการดูแลตัวเอง และการบำรุงเสริม เพราะถึงแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังมีโอกาสได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT และเกิดภาวะผมร่วงต่อได้อีก ดังนั้น หากเส้นผมไม่ว่าจะเป็นผมเดิมหรือผมใหม่ ได้รับการบำรุงภายใต้การดูแลของแพทย์ ก็จะช่วยให้ผมแข็งแรง สุขภาพดี ลดโอกาสการหลุดร่วงในระยะยาวได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ 


เพราะภาพลักษณ์และความมั่นใจ เสริมได้ ไม่ต้องรอตอนแก่
จะดีกว่าหรือไม่ หากเราสังเกตพบสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง หรือเริ่มมีอาการในช่วงต้น แล้วรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาทันที ก็จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ ปรับบุคลิก และคืนความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมได้ โดยไม่ต้องรอให้ปัญหาผมรุนแรงขึ้น หรือรอให้อายุมากขึ้น ที่สำคัญ เส้นผมหนาแน่นสุขภาพดีเช่นนี้ ก็มีโอกาสจะอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต 


นอกจากนั้น หลาย ๆ คนมักจะกังวลไม่อยากให้คนรอบตัวหรือเพื่อนร่วมงานทักหลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ว่า ...ไปทำอะไรมา ทำไมถึงดูเปลี่ยนไป ไปปลูกผมมาหรือเปล่า... ซึ่งหากเรารอจนปัญหาผมรุนแรง ผมบางเป็นวงกว้าง หรือผมถอยร่นบริเวณหน้าผากเข้ามาลึกมาก ๆ หลังปลูกผมใหม่ ๆ แน่นอนว่า ผมของเราจะหนาแน่นขึ้น มีการปรับกรอบหน้าทำให้รูปหน้าเปลี่ยน แลดูสมาร์ทและอ่อนวัยยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่คนรอบข้างจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัด แต่ถ้าหากเริ่มปลูกผมตอนที่ปัญหาผมยังไม่รุนแรง หลังปลูกเสร็จ คนรอบตัวอาจจะยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก เจ้าของเส้นผมจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครทัก สามารถรับการรักษาได้อย่างสบายใจมากขึ้น 

เพราะการปลูกผม คือการลงทุนที่คุ้มค่า
บางคนยังเข้าใจผิดว่า หากปัญหาผมอยู่ในระยะเริ่มแรก อาจจะทำให้การปลูกผมถาวร เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า แต่ด้วยเหตุผลที่เล่ามาทั้งหมด คงจะเห็นแล้วว่า ยิ่งใส่ใจเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมเร็ว ก็ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น เพราะแพทย์ไม่จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมาก ๆ ในการปลูก เพื่อเติมเต็มพื้นที่ผมบาง ซึ่งจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนนี้เองเป็นปัจจัยหนึ่งในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการปลูกผมด้วย อีกทั้งแพทย์ยังสามารถวางแผนการบำรุงดูแลเส้นผมในระยะยาว เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง 


ที่สำคัญ หากตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่อายุยังไม่มาก ก็สามารถปรับบุคลิกและภาพลักษณ์ พร้อมคืนความมั่นใจให้กลับมาได้โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยเสียก่อน เพราะถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินที่จะรักษาด้วยการปลูกผมแล้วก็เป็นได้

ร่องรอยเล็ก ๆ หรือสัญญาณแรกเริ่ม อย่างเช่นการที่ผมเริ่มหยุดยาว จึงมีความสำคัญไม่น้อย เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการชะลออาการผมร่วง ผมบาง และเป็นโอกาสให้เจ้าของเส้นผมรีบเข้ารับการรักษาฟื้นฟูได้ทันเวลา ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น สุขภาพดี มอบความมั่นใจให้คุณไปอีกแสนนาน
ผมหยุดยาว สัญญาณแรกสู่ภาวะผมล้าน
โดยธรรมชาติแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ ทีละนิด ตามวงจรปกติของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณผู้ชายส่องกระจกแล้วเริ่มสังเกตเห็นว่า ทำไมผมยังมีความยาวเท่าเดิม? เหมือนไม่ได้เพิ่มความยาวขึ้นเลย โดยเฉพาะผมบริเวณด้านหน้า ทราบหรือไม่ว่า ความผิดปกติแม้เพียงจุดเล็ก ๆ เช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง ซึ่งหากคุณผู้ชายปล่อยปละละเลย ก็อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านในท้ายที่สุดก็เป็นได้

ดังนั้น แม้ว่าคุณผู้ชายจะยังไม่เข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็ควรเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยอาศัยจุดสังเกตง่าย ๆ 3 จุดต่อไปนี้

  • ผมด้านหน้า ไม่ยาวเพิ่มขึ้นเลย จากปกติที่จะต้องยาวขึ้นทีละนิด
  • ผมอาจจะยังไม่เริ่มร่วงจนเห็นได้ชัด แต่แค่หยุดยาวก็ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษแล้ว
  • ลักษณะอาการเช่นนี้ มักจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันในครอบครัว

ถ้าสังเกตพบอาการดังกล่าวนี้ นามนินแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านเส้นผม เพราะหากมองข้ามความผิดปกติเล็ก ๆ อย่างเช่นอาการผมหยุดยาว ก็เท่ากับมองข้ามสัญญาณเตือนของปัญหาเส้นผมที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น


ภาวะผมถอยร่นบริเวณหน้าผาก เพราะเมื่อผมเริ่มหยุดยาว ในลำดับต่อไป ผมก็อาจจะอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ คุณผู้ชายจึงมักจะสังเกตเห็นผมถอยร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยหนุ่ม นอกจากนั้น อาจเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ในบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะได้ด้วย เช่นบริเวณกลางศีรษะ หรือในรูปแบบที่เรียกว่า ผมบางแบบตัว O
และเมื่ออาการผมร่วง ผมบาง เริ่มรุนแรงขึ้น ก็แน่นอนว่ามีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมล้านได้


ไม่เพียงเท่านั้น ภาวะผมบางยังส่งผลในมุมของบุคลิกและภาพลักษณ์ เพราะกรอบหน้าที่เปลี่ยนไปจากผมที่ถอยร่นสูงขึ้น ก็ทำให้สัดส่วนใบหน้าไม่สมดุล แลดูสูงวัยกว่าอายุจริง ผมที่บางลงยังทำให้เจ้าของเส้นผมต้องคอยกังวลใจ และขาดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน ในการทำงาน หรือในชีวิตประจำวัน 

ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ทั้งในแง่ของสุขภาพผม และผลกระทบด้านภาพลักษณ์ ต่อเนื่องมาถึงด้านจิตใจ จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมเราจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยก่อน หรือรอให้ปัญหารุนแรงขึ้นจนเห็นได้ชัดเสียก่อน ซึ่งเมื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์ แพทย์จะช่วยประเมินและวิเคราะห์ปัญหาผม รวมถึงออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น

  • การรับประทานยา
  • การรับประทานวิตามินบำรุง
  • การทาเซรั่ม
  • การเข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB
  • การเข้ารับการปลูกผมถาวร

การปลูกผมถาวร ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางรักษา จึงไม่มีคำว่า เร็วเกินไป ถ้าถามว่าการปลูกผมเร็วมีข้อดีอย่างไร สามารถอธิบายด้วยปัจจัยคำตอบเหล่านี้

เพราะ “กราฟต์ผม” ไม่ได้มีเพียงพอตลอดไป
“กราฟต์ผมต้นทุน” เป็นกุญแจสำคัญทีเดียวในสมการนี้ เนื่องจากการปลูกผมถาวรแบบ FUE คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยปกติแล้ว ผมบริเวณท้ายทอยนั้น คือส่วนที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เพราะมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ที่ส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก ลีบแบน และหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ที่สำคัญ แม้จะย้ายกราฟต์ผมมาปลูกใหม่แล้ว คุณสมบัติพิเศษนี้ก็จะยังคงอยู่ไปตลอด


อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมที่ว่านี้ไม่ได้มีจำนวนมาก หรือไม่ได้มีเพียงพอไปตลอดชีวิตของคนเรา ยิ่งอายุมากขึ้น กราฟต์ผมต้นทุนก็ยิ่งเหลือน้อยลงตามธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับพื้นที่ผมบางที่จะยิ่งขยายวงกว้างขึ้นตามวัย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนสวนทางกับพื้นที่ปลูกใหม่ ก็เป็นไปได้ว่า กราฟต์ผมอาจจะไม่เพียงพอ หรือเหลือพอแค่ให้ปลูกเสริมแบบเฉลี่ย แต่ไม่สามารถปลูกได้หนาแน่นเต็มที่ เพราะจะต้องไม่ลืมคำนึงว่า แพทย์ไม่สามารถเจาะย้ายผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยออกได้ทั้งหมด ยังต้องเหลือไว้บางส่วนด้วยเพื่อไม่ให้ผมด้านหลังดูบางจนเกินไป 

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรอจนเข้าสู่ภาวะผมล้าน ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะไม่เพียงพอ จนไม่สามารถปลูกผมถาวรเพื่อแก้ปัญหาได้

ตรงกันข้าม ถ้าคุณผู้ชายตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่ยังอายุไม่มาก ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยยังมีอยู่ในปริมาณมาก ขณะเดียวกัน พื้นที่ผมบางที่ต้องการการปลูกใหม่ ก็ยังไม่กินพื้นที่กว้าง ปัจจัยเอื้อเหล่านี้ก็ช่วยให้แพทย์สามารถคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ได้อย่างหนาแน่นเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวว่ากราฟต์ผมจะไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ยังสามารถวางแผนเหลือกราฟต์ผมไว้เผื่อในกรณีต้องมีการปลูกผมใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในอนาคตได้อีกด้วย




เพราะยิ่งปลูกผมเร็ว = จุดเริ่มต้นการบำรุงต่อเนื่องแต่เนิ่น ๆ
หลังจากทำหัตถการปลูกผมแล้ว แพทย์ของนามนินจะคอยดูแลติดตามผลอย่างตลอด 18 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่ผมปลูกใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์ เห็นผลลัพธ์ความหนาแน่นได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้นแพทย์ก็จะแนะนำให้บำรุงผมในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์หรือเซรั่มบำรุง วิตามินสำหรับรับประทาน รวมไปถึงทรีตเมนต์ฟื้นฟูดูแลเส้นผม 
ซึ่งทั้งหมดนี้ แม้จะพ้นระยะติดตามผล 18 เดือนไปแล้ว แพทย์ก็จะยังให้คำแนะนำใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของการดูแลตัวเอง และการบำรุงเสริม เพราะถึงแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังมีโอกาสได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT และเกิดภาวะผมร่วงต่อได้อีก ดังนั้น หากเส้นผมไม่ว่าจะเป็นผมเดิมหรือผมใหม่ ได้รับการบำรุงภายใต้การดูแลของแพทย์ ก็จะช่วยให้ผมแข็งแรง สุขภาพดี ลดโอกาสการหลุดร่วงในระยะยาวได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ 


เพราะภาพลักษณ์และความมั่นใจ เสริมได้ ไม่ต้องรอตอนแก่
จะดีกว่าหรือไม่ หากเราสังเกตพบสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง หรือเริ่มมีอาการในช่วงต้น แล้วรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาทันที ก็จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ ปรับบุคลิก และคืนความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมได้ โดยไม่ต้องรอให้ปัญหาผมรุนแรงขึ้น หรือรอให้อายุมากขึ้น ที่สำคัญ เส้นผมหนาแน่นสุขภาพดีเช่นนี้ ก็มีโอกาสจะอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต 


นอกจากนั้น หลาย ๆ คนมักจะกังวลไม่อยากให้คนรอบตัวหรือเพื่อนร่วมงานทักหลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ว่า ...ไปทำอะไรมา ทำไมถึงดูเปลี่ยนไป ไปปลูกผมมาหรือเปล่า... ซึ่งหากเรารอจนปัญหาผมรุนแรง ผมบางเป็นวงกว้าง หรือผมถอยร่นบริเวณหน้าผากเข้ามาลึกมาก ๆ หลังปลูกผมใหม่ ๆ แน่นอนว่า ผมของเราจะหนาแน่นขึ้น มีการปรับกรอบหน้าทำให้รูปหน้าเปลี่ยน แลดูสมาร์ทและอ่อนวัยยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่คนรอบข้างจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัด แต่ถ้าหากเริ่มปลูกผมตอนที่ปัญหาผมยังไม่รุนแรง หลังปลูกเสร็จ คนรอบตัวอาจจะยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก เจ้าของเส้นผมจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครทัก สามารถรับการรักษาได้อย่างสบายใจมากขึ้น 

เพราะการปลูกผม คือการลงทุนที่คุ้มค่า
บางคนยังเข้าใจผิดว่า หากปัญหาผมอยู่ในระยะเริ่มแรก อาจจะทำให้การปลูกผมถาวร เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า แต่ด้วยเหตุผลที่เล่ามาทั้งหมด คงจะเห็นแล้วว่า ยิ่งใส่ใจเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมเร็ว ก็ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น เพราะแพทย์ไม่จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมาก ๆ ในการปลูก เพื่อเติมเต็มพื้นที่ผมบาง ซึ่งจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนนี้เองเป็นปัจจัยหนึ่งในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการปลูกผมด้วย อีกทั้งแพทย์ยังสามารถวางแผนการบำรุงดูแลเส้นผมในระยะยาว เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง 


ที่สำคัญ หากตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่อายุยังไม่มาก ก็สามารถปรับบุคลิกและภาพลักษณ์ พร้อมคืนความมั่นใจให้กลับมาได้โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยเสียก่อน เพราะถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินที่จะรักษาด้วยการปลูกผมแล้วก็เป็นได้

ร่องรอยเล็ก ๆ หรือสัญญาณแรกเริ่ม อย่างเช่นการที่ผมเริ่มหยุดยาว จึงมีความสำคัญไม่น้อย เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการชะลออาการผมร่วง ผมบาง และเป็นโอกาสให้เจ้าของเส้นผมรีบเข้ารับการรักษาฟื้นฟูได้ทันเวลา ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น สุขภาพดี มอบความมั่นใจให้คุณไปอีกแสนนาน
ผมหยุดยาว สัญญาณแรกสู่ภาวะผมล้าน
โดยธรรมชาติแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ ทีละนิด ตามวงจรปกติของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณผู้ชายส่องกระจกแล้วเริ่มสังเกตเห็นว่า ทำไมผมยังมีความยาวเท่าเดิม? เหมือนไม่ได้เพิ่มความยาวขึ้นเลย โดยเฉพาะผมบริเวณด้านหน้า ทราบหรือไม่ว่า ความผิดปกติแม้เพียงจุดเล็ก ๆ เช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง ซึ่งหากคุณผู้ชายปล่อยปละละเลย ก็อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านในท้ายที่สุดก็เป็นได้

ดังนั้น แม้ว่าคุณผู้ชายจะยังไม่เข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็ควรเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยอาศัยจุดสังเกตง่าย ๆ 3 จุดต่อไปนี้

  • ผมด้านหน้า ไม่ยาวเพิ่มขึ้นเลย จากปกติที่จะต้องยาวขึ้นทีละนิด
  • ผมอาจจะยังไม่เริ่มร่วงจนเห็นได้ชัด แต่แค่หยุดยาวก็ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษแล้ว
  • ลักษณะอาการเช่นนี้ มักจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันในครอบครัว

ถ้าสังเกตพบอาการดังกล่าวนี้ นามนินแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านเส้นผม เพราะหากมองข้ามความผิดปกติเล็ก ๆ อย่างเช่นอาการผมหยุดยาว ก็เท่ากับมองข้ามสัญญาณเตือนของปัญหาเส้นผมที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น


ภาวะผมถอยร่นบริเวณหน้าผาก เพราะเมื่อผมเริ่มหยุดยาว ในลำดับต่อไป ผมก็อาจจะอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ คุณผู้ชายจึงมักจะสังเกตเห็นผมถอยร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยหนุ่ม นอกจากนั้น อาจเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ในบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะได้ด้วย เช่นบริเวณกลางศีรษะ หรือในรูปแบบที่เรียกว่า ผมบางแบบตัว O
และเมื่ออาการผมร่วง ผมบาง เริ่มรุนแรงขึ้น ก็แน่นอนว่ามีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมล้านได้


ไม่เพียงเท่านั้น ภาวะผมบางยังส่งผลในมุมของบุคลิกและภาพลักษณ์ เพราะกรอบหน้าที่เปลี่ยนไปจากผมที่ถอยร่นสูงขึ้น ก็ทำให้สัดส่วนใบหน้าไม่สมดุล แลดูสูงวัยกว่าอายุจริง ผมที่บางลงยังทำให้เจ้าของเส้นผมต้องคอยกังวลใจ และขาดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน ในการทำงาน หรือในชีวิตประจำวัน 

ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ทั้งในแง่ของสุขภาพผม และผลกระทบด้านภาพลักษณ์ ต่อเนื่องมาถึงด้านจิตใจ จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมเราจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยก่อน หรือรอให้ปัญหารุนแรงขึ้นจนเห็นได้ชัดเสียก่อน ซึ่งเมื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์ แพทย์จะช่วยประเมินและวิเคราะห์ปัญหาผม รวมถึงออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น

  • การรับประทานยา
  • การรับประทานวิตามินบำรุง
  • การทาเซรั่ม
  • การเข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB
  • การเข้ารับการปลูกผมถาวร

การปลูกผมถาวร ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางรักษา จึงไม่มีคำว่า เร็วเกินไป ถ้าถามว่าการปลูกผมเร็วมีข้อดีอย่างไร สามารถอธิบายด้วยปัจจัยคำตอบเหล่านี้

เพราะ “กราฟต์ผม” ไม่ได้มีเพียงพอตลอดไป
“กราฟต์ผมต้นทุน” เป็นกุญแจสำคัญทีเดียวในสมการนี้ เนื่องจากการปลูกผมถาวรแบบ FUE คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยปกติแล้ว ผมบริเวณท้ายทอยนั้น คือส่วนที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เพราะมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ที่ส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก ลีบแบน และหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ที่สำคัญ แม้จะย้ายกราฟต์ผมมาปลูกใหม่แล้ว คุณสมบัติพิเศษนี้ก็จะยังคงอยู่ไปตลอด


อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมที่ว่านี้ไม่ได้มีจำนวนมาก หรือไม่ได้มีเพียงพอไปตลอดชีวิตของคนเรา ยิ่งอายุมากขึ้น กราฟต์ผมต้นทุนก็ยิ่งเหลือน้อยลงตามธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับพื้นที่ผมบางที่จะยิ่งขยายวงกว้างขึ้นตามวัย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนสวนทางกับพื้นที่ปลูกใหม่ ก็เป็นไปได้ว่า กราฟต์ผมอาจจะไม่เพียงพอ หรือเหลือพอแค่ให้ปลูกเสริมแบบเฉลี่ย แต่ไม่สามารถปลูกได้หนาแน่นเต็มที่ เพราะจะต้องไม่ลืมคำนึงว่า แพทย์ไม่สามารถเจาะย้ายผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยออกได้ทั้งหมด ยังต้องเหลือไว้บางส่วนด้วยเพื่อไม่ให้ผมด้านหลังดูบางจนเกินไป 

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรอจนเข้าสู่ภาวะผมล้าน ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะไม่เพียงพอ จนไม่สามารถปลูกผมถาวรเพื่อแก้ปัญหาได้

ตรงกันข้าม ถ้าคุณผู้ชายตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่ยังอายุไม่มาก ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยยังมีอยู่ในปริมาณมาก ขณะเดียวกัน พื้นที่ผมบางที่ต้องการการปลูกใหม่ ก็ยังไม่กินพื้นที่กว้าง ปัจจัยเอื้อเหล่านี้ก็ช่วยให้แพทย์สามารถคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ได้อย่างหนาแน่นเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวว่ากราฟต์ผมจะไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ยังสามารถวางแผนเหลือกราฟต์ผมไว้เผื่อในกรณีต้องมีการปลูกผมใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในอนาคตได้อีกด้วย




เพราะยิ่งปลูกผมเร็ว = จุดเริ่มต้นการบำรุงต่อเนื่องแต่เนิ่น ๆ
หลังจากทำหัตถการปลูกผมแล้ว แพทย์ของนามนินจะคอยดูแลติดตามผลอย่างตลอด 18 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่ผมปลูกใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์ เห็นผลลัพธ์ความหนาแน่นได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้นแพทย์ก็จะแนะนำให้บำรุงผมในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์หรือเซรั่มบำรุง วิตามินสำหรับรับประทาน รวมไปถึงทรีตเมนต์ฟื้นฟูดูแลเส้นผม 
ซึ่งทั้งหมดนี้ แม้จะพ้นระยะติดตามผล 18 เดือนไปแล้ว แพทย์ก็จะยังให้คำแนะนำใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของการดูแลตัวเอง และการบำรุงเสริม เพราะถึงแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังมีโอกาสได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT และเกิดภาวะผมร่วงต่อได้อีก ดังนั้น หากเส้นผมไม่ว่าจะเป็นผมเดิมหรือผมใหม่ ได้รับการบำรุงภายใต้การดูแลของแพทย์ ก็จะช่วยให้ผมแข็งแรง สุขภาพดี ลดโอกาสการหลุดร่วงในระยะยาวได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ 


เพราะภาพลักษณ์และความมั่นใจ เสริมได้ ไม่ต้องรอตอนแก่
จะดีกว่าหรือไม่ หากเราสังเกตพบสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง หรือเริ่มมีอาการในช่วงต้น แล้วรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาทันที ก็จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ ปรับบุคลิก และคืนความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมได้ โดยไม่ต้องรอให้ปัญหาผมรุนแรงขึ้น หรือรอให้อายุมากขึ้น ที่สำคัญ เส้นผมหนาแน่นสุขภาพดีเช่นนี้ ก็มีโอกาสจะอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต 


นอกจากนั้น หลาย ๆ คนมักจะกังวลไม่อยากให้คนรอบตัวหรือเพื่อนร่วมงานทักหลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ว่า ...ไปทำอะไรมา ทำไมถึงดูเปลี่ยนไป ไปปลูกผมมาหรือเปล่า... ซึ่งหากเรารอจนปัญหาผมรุนแรง ผมบางเป็นวงกว้าง หรือผมถอยร่นบริเวณหน้าผากเข้ามาลึกมาก ๆ หลังปลูกผมใหม่ ๆ แน่นอนว่า ผมของเราจะหนาแน่นขึ้น มีการปรับกรอบหน้าทำให้รูปหน้าเปลี่ยน แลดูสมาร์ทและอ่อนวัยยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่คนรอบข้างจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัด แต่ถ้าหากเริ่มปลูกผมตอนที่ปัญหาผมยังไม่รุนแรง หลังปลูกเสร็จ คนรอบตัวอาจจะยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก เจ้าของเส้นผมจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครทัก สามารถรับการรักษาได้อย่างสบายใจมากขึ้น 

เพราะการปลูกผม คือการลงทุนที่คุ้มค่า
บางคนยังเข้าใจผิดว่า หากปัญหาผมอยู่ในระยะเริ่มแรก อาจจะทำให้การปลูกผมถาวร เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า แต่ด้วยเหตุผลที่เล่ามาทั้งหมด คงจะเห็นแล้วว่า ยิ่งใส่ใจเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมเร็ว ก็ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น เพราะแพทย์ไม่จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมาก ๆ ในการปลูก เพื่อเติมเต็มพื้นที่ผมบาง ซึ่งจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนนี้เองเป็นปัจจัยหนึ่งในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการปลูกผมด้วย อีกทั้งแพทย์ยังสามารถวางแผนการบำรุงดูแลเส้นผมในระยะยาว เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง 


ที่สำคัญ หากตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่อายุยังไม่มาก ก็สามารถปรับบุคลิกและภาพลักษณ์ พร้อมคืนความมั่นใจให้กลับมาได้โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยเสียก่อน เพราะถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินที่จะรักษาด้วยการปลูกผมแล้วก็เป็นได้

ร่องรอยเล็ก ๆ หรือสัญญาณแรกเริ่ม อย่างเช่นการที่ผมเริ่มหยุดยาว จึงมีความสำคัญไม่น้อย เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการชะลออาการผมร่วง ผมบาง และเป็นโอกาสให้เจ้าของเส้นผมรีบเข้ารับการรักษาฟื้นฟูได้ทันเวลา ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น สุขภาพดี มอบความมั่นใจให้คุณไปอีกแสนนาน
ผมหยุดยาว สัญญาณแรกสู่ภาวะผมล้าน
โดยธรรมชาติแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ ทีละนิด ตามวงจรปกติของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณผู้ชายส่องกระจกแล้วเริ่มสังเกตเห็นว่า ทำไมผมยังมีความยาวเท่าเดิม? เหมือนไม่ได้เพิ่มความยาวขึ้นเลย โดยเฉพาะผมบริเวณด้านหน้า ทราบหรือไม่ว่า ความผิดปกติแม้เพียงจุดเล็ก ๆ เช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง ซึ่งหากคุณผู้ชายปล่อยปละละเลย ก็อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านในท้ายที่สุดก็เป็นได้

ดังนั้น แม้ว่าคุณผู้ชายจะยังไม่เข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็ควรเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยอาศัยจุดสังเกตง่าย ๆ 3 จุดต่อไปนี้

  • ผมด้านหน้า ไม่ยาวเพิ่มขึ้นเลย จากปกติที่จะต้องยาวขึ้นทีละนิด
  • ผมอาจจะยังไม่เริ่มร่วงจนเห็นได้ชัด แต่แค่หยุดยาวก็ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษแล้ว
  • ลักษณะอาการเช่นนี้ มักจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันในครอบครัว

ถ้าสังเกตพบอาการดังกล่าวนี้ นามนินแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านเส้นผม เพราะหากมองข้ามความผิดปกติเล็ก ๆ อย่างเช่นอาการผมหยุดยาว ก็เท่ากับมองข้ามสัญญาณเตือนของปัญหาเส้นผมที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น


ภาวะผมถอยร่นบริเวณหน้าผาก เพราะเมื่อผมเริ่มหยุดยาว ในลำดับต่อไป ผมก็อาจจะอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ คุณผู้ชายจึงมักจะสังเกตเห็นผมถอยร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยหนุ่ม นอกจากนั้น อาจเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ในบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะได้ด้วย เช่นบริเวณกลางศีรษะ หรือในรูปแบบที่เรียกว่า ผมบางแบบตัว O
และเมื่ออาการผมร่วง ผมบาง เริ่มรุนแรงขึ้น ก็แน่นอนว่ามีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมล้านได้


ไม่เพียงเท่านั้น ภาวะผมบางยังส่งผลในมุมของบุคลิกและภาพลักษณ์ เพราะกรอบหน้าที่เปลี่ยนไปจากผมที่ถอยร่นสูงขึ้น ก็ทำให้สัดส่วนใบหน้าไม่สมดุล แลดูสูงวัยกว่าอายุจริง ผมที่บางลงยังทำให้เจ้าของเส้นผมต้องคอยกังวลใจ และขาดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน ในการทำงาน หรือในชีวิตประจำวัน 

ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ทั้งในแง่ของสุขภาพผม และผลกระทบด้านภาพลักษณ์ ต่อเนื่องมาถึงด้านจิตใจ จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมเราจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยก่อน หรือรอให้ปัญหารุนแรงขึ้นจนเห็นได้ชัดเสียก่อน ซึ่งเมื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์ แพทย์จะช่วยประเมินและวิเคราะห์ปัญหาผม รวมถึงออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น

  • การรับประทานยา
  • การรับประทานวิตามินบำรุง
  • การทาเซรั่ม
  • การเข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB
  • การเข้ารับการปลูกผมถาวร

การปลูกผมถาวร ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางรักษา จึงไม่มีคำว่า เร็วเกินไป ถ้าถามว่าการปลูกผมเร็วมีข้อดีอย่างไร สามารถอธิบายด้วยปัจจัยคำตอบเหล่านี้

เพราะ “กราฟต์ผม” ไม่ได้มีเพียงพอตลอดไป
“กราฟต์ผมต้นทุน” เป็นกุญแจสำคัญทีเดียวในสมการนี้ เนื่องจากการปลูกผมถาวรแบบ FUE คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยปกติแล้ว ผมบริเวณท้ายทอยนั้น คือส่วนที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เพราะมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ที่ส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก ลีบแบน และหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ที่สำคัญ แม้จะย้ายกราฟต์ผมมาปลูกใหม่แล้ว คุณสมบัติพิเศษนี้ก็จะยังคงอยู่ไปตลอด


อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมที่ว่านี้ไม่ได้มีจำนวนมาก หรือไม่ได้มีเพียงพอไปตลอดชีวิตของคนเรา ยิ่งอายุมากขึ้น กราฟต์ผมต้นทุนก็ยิ่งเหลือน้อยลงตามธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับพื้นที่ผมบางที่จะยิ่งขยายวงกว้างขึ้นตามวัย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนสวนทางกับพื้นที่ปลูกใหม่ ก็เป็นไปได้ว่า กราฟต์ผมอาจจะไม่เพียงพอ หรือเหลือพอแค่ให้ปลูกเสริมแบบเฉลี่ย แต่ไม่สามารถปลูกได้หนาแน่นเต็มที่ เพราะจะต้องไม่ลืมคำนึงว่า แพทย์ไม่สามารถเจาะย้ายผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยออกได้ทั้งหมด ยังต้องเหลือไว้บางส่วนด้วยเพื่อไม่ให้ผมด้านหลังดูบางจนเกินไป 

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรอจนเข้าสู่ภาวะผมล้าน ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะไม่เพียงพอ จนไม่สามารถปลูกผมถาวรเพื่อแก้ปัญหาได้

ตรงกันข้าม ถ้าคุณผู้ชายตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่ยังอายุไม่มาก ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยยังมีอยู่ในปริมาณมาก ขณะเดียวกัน พื้นที่ผมบางที่ต้องการการปลูกใหม่ ก็ยังไม่กินพื้นที่กว้าง ปัจจัยเอื้อเหล่านี้ก็ช่วยให้แพทย์สามารถคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ได้อย่างหนาแน่นเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวว่ากราฟต์ผมจะไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ยังสามารถวางแผนเหลือกราฟต์ผมไว้เผื่อในกรณีต้องมีการปลูกผมใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในอนาคตได้อีกด้วย




เพราะยิ่งปลูกผมเร็ว = จุดเริ่มต้นการบำรุงต่อเนื่องแต่เนิ่น ๆ
หลังจากทำหัตถการปลูกผมแล้ว แพทย์ของนามนินจะคอยดูแลติดตามผลอย่างตลอด 18 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่ผมปลูกใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์ เห็นผลลัพธ์ความหนาแน่นได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้นแพทย์ก็จะแนะนำให้บำรุงผมในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์หรือเซรั่มบำรุง วิตามินสำหรับรับประทาน รวมไปถึงทรีตเมนต์ฟื้นฟูดูแลเส้นผม 
ซึ่งทั้งหมดนี้ แม้จะพ้นระยะติดตามผล 18 เดือนไปแล้ว แพทย์ก็จะยังให้คำแนะนำใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของการดูแลตัวเอง และการบำรุงเสริม เพราะถึงแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังมีโอกาสได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT และเกิดภาวะผมร่วงต่อได้อีก ดังนั้น หากเส้นผมไม่ว่าจะเป็นผมเดิมหรือผมใหม่ ได้รับการบำรุงภายใต้การดูแลของแพทย์ ก็จะช่วยให้ผมแข็งแรง สุขภาพดี ลดโอกาสการหลุดร่วงในระยะยาวได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ 


เพราะภาพลักษณ์และความมั่นใจ เสริมได้ ไม่ต้องรอตอนแก่
จะดีกว่าหรือไม่ หากเราสังเกตพบสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง หรือเริ่มมีอาการในช่วงต้น แล้วรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาทันที ก็จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ ปรับบุคลิก และคืนความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมได้ โดยไม่ต้องรอให้ปัญหาผมรุนแรงขึ้น หรือรอให้อายุมากขึ้น ที่สำคัญ เส้นผมหนาแน่นสุขภาพดีเช่นนี้ ก็มีโอกาสจะอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต 


นอกจากนั้น หลาย ๆ คนมักจะกังวลไม่อยากให้คนรอบตัวหรือเพื่อนร่วมงานทักหลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ว่า ...ไปทำอะไรมา ทำไมถึงดูเปลี่ยนไป ไปปลูกผมมาหรือเปล่า... ซึ่งหากเรารอจนปัญหาผมรุนแรง ผมบางเป็นวงกว้าง หรือผมถอยร่นบริเวณหน้าผากเข้ามาลึกมาก ๆ หลังปลูกผมใหม่ ๆ แน่นอนว่า ผมของเราจะหนาแน่นขึ้น มีการปรับกรอบหน้าทำให้รูปหน้าเปลี่ยน แลดูสมาร์ทและอ่อนวัยยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่คนรอบข้างจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัด แต่ถ้าหากเริ่มปลูกผมตอนที่ปัญหาผมยังไม่รุนแรง หลังปลูกเสร็จ คนรอบตัวอาจจะยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก เจ้าของเส้นผมจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครทัก สามารถรับการรักษาได้อย่างสบายใจมากขึ้น 

เพราะการปลูกผม คือการลงทุนที่คุ้มค่า
บางคนยังเข้าใจผิดว่า หากปัญหาผมอยู่ในระยะเริ่มแรก อาจจะทำให้การปลูกผมถาวร เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า แต่ด้วยเหตุผลที่เล่ามาทั้งหมด คงจะเห็นแล้วว่า ยิ่งใส่ใจเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมเร็ว ก็ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น เพราะแพทย์ไม่จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมาก ๆ ในการปลูก เพื่อเติมเต็มพื้นที่ผมบาง ซึ่งจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนนี้เองเป็นปัจจัยหนึ่งในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการปลูกผมด้วย อีกทั้งแพทย์ยังสามารถวางแผนการบำรุงดูแลเส้นผมในระยะยาว เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง 


ที่สำคัญ หากตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่อายุยังไม่มาก ก็สามารถปรับบุคลิกและภาพลักษณ์ พร้อมคืนความมั่นใจให้กลับมาได้โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยเสียก่อน เพราะถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินที่จะรักษาด้วยการปลูกผมแล้วก็เป็นได้

ร่องรอยเล็ก ๆ หรือสัญญาณแรกเริ่ม อย่างเช่นการที่ผมเริ่มหยุดยาว จึงมีความสำคัญไม่น้อย เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการชะลออาการผมร่วง ผมบาง และเป็นโอกาสให้เจ้าของเส้นผมรีบเข้ารับการรักษาฟื้นฟูได้ทันเวลา ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น สุขภาพดี มอบความมั่นใจให้คุณไปอีกแสนนาน
ผมหยุดยาว สัญญาณแรกสู่ภาวะผมล้าน
โดยธรรมชาติแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ยาวขึ้นเรื่อย ๆ ทีละนิด ตามวงจรปกติของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณผู้ชายส่องกระจกแล้วเริ่มสังเกตเห็นว่า ทำไมผมยังมีความยาวเท่าเดิม? เหมือนไม่ได้เพิ่มความยาวขึ้นเลย โดยเฉพาะผมบริเวณด้านหน้า ทราบหรือไม่ว่า ความผิดปกติแม้เพียงจุดเล็ก ๆ เช่นนี้ อาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง ซึ่งหากคุณผู้ชายปล่อยปละละเลย ก็อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านในท้ายที่สุดก็เป็นได้

ดังนั้น แม้ว่าคุณผู้ชายจะยังไม่เข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็ควรเริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยอาศัยจุดสังเกตง่าย ๆ 3 จุดต่อไปนี้

  • ผมด้านหน้า ไม่ยาวเพิ่มขึ้นเลย จากปกติที่จะต้องยาวขึ้นทีละนิด
  • ผมอาจจะยังไม่เริ่มร่วงจนเห็นได้ชัด แต่แค่หยุดยาวก็ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษแล้ว
  • ลักษณะอาการเช่นนี้ มักจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันในครอบครัว

ถ้าสังเกตพบอาการดังกล่าวนี้ นามนินแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านเส้นผม เพราะหากมองข้ามความผิดปกติเล็ก ๆ อย่างเช่นอาการผมหยุดยาว ก็เท่ากับมองข้ามสัญญาณเตือนของปัญหาเส้นผมที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น


ภาวะผมถอยร่นบริเวณหน้าผาก เพราะเมื่อผมเริ่มหยุดยาว ในลำดับต่อไป ผมก็อาจจะอ่อนแอจนหลุดร่วงได้ คุณผู้ชายจึงมักจะสังเกตเห็นผมถอยร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยหนุ่ม นอกจากนั้น อาจเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ในบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะได้ด้วย เช่นบริเวณกลางศีรษะ หรือในรูปแบบที่เรียกว่า ผมบางแบบตัว O
และเมื่ออาการผมร่วง ผมบาง เริ่มรุนแรงขึ้น ก็แน่นอนว่ามีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมล้านได้


ไม่เพียงเท่านั้น ภาวะผมบางยังส่งผลในมุมของบุคลิกและภาพลักษณ์ เพราะกรอบหน้าที่เปลี่ยนไปจากผมที่ถอยร่นสูงขึ้น ก็ทำให้สัดส่วนใบหน้าไม่สมดุล แลดูสูงวัยกว่าอายุจริง ผมที่บางลงยังทำให้เจ้าของเส้นผมต้องคอยกังวลใจ และขาดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน ในการทำงาน หรือในชีวิตประจำวัน 

ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ทั้งในแง่ของสุขภาพผม และผลกระทบด้านภาพลักษณ์ ต่อเนื่องมาถึงด้านจิตใจ จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมเราจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยก่อน หรือรอให้ปัญหารุนแรงขึ้นจนเห็นได้ชัดเสียก่อน ซึ่งเมื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์ แพทย์จะช่วยประเมินและวิเคราะห์ปัญหาผม รวมถึงออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น

  • การรับประทานยา
  • การรับประทานวิตามินบำรุง
  • การทาเซรั่ม
  • การเข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB
  • การเข้ารับการปลูกผมถาวร

การปลูกผมถาวร ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางรักษา จึงไม่มีคำว่า เร็วเกินไป ถ้าถามว่าการปลูกผมเร็วมีข้อดีอย่างไร สามารถอธิบายด้วยปัจจัยคำตอบเหล่านี้

เพราะ “กราฟต์ผม” ไม่ได้มีเพียงพอตลอดไป
“กราฟต์ผมต้นทุน” เป็นกุญแจสำคัญทีเดียวในสมการนี้ เนื่องจากการปลูกผมถาวรแบบ FUE คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยปกติแล้ว ผมบริเวณท้ายทอยนั้น คือส่วนที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เพราะมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ที่ส่งผลทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก ลีบแบน และหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ที่สำคัญ แม้จะย้ายกราฟต์ผมมาปลูกใหม่แล้ว คุณสมบัติพิเศษนี้ก็จะยังคงอยู่ไปตลอด


อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมที่ว่านี้ไม่ได้มีจำนวนมาก หรือไม่ได้มีเพียงพอไปตลอดชีวิตของคนเรา ยิ่งอายุมากขึ้น กราฟต์ผมต้นทุนก็ยิ่งเหลือน้อยลงตามธรรมชาติ ตรงกันข้ามกับพื้นที่ผมบางที่จะยิ่งขยายวงกว้างขึ้นตามวัย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนสวนทางกับพื้นที่ปลูกใหม่ ก็เป็นไปได้ว่า กราฟต์ผมอาจจะไม่เพียงพอ หรือเหลือพอแค่ให้ปลูกเสริมแบบเฉลี่ย แต่ไม่สามารถปลูกได้หนาแน่นเต็มที่ เพราะจะต้องไม่ลืมคำนึงว่า แพทย์ไม่สามารถเจาะย้ายผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยออกได้ทั้งหมด ยังต้องเหลือไว้บางส่วนด้วยเพื่อไม่ให้ผมด้านหลังดูบางจนเกินไป 

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากรอจนเข้าสู่ภาวะผมล้าน ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะไม่เพียงพอ จนไม่สามารถปลูกผมถาวรเพื่อแก้ปัญหาได้

ตรงกันข้าม ถ้าคุณผู้ชายตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่ยังอายุไม่มาก ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยยังมีอยู่ในปริมาณมาก ขณะเดียวกัน พื้นที่ผมบางที่ต้องการการปลูกใหม่ ก็ยังไม่กินพื้นที่กว้าง ปัจจัยเอื้อเหล่านี้ก็ช่วยให้แพทย์สามารถคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ได้อย่างหนาแน่นเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวว่ากราฟต์ผมจะไม่พอ ยิ่งไปกว่านั้น แพทย์ยังสามารถวางแผนเหลือกราฟต์ผมไว้เผื่อในกรณีต้องมีการปลูกผมใหม่เป็นครั้งที่ 2 ในอนาคตได้อีกด้วย




เพราะยิ่งปลูกผมเร็ว = จุดเริ่มต้นการบำรุงต่อเนื่องแต่เนิ่น ๆ
หลังจากทำหัตถการปลูกผมแล้ว แพทย์ของนามนินจะคอยดูแลติดตามผลอย่างตลอด 18 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่ผมปลูกใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์ เห็นผลลัพธ์ความหนาแน่นได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนั้นแพทย์ก็จะแนะนำให้บำรุงผมในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์หรือเซรั่มบำรุง วิตามินสำหรับรับประทาน รวมไปถึงทรีตเมนต์ฟื้นฟูดูแลเส้นผม 
ซึ่งทั้งหมดนี้ แม้จะพ้นระยะติดตามผล 18 เดือนไปแล้ว แพทย์ก็จะยังให้คำแนะนำใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของการดูแลตัวเอง และการบำรุงเสริม เพราะถึงแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังมีโอกาสได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT และเกิดภาวะผมร่วงต่อได้อีก ดังนั้น หากเส้นผมไม่ว่าจะเป็นผมเดิมหรือผมใหม่ ได้รับการบำรุงภายใต้การดูแลของแพทย์ ก็จะช่วยให้ผมแข็งแรง สุขภาพดี ลดโอกาสการหลุดร่วงในระยะยาวได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ 


เพราะภาพลักษณ์และความมั่นใจ เสริมได้ ไม่ต้องรอตอนแก่
จะดีกว่าหรือไม่ หากเราสังเกตพบสัญญาณแรกเริ่มของภาวะผมร่วง ผมบาง หรือเริ่มมีอาการในช่วงต้น แล้วรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาทันที ก็จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ ปรับบุคลิก และคืนความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมได้ โดยไม่ต้องรอให้ปัญหาผมรุนแรงขึ้น หรือรอให้อายุมากขึ้น ที่สำคัญ เส้นผมหนาแน่นสุขภาพดีเช่นนี้ ก็มีโอกาสจะอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต 


นอกจากนั้น หลาย ๆ คนมักจะกังวลไม่อยากให้คนรอบตัวหรือเพื่อนร่วมงานทักหลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ว่า ...ไปทำอะไรมา ทำไมถึงดูเปลี่ยนไป ไปปลูกผมมาหรือเปล่า... ซึ่งหากเรารอจนปัญหาผมรุนแรง ผมบางเป็นวงกว้าง หรือผมถอยร่นบริเวณหน้าผากเข้ามาลึกมาก ๆ หลังปลูกผมใหม่ ๆ แน่นอนว่า ผมของเราจะหนาแน่นขึ้น มีการปรับกรอบหน้าทำให้รูปหน้าเปลี่ยน แลดูสมาร์ทและอ่อนวัยยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่คนรอบข้างจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัด แต่ถ้าหากเริ่มปลูกผมตอนที่ปัญหาผมยังไม่รุนแรง หลังปลูกเสร็จ คนรอบตัวอาจจะยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก เจ้าของเส้นผมจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครทัก สามารถรับการรักษาได้อย่างสบายใจมากขึ้น 

เพราะการปลูกผม คือการลงทุนที่คุ้มค่า
บางคนยังเข้าใจผิดว่า หากปัญหาผมอยู่ในระยะเริ่มแรก อาจจะทำให้การปลูกผมถาวร เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า แต่ด้วยเหตุผลที่เล่ามาทั้งหมด คงจะเห็นแล้วว่า ยิ่งใส่ใจเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมเร็ว ก็ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น เพราะแพทย์ไม่จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมาก ๆ ในการปลูก เพื่อเติมเต็มพื้นที่ผมบาง ซึ่งจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนนี้เองเป็นปัจจัยหนึ่งในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการปลูกผมด้วย อีกทั้งแพทย์ยังสามารถวางแผนการบำรุงดูแลเส้นผมในระยะยาว เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง 


ที่สำคัญ หากตัดสินใจปลูกผมตั้งแต่อายุยังไม่มาก ก็สามารถปรับบุคลิกและภาพลักษณ์ พร้อมคืนความมั่นใจให้กลับมาได้โดยไม่ต้องรอให้สูงวัยเสียก่อน เพราะถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินที่จะรักษาด้วยการปลูกผมแล้วก็เป็นได้

ร่องรอยเล็ก ๆ หรือสัญญาณแรกเริ่ม อย่างเช่นการที่ผมเริ่มหยุดยาว จึงมีความสำคัญไม่น้อย เพราะนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการชะลออาการผมร่วง ผมบาง และเป็นโอกาสให้เจ้าของเส้นผมรีบเข้ารับการรักษาฟื้นฟูได้ทันเวลา ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น สุขภาพดี มอบความมั่นใจให้คุณไปอีกแสนนาน
“เคราติน” เกราะป้องกันเส้นผม
หลายครั้งที่เราสังเกตเห็นสัญญาณความอ่อนแอของเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมชี้ฟู แห้งกร้าน แตกปลาย เปราะขาดง่าย  นั่นก็เป็นเพราะเส้นผมขาดปราการชั้นนอกสุดที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องผมจากปัจจัยทำร้ายผมต่าง ๆ นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเกราะปกป้องผมตัวสำคัญที่ชื่อว่า “เคราติน” (Keratin) พร้อมกับเคล็ดลับเสริมเคราติน เพื่อฟื้นบำรุงให้ผมสวยสุขภาพดี 


“เคราติน” เป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้ว ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง และเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง โดยเฉพาะเส้นผมของเรา มีเคราตินประกอบอยู่ถึงร้อยละ 90 ทีเดียว

ที่โครงสร้างของชั้นนอกสุดของเส้นผมนั้น เซลล์เคราตินชนิดแข็งจะเรียงซ้อนกันหลายชั้นแบบเกล็ดปลา จนเกิดเป็นเกล็ดผม (Cuticle) ซึ่งถัดจากชั้นเกล็ดผม ก็จะเป็นชั้นเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ด้านในสุด เราจึงเปรียบเกล็ดผมหรือเคราตินได้กับเกราะปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ในแสงแดด ความร้อน สารเคมี รวมถึงมลภาวะหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้ซึมผ่านเข้าไปในเส้นผม พร้อมกับปกป้องชั้นเนื้อผมไม่ให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ

ขณะเดียวกัน หากเกล็ดผมชั้นนอกเรียงตัวเป็นระเบียบ ก็จะส่งผลให้เส้นผมเรียบเนียนสลวย ดูมีชีวิตชีวา เงางามเป็นประกาย นุ่มลื่น จัดทรงง่าย ทั้งยังทำให้โครงสร้างผมแข็งแรง มีความยืดหยุ่น ต้านทานต่อแรงกดดัน ไม่แตกปลายหรือเปราะขาดได้ง่ายอีกด้วย

ทราบหรือไม่ว่า อาจมีบางช่วงเวลาที่เกล็ดผมเปิด ทำให้เส้นผมอยู่ในภาวะอ่อนแอ สูญเสียความชุ่มชื้น ถูกทำร้ายหรือเปราะขาดง่าย เช่นเวลาที่ผมเปียก ระหว่างสระผมหรือขณะว่ายน้ำ จึงแนะนำให้ระวังดูแลเส้นผมเป็นพิเศษ อีกทั้งยังควรระวังการใช้สารเคมีกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการทำสีผม ยืดผม หรือดัดผม เนื่องจากเป็นสาเหตุทำให้เส้นผมสูญเสียเคราตินได้นั่นเอง

ทั้งนี้ เราสามารถเสริมเคราตินกลับคืนให้กับเส้นผมได้ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน รวมถึง “ไบโอติน” หรือวิตามินบี 7 ซึ่งทำหน้าที่เสริมโครงสร้างของเคราตินให้แข็งแรง ตัวอย่างของอาหารบำรุงผมที่เราขอแนะนำ ได้แก่ อาหารตระกูลไข่ ถั่วต่าง ๆ ตับ แซลมอน คะน้า แครอท มันเทศ และเมล็ดทานตะวัน เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกอาหารสุขภาพ ที่ไม่เพียงบำรุงผม แต่ยังรวมถึงเล็บและผิวหนังที่มีเคราตินเป็นโครงสร้างประกอบด้วยเช่นกัน


และหากใครกำลังมองหาแนวทางการบำรุงเส้นผม ที่ไม่ได้เน้นแค่เคราตินหรือโครงสร้างชั้นนอก แต่เป็นการฟื้นฟูดูแลเส้นผมทุกองค์ประกอบแบบเต็มขั้นในระดับลึกถึงรากผม ทั้งยังเสริมเรื่องลดอาการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย นามนินขอแนะนำโปรแกรมทรีตเมนต์ PHB เพียงฉีดบำรุงที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ก็จะช่วยยกระดับความแข็งแรงให้กับเส้นผม ทำให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นกว่าที่เคย ทั้งยังช่วยให้ผมกลับมาเงางาม สุขภาพดีจากภายใน โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการในครั้งแรก ๆ 

ที่สำคัญ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะอยู่ในระยะเริ่มต้น หรือในระยะใดก็ตาม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของนามนินได้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ตรงจุดที่สุดนั่นเอง

นามนิน “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่”




“เคราติน” เกราะป้องกันเส้นผม
หลายครั้งที่เราสังเกตเห็นสัญญาณความอ่อนแอของเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมชี้ฟู แห้งกร้าน แตกปลาย เปราะขาดง่าย  นั่นก็เป็นเพราะเส้นผมขาดปราการชั้นนอกสุดที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องผมจากปัจจัยทำร้ายผมต่าง ๆ นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเกราะปกป้องผมตัวสำคัญที่ชื่อว่า “เคราติน” (Keratin) พร้อมกับเคล็ดลับเสริมเคราติน เพื่อฟื้นบำรุงให้ผมสวยสุขภาพดี 


“เคราติน” เป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้ว ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง และเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง โดยเฉพาะเส้นผมของเรา มีเคราตินประกอบอยู่ถึงร้อยละ 90 ทีเดียว

ที่โครงสร้างของชั้นนอกสุดของเส้นผมนั้น เซลล์เคราตินชนิดแข็งจะเรียงซ้อนกันหลายชั้นแบบเกล็ดปลา จนเกิดเป็นเกล็ดผม (Cuticle) ซึ่งถัดจากชั้นเกล็ดผม ก็จะเป็นชั้นเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ด้านในสุด เราจึงเปรียบเกล็ดผมหรือเคราตินได้กับเกราะปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ในแสงแดด ความร้อน สารเคมี รวมถึงมลภาวะหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้ซึมผ่านเข้าไปในเส้นผม พร้อมกับปกป้องชั้นเนื้อผมไม่ให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ

ขณะเดียวกัน หากเกล็ดผมชั้นนอกเรียงตัวเป็นระเบียบ ก็จะส่งผลให้เส้นผมเรียบเนียนสลวย ดูมีชีวิตชีวา เงางามเป็นประกาย นุ่มลื่น จัดทรงง่าย ทั้งยังทำให้โครงสร้างผมแข็งแรง มีความยืดหยุ่น ต้านทานต่อแรงกดดัน ไม่แตกปลายหรือเปราะขาดได้ง่ายอีกด้วย

ทราบหรือไม่ว่า อาจมีบางช่วงเวลาที่เกล็ดผมเปิด ทำให้เส้นผมอยู่ในภาวะอ่อนแอ สูญเสียความชุ่มชื้น ถูกทำร้ายหรือเปราะขาดง่าย เช่นเวลาที่ผมเปียก ระหว่างสระผมหรือขณะว่ายน้ำ จึงแนะนำให้ระวังดูแลเส้นผมเป็นพิเศษ อีกทั้งยังควรระวังการใช้สารเคมีกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการทำสีผม ยืดผม หรือดัดผม เนื่องจากเป็นสาเหตุทำให้เส้นผมสูญเสียเคราตินได้นั่นเอง

ทั้งนี้ เราสามารถเสริมเคราตินกลับคืนให้กับเส้นผมได้ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน รวมถึง “ไบโอติน” หรือวิตามินบี 7 ซึ่งทำหน้าที่เสริมโครงสร้างของเคราตินให้แข็งแรง ตัวอย่างของอาหารบำรุงผมที่เราขอแนะนำ ได้แก่ อาหารตระกูลไข่ ถั่วต่าง ๆ ตับ แซลมอน คะน้า แครอท มันเทศ และเมล็ดทานตะวัน เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกอาหารสุขภาพ ที่ไม่เพียงบำรุงผม แต่ยังรวมถึงเล็บและผิวหนังที่มีเคราตินเป็นโครงสร้างประกอบด้วยเช่นกัน


และหากใครกำลังมองหาแนวทางการบำรุงเส้นผม ที่ไม่ได้เน้นแค่เคราตินหรือโครงสร้างชั้นนอก แต่เป็นการฟื้นฟูดูแลเส้นผมทุกองค์ประกอบแบบเต็มขั้นในระดับลึกถึงรากผม ทั้งยังเสริมเรื่องลดอาการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย นามนินขอแนะนำโปรแกรมทรีตเมนต์ PHB เพียงฉีดบำรุงที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ก็จะช่วยยกระดับความแข็งแรงให้กับเส้นผม ทำให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นกว่าที่เคย ทั้งยังช่วยให้ผมกลับมาเงางาม สุขภาพดีจากภายใน โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการในครั้งแรก ๆ 

ที่สำคัญ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะอยู่ในระยะเริ่มต้น หรือในระยะใดก็ตาม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของนามนินได้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ตรงจุดที่สุดนั่นเอง

นามนิน “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่”




“เคราติน” เกราะป้องกันเส้นผม
หลายครั้งที่เราสังเกตเห็นสัญญาณความอ่อนแอของเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมชี้ฟู แห้งกร้าน แตกปลาย เปราะขาดง่าย  นั่นก็เป็นเพราะเส้นผมขาดปราการชั้นนอกสุดที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องผมจากปัจจัยทำร้ายผมต่าง ๆ นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเกราะปกป้องผมตัวสำคัญที่ชื่อว่า “เคราติน” (Keratin) พร้อมกับเคล็ดลับเสริมเคราติน เพื่อฟื้นบำรุงให้ผมสวยสุขภาพดี 


“เคราติน” เป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้ว ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง และเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง โดยเฉพาะเส้นผมของเรา มีเคราตินประกอบอยู่ถึงร้อยละ 90 ทีเดียว

ที่โครงสร้างของชั้นนอกสุดของเส้นผมนั้น เซลล์เคราตินชนิดแข็งจะเรียงซ้อนกันหลายชั้นแบบเกล็ดปลา จนเกิดเป็นเกล็ดผม (Cuticle) ซึ่งถัดจากชั้นเกล็ดผม ก็จะเป็นชั้นเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ด้านในสุด เราจึงเปรียบเกล็ดผมหรือเคราตินได้กับเกราะปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ในแสงแดด ความร้อน สารเคมี รวมถึงมลภาวะหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้ซึมผ่านเข้าไปในเส้นผม พร้อมกับปกป้องชั้นเนื้อผมไม่ให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ

ขณะเดียวกัน หากเกล็ดผมชั้นนอกเรียงตัวเป็นระเบียบ ก็จะส่งผลให้เส้นผมเรียบเนียนสลวย ดูมีชีวิตชีวา เงางามเป็นประกาย นุ่มลื่น จัดทรงง่าย ทั้งยังทำให้โครงสร้างผมแข็งแรง มีความยืดหยุ่น ต้านทานต่อแรงกดดัน ไม่แตกปลายหรือเปราะขาดได้ง่ายอีกด้วย

ทราบหรือไม่ว่า อาจมีบางช่วงเวลาที่เกล็ดผมเปิด ทำให้เส้นผมอยู่ในภาวะอ่อนแอ สูญเสียความชุ่มชื้น ถูกทำร้ายหรือเปราะขาดง่าย เช่นเวลาที่ผมเปียก ระหว่างสระผมหรือขณะว่ายน้ำ จึงแนะนำให้ระวังดูแลเส้นผมเป็นพิเศษ อีกทั้งยังควรระวังการใช้สารเคมีกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการทำสีผม ยืดผม หรือดัดผม เนื่องจากเป็นสาเหตุทำให้เส้นผมสูญเสียเคราตินได้นั่นเอง

ทั้งนี้ เราสามารถเสริมเคราตินกลับคืนให้กับเส้นผมได้ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน รวมถึง “ไบโอติน” หรือวิตามินบี 7 ซึ่งทำหน้าที่เสริมโครงสร้างของเคราตินให้แข็งแรง ตัวอย่างของอาหารบำรุงผมที่เราขอแนะนำ ได้แก่ อาหารตระกูลไข่ ถั่วต่าง ๆ ตับ แซลมอน คะน้า แครอท มันเทศ และเมล็ดทานตะวัน เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกอาหารสุขภาพ ที่ไม่เพียงบำรุงผม แต่ยังรวมถึงเล็บและผิวหนังที่มีเคราตินเป็นโครงสร้างประกอบด้วยเช่นกัน


และหากใครกำลังมองหาแนวทางการบำรุงเส้นผม ที่ไม่ได้เน้นแค่เคราตินหรือโครงสร้างชั้นนอก แต่เป็นการฟื้นฟูดูแลเส้นผมทุกองค์ประกอบแบบเต็มขั้นในระดับลึกถึงรากผม ทั้งยังเสริมเรื่องลดอาการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย นามนินขอแนะนำโปรแกรมทรีตเมนต์ PHB เพียงฉีดบำรุงที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ก็จะช่วยยกระดับความแข็งแรงให้กับเส้นผม ทำให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นกว่าที่เคย ทั้งยังช่วยให้ผมกลับมาเงางาม สุขภาพดีจากภายใน โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการในครั้งแรก ๆ 

ที่สำคัญ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะอยู่ในระยะเริ่มต้น หรือในระยะใดก็ตาม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของนามนินได้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ตรงจุดที่สุดนั่นเอง

นามนิน “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่”




“เคราติน” เกราะป้องกันเส้นผม
หลายครั้งที่เราสังเกตเห็นสัญญาณความอ่อนแอของเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมชี้ฟู แห้งกร้าน แตกปลาย เปราะขาดง่าย  นั่นก็เป็นเพราะเส้นผมขาดปราการชั้นนอกสุดที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องผมจากปัจจัยทำร้ายผมต่าง ๆ นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเกราะปกป้องผมตัวสำคัญที่ชื่อว่า “เคราติน” (Keratin) พร้อมกับเคล็ดลับเสริมเคราติน เพื่อฟื้นบำรุงให้ผมสวยสุขภาพดี 


“เคราติน” เป็นเส้นใยโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้ว ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง และเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง โดยเฉพาะเส้นผมของเรา มีเคราตินประกอบอยู่ถึงร้อยละ 90 ทีเดียว

ที่โครงสร้างของชั้นนอกสุดของเส้นผมนั้น เซลล์เคราตินชนิดแข็งจะเรียงซ้อนกันหลายชั้นแบบเกล็ดปลา จนเกิดเป็นเกล็ดผม (Cuticle) ซึ่งถัดจากชั้นเกล็ดผม ก็จะเป็นชั้นเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ด้านในสุด เราจึงเปรียบเกล็ดผมหรือเคราตินได้กับเกราะปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ในแสงแดด ความร้อน สารเคมี รวมถึงมลภาวะหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้ซึมผ่านเข้าไปในเส้นผม พร้อมกับปกป้องชั้นเนื้อผมไม่ให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ

ขณะเดียวกัน หากเกล็ดผมชั้นนอกเรียงตัวเป็นระเบียบ ก็จะส่งผลให้เส้นผมเรียบเนียนสลวย ดูมีชีวิตชีวา เงางามเป็นประกาย นุ่มลื่น จัดทรงง่าย ทั้งยังทำให้โครงสร้างผมแข็งแรง มีความยืดหยุ่น ต้านทานต่อแรงกดดัน ไม่แตกปลายหรือเปราะขาดได้ง่ายอีกด้วย

ทราบหรือไม่ว่า อาจมีบางช่วงเวลาที่เกล็ดผมเปิด ทำให้เส้นผมอยู่ในภาวะอ่อนแอ สูญเสียความชุ่มชื้น ถูกทำร้ายหรือเปราะขาดง่าย เช่นเวลาที่ผมเปียก ระหว่างสระผมหรือขณะว่ายน้ำ จึงแนะนำให้ระวังดูแลเส้นผมเป็นพิเศษ อีกทั้งยังควรระวังการใช้สารเคมีกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการทำสีผม ยืดผม หรือดัดผม เนื่องจากเป็นสาเหตุทำให้เส้นผมสูญเสียเคราตินได้นั่นเอง

ทั้งนี้ เราสามารถเสริมเคราตินกลับคืนให้กับเส้นผมได้ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน รวมถึง “ไบโอติน” หรือวิตามินบี 7 ซึ่งทำหน้าที่เสริมโครงสร้างของเคราตินให้แข็งแรง ตัวอย่างของอาหารบำรุงผมที่เราขอแนะนำ ได้แก่ อาหารตระกูลไข่ ถั่วต่าง ๆ ตับ แซลมอน คะน้า แครอท มันเทศ และเมล็ดทานตะวัน เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกอาหารสุขภาพ ที่ไม่เพียงบำรุงผม แต่ยังรวมถึงเล็บและผิวหนังที่มีเคราตินเป็นโครงสร้างประกอบด้วยเช่นกัน


และหากใครกำลังมองหาแนวทางการบำรุงเส้นผม ที่ไม่ได้เน้นแค่เคราตินหรือโครงสร้างชั้นนอก แต่เป็นการฟื้นฟูดูแลเส้นผมทุกองค์ประกอบแบบเต็มขั้นในระดับลึกถึงรากผม ทั้งยังเสริมเรื่องลดอาการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย นามนินขอแนะนำโปรแกรมทรีตเมนต์ PHB เพียงฉีดบำรุงที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ก็จะช่วยยกระดับความแข็งแรงให้กับเส้นผม ทำให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น จนแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นกว่าที่เคย ทั้งยังช่วยให้ผมกลับมาเงางาม สุขภาพดีจากภายใน โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ตั้งแต่การเข้ารับบริการในครั้งแรก ๆ 

ที่สำคัญ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะอยู่ในระยะเริ่มต้น หรือในระยะใดก็ตาม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของนามนินได้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ตรงจุดที่สุดนั่นเอง

นามนิน “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่”




ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ : เพื่อผลลัพธ์เส้นผมที่ดีหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม แพทย์จะแนะนำให้ “งดสูบบุหรี่” อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลายคนจึงอาจสงสัยว่าบุหรี่มีผลกระทบกับเส้นผมจริงหรือ? หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม หรือเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว การศึกษาและทำความเข้าใจผลกระทบจากการสูบบุหรี่ที่มีต่อเส้นผมจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

บุหรี่ : ภัยร้ายทำลายเส้นผม
ในบุหรี่เต็มไปด้วยสารพิษอันตราย ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม เพราะมีสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและเส้นผมอยู่มากมาย เช่น นิโคติน ทาร์ และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ โดยเฉพาะ “นิโคติน” ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในบุหรี่ทั้งสองแบบ มีผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมคือทำให้หลอดเลือดหดตัวและการไหลเวียนของเลือดไปยังรากผมไม่ดีเท่าที่ควร เส้นผมจึงขาดสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่ายค่ะ 
นอกจากนี้ “นิโคติน” ยังเร่งการผลิตฮอร์โมน DHTหรือ ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมไม่เจริญเติบโตและหลุดร่วงง่าย การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้


งดสูบบุหรี่หลังปลูกผม : เพิ่มอัตราการงอกของเส้นผมใหม่
ผู้ที่เข้ารับการปลูกผม การสูบบุหรี่จะทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีตามที่ต้องการ เนื่องจากรากของเส้นผมที่ปลูกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนช่วยในการเจริญเติบโต ถ้าการไหลเวียนของเลือดไม่ดี เส้นผมใหม่อาจจะงอกช้า ไม่เติบโตเต็มที่และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังทำให้แผลจากการปลูกผมหายช้าอีกด้วยค่ะ แพทย์จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดสูงขึ้นและเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการฟื้นตัว และหลังการปลูกผมควรงดสูบบุหรี่ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้เส้นผมใหม่ได้เติบโตได้อย่างเต็มที่และเพิ่มอัตราการรอดของเส้นผมใหม่ให้ได้มากที่สุด

การเลิกบุหรี่ : ไม่ง่ายแต่คุ้มค่า
การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่มานานและอาจรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นทำได้ยาก แต่เชื่อเถอะค่ะ หากได้ลองท้าทายตัวเองโดยเริ่มจากการค่อยๆ ลดปริมาณการสูบลง คุณก็จะรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไม่ใช่แค่กับเส้นผม แต่สุขภาพโดยรวมจะดีขึ้นแน่นอน

หลังการปลูกผม หากยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็แนะนำให้ลดความถี่และปริมาณการสูบให้น้อยลง และสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับบริการโปรแกรม PHB อย่างเหมาะสมร่วมด้วยได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น เร่งการงอกของเส้นผมใหม่และฟื้นฟูเส้นผมเดิมให้แข็งแรงไปพร้อมกัน


การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีต่อครั้งเท่านั้น โดยแพทย์จะตรวจสภาพเส้นผมเพื่อวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการรักษาเป็นรายบุคคลก่อน จากนั้นจึงเข้ารับการฉายแสง LLLT เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และต่อด้วยการฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น หลังรับบริการสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดของโปรแกรม PHB  คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง โดยคุณหมอจะเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการเข้ารับบริการทุกครั้ง




การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมด้วย การงดสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังการปลูกผมตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เส้นผมที่ปลูกใหม่แข็งแรงและเติบโตอย่างเต็มที่ และหากสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาด จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง แต่ยังส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาวค่ะ

ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ : เพื่อผลลัพธ์เส้นผมที่ดีหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม แพทย์จะแนะนำให้ “งดสูบบุหรี่” อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลายคนจึงอาจสงสัยว่าบุหรี่มีผลกระทบกับเส้นผมจริงหรือ? หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม หรือเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว การศึกษาและทำความเข้าใจผลกระทบจากการสูบบุหรี่ที่มีต่อเส้นผมจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

บุหรี่ : ภัยร้ายทำลายเส้นผม
ในบุหรี่เต็มไปด้วยสารพิษอันตราย ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม เพราะมีสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและเส้นผมอยู่มากมาย เช่น นิโคติน ทาร์ และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ โดยเฉพาะ “นิโคติน” ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในบุหรี่ทั้งสองแบบ มีผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมคือทำให้หลอดเลือดหดตัวและการไหลเวียนของเลือดไปยังรากผมไม่ดีเท่าที่ควร เส้นผมจึงขาดสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่ายค่ะ 
นอกจากนี้ “นิโคติน” ยังเร่งการผลิตฮอร์โมน DHTหรือ ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมไม่เจริญเติบโตและหลุดร่วงง่าย การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้


งดสูบบุหรี่หลังปลูกผม : เพิ่มอัตราการงอกของเส้นผมใหม่
ผู้ที่เข้ารับการปลูกผม การสูบบุหรี่จะทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีตามที่ต้องการ เนื่องจากรากของเส้นผมที่ปลูกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนช่วยในการเจริญเติบโต ถ้าการไหลเวียนของเลือดไม่ดี เส้นผมใหม่อาจจะงอกช้า ไม่เติบโตเต็มที่และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังทำให้แผลจากการปลูกผมหายช้าอีกด้วยค่ะ แพทย์จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดสูงขึ้นและเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการฟื้นตัว และหลังการปลูกผมควรงดสูบบุหรี่ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้เส้นผมใหม่ได้เติบโตได้อย่างเต็มที่และเพิ่มอัตราการรอดของเส้นผมใหม่ให้ได้มากที่สุด

การเลิกบุหรี่ : ไม่ง่ายแต่คุ้มค่า
การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่มานานและอาจรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นทำได้ยาก แต่เชื่อเถอะค่ะ หากได้ลองท้าทายตัวเองโดยเริ่มจากการค่อยๆ ลดปริมาณการสูบลง คุณก็จะรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไม่ใช่แค่กับเส้นผม แต่สุขภาพโดยรวมจะดีขึ้นแน่นอน

หลังการปลูกผม หากยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็แนะนำให้ลดความถี่และปริมาณการสูบให้น้อยลง และสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับบริการโปรแกรม PHB อย่างเหมาะสมร่วมด้วยได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น เร่งการงอกของเส้นผมใหม่และฟื้นฟูเส้นผมเดิมให้แข็งแรงไปพร้อมกัน


การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีต่อครั้งเท่านั้น โดยแพทย์จะตรวจสภาพเส้นผมเพื่อวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการรักษาเป็นรายบุคคลก่อน จากนั้นจึงเข้ารับการฉายแสง LLLT เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และต่อด้วยการฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น หลังรับบริการสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดของโปรแกรม PHB  คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง โดยคุณหมอจะเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการเข้ารับบริการทุกครั้ง




การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมด้วย การงดสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังการปลูกผมตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เส้นผมที่ปลูกใหม่แข็งแรงและเติบโตอย่างเต็มที่ และหากสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาด จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง แต่ยังส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาวค่ะ

ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ : เพื่อผลลัพธ์เส้นผมที่ดีหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม แพทย์จะแนะนำให้ “งดสูบบุหรี่” อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลายคนจึงอาจสงสัยว่าบุหรี่มีผลกระทบกับเส้นผมจริงหรือ? หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม หรือเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว การศึกษาและทำความเข้าใจผลกระทบจากการสูบบุหรี่ที่มีต่อเส้นผมจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

บุหรี่ : ภัยร้ายทำลายเส้นผม
ในบุหรี่เต็มไปด้วยสารพิษอันตราย ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม เพราะมีสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและเส้นผมอยู่มากมาย เช่น นิโคติน ทาร์ และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ โดยเฉพาะ “นิโคติน” ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในบุหรี่ทั้งสองแบบ มีผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมคือทำให้หลอดเลือดหดตัวและการไหลเวียนของเลือดไปยังรากผมไม่ดีเท่าที่ควร เส้นผมจึงขาดสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่ายค่ะ 
นอกจากนี้ “นิโคติน” ยังเร่งการผลิตฮอร์โมน DHTหรือ ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมไม่เจริญเติบโตและหลุดร่วงง่าย การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้


งดสูบบุหรี่หลังปลูกผม : เพิ่มอัตราการงอกของเส้นผมใหม่
ผู้ที่เข้ารับการปลูกผม การสูบบุหรี่จะทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีตามที่ต้องการ เนื่องจากรากของเส้นผมที่ปลูกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนช่วยในการเจริญเติบโต ถ้าการไหลเวียนของเลือดไม่ดี เส้นผมใหม่อาจจะงอกช้า ไม่เติบโตเต็มที่และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังทำให้แผลจากการปลูกผมหายช้าอีกด้วยค่ะ แพทย์จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดสูงขึ้นและเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการฟื้นตัว และหลังการปลูกผมควรงดสูบบุหรี่ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้เส้นผมใหม่ได้เติบโตได้อย่างเต็มที่และเพิ่มอัตราการรอดของเส้นผมใหม่ให้ได้มากที่สุด

การเลิกบุหรี่ : ไม่ง่ายแต่คุ้มค่า
การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่มานานและอาจรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นทำได้ยาก แต่เชื่อเถอะค่ะ หากได้ลองท้าทายตัวเองโดยเริ่มจากการค่อยๆ ลดปริมาณการสูบลง คุณก็จะรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไม่ใช่แค่กับเส้นผม แต่สุขภาพโดยรวมจะดีขึ้นแน่นอน

หลังการปลูกผม หากยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็แนะนำให้ลดความถี่และปริมาณการสูบให้น้อยลง และสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับบริการโปรแกรม PHB อย่างเหมาะสมร่วมด้วยได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น เร่งการงอกของเส้นผมใหม่และฟื้นฟูเส้นผมเดิมให้แข็งแรงไปพร้อมกัน


การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีต่อครั้งเท่านั้น โดยแพทย์จะตรวจสภาพเส้นผมเพื่อวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการรักษาเป็นรายบุคคลก่อน จากนั้นจึงเข้ารับการฉายแสง LLLT เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และต่อด้วยการฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น หลังรับบริการสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดของโปรแกรม PHB  คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง โดยคุณหมอจะเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการเข้ารับบริการทุกครั้ง




การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมด้วย การงดสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังการปลูกผมตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เส้นผมที่ปลูกใหม่แข็งแรงและเติบโตอย่างเต็มที่ และหากสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาด จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง แต่ยังส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาวค่ะ

ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ : เพื่อผลลัพธ์เส้นผมที่ดีหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม แพทย์จะแนะนำให้ “งดสูบบุหรี่” อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลายคนจึงอาจสงสัยว่าบุหรี่มีผลกระทบกับเส้นผมจริงหรือ? หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม หรือเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว การศึกษาและทำความเข้าใจผลกระทบจากการสูบบุหรี่ที่มีต่อเส้นผมจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

บุหรี่ : ภัยร้ายทำลายเส้นผม
ในบุหรี่เต็มไปด้วยสารพิษอันตราย ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม เพราะมีสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและเส้นผมอยู่มากมาย เช่น นิโคติน ทาร์ และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ โดยเฉพาะ “นิโคติน” ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในบุหรี่ทั้งสองแบบ มีผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมคือทำให้หลอดเลือดหดตัวและการไหลเวียนของเลือดไปยังรากผมไม่ดีเท่าที่ควร เส้นผมจึงขาดสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่ายค่ะ 
นอกจากนี้ “นิโคติน” ยังเร่งการผลิตฮอร์โมน DHTหรือ ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมไม่เจริญเติบโตและหลุดร่วงง่าย การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้


งดสูบบุหรี่หลังปลูกผม : เพิ่มอัตราการงอกของเส้นผมใหม่
ผู้ที่เข้ารับการปลูกผม การสูบบุหรี่จะทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีตามที่ต้องการ เนื่องจากรากของเส้นผมที่ปลูกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนช่วยในการเจริญเติบโต ถ้าการไหลเวียนของเลือดไม่ดี เส้นผมใหม่อาจจะงอกช้า ไม่เติบโตเต็มที่และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังทำให้แผลจากการปลูกผมหายช้าอีกด้วยค่ะ แพทย์จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดสูงขึ้นและเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการฟื้นตัว และหลังการปลูกผมควรงดสูบบุหรี่ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้เส้นผมใหม่ได้เติบโตได้อย่างเต็มที่และเพิ่มอัตราการรอดของเส้นผมใหม่ให้ได้มากที่สุด

การเลิกบุหรี่ : ไม่ง่ายแต่คุ้มค่า
การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่มานานและอาจรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นทำได้ยาก แต่เชื่อเถอะค่ะ หากได้ลองท้าทายตัวเองโดยเริ่มจากการค่อยๆ ลดปริมาณการสูบลง คุณก็จะรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไม่ใช่แค่กับเส้นผม แต่สุขภาพโดยรวมจะดีขึ้นแน่นอน

หลังการปลูกผม หากยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็แนะนำให้ลดความถี่และปริมาณการสูบให้น้อยลง และสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับบริการโปรแกรม PHB อย่างเหมาะสมร่วมด้วยได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น เร่งการงอกของเส้นผมใหม่และฟื้นฟูเส้นผมเดิมให้แข็งแรงไปพร้อมกัน


การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีต่อครั้งเท่านั้น โดยแพทย์จะตรวจสภาพเส้นผมเพื่อวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการรักษาเป็นรายบุคคลก่อน จากนั้นจึงเข้ารับการฉายแสง LLLT เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และต่อด้วยการฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น หลังรับบริการสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดของโปรแกรม PHB  คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง โดยคุณหมอจะเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการเข้ารับบริการทุกครั้ง




การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมด้วย การงดสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังการปลูกผมตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เส้นผมที่ปลูกใหม่แข็งแรงและเติบโตอย่างเต็มที่ และหากสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาด จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง แต่ยังส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาวค่ะ

ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ : เพื่อผลลัพธ์เส้นผมที่ดีหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม แพทย์จะแนะนำให้ “งดสูบบุหรี่” อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลายคนจึงอาจสงสัยว่าบุหรี่มีผลกระทบกับเส้นผมจริงหรือ? หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจจะปลูกผม หรือเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว การศึกษาและทำความเข้าใจผลกระทบจากการสูบบุหรี่ที่มีต่อเส้นผมจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

บุหรี่ : ภัยร้ายทำลายเส้นผม
ในบุหรี่เต็มไปด้วยสารพิษอันตราย ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าก็ตาม เพราะมีสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและเส้นผมอยู่มากมาย เช่น นิโคติน ทาร์ และก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ โดยเฉพาะ “นิโคติน” ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในบุหรี่ทั้งสองแบบ มีผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมคือทำให้หลอดเลือดหดตัวและการไหลเวียนของเลือดไปยังรากผมไม่ดีเท่าที่ควร เส้นผมจึงขาดสารอาหารและออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่ายค่ะ 
นอกจากนี้ “นิโคติน” ยังเร่งการผลิตฮอร์โมน DHTหรือ ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมไม่เจริญเติบโตและหลุดร่วงง่าย การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้


งดสูบบุหรี่หลังปลูกผม : เพิ่มอัตราการงอกของเส้นผมใหม่
ผู้ที่เข้ารับการปลูกผม การสูบบุหรี่จะทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีตามที่ต้องการ เนื่องจากรากของเส้นผมที่ปลูกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนช่วยในการเจริญเติบโต ถ้าการไหลเวียนของเลือดไม่ดี เส้นผมใหม่อาจจะงอกช้า ไม่เติบโตเต็มที่และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังทำให้แผลจากการปลูกผมหายช้าอีกด้วยค่ะ แพทย์จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดสูงขึ้นและเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการฟื้นตัว และหลังการปลูกผมควรงดสูบบุหรี่ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้เส้นผมใหม่ได้เติบโตได้อย่างเต็มที่และเพิ่มอัตราการรอดของเส้นผมใหม่ให้ได้มากที่สุด

การเลิกบุหรี่ : ไม่ง่ายแต่คุ้มค่า
การเลิกบุหรี่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่มานานและอาจรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้นทำได้ยาก แต่เชื่อเถอะค่ะ หากได้ลองท้าทายตัวเองโดยเริ่มจากการค่อยๆ ลดปริมาณการสูบลง คุณก็จะรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ไม่ใช่แค่กับเส้นผม แต่สุขภาพโดยรวมจะดีขึ้นแน่นอน

หลังการปลูกผม หากยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ก็แนะนำให้ลดความถี่และปริมาณการสูบให้น้อยลง และสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับบริการโปรแกรม PHB อย่างเหมาะสมร่วมด้วยได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น เร่งการงอกของเส้นผมใหม่และฟื้นฟูเส้นผมเดิมให้แข็งแรงไปพร้อมกัน


การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาทีต่อครั้งเท่านั้น โดยแพทย์จะตรวจสภาพเส้นผมเพื่อวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการรักษาเป็นรายบุคคลก่อน จากนั้นจึงเข้ารับการฉายแสง LLLT เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และต่อด้วยการฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงและดกดำขึ้น หลังรับบริการสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดของโปรแกรม PHB  คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง โดยคุณหมอจะเปรียบเทียบให้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลังการเข้ารับบริการทุกครั้ง




การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำร้ายสุขภาพร่างกาย แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อเส้นผมด้วย การงดสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังการปลูกผมตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เส้นผมที่ปลูกใหม่แข็งแรงและเติบโตอย่างเต็มที่ และหากสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างเด็ดขาด จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง แต่ยังส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยืนยาวค่ะ

NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้าสวยสมดุล เสริมความมั่นใจ
หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า "Golden Ratio" หรือ สัดส่วนทองคำ ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางคณิตศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับและใช้เป็นมาตรฐานวัด “ความงาม” ในศิลปะกันมาบ้างแล้ว และหากพูดถึงในแง่ความสวยงาม Golden Ratio ได้นำมาใช้เป็นหลักในการวัดความสมดุลของใบหน้า โดยแบ่งใบหน้าตามแนวนอนออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ได้แก่ ใบหน้าส่วนบน เริ่มวัดที่ขอบไรผมจนถึงหัวคิ้ว ใบหน้าส่วนกลาง ตั้งแต่หัวคิ้วจนถึงปลายจมูก และใบหน้าส่วนล่าง ตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายคาง ซึ่งทุกส่วนต้องมีอัตราส่วน 1:1:1 จึงจะถือว่าเป็นรูปหน้าที่สมดุลและสวยงามค่ะ


แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรูปหน้าสวยงามได้ตามหลัก Golden Ratio เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้หน้าของเราไม่สมส่วน โดยเฉพาะช่วงกรอบหน้าส่วนบน เช่น การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้บางคนมีกรอบหน้าแบบ M Shape หรือมีปัญหาผมร่วงผมบางบริเวณหน้าผากและขมับทำให้หน้าผากกว้างเกินไป นอกจากจะส่งผลให้รูปหน้าไม่สมส่วนแล้วยังทำให้ดูสูงวัยขึ้นด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


สำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังกังวลกับปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งเครียดค่ะ เพราะที่ “นามนิน” เรามีทางออกสวยๆ ไว้ให้แล้ว นั่นก็คือการปลูกผมปรับกรอบหน้าด้วยเทคนิค NEAT ซึ่งจะช่วยปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น เสริมกรอบหน้าให้คมชัด ใบหน้าดูมีมิติและสมส่วนขึ้น

ขั้นตอนการปลูกผมปรับกรอบหน้าด้วยเทคนิค NEAT จะเริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน แพทย์ปลูกผม ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของคนไข้เป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วยค่ะ
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางของเส้นผมใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิม โดยไม่ลืมคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะเด่นของเส้นผมแต่ละบริเวณด้วย ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน สำหรับใครที่ต้องการปลูกคิ้วพร้อมกับปลูกผมด้วย ก็สามารถปลูกด้วยเทคนิค NEAT  ไปในคราวเดียวกันได้ค่ะ เพื่อเสริมให้ใบหน้าโดยรวมโดดเด่น มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น





ด้วยประสบการณ์ของคุณหมอนินและการทำงานด้วยการใช้ Implanter ตัวจิ๋วนี้เอง ทำให้รอยหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ผู้เข้ารับบริการสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้ตามปกติ คนรอบข้างอาจจะไม่ทันสังเกตเนื่องจากคุณหมอไม่ได้โกนผมบริเวณที่ปลูกจึงสามารถรักษาทรงผมได้ใกล้เคียงกับผมเดิม เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องให้อีก 1 ปีหลังการปลูกผมค่ะ



เมื่อเส้นผมใหม่ที่ปลูกเริ่มยาวขึ้น กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบไว้จะคมชัดขึ้น รูปหน้าจะดูสมส่วน สวยงาม สดใสและดูอ่อนวัยขึ้น ทั้งเส้นผมและกรอบหน้าจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ค่ะ 

NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้าสวยสมดุล เสริมความมั่นใจ
หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า "Golden Ratio" หรือ สัดส่วนทองคำ ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางคณิตศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับและใช้เป็นมาตรฐานวัด “ความงาม” ในศิลปะกันมาบ้างแล้ว และหากพูดถึงในแง่ความสวยงาม Golden Ratio ได้นำมาใช้เป็นหลักในการวัดความสมดุลของใบหน้า โดยแบ่งใบหน้าตามแนวนอนออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ได้แก่ ใบหน้าส่วนบน เริ่มวัดที่ขอบไรผมจนถึงหัวคิ้ว ใบหน้าส่วนกลาง ตั้งแต่หัวคิ้วจนถึงปลายจมูก และใบหน้าส่วนล่าง ตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายคาง ซึ่งทุกส่วนต้องมีอัตราส่วน 1:1:1 จึงจะถือว่าเป็นรูปหน้าที่สมดุลและสวยงามค่ะ


แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรูปหน้าสวยงามได้ตามหลัก Golden Ratio เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้หน้าของเราไม่สมส่วน โดยเฉพาะช่วงกรอบหน้าส่วนบน เช่น การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้บางคนมีกรอบหน้าแบบ M Shape หรือมีปัญหาผมร่วงผมบางบริเวณหน้าผากและขมับทำให้หน้าผากกว้างเกินไป นอกจากจะส่งผลให้รูปหน้าไม่สมส่วนแล้วยังทำให้ดูสูงวัยขึ้นด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


สำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังกังวลกับปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งเครียดค่ะ เพราะที่ “นามนิน” เรามีทางออกสวยๆ ไว้ให้แล้ว นั่นก็คือการปลูกผมปรับกรอบหน้าด้วยเทคนิค NEAT ซึ่งจะช่วยปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น เสริมกรอบหน้าให้คมชัด ใบหน้าดูมีมิติและสมส่วนขึ้น

ขั้นตอนการปลูกผมปรับกรอบหน้าด้วยเทคนิค NEAT จะเริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน แพทย์ปลูกผม ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของคนไข้เป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วยค่ะ
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางของเส้นผมใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิม โดยไม่ลืมคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะเด่นของเส้นผมแต่ละบริเวณด้วย ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน สำหรับใครที่ต้องการปลูกคิ้วพร้อมกับปลูกผมด้วย ก็สามารถปลูกด้วยเทคนิค NEAT  ไปในคราวเดียวกันได้ค่ะ เพื่อเสริมให้ใบหน้าโดยรวมโดดเด่น มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น





ด้วยประสบการณ์ของคุณหมอนินและการทำงานด้วยการใช้ Implanter ตัวจิ๋วนี้เอง ทำให้รอยหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ผู้เข้ารับบริการสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้ตามปกติ คนรอบข้างอาจจะไม่ทันสังเกตเนื่องจากคุณหมอไม่ได้โกนผมบริเวณที่ปลูกจึงสามารถรักษาทรงผมได้ใกล้เคียงกับผมเดิม เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องให้อีก 1 ปีหลังการปลูกผมค่ะ



เมื่อเส้นผมใหม่ที่ปลูกเริ่มยาวขึ้น กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบไว้จะคมชัดขึ้น รูปหน้าจะดูสมส่วน สวยงาม สดใสและดูอ่อนวัยขึ้น ทั้งเส้นผมและกรอบหน้าจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ค่ะ 

NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้าสวยสมดุล เสริมความมั่นใจ
หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า "Golden Ratio" หรือ สัดส่วนทองคำ ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางคณิตศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับและใช้เป็นมาตรฐานวัด “ความงาม” ในศิลปะกันมาบ้างแล้ว และหากพูดถึงในแง่ความสวยงาม Golden Ratio ได้นำมาใช้เป็นหลักในการวัดความสมดุลของใบหน้า โดยแบ่งใบหน้าตามแนวนอนออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ได้แก่ ใบหน้าส่วนบน เริ่มวัดที่ขอบไรผมจนถึงหัวคิ้ว ใบหน้าส่วนกลาง ตั้งแต่หัวคิ้วจนถึงปลายจมูก และใบหน้าส่วนล่าง ตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายคาง ซึ่งทุกส่วนต้องมีอัตราส่วน 1:1:1 จึงจะถือว่าเป็นรูปหน้าที่สมดุลและสวยงามค่ะ


แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรูปหน้าสวยงามได้ตามหลัก Golden Ratio เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้หน้าของเราไม่สมส่วน โดยเฉพาะช่วงกรอบหน้าส่วนบน เช่น การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้บางคนมีกรอบหน้าแบบ M Shape หรือมีปัญหาผมร่วงผมบางบริเวณหน้าผากและขมับทำให้หน้าผากกว้างเกินไป นอกจากจะส่งผลให้รูปหน้าไม่สมส่วนแล้วยังทำให้ดูสูงวัยขึ้นด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


สำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังกังวลกับปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งเครียดค่ะ เพราะที่ “นามนิน” เรามีทางออกสวยๆ ไว้ให้แล้ว นั่นก็คือการปลูกผมปรับกรอบหน้าด้วยเทคนิค NEAT ซึ่งจะช่วยปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น เสริมกรอบหน้าให้คมชัด ใบหน้าดูมีมิติและสมส่วนขึ้น

ขั้นตอนการปลูกผมปรับกรอบหน้าด้วยเทคนิค NEAT จะเริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน แพทย์ปลูกผม ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของคนไข้เป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วยค่ะ
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางของเส้นผมใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิม โดยไม่ลืมคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะเด่นของเส้นผมแต่ละบริเวณด้วย ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน สำหรับใครที่ต้องการปลูกคิ้วพร้อมกับปลูกผมด้วย ก็สามารถปลูกด้วยเทคนิค NEAT  ไปในคราวเดียวกันได้ค่ะ เพื่อเสริมให้ใบหน้าโดยรวมโดดเด่น มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น





ด้วยประสบการณ์ของคุณหมอนินและการทำงานด้วยการใช้ Implanter ตัวจิ๋วนี้เอง ทำให้รอยหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ผู้เข้ารับบริการสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้ตามปกติ คนรอบข้างอาจจะไม่ทันสังเกตเนื่องจากคุณหมอไม่ได้โกนผมบริเวณที่ปลูกจึงสามารถรักษาทรงผมได้ใกล้เคียงกับผมเดิม เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องให้อีก 1 ปีหลังการปลูกผมค่ะ



เมื่อเส้นผมใหม่ที่ปลูกเริ่มยาวขึ้น กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบไว้จะคมชัดขึ้น รูปหน้าจะดูสมส่วน สวยงาม สดใสและดูอ่อนวัยขึ้น ทั้งเส้นผมและกรอบหน้าจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ค่ะ 

NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้าสวยสมดุล เสริมความมั่นใจ
หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า "Golden Ratio" หรือ สัดส่วนทองคำ ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางคณิตศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับและใช้เป็นมาตรฐานวัด “ความงาม” ในศิลปะกันมาบ้างแล้ว และหากพูดถึงในแง่ความสวยงาม Golden Ratio ได้นำมาใช้เป็นหลักในการวัดความสมดุลของใบหน้า โดยแบ่งใบหน้าตามแนวนอนออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ได้แก่ ใบหน้าส่วนบน เริ่มวัดที่ขอบไรผมจนถึงหัวคิ้ว ใบหน้าส่วนกลาง ตั้งแต่หัวคิ้วจนถึงปลายจมูก และใบหน้าส่วนล่าง ตั้งแต่ปลายจมูกถึงปลายคาง ซึ่งทุกส่วนต้องมีอัตราส่วน 1:1:1 จึงจะถือว่าเป็นรูปหน้าที่สมดุลและสวยงามค่ะ


แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรูปหน้าสวยงามได้ตามหลัก Golden Ratio เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้หน้าของเราไม่สมส่วน โดยเฉพาะช่วงกรอบหน้าส่วนบน เช่น การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้บางคนมีกรอบหน้าแบบ M Shape หรือมีปัญหาผมร่วงผมบางบริเวณหน้าผากและขมับทำให้หน้าผากกว้างเกินไป นอกจากจะส่งผลให้รูปหน้าไม่สมส่วนแล้วยังทำให้ดูสูงวัยขึ้นด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


สำหรับสาวๆ คนไหนที่กำลังกังวลกับปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งเครียดค่ะ เพราะที่ “นามนิน” เรามีทางออกสวยๆ ไว้ให้แล้ว นั่นก็คือการปลูกผมปรับกรอบหน้าด้วยเทคนิค NEAT ซึ่งจะช่วยปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น เสริมกรอบหน้าให้คมชัด ใบหน้าดูมีมิติและสมส่วนขึ้น

ขั้นตอนการปลูกผมปรับกรอบหน้าด้วยเทคนิค NEAT จะเริ่มด้วยการประเมินปัญหาและวางแนวทางการรักษาทั้งหมดโดยคุณหมอนิน แพทย์ปลูกผม ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาความกังวลของคนไข้เป็นลำดับแรก จากนั้นจึงประเมินพื้นที่ในการปลูกผมและใช้หลัก Golden Ratio ช่วยในการออกแบบแนวผมใหม่ให้รับกับสัดส่วนใบหน้า พร้อมคำนึงถึงความชอบชอบส่วนตัวของแต่ละคนร่วมด้วยค่ะ
ในการปลูกผม คุณหมอนินจะลงมือปลูกผมด้วย Implanter ขนาด 0.6 มิลลิเมตร ใช้เทคนิคปลูกแทรกทีละกราฟต์ด้วยความประณีต จัดวางทิศทางของเส้นผมใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิม โดยไม่ลืมคำนึงถึงความหนาแน่นและลักษณะเด่นของเส้นผมแต่ละบริเวณด้วย ไล่ระดับความหนาบางอย่างเหมาะสมเพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่นั้นเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืน สำหรับใครที่ต้องการปลูกคิ้วพร้อมกับปลูกผมด้วย ก็สามารถปลูกด้วยเทคนิค NEAT  ไปในคราวเดียวกันได้ค่ะ เพื่อเสริมให้ใบหน้าโดยรวมโดดเด่น มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น





ด้วยประสบการณ์ของคุณหมอนินและการทำงานด้วยการใช้ Implanter ตัวจิ๋วนี้เอง ทำให้รอยหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ผู้เข้ารับบริการสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้ตามปกติ คนรอบข้างอาจจะไม่ทันสังเกตเนื่องจากคุณหมอไม่ได้โกนผมบริเวณที่ปลูกจึงสามารถรักษาทรงผมได้ใกล้เคียงกับผมเดิม เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ คุณหมอนินยังดูแลต่อเนื่องให้อีก 1 ปีหลังการปลูกผมค่ะ



เมื่อเส้นผมใหม่ที่ปลูกเริ่มยาวขึ้น กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบไว้จะคมชัดขึ้น รูปหน้าจะดูสมส่วน สวยงาม สดใสและดูอ่อนวัยขึ้น ทั้งเส้นผมและกรอบหน้าจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจได้อย่างเต็มที่ค่ะ 

ถอดรหัสสาเหตุผมร่วงในผู้หญิง
ผมร่วงไม่ต้องกังวล เริ่มต้นฟื้นฟูง่ายๆ ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธี

ปัญหาผมร่วงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงหลายคนอาจเคยเผชิญหรือกำลังเผชิญอยู่ ถึงแม้ว่าเส้นผมจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เมื่อเริ่มร่วงไปทีละเส้น ก็สามารถสร้างความกังวลใจไม่น้อยเลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีมากมาย และแต่ละสาเหตุก็มีผลต่อเส้นผมในลักษณะที่แตกต่างกัน เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุที่พบได้บ่อย พร้อมทั้งวิธีการดูแลและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาสวยงามและแข็งแรงกันค่ะ

1. พฤติกรรมการดูแลเส้นผม เช่น การยืดผม ดัดผม หรือทำสีผม รวมถึงการใช้ความร้อนจากเครื่องมือจัดแต่งทรงต่างๆ หรืออยู่ในที่มีความร้อนสูงนานๆ เช่น การซาวน่าเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้เส้นผมและหนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผมแห้ง หยาบกระด้าง หรือเกิดการแตกปลายและหลุดร่วงได้ง่าย เพราะความร้อนจะทำลายโครงสร้างของเส้นผม ทำให้ผมอ่อนแอลง


2. การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในวันที่แดดร้อนจัด หากไม่มีการปกป้องเส้นผมหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างเหมาะสม อาจทำให้ผมได้รับความเสียหายจากรังสี UV ซึ่งทำให้เส้นผมอ่อนแอ บางลง และหลุดร่วงได้ง่าย 


3. การคลอดบุตร หลังการคลอดบุตร ฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ในช่วงนี้ ผมอาจร่วงมากขึ้นกว่าปกติ ถึงจะเป็นภาวะผมร่วงชั่วคราว แต่ก็อาจทำให้เกิดความกังวลและเสียความมั่นใจได้หากต้องกลับไปทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน


4. การขาดสารอาหารที่จำเป็น โดยเฉพาะการขาดโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างเส้นผมที่แข็งแรง หากร่างกายไม่ได้รับโปรตีนเพียงพอ ผมจะแห้งกระด้าง แลดูไม่เงางาม เส้นผมเริ่มอ่อนแอลงและร่วงได้ง่าย 


สำหรับสาว ๆ ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงจากสาเหตุเหล่านี้อยู่ อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปค่ะ เพราะปัญหานี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยเริ่มต้นจากการดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ขั้นแรกคือระมัดระวังการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น การเป่าแห้งด้วยลมร้อน หนีบ ยืดหรือดัดผม นอกจากเส้นผมจะโดนทำร้ายจากความร้อนแล้ว สารเคมีที่ใช้กับเส้นผมก็มีผลทำให้ผมอ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูงเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมหมวกหรือใช้สเปรย์กันแดดสำหรับเส้นผมเพื่อปกป้องจากรังสี UV ที่อาจทำลายเส้นผมให้แห้งและเปราะบางได้

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันค่ะ ควรเลือกแชมพูและครีมนวดที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผม เช่น เคราตินหรือโปรตีน ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมได้และการบำรุงผมอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลาย และทำให้ผมดูเงางามและมีสุขภาพดีขึ้น 

และหากกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียพร้อมทั้งกระตุ้นให้รากผมงอกใหม่ได้ด้วย โปรแกรม PHB ของนามนินเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ค่ะ เพราะโปรแกรมนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์เส้นผม ซ่อมแซมและฟื้นคืนเส้นผมได้พร้อมกัน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาคุณหมอนินเพื่อวางแผนการรักษา คุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียดเพื่อวิเคราะห์สภาพผมและปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นจะได้รับการฉายแสง Low-Level Laser Therapy (LLLT) ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ขั้นตอนสุดท้ายคือการฉีดบำรุงเข้าไปที่รากผม เพื่อฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมกลับมาดกดำและหนาขึ้น โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงที่หนังศีรษะยังมีรากผมอยู่ หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผมค่ะ







การรับบริการใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที จึงสะดวกสบายและไม่รบกวนชีวิตประจำวัน หลังเข้ารับบริการ สามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ เพียงหลีกเลี่ยงการโดนน้ำที่หนังศีรษะใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ


การดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปกป้อง บำรุง หรือฟื้นฟูเส้นผม จะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และเปล่งประกายสุขภาพดี พร้อมเสริมความมั่นใจให้กับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเริ่มต้นดูแลเส้นผมอย่างถูกต้องเหมาะสมในตอนนี้ จะถนอมให้เส้นผมที่คุณรักคงอยู่กับคุณไปได้อย่างยาวนานค่ะ



ถอดรหัสสาเหตุผมร่วงในผู้หญิง
ผมร่วงไม่ต้องกังวล เริ่มต้นฟื้นฟูง่ายๆ ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธี

ปัญหาผมร่วงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงหลายคนอาจเคยเผชิญหรือกำลังเผชิญอยู่ ถึงแม้ว่าเส้นผมจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เมื่อเริ่มร่วงไปทีละเส้น ก็สามารถสร้างความกังวลใจไม่น้อยเลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีมากมาย และแต่ละสาเหตุก็มีผลต่อเส้นผมในลักษณะที่แตกต่างกัน เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุที่พบได้บ่อย พร้อมทั้งวิธีการดูแลและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาสวยงามและแข็งแรงกันค่ะ

1. พฤติกรรมการดูแลเส้นผม เช่น การยืดผม ดัดผม หรือทำสีผม รวมถึงการใช้ความร้อนจากเครื่องมือจัดแต่งทรงต่างๆ หรืออยู่ในที่มีความร้อนสูงนานๆ เช่น การซาวน่าเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้เส้นผมและหนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผมแห้ง หยาบกระด้าง หรือเกิดการแตกปลายและหลุดร่วงได้ง่าย เพราะความร้อนจะทำลายโครงสร้างของเส้นผม ทำให้ผมอ่อนแอลง


2. การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในวันที่แดดร้อนจัด หากไม่มีการปกป้องเส้นผมหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างเหมาะสม อาจทำให้ผมได้รับความเสียหายจากรังสี UV ซึ่งทำให้เส้นผมอ่อนแอ บางลง และหลุดร่วงได้ง่าย 


3. การคลอดบุตร หลังการคลอดบุตร ฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ในช่วงนี้ ผมอาจร่วงมากขึ้นกว่าปกติ ถึงจะเป็นภาวะผมร่วงชั่วคราว แต่ก็อาจทำให้เกิดความกังวลและเสียความมั่นใจได้หากต้องกลับไปทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน


4. การขาดสารอาหารที่จำเป็น โดยเฉพาะการขาดโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างเส้นผมที่แข็งแรง หากร่างกายไม่ได้รับโปรตีนเพียงพอ ผมจะแห้งกระด้าง แลดูไม่เงางาม เส้นผมเริ่มอ่อนแอลงและร่วงได้ง่าย 


สำหรับสาว ๆ ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงจากสาเหตุเหล่านี้อยู่ อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปค่ะ เพราะปัญหานี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยเริ่มต้นจากการดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ขั้นแรกคือระมัดระวังการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น การเป่าแห้งด้วยลมร้อน หนีบ ยืดหรือดัดผม นอกจากเส้นผมจะโดนทำร้ายจากความร้อนแล้ว สารเคมีที่ใช้กับเส้นผมก็มีผลทำให้ผมอ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูงเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมหมวกหรือใช้สเปรย์กันแดดสำหรับเส้นผมเพื่อปกป้องจากรังสี UV ที่อาจทำลายเส้นผมให้แห้งและเปราะบางได้

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันค่ะ ควรเลือกแชมพูและครีมนวดที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผม เช่น เคราตินหรือโปรตีน ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมได้และการบำรุงผมอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลาย และทำให้ผมดูเงางามและมีสุขภาพดีขึ้น 

และหากกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียพร้อมทั้งกระตุ้นให้รากผมงอกใหม่ได้ด้วย โปรแกรม PHB ของนามนินเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ค่ะ เพราะโปรแกรมนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์เส้นผม ซ่อมแซมและฟื้นคืนเส้นผมได้พร้อมกัน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาคุณหมอนินเพื่อวางแผนการรักษา คุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียดเพื่อวิเคราะห์สภาพผมและปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นจะได้รับการฉายแสง Low-Level Laser Therapy (LLLT) ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ขั้นตอนสุดท้ายคือการฉีดบำรุงเข้าไปที่รากผม เพื่อฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมกลับมาดกดำและหนาขึ้น โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงที่หนังศีรษะยังมีรากผมอยู่ หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผมค่ะ







การรับบริการใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที จึงสะดวกสบายและไม่รบกวนชีวิตประจำวัน หลังเข้ารับบริการ สามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ เพียงหลีกเลี่ยงการโดนน้ำที่หนังศีรษะใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ


การดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปกป้อง บำรุง หรือฟื้นฟูเส้นผม จะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และเปล่งประกายสุขภาพดี พร้อมเสริมความมั่นใจให้กับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเริ่มต้นดูแลเส้นผมอย่างถูกต้องเหมาะสมในตอนนี้ จะถนอมให้เส้นผมที่คุณรักคงอยู่กับคุณไปได้อย่างยาวนานค่ะ



ถอดรหัสสาเหตุผมร่วงในผู้หญิง
ผมร่วงไม่ต้องกังวล เริ่มต้นฟื้นฟูง่ายๆ ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธี

ปัญหาผมร่วงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงหลายคนอาจเคยเผชิญหรือกำลังเผชิญอยู่ ถึงแม้ว่าเส้นผมจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เมื่อเริ่มร่วงไปทีละเส้น ก็สามารถสร้างความกังวลใจไม่น้อยเลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีมากมาย และแต่ละสาเหตุก็มีผลต่อเส้นผมในลักษณะที่แตกต่างกัน เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุที่พบได้บ่อย พร้อมทั้งวิธีการดูแลและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาสวยงามและแข็งแรงกันค่ะ

1. พฤติกรรมการดูแลเส้นผม เช่น การยืดผม ดัดผม หรือทำสีผม รวมถึงการใช้ความร้อนจากเครื่องมือจัดแต่งทรงต่างๆ หรืออยู่ในที่มีความร้อนสูงนานๆ เช่น การซาวน่าเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้เส้นผมและหนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผมแห้ง หยาบกระด้าง หรือเกิดการแตกปลายและหลุดร่วงได้ง่าย เพราะความร้อนจะทำลายโครงสร้างของเส้นผม ทำให้ผมอ่อนแอลง


2. การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในวันที่แดดร้อนจัด หากไม่มีการปกป้องเส้นผมหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างเหมาะสม อาจทำให้ผมได้รับความเสียหายจากรังสี UV ซึ่งทำให้เส้นผมอ่อนแอ บางลง และหลุดร่วงได้ง่าย 


3. การคลอดบุตร หลังการคลอดบุตร ฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ในช่วงนี้ ผมอาจร่วงมากขึ้นกว่าปกติ ถึงจะเป็นภาวะผมร่วงชั่วคราว แต่ก็อาจทำให้เกิดความกังวลและเสียความมั่นใจได้หากต้องกลับไปทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน


4. การขาดสารอาหารที่จำเป็น โดยเฉพาะการขาดโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างเส้นผมที่แข็งแรง หากร่างกายไม่ได้รับโปรตีนเพียงพอ ผมจะแห้งกระด้าง แลดูไม่เงางาม เส้นผมเริ่มอ่อนแอลงและร่วงได้ง่าย 


สำหรับสาว ๆ ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงจากสาเหตุเหล่านี้อยู่ อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปค่ะ เพราะปัญหานี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยเริ่มต้นจากการดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ขั้นแรกคือระมัดระวังการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น การเป่าแห้งด้วยลมร้อน หนีบ ยืดหรือดัดผม นอกจากเส้นผมจะโดนทำร้ายจากความร้อนแล้ว สารเคมีที่ใช้กับเส้นผมก็มีผลทำให้ผมอ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูงเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมหมวกหรือใช้สเปรย์กันแดดสำหรับเส้นผมเพื่อปกป้องจากรังสี UV ที่อาจทำลายเส้นผมให้แห้งและเปราะบางได้

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันค่ะ ควรเลือกแชมพูและครีมนวดที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผม เช่น เคราตินหรือโปรตีน ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมได้และการบำรุงผมอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลาย และทำให้ผมดูเงางามและมีสุขภาพดีขึ้น 

และหากกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียพร้อมทั้งกระตุ้นให้รากผมงอกใหม่ได้ด้วย โปรแกรม PHB ของนามนินเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ค่ะ เพราะโปรแกรมนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์เส้นผม ซ่อมแซมและฟื้นคืนเส้นผมได้พร้อมกัน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาคุณหมอนินเพื่อวางแผนการรักษา คุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียดเพื่อวิเคราะห์สภาพผมและปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นจะได้รับการฉายแสง Low-Level Laser Therapy (LLLT) ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ขั้นตอนสุดท้ายคือการฉีดบำรุงเข้าไปที่รากผม เพื่อฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมกลับมาดกดำและหนาขึ้น โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงที่หนังศีรษะยังมีรากผมอยู่ หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผมค่ะ







การรับบริการใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที จึงสะดวกสบายและไม่รบกวนชีวิตประจำวัน หลังเข้ารับบริการ สามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ เพียงหลีกเลี่ยงการโดนน้ำที่หนังศีรษะใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ


การดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปกป้อง บำรุง หรือฟื้นฟูเส้นผม จะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และเปล่งประกายสุขภาพดี พร้อมเสริมความมั่นใจให้กับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเริ่มต้นดูแลเส้นผมอย่างถูกต้องเหมาะสมในตอนนี้ จะถนอมให้เส้นผมที่คุณรักคงอยู่กับคุณไปได้อย่างยาวนานค่ะ



ถอดรหัสสาเหตุผมร่วงในผู้หญิง
ผมร่วงไม่ต้องกังวล เริ่มต้นฟื้นฟูง่ายๆ ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธี

ปัญหาผมร่วงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงหลายคนอาจเคยเผชิญหรือกำลังเผชิญอยู่ ถึงแม้ว่าเส้นผมจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เมื่อเริ่มร่วงไปทีละเส้น ก็สามารถสร้างความกังวลใจไม่น้อยเลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีมากมาย และแต่ละสาเหตุก็มีผลต่อเส้นผมในลักษณะที่แตกต่างกัน เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุที่พบได้บ่อย พร้อมทั้งวิธีการดูแลและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาสวยงามและแข็งแรงกันค่ะ

1. พฤติกรรมการดูแลเส้นผม เช่น การยืดผม ดัดผม หรือทำสีผม รวมถึงการใช้ความร้อนจากเครื่องมือจัดแต่งทรงต่างๆ หรืออยู่ในที่มีความร้อนสูงนานๆ เช่น การซาวน่าเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้เส้นผมและหนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผมแห้ง หยาบกระด้าง หรือเกิดการแตกปลายและหลุดร่วงได้ง่าย เพราะความร้อนจะทำลายโครงสร้างของเส้นผม ทำให้ผมอ่อนแอลง


2. การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในวันที่แดดร้อนจัด หากไม่มีการปกป้องเส้นผมหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างเหมาะสม อาจทำให้ผมได้รับความเสียหายจากรังสี UV ซึ่งทำให้เส้นผมอ่อนแอ บางลง และหลุดร่วงได้ง่าย 


3. การคลอดบุตร หลังการคลอดบุตร ฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ในช่วงนี้ ผมอาจร่วงมากขึ้นกว่าปกติ ถึงจะเป็นภาวะผมร่วงชั่วคราว แต่ก็อาจทำให้เกิดความกังวลและเสียความมั่นใจได้หากต้องกลับไปทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน


4. การขาดสารอาหารที่จำเป็น โดยเฉพาะการขาดโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างเส้นผมที่แข็งแรง หากร่างกายไม่ได้รับโปรตีนเพียงพอ ผมจะแห้งกระด้าง แลดูไม่เงางาม เส้นผมเริ่มอ่อนแอลงและร่วงได้ง่าย 


สำหรับสาว ๆ ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงจากสาเหตุเหล่านี้อยู่ อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปค่ะ เพราะปัญหานี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยเริ่มต้นจากการดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ขั้นแรกคือระมัดระวังการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น การเป่าแห้งด้วยลมร้อน หนีบ ยืดหรือดัดผม นอกจากเส้นผมจะโดนทำร้ายจากความร้อนแล้ว สารเคมีที่ใช้กับเส้นผมก็มีผลทำให้ผมอ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูงเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมหมวกหรือใช้สเปรย์กันแดดสำหรับเส้นผมเพื่อปกป้องจากรังสี UV ที่อาจทำลายเส้นผมให้แห้งและเปราะบางได้

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันค่ะ ควรเลือกแชมพูและครีมนวดที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผม เช่น เคราตินหรือโปรตีน ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมได้และการบำรุงผมอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลาย และทำให้ผมดูเงางามและมีสุขภาพดีขึ้น 

และหากกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียพร้อมทั้งกระตุ้นให้รากผมงอกใหม่ได้ด้วย โปรแกรม PHB ของนามนินเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ค่ะ เพราะโปรแกรมนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์เส้นผม ซ่อมแซมและฟื้นคืนเส้นผมได้พร้อมกัน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาคุณหมอนินเพื่อวางแผนการรักษา คุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียดเพื่อวิเคราะห์สภาพผมและปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นจะได้รับการฉายแสง Low-Level Laser Therapy (LLLT) ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ขั้นตอนสุดท้ายคือการฉีดบำรุงเข้าไปที่รากผม เพื่อฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมกลับมาดกดำและหนาขึ้น โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงที่หนังศีรษะยังมีรากผมอยู่ หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผมค่ะ







การรับบริการใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที จึงสะดวกสบายและไม่รบกวนชีวิตประจำวัน หลังเข้ารับบริการ สามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ เพียงหลีกเลี่ยงการโดนน้ำที่หนังศีรษะใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ


การดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปกป้อง บำรุง หรือฟื้นฟูเส้นผม จะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และเปล่งประกายสุขภาพดี พร้อมเสริมความมั่นใจให้กับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเริ่มต้นดูแลเส้นผมอย่างถูกต้องเหมาะสมในตอนนี้ จะถนอมให้เส้นผมที่คุณรักคงอยู่กับคุณไปได้อย่างยาวนานค่ะ



ถอดรหัสสาเหตุผมร่วงในผู้หญิง
ผมร่วงไม่ต้องกังวล เริ่มต้นฟื้นฟูง่ายๆ ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธี

ปัญหาผมร่วงเป็นเรื่องที่ผู้หญิงหลายคนอาจเคยเผชิญหรือกำลังเผชิญอยู่ ถึงแม้ว่าเส้นผมจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่เมื่อเริ่มร่วงไปทีละเส้น ก็สามารถสร้างความกังวลใจไม่น้อยเลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีมากมาย และแต่ละสาเหตุก็มีผลต่อเส้นผมในลักษณะที่แตกต่างกัน เรามาทำความรู้จักกับสาเหตุที่พบได้บ่อย พร้อมทั้งวิธีการดูแลและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาสวยงามและแข็งแรงกันค่ะ

1. พฤติกรรมการดูแลเส้นผม เช่น การยืดผม ดัดผม หรือทำสีผม รวมถึงการใช้ความร้อนจากเครื่องมือจัดแต่งทรงต่างๆ หรืออยู่ในที่มีความร้อนสูงนานๆ เช่น การซาวน่าเป็นเวลานานเกินไป อาจทำให้เส้นผมและหนังศีรษะสูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผมแห้ง หยาบกระด้าง หรือเกิดการแตกปลายและหลุดร่วงได้ง่าย เพราะความร้อนจะทำลายโครงสร้างของเส้นผม ทำให้ผมอ่อนแอลง


2. การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในวันที่แดดร้อนจัด หากไม่มีการปกป้องเส้นผมหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างเหมาะสม อาจทำให้ผมได้รับความเสียหายจากรังสี UV ซึ่งทำให้เส้นผมอ่อนแอ บางลง และหลุดร่วงได้ง่าย 


3. การคลอดบุตร หลังการคลอดบุตร ฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ส่งผลให้วงจรการเจริญเติบโตของเส้นผมมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ในช่วงนี้ ผมอาจร่วงมากขึ้นกว่าปกติ ถึงจะเป็นภาวะผมร่วงชั่วคราว แต่ก็อาจทำให้เกิดความกังวลและเสียความมั่นใจได้หากต้องกลับไปทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน


4. การขาดสารอาหารที่จำเป็น โดยเฉพาะการขาดโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างเส้นผมที่แข็งแรง หากร่างกายไม่ได้รับโปรตีนเพียงพอ ผมจะแห้งกระด้าง แลดูไม่เงางาม เส้นผมเริ่มอ่อนแอลงและร่วงได้ง่าย 


สำหรับสาว ๆ ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงจากสาเหตุเหล่านี้อยู่ อย่าเพิ่งวิตกกังวลไปค่ะ เพราะปัญหานี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้โดยเริ่มต้นจากการดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ขั้นแรกคือระมัดระวังการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น การเป่าแห้งด้วยลมร้อน หนีบ ยืดหรือดัดผม นอกจากเส้นผมจะโดนทำร้ายจากความร้อนแล้ว สารเคมีที่ใช้กับเส้นผมก็มีผลทำให้ผมอ่อนแอลงด้วย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูงเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมหมวกหรือใช้สเปรย์กันแดดสำหรับเส้นผมเพื่อปกป้องจากรังสี UV ที่อาจทำลายเส้นผมให้แห้งและเปราะบางได้

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันค่ะ ควรเลือกแชมพูและครีมนวดที่มีส่วนผสมของสารบำรุงผม เช่น เคราตินหรือโปรตีน ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมได้และการบำรุงผมอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลาย และทำให้ผมดูเงางามและมีสุขภาพดีขึ้น 

และหากกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียพร้อมทั้งกระตุ้นให้รากผมงอกใหม่ได้ด้วย โปรแกรม PHB ของนามนินเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ค่ะ เพราะโปรแกรมนี้ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์เส้นผม ซ่อมแซมและฟื้นคืนเส้นผมได้พร้อมกัน เริ่มต้นด้วยการปรึกษาคุณหมอนินเพื่อวางแผนการรักษา คุณหมอจะตรวจสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียดเพื่อวิเคราะห์สภาพผมและปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นจะได้รับการฉายแสง Low-Level Laser Therapy (LLLT) ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ขั้นตอนสุดท้ายคือการฉีดบำรุงเข้าไปที่รากผม เพื่อฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมกลับมาดกดำและหนาขึ้น โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงที่หนังศีรษะยังมีรากผมอยู่ หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเส้นผมค่ะ







การรับบริการใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที จึงสะดวกสบายและไม่รบกวนชีวิตประจำวัน หลังเข้ารับบริการ สามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ เพียงหลีกเลี่ยงการโดนน้ำที่หนังศีรษะใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ


การดูแลเส้นผมอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปกป้อง บำรุง หรือฟื้นฟูเส้นผม จะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และเปล่งประกายสุขภาพดี พร้อมเสริมความมั่นใจให้กับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การเริ่มต้นดูแลเส้นผมอย่างถูกต้องเหมาะสมในตอนนี้ จะถนอมให้เส้นผมที่คุณรักคงอยู่กับคุณไปได้อย่างยาวนานค่ะ



ผสาน 2 ศาสตร์ฟื้นฟูผม NEAT + PHB
เส้นผมอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกายมนุษย์ ส่องกระจกก็เห็นทุกวันจนชินตา หวีผมหรือสระผมก็ได้ใช้มือสัมผัสอยู่บ่อย ๆ จนเราแทบไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อถึงวันที่เส้นผมแสนธรรมดาหลุดร่วงจากไปมากผิดปกติ เมื่อนั้นหลายคนจึงเริ่มรับรู้ว่า เส้นผมสำคัญกับเรามากขนาดไหน เพราะเวลาส่องกระจก ภาพใบหน้าตัวเองที่เห็นอาจดูเปลี่ยนไปจากเดิม เวลาหวีผมหรือสระผม ก็อาจรู้สึกได้ว่าความหนาแน่นที่เคยสัมผัสได้เต็มมือ ลดหายไปจากเดิมเช่นกัน 

ปัญหาเส้นผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพทางกาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพทางใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นผมคือส่วนเสริมความงามให้กับใบหน้า คือส่วนสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และคือส่วนสะท้อนตัวตนหรือสไตล์ของเจ้าของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เส้นผมมีความหมายกับคนไข้มากแค่ไหน และการปลูกผมคืนความสุขความมั่นใจให้กับคนไข้นั้น จะช่วยเปิดไปสู่โอกาสการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้มากมายเพียงใด

แพทย์ของนามนินจึงอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่ยังคงศึกษาและพัฒนาตัวเองไม่เคยหยุด นำมาต่อยอดเทคนิคปลูกผมที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปัจจุบัน ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ดีกว่าเดิม โดยมีหัวใจสำคัญ คือการนำ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” มาผสานกันในภารกิจดูแลฟื้นฟูเส้นผม ดังนั้น นอกจากศาสตร์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และกระบวนการปลูกผมที่ถูกต้องปลอดภัยตามหลักการแพทย์แล้ว แพทย์จะใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเติมเต็มเส้นผม โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุลของใบหน้า รูปลักษณ์ความงาม และบุคลิกภาพที่ปรับให้ดูดีขึ้นได้ จนคนไข้รู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังปลูกผม 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังเติม “ความใส่ใจ” ไปพร้อมกับศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษา เนื่องจากแพทย์จะออกแบบแนวทางแก้ปัญหาผมแบบเฉพาะบุคคลโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งยังลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลพร้อมให้คำแนะนำหลังปลูกตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 



และเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แพทย์จึงนำ 2 ศาสตร์การฟื้นฟูผมมาผสานกัน นั่นคือการปลูกผมเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ของนามนินต่อยอดขึ้นเพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เสริมด้วยการฉีดบำรุง PHB หลังปลูก หากใครที่สงสัยว่า ทั้ง 2 ศาสตร์นี้จะช่วยเสริมพลังบำรุงและฟื้นฟูดูแลผมได้ตรงจุดอย่างไร เราคงต้องขอย้อนกลับไปเล่าถึงต้นตอปัญหาผมร่วงและผมบางของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ซึ่งแม้จะมีสาเหตุและลักษณะที่ต่างกัน แต่แพทย์ก็สามารถเลือกใช้ NEAT + PHB เพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละแบบได้อย่างลงตัว

หลายคนน่าจะพอทราบแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านของคุณผู้ชายนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว บางคนได้รับกรรมพันธุ์เช่นนี้จากรุ่นพ่อแม่ แต่บางคนก็อาจจะได้รับข้ามรุ่นมาจากปู่ย่าตายายเลยก็เป็นได้ อาการผมร่วง ผมบาง จะเริ่มปรากฏหลังพ้นช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตลักษณะของผมบางตามกรรมพันธุ์แบบคุณผู้ชายได้ดังนี้

  • แนวผมบริเวณหน้าผากร่นลึกขึ้น และเว้าเข้าไป 2 ข้างขมับเป็นรูปตัว M
  • ผมบางลงเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เป็นรูปตัว O
  • ทั้งนี้ ในบางราย อาจจะเกิดอาการผมบางทั้งในแบบ M และ O ควบคู่กัน และในท้ายที่สุด ผมทั่วศีรษะก็จะบางลงตามไปด้วย จนอาจเหลือแต่ผมบริเวณท้ายทอยด้านข้างและด้านหลัง



ที่มาของการอาการผมร่วงและผมบางในกรณีนี้ เกิดจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เพิ่มระดับขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเอนไซม์เจ้าปัญหาตัวนี้ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีลักษณะเส้นเล็กบางและสั้น หลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมีวงจรระยะเจริญเติบโตสั้น ขณะเดียวกันก็มีระยะพักที่ยาวขึ้น จึงใช้เวลานานกว่าเดิมในการงอกขึ้นใหม่ ทั้งยังสังเกตได้ว่า เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เงางามเหมือนเดิม

สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีตัวการคือฮอร์โมน DHT แพทย์จึงแนะนำให้ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีภาวะผมบางเพื่อคืนความหนาแน่น ซึ่งกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย มีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT เส้นผมบริเวณนี้จึงแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แม้จะย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ก็ยังสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม อยู่กับศีรษะของเราไปได้ตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายบางท่านอาจพบปัญหาผมร่วงและบางต่อเนื่องหลังปลูกผมไปแล้ว เนื่องจากผมเดิมยังคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ตรงนี้เองที่ NEAT + PHB จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยหลังจากปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค NEAT ไปแล้ว แพทย์จะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และแนะนำให้คนไข้เข้ารับบริการฉีดบำรุง PHB ในระยะหลังปลูกด้วย


PHB คือทรีตเมนต์บำรุงที่จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นผมเดิม หรือผมใหม่ที่เพิ่งปลูก สำหรับผมเดิมที่ลักษณะเล็ก ลีบ แบน จากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT จะได้รับการบำรุงให้มีขนาดเส้นผมที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโต ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมกับลดเวลาระยะพัก ทำให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้นด้วย 

คนไข้หลาย ๆ ท่านเข้ารับการฉีดบำรุง PHB ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง เส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่จึงแข็งแรง แลดูหนาแน่น ดกดำ บางท่านยังคงวางใจให้แพทย์ของนามนินดูแลด้วยการฉีด PHB แม้ครบระยะติดตามผลหลังปลูก 1 ปีเต็มไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความตั้งใจของแพทย์ที่จะมอบการดูแลต่อเนื่องให้กับคนไข้อย่างเต็มที่



ทั้งนี้ ในส่วนของคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละเคส 

  • หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมร่นลึกบริเวณหน้าผาก กรณีนี้ แพทย์สามารถปลูกผมใหม่เพื่อปรับกรอบหน้าให้สมส่วนตามหลัก Golden Ratio ได้ 
  • แต่หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากผู้หญิงไม่มีบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเหมือนผู้ชาย เป็นไปได้ว่า แม้จะทำการปลูกผมใหม่แล้ว เส้นผมใหม่ก็ยังมีโอกาสหลุดร่วงได้ในอนาคต กรณีนี้ แพทย์จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วย PHB เพื่อฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง แทนการปลูกผม
  • และสำหรับคุณผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่นการยืด ดัด ทำสี รวมไปถึงสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นภาวะผมร่วงหลังคลอด การฉีดบำรุง PHB ก็เป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเช่นกัน






จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเส้นผม จึงเป็นการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ตรวจสภาพผม วิเคราะห์ปัญหา และรับฟังความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษา ผสาน 2 ศาสตร์ NEAT + PHB เข้าด้วยกัน จนตอบโจทย์การฟื้นฟูดูแลผมของคนไข้แต่ละคนได้มากที่สุดนั่นเอง


ผสาน 2 ศาสตร์ฟื้นฟูผม NEAT + PHB
เส้นผมอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกายมนุษย์ ส่องกระจกก็เห็นทุกวันจนชินตา หวีผมหรือสระผมก็ได้ใช้มือสัมผัสอยู่บ่อย ๆ จนเราแทบไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อถึงวันที่เส้นผมแสนธรรมดาหลุดร่วงจากไปมากผิดปกติ เมื่อนั้นหลายคนจึงเริ่มรับรู้ว่า เส้นผมสำคัญกับเรามากขนาดไหน เพราะเวลาส่องกระจก ภาพใบหน้าตัวเองที่เห็นอาจดูเปลี่ยนไปจากเดิม เวลาหวีผมหรือสระผม ก็อาจรู้สึกได้ว่าความหนาแน่นที่เคยสัมผัสได้เต็มมือ ลดหายไปจากเดิมเช่นกัน 

ปัญหาเส้นผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพทางกาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพทางใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นผมคือส่วนเสริมความงามให้กับใบหน้า คือส่วนสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และคือส่วนสะท้อนตัวตนหรือสไตล์ของเจ้าของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เส้นผมมีความหมายกับคนไข้มากแค่ไหน และการปลูกผมคืนความสุขความมั่นใจให้กับคนไข้นั้น จะช่วยเปิดไปสู่โอกาสการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้มากมายเพียงใด

แพทย์ของนามนินจึงอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่ยังคงศึกษาและพัฒนาตัวเองไม่เคยหยุด นำมาต่อยอดเทคนิคปลูกผมที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปัจจุบัน ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ดีกว่าเดิม โดยมีหัวใจสำคัญ คือการนำ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” มาผสานกันในภารกิจดูแลฟื้นฟูเส้นผม ดังนั้น นอกจากศาสตร์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และกระบวนการปลูกผมที่ถูกต้องปลอดภัยตามหลักการแพทย์แล้ว แพทย์จะใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเติมเต็มเส้นผม โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุลของใบหน้า รูปลักษณ์ความงาม และบุคลิกภาพที่ปรับให้ดูดีขึ้นได้ จนคนไข้รู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังปลูกผม 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังเติม “ความใส่ใจ” ไปพร้อมกับศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษา เนื่องจากแพทย์จะออกแบบแนวทางแก้ปัญหาผมแบบเฉพาะบุคคลโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งยังลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลพร้อมให้คำแนะนำหลังปลูกตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 



และเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แพทย์จึงนำ 2 ศาสตร์การฟื้นฟูผมมาผสานกัน นั่นคือการปลูกผมเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ของนามนินต่อยอดขึ้นเพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เสริมด้วยการฉีดบำรุง PHB หลังปลูก หากใครที่สงสัยว่า ทั้ง 2 ศาสตร์นี้จะช่วยเสริมพลังบำรุงและฟื้นฟูดูแลผมได้ตรงจุดอย่างไร เราคงต้องขอย้อนกลับไปเล่าถึงต้นตอปัญหาผมร่วงและผมบางของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ซึ่งแม้จะมีสาเหตุและลักษณะที่ต่างกัน แต่แพทย์ก็สามารถเลือกใช้ NEAT + PHB เพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละแบบได้อย่างลงตัว

หลายคนน่าจะพอทราบแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านของคุณผู้ชายนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว บางคนได้รับกรรมพันธุ์เช่นนี้จากรุ่นพ่อแม่ แต่บางคนก็อาจจะได้รับข้ามรุ่นมาจากปู่ย่าตายายเลยก็เป็นได้ อาการผมร่วง ผมบาง จะเริ่มปรากฏหลังพ้นช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตลักษณะของผมบางตามกรรมพันธุ์แบบคุณผู้ชายได้ดังนี้

  • แนวผมบริเวณหน้าผากร่นลึกขึ้น และเว้าเข้าไป 2 ข้างขมับเป็นรูปตัว M
  • ผมบางลงเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เป็นรูปตัว O
  • ทั้งนี้ ในบางราย อาจจะเกิดอาการผมบางทั้งในแบบ M และ O ควบคู่กัน และในท้ายที่สุด ผมทั่วศีรษะก็จะบางลงตามไปด้วย จนอาจเหลือแต่ผมบริเวณท้ายทอยด้านข้างและด้านหลัง



ที่มาของการอาการผมร่วงและผมบางในกรณีนี้ เกิดจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เพิ่มระดับขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเอนไซม์เจ้าปัญหาตัวนี้ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีลักษณะเส้นเล็กบางและสั้น หลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมีวงจรระยะเจริญเติบโตสั้น ขณะเดียวกันก็มีระยะพักที่ยาวขึ้น จึงใช้เวลานานกว่าเดิมในการงอกขึ้นใหม่ ทั้งยังสังเกตได้ว่า เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เงางามเหมือนเดิม

สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีตัวการคือฮอร์โมน DHT แพทย์จึงแนะนำให้ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีภาวะผมบางเพื่อคืนความหนาแน่น ซึ่งกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย มีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT เส้นผมบริเวณนี้จึงแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แม้จะย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ก็ยังสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม อยู่กับศีรษะของเราไปได้ตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายบางท่านอาจพบปัญหาผมร่วงและบางต่อเนื่องหลังปลูกผมไปแล้ว เนื่องจากผมเดิมยังคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ตรงนี้เองที่ NEAT + PHB จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยหลังจากปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค NEAT ไปแล้ว แพทย์จะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และแนะนำให้คนไข้เข้ารับบริการฉีดบำรุง PHB ในระยะหลังปลูกด้วย


PHB คือทรีตเมนต์บำรุงที่จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นผมเดิม หรือผมใหม่ที่เพิ่งปลูก สำหรับผมเดิมที่ลักษณะเล็ก ลีบ แบน จากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT จะได้รับการบำรุงให้มีขนาดเส้นผมที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโต ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมกับลดเวลาระยะพัก ทำให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้นด้วย 

คนไข้หลาย ๆ ท่านเข้ารับการฉีดบำรุง PHB ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง เส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่จึงแข็งแรง แลดูหนาแน่น ดกดำ บางท่านยังคงวางใจให้แพทย์ของนามนินดูแลด้วยการฉีด PHB แม้ครบระยะติดตามผลหลังปลูก 1 ปีเต็มไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความตั้งใจของแพทย์ที่จะมอบการดูแลต่อเนื่องให้กับคนไข้อย่างเต็มที่



ทั้งนี้ ในส่วนของคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละเคส 

  • หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมร่นลึกบริเวณหน้าผาก กรณีนี้ แพทย์สามารถปลูกผมใหม่เพื่อปรับกรอบหน้าให้สมส่วนตามหลัก Golden Ratio ได้ 
  • แต่หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากผู้หญิงไม่มีบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเหมือนผู้ชาย เป็นไปได้ว่า แม้จะทำการปลูกผมใหม่แล้ว เส้นผมใหม่ก็ยังมีโอกาสหลุดร่วงได้ในอนาคต กรณีนี้ แพทย์จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วย PHB เพื่อฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง แทนการปลูกผม
  • และสำหรับคุณผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่นการยืด ดัด ทำสี รวมไปถึงสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นภาวะผมร่วงหลังคลอด การฉีดบำรุง PHB ก็เป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเช่นกัน






จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเส้นผม จึงเป็นการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ตรวจสภาพผม วิเคราะห์ปัญหา และรับฟังความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษา ผสาน 2 ศาสตร์ NEAT + PHB เข้าด้วยกัน จนตอบโจทย์การฟื้นฟูดูแลผมของคนไข้แต่ละคนได้มากที่สุดนั่นเอง


ผสาน 2 ศาสตร์ฟื้นฟูผม NEAT + PHB
เส้นผมอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกายมนุษย์ ส่องกระจกก็เห็นทุกวันจนชินตา หวีผมหรือสระผมก็ได้ใช้มือสัมผัสอยู่บ่อย ๆ จนเราแทบไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อถึงวันที่เส้นผมแสนธรรมดาหลุดร่วงจากไปมากผิดปกติ เมื่อนั้นหลายคนจึงเริ่มรับรู้ว่า เส้นผมสำคัญกับเรามากขนาดไหน เพราะเวลาส่องกระจก ภาพใบหน้าตัวเองที่เห็นอาจดูเปลี่ยนไปจากเดิม เวลาหวีผมหรือสระผม ก็อาจรู้สึกได้ว่าความหนาแน่นที่เคยสัมผัสได้เต็มมือ ลดหายไปจากเดิมเช่นกัน 

ปัญหาเส้นผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพทางกาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพทางใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นผมคือส่วนเสริมความงามให้กับใบหน้า คือส่วนสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และคือส่วนสะท้อนตัวตนหรือสไตล์ของเจ้าของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เส้นผมมีความหมายกับคนไข้มากแค่ไหน และการปลูกผมคืนความสุขความมั่นใจให้กับคนไข้นั้น จะช่วยเปิดไปสู่โอกาสการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้มากมายเพียงใด

แพทย์ของนามนินจึงอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่ยังคงศึกษาและพัฒนาตัวเองไม่เคยหยุด นำมาต่อยอดเทคนิคปลูกผมที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปัจจุบัน ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ดีกว่าเดิม โดยมีหัวใจสำคัญ คือการนำ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” มาผสานกันในภารกิจดูแลฟื้นฟูเส้นผม ดังนั้น นอกจากศาสตร์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และกระบวนการปลูกผมที่ถูกต้องปลอดภัยตามหลักการแพทย์แล้ว แพทย์จะใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเติมเต็มเส้นผม โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุลของใบหน้า รูปลักษณ์ความงาม และบุคลิกภาพที่ปรับให้ดูดีขึ้นได้ จนคนไข้รู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังปลูกผม 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังเติม “ความใส่ใจ” ไปพร้อมกับศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษา เนื่องจากแพทย์จะออกแบบแนวทางแก้ปัญหาผมแบบเฉพาะบุคคลโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งยังลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลพร้อมให้คำแนะนำหลังปลูกตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 



และเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แพทย์จึงนำ 2 ศาสตร์การฟื้นฟูผมมาผสานกัน นั่นคือการปลูกผมเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ของนามนินต่อยอดขึ้นเพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เสริมด้วยการฉีดบำรุง PHB หลังปลูก หากใครที่สงสัยว่า ทั้ง 2 ศาสตร์นี้จะช่วยเสริมพลังบำรุงและฟื้นฟูดูแลผมได้ตรงจุดอย่างไร เราคงต้องขอย้อนกลับไปเล่าถึงต้นตอปัญหาผมร่วงและผมบางของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ซึ่งแม้จะมีสาเหตุและลักษณะที่ต่างกัน แต่แพทย์ก็สามารถเลือกใช้ NEAT + PHB เพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละแบบได้อย่างลงตัว

หลายคนน่าจะพอทราบแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านของคุณผู้ชายนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว บางคนได้รับกรรมพันธุ์เช่นนี้จากรุ่นพ่อแม่ แต่บางคนก็อาจจะได้รับข้ามรุ่นมาจากปู่ย่าตายายเลยก็เป็นได้ อาการผมร่วง ผมบาง จะเริ่มปรากฏหลังพ้นช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตลักษณะของผมบางตามกรรมพันธุ์แบบคุณผู้ชายได้ดังนี้

  • แนวผมบริเวณหน้าผากร่นลึกขึ้น และเว้าเข้าไป 2 ข้างขมับเป็นรูปตัว M
  • ผมบางลงเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เป็นรูปตัว O
  • ทั้งนี้ ในบางราย อาจจะเกิดอาการผมบางทั้งในแบบ M และ O ควบคู่กัน และในท้ายที่สุด ผมทั่วศีรษะก็จะบางลงตามไปด้วย จนอาจเหลือแต่ผมบริเวณท้ายทอยด้านข้างและด้านหลัง



ที่มาของการอาการผมร่วงและผมบางในกรณีนี้ เกิดจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เพิ่มระดับขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเอนไซม์เจ้าปัญหาตัวนี้ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีลักษณะเส้นเล็กบางและสั้น หลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมีวงจรระยะเจริญเติบโตสั้น ขณะเดียวกันก็มีระยะพักที่ยาวขึ้น จึงใช้เวลานานกว่าเดิมในการงอกขึ้นใหม่ ทั้งยังสังเกตได้ว่า เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เงางามเหมือนเดิม

สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีตัวการคือฮอร์โมน DHT แพทย์จึงแนะนำให้ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีภาวะผมบางเพื่อคืนความหนาแน่น ซึ่งกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย มีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT เส้นผมบริเวณนี้จึงแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แม้จะย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ก็ยังสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม อยู่กับศีรษะของเราไปได้ตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายบางท่านอาจพบปัญหาผมร่วงและบางต่อเนื่องหลังปลูกผมไปแล้ว เนื่องจากผมเดิมยังคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ตรงนี้เองที่ NEAT + PHB จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยหลังจากปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค NEAT ไปแล้ว แพทย์จะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และแนะนำให้คนไข้เข้ารับบริการฉีดบำรุง PHB ในระยะหลังปลูกด้วย


PHB คือทรีตเมนต์บำรุงที่จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นผมเดิม หรือผมใหม่ที่เพิ่งปลูก สำหรับผมเดิมที่ลักษณะเล็ก ลีบ แบน จากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT จะได้รับการบำรุงให้มีขนาดเส้นผมที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโต ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมกับลดเวลาระยะพัก ทำให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้นด้วย 

คนไข้หลาย ๆ ท่านเข้ารับการฉีดบำรุง PHB ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง เส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่จึงแข็งแรง แลดูหนาแน่น ดกดำ บางท่านยังคงวางใจให้แพทย์ของนามนินดูแลด้วยการฉีด PHB แม้ครบระยะติดตามผลหลังปลูก 1 ปีเต็มไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความตั้งใจของแพทย์ที่จะมอบการดูแลต่อเนื่องให้กับคนไข้อย่างเต็มที่



ทั้งนี้ ในส่วนของคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละเคส 

  • หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมร่นลึกบริเวณหน้าผาก กรณีนี้ แพทย์สามารถปลูกผมใหม่เพื่อปรับกรอบหน้าให้สมส่วนตามหลัก Golden Ratio ได้ 
  • แต่หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากผู้หญิงไม่มีบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเหมือนผู้ชาย เป็นไปได้ว่า แม้จะทำการปลูกผมใหม่แล้ว เส้นผมใหม่ก็ยังมีโอกาสหลุดร่วงได้ในอนาคต กรณีนี้ แพทย์จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วย PHB เพื่อฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง แทนการปลูกผม
  • และสำหรับคุณผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่นการยืด ดัด ทำสี รวมไปถึงสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นภาวะผมร่วงหลังคลอด การฉีดบำรุง PHB ก็เป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเช่นกัน






จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเส้นผม จึงเป็นการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ตรวจสภาพผม วิเคราะห์ปัญหา และรับฟังความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษา ผสาน 2 ศาสตร์ NEAT + PHB เข้าด้วยกัน จนตอบโจทย์การฟื้นฟูดูแลผมของคนไข้แต่ละคนได้มากที่สุดนั่นเอง


ผสาน 2 ศาสตร์ฟื้นฟูผม NEAT + PHB
เส้นผมอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกายมนุษย์ ส่องกระจกก็เห็นทุกวันจนชินตา หวีผมหรือสระผมก็ได้ใช้มือสัมผัสอยู่บ่อย ๆ จนเราแทบไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อถึงวันที่เส้นผมแสนธรรมดาหลุดร่วงจากไปมากผิดปกติ เมื่อนั้นหลายคนจึงเริ่มรับรู้ว่า เส้นผมสำคัญกับเรามากขนาดไหน เพราะเวลาส่องกระจก ภาพใบหน้าตัวเองที่เห็นอาจดูเปลี่ยนไปจากเดิม เวลาหวีผมหรือสระผม ก็อาจรู้สึกได้ว่าความหนาแน่นที่เคยสัมผัสได้เต็มมือ ลดหายไปจากเดิมเช่นกัน 

ปัญหาเส้นผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพทางกาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพทางใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นผมคือส่วนเสริมความงามให้กับใบหน้า คือส่วนสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และคือส่วนสะท้อนตัวตนหรือสไตล์ของเจ้าของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เส้นผมมีความหมายกับคนไข้มากแค่ไหน และการปลูกผมคืนความสุขความมั่นใจให้กับคนไข้นั้น จะช่วยเปิดไปสู่โอกาสการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้มากมายเพียงใด

แพทย์ของนามนินจึงอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่ยังคงศึกษาและพัฒนาตัวเองไม่เคยหยุด นำมาต่อยอดเทคนิคปลูกผมที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปัจจุบัน ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ดีกว่าเดิม โดยมีหัวใจสำคัญ คือการนำ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” มาผสานกันในภารกิจดูแลฟื้นฟูเส้นผม ดังนั้น นอกจากศาสตร์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และกระบวนการปลูกผมที่ถูกต้องปลอดภัยตามหลักการแพทย์แล้ว แพทย์จะใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเติมเต็มเส้นผม โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุลของใบหน้า รูปลักษณ์ความงาม และบุคลิกภาพที่ปรับให้ดูดีขึ้นได้ จนคนไข้รู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังปลูกผม 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังเติม “ความใส่ใจ” ไปพร้อมกับศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษา เนื่องจากแพทย์จะออกแบบแนวทางแก้ปัญหาผมแบบเฉพาะบุคคลโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งยังลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลพร้อมให้คำแนะนำหลังปลูกตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 



และเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แพทย์จึงนำ 2 ศาสตร์การฟื้นฟูผมมาผสานกัน นั่นคือการปลูกผมเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ของนามนินต่อยอดขึ้นเพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เสริมด้วยการฉีดบำรุง PHB หลังปลูก หากใครที่สงสัยว่า ทั้ง 2 ศาสตร์นี้จะช่วยเสริมพลังบำรุงและฟื้นฟูดูแลผมได้ตรงจุดอย่างไร เราคงต้องขอย้อนกลับไปเล่าถึงต้นตอปัญหาผมร่วงและผมบางของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ซึ่งแม้จะมีสาเหตุและลักษณะที่ต่างกัน แต่แพทย์ก็สามารถเลือกใช้ NEAT + PHB เพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละแบบได้อย่างลงตัว

หลายคนน่าจะพอทราบแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านของคุณผู้ชายนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว บางคนได้รับกรรมพันธุ์เช่นนี้จากรุ่นพ่อแม่ แต่บางคนก็อาจจะได้รับข้ามรุ่นมาจากปู่ย่าตายายเลยก็เป็นได้ อาการผมร่วง ผมบาง จะเริ่มปรากฏหลังพ้นช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตลักษณะของผมบางตามกรรมพันธุ์แบบคุณผู้ชายได้ดังนี้

  • แนวผมบริเวณหน้าผากร่นลึกขึ้น และเว้าเข้าไป 2 ข้างขมับเป็นรูปตัว M
  • ผมบางลงเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เป็นรูปตัว O
  • ทั้งนี้ ในบางราย อาจจะเกิดอาการผมบางทั้งในแบบ M และ O ควบคู่กัน และในท้ายที่สุด ผมทั่วศีรษะก็จะบางลงตามไปด้วย จนอาจเหลือแต่ผมบริเวณท้ายทอยด้านข้างและด้านหลัง



ที่มาของการอาการผมร่วงและผมบางในกรณีนี้ เกิดจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เพิ่มระดับขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเอนไซม์เจ้าปัญหาตัวนี้ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีลักษณะเส้นเล็กบางและสั้น หลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมีวงจรระยะเจริญเติบโตสั้น ขณะเดียวกันก็มีระยะพักที่ยาวขึ้น จึงใช้เวลานานกว่าเดิมในการงอกขึ้นใหม่ ทั้งยังสังเกตได้ว่า เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เงางามเหมือนเดิม

สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีตัวการคือฮอร์โมน DHT แพทย์จึงแนะนำให้ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีภาวะผมบางเพื่อคืนความหนาแน่น ซึ่งกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย มีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT เส้นผมบริเวณนี้จึงแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แม้จะย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ก็ยังสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม อยู่กับศีรษะของเราไปได้ตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายบางท่านอาจพบปัญหาผมร่วงและบางต่อเนื่องหลังปลูกผมไปแล้ว เนื่องจากผมเดิมยังคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ตรงนี้เองที่ NEAT + PHB จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยหลังจากปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค NEAT ไปแล้ว แพทย์จะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และแนะนำให้คนไข้เข้ารับบริการฉีดบำรุง PHB ในระยะหลังปลูกด้วย


PHB คือทรีตเมนต์บำรุงที่จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นผมเดิม หรือผมใหม่ที่เพิ่งปลูก สำหรับผมเดิมที่ลักษณะเล็ก ลีบ แบน จากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT จะได้รับการบำรุงให้มีขนาดเส้นผมที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโต ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมกับลดเวลาระยะพัก ทำให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้นด้วย 

คนไข้หลาย ๆ ท่านเข้ารับการฉีดบำรุง PHB ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง เส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่จึงแข็งแรง แลดูหนาแน่น ดกดำ บางท่านยังคงวางใจให้แพทย์ของนามนินดูแลด้วยการฉีด PHB แม้ครบระยะติดตามผลหลังปลูก 1 ปีเต็มไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความตั้งใจของแพทย์ที่จะมอบการดูแลต่อเนื่องให้กับคนไข้อย่างเต็มที่



ทั้งนี้ ในส่วนของคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละเคส 

  • หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมร่นลึกบริเวณหน้าผาก กรณีนี้ แพทย์สามารถปลูกผมใหม่เพื่อปรับกรอบหน้าให้สมส่วนตามหลัก Golden Ratio ได้ 
  • แต่หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากผู้หญิงไม่มีบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเหมือนผู้ชาย เป็นไปได้ว่า แม้จะทำการปลูกผมใหม่แล้ว เส้นผมใหม่ก็ยังมีโอกาสหลุดร่วงได้ในอนาคต กรณีนี้ แพทย์จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วย PHB เพื่อฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง แทนการปลูกผม
  • และสำหรับคุณผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่นการยืด ดัด ทำสี รวมไปถึงสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นภาวะผมร่วงหลังคลอด การฉีดบำรุง PHB ก็เป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเช่นกัน






จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเส้นผม จึงเป็นการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ตรวจสภาพผม วิเคราะห์ปัญหา และรับฟังความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษา ผสาน 2 ศาสตร์ NEAT + PHB เข้าด้วยกัน จนตอบโจทย์การฟื้นฟูดูแลผมของคนไข้แต่ละคนได้มากที่สุดนั่นเอง


ผสาน 2 ศาสตร์ฟื้นฟูผม NEAT + PHB
เส้นผมอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกายมนุษย์ ส่องกระจกก็เห็นทุกวันจนชินตา หวีผมหรือสระผมก็ได้ใช้มือสัมผัสอยู่บ่อย ๆ จนเราแทบไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อถึงวันที่เส้นผมแสนธรรมดาหลุดร่วงจากไปมากผิดปกติ เมื่อนั้นหลายคนจึงเริ่มรับรู้ว่า เส้นผมสำคัญกับเรามากขนาดไหน เพราะเวลาส่องกระจก ภาพใบหน้าตัวเองที่เห็นอาจดูเปลี่ยนไปจากเดิม เวลาหวีผมหรือสระผม ก็อาจรู้สึกได้ว่าความหนาแน่นที่เคยสัมผัสได้เต็มมือ ลดหายไปจากเดิมเช่นกัน 

ปัญหาเส้นผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพทางกาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพทางใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นผมคือส่วนเสริมความงามให้กับใบหน้า คือส่วนสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และคือส่วนสะท้อนตัวตนหรือสไตล์ของเจ้าของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เส้นผมมีความหมายกับคนไข้มากแค่ไหน และการปลูกผมคืนความสุขความมั่นใจให้กับคนไข้นั้น จะช่วยเปิดไปสู่โอกาสการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้มากมายเพียงใด

แพทย์ของนามนินจึงอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่ยังคงศึกษาและพัฒนาตัวเองไม่เคยหยุด นำมาต่อยอดเทคนิคปลูกผมที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปัจจุบัน ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ดีกว่าเดิม โดยมีหัวใจสำคัญ คือการนำ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” มาผสานกันในภารกิจดูแลฟื้นฟูเส้นผม ดังนั้น นอกจากศาสตร์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และกระบวนการปลูกผมที่ถูกต้องปลอดภัยตามหลักการแพทย์แล้ว แพทย์จะใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเติมเต็มเส้นผม โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุลของใบหน้า รูปลักษณ์ความงาม และบุคลิกภาพที่ปรับให้ดูดีขึ้นได้ จนคนไข้รู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังปลูกผม 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังเติม “ความใส่ใจ” ไปพร้อมกับศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษา เนื่องจากแพทย์จะออกแบบแนวทางแก้ปัญหาผมแบบเฉพาะบุคคลโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งยังลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลพร้อมให้คำแนะนำหลังปลูกตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 



และเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แพทย์จึงนำ 2 ศาสตร์การฟื้นฟูผมมาผสานกัน นั่นคือการปลูกผมเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ของนามนินต่อยอดขึ้นเพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เสริมด้วยการฉีดบำรุง PHB หลังปลูก หากใครที่สงสัยว่า ทั้ง 2 ศาสตร์นี้จะช่วยเสริมพลังบำรุงและฟื้นฟูดูแลผมได้ตรงจุดอย่างไร เราคงต้องขอย้อนกลับไปเล่าถึงต้นตอปัญหาผมร่วงและผมบางของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ซึ่งแม้จะมีสาเหตุและลักษณะที่ต่างกัน แต่แพทย์ก็สามารถเลือกใช้ NEAT + PHB เพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละแบบได้อย่างลงตัว

หลายคนน่าจะพอทราบแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านของคุณผู้ชายนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว บางคนได้รับกรรมพันธุ์เช่นนี้จากรุ่นพ่อแม่ แต่บางคนก็อาจจะได้รับข้ามรุ่นมาจากปู่ย่าตายายเลยก็เป็นได้ อาการผมร่วง ผมบาง จะเริ่มปรากฏหลังพ้นช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตลักษณะของผมบางตามกรรมพันธุ์แบบคุณผู้ชายได้ดังนี้

  • แนวผมบริเวณหน้าผากร่นลึกขึ้น และเว้าเข้าไป 2 ข้างขมับเป็นรูปตัว M
  • ผมบางลงเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เป็นรูปตัว O
  • ทั้งนี้ ในบางราย อาจจะเกิดอาการผมบางทั้งในแบบ M และ O ควบคู่กัน และในท้ายที่สุด ผมทั่วศีรษะก็จะบางลงตามไปด้วย จนอาจเหลือแต่ผมบริเวณท้ายทอยด้านข้างและด้านหลัง



ที่มาของการอาการผมร่วงและผมบางในกรณีนี้ เกิดจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เพิ่มระดับขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเอนไซม์เจ้าปัญหาตัวนี้ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีลักษณะเส้นเล็กบางและสั้น หลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมีวงจรระยะเจริญเติบโตสั้น ขณะเดียวกันก็มีระยะพักที่ยาวขึ้น จึงใช้เวลานานกว่าเดิมในการงอกขึ้นใหม่ ทั้งยังสังเกตได้ว่า เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เงางามเหมือนเดิม

สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีตัวการคือฮอร์โมน DHT แพทย์จึงแนะนำให้ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีภาวะผมบางเพื่อคืนความหนาแน่น ซึ่งกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย มีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT เส้นผมบริเวณนี้จึงแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แม้จะย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ก็ยังสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม อยู่กับศีรษะของเราไปได้ตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายบางท่านอาจพบปัญหาผมร่วงและบางต่อเนื่องหลังปลูกผมไปแล้ว เนื่องจากผมเดิมยังคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ตรงนี้เองที่ NEAT + PHB จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยหลังจากปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค NEAT ไปแล้ว แพทย์จะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และแนะนำให้คนไข้เข้ารับบริการฉีดบำรุง PHB ในระยะหลังปลูกด้วย


PHB คือทรีตเมนต์บำรุงที่จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นผมเดิม หรือผมใหม่ที่เพิ่งปลูก สำหรับผมเดิมที่ลักษณะเล็ก ลีบ แบน จากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT จะได้รับการบำรุงให้มีขนาดเส้นผมที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโต ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมกับลดเวลาระยะพัก ทำให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้นด้วย 

คนไข้หลาย ๆ ท่านเข้ารับการฉีดบำรุง PHB ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง เส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่จึงแข็งแรง แลดูหนาแน่น ดกดำ บางท่านยังคงวางใจให้แพทย์ของนามนินดูแลด้วยการฉีด PHB แม้ครบระยะติดตามผลหลังปลูก 1 ปีเต็มไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความตั้งใจของแพทย์ที่จะมอบการดูแลต่อเนื่องให้กับคนไข้อย่างเต็มที่



ทั้งนี้ ในส่วนของคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละเคส 

  • หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมร่นลึกบริเวณหน้าผาก กรณีนี้ แพทย์สามารถปลูกผมใหม่เพื่อปรับกรอบหน้าให้สมส่วนตามหลัก Golden Ratio ได้ 
  • แต่หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากผู้หญิงไม่มีบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเหมือนผู้ชาย เป็นไปได้ว่า แม้จะทำการปลูกผมใหม่แล้ว เส้นผมใหม่ก็ยังมีโอกาสหลุดร่วงได้ในอนาคต กรณีนี้ แพทย์จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วย PHB เพื่อฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง แทนการปลูกผม
  • และสำหรับคุณผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่นการยืด ดัด ทำสี รวมไปถึงสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นภาวะผมร่วงหลังคลอด การฉีดบำรุง PHB ก็เป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเช่นกัน






จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเส้นผม จึงเป็นการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ตรวจสภาพผม วิเคราะห์ปัญหา และรับฟังความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษา ผสาน 2 ศาสตร์ NEAT + PHB เข้าด้วยกัน จนตอบโจทย์การฟื้นฟูดูแลผมของคนไข้แต่ละคนได้มากที่สุดนั่นเอง


ผสาน 2 ศาสตร์ฟื้นฟูผม NEAT + PHB
เส้นผมอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกายมนุษย์ ส่องกระจกก็เห็นทุกวันจนชินตา หวีผมหรือสระผมก็ได้ใช้มือสัมผัสอยู่บ่อย ๆ จนเราแทบไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อถึงวันที่เส้นผมแสนธรรมดาหลุดร่วงจากไปมากผิดปกติ เมื่อนั้นหลายคนจึงเริ่มรับรู้ว่า เส้นผมสำคัญกับเรามากขนาดไหน เพราะเวลาส่องกระจก ภาพใบหน้าตัวเองที่เห็นอาจดูเปลี่ยนไปจากเดิม เวลาหวีผมหรือสระผม ก็อาจรู้สึกได้ว่าความหนาแน่นที่เคยสัมผัสได้เต็มมือ ลดหายไปจากเดิมเช่นกัน 

ปัญหาเส้นผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพทางกาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพทางใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นผมคือส่วนเสริมความงามให้กับใบหน้า คือส่วนสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และคือส่วนสะท้อนตัวตนหรือสไตล์ของเจ้าของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เส้นผมมีความหมายกับคนไข้มากแค่ไหน และการปลูกผมคืนความสุขความมั่นใจให้กับคนไข้นั้น จะช่วยเปิดไปสู่โอกาสการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้มากมายเพียงใด

แพทย์ของนามนินจึงอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่ยังคงศึกษาและพัฒนาตัวเองไม่เคยหยุด นำมาต่อยอดเทคนิคปลูกผมที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปัจจุบัน ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ดีกว่าเดิม โดยมีหัวใจสำคัญ คือการนำ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” มาผสานกันในภารกิจดูแลฟื้นฟูเส้นผม ดังนั้น นอกจากศาสตร์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และกระบวนการปลูกผมที่ถูกต้องปลอดภัยตามหลักการแพทย์แล้ว แพทย์จะใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเติมเต็มเส้นผม โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุลของใบหน้า รูปลักษณ์ความงาม และบุคลิกภาพที่ปรับให้ดูดีขึ้นได้ จนคนไข้รู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังปลูกผม 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังเติม “ความใส่ใจ” ไปพร้อมกับศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษา เนื่องจากแพทย์จะออกแบบแนวทางแก้ปัญหาผมแบบเฉพาะบุคคลโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งยังลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลพร้อมให้คำแนะนำหลังปลูกตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 



และเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แพทย์จึงนำ 2 ศาสตร์การฟื้นฟูผมมาผสานกัน นั่นคือการปลูกผมเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ของนามนินต่อยอดขึ้นเพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เสริมด้วยการฉีดบำรุง PHB หลังปลูก หากใครที่สงสัยว่า ทั้ง 2 ศาสตร์นี้จะช่วยเสริมพลังบำรุงและฟื้นฟูดูแลผมได้ตรงจุดอย่างไร เราคงต้องขอย้อนกลับไปเล่าถึงต้นตอปัญหาผมร่วงและผมบางของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ซึ่งแม้จะมีสาเหตุและลักษณะที่ต่างกัน แต่แพทย์ก็สามารถเลือกใช้ NEAT + PHB เพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละแบบได้อย่างลงตัว

หลายคนน่าจะพอทราบแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านของคุณผู้ชายนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว บางคนได้รับกรรมพันธุ์เช่นนี้จากรุ่นพ่อแม่ แต่บางคนก็อาจจะได้รับข้ามรุ่นมาจากปู่ย่าตายายเลยก็เป็นได้ อาการผมร่วง ผมบาง จะเริ่มปรากฏหลังพ้นช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตลักษณะของผมบางตามกรรมพันธุ์แบบคุณผู้ชายได้ดังนี้

  • แนวผมบริเวณหน้าผากร่นลึกขึ้น และเว้าเข้าไป 2 ข้างขมับเป็นรูปตัว M
  • ผมบางลงเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เป็นรูปตัว O
  • ทั้งนี้ ในบางราย อาจจะเกิดอาการผมบางทั้งในแบบ M และ O ควบคู่กัน และในท้ายที่สุด ผมทั่วศีรษะก็จะบางลงตามไปด้วย จนอาจเหลือแต่ผมบริเวณท้ายทอยด้านข้างและด้านหลัง



ที่มาของการอาการผมร่วงและผมบางในกรณีนี้ เกิดจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เพิ่มระดับขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเอนไซม์เจ้าปัญหาตัวนี้ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีลักษณะเส้นเล็กบางและสั้น หลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมีวงจรระยะเจริญเติบโตสั้น ขณะเดียวกันก็มีระยะพักที่ยาวขึ้น จึงใช้เวลานานกว่าเดิมในการงอกขึ้นใหม่ ทั้งยังสังเกตได้ว่า เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เงางามเหมือนเดิม

สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีตัวการคือฮอร์โมน DHT แพทย์จึงแนะนำให้ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีภาวะผมบางเพื่อคืนความหนาแน่น ซึ่งกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย มีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT เส้นผมบริเวณนี้จึงแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แม้จะย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ก็ยังสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม อยู่กับศีรษะของเราไปได้ตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายบางท่านอาจพบปัญหาผมร่วงและบางต่อเนื่องหลังปลูกผมไปแล้ว เนื่องจากผมเดิมยังคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ตรงนี้เองที่ NEAT + PHB จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยหลังจากปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค NEAT ไปแล้ว แพทย์จะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และแนะนำให้คนไข้เข้ารับบริการฉีดบำรุง PHB ในระยะหลังปลูกด้วย


PHB คือทรีตเมนต์บำรุงที่จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นผมเดิม หรือผมใหม่ที่เพิ่งปลูก สำหรับผมเดิมที่ลักษณะเล็ก ลีบ แบน จากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT จะได้รับการบำรุงให้มีขนาดเส้นผมที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโต ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมกับลดเวลาระยะพัก ทำให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้นด้วย 

คนไข้หลาย ๆ ท่านเข้ารับการฉีดบำรุง PHB ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง เส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่จึงแข็งแรง แลดูหนาแน่น ดกดำ บางท่านยังคงวางใจให้แพทย์ของนามนินดูแลด้วยการฉีด PHB แม้ครบระยะติดตามผลหลังปลูก 1 ปีเต็มไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความตั้งใจของแพทย์ที่จะมอบการดูแลต่อเนื่องให้กับคนไข้อย่างเต็มที่



ทั้งนี้ ในส่วนของคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละเคส 

  • หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมร่นลึกบริเวณหน้าผาก กรณีนี้ แพทย์สามารถปลูกผมใหม่เพื่อปรับกรอบหน้าให้สมส่วนตามหลัก Golden Ratio ได้ 
  • แต่หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากผู้หญิงไม่มีบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเหมือนผู้ชาย เป็นไปได้ว่า แม้จะทำการปลูกผมใหม่แล้ว เส้นผมใหม่ก็ยังมีโอกาสหลุดร่วงได้ในอนาคต กรณีนี้ แพทย์จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วย PHB เพื่อฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง แทนการปลูกผม
  • และสำหรับคุณผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่นการยืด ดัด ทำสี รวมไปถึงสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นภาวะผมร่วงหลังคลอด การฉีดบำรุง PHB ก็เป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเช่นกัน






จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเส้นผม จึงเป็นการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ตรวจสภาพผม วิเคราะห์ปัญหา และรับฟังความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษา ผสาน 2 ศาสตร์ NEAT + PHB เข้าด้วยกัน จนตอบโจทย์การฟื้นฟูดูแลผมของคนไข้แต่ละคนได้มากที่สุดนั่นเอง


เปิดมุมมองใหม่: ความจริงที่น่ารู้เกี่ยวกับการปลูกผมในวัย 50+
การปลูกผมกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไปที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน แต่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหลายประการทำให้หลายท่านลังเลที่จะตัดสินใจ มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ควรรู้กันค่ะ

ผลลัพธ์ที่ลงตัว 
เทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ที่นามนิน คลินิก ใช้เทคนิค NEAT ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การปลูก จนถึงการดูแลต่อเนื่อง 1 ปี คุณหมอนิน พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจะออกแบบแนวไรผมให้กลมกลืนกับรูปหน้าและเส้นผมเดิม โดยปลูกแบบเส้นต่อเส้น คำนึงถึงทิศทางและความหนาแน่นที่เหมาะสม พร้อมการดูแลโดยแพทย์ตลอดกระบวนการ


สบายใจได้ ไม่เจ็บอย่างที่คิด 
การใช้ยาชาเฉพาะที่ ช่วยผู้เข้ารับการปลูกผมแทบไม่รู้สึกเจ็บปวด สามารถผ่อนคลายด้วยการดูโทรศัพท์ ชมภาพยนตร์ หรือฟังเพลงได้ตามปกติระหว่างทำหัตถการ

ความยั่งยืนของผลลัพธ์ 
เส้นผมที่นำมาปลูกมาจากบริเวณท้ายทอยซึ่งทนต่อฮอร์โมน DHT ทำให้มีความคงทนสูง แต่เพื่อการดูแลที่ครบถ้วน นามนิน คลินิก แนะนำโปรแกรม PHB เพื่อบำรุงทั้งเส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงยาวนาน






ไม่ต้องรอให้ล้าน 
การปลูกผมสามารถเริ่มได้ตั้งแต่พบปัญหาผมบางในระยะแรก ซึ่งมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและประหยัดค่าใช้จ่าย การปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ จะช่วยวางแผนการรักษาได้เหมาะสม

คุ้มค่าในระยะยาว 
แม้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันตามเทคนิคและผู้ให้บริการที่มีหลายรูปแบบ แต่เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ระยะยาว ทั้งด้านบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และการลดความกังวล การปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า



การปลูกผมในวัย 50+ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์และการดูแลที่ครบวงจร การปลูกผมไม่เพียงมอบเส้นผมใหม่ แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ชายทุกวัย การศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

เปิดมุมมองใหม่: ความจริงที่น่ารู้เกี่ยวกับการปลูกผมในวัย 50+
การปลูกผมกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไปที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน แต่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหลายประการทำให้หลายท่านลังเลที่จะตัดสินใจ มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ควรรู้กันค่ะ

ผลลัพธ์ที่ลงตัว 
เทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ที่นามนิน คลินิก ใช้เทคนิค NEAT ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การปลูก จนถึงการดูแลต่อเนื่อง 1 ปี คุณหมอนิน พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจะออกแบบแนวไรผมให้กลมกลืนกับรูปหน้าและเส้นผมเดิม โดยปลูกแบบเส้นต่อเส้น คำนึงถึงทิศทางและความหนาแน่นที่เหมาะสม พร้อมการดูแลโดยแพทย์ตลอดกระบวนการ


สบายใจได้ ไม่เจ็บอย่างที่คิด 
การใช้ยาชาเฉพาะที่ ช่วยผู้เข้ารับการปลูกผมแทบไม่รู้สึกเจ็บปวด สามารถผ่อนคลายด้วยการดูโทรศัพท์ ชมภาพยนตร์ หรือฟังเพลงได้ตามปกติระหว่างทำหัตถการ

ความยั่งยืนของผลลัพธ์ 
เส้นผมที่นำมาปลูกมาจากบริเวณท้ายทอยซึ่งทนต่อฮอร์โมน DHT ทำให้มีความคงทนสูง แต่เพื่อการดูแลที่ครบถ้วน นามนิน คลินิก แนะนำโปรแกรม PHB เพื่อบำรุงทั้งเส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงยาวนาน






ไม่ต้องรอให้ล้าน 
การปลูกผมสามารถเริ่มได้ตั้งแต่พบปัญหาผมบางในระยะแรก ซึ่งมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและประหยัดค่าใช้จ่าย การปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ จะช่วยวางแผนการรักษาได้เหมาะสม

คุ้มค่าในระยะยาว 
แม้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันตามเทคนิคและผู้ให้บริการที่มีหลายรูปแบบ แต่เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ระยะยาว ทั้งด้านบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และการลดความกังวล การปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า



การปลูกผมในวัย 50+ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์และการดูแลที่ครบวงจร การปลูกผมไม่เพียงมอบเส้นผมใหม่ แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ชายทุกวัย การศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

เปิดมุมมองใหม่: ความจริงที่น่ารู้เกี่ยวกับการปลูกผมในวัย 50+
การปลูกผมกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไปที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน แต่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหลายประการทำให้หลายท่านลังเลที่จะตัดสินใจ มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ควรรู้กันค่ะ

ผลลัพธ์ที่ลงตัว 
เทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ที่นามนิน คลินิก ใช้เทคนิค NEAT ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การปลูก จนถึงการดูแลต่อเนื่อง 1 ปี คุณหมอนิน พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจะออกแบบแนวไรผมให้กลมกลืนกับรูปหน้าและเส้นผมเดิม โดยปลูกแบบเส้นต่อเส้น คำนึงถึงทิศทางและความหนาแน่นที่เหมาะสม พร้อมการดูแลโดยแพทย์ตลอดกระบวนการ


สบายใจได้ ไม่เจ็บอย่างที่คิด 
การใช้ยาชาเฉพาะที่ ช่วยผู้เข้ารับการปลูกผมแทบไม่รู้สึกเจ็บปวด สามารถผ่อนคลายด้วยการดูโทรศัพท์ ชมภาพยนตร์ หรือฟังเพลงได้ตามปกติระหว่างทำหัตถการ

ความยั่งยืนของผลลัพธ์ 
เส้นผมที่นำมาปลูกมาจากบริเวณท้ายทอยซึ่งทนต่อฮอร์โมน DHT ทำให้มีความคงทนสูง แต่เพื่อการดูแลที่ครบถ้วน นามนิน คลินิก แนะนำโปรแกรม PHB เพื่อบำรุงทั้งเส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงยาวนาน






ไม่ต้องรอให้ล้าน 
การปลูกผมสามารถเริ่มได้ตั้งแต่พบปัญหาผมบางในระยะแรก ซึ่งมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและประหยัดค่าใช้จ่าย การปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ จะช่วยวางแผนการรักษาได้เหมาะสม

คุ้มค่าในระยะยาว 
แม้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันตามเทคนิคและผู้ให้บริการที่มีหลายรูปแบบ แต่เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ระยะยาว ทั้งด้านบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และการลดความกังวล การปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า



การปลูกผมในวัย 50+ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์และการดูแลที่ครบวงจร การปลูกผมไม่เพียงมอบเส้นผมใหม่ แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ชายทุกวัย การศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

เปิดมุมมองใหม่: ความจริงที่น่ารู้เกี่ยวกับการปลูกผมในวัย 50+
การปลูกผมกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไปที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน แต่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหลายประการทำให้หลายท่านลังเลที่จะตัดสินใจ มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ควรรู้กันค่ะ

ผลลัพธ์ที่ลงตัว 
เทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ที่นามนิน คลินิก ใช้เทคนิค NEAT ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การปลูก จนถึงการดูแลต่อเนื่อง 1 ปี คุณหมอนิน พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจะออกแบบแนวไรผมให้กลมกลืนกับรูปหน้าและเส้นผมเดิม โดยปลูกแบบเส้นต่อเส้น คำนึงถึงทิศทางและความหนาแน่นที่เหมาะสม พร้อมการดูแลโดยแพทย์ตลอดกระบวนการ


สบายใจได้ ไม่เจ็บอย่างที่คิด 
การใช้ยาชาเฉพาะที่ ช่วยผู้เข้ารับการปลูกผมแทบไม่รู้สึกเจ็บปวด สามารถผ่อนคลายด้วยการดูโทรศัพท์ ชมภาพยนตร์ หรือฟังเพลงได้ตามปกติระหว่างทำหัตถการ

ความยั่งยืนของผลลัพธ์ 
เส้นผมที่นำมาปลูกมาจากบริเวณท้ายทอยซึ่งทนต่อฮอร์โมน DHT ทำให้มีความคงทนสูง แต่เพื่อการดูแลที่ครบถ้วน นามนิน คลินิก แนะนำโปรแกรม PHB เพื่อบำรุงทั้งเส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงยาวนาน






ไม่ต้องรอให้ล้าน 
การปลูกผมสามารถเริ่มได้ตั้งแต่พบปัญหาผมบางในระยะแรก ซึ่งมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและประหยัดค่าใช้จ่าย การปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ จะช่วยวางแผนการรักษาได้เหมาะสม

คุ้มค่าในระยะยาว 
แม้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันตามเทคนิคและผู้ให้บริการที่มีหลายรูปแบบ แต่เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ระยะยาว ทั้งด้านบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และการลดความกังวล การปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า



การปลูกผมในวัย 50+ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์และการดูแลที่ครบวงจร การปลูกผมไม่เพียงมอบเส้นผมใหม่ แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ชายทุกวัย การศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

เปิดมุมมองใหม่: ความจริงที่น่ารู้เกี่ยวกับการปลูกผมในวัย 50+
การปลูกผมกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไปที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน แต่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหลายประการทำให้หลายท่านลังเลที่จะตัดสินใจ มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ควรรู้กันค่ะ

ผลลัพธ์ที่ลงตัว 
เทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ที่นามนิน คลินิก ใช้เทคนิค NEAT ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การปลูก จนถึงการดูแลต่อเนื่อง 1 ปี คุณหมอนิน พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจะออกแบบแนวไรผมให้กลมกลืนกับรูปหน้าและเส้นผมเดิม โดยปลูกแบบเส้นต่อเส้น คำนึงถึงทิศทางและความหนาแน่นที่เหมาะสม พร้อมการดูแลโดยแพทย์ตลอดกระบวนการ


สบายใจได้ ไม่เจ็บอย่างที่คิด 
การใช้ยาชาเฉพาะที่ ช่วยผู้เข้ารับการปลูกผมแทบไม่รู้สึกเจ็บปวด สามารถผ่อนคลายด้วยการดูโทรศัพท์ ชมภาพยนตร์ หรือฟังเพลงได้ตามปกติระหว่างทำหัตถการ

ความยั่งยืนของผลลัพธ์ 
เส้นผมที่นำมาปลูกมาจากบริเวณท้ายทอยซึ่งทนต่อฮอร์โมน DHT ทำให้มีความคงทนสูง แต่เพื่อการดูแลที่ครบถ้วน นามนิน คลินิก แนะนำโปรแกรม PHB เพื่อบำรุงทั้งเส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงยาวนาน






ไม่ต้องรอให้ล้าน 
การปลูกผมสามารถเริ่มได้ตั้งแต่พบปัญหาผมบางในระยะแรก ซึ่งมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและประหยัดค่าใช้จ่าย การปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ จะช่วยวางแผนการรักษาได้เหมาะสม

คุ้มค่าในระยะยาว 
แม้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันตามเทคนิคและผู้ให้บริการที่มีหลายรูปแบบ แต่เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ระยะยาว ทั้งด้านบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และการลดความกังวล การปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า



การปลูกผมในวัย 50+ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์และการดูแลที่ครบวงจร การปลูกผมไม่เพียงมอบเส้นผมใหม่ แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ชายทุกวัย การศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

รู้จักเทคนิคปลูกผม แบบ Long Hair
เทคนิคต่าง ๆ สำหรับการปลูกผม ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อยู่ตลอด หากใครเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง ก็น่าจะเคยได้ยินเทคนิคปลูกผมที่ชื่อว่า “Long Hair” ซึ่งเป็นการย้ายกราฟต์ผมนำมาปลูกใหม่ โดยที่กราฟต์ผมนั้นยังเป็นผมเส้นยาวอยู่ ไม่ได้ถูกตัดหรือโกน เพื่อที่ว่าหลังจากปลูกเสร็จ ผมก็จะยาวแลดูเป็นธรรมชาติทันที ไม่ต้องรอจนกว่าผมจะค่อย ๆ ยาว ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

ฟังดูน่าสนใจทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ เพราะอย่างนี้เอง คนไข้ของนามนิน จึงฝากคำถามกันเข้ามาบ่อย ๆ ว่าการปลูกผมเทคนิค Long Hair เป็นอย่างไร ดีจริงหรือไม่ วันนี้ นามนินเลยขอรวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการปลูกผมเทคนิค Long Hair เพื่อให้คนรักผมทุกท่านได้ลองทำความเข้าใจ และเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจอีกด้วยค่ะ

Long Hair เป็นหนึ่งในเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถ้าถามว่าเทคนิคนี้ แตกต่างจากเทคนิคปลูกผมทั่วไปอย่างไร เราขออธิบายแบบนี้ค่ะ 

สำหรับเทคนิคทั่วไป จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่นี่เอง จะมีทั้งการใช้เทคนิค FUE คือการใช้ Forceps หรือเครื่องมือปลายแหลม ช่วยในการคีบกราฟต์ผมและปักลงไปในรอยเจาะที่เปิดไว้ 



ปัจจุบันมีเทคนิค DHI คือการใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมช่วยในการปักกราฟต์ (ซึ่งเทคนิค NEAT ที่นามนินใช้อยู่ คุณหมอก็พัฒนามาจากเทคนิค DHI นี่เองค่ะ) จากประสบการณ์คุณหมอนินเล็งเห็นแล้วว่าการลงมือปลูกด้วยตนเองทุกกราฟต์นั้นทำให้การควบคุมทิศทาง องศา ระยะความลึก และความถี่ในการปลูกผมใหม่แม่นยำ แนวปลูกผมดูเป็นระเบียบ สวยงามตามที่ผู้รับบริการต้องการ ที่สำคัญหลังปลูกผมมีเพียงรอยปลูกผมขนาดเล็กมาก คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องการปกปิดรอยหลังปลูกผมด้วย



แล้วเทคนิค Long Hair ล่ะ ต่างออกไปอย่างไร ?
ที่จริงแล้ว เทคนิค Long Hair ก็ใช้วิธีการเดียวกันเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าตอนปักกราฟต์ผมจะเลือกใช้อุปกรณ์แบบไหน เราจึงเห็นหลายๆ แห่งใช้คำว่า เทคนิค Long Hair (FUE) หรือ Long Hair (DHI) นั่นเอง จุดที่แตกต่างกันก็อย่างที่เล่าไว้แล้วข้างต้น ขณะที่เทคนิค FUE หรือ DHI ทั่วไปนั้น กราฟต์ผมที่นำมาปลูกใหม่จะอยู่ในลักษณะตอผมสั้น ๆ เพื่อความสะดวกในการทำหัตถการ และการดูแลหลังปลูกผมของคนไข้เองด้วย แต่ Long Hair เป็นการย้ายกราฟต์ผมที่มีความยาวระดับหนึ่งตามความยาวของเส้นผมของคนไข้ผู้นั้นนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมบาง



แต่ก็มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันค่ะ นั่นคือการเกิดภาวะ Shock Loss หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ - 4 เดือนแรก ซึ่งไม่ว่าจะจะใช้เทคนิค FUE, DHI, หรือ Long Hair ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Shock Loss หมายถึงการที่ผมปลูกใหม่ พร้อมใจกันเข้าสู่ระยะพักและหลุดร่วงออกในปริมาณมาก ซึ่งคุณหมอของนามนินจะทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนเสมอ ว่านี่เป็นอาการปกติตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาติ และจากนั้น เส้นผมจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่จนเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ในเวลา 18 เดือน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เทคนิค Long Hair ที่ทำให้ได้ผมยาวหลังปลูกทันที แต่เส้นผมปลูกใหม่เหล่านั้นก็จะต้องหลุดร่วงเมื่อเข้าสู่ภาวะ Shock Loss และเริ่มต้นงอกใหม่เช่นเดียวกับเทคนิคอื่น ๆ ค่ะ


ทั้งนี้ การปลูกผมด้วยเทคนิค Long Hair ยังมีความยากในขั้นตอนการเจาะย้ายและปลูกใหม่ที่ซับซ้อนกว่า ที่สำคัญ ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติม เนื่องจากกราฟต์ผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไปนั้น เสี่ยงที่จะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษก่อนเข้าสู่ระยะฝังตัว ผมเส้นยาวจึงดูแลได้ยากกว่า เพราะต้องคอยระวังไม่ให้มีการสางผมหรือเกี่ยวโดนเส้นผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์การปลูกออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะช่วยให้รู้จักเทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair มากขึ้น และนำไปประกอบการพิจารณาเลือกเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดได้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอผู้ชำนาญด้านการปลูกผมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อออกแบบการรักษาที่ตอบโจทย์ตรงใจคนไข้อย่างแท้จริงค่ะ

รู้จักเทคนิคปลูกผม แบบ Long Hair
เทคนิคต่าง ๆ สำหรับการปลูกผม ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อยู่ตลอด หากใครเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง ก็น่าจะเคยได้ยินเทคนิคปลูกผมที่ชื่อว่า “Long Hair” ซึ่งเป็นการย้ายกราฟต์ผมนำมาปลูกใหม่ โดยที่กราฟต์ผมนั้นยังเป็นผมเส้นยาวอยู่ ไม่ได้ถูกตัดหรือโกน เพื่อที่ว่าหลังจากปลูกเสร็จ ผมก็จะยาวแลดูเป็นธรรมชาติทันที ไม่ต้องรอจนกว่าผมจะค่อย ๆ ยาว ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

ฟังดูน่าสนใจทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ เพราะอย่างนี้เอง คนไข้ของนามนิน จึงฝากคำถามกันเข้ามาบ่อย ๆ ว่าการปลูกผมเทคนิค Long Hair เป็นอย่างไร ดีจริงหรือไม่ วันนี้ นามนินเลยขอรวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการปลูกผมเทคนิค Long Hair เพื่อให้คนรักผมทุกท่านได้ลองทำความเข้าใจ และเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจอีกด้วยค่ะ

Long Hair เป็นหนึ่งในเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถ้าถามว่าเทคนิคนี้ แตกต่างจากเทคนิคปลูกผมทั่วไปอย่างไร เราขออธิบายแบบนี้ค่ะ 

สำหรับเทคนิคทั่วไป จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่นี่เอง จะมีทั้งการใช้เทคนิค FUE คือการใช้ Forceps หรือเครื่องมือปลายแหลม ช่วยในการคีบกราฟต์ผมและปักลงไปในรอยเจาะที่เปิดไว้ 



ปัจจุบันมีเทคนิค DHI คือการใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมช่วยในการปักกราฟต์ (ซึ่งเทคนิค NEAT ที่นามนินใช้อยู่ คุณหมอก็พัฒนามาจากเทคนิค DHI นี่เองค่ะ) จากประสบการณ์คุณหมอนินเล็งเห็นแล้วว่าการลงมือปลูกด้วยตนเองทุกกราฟต์นั้นทำให้การควบคุมทิศทาง องศา ระยะความลึก และความถี่ในการปลูกผมใหม่แม่นยำ แนวปลูกผมดูเป็นระเบียบ สวยงามตามที่ผู้รับบริการต้องการ ที่สำคัญหลังปลูกผมมีเพียงรอยปลูกผมขนาดเล็กมาก คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องการปกปิดรอยหลังปลูกผมด้วย



แล้วเทคนิค Long Hair ล่ะ ต่างออกไปอย่างไร ?
ที่จริงแล้ว เทคนิค Long Hair ก็ใช้วิธีการเดียวกันเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าตอนปักกราฟต์ผมจะเลือกใช้อุปกรณ์แบบไหน เราจึงเห็นหลายๆ แห่งใช้คำว่า เทคนิค Long Hair (FUE) หรือ Long Hair (DHI) นั่นเอง จุดที่แตกต่างกันก็อย่างที่เล่าไว้แล้วข้างต้น ขณะที่เทคนิค FUE หรือ DHI ทั่วไปนั้น กราฟต์ผมที่นำมาปลูกใหม่จะอยู่ในลักษณะตอผมสั้น ๆ เพื่อความสะดวกในการทำหัตถการ และการดูแลหลังปลูกผมของคนไข้เองด้วย แต่ Long Hair เป็นการย้ายกราฟต์ผมที่มีความยาวระดับหนึ่งตามความยาวของเส้นผมของคนไข้ผู้นั้นนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมบาง



แต่ก็มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันค่ะ นั่นคือการเกิดภาวะ Shock Loss หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ - 4 เดือนแรก ซึ่งไม่ว่าจะจะใช้เทคนิค FUE, DHI, หรือ Long Hair ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Shock Loss หมายถึงการที่ผมปลูกใหม่ พร้อมใจกันเข้าสู่ระยะพักและหลุดร่วงออกในปริมาณมาก ซึ่งคุณหมอของนามนินจะทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนเสมอ ว่านี่เป็นอาการปกติตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาติ และจากนั้น เส้นผมจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่จนเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ในเวลา 18 เดือน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เทคนิค Long Hair ที่ทำให้ได้ผมยาวหลังปลูกทันที แต่เส้นผมปลูกใหม่เหล่านั้นก็จะต้องหลุดร่วงเมื่อเข้าสู่ภาวะ Shock Loss และเริ่มต้นงอกใหม่เช่นเดียวกับเทคนิคอื่น ๆ ค่ะ


ทั้งนี้ การปลูกผมด้วยเทคนิค Long Hair ยังมีความยากในขั้นตอนการเจาะย้ายและปลูกใหม่ที่ซับซ้อนกว่า ที่สำคัญ ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติม เนื่องจากกราฟต์ผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไปนั้น เสี่ยงที่จะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษก่อนเข้าสู่ระยะฝังตัว ผมเส้นยาวจึงดูแลได้ยากกว่า เพราะต้องคอยระวังไม่ให้มีการสางผมหรือเกี่ยวโดนเส้นผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์การปลูกออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะช่วยให้รู้จักเทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair มากขึ้น และนำไปประกอบการพิจารณาเลือกเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดได้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอผู้ชำนาญด้านการปลูกผมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อออกแบบการรักษาที่ตอบโจทย์ตรงใจคนไข้อย่างแท้จริงค่ะ

รู้จักเทคนิคปลูกผม แบบ Long Hair
เทคนิคต่าง ๆ สำหรับการปลูกผม ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อยู่ตลอด หากใครเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง ก็น่าจะเคยได้ยินเทคนิคปลูกผมที่ชื่อว่า “Long Hair” ซึ่งเป็นการย้ายกราฟต์ผมนำมาปลูกใหม่ โดยที่กราฟต์ผมนั้นยังเป็นผมเส้นยาวอยู่ ไม่ได้ถูกตัดหรือโกน เพื่อที่ว่าหลังจากปลูกเสร็จ ผมก็จะยาวแลดูเป็นธรรมชาติทันที ไม่ต้องรอจนกว่าผมจะค่อย ๆ ยาว ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

ฟังดูน่าสนใจทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ เพราะอย่างนี้เอง คนไข้ของนามนิน จึงฝากคำถามกันเข้ามาบ่อย ๆ ว่าการปลูกผมเทคนิค Long Hair เป็นอย่างไร ดีจริงหรือไม่ วันนี้ นามนินเลยขอรวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการปลูกผมเทคนิค Long Hair เพื่อให้คนรักผมทุกท่านได้ลองทำความเข้าใจ และเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจอีกด้วยค่ะ

Long Hair เป็นหนึ่งในเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถ้าถามว่าเทคนิคนี้ แตกต่างจากเทคนิคปลูกผมทั่วไปอย่างไร เราขออธิบายแบบนี้ค่ะ 

สำหรับเทคนิคทั่วไป จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่นี่เอง จะมีทั้งการใช้เทคนิค FUE คือการใช้ Forceps หรือเครื่องมือปลายแหลม ช่วยในการคีบกราฟต์ผมและปักลงไปในรอยเจาะที่เปิดไว้ 



ปัจจุบันมีเทคนิค DHI คือการใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมช่วยในการปักกราฟต์ (ซึ่งเทคนิค NEAT ที่นามนินใช้อยู่ คุณหมอก็พัฒนามาจากเทคนิค DHI นี่เองค่ะ) จากประสบการณ์คุณหมอนินเล็งเห็นแล้วว่าการลงมือปลูกด้วยตนเองทุกกราฟต์นั้นทำให้การควบคุมทิศทาง องศา ระยะความลึก และความถี่ในการปลูกผมใหม่แม่นยำ แนวปลูกผมดูเป็นระเบียบ สวยงามตามที่ผู้รับบริการต้องการ ที่สำคัญหลังปลูกผมมีเพียงรอยปลูกผมขนาดเล็กมาก คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องการปกปิดรอยหลังปลูกผมด้วย



แล้วเทคนิค Long Hair ล่ะ ต่างออกไปอย่างไร ?
ที่จริงแล้ว เทคนิค Long Hair ก็ใช้วิธีการเดียวกันเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าตอนปักกราฟต์ผมจะเลือกใช้อุปกรณ์แบบไหน เราจึงเห็นหลายๆ แห่งใช้คำว่า เทคนิค Long Hair (FUE) หรือ Long Hair (DHI) นั่นเอง จุดที่แตกต่างกันก็อย่างที่เล่าไว้แล้วข้างต้น ขณะที่เทคนิค FUE หรือ DHI ทั่วไปนั้น กราฟต์ผมที่นำมาปลูกใหม่จะอยู่ในลักษณะตอผมสั้น ๆ เพื่อความสะดวกในการทำหัตถการ และการดูแลหลังปลูกผมของคนไข้เองด้วย แต่ Long Hair เป็นการย้ายกราฟต์ผมที่มีความยาวระดับหนึ่งตามความยาวของเส้นผมของคนไข้ผู้นั้นนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมบาง



แต่ก็มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันค่ะ นั่นคือการเกิดภาวะ Shock Loss หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ - 4 เดือนแรก ซึ่งไม่ว่าจะจะใช้เทคนิค FUE, DHI, หรือ Long Hair ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Shock Loss หมายถึงการที่ผมปลูกใหม่ พร้อมใจกันเข้าสู่ระยะพักและหลุดร่วงออกในปริมาณมาก ซึ่งคุณหมอของนามนินจะทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนเสมอ ว่านี่เป็นอาการปกติตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาติ และจากนั้น เส้นผมจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่จนเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ในเวลา 18 เดือน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เทคนิค Long Hair ที่ทำให้ได้ผมยาวหลังปลูกทันที แต่เส้นผมปลูกใหม่เหล่านั้นก็จะต้องหลุดร่วงเมื่อเข้าสู่ภาวะ Shock Loss และเริ่มต้นงอกใหม่เช่นเดียวกับเทคนิคอื่น ๆ ค่ะ


ทั้งนี้ การปลูกผมด้วยเทคนิค Long Hair ยังมีความยากในขั้นตอนการเจาะย้ายและปลูกใหม่ที่ซับซ้อนกว่า ที่สำคัญ ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติม เนื่องจากกราฟต์ผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไปนั้น เสี่ยงที่จะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษก่อนเข้าสู่ระยะฝังตัว ผมเส้นยาวจึงดูแลได้ยากกว่า เพราะต้องคอยระวังไม่ให้มีการสางผมหรือเกี่ยวโดนเส้นผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์การปลูกออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะช่วยให้รู้จักเทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair มากขึ้น และนำไปประกอบการพิจารณาเลือกเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดได้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอผู้ชำนาญด้านการปลูกผมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อออกแบบการรักษาที่ตอบโจทย์ตรงใจคนไข้อย่างแท้จริงค่ะ

รู้จักเทคนิคปลูกผม แบบ Long Hair
เทคนิคต่าง ๆ สำหรับการปลูกผม ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อยู่ตลอด หากใครเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง ก็น่าจะเคยได้ยินเทคนิคปลูกผมที่ชื่อว่า “Long Hair” ซึ่งเป็นการย้ายกราฟต์ผมนำมาปลูกใหม่ โดยที่กราฟต์ผมนั้นยังเป็นผมเส้นยาวอยู่ ไม่ได้ถูกตัดหรือโกน เพื่อที่ว่าหลังจากปลูกเสร็จ ผมก็จะยาวแลดูเป็นธรรมชาติทันที ไม่ต้องรอจนกว่าผมจะค่อย ๆ ยาว ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

ฟังดูน่าสนใจทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ เพราะอย่างนี้เอง คนไข้ของนามนิน จึงฝากคำถามกันเข้ามาบ่อย ๆ ว่าการปลูกผมเทคนิค Long Hair เป็นอย่างไร ดีจริงหรือไม่ วันนี้ นามนินเลยขอรวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการปลูกผมเทคนิค Long Hair เพื่อให้คนรักผมทุกท่านได้ลองทำความเข้าใจ และเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจอีกด้วยค่ะ

Long Hair เป็นหนึ่งในเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถ้าถามว่าเทคนิคนี้ แตกต่างจากเทคนิคปลูกผมทั่วไปอย่างไร เราขออธิบายแบบนี้ค่ะ 

สำหรับเทคนิคทั่วไป จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่นี่เอง จะมีทั้งการใช้เทคนิค FUE คือการใช้ Forceps หรือเครื่องมือปลายแหลม ช่วยในการคีบกราฟต์ผมและปักลงไปในรอยเจาะที่เปิดไว้ 



ปัจจุบันมีเทคนิค DHI คือการใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมช่วยในการปักกราฟต์ (ซึ่งเทคนิค NEAT ที่นามนินใช้อยู่ คุณหมอก็พัฒนามาจากเทคนิค DHI นี่เองค่ะ) จากประสบการณ์คุณหมอนินเล็งเห็นแล้วว่าการลงมือปลูกด้วยตนเองทุกกราฟต์นั้นทำให้การควบคุมทิศทาง องศา ระยะความลึก และความถี่ในการปลูกผมใหม่แม่นยำ แนวปลูกผมดูเป็นระเบียบ สวยงามตามที่ผู้รับบริการต้องการ ที่สำคัญหลังปลูกผมมีเพียงรอยปลูกผมขนาดเล็กมาก คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องการปกปิดรอยหลังปลูกผมด้วย



แล้วเทคนิค Long Hair ล่ะ ต่างออกไปอย่างไร ?
ที่จริงแล้ว เทคนิค Long Hair ก็ใช้วิธีการเดียวกันเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าตอนปักกราฟต์ผมจะเลือกใช้อุปกรณ์แบบไหน เราจึงเห็นหลายๆ แห่งใช้คำว่า เทคนิค Long Hair (FUE) หรือ Long Hair (DHI) นั่นเอง จุดที่แตกต่างกันก็อย่างที่เล่าไว้แล้วข้างต้น ขณะที่เทคนิค FUE หรือ DHI ทั่วไปนั้น กราฟต์ผมที่นำมาปลูกใหม่จะอยู่ในลักษณะตอผมสั้น ๆ เพื่อความสะดวกในการทำหัตถการ และการดูแลหลังปลูกผมของคนไข้เองด้วย แต่ Long Hair เป็นการย้ายกราฟต์ผมที่มีความยาวระดับหนึ่งตามความยาวของเส้นผมของคนไข้ผู้นั้นนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมบาง



แต่ก็มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันค่ะ นั่นคือการเกิดภาวะ Shock Loss หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ - 4 เดือนแรก ซึ่งไม่ว่าจะจะใช้เทคนิค FUE, DHI, หรือ Long Hair ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Shock Loss หมายถึงการที่ผมปลูกใหม่ พร้อมใจกันเข้าสู่ระยะพักและหลุดร่วงออกในปริมาณมาก ซึ่งคุณหมอของนามนินจะทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนเสมอ ว่านี่เป็นอาการปกติตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาติ และจากนั้น เส้นผมจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่จนเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ในเวลา 18 เดือน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เทคนิค Long Hair ที่ทำให้ได้ผมยาวหลังปลูกทันที แต่เส้นผมปลูกใหม่เหล่านั้นก็จะต้องหลุดร่วงเมื่อเข้าสู่ภาวะ Shock Loss และเริ่มต้นงอกใหม่เช่นเดียวกับเทคนิคอื่น ๆ ค่ะ


ทั้งนี้ การปลูกผมด้วยเทคนิค Long Hair ยังมีความยากในขั้นตอนการเจาะย้ายและปลูกใหม่ที่ซับซ้อนกว่า ที่สำคัญ ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติม เนื่องจากกราฟต์ผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไปนั้น เสี่ยงที่จะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษก่อนเข้าสู่ระยะฝังตัว ผมเส้นยาวจึงดูแลได้ยากกว่า เพราะต้องคอยระวังไม่ให้มีการสางผมหรือเกี่ยวโดนเส้นผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์การปลูกออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะช่วยให้รู้จักเทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair มากขึ้น และนำไปประกอบการพิจารณาเลือกเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดได้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอผู้ชำนาญด้านการปลูกผมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อออกแบบการรักษาที่ตอบโจทย์ตรงใจคนไข้อย่างแท้จริงค่ะ

รู้จักเทคนิคปลูกผม แบบ Long Hair
เทคนิคต่าง ๆ สำหรับการปลูกผม ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อยู่ตลอด หากใครเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง ก็น่าจะเคยได้ยินเทคนิคปลูกผมที่ชื่อว่า “Long Hair” ซึ่งเป็นการย้ายกราฟต์ผมนำมาปลูกใหม่ โดยที่กราฟต์ผมนั้นยังเป็นผมเส้นยาวอยู่ ไม่ได้ถูกตัดหรือโกน เพื่อที่ว่าหลังจากปลูกเสร็จ ผมก็จะยาวแลดูเป็นธรรมชาติทันที ไม่ต้องรอจนกว่าผมจะค่อย ๆ ยาว ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

ฟังดูน่าสนใจทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ เพราะอย่างนี้เอง คนไข้ของนามนิน จึงฝากคำถามกันเข้ามาบ่อย ๆ ว่าการปลูกผมเทคนิค Long Hair เป็นอย่างไร ดีจริงหรือไม่ วันนี้ นามนินเลยขอรวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการปลูกผมเทคนิค Long Hair เพื่อให้คนรักผมทุกท่านได้ลองทำความเข้าใจ และเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจอีกด้วยค่ะ

Long Hair เป็นหนึ่งในเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถ้าถามว่าเทคนิคนี้ แตกต่างจากเทคนิคปลูกผมทั่วไปอย่างไร เราขออธิบายแบบนี้ค่ะ 

สำหรับเทคนิคทั่วไป จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่นี่เอง จะมีทั้งการใช้เทคนิค FUE คือการใช้ Forceps หรือเครื่องมือปลายแหลม ช่วยในการคีบกราฟต์ผมและปักลงไปในรอยเจาะที่เปิดไว้ 



ปัจจุบันมีเทคนิค DHI คือการใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมช่วยในการปักกราฟต์ (ซึ่งเทคนิค NEAT ที่นามนินใช้อยู่ คุณหมอก็พัฒนามาจากเทคนิค DHI นี่เองค่ะ) จากประสบการณ์คุณหมอนินเล็งเห็นแล้วว่าการลงมือปลูกด้วยตนเองทุกกราฟต์นั้นทำให้การควบคุมทิศทาง องศา ระยะความลึก และความถี่ในการปลูกผมใหม่แม่นยำ แนวปลูกผมดูเป็นระเบียบ สวยงามตามที่ผู้รับบริการต้องการ ที่สำคัญหลังปลูกผมมีเพียงรอยปลูกผมขนาดเล็กมาก คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องการปกปิดรอยหลังปลูกผมด้วย



แล้วเทคนิค Long Hair ล่ะ ต่างออกไปอย่างไร ?
ที่จริงแล้ว เทคนิค Long Hair ก็ใช้วิธีการเดียวกันเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าตอนปักกราฟต์ผมจะเลือกใช้อุปกรณ์แบบไหน เราจึงเห็นหลายๆ แห่งใช้คำว่า เทคนิค Long Hair (FUE) หรือ Long Hair (DHI) นั่นเอง จุดที่แตกต่างกันก็อย่างที่เล่าไว้แล้วข้างต้น ขณะที่เทคนิค FUE หรือ DHI ทั่วไปนั้น กราฟต์ผมที่นำมาปลูกใหม่จะอยู่ในลักษณะตอผมสั้น ๆ เพื่อความสะดวกในการทำหัตถการ และการดูแลหลังปลูกผมของคนไข้เองด้วย แต่ Long Hair เป็นการย้ายกราฟต์ผมที่มีความยาวระดับหนึ่งตามความยาวของเส้นผมของคนไข้ผู้นั้นนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมบาง



แต่ก็มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันค่ะ นั่นคือการเกิดภาวะ Shock Loss หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ - 4 เดือนแรก ซึ่งไม่ว่าจะจะใช้เทคนิค FUE, DHI, หรือ Long Hair ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Shock Loss หมายถึงการที่ผมปลูกใหม่ พร้อมใจกันเข้าสู่ระยะพักและหลุดร่วงออกในปริมาณมาก ซึ่งคุณหมอของนามนินจะทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนเสมอ ว่านี่เป็นอาการปกติตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาติ และจากนั้น เส้นผมจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่จนเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ในเวลา 18 เดือน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เทคนิค Long Hair ที่ทำให้ได้ผมยาวหลังปลูกทันที แต่เส้นผมปลูกใหม่เหล่านั้นก็จะต้องหลุดร่วงเมื่อเข้าสู่ภาวะ Shock Loss และเริ่มต้นงอกใหม่เช่นเดียวกับเทคนิคอื่น ๆ ค่ะ


ทั้งนี้ การปลูกผมด้วยเทคนิค Long Hair ยังมีความยากในขั้นตอนการเจาะย้ายและปลูกใหม่ที่ซับซ้อนกว่า ที่สำคัญ ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติม เนื่องจากกราฟต์ผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไปนั้น เสี่ยงที่จะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษก่อนเข้าสู่ระยะฝังตัว ผมเส้นยาวจึงดูแลได้ยากกว่า เพราะต้องคอยระวังไม่ให้มีการสางผมหรือเกี่ยวโดนเส้นผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์การปลูกออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะช่วยให้รู้จักเทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair มากขึ้น และนำไปประกอบการพิจารณาเลือกเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดได้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอผู้ชำนาญด้านการปลูกผมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อออกแบบการรักษาที่ตอบโจทย์ตรงใจคนไข้อย่างแท้จริงค่ะ

“กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
รู้จัก “กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่คะ ว่าทำไมคนที่ปลูกผมมาเหมือนกันแต่ผลลัพธ์ถึงดูแตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะการปลูกผมนั้นมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเส้นผมหลังปลูก แล้วจะมีอะไรบ้างนั้น เรารวบรวมมาไว้ในบทความนี้ค่ะ

ปัจจัยแรกคือ “กราฟต์ผม = ต้นทุนของการปลูกผม” แพทย์จะเลือกกราฟต์ผมจากพื้นที่ Safe Zone ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากเส้นผมในพื้นที่นี้จะไม่ถูกผลกระทบจากฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุหลักของการหลุดร่วงของเส้นผม การเลือกกราฟต์ผมจากบริเวณนี้จึงจะทำให้เส้นผมที่ปลูกจะเติบโตได้ดีและไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งลักษณะของเส้นผมในบริเวณ Safe Zone นี้ก็ยังมีความหลากหลายอยู่ด้วย ในบางคน รูรากผมอาจมีเพียงเส้นเดียว ในขณะที่บางคนก็อาจมีผม 2-3 เส้น และในคนที่กราฟต์ผมแข็งแรงมากๆ ก็อาจมีได้มากถึง 3-4 เส้น ซึ่งความแข็งแรงของเส้นผมในบริเวณนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญหลังการปลูกผม หากเส้นผมที่ปลูกมีคุณภาพดี ก็จะช่วยให้ผมที่ปลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผมที่หนาและแข็งแรง ในทางตรงกันข้าม หากเส้นผมไม่แข็งแรงพอ ผลลัพธ์อาจทำให้ผมดูไม่หนาแน่นเท่าที่ควร

หากจะลงลึกถึงความแตกต่างของลักษณะและความแข็งแรงของเส้นผมของแต่ละบุคคลนั้นว่าขึ้นอยู่กับอะไร ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ อาทิ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เพศ และวัย โดยเฉพาะอายุของผู้ที่ต้องการปลูกผม หากอายุน้อย เส้นผมยังแข็งแรงและมีจำนวนมาก การเก็บกราฟต์ผมก็จะได้ปริมาณมาก เพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากอายุมากขึ้น ผมอาจเริ่มหลุดร่วงและมีเส้นผมบางลง สุขภาพผมไม่แข็งแรง การเก็บกราฟต์ผมจะมีข้อจำกัดและอาจได้จำนวนผมต้นทุนน้อยกว่า เพราะแพทย์ต้องคัดเลือกกราฟต์ผมอย่างระมัดระวังมากขึ้น 







ปัจจัยต่อมาที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากราฟต์ผมต้นทุน นั้นคือ “แพทย์ปลูกผม” ที่ควรต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการทำงานทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การรับฟังปัญหาของผู้รับบริการ การออกแบบการรักษา ซึ่งแม้แต่การคำนวนการใช้กราฟต์ผมที่จะนำออกมาจาก Safe Zone ก็เป็นรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม ควรนำออกมาตามปริมาณการใช้เท่านั้น ไม่ควรนำออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้เสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80-100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร แต่แพทย์จะนำออกมาทั้งหมดเลยไม่ได้ แพทย์ต้องเหลือกราฟต์ผมไว้ให้เหมาะสมด้วย เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone นั้นใช้แล้วจะหมดไป ผมจะไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก จึงไม่ควรมีคำว่า “เผื่อเหลือ เผื่อขาด” ในการปลูกผมค่ะ


แล้วแพทย์ปลูกผมต้องมีศิลปะด้วยเหรอ? ใช่ค่ะ เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ความละเอียด ประณีตในการทำงานทุกขั้นตอน รวมถึงการลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ ซึ่งแพทย์จะสามารถจัดวางความหนาแน่น ทิศทาง และความเหมาะสมกลมกลืนของเส้นผมได้ตามที่ควรจะเป็น


อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ “เทคนิคในการปลูกผม” ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมด้วย เพราะการเลือกใช้ “เครื่องมือที่เหมาะสม” ก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพของกราฟต์ผมในระหว่างกระบวนการนำออกจาก Safe Zone ซึ่งเป็นกระบวนการแรกที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการปลูกผมได้แล้ว ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ผมออกนี้ กราฟต์ผมอาจกระทบกระเทือน ทำให้สูญเสียคุณภาพในการปลูก และรอยแผลจากการเจาะจะส่งผลต่อผมด้านหลังของผู้รับบริการ ผมจะเว้าแหว่ง ไม่สม่ำเสมอ กลายเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต



ทุกปัจจัยนั้นมีความสำคัญและมีรายละเอียดที่ล้วนส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการปลูก คุณหมอนิน จึงได้ออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่คุณหมอนินตั้งใจดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์ปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล อธิบายขั้นตอนการรักษาอย่างตรงไปตรงมา รับฟังความกังวลและความคาดหวังของผู้รับบริการ เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้วางแผนและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะได้หลังการปลูกร่วมกัน และที่สำคัญคือ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ ตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงการปลูกผมกราฟต์สุดท้าย และสิ่งที่หลายคนมักจะลืมนึกถึงคือ การดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนิน ก็จะดูแล Follow Up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองตลอด 1 ปี เพราะเราเชื่อมั่นว่า หากทุกกระบวนการในการปลูกผมดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีค่ะ 
“กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
รู้จัก “กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่คะ ว่าทำไมคนที่ปลูกผมมาเหมือนกันแต่ผลลัพธ์ถึงดูแตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะการปลูกผมนั้นมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเส้นผมหลังปลูก แล้วจะมีอะไรบ้างนั้น เรารวบรวมมาไว้ในบทความนี้ค่ะ

ปัจจัยแรกคือ “กราฟต์ผม = ต้นทุนของการปลูกผม” แพทย์จะเลือกกราฟต์ผมจากพื้นที่ Safe Zone ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากเส้นผมในพื้นที่นี้จะไม่ถูกผลกระทบจากฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุหลักของการหลุดร่วงของเส้นผม การเลือกกราฟต์ผมจากบริเวณนี้จึงจะทำให้เส้นผมที่ปลูกจะเติบโตได้ดีและไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งลักษณะของเส้นผมในบริเวณ Safe Zone นี้ก็ยังมีความหลากหลายอยู่ด้วย ในบางคน รูรากผมอาจมีเพียงเส้นเดียว ในขณะที่บางคนก็อาจมีผม 2-3 เส้น และในคนที่กราฟต์ผมแข็งแรงมากๆ ก็อาจมีได้มากถึง 3-4 เส้น ซึ่งความแข็งแรงของเส้นผมในบริเวณนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญหลังการปลูกผม หากเส้นผมที่ปลูกมีคุณภาพดี ก็จะช่วยให้ผมที่ปลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผมที่หนาและแข็งแรง ในทางตรงกันข้าม หากเส้นผมไม่แข็งแรงพอ ผลลัพธ์อาจทำให้ผมดูไม่หนาแน่นเท่าที่ควร

หากจะลงลึกถึงความแตกต่างของลักษณะและความแข็งแรงของเส้นผมของแต่ละบุคคลนั้นว่าขึ้นอยู่กับอะไร ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ อาทิ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เพศ และวัย โดยเฉพาะอายุของผู้ที่ต้องการปลูกผม หากอายุน้อย เส้นผมยังแข็งแรงและมีจำนวนมาก การเก็บกราฟต์ผมก็จะได้ปริมาณมาก เพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากอายุมากขึ้น ผมอาจเริ่มหลุดร่วงและมีเส้นผมบางลง สุขภาพผมไม่แข็งแรง การเก็บกราฟต์ผมจะมีข้อจำกัดและอาจได้จำนวนผมต้นทุนน้อยกว่า เพราะแพทย์ต้องคัดเลือกกราฟต์ผมอย่างระมัดระวังมากขึ้น 







ปัจจัยต่อมาที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากราฟต์ผมต้นทุน นั้นคือ “แพทย์ปลูกผม” ที่ควรต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการทำงานทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การรับฟังปัญหาของผู้รับบริการ การออกแบบการรักษา ซึ่งแม้แต่การคำนวนการใช้กราฟต์ผมที่จะนำออกมาจาก Safe Zone ก็เป็นรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม ควรนำออกมาตามปริมาณการใช้เท่านั้น ไม่ควรนำออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้เสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80-100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร แต่แพทย์จะนำออกมาทั้งหมดเลยไม่ได้ แพทย์ต้องเหลือกราฟต์ผมไว้ให้เหมาะสมด้วย เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone นั้นใช้แล้วจะหมดไป ผมจะไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก จึงไม่ควรมีคำว่า “เผื่อเหลือ เผื่อขาด” ในการปลูกผมค่ะ


แล้วแพทย์ปลูกผมต้องมีศิลปะด้วยเหรอ? ใช่ค่ะ เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ความละเอียด ประณีตในการทำงานทุกขั้นตอน รวมถึงการลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ ซึ่งแพทย์จะสามารถจัดวางความหนาแน่น ทิศทาง และความเหมาะสมกลมกลืนของเส้นผมได้ตามที่ควรจะเป็น


อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ “เทคนิคในการปลูกผม” ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมด้วย เพราะการเลือกใช้ “เครื่องมือที่เหมาะสม” ก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพของกราฟต์ผมในระหว่างกระบวนการนำออกจาก Safe Zone ซึ่งเป็นกระบวนการแรกที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการปลูกผมได้แล้ว ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ผมออกนี้ กราฟต์ผมอาจกระทบกระเทือน ทำให้สูญเสียคุณภาพในการปลูก และรอยแผลจากการเจาะจะส่งผลต่อผมด้านหลังของผู้รับบริการ ผมจะเว้าแหว่ง ไม่สม่ำเสมอ กลายเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต



ทุกปัจจัยนั้นมีความสำคัญและมีรายละเอียดที่ล้วนส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการปลูก คุณหมอนิน จึงได้ออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่คุณหมอนินตั้งใจดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์ปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล อธิบายขั้นตอนการรักษาอย่างตรงไปตรงมา รับฟังความกังวลและความคาดหวังของผู้รับบริการ เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้วางแผนและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะได้หลังการปลูกร่วมกัน และที่สำคัญคือ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ ตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงการปลูกผมกราฟต์สุดท้าย และสิ่งที่หลายคนมักจะลืมนึกถึงคือ การดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนิน ก็จะดูแล Follow Up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองตลอด 1 ปี เพราะเราเชื่อมั่นว่า หากทุกกระบวนการในการปลูกผมดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีค่ะ 
“กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
รู้จัก “กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่คะ ว่าทำไมคนที่ปลูกผมมาเหมือนกันแต่ผลลัพธ์ถึงดูแตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะการปลูกผมนั้นมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเส้นผมหลังปลูก แล้วจะมีอะไรบ้างนั้น เรารวบรวมมาไว้ในบทความนี้ค่ะ

ปัจจัยแรกคือ “กราฟต์ผม = ต้นทุนของการปลูกผม” แพทย์จะเลือกกราฟต์ผมจากพื้นที่ Safe Zone ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากเส้นผมในพื้นที่นี้จะไม่ถูกผลกระทบจากฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุหลักของการหลุดร่วงของเส้นผม การเลือกกราฟต์ผมจากบริเวณนี้จึงจะทำให้เส้นผมที่ปลูกจะเติบโตได้ดีและไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งลักษณะของเส้นผมในบริเวณ Safe Zone นี้ก็ยังมีความหลากหลายอยู่ด้วย ในบางคน รูรากผมอาจมีเพียงเส้นเดียว ในขณะที่บางคนก็อาจมีผม 2-3 เส้น และในคนที่กราฟต์ผมแข็งแรงมากๆ ก็อาจมีได้มากถึง 3-4 เส้น ซึ่งความแข็งแรงของเส้นผมในบริเวณนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญหลังการปลูกผม หากเส้นผมที่ปลูกมีคุณภาพดี ก็จะช่วยให้ผมที่ปลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผมที่หนาและแข็งแรง ในทางตรงกันข้าม หากเส้นผมไม่แข็งแรงพอ ผลลัพธ์อาจทำให้ผมดูไม่หนาแน่นเท่าที่ควร

หากจะลงลึกถึงความแตกต่างของลักษณะและความแข็งแรงของเส้นผมของแต่ละบุคคลนั้นว่าขึ้นอยู่กับอะไร ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ อาทิ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เพศ และวัย โดยเฉพาะอายุของผู้ที่ต้องการปลูกผม หากอายุน้อย เส้นผมยังแข็งแรงและมีจำนวนมาก การเก็บกราฟต์ผมก็จะได้ปริมาณมาก เพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากอายุมากขึ้น ผมอาจเริ่มหลุดร่วงและมีเส้นผมบางลง สุขภาพผมไม่แข็งแรง การเก็บกราฟต์ผมจะมีข้อจำกัดและอาจได้จำนวนผมต้นทุนน้อยกว่า เพราะแพทย์ต้องคัดเลือกกราฟต์ผมอย่างระมัดระวังมากขึ้น 







ปัจจัยต่อมาที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากราฟต์ผมต้นทุน นั้นคือ “แพทย์ปลูกผม” ที่ควรต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการทำงานทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การรับฟังปัญหาของผู้รับบริการ การออกแบบการรักษา ซึ่งแม้แต่การคำนวนการใช้กราฟต์ผมที่จะนำออกมาจาก Safe Zone ก็เป็นรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม ควรนำออกมาตามปริมาณการใช้เท่านั้น ไม่ควรนำออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้เสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80-100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร แต่แพทย์จะนำออกมาทั้งหมดเลยไม่ได้ แพทย์ต้องเหลือกราฟต์ผมไว้ให้เหมาะสมด้วย เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone นั้นใช้แล้วจะหมดไป ผมจะไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก จึงไม่ควรมีคำว่า “เผื่อเหลือ เผื่อขาด” ในการปลูกผมค่ะ


แล้วแพทย์ปลูกผมต้องมีศิลปะด้วยเหรอ? ใช่ค่ะ เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ความละเอียด ประณีตในการทำงานทุกขั้นตอน รวมถึงการลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ ซึ่งแพทย์จะสามารถจัดวางความหนาแน่น ทิศทาง และความเหมาะสมกลมกลืนของเส้นผมได้ตามที่ควรจะเป็น


อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ “เทคนิคในการปลูกผม” ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมด้วย เพราะการเลือกใช้ “เครื่องมือที่เหมาะสม” ก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพของกราฟต์ผมในระหว่างกระบวนการนำออกจาก Safe Zone ซึ่งเป็นกระบวนการแรกที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการปลูกผมได้แล้ว ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ผมออกนี้ กราฟต์ผมอาจกระทบกระเทือน ทำให้สูญเสียคุณภาพในการปลูก และรอยแผลจากการเจาะจะส่งผลต่อผมด้านหลังของผู้รับบริการ ผมจะเว้าแหว่ง ไม่สม่ำเสมอ กลายเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต



ทุกปัจจัยนั้นมีความสำคัญและมีรายละเอียดที่ล้วนส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการปลูก คุณหมอนิน จึงได้ออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่คุณหมอนินตั้งใจดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์ปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล อธิบายขั้นตอนการรักษาอย่างตรงไปตรงมา รับฟังความกังวลและความคาดหวังของผู้รับบริการ เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้วางแผนและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะได้หลังการปลูกร่วมกัน และที่สำคัญคือ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ ตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงการปลูกผมกราฟต์สุดท้าย และสิ่งที่หลายคนมักจะลืมนึกถึงคือ การดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนิน ก็จะดูแล Follow Up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองตลอด 1 ปี เพราะเราเชื่อมั่นว่า หากทุกกระบวนการในการปลูกผมดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีค่ะ 
“กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
รู้จัก “กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่คะ ว่าทำไมคนที่ปลูกผมมาเหมือนกันแต่ผลลัพธ์ถึงดูแตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะการปลูกผมนั้นมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเส้นผมหลังปลูก แล้วจะมีอะไรบ้างนั้น เรารวบรวมมาไว้ในบทความนี้ค่ะ

ปัจจัยแรกคือ “กราฟต์ผม = ต้นทุนของการปลูกผม” แพทย์จะเลือกกราฟต์ผมจากพื้นที่ Safe Zone ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากเส้นผมในพื้นที่นี้จะไม่ถูกผลกระทบจากฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุหลักของการหลุดร่วงของเส้นผม การเลือกกราฟต์ผมจากบริเวณนี้จึงจะทำให้เส้นผมที่ปลูกจะเติบโตได้ดีและไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งลักษณะของเส้นผมในบริเวณ Safe Zone นี้ก็ยังมีความหลากหลายอยู่ด้วย ในบางคน รูรากผมอาจมีเพียงเส้นเดียว ในขณะที่บางคนก็อาจมีผม 2-3 เส้น และในคนที่กราฟต์ผมแข็งแรงมากๆ ก็อาจมีได้มากถึง 3-4 เส้น ซึ่งความแข็งแรงของเส้นผมในบริเวณนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญหลังการปลูกผม หากเส้นผมที่ปลูกมีคุณภาพดี ก็จะช่วยให้ผมที่ปลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผมที่หนาและแข็งแรง ในทางตรงกันข้าม หากเส้นผมไม่แข็งแรงพอ ผลลัพธ์อาจทำให้ผมดูไม่หนาแน่นเท่าที่ควร

หากจะลงลึกถึงความแตกต่างของลักษณะและความแข็งแรงของเส้นผมของแต่ละบุคคลนั้นว่าขึ้นอยู่กับอะไร ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ อาทิ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เพศ และวัย โดยเฉพาะอายุของผู้ที่ต้องการปลูกผม หากอายุน้อย เส้นผมยังแข็งแรงและมีจำนวนมาก การเก็บกราฟต์ผมก็จะได้ปริมาณมาก เพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากอายุมากขึ้น ผมอาจเริ่มหลุดร่วงและมีเส้นผมบางลง สุขภาพผมไม่แข็งแรง การเก็บกราฟต์ผมจะมีข้อจำกัดและอาจได้จำนวนผมต้นทุนน้อยกว่า เพราะแพทย์ต้องคัดเลือกกราฟต์ผมอย่างระมัดระวังมากขึ้น 







ปัจจัยต่อมาที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากราฟต์ผมต้นทุน นั้นคือ “แพทย์ปลูกผม” ที่ควรต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการทำงานทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การรับฟังปัญหาของผู้รับบริการ การออกแบบการรักษา ซึ่งแม้แต่การคำนวนการใช้กราฟต์ผมที่จะนำออกมาจาก Safe Zone ก็เป็นรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม ควรนำออกมาตามปริมาณการใช้เท่านั้น ไม่ควรนำออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้เสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80-100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร แต่แพทย์จะนำออกมาทั้งหมดเลยไม่ได้ แพทย์ต้องเหลือกราฟต์ผมไว้ให้เหมาะสมด้วย เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone นั้นใช้แล้วจะหมดไป ผมจะไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก จึงไม่ควรมีคำว่า “เผื่อเหลือ เผื่อขาด” ในการปลูกผมค่ะ


แล้วแพทย์ปลูกผมต้องมีศิลปะด้วยเหรอ? ใช่ค่ะ เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ความละเอียด ประณีตในการทำงานทุกขั้นตอน รวมถึงการลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ ซึ่งแพทย์จะสามารถจัดวางความหนาแน่น ทิศทาง และความเหมาะสมกลมกลืนของเส้นผมได้ตามที่ควรจะเป็น


อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ “เทคนิคในการปลูกผม” ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมด้วย เพราะการเลือกใช้ “เครื่องมือที่เหมาะสม” ก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพของกราฟต์ผมในระหว่างกระบวนการนำออกจาก Safe Zone ซึ่งเป็นกระบวนการแรกที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการปลูกผมได้แล้ว ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ผมออกนี้ กราฟต์ผมอาจกระทบกระเทือน ทำให้สูญเสียคุณภาพในการปลูก และรอยแผลจากการเจาะจะส่งผลต่อผมด้านหลังของผู้รับบริการ ผมจะเว้าแหว่ง ไม่สม่ำเสมอ กลายเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต



ทุกปัจจัยนั้นมีความสำคัญและมีรายละเอียดที่ล้วนส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการปลูก คุณหมอนิน จึงได้ออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่คุณหมอนินตั้งใจดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์ปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล อธิบายขั้นตอนการรักษาอย่างตรงไปตรงมา รับฟังความกังวลและความคาดหวังของผู้รับบริการ เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้วางแผนและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะได้หลังการปลูกร่วมกัน และที่สำคัญคือ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ ตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงการปลูกผมกราฟต์สุดท้าย และสิ่งที่หลายคนมักจะลืมนึกถึงคือ การดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนิน ก็จะดูแล Follow Up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองตลอด 1 ปี เพราะเราเชื่อมั่นว่า หากทุกกระบวนการในการปลูกผมดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีค่ะ 
“กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
รู้จัก “กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่คะ ว่าทำไมคนที่ปลูกผมมาเหมือนกันแต่ผลลัพธ์ถึงดูแตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะการปลูกผมนั้นมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเส้นผมหลังปลูก แล้วจะมีอะไรบ้างนั้น เรารวบรวมมาไว้ในบทความนี้ค่ะ

ปัจจัยแรกคือ “กราฟต์ผม = ต้นทุนของการปลูกผม” แพทย์จะเลือกกราฟต์ผมจากพื้นที่ Safe Zone ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากเส้นผมในพื้นที่นี้จะไม่ถูกผลกระทบจากฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุหลักของการหลุดร่วงของเส้นผม การเลือกกราฟต์ผมจากบริเวณนี้จึงจะทำให้เส้นผมที่ปลูกจะเติบโตได้ดีและไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งลักษณะของเส้นผมในบริเวณ Safe Zone นี้ก็ยังมีความหลากหลายอยู่ด้วย ในบางคน รูรากผมอาจมีเพียงเส้นเดียว ในขณะที่บางคนก็อาจมีผม 2-3 เส้น และในคนที่กราฟต์ผมแข็งแรงมากๆ ก็อาจมีได้มากถึง 3-4 เส้น ซึ่งความแข็งแรงของเส้นผมในบริเวณนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญหลังการปลูกผม หากเส้นผมที่ปลูกมีคุณภาพดี ก็จะช่วยให้ผมที่ปลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผมที่หนาและแข็งแรง ในทางตรงกันข้าม หากเส้นผมไม่แข็งแรงพอ ผลลัพธ์อาจทำให้ผมดูไม่หนาแน่นเท่าที่ควร

หากจะลงลึกถึงความแตกต่างของลักษณะและความแข็งแรงของเส้นผมของแต่ละบุคคลนั้นว่าขึ้นอยู่กับอะไร ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ อาทิ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เพศ และวัย โดยเฉพาะอายุของผู้ที่ต้องการปลูกผม หากอายุน้อย เส้นผมยังแข็งแรงและมีจำนวนมาก การเก็บกราฟต์ผมก็จะได้ปริมาณมาก เพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากอายุมากขึ้น ผมอาจเริ่มหลุดร่วงและมีเส้นผมบางลง สุขภาพผมไม่แข็งแรง การเก็บกราฟต์ผมจะมีข้อจำกัดและอาจได้จำนวนผมต้นทุนน้อยกว่า เพราะแพทย์ต้องคัดเลือกกราฟต์ผมอย่างระมัดระวังมากขึ้น 







ปัจจัยต่อมาที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากราฟต์ผมต้นทุน นั้นคือ “แพทย์ปลูกผม” ที่ควรต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการทำงานทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การรับฟังปัญหาของผู้รับบริการ การออกแบบการรักษา ซึ่งแม้แต่การคำนวนการใช้กราฟต์ผมที่จะนำออกมาจาก Safe Zone ก็เป็นรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม ควรนำออกมาตามปริมาณการใช้เท่านั้น ไม่ควรนำออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้เสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80-100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร แต่แพทย์จะนำออกมาทั้งหมดเลยไม่ได้ แพทย์ต้องเหลือกราฟต์ผมไว้ให้เหมาะสมด้วย เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone นั้นใช้แล้วจะหมดไป ผมจะไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก จึงไม่ควรมีคำว่า “เผื่อเหลือ เผื่อขาด” ในการปลูกผมค่ะ


แล้วแพทย์ปลูกผมต้องมีศิลปะด้วยเหรอ? ใช่ค่ะ เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ความละเอียด ประณีตในการทำงานทุกขั้นตอน รวมถึงการลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ ซึ่งแพทย์จะสามารถจัดวางความหนาแน่น ทิศทาง และความเหมาะสมกลมกลืนของเส้นผมได้ตามที่ควรจะเป็น


อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ “เทคนิคในการปลูกผม” ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมด้วย เพราะการเลือกใช้ “เครื่องมือที่เหมาะสม” ก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพของกราฟต์ผมในระหว่างกระบวนการนำออกจาก Safe Zone ซึ่งเป็นกระบวนการแรกที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการปลูกผมได้แล้ว ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ผมออกนี้ กราฟต์ผมอาจกระทบกระเทือน ทำให้สูญเสียคุณภาพในการปลูก และรอยแผลจากการเจาะจะส่งผลต่อผมด้านหลังของผู้รับบริการ ผมจะเว้าแหว่ง ไม่สม่ำเสมอ กลายเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต



ทุกปัจจัยนั้นมีความสำคัญและมีรายละเอียดที่ล้วนส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการปลูก คุณหมอนิน จึงได้ออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่คุณหมอนินตั้งใจดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์ปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล อธิบายขั้นตอนการรักษาอย่างตรงไปตรงมา รับฟังความกังวลและความคาดหวังของผู้รับบริการ เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้วางแผนและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะได้หลังการปลูกร่วมกัน และที่สำคัญคือ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ ตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงการปลูกผมกราฟต์สุดท้าย และสิ่งที่หลายคนมักจะลืมนึกถึงคือ การดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนิน ก็จะดูแล Follow Up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองตลอด 1 ปี เพราะเราเชื่อมั่นว่า หากทุกกระบวนการในการปลูกผมดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีค่ะ 
ฟื้นผมอย่างไร เมื่อ “คลอรีน” ตัวร้าย ทำผมเสีย
สังเกตมั้ยว่า หากเราว่ายน้ำเป็นเวลานาน ๆ เมื่อขึ้นจากสระว่ายน้ำ และลองเอามือสัมผัสเส้นผม จะรู้สึกว่าผมที่เคยนุ่มลื่น กลับแห้งและกระด้างกว่าปกติ ซึ่งหลายคนคงเคยทราบแล้วว่า ตัวการสำคัญที่ทำร้ายผมของเรา ก็คือ “คลอรีน” ในสระว่ายน้ำ


ที่จริงแล้ว คลอรีน นับเป็นสารเคมีที่อยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนมาก ๆ เพราะในกระบวนการทำน้ำประปาที่เราใช้อาบ ซักล้าง หรือแม้กระทั่งดื่มอยู่ทุกวัน ก็ต้องผ่านการบำบัดฆ่าเชื้อโรคด้วยสารคลอรีน โดยควบคุมให้สารคลอรีนที่หลงเหลือในน้ำ ให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายและสามารถอุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย 

และด้วยจุดประสงค์เดียวกัน คลอรีนจึงเป็นสารฆ่าเชื้อตัวสำคัญที่ใช้กับสระว่ายน้ำ เนื่องจากสระว่ายน้ำมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีผู้เข้ามาใช้บริการหลากหลาย ยากต่อการดูแลทำความสะอาด ขณะที่คุณสมบัติของคลอรีนนั้น เป็นสารอนินทรีย์ทรงพลังที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นไวรัส หรือแบคทีเรีย แต่ก็มีความปลอดภัยสูงเช่นกัน ทั้งยังสามารถสลายตัวได้รวดเร็วในธรรมชาติ 

อย่างไรก็ตาม การสลายตัวของคลอรีนนั้น ก็ต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งขึ้นอยู่กับความเข้มข้นหรือปริมาณของคลอรีนในน้ำด้วย ดังนั้น เมื่อเราลงว่ายน้ำในสระ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องสัมผัสกับคลอรีนปริมาณมาก 

“คลอรีน” ตัวการทำร้ายผม??
มาลองทำความเข้าใจให้ลึกอีกนิด ว่าคลอรีนส่งผลเสียต่อเส้นผมของเราอย่างไร การที่คลอรีนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคได้ดีนั้น ก็เนื่องจากผนังเซลล์ของเจ้าเชื้อโรคต่าง ๆ มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เมื่อคลอรีนทำปฏิกิริยากับโปรตีน ซึมผ่านผนังเซลล์ และเข้าไปทำลายเอนไซม์ในเซลล์ของเชื้อโรค ก็จะทำให้เชื้อโรคตายได้ 

และถ้าใครรู้จักโครงสร้างเส้นผมของคนเรา ก็คงพอจะนึกออกแล้วว่า คลอรีนกลายเป็นตัวร้ายทำลายผมได้อย่างไร นั่นก็เพราะส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม คือ “โปรตีน” นั่นเอง โดยอยู่ในรูปของโปรตีนเส้นใยที่เรียกว่า “เคราติน” หากเส้นใยเคราตินเกาะยึดกันอย่างแข็งแรง ก็จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องเส้นผม ให้เส้นผมนุ่มลื่นสุขภาพดี ไม่อ่อนแอ เปราะบาง หรือแตกปลาย


แต่เมื่อเส้นผมสัมผัสกับคลอรีน คลอรีนจะไปทำลายโปรตีนในเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่ชอบว่ายน้ำกลางแดดแรง ๆ รังสี UV ที่มีความเข้มข้นสูง จะไปกระตุ้นให้เกล็ดผมเปิดออก ยิ่งทำให้คลอรีนแทรกซึมเข้าถึงแกนผมได้เร็วขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ความร้อนจากแสงแดดเอง รวมถึงความเป็นกรดด่างของน้ำ ก็จะทำปฏิกิริยากับคลอรีน ส่งผลทำร้ายเส้นผมรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

ผลลัพธ์ที่เกิดกับเส้นผมหลังสัมผัสสารคลอรีน จึงทำให้ผมแห้ง แข็งกระด้าง ไร้น้ำหนัก โครงสร้างผมเปราะบางและอ่อนแอลง หากใครทำสีผม ก็อาจรู้สึกว่าสีผมซีดลงอีกด้วย และคลอรีนยังไปชะล้างไขมันตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องหนังศีรษะและเส้นผมออก เส้นผมจึงยิ่งแห้ง ชี้ฟู และสูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้น

ปกป้องและฟื้นบำรุงผมเสียจาก “คลอรีน” 
แม้จะทราบแล้วว่าคลอรีนในสระว่ายน้ำส่งผลเสียต่อเส้นผม แต่แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องหันหลังให้กับกิจกรรมสุดโปรดช่วงซัมเมอร์ หรือต้องหยุดออกกำลังกายทางน้ำไป ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมของเราจากฤทธิ์ของคลอรีน

  • ลองใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผม หรือครีมปรับสภาพผม เพื่อไม่ให้คลอรีนตรงเข้าทำร้ายเส้นผมได้โดยตรง
  • สวมหมวกว่ายน้ำ เพราะนี่คือไอเท็มที่ช่วยป้องกันไม่ให้คลอรีนสัมผัสกับเส้นผมได้เป็นอย่างดี
  • หลีกเลี่ยงการลงสระว่ายน้ำช่วงเที่ยง เพื่อไม่ให้แดดร้อนจัดและรังสี UV เข้มข้น เปิดเกล็ดผมจนสามารถรับคลอรีนได้แบบเต็ม ๆ 
  • รีบอาบน้ำสระผมให้สะอาดทันทีหลังขึ้นจากสระ เพื่อขจัดสารคลอรีนที่ตกค้างอยู่บนร่างกาย หากเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมี ก็จะยิ่งช่วยถนอมเส้นผมได้ดีขึ้น
  • บำรุงผมให้แข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน เพื่อพร้อมรับมือกับมลภาวะหรือสารเคมีต่าง ๆ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น

“Namnin Hair Identify” ก้าวแรกที่ใช่ ของคนรักผม
และสำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ช่วยคนสำคัญ ในการบำรุงผมให้แข็งแรง ฟื้นฟูผมแห้งเสีย จากคลอรีนหรือสารเคมีใด ๆ ก็ตาม นามนินขอแนะนำก้าวแรกของการดูแลเส้นผมที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม นั่นคือการวิเคราะห์สภาพเส้นผม เพื่อรู้จักและเข้าใจเส้นผมของเราอย่างแท้จริง นำไปสู่การบำรุงดูแลอย่างตรงจุดในขั้นตอนต่อไป



“Namnin Hair Identify” คือโปรแกรมวิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI ซึ่งจะยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติความฉลาดและการประมวลผลที่เหนือระดับของ AI ระบบวิเคราะห์เส้นผมของนามนินจึงสามารถทำการวิเคราะห์เชิงลึกได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน หรือตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด ที่สำคัญ ยังสามารถวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ได้หลากหลาย ทั้งเรื่องของสภาพความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ

ความโดดเด่นของ Namnin Hair Identify อยู่ที่เทคโนโลยีกล้องขยายกำลังสูง ตรวจจับรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน โดยทำงานร่วมกับ AI ที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถวิเคราะห์และสร้างรายงานผลแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กลายเป็นตัวช่วยสำคัญให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมและตรงจุดได้ทันที ทั้งยังนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์คนไข้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย



ระบบวิเคราะห์ดังกล่าวยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งจะช่วยในการเปรียบเทียบผลก่อนและหลังรักษาได้อย่างชัดเจน รวมถึงช่วยในการปรับแผนการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

ขั้นตอนในการรับบริการ Namnin Hair Identify ก็สะดวกสบาย เริ่มต้นจากการเก็บภาพถ่ายมุมกว้างทั้งด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างซ้ายขวาจนครบ จากนั้นนำกล้อง Trichoscope ส่องตรวจเส้นผมและหนังศีรษะในระดับไมโครสโคปิก แล้วจึงเป็นหน้าที่ของ AI ช่วยวิเคราะห์ประมวลผล โดยมีการเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์ สรุปผลและวางแผนการรักษา เพื่อท้ายที่สุด แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาผลการวิเคราะห์อีกครั้ง ก่อนจะอธิบายให้คนไข้ฟัง และออกแบบแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมที่สุดร่วมกัน เช่นการเข้ารับบริการทรีตเมนต์   การปรับสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไปจนถึงการปลูกผมถาวร ทั้งยังสามารถจัดส่งรายงานวิเคราะห์ผลทางอีเมล และบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในระยะยาว เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามผลการรักษาอีกด้วย







ทั้งนี้ ใครที่กำลังประสบปัญหาผมแห้งเสียจากการสัมผัสคลอรีน หรือสารเคมีอื่น ๆ หนึ่งในบริการทรีตเมนต์ที่นามนินขอแนะนำ ก็คือ PHB โปรแกรมฟื้นบำรุงผมที่มอบความสะดวกสบาย และผลลัพธ์ที่สังเกตได้ตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก โดยแพทย์จะทำการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ที่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด แล้วจึงฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรง ซึ่งโปรแกรม PHB ยังสามารถลดการหลุดร่วงของเส้นผม เร่งการงอกใหม่ และเพิ่มความดกดำหนาแน่นของเส้นผมได้อีกด้วย โปรแกรมนี้จะใช้เวลาประมาณ 40 – 60 นาที ที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังเข้ารับบริการ สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือกลับไปทำงานได้เป็นปกติ

เพียงแค่รู้เทคนิควิธีปกป้องดูแลผม ฟื้นบำรุงผม และเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงผมถูกทำร้ายได้อย่างเหมาะสม เท่านี้ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ชีวิตและทำกิจกรรมโปรดได้อย่างเต็มที่ ไม่มีพลาด 





ฟื้นผมอย่างไร เมื่อ “คลอรีน” ตัวร้าย ทำผมเสีย
สังเกตมั้ยว่า หากเราว่ายน้ำเป็นเวลานาน ๆ เมื่อขึ้นจากสระว่ายน้ำ และลองเอามือสัมผัสเส้นผม จะรู้สึกว่าผมที่เคยนุ่มลื่น กลับแห้งและกระด้างกว่าปกติ ซึ่งหลายคนคงเคยทราบแล้วว่า ตัวการสำคัญที่ทำร้ายผมของเรา ก็คือ “คลอรีน” ในสระว่ายน้ำ


ที่จริงแล้ว คลอรีน นับเป็นสารเคมีที่อยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนมาก ๆ เพราะในกระบวนการทำน้ำประปาที่เราใช้อาบ ซักล้าง หรือแม้กระทั่งดื่มอยู่ทุกวัน ก็ต้องผ่านการบำบัดฆ่าเชื้อโรคด้วยสารคลอรีน โดยควบคุมให้สารคลอรีนที่หลงเหลือในน้ำ ให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายและสามารถอุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย 

และด้วยจุดประสงค์เดียวกัน คลอรีนจึงเป็นสารฆ่าเชื้อตัวสำคัญที่ใช้กับสระว่ายน้ำ เนื่องจากสระว่ายน้ำมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีผู้เข้ามาใช้บริการหลากหลาย ยากต่อการดูแลทำความสะอาด ขณะที่คุณสมบัติของคลอรีนนั้น เป็นสารอนินทรีย์ทรงพลังที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นไวรัส หรือแบคทีเรีย แต่ก็มีความปลอดภัยสูงเช่นกัน ทั้งยังสามารถสลายตัวได้รวดเร็วในธรรมชาติ 

อย่างไรก็ตาม การสลายตัวของคลอรีนนั้น ก็ต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งขึ้นอยู่กับความเข้มข้นหรือปริมาณของคลอรีนในน้ำด้วย ดังนั้น เมื่อเราลงว่ายน้ำในสระ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องสัมผัสกับคลอรีนปริมาณมาก 

“คลอรีน” ตัวการทำร้ายผม??
มาลองทำความเข้าใจให้ลึกอีกนิด ว่าคลอรีนส่งผลเสียต่อเส้นผมของเราอย่างไร การที่คลอรีนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคได้ดีนั้น ก็เนื่องจากผนังเซลล์ของเจ้าเชื้อโรคต่าง ๆ มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เมื่อคลอรีนทำปฏิกิริยากับโปรตีน ซึมผ่านผนังเซลล์ และเข้าไปทำลายเอนไซม์ในเซลล์ของเชื้อโรค ก็จะทำให้เชื้อโรคตายได้ 

และถ้าใครรู้จักโครงสร้างเส้นผมของคนเรา ก็คงพอจะนึกออกแล้วว่า คลอรีนกลายเป็นตัวร้ายทำลายผมได้อย่างไร นั่นก็เพราะส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม คือ “โปรตีน” นั่นเอง โดยอยู่ในรูปของโปรตีนเส้นใยที่เรียกว่า “เคราติน” หากเส้นใยเคราตินเกาะยึดกันอย่างแข็งแรง ก็จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องเส้นผม ให้เส้นผมนุ่มลื่นสุขภาพดี ไม่อ่อนแอ เปราะบาง หรือแตกปลาย


แต่เมื่อเส้นผมสัมผัสกับคลอรีน คลอรีนจะไปทำลายโปรตีนในเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่ชอบว่ายน้ำกลางแดดแรง ๆ รังสี UV ที่มีความเข้มข้นสูง จะไปกระตุ้นให้เกล็ดผมเปิดออก ยิ่งทำให้คลอรีนแทรกซึมเข้าถึงแกนผมได้เร็วขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ความร้อนจากแสงแดดเอง รวมถึงความเป็นกรดด่างของน้ำ ก็จะทำปฏิกิริยากับคลอรีน ส่งผลทำร้ายเส้นผมรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

ผลลัพธ์ที่เกิดกับเส้นผมหลังสัมผัสสารคลอรีน จึงทำให้ผมแห้ง แข็งกระด้าง ไร้น้ำหนัก โครงสร้างผมเปราะบางและอ่อนแอลง หากใครทำสีผม ก็อาจรู้สึกว่าสีผมซีดลงอีกด้วย และคลอรีนยังไปชะล้างไขมันตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องหนังศีรษะและเส้นผมออก เส้นผมจึงยิ่งแห้ง ชี้ฟู และสูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้น

ปกป้องและฟื้นบำรุงผมเสียจาก “คลอรีน” 
แม้จะทราบแล้วว่าคลอรีนในสระว่ายน้ำส่งผลเสียต่อเส้นผม แต่แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องหันหลังให้กับกิจกรรมสุดโปรดช่วงซัมเมอร์ หรือต้องหยุดออกกำลังกายทางน้ำไป ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมของเราจากฤทธิ์ของคลอรีน

  • ลองใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผม หรือครีมปรับสภาพผม เพื่อไม่ให้คลอรีนตรงเข้าทำร้ายเส้นผมได้โดยตรง
  • สวมหมวกว่ายน้ำ เพราะนี่คือไอเท็มที่ช่วยป้องกันไม่ให้คลอรีนสัมผัสกับเส้นผมได้เป็นอย่างดี
  • หลีกเลี่ยงการลงสระว่ายน้ำช่วงเที่ยง เพื่อไม่ให้แดดร้อนจัดและรังสี UV เข้มข้น เปิดเกล็ดผมจนสามารถรับคลอรีนได้แบบเต็ม ๆ 
  • รีบอาบน้ำสระผมให้สะอาดทันทีหลังขึ้นจากสระ เพื่อขจัดสารคลอรีนที่ตกค้างอยู่บนร่างกาย หากเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมี ก็จะยิ่งช่วยถนอมเส้นผมได้ดีขึ้น
  • บำรุงผมให้แข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน เพื่อพร้อมรับมือกับมลภาวะหรือสารเคมีต่าง ๆ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น

“Namnin Hair Identify” ก้าวแรกที่ใช่ ของคนรักผม
และสำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ช่วยคนสำคัญ ในการบำรุงผมให้แข็งแรง ฟื้นฟูผมแห้งเสีย จากคลอรีนหรือสารเคมีใด ๆ ก็ตาม นามนินขอแนะนำก้าวแรกของการดูแลเส้นผมที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม นั่นคือการวิเคราะห์สภาพเส้นผม เพื่อรู้จักและเข้าใจเส้นผมของเราอย่างแท้จริง นำไปสู่การบำรุงดูแลอย่างตรงจุดในขั้นตอนต่อไป



“Namnin Hair Identify” คือโปรแกรมวิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI ซึ่งจะยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติความฉลาดและการประมวลผลที่เหนือระดับของ AI ระบบวิเคราะห์เส้นผมของนามนินจึงสามารถทำการวิเคราะห์เชิงลึกได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน หรือตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด ที่สำคัญ ยังสามารถวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ได้หลากหลาย ทั้งเรื่องของสภาพความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ

ความโดดเด่นของ Namnin Hair Identify อยู่ที่เทคโนโลยีกล้องขยายกำลังสูง ตรวจจับรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน โดยทำงานร่วมกับ AI ที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถวิเคราะห์และสร้างรายงานผลแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กลายเป็นตัวช่วยสำคัญให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมและตรงจุดได้ทันที ทั้งยังนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์คนไข้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย



ระบบวิเคราะห์ดังกล่าวยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งจะช่วยในการเปรียบเทียบผลก่อนและหลังรักษาได้อย่างชัดเจน รวมถึงช่วยในการปรับแผนการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

ขั้นตอนในการรับบริการ Namnin Hair Identify ก็สะดวกสบาย เริ่มต้นจากการเก็บภาพถ่ายมุมกว้างทั้งด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างซ้ายขวาจนครบ จากนั้นนำกล้อง Trichoscope ส่องตรวจเส้นผมและหนังศีรษะในระดับไมโครสโคปิก แล้วจึงเป็นหน้าที่ของ AI ช่วยวิเคราะห์ประมวลผล โดยมีการเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์ สรุปผลและวางแผนการรักษา เพื่อท้ายที่สุด แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาผลการวิเคราะห์อีกครั้ง ก่อนจะอธิบายให้คนไข้ฟัง และออกแบบแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมที่สุดร่วมกัน เช่นการเข้ารับบริการทรีตเมนต์   การปรับสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไปจนถึงการปลูกผมถาวร ทั้งยังสามารถจัดส่งรายงานวิเคราะห์ผลทางอีเมล และบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในระยะยาว เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามผลการรักษาอีกด้วย







ทั้งนี้ ใครที่กำลังประสบปัญหาผมแห้งเสียจากการสัมผัสคลอรีน หรือสารเคมีอื่น ๆ หนึ่งในบริการทรีตเมนต์ที่นามนินขอแนะนำ ก็คือ PHB โปรแกรมฟื้นบำรุงผมที่มอบความสะดวกสบาย และผลลัพธ์ที่สังเกตได้ตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก โดยแพทย์จะทำการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ที่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด แล้วจึงฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรง ซึ่งโปรแกรม PHB ยังสามารถลดการหลุดร่วงของเส้นผม เร่งการงอกใหม่ และเพิ่มความดกดำหนาแน่นของเส้นผมได้อีกด้วย โปรแกรมนี้จะใช้เวลาประมาณ 40 – 60 นาที ที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังเข้ารับบริการ สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือกลับไปทำงานได้เป็นปกติ

เพียงแค่รู้เทคนิควิธีปกป้องดูแลผม ฟื้นบำรุงผม และเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงผมถูกทำร้ายได้อย่างเหมาะสม เท่านี้ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ชีวิตและทำกิจกรรมโปรดได้อย่างเต็มที่ ไม่มีพลาด 





ฟื้นผมอย่างไร เมื่อ “คลอรีน” ตัวร้าย ทำผมเสีย
สังเกตมั้ยว่า หากเราว่ายน้ำเป็นเวลานาน ๆ เมื่อขึ้นจากสระว่ายน้ำ และลองเอามือสัมผัสเส้นผม จะรู้สึกว่าผมที่เคยนุ่มลื่น กลับแห้งและกระด้างกว่าปกติ ซึ่งหลายคนคงเคยทราบแล้วว่า ตัวการสำคัญที่ทำร้ายผมของเรา ก็คือ “คลอรีน” ในสระว่ายน้ำ


ที่จริงแล้ว คลอรีน นับเป็นสารเคมีที่อยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนมาก ๆ เพราะในกระบวนการทำน้ำประปาที่เราใช้อาบ ซักล้าง หรือแม้กระทั่งดื่มอยู่ทุกวัน ก็ต้องผ่านการบำบัดฆ่าเชื้อโรคด้วยสารคลอรีน โดยควบคุมให้สารคลอรีนที่หลงเหลือในน้ำ ให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายและสามารถอุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย 

และด้วยจุดประสงค์เดียวกัน คลอรีนจึงเป็นสารฆ่าเชื้อตัวสำคัญที่ใช้กับสระว่ายน้ำ เนื่องจากสระว่ายน้ำมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีผู้เข้ามาใช้บริการหลากหลาย ยากต่อการดูแลทำความสะอาด ขณะที่คุณสมบัติของคลอรีนนั้น เป็นสารอนินทรีย์ทรงพลังที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นไวรัส หรือแบคทีเรีย แต่ก็มีความปลอดภัยสูงเช่นกัน ทั้งยังสามารถสลายตัวได้รวดเร็วในธรรมชาติ 

อย่างไรก็ตาม การสลายตัวของคลอรีนนั้น ก็ต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งขึ้นอยู่กับความเข้มข้นหรือปริมาณของคลอรีนในน้ำด้วย ดังนั้น เมื่อเราลงว่ายน้ำในสระ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องสัมผัสกับคลอรีนปริมาณมาก 

“คลอรีน” ตัวการทำร้ายผม??
มาลองทำความเข้าใจให้ลึกอีกนิด ว่าคลอรีนส่งผลเสียต่อเส้นผมของเราอย่างไร การที่คลอรีนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคได้ดีนั้น ก็เนื่องจากผนังเซลล์ของเจ้าเชื้อโรคต่าง ๆ มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เมื่อคลอรีนทำปฏิกิริยากับโปรตีน ซึมผ่านผนังเซลล์ และเข้าไปทำลายเอนไซม์ในเซลล์ของเชื้อโรค ก็จะทำให้เชื้อโรคตายได้ 

และถ้าใครรู้จักโครงสร้างเส้นผมของคนเรา ก็คงพอจะนึกออกแล้วว่า คลอรีนกลายเป็นตัวร้ายทำลายผมได้อย่างไร นั่นก็เพราะส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม คือ “โปรตีน” นั่นเอง โดยอยู่ในรูปของโปรตีนเส้นใยที่เรียกว่า “เคราติน” หากเส้นใยเคราตินเกาะยึดกันอย่างแข็งแรง ก็จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องเส้นผม ให้เส้นผมนุ่มลื่นสุขภาพดี ไม่อ่อนแอ เปราะบาง หรือแตกปลาย


แต่เมื่อเส้นผมสัมผัสกับคลอรีน คลอรีนจะไปทำลายโปรตีนในเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่ชอบว่ายน้ำกลางแดดแรง ๆ รังสี UV ที่มีความเข้มข้นสูง จะไปกระตุ้นให้เกล็ดผมเปิดออก ยิ่งทำให้คลอรีนแทรกซึมเข้าถึงแกนผมได้เร็วขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ความร้อนจากแสงแดดเอง รวมถึงความเป็นกรดด่างของน้ำ ก็จะทำปฏิกิริยากับคลอรีน ส่งผลทำร้ายเส้นผมรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

ผลลัพธ์ที่เกิดกับเส้นผมหลังสัมผัสสารคลอรีน จึงทำให้ผมแห้ง แข็งกระด้าง ไร้น้ำหนัก โครงสร้างผมเปราะบางและอ่อนแอลง หากใครทำสีผม ก็อาจรู้สึกว่าสีผมซีดลงอีกด้วย และคลอรีนยังไปชะล้างไขมันตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องหนังศีรษะและเส้นผมออก เส้นผมจึงยิ่งแห้ง ชี้ฟู และสูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้น

ปกป้องและฟื้นบำรุงผมเสียจาก “คลอรีน” 
แม้จะทราบแล้วว่าคลอรีนในสระว่ายน้ำส่งผลเสียต่อเส้นผม แต่แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องหันหลังให้กับกิจกรรมสุดโปรดช่วงซัมเมอร์ หรือต้องหยุดออกกำลังกายทางน้ำไป ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมของเราจากฤทธิ์ของคลอรีน

  • ลองใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผม หรือครีมปรับสภาพผม เพื่อไม่ให้คลอรีนตรงเข้าทำร้ายเส้นผมได้โดยตรง
  • สวมหมวกว่ายน้ำ เพราะนี่คือไอเท็มที่ช่วยป้องกันไม่ให้คลอรีนสัมผัสกับเส้นผมได้เป็นอย่างดี
  • หลีกเลี่ยงการลงสระว่ายน้ำช่วงเที่ยง เพื่อไม่ให้แดดร้อนจัดและรังสี UV เข้มข้น เปิดเกล็ดผมจนสามารถรับคลอรีนได้แบบเต็ม ๆ 
  • รีบอาบน้ำสระผมให้สะอาดทันทีหลังขึ้นจากสระ เพื่อขจัดสารคลอรีนที่ตกค้างอยู่บนร่างกาย หากเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมี ก็จะยิ่งช่วยถนอมเส้นผมได้ดีขึ้น
  • บำรุงผมให้แข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน เพื่อพร้อมรับมือกับมลภาวะหรือสารเคมีต่าง ๆ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น

“Namnin Hair Identify” ก้าวแรกที่ใช่ ของคนรักผม
และสำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ช่วยคนสำคัญ ในการบำรุงผมให้แข็งแรง ฟื้นฟูผมแห้งเสีย จากคลอรีนหรือสารเคมีใด ๆ ก็ตาม นามนินขอแนะนำก้าวแรกของการดูแลเส้นผมที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม นั่นคือการวิเคราะห์สภาพเส้นผม เพื่อรู้จักและเข้าใจเส้นผมของเราอย่างแท้จริง นำไปสู่การบำรุงดูแลอย่างตรงจุดในขั้นตอนต่อไป



“Namnin Hair Identify” คือโปรแกรมวิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI ซึ่งจะยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติความฉลาดและการประมวลผลที่เหนือระดับของ AI ระบบวิเคราะห์เส้นผมของนามนินจึงสามารถทำการวิเคราะห์เชิงลึกได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน หรือตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด ที่สำคัญ ยังสามารถวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ได้หลากหลาย ทั้งเรื่องของสภาพความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ

ความโดดเด่นของ Namnin Hair Identify อยู่ที่เทคโนโลยีกล้องขยายกำลังสูง ตรวจจับรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน โดยทำงานร่วมกับ AI ที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถวิเคราะห์และสร้างรายงานผลแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กลายเป็นตัวช่วยสำคัญให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมและตรงจุดได้ทันที ทั้งยังนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์คนไข้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย



ระบบวิเคราะห์ดังกล่าวยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งจะช่วยในการเปรียบเทียบผลก่อนและหลังรักษาได้อย่างชัดเจน รวมถึงช่วยในการปรับแผนการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

ขั้นตอนในการรับบริการ Namnin Hair Identify ก็สะดวกสบาย เริ่มต้นจากการเก็บภาพถ่ายมุมกว้างทั้งด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างซ้ายขวาจนครบ จากนั้นนำกล้อง Trichoscope ส่องตรวจเส้นผมและหนังศีรษะในระดับไมโครสโคปิก แล้วจึงเป็นหน้าที่ของ AI ช่วยวิเคราะห์ประมวลผล โดยมีการเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์ สรุปผลและวางแผนการรักษา เพื่อท้ายที่สุด แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาผลการวิเคราะห์อีกครั้ง ก่อนจะอธิบายให้คนไข้ฟัง และออกแบบแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมที่สุดร่วมกัน เช่นการเข้ารับบริการทรีตเมนต์   การปรับสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไปจนถึงการปลูกผมถาวร ทั้งยังสามารถจัดส่งรายงานวิเคราะห์ผลทางอีเมล และบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในระยะยาว เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามผลการรักษาอีกด้วย







ทั้งนี้ ใครที่กำลังประสบปัญหาผมแห้งเสียจากการสัมผัสคลอรีน หรือสารเคมีอื่น ๆ หนึ่งในบริการทรีตเมนต์ที่นามนินขอแนะนำ ก็คือ PHB โปรแกรมฟื้นบำรุงผมที่มอบความสะดวกสบาย และผลลัพธ์ที่สังเกตได้ตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก โดยแพทย์จะทำการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ที่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด แล้วจึงฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรง ซึ่งโปรแกรม PHB ยังสามารถลดการหลุดร่วงของเส้นผม เร่งการงอกใหม่ และเพิ่มความดกดำหนาแน่นของเส้นผมได้อีกด้วย โปรแกรมนี้จะใช้เวลาประมาณ 40 – 60 นาที ที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังเข้ารับบริการ สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือกลับไปทำงานได้เป็นปกติ

เพียงแค่รู้เทคนิควิธีปกป้องดูแลผม ฟื้นบำรุงผม และเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงผมถูกทำร้ายได้อย่างเหมาะสม เท่านี้ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ชีวิตและทำกิจกรรมโปรดได้อย่างเต็มที่ ไม่มีพลาด 





ฟื้นผมอย่างไร เมื่อ “คลอรีน” ตัวร้าย ทำผมเสีย
สังเกตมั้ยว่า หากเราว่ายน้ำเป็นเวลานาน ๆ เมื่อขึ้นจากสระว่ายน้ำ และลองเอามือสัมผัสเส้นผม จะรู้สึกว่าผมที่เคยนุ่มลื่น กลับแห้งและกระด้างกว่าปกติ ซึ่งหลายคนคงเคยทราบแล้วว่า ตัวการสำคัญที่ทำร้ายผมของเรา ก็คือ “คลอรีน” ในสระว่ายน้ำ


ที่จริงแล้ว คลอรีน นับเป็นสารเคมีที่อยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนมาก ๆ เพราะในกระบวนการทำน้ำประปาที่เราใช้อาบ ซักล้าง หรือแม้กระทั่งดื่มอยู่ทุกวัน ก็ต้องผ่านการบำบัดฆ่าเชื้อโรคด้วยสารคลอรีน โดยควบคุมให้สารคลอรีนที่หลงเหลือในน้ำ ให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายและสามารถอุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย 

และด้วยจุดประสงค์เดียวกัน คลอรีนจึงเป็นสารฆ่าเชื้อตัวสำคัญที่ใช้กับสระว่ายน้ำ เนื่องจากสระว่ายน้ำมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีผู้เข้ามาใช้บริการหลากหลาย ยากต่อการดูแลทำความสะอาด ขณะที่คุณสมบัติของคลอรีนนั้น เป็นสารอนินทรีย์ทรงพลังที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นไวรัส หรือแบคทีเรีย แต่ก็มีความปลอดภัยสูงเช่นกัน ทั้งยังสามารถสลายตัวได้รวดเร็วในธรรมชาติ 

อย่างไรก็ตาม การสลายตัวของคลอรีนนั้น ก็ต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งขึ้นอยู่กับความเข้มข้นหรือปริมาณของคลอรีนในน้ำด้วย ดังนั้น เมื่อเราลงว่ายน้ำในสระ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องสัมผัสกับคลอรีนปริมาณมาก 

“คลอรีน” ตัวการทำร้ายผม??
มาลองทำความเข้าใจให้ลึกอีกนิด ว่าคลอรีนส่งผลเสียต่อเส้นผมของเราอย่างไร การที่คลอรีนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคได้ดีนั้น ก็เนื่องจากผนังเซลล์ของเจ้าเชื้อโรคต่าง ๆ มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เมื่อคลอรีนทำปฏิกิริยากับโปรตีน ซึมผ่านผนังเซลล์ และเข้าไปทำลายเอนไซม์ในเซลล์ของเชื้อโรค ก็จะทำให้เชื้อโรคตายได้ 

และถ้าใครรู้จักโครงสร้างเส้นผมของคนเรา ก็คงพอจะนึกออกแล้วว่า คลอรีนกลายเป็นตัวร้ายทำลายผมได้อย่างไร นั่นก็เพราะส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม คือ “โปรตีน” นั่นเอง โดยอยู่ในรูปของโปรตีนเส้นใยที่เรียกว่า “เคราติน” หากเส้นใยเคราตินเกาะยึดกันอย่างแข็งแรง ก็จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องเส้นผม ให้เส้นผมนุ่มลื่นสุขภาพดี ไม่อ่อนแอ เปราะบาง หรือแตกปลาย


แต่เมื่อเส้นผมสัมผัสกับคลอรีน คลอรีนจะไปทำลายโปรตีนในเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่ชอบว่ายน้ำกลางแดดแรง ๆ รังสี UV ที่มีความเข้มข้นสูง จะไปกระตุ้นให้เกล็ดผมเปิดออก ยิ่งทำให้คลอรีนแทรกซึมเข้าถึงแกนผมได้เร็วขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ความร้อนจากแสงแดดเอง รวมถึงความเป็นกรดด่างของน้ำ ก็จะทำปฏิกิริยากับคลอรีน ส่งผลทำร้ายเส้นผมรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

ผลลัพธ์ที่เกิดกับเส้นผมหลังสัมผัสสารคลอรีน จึงทำให้ผมแห้ง แข็งกระด้าง ไร้น้ำหนัก โครงสร้างผมเปราะบางและอ่อนแอลง หากใครทำสีผม ก็อาจรู้สึกว่าสีผมซีดลงอีกด้วย และคลอรีนยังไปชะล้างไขมันตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องหนังศีรษะและเส้นผมออก เส้นผมจึงยิ่งแห้ง ชี้ฟู และสูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้น

ปกป้องและฟื้นบำรุงผมเสียจาก “คลอรีน” 
แม้จะทราบแล้วว่าคลอรีนในสระว่ายน้ำส่งผลเสียต่อเส้นผม แต่แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องหันหลังให้กับกิจกรรมสุดโปรดช่วงซัมเมอร์ หรือต้องหยุดออกกำลังกายทางน้ำไป ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมของเราจากฤทธิ์ของคลอรีน

  • ลองใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผม หรือครีมปรับสภาพผม เพื่อไม่ให้คลอรีนตรงเข้าทำร้ายเส้นผมได้โดยตรง
  • สวมหมวกว่ายน้ำ เพราะนี่คือไอเท็มที่ช่วยป้องกันไม่ให้คลอรีนสัมผัสกับเส้นผมได้เป็นอย่างดี
  • หลีกเลี่ยงการลงสระว่ายน้ำช่วงเที่ยง เพื่อไม่ให้แดดร้อนจัดและรังสี UV เข้มข้น เปิดเกล็ดผมจนสามารถรับคลอรีนได้แบบเต็ม ๆ 
  • รีบอาบน้ำสระผมให้สะอาดทันทีหลังขึ้นจากสระ เพื่อขจัดสารคลอรีนที่ตกค้างอยู่บนร่างกาย หากเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมี ก็จะยิ่งช่วยถนอมเส้นผมได้ดีขึ้น
  • บำรุงผมให้แข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน เพื่อพร้อมรับมือกับมลภาวะหรือสารเคมีต่าง ๆ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น

“Namnin Hair Identify” ก้าวแรกที่ใช่ ของคนรักผม
และสำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ช่วยคนสำคัญ ในการบำรุงผมให้แข็งแรง ฟื้นฟูผมแห้งเสีย จากคลอรีนหรือสารเคมีใด ๆ ก็ตาม นามนินขอแนะนำก้าวแรกของการดูแลเส้นผมที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม นั่นคือการวิเคราะห์สภาพเส้นผม เพื่อรู้จักและเข้าใจเส้นผมของเราอย่างแท้จริง นำไปสู่การบำรุงดูแลอย่างตรงจุดในขั้นตอนต่อไป



“Namnin Hair Identify” คือโปรแกรมวิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI ซึ่งจะยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติความฉลาดและการประมวลผลที่เหนือระดับของ AI ระบบวิเคราะห์เส้นผมของนามนินจึงสามารถทำการวิเคราะห์เชิงลึกได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน หรือตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด ที่สำคัญ ยังสามารถวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ได้หลากหลาย ทั้งเรื่องของสภาพความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ

ความโดดเด่นของ Namnin Hair Identify อยู่ที่เทคโนโลยีกล้องขยายกำลังสูง ตรวจจับรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน โดยทำงานร่วมกับ AI ที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถวิเคราะห์และสร้างรายงานผลแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กลายเป็นตัวช่วยสำคัญให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมและตรงจุดได้ทันที ทั้งยังนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์คนไข้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย



ระบบวิเคราะห์ดังกล่าวยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งจะช่วยในการเปรียบเทียบผลก่อนและหลังรักษาได้อย่างชัดเจน รวมถึงช่วยในการปรับแผนการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

ขั้นตอนในการรับบริการ Namnin Hair Identify ก็สะดวกสบาย เริ่มต้นจากการเก็บภาพถ่ายมุมกว้างทั้งด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างซ้ายขวาจนครบ จากนั้นนำกล้อง Trichoscope ส่องตรวจเส้นผมและหนังศีรษะในระดับไมโครสโคปิก แล้วจึงเป็นหน้าที่ของ AI ช่วยวิเคราะห์ประมวลผล โดยมีการเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์ สรุปผลและวางแผนการรักษา เพื่อท้ายที่สุด แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาผลการวิเคราะห์อีกครั้ง ก่อนจะอธิบายให้คนไข้ฟัง และออกแบบแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมที่สุดร่วมกัน เช่นการเข้ารับบริการทรีตเมนต์   การปรับสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไปจนถึงการปลูกผมถาวร ทั้งยังสามารถจัดส่งรายงานวิเคราะห์ผลทางอีเมล และบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในระยะยาว เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามผลการรักษาอีกด้วย







ทั้งนี้ ใครที่กำลังประสบปัญหาผมแห้งเสียจากการสัมผัสคลอรีน หรือสารเคมีอื่น ๆ หนึ่งในบริการทรีตเมนต์ที่นามนินขอแนะนำ ก็คือ PHB โปรแกรมฟื้นบำรุงผมที่มอบความสะดวกสบาย และผลลัพธ์ที่สังเกตได้ตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก โดยแพทย์จะทำการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ที่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด แล้วจึงฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรง ซึ่งโปรแกรม PHB ยังสามารถลดการหลุดร่วงของเส้นผม เร่งการงอกใหม่ และเพิ่มความดกดำหนาแน่นของเส้นผมได้อีกด้วย โปรแกรมนี้จะใช้เวลาประมาณ 40 – 60 นาที ที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังเข้ารับบริการ สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือกลับไปทำงานได้เป็นปกติ

เพียงแค่รู้เทคนิควิธีปกป้องดูแลผม ฟื้นบำรุงผม และเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงผมถูกทำร้ายได้อย่างเหมาะสม เท่านี้ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ชีวิตและทำกิจกรรมโปรดได้อย่างเต็มที่ ไม่มีพลาด 





ฟื้นผมอย่างไร เมื่อ “คลอรีน” ตัวร้าย ทำผมเสีย
สังเกตมั้ยว่า หากเราว่ายน้ำเป็นเวลานาน ๆ เมื่อขึ้นจากสระว่ายน้ำ และลองเอามือสัมผัสเส้นผม จะรู้สึกว่าผมที่เคยนุ่มลื่น กลับแห้งและกระด้างกว่าปกติ ซึ่งหลายคนคงเคยทราบแล้วว่า ตัวการสำคัญที่ทำร้ายผมของเรา ก็คือ “คลอรีน” ในสระว่ายน้ำ


ที่จริงแล้ว คลอรีน นับเป็นสารเคมีที่อยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนมาก ๆ เพราะในกระบวนการทำน้ำประปาที่เราใช้อาบ ซักล้าง หรือแม้กระทั่งดื่มอยู่ทุกวัน ก็ต้องผ่านการบำบัดฆ่าเชื้อโรคด้วยสารคลอรีน โดยควบคุมให้สารคลอรีนที่หลงเหลือในน้ำ ให้อยู่ในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายและสามารถอุปโภคบริโภคได้อย่างปลอดภัย 

และด้วยจุดประสงค์เดียวกัน คลอรีนจึงเป็นสารฆ่าเชื้อตัวสำคัญที่ใช้กับสระว่ายน้ำ เนื่องจากสระว่ายน้ำมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีผู้เข้ามาใช้บริการหลากหลาย ยากต่อการดูแลทำความสะอาด ขณะที่คุณสมบัติของคลอรีนนั้น เป็นสารอนินทรีย์ทรงพลังที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นไวรัส หรือแบคทีเรีย แต่ก็มีความปลอดภัยสูงเช่นกัน ทั้งยังสามารถสลายตัวได้รวดเร็วในธรรมชาติ 

อย่างไรก็ตาม การสลายตัวของคลอรีนนั้น ก็ต้องอาศัยระยะเวลา ซึ่งขึ้นอยู่กับความเข้มข้นหรือปริมาณของคลอรีนในน้ำด้วย ดังนั้น เมื่อเราลงว่ายน้ำในสระ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องสัมผัสกับคลอรีนปริมาณมาก 

“คลอรีน” ตัวการทำร้ายผม??
มาลองทำความเข้าใจให้ลึกอีกนิด ว่าคลอรีนส่งผลเสียต่อเส้นผมของเราอย่างไร การที่คลอรีนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคได้ดีนั้น ก็เนื่องจากผนังเซลล์ของเจ้าเชื้อโรคต่าง ๆ มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ เมื่อคลอรีนทำปฏิกิริยากับโปรตีน ซึมผ่านผนังเซลล์ และเข้าไปทำลายเอนไซม์ในเซลล์ของเชื้อโรค ก็จะทำให้เชื้อโรคตายได้ 

และถ้าใครรู้จักโครงสร้างเส้นผมของคนเรา ก็คงพอจะนึกออกแล้วว่า คลอรีนกลายเป็นตัวร้ายทำลายผมได้อย่างไร นั่นก็เพราะส่วนประกอบสำคัญของเส้นผม คือ “โปรตีน” นั่นเอง โดยอยู่ในรูปของโปรตีนเส้นใยที่เรียกว่า “เคราติน” หากเส้นใยเคราตินเกาะยึดกันอย่างแข็งแรง ก็จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องเส้นผม ให้เส้นผมนุ่มลื่นสุขภาพดี ไม่อ่อนแอ เปราะบาง หรือแตกปลาย


แต่เมื่อเส้นผมสัมผัสกับคลอรีน คลอรีนจะไปทำลายโปรตีนในเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่ชอบว่ายน้ำกลางแดดแรง ๆ รังสี UV ที่มีความเข้มข้นสูง จะไปกระตุ้นให้เกล็ดผมเปิดออก ยิ่งทำให้คลอรีนแทรกซึมเข้าถึงแกนผมได้เร็วขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ความร้อนจากแสงแดดเอง รวมถึงความเป็นกรดด่างของน้ำ ก็จะทำปฏิกิริยากับคลอรีน ส่งผลทำร้ายเส้นผมรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

ผลลัพธ์ที่เกิดกับเส้นผมหลังสัมผัสสารคลอรีน จึงทำให้ผมแห้ง แข็งกระด้าง ไร้น้ำหนัก โครงสร้างผมเปราะบางและอ่อนแอลง หากใครทำสีผม ก็อาจรู้สึกว่าสีผมซีดลงอีกด้วย และคลอรีนยังไปชะล้างไขมันตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องหนังศีรษะและเส้นผมออก เส้นผมจึงยิ่งแห้ง ชี้ฟู และสูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้น

ปกป้องและฟื้นบำรุงผมเสียจาก “คลอรีน” 
แม้จะทราบแล้วว่าคลอรีนในสระว่ายน้ำส่งผลเสียต่อเส้นผม แต่แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องหันหลังให้กับกิจกรรมสุดโปรดช่วงซัมเมอร์ หรือต้องหยุดออกกำลังกายทางน้ำไป ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมของเราจากฤทธิ์ของคลอรีน

  • ลองใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผม หรือครีมปรับสภาพผม เพื่อไม่ให้คลอรีนตรงเข้าทำร้ายเส้นผมได้โดยตรง
  • สวมหมวกว่ายน้ำ เพราะนี่คือไอเท็มที่ช่วยป้องกันไม่ให้คลอรีนสัมผัสกับเส้นผมได้เป็นอย่างดี
  • หลีกเลี่ยงการลงสระว่ายน้ำช่วงเที่ยง เพื่อไม่ให้แดดร้อนจัดและรังสี UV เข้มข้น เปิดเกล็ดผมจนสามารถรับคลอรีนได้แบบเต็ม ๆ 
  • รีบอาบน้ำสระผมให้สะอาดทันทีหลังขึ้นจากสระ เพื่อขจัดสารคลอรีนที่ตกค้างอยู่บนร่างกาย หากเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมี ก็จะยิ่งช่วยถนอมเส้นผมได้ดีขึ้น
  • บำรุงผมให้แข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน เพื่อพร้อมรับมือกับมลภาวะหรือสารเคมีต่าง ๆ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น

“Namnin Hair Identify” ก้าวแรกที่ใช่ ของคนรักผม
และสำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ช่วยคนสำคัญ ในการบำรุงผมให้แข็งแรง ฟื้นฟูผมแห้งเสีย จากคลอรีนหรือสารเคมีใด ๆ ก็ตาม นามนินขอแนะนำก้าวแรกของการดูแลเส้นผมที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม นั่นคือการวิเคราะห์สภาพเส้นผม เพื่อรู้จักและเข้าใจเส้นผมของเราอย่างแท้จริง นำไปสู่การบำรุงดูแลอย่างตรงจุดในขั้นตอนต่อไป



“Namnin Hair Identify” คือโปรแกรมวิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI ซึ่งจะยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติความฉลาดและการประมวลผลที่เหนือระดับของ AI ระบบวิเคราะห์เส้นผมของนามนินจึงสามารถทำการวิเคราะห์เชิงลึกได้ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน หรือตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด ที่สำคัญ ยังสามารถวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ได้หลากหลาย ทั้งเรื่องของสภาพความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ

ความโดดเด่นของ Namnin Hair Identify อยู่ที่เทคโนโลยีกล้องขยายกำลังสูง ตรวจจับรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน โดยทำงานร่วมกับ AI ที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถวิเคราะห์และสร้างรายงานผลแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย กลายเป็นตัวช่วยสำคัญให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมและตรงจุดได้ทันที ทั้งยังนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์คนไข้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย



ระบบวิเคราะห์ดังกล่าวยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งจะช่วยในการเปรียบเทียบผลก่อนและหลังรักษาได้อย่างชัดเจน รวมถึงช่วยในการปรับแผนการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

ขั้นตอนในการรับบริการ Namnin Hair Identify ก็สะดวกสบาย เริ่มต้นจากการเก็บภาพถ่ายมุมกว้างทั้งด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างซ้ายขวาจนครบ จากนั้นนำกล้อง Trichoscope ส่องตรวจเส้นผมและหนังศีรษะในระดับไมโครสโคปิก แล้วจึงเป็นหน้าที่ของ AI ช่วยวิเคราะห์ประมวลผล โดยมีการเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์ สรุปผลและวางแผนการรักษา เพื่อท้ายที่สุด แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาผลการวิเคราะห์อีกครั้ง ก่อนจะอธิบายให้คนไข้ฟัง และออกแบบแผนการรักษาแบบเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมที่สุดร่วมกัน เช่นการเข้ารับบริการทรีตเมนต์   การปรับสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไปจนถึงการปลูกผมถาวร ทั้งยังสามารถจัดส่งรายงานวิเคราะห์ผลทางอีเมล และบันทึกข้อมูลเก็บไว้ในระยะยาว เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามผลการรักษาอีกด้วย







ทั้งนี้ ใครที่กำลังประสบปัญหาผมแห้งเสียจากการสัมผัสคลอรีน หรือสารเคมีอื่น ๆ หนึ่งในบริการทรีตเมนต์ที่นามนินขอแนะนำ ก็คือ PHB โปรแกรมฟื้นบำรุงผมที่มอบความสะดวกสบาย และผลลัพธ์ที่สังเกตได้ตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก โดยแพทย์จะทำการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ที่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด แล้วจึงฉีดบำรุงเพื่อกระตุ้นรากผม ฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรง ซึ่งโปรแกรม PHB ยังสามารถลดการหลุดร่วงของเส้นผม เร่งการงอกใหม่ และเพิ่มความดกดำหนาแน่นของเส้นผมได้อีกด้วย โปรแกรมนี้จะใช้เวลาประมาณ 40 – 60 นาที ที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังเข้ารับบริการ สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือกลับไปทำงานได้เป็นปกติ

เพียงแค่รู้เทคนิควิธีปกป้องดูแลผม ฟื้นบำรุงผม และเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงผมถูกทำร้ายได้อย่างเหมาะสม เท่านี้ ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ชีวิตและทำกิจกรรมโปรดได้อย่างเต็มที่ ไม่มีพลาด 





ซาวน่า & อบไอน้ำ ทำร้ายผมจริงหรือ?
การใช้บริการห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ น่าจะเป็นกิจกรรมโปรดของใครหลาย ๆ คนที่รักสุขภาพและต้องการการผ่อนคลาย ซึ่งหากเราลองสำรวจความกังวลของผู้ใช้บริการ ประเด็นที่น่าจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ก็คงหนีไม่พ้นความกังวลที่เกี่ยวกับ “เส้นผม” โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ความร้อนในห้องซาวน่าหรือห้องอบไอน้ำนั้น จะส่งผลทำร้ายเส้นผม จนถึงขั้นทำให้ผมร่วงได้หรือไม่

แน่นอนว่า การใช้บริการห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ โดยทั่วไปแล้วไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเส้นผม เราจึงยังสามารถใช้บริการได้อย่างวางใจ ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ “ระยะเวลา” ในการเข้าใช้บริการมากกว่า หากใช้เวลานานเกินไป ก็เป็นไปได้ที่เส้นผมของเราจะได้รับผลทางอ้อมจากความร้อนในห้องได้เช่นกัน

นั่นเป็นเพราะเมื่ออยู่ในห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ ร่างกายของเราจะขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก หนังศีรษะก็จะยิ่งมีความชื้น เมื่อหนังศีรษะมัน ก็มีโอกาสที่จะเกิดรูขุมขนอุดตันตามมา กลายเป็นว่าทำให้หนังศีรษะแห้งลง เกิดการอักเสบ ระคายเคือง พร้อมกับเส้นผมที่อ่อนแอลง จนผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ

นามนินเองก็มีตัวอย่างที่น่าสนใจของคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาปัญหาผมร่วงเฉียบพลัน โดยคนไข้ท่านนี้ผ่านการปลูกผมกับแพทย์ของนามนิน และเข้ารับการบำรุงดูแลเส้นผมตลอด 3 ปีโดยไม่เคยมีปัญหาใด ๆ จนกระทั่งคนไข้กลับมาพบแพทย์ด้วยอาการผมร่วงผิดปกติ ซึ่งวิเคราะห์ว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการใช้บริการห้องอบไอน้ำเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้หนังศีรษะและเส้นผมได้รับความร้อนสูงเป็นเวลานานเกินไป จนเกิดผลกระทบดังที่อธิบายไปแล้วข้างต้น







ทั้งนี้ แพทย์ของนามนินแนะนำคนไข้เข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่การพูดคุยปรึกษากับแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกัน จากนั้นแพทย์จะตรวจวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงให้บริการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเร่งการงอกใหม่ ตามมาด้วยการฉีดบำรุงลึกถึงชั้นรากผม เพื่อฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เพิ่มโอกาสการงอกใหม่ของเส้นผมให้มากขึ้นและเร็วขึ้น คนไข้จึงได้ผลลัพธ์ผมที่แลดูหนาแน่นและดกดำขึ้น ตั้งแต่การรักษาเพียงครั้งแรก 



ข้อดีของบริการทรีตเมนต์ PHB ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้ได้รับรับ เนื่องจากใช้เวลาเพียง 40 – 60 นาที หลังเข้ารับบริการ สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ



ดังนั้นแล้ว กิจกรรมซาวน่าหรืออบไอน้ำ จึงไม่ได้เป็นตัวการทำร้ายผม หากใช้บริการอย่างเหมาะสม และสำหรับใครที่กำลังหาสาเหตุของอาการผมเสีย ผมร่วง ผมบาง ว่าเกิดจากอะไร จะเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า หรือเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ คุณสามารถเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ของนามนินได้ เพื่อเริ่มต้นก้าวแรกของการรักษาอย่างถูกต้อง นำไปสู่การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์สภาพปัญหาและความต้องการของคุณได้อย่างตรงจุดอย่างแท้จริง

ซาวน่า & อบไอน้ำ ทำร้ายผมจริงหรือ?
การใช้บริการห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ น่าจะเป็นกิจกรรมโปรดของใครหลาย ๆ คนที่รักสุขภาพและต้องการการผ่อนคลาย ซึ่งหากเราลองสำรวจความกังวลของผู้ใช้บริการ ประเด็นที่น่าจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ก็คงหนีไม่พ้นความกังวลที่เกี่ยวกับ “เส้นผม” โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ความร้อนในห้องซาวน่าหรือห้องอบไอน้ำนั้น จะส่งผลทำร้ายเส้นผม จนถึงขั้นทำให้ผมร่วงได้หรือไม่

แน่นอนว่า การใช้บริการห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ โดยทั่วไปแล้วไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเส้นผม เราจึงยังสามารถใช้บริการได้อย่างวางใจ ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ “ระยะเวลา” ในการเข้าใช้บริการมากกว่า หากใช้เวลานานเกินไป ก็เป็นไปได้ที่เส้นผมของเราจะได้รับผลทางอ้อมจากความร้อนในห้องได้เช่นกัน

นั่นเป็นเพราะเมื่ออยู่ในห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ ร่างกายของเราจะขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก หนังศีรษะก็จะยิ่งมีความชื้น เมื่อหนังศีรษะมัน ก็มีโอกาสที่จะเกิดรูขุมขนอุดตันตามมา กลายเป็นว่าทำให้หนังศีรษะแห้งลง เกิดการอักเสบ ระคายเคือง พร้อมกับเส้นผมที่อ่อนแอลง จนผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ

นามนินเองก็มีตัวอย่างที่น่าสนใจของคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาปัญหาผมร่วงเฉียบพลัน โดยคนไข้ท่านนี้ผ่านการปลูกผมกับแพทย์ของนามนิน และเข้ารับการบำรุงดูแลเส้นผมตลอด 3 ปีโดยไม่เคยมีปัญหาใด ๆ จนกระทั่งคนไข้กลับมาพบแพทย์ด้วยอาการผมร่วงผิดปกติ ซึ่งวิเคราะห์ว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการใช้บริการห้องอบไอน้ำเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้หนังศีรษะและเส้นผมได้รับความร้อนสูงเป็นเวลานานเกินไป จนเกิดผลกระทบดังที่อธิบายไปแล้วข้างต้น







ทั้งนี้ แพทย์ของนามนินแนะนำคนไข้เข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่การพูดคุยปรึกษากับแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกัน จากนั้นแพทย์จะตรวจวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงให้บริการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเร่งการงอกใหม่ ตามมาด้วยการฉีดบำรุงลึกถึงชั้นรากผม เพื่อฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เพิ่มโอกาสการงอกใหม่ของเส้นผมให้มากขึ้นและเร็วขึ้น คนไข้จึงได้ผลลัพธ์ผมที่แลดูหนาแน่นและดกดำขึ้น ตั้งแต่การรักษาเพียงครั้งแรก 



ข้อดีของบริการทรีตเมนต์ PHB ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้ได้รับรับ เนื่องจากใช้เวลาเพียง 40 – 60 นาที หลังเข้ารับบริการ สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ



ดังนั้นแล้ว กิจกรรมซาวน่าหรืออบไอน้ำ จึงไม่ได้เป็นตัวการทำร้ายผม หากใช้บริการอย่างเหมาะสม และสำหรับใครที่กำลังหาสาเหตุของอาการผมเสีย ผมร่วง ผมบาง ว่าเกิดจากอะไร จะเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า หรือเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ คุณสามารถเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ของนามนินได้ เพื่อเริ่มต้นก้าวแรกของการรักษาอย่างถูกต้อง นำไปสู่การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์สภาพปัญหาและความต้องการของคุณได้อย่างตรงจุดอย่างแท้จริง

ซาวน่า & อบไอน้ำ ทำร้ายผมจริงหรือ?
การใช้บริการห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ น่าจะเป็นกิจกรรมโปรดของใครหลาย ๆ คนที่รักสุขภาพและต้องการการผ่อนคลาย ซึ่งหากเราลองสำรวจความกังวลของผู้ใช้บริการ ประเด็นที่น่าจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ก็คงหนีไม่พ้นความกังวลที่เกี่ยวกับ “เส้นผม” โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ความร้อนในห้องซาวน่าหรือห้องอบไอน้ำนั้น จะส่งผลทำร้ายเส้นผม จนถึงขั้นทำให้ผมร่วงได้หรือไม่

แน่นอนว่า การใช้บริการห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ โดยทั่วไปแล้วไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเส้นผม เราจึงยังสามารถใช้บริการได้อย่างวางใจ ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ “ระยะเวลา” ในการเข้าใช้บริการมากกว่า หากใช้เวลานานเกินไป ก็เป็นไปได้ที่เส้นผมของเราจะได้รับผลทางอ้อมจากความร้อนในห้องได้เช่นกัน

นั่นเป็นเพราะเมื่ออยู่ในห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ ร่างกายของเราจะขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก หนังศีรษะก็จะยิ่งมีความชื้น เมื่อหนังศีรษะมัน ก็มีโอกาสที่จะเกิดรูขุมขนอุดตันตามมา กลายเป็นว่าทำให้หนังศีรษะแห้งลง เกิดการอักเสบ ระคายเคือง พร้อมกับเส้นผมที่อ่อนแอลง จนผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ

นามนินเองก็มีตัวอย่างที่น่าสนใจของคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาปัญหาผมร่วงเฉียบพลัน โดยคนไข้ท่านนี้ผ่านการปลูกผมกับแพทย์ของนามนิน และเข้ารับการบำรุงดูแลเส้นผมตลอด 3 ปีโดยไม่เคยมีปัญหาใด ๆ จนกระทั่งคนไข้กลับมาพบแพทย์ด้วยอาการผมร่วงผิดปกติ ซึ่งวิเคราะห์ว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการใช้บริการห้องอบไอน้ำเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้หนังศีรษะและเส้นผมได้รับความร้อนสูงเป็นเวลานานเกินไป จนเกิดผลกระทบดังที่อธิบายไปแล้วข้างต้น







ทั้งนี้ แพทย์ของนามนินแนะนำคนไข้เข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่การพูดคุยปรึกษากับแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกัน จากนั้นแพทย์จะตรวจวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงให้บริการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเร่งการงอกใหม่ ตามมาด้วยการฉีดบำรุงลึกถึงชั้นรากผม เพื่อฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เพิ่มโอกาสการงอกใหม่ของเส้นผมให้มากขึ้นและเร็วขึ้น คนไข้จึงได้ผลลัพธ์ผมที่แลดูหนาแน่นและดกดำขึ้น ตั้งแต่การรักษาเพียงครั้งแรก 



ข้อดีของบริการทรีตเมนต์ PHB ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้ได้รับรับ เนื่องจากใช้เวลาเพียง 40 – 60 นาที หลังเข้ารับบริการ สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ



ดังนั้นแล้ว กิจกรรมซาวน่าหรืออบไอน้ำ จึงไม่ได้เป็นตัวการทำร้ายผม หากใช้บริการอย่างเหมาะสม และสำหรับใครที่กำลังหาสาเหตุของอาการผมเสีย ผมร่วง ผมบาง ว่าเกิดจากอะไร จะเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า หรือเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ คุณสามารถเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ของนามนินได้ เพื่อเริ่มต้นก้าวแรกของการรักษาอย่างถูกต้อง นำไปสู่การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์สภาพปัญหาและความต้องการของคุณได้อย่างตรงจุดอย่างแท้จริง

ซาวน่า & อบไอน้ำ ทำร้ายผมจริงหรือ?
การใช้บริการห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ น่าจะเป็นกิจกรรมโปรดของใครหลาย ๆ คนที่รักสุขภาพและต้องการการผ่อนคลาย ซึ่งหากเราลองสำรวจความกังวลของผู้ใช้บริการ ประเด็นที่น่าจะอยู่ในอันดับต้น ๆ ก็คงหนีไม่พ้นความกังวลที่เกี่ยวกับ “เส้นผม” โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ความร้อนในห้องซาวน่าหรือห้องอบไอน้ำนั้น จะส่งผลทำร้ายเส้นผม จนถึงขั้นทำให้ผมร่วงได้หรือไม่

แน่นอนว่า การใช้บริการห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ โดยทั่วไปแล้วไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเส้นผม เราจึงยังสามารถใช้บริการได้อย่างวางใจ ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ “ระยะเวลา” ในการเข้าใช้บริการมากกว่า หากใช้เวลานานเกินไป ก็เป็นไปได้ที่เส้นผมของเราจะได้รับผลทางอ้อมจากความร้อนในห้องได้เช่นกัน

นั่นเป็นเพราะเมื่ออยู่ในห้องซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ ร่างกายของเราจะขับเหงื่อออกมาในปริมาณมาก หนังศีรษะก็จะยิ่งมีความชื้น เมื่อหนังศีรษะมัน ก็มีโอกาสที่จะเกิดรูขุมขนอุดตันตามมา กลายเป็นว่าทำให้หนังศีรษะแห้งลง เกิดการอักเสบ ระคายเคือง พร้อมกับเส้นผมที่อ่อนแอลง จนผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ

นามนินเองก็มีตัวอย่างที่น่าสนใจของคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาปัญหาผมร่วงเฉียบพลัน โดยคนไข้ท่านนี้ผ่านการปลูกผมกับแพทย์ของนามนิน และเข้ารับการบำรุงดูแลเส้นผมตลอด 3 ปีโดยไม่เคยมีปัญหาใด ๆ จนกระทั่งคนไข้กลับมาพบแพทย์ด้วยอาการผมร่วงผิดปกติ ซึ่งวิเคราะห์ว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการใช้บริการห้องอบไอน้ำเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้หนังศีรษะและเส้นผมได้รับความร้อนสูงเป็นเวลานานเกินไป จนเกิดผลกระทบดังที่อธิบายไปแล้วข้างต้น







ทั้งนี้ แพทย์ของนามนินแนะนำคนไข้เข้ารับบริการทรีตเมนต์ PHB ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่การพูดคุยปรึกษากับแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกัน จากนั้นแพทย์จะตรวจวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงให้บริการฉายแสง Low-Level Laser Therapy หรือ LLLT ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเร่งการงอกใหม่ ตามมาด้วยการฉีดบำรุงลึกถึงชั้นรากผม เพื่อฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เพิ่มโอกาสการงอกใหม่ของเส้นผมให้มากขึ้นและเร็วขึ้น คนไข้จึงได้ผลลัพธ์ผมที่แลดูหนาแน่นและดกดำขึ้น ตั้งแต่การรักษาเพียงครั้งแรก 



ข้อดีของบริการทรีตเมนต์ PHB ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้ได้รับรับ เนื่องจากใช้เวลาเพียง 40 – 60 นาที หลังเข้ารับบริการ สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ



ดังนั้นแล้ว กิจกรรมซาวน่าหรืออบไอน้ำ จึงไม่ได้เป็นตัวการทำร้ายผม หากใช้บริการอย่างเหมาะสม และสำหรับใครที่กำลังหาสาเหตุของอาการผมเสีย ผมร่วง ผมบาง ว่าเกิดจากอะไร จะเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า หรือเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ คุณสามารถเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ของนามนินได้ เพื่อเริ่มต้นก้าวแรกของการรักษาอย่างถูกต้อง นำไปสู่การออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะให้ผลลัพธ์ตอบโจทย์สภาพปัญหาและความต้องการของคุณได้อย่างตรงจุดอย่างแท้จริง

เครียด มลภาวะ ฮอร์โมน สาเหตุของผมร่วง
ผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ และมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน แต่ 3 ปัจจัยหลักที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ ความเครียด มลภาวะ และฮอร์โมน

1. ความเครียด เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง เนื่องจาก เมื่อร่างกายได้รับความเครียด จะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณสูง จะส่งผลกระทบต่อวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้ผมร่วงเร็วขึ้นและมีการเจริญเติบโตช้าลง ความเครียดยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผมบางหรือศีรษะล้านได้


2. มลภาวะ โดยเฉพาะฝุ่น ควัน หรือสารเคมีจากสิ่งแวดล้อมสามารถทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผมได้ มลภาวะเหล่านี้สามารถทำให้รูขุมขนอ่อนแอลง ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงง่ายและชะลอการเจริญเติบโตของผมใหม่ได้



3. ฮอร์โมน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมบางและร่วงได้ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้


ที่ นามนินคลินิก เรามี โปรแกรม PHB ที่พัฒนาโดยคุณหมอนิน ซึ่งเป็นทรีตเม้นต์แบบฉีดที่บำรุงผมอย่างล้ำลึก ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาผมร่วงและผมบาง นอกจากนี้เรายังมีการตรวจสภาพหนังศีรษะและเส้นผมด้วยเทคโนโลยี Hair Identify ที่จะช่วยระบุปัญหาที่ทำให้ผมร่วง เช่น การอุดตันของรูขุมขนหรือการขาดสารอาหาร 




โปรแกรม PHB มีสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และเสริมความแข็งแรงให้รากผม ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยลดการหลุดร่วงของผมและบำรุงหนังศีรษะให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง
หลังจากการเข้ารับการบริการที่นามนินคลินิก คุณจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาอันสั้น ผมร่วงน้อยลงและเส้นผมที่งอกใหม่จะดูหนาดกดำและแข็งแรงขึ้น 

อย่าปล่อยให้ปัญหาผมร่วงและบางทำลายความมั่นใจของคุณอีกต่อไป เริ่มต้นดูแลเส้นผมของคุณด้วย โปรแกรม PHB เพื่อผมสวยสุขภาพดีที่คุณคู่ควร






เครียด มลภาวะ ฮอร์โมน สาเหตุของผมร่วง
ผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ และมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน แต่ 3 ปัจจัยหลักที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ ความเครียด มลภาวะ และฮอร์โมน

1. ความเครียด เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง เนื่องจาก เมื่อร่างกายได้รับความเครียด จะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณสูง จะส่งผลกระทบต่อวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้ผมร่วงเร็วขึ้นและมีการเจริญเติบโตช้าลง ความเครียดยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผมบางหรือศีรษะล้านได้


2. มลภาวะ โดยเฉพาะฝุ่น ควัน หรือสารเคมีจากสิ่งแวดล้อมสามารถทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผมได้ มลภาวะเหล่านี้สามารถทำให้รูขุมขนอ่อนแอลง ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงง่ายและชะลอการเจริญเติบโตของผมใหม่ได้



3. ฮอร์โมน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมบางและร่วงได้ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้


ที่ นามนินคลินิก เรามี โปรแกรม PHB ที่พัฒนาโดยคุณหมอนิน ซึ่งเป็นทรีตเม้นต์แบบฉีดที่บำรุงผมอย่างล้ำลึก ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาผมร่วงและผมบาง นอกจากนี้เรายังมีการตรวจสภาพหนังศีรษะและเส้นผมด้วยเทคโนโลยี Hair Identify ที่จะช่วยระบุปัญหาที่ทำให้ผมร่วง เช่น การอุดตันของรูขุมขนหรือการขาดสารอาหาร 




โปรแกรม PHB มีสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และเสริมความแข็งแรงให้รากผม ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยลดการหลุดร่วงของผมและบำรุงหนังศีรษะให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง
หลังจากการเข้ารับการบริการที่นามนินคลินิก คุณจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาอันสั้น ผมร่วงน้อยลงและเส้นผมที่งอกใหม่จะดูหนาดกดำและแข็งแรงขึ้น 

อย่าปล่อยให้ปัญหาผมร่วงและบางทำลายความมั่นใจของคุณอีกต่อไป เริ่มต้นดูแลเส้นผมของคุณด้วย โปรแกรม PHB เพื่อผมสวยสุขภาพดีที่คุณคู่ควร






เครียด มลภาวะ ฮอร์โมน สาเหตุของผมร่วง
ผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ และมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน แต่ 3 ปัจจัยหลักที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ ความเครียด มลภาวะ และฮอร์โมน

1. ความเครียด เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง เนื่องจาก เมื่อร่างกายได้รับความเครียด จะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณสูง จะส่งผลกระทบต่อวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้ผมร่วงเร็วขึ้นและมีการเจริญเติบโตช้าลง ความเครียดยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผมบางหรือศีรษะล้านได้


2. มลภาวะ โดยเฉพาะฝุ่น ควัน หรือสารเคมีจากสิ่งแวดล้อมสามารถทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผมได้ มลภาวะเหล่านี้สามารถทำให้รูขุมขนอ่อนแอลง ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงง่ายและชะลอการเจริญเติบโตของผมใหม่ได้



3. ฮอร์โมน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมบางและร่วงได้ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้


ที่ นามนินคลินิก เรามี โปรแกรม PHB ที่พัฒนาโดยคุณหมอนิน ซึ่งเป็นทรีตเม้นต์แบบฉีดที่บำรุงผมอย่างล้ำลึก ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาผมร่วงและผมบาง นอกจากนี้เรายังมีการตรวจสภาพหนังศีรษะและเส้นผมด้วยเทคโนโลยี Hair Identify ที่จะช่วยระบุปัญหาที่ทำให้ผมร่วง เช่น การอุดตันของรูขุมขนหรือการขาดสารอาหาร 




โปรแกรม PHB มีสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และเสริมความแข็งแรงให้รากผม ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยลดการหลุดร่วงของผมและบำรุงหนังศีรษะให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง
หลังจากการเข้ารับการบริการที่นามนินคลินิก คุณจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาอันสั้น ผมร่วงน้อยลงและเส้นผมที่งอกใหม่จะดูหนาดกดำและแข็งแรงขึ้น 

อย่าปล่อยให้ปัญหาผมร่วงและบางทำลายความมั่นใจของคุณอีกต่อไป เริ่มต้นดูแลเส้นผมของคุณด้วย โปรแกรม PHB เพื่อผมสวยสุขภาพดีที่คุณคู่ควร






เครียด มลภาวะ ฮอร์โมน สาเหตุของผมร่วง
ผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ และมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน แต่ 3 ปัจจัยหลักที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ ความเครียด มลภาวะ และฮอร์โมน

1. ความเครียด เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง เนื่องจาก เมื่อร่างกายได้รับความเครียด จะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณสูง จะส่งผลกระทบต่อวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้ผมร่วงเร็วขึ้นและมีการเจริญเติบโตช้าลง ความเครียดยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผมบางหรือศีรษะล้านได้


2. มลภาวะ โดยเฉพาะฝุ่น ควัน หรือสารเคมีจากสิ่งแวดล้อมสามารถทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผมได้ มลภาวะเหล่านี้สามารถทำให้รูขุมขนอ่อนแอลง ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงง่ายและชะลอการเจริญเติบโตของผมใหม่ได้



3. ฮอร์โมน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมบางและร่วงได้ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้


ที่ นามนินคลินิก เรามี โปรแกรม PHB ที่พัฒนาโดยคุณหมอนิน ซึ่งเป็นทรีตเม้นต์แบบฉีดที่บำรุงผมอย่างล้ำลึก ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาผมร่วงและผมบาง นอกจากนี้เรายังมีการตรวจสภาพหนังศีรษะและเส้นผมด้วยเทคโนโลยี Hair Identify ที่จะช่วยระบุปัญหาที่ทำให้ผมร่วง เช่น การอุดตันของรูขุมขนหรือการขาดสารอาหาร 




โปรแกรม PHB มีสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และเสริมความแข็งแรงให้รากผม ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยลดการหลุดร่วงของผมและบำรุงหนังศีรษะให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง
หลังจากการเข้ารับการบริการที่นามนินคลินิก คุณจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาอันสั้น ผมร่วงน้อยลงและเส้นผมที่งอกใหม่จะดูหนาดกดำและแข็งแรงขึ้น 

อย่าปล่อยให้ปัญหาผมร่วงและบางทำลายความมั่นใจของคุณอีกต่อไป เริ่มต้นดูแลเส้นผมของคุณด้วย โปรแกรม PHB เพื่อผมสวยสุขภาพดีที่คุณคู่ควร






เครียด มลภาวะ ฮอร์โมน สาเหตุของผมร่วง
ผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ และมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน แต่ 3 ปัจจัยหลักที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ ความเครียด มลภาวะ และฮอร์โมน

1. ความเครียด เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วง เนื่องจาก เมื่อร่างกายได้รับความเครียด จะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลในปริมาณสูง จะส่งผลกระทบต่อวงจรการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้ผมร่วงเร็วขึ้นและมีการเจริญเติบโตช้าลง ความเครียดยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผมบางหรือศีรษะล้านได้


2. มลภาวะ โดยเฉพาะฝุ่น ควัน หรือสารเคมีจากสิ่งแวดล้อมสามารถทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผมได้ มลภาวะเหล่านี้สามารถทำให้รูขุมขนอ่อนแอลง ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงง่ายและชะลอการเจริญเติบโตของผมใหม่ได้



3. ฮอร์โมน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมบางและร่วงได้ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้


ที่ นามนินคลินิก เรามี โปรแกรม PHB ที่พัฒนาโดยคุณหมอนิน ซึ่งเป็นทรีตเม้นต์แบบฉีดที่บำรุงผมอย่างล้ำลึก ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาผมร่วงและผมบาง นอกจากนี้เรายังมีการตรวจสภาพหนังศีรษะและเส้นผมด้วยเทคโนโลยี Hair Identify ที่จะช่วยระบุปัญหาที่ทำให้ผมร่วง เช่น การอุดตันของรูขุมขนหรือการขาดสารอาหาร 




โปรแกรม PHB มีสารอาหารที่ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และเสริมความแข็งแรงให้รากผม ซึ่งโปรแกรมนี้จะช่วยลดการหลุดร่วงของผมและบำรุงหนังศีรษะให้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง
หลังจากการเข้ารับการบริการที่นามนินคลินิก คุณจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนภายในระยะเวลาอันสั้น ผมร่วงน้อยลงและเส้นผมที่งอกใหม่จะดูหนาดกดำและแข็งแรงขึ้น 

อย่าปล่อยให้ปัญหาผมร่วงและบางทำลายความมั่นใจของคุณอีกต่อไป เริ่มต้นดูแลเส้นผมของคุณด้วย โปรแกรม PHB เพื่อผมสวยสุขภาพดีที่คุณคู่ควร






รับมืออย่างไร “สูงวัย” VS “ผมร่วง”
หนึ่งในปัญหาความกังวลใจของผู้ที่ตัวเลขอายุเริ่มเดินหน้าเข้าสู่ช่วง “สูงวัย” ก็คืออาการผมร่วง ผมบาง ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุพันธุธรรม หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งชวนให้เจ้าของเส้นผมหมดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้สูงวัยในปัจจุบันยังคงใช้ชีวิตแบบ Active เต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่วัยที่จะเก็บตัวเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านเหมือนสมัยก่อน ดังนั้น การดูแลเส้นผมให้ยังคงดูหนาแน่น ดกดำ จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้สูงวัยในยุคนี้ 

ทางออกเหล่านี้ คือตัวช่วยสำหรับผู้สูงวัย ที่ต้องการฟื้นบำรุงผม และคืนความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง

รับประทานยา 
ตัวอย่างเช่นยา Finasteride สำหรับคุณผู้ชายที่มีอาการผมบางจากกรรมพันธุ์ ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT ซึ่งเป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนแคบลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก และบางลงเรื่อย ๆ จนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ตัวยานี้จึงช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมได้ 

ทายา
Minoxidil เป็นยาสำหรับทา ที่จะช่วยลดระยะเวลาเส้นผมที่อยู่ในระยะพัก และยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผมให้ยาวนานขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและบำรุงให้รากผมแข็งแรง ชะลออาการหลุดร่วง เร่งการสร้างเส้นผมใหม่ ขณะเดียวกันก็ช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ส่งผลให้ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่นั้นมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิม 

เลือกรับประทานอาหารบำรุงเส้นผม
ถือเป็นการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายใน ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอุดมไปด้วยสารอาหารที่เส้นผมต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอาหารตระกูลไข่ ที่ให้โปรตีนสูง เนื่องจากโปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของเส้นผม ตามมาด้วยอาหารประเภทถั่วและธัญพืช ซึ่งมีไบโอติน ช่วยบำรุงเส้นผมโดยตรง เนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือดซึ่งจะลำเลียงสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผมนั่นเอง และยังแนะนำให้รับประทานผักใบเขียว ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินหลากหลายชนิด ที่ล้วนช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผมเช่นกัน

รับประทานวิตามินรวม
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกสบาย แต่ได้คุณค่าครบ ตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ VITA H จากนามนิน ที่มาในรูปแบบของแคปซูล ซึ่งแพทย์คัดสรรวิตามินตัวเด่นมาไว้รวมกัน เพื่อช่วยบำรุงรากผม ทั้งยังเสริมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายชนิด ช่วยให้ลดการอักเสบของหนังศีรษะ ซ่อมแซมเส้นผม และเสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง รวมถึงลดการหลุดร่วงอย่างได้ผล



ปลูกผมถาวร
นามนินขอแนะนำ การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่พัฒนาต่อเนื่องโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายรากผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ซึ่งดำเนินการโดยคุณหมอนินเพียงท่านเดียวตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษาและออกแบบแนวทางรักษา ตามมาด้วยการลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น รวมไปถึงการดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุกระยะ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม 


คุณหมอนินยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ เสริมเข้าไป เพื่อให้การปลูกผมเป็นประสบการณ์แสนสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับคนทุกวัย หลังปลูกผมสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ที่สำคัญ การปลูกผมเทคนิค NEAT  ได้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ คืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับผู้สูงวัยมาแล้วหลายท่าน 


ผู้สูงวัย จึงมีทางเลือกที่หลากหลายเพื่อรับมือกับปัญหาเส้นผม แต่ถ้าท่านไหนยังลังเลใจ ไม่แน่ใจว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี บางท่านมีความสงสัยว่าควรเลือกใช้วิธีใดจึงจะเหมาะสม หรือบางท่านพยายามรักษาอาการผมร่วงมานานแล้ว แต่ยังไม่ใช่คำตอบที่ตามหา ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่นามนิน เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ใช่ เติมเต็มความสุขคนสูงวัยไปด้วยกัน
รับมืออย่างไร “สูงวัย” VS “ผมร่วง”
หนึ่งในปัญหาความกังวลใจของผู้ที่ตัวเลขอายุเริ่มเดินหน้าเข้าสู่ช่วง “สูงวัย” ก็คืออาการผมร่วง ผมบาง ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุพันธุธรรม หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งชวนให้เจ้าของเส้นผมหมดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้สูงวัยในปัจจุบันยังคงใช้ชีวิตแบบ Active เต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่วัยที่จะเก็บตัวเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านเหมือนสมัยก่อน ดังนั้น การดูแลเส้นผมให้ยังคงดูหนาแน่น ดกดำ จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้สูงวัยในยุคนี้ 

ทางออกเหล่านี้ คือตัวช่วยสำหรับผู้สูงวัย ที่ต้องการฟื้นบำรุงผม และคืนความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง

รับประทานยา 
ตัวอย่างเช่นยา Finasteride สำหรับคุณผู้ชายที่มีอาการผมบางจากกรรมพันธุ์ ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT ซึ่งเป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนแคบลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก และบางลงเรื่อย ๆ จนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ตัวยานี้จึงช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมได้ 

ทายา
Minoxidil เป็นยาสำหรับทา ที่จะช่วยลดระยะเวลาเส้นผมที่อยู่ในระยะพัก และยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผมให้ยาวนานขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและบำรุงให้รากผมแข็งแรง ชะลออาการหลุดร่วง เร่งการสร้างเส้นผมใหม่ ขณะเดียวกันก็ช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ส่งผลให้ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่นั้นมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิม 

เลือกรับประทานอาหารบำรุงเส้นผม
ถือเป็นการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายใน ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอุดมไปด้วยสารอาหารที่เส้นผมต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอาหารตระกูลไข่ ที่ให้โปรตีนสูง เนื่องจากโปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของเส้นผม ตามมาด้วยอาหารประเภทถั่วและธัญพืช ซึ่งมีไบโอติน ช่วยบำรุงเส้นผมโดยตรง เนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือดซึ่งจะลำเลียงสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผมนั่นเอง และยังแนะนำให้รับประทานผักใบเขียว ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินหลากหลายชนิด ที่ล้วนช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผมเช่นกัน

รับประทานวิตามินรวม
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกสบาย แต่ได้คุณค่าครบ ตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ VITA H จากนามนิน ที่มาในรูปแบบของแคปซูล ซึ่งแพทย์คัดสรรวิตามินตัวเด่นมาไว้รวมกัน เพื่อช่วยบำรุงรากผม ทั้งยังเสริมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายชนิด ช่วยให้ลดการอักเสบของหนังศีรษะ ซ่อมแซมเส้นผม และเสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง รวมถึงลดการหลุดร่วงอย่างได้ผล



ปลูกผมถาวร
นามนินขอแนะนำ การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่พัฒนาต่อเนื่องโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายรากผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ซึ่งดำเนินการโดยคุณหมอนินเพียงท่านเดียวตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษาและออกแบบแนวทางรักษา ตามมาด้วยการลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น รวมไปถึงการดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุกระยะ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม 


คุณหมอนินยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ เสริมเข้าไป เพื่อให้การปลูกผมเป็นประสบการณ์แสนสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับคนทุกวัย หลังปลูกผมสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ที่สำคัญ การปลูกผมเทคนิค NEAT  ได้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ คืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับผู้สูงวัยมาแล้วหลายท่าน 


ผู้สูงวัย จึงมีทางเลือกที่หลากหลายเพื่อรับมือกับปัญหาเส้นผม แต่ถ้าท่านไหนยังลังเลใจ ไม่แน่ใจว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี บางท่านมีความสงสัยว่าควรเลือกใช้วิธีใดจึงจะเหมาะสม หรือบางท่านพยายามรักษาอาการผมร่วงมานานแล้ว แต่ยังไม่ใช่คำตอบที่ตามหา ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่นามนิน เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ใช่ เติมเต็มความสุขคนสูงวัยไปด้วยกัน
รับมืออย่างไร “สูงวัย” VS “ผมร่วง”
หนึ่งในปัญหาความกังวลใจของผู้ที่ตัวเลขอายุเริ่มเดินหน้าเข้าสู่ช่วง “สูงวัย” ก็คืออาการผมร่วง ผมบาง ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุพันธุธรรม หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งชวนให้เจ้าของเส้นผมหมดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้สูงวัยในปัจจุบันยังคงใช้ชีวิตแบบ Active เต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่วัยที่จะเก็บตัวเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านเหมือนสมัยก่อน ดังนั้น การดูแลเส้นผมให้ยังคงดูหนาแน่น ดกดำ จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้สูงวัยในยุคนี้ 

ทางออกเหล่านี้ คือตัวช่วยสำหรับผู้สูงวัย ที่ต้องการฟื้นบำรุงผม และคืนความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง

รับประทานยา 
ตัวอย่างเช่นยา Finasteride สำหรับคุณผู้ชายที่มีอาการผมบางจากกรรมพันธุ์ ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT ซึ่งเป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนแคบลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก และบางลงเรื่อย ๆ จนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ตัวยานี้จึงช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมได้ 

ทายา
Minoxidil เป็นยาสำหรับทา ที่จะช่วยลดระยะเวลาเส้นผมที่อยู่ในระยะพัก และยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผมให้ยาวนานขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและบำรุงให้รากผมแข็งแรง ชะลออาการหลุดร่วง เร่งการสร้างเส้นผมใหม่ ขณะเดียวกันก็ช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ส่งผลให้ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่นั้นมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิม 

เลือกรับประทานอาหารบำรุงเส้นผม
ถือเป็นการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายใน ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอุดมไปด้วยสารอาหารที่เส้นผมต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอาหารตระกูลไข่ ที่ให้โปรตีนสูง เนื่องจากโปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของเส้นผม ตามมาด้วยอาหารประเภทถั่วและธัญพืช ซึ่งมีไบโอติน ช่วยบำรุงเส้นผมโดยตรง เนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือดซึ่งจะลำเลียงสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผมนั่นเอง และยังแนะนำให้รับประทานผักใบเขียว ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินหลากหลายชนิด ที่ล้วนช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผมเช่นกัน

รับประทานวิตามินรวม
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกสบาย แต่ได้คุณค่าครบ ตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ VITA H จากนามนิน ที่มาในรูปแบบของแคปซูล ซึ่งแพทย์คัดสรรวิตามินตัวเด่นมาไว้รวมกัน เพื่อช่วยบำรุงรากผม ทั้งยังเสริมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายชนิด ช่วยให้ลดการอักเสบของหนังศีรษะ ซ่อมแซมเส้นผม และเสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง รวมถึงลดการหลุดร่วงอย่างได้ผล



ปลูกผมถาวร
นามนินขอแนะนำ การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่พัฒนาต่อเนื่องโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายรากผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ซึ่งดำเนินการโดยคุณหมอนินเพียงท่านเดียวตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษาและออกแบบแนวทางรักษา ตามมาด้วยการลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น รวมไปถึงการดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุกระยะ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม 


คุณหมอนินยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ เสริมเข้าไป เพื่อให้การปลูกผมเป็นประสบการณ์แสนสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับคนทุกวัย หลังปลูกผมสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ที่สำคัญ การปลูกผมเทคนิค NEAT  ได้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ คืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับผู้สูงวัยมาแล้วหลายท่าน 


ผู้สูงวัย จึงมีทางเลือกที่หลากหลายเพื่อรับมือกับปัญหาเส้นผม แต่ถ้าท่านไหนยังลังเลใจ ไม่แน่ใจว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี บางท่านมีความสงสัยว่าควรเลือกใช้วิธีใดจึงจะเหมาะสม หรือบางท่านพยายามรักษาอาการผมร่วงมานานแล้ว แต่ยังไม่ใช่คำตอบที่ตามหา ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่นามนิน เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ใช่ เติมเต็มความสุขคนสูงวัยไปด้วยกัน
รับมืออย่างไร “สูงวัย” VS “ผมร่วง”
หนึ่งในปัญหาความกังวลใจของผู้ที่ตัวเลขอายุเริ่มเดินหน้าเข้าสู่ช่วง “สูงวัย” ก็คืออาการผมร่วง ผมบาง ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุพันธุธรรม หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งชวนให้เจ้าของเส้นผมหมดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้สูงวัยในปัจจุบันยังคงใช้ชีวิตแบบ Active เต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่วัยที่จะเก็บตัวเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านเหมือนสมัยก่อน ดังนั้น การดูแลเส้นผมให้ยังคงดูหนาแน่น ดกดำ จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้สูงวัยในยุคนี้ 

ทางออกเหล่านี้ คือตัวช่วยสำหรับผู้สูงวัย ที่ต้องการฟื้นบำรุงผม และคืนความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง

รับประทานยา 
ตัวอย่างเช่นยา Finasteride สำหรับคุณผู้ชายที่มีอาการผมบางจากกรรมพันธุ์ ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT ซึ่งเป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนแคบลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก และบางลงเรื่อย ๆ จนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ตัวยานี้จึงช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมได้ 

ทายา
Minoxidil เป็นยาสำหรับทา ที่จะช่วยลดระยะเวลาเส้นผมที่อยู่ในระยะพัก และยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผมให้ยาวนานขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและบำรุงให้รากผมแข็งแรง ชะลออาการหลุดร่วง เร่งการสร้างเส้นผมใหม่ ขณะเดียวกันก็ช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ส่งผลให้ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่นั้นมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิม 

เลือกรับประทานอาหารบำรุงเส้นผม
ถือเป็นการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายใน ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอุดมไปด้วยสารอาหารที่เส้นผมต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอาหารตระกูลไข่ ที่ให้โปรตีนสูง เนื่องจากโปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของเส้นผม ตามมาด้วยอาหารประเภทถั่วและธัญพืช ซึ่งมีไบโอติน ช่วยบำรุงเส้นผมโดยตรง เนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือดซึ่งจะลำเลียงสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผมนั่นเอง และยังแนะนำให้รับประทานผักใบเขียว ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินหลากหลายชนิด ที่ล้วนช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผมเช่นกัน

รับประทานวิตามินรวม
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกสบาย แต่ได้คุณค่าครบ ตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ VITA H จากนามนิน ที่มาในรูปแบบของแคปซูล ซึ่งแพทย์คัดสรรวิตามินตัวเด่นมาไว้รวมกัน เพื่อช่วยบำรุงรากผม ทั้งยังเสริมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายชนิด ช่วยให้ลดการอักเสบของหนังศีรษะ ซ่อมแซมเส้นผม และเสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง รวมถึงลดการหลุดร่วงอย่างได้ผล



ปลูกผมถาวร
นามนินขอแนะนำ การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่พัฒนาต่อเนื่องโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายรากผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ซึ่งดำเนินการโดยคุณหมอนินเพียงท่านเดียวตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษาและออกแบบแนวทางรักษา ตามมาด้วยการลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น รวมไปถึงการดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุกระยะ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม 


คุณหมอนินยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ เสริมเข้าไป เพื่อให้การปลูกผมเป็นประสบการณ์แสนสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับคนทุกวัย หลังปลูกผมสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ที่สำคัญ การปลูกผมเทคนิค NEAT  ได้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ คืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับผู้สูงวัยมาแล้วหลายท่าน 


ผู้สูงวัย จึงมีทางเลือกที่หลากหลายเพื่อรับมือกับปัญหาเส้นผม แต่ถ้าท่านไหนยังลังเลใจ ไม่แน่ใจว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี บางท่านมีความสงสัยว่าควรเลือกใช้วิธีใดจึงจะเหมาะสม หรือบางท่านพยายามรักษาอาการผมร่วงมานานแล้ว แต่ยังไม่ใช่คำตอบที่ตามหา ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่นามนิน เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ใช่ เติมเต็มความสุขคนสูงวัยไปด้วยกัน
1 ปี 1 หมอ ดูแลต่อเนื่อง ปรึกษา-ปลูกผม-ติดตามผล
จะดีแค่ไหน ถ้าบนเส้นทางการรักษาและฟื้นบำรุงเส้นผมตลอด 1 ปีเต็ม มีคนคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง เป็นหลักให้ทุก ๆ ก้าวเดินมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
และนั่นคือหนึ่งในประสบการณ์สุดประทับใจ ที่คุณจะได้รับจากการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT กับนามนิน เนื่องจากคุณหมอนิน จะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญหนึ่งเดียว ที่จะดูแลคุณต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ไม่มีใครมาแทนที่ ตลอด 3 ขั้นตอนหลัก ปรึกษา - ปลูกผม - ติดตามผล

  • ปรึกษา – คุณหมอนินจะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้อย่างเปิดใจ เพื่อรับฟังและวิเคราะห์ปัญหา ก่อนจะประเมินและออกแบบแนวทางการรักษาให้ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากที่สุด
  • ปลูกผม – เพราะหน้าที่นี้ ใครก็ทำแทนไม่ได้ ต้องเป็นคุณหมอนินเท่านั้น ที่จะอาศัยทักษะ ประสบการณ์ ความพิถีพิถัน ความใส่ใจ ลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้ด้วยเองแบบเส้นต่อเส้น 
  • ติดตามผล – ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ระยะไหน ๆ เพื่อให้ผมปลูกใหม่อยู่รอดและเติบโตอย่างสมบูรณ์ คุณหมอนินจะเป็นผู้ติดตามผลทุกระยะด้วยตัวเอง คอยดูแลให้คำแนะนำจนสุดเส้นทาง

เทคนิค NEAT พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้รับการปรับเสริมให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความเข้าใจถึง pain point ของคนไข้ ที่ทำให้เกิดความกังวลใจ หรือความกลัวในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ประสบการณ์ปลูกผมที่นามนินจึงโดดเด่นและแตกต่าง เพราะนามนินออกแบบมาแล้วด้วยความตั้งใจ ที่จะเปลี่ยนทุกความกังวลใจ เป็นความอุ่นใจตลอดเส้นทางการรักษา

กังวลใจ...ว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อปลูกผม
เพราะภาพจำของการปลูกผมในอดีต ทำให้หลาย ๆ คนยังเข้าใจว่า การปลูกผมใหม่ จำเป็นต้องโกนผมทิ้งในบริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะต้องเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเพื่อนำไปปลูกใหม่ และนั่นเท่ากับว่าหลังปลูกผมแล้ว คนไข้จะต้องคอยระวังปกปิดส่วนที่ถูกโกนผมออก จำกัดอิสระในการจัดแต่งทรงผม ต้องรอจนกว่าผมจะขึ้นใหม่จึงจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม



คุณหมอนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผล ทำให้สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมออกโดยไม่ต้องโกนผม ด้วยวิธีเจาะย้ายออกเป็นแถบ ๆ สลับกันแบบขั้นบันได และกระจายจุดเจาะย้ายให้ทั่ว ๆ ทำให้รอยเจาะย้ายกระจายตัวกลมกลืนเนียนไปกับผมเดิม นับเป็นความใส่ใจในจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเป็นความกังวลใจข้อใหญ่ของคนไข้ คุณหมอนินก็ไม่มองข้าม เพื่อให้คนไข้สามารถจัดแต่งผมหลังปลูกได้ทุกทรง เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

กังวลใจ...ว่าขณะกำลังปลูกผมใหม่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลาย ๆ คนน่าจะจินตนาการถึงภาพวันปลูกผม ขณะที่อยู่บนเตียงในห้องทำหัตถการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละขั้นตอนจะดำเนินการไปอย่างไร บรรยากาศจะเป็นแบบไหน จะกังวลจนเครียดไหม เพราะเรามองไม่เห็นว่าใครทำอะไรกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา 

ห้องหัตถการของนามนิน จะเปิดประสบการณ์ปลูกผมแบบใหม่ให้กับคนไข้ ข้อสำคัญก็คือ เราไม่ปิดตาคนไข้ระหว่างปลูก คนไข้จะสามารถมองเห็นและพูดคุยสอบถามกับคุณหมอนินได้ตลอดเวลา หรือจะนอนดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชา และลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุก ๆ กราฟต์ เรียกว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เส้นแรกจนเส้นสุดท้าย เพราะทุก ๆ เส้นต้องบรรจงปลูกอย่างใส่ใจจริง ๆ ทั้งยังคอยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้คนไข้รับรู้และคลายความกังวลใจ 

กังวลใจ...กลัวผมใหม่ไม่เนียน 
คำถามแรก ๆ จากคนไข้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องผลลัพธ์ผมใหม่ ซึ่งไม่ว่าใครก็คาดหวังอยากเห็นผลลัพธ์ผมหนาแน่น ดูแข็งแรงสุขภาพดี เติมเต็มผมที่เคยบางให้กลับมาดกดำ และไม่กลับไปหลุดร่วงต่อ ที่สำคัญ อยากให้ผมใหม่เนียนสวย กลมกลืนไปกับผมเดิม 





คุณหมอนินจึงให้ความสำคัญกับการปลูกผมให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เริ่มจากการใช้เทคนิคปลูกแทรก โดยไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่จะปลูกใหม่ แต่ปลูกแทรกลงไประหว่างผมเดิม ซึ่งมีข้อดีคือ คุณหมอจะได้เห็นทิศทางผมเดิมว่าชี้ไปทางไหน จะได้ปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศาเรียงตัวกลมกลืนไปกับผมเดิม ได้ขนาดของเส้นผมที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด และได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมมากที่สุด (นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผมใหม่ค่อย ๆ โตไปพร้อม ๆ กันกับผมเดิม แลดูเนียนตา 

กังวลใจ...ไม่อยากให้ใครทักเรื่องปลูกผม
หลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะเก็บตัว ซ่อนตัวเองกับรอยแผลหรืออาการบวมช้ำไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ที่นามนิน คุณลืมภาพเหล่านั้นไปได้เลย เพราะคุณหมอนินพัฒนาเทคนิค NEAT ไปอีกระดับ นำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้ได้รอยปลูกเล็กละเอียด ไม่ใช่รอยแผลที่ดูน่ากลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป คนไข้สามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำงานได้ตามปกติทันที โดยไม่ต้องคาดผ้า รวมไปถึงใครที่กลัวจะโดนทักถามว่าไปปลูกผมมาใช่ไหม ก็หมดกังวลตรงนี้ไปได้เลย




กังวลใจ...จะดูแลตัวเองหลังปลูกอย่างไร
จริงอยู่ที่การดูแลผมใหม่หลังปลูก ต้องอาศัยความใส่ใจอย่างเต็มที่ ผมใหม่จึงจะอยู่รอด ไม่หลุดร่วง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เจ้าของเส้นผมดูแลตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมอนินคอยติดตามผล และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ว่าควรต้องปฏิบัติอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอย่างไรในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน 

ที่สำคัญ ยังจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะด้วยตัวเองให้ เป็นของขวัญพิเศษสำหรับคนไข้ของนามนินเท่านั้น 

  • BALLVIC TRANSFORM SHAMPOO แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง อ่อนโยนจนสามารถใช้สระได้ทุกวัน เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ 2 – 3 นาที ก่อนจะล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน
  • BALLVIC TRANSFORM SOLUTION ลดอาการอักเสบ อาการคัน อาการบวม ลดการเกิดสะเก็ดแผล เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ พร้อมบำรุงเส้นผม เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก ใช้ได้บ่อยทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง


  • Elixir Hair Serum บำรุงผมและหนังศีรษะ สามารถเริ่มใช้หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เพียงฉีดพ่นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1 – 2 ครั้ง



นอกจากชุดผลิตภัณฑ์ที่คนไข้จะใช้ดูแลตัวเองได้อย่างสะดวกสบายสุด ๆ แล้ว คุณหมอนินยังมอบบริการ Treatment บำรุงเส้นผม ที่เหมาะกับสภาพปัญหาของคนไข้แต่ละคน และยังคงติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม 


ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจและใส่ใจจากคุณหมอนิน ที่ไม่เพียงดูแลรักษาให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ยังคำนึงถึงความกังวลใจในมิติต่าง ๆ ของคนไข้ ดูแลโดยแพทย์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และพัฒนาเทคนิค NEAT เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์ปลูกผมแสนสะดวกสบาย เปลี่ยนภาพการปลูกผม ไปสู่ภาพจำใหม่ ที่จะกลายเป็นมาตรฐานการรักษาให้กับวงการปลูกผมต่อไปในอนาคตด้วย
1 ปี 1 หมอ ดูแลต่อเนื่อง ปรึกษา-ปลูกผม-ติดตามผล
จะดีแค่ไหน ถ้าบนเส้นทางการรักษาและฟื้นบำรุงเส้นผมตลอด 1 ปีเต็ม มีคนคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง เป็นหลักให้ทุก ๆ ก้าวเดินมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
และนั่นคือหนึ่งในประสบการณ์สุดประทับใจ ที่คุณจะได้รับจากการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT กับนามนิน เนื่องจากคุณหมอนิน จะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญหนึ่งเดียว ที่จะดูแลคุณต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ไม่มีใครมาแทนที่ ตลอด 3 ขั้นตอนหลัก ปรึกษา - ปลูกผม - ติดตามผล

  • ปรึกษา – คุณหมอนินจะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้อย่างเปิดใจ เพื่อรับฟังและวิเคราะห์ปัญหา ก่อนจะประเมินและออกแบบแนวทางการรักษาให้ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากที่สุด
  • ปลูกผม – เพราะหน้าที่นี้ ใครก็ทำแทนไม่ได้ ต้องเป็นคุณหมอนินเท่านั้น ที่จะอาศัยทักษะ ประสบการณ์ ความพิถีพิถัน ความใส่ใจ ลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้ด้วยเองแบบเส้นต่อเส้น 
  • ติดตามผล – ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ระยะไหน ๆ เพื่อให้ผมปลูกใหม่อยู่รอดและเติบโตอย่างสมบูรณ์ คุณหมอนินจะเป็นผู้ติดตามผลทุกระยะด้วยตัวเอง คอยดูแลให้คำแนะนำจนสุดเส้นทาง

เทคนิค NEAT พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้รับการปรับเสริมให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความเข้าใจถึง pain point ของคนไข้ ที่ทำให้เกิดความกังวลใจ หรือความกลัวในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ประสบการณ์ปลูกผมที่นามนินจึงโดดเด่นและแตกต่าง เพราะนามนินออกแบบมาแล้วด้วยความตั้งใจ ที่จะเปลี่ยนทุกความกังวลใจ เป็นความอุ่นใจตลอดเส้นทางการรักษา

กังวลใจ...ว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อปลูกผม
เพราะภาพจำของการปลูกผมในอดีต ทำให้หลาย ๆ คนยังเข้าใจว่า การปลูกผมใหม่ จำเป็นต้องโกนผมทิ้งในบริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะต้องเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเพื่อนำไปปลูกใหม่ และนั่นเท่ากับว่าหลังปลูกผมแล้ว คนไข้จะต้องคอยระวังปกปิดส่วนที่ถูกโกนผมออก จำกัดอิสระในการจัดแต่งทรงผม ต้องรอจนกว่าผมจะขึ้นใหม่จึงจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม



คุณหมอนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผล ทำให้สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมออกโดยไม่ต้องโกนผม ด้วยวิธีเจาะย้ายออกเป็นแถบ ๆ สลับกันแบบขั้นบันได และกระจายจุดเจาะย้ายให้ทั่ว ๆ ทำให้รอยเจาะย้ายกระจายตัวกลมกลืนเนียนไปกับผมเดิม นับเป็นความใส่ใจในจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเป็นความกังวลใจข้อใหญ่ของคนไข้ คุณหมอนินก็ไม่มองข้าม เพื่อให้คนไข้สามารถจัดแต่งผมหลังปลูกได้ทุกทรง เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

กังวลใจ...ว่าขณะกำลังปลูกผมใหม่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลาย ๆ คนน่าจะจินตนาการถึงภาพวันปลูกผม ขณะที่อยู่บนเตียงในห้องทำหัตถการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละขั้นตอนจะดำเนินการไปอย่างไร บรรยากาศจะเป็นแบบไหน จะกังวลจนเครียดไหม เพราะเรามองไม่เห็นว่าใครทำอะไรกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา 

ห้องหัตถการของนามนิน จะเปิดประสบการณ์ปลูกผมแบบใหม่ให้กับคนไข้ ข้อสำคัญก็คือ เราไม่ปิดตาคนไข้ระหว่างปลูก คนไข้จะสามารถมองเห็นและพูดคุยสอบถามกับคุณหมอนินได้ตลอดเวลา หรือจะนอนดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชา และลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุก ๆ กราฟต์ เรียกว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เส้นแรกจนเส้นสุดท้าย เพราะทุก ๆ เส้นต้องบรรจงปลูกอย่างใส่ใจจริง ๆ ทั้งยังคอยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้คนไข้รับรู้และคลายความกังวลใจ 

กังวลใจ...กลัวผมใหม่ไม่เนียน 
คำถามแรก ๆ จากคนไข้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องผลลัพธ์ผมใหม่ ซึ่งไม่ว่าใครก็คาดหวังอยากเห็นผลลัพธ์ผมหนาแน่น ดูแข็งแรงสุขภาพดี เติมเต็มผมที่เคยบางให้กลับมาดกดำ และไม่กลับไปหลุดร่วงต่อ ที่สำคัญ อยากให้ผมใหม่เนียนสวย กลมกลืนไปกับผมเดิม 





คุณหมอนินจึงให้ความสำคัญกับการปลูกผมให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เริ่มจากการใช้เทคนิคปลูกแทรก โดยไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่จะปลูกใหม่ แต่ปลูกแทรกลงไประหว่างผมเดิม ซึ่งมีข้อดีคือ คุณหมอจะได้เห็นทิศทางผมเดิมว่าชี้ไปทางไหน จะได้ปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศาเรียงตัวกลมกลืนไปกับผมเดิม ได้ขนาดของเส้นผมที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด และได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมมากที่สุด (นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผมใหม่ค่อย ๆ โตไปพร้อม ๆ กันกับผมเดิม แลดูเนียนตา 

กังวลใจ...ไม่อยากให้ใครทักเรื่องปลูกผม
หลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะเก็บตัว ซ่อนตัวเองกับรอยแผลหรืออาการบวมช้ำไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ที่นามนิน คุณลืมภาพเหล่านั้นไปได้เลย เพราะคุณหมอนินพัฒนาเทคนิค NEAT ไปอีกระดับ นำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้ได้รอยปลูกเล็กละเอียด ไม่ใช่รอยแผลที่ดูน่ากลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป คนไข้สามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำงานได้ตามปกติทันที โดยไม่ต้องคาดผ้า รวมไปถึงใครที่กลัวจะโดนทักถามว่าไปปลูกผมมาใช่ไหม ก็หมดกังวลตรงนี้ไปได้เลย




กังวลใจ...จะดูแลตัวเองหลังปลูกอย่างไร
จริงอยู่ที่การดูแลผมใหม่หลังปลูก ต้องอาศัยความใส่ใจอย่างเต็มที่ ผมใหม่จึงจะอยู่รอด ไม่หลุดร่วง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เจ้าของเส้นผมดูแลตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมอนินคอยติดตามผล และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ว่าควรต้องปฏิบัติอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอย่างไรในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน 

ที่สำคัญ ยังจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะด้วยตัวเองให้ เป็นของขวัญพิเศษสำหรับคนไข้ของนามนินเท่านั้น 

  • BALLVIC TRANSFORM SHAMPOO แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง อ่อนโยนจนสามารถใช้สระได้ทุกวัน เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ 2 – 3 นาที ก่อนจะล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน
  • BALLVIC TRANSFORM SOLUTION ลดอาการอักเสบ อาการคัน อาการบวม ลดการเกิดสะเก็ดแผล เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ พร้อมบำรุงเส้นผม เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก ใช้ได้บ่อยทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง


  • Elixir Hair Serum บำรุงผมและหนังศีรษะ สามารถเริ่มใช้หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เพียงฉีดพ่นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1 – 2 ครั้ง



นอกจากชุดผลิตภัณฑ์ที่คนไข้จะใช้ดูแลตัวเองได้อย่างสะดวกสบายสุด ๆ แล้ว คุณหมอนินยังมอบบริการ Treatment บำรุงเส้นผม ที่เหมาะกับสภาพปัญหาของคนไข้แต่ละคน และยังคงติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม 


ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจและใส่ใจจากคุณหมอนิน ที่ไม่เพียงดูแลรักษาให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ยังคำนึงถึงความกังวลใจในมิติต่าง ๆ ของคนไข้ ดูแลโดยแพทย์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และพัฒนาเทคนิค NEAT เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์ปลูกผมแสนสะดวกสบาย เปลี่ยนภาพการปลูกผม ไปสู่ภาพจำใหม่ ที่จะกลายเป็นมาตรฐานการรักษาให้กับวงการปลูกผมต่อไปในอนาคตด้วย
1 ปี 1 หมอ ดูแลต่อเนื่อง ปรึกษา-ปลูกผม-ติดตามผล
จะดีแค่ไหน ถ้าบนเส้นทางการรักษาและฟื้นบำรุงเส้นผมตลอด 1 ปีเต็ม มีคนคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง เป็นหลักให้ทุก ๆ ก้าวเดินมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
และนั่นคือหนึ่งในประสบการณ์สุดประทับใจ ที่คุณจะได้รับจากการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT กับนามนิน เนื่องจากคุณหมอนิน จะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญหนึ่งเดียว ที่จะดูแลคุณต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ไม่มีใครมาแทนที่ ตลอด 3 ขั้นตอนหลัก ปรึกษา - ปลูกผม - ติดตามผล

  • ปรึกษา – คุณหมอนินจะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้อย่างเปิดใจ เพื่อรับฟังและวิเคราะห์ปัญหา ก่อนจะประเมินและออกแบบแนวทางการรักษาให้ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากที่สุด
  • ปลูกผม – เพราะหน้าที่นี้ ใครก็ทำแทนไม่ได้ ต้องเป็นคุณหมอนินเท่านั้น ที่จะอาศัยทักษะ ประสบการณ์ ความพิถีพิถัน ความใส่ใจ ลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้ด้วยเองแบบเส้นต่อเส้น 
  • ติดตามผล – ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ระยะไหน ๆ เพื่อให้ผมปลูกใหม่อยู่รอดและเติบโตอย่างสมบูรณ์ คุณหมอนินจะเป็นผู้ติดตามผลทุกระยะด้วยตัวเอง คอยดูแลให้คำแนะนำจนสุดเส้นทาง

เทคนิค NEAT พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้รับการปรับเสริมให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความเข้าใจถึง pain point ของคนไข้ ที่ทำให้เกิดความกังวลใจ หรือความกลัวในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ประสบการณ์ปลูกผมที่นามนินจึงโดดเด่นและแตกต่าง เพราะนามนินออกแบบมาแล้วด้วยความตั้งใจ ที่จะเปลี่ยนทุกความกังวลใจ เป็นความอุ่นใจตลอดเส้นทางการรักษา

กังวลใจ...ว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อปลูกผม
เพราะภาพจำของการปลูกผมในอดีต ทำให้หลาย ๆ คนยังเข้าใจว่า การปลูกผมใหม่ จำเป็นต้องโกนผมทิ้งในบริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะต้องเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเพื่อนำไปปลูกใหม่ และนั่นเท่ากับว่าหลังปลูกผมแล้ว คนไข้จะต้องคอยระวังปกปิดส่วนที่ถูกโกนผมออก จำกัดอิสระในการจัดแต่งทรงผม ต้องรอจนกว่าผมจะขึ้นใหม่จึงจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม



คุณหมอนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผล ทำให้สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมออกโดยไม่ต้องโกนผม ด้วยวิธีเจาะย้ายออกเป็นแถบ ๆ สลับกันแบบขั้นบันได และกระจายจุดเจาะย้ายให้ทั่ว ๆ ทำให้รอยเจาะย้ายกระจายตัวกลมกลืนเนียนไปกับผมเดิม นับเป็นความใส่ใจในจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเป็นความกังวลใจข้อใหญ่ของคนไข้ คุณหมอนินก็ไม่มองข้าม เพื่อให้คนไข้สามารถจัดแต่งผมหลังปลูกได้ทุกทรง เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

กังวลใจ...ว่าขณะกำลังปลูกผมใหม่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลาย ๆ คนน่าจะจินตนาการถึงภาพวันปลูกผม ขณะที่อยู่บนเตียงในห้องทำหัตถการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละขั้นตอนจะดำเนินการไปอย่างไร บรรยากาศจะเป็นแบบไหน จะกังวลจนเครียดไหม เพราะเรามองไม่เห็นว่าใครทำอะไรกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา 

ห้องหัตถการของนามนิน จะเปิดประสบการณ์ปลูกผมแบบใหม่ให้กับคนไข้ ข้อสำคัญก็คือ เราไม่ปิดตาคนไข้ระหว่างปลูก คนไข้จะสามารถมองเห็นและพูดคุยสอบถามกับคุณหมอนินได้ตลอดเวลา หรือจะนอนดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชา และลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุก ๆ กราฟต์ เรียกว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เส้นแรกจนเส้นสุดท้าย เพราะทุก ๆ เส้นต้องบรรจงปลูกอย่างใส่ใจจริง ๆ ทั้งยังคอยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้คนไข้รับรู้และคลายความกังวลใจ 

กังวลใจ...กลัวผมใหม่ไม่เนียน 
คำถามแรก ๆ จากคนไข้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องผลลัพธ์ผมใหม่ ซึ่งไม่ว่าใครก็คาดหวังอยากเห็นผลลัพธ์ผมหนาแน่น ดูแข็งแรงสุขภาพดี เติมเต็มผมที่เคยบางให้กลับมาดกดำ และไม่กลับไปหลุดร่วงต่อ ที่สำคัญ อยากให้ผมใหม่เนียนสวย กลมกลืนไปกับผมเดิม 





คุณหมอนินจึงให้ความสำคัญกับการปลูกผมให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เริ่มจากการใช้เทคนิคปลูกแทรก โดยไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่จะปลูกใหม่ แต่ปลูกแทรกลงไประหว่างผมเดิม ซึ่งมีข้อดีคือ คุณหมอจะได้เห็นทิศทางผมเดิมว่าชี้ไปทางไหน จะได้ปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศาเรียงตัวกลมกลืนไปกับผมเดิม ได้ขนาดของเส้นผมที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด และได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมมากที่สุด (นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผมใหม่ค่อย ๆ โตไปพร้อม ๆ กันกับผมเดิม แลดูเนียนตา 

กังวลใจ...ไม่อยากให้ใครทักเรื่องปลูกผม
หลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะเก็บตัว ซ่อนตัวเองกับรอยแผลหรืออาการบวมช้ำไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ที่นามนิน คุณลืมภาพเหล่านั้นไปได้เลย เพราะคุณหมอนินพัฒนาเทคนิค NEAT ไปอีกระดับ นำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้ได้รอยปลูกเล็กละเอียด ไม่ใช่รอยแผลที่ดูน่ากลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป คนไข้สามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำงานได้ตามปกติทันที โดยไม่ต้องคาดผ้า รวมไปถึงใครที่กลัวจะโดนทักถามว่าไปปลูกผมมาใช่ไหม ก็หมดกังวลตรงนี้ไปได้เลย




กังวลใจ...จะดูแลตัวเองหลังปลูกอย่างไร
จริงอยู่ที่การดูแลผมใหม่หลังปลูก ต้องอาศัยความใส่ใจอย่างเต็มที่ ผมใหม่จึงจะอยู่รอด ไม่หลุดร่วง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เจ้าของเส้นผมดูแลตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมอนินคอยติดตามผล และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ว่าควรต้องปฏิบัติอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอย่างไรในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน 

ที่สำคัญ ยังจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะด้วยตัวเองให้ เป็นของขวัญพิเศษสำหรับคนไข้ของนามนินเท่านั้น 

  • BALLVIC TRANSFORM SHAMPOO แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง อ่อนโยนจนสามารถใช้สระได้ทุกวัน เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ 2 – 3 นาที ก่อนจะล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน
  • BALLVIC TRANSFORM SOLUTION ลดอาการอักเสบ อาการคัน อาการบวม ลดการเกิดสะเก็ดแผล เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ พร้อมบำรุงเส้นผม เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก ใช้ได้บ่อยทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง


  • Elixir Hair Serum บำรุงผมและหนังศีรษะ สามารถเริ่มใช้หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เพียงฉีดพ่นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1 – 2 ครั้ง



นอกจากชุดผลิตภัณฑ์ที่คนไข้จะใช้ดูแลตัวเองได้อย่างสะดวกสบายสุด ๆ แล้ว คุณหมอนินยังมอบบริการ Treatment บำรุงเส้นผม ที่เหมาะกับสภาพปัญหาของคนไข้แต่ละคน และยังคงติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม 


ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจและใส่ใจจากคุณหมอนิน ที่ไม่เพียงดูแลรักษาให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ยังคำนึงถึงความกังวลใจในมิติต่าง ๆ ของคนไข้ ดูแลโดยแพทย์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และพัฒนาเทคนิค NEAT เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์ปลูกผมแสนสะดวกสบาย เปลี่ยนภาพการปลูกผม ไปสู่ภาพจำใหม่ ที่จะกลายเป็นมาตรฐานการรักษาให้กับวงการปลูกผมต่อไปในอนาคตด้วย
1 ปี 1 หมอ ดูแลต่อเนื่อง ปรึกษา-ปลูกผม-ติดตามผล
จะดีแค่ไหน ถ้าบนเส้นทางการรักษาและฟื้นบำรุงเส้นผมตลอด 1 ปีเต็ม มีคนคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง เป็นหลักให้ทุก ๆ ก้าวเดินมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
และนั่นคือหนึ่งในประสบการณ์สุดประทับใจ ที่คุณจะได้รับจากการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT กับนามนิน เนื่องจากคุณหมอนิน จะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญหนึ่งเดียว ที่จะดูแลคุณต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ไม่มีใครมาแทนที่ ตลอด 3 ขั้นตอนหลัก ปรึกษา - ปลูกผม - ติดตามผล

  • ปรึกษา – คุณหมอนินจะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้อย่างเปิดใจ เพื่อรับฟังและวิเคราะห์ปัญหา ก่อนจะประเมินและออกแบบแนวทางการรักษาให้ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากที่สุด
  • ปลูกผม – เพราะหน้าที่นี้ ใครก็ทำแทนไม่ได้ ต้องเป็นคุณหมอนินเท่านั้น ที่จะอาศัยทักษะ ประสบการณ์ ความพิถีพิถัน ความใส่ใจ ลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้ด้วยเองแบบเส้นต่อเส้น 
  • ติดตามผล – ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ระยะไหน ๆ เพื่อให้ผมปลูกใหม่อยู่รอดและเติบโตอย่างสมบูรณ์ คุณหมอนินจะเป็นผู้ติดตามผลทุกระยะด้วยตัวเอง คอยดูแลให้คำแนะนำจนสุดเส้นทาง

เทคนิค NEAT พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้รับการปรับเสริมให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความเข้าใจถึง pain point ของคนไข้ ที่ทำให้เกิดความกังวลใจ หรือความกลัวในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ประสบการณ์ปลูกผมที่นามนินจึงโดดเด่นและแตกต่าง เพราะนามนินออกแบบมาแล้วด้วยความตั้งใจ ที่จะเปลี่ยนทุกความกังวลใจ เป็นความอุ่นใจตลอดเส้นทางการรักษา

กังวลใจ...ว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อปลูกผม
เพราะภาพจำของการปลูกผมในอดีต ทำให้หลาย ๆ คนยังเข้าใจว่า การปลูกผมใหม่ จำเป็นต้องโกนผมทิ้งในบริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะต้องเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเพื่อนำไปปลูกใหม่ และนั่นเท่ากับว่าหลังปลูกผมแล้ว คนไข้จะต้องคอยระวังปกปิดส่วนที่ถูกโกนผมออก จำกัดอิสระในการจัดแต่งทรงผม ต้องรอจนกว่าผมจะขึ้นใหม่จึงจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม



คุณหมอนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผล ทำให้สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมออกโดยไม่ต้องโกนผม ด้วยวิธีเจาะย้ายออกเป็นแถบ ๆ สลับกันแบบขั้นบันได และกระจายจุดเจาะย้ายให้ทั่ว ๆ ทำให้รอยเจาะย้ายกระจายตัวกลมกลืนเนียนไปกับผมเดิม นับเป็นความใส่ใจในจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเป็นความกังวลใจข้อใหญ่ของคนไข้ คุณหมอนินก็ไม่มองข้าม เพื่อให้คนไข้สามารถจัดแต่งผมหลังปลูกได้ทุกทรง เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

กังวลใจ...ว่าขณะกำลังปลูกผมใหม่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลาย ๆ คนน่าจะจินตนาการถึงภาพวันปลูกผม ขณะที่อยู่บนเตียงในห้องทำหัตถการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละขั้นตอนจะดำเนินการไปอย่างไร บรรยากาศจะเป็นแบบไหน จะกังวลจนเครียดไหม เพราะเรามองไม่เห็นว่าใครทำอะไรกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา 

ห้องหัตถการของนามนิน จะเปิดประสบการณ์ปลูกผมแบบใหม่ให้กับคนไข้ ข้อสำคัญก็คือ เราไม่ปิดตาคนไข้ระหว่างปลูก คนไข้จะสามารถมองเห็นและพูดคุยสอบถามกับคุณหมอนินได้ตลอดเวลา หรือจะนอนดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชา และลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุก ๆ กราฟต์ เรียกว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เส้นแรกจนเส้นสุดท้าย เพราะทุก ๆ เส้นต้องบรรจงปลูกอย่างใส่ใจจริง ๆ ทั้งยังคอยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้คนไข้รับรู้และคลายความกังวลใจ 

กังวลใจ...กลัวผมใหม่ไม่เนียน 
คำถามแรก ๆ จากคนไข้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องผลลัพธ์ผมใหม่ ซึ่งไม่ว่าใครก็คาดหวังอยากเห็นผลลัพธ์ผมหนาแน่น ดูแข็งแรงสุขภาพดี เติมเต็มผมที่เคยบางให้กลับมาดกดำ และไม่กลับไปหลุดร่วงต่อ ที่สำคัญ อยากให้ผมใหม่เนียนสวย กลมกลืนไปกับผมเดิม 





คุณหมอนินจึงให้ความสำคัญกับการปลูกผมให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เริ่มจากการใช้เทคนิคปลูกแทรก โดยไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่จะปลูกใหม่ แต่ปลูกแทรกลงไประหว่างผมเดิม ซึ่งมีข้อดีคือ คุณหมอจะได้เห็นทิศทางผมเดิมว่าชี้ไปทางไหน จะได้ปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศาเรียงตัวกลมกลืนไปกับผมเดิม ได้ขนาดของเส้นผมที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด และได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมมากที่สุด (นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผมใหม่ค่อย ๆ โตไปพร้อม ๆ กันกับผมเดิม แลดูเนียนตา 

กังวลใจ...ไม่อยากให้ใครทักเรื่องปลูกผม
หลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะเก็บตัว ซ่อนตัวเองกับรอยแผลหรืออาการบวมช้ำไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ที่นามนิน คุณลืมภาพเหล่านั้นไปได้เลย เพราะคุณหมอนินพัฒนาเทคนิค NEAT ไปอีกระดับ นำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้ได้รอยปลูกเล็กละเอียด ไม่ใช่รอยแผลที่ดูน่ากลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป คนไข้สามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำงานได้ตามปกติทันที โดยไม่ต้องคาดผ้า รวมไปถึงใครที่กลัวจะโดนทักถามว่าไปปลูกผมมาใช่ไหม ก็หมดกังวลตรงนี้ไปได้เลย




กังวลใจ...จะดูแลตัวเองหลังปลูกอย่างไร
จริงอยู่ที่การดูแลผมใหม่หลังปลูก ต้องอาศัยความใส่ใจอย่างเต็มที่ ผมใหม่จึงจะอยู่รอด ไม่หลุดร่วง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เจ้าของเส้นผมดูแลตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมอนินคอยติดตามผล และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ว่าควรต้องปฏิบัติอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอย่างไรในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน 

ที่สำคัญ ยังจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะด้วยตัวเองให้ เป็นของขวัญพิเศษสำหรับคนไข้ของนามนินเท่านั้น 

  • BALLVIC TRANSFORM SHAMPOO แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง อ่อนโยนจนสามารถใช้สระได้ทุกวัน เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ 2 – 3 นาที ก่อนจะล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน
  • BALLVIC TRANSFORM SOLUTION ลดอาการอักเสบ อาการคัน อาการบวม ลดการเกิดสะเก็ดแผล เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ พร้อมบำรุงเส้นผม เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก ใช้ได้บ่อยทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง


  • Elixir Hair Serum บำรุงผมและหนังศีรษะ สามารถเริ่มใช้หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เพียงฉีดพ่นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1 – 2 ครั้ง



นอกจากชุดผลิตภัณฑ์ที่คนไข้จะใช้ดูแลตัวเองได้อย่างสะดวกสบายสุด ๆ แล้ว คุณหมอนินยังมอบบริการ Treatment บำรุงเส้นผม ที่เหมาะกับสภาพปัญหาของคนไข้แต่ละคน และยังคงติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม 


ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจและใส่ใจจากคุณหมอนิน ที่ไม่เพียงดูแลรักษาให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ยังคำนึงถึงความกังวลใจในมิติต่าง ๆ ของคนไข้ ดูแลโดยแพทย์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และพัฒนาเทคนิค NEAT เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์ปลูกผมแสนสะดวกสบาย เปลี่ยนภาพการปลูกผม ไปสู่ภาพจำใหม่ ที่จะกลายเป็นมาตรฐานการรักษาให้กับวงการปลูกผมต่อไปในอนาคตด้วย
1 ปี 1 หมอ ดูแลต่อเนื่อง ปรึกษา-ปลูกผม-ติดตามผล
จะดีแค่ไหน ถ้าบนเส้นทางการรักษาและฟื้นบำรุงเส้นผมตลอด 1 ปีเต็ม มีคนคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง เป็นหลักให้ทุก ๆ ก้าวเดินมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
และนั่นคือหนึ่งในประสบการณ์สุดประทับใจ ที่คุณจะได้รับจากการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT กับนามนิน เนื่องจากคุณหมอนิน จะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญหนึ่งเดียว ที่จะดูแลคุณต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ไม่มีใครมาแทนที่ ตลอด 3 ขั้นตอนหลัก ปรึกษา - ปลูกผม - ติดตามผล

  • ปรึกษา – คุณหมอนินจะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้อย่างเปิดใจ เพื่อรับฟังและวิเคราะห์ปัญหา ก่อนจะประเมินและออกแบบแนวทางการรักษาให้ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากที่สุด
  • ปลูกผม – เพราะหน้าที่นี้ ใครก็ทำแทนไม่ได้ ต้องเป็นคุณหมอนินเท่านั้น ที่จะอาศัยทักษะ ประสบการณ์ ความพิถีพิถัน ความใส่ใจ ลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้ด้วยเองแบบเส้นต่อเส้น 
  • ติดตามผล – ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ระยะไหน ๆ เพื่อให้ผมปลูกใหม่อยู่รอดและเติบโตอย่างสมบูรณ์ คุณหมอนินจะเป็นผู้ติดตามผลทุกระยะด้วยตัวเอง คอยดูแลให้คำแนะนำจนสุดเส้นทาง

เทคนิค NEAT พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้รับการปรับเสริมให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความเข้าใจถึง pain point ของคนไข้ ที่ทำให้เกิดความกังวลใจ หรือความกลัวในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ประสบการณ์ปลูกผมที่นามนินจึงโดดเด่นและแตกต่าง เพราะนามนินออกแบบมาแล้วด้วยความตั้งใจ ที่จะเปลี่ยนทุกความกังวลใจ เป็นความอุ่นใจตลอดเส้นทางการรักษา

กังวลใจ...ว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อปลูกผม
เพราะภาพจำของการปลูกผมในอดีต ทำให้หลาย ๆ คนยังเข้าใจว่า การปลูกผมใหม่ จำเป็นต้องโกนผมทิ้งในบริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะต้องเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเพื่อนำไปปลูกใหม่ และนั่นเท่ากับว่าหลังปลูกผมแล้ว คนไข้จะต้องคอยระวังปกปิดส่วนที่ถูกโกนผมออก จำกัดอิสระในการจัดแต่งทรงผม ต้องรอจนกว่าผมจะขึ้นใหม่จึงจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม



คุณหมอนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผล ทำให้สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมออกโดยไม่ต้องโกนผม ด้วยวิธีเจาะย้ายออกเป็นแถบ ๆ สลับกันแบบขั้นบันได และกระจายจุดเจาะย้ายให้ทั่ว ๆ ทำให้รอยเจาะย้ายกระจายตัวกลมกลืนเนียนไปกับผมเดิม นับเป็นความใส่ใจในจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเป็นความกังวลใจข้อใหญ่ของคนไข้ คุณหมอนินก็ไม่มองข้าม เพื่อให้คนไข้สามารถจัดแต่งผมหลังปลูกได้ทุกทรง เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

กังวลใจ...ว่าขณะกำลังปลูกผมใหม่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลาย ๆ คนน่าจะจินตนาการถึงภาพวันปลูกผม ขณะที่อยู่บนเตียงในห้องทำหัตถการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละขั้นตอนจะดำเนินการไปอย่างไร บรรยากาศจะเป็นแบบไหน จะกังวลจนเครียดไหม เพราะเรามองไม่เห็นว่าใครทำอะไรกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา 

ห้องหัตถการของนามนิน จะเปิดประสบการณ์ปลูกผมแบบใหม่ให้กับคนไข้ ข้อสำคัญก็คือ เราไม่ปิดตาคนไข้ระหว่างปลูก คนไข้จะสามารถมองเห็นและพูดคุยสอบถามกับคุณหมอนินได้ตลอดเวลา หรือจะนอนดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชา และลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุก ๆ กราฟต์ เรียกว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เส้นแรกจนเส้นสุดท้าย เพราะทุก ๆ เส้นต้องบรรจงปลูกอย่างใส่ใจจริง ๆ ทั้งยังคอยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้คนไข้รับรู้และคลายความกังวลใจ 

กังวลใจ...กลัวผมใหม่ไม่เนียน 
คำถามแรก ๆ จากคนไข้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องผลลัพธ์ผมใหม่ ซึ่งไม่ว่าใครก็คาดหวังอยากเห็นผลลัพธ์ผมหนาแน่น ดูแข็งแรงสุขภาพดี เติมเต็มผมที่เคยบางให้กลับมาดกดำ และไม่กลับไปหลุดร่วงต่อ ที่สำคัญ อยากให้ผมใหม่เนียนสวย กลมกลืนไปกับผมเดิม 





คุณหมอนินจึงให้ความสำคัญกับการปลูกผมให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เริ่มจากการใช้เทคนิคปลูกแทรก โดยไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่จะปลูกใหม่ แต่ปลูกแทรกลงไประหว่างผมเดิม ซึ่งมีข้อดีคือ คุณหมอจะได้เห็นทิศทางผมเดิมว่าชี้ไปทางไหน จะได้ปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศาเรียงตัวกลมกลืนไปกับผมเดิม ได้ขนาดของเส้นผมที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด และได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมมากที่สุด (นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผมใหม่ค่อย ๆ โตไปพร้อม ๆ กันกับผมเดิม แลดูเนียนตา 

กังวลใจ...ไม่อยากให้ใครทักเรื่องปลูกผม
หลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะเก็บตัว ซ่อนตัวเองกับรอยแผลหรืออาการบวมช้ำไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ที่นามนิน คุณลืมภาพเหล่านั้นไปได้เลย เพราะคุณหมอนินพัฒนาเทคนิค NEAT ไปอีกระดับ นำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้ได้รอยปลูกเล็กละเอียด ไม่ใช่รอยแผลที่ดูน่ากลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป คนไข้สามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำงานได้ตามปกติทันที โดยไม่ต้องคาดผ้า รวมไปถึงใครที่กลัวจะโดนทักถามว่าไปปลูกผมมาใช่ไหม ก็หมดกังวลตรงนี้ไปได้เลย




กังวลใจ...จะดูแลตัวเองหลังปลูกอย่างไร
จริงอยู่ที่การดูแลผมใหม่หลังปลูก ต้องอาศัยความใส่ใจอย่างเต็มที่ ผมใหม่จึงจะอยู่รอด ไม่หลุดร่วง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เจ้าของเส้นผมดูแลตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมอนินคอยติดตามผล และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ว่าควรต้องปฏิบัติอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอย่างไรในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน 

ที่สำคัญ ยังจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะด้วยตัวเองให้ เป็นของขวัญพิเศษสำหรับคนไข้ของนามนินเท่านั้น 

  • BALLVIC TRANSFORM SHAMPOO แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง อ่อนโยนจนสามารถใช้สระได้ทุกวัน เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ 2 – 3 นาที ก่อนจะล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน
  • BALLVIC TRANSFORM SOLUTION ลดอาการอักเสบ อาการคัน อาการบวม ลดการเกิดสะเก็ดแผล เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ พร้อมบำรุงเส้นผม เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก ใช้ได้บ่อยทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง


  • Elixir Hair Serum บำรุงผมและหนังศีรษะ สามารถเริ่มใช้หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เพียงฉีดพ่นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1 – 2 ครั้ง



นอกจากชุดผลิตภัณฑ์ที่คนไข้จะใช้ดูแลตัวเองได้อย่างสะดวกสบายสุด ๆ แล้ว คุณหมอนินยังมอบบริการ Treatment บำรุงเส้นผม ที่เหมาะกับสภาพปัญหาของคนไข้แต่ละคน และยังคงติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม 


ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจและใส่ใจจากคุณหมอนิน ที่ไม่เพียงดูแลรักษาให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ยังคำนึงถึงความกังวลใจในมิติต่าง ๆ ของคนไข้ ดูแลโดยแพทย์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และพัฒนาเทคนิค NEAT เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์ปลูกผมแสนสะดวกสบาย เปลี่ยนภาพการปลูกผม ไปสู่ภาพจำใหม่ ที่จะกลายเป็นมาตรฐานการรักษาให้กับวงการปลูกผมต่อไปในอนาคตด้วย
เริ่มต้นดูแลเส้นผมใหม่ หลังปลูก NEAT ใน 7 วันแรก
การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ นอกจากความชำนาญของแพทย์และเทคนิคในการปลูกผมแล้ว ขั้นตอนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ละเลยไม่ได้คือ “การดูแลหลังการปลูกผม” โดยเฉพาะใน “7 วัน ช่วงเวลาชี้ชะตาเส้นผมหลังปลูก” ซึ่งเป็นระยะสำคัญในการดูแลเส้นผมที่ปลูกใหม่ไม่ให้หลุดร่วงก่อนกำหนด เพราะกราฟต์ผมเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ รากผมยังไม่แข็งแรงดีและยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ หากมีการกระทบกระเทือนบริเวณที่ปลูกจึงมีโอกาสที่รากผมจะอักเสบและหลุดร่วงได้


ในวันแรกหลังการปลูกผม ผมที่ปลูกใหม่จะเป็นตอสั้นๆ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือแทบไม่มีอาการ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งการ Follow up ของแพทย์จะเริ่มในวันนี้ทันที โดยคนไข้จะต้องเข้ามารับการสระผมที่คลินิก พร้อมทั้งรับคำแนะนำในการทำความสะอาดเส้นผมอย่างถูกต้อง และรับชุดผลิตภัณฑ์จากนามนินเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน ซึ่งหลังจากการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT แล้ว การดูแลตัวเองไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแค่ควรเพิ่มการใส่ใจดูแลตัวเองเป็นพิเศษในบางเรื่อง อาทิ
  • ห้ามแคะ แกะ เกา หรือทำสิ่งใดที่กระทบกระเทือนบริเวณผมปลูกใหม่
  • ใน 2-3 วันแรก ควรนอนยกหัวสูงเพื่อลดบวม และหลีกเลี่ยงท่านอนที่จะทำให้ผมปลูกใหม่หลุด เช่น ปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย ไม่นอนตะแคง
  • ควรสวมเสื้อติดกระดุมหน้าแทนการสวมหัวในช่วง 3-5 วันหลังการปลูกผม
  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนต่างๆ  เช่น ไดร์เป่าผม น้ำอุ่น อบซาวน่า โยคะร้อน แสงแดดแรงๆ
  • งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนักๆ ที่อาจจะกระทบกระเทือนรากผม



นอกจากคำแนะนำเหล่านี้แล้ว ในชุดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจากนามนินจะช่วยให้การทำความสะอาดและดูแลเส้นผมหลังปลูกใหม่นั้นง่าย และสะดวกสบาย  ซึ่งในเซ็ตประกอบไปด้วย
  • BALLVIC Transform Shampoo แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ มีความอ่อนโยนสูง เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้สระผมวันละ 1 ครั้ง โดยการฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน หลีกเลี่ยงน้ำอุ่น สามารถใช้ได้หลังการปลูกผม
  • BALLVIC Transform Solution สเปรย์ลดการอักเสบ ลดอาการคันและลดบวมได้ ลดการเกิดสะเด็ดแผลในช่วง 3-5 วันแรก เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะพร้อมทั้งบำรุงเส้นผม และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้ฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ฉีดได้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องล้างออก


  • Elixir Hair Serum บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ โดยฉีดพ่นหนังศีรษะ เน้นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1-2 ครั้ง เริ่มใช้หลังการปลูกผมประมาณ 7 วัน


ซึ่งหากคนไข้ดูแลตัวเองได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เมื่อครบ 7 วันหลังการปลูกผม รากผมจะแข็งแรงขึ้น และเริ่มฝังตัวหลังจากปลูกครบ 14 วัน เป็นต้นไปค่ะ




นอกจากการดูแลหลังปลูกผมที่นามนินให้ความสำคัญแล้ว ผู้ที่เข้ารับบริการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่น่าประทับใจของการปลูกผมตั้งแต่วันแรกจนครบ 1 ปี 

เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา ลงมือปลูกผม และติดตามผลการรักษาโดยแพทย์ในทุกขั้นตอน คนไข้จะได้มีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบ Hairline ที่เหมาะกับรูปหน้าของตนเอง ในวันปลูกผมก็จะได้เห็นการลงมือปลูกผมของคุณหมอนินด้วยตาตนเอง สามารถพูดคุยกับคุณหมอ หรือจะดูหนัง ฟังเพลงได้ตามสบายตลอดระยะเวลาของการปลูกผม 

และที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ดูแล ให้คำแนะนำ และ Follow up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองจนครบ 1 ปี มั่นใจได้แน่นอนว่าทุกช่วงเวลาแห่งการรอคอยการเติบโตของเส้นผมใหม่นั้นจะมีนามนินอยู่เคียงข้างเสมอ และพร้อมสัมผัสผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์ไปพร้อมกับคุณค่ะ   




เริ่มต้นดูแลเส้นผมใหม่ หลังปลูก NEAT ใน 7 วันแรก
การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ นอกจากความชำนาญของแพทย์และเทคนิคในการปลูกผมแล้ว ขั้นตอนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ละเลยไม่ได้คือ “การดูแลหลังการปลูกผม” โดยเฉพาะใน “7 วัน ช่วงเวลาชี้ชะตาเส้นผมหลังปลูก” ซึ่งเป็นระยะสำคัญในการดูแลเส้นผมที่ปลูกใหม่ไม่ให้หลุดร่วงก่อนกำหนด เพราะกราฟต์ผมเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ รากผมยังไม่แข็งแรงดีและยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ หากมีการกระทบกระเทือนบริเวณที่ปลูกจึงมีโอกาสที่รากผมจะอักเสบและหลุดร่วงได้


ในวันแรกหลังการปลูกผม ผมที่ปลูกใหม่จะเป็นตอสั้นๆ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือแทบไม่มีอาการ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งการ Follow up ของแพทย์จะเริ่มในวันนี้ทันที โดยคนไข้จะต้องเข้ามารับการสระผมที่คลินิก พร้อมทั้งรับคำแนะนำในการทำความสะอาดเส้นผมอย่างถูกต้อง และรับชุดผลิตภัณฑ์จากนามนินเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน ซึ่งหลังจากการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT แล้ว การดูแลตัวเองไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแค่ควรเพิ่มการใส่ใจดูแลตัวเองเป็นพิเศษในบางเรื่อง อาทิ
  • ห้ามแคะ แกะ เกา หรือทำสิ่งใดที่กระทบกระเทือนบริเวณผมปลูกใหม่
  • ใน 2-3 วันแรก ควรนอนยกหัวสูงเพื่อลดบวม และหลีกเลี่ยงท่านอนที่จะทำให้ผมปลูกใหม่หลุด เช่น ปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย ไม่นอนตะแคง
  • ควรสวมเสื้อติดกระดุมหน้าแทนการสวมหัวในช่วง 3-5 วันหลังการปลูกผม
  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนต่างๆ  เช่น ไดร์เป่าผม น้ำอุ่น อบซาวน่า โยคะร้อน แสงแดดแรงๆ
  • งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนักๆ ที่อาจจะกระทบกระเทือนรากผม



นอกจากคำแนะนำเหล่านี้แล้ว ในชุดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจากนามนินจะช่วยให้การทำความสะอาดและดูแลเส้นผมหลังปลูกใหม่นั้นง่าย และสะดวกสบาย  ซึ่งในเซ็ตประกอบไปด้วย
  • BALLVIC Transform Shampoo แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ มีความอ่อนโยนสูง เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้สระผมวันละ 1 ครั้ง โดยการฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน หลีกเลี่ยงน้ำอุ่น สามารถใช้ได้หลังการปลูกผม
  • BALLVIC Transform Solution สเปรย์ลดการอักเสบ ลดอาการคันและลดบวมได้ ลดการเกิดสะเด็ดแผลในช่วง 3-5 วันแรก เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะพร้อมทั้งบำรุงเส้นผม และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้ฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ฉีดได้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องล้างออก


  • Elixir Hair Serum บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ โดยฉีดพ่นหนังศีรษะ เน้นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1-2 ครั้ง เริ่มใช้หลังการปลูกผมประมาณ 7 วัน


ซึ่งหากคนไข้ดูแลตัวเองได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เมื่อครบ 7 วันหลังการปลูกผม รากผมจะแข็งแรงขึ้น และเริ่มฝังตัวหลังจากปลูกครบ 14 วัน เป็นต้นไปค่ะ




นอกจากการดูแลหลังปลูกผมที่นามนินให้ความสำคัญแล้ว ผู้ที่เข้ารับบริการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่น่าประทับใจของการปลูกผมตั้งแต่วันแรกจนครบ 1 ปี 

เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา ลงมือปลูกผม และติดตามผลการรักษาโดยแพทย์ในทุกขั้นตอน คนไข้จะได้มีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบ Hairline ที่เหมาะกับรูปหน้าของตนเอง ในวันปลูกผมก็จะได้เห็นการลงมือปลูกผมของคุณหมอนินด้วยตาตนเอง สามารถพูดคุยกับคุณหมอ หรือจะดูหนัง ฟังเพลงได้ตามสบายตลอดระยะเวลาของการปลูกผม 

และที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ดูแล ให้คำแนะนำ และ Follow up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองจนครบ 1 ปี มั่นใจได้แน่นอนว่าทุกช่วงเวลาแห่งการรอคอยการเติบโตของเส้นผมใหม่นั้นจะมีนามนินอยู่เคียงข้างเสมอ และพร้อมสัมผัสผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์ไปพร้อมกับคุณค่ะ   




เริ่มต้นดูแลเส้นผมใหม่ หลังปลูก NEAT ใน 7 วันแรก
การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ นอกจากความชำนาญของแพทย์และเทคนิคในการปลูกผมแล้ว ขั้นตอนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ละเลยไม่ได้คือ “การดูแลหลังการปลูกผม” โดยเฉพาะใน “7 วัน ช่วงเวลาชี้ชะตาเส้นผมหลังปลูก” ซึ่งเป็นระยะสำคัญในการดูแลเส้นผมที่ปลูกใหม่ไม่ให้หลุดร่วงก่อนกำหนด เพราะกราฟต์ผมเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ รากผมยังไม่แข็งแรงดีและยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ หากมีการกระทบกระเทือนบริเวณที่ปลูกจึงมีโอกาสที่รากผมจะอักเสบและหลุดร่วงได้


ในวันแรกหลังการปลูกผม ผมที่ปลูกใหม่จะเป็นตอสั้นๆ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือแทบไม่มีอาการ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งการ Follow up ของแพทย์จะเริ่มในวันนี้ทันที โดยคนไข้จะต้องเข้ามารับการสระผมที่คลินิก พร้อมทั้งรับคำแนะนำในการทำความสะอาดเส้นผมอย่างถูกต้อง และรับชุดผลิตภัณฑ์จากนามนินเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน ซึ่งหลังจากการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT แล้ว การดูแลตัวเองไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแค่ควรเพิ่มการใส่ใจดูแลตัวเองเป็นพิเศษในบางเรื่อง อาทิ
  • ห้ามแคะ แกะ เกา หรือทำสิ่งใดที่กระทบกระเทือนบริเวณผมปลูกใหม่
  • ใน 2-3 วันแรก ควรนอนยกหัวสูงเพื่อลดบวม และหลีกเลี่ยงท่านอนที่จะทำให้ผมปลูกใหม่หลุด เช่น ปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย ไม่นอนตะแคง
  • ควรสวมเสื้อติดกระดุมหน้าแทนการสวมหัวในช่วง 3-5 วันหลังการปลูกผม
  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนต่างๆ  เช่น ไดร์เป่าผม น้ำอุ่น อบซาวน่า โยคะร้อน แสงแดดแรงๆ
  • งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนักๆ ที่อาจจะกระทบกระเทือนรากผม



นอกจากคำแนะนำเหล่านี้แล้ว ในชุดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจากนามนินจะช่วยให้การทำความสะอาดและดูแลเส้นผมหลังปลูกใหม่นั้นง่าย และสะดวกสบาย  ซึ่งในเซ็ตประกอบไปด้วย
  • BALLVIC Transform Shampoo แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ มีความอ่อนโยนสูง เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้สระผมวันละ 1 ครั้ง โดยการฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน หลีกเลี่ยงน้ำอุ่น สามารถใช้ได้หลังการปลูกผม
  • BALLVIC Transform Solution สเปรย์ลดการอักเสบ ลดอาการคันและลดบวมได้ ลดการเกิดสะเด็ดแผลในช่วง 3-5 วันแรก เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะพร้อมทั้งบำรุงเส้นผม และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้ฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ฉีดได้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องล้างออก


  • Elixir Hair Serum บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ โดยฉีดพ่นหนังศีรษะ เน้นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1-2 ครั้ง เริ่มใช้หลังการปลูกผมประมาณ 7 วัน


ซึ่งหากคนไข้ดูแลตัวเองได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เมื่อครบ 7 วันหลังการปลูกผม รากผมจะแข็งแรงขึ้น และเริ่มฝังตัวหลังจากปลูกครบ 14 วัน เป็นต้นไปค่ะ




นอกจากการดูแลหลังปลูกผมที่นามนินให้ความสำคัญแล้ว ผู้ที่เข้ารับบริการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่น่าประทับใจของการปลูกผมตั้งแต่วันแรกจนครบ 1 ปี 

เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา ลงมือปลูกผม และติดตามผลการรักษาโดยแพทย์ในทุกขั้นตอน คนไข้จะได้มีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบ Hairline ที่เหมาะกับรูปหน้าของตนเอง ในวันปลูกผมก็จะได้เห็นการลงมือปลูกผมของคุณหมอนินด้วยตาตนเอง สามารถพูดคุยกับคุณหมอ หรือจะดูหนัง ฟังเพลงได้ตามสบายตลอดระยะเวลาของการปลูกผม 

และที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ดูแล ให้คำแนะนำ และ Follow up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองจนครบ 1 ปี มั่นใจได้แน่นอนว่าทุกช่วงเวลาแห่งการรอคอยการเติบโตของเส้นผมใหม่นั้นจะมีนามนินอยู่เคียงข้างเสมอ และพร้อมสัมผัสผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์ไปพร้อมกับคุณค่ะ   




เริ่มต้นดูแลเส้นผมใหม่ หลังปลูก NEAT ใน 7 วันแรก
การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ นอกจากความชำนาญของแพทย์และเทคนิคในการปลูกผมแล้ว ขั้นตอนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ละเลยไม่ได้คือ “การดูแลหลังการปลูกผม” โดยเฉพาะใน “7 วัน ช่วงเวลาชี้ชะตาเส้นผมหลังปลูก” ซึ่งเป็นระยะสำคัญในการดูแลเส้นผมที่ปลูกใหม่ไม่ให้หลุดร่วงก่อนกำหนด เพราะกราฟต์ผมเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ รากผมยังไม่แข็งแรงดีและยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ หากมีการกระทบกระเทือนบริเวณที่ปลูกจึงมีโอกาสที่รากผมจะอักเสบและหลุดร่วงได้


ในวันแรกหลังการปลูกผม ผมที่ปลูกใหม่จะเป็นตอสั้นๆ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือแทบไม่มีอาการ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งการ Follow up ของแพทย์จะเริ่มในวันนี้ทันที โดยคนไข้จะต้องเข้ามารับการสระผมที่คลินิก พร้อมทั้งรับคำแนะนำในการทำความสะอาดเส้นผมอย่างถูกต้อง และรับชุดผลิตภัณฑ์จากนามนินเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน ซึ่งหลังจากการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT แล้ว การดูแลตัวเองไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแค่ควรเพิ่มการใส่ใจดูแลตัวเองเป็นพิเศษในบางเรื่อง อาทิ
  • ห้ามแคะ แกะ เกา หรือทำสิ่งใดที่กระทบกระเทือนบริเวณผมปลูกใหม่
  • ใน 2-3 วันแรก ควรนอนยกหัวสูงเพื่อลดบวม และหลีกเลี่ยงท่านอนที่จะทำให้ผมปลูกใหม่หลุด เช่น ปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย ไม่นอนตะแคง
  • ควรสวมเสื้อติดกระดุมหน้าแทนการสวมหัวในช่วง 3-5 วันหลังการปลูกผม
  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนต่างๆ  เช่น ไดร์เป่าผม น้ำอุ่น อบซาวน่า โยคะร้อน แสงแดดแรงๆ
  • งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนักๆ ที่อาจจะกระทบกระเทือนรากผม



นอกจากคำแนะนำเหล่านี้แล้ว ในชุดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจากนามนินจะช่วยให้การทำความสะอาดและดูแลเส้นผมหลังปลูกใหม่นั้นง่าย และสะดวกสบาย  ซึ่งในเซ็ตประกอบไปด้วย
  • BALLVIC Transform Shampoo แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ มีความอ่อนโยนสูง เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้สระผมวันละ 1 ครั้ง โดยการฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน หลีกเลี่ยงน้ำอุ่น สามารถใช้ได้หลังการปลูกผม
  • BALLVIC Transform Solution สเปรย์ลดการอักเสบ ลดอาการคันและลดบวมได้ ลดการเกิดสะเด็ดแผลในช่วง 3-5 วันแรก เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะพร้อมทั้งบำรุงเส้นผม และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้ฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ฉีดได้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องล้างออก


  • Elixir Hair Serum บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ โดยฉีดพ่นหนังศีรษะ เน้นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1-2 ครั้ง เริ่มใช้หลังการปลูกผมประมาณ 7 วัน


ซึ่งหากคนไข้ดูแลตัวเองได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เมื่อครบ 7 วันหลังการปลูกผม รากผมจะแข็งแรงขึ้น และเริ่มฝังตัวหลังจากปลูกครบ 14 วัน เป็นต้นไปค่ะ




นอกจากการดูแลหลังปลูกผมที่นามนินให้ความสำคัญแล้ว ผู้ที่เข้ารับบริการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่น่าประทับใจของการปลูกผมตั้งแต่วันแรกจนครบ 1 ปี 

เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา ลงมือปลูกผม และติดตามผลการรักษาโดยแพทย์ในทุกขั้นตอน คนไข้จะได้มีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบ Hairline ที่เหมาะกับรูปหน้าของตนเอง ในวันปลูกผมก็จะได้เห็นการลงมือปลูกผมของคุณหมอนินด้วยตาตนเอง สามารถพูดคุยกับคุณหมอ หรือจะดูหนัง ฟังเพลงได้ตามสบายตลอดระยะเวลาของการปลูกผม 

และที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ดูแล ให้คำแนะนำ และ Follow up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองจนครบ 1 ปี มั่นใจได้แน่นอนว่าทุกช่วงเวลาแห่งการรอคอยการเติบโตของเส้นผมใหม่นั้นจะมีนามนินอยู่เคียงข้างเสมอ และพร้อมสัมผัสผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์ไปพร้อมกับคุณค่ะ   




เริ่มต้นดูแลเส้นผมใหม่ หลังปลูก NEAT ใน 7 วันแรก
การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ นอกจากความชำนาญของแพทย์และเทคนิคในการปลูกผมแล้ว ขั้นตอนสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ละเลยไม่ได้คือ “การดูแลหลังการปลูกผม” โดยเฉพาะใน “7 วัน ช่วงเวลาชี้ชะตาเส้นผมหลังปลูก” ซึ่งเป็นระยะสำคัญในการดูแลเส้นผมที่ปลูกใหม่ไม่ให้หลุดร่วงก่อนกำหนด เพราะกราฟต์ผมเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ รากผมยังไม่แข็งแรงดีและยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ หากมีการกระทบกระเทือนบริเวณที่ปลูกจึงมีโอกาสที่รากผมจะอักเสบและหลุดร่วงได้


ในวันแรกหลังการปลูกผม ผมที่ปลูกใหม่จะเป็นตอสั้นๆ อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือแทบไม่มีอาการ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งการ Follow up ของแพทย์จะเริ่มในวันนี้ทันที โดยคนไข้จะต้องเข้ามารับการสระผมที่คลินิก พร้อมทั้งรับคำแนะนำในการทำความสะอาดเส้นผมอย่างถูกต้อง และรับชุดผลิตภัณฑ์จากนามนินเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน ซึ่งหลังจากการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT แล้ว การดูแลตัวเองไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแค่ควรเพิ่มการใส่ใจดูแลตัวเองเป็นพิเศษในบางเรื่อง อาทิ
  • ห้ามแคะ แกะ เกา หรือทำสิ่งใดที่กระทบกระเทือนบริเวณผมปลูกใหม่
  • ใน 2-3 วันแรก ควรนอนยกหัวสูงเพื่อลดบวม และหลีกเลี่ยงท่านอนที่จะทำให้ผมปลูกใหม่หลุด เช่น ปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย ไม่นอนตะแคง
  • ควรสวมเสื้อติดกระดุมหน้าแทนการสวมหัวในช่วง 3-5 วันหลังการปลูกผม
  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนต่างๆ  เช่น ไดร์เป่าผม น้ำอุ่น อบซาวน่า โยคะร้อน แสงแดดแรงๆ
  • งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนักๆ ที่อาจจะกระทบกระเทือนรากผม



นอกจากคำแนะนำเหล่านี้แล้ว ในชุดผลิตภัณฑ์ที่ได้รับจากนามนินจะช่วยให้การทำความสะอาดและดูแลเส้นผมหลังปลูกใหม่นั้นง่าย และสะดวกสบาย  ซึ่งในเซ็ตประกอบไปด้วย
  • BALLVIC Transform Shampoo แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ มีความอ่อนโยนสูง เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้สระผมวันละ 1 ครั้ง โดยการฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน หลีกเลี่ยงน้ำอุ่น สามารถใช้ได้หลังการปลูกผม
  • BALLVIC Transform Solution สเปรย์ลดการอักเสบ ลดอาการคันและลดบวมได้ ลดการเกิดสะเด็ดแผลในช่วง 3-5 วันแรก เพิ่มความชุ่มชื่นให้หนังศีรษะพร้อมทั้งบำรุงเส้นผม และเพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก ใช้ฉีดพ่นให้ทั่วโดยเน้นบริเวณที่ปลูก ฉีดได้ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องล้างออก


  • Elixir Hair Serum บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ โดยฉีดพ่นหนังศีรษะ เน้นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1-2 ครั้ง เริ่มใช้หลังการปลูกผมประมาณ 7 วัน


ซึ่งหากคนไข้ดูแลตัวเองได้ตามคำแนะนำของแพทย์ เมื่อครบ 7 วันหลังการปลูกผม รากผมจะแข็งแรงขึ้น และเริ่มฝังตัวหลังจากปลูกครบ 14 วัน เป็นต้นไปค่ะ




นอกจากการดูแลหลังปลูกผมที่นามนินให้ความสำคัญแล้ว ผู้ที่เข้ารับบริการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่น่าประทับใจของการปลูกผมตั้งแต่วันแรกจนครบ 1 ปี 

เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา ลงมือปลูกผม และติดตามผลการรักษาโดยแพทย์ในทุกขั้นตอน คนไข้จะได้มีส่วนร่วมตั้งแต่การออกแบบ Hairline ที่เหมาะกับรูปหน้าของตนเอง ในวันปลูกผมก็จะได้เห็นการลงมือปลูกผมของคุณหมอนินด้วยตาตนเอง สามารถพูดคุยกับคุณหมอ หรือจะดูหนัง ฟังเพลงได้ตามสบายตลอดระยะเวลาของการปลูกผม 

และที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ดูแล ให้คำแนะนำ และ Follow up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองจนครบ 1 ปี มั่นใจได้แน่นอนว่าทุกช่วงเวลาแห่งการรอคอยการเติบโตของเส้นผมใหม่นั้นจะมีนามนินอยู่เคียงข้างเสมอ และพร้อมสัมผัสผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์ไปพร้อมกับคุณค่ะ   




โปรแกรม PHB แก้ผมบางร่วงเพื่อผู้หญิงทุกวัย
ปัญหาผมบางในผู้หญิงเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้หญิงจำนวนมาก สาเหตุของอาการผมบางมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน พันธุกรรม หรือภาวะขาดสารอาหาร การทำความเข้าใจและเข้าถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยฟื้นฟูความมั่นใจและสุขภาพของเส้นผมได้

สาเหตุของปัญหาผมบางในผู้หญิง
1. พันธุกรรมและฮอร์โมน : พันธุกรรมมีผลสำคัญต่ออาการผมบาง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับผมบางในช่วงวัยกลางคน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้
2. ภาวะขาดสารอาหาร : การขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น ธาตุเหล็ก โปรตีน และวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 7 (ไบโอติน) จะทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่าย ผู้หญิงที่มีภาวะโลหิตจางมักมีความเสี่ยงต่อผมบางมากกว่าคนทั่วไป
3. ความเครียดและการใช้สารเคมี : ความเครียดมีผลต่อการร่วงของเส้นผมชั่วคราว เพราะฮอร์โมนเครียดที่ร่างกายหลั่งออกมาส่งผลกระทบต่อรูขุมขน นอกจากนี้ การใช้สารเคมีในการทำผม เช่น การทำสี ยืด ดัด และการใช้ความร้อนสูงจากอุปกรณ์ตกแต่งผมบ่อยครั้ง ก็สามารถทำให้เส้นผมอ่อนแอและร่วงง่ายขึ้น



วิธีการรักษาปัญหาผมบางเบื้องต้น
1.  การใช้ยาทาเฉพาะที่  : ยา Minoxidil เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการผมบางในผู้หญิง โดยมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วง ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกในการใช้
2.  การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ : การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี และไบโอตินอย่างเพียงพอ ช่วยส่งเสริมสุขภาพเส้นผมและลดการหลุดร่วง การนอนหลับที่เพียงพอและการจัดการความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้
3.  การรับประทานยากดฮอร์โมน : ในกรณีที่อาการผมบางมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนแอนโดรเจนซึ่งมีบทบาทในการทำให้เส้นผมร่วงในผู้หญิง ยาที่ใช้ยับยั้งผลของฮอร์โมนเพศชายอาจถูกนำมาใช้ในการรักษา ยานี้มีคุณสมบัติช่วยลดการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน และยับยั้งผลกระทบที่ฮอร์โมนนี้มีต่อรูขุมขน ซึ่งช่วยชะลอการหลุดร่วงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม อย่างไรก็ตาม ยานี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น การยับยั้งน้ำในร่างกายและความดันโลหิต ดังนั้นการใช้ยากดฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

การฟื้นฟูเส้นผมด้วย : โปรแกรม PHB
การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB  เป็นกระบวนการฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยมีขั้นตอนการดูแลจากคุณหมอนิน แพทย์ปลูกผมนามนินคลินิก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด




ขั้นตอนการเข้ารับบริการ
1. ปรึกษาและวางแผนการรักษากับคุณหมอนิน
เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับคุณหมอนินเป็นขั้นตอนสำคัญ คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุและปัญหาผมบางของผู้เข้ารับบริการโดยเฉพาะ จากนั้นจึงวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละคน พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลที่ควรปฏิบัติตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

2. การรับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy)
การฉายแสง LLLT เป็นเทคโนโลยีการกระตุ้นรากผมด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำ แสงเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะและเพิ่มความแข็งแรงของรากผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี



3. การฉีดบำรุงโดยคุณหมอนิน
คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดสารบำรุงเข้าสู่บริเวณรากผมด้วยความประณีต การฉีดบำรุงนี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง การฉีดบำรุงโดยผู้มีประสบการณ์ยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการรักษา



การรับบริการ PHB ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณหมอนินจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากระบวนการทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาอย่างมืออาชีพ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว
โปรแกรม PHB แก้ผมบางร่วงเพื่อผู้หญิงทุกวัย
ปัญหาผมบางในผู้หญิงเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้หญิงจำนวนมาก สาเหตุของอาการผมบางมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน พันธุกรรม หรือภาวะขาดสารอาหาร การทำความเข้าใจและเข้าถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยฟื้นฟูความมั่นใจและสุขภาพของเส้นผมได้

สาเหตุของปัญหาผมบางในผู้หญิง
1. พันธุกรรมและฮอร์โมน : พันธุกรรมมีผลสำคัญต่ออาการผมบาง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับผมบางในช่วงวัยกลางคน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้
2. ภาวะขาดสารอาหาร : การขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น ธาตุเหล็ก โปรตีน และวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 7 (ไบโอติน) จะทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่าย ผู้หญิงที่มีภาวะโลหิตจางมักมีความเสี่ยงต่อผมบางมากกว่าคนทั่วไป
3. ความเครียดและการใช้สารเคมี : ความเครียดมีผลต่อการร่วงของเส้นผมชั่วคราว เพราะฮอร์โมนเครียดที่ร่างกายหลั่งออกมาส่งผลกระทบต่อรูขุมขน นอกจากนี้ การใช้สารเคมีในการทำผม เช่น การทำสี ยืด ดัด และการใช้ความร้อนสูงจากอุปกรณ์ตกแต่งผมบ่อยครั้ง ก็สามารถทำให้เส้นผมอ่อนแอและร่วงง่ายขึ้น



วิธีการรักษาปัญหาผมบางเบื้องต้น
1.  การใช้ยาทาเฉพาะที่  : ยา Minoxidil เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการผมบางในผู้หญิง โดยมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วง ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกในการใช้
2.  การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ : การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี และไบโอตินอย่างเพียงพอ ช่วยส่งเสริมสุขภาพเส้นผมและลดการหลุดร่วง การนอนหลับที่เพียงพอและการจัดการความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้
3.  การรับประทานยากดฮอร์โมน : ในกรณีที่อาการผมบางมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนแอนโดรเจนซึ่งมีบทบาทในการทำให้เส้นผมร่วงในผู้หญิง ยาที่ใช้ยับยั้งผลของฮอร์โมนเพศชายอาจถูกนำมาใช้ในการรักษา ยานี้มีคุณสมบัติช่วยลดการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน และยับยั้งผลกระทบที่ฮอร์โมนนี้มีต่อรูขุมขน ซึ่งช่วยชะลอการหลุดร่วงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม อย่างไรก็ตาม ยานี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น การยับยั้งน้ำในร่างกายและความดันโลหิต ดังนั้นการใช้ยากดฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

การฟื้นฟูเส้นผมด้วย : โปรแกรม PHB
การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB  เป็นกระบวนการฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยมีขั้นตอนการดูแลจากคุณหมอนิน แพทย์ปลูกผมนามนินคลินิก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด




ขั้นตอนการเข้ารับบริการ
1. ปรึกษาและวางแผนการรักษากับคุณหมอนิน
เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับคุณหมอนินเป็นขั้นตอนสำคัญ คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุและปัญหาผมบางของผู้เข้ารับบริการโดยเฉพาะ จากนั้นจึงวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละคน พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลที่ควรปฏิบัติตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

2. การรับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy)
การฉายแสง LLLT เป็นเทคโนโลยีการกระตุ้นรากผมด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำ แสงเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะและเพิ่มความแข็งแรงของรากผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี



3. การฉีดบำรุงโดยคุณหมอนิน
คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดสารบำรุงเข้าสู่บริเวณรากผมด้วยความประณีต การฉีดบำรุงนี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง การฉีดบำรุงโดยผู้มีประสบการณ์ยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการรักษา



การรับบริการ PHB ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณหมอนินจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากระบวนการทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาอย่างมืออาชีพ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว
โปรแกรม PHB แก้ผมบางร่วงเพื่อผู้หญิงทุกวัย
ปัญหาผมบางในผู้หญิงเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้หญิงจำนวนมาก สาเหตุของอาการผมบางมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน พันธุกรรม หรือภาวะขาดสารอาหาร การทำความเข้าใจและเข้าถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยฟื้นฟูความมั่นใจและสุขภาพของเส้นผมได้

สาเหตุของปัญหาผมบางในผู้หญิง
1. พันธุกรรมและฮอร์โมน : พันธุกรรมมีผลสำคัญต่ออาการผมบาง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับผมบางในช่วงวัยกลางคน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้
2. ภาวะขาดสารอาหาร : การขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น ธาตุเหล็ก โปรตีน และวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 7 (ไบโอติน) จะทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่าย ผู้หญิงที่มีภาวะโลหิตจางมักมีความเสี่ยงต่อผมบางมากกว่าคนทั่วไป
3. ความเครียดและการใช้สารเคมี : ความเครียดมีผลต่อการร่วงของเส้นผมชั่วคราว เพราะฮอร์โมนเครียดที่ร่างกายหลั่งออกมาส่งผลกระทบต่อรูขุมขน นอกจากนี้ การใช้สารเคมีในการทำผม เช่น การทำสี ยืด ดัด และการใช้ความร้อนสูงจากอุปกรณ์ตกแต่งผมบ่อยครั้ง ก็สามารถทำให้เส้นผมอ่อนแอและร่วงง่ายขึ้น



วิธีการรักษาปัญหาผมบางเบื้องต้น
1.  การใช้ยาทาเฉพาะที่  : ยา Minoxidil เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการผมบางในผู้หญิง โดยมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วง ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกในการใช้
2.  การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ : การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี และไบโอตินอย่างเพียงพอ ช่วยส่งเสริมสุขภาพเส้นผมและลดการหลุดร่วง การนอนหลับที่เพียงพอและการจัดการความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้
3.  การรับประทานยากดฮอร์โมน : ในกรณีที่อาการผมบางมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนแอนโดรเจนซึ่งมีบทบาทในการทำให้เส้นผมร่วงในผู้หญิง ยาที่ใช้ยับยั้งผลของฮอร์โมนเพศชายอาจถูกนำมาใช้ในการรักษา ยานี้มีคุณสมบัติช่วยลดการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน และยับยั้งผลกระทบที่ฮอร์โมนนี้มีต่อรูขุมขน ซึ่งช่วยชะลอการหลุดร่วงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม อย่างไรก็ตาม ยานี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น การยับยั้งน้ำในร่างกายและความดันโลหิต ดังนั้นการใช้ยากดฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

การฟื้นฟูเส้นผมด้วย : โปรแกรม PHB
การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB  เป็นกระบวนการฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยมีขั้นตอนการดูแลจากคุณหมอนิน แพทย์ปลูกผมนามนินคลินิก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด




ขั้นตอนการเข้ารับบริการ
1. ปรึกษาและวางแผนการรักษากับคุณหมอนิน
เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับคุณหมอนินเป็นขั้นตอนสำคัญ คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุและปัญหาผมบางของผู้เข้ารับบริการโดยเฉพาะ จากนั้นจึงวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละคน พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลที่ควรปฏิบัติตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

2. การรับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy)
การฉายแสง LLLT เป็นเทคโนโลยีการกระตุ้นรากผมด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำ แสงเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะและเพิ่มความแข็งแรงของรากผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี



3. การฉีดบำรุงโดยคุณหมอนิน
คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดสารบำรุงเข้าสู่บริเวณรากผมด้วยความประณีต การฉีดบำรุงนี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง การฉีดบำรุงโดยผู้มีประสบการณ์ยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการรักษา



การรับบริการ PHB ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณหมอนินจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากระบวนการทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาอย่างมืออาชีพ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว
โปรแกรม PHB แก้ผมบางร่วงเพื่อผู้หญิงทุกวัย
ปัญหาผมบางในผู้หญิงเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้หญิงจำนวนมาก สาเหตุของอาการผมบางมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมน พันธุกรรม หรือภาวะขาดสารอาหาร การทำความเข้าใจและเข้าถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยฟื้นฟูความมั่นใจและสุขภาพของเส้นผมได้

สาเหตุของปัญหาผมบางในผู้หญิง
1. พันธุกรรมและฮอร์โมน : พันธุกรรมมีผลสำคัญต่ออาการผมบาง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับผมบางในช่วงวัยกลางคน ฮอร์โมนก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการเติบโตของเส้นผม เมื่อระดับฮอร์โมนนี้ลดลง เช่น ในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือหลังคลอด อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางได้
2. ภาวะขาดสารอาหาร : การขาดสารอาหารที่จำเป็น เช่น ธาตุเหล็ก โปรตีน และวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 7 (ไบโอติน) จะทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงได้ง่าย ผู้หญิงที่มีภาวะโลหิตจางมักมีความเสี่ยงต่อผมบางมากกว่าคนทั่วไป
3. ความเครียดและการใช้สารเคมี : ความเครียดมีผลต่อการร่วงของเส้นผมชั่วคราว เพราะฮอร์โมนเครียดที่ร่างกายหลั่งออกมาส่งผลกระทบต่อรูขุมขน นอกจากนี้ การใช้สารเคมีในการทำผม เช่น การทำสี ยืด ดัด และการใช้ความร้อนสูงจากอุปกรณ์ตกแต่งผมบ่อยครั้ง ก็สามารถทำให้เส้นผมอ่อนแอและร่วงง่ายขึ้น



วิธีการรักษาปัญหาผมบางเบื้องต้น
1.  การใช้ยาทาเฉพาะที่  : ยา Minoxidil เป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการผมบางในผู้หญิง โดยมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วง ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกในการใช้
2.  การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการ : การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก วิตามินบี และไบโอตินอย่างเพียงพอ ช่วยส่งเสริมสุขภาพเส้นผมและลดการหลุดร่วง การนอนหลับที่เพียงพอและการจัดการความเครียดก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมได้
3.  การรับประทานยากดฮอร์โมน : ในกรณีที่อาการผมบางมีสาเหตุมาจากฮอร์โมนแอนโดรเจนซึ่งมีบทบาทในการทำให้เส้นผมร่วงในผู้หญิง ยาที่ใช้ยับยั้งผลของฮอร์โมนเพศชายอาจถูกนำมาใช้ในการรักษา ยานี้มีคุณสมบัติช่วยลดการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน และยับยั้งผลกระทบที่ฮอร์โมนนี้มีต่อรูขุมขน ซึ่งช่วยชะลอการหลุดร่วงและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม อย่างไรก็ตาม ยานี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น การยับยั้งน้ำในร่างกายและความดันโลหิต ดังนั้นการใช้ยากดฮอร์โมนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

การฟื้นฟูเส้นผมด้วย : โปรแกรม PHB
การเข้ารับบริการโปรแกรม PHB  เป็นกระบวนการฟื้นฟูเส้นผมที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยมีขั้นตอนการดูแลจากคุณหมอนิน แพทย์ปลูกผมนามนินคลินิก เพื่อให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด




ขั้นตอนการเข้ารับบริการ
1. ปรึกษาและวางแผนการรักษากับคุณหมอนิน
เริ่มต้นด้วยการปรึกษากับคุณหมอนินเป็นขั้นตอนสำคัญ คุณหมอจะตรวจประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงสาเหตุและปัญหาผมบางของผู้เข้ารับบริการโดยเฉพาะ จากนั้นจึงวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละคน พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลที่ควรปฏิบัติตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

2. การรับบริการฉายแสง LLLT (Low-Level Laser Therapy)
การฉายแสง LLLT เป็นเทคโนโลยีการกระตุ้นรากผมด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำ แสงเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะและเพิ่มความแข็งแรงของรากผม ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้นและสุขภาพดี



3. การฉีดบำรุงโดยคุณหมอนิน
คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดสารบำรุงเข้าสู่บริเวณรากผมด้วยความประณีต การฉีดบำรุงนี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นให้เส้นผมที่อ่อนแอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง การฉีดบำรุงโดยผู้มีประสบการณ์ยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการรักษา



การรับบริการ PHB ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณหมอนินจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากระบวนการทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาอย่างมืออาชีพ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว
5 ข้อดี ปลูกผม NEAT กับนามนิน
ยิ่งเทคโนโลยีการปลูกผมได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและหลากหลายมากขึ้นเท่าไหร่ บรรดาคนรักผม หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเทคนิคการปลูกผม ก็ยิ่งมีทางเลือกที่จะตอบโจทย์การรักษาให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากขึ้น เราจึงได้เห็นศัพท์เทคนิคที่เกี่ยวกับการปลูกผมมากมาย โดยเฉพาะ FUT และ FUE ซึ่ง FUE นั้นเป็นเทคนิคที่แพทย์ของนามนินเลือกนำมาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่สะดวกสบาย พร้อมผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบนเงื่อนไขและสภาพปัญหาเส้นผมของแต่ละคน

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า FUT และ FUE ต่างกันอย่างไร สำหรับ FUT หรือ Follicular Unit Transplant จะหมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ด้วยวิธีการผ่าตัดนำหนังศีรษะออกมาทั้งชิ้น ก่อนจะนำมาคัดแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์ วิธีนี้จะทำให้ได้กราฟต์ผมปริมาณมาก และอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อนำไปปลูกใหม่ก็จะเพิ่มอัตราการอยู่รอดและปลูกติดสูง 

อย่างไรก็ตาม เทคนิค FUT กลับค่อย ๆ ลดความนิยมลงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดนำชิ้นส่วนของหนังศีรษะออกไปเป็นแถบยาว ซึ่งต้องมีการโกนผมบางส่วน และเย็บผิวหนังส่วนที่เหลือให้ติดกันในภายหลัง ทำให้หนังศีรษะตึงขึ้น เกิดรอยแผลขนาดยาวที่ต้องอาศัยเวลาในการพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์ตารางเวลาชีวิตของคนไข้ ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งแผลผ่าตัดด้านหลัง และแผลจากการปลูกใหม่ด้านหน้า ยังต้องการการดูแลฟื้นฟูเป็นพิเศษ พร้อมกันในเวลาเดียว

FUE หรือ Follicular Unit Extraction จึงเข้ามาเป็นคำตอบใหม่ หมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก เจาะย้ายกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ ทำให้ไม่ต้องมีการผ่าตัด หลาย ๆ เคสไม่จำเป็นต้องโกนผม ซึ่งหากใช้ความละเอียดพิถีพิถันและเครื่องมือประสิทธิภาพสูงในการเจาะย้าย ก็จะได้กราฟต์ผมที่สมบูรณ์พร้อมนำไปปลูกใหม่เช่นกัน ที่สำคัญ แผลด้านหลังท้ายทอยจะเหลือเพียงรอยเจาะขนาดเล็กมาก ดูแลง่าย หายเร็ว แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้คนไข้ออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

และนี่คือข้อดี 5 ประการ ที่นามนินอยากชวนให้คุณมาลองสัมผัสประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ด้วยเทคนิค FUE ซึ่งแพทย์ของนามนินอาศัยความใส่ใจและความเข้าใจในความต้องการของคนไข้ บวกกับทักษะความรู้ที่สั่งสมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ นำมาออกแบบ ต่อยอด กลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไม่เกินจริง

1. เมื่อทักษะชั้นยอด ต้องมาพร้อมอุปกรณ์ชั้นเยี่ยม

สำหรับการปลูกผมเทคนิค FUE ที่นามนิน แพทย์ได้ทำการศึกษาและเลือกสรรอุปกรณ์ที่สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมหัวเจาะขนาดเล็ก ที่สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมของแต่ละคน เนื่องจากกราฟต์ผม 1 กอ อาจจะมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1- 4 เส้น และเส้นผมของคนไข้แต่ละคนก็มีขนาดหนาบางไม่เท่ากันด้วย ซึ่งหากหัวเจาะมีขนาดเล็กไป ก็อาจทำให้กราฟต์ผมเกิดความเสียหายได้ อุปกรณ์ที่ดีและเหมาะสม จึงเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปลูกผมไม่น้อยเลยทีเดียว


2. เทคนิคซ่อนแผลเนียนสนิท ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

เพราะ pain point ของคนไข้ส่วนใหญ่ มักจะเป็นความกังวลที่ต้องคอยปกปิดแผลหลังปลูกผม รวมถึงทรงผมที่ถูกจำกัดให้จัดแต่งได้อยู่ไม่กี่สไตล์ เพื่อไม่ให้ใครเห็นรอยแผล แพทย์ของนามนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย โดยในขณะที่เจาะย้ายกราฟต์ผมออกนั้น แพทย์จะย้ายออกในลักษณะแถบเว้นแถบ แบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียบไปกับผมเดิม ทั้งยังกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ บริเวณ คนไข้จึงไม่ต้องคอยปกปิดอีกต่อไป และยังสามารถจัดแต่งผมได้อย่างอิสระ เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่



3. ปลูกผมด้วยมือแพทย์ “ทุกกราฟต์”

คนไข้อุ่นใจและมั่นใจได้เลยว่า ทุก ๆ กราฟต์ผมจะได้รับการปลูกอย่างตั้งใจ บนมาตรฐานการแพทย์สูงสุด เพราะแพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกให้เอง ขั้นตอนนี้นับเป็นขั้นตอนสำคัญ เนื่องจากแพทย์ต้องคำนึงถึงการเลือกกราฟต์ผมที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และต้องวางทิศทาง รวมถึงองศาของกราฟต์ผม ให้กลมกลืนเป็นแนวเดียวไปกับเส้นผมเดิม เพื่อป้องกันผมชี้ผิดทิศทางในภายหลัง ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังต้องควบคุมการปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และยังต้องปลูกผมให้มีระยะห่างที่พอดี ไม่บางเกินไป ไม่หนาแน่นจนเกินไป ทั้งหมดนี้เพื่อการอยู่รอดอย่างสมบูรณ์ของผมใหม่นั่นเอง


4. แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้ชีวิต

เรามักจะได้ฟังประสบการณ์ของผู้เข้ารับการปลูกผมในอดีต ที่ต้องเก็บตัวพักฟื้นเป็นเวลานาน เนื่องจากอาการบวม ช้ำ หรือรอยแผลที่ดูน่ากลัว แต่เทคนิคปลูกผมที่แพทย์ของนามนินพัฒนาต่อยอดจากเทคนิค FUE จะช่วยลบภาพเดิม ๆ เหล่านั้นทิ้งไป 


อันดับแรก แพทย์จะคำนวณปริมาณยาชาที่ฉีดก่อนเริ่มปลูกผมอย่างเหมาะสม และลงมือฉีดด้วยตัวเอง ทำให้เกิดอาการบวมหลังปลูกน้อยมาก ต่อมา แพทย์เลือกใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ เป็น Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ เพียง 0.6 มิลลิเมตร ในการบรรจงปักกราฟต์ผมแบบเส้นต่อเส้น ส่งผลให้รอยปลูกผมนั้นเล็กละเอียด แลดูเป็นระเบียบ ไม่ได้มีลักษณะเป็นตุ่ม ๆ หรือมีเลือดออกเยอะเหมือนที่เราเคยเห็นกัน 


เมื่อหมดปัญหาอาการบวมและรอยแผล คนไข้จึงสามารถลุกขึ้นไปใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน หรือพบปะผู้คนได้ทันที โดยไม่ต้องสวมที่คาดผม เรียกว่าแทบไม่ต้องพักฟื้น หรือต้องการการพักฟื้นน้อยมาก ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในแต่ละเคส

5. อุ่นใจกับเส้นทางการดูแลหลังปลูกผม 1 ปีเต็ม

จะไม่อุ่นใจได้อย่างไร ในเมื่อแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลสม่ำเสมอทุกระยะ คอยตอบข้อสงสัย แนะนำผลิตภัณฑ์และ Treatment ที่เหมาะสม รวมถึงให้คำปรึกษาตลอดเส้นทางการรักษาหลังปลูกผมไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าผมใหม่จะเติบโตและสมบูรณ์เต็มที่ เพื่อรับประกันผลลัพธ์ผมหนาแน่น ไม่กลับมาหลุดร่วงและบางซ้ำ ทั้งยังบำรุงฟื้นฟูทั้งผมใหม่และผมเดิมให้แข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน




เทคนิค FUE เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่ทันสมัยและได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และเมื่อเทคนิค FUE นั้น ได้รับการพัฒนาต่อยอดโดยแพทย์ของนามนิน ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่า นี่จะเป็นการมอบประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดให้กับคนไข้ ได้กลับไปพร้อมกับพลังความมั่นใจและรอยยิ้มที่กว้างกว่าที่เคย
5 ข้อดี ปลูกผม NEAT กับนามนิน
ยิ่งเทคโนโลยีการปลูกผมได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและหลากหลายมากขึ้นเท่าไหร่ บรรดาคนรักผม หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเทคนิคการปลูกผม ก็ยิ่งมีทางเลือกที่จะตอบโจทย์การรักษาให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากขึ้น เราจึงได้เห็นศัพท์เทคนิคที่เกี่ยวกับการปลูกผมมากมาย โดยเฉพาะ FUT และ FUE ซึ่ง FUE นั้นเป็นเทคนิคที่แพทย์ของนามนินเลือกนำมาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่สะดวกสบาย พร้อมผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบนเงื่อนไขและสภาพปัญหาเส้นผมของแต่ละคน

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า FUT และ FUE ต่างกันอย่างไร สำหรับ FUT หรือ Follicular Unit Transplant จะหมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ด้วยวิธีการผ่าตัดนำหนังศีรษะออกมาทั้งชิ้น ก่อนจะนำมาคัดแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์ วิธีนี้จะทำให้ได้กราฟต์ผมปริมาณมาก และอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อนำไปปลูกใหม่ก็จะเพิ่มอัตราการอยู่รอดและปลูกติดสูง 

อย่างไรก็ตาม เทคนิค FUT กลับค่อย ๆ ลดความนิยมลงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดนำชิ้นส่วนของหนังศีรษะออกไปเป็นแถบยาว ซึ่งต้องมีการโกนผมบางส่วน และเย็บผิวหนังส่วนที่เหลือให้ติดกันในภายหลัง ทำให้หนังศีรษะตึงขึ้น เกิดรอยแผลขนาดยาวที่ต้องอาศัยเวลาในการพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์ตารางเวลาชีวิตของคนไข้ ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งแผลผ่าตัดด้านหลัง และแผลจากการปลูกใหม่ด้านหน้า ยังต้องการการดูแลฟื้นฟูเป็นพิเศษ พร้อมกันในเวลาเดียว

FUE หรือ Follicular Unit Extraction จึงเข้ามาเป็นคำตอบใหม่ หมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก เจาะย้ายกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ ทำให้ไม่ต้องมีการผ่าตัด หลาย ๆ เคสไม่จำเป็นต้องโกนผม ซึ่งหากใช้ความละเอียดพิถีพิถันและเครื่องมือประสิทธิภาพสูงในการเจาะย้าย ก็จะได้กราฟต์ผมที่สมบูรณ์พร้อมนำไปปลูกใหม่เช่นกัน ที่สำคัญ แผลด้านหลังท้ายทอยจะเหลือเพียงรอยเจาะขนาดเล็กมาก ดูแลง่าย หายเร็ว แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้คนไข้ออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

และนี่คือข้อดี 5 ประการ ที่นามนินอยากชวนให้คุณมาลองสัมผัสประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ด้วยเทคนิค FUE ซึ่งแพทย์ของนามนินอาศัยความใส่ใจและความเข้าใจในความต้องการของคนไข้ บวกกับทักษะความรู้ที่สั่งสมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ นำมาออกแบบ ต่อยอด กลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไม่เกินจริง

1. เมื่อทักษะชั้นยอด ต้องมาพร้อมอุปกรณ์ชั้นเยี่ยม

สำหรับการปลูกผมเทคนิค FUE ที่นามนิน แพทย์ได้ทำการศึกษาและเลือกสรรอุปกรณ์ที่สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมหัวเจาะขนาดเล็ก ที่สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมของแต่ละคน เนื่องจากกราฟต์ผม 1 กอ อาจจะมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1- 4 เส้น และเส้นผมของคนไข้แต่ละคนก็มีขนาดหนาบางไม่เท่ากันด้วย ซึ่งหากหัวเจาะมีขนาดเล็กไป ก็อาจทำให้กราฟต์ผมเกิดความเสียหายได้ อุปกรณ์ที่ดีและเหมาะสม จึงเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปลูกผมไม่น้อยเลยทีเดียว


2. เทคนิคซ่อนแผลเนียนสนิท ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

เพราะ pain point ของคนไข้ส่วนใหญ่ มักจะเป็นความกังวลที่ต้องคอยปกปิดแผลหลังปลูกผม รวมถึงทรงผมที่ถูกจำกัดให้จัดแต่งได้อยู่ไม่กี่สไตล์ เพื่อไม่ให้ใครเห็นรอยแผล แพทย์ของนามนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย โดยในขณะที่เจาะย้ายกราฟต์ผมออกนั้น แพทย์จะย้ายออกในลักษณะแถบเว้นแถบ แบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียบไปกับผมเดิม ทั้งยังกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ บริเวณ คนไข้จึงไม่ต้องคอยปกปิดอีกต่อไป และยังสามารถจัดแต่งผมได้อย่างอิสระ เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่



3. ปลูกผมด้วยมือแพทย์ “ทุกกราฟต์”

คนไข้อุ่นใจและมั่นใจได้เลยว่า ทุก ๆ กราฟต์ผมจะได้รับการปลูกอย่างตั้งใจ บนมาตรฐานการแพทย์สูงสุด เพราะแพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกให้เอง ขั้นตอนนี้นับเป็นขั้นตอนสำคัญ เนื่องจากแพทย์ต้องคำนึงถึงการเลือกกราฟต์ผมที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และต้องวางทิศทาง รวมถึงองศาของกราฟต์ผม ให้กลมกลืนเป็นแนวเดียวไปกับเส้นผมเดิม เพื่อป้องกันผมชี้ผิดทิศทางในภายหลัง ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังต้องควบคุมการปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และยังต้องปลูกผมให้มีระยะห่างที่พอดี ไม่บางเกินไป ไม่หนาแน่นจนเกินไป ทั้งหมดนี้เพื่อการอยู่รอดอย่างสมบูรณ์ของผมใหม่นั่นเอง


4. แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้ชีวิต

เรามักจะได้ฟังประสบการณ์ของผู้เข้ารับการปลูกผมในอดีต ที่ต้องเก็บตัวพักฟื้นเป็นเวลานาน เนื่องจากอาการบวม ช้ำ หรือรอยแผลที่ดูน่ากลัว แต่เทคนิคปลูกผมที่แพทย์ของนามนินพัฒนาต่อยอดจากเทคนิค FUE จะช่วยลบภาพเดิม ๆ เหล่านั้นทิ้งไป 


อันดับแรก แพทย์จะคำนวณปริมาณยาชาที่ฉีดก่อนเริ่มปลูกผมอย่างเหมาะสม และลงมือฉีดด้วยตัวเอง ทำให้เกิดอาการบวมหลังปลูกน้อยมาก ต่อมา แพทย์เลือกใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ เป็น Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ เพียง 0.6 มิลลิเมตร ในการบรรจงปักกราฟต์ผมแบบเส้นต่อเส้น ส่งผลให้รอยปลูกผมนั้นเล็กละเอียด แลดูเป็นระเบียบ ไม่ได้มีลักษณะเป็นตุ่ม ๆ หรือมีเลือดออกเยอะเหมือนที่เราเคยเห็นกัน 


เมื่อหมดปัญหาอาการบวมและรอยแผล คนไข้จึงสามารถลุกขึ้นไปใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน หรือพบปะผู้คนได้ทันที โดยไม่ต้องสวมที่คาดผม เรียกว่าแทบไม่ต้องพักฟื้น หรือต้องการการพักฟื้นน้อยมาก ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในแต่ละเคส

5. อุ่นใจกับเส้นทางการดูแลหลังปลูกผม 1 ปีเต็ม

จะไม่อุ่นใจได้อย่างไร ในเมื่อแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลสม่ำเสมอทุกระยะ คอยตอบข้อสงสัย แนะนำผลิตภัณฑ์และ Treatment ที่เหมาะสม รวมถึงให้คำปรึกษาตลอดเส้นทางการรักษาหลังปลูกผมไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าผมใหม่จะเติบโตและสมบูรณ์เต็มที่ เพื่อรับประกันผลลัพธ์ผมหนาแน่น ไม่กลับมาหลุดร่วงและบางซ้ำ ทั้งยังบำรุงฟื้นฟูทั้งผมใหม่และผมเดิมให้แข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน




เทคนิค FUE เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่ทันสมัยและได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และเมื่อเทคนิค FUE นั้น ได้รับการพัฒนาต่อยอดโดยแพทย์ของนามนิน ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่า นี่จะเป็นการมอบประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดให้กับคนไข้ ได้กลับไปพร้อมกับพลังความมั่นใจและรอยยิ้มที่กว้างกว่าที่เคย
5 ข้อดี ปลูกผม NEAT กับนามนิน
ยิ่งเทคโนโลยีการปลูกผมได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและหลากหลายมากขึ้นเท่าไหร่ บรรดาคนรักผม หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเทคนิคการปลูกผม ก็ยิ่งมีทางเลือกที่จะตอบโจทย์การรักษาให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากขึ้น เราจึงได้เห็นศัพท์เทคนิคที่เกี่ยวกับการปลูกผมมากมาย โดยเฉพาะ FUT และ FUE ซึ่ง FUE นั้นเป็นเทคนิคที่แพทย์ของนามนินเลือกนำมาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่สะดวกสบาย พร้อมผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบนเงื่อนไขและสภาพปัญหาเส้นผมของแต่ละคน

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า FUT และ FUE ต่างกันอย่างไร สำหรับ FUT หรือ Follicular Unit Transplant จะหมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ด้วยวิธีการผ่าตัดนำหนังศีรษะออกมาทั้งชิ้น ก่อนจะนำมาคัดแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์ วิธีนี้จะทำให้ได้กราฟต์ผมปริมาณมาก และอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อนำไปปลูกใหม่ก็จะเพิ่มอัตราการอยู่รอดและปลูกติดสูง 

อย่างไรก็ตาม เทคนิค FUT กลับค่อย ๆ ลดความนิยมลงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดนำชิ้นส่วนของหนังศีรษะออกไปเป็นแถบยาว ซึ่งต้องมีการโกนผมบางส่วน และเย็บผิวหนังส่วนที่เหลือให้ติดกันในภายหลัง ทำให้หนังศีรษะตึงขึ้น เกิดรอยแผลขนาดยาวที่ต้องอาศัยเวลาในการพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์ตารางเวลาชีวิตของคนไข้ ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งแผลผ่าตัดด้านหลัง และแผลจากการปลูกใหม่ด้านหน้า ยังต้องการการดูแลฟื้นฟูเป็นพิเศษ พร้อมกันในเวลาเดียว

FUE หรือ Follicular Unit Extraction จึงเข้ามาเป็นคำตอบใหม่ หมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก เจาะย้ายกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ ทำให้ไม่ต้องมีการผ่าตัด หลาย ๆ เคสไม่จำเป็นต้องโกนผม ซึ่งหากใช้ความละเอียดพิถีพิถันและเครื่องมือประสิทธิภาพสูงในการเจาะย้าย ก็จะได้กราฟต์ผมที่สมบูรณ์พร้อมนำไปปลูกใหม่เช่นกัน ที่สำคัญ แผลด้านหลังท้ายทอยจะเหลือเพียงรอยเจาะขนาดเล็กมาก ดูแลง่าย หายเร็ว แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้คนไข้ออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

และนี่คือข้อดี 5 ประการ ที่นามนินอยากชวนให้คุณมาลองสัมผัสประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ด้วยเทคนิค FUE ซึ่งแพทย์ของนามนินอาศัยความใส่ใจและความเข้าใจในความต้องการของคนไข้ บวกกับทักษะความรู้ที่สั่งสมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ นำมาออกแบบ ต่อยอด กลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไม่เกินจริง

1. เมื่อทักษะชั้นยอด ต้องมาพร้อมอุปกรณ์ชั้นเยี่ยม

สำหรับการปลูกผมเทคนิค FUE ที่นามนิน แพทย์ได้ทำการศึกษาและเลือกสรรอุปกรณ์ที่สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมหัวเจาะขนาดเล็ก ที่สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมของแต่ละคน เนื่องจากกราฟต์ผม 1 กอ อาจจะมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1- 4 เส้น และเส้นผมของคนไข้แต่ละคนก็มีขนาดหนาบางไม่เท่ากันด้วย ซึ่งหากหัวเจาะมีขนาดเล็กไป ก็อาจทำให้กราฟต์ผมเกิดความเสียหายได้ อุปกรณ์ที่ดีและเหมาะสม จึงเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปลูกผมไม่น้อยเลยทีเดียว


2. เทคนิคซ่อนแผลเนียนสนิท ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

เพราะ pain point ของคนไข้ส่วนใหญ่ มักจะเป็นความกังวลที่ต้องคอยปกปิดแผลหลังปลูกผม รวมถึงทรงผมที่ถูกจำกัดให้จัดแต่งได้อยู่ไม่กี่สไตล์ เพื่อไม่ให้ใครเห็นรอยแผล แพทย์ของนามนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย โดยในขณะที่เจาะย้ายกราฟต์ผมออกนั้น แพทย์จะย้ายออกในลักษณะแถบเว้นแถบ แบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียบไปกับผมเดิม ทั้งยังกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ บริเวณ คนไข้จึงไม่ต้องคอยปกปิดอีกต่อไป และยังสามารถจัดแต่งผมได้อย่างอิสระ เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่



3. ปลูกผมด้วยมือแพทย์ “ทุกกราฟต์”

คนไข้อุ่นใจและมั่นใจได้เลยว่า ทุก ๆ กราฟต์ผมจะได้รับการปลูกอย่างตั้งใจ บนมาตรฐานการแพทย์สูงสุด เพราะแพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกให้เอง ขั้นตอนนี้นับเป็นขั้นตอนสำคัญ เนื่องจากแพทย์ต้องคำนึงถึงการเลือกกราฟต์ผมที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และต้องวางทิศทาง รวมถึงองศาของกราฟต์ผม ให้กลมกลืนเป็นแนวเดียวไปกับเส้นผมเดิม เพื่อป้องกันผมชี้ผิดทิศทางในภายหลัง ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังต้องควบคุมการปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และยังต้องปลูกผมให้มีระยะห่างที่พอดี ไม่บางเกินไป ไม่หนาแน่นจนเกินไป ทั้งหมดนี้เพื่อการอยู่รอดอย่างสมบูรณ์ของผมใหม่นั่นเอง


4. แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้ชีวิต

เรามักจะได้ฟังประสบการณ์ของผู้เข้ารับการปลูกผมในอดีต ที่ต้องเก็บตัวพักฟื้นเป็นเวลานาน เนื่องจากอาการบวม ช้ำ หรือรอยแผลที่ดูน่ากลัว แต่เทคนิคปลูกผมที่แพทย์ของนามนินพัฒนาต่อยอดจากเทคนิค FUE จะช่วยลบภาพเดิม ๆ เหล่านั้นทิ้งไป 


อันดับแรก แพทย์จะคำนวณปริมาณยาชาที่ฉีดก่อนเริ่มปลูกผมอย่างเหมาะสม และลงมือฉีดด้วยตัวเอง ทำให้เกิดอาการบวมหลังปลูกน้อยมาก ต่อมา แพทย์เลือกใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ เป็น Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ เพียง 0.6 มิลลิเมตร ในการบรรจงปักกราฟต์ผมแบบเส้นต่อเส้น ส่งผลให้รอยปลูกผมนั้นเล็กละเอียด แลดูเป็นระเบียบ ไม่ได้มีลักษณะเป็นตุ่ม ๆ หรือมีเลือดออกเยอะเหมือนที่เราเคยเห็นกัน 


เมื่อหมดปัญหาอาการบวมและรอยแผล คนไข้จึงสามารถลุกขึ้นไปใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน หรือพบปะผู้คนได้ทันที โดยไม่ต้องสวมที่คาดผม เรียกว่าแทบไม่ต้องพักฟื้น หรือต้องการการพักฟื้นน้อยมาก ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในแต่ละเคส

5. อุ่นใจกับเส้นทางการดูแลหลังปลูกผม 1 ปีเต็ม

จะไม่อุ่นใจได้อย่างไร ในเมื่อแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลสม่ำเสมอทุกระยะ คอยตอบข้อสงสัย แนะนำผลิตภัณฑ์และ Treatment ที่เหมาะสม รวมถึงให้คำปรึกษาตลอดเส้นทางการรักษาหลังปลูกผมไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าผมใหม่จะเติบโตและสมบูรณ์เต็มที่ เพื่อรับประกันผลลัพธ์ผมหนาแน่น ไม่กลับมาหลุดร่วงและบางซ้ำ ทั้งยังบำรุงฟื้นฟูทั้งผมใหม่และผมเดิมให้แข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน




เทคนิค FUE เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่ทันสมัยและได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และเมื่อเทคนิค FUE นั้น ได้รับการพัฒนาต่อยอดโดยแพทย์ของนามนิน ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่า นี่จะเป็นการมอบประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดให้กับคนไข้ ได้กลับไปพร้อมกับพลังความมั่นใจและรอยยิ้มที่กว้างกว่าที่เคย
5 ข้อดี ปลูกผม NEAT กับนามนิน
ยิ่งเทคโนโลยีการปลูกผมได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและหลากหลายมากขึ้นเท่าไหร่ บรรดาคนรักผม หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเทคนิคการปลูกผม ก็ยิ่งมีทางเลือกที่จะตอบโจทย์การรักษาให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากขึ้น เราจึงได้เห็นศัพท์เทคนิคที่เกี่ยวกับการปลูกผมมากมาย โดยเฉพาะ FUT และ FUE ซึ่ง FUE นั้นเป็นเทคนิคที่แพทย์ของนามนินเลือกนำมาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่สะดวกสบาย พร้อมผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบนเงื่อนไขและสภาพปัญหาเส้นผมของแต่ละคน

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า FUT และ FUE ต่างกันอย่างไร สำหรับ FUT หรือ Follicular Unit Transplant จะหมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ด้วยวิธีการผ่าตัดนำหนังศีรษะออกมาทั้งชิ้น ก่อนจะนำมาคัดแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์ วิธีนี้จะทำให้ได้กราฟต์ผมปริมาณมาก และอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อนำไปปลูกใหม่ก็จะเพิ่มอัตราการอยู่รอดและปลูกติดสูง 

อย่างไรก็ตาม เทคนิค FUT กลับค่อย ๆ ลดความนิยมลงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดนำชิ้นส่วนของหนังศีรษะออกไปเป็นแถบยาว ซึ่งต้องมีการโกนผมบางส่วน และเย็บผิวหนังส่วนที่เหลือให้ติดกันในภายหลัง ทำให้หนังศีรษะตึงขึ้น เกิดรอยแผลขนาดยาวที่ต้องอาศัยเวลาในการพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์ตารางเวลาชีวิตของคนไข้ ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งแผลผ่าตัดด้านหลัง และแผลจากการปลูกใหม่ด้านหน้า ยังต้องการการดูแลฟื้นฟูเป็นพิเศษ พร้อมกันในเวลาเดียว

FUE หรือ Follicular Unit Extraction จึงเข้ามาเป็นคำตอบใหม่ หมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก เจาะย้ายกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ ทำให้ไม่ต้องมีการผ่าตัด หลาย ๆ เคสไม่จำเป็นต้องโกนผม ซึ่งหากใช้ความละเอียดพิถีพิถันและเครื่องมือประสิทธิภาพสูงในการเจาะย้าย ก็จะได้กราฟต์ผมที่สมบูรณ์พร้อมนำไปปลูกใหม่เช่นกัน ที่สำคัญ แผลด้านหลังท้ายทอยจะเหลือเพียงรอยเจาะขนาดเล็กมาก ดูแลง่าย หายเร็ว แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้คนไข้ออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

และนี่คือข้อดี 5 ประการ ที่นามนินอยากชวนให้คุณมาลองสัมผัสประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ด้วยเทคนิค FUE ซึ่งแพทย์ของนามนินอาศัยความใส่ใจและความเข้าใจในความต้องการของคนไข้ บวกกับทักษะความรู้ที่สั่งสมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ นำมาออกแบบ ต่อยอด กลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไม่เกินจริง

1. เมื่อทักษะชั้นยอด ต้องมาพร้อมอุปกรณ์ชั้นเยี่ยม

สำหรับการปลูกผมเทคนิค FUE ที่นามนิน แพทย์ได้ทำการศึกษาและเลือกสรรอุปกรณ์ที่สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมหัวเจาะขนาดเล็ก ที่สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมของแต่ละคน เนื่องจากกราฟต์ผม 1 กอ อาจจะมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1- 4 เส้น และเส้นผมของคนไข้แต่ละคนก็มีขนาดหนาบางไม่เท่ากันด้วย ซึ่งหากหัวเจาะมีขนาดเล็กไป ก็อาจทำให้กราฟต์ผมเกิดความเสียหายได้ อุปกรณ์ที่ดีและเหมาะสม จึงเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปลูกผมไม่น้อยเลยทีเดียว


2. เทคนิคซ่อนแผลเนียนสนิท ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

เพราะ pain point ของคนไข้ส่วนใหญ่ มักจะเป็นความกังวลที่ต้องคอยปกปิดแผลหลังปลูกผม รวมถึงทรงผมที่ถูกจำกัดให้จัดแต่งได้อยู่ไม่กี่สไตล์ เพื่อไม่ให้ใครเห็นรอยแผล แพทย์ของนามนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย โดยในขณะที่เจาะย้ายกราฟต์ผมออกนั้น แพทย์จะย้ายออกในลักษณะแถบเว้นแถบ แบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียบไปกับผมเดิม ทั้งยังกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ บริเวณ คนไข้จึงไม่ต้องคอยปกปิดอีกต่อไป และยังสามารถจัดแต่งผมได้อย่างอิสระ เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่



3. ปลูกผมด้วยมือแพทย์ “ทุกกราฟต์”

คนไข้อุ่นใจและมั่นใจได้เลยว่า ทุก ๆ กราฟต์ผมจะได้รับการปลูกอย่างตั้งใจ บนมาตรฐานการแพทย์สูงสุด เพราะแพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกให้เอง ขั้นตอนนี้นับเป็นขั้นตอนสำคัญ เนื่องจากแพทย์ต้องคำนึงถึงการเลือกกราฟต์ผมที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และต้องวางทิศทาง รวมถึงองศาของกราฟต์ผม ให้กลมกลืนเป็นแนวเดียวไปกับเส้นผมเดิม เพื่อป้องกันผมชี้ผิดทิศทางในภายหลัง ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังต้องควบคุมการปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และยังต้องปลูกผมให้มีระยะห่างที่พอดี ไม่บางเกินไป ไม่หนาแน่นจนเกินไป ทั้งหมดนี้เพื่อการอยู่รอดอย่างสมบูรณ์ของผมใหม่นั่นเอง


4. แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้ชีวิต

เรามักจะได้ฟังประสบการณ์ของผู้เข้ารับการปลูกผมในอดีต ที่ต้องเก็บตัวพักฟื้นเป็นเวลานาน เนื่องจากอาการบวม ช้ำ หรือรอยแผลที่ดูน่ากลัว แต่เทคนิคปลูกผมที่แพทย์ของนามนินพัฒนาต่อยอดจากเทคนิค FUE จะช่วยลบภาพเดิม ๆ เหล่านั้นทิ้งไป 


อันดับแรก แพทย์จะคำนวณปริมาณยาชาที่ฉีดก่อนเริ่มปลูกผมอย่างเหมาะสม และลงมือฉีดด้วยตัวเอง ทำให้เกิดอาการบวมหลังปลูกน้อยมาก ต่อมา แพทย์เลือกใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ เป็น Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ เพียง 0.6 มิลลิเมตร ในการบรรจงปักกราฟต์ผมแบบเส้นต่อเส้น ส่งผลให้รอยปลูกผมนั้นเล็กละเอียด แลดูเป็นระเบียบ ไม่ได้มีลักษณะเป็นตุ่ม ๆ หรือมีเลือดออกเยอะเหมือนที่เราเคยเห็นกัน 


เมื่อหมดปัญหาอาการบวมและรอยแผล คนไข้จึงสามารถลุกขึ้นไปใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน หรือพบปะผู้คนได้ทันที โดยไม่ต้องสวมที่คาดผม เรียกว่าแทบไม่ต้องพักฟื้น หรือต้องการการพักฟื้นน้อยมาก ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในแต่ละเคส

5. อุ่นใจกับเส้นทางการดูแลหลังปลูกผม 1 ปีเต็ม

จะไม่อุ่นใจได้อย่างไร ในเมื่อแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลสม่ำเสมอทุกระยะ คอยตอบข้อสงสัย แนะนำผลิตภัณฑ์และ Treatment ที่เหมาะสม รวมถึงให้คำปรึกษาตลอดเส้นทางการรักษาหลังปลูกผมไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าผมใหม่จะเติบโตและสมบูรณ์เต็มที่ เพื่อรับประกันผลลัพธ์ผมหนาแน่น ไม่กลับมาหลุดร่วงและบางซ้ำ ทั้งยังบำรุงฟื้นฟูทั้งผมใหม่และผมเดิมให้แข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน




เทคนิค FUE เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่ทันสมัยและได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และเมื่อเทคนิค FUE นั้น ได้รับการพัฒนาต่อยอดโดยแพทย์ของนามนิน ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่า นี่จะเป็นการมอบประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดให้กับคนไข้ ได้กลับไปพร้อมกับพลังความมั่นใจและรอยยิ้มที่กว้างกว่าที่เคย
ยกระดับการดูแลเส้นผมด้วย Namnin Hair Identify วิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI
Namnin Hair Identify คือระบบวิเคราะห์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพ ระบบนี้มีความโดดเด่นในการวิเคราะห์เชิงลึกครบทุกมิติ สามารถประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน และตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ โดยใช้กล้องขยายกำลังสูงที่ทำงานร่วมกับ AI ทำให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน

อีกหนึ่งจุดเด่นของระบบนี้คือความรวดเร็วในการประมวลผล AI จะทำการวิเคราะห์และสร้างรายงานแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ช่วยให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลได้ทันที ทำให้การวางแผนการรักษามีความตรงจุดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ในระยะยาว ทำให้ทั้งแพทย์และผู้รับบริการสามารถเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษาได้อย่างชัดเจน ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ในการปรับแผนการรักษาเพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด

ขั้นตอนการรับบริการ :

การตรวจวิเคราะห์เบื้องต้น
ถ่ายภาพมุมกว้างครบ 4 ด้าน (ด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างทั้งสองด้าน)



ใช้กล้อง Trichoscope ส่องตรวจหนังศีรษะและเส้นผมในระดับไมโครสโคปิก

การวิเคราะห์ด้วยระบบ AI
ประมวลผลภาพด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์

  • วิเคราะห์ข้อมูลเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์
  • การสรุปผลและวางแผนการรักษา
  • แพทย์พิจารณาผลการวิเคราะห์
  • อธิบายสภาพปัญหาที่พบ
  • กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล



การติดตามผล
  • จัดส่งรายงานผลการวิเคราะห์ทางอีเมล
  • บันทึกข้อมูลเพื่อติดตามผลการรักษาในระยะยาว
  • ปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม


ด้วยระบบ Namnin Hair Identify ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทันสมัย เพื่อวิเคราะห์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างครอบคลุม ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทรีทเมนต์ การปรับสูตรผลิตภัณฑ์ หรือการวางแผนการปลูกผม เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลที่ตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยในครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นของ Namanin Clinic ในการพัฒนาและยกระดับการดูแลเส้นผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการในทุกมิติ
ยกระดับการดูแลเส้นผมด้วย Namnin Hair Identify วิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI
Namnin Hair Identify คือระบบวิเคราะห์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพ ระบบนี้มีความโดดเด่นในการวิเคราะห์เชิงลึกครบทุกมิติ สามารถประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน และตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ โดยใช้กล้องขยายกำลังสูงที่ทำงานร่วมกับ AI ทำให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน

อีกหนึ่งจุดเด่นของระบบนี้คือความรวดเร็วในการประมวลผล AI จะทำการวิเคราะห์และสร้างรายงานแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ช่วยให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลได้ทันที ทำให้การวางแผนการรักษามีความตรงจุดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ในระยะยาว ทำให้ทั้งแพทย์และผู้รับบริการสามารถเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษาได้อย่างชัดเจน ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ในการปรับแผนการรักษาเพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด

ขั้นตอนการรับบริการ :

การตรวจวิเคราะห์เบื้องต้น
ถ่ายภาพมุมกว้างครบ 4 ด้าน (ด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างทั้งสองด้าน)



ใช้กล้อง Trichoscope ส่องตรวจหนังศีรษะและเส้นผมในระดับไมโครสโคปิก

การวิเคราะห์ด้วยระบบ AI
ประมวลผลภาพด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์

  • วิเคราะห์ข้อมูลเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์
  • การสรุปผลและวางแผนการรักษา
  • แพทย์พิจารณาผลการวิเคราะห์
  • อธิบายสภาพปัญหาที่พบ
  • กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล



การติดตามผล
  • จัดส่งรายงานผลการวิเคราะห์ทางอีเมล
  • บันทึกข้อมูลเพื่อติดตามผลการรักษาในระยะยาว
  • ปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม


ด้วยระบบ Namnin Hair Identify ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทันสมัย เพื่อวิเคราะห์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างครอบคลุม ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทรีทเมนต์ การปรับสูตรผลิตภัณฑ์ หรือการวางแผนการปลูกผม เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลที่ตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยในครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นของ Namanin Clinic ในการพัฒนาและยกระดับการดูแลเส้นผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการในทุกมิติ
ยกระดับการดูแลเส้นผมด้วย Namnin Hair Identify วิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI
Namnin Hair Identify คือระบบวิเคราะห์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพ ระบบนี้มีความโดดเด่นในการวิเคราะห์เชิงลึกครบทุกมิติ สามารถประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน และตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ โดยใช้กล้องขยายกำลังสูงที่ทำงานร่วมกับ AI ทำให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน

อีกหนึ่งจุดเด่นของระบบนี้คือความรวดเร็วในการประมวลผล AI จะทำการวิเคราะห์และสร้างรายงานแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ช่วยให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลได้ทันที ทำให้การวางแผนการรักษามีความตรงจุดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ในระยะยาว ทำให้ทั้งแพทย์และผู้รับบริการสามารถเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษาได้อย่างชัดเจน ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ในการปรับแผนการรักษาเพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด

ขั้นตอนการรับบริการ :

การตรวจวิเคราะห์เบื้องต้น
ถ่ายภาพมุมกว้างครบ 4 ด้าน (ด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างทั้งสองด้าน)



ใช้กล้อง Trichoscope ส่องตรวจหนังศีรษะและเส้นผมในระดับไมโครสโคปิก

การวิเคราะห์ด้วยระบบ AI
ประมวลผลภาพด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์

  • วิเคราะห์ข้อมูลเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์
  • การสรุปผลและวางแผนการรักษา
  • แพทย์พิจารณาผลการวิเคราะห์
  • อธิบายสภาพปัญหาที่พบ
  • กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล



การติดตามผล
  • จัดส่งรายงานผลการวิเคราะห์ทางอีเมล
  • บันทึกข้อมูลเพื่อติดตามผลการรักษาในระยะยาว
  • ปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม


ด้วยระบบ Namnin Hair Identify ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทันสมัย เพื่อวิเคราะห์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างครอบคลุม ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทรีทเมนต์ การปรับสูตรผลิตภัณฑ์ หรือการวางแผนการปลูกผม เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลที่ตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยในครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นของ Namanin Clinic ในการพัฒนาและยกระดับการดูแลเส้นผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการในทุกมิติ
ยกระดับการดูแลเส้นผมด้วย Namnin Hair Identify วิเคราะห์เส้นผมและหนังศีรษะด้วย AI
Namnin Hair Identify คือระบบวิเคราะห์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยยกระดับการวินิจฉัยและติดตามผลการรักษาให้แม่นยำและมีประสิทธิภาพ ระบบนี้มีความโดดเด่นในการวิเคราะห์เชิงลึกครบทุกมิติ สามารถประเมินความหนาแน่นของเส้นผม วัดขนาดรูขุมขน และตรวจสอบสภาพหนังศีรษะได้อย่างละเอียด พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความมัน ความแห้ง รังแค หรือการอักเสบ โดยใช้กล้องขยายกำลังสูงที่ทำงานร่วมกับ AI ทำให้สามารถตรวจสอบรายละเอียดในระดับไมโครสโคปได้อย่างชัดเจน

อีกหนึ่งจุดเด่นของระบบนี้คือความรวดเร็วในการประมวลผล AI จะทำการวิเคราะห์และสร้างรายงานแบบเรียลไทม์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ช่วยให้แพทย์สามารถอธิบายผลการวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลได้ทันที ทำให้การวางแผนการรักษามีความตรงจุดและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ระบบยังสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมและหนังศีรษะได้ในระยะยาว ทำให้ทั้งแพทย์และผู้รับบริการสามารถเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษาได้อย่างชัดเจน ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ในการปรับแผนการรักษาเพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด

ขั้นตอนการรับบริการ :

การตรวจวิเคราะห์เบื้องต้น
ถ่ายภาพมุมกว้างครบ 4 ด้าน (ด้านหน้า ท้ายทอย กลางศีรษะ และด้านข้างทั้งสองด้าน)



ใช้กล้อง Trichoscope ส่องตรวจหนังศีรษะและเส้นผมในระดับไมโครสโคปิก

การวิเคราะห์ด้วยระบบ AI
ประมวลผลภาพด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์

  • วิเคราะห์ข้อมูลเทียบกับฐานข้อมูลทางการแพทย์
  • การสรุปผลและวางแผนการรักษา
  • แพทย์พิจารณาผลการวิเคราะห์
  • อธิบายสภาพปัญหาที่พบ
  • กำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล



การติดตามผล
  • จัดส่งรายงานผลการวิเคราะห์ทางอีเมล
  • บันทึกข้อมูลเพื่อติดตามผลการรักษาในระยะยาว
  • ปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม


ด้วยระบบ Namnin Hair Identify ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทันสมัย เพื่อวิเคราะห์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างครอบคลุม ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทรีทเมนต์ การปรับสูตรผลิตภัณฑ์ หรือการวางแผนการปลูกผม เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลที่ตรงจุดและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยในครั้งนี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นของ Namanin Clinic ในการพัฒนาและยกระดับการดูแลเส้นผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับบริการในทุกมิติ
เจาะลึก 7 จุดเด่น เทคนิค “ปลูกผมแทรก”
สำหรับการปลูกผมเทคนิค NEAT นอกจากจะเน้นที่ทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ชำนาญในการปลูกผมใหม่แบบกราฟต์ต่อกราฟต์แล้ว ส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความพึงพอใจของคนไข้ ก็คือเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบและพัฒนาขึ้นจากความเข้าใจใน pain point และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง และหนึ่งในหลาย ๆ เทคนิคเหล่านั้น ก็คือการ “ปลูกผมแทรก”

นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเทคนิค “ปลูกผมแทรก” พร้อมเจาะลึก 7 จุดเด่นที่สะท้อนความใส่ใจของแพทย์ บนหลักการนำศาสตร์และศิลป์มาผสานรวมกัน เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมที่จะเปลี่ยนคนไข้เป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

1. เทคนิค “ปลูกผมแทรก” จบปัญหาผมบางกลางศีรษะ
หากถามว่า บริเวณไหนที่เหมาะกับการปลูกผมแทรก คำตอบก็คือ บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งคุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะพบภาวะผมบางในบริเวณนี้ และก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ภาวะผมล้านกลางศีรษะแบบไข่ดาว แพทย์แนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมแทรก ซึ่งหมายถึงการปลูกผมใหม่แทรกลงไปกับเส้นผมเดิมที่ยังเหลืออยู่นั่นเอง


2. ปลูกผมดีต่อใจ ไม่ต้องโกนผมเดิม
หลายคนอาจจะยังติดกับภาพจำว่า การปลูกผม จะต้องโกนผมเดิมทิ้ง แต่เทคนิคใหม่ ๆ และเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ก็เอื้อให้การปลูกผมไม่จำเป็นต้องโกนผมทิ้งอีกต่อไป และเทคนิคปลูกผมแทรกก็ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิดใหม่ ไม่ต้องโกนผมเช่นกัน

3. ปลูกผมด้วยแพทย์ แบบเส้นต่อเส้น
จุดเด่นสำคัญของเทคนิค NEAT ก็คือการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยเฉพาะเทคนิคปลูกผมแทรก ต้องอาศัยทักษะและความละเอียดประณีตของแพทย์ ในการวางทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ ให้กลมกลืนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งหากไม่คำนึงถึงทิศทางผมตั้งแต่ขั้นตอนนี้ เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น และชี้ย้อนทิศผิดทาง ก็อาจจะไม่สามารกลับมาแก้ไขได้แล้วก็เป็นได้

4. Implanter อุปกรณ์คู่ใจแพทย์ปลูกผม
และตัวช่วยสำคัญที่ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมด้วยเทคนิคปลูกผมแทรกได้อย่างแม่นยำ ก็คือ Implanter หรือปากกาปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ด้วยเทคโนโลยีนี้ แพทย์จะสามารถควบคุมน้ำหนักมือในการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


5. หมดกังวลด้วยรอยปลูกผมที่เล็กละเอียด
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะความชำนาญของแพทย์ หรืออุปกรณ์ปลูกผมที่ทันสมัย จึงทำให้รอยปลูกผมจากการปลูกผมแทรก มีขนาดเล็กละเอียด เรียงตัวเป็นระเบียบ เรียบเนียน ลบภาพรอยปลูกที่ดูตะปุ่มตะป่ำแบบเก่า ๆ ไปได้เลย


6. คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูกผม
และเมื่อรอยแผลเล็ก ดูแลง่าย หายเร็ว ไม่ทิ้งอาการบวมช้ำ หรือทิ้งร่องรอยการโกนผมให้ต้องคอยปกปิด คนไข้ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกผม โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะสังเกตเห็น รวมถึงไม่จำเป็นต้องสวมที่คาดผม ซึ่งข้อนี้นับว่าเป็นจุดเด่นที่คนไข้ของนามนินต่างประทับใจในความสะดวกสบาย

7. แพทย์ดูแลติดตามผล 1 ปีเต็ม
หลังปลูกผม แพทย์จะคอยติดตามผลอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ ระยะ พร้อมดูแลให้คำปรึกษาตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์ ดังนั้น ไม่ว่าคนไข้จะมีข้อสงสัยหรือปัญหาอะไร แพทย์ก็จะเป็นผู้ให้คำแนะนำได้อย่างใกล้ชิด คนไข้จึงรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดเส้นทางการรักษา


และนี่คือ 7 จุดเด่นของเทคนิคปลูกผมแทรก ที่น่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนเห็นภาพขั้นตอนและหลักการต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้น หากสงสัยว่า เทคนิคปลูกผมแทรก จะเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ปัญหาผมบางของคุณได้หรือไม่ อย่างไร ลองเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อทำความเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ ไปจนถึงวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างแน่นอน
เจาะลึก 7 จุดเด่น เทคนิค “ปลูกผมแทรก”
สำหรับการปลูกผมเทคนิค NEAT นอกจากจะเน้นที่ทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ชำนาญในการปลูกผมใหม่แบบกราฟต์ต่อกราฟต์แล้ว ส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความพึงพอใจของคนไข้ ก็คือเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบและพัฒนาขึ้นจากความเข้าใจใน pain point และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง และหนึ่งในหลาย ๆ เทคนิคเหล่านั้น ก็คือการ “ปลูกผมแทรก”

นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเทคนิค “ปลูกผมแทรก” พร้อมเจาะลึก 7 จุดเด่นที่สะท้อนความใส่ใจของแพทย์ บนหลักการนำศาสตร์และศิลป์มาผสานรวมกัน เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมที่จะเปลี่ยนคนไข้เป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

1. เทคนิค “ปลูกผมแทรก” จบปัญหาผมบางกลางศีรษะ
หากถามว่า บริเวณไหนที่เหมาะกับการปลูกผมแทรก คำตอบก็คือ บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งคุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะพบภาวะผมบางในบริเวณนี้ และก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ภาวะผมล้านกลางศีรษะแบบไข่ดาว แพทย์แนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมแทรก ซึ่งหมายถึงการปลูกผมใหม่แทรกลงไปกับเส้นผมเดิมที่ยังเหลืออยู่นั่นเอง


2. ปลูกผมดีต่อใจ ไม่ต้องโกนผมเดิม
หลายคนอาจจะยังติดกับภาพจำว่า การปลูกผม จะต้องโกนผมเดิมทิ้ง แต่เทคนิคใหม่ ๆ และเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ก็เอื้อให้การปลูกผมไม่จำเป็นต้องโกนผมทิ้งอีกต่อไป และเทคนิคปลูกผมแทรกก็ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิดใหม่ ไม่ต้องโกนผมเช่นกัน

3. ปลูกผมด้วยแพทย์ แบบเส้นต่อเส้น
จุดเด่นสำคัญของเทคนิค NEAT ก็คือการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยเฉพาะเทคนิคปลูกผมแทรก ต้องอาศัยทักษะและความละเอียดประณีตของแพทย์ ในการวางทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ ให้กลมกลืนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งหากไม่คำนึงถึงทิศทางผมตั้งแต่ขั้นตอนนี้ เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น และชี้ย้อนทิศผิดทาง ก็อาจจะไม่สามารกลับมาแก้ไขได้แล้วก็เป็นได้

4. Implanter อุปกรณ์คู่ใจแพทย์ปลูกผม
และตัวช่วยสำคัญที่ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมด้วยเทคนิคปลูกผมแทรกได้อย่างแม่นยำ ก็คือ Implanter หรือปากกาปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ด้วยเทคโนโลยีนี้ แพทย์จะสามารถควบคุมน้ำหนักมือในการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


5. หมดกังวลด้วยรอยปลูกผมที่เล็กละเอียด
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะความชำนาญของแพทย์ หรืออุปกรณ์ปลูกผมที่ทันสมัย จึงทำให้รอยปลูกผมจากการปลูกผมแทรก มีขนาดเล็กละเอียด เรียงตัวเป็นระเบียบ เรียบเนียน ลบภาพรอยปลูกที่ดูตะปุ่มตะป่ำแบบเก่า ๆ ไปได้เลย


6. คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูกผม
และเมื่อรอยแผลเล็ก ดูแลง่าย หายเร็ว ไม่ทิ้งอาการบวมช้ำ หรือทิ้งร่องรอยการโกนผมให้ต้องคอยปกปิด คนไข้ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกผม โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะสังเกตเห็น รวมถึงไม่จำเป็นต้องสวมที่คาดผม ซึ่งข้อนี้นับว่าเป็นจุดเด่นที่คนไข้ของนามนินต่างประทับใจในความสะดวกสบาย

7. แพทย์ดูแลติดตามผล 1 ปีเต็ม
หลังปลูกผม แพทย์จะคอยติดตามผลอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ ระยะ พร้อมดูแลให้คำปรึกษาตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์ ดังนั้น ไม่ว่าคนไข้จะมีข้อสงสัยหรือปัญหาอะไร แพทย์ก็จะเป็นผู้ให้คำแนะนำได้อย่างใกล้ชิด คนไข้จึงรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดเส้นทางการรักษา


และนี่คือ 7 จุดเด่นของเทคนิคปลูกผมแทรก ที่น่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนเห็นภาพขั้นตอนและหลักการต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้น หากสงสัยว่า เทคนิคปลูกผมแทรก จะเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ปัญหาผมบางของคุณได้หรือไม่ อย่างไร ลองเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อทำความเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ ไปจนถึงวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างแน่นอน
เจาะลึก 7 จุดเด่น เทคนิค “ปลูกผมแทรก”
สำหรับการปลูกผมเทคนิค NEAT นอกจากจะเน้นที่ทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ชำนาญในการปลูกผมใหม่แบบกราฟต์ต่อกราฟต์แล้ว ส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความพึงพอใจของคนไข้ ก็คือเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบและพัฒนาขึ้นจากความเข้าใจใน pain point และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง และหนึ่งในหลาย ๆ เทคนิคเหล่านั้น ก็คือการ “ปลูกผมแทรก”

นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเทคนิค “ปลูกผมแทรก” พร้อมเจาะลึก 7 จุดเด่นที่สะท้อนความใส่ใจของแพทย์ บนหลักการนำศาสตร์และศิลป์มาผสานรวมกัน เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมที่จะเปลี่ยนคนไข้เป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

1. เทคนิค “ปลูกผมแทรก” จบปัญหาผมบางกลางศีรษะ
หากถามว่า บริเวณไหนที่เหมาะกับการปลูกผมแทรก คำตอบก็คือ บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งคุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะพบภาวะผมบางในบริเวณนี้ และก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ภาวะผมล้านกลางศีรษะแบบไข่ดาว แพทย์แนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมแทรก ซึ่งหมายถึงการปลูกผมใหม่แทรกลงไปกับเส้นผมเดิมที่ยังเหลืออยู่นั่นเอง


2. ปลูกผมดีต่อใจ ไม่ต้องโกนผมเดิม
หลายคนอาจจะยังติดกับภาพจำว่า การปลูกผม จะต้องโกนผมเดิมทิ้ง แต่เทคนิคใหม่ ๆ และเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ก็เอื้อให้การปลูกผมไม่จำเป็นต้องโกนผมทิ้งอีกต่อไป และเทคนิคปลูกผมแทรกก็ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิดใหม่ ไม่ต้องโกนผมเช่นกัน

3. ปลูกผมด้วยแพทย์ แบบเส้นต่อเส้น
จุดเด่นสำคัญของเทคนิค NEAT ก็คือการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยเฉพาะเทคนิคปลูกผมแทรก ต้องอาศัยทักษะและความละเอียดประณีตของแพทย์ ในการวางทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ ให้กลมกลืนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งหากไม่คำนึงถึงทิศทางผมตั้งแต่ขั้นตอนนี้ เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น และชี้ย้อนทิศผิดทาง ก็อาจจะไม่สามารกลับมาแก้ไขได้แล้วก็เป็นได้

4. Implanter อุปกรณ์คู่ใจแพทย์ปลูกผม
และตัวช่วยสำคัญที่ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมด้วยเทคนิคปลูกผมแทรกได้อย่างแม่นยำ ก็คือ Implanter หรือปากกาปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ด้วยเทคโนโลยีนี้ แพทย์จะสามารถควบคุมน้ำหนักมือในการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


5. หมดกังวลด้วยรอยปลูกผมที่เล็กละเอียด
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะความชำนาญของแพทย์ หรืออุปกรณ์ปลูกผมที่ทันสมัย จึงทำให้รอยปลูกผมจากการปลูกผมแทรก มีขนาดเล็กละเอียด เรียงตัวเป็นระเบียบ เรียบเนียน ลบภาพรอยปลูกที่ดูตะปุ่มตะป่ำแบบเก่า ๆ ไปได้เลย


6. คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูกผม
และเมื่อรอยแผลเล็ก ดูแลง่าย หายเร็ว ไม่ทิ้งอาการบวมช้ำ หรือทิ้งร่องรอยการโกนผมให้ต้องคอยปกปิด คนไข้ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกผม โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะสังเกตเห็น รวมถึงไม่จำเป็นต้องสวมที่คาดผม ซึ่งข้อนี้นับว่าเป็นจุดเด่นที่คนไข้ของนามนินต่างประทับใจในความสะดวกสบาย

7. แพทย์ดูแลติดตามผล 1 ปีเต็ม
หลังปลูกผม แพทย์จะคอยติดตามผลอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ ระยะ พร้อมดูแลให้คำปรึกษาตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์ ดังนั้น ไม่ว่าคนไข้จะมีข้อสงสัยหรือปัญหาอะไร แพทย์ก็จะเป็นผู้ให้คำแนะนำได้อย่างใกล้ชิด คนไข้จึงรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดเส้นทางการรักษา


และนี่คือ 7 จุดเด่นของเทคนิคปลูกผมแทรก ที่น่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนเห็นภาพขั้นตอนและหลักการต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้น หากสงสัยว่า เทคนิคปลูกผมแทรก จะเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ปัญหาผมบางของคุณได้หรือไม่ อย่างไร ลองเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อทำความเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ ไปจนถึงวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างแน่นอน
เจาะลึก 7 จุดเด่น เทคนิค “ปลูกผมแทรก”
สำหรับการปลูกผมเทคนิค NEAT นอกจากจะเน้นที่ทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ชำนาญในการปลูกผมใหม่แบบกราฟต์ต่อกราฟต์แล้ว ส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความพึงพอใจของคนไข้ ก็คือเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบและพัฒนาขึ้นจากความเข้าใจใน pain point และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง และหนึ่งในหลาย ๆ เทคนิคเหล่านั้น ก็คือการ “ปลูกผมแทรก”

นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเทคนิค “ปลูกผมแทรก” พร้อมเจาะลึก 7 จุดเด่นที่สะท้อนความใส่ใจของแพทย์ บนหลักการนำศาสตร์และศิลป์มาผสานรวมกัน เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมที่จะเปลี่ยนคนไข้เป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

1. เทคนิค “ปลูกผมแทรก” จบปัญหาผมบางกลางศีรษะ
หากถามว่า บริเวณไหนที่เหมาะกับการปลูกผมแทรก คำตอบก็คือ บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งคุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะพบภาวะผมบางในบริเวณนี้ และก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ภาวะผมล้านกลางศีรษะแบบไข่ดาว แพทย์แนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมแทรก ซึ่งหมายถึงการปลูกผมใหม่แทรกลงไปกับเส้นผมเดิมที่ยังเหลืออยู่นั่นเอง


2. ปลูกผมดีต่อใจ ไม่ต้องโกนผมเดิม
หลายคนอาจจะยังติดกับภาพจำว่า การปลูกผม จะต้องโกนผมเดิมทิ้ง แต่เทคนิคใหม่ ๆ และเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ก็เอื้อให้การปลูกผมไม่จำเป็นต้องโกนผมทิ้งอีกต่อไป และเทคนิคปลูกผมแทรกก็ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิดใหม่ ไม่ต้องโกนผมเช่นกัน

3. ปลูกผมด้วยแพทย์ แบบเส้นต่อเส้น
จุดเด่นสำคัญของเทคนิค NEAT ก็คือการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยเฉพาะเทคนิคปลูกผมแทรก ต้องอาศัยทักษะและความละเอียดประณีตของแพทย์ ในการวางทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ ให้กลมกลืนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งหากไม่คำนึงถึงทิศทางผมตั้งแต่ขั้นตอนนี้ เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น และชี้ย้อนทิศผิดทาง ก็อาจจะไม่สามารกลับมาแก้ไขได้แล้วก็เป็นได้

4. Implanter อุปกรณ์คู่ใจแพทย์ปลูกผม
และตัวช่วยสำคัญที่ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมด้วยเทคนิคปลูกผมแทรกได้อย่างแม่นยำ ก็คือ Implanter หรือปากกาปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ด้วยเทคโนโลยีนี้ แพทย์จะสามารถควบคุมน้ำหนักมือในการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


5. หมดกังวลด้วยรอยปลูกผมที่เล็กละเอียด
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะความชำนาญของแพทย์ หรืออุปกรณ์ปลูกผมที่ทันสมัย จึงทำให้รอยปลูกผมจากการปลูกผมแทรก มีขนาดเล็กละเอียด เรียงตัวเป็นระเบียบ เรียบเนียน ลบภาพรอยปลูกที่ดูตะปุ่มตะป่ำแบบเก่า ๆ ไปได้เลย


6. คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูกผม
และเมื่อรอยแผลเล็ก ดูแลง่าย หายเร็ว ไม่ทิ้งอาการบวมช้ำ หรือทิ้งร่องรอยการโกนผมให้ต้องคอยปกปิด คนไข้ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกผม โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะสังเกตเห็น รวมถึงไม่จำเป็นต้องสวมที่คาดผม ซึ่งข้อนี้นับว่าเป็นจุดเด่นที่คนไข้ของนามนินต่างประทับใจในความสะดวกสบาย

7. แพทย์ดูแลติดตามผล 1 ปีเต็ม
หลังปลูกผม แพทย์จะคอยติดตามผลอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ ระยะ พร้อมดูแลให้คำปรึกษาตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์ ดังนั้น ไม่ว่าคนไข้จะมีข้อสงสัยหรือปัญหาอะไร แพทย์ก็จะเป็นผู้ให้คำแนะนำได้อย่างใกล้ชิด คนไข้จึงรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดเส้นทางการรักษา


และนี่คือ 7 จุดเด่นของเทคนิคปลูกผมแทรก ที่น่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนเห็นภาพขั้นตอนและหลักการต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้น หากสงสัยว่า เทคนิคปลูกผมแทรก จะเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ปัญหาผมบางของคุณได้หรือไม่ อย่างไร ลองเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อทำความเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ ไปจนถึงวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างแน่นอน
เจาะลึก 7 จุดเด่น เทคนิค “ปลูกผมแทรก”
สำหรับการปลูกผมเทคนิค NEAT นอกจากจะเน้นที่ทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ชำนาญในการปลูกผมใหม่แบบกราฟต์ต่อกราฟต์แล้ว ส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความพึงพอใจของคนไข้ ก็คือเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบและพัฒนาขึ้นจากความเข้าใจใน pain point และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง และหนึ่งในหลาย ๆ เทคนิคเหล่านั้น ก็คือการ “ปลูกผมแทรก”

นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเทคนิค “ปลูกผมแทรก” พร้อมเจาะลึก 7 จุดเด่นที่สะท้อนความใส่ใจของแพทย์ บนหลักการนำศาสตร์และศิลป์มาผสานรวมกัน เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมที่จะเปลี่ยนคนไข้เป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

1. เทคนิค “ปลูกผมแทรก” จบปัญหาผมบางกลางศีรษะ
หากถามว่า บริเวณไหนที่เหมาะกับการปลูกผมแทรก คำตอบก็คือ บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งคุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะพบภาวะผมบางในบริเวณนี้ และก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ภาวะผมล้านกลางศีรษะแบบไข่ดาว แพทย์แนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมแทรก ซึ่งหมายถึงการปลูกผมใหม่แทรกลงไปกับเส้นผมเดิมที่ยังเหลืออยู่นั่นเอง


2. ปลูกผมดีต่อใจ ไม่ต้องโกนผมเดิม
หลายคนอาจจะยังติดกับภาพจำว่า การปลูกผม จะต้องโกนผมเดิมทิ้ง แต่เทคนิคใหม่ ๆ และเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ก็เอื้อให้การปลูกผมไม่จำเป็นต้องโกนผมทิ้งอีกต่อไป และเทคนิคปลูกผมแทรกก็ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิดใหม่ ไม่ต้องโกนผมเช่นกัน

3. ปลูกผมด้วยแพทย์ แบบเส้นต่อเส้น
จุดเด่นสำคัญของเทคนิค NEAT ก็คือการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยเฉพาะเทคนิคปลูกผมแทรก ต้องอาศัยทักษะและความละเอียดประณีตของแพทย์ ในการวางทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ ให้กลมกลืนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งหากไม่คำนึงถึงทิศทางผมตั้งแต่ขั้นตอนนี้ เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น และชี้ย้อนทิศผิดทาง ก็อาจจะไม่สามารกลับมาแก้ไขได้แล้วก็เป็นได้

4. Implanter อุปกรณ์คู่ใจแพทย์ปลูกผม
และตัวช่วยสำคัญที่ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมด้วยเทคนิคปลูกผมแทรกได้อย่างแม่นยำ ก็คือ Implanter หรือปากกาปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ด้วยเทคโนโลยีนี้ แพทย์จะสามารถควบคุมน้ำหนักมือในการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


5. หมดกังวลด้วยรอยปลูกผมที่เล็กละเอียด
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะความชำนาญของแพทย์ หรืออุปกรณ์ปลูกผมที่ทันสมัย จึงทำให้รอยปลูกผมจากการปลูกผมแทรก มีขนาดเล็กละเอียด เรียงตัวเป็นระเบียบ เรียบเนียน ลบภาพรอยปลูกที่ดูตะปุ่มตะป่ำแบบเก่า ๆ ไปได้เลย


6. คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูกผม
และเมื่อรอยแผลเล็ก ดูแลง่าย หายเร็ว ไม่ทิ้งอาการบวมช้ำ หรือทิ้งร่องรอยการโกนผมให้ต้องคอยปกปิด คนไข้ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกผม โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะสังเกตเห็น รวมถึงไม่จำเป็นต้องสวมที่คาดผม ซึ่งข้อนี้นับว่าเป็นจุดเด่นที่คนไข้ของนามนินต่างประทับใจในความสะดวกสบาย

7. แพทย์ดูแลติดตามผล 1 ปีเต็ม
หลังปลูกผม แพทย์จะคอยติดตามผลอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ ระยะ พร้อมดูแลให้คำปรึกษาตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์ ดังนั้น ไม่ว่าคนไข้จะมีข้อสงสัยหรือปัญหาอะไร แพทย์ก็จะเป็นผู้ให้คำแนะนำได้อย่างใกล้ชิด คนไข้จึงรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดเส้นทางการรักษา


และนี่คือ 7 จุดเด่นของเทคนิคปลูกผมแทรก ที่น่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนเห็นภาพขั้นตอนและหลักการต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้น หากสงสัยว่า เทคนิคปลูกผมแทรก จะเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ปัญหาผมบางของคุณได้หรือไม่ อย่างไร ลองเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อทำความเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ ไปจนถึงวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างแน่นอน
เคล็ดลับผมสวย เริ่มต้นที่หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง สำหรับผู้หญิงที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดปัญหานี้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผมบางในผู้หญิง

1. ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันผมบาง


1.1 เลือกแชมพูที่เหมาะสม
  • ใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต ซิลิโคน และพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหารังแค ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือไพริไทออนซิงก์

1.2 เทคนิคการสระผมที่ถูกต้อง
  • ใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้ง
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช้เล็บขูด
  • ล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ไม่ให้มีสารตกค้างบนหนังศีรษะ

1.3 ความถี่ในการสระผม
  • สระผมทุกวันหรือทุกสองวัน ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม
  • หากหนังศีรษะมันง่าย อาจต้องสระผมบ่อยขึ้น แต่ระวังไม่ให้สระบ่อยเกินไปจนหนังศีรษะแห้ง

2. การบำรุงหนังศีรษะ

นอกจากการทำความสะอาด การบำรุงหนังศีรษะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน



2.1 การนวดหนังศีรษะ
  • นวดหนังศีรษะเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ใช้นิ้วมือนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันบำรุงผมช่วยในการนวดได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจบา

2.2 การใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะ
  • ใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโรสแมรี่
  • ทาทรีทเมนต์ให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ และทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำบนฉลาก

3. การปกป้องหนังศีรษะจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้


3.1 ป้องกันแสงแดด
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากแสงแดดที่มี SPF

3.2 ระวังการใช้ความร้อน
  • ลดการใช้เครื่องเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม
  • หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ

3.3 หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
  • ไม่รัดผมแน่นจนเกินไป เพื่อลดแรงดึงที่รากผม
  • สลับตำแหน่งการรัดผม ไม่รัดซ้ำที่เดิมทุกวัน
  • ใช้ที่รัดผมแบบผ้าหรือแบบไม่มีโลหะเพื่อลดการดึงรั้งและการแตกหักของเส้นผม

4. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะ

อาหารที่รับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผม


4.1 โปรตีน
  • รับประทานโปรตีนคุณภาพดีเพื่อเสริมสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม
  • แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และเต้าหู้

4.2 วิตามินและแร่ธาตุ
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน เช่น ไข่ ถั่ว และธัญพืช
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินซี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน

4.3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและหนังศีรษะ

5. การจัดการความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง



5.1 ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
  • ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ
  • ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกเครียด

5.2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5.3 นอนหลับให้เพียงพอ
  • พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • รักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด

6. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างทันท่วงที

6.1 ตรวจระดับฮอร์โมน
  • ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังวัยทอง

6.2 ตรวจสอบระดับวิตามินและแร่ธาตุ
  • ตรวจสอบระดับธาตุเหล็ก วิตามินดี และวิตามินบี12 ซึ่งการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม

6.3 ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม
  • หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะหรือเส้นผมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที



สรุป

การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาผมบางในผู้หญิง การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม การบำรุงหนังศีรษะ การปกป้องจากปัจจัยภายนอก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสุขภาพของหนังศีรษะและป้องกันปัญหาผมบาง การดูแลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผมบางในระยะยาว

เคล็ดลับผมสวย เริ่มต้นที่หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง สำหรับผู้หญิงที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดปัญหานี้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผมบางในผู้หญิง

1. ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันผมบาง


1.1 เลือกแชมพูที่เหมาะสม
  • ใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต ซิลิโคน และพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหารังแค ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือไพริไทออนซิงก์

1.2 เทคนิคการสระผมที่ถูกต้อง
  • ใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้ง
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช้เล็บขูด
  • ล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ไม่ให้มีสารตกค้างบนหนังศีรษะ

1.3 ความถี่ในการสระผม
  • สระผมทุกวันหรือทุกสองวัน ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม
  • หากหนังศีรษะมันง่าย อาจต้องสระผมบ่อยขึ้น แต่ระวังไม่ให้สระบ่อยเกินไปจนหนังศีรษะแห้ง

2. การบำรุงหนังศีรษะ

นอกจากการทำความสะอาด การบำรุงหนังศีรษะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน



2.1 การนวดหนังศีรษะ
  • นวดหนังศีรษะเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ใช้นิ้วมือนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันบำรุงผมช่วยในการนวดได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจบา

2.2 การใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะ
  • ใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโรสแมรี่
  • ทาทรีทเมนต์ให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ และทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำบนฉลาก

3. การปกป้องหนังศีรษะจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้


3.1 ป้องกันแสงแดด
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากแสงแดดที่มี SPF

3.2 ระวังการใช้ความร้อน
  • ลดการใช้เครื่องเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม
  • หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ

3.3 หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
  • ไม่รัดผมแน่นจนเกินไป เพื่อลดแรงดึงที่รากผม
  • สลับตำแหน่งการรัดผม ไม่รัดซ้ำที่เดิมทุกวัน
  • ใช้ที่รัดผมแบบผ้าหรือแบบไม่มีโลหะเพื่อลดการดึงรั้งและการแตกหักของเส้นผม

4. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะ

อาหารที่รับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผม


4.1 โปรตีน
  • รับประทานโปรตีนคุณภาพดีเพื่อเสริมสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม
  • แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และเต้าหู้

4.2 วิตามินและแร่ธาตุ
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน เช่น ไข่ ถั่ว และธัญพืช
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินซี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน

4.3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและหนังศีรษะ

5. การจัดการความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง



5.1 ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
  • ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ
  • ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกเครียด

5.2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5.3 นอนหลับให้เพียงพอ
  • พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • รักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด

6. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างทันท่วงที

6.1 ตรวจระดับฮอร์โมน
  • ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังวัยทอง

6.2 ตรวจสอบระดับวิตามินและแร่ธาตุ
  • ตรวจสอบระดับธาตุเหล็ก วิตามินดี และวิตามินบี12 ซึ่งการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม

6.3 ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม
  • หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะหรือเส้นผมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที



สรุป

การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาผมบางในผู้หญิง การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม การบำรุงหนังศีรษะ การปกป้องจากปัจจัยภายนอก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสุขภาพของหนังศีรษะและป้องกันปัญหาผมบาง การดูแลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผมบางในระยะยาว

เคล็ดลับผมสวย เริ่มต้นที่หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง สำหรับผู้หญิงที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดปัญหานี้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผมบางในผู้หญิง

1. ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันผมบาง


1.1 เลือกแชมพูที่เหมาะสม
  • ใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต ซิลิโคน และพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหารังแค ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือไพริไทออนซิงก์

1.2 เทคนิคการสระผมที่ถูกต้อง
  • ใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้ง
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช้เล็บขูด
  • ล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ไม่ให้มีสารตกค้างบนหนังศีรษะ

1.3 ความถี่ในการสระผม
  • สระผมทุกวันหรือทุกสองวัน ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม
  • หากหนังศีรษะมันง่าย อาจต้องสระผมบ่อยขึ้น แต่ระวังไม่ให้สระบ่อยเกินไปจนหนังศีรษะแห้ง

2. การบำรุงหนังศีรษะ

นอกจากการทำความสะอาด การบำรุงหนังศีรษะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน



2.1 การนวดหนังศีรษะ
  • นวดหนังศีรษะเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ใช้นิ้วมือนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันบำรุงผมช่วยในการนวดได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจบา

2.2 การใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะ
  • ใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโรสแมรี่
  • ทาทรีทเมนต์ให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ และทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำบนฉลาก

3. การปกป้องหนังศีรษะจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้


3.1 ป้องกันแสงแดด
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากแสงแดดที่มี SPF

3.2 ระวังการใช้ความร้อน
  • ลดการใช้เครื่องเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม
  • หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ

3.3 หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
  • ไม่รัดผมแน่นจนเกินไป เพื่อลดแรงดึงที่รากผม
  • สลับตำแหน่งการรัดผม ไม่รัดซ้ำที่เดิมทุกวัน
  • ใช้ที่รัดผมแบบผ้าหรือแบบไม่มีโลหะเพื่อลดการดึงรั้งและการแตกหักของเส้นผม

4. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะ

อาหารที่รับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผม


4.1 โปรตีน
  • รับประทานโปรตีนคุณภาพดีเพื่อเสริมสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม
  • แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และเต้าหู้

4.2 วิตามินและแร่ธาตุ
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน เช่น ไข่ ถั่ว และธัญพืช
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินซี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน

4.3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและหนังศีรษะ

5. การจัดการความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง



5.1 ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
  • ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ
  • ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกเครียด

5.2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5.3 นอนหลับให้เพียงพอ
  • พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • รักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด

6. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างทันท่วงที

6.1 ตรวจระดับฮอร์โมน
  • ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังวัยทอง

6.2 ตรวจสอบระดับวิตามินและแร่ธาตุ
  • ตรวจสอบระดับธาตุเหล็ก วิตามินดี และวิตามินบี12 ซึ่งการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม

6.3 ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม
  • หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะหรือเส้นผมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที



สรุป

การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาผมบางในผู้หญิง การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม การบำรุงหนังศีรษะ การปกป้องจากปัจจัยภายนอก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสุขภาพของหนังศีรษะและป้องกันปัญหาผมบาง การดูแลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผมบางในระยะยาว

เคล็ดลับผมสวย เริ่มต้นที่หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง สำหรับผู้หญิงที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดปัญหานี้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผมบางในผู้หญิง

1. ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันผมบาง


1.1 เลือกแชมพูที่เหมาะสม
  • ใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต ซิลิโคน และพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหารังแค ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือไพริไทออนซิงก์

1.2 เทคนิคการสระผมที่ถูกต้อง
  • ใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้ง
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช้เล็บขูด
  • ล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ไม่ให้มีสารตกค้างบนหนังศีรษะ

1.3 ความถี่ในการสระผม
  • สระผมทุกวันหรือทุกสองวัน ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม
  • หากหนังศีรษะมันง่าย อาจต้องสระผมบ่อยขึ้น แต่ระวังไม่ให้สระบ่อยเกินไปจนหนังศีรษะแห้ง

2. การบำรุงหนังศีรษะ

นอกจากการทำความสะอาด การบำรุงหนังศีรษะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน



2.1 การนวดหนังศีรษะ
  • นวดหนังศีรษะเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ใช้นิ้วมือนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันบำรุงผมช่วยในการนวดได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจบา

2.2 การใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะ
  • ใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโรสแมรี่
  • ทาทรีทเมนต์ให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ และทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำบนฉลาก

3. การปกป้องหนังศีรษะจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้


3.1 ป้องกันแสงแดด
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากแสงแดดที่มี SPF

3.2 ระวังการใช้ความร้อน
  • ลดการใช้เครื่องเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม
  • หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ

3.3 หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
  • ไม่รัดผมแน่นจนเกินไป เพื่อลดแรงดึงที่รากผม
  • สลับตำแหน่งการรัดผม ไม่รัดซ้ำที่เดิมทุกวัน
  • ใช้ที่รัดผมแบบผ้าหรือแบบไม่มีโลหะเพื่อลดการดึงรั้งและการแตกหักของเส้นผม

4. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะ

อาหารที่รับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผม


4.1 โปรตีน
  • รับประทานโปรตีนคุณภาพดีเพื่อเสริมสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม
  • แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และเต้าหู้

4.2 วิตามินและแร่ธาตุ
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน เช่น ไข่ ถั่ว และธัญพืช
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินซี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน

4.3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและหนังศีรษะ

5. การจัดการความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง



5.1 ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
  • ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ
  • ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกเครียด

5.2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5.3 นอนหลับให้เพียงพอ
  • พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • รักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด

6. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างทันท่วงที

6.1 ตรวจระดับฮอร์โมน
  • ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังวัยทอง

6.2 ตรวจสอบระดับวิตามินและแร่ธาตุ
  • ตรวจสอบระดับธาตุเหล็ก วิตามินดี และวิตามินบี12 ซึ่งการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม

6.3 ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม
  • หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะหรือเส้นผมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที



สรุป

การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาผมบางในผู้หญิง การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม การบำรุงหนังศีรษะ การปกป้องจากปัจจัยภายนอก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสุขภาพของหนังศีรษะและป้องกันปัญหาผมบาง การดูแลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผมบางในระยะยาว

เคล็ดลับผมสวย เริ่มต้นที่หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง สำหรับผู้หญิงที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดปัญหานี้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผมบางในผู้หญิง

1. ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันผมบาง


1.1 เลือกแชมพูที่เหมาะสม
  • ใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต ซิลิโคน และพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหารังแค ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือไพริไทออนซิงก์

1.2 เทคนิคการสระผมที่ถูกต้อง
  • ใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้ง
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช้เล็บขูด
  • ล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ไม่ให้มีสารตกค้างบนหนังศีรษะ

1.3 ความถี่ในการสระผม
  • สระผมทุกวันหรือทุกสองวัน ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม
  • หากหนังศีรษะมันง่าย อาจต้องสระผมบ่อยขึ้น แต่ระวังไม่ให้สระบ่อยเกินไปจนหนังศีรษะแห้ง

2. การบำรุงหนังศีรษะ

นอกจากการทำความสะอาด การบำรุงหนังศีรษะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน



2.1 การนวดหนังศีรษะ
  • นวดหนังศีรษะเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ใช้นิ้วมือนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันบำรุงผมช่วยในการนวดได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจบา

2.2 การใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะ
  • ใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโรสแมรี่
  • ทาทรีทเมนต์ให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ และทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำบนฉลาก

3. การปกป้องหนังศีรษะจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้


3.1 ป้องกันแสงแดด
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากแสงแดดที่มี SPF

3.2 ระวังการใช้ความร้อน
  • ลดการใช้เครื่องเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม
  • หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ

3.3 หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
  • ไม่รัดผมแน่นจนเกินไป เพื่อลดแรงดึงที่รากผม
  • สลับตำแหน่งการรัดผม ไม่รัดซ้ำที่เดิมทุกวัน
  • ใช้ที่รัดผมแบบผ้าหรือแบบไม่มีโลหะเพื่อลดการดึงรั้งและการแตกหักของเส้นผม

4. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะ

อาหารที่รับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผม


4.1 โปรตีน
  • รับประทานโปรตีนคุณภาพดีเพื่อเสริมสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม
  • แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และเต้าหู้

4.2 วิตามินและแร่ธาตุ
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน เช่น ไข่ ถั่ว และธัญพืช
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินซี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน

4.3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและหนังศีรษะ

5. การจัดการความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง



5.1 ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
  • ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ
  • ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกเครียด

5.2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5.3 นอนหลับให้เพียงพอ
  • พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • รักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด

6. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างทันท่วงที

6.1 ตรวจระดับฮอร์โมน
  • ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังวัยทอง

6.2 ตรวจสอบระดับวิตามินและแร่ธาตุ
  • ตรวจสอบระดับธาตุเหล็ก วิตามินดี และวิตามินบี12 ซึ่งการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม

6.3 ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม
  • หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะหรือเส้นผมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที



สรุป

การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาผมบางในผู้หญิง การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม การบำรุงหนังศีรษะ การปกป้องจากปัจจัยภายนอก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสุขภาพของหนังศีรษะและป้องกันปัญหาผมบาง การดูแลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผมบางในระยะยาว

เคล็ดลับผมสวย เริ่มต้นที่หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง สำหรับผู้หญิงที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดปัญหานี้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผมบางในผู้หญิง

1. ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันผมบาง


1.1 เลือกแชมพูที่เหมาะสม
  • ใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต ซิลิโคน และพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหารังแค ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือไพริไทออนซิงก์

1.2 เทคนิคการสระผมที่ถูกต้อง
  • ใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้ง
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช้เล็บขูด
  • ล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ไม่ให้มีสารตกค้างบนหนังศีรษะ

1.3 ความถี่ในการสระผม
  • สระผมทุกวันหรือทุกสองวัน ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม
  • หากหนังศีรษะมันง่าย อาจต้องสระผมบ่อยขึ้น แต่ระวังไม่ให้สระบ่อยเกินไปจนหนังศีรษะแห้ง

2. การบำรุงหนังศีรษะ

นอกจากการทำความสะอาด การบำรุงหนังศีรษะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน



2.1 การนวดหนังศีรษะ
  • นวดหนังศีรษะเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ใช้นิ้วมือนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันบำรุงผมช่วยในการนวดได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจบา

2.2 การใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะ
  • ใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโรสแมรี่
  • ทาทรีทเมนต์ให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ และทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำบนฉลาก

3. การปกป้องหนังศีรษะจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้


3.1 ป้องกันแสงแดด
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากแสงแดดที่มี SPF

3.2 ระวังการใช้ความร้อน
  • ลดการใช้เครื่องเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม
  • หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ

3.3 หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
  • ไม่รัดผมแน่นจนเกินไป เพื่อลดแรงดึงที่รากผม
  • สลับตำแหน่งการรัดผม ไม่รัดซ้ำที่เดิมทุกวัน
  • ใช้ที่รัดผมแบบผ้าหรือแบบไม่มีโลหะเพื่อลดการดึงรั้งและการแตกหักของเส้นผม

4. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะ

อาหารที่รับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผม


4.1 โปรตีน
  • รับประทานโปรตีนคุณภาพดีเพื่อเสริมสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม
  • แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และเต้าหู้

4.2 วิตามินและแร่ธาตุ
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน เช่น ไข่ ถั่ว และธัญพืช
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินซี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน

4.3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและหนังศีรษะ

5. การจัดการความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง



5.1 ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
  • ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ
  • ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกเครียด

5.2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5.3 นอนหลับให้เพียงพอ
  • พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • รักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด

6. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างทันท่วงที

6.1 ตรวจระดับฮอร์โมน
  • ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังวัยทอง

6.2 ตรวจสอบระดับวิตามินและแร่ธาตุ
  • ตรวจสอบระดับธาตุเหล็ก วิตามินดี และวิตามินบี12 ซึ่งการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม

6.3 ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม
  • หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะหรือเส้นผมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที



สรุป

การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาผมบางในผู้หญิง การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม การบำรุงหนังศีรษะ การปกป้องจากปัจจัยภายนอก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสุขภาพของหนังศีรษะและป้องกันปัญหาผมบาง การดูแลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผมบางในระยะยาว

ผมทำสี สวยได้อย่างมั่นใจ ด้วย​โปรแกรม PHB
 การทำสีผมเป็นสิ่งที่หลายคนหลงรัก บางคนทำสีเพื่ออำพรางผมขาว บางคนทำสีเพราะอยากเปลี่ยนลุคตามเทรนด์แฟชั่น และในปัจจุบัน การทำสีผมก็ง่ายและสะดวกสบายขึ้นมาก มีผลิตภัณฑ์มากมายให้เลือกใช้ตามความต้องการ แต่รู้ไหมคะ การทำสีผมบ่อยๆ อาจทำให้ผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะมีปัญหาและอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทำสีผมและวิธีดูแลเส้นผมกันในบทความนี้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมโดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก

1. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดชั่วคราว: เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้สีสันสดใสแบบที่เปลี่ยนได้ตามเทรนด์ สีจะเคลือบอยู่แค่ชั้นนอกของเส้นผม สามารถล้างออกได้หลังการสระผม 1-2 ครั้ง

2. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดกึ่งถาวร: สีสามารถซึมเข้าไปสู่ชั้นกลางของเส้นผมได้ จะติดทนนานประมาณ 3-5 สัปดาห์ เช่น แชมพูย้อมสีผมและโฟมย้อมสีผม

3. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดถาวร: สีจะติดอยู่กับเส้นผมอย่างถาวร ทนทานต่อการสระผม โดยเฉพาะประเภทซึมเข้าในเส้นผม จะมีสารเคมีเป็นส่วนผสมหลัก 2 ชนิด ชนิดแรก อาจเป็นของเหลวหรือครีม มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ สารออกซิเดชั่น หรือที่เรียกว่า สีพารา อยู่ในสภาวะด่าง โดยส่วนใหญ่จะใช้แอมโมเนียปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ซึ่งค่าความด่างจะช่วยให้ส่วนชั้นนอกของเส้นผมบวม และพองขึ้น ทำให้สีซึมเข้าไปอยู่ในเส้นผม แต่หากสภาพความเป็นด่างมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อเส้นผม ชนิดที่ 2 เรียกว่า “น้ำยาผสม” ซึ่งนิยมใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้น 6% หากใช้ความเข้มข้นเกินที่กำหนด จะทำให้ผมแห้ง และทำลายเส้นผม และอาจทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะได้ ในเบื้องต้น จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

ถึงแม้ว่าการทำสีผมอาจจะมีอันตราย แต่สำหรับบางคน การเปลี่ยนสีผมก็เป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความเป็นตัวเองและเสริมความมั่นใจ นามนิน เข้าใจถึงความต้องการของผู้หญิงและเข้าใจทุกปัญหาของเส้นผม คุณหมอนินจึงได้พัฒนาและต่อยอดโปรแกรม PHB ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ และช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้นจากรากจรดปลาย เพื่อให้ผู้หญิงได้สวย มั่นใจได้เท่าที่ใจที่ต้องการ



โปรแกรม PHB คือทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงเส้นผมสูตรเฉพาะของนามนิน ช่วยบูสต์กระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน มีความปลอดภัย และสะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับบริการ เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งยังสามารถรับบริการพร้อมกับ Treatment อื่น ๆ ได้ในคราวเดียว




ไม่ว่าจะมีปัญหาผมร่วง ผมบางจากสาเหตุใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นจากกรรมพันธุ์ อายุที่มากขึ้น หรือการสะสมของสารเคมีจากการทำสีผม ขอเพียงยังมีรากผมที่สามารถเจริญเติบโตได้อยู่ โปรแกรม PHB ก็สามารถฟื้นฟูเส้นผมเหล่านั้นให้หนาแน่น ดูดกดำ เงางาม และสุขภาพดีขึ้นได้

นอกจากความสวยแล้ว ความปลอดภัยและสุขภาพผมที่ดีอย่างยั่งยืนก็ต้องมาคู่กันด้วยค่ะ สอบถามรายละเอียดและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมเพิ่มเติมได้ที่นามนิน เราพร้อมดูแลเส้นผมที่คุณรักค่ะ 

ผมทำสี สวยได้อย่างมั่นใจ ด้วย​โปรแกรม PHB
 การทำสีผมเป็นสิ่งที่หลายคนหลงรัก บางคนทำสีเพื่ออำพรางผมขาว บางคนทำสีเพราะอยากเปลี่ยนลุคตามเทรนด์แฟชั่น และในปัจจุบัน การทำสีผมก็ง่ายและสะดวกสบายขึ้นมาก มีผลิตภัณฑ์มากมายให้เลือกใช้ตามความต้องการ แต่รู้ไหมคะ การทำสีผมบ่อยๆ อาจทำให้ผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะมีปัญหาและอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทำสีผมและวิธีดูแลเส้นผมกันในบทความนี้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมโดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก

1. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดชั่วคราว: เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้สีสันสดใสแบบที่เปลี่ยนได้ตามเทรนด์ สีจะเคลือบอยู่แค่ชั้นนอกของเส้นผม สามารถล้างออกได้หลังการสระผม 1-2 ครั้ง

2. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดกึ่งถาวร: สีสามารถซึมเข้าไปสู่ชั้นกลางของเส้นผมได้ จะติดทนนานประมาณ 3-5 สัปดาห์ เช่น แชมพูย้อมสีผมและโฟมย้อมสีผม

3. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดถาวร: สีจะติดอยู่กับเส้นผมอย่างถาวร ทนทานต่อการสระผม โดยเฉพาะประเภทซึมเข้าในเส้นผม จะมีสารเคมีเป็นส่วนผสมหลัก 2 ชนิด ชนิดแรก อาจเป็นของเหลวหรือครีม มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ สารออกซิเดชั่น หรือที่เรียกว่า สีพารา อยู่ในสภาวะด่าง โดยส่วนใหญ่จะใช้แอมโมเนียปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ซึ่งค่าความด่างจะช่วยให้ส่วนชั้นนอกของเส้นผมบวม และพองขึ้น ทำให้สีซึมเข้าไปอยู่ในเส้นผม แต่หากสภาพความเป็นด่างมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อเส้นผม ชนิดที่ 2 เรียกว่า “น้ำยาผสม” ซึ่งนิยมใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้น 6% หากใช้ความเข้มข้นเกินที่กำหนด จะทำให้ผมแห้ง และทำลายเส้นผม และอาจทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะได้ ในเบื้องต้น จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

ถึงแม้ว่าการทำสีผมอาจจะมีอันตราย แต่สำหรับบางคน การเปลี่ยนสีผมก็เป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความเป็นตัวเองและเสริมความมั่นใจ นามนิน เข้าใจถึงความต้องการของผู้หญิงและเข้าใจทุกปัญหาของเส้นผม คุณหมอนินจึงได้พัฒนาและต่อยอดโปรแกรม PHB ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ และช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้นจากรากจรดปลาย เพื่อให้ผู้หญิงได้สวย มั่นใจได้เท่าที่ใจที่ต้องการ



โปรแกรม PHB คือทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงเส้นผมสูตรเฉพาะของนามนิน ช่วยบูสต์กระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน มีความปลอดภัย และสะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับบริการ เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งยังสามารถรับบริการพร้อมกับ Treatment อื่น ๆ ได้ในคราวเดียว




ไม่ว่าจะมีปัญหาผมร่วง ผมบางจากสาเหตุใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นจากกรรมพันธุ์ อายุที่มากขึ้น หรือการสะสมของสารเคมีจากการทำสีผม ขอเพียงยังมีรากผมที่สามารถเจริญเติบโตได้อยู่ โปรแกรม PHB ก็สามารถฟื้นฟูเส้นผมเหล่านั้นให้หนาแน่น ดูดกดำ เงางาม และสุขภาพดีขึ้นได้

นอกจากความสวยแล้ว ความปลอดภัยและสุขภาพผมที่ดีอย่างยั่งยืนก็ต้องมาคู่กันด้วยค่ะ สอบถามรายละเอียดและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมเพิ่มเติมได้ที่นามนิน เราพร้อมดูแลเส้นผมที่คุณรักค่ะ 

ผมทำสี สวยได้อย่างมั่นใจ ด้วย​โปรแกรม PHB
 การทำสีผมเป็นสิ่งที่หลายคนหลงรัก บางคนทำสีเพื่ออำพรางผมขาว บางคนทำสีเพราะอยากเปลี่ยนลุคตามเทรนด์แฟชั่น และในปัจจุบัน การทำสีผมก็ง่ายและสะดวกสบายขึ้นมาก มีผลิตภัณฑ์มากมายให้เลือกใช้ตามความต้องการ แต่รู้ไหมคะ การทำสีผมบ่อยๆ อาจทำให้ผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะมีปัญหาและอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทำสีผมและวิธีดูแลเส้นผมกันในบทความนี้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมโดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก

1. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดชั่วคราว: เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้สีสันสดใสแบบที่เปลี่ยนได้ตามเทรนด์ สีจะเคลือบอยู่แค่ชั้นนอกของเส้นผม สามารถล้างออกได้หลังการสระผม 1-2 ครั้ง

2. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดกึ่งถาวร: สีสามารถซึมเข้าไปสู่ชั้นกลางของเส้นผมได้ จะติดทนนานประมาณ 3-5 สัปดาห์ เช่น แชมพูย้อมสีผมและโฟมย้อมสีผม

3. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดถาวร: สีจะติดอยู่กับเส้นผมอย่างถาวร ทนทานต่อการสระผม โดยเฉพาะประเภทซึมเข้าในเส้นผม จะมีสารเคมีเป็นส่วนผสมหลัก 2 ชนิด ชนิดแรก อาจเป็นของเหลวหรือครีม มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ สารออกซิเดชั่น หรือที่เรียกว่า สีพารา อยู่ในสภาวะด่าง โดยส่วนใหญ่จะใช้แอมโมเนียปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ซึ่งค่าความด่างจะช่วยให้ส่วนชั้นนอกของเส้นผมบวม และพองขึ้น ทำให้สีซึมเข้าไปอยู่ในเส้นผม แต่หากสภาพความเป็นด่างมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อเส้นผม ชนิดที่ 2 เรียกว่า “น้ำยาผสม” ซึ่งนิยมใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้น 6% หากใช้ความเข้มข้นเกินที่กำหนด จะทำให้ผมแห้ง และทำลายเส้นผม และอาจทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะได้ ในเบื้องต้น จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

ถึงแม้ว่าการทำสีผมอาจจะมีอันตราย แต่สำหรับบางคน การเปลี่ยนสีผมก็เป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความเป็นตัวเองและเสริมความมั่นใจ นามนิน เข้าใจถึงความต้องการของผู้หญิงและเข้าใจทุกปัญหาของเส้นผม คุณหมอนินจึงได้พัฒนาและต่อยอดโปรแกรม PHB ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ และช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้นจากรากจรดปลาย เพื่อให้ผู้หญิงได้สวย มั่นใจได้เท่าที่ใจที่ต้องการ



โปรแกรม PHB คือทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงเส้นผมสูตรเฉพาะของนามนิน ช่วยบูสต์กระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน มีความปลอดภัย และสะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับบริการ เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งยังสามารถรับบริการพร้อมกับ Treatment อื่น ๆ ได้ในคราวเดียว




ไม่ว่าจะมีปัญหาผมร่วง ผมบางจากสาเหตุใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นจากกรรมพันธุ์ อายุที่มากขึ้น หรือการสะสมของสารเคมีจากการทำสีผม ขอเพียงยังมีรากผมที่สามารถเจริญเติบโตได้อยู่ โปรแกรม PHB ก็สามารถฟื้นฟูเส้นผมเหล่านั้นให้หนาแน่น ดูดกดำ เงางาม และสุขภาพดีขึ้นได้

นอกจากความสวยแล้ว ความปลอดภัยและสุขภาพผมที่ดีอย่างยั่งยืนก็ต้องมาคู่กันด้วยค่ะ สอบถามรายละเอียดและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมเพิ่มเติมได้ที่นามนิน เราพร้อมดูแลเส้นผมที่คุณรักค่ะ 

ผมทำสี สวยได้อย่างมั่นใจ ด้วย​โปรแกรม PHB
 การทำสีผมเป็นสิ่งที่หลายคนหลงรัก บางคนทำสีเพื่ออำพรางผมขาว บางคนทำสีเพราะอยากเปลี่ยนลุคตามเทรนด์แฟชั่น และในปัจจุบัน การทำสีผมก็ง่ายและสะดวกสบายขึ้นมาก มีผลิตภัณฑ์มากมายให้เลือกใช้ตามความต้องการ แต่รู้ไหมคะ การทำสีผมบ่อยๆ อาจทำให้ผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะมีปัญหาและอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทำสีผมและวิธีดูแลเส้นผมกันในบทความนี้ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมโดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก

1. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดชั่วคราว: เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้สีสันสดใสแบบที่เปลี่ยนได้ตามเทรนด์ สีจะเคลือบอยู่แค่ชั้นนอกของเส้นผม สามารถล้างออกได้หลังการสระผม 1-2 ครั้ง

2. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดกึ่งถาวร: สีสามารถซึมเข้าไปสู่ชั้นกลางของเส้นผมได้ จะติดทนนานประมาณ 3-5 สัปดาห์ เช่น แชมพูย้อมสีผมและโฟมย้อมสีผม

3. ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมชนิดถาวร: สีจะติดอยู่กับเส้นผมอย่างถาวร ทนทานต่อการสระผม โดยเฉพาะประเภทซึมเข้าในเส้นผม จะมีสารเคมีเป็นส่วนผสมหลัก 2 ชนิด ชนิดแรก อาจเป็นของเหลวหรือครีม มีสารออกฤทธิ์สำคัญ คือ สารออกซิเดชั่น หรือที่เรียกว่า สีพารา อยู่ในสภาวะด่าง โดยส่วนใหญ่จะใช้แอมโมเนียปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ซึ่งค่าความด่างจะช่วยให้ส่วนชั้นนอกของเส้นผมบวม และพองขึ้น ทำให้สีซึมเข้าไปอยู่ในเส้นผม แต่หากสภาพความเป็นด่างมากเกินไปก็จะเป็นอันตรายต่อเส้นผม ชนิดที่ 2 เรียกว่า “น้ำยาผสม” ซึ่งนิยมใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้น 6% หากใช้ความเข้มข้นเกินที่กำหนด จะทำให้ผมแห้ง และทำลายเส้นผม และอาจทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะได้ ในเบื้องต้น จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

ถึงแม้ว่าการทำสีผมอาจจะมีอันตราย แต่สำหรับบางคน การเปลี่ยนสีผมก็เป็นสิ่งสำคัญในการแสดงความเป็นตัวเองและเสริมความมั่นใจ นามนิน เข้าใจถึงความต้องการของผู้หญิงและเข้าใจทุกปัญหาของเส้นผม คุณหมอนินจึงได้พัฒนาและต่อยอดโปรแกรม PHB ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ และช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้นจากรากจรดปลาย เพื่อให้ผู้หญิงได้สวย มั่นใจได้เท่าที่ใจที่ต้องการ



โปรแกรม PHB คือทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงเส้นผมสูตรเฉพาะของนามนิน ช่วยบูสต์กระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน มีความปลอดภัย และสะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับบริการ เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งยังสามารถรับบริการพร้อมกับ Treatment อื่น ๆ ได้ในคราวเดียว




ไม่ว่าจะมีปัญหาผมร่วง ผมบางจากสาเหตุใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นจากกรรมพันธุ์ อายุที่มากขึ้น หรือการสะสมของสารเคมีจากการทำสีผม ขอเพียงยังมีรากผมที่สามารถเจริญเติบโตได้อยู่ โปรแกรม PHB ก็สามารถฟื้นฟูเส้นผมเหล่านั้นให้หนาแน่น ดูดกดำ เงางาม และสุขภาพดีขึ้นได้

นอกจากความสวยแล้ว ความปลอดภัยและสุขภาพผมที่ดีอย่างยั่งยืนก็ต้องมาคู่กันด้วยค่ะ สอบถามรายละเอียดและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมเพิ่มเติมได้ที่นามนิน เราพร้อมดูแลเส้นผมที่คุณรักค่ะ 

5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา
5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา

ผมบาง ปัญหาเส้นผมที่ทำให้สาว ๆ หลายคนขาดความมั่นใจไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะทำผมทรงไหน ๆ ก็ไม่สวยตรงใจ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้นามนินเราได้รวบรวมเอา 5 ทรงผมสุดปัง! สำหรับผู้หญิงผมบาง ที่สามารถช่วยเนรมิตผมของสาว ๆ ให้ดูหนา และสวยงามเข้ากับใบหน้าได้มากขึ้น มาฝากกัน ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย 

สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงผมบาง
ก่อนจะไปดูว่ามีทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางทรงไหนบ้างนั้น ลองมาดูกันก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาผมบางนั้นเกิดจากอะไร? เพื่อที่จะได้หาทางออกในการดูแลรักษาผมบางได้อย่างตรงจุด ดังนี้
  • กรรมพันธุ์ หากพบคนในครอบครัวมีประวัติผมร่วง ผมบาง 
  • ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือวัยหมดประจำเดือน
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์รากผมเสื่อมสภาพ และอ่อนแอ
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ภาวะความเครียด หรือภาวะทางจิตใจต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผม
  • ภาวะขาดสารอาหาร ร่างกายได้รับสารอาหารบำรุงเส้นผมไม่เพียงพอ 
  • โรคภัยไข้เจ็บบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ 
  • ไลฟ์สไตล์ที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผม เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 
  • การดูแลเส้นผมที่ผิดวิธี เช่น ใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกิน รวบผมตึงเกินไป หรือการเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง 

    ผู้หญิงผมบางทำทรงผมแบบไหนดี? 
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมบาง จนทำทรงผมเดิมไม่ได้ เพราะเริ่มสังเกตเห็นหนังศีรษะชัดมากขึ้น จนทำให้ขาดความมั่นใจ และรู้สึกว่าทรงผมเดิมอาจไม่เข้ากับตัวเองอีกต่อไป แนะนำให้ลองทำทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางดังต่อไปนี้ รับรองว่าสามารถช่วยทำให้เส้นผมที่เคยดูบาง ลีบ แบน กลับมาดูเหมือนหนาขึ้น และเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน

1. ทรงผมบ๊อบเท 
ทรงผมบ๊อบเท เป็นทรงผมสั้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความเก๋ไก๋และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ โดยมีลักษณะเด่นคือ ผมด้านหน้ายาวกว่าด้านหลัง จึงช่วยพรางสายตาให้ผมดูหนาขึ้นและมีมิติมากยิ่งขึ้น



2. ผมประบ่าทรง Wolf Cut 
ถ้าอยากได้ผมที่ดูหนา และดูทันสมัยต้องไม่พลาดทรง Wolf Cut เด็ดขาด! ซึ่งเป็นทรงผมที่ให้ลุคเท่ ๆ สไตล์วินเทจ แต่ก็ยังคงความหวานและน่ารักได้ในเวลาเดียวกัน โดยจะเป็นทรงผมคล้าย ๆ กับทรงบ๊อบ แต่จะใช้เทคนิคการซอยและสไลด์ผม ทำให้เกิดเลเยอร์ที่ช่วยเพิ่มมิติและวอลลุ่มให้กับเส้นผม จึงทำให้ผมดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 


3. ทรงผมไว้หน้าม้า
ไม่ว่าคุณจะผมยาว หรือผมสั้น ถ้าอยากให้ผมดูหนา แนะนำให้แบ่งผมด้านหน้ามาตัดเป็นทรงหน้าม้า เพื่อพรางตาให้ผมโดยรวมดูหนาขึ้นได้ เพราะจะช่วยดึงดูดสายตาให้คนส่วนใหญ่ไปโฟกัสที่ผมหน้าม้ามากกว่านั่นเอง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งหน้าม้าตรง หน้าม้าซีทรู หรือหน้าผากปัดข้างก็ได้


4. ทรงผมดัดลอนคลาย
รู้หรือไม่? การทำผมให้ดูยุ่งนิด ๆ เป็นลอนใหญ่หน่อย ๆ จะช่วยทำให้ผมของคุณดูหนาขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะมีผมสั้น หรือยาว แนะนำว่าให้ดัดลอนใหญ่ ๆ พร้อมกับทำให้ลอนคลายตัวเล็กน้อย ก็จะช่วยให้ดูผมเยอะพองหนาได้ขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว


5. ทรงผมปัดข้างแสกลึก 
สำหรับสาวผมบางที่ผมยาว แล้วไม่รู้จะทำทรงผมไหนดีที่ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนการแสกกลางมาเป็นแสกข้างแบบลึกดู เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ผมดูหนาขึ้นแล้ว ยังเป็นทรงผมที่มีส่วนช่วยให้โคนผมยกขึ้น พาให้เส้นผมดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบนอย่างเดิมอีกด้วย 


ไม่ต้องเสียเวลาทำทรงผม เรียกคืนผมหนาได้ด้วยโปรแกรม PHB 
หากคุณอยากจบปัญหาผมบางอย่างตรงจุด ให้เส้นผมสุขภาพดี มีลักษณะเส้นใหญ่ ดกหนา แบบไม่ต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster ของที่นามนินคลินิกสามารถช่วยคุณได้ โปรแกรมนี้เป็นทรีตเมนต์บำรุงผมแบบฉีดที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยคุณหมอนิน แพทย์ประจำคลินิก สามารถฟื้นบำรุงสุขภาพเซลล์รากผมให้แข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วงที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด และสามารถช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 



อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่ใช้เวลาทำหัตถการไม่นานเพียงแค่ 30-40 นาทีต่อครั้งเท่านั้น ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และยิ่งหากเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งขึ้นไป หรือตามที่คุณหมอประเมินไว้เบื้องต้นตามลักษณะของปัญหาแต่ละบุคคล ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณกลับมามีผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องพึ่งการทำทรงผมปกปิดปัญหาผมบางเลย

สรุป

สำหรับคนที่มีปัญหาผมบาง กวนใจอยู่ นอกจากการเลือกทำทรงผมที่เหมาะสำหรับผู้หญิงผมบางแล้ว โปรแกรม PHB ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเนรมิตผมหนาให้คุณได้อีกครั้ง หากคุณกำลังอยากแก้ปัญหาผมบาง ต้องการฟื้นบำรุงเส้นผมให้ดกหนา สามารถเข้ามาปรึกษาที่นามนินคลินิกได้เลย เราใส่ใจในการรักษาทุกเคส ประเมินแนวทางการรักษาอย่างตรงจุด พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจคนไข้ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และช่วยให้คนไข้กลับมามีความสุขและเติมเต็มความมั่นใจได้อีกครั้ง


5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา
5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา

ผมบาง ปัญหาเส้นผมที่ทำให้สาว ๆ หลายคนขาดความมั่นใจไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะทำผมทรงไหน ๆ ก็ไม่สวยตรงใจ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้นามนินเราได้รวบรวมเอา 5 ทรงผมสุดปัง! สำหรับผู้หญิงผมบาง ที่สามารถช่วยเนรมิตผมของสาว ๆ ให้ดูหนา และสวยงามเข้ากับใบหน้าได้มากขึ้น มาฝากกัน ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย 

สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงผมบาง
ก่อนจะไปดูว่ามีทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางทรงไหนบ้างนั้น ลองมาดูกันก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาผมบางนั้นเกิดจากอะไร? เพื่อที่จะได้หาทางออกในการดูแลรักษาผมบางได้อย่างตรงจุด ดังนี้
  • กรรมพันธุ์ หากพบคนในครอบครัวมีประวัติผมร่วง ผมบาง 
  • ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือวัยหมดประจำเดือน
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์รากผมเสื่อมสภาพ และอ่อนแอ
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ภาวะความเครียด หรือภาวะทางจิตใจต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผม
  • ภาวะขาดสารอาหาร ร่างกายได้รับสารอาหารบำรุงเส้นผมไม่เพียงพอ 
  • โรคภัยไข้เจ็บบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ 
  • ไลฟ์สไตล์ที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผม เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 
  • การดูแลเส้นผมที่ผิดวิธี เช่น ใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกิน รวบผมตึงเกินไป หรือการเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง 

    ผู้หญิงผมบางทำทรงผมแบบไหนดี? 
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมบาง จนทำทรงผมเดิมไม่ได้ เพราะเริ่มสังเกตเห็นหนังศีรษะชัดมากขึ้น จนทำให้ขาดความมั่นใจ และรู้สึกว่าทรงผมเดิมอาจไม่เข้ากับตัวเองอีกต่อไป แนะนำให้ลองทำทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางดังต่อไปนี้ รับรองว่าสามารถช่วยทำให้เส้นผมที่เคยดูบาง ลีบ แบน กลับมาดูเหมือนหนาขึ้น และเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน

1. ทรงผมบ๊อบเท 
ทรงผมบ๊อบเท เป็นทรงผมสั้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความเก๋ไก๋และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ โดยมีลักษณะเด่นคือ ผมด้านหน้ายาวกว่าด้านหลัง จึงช่วยพรางสายตาให้ผมดูหนาขึ้นและมีมิติมากยิ่งขึ้น



2. ผมประบ่าทรง Wolf Cut 
ถ้าอยากได้ผมที่ดูหนา และดูทันสมัยต้องไม่พลาดทรง Wolf Cut เด็ดขาด! ซึ่งเป็นทรงผมที่ให้ลุคเท่ ๆ สไตล์วินเทจ แต่ก็ยังคงความหวานและน่ารักได้ในเวลาเดียวกัน โดยจะเป็นทรงผมคล้าย ๆ กับทรงบ๊อบ แต่จะใช้เทคนิคการซอยและสไลด์ผม ทำให้เกิดเลเยอร์ที่ช่วยเพิ่มมิติและวอลลุ่มให้กับเส้นผม จึงทำให้ผมดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 


3. ทรงผมไว้หน้าม้า
ไม่ว่าคุณจะผมยาว หรือผมสั้น ถ้าอยากให้ผมดูหนา แนะนำให้แบ่งผมด้านหน้ามาตัดเป็นทรงหน้าม้า เพื่อพรางตาให้ผมโดยรวมดูหนาขึ้นได้ เพราะจะช่วยดึงดูดสายตาให้คนส่วนใหญ่ไปโฟกัสที่ผมหน้าม้ามากกว่านั่นเอง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งหน้าม้าตรง หน้าม้าซีทรู หรือหน้าผากปัดข้างก็ได้


4. ทรงผมดัดลอนคลาย
รู้หรือไม่? การทำผมให้ดูยุ่งนิด ๆ เป็นลอนใหญ่หน่อย ๆ จะช่วยทำให้ผมของคุณดูหนาขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะมีผมสั้น หรือยาว แนะนำว่าให้ดัดลอนใหญ่ ๆ พร้อมกับทำให้ลอนคลายตัวเล็กน้อย ก็จะช่วยให้ดูผมเยอะพองหนาได้ขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว


5. ทรงผมปัดข้างแสกลึก 
สำหรับสาวผมบางที่ผมยาว แล้วไม่รู้จะทำทรงผมไหนดีที่ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนการแสกกลางมาเป็นแสกข้างแบบลึกดู เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ผมดูหนาขึ้นแล้ว ยังเป็นทรงผมที่มีส่วนช่วยให้โคนผมยกขึ้น พาให้เส้นผมดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบนอย่างเดิมอีกด้วย 


ไม่ต้องเสียเวลาทำทรงผม เรียกคืนผมหนาได้ด้วยโปรแกรม PHB 
หากคุณอยากจบปัญหาผมบางอย่างตรงจุด ให้เส้นผมสุขภาพดี มีลักษณะเส้นใหญ่ ดกหนา แบบไม่ต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster ของที่นามนินคลินิกสามารถช่วยคุณได้ โปรแกรมนี้เป็นทรีตเมนต์บำรุงผมแบบฉีดที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยคุณหมอนิน แพทย์ประจำคลินิก สามารถฟื้นบำรุงสุขภาพเซลล์รากผมให้แข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วงที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด และสามารถช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 



อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่ใช้เวลาทำหัตถการไม่นานเพียงแค่ 30-40 นาทีต่อครั้งเท่านั้น ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และยิ่งหากเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งขึ้นไป หรือตามที่คุณหมอประเมินไว้เบื้องต้นตามลักษณะของปัญหาแต่ละบุคคล ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณกลับมามีผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องพึ่งการทำทรงผมปกปิดปัญหาผมบางเลย

สรุป

สำหรับคนที่มีปัญหาผมบาง กวนใจอยู่ นอกจากการเลือกทำทรงผมที่เหมาะสำหรับผู้หญิงผมบางแล้ว โปรแกรม PHB ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเนรมิตผมหนาให้คุณได้อีกครั้ง หากคุณกำลังอยากแก้ปัญหาผมบาง ต้องการฟื้นบำรุงเส้นผมให้ดกหนา สามารถเข้ามาปรึกษาที่นามนินคลินิกได้เลย เราใส่ใจในการรักษาทุกเคส ประเมินแนวทางการรักษาอย่างตรงจุด พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจคนไข้ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และช่วยให้คนไข้กลับมามีความสุขและเติมเต็มความมั่นใจได้อีกครั้ง


5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา
5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา

ผมบาง ปัญหาเส้นผมที่ทำให้สาว ๆ หลายคนขาดความมั่นใจไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะทำผมทรงไหน ๆ ก็ไม่สวยตรงใจ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้นามนินเราได้รวบรวมเอา 5 ทรงผมสุดปัง! สำหรับผู้หญิงผมบาง ที่สามารถช่วยเนรมิตผมของสาว ๆ ให้ดูหนา และสวยงามเข้ากับใบหน้าได้มากขึ้น มาฝากกัน ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย 

สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงผมบาง
ก่อนจะไปดูว่ามีทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางทรงไหนบ้างนั้น ลองมาดูกันก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาผมบางนั้นเกิดจากอะไร? เพื่อที่จะได้หาทางออกในการดูแลรักษาผมบางได้อย่างตรงจุด ดังนี้
  • กรรมพันธุ์ หากพบคนในครอบครัวมีประวัติผมร่วง ผมบาง 
  • ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือวัยหมดประจำเดือน
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์รากผมเสื่อมสภาพ และอ่อนแอ
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ภาวะความเครียด หรือภาวะทางจิตใจต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผม
  • ภาวะขาดสารอาหาร ร่างกายได้รับสารอาหารบำรุงเส้นผมไม่เพียงพอ 
  • โรคภัยไข้เจ็บบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ 
  • ไลฟ์สไตล์ที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผม เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 
  • การดูแลเส้นผมที่ผิดวิธี เช่น ใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกิน รวบผมตึงเกินไป หรือการเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง 

    ผู้หญิงผมบางทำทรงผมแบบไหนดี? 
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมบาง จนทำทรงผมเดิมไม่ได้ เพราะเริ่มสังเกตเห็นหนังศีรษะชัดมากขึ้น จนทำให้ขาดความมั่นใจ และรู้สึกว่าทรงผมเดิมอาจไม่เข้ากับตัวเองอีกต่อไป แนะนำให้ลองทำทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางดังต่อไปนี้ รับรองว่าสามารถช่วยทำให้เส้นผมที่เคยดูบาง ลีบ แบน กลับมาดูเหมือนหนาขึ้น และเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน

1. ทรงผมบ๊อบเท 
ทรงผมบ๊อบเท เป็นทรงผมสั้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความเก๋ไก๋และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ โดยมีลักษณะเด่นคือ ผมด้านหน้ายาวกว่าด้านหลัง จึงช่วยพรางสายตาให้ผมดูหนาขึ้นและมีมิติมากยิ่งขึ้น



2. ผมประบ่าทรง Wolf Cut 
ถ้าอยากได้ผมที่ดูหนา และดูทันสมัยต้องไม่พลาดทรง Wolf Cut เด็ดขาด! ซึ่งเป็นทรงผมที่ให้ลุคเท่ ๆ สไตล์วินเทจ แต่ก็ยังคงความหวานและน่ารักได้ในเวลาเดียวกัน โดยจะเป็นทรงผมคล้าย ๆ กับทรงบ๊อบ แต่จะใช้เทคนิคการซอยและสไลด์ผม ทำให้เกิดเลเยอร์ที่ช่วยเพิ่มมิติและวอลลุ่มให้กับเส้นผม จึงทำให้ผมดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 


3. ทรงผมไว้หน้าม้า
ไม่ว่าคุณจะผมยาว หรือผมสั้น ถ้าอยากให้ผมดูหนา แนะนำให้แบ่งผมด้านหน้ามาตัดเป็นทรงหน้าม้า เพื่อพรางตาให้ผมโดยรวมดูหนาขึ้นได้ เพราะจะช่วยดึงดูดสายตาให้คนส่วนใหญ่ไปโฟกัสที่ผมหน้าม้ามากกว่านั่นเอง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งหน้าม้าตรง หน้าม้าซีทรู หรือหน้าผากปัดข้างก็ได้


4. ทรงผมดัดลอนคลาย
รู้หรือไม่? การทำผมให้ดูยุ่งนิด ๆ เป็นลอนใหญ่หน่อย ๆ จะช่วยทำให้ผมของคุณดูหนาขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะมีผมสั้น หรือยาว แนะนำว่าให้ดัดลอนใหญ่ ๆ พร้อมกับทำให้ลอนคลายตัวเล็กน้อย ก็จะช่วยให้ดูผมเยอะพองหนาได้ขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว


5. ทรงผมปัดข้างแสกลึก 
สำหรับสาวผมบางที่ผมยาว แล้วไม่รู้จะทำทรงผมไหนดีที่ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนการแสกกลางมาเป็นแสกข้างแบบลึกดู เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ผมดูหนาขึ้นแล้ว ยังเป็นทรงผมที่มีส่วนช่วยให้โคนผมยกขึ้น พาให้เส้นผมดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบนอย่างเดิมอีกด้วย 


ไม่ต้องเสียเวลาทำทรงผม เรียกคืนผมหนาได้ด้วยโปรแกรม PHB 
หากคุณอยากจบปัญหาผมบางอย่างตรงจุด ให้เส้นผมสุขภาพดี มีลักษณะเส้นใหญ่ ดกหนา แบบไม่ต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster ของที่นามนินคลินิกสามารถช่วยคุณได้ โปรแกรมนี้เป็นทรีตเมนต์บำรุงผมแบบฉีดที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยคุณหมอนิน แพทย์ประจำคลินิก สามารถฟื้นบำรุงสุขภาพเซลล์รากผมให้แข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วงที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด และสามารถช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 



อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่ใช้เวลาทำหัตถการไม่นานเพียงแค่ 30-40 นาทีต่อครั้งเท่านั้น ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และยิ่งหากเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งขึ้นไป หรือตามที่คุณหมอประเมินไว้เบื้องต้นตามลักษณะของปัญหาแต่ละบุคคล ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณกลับมามีผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องพึ่งการทำทรงผมปกปิดปัญหาผมบางเลย

สรุป

สำหรับคนที่มีปัญหาผมบาง กวนใจอยู่ นอกจากการเลือกทำทรงผมที่เหมาะสำหรับผู้หญิงผมบางแล้ว โปรแกรม PHB ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเนรมิตผมหนาให้คุณได้อีกครั้ง หากคุณกำลังอยากแก้ปัญหาผมบาง ต้องการฟื้นบำรุงเส้นผมให้ดกหนา สามารถเข้ามาปรึกษาที่นามนินคลินิกได้เลย เราใส่ใจในการรักษาทุกเคส ประเมินแนวทางการรักษาอย่างตรงจุด พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจคนไข้ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และช่วยให้คนไข้กลับมามีความสุขและเติมเต็มความมั่นใจได้อีกครั้ง


5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา
5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา

ผมบาง ปัญหาเส้นผมที่ทำให้สาว ๆ หลายคนขาดความมั่นใจไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะทำผมทรงไหน ๆ ก็ไม่สวยตรงใจ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้นามนินเราได้รวบรวมเอา 5 ทรงผมสุดปัง! สำหรับผู้หญิงผมบาง ที่สามารถช่วยเนรมิตผมของสาว ๆ ให้ดูหนา และสวยงามเข้ากับใบหน้าได้มากขึ้น มาฝากกัน ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย 

สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงผมบาง
ก่อนจะไปดูว่ามีทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางทรงไหนบ้างนั้น ลองมาดูกันก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาผมบางนั้นเกิดจากอะไร? เพื่อที่จะได้หาทางออกในการดูแลรักษาผมบางได้อย่างตรงจุด ดังนี้
  • กรรมพันธุ์ หากพบคนในครอบครัวมีประวัติผมร่วง ผมบาง 
  • ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือวัยหมดประจำเดือน
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์รากผมเสื่อมสภาพ และอ่อนแอ
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ภาวะความเครียด หรือภาวะทางจิตใจต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผม
  • ภาวะขาดสารอาหาร ร่างกายได้รับสารอาหารบำรุงเส้นผมไม่เพียงพอ 
  • โรคภัยไข้เจ็บบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ 
  • ไลฟ์สไตล์ที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผม เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 
  • การดูแลเส้นผมที่ผิดวิธี เช่น ใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกิน รวบผมตึงเกินไป หรือการเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง 

    ผู้หญิงผมบางทำทรงผมแบบไหนดี? 
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมบาง จนทำทรงผมเดิมไม่ได้ เพราะเริ่มสังเกตเห็นหนังศีรษะชัดมากขึ้น จนทำให้ขาดความมั่นใจ และรู้สึกว่าทรงผมเดิมอาจไม่เข้ากับตัวเองอีกต่อไป แนะนำให้ลองทำทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางดังต่อไปนี้ รับรองว่าสามารถช่วยทำให้เส้นผมที่เคยดูบาง ลีบ แบน กลับมาดูเหมือนหนาขึ้น และเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน

1. ทรงผมบ๊อบเท 
ทรงผมบ๊อบเท เป็นทรงผมสั้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความเก๋ไก๋และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ โดยมีลักษณะเด่นคือ ผมด้านหน้ายาวกว่าด้านหลัง จึงช่วยพรางสายตาให้ผมดูหนาขึ้นและมีมิติมากยิ่งขึ้น



2. ผมประบ่าทรง Wolf Cut 
ถ้าอยากได้ผมที่ดูหนา และดูทันสมัยต้องไม่พลาดทรง Wolf Cut เด็ดขาด! ซึ่งเป็นทรงผมที่ให้ลุคเท่ ๆ สไตล์วินเทจ แต่ก็ยังคงความหวานและน่ารักได้ในเวลาเดียวกัน โดยจะเป็นทรงผมคล้าย ๆ กับทรงบ๊อบ แต่จะใช้เทคนิคการซอยและสไลด์ผม ทำให้เกิดเลเยอร์ที่ช่วยเพิ่มมิติและวอลลุ่มให้กับเส้นผม จึงทำให้ผมดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 


3. ทรงผมไว้หน้าม้า
ไม่ว่าคุณจะผมยาว หรือผมสั้น ถ้าอยากให้ผมดูหนา แนะนำให้แบ่งผมด้านหน้ามาตัดเป็นทรงหน้าม้า เพื่อพรางตาให้ผมโดยรวมดูหนาขึ้นได้ เพราะจะช่วยดึงดูดสายตาให้คนส่วนใหญ่ไปโฟกัสที่ผมหน้าม้ามากกว่านั่นเอง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งหน้าม้าตรง หน้าม้าซีทรู หรือหน้าผากปัดข้างก็ได้


4. ทรงผมดัดลอนคลาย
รู้หรือไม่? การทำผมให้ดูยุ่งนิด ๆ เป็นลอนใหญ่หน่อย ๆ จะช่วยทำให้ผมของคุณดูหนาขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะมีผมสั้น หรือยาว แนะนำว่าให้ดัดลอนใหญ่ ๆ พร้อมกับทำให้ลอนคลายตัวเล็กน้อย ก็จะช่วยให้ดูผมเยอะพองหนาได้ขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว


5. ทรงผมปัดข้างแสกลึก 
สำหรับสาวผมบางที่ผมยาว แล้วไม่รู้จะทำทรงผมไหนดีที่ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนการแสกกลางมาเป็นแสกข้างแบบลึกดู เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ผมดูหนาขึ้นแล้ว ยังเป็นทรงผมที่มีส่วนช่วยให้โคนผมยกขึ้น พาให้เส้นผมดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบนอย่างเดิมอีกด้วย 


ไม่ต้องเสียเวลาทำทรงผม เรียกคืนผมหนาได้ด้วยโปรแกรม PHB 
หากคุณอยากจบปัญหาผมบางอย่างตรงจุด ให้เส้นผมสุขภาพดี มีลักษณะเส้นใหญ่ ดกหนา แบบไม่ต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster ของที่นามนินคลินิกสามารถช่วยคุณได้ โปรแกรมนี้เป็นทรีตเมนต์บำรุงผมแบบฉีดที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยคุณหมอนิน แพทย์ประจำคลินิก สามารถฟื้นบำรุงสุขภาพเซลล์รากผมให้แข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วงที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด และสามารถช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 



อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่ใช้เวลาทำหัตถการไม่นานเพียงแค่ 30-40 นาทีต่อครั้งเท่านั้น ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และยิ่งหากเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งขึ้นไป หรือตามที่คุณหมอประเมินไว้เบื้องต้นตามลักษณะของปัญหาแต่ละบุคคล ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณกลับมามีผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องพึ่งการทำทรงผมปกปิดปัญหาผมบางเลย

สรุป

สำหรับคนที่มีปัญหาผมบาง กวนใจอยู่ นอกจากการเลือกทำทรงผมที่เหมาะสำหรับผู้หญิงผมบางแล้ว โปรแกรม PHB ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเนรมิตผมหนาให้คุณได้อีกครั้ง หากคุณกำลังอยากแก้ปัญหาผมบาง ต้องการฟื้นบำรุงเส้นผมให้ดกหนา สามารถเข้ามาปรึกษาที่นามนินคลินิกได้เลย เราใส่ใจในการรักษาทุกเคส ประเมินแนวทางการรักษาอย่างตรงจุด พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจคนไข้ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และช่วยให้คนไข้กลับมามีความสุขและเติมเต็มความมั่นใจได้อีกครั้ง


5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา
5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา

ผมบาง ปัญหาเส้นผมที่ทำให้สาว ๆ หลายคนขาดความมั่นใจไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะทำผมทรงไหน ๆ ก็ไม่สวยตรงใจ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้นามนินเราได้รวบรวมเอา 5 ทรงผมสุดปัง! สำหรับผู้หญิงผมบาง ที่สามารถช่วยเนรมิตผมของสาว ๆ ให้ดูหนา และสวยงามเข้ากับใบหน้าได้มากขึ้น มาฝากกัน ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย 

สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงผมบาง
ก่อนจะไปดูว่ามีทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางทรงไหนบ้างนั้น ลองมาดูกันก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาผมบางนั้นเกิดจากอะไร? เพื่อที่จะได้หาทางออกในการดูแลรักษาผมบางได้อย่างตรงจุด ดังนี้
  • กรรมพันธุ์ หากพบคนในครอบครัวมีประวัติผมร่วง ผมบาง 
  • ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือวัยหมดประจำเดือน
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์รากผมเสื่อมสภาพ และอ่อนแอ
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ภาวะความเครียด หรือภาวะทางจิตใจต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผม
  • ภาวะขาดสารอาหาร ร่างกายได้รับสารอาหารบำรุงเส้นผมไม่เพียงพอ 
  • โรคภัยไข้เจ็บบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ 
  • ไลฟ์สไตล์ที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผม เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 
  • การดูแลเส้นผมที่ผิดวิธี เช่น ใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกิน รวบผมตึงเกินไป หรือการเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง 

    ผู้หญิงผมบางทำทรงผมแบบไหนดี? 
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมบาง จนทำทรงผมเดิมไม่ได้ เพราะเริ่มสังเกตเห็นหนังศีรษะชัดมากขึ้น จนทำให้ขาดความมั่นใจ และรู้สึกว่าทรงผมเดิมอาจไม่เข้ากับตัวเองอีกต่อไป แนะนำให้ลองทำทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางดังต่อไปนี้ รับรองว่าสามารถช่วยทำให้เส้นผมที่เคยดูบาง ลีบ แบน กลับมาดูเหมือนหนาขึ้น และเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน

1. ทรงผมบ๊อบเท 
ทรงผมบ๊อบเท เป็นทรงผมสั้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความเก๋ไก๋และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ โดยมีลักษณะเด่นคือ ผมด้านหน้ายาวกว่าด้านหลัง จึงช่วยพรางสายตาให้ผมดูหนาขึ้นและมีมิติมากยิ่งขึ้น



2. ผมประบ่าทรง Wolf Cut 
ถ้าอยากได้ผมที่ดูหนา และดูทันสมัยต้องไม่พลาดทรง Wolf Cut เด็ดขาด! ซึ่งเป็นทรงผมที่ให้ลุคเท่ ๆ สไตล์วินเทจ แต่ก็ยังคงความหวานและน่ารักได้ในเวลาเดียวกัน โดยจะเป็นทรงผมคล้าย ๆ กับทรงบ๊อบ แต่จะใช้เทคนิคการซอยและสไลด์ผม ทำให้เกิดเลเยอร์ที่ช่วยเพิ่มมิติและวอลลุ่มให้กับเส้นผม จึงทำให้ผมดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 


3. ทรงผมไว้หน้าม้า
ไม่ว่าคุณจะผมยาว หรือผมสั้น ถ้าอยากให้ผมดูหนา แนะนำให้แบ่งผมด้านหน้ามาตัดเป็นทรงหน้าม้า เพื่อพรางตาให้ผมโดยรวมดูหนาขึ้นได้ เพราะจะช่วยดึงดูดสายตาให้คนส่วนใหญ่ไปโฟกัสที่ผมหน้าม้ามากกว่านั่นเอง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งหน้าม้าตรง หน้าม้าซีทรู หรือหน้าผากปัดข้างก็ได้


4. ทรงผมดัดลอนคลาย
รู้หรือไม่? การทำผมให้ดูยุ่งนิด ๆ เป็นลอนใหญ่หน่อย ๆ จะช่วยทำให้ผมของคุณดูหนาขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะมีผมสั้น หรือยาว แนะนำว่าให้ดัดลอนใหญ่ ๆ พร้อมกับทำให้ลอนคลายตัวเล็กน้อย ก็จะช่วยให้ดูผมเยอะพองหนาได้ขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว


5. ทรงผมปัดข้างแสกลึก 
สำหรับสาวผมบางที่ผมยาว แล้วไม่รู้จะทำทรงผมไหนดีที่ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนการแสกกลางมาเป็นแสกข้างแบบลึกดู เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ผมดูหนาขึ้นแล้ว ยังเป็นทรงผมที่มีส่วนช่วยให้โคนผมยกขึ้น พาให้เส้นผมดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบนอย่างเดิมอีกด้วย 


ไม่ต้องเสียเวลาทำทรงผม เรียกคืนผมหนาได้ด้วยโปรแกรม PHB 
หากคุณอยากจบปัญหาผมบางอย่างตรงจุด ให้เส้นผมสุขภาพดี มีลักษณะเส้นใหญ่ ดกหนา แบบไม่ต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster ของที่นามนินคลินิกสามารถช่วยคุณได้ โปรแกรมนี้เป็นทรีตเมนต์บำรุงผมแบบฉีดที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยคุณหมอนิน แพทย์ประจำคลินิก สามารถฟื้นบำรุงสุขภาพเซลล์รากผมให้แข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วงที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด และสามารถช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 



อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่ใช้เวลาทำหัตถการไม่นานเพียงแค่ 30-40 นาทีต่อครั้งเท่านั้น ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และยิ่งหากเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งขึ้นไป หรือตามที่คุณหมอประเมินไว้เบื้องต้นตามลักษณะของปัญหาแต่ละบุคคล ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณกลับมามีผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องพึ่งการทำทรงผมปกปิดปัญหาผมบางเลย

สรุป

สำหรับคนที่มีปัญหาผมบาง กวนใจอยู่ นอกจากการเลือกทำทรงผมที่เหมาะสำหรับผู้หญิงผมบางแล้ว โปรแกรม PHB ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเนรมิตผมหนาให้คุณได้อีกครั้ง หากคุณกำลังอยากแก้ปัญหาผมบาง ต้องการฟื้นบำรุงเส้นผมให้ดกหนา สามารถเข้ามาปรึกษาที่นามนินคลินิกได้เลย เราใส่ใจในการรักษาทุกเคส ประเมินแนวทางการรักษาอย่างตรงจุด พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจคนไข้ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และช่วยให้คนไข้กลับมามีความสุขและเติมเต็มความมั่นใจได้อีกครั้ง


3 ระยะ “ผมถอยร่น” ที่ควรรักษาก่อนสาย
ขณะที่กำลังส่องกระจกในทุก ๆ วัน คุณผู้ชายเคยสังเกตผมของตัวเองหรือไม่ ว่ามี ความเปลี่ยนแปลง อย่างไรเกิดขึ้นบ้าง ทราบหรือไม่ว่า สัญญาณเล็ก ๆ ที่เราสังเกตเห็น อาจจะช่วยให้ตัวเราในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนนำไปสู่ภาวะผมล้านที่รุนแรงเกินจะรักษาหรือแก้ไขก็เป็นได้

นั่นก็เพราะอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนหลายคนไม่ทันสังเกตเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก ๆ หรือแม้เมื่อเริ่มสังเกตเห็นแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ อย่างเช่น บางคนอาจจะคิดว่า ผมเพิ่งเริ่มถอยร่นและบางลงเพียงเล็กน้อย ไม่น่าต้องกังวลใจ บางคนลังเลว่า วัยของตัวเองเหมาะกับการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบางแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม รู้สึกว่าตัวเองยังอายุน้อยเกินไปที่จะเริ่มรักษา ส่วนผู้ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็รู้สึกไปอีกแบบว่าตัวเองอายุมากเกินกว่าจะมาดูแลปัญหาผมในวัยนี้แล้ว ขณะที่อีกหลาย ๆ คนก็เลือกปล่อยปัญหาผมถอยร่นทิ้งไว้ เพราะไม่มีเวลาดูแล เพราะกังวลและไม่มั่นใจในวิธีการรักษา หรือเพราะมองไม่เห็นภาพว่า ปัญหาผมในวันนี้อาจจะรุนแรงขึ้นจนยากที่จะเยียวยาฟื้นฟูในวันข้างหน้า

ดังนั้น นามนินจึงขอชวนคุณผู้ชายมาสังเกตภาวะผมถอยร่นของตนเอง รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลปัญหาผม ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระยะ หรือลักษณะอาการ แม้ผมถอยร่นในระยะแรกที่อาจจะมองเห็นได้ยาก เราก็มีจุดสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณผู้ชายนำมาใช้เป็นแนวทางได้อย่างแน่นอน มาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ผมของเราอยู่ในภาวะผมถอยร่นระยะที่น่าเป็นห่วงมากน้อยแค่ไหน


ระยะที่ 1 ผมหยุดยาว สัญญาณแรกของผมถอยร่น

สำหรับคุณผู้ชายที่เริ่มมีภาวะผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุของกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมในผู้ชายทั่วโลก จุดสังเกตก็คือผมด้านหน้า โดยทั่วไปแล้ว ผมทั่วศีรษะจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากสังเกตเห็นว่า ผมด้านหน้าไม่ยาวเพิ่มเลย ในขณะที่ผมในบริเวณอื่น ๆ ยังคงยาวต่อเนื่องเป็นปกติ  ก็เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณแรกสุดของภาวะผมถอยร่นแล้ว 



ในระยะนี้ แม้ว่าผมจะยังไม่เริ่มร่วงเลยก็ตาม แต่นามนินก็ขอแนะนำให้คุณผู้ชายเริ่มเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้เลยโดยไม่ต้องรีรอ เพื่อไม่ให้ปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น โดยวิธีการรักษาพื้นฐานเบื้องต้น อาจจะอยู่ในรูปแบบของการรับประทานยาหรือวิตามิน รวมไปถึงการทาเซรั่มบำรุงผม

หากใครสังเกตพบสัญญาณผมถอยร่นของตัวเองได้ตั้งแต่ในระยะนี้ นับว่าโชคดีมาก ๆ และมีโอกาสสูงที่จะสามารถหยุดภาวะผมถอยร่น ไม่ให้ผมเริ่มร่วง บาง และขยายพื้นที่ไปยังส่วนอื่น ๆ ของศีรษะได้


ระยะที่ 2 ผมถอยร่น จนกลายเป็น M shape 

หลังจากผมด้านหน้าเริ่มหยุดยาว หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ระยะต่อไปคงจะเป็นภาพที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย นั่นก็คืออาการที่ผมร่วง จนผมถอยร่น เว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างบริเวณหน้าผาก กลายเป็นรูปตัว M 

หากเข้าสู่ระยะนี้ เท่ากับแนวไรผมที่เคยทำหน้าที่เป็น “กรอบหน้า” จะหายไป ผลที่ตามมาก็คือรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน หน้าผากสูงและกว้าง ชวนให้ดูสูงวัยกว่าอายุจริง เมื่อภาวะผมถอยร่นเข้าสู่ระยะนี้ เจ้าของเส้นผมไม่เพียงสูญเสียเส้นผมที่ร่วงหลุดไป แต่ยังสูญเสียความมั่นใจเวลาต้องออกไปพบปะผู้คนภายนอกด้วย เพราะเส้นผมและกรอบหน้า ส่งผลต่อรูปลักษณ์และบุคลิกภาพโดยตรง

ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดในการคืนกรอบหน้า และยังนับเป็นโอกาสในการออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้ได้สัดส่วนลงตัวกับใบหน้าของเราด้วยเลย ก็คือการ “ปลูกผม” นั่นเอง 

แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอิงตามความต้องการหรือความจำเป็นของคนไข้ และอาศัยหลักสัดส่วนทองคำของใบหน้า หรือ Golden Ratio เพื่อคืนความสมส่วนด้วยกรอบหน้าที่จะเสริมความคม เข้ม ปรับลุคให้ดูดีขึ้น ดูสมาร์ทขึ้นได้ พร้อมทั้งได้แนวไรผมที่แลดูเป็นธรรมชาติ 


ทั้งนี้ แพทย์จะกำหนดพื้นที่ปลูกผมใหม่ และคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยที่ต้องใช้ในการปลูกให้เหมาะสมคุ้มค่า เนื่องจากผมต้นทุนของแต่ละคนมีอยู่เพียงจำกัด เมื่อย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาด ความหนาบาง และจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ที่พอดี 

และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันเป็นพิเศษ เนื่องจากแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ประกอบไปด้วยผมเส้นอ่อนด้านนอกสุด ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ระดับลึกเข้ามากลายเป็นผมเส้นใหญ่และหน้าขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงต้องคัดเลือกลักษณะของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ให้เรียงตัวกันเป็นระเบียบ เนียนตา ได้ความหนาแน่นที่พอดี พร้อมได้ทิศทางและองศาของเส้นผมที่แลดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพราะแนวกรอบหน้าก็ไม่ต่างจากด่านแรกของเส้นผมที่จะดึงดูดสายตาผู้คนเมื่อมองเห็น

ระยะที่ 3 ผมเริ่มบางจากกลางศีรษะ

นอกจากเส้นผมจะถอยร่นเว้าลึกเข้ามาบริเวณหน้าผากแล้ว ในกรณีนี้ เส้นผมอาจจะเริ่มหลุดร่วงและเห็นความบางที่ชัดเจนโดยเริ่มจากบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งก็เป็นจุดที่ผู้คนทั่วไปมองเห็นได้ง่ายเช่นกัน


หากใครสังเกตตัวเองว่ามีภาวะผมถอยร่อนอยู่ในระยะนี้ โดยที่ไม่มีอาการผมบางด้านหน้าหรือ M Shape ร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วย โปรแกรม PHB ซึ่งจะตรงเข้าฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์รากผม ช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ลดโอกาสการหลุดร่วง พร้อมทั้งกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้น จึงทำทำให้ผมแลดูดกดำขึ้น หนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ วิธีการก็สะดวกสบายและปลอดภัย เพียงฉีดเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วงและผมบาง และสามารถเข้ามารับการฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะผมถอยร่นยังมีระยะที่ 4 ด้วย ซึ่งเป็นระยะที่พ้นไปจากลักษณะอาการข้างต้น ทั้งอาการผมด้านหน้าหยุดยาว อาการผมร่นลึกเป็นรูป M Shape และอาการผมบางกลางศีรษะ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้ดูแลรักษา ก็จะเข้าสู่ระยะที่ปัญหาผมยิ่งขยายพื้นที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมด้านหน้าและกลางศีรษะอาจบางลงจนเชื่อมต่อถึงกันเป็นพื้นที่ใหญ่ และเข้าสู่ภาวะผมล้าน ที่อาจจะสายเกินการฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาในที่สุด 

ในกรณีนี้ การแก้ปัญหาจะอาศัยวิธีการที่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรีบเข้ามารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่สามารถการันตีได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ผมที่กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม เนื่องจากข้อจำกัดด้านผมต้นทุนที่มักจะอ่อนแอและเหลือน้อยลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม แพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และอาจแนะนำให้ปลูกผมร่วมกับการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เพื่อช่วยเสริมให้ผมกลับมาได้มากที่สุดบนข้อจำกัดของคนไข้แต่ละคนเอง


และเนื่องจากปัญหาผมของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากสังเกตพบภาวะถอยร่นของเส้นผม ในระยะใดระยะหนึ่ง ก็ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อร่วมกันวางแผนและออกแบบแนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญ ยิ่งสังเกตพบเร็ว ตัดสินใจเข้ามาพบแพทย์เร็ว ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษาอย่างแน่นอน




3 ระยะ “ผมถอยร่น” ที่ควรรักษาก่อนสาย
ขณะที่กำลังส่องกระจกในทุก ๆ วัน คุณผู้ชายเคยสังเกตผมของตัวเองหรือไม่ ว่ามี ความเปลี่ยนแปลง อย่างไรเกิดขึ้นบ้าง ทราบหรือไม่ว่า สัญญาณเล็ก ๆ ที่เราสังเกตเห็น อาจจะช่วยให้ตัวเราในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนนำไปสู่ภาวะผมล้านที่รุนแรงเกินจะรักษาหรือแก้ไขก็เป็นได้

นั่นก็เพราะอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนหลายคนไม่ทันสังเกตเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก ๆ หรือแม้เมื่อเริ่มสังเกตเห็นแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ อย่างเช่น บางคนอาจจะคิดว่า ผมเพิ่งเริ่มถอยร่นและบางลงเพียงเล็กน้อย ไม่น่าต้องกังวลใจ บางคนลังเลว่า วัยของตัวเองเหมาะกับการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบางแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม รู้สึกว่าตัวเองยังอายุน้อยเกินไปที่จะเริ่มรักษา ส่วนผู้ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็รู้สึกไปอีกแบบว่าตัวเองอายุมากเกินกว่าจะมาดูแลปัญหาผมในวัยนี้แล้ว ขณะที่อีกหลาย ๆ คนก็เลือกปล่อยปัญหาผมถอยร่นทิ้งไว้ เพราะไม่มีเวลาดูแล เพราะกังวลและไม่มั่นใจในวิธีการรักษา หรือเพราะมองไม่เห็นภาพว่า ปัญหาผมในวันนี้อาจจะรุนแรงขึ้นจนยากที่จะเยียวยาฟื้นฟูในวันข้างหน้า

ดังนั้น นามนินจึงขอชวนคุณผู้ชายมาสังเกตภาวะผมถอยร่นของตนเอง รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลปัญหาผม ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระยะ หรือลักษณะอาการ แม้ผมถอยร่นในระยะแรกที่อาจจะมองเห็นได้ยาก เราก็มีจุดสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณผู้ชายนำมาใช้เป็นแนวทางได้อย่างแน่นอน มาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ผมของเราอยู่ในภาวะผมถอยร่นระยะที่น่าเป็นห่วงมากน้อยแค่ไหน


ระยะที่ 1 ผมหยุดยาว สัญญาณแรกของผมถอยร่น

สำหรับคุณผู้ชายที่เริ่มมีภาวะผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุของกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมในผู้ชายทั่วโลก จุดสังเกตก็คือผมด้านหน้า โดยทั่วไปแล้ว ผมทั่วศีรษะจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากสังเกตเห็นว่า ผมด้านหน้าไม่ยาวเพิ่มเลย ในขณะที่ผมในบริเวณอื่น ๆ ยังคงยาวต่อเนื่องเป็นปกติ  ก็เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณแรกสุดของภาวะผมถอยร่นแล้ว 



ในระยะนี้ แม้ว่าผมจะยังไม่เริ่มร่วงเลยก็ตาม แต่นามนินก็ขอแนะนำให้คุณผู้ชายเริ่มเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้เลยโดยไม่ต้องรีรอ เพื่อไม่ให้ปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น โดยวิธีการรักษาพื้นฐานเบื้องต้น อาจจะอยู่ในรูปแบบของการรับประทานยาหรือวิตามิน รวมไปถึงการทาเซรั่มบำรุงผม

หากใครสังเกตพบสัญญาณผมถอยร่นของตัวเองได้ตั้งแต่ในระยะนี้ นับว่าโชคดีมาก ๆ และมีโอกาสสูงที่จะสามารถหยุดภาวะผมถอยร่น ไม่ให้ผมเริ่มร่วง บาง และขยายพื้นที่ไปยังส่วนอื่น ๆ ของศีรษะได้


ระยะที่ 2 ผมถอยร่น จนกลายเป็น M shape 

หลังจากผมด้านหน้าเริ่มหยุดยาว หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ระยะต่อไปคงจะเป็นภาพที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย นั่นก็คืออาการที่ผมร่วง จนผมถอยร่น เว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างบริเวณหน้าผาก กลายเป็นรูปตัว M 

หากเข้าสู่ระยะนี้ เท่ากับแนวไรผมที่เคยทำหน้าที่เป็น “กรอบหน้า” จะหายไป ผลที่ตามมาก็คือรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน หน้าผากสูงและกว้าง ชวนให้ดูสูงวัยกว่าอายุจริง เมื่อภาวะผมถอยร่นเข้าสู่ระยะนี้ เจ้าของเส้นผมไม่เพียงสูญเสียเส้นผมที่ร่วงหลุดไป แต่ยังสูญเสียความมั่นใจเวลาต้องออกไปพบปะผู้คนภายนอกด้วย เพราะเส้นผมและกรอบหน้า ส่งผลต่อรูปลักษณ์และบุคลิกภาพโดยตรง

ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดในการคืนกรอบหน้า และยังนับเป็นโอกาสในการออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้ได้สัดส่วนลงตัวกับใบหน้าของเราด้วยเลย ก็คือการ “ปลูกผม” นั่นเอง 

แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอิงตามความต้องการหรือความจำเป็นของคนไข้ และอาศัยหลักสัดส่วนทองคำของใบหน้า หรือ Golden Ratio เพื่อคืนความสมส่วนด้วยกรอบหน้าที่จะเสริมความคม เข้ม ปรับลุคให้ดูดีขึ้น ดูสมาร์ทขึ้นได้ พร้อมทั้งได้แนวไรผมที่แลดูเป็นธรรมชาติ 


ทั้งนี้ แพทย์จะกำหนดพื้นที่ปลูกผมใหม่ และคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยที่ต้องใช้ในการปลูกให้เหมาะสมคุ้มค่า เนื่องจากผมต้นทุนของแต่ละคนมีอยู่เพียงจำกัด เมื่อย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาด ความหนาบาง และจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ที่พอดี 

และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันเป็นพิเศษ เนื่องจากแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ประกอบไปด้วยผมเส้นอ่อนด้านนอกสุด ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ระดับลึกเข้ามากลายเป็นผมเส้นใหญ่และหน้าขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงต้องคัดเลือกลักษณะของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ให้เรียงตัวกันเป็นระเบียบ เนียนตา ได้ความหนาแน่นที่พอดี พร้อมได้ทิศทางและองศาของเส้นผมที่แลดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพราะแนวกรอบหน้าก็ไม่ต่างจากด่านแรกของเส้นผมที่จะดึงดูดสายตาผู้คนเมื่อมองเห็น

ระยะที่ 3 ผมเริ่มบางจากกลางศีรษะ

นอกจากเส้นผมจะถอยร่นเว้าลึกเข้ามาบริเวณหน้าผากแล้ว ในกรณีนี้ เส้นผมอาจจะเริ่มหลุดร่วงและเห็นความบางที่ชัดเจนโดยเริ่มจากบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งก็เป็นจุดที่ผู้คนทั่วไปมองเห็นได้ง่ายเช่นกัน


หากใครสังเกตตัวเองว่ามีภาวะผมถอยร่อนอยู่ในระยะนี้ โดยที่ไม่มีอาการผมบางด้านหน้าหรือ M Shape ร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วย โปรแกรม PHB ซึ่งจะตรงเข้าฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์รากผม ช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ลดโอกาสการหลุดร่วง พร้อมทั้งกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้น จึงทำทำให้ผมแลดูดกดำขึ้น หนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ วิธีการก็สะดวกสบายและปลอดภัย เพียงฉีดเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วงและผมบาง และสามารถเข้ามารับการฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะผมถอยร่นยังมีระยะที่ 4 ด้วย ซึ่งเป็นระยะที่พ้นไปจากลักษณะอาการข้างต้น ทั้งอาการผมด้านหน้าหยุดยาว อาการผมร่นลึกเป็นรูป M Shape และอาการผมบางกลางศีรษะ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้ดูแลรักษา ก็จะเข้าสู่ระยะที่ปัญหาผมยิ่งขยายพื้นที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมด้านหน้าและกลางศีรษะอาจบางลงจนเชื่อมต่อถึงกันเป็นพื้นที่ใหญ่ และเข้าสู่ภาวะผมล้าน ที่อาจจะสายเกินการฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาในที่สุด 

ในกรณีนี้ การแก้ปัญหาจะอาศัยวิธีการที่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรีบเข้ามารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่สามารถการันตีได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ผมที่กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม เนื่องจากข้อจำกัดด้านผมต้นทุนที่มักจะอ่อนแอและเหลือน้อยลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม แพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และอาจแนะนำให้ปลูกผมร่วมกับการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เพื่อช่วยเสริมให้ผมกลับมาได้มากที่สุดบนข้อจำกัดของคนไข้แต่ละคนเอง


และเนื่องจากปัญหาผมของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากสังเกตพบภาวะถอยร่นของเส้นผม ในระยะใดระยะหนึ่ง ก็ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อร่วมกันวางแผนและออกแบบแนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญ ยิ่งสังเกตพบเร็ว ตัดสินใจเข้ามาพบแพทย์เร็ว ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษาอย่างแน่นอน




3 ระยะ “ผมถอยร่น” ที่ควรรักษาก่อนสาย
ขณะที่กำลังส่องกระจกในทุก ๆ วัน คุณผู้ชายเคยสังเกตผมของตัวเองหรือไม่ ว่ามี ความเปลี่ยนแปลง อย่างไรเกิดขึ้นบ้าง ทราบหรือไม่ว่า สัญญาณเล็ก ๆ ที่เราสังเกตเห็น อาจจะช่วยให้ตัวเราในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนนำไปสู่ภาวะผมล้านที่รุนแรงเกินจะรักษาหรือแก้ไขก็เป็นได้

นั่นก็เพราะอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนหลายคนไม่ทันสังเกตเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก ๆ หรือแม้เมื่อเริ่มสังเกตเห็นแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ อย่างเช่น บางคนอาจจะคิดว่า ผมเพิ่งเริ่มถอยร่นและบางลงเพียงเล็กน้อย ไม่น่าต้องกังวลใจ บางคนลังเลว่า วัยของตัวเองเหมาะกับการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบางแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม รู้สึกว่าตัวเองยังอายุน้อยเกินไปที่จะเริ่มรักษา ส่วนผู้ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็รู้สึกไปอีกแบบว่าตัวเองอายุมากเกินกว่าจะมาดูแลปัญหาผมในวัยนี้แล้ว ขณะที่อีกหลาย ๆ คนก็เลือกปล่อยปัญหาผมถอยร่นทิ้งไว้ เพราะไม่มีเวลาดูแล เพราะกังวลและไม่มั่นใจในวิธีการรักษา หรือเพราะมองไม่เห็นภาพว่า ปัญหาผมในวันนี้อาจจะรุนแรงขึ้นจนยากที่จะเยียวยาฟื้นฟูในวันข้างหน้า

ดังนั้น นามนินจึงขอชวนคุณผู้ชายมาสังเกตภาวะผมถอยร่นของตนเอง รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลปัญหาผม ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระยะ หรือลักษณะอาการ แม้ผมถอยร่นในระยะแรกที่อาจจะมองเห็นได้ยาก เราก็มีจุดสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณผู้ชายนำมาใช้เป็นแนวทางได้อย่างแน่นอน มาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ผมของเราอยู่ในภาวะผมถอยร่นระยะที่น่าเป็นห่วงมากน้อยแค่ไหน


ระยะที่ 1 ผมหยุดยาว สัญญาณแรกของผมถอยร่น

สำหรับคุณผู้ชายที่เริ่มมีภาวะผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุของกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมในผู้ชายทั่วโลก จุดสังเกตก็คือผมด้านหน้า โดยทั่วไปแล้ว ผมทั่วศีรษะจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากสังเกตเห็นว่า ผมด้านหน้าไม่ยาวเพิ่มเลย ในขณะที่ผมในบริเวณอื่น ๆ ยังคงยาวต่อเนื่องเป็นปกติ  ก็เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณแรกสุดของภาวะผมถอยร่นแล้ว 



ในระยะนี้ แม้ว่าผมจะยังไม่เริ่มร่วงเลยก็ตาม แต่นามนินก็ขอแนะนำให้คุณผู้ชายเริ่มเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้เลยโดยไม่ต้องรีรอ เพื่อไม่ให้ปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น โดยวิธีการรักษาพื้นฐานเบื้องต้น อาจจะอยู่ในรูปแบบของการรับประทานยาหรือวิตามิน รวมไปถึงการทาเซรั่มบำรุงผม

หากใครสังเกตพบสัญญาณผมถอยร่นของตัวเองได้ตั้งแต่ในระยะนี้ นับว่าโชคดีมาก ๆ และมีโอกาสสูงที่จะสามารถหยุดภาวะผมถอยร่น ไม่ให้ผมเริ่มร่วง บาง และขยายพื้นที่ไปยังส่วนอื่น ๆ ของศีรษะได้


ระยะที่ 2 ผมถอยร่น จนกลายเป็น M shape 

หลังจากผมด้านหน้าเริ่มหยุดยาว หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ระยะต่อไปคงจะเป็นภาพที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย นั่นก็คืออาการที่ผมร่วง จนผมถอยร่น เว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างบริเวณหน้าผาก กลายเป็นรูปตัว M 

หากเข้าสู่ระยะนี้ เท่ากับแนวไรผมที่เคยทำหน้าที่เป็น “กรอบหน้า” จะหายไป ผลที่ตามมาก็คือรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน หน้าผากสูงและกว้าง ชวนให้ดูสูงวัยกว่าอายุจริง เมื่อภาวะผมถอยร่นเข้าสู่ระยะนี้ เจ้าของเส้นผมไม่เพียงสูญเสียเส้นผมที่ร่วงหลุดไป แต่ยังสูญเสียความมั่นใจเวลาต้องออกไปพบปะผู้คนภายนอกด้วย เพราะเส้นผมและกรอบหน้า ส่งผลต่อรูปลักษณ์และบุคลิกภาพโดยตรง

ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดในการคืนกรอบหน้า และยังนับเป็นโอกาสในการออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้ได้สัดส่วนลงตัวกับใบหน้าของเราด้วยเลย ก็คือการ “ปลูกผม” นั่นเอง 

แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอิงตามความต้องการหรือความจำเป็นของคนไข้ และอาศัยหลักสัดส่วนทองคำของใบหน้า หรือ Golden Ratio เพื่อคืนความสมส่วนด้วยกรอบหน้าที่จะเสริมความคม เข้ม ปรับลุคให้ดูดีขึ้น ดูสมาร์ทขึ้นได้ พร้อมทั้งได้แนวไรผมที่แลดูเป็นธรรมชาติ 


ทั้งนี้ แพทย์จะกำหนดพื้นที่ปลูกผมใหม่ และคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยที่ต้องใช้ในการปลูกให้เหมาะสมคุ้มค่า เนื่องจากผมต้นทุนของแต่ละคนมีอยู่เพียงจำกัด เมื่อย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาด ความหนาบาง และจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ที่พอดี 

และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันเป็นพิเศษ เนื่องจากแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ประกอบไปด้วยผมเส้นอ่อนด้านนอกสุด ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ระดับลึกเข้ามากลายเป็นผมเส้นใหญ่และหน้าขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงต้องคัดเลือกลักษณะของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ให้เรียงตัวกันเป็นระเบียบ เนียนตา ได้ความหนาแน่นที่พอดี พร้อมได้ทิศทางและองศาของเส้นผมที่แลดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพราะแนวกรอบหน้าก็ไม่ต่างจากด่านแรกของเส้นผมที่จะดึงดูดสายตาผู้คนเมื่อมองเห็น

ระยะที่ 3 ผมเริ่มบางจากกลางศีรษะ

นอกจากเส้นผมจะถอยร่นเว้าลึกเข้ามาบริเวณหน้าผากแล้ว ในกรณีนี้ เส้นผมอาจจะเริ่มหลุดร่วงและเห็นความบางที่ชัดเจนโดยเริ่มจากบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งก็เป็นจุดที่ผู้คนทั่วไปมองเห็นได้ง่ายเช่นกัน


หากใครสังเกตตัวเองว่ามีภาวะผมถอยร่อนอยู่ในระยะนี้ โดยที่ไม่มีอาการผมบางด้านหน้าหรือ M Shape ร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วย โปรแกรม PHB ซึ่งจะตรงเข้าฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์รากผม ช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ลดโอกาสการหลุดร่วง พร้อมทั้งกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้น จึงทำทำให้ผมแลดูดกดำขึ้น หนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ วิธีการก็สะดวกสบายและปลอดภัย เพียงฉีดเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วงและผมบาง และสามารถเข้ามารับการฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะผมถอยร่นยังมีระยะที่ 4 ด้วย ซึ่งเป็นระยะที่พ้นไปจากลักษณะอาการข้างต้น ทั้งอาการผมด้านหน้าหยุดยาว อาการผมร่นลึกเป็นรูป M Shape และอาการผมบางกลางศีรษะ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้ดูแลรักษา ก็จะเข้าสู่ระยะที่ปัญหาผมยิ่งขยายพื้นที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมด้านหน้าและกลางศีรษะอาจบางลงจนเชื่อมต่อถึงกันเป็นพื้นที่ใหญ่ และเข้าสู่ภาวะผมล้าน ที่อาจจะสายเกินการฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาในที่สุด 

ในกรณีนี้ การแก้ปัญหาจะอาศัยวิธีการที่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรีบเข้ามารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่สามารถการันตีได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ผมที่กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม เนื่องจากข้อจำกัดด้านผมต้นทุนที่มักจะอ่อนแอและเหลือน้อยลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม แพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และอาจแนะนำให้ปลูกผมร่วมกับการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เพื่อช่วยเสริมให้ผมกลับมาได้มากที่สุดบนข้อจำกัดของคนไข้แต่ละคนเอง


และเนื่องจากปัญหาผมของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากสังเกตพบภาวะถอยร่นของเส้นผม ในระยะใดระยะหนึ่ง ก็ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อร่วมกันวางแผนและออกแบบแนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญ ยิ่งสังเกตพบเร็ว ตัดสินใจเข้ามาพบแพทย์เร็ว ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษาอย่างแน่นอน




3 ระยะ “ผมถอยร่น” ที่ควรรักษาก่อนสาย
ขณะที่กำลังส่องกระจกในทุก ๆ วัน คุณผู้ชายเคยสังเกตผมของตัวเองหรือไม่ ว่ามี ความเปลี่ยนแปลง อย่างไรเกิดขึ้นบ้าง ทราบหรือไม่ว่า สัญญาณเล็ก ๆ ที่เราสังเกตเห็น อาจจะช่วยให้ตัวเราในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนนำไปสู่ภาวะผมล้านที่รุนแรงเกินจะรักษาหรือแก้ไขก็เป็นได้

นั่นก็เพราะอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนหลายคนไม่ทันสังเกตเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก ๆ หรือแม้เมื่อเริ่มสังเกตเห็นแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ อย่างเช่น บางคนอาจจะคิดว่า ผมเพิ่งเริ่มถอยร่นและบางลงเพียงเล็กน้อย ไม่น่าต้องกังวลใจ บางคนลังเลว่า วัยของตัวเองเหมาะกับการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบางแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม รู้สึกว่าตัวเองยังอายุน้อยเกินไปที่จะเริ่มรักษา ส่วนผู้ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็รู้สึกไปอีกแบบว่าตัวเองอายุมากเกินกว่าจะมาดูแลปัญหาผมในวัยนี้แล้ว ขณะที่อีกหลาย ๆ คนก็เลือกปล่อยปัญหาผมถอยร่นทิ้งไว้ เพราะไม่มีเวลาดูแล เพราะกังวลและไม่มั่นใจในวิธีการรักษา หรือเพราะมองไม่เห็นภาพว่า ปัญหาผมในวันนี้อาจจะรุนแรงขึ้นจนยากที่จะเยียวยาฟื้นฟูในวันข้างหน้า

ดังนั้น นามนินจึงขอชวนคุณผู้ชายมาสังเกตภาวะผมถอยร่นของตนเอง รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลปัญหาผม ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระยะ หรือลักษณะอาการ แม้ผมถอยร่นในระยะแรกที่อาจจะมองเห็นได้ยาก เราก็มีจุดสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณผู้ชายนำมาใช้เป็นแนวทางได้อย่างแน่นอน มาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ผมของเราอยู่ในภาวะผมถอยร่นระยะที่น่าเป็นห่วงมากน้อยแค่ไหน


ระยะที่ 1 ผมหยุดยาว สัญญาณแรกของผมถอยร่น

สำหรับคุณผู้ชายที่เริ่มมีภาวะผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุของกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมในผู้ชายทั่วโลก จุดสังเกตก็คือผมด้านหน้า โดยทั่วไปแล้ว ผมทั่วศีรษะจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากสังเกตเห็นว่า ผมด้านหน้าไม่ยาวเพิ่มเลย ในขณะที่ผมในบริเวณอื่น ๆ ยังคงยาวต่อเนื่องเป็นปกติ  ก็เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณแรกสุดของภาวะผมถอยร่นแล้ว 



ในระยะนี้ แม้ว่าผมจะยังไม่เริ่มร่วงเลยก็ตาม แต่นามนินก็ขอแนะนำให้คุณผู้ชายเริ่มเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้เลยโดยไม่ต้องรีรอ เพื่อไม่ให้ปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น โดยวิธีการรักษาพื้นฐานเบื้องต้น อาจจะอยู่ในรูปแบบของการรับประทานยาหรือวิตามิน รวมไปถึงการทาเซรั่มบำรุงผม

หากใครสังเกตพบสัญญาณผมถอยร่นของตัวเองได้ตั้งแต่ในระยะนี้ นับว่าโชคดีมาก ๆ และมีโอกาสสูงที่จะสามารถหยุดภาวะผมถอยร่น ไม่ให้ผมเริ่มร่วง บาง และขยายพื้นที่ไปยังส่วนอื่น ๆ ของศีรษะได้


ระยะที่ 2 ผมถอยร่น จนกลายเป็น M shape 

หลังจากผมด้านหน้าเริ่มหยุดยาว หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ระยะต่อไปคงจะเป็นภาพที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย นั่นก็คืออาการที่ผมร่วง จนผมถอยร่น เว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างบริเวณหน้าผาก กลายเป็นรูปตัว M 

หากเข้าสู่ระยะนี้ เท่ากับแนวไรผมที่เคยทำหน้าที่เป็น “กรอบหน้า” จะหายไป ผลที่ตามมาก็คือรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน หน้าผากสูงและกว้าง ชวนให้ดูสูงวัยกว่าอายุจริง เมื่อภาวะผมถอยร่นเข้าสู่ระยะนี้ เจ้าของเส้นผมไม่เพียงสูญเสียเส้นผมที่ร่วงหลุดไป แต่ยังสูญเสียความมั่นใจเวลาต้องออกไปพบปะผู้คนภายนอกด้วย เพราะเส้นผมและกรอบหน้า ส่งผลต่อรูปลักษณ์และบุคลิกภาพโดยตรง

ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดในการคืนกรอบหน้า และยังนับเป็นโอกาสในการออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้ได้สัดส่วนลงตัวกับใบหน้าของเราด้วยเลย ก็คือการ “ปลูกผม” นั่นเอง 

แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอิงตามความต้องการหรือความจำเป็นของคนไข้ และอาศัยหลักสัดส่วนทองคำของใบหน้า หรือ Golden Ratio เพื่อคืนความสมส่วนด้วยกรอบหน้าที่จะเสริมความคม เข้ม ปรับลุคให้ดูดีขึ้น ดูสมาร์ทขึ้นได้ พร้อมทั้งได้แนวไรผมที่แลดูเป็นธรรมชาติ 


ทั้งนี้ แพทย์จะกำหนดพื้นที่ปลูกผมใหม่ และคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยที่ต้องใช้ในการปลูกให้เหมาะสมคุ้มค่า เนื่องจากผมต้นทุนของแต่ละคนมีอยู่เพียงจำกัด เมื่อย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาด ความหนาบาง และจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ที่พอดี 

และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันเป็นพิเศษ เนื่องจากแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ประกอบไปด้วยผมเส้นอ่อนด้านนอกสุด ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ระดับลึกเข้ามากลายเป็นผมเส้นใหญ่และหน้าขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงต้องคัดเลือกลักษณะของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ให้เรียงตัวกันเป็นระเบียบ เนียนตา ได้ความหนาแน่นที่พอดี พร้อมได้ทิศทางและองศาของเส้นผมที่แลดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพราะแนวกรอบหน้าก็ไม่ต่างจากด่านแรกของเส้นผมที่จะดึงดูดสายตาผู้คนเมื่อมองเห็น

ระยะที่ 3 ผมเริ่มบางจากกลางศีรษะ

นอกจากเส้นผมจะถอยร่นเว้าลึกเข้ามาบริเวณหน้าผากแล้ว ในกรณีนี้ เส้นผมอาจจะเริ่มหลุดร่วงและเห็นความบางที่ชัดเจนโดยเริ่มจากบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งก็เป็นจุดที่ผู้คนทั่วไปมองเห็นได้ง่ายเช่นกัน


หากใครสังเกตตัวเองว่ามีภาวะผมถอยร่อนอยู่ในระยะนี้ โดยที่ไม่มีอาการผมบางด้านหน้าหรือ M Shape ร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วย โปรแกรม PHB ซึ่งจะตรงเข้าฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์รากผม ช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ลดโอกาสการหลุดร่วง พร้อมทั้งกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้น จึงทำทำให้ผมแลดูดกดำขึ้น หนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ วิธีการก็สะดวกสบายและปลอดภัย เพียงฉีดเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วงและผมบาง และสามารถเข้ามารับการฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะผมถอยร่นยังมีระยะที่ 4 ด้วย ซึ่งเป็นระยะที่พ้นไปจากลักษณะอาการข้างต้น ทั้งอาการผมด้านหน้าหยุดยาว อาการผมร่นลึกเป็นรูป M Shape และอาการผมบางกลางศีรษะ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้ดูแลรักษา ก็จะเข้าสู่ระยะที่ปัญหาผมยิ่งขยายพื้นที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมด้านหน้าและกลางศีรษะอาจบางลงจนเชื่อมต่อถึงกันเป็นพื้นที่ใหญ่ และเข้าสู่ภาวะผมล้าน ที่อาจจะสายเกินการฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาในที่สุด 

ในกรณีนี้ การแก้ปัญหาจะอาศัยวิธีการที่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรีบเข้ามารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่สามารถการันตีได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ผมที่กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม เนื่องจากข้อจำกัดด้านผมต้นทุนที่มักจะอ่อนแอและเหลือน้อยลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม แพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และอาจแนะนำให้ปลูกผมร่วมกับการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เพื่อช่วยเสริมให้ผมกลับมาได้มากที่สุดบนข้อจำกัดของคนไข้แต่ละคนเอง


และเนื่องจากปัญหาผมของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากสังเกตพบภาวะถอยร่นของเส้นผม ในระยะใดระยะหนึ่ง ก็ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อร่วมกันวางแผนและออกแบบแนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญ ยิ่งสังเกตพบเร็ว ตัดสินใจเข้ามาพบแพทย์เร็ว ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษาอย่างแน่นอน




3 ระยะ “ผมถอยร่น” ที่ควรรักษาก่อนสาย
ขณะที่กำลังส่องกระจกในทุก ๆ วัน คุณผู้ชายเคยสังเกตผมของตัวเองหรือไม่ ว่ามี ความเปลี่ยนแปลง อย่างไรเกิดขึ้นบ้าง ทราบหรือไม่ว่า สัญญาณเล็ก ๆ ที่เราสังเกตเห็น อาจจะช่วยให้ตัวเราในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนนำไปสู่ภาวะผมล้านที่รุนแรงเกินจะรักษาหรือแก้ไขก็เป็นได้

นั่นก็เพราะอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนหลายคนไม่ทันสังเกตเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก ๆ หรือแม้เมื่อเริ่มสังเกตเห็นแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ อย่างเช่น บางคนอาจจะคิดว่า ผมเพิ่งเริ่มถอยร่นและบางลงเพียงเล็กน้อย ไม่น่าต้องกังวลใจ บางคนลังเลว่า วัยของตัวเองเหมาะกับการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบางแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม รู้สึกว่าตัวเองยังอายุน้อยเกินไปที่จะเริ่มรักษา ส่วนผู้ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็รู้สึกไปอีกแบบว่าตัวเองอายุมากเกินกว่าจะมาดูแลปัญหาผมในวัยนี้แล้ว ขณะที่อีกหลาย ๆ คนก็เลือกปล่อยปัญหาผมถอยร่นทิ้งไว้ เพราะไม่มีเวลาดูแล เพราะกังวลและไม่มั่นใจในวิธีการรักษา หรือเพราะมองไม่เห็นภาพว่า ปัญหาผมในวันนี้อาจจะรุนแรงขึ้นจนยากที่จะเยียวยาฟื้นฟูในวันข้างหน้า

ดังนั้น นามนินจึงขอชวนคุณผู้ชายมาสังเกตภาวะผมถอยร่นของตนเอง รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลปัญหาผม ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระยะ หรือลักษณะอาการ แม้ผมถอยร่นในระยะแรกที่อาจจะมองเห็นได้ยาก เราก็มีจุดสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณผู้ชายนำมาใช้เป็นแนวทางได้อย่างแน่นอน มาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ผมของเราอยู่ในภาวะผมถอยร่นระยะที่น่าเป็นห่วงมากน้อยแค่ไหน


ระยะที่ 1 ผมหยุดยาว สัญญาณแรกของผมถอยร่น

สำหรับคุณผู้ชายที่เริ่มมีภาวะผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุของกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมในผู้ชายทั่วโลก จุดสังเกตก็คือผมด้านหน้า โดยทั่วไปแล้ว ผมทั่วศีรษะจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากสังเกตเห็นว่า ผมด้านหน้าไม่ยาวเพิ่มเลย ในขณะที่ผมในบริเวณอื่น ๆ ยังคงยาวต่อเนื่องเป็นปกติ  ก็เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณแรกสุดของภาวะผมถอยร่นแล้ว 



ในระยะนี้ แม้ว่าผมจะยังไม่เริ่มร่วงเลยก็ตาม แต่นามนินก็ขอแนะนำให้คุณผู้ชายเริ่มเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้เลยโดยไม่ต้องรีรอ เพื่อไม่ให้ปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น โดยวิธีการรักษาพื้นฐานเบื้องต้น อาจจะอยู่ในรูปแบบของการรับประทานยาหรือวิตามิน รวมไปถึงการทาเซรั่มบำรุงผม

หากใครสังเกตพบสัญญาณผมถอยร่นของตัวเองได้ตั้งแต่ในระยะนี้ นับว่าโชคดีมาก ๆ และมีโอกาสสูงที่จะสามารถหยุดภาวะผมถอยร่น ไม่ให้ผมเริ่มร่วง บาง และขยายพื้นที่ไปยังส่วนอื่น ๆ ของศีรษะได้


ระยะที่ 2 ผมถอยร่น จนกลายเป็น M shape 

หลังจากผมด้านหน้าเริ่มหยุดยาว หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ระยะต่อไปคงจะเป็นภาพที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย นั่นก็คืออาการที่ผมร่วง จนผมถอยร่น เว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างบริเวณหน้าผาก กลายเป็นรูปตัว M 

หากเข้าสู่ระยะนี้ เท่ากับแนวไรผมที่เคยทำหน้าที่เป็น “กรอบหน้า” จะหายไป ผลที่ตามมาก็คือรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน หน้าผากสูงและกว้าง ชวนให้ดูสูงวัยกว่าอายุจริง เมื่อภาวะผมถอยร่นเข้าสู่ระยะนี้ เจ้าของเส้นผมไม่เพียงสูญเสียเส้นผมที่ร่วงหลุดไป แต่ยังสูญเสียความมั่นใจเวลาต้องออกไปพบปะผู้คนภายนอกด้วย เพราะเส้นผมและกรอบหน้า ส่งผลต่อรูปลักษณ์และบุคลิกภาพโดยตรง

ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดในการคืนกรอบหน้า และยังนับเป็นโอกาสในการออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้ได้สัดส่วนลงตัวกับใบหน้าของเราด้วยเลย ก็คือการ “ปลูกผม” นั่นเอง 

แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอิงตามความต้องการหรือความจำเป็นของคนไข้ และอาศัยหลักสัดส่วนทองคำของใบหน้า หรือ Golden Ratio เพื่อคืนความสมส่วนด้วยกรอบหน้าที่จะเสริมความคม เข้ม ปรับลุคให้ดูดีขึ้น ดูสมาร์ทขึ้นได้ พร้อมทั้งได้แนวไรผมที่แลดูเป็นธรรมชาติ 


ทั้งนี้ แพทย์จะกำหนดพื้นที่ปลูกผมใหม่ และคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยที่ต้องใช้ในการปลูกให้เหมาะสมคุ้มค่า เนื่องจากผมต้นทุนของแต่ละคนมีอยู่เพียงจำกัด เมื่อย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาด ความหนาบาง และจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ที่พอดี 

และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันเป็นพิเศษ เนื่องจากแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ประกอบไปด้วยผมเส้นอ่อนด้านนอกสุด ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ระดับลึกเข้ามากลายเป็นผมเส้นใหญ่และหน้าขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงต้องคัดเลือกลักษณะของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ให้เรียงตัวกันเป็นระเบียบ เนียนตา ได้ความหนาแน่นที่พอดี พร้อมได้ทิศทางและองศาของเส้นผมที่แลดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพราะแนวกรอบหน้าก็ไม่ต่างจากด่านแรกของเส้นผมที่จะดึงดูดสายตาผู้คนเมื่อมองเห็น

ระยะที่ 3 ผมเริ่มบางจากกลางศีรษะ

นอกจากเส้นผมจะถอยร่นเว้าลึกเข้ามาบริเวณหน้าผากแล้ว ในกรณีนี้ เส้นผมอาจจะเริ่มหลุดร่วงและเห็นความบางที่ชัดเจนโดยเริ่มจากบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งก็เป็นจุดที่ผู้คนทั่วไปมองเห็นได้ง่ายเช่นกัน


หากใครสังเกตตัวเองว่ามีภาวะผมถอยร่อนอยู่ในระยะนี้ โดยที่ไม่มีอาการผมบางด้านหน้าหรือ M Shape ร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วย โปรแกรม PHB ซึ่งจะตรงเข้าฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์รากผม ช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ลดโอกาสการหลุดร่วง พร้อมทั้งกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้น จึงทำทำให้ผมแลดูดกดำขึ้น หนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ วิธีการก็สะดวกสบายและปลอดภัย เพียงฉีดเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วงและผมบาง และสามารถเข้ามารับการฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะผมถอยร่นยังมีระยะที่ 4 ด้วย ซึ่งเป็นระยะที่พ้นไปจากลักษณะอาการข้างต้น ทั้งอาการผมด้านหน้าหยุดยาว อาการผมร่นลึกเป็นรูป M Shape และอาการผมบางกลางศีรษะ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้ดูแลรักษา ก็จะเข้าสู่ระยะที่ปัญหาผมยิ่งขยายพื้นที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมด้านหน้าและกลางศีรษะอาจบางลงจนเชื่อมต่อถึงกันเป็นพื้นที่ใหญ่ และเข้าสู่ภาวะผมล้าน ที่อาจจะสายเกินการฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาในที่สุด 

ในกรณีนี้ การแก้ปัญหาจะอาศัยวิธีการที่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรีบเข้ามารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่สามารถการันตีได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ผมที่กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม เนื่องจากข้อจำกัดด้านผมต้นทุนที่มักจะอ่อนแอและเหลือน้อยลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม แพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และอาจแนะนำให้ปลูกผมร่วมกับการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เพื่อช่วยเสริมให้ผมกลับมาได้มากที่สุดบนข้อจำกัดของคนไข้แต่ละคนเอง


และเนื่องจากปัญหาผมของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากสังเกตพบภาวะถอยร่นของเส้นผม ในระยะใดระยะหนึ่ง ก็ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อร่วมกันวางแผนและออกแบบแนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญ ยิ่งสังเกตพบเร็ว ตัดสินใจเข้ามาพบแพทย์เร็ว ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษาอย่างแน่นอน




3 ระยะ “ผมถอยร่น” ที่ควรรักษาก่อนสาย
ขณะที่กำลังส่องกระจกในทุก ๆ วัน คุณผู้ชายเคยสังเกตผมของตัวเองหรือไม่ ว่ามี ความเปลี่ยนแปลง อย่างไรเกิดขึ้นบ้าง ทราบหรือไม่ว่า สัญญาณเล็ก ๆ ที่เราสังเกตเห็น อาจจะช่วยให้ตัวเราในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนนำไปสู่ภาวะผมล้านที่รุนแรงเกินจะรักษาหรือแก้ไขก็เป็นได้

นั่นก็เพราะอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนหลายคนไม่ทันสังเกตเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในช่วงแรก ๆ หรือแม้เมื่อเริ่มสังเกตเห็นแล้ว ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการดูแลรักษา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ อย่างเช่น บางคนอาจจะคิดว่า ผมเพิ่งเริ่มถอยร่นและบางลงเพียงเล็กน้อย ไม่น่าต้องกังวลใจ บางคนลังเลว่า วัยของตัวเองเหมาะกับการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบางแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม รู้สึกว่าตัวเองยังอายุน้อยเกินไปที่จะเริ่มรักษา ส่วนผู้ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุสูงวัย ก็รู้สึกไปอีกแบบว่าตัวเองอายุมากเกินกว่าจะมาดูแลปัญหาผมในวัยนี้แล้ว ขณะที่อีกหลาย ๆ คนก็เลือกปล่อยปัญหาผมถอยร่นทิ้งไว้ เพราะไม่มีเวลาดูแล เพราะกังวลและไม่มั่นใจในวิธีการรักษา หรือเพราะมองไม่เห็นภาพว่า ปัญหาผมในวันนี้อาจจะรุนแรงขึ้นจนยากที่จะเยียวยาฟื้นฟูในวันข้างหน้า

ดังนั้น นามนินจึงขอชวนคุณผู้ชายมาสังเกตภาวะผมถอยร่นของตนเอง รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลปัญหาผม ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระยะ หรือลักษณะอาการ แม้ผมถอยร่นในระยะแรกที่อาจจะมองเห็นได้ยาก เราก็มีจุดสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณผู้ชายนำมาใช้เป็นแนวทางได้อย่างแน่นอน มาดูไปพร้อม ๆ กันว่า ผมของเราอยู่ในภาวะผมถอยร่นระยะที่น่าเป็นห่วงมากน้อยแค่ไหน


ระยะที่ 1 ผมหยุดยาว สัญญาณแรกของผมถอยร่น

สำหรับคุณผู้ชายที่เริ่มมีภาวะผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุของกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมในผู้ชายทั่วโลก จุดสังเกตก็คือผมด้านหน้า โดยทั่วไปแล้ว ผมทั่วศีรษะจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าหากสังเกตเห็นว่า ผมด้านหน้าไม่ยาวเพิ่มเลย ในขณะที่ผมในบริเวณอื่น ๆ ยังคงยาวต่อเนื่องเป็นปกติ  ก็เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณแรกสุดของภาวะผมถอยร่นแล้ว 



ในระยะนี้ แม้ว่าผมจะยังไม่เริ่มร่วงเลยก็ตาม แต่นามนินก็ขอแนะนำให้คุณผู้ชายเริ่มเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้เลยโดยไม่ต้องรีรอ เพื่อไม่ให้ปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น โดยวิธีการรักษาพื้นฐานเบื้องต้น อาจจะอยู่ในรูปแบบของการรับประทานยาหรือวิตามิน รวมไปถึงการทาเซรั่มบำรุงผม

หากใครสังเกตพบสัญญาณผมถอยร่นของตัวเองได้ตั้งแต่ในระยะนี้ นับว่าโชคดีมาก ๆ และมีโอกาสสูงที่จะสามารถหยุดภาวะผมถอยร่น ไม่ให้ผมเริ่มร่วง บาง และขยายพื้นที่ไปยังส่วนอื่น ๆ ของศีรษะได้


ระยะที่ 2 ผมถอยร่น จนกลายเป็น M shape 

หลังจากผมด้านหน้าเริ่มหยุดยาว หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ระยะต่อไปคงจะเป็นภาพที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย นั่นก็คืออาการที่ผมร่วง จนผมถอยร่น เว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างบริเวณหน้าผาก กลายเป็นรูปตัว M 

หากเข้าสู่ระยะนี้ เท่ากับแนวไรผมที่เคยทำหน้าที่เป็น “กรอบหน้า” จะหายไป ผลที่ตามมาก็คือรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน หน้าผากสูงและกว้าง ชวนให้ดูสูงวัยกว่าอายุจริง เมื่อภาวะผมถอยร่นเข้าสู่ระยะนี้ เจ้าของเส้นผมไม่เพียงสูญเสียเส้นผมที่ร่วงหลุดไป แต่ยังสูญเสียความมั่นใจเวลาต้องออกไปพบปะผู้คนภายนอกด้วย เพราะเส้นผมและกรอบหน้า ส่งผลต่อรูปลักษณ์และบุคลิกภาพโดยตรง

ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดในการคืนกรอบหน้า และยังนับเป็นโอกาสในการออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้ได้สัดส่วนลงตัวกับใบหน้าของเราด้วยเลย ก็คือการ “ปลูกผม” นั่นเอง 

แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอิงตามความต้องการหรือความจำเป็นของคนไข้ และอาศัยหลักสัดส่วนทองคำของใบหน้า หรือ Golden Ratio เพื่อคืนความสมส่วนด้วยกรอบหน้าที่จะเสริมความคม เข้ม ปรับลุคให้ดูดีขึ้น ดูสมาร์ทขึ้นได้ พร้อมทั้งได้แนวไรผมที่แลดูเป็นธรรมชาติ 


ทั้งนี้ แพทย์จะกำหนดพื้นที่ปลูกผมใหม่ และคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยที่ต้องใช้ในการปลูกให้เหมาะสมคุ้มค่า เนื่องจากผมต้นทุนของแต่ละคนมีอยู่เพียงจำกัด เมื่อย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ตัดแต่ง ให้ได้ขนาด ความหนาบาง และจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ที่พอดี 

และเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันเป็นพิเศษ เนื่องจากแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ประกอบไปด้วยผมเส้นอ่อนด้านนอกสุด ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ระดับลึกเข้ามากลายเป็นผมเส้นใหญ่และหน้าขึ้น ดังนั้น แพทย์จึงต้องคัดเลือกลักษณะของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ให้เรียงตัวกันเป็นระเบียบ เนียนตา ได้ความหนาแน่นที่พอดี พร้อมได้ทิศทางและองศาของเส้นผมที่แลดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพราะแนวกรอบหน้าก็ไม่ต่างจากด่านแรกของเส้นผมที่จะดึงดูดสายตาผู้คนเมื่อมองเห็น

ระยะที่ 3 ผมเริ่มบางจากกลางศีรษะ

นอกจากเส้นผมจะถอยร่นเว้าลึกเข้ามาบริเวณหน้าผากแล้ว ในกรณีนี้ เส้นผมอาจจะเริ่มหลุดร่วงและเห็นความบางที่ชัดเจนโดยเริ่มจากบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งก็เป็นจุดที่ผู้คนทั่วไปมองเห็นได้ง่ายเช่นกัน


หากใครสังเกตตัวเองว่ามีภาวะผมถอยร่อนอยู่ในระยะนี้ โดยที่ไม่มีอาการผมบางด้านหน้าหรือ M Shape ร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วย โปรแกรม PHB ซึ่งจะตรงเข้าฟื้นฟูลึกถึงระดับเซลล์รากผม ช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ลดโอกาสการหลุดร่วง พร้อมทั้งกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้น จึงทำทำให้ผมแลดูดกดำขึ้น หนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ วิธีการก็สะดวกสบายและปลอดภัย เพียงฉีดเข้าไปที่หนังศีรษะบริเวณที่ผมร่วงและผมบาง และสามารถเข้ามารับการฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะผมถอยร่นยังมีระยะที่ 4 ด้วย ซึ่งเป็นระยะที่พ้นไปจากลักษณะอาการข้างต้น ทั้งอาการผมด้านหน้าหยุดยาว อาการผมร่นลึกเป็นรูป M Shape และอาการผมบางกลางศีรษะ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้ดูแลรักษา ก็จะเข้าสู่ระยะที่ปัญหาผมยิ่งขยายพื้นที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมด้านหน้าและกลางศีรษะอาจบางลงจนเชื่อมต่อถึงกันเป็นพื้นที่ใหญ่ และเข้าสู่ภาวะผมล้าน ที่อาจจะสายเกินการฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาในที่สุด 

ในกรณีนี้ การแก้ปัญหาจะอาศัยวิธีการที่ซับซ้อน ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรีบเข้ามารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่สามารถการันตีได้ว่า จะได้ผลลัพธ์ผมที่กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม เนื่องจากข้อจำกัดด้านผมต้นทุนที่มักจะอ่อนแอและเหลือน้อยลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม แพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และอาจแนะนำให้ปลูกผมร่วมกับการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เพื่อช่วยเสริมให้ผมกลับมาได้มากที่สุดบนข้อจำกัดของคนไข้แต่ละคนเอง


และเนื่องจากปัญหาผมของคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน หากสังเกตพบภาวะถอยร่นของเส้นผม ในระยะใดระยะหนึ่ง ก็ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อร่วมกันวางแผนและออกแบบแนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญ ยิ่งสังเกตพบเร็ว ตัดสินใจเข้ามาพบแพทย์เร็ว ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการรักษาอย่างแน่นอน




เคลียร์ข้อสงสัย “เจ็บมั้ย” ตอนปลูกผม
ปลูกผมเจ็บมั้ย? เป็นคำถามที่ทำให้หลาย ๆ คนลังเลและหวั่นใจ จนไม่กล้าเข้ามาปลูกผม นามนินจึงขอแชร์ประสบการณ์จริงฉบับใต้เตียงปลูกผมของคนไข้ ส่งตรงจากข้างในห้องทำหัตถการ มาบอกเล่าให้ฟัง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัย จบทุกความกังวลใจ และเปลี่ยนภาพจำใหม่ของการปลูกผม ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ในเมื่อถามตรง ๆ ก็ขอตอบตรง ๆ เลยว่า ระหว่างการปลูกผม จะปฏิเสธว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่ได้ แต่ขั้นตอนเดียวที่คนไข้อาจจะรู้สึกถึงความเจ็บ ก็คือการฉีดยาชา ซึ่งมีระดับความเจ็บเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคนว่าอดทนต่อความเจ็บได้มากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนว่าเป็นความเจ็บในระดับที่รับได้ ไม่ต่างจากการทำฟัน การฉีดโบทอกซ์ หรือการทำศัลยกรรมความงามอื่น ๆ 

สำหรับการฉีดยาชาในขั้นตอนการปลูกผมนั้น จะฉีดทั้งหมด 2 ครั้ง

  • ครั้งที่ 1 ฉีดบริเวณท้ายทอย ก่อนเจาะย้ายกราฟต์ผมออก
  • ครั้งที่ 2 ฉีดบริเวณพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมปลูกลงไปที่หนังศีรษะ

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก หรือการปักกราฟต์ผมใหม่ จะอยู่ในช่วงที่ยาชาออกฤทธิ์ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังมีทักษะ ประสบการณ์ และเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บของคนไข้ได้เป็นอย่างดี และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคนไข้จึงสามารถวางใจได้ว่า ขั้นตอนการฉีดยาชาจะรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด
  • แพทย์คำนวณปริมาณยาชาและเลือกจุดฉีดยาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ในบริเวณที่ถูกต้อง อีกทั้งป้องกันการใช้ยาชาเกินขนาด ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ หลังปลูกผม
  • ตลอดกระบวนการปลูกผม แพทย์จะคอยอธิบายและให้คำแนะนำ เพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ
  • แพทย์ผู้ชำนาญ เป็นผู้ลงมือฉีดยาชาให้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับการปลูกผมใหม่ในระดับเส้นต่อเส้น ซึ่งคนไข้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แพทย์ฉีดยาชาได้อย่างเบามือมาก ๆ 





นั่นจึงทำให้ความเจ็บช่วงฉีดยาชากลายเป็นเรื่องที่รับมือได้สบาย ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ใครที่กำลังกังวลใจ ก็หวังว่าจะลบภาพความน่ากลัวแบบผิด ๆ ออก และเปิดใจให้กับเทคนิคการปลูกผมยุคใหม่ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ซึ่งเมื่อบวกกับทักษะและความใส่ใจของแพทย์ ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่เพียงผมใหม่ที่หนาแน่น ดกดำ สุขภาพแข็งแรงจากภายใน แต่ยังเป็นประสบการณ์สุดประทับใจจากการปลูกผม ที่นามนินมอบให้คนพิเศษเช่นคุณเท่านั้น



เคลียร์ข้อสงสัย “เจ็บมั้ย” ตอนปลูกผม
ปลูกผมเจ็บมั้ย? เป็นคำถามที่ทำให้หลาย ๆ คนลังเลและหวั่นใจ จนไม่กล้าเข้ามาปลูกผม นามนินจึงขอแชร์ประสบการณ์จริงฉบับใต้เตียงปลูกผมของคนไข้ ส่งตรงจากข้างในห้องทำหัตถการ มาบอกเล่าให้ฟัง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัย จบทุกความกังวลใจ และเปลี่ยนภาพจำใหม่ของการปลูกผม ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ในเมื่อถามตรง ๆ ก็ขอตอบตรง ๆ เลยว่า ระหว่างการปลูกผม จะปฏิเสธว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่ได้ แต่ขั้นตอนเดียวที่คนไข้อาจจะรู้สึกถึงความเจ็บ ก็คือการฉีดยาชา ซึ่งมีระดับความเจ็บเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคนว่าอดทนต่อความเจ็บได้มากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนว่าเป็นความเจ็บในระดับที่รับได้ ไม่ต่างจากการทำฟัน การฉีดโบทอกซ์ หรือการทำศัลยกรรมความงามอื่น ๆ 

สำหรับการฉีดยาชาในขั้นตอนการปลูกผมนั้น จะฉีดทั้งหมด 2 ครั้ง

  • ครั้งที่ 1 ฉีดบริเวณท้ายทอย ก่อนเจาะย้ายกราฟต์ผมออก
  • ครั้งที่ 2 ฉีดบริเวณพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมปลูกลงไปที่หนังศีรษะ

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก หรือการปักกราฟต์ผมใหม่ จะอยู่ในช่วงที่ยาชาออกฤทธิ์ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังมีทักษะ ประสบการณ์ และเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บของคนไข้ได้เป็นอย่างดี และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคนไข้จึงสามารถวางใจได้ว่า ขั้นตอนการฉีดยาชาจะรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด
  • แพทย์คำนวณปริมาณยาชาและเลือกจุดฉีดยาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ในบริเวณที่ถูกต้อง อีกทั้งป้องกันการใช้ยาชาเกินขนาด ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ หลังปลูกผม
  • ตลอดกระบวนการปลูกผม แพทย์จะคอยอธิบายและให้คำแนะนำ เพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ
  • แพทย์ผู้ชำนาญ เป็นผู้ลงมือฉีดยาชาให้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับการปลูกผมใหม่ในระดับเส้นต่อเส้น ซึ่งคนไข้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แพทย์ฉีดยาชาได้อย่างเบามือมาก ๆ 





นั่นจึงทำให้ความเจ็บช่วงฉีดยาชากลายเป็นเรื่องที่รับมือได้สบาย ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ใครที่กำลังกังวลใจ ก็หวังว่าจะลบภาพความน่ากลัวแบบผิด ๆ ออก และเปิดใจให้กับเทคนิคการปลูกผมยุคใหม่ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ซึ่งเมื่อบวกกับทักษะและความใส่ใจของแพทย์ ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่เพียงผมใหม่ที่หนาแน่น ดกดำ สุขภาพแข็งแรงจากภายใน แต่ยังเป็นประสบการณ์สุดประทับใจจากการปลูกผม ที่นามนินมอบให้คนพิเศษเช่นคุณเท่านั้น



เคลียร์ข้อสงสัย “เจ็บมั้ย” ตอนปลูกผม
ปลูกผมเจ็บมั้ย? เป็นคำถามที่ทำให้หลาย ๆ คนลังเลและหวั่นใจ จนไม่กล้าเข้ามาปลูกผม นามนินจึงขอแชร์ประสบการณ์จริงฉบับใต้เตียงปลูกผมของคนไข้ ส่งตรงจากข้างในห้องทำหัตถการ มาบอกเล่าให้ฟัง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัย จบทุกความกังวลใจ และเปลี่ยนภาพจำใหม่ของการปลูกผม ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ในเมื่อถามตรง ๆ ก็ขอตอบตรง ๆ เลยว่า ระหว่างการปลูกผม จะปฏิเสธว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่ได้ แต่ขั้นตอนเดียวที่คนไข้อาจจะรู้สึกถึงความเจ็บ ก็คือการฉีดยาชา ซึ่งมีระดับความเจ็บเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคนว่าอดทนต่อความเจ็บได้มากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนว่าเป็นความเจ็บในระดับที่รับได้ ไม่ต่างจากการทำฟัน การฉีดโบทอกซ์ หรือการทำศัลยกรรมความงามอื่น ๆ 

สำหรับการฉีดยาชาในขั้นตอนการปลูกผมนั้น จะฉีดทั้งหมด 2 ครั้ง

  • ครั้งที่ 1 ฉีดบริเวณท้ายทอย ก่อนเจาะย้ายกราฟต์ผมออก
  • ครั้งที่ 2 ฉีดบริเวณพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมปลูกลงไปที่หนังศีรษะ

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก หรือการปักกราฟต์ผมใหม่ จะอยู่ในช่วงที่ยาชาออกฤทธิ์ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังมีทักษะ ประสบการณ์ และเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บของคนไข้ได้เป็นอย่างดี และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคนไข้จึงสามารถวางใจได้ว่า ขั้นตอนการฉีดยาชาจะรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด
  • แพทย์คำนวณปริมาณยาชาและเลือกจุดฉีดยาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ในบริเวณที่ถูกต้อง อีกทั้งป้องกันการใช้ยาชาเกินขนาด ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ หลังปลูกผม
  • ตลอดกระบวนการปลูกผม แพทย์จะคอยอธิบายและให้คำแนะนำ เพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ
  • แพทย์ผู้ชำนาญ เป็นผู้ลงมือฉีดยาชาให้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับการปลูกผมใหม่ในระดับเส้นต่อเส้น ซึ่งคนไข้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แพทย์ฉีดยาชาได้อย่างเบามือมาก ๆ 





นั่นจึงทำให้ความเจ็บช่วงฉีดยาชากลายเป็นเรื่องที่รับมือได้สบาย ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ใครที่กำลังกังวลใจ ก็หวังว่าจะลบภาพความน่ากลัวแบบผิด ๆ ออก และเปิดใจให้กับเทคนิคการปลูกผมยุคใหม่ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ซึ่งเมื่อบวกกับทักษะและความใส่ใจของแพทย์ ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่เพียงผมใหม่ที่หนาแน่น ดกดำ สุขภาพแข็งแรงจากภายใน แต่ยังเป็นประสบการณ์สุดประทับใจจากการปลูกผม ที่นามนินมอบให้คนพิเศษเช่นคุณเท่านั้น



เคลียร์ข้อสงสัย “เจ็บมั้ย” ตอนปลูกผม
ปลูกผมเจ็บมั้ย? เป็นคำถามที่ทำให้หลาย ๆ คนลังเลและหวั่นใจ จนไม่กล้าเข้ามาปลูกผม นามนินจึงขอแชร์ประสบการณ์จริงฉบับใต้เตียงปลูกผมของคนไข้ ส่งตรงจากข้างในห้องทำหัตถการ มาบอกเล่าให้ฟัง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัย จบทุกความกังวลใจ และเปลี่ยนภาพจำใหม่ของการปลูกผม ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ในเมื่อถามตรง ๆ ก็ขอตอบตรง ๆ เลยว่า ระหว่างการปลูกผม จะปฏิเสธว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่ได้ แต่ขั้นตอนเดียวที่คนไข้อาจจะรู้สึกถึงความเจ็บ ก็คือการฉีดยาชา ซึ่งมีระดับความเจ็บเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคนว่าอดทนต่อความเจ็บได้มากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนว่าเป็นความเจ็บในระดับที่รับได้ ไม่ต่างจากการทำฟัน การฉีดโบทอกซ์ หรือการทำศัลยกรรมความงามอื่น ๆ 

สำหรับการฉีดยาชาในขั้นตอนการปลูกผมนั้น จะฉีดทั้งหมด 2 ครั้ง

  • ครั้งที่ 1 ฉีดบริเวณท้ายทอย ก่อนเจาะย้ายกราฟต์ผมออก
  • ครั้งที่ 2 ฉีดบริเวณพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมปลูกลงไปที่หนังศีรษะ

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก หรือการปักกราฟต์ผมใหม่ จะอยู่ในช่วงที่ยาชาออกฤทธิ์ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังมีทักษะ ประสบการณ์ และเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บของคนไข้ได้เป็นอย่างดี และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคนไข้จึงสามารถวางใจได้ว่า ขั้นตอนการฉีดยาชาจะรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด
  • แพทย์คำนวณปริมาณยาชาและเลือกจุดฉีดยาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ในบริเวณที่ถูกต้อง อีกทั้งป้องกันการใช้ยาชาเกินขนาด ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ หลังปลูกผม
  • ตลอดกระบวนการปลูกผม แพทย์จะคอยอธิบายและให้คำแนะนำ เพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ
  • แพทย์ผู้ชำนาญ เป็นผู้ลงมือฉีดยาชาให้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับการปลูกผมใหม่ในระดับเส้นต่อเส้น ซึ่งคนไข้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แพทย์ฉีดยาชาได้อย่างเบามือมาก ๆ 





นั่นจึงทำให้ความเจ็บช่วงฉีดยาชากลายเป็นเรื่องที่รับมือได้สบาย ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ใครที่กำลังกังวลใจ ก็หวังว่าจะลบภาพความน่ากลัวแบบผิด ๆ ออก และเปิดใจให้กับเทคนิคการปลูกผมยุคใหม่ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ซึ่งเมื่อบวกกับทักษะและความใส่ใจของแพทย์ ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่เพียงผมใหม่ที่หนาแน่น ดกดำ สุขภาพแข็งแรงจากภายใน แต่ยังเป็นประสบการณ์สุดประทับใจจากการปลูกผม ที่นามนินมอบให้คนพิเศษเช่นคุณเท่านั้น



ไขข้อสงสัย! 5 ฮอร์โมน สาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง มีอะไรบ้าง?
"รู้ทัน 5 ฮอร์โมนต้นเหตุปัญหาผมร่วงที่คุณควรรู้!"
ในทุก ๆ วันเส้นผมของเราก็มักจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะมีปริมาณประมาณ 50-100 เส้นต่อวันตามวงจรชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่อายุมากขึ้น บวกกับมีพฤติกรรมเสี่ยงที่มีส่วนทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตของเส้นผมก็จะสั้นลงเรื่อย ๆ และทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ และกลายเป็นปัญหาผมบางบริเวณกว้างได้ในที่สุด


รู้หรือไม่? ว่านอกเหนือไปจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เสี่ยงทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่ายแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย ซึ่งวันนี้นามนินจะขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนของร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงกันว่ามีฮอร์โมนอะไรบ้าง? แล้วจะมีวิธีรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร? ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

5 ฮอร์โมน สาเหตุของปัญหาผมร่วง

1. ฮอร์โมน DHT
ฮอร์โมนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบางที่ได้ยินกันบ่อยมากที่สุดเลยก็คือ ฮอร์โมน DHT หรือ ฮอร์โมน Dihydrotestosterone ซึ่งพบได้บ่อยในเพศชาย แต่ก็สามารถพบได้ในเพศหญิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีปริมาณที่น้อยกว่าเท่านั้น 
ซึ่งฮอร์โมน DHT มีคุณสมบัติคอยควบคุมการทำงานเส้นผมและขนทั่วร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนนี้มีความแปรปรวน หรือผิดปกติขึ้น ก็มักจะส่งผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะ โดยจะไปออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมชุดใหม่ ทั้งยังมีส่วนทำให้เส้นผมชุดเก่าไม่ได้รับสารอาหารที่มากพอ จึงทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมร่วงตามมานั่นเอง  

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือฮอร์โมนเพศหญิงที่คอยช่วยดูแลระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเพศหญิงให้เป็นไปอย่างปกติและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับต่ำกว่าปกติ หรือมีความแปรปรวน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ 
และหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยเนื่องจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือปัญหาผมร่วง รากผมอ่อนแอ ทั้งยังทำให้มีลักษณะเส้นผมเล็บ ลีบ แบน ชี้ฟู จัดทรงยากร่วมด้วย ซึ่งปัญหาความผิดปกติของฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้ มักจะพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง วัยหมดประจำเดือน รวมถึงคุณแม่หลังคลอดนั่นเอง

3. ฮอร์โมนคอร์ติซอล
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีว่าเป็นฮอร์โมนความเครียด เพราะร่างกายมักจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมาเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้นั้นก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากมาย โดยเฉพาะระบบการทำงานของเส้นผม โดยฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเข้าไปทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลงกว่าปกติ จนเกิดเป็นปัญหาผมหลุดร่วงได้ในที่สุด

4. ฮอร์โมนไทรอยด์
ปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหน ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้ต่อมไขมันในร่างกายทำงานผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันออกมาบนผิวหนังมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ และหากมีความมันส่วนเกินเกาะอยู่ตามเส้นผมและหนังศีรษะมากก็ไป ก็อาจทำให้รากผมเกิดการอุดตัน อ่อนแอลง และสังเกตเห็นถึงผมที่ร่วงเยอะมากกว่าเดิมได้

5. ฮอร์โมนอินซูลิน
เราอาจจะคุ้นเคยกันดีว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสัมพันธ์กับผู้ป่วยเบาหวาน แต่ไม่เพียงเท่านั้นฮอร์โมนนี้ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของรากผม และมีส่วนทำให้ผมหลุดร่วงง่ายได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
  • การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อินซูลินมีหน้าที่หลักในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่หากมีระดับอินซูลินผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงปัญหาผมร่วงได้
  • การไหลเวียนเลือด: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหนังศีรษะได้รับความเสียหาย และส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ทำให้รากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และอ่อนแอลง
  • การอักเสบ: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงหนังศีรษะด้วยเช่นกัน และการอักเสบนี้ก็จะทำลายเซลล์รากผมและทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและรักษาผมร่วง เนื่องจากฮอร์โมน
เมื่อผมร่วงมากกว่าที่เคย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฮอร์โมนในร่างกายของคุณมีความผิดปกติอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งปัญหานี้จะมีวิธีป้องกันและรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนได้ ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดก็มีผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น ความเครียดทำให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ การทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ก็ล้วนส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลินสูงตามไปด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ผมบางได้


2. ใช้ยารักษาผมร่วงตามแพทย์สั่ง
หากมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการจ่ายยาในการควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกใช้ยารักษาผมร่วงเพื่อเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมควบคู่ไปด้วยได้ เช่น กลุ่มยาฟีนาสเตอไรด์ หรือกลุ่มยาไมนอกซิดิล เป็นต้น

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมแล้ว เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างต่อเนื่อง นามนินคลินิกขอแนะนำให้ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย เช่น 
  • ELIXIR HAIR SERUM BY NEAT HAIRNUE เซรั่มสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยคุณหมอนิน พัฒนาขึ้นเพื่อบำรุงเส้นผมให้กับคนที่มีปัญหาผมบางโดยเฉพาะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมบำรุงเส้นผมให้ดกหนาและแข็งแรง
  • VITAMIN H วิตามินบำรุงผมของนามนิน ที่ผสานคุณประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


4. เข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง
สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกเข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง อย่างเช่น โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster กับที่นามนินคลินิกได้เช่นกัน ซึ่งเป็นโปรแกรมทรีตเมนต์ฉีดบำรุงทั่วหนังศีรษะสูตรพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผมบางและหลุดร่วงง่ายโดยเฉพาะ แม้จะมีปัญหาผมร่วงจนกราฟต์ผมเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการปลูกผมแล้ว วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้คุณกลับมามีเส้นผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง 



5. เข้ารับการปลูกผมถาวร
ถ้าคุณมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมน และเกิดปัญหาผมบางเป็นบริเวณกว้าง จนทำให้ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก การปลูกผมถาวรก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจบปัญหาผมบางได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการนำเส้นผมที่มีสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกยังบริเวณที่ผมบางหรือไม่มีผม เพื่อให้ได้เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง และเป็นธรรมชาติ กลับมามีผมดกหนาได้อีกครั้ง 




สรุป
 
ฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด เพื่อให้การรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนเห็นผล และตรงจุดมากที่สุด นามนินคลินิกขอแนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุของผมร่วงที่แท้จริงว่า เกิดจากฮอร์โมนชนิดใด? รวมถึงจะมีแนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงอย่างไรบ้าง? ที่จะเหมาะสมมากที่สุด 

เพราะปัญหาผมร่วง ผมบาง หากปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งรักษายาก และสร้างแผลใจให้คุณมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน ดังนั้นหากรักษาเร็ว ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมามีผมดกหนาได้ดังเดิม แถมค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ไม่สูงเท่ามารักษาตอนที่ปัญหาลุกลามไปแล้วนั่นเอง

ไขข้อสงสัย! 5 ฮอร์โมน สาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง มีอะไรบ้าง?
"รู้ทัน 5 ฮอร์โมนต้นเหตุปัญหาผมร่วงที่คุณควรรู้!"
ในทุก ๆ วันเส้นผมของเราก็มักจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะมีปริมาณประมาณ 50-100 เส้นต่อวันตามวงจรชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่อายุมากขึ้น บวกกับมีพฤติกรรมเสี่ยงที่มีส่วนทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตของเส้นผมก็จะสั้นลงเรื่อย ๆ และทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ และกลายเป็นปัญหาผมบางบริเวณกว้างได้ในที่สุด


รู้หรือไม่? ว่านอกเหนือไปจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เสี่ยงทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่ายแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย ซึ่งวันนี้นามนินจะขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนของร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงกันว่ามีฮอร์โมนอะไรบ้าง? แล้วจะมีวิธีรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร? ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

5 ฮอร์โมน สาเหตุของปัญหาผมร่วง

1. ฮอร์โมน DHT
ฮอร์โมนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบางที่ได้ยินกันบ่อยมากที่สุดเลยก็คือ ฮอร์โมน DHT หรือ ฮอร์โมน Dihydrotestosterone ซึ่งพบได้บ่อยในเพศชาย แต่ก็สามารถพบได้ในเพศหญิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีปริมาณที่น้อยกว่าเท่านั้น 
ซึ่งฮอร์โมน DHT มีคุณสมบัติคอยควบคุมการทำงานเส้นผมและขนทั่วร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนนี้มีความแปรปรวน หรือผิดปกติขึ้น ก็มักจะส่งผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะ โดยจะไปออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมชุดใหม่ ทั้งยังมีส่วนทำให้เส้นผมชุดเก่าไม่ได้รับสารอาหารที่มากพอ จึงทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมร่วงตามมานั่นเอง  

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือฮอร์โมนเพศหญิงที่คอยช่วยดูแลระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเพศหญิงให้เป็นไปอย่างปกติและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับต่ำกว่าปกติ หรือมีความแปรปรวน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ 
และหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยเนื่องจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือปัญหาผมร่วง รากผมอ่อนแอ ทั้งยังทำให้มีลักษณะเส้นผมเล็บ ลีบ แบน ชี้ฟู จัดทรงยากร่วมด้วย ซึ่งปัญหาความผิดปกติของฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้ มักจะพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง วัยหมดประจำเดือน รวมถึงคุณแม่หลังคลอดนั่นเอง

3. ฮอร์โมนคอร์ติซอล
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีว่าเป็นฮอร์โมนความเครียด เพราะร่างกายมักจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมาเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้นั้นก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากมาย โดยเฉพาะระบบการทำงานของเส้นผม โดยฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเข้าไปทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลงกว่าปกติ จนเกิดเป็นปัญหาผมหลุดร่วงได้ในที่สุด

4. ฮอร์โมนไทรอยด์
ปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหน ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้ต่อมไขมันในร่างกายทำงานผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันออกมาบนผิวหนังมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ และหากมีความมันส่วนเกินเกาะอยู่ตามเส้นผมและหนังศีรษะมากก็ไป ก็อาจทำให้รากผมเกิดการอุดตัน อ่อนแอลง และสังเกตเห็นถึงผมที่ร่วงเยอะมากกว่าเดิมได้

5. ฮอร์โมนอินซูลิน
เราอาจจะคุ้นเคยกันดีว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสัมพันธ์กับผู้ป่วยเบาหวาน แต่ไม่เพียงเท่านั้นฮอร์โมนนี้ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของรากผม และมีส่วนทำให้ผมหลุดร่วงง่ายได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
  • การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อินซูลินมีหน้าที่หลักในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่หากมีระดับอินซูลินผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงปัญหาผมร่วงได้
  • การไหลเวียนเลือด: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหนังศีรษะได้รับความเสียหาย และส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ทำให้รากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และอ่อนแอลง
  • การอักเสบ: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงหนังศีรษะด้วยเช่นกัน และการอักเสบนี้ก็จะทำลายเซลล์รากผมและทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและรักษาผมร่วง เนื่องจากฮอร์โมน
เมื่อผมร่วงมากกว่าที่เคย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฮอร์โมนในร่างกายของคุณมีความผิดปกติอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งปัญหานี้จะมีวิธีป้องกันและรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนได้ ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดก็มีผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น ความเครียดทำให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ การทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ก็ล้วนส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลินสูงตามไปด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ผมบางได้


2. ใช้ยารักษาผมร่วงตามแพทย์สั่ง
หากมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการจ่ายยาในการควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกใช้ยารักษาผมร่วงเพื่อเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมควบคู่ไปด้วยได้ เช่น กลุ่มยาฟีนาสเตอไรด์ หรือกลุ่มยาไมนอกซิดิล เป็นต้น

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมแล้ว เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างต่อเนื่อง นามนินคลินิกขอแนะนำให้ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย เช่น 
  • ELIXIR HAIR SERUM BY NEAT HAIRNUE เซรั่มสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยคุณหมอนิน พัฒนาขึ้นเพื่อบำรุงเส้นผมให้กับคนที่มีปัญหาผมบางโดยเฉพาะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมบำรุงเส้นผมให้ดกหนาและแข็งแรง
  • VITAMIN H วิตามินบำรุงผมของนามนิน ที่ผสานคุณประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


4. เข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง
สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกเข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง อย่างเช่น โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster กับที่นามนินคลินิกได้เช่นกัน ซึ่งเป็นโปรแกรมทรีตเมนต์ฉีดบำรุงทั่วหนังศีรษะสูตรพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผมบางและหลุดร่วงง่ายโดยเฉพาะ แม้จะมีปัญหาผมร่วงจนกราฟต์ผมเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการปลูกผมแล้ว วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้คุณกลับมามีเส้นผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง 



5. เข้ารับการปลูกผมถาวร
ถ้าคุณมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมน และเกิดปัญหาผมบางเป็นบริเวณกว้าง จนทำให้ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก การปลูกผมถาวรก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจบปัญหาผมบางได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการนำเส้นผมที่มีสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกยังบริเวณที่ผมบางหรือไม่มีผม เพื่อให้ได้เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง และเป็นธรรมชาติ กลับมามีผมดกหนาได้อีกครั้ง 




สรุป
 
ฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด เพื่อให้การรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนเห็นผล และตรงจุดมากที่สุด นามนินคลินิกขอแนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุของผมร่วงที่แท้จริงว่า เกิดจากฮอร์โมนชนิดใด? รวมถึงจะมีแนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงอย่างไรบ้าง? ที่จะเหมาะสมมากที่สุด 

เพราะปัญหาผมร่วง ผมบาง หากปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งรักษายาก และสร้างแผลใจให้คุณมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน ดังนั้นหากรักษาเร็ว ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมามีผมดกหนาได้ดังเดิม แถมค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ไม่สูงเท่ามารักษาตอนที่ปัญหาลุกลามไปแล้วนั่นเอง

ไขข้อสงสัย! 5 ฮอร์โมน สาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง มีอะไรบ้าง?
"รู้ทัน 5 ฮอร์โมนต้นเหตุปัญหาผมร่วงที่คุณควรรู้!"
ในทุก ๆ วันเส้นผมของเราก็มักจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะมีปริมาณประมาณ 50-100 เส้นต่อวันตามวงจรชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่อายุมากขึ้น บวกกับมีพฤติกรรมเสี่ยงที่มีส่วนทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตของเส้นผมก็จะสั้นลงเรื่อย ๆ และทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ และกลายเป็นปัญหาผมบางบริเวณกว้างได้ในที่สุด


รู้หรือไม่? ว่านอกเหนือไปจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เสี่ยงทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่ายแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย ซึ่งวันนี้นามนินจะขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนของร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงกันว่ามีฮอร์โมนอะไรบ้าง? แล้วจะมีวิธีรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร? ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

5 ฮอร์โมน สาเหตุของปัญหาผมร่วง

1. ฮอร์โมน DHT
ฮอร์โมนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบางที่ได้ยินกันบ่อยมากที่สุดเลยก็คือ ฮอร์โมน DHT หรือ ฮอร์โมน Dihydrotestosterone ซึ่งพบได้บ่อยในเพศชาย แต่ก็สามารถพบได้ในเพศหญิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีปริมาณที่น้อยกว่าเท่านั้น 
ซึ่งฮอร์โมน DHT มีคุณสมบัติคอยควบคุมการทำงานเส้นผมและขนทั่วร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนนี้มีความแปรปรวน หรือผิดปกติขึ้น ก็มักจะส่งผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะ โดยจะไปออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมชุดใหม่ ทั้งยังมีส่วนทำให้เส้นผมชุดเก่าไม่ได้รับสารอาหารที่มากพอ จึงทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมร่วงตามมานั่นเอง  

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือฮอร์โมนเพศหญิงที่คอยช่วยดูแลระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเพศหญิงให้เป็นไปอย่างปกติและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับต่ำกว่าปกติ หรือมีความแปรปรวน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ 
และหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยเนื่องจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือปัญหาผมร่วง รากผมอ่อนแอ ทั้งยังทำให้มีลักษณะเส้นผมเล็บ ลีบ แบน ชี้ฟู จัดทรงยากร่วมด้วย ซึ่งปัญหาความผิดปกติของฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้ มักจะพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง วัยหมดประจำเดือน รวมถึงคุณแม่หลังคลอดนั่นเอง

3. ฮอร์โมนคอร์ติซอล
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีว่าเป็นฮอร์โมนความเครียด เพราะร่างกายมักจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมาเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้นั้นก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากมาย โดยเฉพาะระบบการทำงานของเส้นผม โดยฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเข้าไปทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลงกว่าปกติ จนเกิดเป็นปัญหาผมหลุดร่วงได้ในที่สุด

4. ฮอร์โมนไทรอยด์
ปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหน ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้ต่อมไขมันในร่างกายทำงานผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันออกมาบนผิวหนังมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ และหากมีความมันส่วนเกินเกาะอยู่ตามเส้นผมและหนังศีรษะมากก็ไป ก็อาจทำให้รากผมเกิดการอุดตัน อ่อนแอลง และสังเกตเห็นถึงผมที่ร่วงเยอะมากกว่าเดิมได้

5. ฮอร์โมนอินซูลิน
เราอาจจะคุ้นเคยกันดีว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสัมพันธ์กับผู้ป่วยเบาหวาน แต่ไม่เพียงเท่านั้นฮอร์โมนนี้ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของรากผม และมีส่วนทำให้ผมหลุดร่วงง่ายได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
  • การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อินซูลินมีหน้าที่หลักในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่หากมีระดับอินซูลินผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงปัญหาผมร่วงได้
  • การไหลเวียนเลือด: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหนังศีรษะได้รับความเสียหาย และส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ทำให้รากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และอ่อนแอลง
  • การอักเสบ: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงหนังศีรษะด้วยเช่นกัน และการอักเสบนี้ก็จะทำลายเซลล์รากผมและทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและรักษาผมร่วง เนื่องจากฮอร์โมน
เมื่อผมร่วงมากกว่าที่เคย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฮอร์โมนในร่างกายของคุณมีความผิดปกติอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งปัญหานี้จะมีวิธีป้องกันและรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนได้ ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดก็มีผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น ความเครียดทำให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ การทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ก็ล้วนส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลินสูงตามไปด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ผมบางได้


2. ใช้ยารักษาผมร่วงตามแพทย์สั่ง
หากมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการจ่ายยาในการควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกใช้ยารักษาผมร่วงเพื่อเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมควบคู่ไปด้วยได้ เช่น กลุ่มยาฟีนาสเตอไรด์ หรือกลุ่มยาไมนอกซิดิล เป็นต้น

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมแล้ว เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างต่อเนื่อง นามนินคลินิกขอแนะนำให้ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย เช่น 
  • ELIXIR HAIR SERUM BY NEAT HAIRNUE เซรั่มสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยคุณหมอนิน พัฒนาขึ้นเพื่อบำรุงเส้นผมให้กับคนที่มีปัญหาผมบางโดยเฉพาะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมบำรุงเส้นผมให้ดกหนาและแข็งแรง
  • VITAMIN H วิตามินบำรุงผมของนามนิน ที่ผสานคุณประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


4. เข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง
สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกเข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง อย่างเช่น โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster กับที่นามนินคลินิกได้เช่นกัน ซึ่งเป็นโปรแกรมทรีตเมนต์ฉีดบำรุงทั่วหนังศีรษะสูตรพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผมบางและหลุดร่วงง่ายโดยเฉพาะ แม้จะมีปัญหาผมร่วงจนกราฟต์ผมเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการปลูกผมแล้ว วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้คุณกลับมามีเส้นผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง 



5. เข้ารับการปลูกผมถาวร
ถ้าคุณมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมน และเกิดปัญหาผมบางเป็นบริเวณกว้าง จนทำให้ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก การปลูกผมถาวรก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจบปัญหาผมบางได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการนำเส้นผมที่มีสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกยังบริเวณที่ผมบางหรือไม่มีผม เพื่อให้ได้เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง และเป็นธรรมชาติ กลับมามีผมดกหนาได้อีกครั้ง 




สรุป
 
ฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด เพื่อให้การรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนเห็นผล และตรงจุดมากที่สุด นามนินคลินิกขอแนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุของผมร่วงที่แท้จริงว่า เกิดจากฮอร์โมนชนิดใด? รวมถึงจะมีแนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงอย่างไรบ้าง? ที่จะเหมาะสมมากที่สุด 

เพราะปัญหาผมร่วง ผมบาง หากปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งรักษายาก และสร้างแผลใจให้คุณมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน ดังนั้นหากรักษาเร็ว ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมามีผมดกหนาได้ดังเดิม แถมค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ไม่สูงเท่ามารักษาตอนที่ปัญหาลุกลามไปแล้วนั่นเอง

ไขข้อสงสัย! 5 ฮอร์โมน สาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง มีอะไรบ้าง?
"รู้ทัน 5 ฮอร์โมนต้นเหตุปัญหาผมร่วงที่คุณควรรู้!"
ในทุก ๆ วันเส้นผมของเราก็มักจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะมีปริมาณประมาณ 50-100 เส้นต่อวันตามวงจรชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่อายุมากขึ้น บวกกับมีพฤติกรรมเสี่ยงที่มีส่วนทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตของเส้นผมก็จะสั้นลงเรื่อย ๆ และทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ และกลายเป็นปัญหาผมบางบริเวณกว้างได้ในที่สุด


รู้หรือไม่? ว่านอกเหนือไปจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เสี่ยงทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่ายแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย ซึ่งวันนี้นามนินจะขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนของร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงกันว่ามีฮอร์โมนอะไรบ้าง? แล้วจะมีวิธีรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร? ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

5 ฮอร์โมน สาเหตุของปัญหาผมร่วง

1. ฮอร์โมน DHT
ฮอร์โมนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบางที่ได้ยินกันบ่อยมากที่สุดเลยก็คือ ฮอร์โมน DHT หรือ ฮอร์โมน Dihydrotestosterone ซึ่งพบได้บ่อยในเพศชาย แต่ก็สามารถพบได้ในเพศหญิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีปริมาณที่น้อยกว่าเท่านั้น 
ซึ่งฮอร์โมน DHT มีคุณสมบัติคอยควบคุมการทำงานเส้นผมและขนทั่วร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนนี้มีความแปรปรวน หรือผิดปกติขึ้น ก็มักจะส่งผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะ โดยจะไปออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมชุดใหม่ ทั้งยังมีส่วนทำให้เส้นผมชุดเก่าไม่ได้รับสารอาหารที่มากพอ จึงทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมร่วงตามมานั่นเอง  

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือฮอร์โมนเพศหญิงที่คอยช่วยดูแลระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเพศหญิงให้เป็นไปอย่างปกติและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับต่ำกว่าปกติ หรือมีความแปรปรวน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ 
และหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยเนื่องจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือปัญหาผมร่วง รากผมอ่อนแอ ทั้งยังทำให้มีลักษณะเส้นผมเล็บ ลีบ แบน ชี้ฟู จัดทรงยากร่วมด้วย ซึ่งปัญหาความผิดปกติของฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้ มักจะพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง วัยหมดประจำเดือน รวมถึงคุณแม่หลังคลอดนั่นเอง

3. ฮอร์โมนคอร์ติซอล
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีว่าเป็นฮอร์โมนความเครียด เพราะร่างกายมักจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมาเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้นั้นก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากมาย โดยเฉพาะระบบการทำงานของเส้นผม โดยฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเข้าไปทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลงกว่าปกติ จนเกิดเป็นปัญหาผมหลุดร่วงได้ในที่สุด

4. ฮอร์โมนไทรอยด์
ปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหน ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้ต่อมไขมันในร่างกายทำงานผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันออกมาบนผิวหนังมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ และหากมีความมันส่วนเกินเกาะอยู่ตามเส้นผมและหนังศีรษะมากก็ไป ก็อาจทำให้รากผมเกิดการอุดตัน อ่อนแอลง และสังเกตเห็นถึงผมที่ร่วงเยอะมากกว่าเดิมได้

5. ฮอร์โมนอินซูลิน
เราอาจจะคุ้นเคยกันดีว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสัมพันธ์กับผู้ป่วยเบาหวาน แต่ไม่เพียงเท่านั้นฮอร์โมนนี้ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของรากผม และมีส่วนทำให้ผมหลุดร่วงง่ายได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
  • การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อินซูลินมีหน้าที่หลักในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่หากมีระดับอินซูลินผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงปัญหาผมร่วงได้
  • การไหลเวียนเลือด: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหนังศีรษะได้รับความเสียหาย และส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ทำให้รากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และอ่อนแอลง
  • การอักเสบ: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงหนังศีรษะด้วยเช่นกัน และการอักเสบนี้ก็จะทำลายเซลล์รากผมและทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและรักษาผมร่วง เนื่องจากฮอร์โมน
เมื่อผมร่วงมากกว่าที่เคย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฮอร์โมนในร่างกายของคุณมีความผิดปกติอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งปัญหานี้จะมีวิธีป้องกันและรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนได้ ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดก็มีผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น ความเครียดทำให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ การทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ก็ล้วนส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลินสูงตามไปด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ผมบางได้


2. ใช้ยารักษาผมร่วงตามแพทย์สั่ง
หากมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการจ่ายยาในการควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกใช้ยารักษาผมร่วงเพื่อเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมควบคู่ไปด้วยได้ เช่น กลุ่มยาฟีนาสเตอไรด์ หรือกลุ่มยาไมนอกซิดิล เป็นต้น

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมแล้ว เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างต่อเนื่อง นามนินคลินิกขอแนะนำให้ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย เช่น 
  • ELIXIR HAIR SERUM BY NEAT HAIRNUE เซรั่มสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยคุณหมอนิน พัฒนาขึ้นเพื่อบำรุงเส้นผมให้กับคนที่มีปัญหาผมบางโดยเฉพาะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมบำรุงเส้นผมให้ดกหนาและแข็งแรง
  • VITAMIN H วิตามินบำรุงผมของนามนิน ที่ผสานคุณประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


4. เข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง
สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกเข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง อย่างเช่น โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster กับที่นามนินคลินิกได้เช่นกัน ซึ่งเป็นโปรแกรมทรีตเมนต์ฉีดบำรุงทั่วหนังศีรษะสูตรพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผมบางและหลุดร่วงง่ายโดยเฉพาะ แม้จะมีปัญหาผมร่วงจนกราฟต์ผมเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการปลูกผมแล้ว วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้คุณกลับมามีเส้นผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง 



5. เข้ารับการปลูกผมถาวร
ถ้าคุณมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมน และเกิดปัญหาผมบางเป็นบริเวณกว้าง จนทำให้ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก การปลูกผมถาวรก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจบปัญหาผมบางได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการนำเส้นผมที่มีสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกยังบริเวณที่ผมบางหรือไม่มีผม เพื่อให้ได้เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง และเป็นธรรมชาติ กลับมามีผมดกหนาได้อีกครั้ง 




สรุป
 
ฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด เพื่อให้การรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนเห็นผล และตรงจุดมากที่สุด นามนินคลินิกขอแนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุของผมร่วงที่แท้จริงว่า เกิดจากฮอร์โมนชนิดใด? รวมถึงจะมีแนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงอย่างไรบ้าง? ที่จะเหมาะสมมากที่สุด 

เพราะปัญหาผมร่วง ผมบาง หากปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งรักษายาก และสร้างแผลใจให้คุณมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน ดังนั้นหากรักษาเร็ว ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมามีผมดกหนาได้ดังเดิม แถมค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ไม่สูงเท่ามารักษาตอนที่ปัญหาลุกลามไปแล้วนั่นเอง

ไขข้อสงสัย! 5 ฮอร์โมน สาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง มีอะไรบ้าง?
"รู้ทัน 5 ฮอร์โมนต้นเหตุปัญหาผมร่วงที่คุณควรรู้!"
ในทุก ๆ วันเส้นผมของเราก็มักจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะมีปริมาณประมาณ 50-100 เส้นต่อวันตามวงจรชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่อายุมากขึ้น บวกกับมีพฤติกรรมเสี่ยงที่มีส่วนทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตของเส้นผมก็จะสั้นลงเรื่อย ๆ และทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ และกลายเป็นปัญหาผมบางบริเวณกว้างได้ในที่สุด


รู้หรือไม่? ว่านอกเหนือไปจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เสี่ยงทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่ายแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย ซึ่งวันนี้นามนินจะขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนของร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงกันว่ามีฮอร์โมนอะไรบ้าง? แล้วจะมีวิธีรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร? ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

5 ฮอร์โมน สาเหตุของปัญหาผมร่วง

1. ฮอร์โมน DHT
ฮอร์โมนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบางที่ได้ยินกันบ่อยมากที่สุดเลยก็คือ ฮอร์โมน DHT หรือ ฮอร์โมน Dihydrotestosterone ซึ่งพบได้บ่อยในเพศชาย แต่ก็สามารถพบได้ในเพศหญิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีปริมาณที่น้อยกว่าเท่านั้น 
ซึ่งฮอร์โมน DHT มีคุณสมบัติคอยควบคุมการทำงานเส้นผมและขนทั่วร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนนี้มีความแปรปรวน หรือผิดปกติขึ้น ก็มักจะส่งผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะ โดยจะไปออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมชุดใหม่ ทั้งยังมีส่วนทำให้เส้นผมชุดเก่าไม่ได้รับสารอาหารที่มากพอ จึงทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมร่วงตามมานั่นเอง  

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือฮอร์โมนเพศหญิงที่คอยช่วยดูแลระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเพศหญิงให้เป็นไปอย่างปกติและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับต่ำกว่าปกติ หรือมีความแปรปรวน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ 
และหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยเนื่องจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือปัญหาผมร่วง รากผมอ่อนแอ ทั้งยังทำให้มีลักษณะเส้นผมเล็บ ลีบ แบน ชี้ฟู จัดทรงยากร่วมด้วย ซึ่งปัญหาความผิดปกติของฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้ มักจะพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง วัยหมดประจำเดือน รวมถึงคุณแม่หลังคลอดนั่นเอง

3. ฮอร์โมนคอร์ติซอล
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีว่าเป็นฮอร์โมนความเครียด เพราะร่างกายมักจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมาเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้นั้นก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากมาย โดยเฉพาะระบบการทำงานของเส้นผม โดยฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเข้าไปทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลงกว่าปกติ จนเกิดเป็นปัญหาผมหลุดร่วงได้ในที่สุด

4. ฮอร์โมนไทรอยด์
ปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหน ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้ต่อมไขมันในร่างกายทำงานผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันออกมาบนผิวหนังมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ และหากมีความมันส่วนเกินเกาะอยู่ตามเส้นผมและหนังศีรษะมากก็ไป ก็อาจทำให้รากผมเกิดการอุดตัน อ่อนแอลง และสังเกตเห็นถึงผมที่ร่วงเยอะมากกว่าเดิมได้

5. ฮอร์โมนอินซูลิน
เราอาจจะคุ้นเคยกันดีว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสัมพันธ์กับผู้ป่วยเบาหวาน แต่ไม่เพียงเท่านั้นฮอร์โมนนี้ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของรากผม และมีส่วนทำให้ผมหลุดร่วงง่ายได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
  • การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อินซูลินมีหน้าที่หลักในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่หากมีระดับอินซูลินผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงปัญหาผมร่วงได้
  • การไหลเวียนเลือด: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหนังศีรษะได้รับความเสียหาย และส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ทำให้รากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และอ่อนแอลง
  • การอักเสบ: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงหนังศีรษะด้วยเช่นกัน และการอักเสบนี้ก็จะทำลายเซลล์รากผมและทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและรักษาผมร่วง เนื่องจากฮอร์โมน
เมื่อผมร่วงมากกว่าที่เคย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฮอร์โมนในร่างกายของคุณมีความผิดปกติอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งปัญหานี้จะมีวิธีป้องกันและรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนได้ ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดก็มีผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น ความเครียดทำให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ การทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ก็ล้วนส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลินสูงตามไปด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ผมบางได้


2. ใช้ยารักษาผมร่วงตามแพทย์สั่ง
หากมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการจ่ายยาในการควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกใช้ยารักษาผมร่วงเพื่อเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมควบคู่ไปด้วยได้ เช่น กลุ่มยาฟีนาสเตอไรด์ หรือกลุ่มยาไมนอกซิดิล เป็นต้น

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมแล้ว เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างต่อเนื่อง นามนินคลินิกขอแนะนำให้ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย เช่น 
  • ELIXIR HAIR SERUM BY NEAT HAIRNUE เซรั่มสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยคุณหมอนิน พัฒนาขึ้นเพื่อบำรุงเส้นผมให้กับคนที่มีปัญหาผมบางโดยเฉพาะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมบำรุงเส้นผมให้ดกหนาและแข็งแรง
  • VITAMIN H วิตามินบำรุงผมของนามนิน ที่ผสานคุณประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


4. เข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง
สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกเข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง อย่างเช่น โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster กับที่นามนินคลินิกได้เช่นกัน ซึ่งเป็นโปรแกรมทรีตเมนต์ฉีดบำรุงทั่วหนังศีรษะสูตรพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผมบางและหลุดร่วงง่ายโดยเฉพาะ แม้จะมีปัญหาผมร่วงจนกราฟต์ผมเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการปลูกผมแล้ว วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้คุณกลับมามีเส้นผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง 



5. เข้ารับการปลูกผมถาวร
ถ้าคุณมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมน และเกิดปัญหาผมบางเป็นบริเวณกว้าง จนทำให้ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก การปลูกผมถาวรก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจบปัญหาผมบางได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการนำเส้นผมที่มีสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกยังบริเวณที่ผมบางหรือไม่มีผม เพื่อให้ได้เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง และเป็นธรรมชาติ กลับมามีผมดกหนาได้อีกครั้ง 




สรุป
 
ฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด เพื่อให้การรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนเห็นผล และตรงจุดมากที่สุด นามนินคลินิกขอแนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุของผมร่วงที่แท้จริงว่า เกิดจากฮอร์โมนชนิดใด? รวมถึงจะมีแนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงอย่างไรบ้าง? ที่จะเหมาะสมมากที่สุด 

เพราะปัญหาผมร่วง ผมบาง หากปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งรักษายาก และสร้างแผลใจให้คุณมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน ดังนั้นหากรักษาเร็ว ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมามีผมดกหนาได้ดังเดิม แถมค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ไม่สูงเท่ามารักษาตอนที่ปัญหาลุกลามไปแล้วนั่นเอง

ไขข้อสงสัย! 5 ฮอร์โมน สาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง มีอะไรบ้าง?
"รู้ทัน 5 ฮอร์โมนต้นเหตุปัญหาผมร่วงที่คุณควรรู้!"
ในทุก ๆ วันเส้นผมของเราก็มักจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะมีปริมาณประมาณ 50-100 เส้นต่อวันตามวงจรชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่อายุมากขึ้น บวกกับมีพฤติกรรมเสี่ยงที่มีส่วนทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตของเส้นผมก็จะสั้นลงเรื่อย ๆ และทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ และกลายเป็นปัญหาผมบางบริเวณกว้างได้ในที่สุด


รู้หรือไม่? ว่านอกเหนือไปจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เสี่ยงทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่ายแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย ซึ่งวันนี้นามนินจะขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนของร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงกันว่ามีฮอร์โมนอะไรบ้าง? แล้วจะมีวิธีรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร? ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

5 ฮอร์โมน สาเหตุของปัญหาผมร่วง

1. ฮอร์โมน DHT
ฮอร์โมนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบางที่ได้ยินกันบ่อยมากที่สุดเลยก็คือ ฮอร์โมน DHT หรือ ฮอร์โมน Dihydrotestosterone ซึ่งพบได้บ่อยในเพศชาย แต่ก็สามารถพบได้ในเพศหญิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีปริมาณที่น้อยกว่าเท่านั้น 
ซึ่งฮอร์โมน DHT มีคุณสมบัติคอยควบคุมการทำงานเส้นผมและขนทั่วร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนนี้มีความแปรปรวน หรือผิดปกติขึ้น ก็มักจะส่งผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะ โดยจะไปออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมชุดใหม่ ทั้งยังมีส่วนทำให้เส้นผมชุดเก่าไม่ได้รับสารอาหารที่มากพอ จึงทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมร่วงตามมานั่นเอง  

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือฮอร์โมนเพศหญิงที่คอยช่วยดูแลระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเพศหญิงให้เป็นไปอย่างปกติและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับต่ำกว่าปกติ หรือมีความแปรปรวน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ 
และหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยเนื่องจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือปัญหาผมร่วง รากผมอ่อนแอ ทั้งยังทำให้มีลักษณะเส้นผมเล็บ ลีบ แบน ชี้ฟู จัดทรงยากร่วมด้วย ซึ่งปัญหาความผิดปกติของฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้ มักจะพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง วัยหมดประจำเดือน รวมถึงคุณแม่หลังคลอดนั่นเอง

3. ฮอร์โมนคอร์ติซอล
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีว่าเป็นฮอร์โมนความเครียด เพราะร่างกายมักจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมาเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้นั้นก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากมาย โดยเฉพาะระบบการทำงานของเส้นผม โดยฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเข้าไปทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลงกว่าปกติ จนเกิดเป็นปัญหาผมหลุดร่วงได้ในที่สุด

4. ฮอร์โมนไทรอยด์
ปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหน ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้ต่อมไขมันในร่างกายทำงานผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันออกมาบนผิวหนังมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ และหากมีความมันส่วนเกินเกาะอยู่ตามเส้นผมและหนังศีรษะมากก็ไป ก็อาจทำให้รากผมเกิดการอุดตัน อ่อนแอลง และสังเกตเห็นถึงผมที่ร่วงเยอะมากกว่าเดิมได้

5. ฮอร์โมนอินซูลิน
เราอาจจะคุ้นเคยกันดีว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสัมพันธ์กับผู้ป่วยเบาหวาน แต่ไม่เพียงเท่านั้นฮอร์โมนนี้ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของรากผม และมีส่วนทำให้ผมหลุดร่วงง่ายได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
  • การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อินซูลินมีหน้าที่หลักในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่หากมีระดับอินซูลินผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงปัญหาผมร่วงได้
  • การไหลเวียนเลือด: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหนังศีรษะได้รับความเสียหาย และส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ทำให้รากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และอ่อนแอลง
  • การอักเสบ: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงหนังศีรษะด้วยเช่นกัน และการอักเสบนี้ก็จะทำลายเซลล์รากผมและทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและรักษาผมร่วง เนื่องจากฮอร์โมน
เมื่อผมร่วงมากกว่าที่เคย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฮอร์โมนในร่างกายของคุณมีความผิดปกติอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งปัญหานี้จะมีวิธีป้องกันและรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนได้ ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดก็มีผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น ความเครียดทำให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ การทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ก็ล้วนส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลินสูงตามไปด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ผมบางได้


2. ใช้ยารักษาผมร่วงตามแพทย์สั่ง
หากมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการจ่ายยาในการควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกใช้ยารักษาผมร่วงเพื่อเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมควบคู่ไปด้วยได้ เช่น กลุ่มยาฟีนาสเตอไรด์ หรือกลุ่มยาไมนอกซิดิล เป็นต้น

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมแล้ว เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างต่อเนื่อง นามนินคลินิกขอแนะนำให้ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย เช่น 
  • ELIXIR HAIR SERUM BY NEAT HAIRNUE เซรั่มสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยคุณหมอนิน พัฒนาขึ้นเพื่อบำรุงเส้นผมให้กับคนที่มีปัญหาผมบางโดยเฉพาะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมบำรุงเส้นผมให้ดกหนาและแข็งแรง
  • VITAMIN H วิตามินบำรุงผมของนามนิน ที่ผสานคุณประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


4. เข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง
สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกเข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง อย่างเช่น โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster กับที่นามนินคลินิกได้เช่นกัน ซึ่งเป็นโปรแกรมทรีตเมนต์ฉีดบำรุงทั่วหนังศีรษะสูตรพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผมบางและหลุดร่วงง่ายโดยเฉพาะ แม้จะมีปัญหาผมร่วงจนกราฟต์ผมเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการปลูกผมแล้ว วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้คุณกลับมามีเส้นผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง 



5. เข้ารับการปลูกผมถาวร
ถ้าคุณมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมน และเกิดปัญหาผมบางเป็นบริเวณกว้าง จนทำให้ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก การปลูกผมถาวรก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจบปัญหาผมบางได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการนำเส้นผมที่มีสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกยังบริเวณที่ผมบางหรือไม่มีผม เพื่อให้ได้เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง และเป็นธรรมชาติ กลับมามีผมดกหนาได้อีกครั้ง 




สรุป
 
ฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด เพื่อให้การรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนเห็นผล และตรงจุดมากที่สุด นามนินคลินิกขอแนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุของผมร่วงที่แท้จริงว่า เกิดจากฮอร์โมนชนิดใด? รวมถึงจะมีแนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงอย่างไรบ้าง? ที่จะเหมาะสมมากที่สุด 

เพราะปัญหาผมร่วง ผมบาง หากปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งรักษายาก และสร้างแผลใจให้คุณมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน ดังนั้นหากรักษาเร็ว ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมามีผมดกหนาได้ดังเดิม แถมค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ไม่สูงเท่ามารักษาตอนที่ปัญหาลุกลามไปแล้วนั่นเอง

เติม “วิตามิน” ตัวเด่น ให้เส้นผม
หากคนเราขาดสารอาหารที่จำเป็น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็คงทำงานไม่ได้ตามปกติ ส่งผลต่อความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกันกับ “เส้นผม” ซึ่งต้องการสารอาหารมาบำรุงหล่อเลี้ยงตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เพื่อให้เส้นผมเจริญเติบโต ไม่อ่อนแอจนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร 

และหนึ่งในสารอาหารบำรุงผมก็คือบรรดาวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ นามนินจึงขอชวนเหล่าคนรักผม มาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเติมวิตามินและแร่ธาตุตัวเด่นให้เส้นผมไปด้วยกัน



วิตามินบี 7
หรือในอีกชื่อที่เราคุ้นหูกันก็คือไบโอติน (Biotin) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกใหม่ของเส้นผม และสามารถใช้ได้ผลกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) ด้วย โดยไบโอตินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ที่มีการสร้างใหม่และแบ่งตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างเส้นผม รวมถึงยังมีส่วนในการเสริมสร้างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผมด้วย

แหล่งวิตามินบี 7: ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ธัญพืชไม่ขัดสีต่าง ๆ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ และไข่

วิตามินดี
ที่ผ่านมา มีการศึกษาพบว่าการขาดวิตามินดีส่งผลต่ออาการผมร่วงเป็นหย่อม หากเติมวิตามินดี ก็จะช่วยฟื้นฟูให้ภาวะผมร่วงลดลง ทั้งนี้ วิตามินดียังช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย

แหล่งวิตามินดี: ปลาที่มีไขมันสูง เห็ด นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต รวมถึงการรับแสงแดดตามธรรมชาติ

วิตามินซี
แม้ไม่ได้บรรเทาภาวะผมร่วงโดยตรง แต่วิตามินซีมีส่วนช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนสำคัญในเซลล์รากผม ซึ่งจะส่งผลต่อการงอกใหม่ของเส้นผม โดยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องร่างกายโดยรวม จึงช่วยลดความเสี่ยงที่เซลล์รากผมจะทำงานผิดปกติเนื่องจากการรบกวนของอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผมงอกใหม่สามารถเติบโตต่อเนื่องได้อย่างราบรื่นนั่นเอง

แหล่งวิตามินซี: ผัก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม มะละกอ ส้ม พริกหวาน คะหน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ ผักโขม

สังกะสี 
สังกะสี หรือ Zinc มีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเส้นผม และช่วยให้ต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะทำงานเป็นปกติ พร้อมกับเสริมเคราติน ซึ่งเป็นโครงสร้างของเส้นผม ช่วยให้ผมเงางาม แข็งแรง ไม่เปราะบางจนขาดหรือหลุดร่วงง่าย สังกะสียังทำหน้าที่ช่วยในการแบ่งเซลล์และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเอนไซม์บางชนิด ซึ่งพบว่าหากปริมาณเอนไซม์นี้ลดลง จะส่งผลต่อโรคผมร่วงเป็นหย่อมอีกด้วย

แหล่งสังกะสี: เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ตับ ไข่ เต้าหู้ ธัญพืช ถั่วต่าง ๆ

ธาตุเหล็ก
แร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ สามารถแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเซลล์รากผม เนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง มีส่วนช่วยในการขนส่งออกซิเจนและลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงรากผมให้แข็งแรง ทั้งนี้ พบว่าการที่ร่างกายมีระดับธาตุเหล็กต่ำ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะผมร่วงได้ 

แหล่งธาตุเหล็ก: เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง ตับ เครื่องใน ไข่แดง อาหารทะเล

และถ้าใครที่อยากได้ความสะดวกสบายในการเติมวิตามินและแร่ธาตุให้กับเส้นผมมากยิ่งขึ้น นามนินรวบรวมคุณค่าของวิตามินต่าง ๆ มาไว้ให้แล้วใน “VITA H” ซึ่งแพทย์ของนามนินค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อผลลัพธ์ในการบำรุงรากผมได้อย่างล้ำลึก ในรูปแบบของแคปซูล สามารถรับประทานได้ง่าย นอกจากจะได้คุณประโยชน์จากวิตามินต่าง ๆ แบบเต็ม ๆ แล้ว ยังเสริมด้วยคุณค่าสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ โดยประกอบด้วย


สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร (Rice Bran and Cactus Extract) ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนบางชนิดโดยธรรมชาติ ส่งผลต่อการลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ

D-Biotin เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง

Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต

Iron Amino Acid Chelate ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง

Vitamin B Premix บำรุงเส้นผมให้กลับมาสุขภาพดี


และนี่ก็เป็นเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมจากภายใน ตอบโจทย์โดนใจคนรักเส้นผมอย่างแน่นอน ซึ่งหากใครมีข้อสงสัยหรือความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อมาร่วมกันออกแบบเส้นทางฟื้นฟูและบำรุงผม ที่ทั้งปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
เติม “วิตามิน” ตัวเด่น ให้เส้นผม
หากคนเราขาดสารอาหารที่จำเป็น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็คงทำงานไม่ได้ตามปกติ ส่งผลต่อความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกันกับ “เส้นผม” ซึ่งต้องการสารอาหารมาบำรุงหล่อเลี้ยงตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เพื่อให้เส้นผมเจริญเติบโต ไม่อ่อนแอจนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร 

และหนึ่งในสารอาหารบำรุงผมก็คือบรรดาวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ นามนินจึงขอชวนเหล่าคนรักผม มาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเติมวิตามินและแร่ธาตุตัวเด่นให้เส้นผมไปด้วยกัน



วิตามินบี 7
หรือในอีกชื่อที่เราคุ้นหูกันก็คือไบโอติน (Biotin) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกใหม่ของเส้นผม และสามารถใช้ได้ผลกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) ด้วย โดยไบโอตินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ที่มีการสร้างใหม่และแบ่งตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างเส้นผม รวมถึงยังมีส่วนในการเสริมสร้างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผมด้วย

แหล่งวิตามินบี 7: ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ธัญพืชไม่ขัดสีต่าง ๆ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ และไข่

วิตามินดี
ที่ผ่านมา มีการศึกษาพบว่าการขาดวิตามินดีส่งผลต่ออาการผมร่วงเป็นหย่อม หากเติมวิตามินดี ก็จะช่วยฟื้นฟูให้ภาวะผมร่วงลดลง ทั้งนี้ วิตามินดียังช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย

แหล่งวิตามินดี: ปลาที่มีไขมันสูง เห็ด นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต รวมถึงการรับแสงแดดตามธรรมชาติ

วิตามินซี
แม้ไม่ได้บรรเทาภาวะผมร่วงโดยตรง แต่วิตามินซีมีส่วนช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนสำคัญในเซลล์รากผม ซึ่งจะส่งผลต่อการงอกใหม่ของเส้นผม โดยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องร่างกายโดยรวม จึงช่วยลดความเสี่ยงที่เซลล์รากผมจะทำงานผิดปกติเนื่องจากการรบกวนของอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผมงอกใหม่สามารถเติบโตต่อเนื่องได้อย่างราบรื่นนั่นเอง

แหล่งวิตามินซี: ผัก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม มะละกอ ส้ม พริกหวาน คะหน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ ผักโขม

สังกะสี 
สังกะสี หรือ Zinc มีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเส้นผม และช่วยให้ต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะทำงานเป็นปกติ พร้อมกับเสริมเคราติน ซึ่งเป็นโครงสร้างของเส้นผม ช่วยให้ผมเงางาม แข็งแรง ไม่เปราะบางจนขาดหรือหลุดร่วงง่าย สังกะสียังทำหน้าที่ช่วยในการแบ่งเซลล์และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเอนไซม์บางชนิด ซึ่งพบว่าหากปริมาณเอนไซม์นี้ลดลง จะส่งผลต่อโรคผมร่วงเป็นหย่อมอีกด้วย

แหล่งสังกะสี: เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ตับ ไข่ เต้าหู้ ธัญพืช ถั่วต่าง ๆ

ธาตุเหล็ก
แร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ สามารถแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเซลล์รากผม เนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง มีส่วนช่วยในการขนส่งออกซิเจนและลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงรากผมให้แข็งแรง ทั้งนี้ พบว่าการที่ร่างกายมีระดับธาตุเหล็กต่ำ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะผมร่วงได้ 

แหล่งธาตุเหล็ก: เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง ตับ เครื่องใน ไข่แดง อาหารทะเล

และถ้าใครที่อยากได้ความสะดวกสบายในการเติมวิตามินและแร่ธาตุให้กับเส้นผมมากยิ่งขึ้น นามนินรวบรวมคุณค่าของวิตามินต่าง ๆ มาไว้ให้แล้วใน “VITA H” ซึ่งแพทย์ของนามนินค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อผลลัพธ์ในการบำรุงรากผมได้อย่างล้ำลึก ในรูปแบบของแคปซูล สามารถรับประทานได้ง่าย นอกจากจะได้คุณประโยชน์จากวิตามินต่าง ๆ แบบเต็ม ๆ แล้ว ยังเสริมด้วยคุณค่าสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ โดยประกอบด้วย


สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร (Rice Bran and Cactus Extract) ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนบางชนิดโดยธรรมชาติ ส่งผลต่อการลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ

D-Biotin เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง

Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต

Iron Amino Acid Chelate ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง

Vitamin B Premix บำรุงเส้นผมให้กลับมาสุขภาพดี


และนี่ก็เป็นเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมจากภายใน ตอบโจทย์โดนใจคนรักเส้นผมอย่างแน่นอน ซึ่งหากใครมีข้อสงสัยหรือความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อมาร่วมกันออกแบบเส้นทางฟื้นฟูและบำรุงผม ที่ทั้งปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
เติม “วิตามิน” ตัวเด่น ให้เส้นผม
หากคนเราขาดสารอาหารที่จำเป็น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็คงทำงานไม่ได้ตามปกติ ส่งผลต่อความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกันกับ “เส้นผม” ซึ่งต้องการสารอาหารมาบำรุงหล่อเลี้ยงตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เพื่อให้เส้นผมเจริญเติบโต ไม่อ่อนแอจนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร 

และหนึ่งในสารอาหารบำรุงผมก็คือบรรดาวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ นามนินจึงขอชวนเหล่าคนรักผม มาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเติมวิตามินและแร่ธาตุตัวเด่นให้เส้นผมไปด้วยกัน



วิตามินบี 7
หรือในอีกชื่อที่เราคุ้นหูกันก็คือไบโอติน (Biotin) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกใหม่ของเส้นผม และสามารถใช้ได้ผลกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) ด้วย โดยไบโอตินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ที่มีการสร้างใหม่และแบ่งตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างเส้นผม รวมถึงยังมีส่วนในการเสริมสร้างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผมด้วย

แหล่งวิตามินบี 7: ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ธัญพืชไม่ขัดสีต่าง ๆ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ และไข่

วิตามินดี
ที่ผ่านมา มีการศึกษาพบว่าการขาดวิตามินดีส่งผลต่ออาการผมร่วงเป็นหย่อม หากเติมวิตามินดี ก็จะช่วยฟื้นฟูให้ภาวะผมร่วงลดลง ทั้งนี้ วิตามินดียังช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย

แหล่งวิตามินดี: ปลาที่มีไขมันสูง เห็ด นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต รวมถึงการรับแสงแดดตามธรรมชาติ

วิตามินซี
แม้ไม่ได้บรรเทาภาวะผมร่วงโดยตรง แต่วิตามินซีมีส่วนช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนสำคัญในเซลล์รากผม ซึ่งจะส่งผลต่อการงอกใหม่ของเส้นผม โดยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องร่างกายโดยรวม จึงช่วยลดความเสี่ยงที่เซลล์รากผมจะทำงานผิดปกติเนื่องจากการรบกวนของอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผมงอกใหม่สามารถเติบโตต่อเนื่องได้อย่างราบรื่นนั่นเอง

แหล่งวิตามินซี: ผัก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม มะละกอ ส้ม พริกหวาน คะหน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ ผักโขม

สังกะสี 
สังกะสี หรือ Zinc มีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเส้นผม และช่วยให้ต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะทำงานเป็นปกติ พร้อมกับเสริมเคราติน ซึ่งเป็นโครงสร้างของเส้นผม ช่วยให้ผมเงางาม แข็งแรง ไม่เปราะบางจนขาดหรือหลุดร่วงง่าย สังกะสียังทำหน้าที่ช่วยในการแบ่งเซลล์และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเอนไซม์บางชนิด ซึ่งพบว่าหากปริมาณเอนไซม์นี้ลดลง จะส่งผลต่อโรคผมร่วงเป็นหย่อมอีกด้วย

แหล่งสังกะสี: เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ตับ ไข่ เต้าหู้ ธัญพืช ถั่วต่าง ๆ

ธาตุเหล็ก
แร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ สามารถแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเซลล์รากผม เนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง มีส่วนช่วยในการขนส่งออกซิเจนและลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงรากผมให้แข็งแรง ทั้งนี้ พบว่าการที่ร่างกายมีระดับธาตุเหล็กต่ำ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะผมร่วงได้ 

แหล่งธาตุเหล็ก: เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง ตับ เครื่องใน ไข่แดง อาหารทะเล

และถ้าใครที่อยากได้ความสะดวกสบายในการเติมวิตามินและแร่ธาตุให้กับเส้นผมมากยิ่งขึ้น นามนินรวบรวมคุณค่าของวิตามินต่าง ๆ มาไว้ให้แล้วใน “VITA H” ซึ่งแพทย์ของนามนินค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อผลลัพธ์ในการบำรุงรากผมได้อย่างล้ำลึก ในรูปแบบของแคปซูล สามารถรับประทานได้ง่าย นอกจากจะได้คุณประโยชน์จากวิตามินต่าง ๆ แบบเต็ม ๆ แล้ว ยังเสริมด้วยคุณค่าสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ โดยประกอบด้วย


สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร (Rice Bran and Cactus Extract) ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนบางชนิดโดยธรรมชาติ ส่งผลต่อการลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ

D-Biotin เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง

Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต

Iron Amino Acid Chelate ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง

Vitamin B Premix บำรุงเส้นผมให้กลับมาสุขภาพดี


และนี่ก็เป็นเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมจากภายใน ตอบโจทย์โดนใจคนรักเส้นผมอย่างแน่นอน ซึ่งหากใครมีข้อสงสัยหรือความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อมาร่วมกันออกแบบเส้นทางฟื้นฟูและบำรุงผม ที่ทั้งปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
เติม “วิตามิน” ตัวเด่น ให้เส้นผม
หากคนเราขาดสารอาหารที่จำเป็น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็คงทำงานไม่ได้ตามปกติ ส่งผลต่อความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกันกับ “เส้นผม” ซึ่งต้องการสารอาหารมาบำรุงหล่อเลี้ยงตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เพื่อให้เส้นผมเจริญเติบโต ไม่อ่อนแอจนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร 

และหนึ่งในสารอาหารบำรุงผมก็คือบรรดาวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ นามนินจึงขอชวนเหล่าคนรักผม มาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเติมวิตามินและแร่ธาตุตัวเด่นให้เส้นผมไปด้วยกัน



วิตามินบี 7
หรือในอีกชื่อที่เราคุ้นหูกันก็คือไบโอติน (Biotin) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกใหม่ของเส้นผม และสามารถใช้ได้ผลกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) ด้วย โดยไบโอตินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ที่มีการสร้างใหม่และแบ่งตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างเส้นผม รวมถึงยังมีส่วนในการเสริมสร้างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผมด้วย

แหล่งวิตามินบี 7: ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ธัญพืชไม่ขัดสีต่าง ๆ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ และไข่

วิตามินดี
ที่ผ่านมา มีการศึกษาพบว่าการขาดวิตามินดีส่งผลต่ออาการผมร่วงเป็นหย่อม หากเติมวิตามินดี ก็จะช่วยฟื้นฟูให้ภาวะผมร่วงลดลง ทั้งนี้ วิตามินดียังช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย

แหล่งวิตามินดี: ปลาที่มีไขมันสูง เห็ด นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต รวมถึงการรับแสงแดดตามธรรมชาติ

วิตามินซี
แม้ไม่ได้บรรเทาภาวะผมร่วงโดยตรง แต่วิตามินซีมีส่วนช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนสำคัญในเซลล์รากผม ซึ่งจะส่งผลต่อการงอกใหม่ของเส้นผม โดยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องร่างกายโดยรวม จึงช่วยลดความเสี่ยงที่เซลล์รากผมจะทำงานผิดปกติเนื่องจากการรบกวนของอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผมงอกใหม่สามารถเติบโตต่อเนื่องได้อย่างราบรื่นนั่นเอง

แหล่งวิตามินซี: ผัก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม มะละกอ ส้ม พริกหวาน คะหน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ ผักโขม

สังกะสี 
สังกะสี หรือ Zinc มีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเส้นผม และช่วยให้ต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะทำงานเป็นปกติ พร้อมกับเสริมเคราติน ซึ่งเป็นโครงสร้างของเส้นผม ช่วยให้ผมเงางาม แข็งแรง ไม่เปราะบางจนขาดหรือหลุดร่วงง่าย สังกะสียังทำหน้าที่ช่วยในการแบ่งเซลล์และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเอนไซม์บางชนิด ซึ่งพบว่าหากปริมาณเอนไซม์นี้ลดลง จะส่งผลต่อโรคผมร่วงเป็นหย่อมอีกด้วย

แหล่งสังกะสี: เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ตับ ไข่ เต้าหู้ ธัญพืช ถั่วต่าง ๆ

ธาตุเหล็ก
แร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ สามารถแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเซลล์รากผม เนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง มีส่วนช่วยในการขนส่งออกซิเจนและลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงรากผมให้แข็งแรง ทั้งนี้ พบว่าการที่ร่างกายมีระดับธาตุเหล็กต่ำ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะผมร่วงได้ 

แหล่งธาตุเหล็ก: เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง ตับ เครื่องใน ไข่แดง อาหารทะเล

และถ้าใครที่อยากได้ความสะดวกสบายในการเติมวิตามินและแร่ธาตุให้กับเส้นผมมากยิ่งขึ้น นามนินรวบรวมคุณค่าของวิตามินต่าง ๆ มาไว้ให้แล้วใน “VITA H” ซึ่งแพทย์ของนามนินค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อผลลัพธ์ในการบำรุงรากผมได้อย่างล้ำลึก ในรูปแบบของแคปซูล สามารถรับประทานได้ง่าย นอกจากจะได้คุณประโยชน์จากวิตามินต่าง ๆ แบบเต็ม ๆ แล้ว ยังเสริมด้วยคุณค่าสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ โดยประกอบด้วย


สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร (Rice Bran and Cactus Extract) ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนบางชนิดโดยธรรมชาติ ส่งผลต่อการลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ

D-Biotin เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง

Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต

Iron Amino Acid Chelate ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง

Vitamin B Premix บำรุงเส้นผมให้กลับมาสุขภาพดี


และนี่ก็เป็นเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมจากภายใน ตอบโจทย์โดนใจคนรักเส้นผมอย่างแน่นอน ซึ่งหากใครมีข้อสงสัยหรือความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อมาร่วมกันออกแบบเส้นทางฟื้นฟูและบำรุงผม ที่ทั้งปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
เติม “วิตามิน” ตัวเด่น ให้เส้นผม
หากคนเราขาดสารอาหารที่จำเป็น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็คงทำงานไม่ได้ตามปกติ ส่งผลต่อความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย เช่นเดียวกันกับ “เส้นผม” ซึ่งต้องการสารอาหารมาบำรุงหล่อเลี้ยงตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เพื่อให้เส้นผมเจริญเติบโต ไม่อ่อนแอจนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร 

และหนึ่งในสารอาหารบำรุงผมก็คือบรรดาวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ นามนินจึงขอชวนเหล่าคนรักผม มาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเติมวิตามินและแร่ธาตุตัวเด่นให้เส้นผมไปด้วยกัน



วิตามินบี 7
หรือในอีกชื่อที่เราคุ้นหูกันก็คือไบโอติน (Biotin) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกใหม่ของเส้นผม และสามารถใช้ได้ผลกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) ด้วย โดยไบโอตินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ที่มีการสร้างใหม่และแบ่งตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างเส้นผม รวมถึงยังมีส่วนในการเสริมสร้างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของเส้นผมด้วย

แหล่งวิตามินบี 7: ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ธัญพืชไม่ขัดสีต่าง ๆ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ และไข่

วิตามินดี
ที่ผ่านมา มีการศึกษาพบว่าการขาดวิตามินดีส่งผลต่ออาการผมร่วงเป็นหย่อม หากเติมวิตามินดี ก็จะช่วยฟื้นฟูให้ภาวะผมร่วงลดลง ทั้งนี้ วิตามินดียังช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ซึ่งทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย

แหล่งวิตามินดี: ปลาที่มีไขมันสูง เห็ด นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต รวมถึงการรับแสงแดดตามธรรมชาติ

วิตามินซี
แม้ไม่ได้บรรเทาภาวะผมร่วงโดยตรง แต่วิตามินซีมีส่วนช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนสำคัญในเซลล์รากผม ซึ่งจะส่งผลต่อการงอกใหม่ของเส้นผม โดยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องร่างกายโดยรวม จึงช่วยลดความเสี่ยงที่เซลล์รากผมจะทำงานผิดปกติเนื่องจากการรบกวนของอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผมงอกใหม่สามารถเติบโตต่อเนื่องได้อย่างราบรื่นนั่นเอง

แหล่งวิตามินซี: ผัก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม มะละกอ ส้ม พริกหวาน คะหน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ ผักโขม

สังกะสี 
สังกะสี หรือ Zinc มีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเส้นผม และช่วยให้ต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะทำงานเป็นปกติ พร้อมกับเสริมเคราติน ซึ่งเป็นโครงสร้างของเส้นผม ช่วยให้ผมเงางาม แข็งแรง ไม่เปราะบางจนขาดหรือหลุดร่วงง่าย สังกะสียังทำหน้าที่ช่วยในการแบ่งเซลล์และเป็นส่วนประกอบสำคัญในเอนไซม์บางชนิด ซึ่งพบว่าหากปริมาณเอนไซม์นี้ลดลง จะส่งผลต่อโรคผมร่วงเป็นหย่อมอีกด้วย

แหล่งสังกะสี: เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ตับ ไข่ เต้าหู้ ธัญพืช ถั่วต่าง ๆ

ธาตุเหล็ก
แร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ สามารถแบ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงเซลล์รากผม เนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง มีส่วนช่วยในการขนส่งออกซิเจนและลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงรากผมให้แข็งแรง ทั้งนี้ พบว่าการที่ร่างกายมีระดับธาตุเหล็กต่ำ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะผมร่วงได้ 

แหล่งธาตุเหล็ก: เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง ตับ เครื่องใน ไข่แดง อาหารทะเล

และถ้าใครที่อยากได้ความสะดวกสบายในการเติมวิตามินและแร่ธาตุให้กับเส้นผมมากยิ่งขึ้น นามนินรวบรวมคุณค่าของวิตามินต่าง ๆ มาไว้ให้แล้วใน “VITA H” ซึ่งแพทย์ของนามนินค้นคว้าและคัดสรรมาเพื่อผลลัพธ์ในการบำรุงรากผมได้อย่างล้ำลึก ในรูปแบบของแคปซูล สามารถรับประทานได้ง่าย นอกจากจะได้คุณประโยชน์จากวิตามินต่าง ๆ แบบเต็ม ๆ แล้ว ยังเสริมด้วยคุณค่าสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ โดยประกอบด้วย


สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร (Rice Bran and Cactus Extract) ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนบางชนิดโดยธรรมชาติ ส่งผลต่อการลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ

D-Biotin เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง

Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต

Iron Amino Acid Chelate ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง

Vitamin B Premix บำรุงเส้นผมให้กลับมาสุขภาพดี


และนี่ก็เป็นเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของเส้นผมจากภายใน ตอบโจทย์โดนใจคนรักเส้นผมอย่างแน่นอน ซึ่งหากใครมีข้อสงสัยหรือความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อมาร่วมกันออกแบบเส้นทางฟื้นฟูและบำรุงผม ที่ทั้งปลอดภัยและได้ประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
ปลูกผมใหม่ ได้อะไร มากกว่า เส้นผม
หลาย ๆ คนอาจมองภาพของการปลูกผมไปในเชิงการเสริมความงาม ไม่ต่างจากการทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกผม เป็นเทคนิคที่ไม่เพียงคำนึงถึงศิลปะความงามเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์เป็นหัวใจหลักในการรักษา ดูแล ฟื้นฟู รวมถึงบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย และการปลูกผมก็ยังนับเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ปัญหาของผู้คนในหลาย ๆ มิติ นามนินจึงขอนำประสบการณ์การช่วยเติมเต็มผมใหม่ให้กับคนไข้ตลอดหลายปี มาบอกเล่าถึงความสำคัญในแง่มุมต่าง ๆ ของเส้นผม ซึ่งหลายคนอาจจะมองข้ามหรือไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ได้อะไรที่ มากกว่า เส้นผมบ้าง

มากกว่าเส้นผม 
คือ “ภารกิจปกป้องหนังศีรษะ”

โดยทั่วไปแล้ว เส้นผมก็ยืนหยัดทำหน้าที่สำคัญในเชิงกายภาพมาตลอดโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปกป้องหนังศีรษะอันอ่อนบางของเรา จากฝุ่น ควัน สิ่งสกปรก หรือของแข็ง ที่สำคัญ ลองนึกภาพพวกเราต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเป็นพิเศษของประเทศไทย หากไม่มีเส้นผมช่วยคลุมหนังศีรษะไว้ ก็อาจจะเป็นอันตรายหรือเกิดภาวะผิดปกติกับอวัยวะของเรา ตั้งแต่อาการปวดศีรษะ ไปจนถึงโรคมะเร็งผิวหนังเลยก็เป็นได้ 

หรือหากอากาศภายนอกเย็นเกินไป เส้นผมของเรานี่ล่ะที่จะคอยช่วยเก็บกักและป้องกันการสูญเสียความร้อนจากภายในร่างกาย ไม่ให้เราเป็นหวัดหรือไม่สบายง่าย ๆ เพราะฉะนั้น เส้นผมจึงทำหน้าที่รักษาสมดุลอุณหภูมิภายในร่างกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ยังคงสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติด้วย


ขณะเดียวกัน เส้นผมก็ยังคอยรักษาความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ เพื่อป้องกันอาการหนังศีรษะแห้ง จนเกิดเป็นรังแค รวมถึงช่วยรักษาสภาพความเป็นกรดอ่อน ๆ ของหนังศีรษะไว้ด้วย ซึ่งหากหนังศีรษะมีค่าความเป็นด่างมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือมีโอกาสเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะมากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนกลับมาส่งผลให้รากผมอ่อนแอ จนเส้นผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ 

ดังนั้น การดูแลให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี มีความหนาแน่นที่สมดุล ก็เท่ากับเป็นการสร้างเกราะป้องกันที่ดีให้กับร่างกายนั่นเอง

มากกว่าเส้นผม
คือ “ทางออกการรักษา ของสารพัดปัญหาผม”

การปลูกผม คือคำตอบที่ใช่ สำหรับผู้ที่มองหาแนวทางการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์ที่เชื่อถือได้ เพื่อแก้ปัญหาผมซึ่งมีที่มาจากสารพัดปัจจัย ดังนี้

1. พันธุกรรม – ภาวะผมร่วง ผมบาง ถือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถส่งต่อสืบทอดกันในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นได้ด้วย ซึ่งปัญหาผมจากสาเหตุนี้ มักจะเกิดขึ้นกับคุณผู้ชายมากกว่าคุณผู้หญิง 


2. พฤติกรรม – ทราบหรือไม่ว่า บางครั้ง พฤติกรรมของเราเองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ เรียกว่าเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว จนนำไปสู่ภาวะผมบางได้เช่นกัน ดังนี้
  • การสระผมผิดวิธี เช่น ใช้น้ำร้อนเกินไป เกาศีรษะแรงเกินไป
  • การหวีผมผิดวิธี เช่น หวีขณะผมเปียก หรือหวีผมบ่อยเกินไป
  • การใช้ความร้อนกับเส้นผมมาก ๆ เช่นจากการใช้ไดร์เป่าผม
  • การใช้สารเคมีกับเส้นผมมาก ๆ เช่น การยืด ดัด ย้อม ทำสี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์รุนแรงกับเส้นผมและหนังศีรษะ
  • การมัดผมรวบตึงเกินไป และต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ 
  • การสวมหมวกบ่อย ๆ โดยหมวกรัดแน่นเกินไป
  • การอยู่ท่ามกลางแสงแดดและมลภาวะ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมอ่อนแอ
  • การสูบบุหรี่ ซึ่งเต็มไปด้วยสารที่ทำร้ายเส้นผมเช่นกัน


3. ปัจจัยอื่น ๆ – ทั้งที่อาจเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ 
  • ผลข้างเคียงจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ 
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ เช่น คุณแม่ที่อยู่ในภาวะหลังคลอด
  • ภาวะขาดสารอาหาร
  • ความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป


ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถนำเทคนิคการปลูกผมถาวร มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ฟื้นฟู ดูแล ให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น ดกดำ โดยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมและความต้องการของคนไข้แต่ละคนให้ได้มากที่สุด

มากกว่าเส้นผม
คือการ “เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่”

แน่นอนว่า ไม่ว่าใครก็อยากมีรูปลักษณ์ที่ชวนมอง มีบุคลิกภาพที่น่าชื่นชม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เส้นผมคือส่วนสำคัญที่ช่วยเติมแต่งให้เราดูดีขึ้นได้ และช่วยสะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนความเป็นเรา แค่ทรงผมเปลี่ยน รูปหน้าก็เปลี่ยน บุคลิกและภาพลักษณ์ก็เปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งจุดนี้เองที่เส้นผมทำงานกับมิติทางด้านจิตใจของคนเราด้วย เพราะหลาย ๆ ท่านที่เข้ามาปรึกษากับแพทย์ของนามนินเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะเป็นภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และไม่ว่าจะเป็นคนไข้วัยรุ่น วัยทำงาน หรือสูงวัย มักจะพบว่าปัญหาผมเหล่านั้น ลึก ๆ แล้วส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจโดยตรง ทำให้สูญเสียความมั่นใจ วิตกกังวล จนไม่กล้าออกไปเข้าสังคมหรือพบปะผู้คน และอาจกระทบไปถึงหน้าที่การงาน รวมถึงความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว หรือบางคนก็หมดความภูมิใจในตัวเอง ไม่สามารถมองตัวเองในกระจกได้อย่างมีความสุข

การปลูกผม จึงไม่เพียงเป็นการเติมเต็มผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมสามารถยิ้มให้กับตัวเองในกระจก และกล้าที่จะก้าวออกไปอยู่ท่ามกลางผู้คนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงานในสังคม พร้อมกับบุคลิกและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ไม่ต่างกับการเปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” นั่นเอง



ปลูกผมใหม่
บนเส้นทางแห่งความใส่ใจ กับนามนิน

ด้วยประสบการณ์และความใส่ใจในคนไข้ ทำให้แพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญของเส้นผมในทุก ๆ มิติที่กล่าวมา ไม่ว่าจะในฐานะองค์ประกอบส่วนหนึ่งร่างกาย ในแง่มุมของการรักษา หรือในมิติของการเติมเต็มทางด้านจิตใจ เนื่องจากแพทย์จะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้ทุก ๆ เคสอย่างใกล้ชิดและเปิดกว้าง จึงได้รับทราบถึงปัญหาของคนไข้ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเริ่มทำงานไปจนถึงวัยหลังเกษียณ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยรูปแบบปัญหา ความต้องการ และข้อจำกัดที่ไม่ซ้ำกันเลย 


และนั่นก็กลายเป็นโจทย์ให้แพทย์ได้ออกแบบแนวทางการรักษาที่แตกต่างออกไปตลอดเวลา สั่งสมจนเป็นทักษะและความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนใคร โดยแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น แม้ว่าปริมาณกราฟต์ผมจะมากจนถึงหลักหลายพันกราฟต์ ซึ่งแต่ละเคสจะใช้เวลาในการปลูกผมตั้งแต่ 6 – 10 ชั่วโมง สะท้อนถึงความพิถีพิถันของแพทย์ ที่ทุ่มเทและใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกขนาดของเส้นผมมาปลูกใหม่ วางทิศทางและองศาผมที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และให้ได้ระยะความลึกที่พอดี หรือความหนาแน่นที่พอเหมาะ เพื่อให้ผมใหม่สามารถอยู่รอดในอัตราสูงที่สุด



ไม่เพียงเท่านั้น เส้นทางแห่งความใส่ใจ จะยังดำเนินต่อไปตลอด 1 ปีเต็ม จนกระทั่งสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งตลอดเส้นทางนั้น แพทย์จะคอยดูแลติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการช่วยฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์การปลูกผมใหม่จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขของคนไข้แต่ละคนเอง

การปลูกผม จึงได้อะไรที่มากกว่าแค่เส้นผมหนาแน่นกลับคืนมา แต่ยังนับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ความสุขและความพอใจของคุณได้ ในทุก ๆ มิติของชีวิต

ปลูกผมใหม่ ได้อะไร มากกว่า เส้นผม
หลาย ๆ คนอาจมองภาพของการปลูกผมไปในเชิงการเสริมความงาม ไม่ต่างจากการทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกผม เป็นเทคนิคที่ไม่เพียงคำนึงถึงศิลปะความงามเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์เป็นหัวใจหลักในการรักษา ดูแล ฟื้นฟู รวมถึงบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย และการปลูกผมก็ยังนับเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ปัญหาของผู้คนในหลาย ๆ มิติ นามนินจึงขอนำประสบการณ์การช่วยเติมเต็มผมใหม่ให้กับคนไข้ตลอดหลายปี มาบอกเล่าถึงความสำคัญในแง่มุมต่าง ๆ ของเส้นผม ซึ่งหลายคนอาจจะมองข้ามหรือไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ได้อะไรที่ มากกว่า เส้นผมบ้าง

มากกว่าเส้นผม 
คือ “ภารกิจปกป้องหนังศีรษะ”

โดยทั่วไปแล้ว เส้นผมก็ยืนหยัดทำหน้าที่สำคัญในเชิงกายภาพมาตลอดโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปกป้องหนังศีรษะอันอ่อนบางของเรา จากฝุ่น ควัน สิ่งสกปรก หรือของแข็ง ที่สำคัญ ลองนึกภาพพวกเราต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเป็นพิเศษของประเทศไทย หากไม่มีเส้นผมช่วยคลุมหนังศีรษะไว้ ก็อาจจะเป็นอันตรายหรือเกิดภาวะผิดปกติกับอวัยวะของเรา ตั้งแต่อาการปวดศีรษะ ไปจนถึงโรคมะเร็งผิวหนังเลยก็เป็นได้ 

หรือหากอากาศภายนอกเย็นเกินไป เส้นผมของเรานี่ล่ะที่จะคอยช่วยเก็บกักและป้องกันการสูญเสียความร้อนจากภายในร่างกาย ไม่ให้เราเป็นหวัดหรือไม่สบายง่าย ๆ เพราะฉะนั้น เส้นผมจึงทำหน้าที่รักษาสมดุลอุณหภูมิภายในร่างกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ยังคงสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติด้วย


ขณะเดียวกัน เส้นผมก็ยังคอยรักษาความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ เพื่อป้องกันอาการหนังศีรษะแห้ง จนเกิดเป็นรังแค รวมถึงช่วยรักษาสภาพความเป็นกรดอ่อน ๆ ของหนังศีรษะไว้ด้วย ซึ่งหากหนังศีรษะมีค่าความเป็นด่างมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือมีโอกาสเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะมากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนกลับมาส่งผลให้รากผมอ่อนแอ จนเส้นผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ 

ดังนั้น การดูแลให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี มีความหนาแน่นที่สมดุล ก็เท่ากับเป็นการสร้างเกราะป้องกันที่ดีให้กับร่างกายนั่นเอง

มากกว่าเส้นผม
คือ “ทางออกการรักษา ของสารพัดปัญหาผม”

การปลูกผม คือคำตอบที่ใช่ สำหรับผู้ที่มองหาแนวทางการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์ที่เชื่อถือได้ เพื่อแก้ปัญหาผมซึ่งมีที่มาจากสารพัดปัจจัย ดังนี้

1. พันธุกรรม – ภาวะผมร่วง ผมบาง ถือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถส่งต่อสืบทอดกันในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นได้ด้วย ซึ่งปัญหาผมจากสาเหตุนี้ มักจะเกิดขึ้นกับคุณผู้ชายมากกว่าคุณผู้หญิง 


2. พฤติกรรม – ทราบหรือไม่ว่า บางครั้ง พฤติกรรมของเราเองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ เรียกว่าเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว จนนำไปสู่ภาวะผมบางได้เช่นกัน ดังนี้
  • การสระผมผิดวิธี เช่น ใช้น้ำร้อนเกินไป เกาศีรษะแรงเกินไป
  • การหวีผมผิดวิธี เช่น หวีขณะผมเปียก หรือหวีผมบ่อยเกินไป
  • การใช้ความร้อนกับเส้นผมมาก ๆ เช่นจากการใช้ไดร์เป่าผม
  • การใช้สารเคมีกับเส้นผมมาก ๆ เช่น การยืด ดัด ย้อม ทำสี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์รุนแรงกับเส้นผมและหนังศีรษะ
  • การมัดผมรวบตึงเกินไป และต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ 
  • การสวมหมวกบ่อย ๆ โดยหมวกรัดแน่นเกินไป
  • การอยู่ท่ามกลางแสงแดดและมลภาวะ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมอ่อนแอ
  • การสูบบุหรี่ ซึ่งเต็มไปด้วยสารที่ทำร้ายเส้นผมเช่นกัน


3. ปัจจัยอื่น ๆ – ทั้งที่อาจเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ 
  • ผลข้างเคียงจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ 
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ เช่น คุณแม่ที่อยู่ในภาวะหลังคลอด
  • ภาวะขาดสารอาหาร
  • ความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป


ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถนำเทคนิคการปลูกผมถาวร มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ฟื้นฟู ดูแล ให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น ดกดำ โดยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมและความต้องการของคนไข้แต่ละคนให้ได้มากที่สุด

มากกว่าเส้นผม
คือการ “เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่”

แน่นอนว่า ไม่ว่าใครก็อยากมีรูปลักษณ์ที่ชวนมอง มีบุคลิกภาพที่น่าชื่นชม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เส้นผมคือส่วนสำคัญที่ช่วยเติมแต่งให้เราดูดีขึ้นได้ และช่วยสะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนความเป็นเรา แค่ทรงผมเปลี่ยน รูปหน้าก็เปลี่ยน บุคลิกและภาพลักษณ์ก็เปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งจุดนี้เองที่เส้นผมทำงานกับมิติทางด้านจิตใจของคนเราด้วย เพราะหลาย ๆ ท่านที่เข้ามาปรึกษากับแพทย์ของนามนินเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะเป็นภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และไม่ว่าจะเป็นคนไข้วัยรุ่น วัยทำงาน หรือสูงวัย มักจะพบว่าปัญหาผมเหล่านั้น ลึก ๆ แล้วส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจโดยตรง ทำให้สูญเสียความมั่นใจ วิตกกังวล จนไม่กล้าออกไปเข้าสังคมหรือพบปะผู้คน และอาจกระทบไปถึงหน้าที่การงาน รวมถึงความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว หรือบางคนก็หมดความภูมิใจในตัวเอง ไม่สามารถมองตัวเองในกระจกได้อย่างมีความสุข

การปลูกผม จึงไม่เพียงเป็นการเติมเต็มผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมสามารถยิ้มให้กับตัวเองในกระจก และกล้าที่จะก้าวออกไปอยู่ท่ามกลางผู้คนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงานในสังคม พร้อมกับบุคลิกและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ไม่ต่างกับการเปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” นั่นเอง



ปลูกผมใหม่
บนเส้นทางแห่งความใส่ใจ กับนามนิน

ด้วยประสบการณ์และความใส่ใจในคนไข้ ทำให้แพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญของเส้นผมในทุก ๆ มิติที่กล่าวมา ไม่ว่าจะในฐานะองค์ประกอบส่วนหนึ่งร่างกาย ในแง่มุมของการรักษา หรือในมิติของการเติมเต็มทางด้านจิตใจ เนื่องจากแพทย์จะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้ทุก ๆ เคสอย่างใกล้ชิดและเปิดกว้าง จึงได้รับทราบถึงปัญหาของคนไข้ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเริ่มทำงานไปจนถึงวัยหลังเกษียณ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยรูปแบบปัญหา ความต้องการ และข้อจำกัดที่ไม่ซ้ำกันเลย 


และนั่นก็กลายเป็นโจทย์ให้แพทย์ได้ออกแบบแนวทางการรักษาที่แตกต่างออกไปตลอดเวลา สั่งสมจนเป็นทักษะและความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนใคร โดยแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น แม้ว่าปริมาณกราฟต์ผมจะมากจนถึงหลักหลายพันกราฟต์ ซึ่งแต่ละเคสจะใช้เวลาในการปลูกผมตั้งแต่ 6 – 10 ชั่วโมง สะท้อนถึงความพิถีพิถันของแพทย์ ที่ทุ่มเทและใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกขนาดของเส้นผมมาปลูกใหม่ วางทิศทางและองศาผมที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และให้ได้ระยะความลึกที่พอดี หรือความหนาแน่นที่พอเหมาะ เพื่อให้ผมใหม่สามารถอยู่รอดในอัตราสูงที่สุด



ไม่เพียงเท่านั้น เส้นทางแห่งความใส่ใจ จะยังดำเนินต่อไปตลอด 1 ปีเต็ม จนกระทั่งสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งตลอดเส้นทางนั้น แพทย์จะคอยดูแลติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการช่วยฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์การปลูกผมใหม่จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขของคนไข้แต่ละคนเอง

การปลูกผม จึงได้อะไรที่มากกว่าแค่เส้นผมหนาแน่นกลับคืนมา แต่ยังนับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ความสุขและความพอใจของคุณได้ ในทุก ๆ มิติของชีวิต

ปลูกผมใหม่ ได้อะไร มากกว่า เส้นผม
หลาย ๆ คนอาจมองภาพของการปลูกผมไปในเชิงการเสริมความงาม ไม่ต่างจากการทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกผม เป็นเทคนิคที่ไม่เพียงคำนึงถึงศิลปะความงามเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์เป็นหัวใจหลักในการรักษา ดูแล ฟื้นฟู รวมถึงบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย และการปลูกผมก็ยังนับเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ปัญหาของผู้คนในหลาย ๆ มิติ นามนินจึงขอนำประสบการณ์การช่วยเติมเต็มผมใหม่ให้กับคนไข้ตลอดหลายปี มาบอกเล่าถึงความสำคัญในแง่มุมต่าง ๆ ของเส้นผม ซึ่งหลายคนอาจจะมองข้ามหรือไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ได้อะไรที่ มากกว่า เส้นผมบ้าง

มากกว่าเส้นผม 
คือ “ภารกิจปกป้องหนังศีรษะ”

โดยทั่วไปแล้ว เส้นผมก็ยืนหยัดทำหน้าที่สำคัญในเชิงกายภาพมาตลอดโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปกป้องหนังศีรษะอันอ่อนบางของเรา จากฝุ่น ควัน สิ่งสกปรก หรือของแข็ง ที่สำคัญ ลองนึกภาพพวกเราต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเป็นพิเศษของประเทศไทย หากไม่มีเส้นผมช่วยคลุมหนังศีรษะไว้ ก็อาจจะเป็นอันตรายหรือเกิดภาวะผิดปกติกับอวัยวะของเรา ตั้งแต่อาการปวดศีรษะ ไปจนถึงโรคมะเร็งผิวหนังเลยก็เป็นได้ 

หรือหากอากาศภายนอกเย็นเกินไป เส้นผมของเรานี่ล่ะที่จะคอยช่วยเก็บกักและป้องกันการสูญเสียความร้อนจากภายในร่างกาย ไม่ให้เราเป็นหวัดหรือไม่สบายง่าย ๆ เพราะฉะนั้น เส้นผมจึงทำหน้าที่รักษาสมดุลอุณหภูมิภายในร่างกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ยังคงสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติด้วย


ขณะเดียวกัน เส้นผมก็ยังคอยรักษาความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ เพื่อป้องกันอาการหนังศีรษะแห้ง จนเกิดเป็นรังแค รวมถึงช่วยรักษาสภาพความเป็นกรดอ่อน ๆ ของหนังศีรษะไว้ด้วย ซึ่งหากหนังศีรษะมีค่าความเป็นด่างมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือมีโอกาสเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะมากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนกลับมาส่งผลให้รากผมอ่อนแอ จนเส้นผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ 

ดังนั้น การดูแลให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี มีความหนาแน่นที่สมดุล ก็เท่ากับเป็นการสร้างเกราะป้องกันที่ดีให้กับร่างกายนั่นเอง

มากกว่าเส้นผม
คือ “ทางออกการรักษา ของสารพัดปัญหาผม”

การปลูกผม คือคำตอบที่ใช่ สำหรับผู้ที่มองหาแนวทางการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์ที่เชื่อถือได้ เพื่อแก้ปัญหาผมซึ่งมีที่มาจากสารพัดปัจจัย ดังนี้

1. พันธุกรรม – ภาวะผมร่วง ผมบาง ถือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถส่งต่อสืบทอดกันในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นได้ด้วย ซึ่งปัญหาผมจากสาเหตุนี้ มักจะเกิดขึ้นกับคุณผู้ชายมากกว่าคุณผู้หญิง 


2. พฤติกรรม – ทราบหรือไม่ว่า บางครั้ง พฤติกรรมของเราเองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ เรียกว่าเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว จนนำไปสู่ภาวะผมบางได้เช่นกัน ดังนี้
  • การสระผมผิดวิธี เช่น ใช้น้ำร้อนเกินไป เกาศีรษะแรงเกินไป
  • การหวีผมผิดวิธี เช่น หวีขณะผมเปียก หรือหวีผมบ่อยเกินไป
  • การใช้ความร้อนกับเส้นผมมาก ๆ เช่นจากการใช้ไดร์เป่าผม
  • การใช้สารเคมีกับเส้นผมมาก ๆ เช่น การยืด ดัด ย้อม ทำสี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์รุนแรงกับเส้นผมและหนังศีรษะ
  • การมัดผมรวบตึงเกินไป และต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ 
  • การสวมหมวกบ่อย ๆ โดยหมวกรัดแน่นเกินไป
  • การอยู่ท่ามกลางแสงแดดและมลภาวะ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมอ่อนแอ
  • การสูบบุหรี่ ซึ่งเต็มไปด้วยสารที่ทำร้ายเส้นผมเช่นกัน


3. ปัจจัยอื่น ๆ – ทั้งที่อาจเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ 
  • ผลข้างเคียงจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ 
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ เช่น คุณแม่ที่อยู่ในภาวะหลังคลอด
  • ภาวะขาดสารอาหาร
  • ความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป


ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถนำเทคนิคการปลูกผมถาวร มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ฟื้นฟู ดูแล ให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น ดกดำ โดยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมและความต้องการของคนไข้แต่ละคนให้ได้มากที่สุด

มากกว่าเส้นผม
คือการ “เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่”

แน่นอนว่า ไม่ว่าใครก็อยากมีรูปลักษณ์ที่ชวนมอง มีบุคลิกภาพที่น่าชื่นชม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เส้นผมคือส่วนสำคัญที่ช่วยเติมแต่งให้เราดูดีขึ้นได้ และช่วยสะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนความเป็นเรา แค่ทรงผมเปลี่ยน รูปหน้าก็เปลี่ยน บุคลิกและภาพลักษณ์ก็เปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งจุดนี้เองที่เส้นผมทำงานกับมิติทางด้านจิตใจของคนเราด้วย เพราะหลาย ๆ ท่านที่เข้ามาปรึกษากับแพทย์ของนามนินเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะเป็นภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และไม่ว่าจะเป็นคนไข้วัยรุ่น วัยทำงาน หรือสูงวัย มักจะพบว่าปัญหาผมเหล่านั้น ลึก ๆ แล้วส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจโดยตรง ทำให้สูญเสียความมั่นใจ วิตกกังวล จนไม่กล้าออกไปเข้าสังคมหรือพบปะผู้คน และอาจกระทบไปถึงหน้าที่การงาน รวมถึงความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว หรือบางคนก็หมดความภูมิใจในตัวเอง ไม่สามารถมองตัวเองในกระจกได้อย่างมีความสุข

การปลูกผม จึงไม่เพียงเป็นการเติมเต็มผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมสามารถยิ้มให้กับตัวเองในกระจก และกล้าที่จะก้าวออกไปอยู่ท่ามกลางผู้คนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงานในสังคม พร้อมกับบุคลิกและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ไม่ต่างกับการเปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” นั่นเอง



ปลูกผมใหม่
บนเส้นทางแห่งความใส่ใจ กับนามนิน

ด้วยประสบการณ์และความใส่ใจในคนไข้ ทำให้แพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญของเส้นผมในทุก ๆ มิติที่กล่าวมา ไม่ว่าจะในฐานะองค์ประกอบส่วนหนึ่งร่างกาย ในแง่มุมของการรักษา หรือในมิติของการเติมเต็มทางด้านจิตใจ เนื่องจากแพทย์จะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้ทุก ๆ เคสอย่างใกล้ชิดและเปิดกว้าง จึงได้รับทราบถึงปัญหาของคนไข้ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเริ่มทำงานไปจนถึงวัยหลังเกษียณ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยรูปแบบปัญหา ความต้องการ และข้อจำกัดที่ไม่ซ้ำกันเลย 


และนั่นก็กลายเป็นโจทย์ให้แพทย์ได้ออกแบบแนวทางการรักษาที่แตกต่างออกไปตลอดเวลา สั่งสมจนเป็นทักษะและความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนใคร โดยแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น แม้ว่าปริมาณกราฟต์ผมจะมากจนถึงหลักหลายพันกราฟต์ ซึ่งแต่ละเคสจะใช้เวลาในการปลูกผมตั้งแต่ 6 – 10 ชั่วโมง สะท้อนถึงความพิถีพิถันของแพทย์ ที่ทุ่มเทและใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกขนาดของเส้นผมมาปลูกใหม่ วางทิศทางและองศาผมที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และให้ได้ระยะความลึกที่พอดี หรือความหนาแน่นที่พอเหมาะ เพื่อให้ผมใหม่สามารถอยู่รอดในอัตราสูงที่สุด



ไม่เพียงเท่านั้น เส้นทางแห่งความใส่ใจ จะยังดำเนินต่อไปตลอด 1 ปีเต็ม จนกระทั่งสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งตลอดเส้นทางนั้น แพทย์จะคอยดูแลติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการช่วยฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์การปลูกผมใหม่จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขของคนไข้แต่ละคนเอง

การปลูกผม จึงได้อะไรที่มากกว่าแค่เส้นผมหนาแน่นกลับคืนมา แต่ยังนับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ความสุขและความพอใจของคุณได้ ในทุก ๆ มิติของชีวิต

ปลูกผมใหม่ ได้อะไร มากกว่า เส้นผม
หลาย ๆ คนอาจมองภาพของการปลูกผมไปในเชิงการเสริมความงาม ไม่ต่างจากการทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกผม เป็นเทคนิคที่ไม่เพียงคำนึงถึงศิลปะความงามเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์เป็นหัวใจหลักในการรักษา ดูแล ฟื้นฟู รวมถึงบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย และการปลูกผมก็ยังนับเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ปัญหาของผู้คนในหลาย ๆ มิติ นามนินจึงขอนำประสบการณ์การช่วยเติมเต็มผมใหม่ให้กับคนไข้ตลอดหลายปี มาบอกเล่าถึงความสำคัญในแง่มุมต่าง ๆ ของเส้นผม ซึ่งหลายคนอาจจะมองข้ามหรือไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ได้อะไรที่ มากกว่า เส้นผมบ้าง

มากกว่าเส้นผม 
คือ “ภารกิจปกป้องหนังศีรษะ”

โดยทั่วไปแล้ว เส้นผมก็ยืนหยัดทำหน้าที่สำคัญในเชิงกายภาพมาตลอดโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปกป้องหนังศีรษะอันอ่อนบางของเรา จากฝุ่น ควัน สิ่งสกปรก หรือของแข็ง ที่สำคัญ ลองนึกภาพพวกเราต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเป็นพิเศษของประเทศไทย หากไม่มีเส้นผมช่วยคลุมหนังศีรษะไว้ ก็อาจจะเป็นอันตรายหรือเกิดภาวะผิดปกติกับอวัยวะของเรา ตั้งแต่อาการปวดศีรษะ ไปจนถึงโรคมะเร็งผิวหนังเลยก็เป็นได้ 

หรือหากอากาศภายนอกเย็นเกินไป เส้นผมของเรานี่ล่ะที่จะคอยช่วยเก็บกักและป้องกันการสูญเสียความร้อนจากภายในร่างกาย ไม่ให้เราเป็นหวัดหรือไม่สบายง่าย ๆ เพราะฉะนั้น เส้นผมจึงทำหน้าที่รักษาสมดุลอุณหภูมิภายในร่างกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ยังคงสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติด้วย


ขณะเดียวกัน เส้นผมก็ยังคอยรักษาความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ เพื่อป้องกันอาการหนังศีรษะแห้ง จนเกิดเป็นรังแค รวมถึงช่วยรักษาสภาพความเป็นกรดอ่อน ๆ ของหนังศีรษะไว้ด้วย ซึ่งหากหนังศีรษะมีค่าความเป็นด่างมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือมีโอกาสเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะมากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนกลับมาส่งผลให้รากผมอ่อนแอ จนเส้นผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ 

ดังนั้น การดูแลให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี มีความหนาแน่นที่สมดุล ก็เท่ากับเป็นการสร้างเกราะป้องกันที่ดีให้กับร่างกายนั่นเอง

มากกว่าเส้นผม
คือ “ทางออกการรักษา ของสารพัดปัญหาผม”

การปลูกผม คือคำตอบที่ใช่ สำหรับผู้ที่มองหาแนวทางการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์ที่เชื่อถือได้ เพื่อแก้ปัญหาผมซึ่งมีที่มาจากสารพัดปัจจัย ดังนี้

1. พันธุกรรม – ภาวะผมร่วง ผมบาง ถือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถส่งต่อสืบทอดกันในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นได้ด้วย ซึ่งปัญหาผมจากสาเหตุนี้ มักจะเกิดขึ้นกับคุณผู้ชายมากกว่าคุณผู้หญิง 


2. พฤติกรรม – ทราบหรือไม่ว่า บางครั้ง พฤติกรรมของเราเองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ เรียกว่าเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว จนนำไปสู่ภาวะผมบางได้เช่นกัน ดังนี้
  • การสระผมผิดวิธี เช่น ใช้น้ำร้อนเกินไป เกาศีรษะแรงเกินไป
  • การหวีผมผิดวิธี เช่น หวีขณะผมเปียก หรือหวีผมบ่อยเกินไป
  • การใช้ความร้อนกับเส้นผมมาก ๆ เช่นจากการใช้ไดร์เป่าผม
  • การใช้สารเคมีกับเส้นผมมาก ๆ เช่น การยืด ดัด ย้อม ทำสี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์รุนแรงกับเส้นผมและหนังศีรษะ
  • การมัดผมรวบตึงเกินไป และต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ 
  • การสวมหมวกบ่อย ๆ โดยหมวกรัดแน่นเกินไป
  • การอยู่ท่ามกลางแสงแดดและมลภาวะ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมอ่อนแอ
  • การสูบบุหรี่ ซึ่งเต็มไปด้วยสารที่ทำร้ายเส้นผมเช่นกัน


3. ปัจจัยอื่น ๆ – ทั้งที่อาจเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ 
  • ผลข้างเคียงจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ 
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ เช่น คุณแม่ที่อยู่ในภาวะหลังคลอด
  • ภาวะขาดสารอาหาร
  • ความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป


ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถนำเทคนิคการปลูกผมถาวร มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ฟื้นฟู ดูแล ให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น ดกดำ โดยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมและความต้องการของคนไข้แต่ละคนให้ได้มากที่สุด

มากกว่าเส้นผม
คือการ “เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่”

แน่นอนว่า ไม่ว่าใครก็อยากมีรูปลักษณ์ที่ชวนมอง มีบุคลิกภาพที่น่าชื่นชม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เส้นผมคือส่วนสำคัญที่ช่วยเติมแต่งให้เราดูดีขึ้นได้ และช่วยสะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนความเป็นเรา แค่ทรงผมเปลี่ยน รูปหน้าก็เปลี่ยน บุคลิกและภาพลักษณ์ก็เปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งจุดนี้เองที่เส้นผมทำงานกับมิติทางด้านจิตใจของคนเราด้วย เพราะหลาย ๆ ท่านที่เข้ามาปรึกษากับแพทย์ของนามนินเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะเป็นภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และไม่ว่าจะเป็นคนไข้วัยรุ่น วัยทำงาน หรือสูงวัย มักจะพบว่าปัญหาผมเหล่านั้น ลึก ๆ แล้วส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจโดยตรง ทำให้สูญเสียความมั่นใจ วิตกกังวล จนไม่กล้าออกไปเข้าสังคมหรือพบปะผู้คน และอาจกระทบไปถึงหน้าที่การงาน รวมถึงความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว หรือบางคนก็หมดความภูมิใจในตัวเอง ไม่สามารถมองตัวเองในกระจกได้อย่างมีความสุข

การปลูกผม จึงไม่เพียงเป็นการเติมเต็มผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมสามารถยิ้มให้กับตัวเองในกระจก และกล้าที่จะก้าวออกไปอยู่ท่ามกลางผู้คนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงานในสังคม พร้อมกับบุคลิกและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ไม่ต่างกับการเปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” นั่นเอง



ปลูกผมใหม่
บนเส้นทางแห่งความใส่ใจ กับนามนิน

ด้วยประสบการณ์และความใส่ใจในคนไข้ ทำให้แพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญของเส้นผมในทุก ๆ มิติที่กล่าวมา ไม่ว่าจะในฐานะองค์ประกอบส่วนหนึ่งร่างกาย ในแง่มุมของการรักษา หรือในมิติของการเติมเต็มทางด้านจิตใจ เนื่องจากแพทย์จะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้ทุก ๆ เคสอย่างใกล้ชิดและเปิดกว้าง จึงได้รับทราบถึงปัญหาของคนไข้ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเริ่มทำงานไปจนถึงวัยหลังเกษียณ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยรูปแบบปัญหา ความต้องการ และข้อจำกัดที่ไม่ซ้ำกันเลย 


และนั่นก็กลายเป็นโจทย์ให้แพทย์ได้ออกแบบแนวทางการรักษาที่แตกต่างออกไปตลอดเวลา สั่งสมจนเป็นทักษะและความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนใคร โดยแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น แม้ว่าปริมาณกราฟต์ผมจะมากจนถึงหลักหลายพันกราฟต์ ซึ่งแต่ละเคสจะใช้เวลาในการปลูกผมตั้งแต่ 6 – 10 ชั่วโมง สะท้อนถึงความพิถีพิถันของแพทย์ ที่ทุ่มเทและใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกขนาดของเส้นผมมาปลูกใหม่ วางทิศทางและองศาผมที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และให้ได้ระยะความลึกที่พอดี หรือความหนาแน่นที่พอเหมาะ เพื่อให้ผมใหม่สามารถอยู่รอดในอัตราสูงที่สุด



ไม่เพียงเท่านั้น เส้นทางแห่งความใส่ใจ จะยังดำเนินต่อไปตลอด 1 ปีเต็ม จนกระทั่งสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งตลอดเส้นทางนั้น แพทย์จะคอยดูแลติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการช่วยฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์การปลูกผมใหม่จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขของคนไข้แต่ละคนเอง

การปลูกผม จึงได้อะไรที่มากกว่าแค่เส้นผมหนาแน่นกลับคืนมา แต่ยังนับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ความสุขและความพอใจของคุณได้ ในทุก ๆ มิติของชีวิต

ปลูกผมใหม่ ได้อะไร มากกว่า เส้นผม
หลาย ๆ คนอาจมองภาพของการปลูกผมไปในเชิงการเสริมความงาม ไม่ต่างจากการทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปลูกผม เป็นเทคนิคที่ไม่เพียงคำนึงถึงศิลปะความงามเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์เป็นหัวใจหลักในการรักษา ดูแล ฟื้นฟู รวมถึงบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย และการปลูกผมก็ยังนับเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ปัญหาของผู้คนในหลาย ๆ มิติ นามนินจึงขอนำประสบการณ์การช่วยเติมเต็มผมใหม่ให้กับคนไข้ตลอดหลายปี มาบอกเล่าถึงความสำคัญในแง่มุมต่าง ๆ ของเส้นผม ซึ่งหลายคนอาจจะมองข้ามหรือไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ได้อะไรที่ มากกว่า เส้นผมบ้าง

มากกว่าเส้นผม 
คือ “ภารกิจปกป้องหนังศีรษะ”

โดยทั่วไปแล้ว เส้นผมก็ยืนหยัดทำหน้าที่สำคัญในเชิงกายภาพมาตลอดโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปกป้องหนังศีรษะอันอ่อนบางของเรา จากฝุ่น ควัน สิ่งสกปรก หรือของแข็ง ที่สำคัญ ลองนึกภาพพวกเราต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุเป็นพิเศษของประเทศไทย หากไม่มีเส้นผมช่วยคลุมหนังศีรษะไว้ ก็อาจจะเป็นอันตรายหรือเกิดภาวะผิดปกติกับอวัยวะของเรา ตั้งแต่อาการปวดศีรษะ ไปจนถึงโรคมะเร็งผิวหนังเลยก็เป็นได้ 

หรือหากอากาศภายนอกเย็นเกินไป เส้นผมของเรานี่ล่ะที่จะคอยช่วยเก็บกักและป้องกันการสูญเสียความร้อนจากภายในร่างกาย ไม่ให้เราเป็นหวัดหรือไม่สบายง่าย ๆ เพราะฉะนั้น เส้นผมจึงทำหน้าที่รักษาสมดุลอุณหภูมิภายในร่างกาย เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ยังคงสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติด้วย


ขณะเดียวกัน เส้นผมก็ยังคอยรักษาความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ เพื่อป้องกันอาการหนังศีรษะแห้ง จนเกิดเป็นรังแค รวมถึงช่วยรักษาสภาพความเป็นกรดอ่อน ๆ ของหนังศีรษะไว้ด้วย ซึ่งหากหนังศีรษะมีค่าความเป็นด่างมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือมีโอกาสเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะมากขึ้น ซึ่งจะสะท้อนกลับมาส่งผลให้รากผมอ่อนแอ จนเส้นผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ 

ดังนั้น การดูแลให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี มีความหนาแน่นที่สมดุล ก็เท่ากับเป็นการสร้างเกราะป้องกันที่ดีให้กับร่างกายนั่นเอง

มากกว่าเส้นผม
คือ “ทางออกการรักษา ของสารพัดปัญหาผม”

การปลูกผม คือคำตอบที่ใช่ สำหรับผู้ที่มองหาแนวทางการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์ที่เชื่อถือได้ เพื่อแก้ปัญหาผมซึ่งมีที่มาจากสารพัดปัจจัย ดังนี้

1. พันธุกรรม – ภาวะผมร่วง ผมบาง ถือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถส่งต่อสืบทอดกันในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นได้ด้วย ซึ่งปัญหาผมจากสาเหตุนี้ มักจะเกิดขึ้นกับคุณผู้ชายมากกว่าคุณผู้หญิง 


2. พฤติกรรม – ทราบหรือไม่ว่า บางครั้ง พฤติกรรมของเราเองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ เรียกว่าเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว จนนำไปสู่ภาวะผมบางได้เช่นกัน ดังนี้
  • การสระผมผิดวิธี เช่น ใช้น้ำร้อนเกินไป เกาศีรษะแรงเกินไป
  • การหวีผมผิดวิธี เช่น หวีขณะผมเปียก หรือหวีผมบ่อยเกินไป
  • การใช้ความร้อนกับเส้นผมมาก ๆ เช่นจากการใช้ไดร์เป่าผม
  • การใช้สารเคมีกับเส้นผมมาก ๆ เช่น การยืด ดัด ย้อม ทำสี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์รุนแรงกับเส้นผมและหนังศีรษะ
  • การมัดผมรวบตึงเกินไป และต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ 
  • การสวมหมวกบ่อย ๆ โดยหมวกรัดแน่นเกินไป
  • การอยู่ท่ามกลางแสงแดดและมลภาวะ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมอ่อนแอ
  • การสูบบุหรี่ ซึ่งเต็มไปด้วยสารที่ทำร้ายเส้นผมเช่นกัน


3. ปัจจัยอื่น ๆ – ทั้งที่อาจเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ 
  • ผลข้างเคียงจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ 
  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ เช่น คุณแม่ที่อยู่ในภาวะหลังคลอด
  • ภาวะขาดสารอาหาร
  • ความเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไป


ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถนำเทคนิคการปลูกผมถาวร มาเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ฟื้นฟู ดูแล ให้เส้นผมกลับมาหนาแน่น ดกดำ โดยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมและความต้องการของคนไข้แต่ละคนให้ได้มากที่สุด

มากกว่าเส้นผม
คือการ “เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่”

แน่นอนว่า ไม่ว่าใครก็อยากมีรูปลักษณ์ที่ชวนมอง มีบุคลิกภาพที่น่าชื่นชม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เส้นผมคือส่วนสำคัญที่ช่วยเติมแต่งให้เราดูดีขึ้นได้ และช่วยสะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนความเป็นเรา แค่ทรงผมเปลี่ยน รูปหน้าก็เปลี่ยน บุคลิกและภาพลักษณ์ก็เปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งจุดนี้เองที่เส้นผมทำงานกับมิติทางด้านจิตใจของคนเราด้วย เพราะหลาย ๆ ท่านที่เข้ามาปรึกษากับแพทย์ของนามนินเกี่ยวกับปัญหาผม ไม่ว่าจะเป็นภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และไม่ว่าจะเป็นคนไข้วัยรุ่น วัยทำงาน หรือสูงวัย มักจะพบว่าปัญหาผมเหล่านั้น ลึก ๆ แล้วส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจโดยตรง ทำให้สูญเสียความมั่นใจ วิตกกังวล จนไม่กล้าออกไปเข้าสังคมหรือพบปะผู้คน และอาจกระทบไปถึงหน้าที่การงาน รวมถึงความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว หรือบางคนก็หมดความภูมิใจในตัวเอง ไม่สามารถมองตัวเองในกระจกได้อย่างมีความสุข

การปลูกผม จึงไม่เพียงเป็นการเติมเต็มผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมสามารถยิ้มให้กับตัวเองในกระจก และกล้าที่จะก้าวออกไปอยู่ท่ามกลางผู้คนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงานในสังคม พร้อมกับบุคลิกและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ไม่ต่างกับการเปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” นั่นเอง



ปลูกผมใหม่
บนเส้นทางแห่งความใส่ใจ กับนามนิน

ด้วยประสบการณ์และความใส่ใจในคนไข้ ทำให้แพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญของเส้นผมในทุก ๆ มิติที่กล่าวมา ไม่ว่าจะในฐานะองค์ประกอบส่วนหนึ่งร่างกาย ในแง่มุมของการรักษา หรือในมิติของการเติมเต็มทางด้านจิตใจ เนื่องจากแพทย์จะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้ทุก ๆ เคสอย่างใกล้ชิดและเปิดกว้าง จึงได้รับทราบถึงปัญหาของคนไข้ในทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยเริ่มทำงานไปจนถึงวัยหลังเกษียณ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยรูปแบบปัญหา ความต้องการ และข้อจำกัดที่ไม่ซ้ำกันเลย 


และนั่นก็กลายเป็นโจทย์ให้แพทย์ได้ออกแบบแนวทางการรักษาที่แตกต่างออกไปตลอดเวลา สั่งสมจนเป็นทักษะและความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนใคร โดยแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น แม้ว่าปริมาณกราฟต์ผมจะมากจนถึงหลักหลายพันกราฟต์ ซึ่งแต่ละเคสจะใช้เวลาในการปลูกผมตั้งแต่ 6 – 10 ชั่วโมง สะท้อนถึงความพิถีพิถันของแพทย์ ที่ทุ่มเทและใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกขนาดของเส้นผมมาปลูกใหม่ วางทิศทางและองศาผมที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และให้ได้ระยะความลึกที่พอดี หรือความหนาแน่นที่พอเหมาะ เพื่อให้ผมใหม่สามารถอยู่รอดในอัตราสูงที่สุด



ไม่เพียงเท่านั้น เส้นทางแห่งความใส่ใจ จะยังดำเนินต่อไปตลอด 1 ปีเต็ม จนกระทั่งสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งตลอดเส้นทางนั้น แพทย์จะคอยดูแลติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการช่วยฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์การปลูกผมใหม่จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ภายใต้เงื่อนไขของคนไข้แต่ละคนเอง

การปลูกผม จึงได้อะไรที่มากกว่าแค่เส้นผมหนาแน่นกลับคืนมา แต่ยังนับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ความสุขและความพอใจของคุณได้ ในทุก ๆ มิติของชีวิต

คืนความมั่นใจ ให้สาวผมบาง ด้วย PHB
การมีผมบางจากกรรมพันธุ์อาจเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไกลตัว แต่รู้ไหมคะ? ปัญหานี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงถึง 40% และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผมบางที่มีชื่อว่า “โรคผมร่วงกรรมพันธุ์ (Androgenetic Alopecia)” ซึ่งเกิดจากยีนที่ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ แต่รู้แน่ชัดว่ามีส่วนทำให้ผมบาง ปัญหานี้พบได้ผู้หญิงช่วงอายุ 15 – 40 ปี อาการของโรคนี้เริ่มต้นที่บริเวณกลางศีรษะและอาจขยายออกไปเป็นวงกลม เป็นรูปแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL) แบ่งตามระยะอาการผมบางได้ 3 ระยะ ดังนี้
Type I : ผมเริ่มบางที่กลางศีรษะ เริ่มเห็นหนังศีรษะเล็กน้อย
Type II : ผมบางมากขึ้น พื้นที่ที่เห็นหนังศีรษะกว้างขึ้น
Type III : ผมบางที่สุด เห็นหนังศีรษะในบริเวณกว้าง



นอกจากนี้ ยังมีอีกบางรูปแบบที่อาจพบได้แต่เป็นจำนวนน้อย เช่น ผมบางรุนแรงที่กลางศีรษะ เห็นหนังศีรษะในพื้นที่กว้างมาก และแบบ Frontal ผมบางรุนแรงที่เริ่มจากด้านหน้า ซึ่งพบได้น้อยในผู้หญิง แต่ถ้าพบก็อาจหมายถึงปัญหาที่ต้องดูแลอย่างเร่งด่วนค่ะ 

แม้ว่าโรคผมร่วงกรรมพันธุ์จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่นามนินคลินิกมีวิธีการที่ช่วยลดอาการผมร่วงและกระตุ้นการเติบโตของผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงผมที่ออกแบบมาเพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาผมบางทั่วทั้งศีรษะ ฟื้นบำรุงผมบางที่กลางศีรษะ หรือการฟื้นฟูผมบางบริเวณกรอบหน้าที่อาจทำให้หน้าผากดูกว้าง รูปหน้าไม่ได้สัดส่วนที่สมดุล



โปรแกรม PHB ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลและสารบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูรากผมลึกถึงเซลล์ กระตุ้นให้รากผมแข็งแรง ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง เสริมการเติบโตของผมใหม่ให้มีความหนาและสุขภาพดีขึ้น การเข้ารับบริการใช้เวลาเพียง 30-40 นาทีต่อครั้ง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งหลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน
  • ผมที่ขึ้นใหม่หนาและดูสุขภาพดีขึ้น



ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะประเมินปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ทุกปัญหาได้รับการดูแลและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้น อาจจะมีในบางกรณีที่ควรต้องเข้ารับการปลูกผมร่วมด้วย เช่น การปลูกผมปรับกรอบหน้าเพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินจะแนะนำเทคนิค NEAT ที่คุณหมอเป็นผู้ปลูกผมเองทุกกราฟต์ พร้อมทั้งออกแบบ Hairline ใหม่ที่เหมาะสมกับรูปหน้า ปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลขึ้น เมื่อการปลูกผมเสร็จสมบูรณ์ ก็จะได้ผลลัพธ์ทั้งเส้นผมใหม่ที่หนาแน่นกว่าเดิม และรูปหน้าที่สวยงาม เสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้มากขึ้น   

หากต้องการฟื้นฟูเส้นผมและกลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง นามนินคลินิก เราพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อมอบการดูแลเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายที่สุดค่ะ


คืนความมั่นใจ ให้สาวผมบาง ด้วย PHB
การมีผมบางจากกรรมพันธุ์อาจเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไกลตัว แต่รู้ไหมคะ? ปัญหานี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงถึง 40% และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผมบางที่มีชื่อว่า “โรคผมร่วงกรรมพันธุ์ (Androgenetic Alopecia)” ซึ่งเกิดจากยีนที่ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ แต่รู้แน่ชัดว่ามีส่วนทำให้ผมบาง ปัญหานี้พบได้ผู้หญิงช่วงอายุ 15 – 40 ปี อาการของโรคนี้เริ่มต้นที่บริเวณกลางศีรษะและอาจขยายออกไปเป็นวงกลม เป็นรูปแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL) แบ่งตามระยะอาการผมบางได้ 3 ระยะ ดังนี้
Type I : ผมเริ่มบางที่กลางศีรษะ เริ่มเห็นหนังศีรษะเล็กน้อย
Type II : ผมบางมากขึ้น พื้นที่ที่เห็นหนังศีรษะกว้างขึ้น
Type III : ผมบางที่สุด เห็นหนังศีรษะในบริเวณกว้าง



นอกจากนี้ ยังมีอีกบางรูปแบบที่อาจพบได้แต่เป็นจำนวนน้อย เช่น ผมบางรุนแรงที่กลางศีรษะ เห็นหนังศีรษะในพื้นที่กว้างมาก และแบบ Frontal ผมบางรุนแรงที่เริ่มจากด้านหน้า ซึ่งพบได้น้อยในผู้หญิง แต่ถ้าพบก็อาจหมายถึงปัญหาที่ต้องดูแลอย่างเร่งด่วนค่ะ 

แม้ว่าโรคผมร่วงกรรมพันธุ์จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่นามนินคลินิกมีวิธีการที่ช่วยลดอาการผมร่วงและกระตุ้นการเติบโตของผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงผมที่ออกแบบมาเพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาผมบางทั่วทั้งศีรษะ ฟื้นบำรุงผมบางที่กลางศีรษะ หรือการฟื้นฟูผมบางบริเวณกรอบหน้าที่อาจทำให้หน้าผากดูกว้าง รูปหน้าไม่ได้สัดส่วนที่สมดุล



โปรแกรม PHB ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลและสารบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูรากผมลึกถึงเซลล์ กระตุ้นให้รากผมแข็งแรง ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง เสริมการเติบโตของผมใหม่ให้มีความหนาและสุขภาพดีขึ้น การเข้ารับบริการใช้เวลาเพียง 30-40 นาทีต่อครั้ง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งหลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน
  • ผมที่ขึ้นใหม่หนาและดูสุขภาพดีขึ้น



ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะประเมินปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ทุกปัญหาได้รับการดูแลและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้น อาจจะมีในบางกรณีที่ควรต้องเข้ารับการปลูกผมร่วมด้วย เช่น การปลูกผมปรับกรอบหน้าเพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินจะแนะนำเทคนิค NEAT ที่คุณหมอเป็นผู้ปลูกผมเองทุกกราฟต์ พร้อมทั้งออกแบบ Hairline ใหม่ที่เหมาะสมกับรูปหน้า ปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลขึ้น เมื่อการปลูกผมเสร็จสมบูรณ์ ก็จะได้ผลลัพธ์ทั้งเส้นผมใหม่ที่หนาแน่นกว่าเดิม และรูปหน้าที่สวยงาม เสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้มากขึ้น   

หากต้องการฟื้นฟูเส้นผมและกลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง นามนินคลินิก เราพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อมอบการดูแลเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายที่สุดค่ะ


คืนความมั่นใจ ให้สาวผมบาง ด้วย PHB
การมีผมบางจากกรรมพันธุ์อาจเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไกลตัว แต่รู้ไหมคะ? ปัญหานี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงถึง 40% และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผมบางที่มีชื่อว่า “โรคผมร่วงกรรมพันธุ์ (Androgenetic Alopecia)” ซึ่งเกิดจากยีนที่ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ แต่รู้แน่ชัดว่ามีส่วนทำให้ผมบาง ปัญหานี้พบได้ผู้หญิงช่วงอายุ 15 – 40 ปี อาการของโรคนี้เริ่มต้นที่บริเวณกลางศีรษะและอาจขยายออกไปเป็นวงกลม เป็นรูปแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL) แบ่งตามระยะอาการผมบางได้ 3 ระยะ ดังนี้
Type I : ผมเริ่มบางที่กลางศีรษะ เริ่มเห็นหนังศีรษะเล็กน้อย
Type II : ผมบางมากขึ้น พื้นที่ที่เห็นหนังศีรษะกว้างขึ้น
Type III : ผมบางที่สุด เห็นหนังศีรษะในบริเวณกว้าง



นอกจากนี้ ยังมีอีกบางรูปแบบที่อาจพบได้แต่เป็นจำนวนน้อย เช่น ผมบางรุนแรงที่กลางศีรษะ เห็นหนังศีรษะในพื้นที่กว้างมาก และแบบ Frontal ผมบางรุนแรงที่เริ่มจากด้านหน้า ซึ่งพบได้น้อยในผู้หญิง แต่ถ้าพบก็อาจหมายถึงปัญหาที่ต้องดูแลอย่างเร่งด่วนค่ะ 

แม้ว่าโรคผมร่วงกรรมพันธุ์จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่นามนินคลินิกมีวิธีการที่ช่วยลดอาการผมร่วงและกระตุ้นการเติบโตของผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงผมที่ออกแบบมาเพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาผมบางทั่วทั้งศีรษะ ฟื้นบำรุงผมบางที่กลางศีรษะ หรือการฟื้นฟูผมบางบริเวณกรอบหน้าที่อาจทำให้หน้าผากดูกว้าง รูปหน้าไม่ได้สัดส่วนที่สมดุล



โปรแกรม PHB ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลและสารบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูรากผมลึกถึงเซลล์ กระตุ้นให้รากผมแข็งแรง ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง เสริมการเติบโตของผมใหม่ให้มีความหนาและสุขภาพดีขึ้น การเข้ารับบริการใช้เวลาเพียง 30-40 นาทีต่อครั้ง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งหลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน
  • ผมที่ขึ้นใหม่หนาและดูสุขภาพดีขึ้น



ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะประเมินปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ทุกปัญหาได้รับการดูแลและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้น อาจจะมีในบางกรณีที่ควรต้องเข้ารับการปลูกผมร่วมด้วย เช่น การปลูกผมปรับกรอบหน้าเพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินจะแนะนำเทคนิค NEAT ที่คุณหมอเป็นผู้ปลูกผมเองทุกกราฟต์ พร้อมทั้งออกแบบ Hairline ใหม่ที่เหมาะสมกับรูปหน้า ปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลขึ้น เมื่อการปลูกผมเสร็จสมบูรณ์ ก็จะได้ผลลัพธ์ทั้งเส้นผมใหม่ที่หนาแน่นกว่าเดิม และรูปหน้าที่สวยงาม เสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้มากขึ้น   

หากต้องการฟื้นฟูเส้นผมและกลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง นามนินคลินิก เราพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อมอบการดูแลเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายที่สุดค่ะ


คืนความมั่นใจ ให้สาวผมบาง ด้วย PHB
การมีผมบางจากกรรมพันธุ์อาจเป็นเรื่องที่ดูเหมือนไกลตัว แต่รู้ไหมคะ? ปัญหานี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงถึง 40% และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผมบางที่มีชื่อว่า “โรคผมร่วงกรรมพันธุ์ (Androgenetic Alopecia)” ซึ่งเกิดจากยีนที่ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ แต่รู้แน่ชัดว่ามีส่วนทำให้ผมบาง ปัญหานี้พบได้ผู้หญิงช่วงอายุ 15 – 40 ปี อาการของโรคนี้เริ่มต้นที่บริเวณกลางศีรษะและอาจขยายออกไปเป็นวงกลม เป็นรูปแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL) แบ่งตามระยะอาการผมบางได้ 3 ระยะ ดังนี้
Type I : ผมเริ่มบางที่กลางศีรษะ เริ่มเห็นหนังศีรษะเล็กน้อย
Type II : ผมบางมากขึ้น พื้นที่ที่เห็นหนังศีรษะกว้างขึ้น
Type III : ผมบางที่สุด เห็นหนังศีรษะในบริเวณกว้าง



นอกจากนี้ ยังมีอีกบางรูปแบบที่อาจพบได้แต่เป็นจำนวนน้อย เช่น ผมบางรุนแรงที่กลางศีรษะ เห็นหนังศีรษะในพื้นที่กว้างมาก และแบบ Frontal ผมบางรุนแรงที่เริ่มจากด้านหน้า ซึ่งพบได้น้อยในผู้หญิง แต่ถ้าพบก็อาจหมายถึงปัญหาที่ต้องดูแลอย่างเร่งด่วนค่ะ 

แม้ว่าโรคผมร่วงกรรมพันธุ์จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่นามนินคลินิกมีวิธีการที่ช่วยลดอาการผมร่วงและกระตุ้นการเติบโตของผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ โปรแกรม PHB เป็นการฉีดบำรุงผมที่ออกแบบมาเพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาผมบางทั่วทั้งศีรษะ ฟื้นบำรุงผมบางที่กลางศีรษะ หรือการฟื้นฟูผมบางบริเวณกรอบหน้าที่อาจทำให้หน้าผากดูกว้าง รูปหน้าไม่ได้สัดส่วนที่สมดุล



โปรแกรม PHB ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลและสารบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูรากผมลึกถึงเซลล์ กระตุ้นให้รากผมแข็งแรง ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง เสริมการเติบโตของผมใหม่ให้มีความหนาและสุขภาพดีขึ้น การเข้ารับบริการใช้เวลาเพียง 30-40 นาทีต่อครั้ง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งหลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน
  • ผมที่ขึ้นใหม่หนาและดูสุขภาพดีขึ้น



ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะประเมินปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ทุกปัญหาได้รับการดูแลและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้น อาจจะมีในบางกรณีที่ควรต้องเข้ารับการปลูกผมร่วมด้วย เช่น การปลูกผมปรับกรอบหน้าเพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินจะแนะนำเทคนิค NEAT ที่คุณหมอเป็นผู้ปลูกผมเองทุกกราฟต์ พร้อมทั้งออกแบบ Hairline ใหม่ที่เหมาะสมกับรูปหน้า ปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุลขึ้น เมื่อการปลูกผมเสร็จสมบูรณ์ ก็จะได้ผลลัพธ์ทั้งเส้นผมใหม่ที่หนาแน่นกว่าเดิม และรูปหน้าที่สวยงาม เสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้มากขึ้น   

หากต้องการฟื้นฟูเส้นผมและกลับมามั่นใจในตัวเองอีกครั้ง นามนินคลินิก เราพร้อมให้คำปรึกษา เพื่อมอบการดูแลเส้นผมอย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายที่สุดค่ะ


เคลียร์ทุกข้อกังวลใจ ก่อนปลูกผม
อยากลองปลูกผม แต่ “กลัว” ว่าจะได้ผลลัพธ์ดีจริงมั้ย

นี่น่าจะเป็นคำถามและความกังวลใจข้อแรก ๆ ของใครก็ตามที่ประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือไปจนถึงโค้งสุดท้ายที่จะเข้าสู่ภาวะผมล้าน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะทุกคนรู้ดีว่า เส้นผมเป็นสิ่งมีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อถึงวันและวัยที่ผมเริ่มร่วงมากขึ้น เริ่มเห็นร่องรอยความบางของผมบนศีรษะ เราจึงเข้าใจว่าการจากไปของเส้นผม ทำให้เรากังวลใจ หรือสูญเสียความมั่นใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเข้าใจถึงความสำคัญของการมีอยู่ของเส้นผมได้จริง ๆ 

แน่นอนว่า หลายคนก้าวผ่านคำถามแรกแห่งการเริ่มต้นนั้นมาแล้ว รวมทั้งได้ผลลัพธ์ภาพลักษณ์ บุคลิกที่ดี และความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมา แต่หลาย ๆ คนก็ยังติดอยู่กับคำถามว่า ...ปลูกผมแล้วดีจริงมั้ย ต้องเริ่มต้นอย่างไร... ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการให้คำปรึกษาคนไข้ของนามนิน เราพบว่า มีหลายประเด็นเลยทีเดียวที่คนไข้รู้สึกกลัวหรือกังวลใจ จนลังเลว่าจะเข้ารับการปลูกผมดีมั้ย บางคนก็กลัวเพราะภาพจำฝังใจในอดีต และบางคนก็กลัวเพราะมองไม่เห็นว่าภาพผลลัพธ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร 

วันนี้ นามนิน จึงขอรวบรวมคำตอบที่จะช่วยเอาชนะทุกความกลัว เคลียร์ทุกความกังวลใจ ให้ทุกคนตั้งต้นก้าวแรกของเส้นทางการปลูกผม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้ดังใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไปด้วยกัน



กลัวว่าการปลูกผม จะต้องผ่าตัดหนังศีรษะ หรือโกนผมทิ้ง
จริงอยู่ที่ในอดีต การปลูกผมจำเป็นต้องพึ่งพาการผ่าตัดชิ้นหนังศีรษะ หรือต้องโกนผมด้านหลังท้ายทอยออก แต่ปัจจุบันเทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาไปไกลมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE ที่แพทย์ปลูกผมส่วนใหญ่นำมาใช้ จนถึงขั้นพัฒนาต่อยอดเทคนิคเองเพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น 

ซึ่งเทคนิคนี้จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่บริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษจนแทบไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีการลงมีดผ่าตัด หรือโกนผมทิ้งอีกต่อไป อีกทั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ยังสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันไปของแต่ละคนด้วย


กลัวว่าปลูกผมแล้ว ผมจะไม่ขึ้น หรืออยู่ได้ไม่นานก็ร่วงไปอีก
ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมนั้น จำเป็นต้องใช้เส้นผมของเราเอง และที่สำคัญ ต้องเป็นเส้นผมที่มาจากบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากผมในบริเวณดังกล่าวมีคุณสมบัติในการต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้รากผมอ่อนแอ ส่งผลให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 


ดังนั้น เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตรงส่วนไหนก็ตาม คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะตามมาด้วย เพราะเราย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม ทำให้ผมปลูกใหม่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย แต่จะร่วงและขึ้นใหม่เป็นปกติตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม และจะอยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปได้อย่างถาวร 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญจะคอยระวังดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก เช่น การรักษาสภาพกราฟต์ผมหลังจากเจาะย้ายออกมาแล้ว ด้วยการแช่น้ำยาประสิทธิภาพสูงเพื่อรอการปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะห่างที่พอดี ไม่ห่างกันหรือแน่นเบียดกันจนเกินไป อีกทั้งต้องปักให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้รากผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ 

รวมไปถึงขั้นตอนการดูแลหลังปลูก ซึ่งแพทย์จะคอยติดตามผลอย่างใกล้ชิดทุกระยะ ตลอดเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เส้นผมจะค่อย ๆ เติบโตสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โดยเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ บริการทรีตเมนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไว้ให้ เพื่อให้ทั้งแพทย์และคนไข้สามารถร่วมมือกันดูแลผมปลูกใหม่อย่างง่าย ๆ ไร้กังวล


กลัวเจ็บ และกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงจากการปลูกผม
จากเสียงตอบรับของคนไข้หลาย ๆ คน ต่างก็มีประสบการณ์ในวันทำหัตถการปลูกผมที่ราบรื่น และไม่เจ็บมากเหมือนที่เคยกังวลกันไว้ล่วงหน้า โดยในวันนั้น ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายรากผมออก คัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม แล้วจึงนำมาปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความพิถีพิถัน โดยแพทย์จะมีเทคนิคการฉีดยาชา ซึ่งจะช่วยบรรเทาทั้งความรู้สึกเจ็บรวมถึงอาการบวมหลังปลูก และด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ เทคนิคที่ออกแบบมาแล้วอย่างดี บวกกับความชำนาญและความละเอียดอ่อนของแพทย์ขณะลงมือปลูก ก็ยิ่งช่วยให้รอยแผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ไม่น่ากลัวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด


กลัวว่าจะต้องลางานยาว หรือต้องเก็บตัวหลายสัปดาห์เพื่อพักฟื้น
แทบจะลืมคำว่าพักฟื้นไปได้เลย เพราะเทคนิคการปลูกผมในปัจจุบัน ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ไม่ต้องเก็บตัวหลบหน้าผู้คนเพื่อพักฟื้น หรือกังวลกับอาการบวมหรือรอยแผลจนไม่กล้าไปเจอใคร ที่ผ่านมา คนไข้หลาย ๆ คนสามารถขับรถกลับบ้านได้เองในวันทำหัตถการ หรือไปทำงานต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เพียงแต่ต้องคอยระวังศีรษะบริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่เป็นพิเศษตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กราฟต์ผมหลุดร่วง โดยไม่ต้องหยุดงานยาวหรือกระทบกับเวลาในการใช้ชีวิต


กลัวว่าจะมาเริ่มรักษาช้าไป และกลัวผมบางรุนแรงจนแก้ไม่ได้
สำหรับข้อนี้ ไม่ต้องกลัวเลย เพราะหลาย ๆ คนก็ลังเลใจจนถึงจุดที่ปัญหาผมเริ่มเข้าสู่ระยะวิกฤตแล้วจริง ๆ จึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ บางคนก็มาด้วยอาการผมบางหลายจุดพร้อม ๆ กันหรือเชื่อมต่อกัน ซึ่งในกรณีนี้ แพทย์จะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด หากกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยเหลืออยู่น้อย ก็จะใช้วิธีคำนวณกราฟต์ผมและบริหารจัดการเพื่อปลูกเฉลี่ยให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นปัญหา หรือปรึกษากับคนไข้เพื่อเน้นการปลูกใหม่ในจุดที่กังวลเป็นพิเศษ และเสริมด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการทรีตเมนท์ เพื่อบำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม ช่วยให้ผมแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม แพทย์ก็ยังแนะนำให้คนที่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของอาการผมร่วง ผมบาง รีบเข้ามาปรึกษาและเข้ารับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ในวันที่ปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนยังมีอยู่มาก จะช่วยให้สามารถปลูกใหม่ได้ผลลัพธ์หนาแน่น และแพทย์ยังสามารถช่วยดูแลชะลอการหลุดร่วงก่อนเวลาของผมส่วนอื่น ๆ ได้ด้วย



กลัวคนมองว่าอายุมากแล้ว จะปลูกผมไปทำไม
ความกังวลนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนไข้วัย 50+ ซึ่งในปัจจุบัน ผู้สูงวัยใช้ชีวิตแบบแอคทีฟมากขึ้น มีกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้เวลานอกบ้าน ออกไปเข้าสังคมกันมากขึ้น เสียงจากคนไข้ส่วนใหญ่จึงอยากฝากถึงคนที่กำลังลังเลใจเพราะตัวเลขอายุว่า แม้จะสูงวัย แต่เรายังต้องใช้เวลาในชีวิตอีกหลายปี เพราะฉะนั้น ถ้าการปลูกผมจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เราสูงวัยได้อย่างมั่นใจ และมีความสุข ก็นับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดีเลยทีเดียว และหากรอนานไปกว่านี้ อาจจะสายเกินที่จะปลูกผมใหม่แล้วก็เป็นได้


และสุดท้าย หากใครกลัวว่าการปลูกผมจะเป็นการลงทุนที่แพงเกินไป จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะไม่มองเพียง ราคา แต่มองถึง ความคุ้มค่า ในระยะยาว ซึ่งหากเราเลือกคลินิกปลูกผมที่น่าเชื่อถือ แพทย์ผู้ชำนาญที่มีทักษะและประสบการณ์ไว้วางใจได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของเส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง รวมถึงผลลัพธ์ทางใจ ไม่ว่าจะเป็นความพึงพอใจ หรือความมั่นใจในตัวเองที่กลับคืนมา ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอนกับการตัดสินใจปลูกผม ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต
เคลียร์ทุกข้อกังวลใจ ก่อนปลูกผม
อยากลองปลูกผม แต่ “กลัว” ว่าจะได้ผลลัพธ์ดีจริงมั้ย

นี่น่าจะเป็นคำถามและความกังวลใจข้อแรก ๆ ของใครก็ตามที่ประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือไปจนถึงโค้งสุดท้ายที่จะเข้าสู่ภาวะผมล้าน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะทุกคนรู้ดีว่า เส้นผมเป็นสิ่งมีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อถึงวันและวัยที่ผมเริ่มร่วงมากขึ้น เริ่มเห็นร่องรอยความบางของผมบนศีรษะ เราจึงเข้าใจว่าการจากไปของเส้นผม ทำให้เรากังวลใจ หรือสูญเสียความมั่นใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเข้าใจถึงความสำคัญของการมีอยู่ของเส้นผมได้จริง ๆ 

แน่นอนว่า หลายคนก้าวผ่านคำถามแรกแห่งการเริ่มต้นนั้นมาแล้ว รวมทั้งได้ผลลัพธ์ภาพลักษณ์ บุคลิกที่ดี และความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมา แต่หลาย ๆ คนก็ยังติดอยู่กับคำถามว่า ...ปลูกผมแล้วดีจริงมั้ย ต้องเริ่มต้นอย่างไร... ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการให้คำปรึกษาคนไข้ของนามนิน เราพบว่า มีหลายประเด็นเลยทีเดียวที่คนไข้รู้สึกกลัวหรือกังวลใจ จนลังเลว่าจะเข้ารับการปลูกผมดีมั้ย บางคนก็กลัวเพราะภาพจำฝังใจในอดีต และบางคนก็กลัวเพราะมองไม่เห็นว่าภาพผลลัพธ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร 

วันนี้ นามนิน จึงขอรวบรวมคำตอบที่จะช่วยเอาชนะทุกความกลัว เคลียร์ทุกความกังวลใจ ให้ทุกคนตั้งต้นก้าวแรกของเส้นทางการปลูกผม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้ดังใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไปด้วยกัน



กลัวว่าการปลูกผม จะต้องผ่าตัดหนังศีรษะ หรือโกนผมทิ้ง
จริงอยู่ที่ในอดีต การปลูกผมจำเป็นต้องพึ่งพาการผ่าตัดชิ้นหนังศีรษะ หรือต้องโกนผมด้านหลังท้ายทอยออก แต่ปัจจุบันเทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาไปไกลมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE ที่แพทย์ปลูกผมส่วนใหญ่นำมาใช้ จนถึงขั้นพัฒนาต่อยอดเทคนิคเองเพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น 

ซึ่งเทคนิคนี้จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่บริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษจนแทบไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีการลงมีดผ่าตัด หรือโกนผมทิ้งอีกต่อไป อีกทั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ยังสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันไปของแต่ละคนด้วย


กลัวว่าปลูกผมแล้ว ผมจะไม่ขึ้น หรืออยู่ได้ไม่นานก็ร่วงไปอีก
ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมนั้น จำเป็นต้องใช้เส้นผมของเราเอง และที่สำคัญ ต้องเป็นเส้นผมที่มาจากบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากผมในบริเวณดังกล่าวมีคุณสมบัติในการต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้รากผมอ่อนแอ ส่งผลให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 


ดังนั้น เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตรงส่วนไหนก็ตาม คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะตามมาด้วย เพราะเราย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม ทำให้ผมปลูกใหม่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย แต่จะร่วงและขึ้นใหม่เป็นปกติตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม และจะอยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปได้อย่างถาวร 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญจะคอยระวังดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก เช่น การรักษาสภาพกราฟต์ผมหลังจากเจาะย้ายออกมาแล้ว ด้วยการแช่น้ำยาประสิทธิภาพสูงเพื่อรอการปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะห่างที่พอดี ไม่ห่างกันหรือแน่นเบียดกันจนเกินไป อีกทั้งต้องปักให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้รากผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ 

รวมไปถึงขั้นตอนการดูแลหลังปลูก ซึ่งแพทย์จะคอยติดตามผลอย่างใกล้ชิดทุกระยะ ตลอดเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เส้นผมจะค่อย ๆ เติบโตสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โดยเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ บริการทรีตเมนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไว้ให้ เพื่อให้ทั้งแพทย์และคนไข้สามารถร่วมมือกันดูแลผมปลูกใหม่อย่างง่าย ๆ ไร้กังวล


กลัวเจ็บ และกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงจากการปลูกผม
จากเสียงตอบรับของคนไข้หลาย ๆ คน ต่างก็มีประสบการณ์ในวันทำหัตถการปลูกผมที่ราบรื่น และไม่เจ็บมากเหมือนที่เคยกังวลกันไว้ล่วงหน้า โดยในวันนั้น ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายรากผมออก คัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม แล้วจึงนำมาปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความพิถีพิถัน โดยแพทย์จะมีเทคนิคการฉีดยาชา ซึ่งจะช่วยบรรเทาทั้งความรู้สึกเจ็บรวมถึงอาการบวมหลังปลูก และด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ เทคนิคที่ออกแบบมาแล้วอย่างดี บวกกับความชำนาญและความละเอียดอ่อนของแพทย์ขณะลงมือปลูก ก็ยิ่งช่วยให้รอยแผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ไม่น่ากลัวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด


กลัวว่าจะต้องลางานยาว หรือต้องเก็บตัวหลายสัปดาห์เพื่อพักฟื้น
แทบจะลืมคำว่าพักฟื้นไปได้เลย เพราะเทคนิคการปลูกผมในปัจจุบัน ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ไม่ต้องเก็บตัวหลบหน้าผู้คนเพื่อพักฟื้น หรือกังวลกับอาการบวมหรือรอยแผลจนไม่กล้าไปเจอใคร ที่ผ่านมา คนไข้หลาย ๆ คนสามารถขับรถกลับบ้านได้เองในวันทำหัตถการ หรือไปทำงานต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เพียงแต่ต้องคอยระวังศีรษะบริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่เป็นพิเศษตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กราฟต์ผมหลุดร่วง โดยไม่ต้องหยุดงานยาวหรือกระทบกับเวลาในการใช้ชีวิต


กลัวว่าจะมาเริ่มรักษาช้าไป และกลัวผมบางรุนแรงจนแก้ไม่ได้
สำหรับข้อนี้ ไม่ต้องกลัวเลย เพราะหลาย ๆ คนก็ลังเลใจจนถึงจุดที่ปัญหาผมเริ่มเข้าสู่ระยะวิกฤตแล้วจริง ๆ จึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ บางคนก็มาด้วยอาการผมบางหลายจุดพร้อม ๆ กันหรือเชื่อมต่อกัน ซึ่งในกรณีนี้ แพทย์จะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด หากกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยเหลืออยู่น้อย ก็จะใช้วิธีคำนวณกราฟต์ผมและบริหารจัดการเพื่อปลูกเฉลี่ยให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นปัญหา หรือปรึกษากับคนไข้เพื่อเน้นการปลูกใหม่ในจุดที่กังวลเป็นพิเศษ และเสริมด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการทรีตเมนท์ เพื่อบำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม ช่วยให้ผมแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม แพทย์ก็ยังแนะนำให้คนที่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของอาการผมร่วง ผมบาง รีบเข้ามาปรึกษาและเข้ารับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ในวันที่ปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนยังมีอยู่มาก จะช่วยให้สามารถปลูกใหม่ได้ผลลัพธ์หนาแน่น และแพทย์ยังสามารถช่วยดูแลชะลอการหลุดร่วงก่อนเวลาของผมส่วนอื่น ๆ ได้ด้วย



กลัวคนมองว่าอายุมากแล้ว จะปลูกผมไปทำไม
ความกังวลนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนไข้วัย 50+ ซึ่งในปัจจุบัน ผู้สูงวัยใช้ชีวิตแบบแอคทีฟมากขึ้น มีกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้เวลานอกบ้าน ออกไปเข้าสังคมกันมากขึ้น เสียงจากคนไข้ส่วนใหญ่จึงอยากฝากถึงคนที่กำลังลังเลใจเพราะตัวเลขอายุว่า แม้จะสูงวัย แต่เรายังต้องใช้เวลาในชีวิตอีกหลายปี เพราะฉะนั้น ถ้าการปลูกผมจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เราสูงวัยได้อย่างมั่นใจ และมีความสุข ก็นับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดีเลยทีเดียว และหากรอนานไปกว่านี้ อาจจะสายเกินที่จะปลูกผมใหม่แล้วก็เป็นได้


และสุดท้าย หากใครกลัวว่าการปลูกผมจะเป็นการลงทุนที่แพงเกินไป จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะไม่มองเพียง ราคา แต่มองถึง ความคุ้มค่า ในระยะยาว ซึ่งหากเราเลือกคลินิกปลูกผมที่น่าเชื่อถือ แพทย์ผู้ชำนาญที่มีทักษะและประสบการณ์ไว้วางใจได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของเส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง รวมถึงผลลัพธ์ทางใจ ไม่ว่าจะเป็นความพึงพอใจ หรือความมั่นใจในตัวเองที่กลับคืนมา ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอนกับการตัดสินใจปลูกผม ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต
เคลียร์ทุกข้อกังวลใจ ก่อนปลูกผม
อยากลองปลูกผม แต่ “กลัว” ว่าจะได้ผลลัพธ์ดีจริงมั้ย

นี่น่าจะเป็นคำถามและความกังวลใจข้อแรก ๆ ของใครก็ตามที่ประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือไปจนถึงโค้งสุดท้ายที่จะเข้าสู่ภาวะผมล้าน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะทุกคนรู้ดีว่า เส้นผมเป็นสิ่งมีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อถึงวันและวัยที่ผมเริ่มร่วงมากขึ้น เริ่มเห็นร่องรอยความบางของผมบนศีรษะ เราจึงเข้าใจว่าการจากไปของเส้นผม ทำให้เรากังวลใจ หรือสูญเสียความมั่นใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเข้าใจถึงความสำคัญของการมีอยู่ของเส้นผมได้จริง ๆ 

แน่นอนว่า หลายคนก้าวผ่านคำถามแรกแห่งการเริ่มต้นนั้นมาแล้ว รวมทั้งได้ผลลัพธ์ภาพลักษณ์ บุคลิกที่ดี และความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมา แต่หลาย ๆ คนก็ยังติดอยู่กับคำถามว่า ...ปลูกผมแล้วดีจริงมั้ย ต้องเริ่มต้นอย่างไร... ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการให้คำปรึกษาคนไข้ของนามนิน เราพบว่า มีหลายประเด็นเลยทีเดียวที่คนไข้รู้สึกกลัวหรือกังวลใจ จนลังเลว่าจะเข้ารับการปลูกผมดีมั้ย บางคนก็กลัวเพราะภาพจำฝังใจในอดีต และบางคนก็กลัวเพราะมองไม่เห็นว่าภาพผลลัพธ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร 

วันนี้ นามนิน จึงขอรวบรวมคำตอบที่จะช่วยเอาชนะทุกความกลัว เคลียร์ทุกความกังวลใจ ให้ทุกคนตั้งต้นก้าวแรกของเส้นทางการปลูกผม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้ดังใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไปด้วยกัน



กลัวว่าการปลูกผม จะต้องผ่าตัดหนังศีรษะ หรือโกนผมทิ้ง
จริงอยู่ที่ในอดีต การปลูกผมจำเป็นต้องพึ่งพาการผ่าตัดชิ้นหนังศีรษะ หรือต้องโกนผมด้านหลังท้ายทอยออก แต่ปัจจุบันเทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาไปไกลมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE ที่แพทย์ปลูกผมส่วนใหญ่นำมาใช้ จนถึงขั้นพัฒนาต่อยอดเทคนิคเองเพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น 

ซึ่งเทคนิคนี้จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่บริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษจนแทบไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีการลงมีดผ่าตัด หรือโกนผมทิ้งอีกต่อไป อีกทั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ยังสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันไปของแต่ละคนด้วย


กลัวว่าปลูกผมแล้ว ผมจะไม่ขึ้น หรืออยู่ได้ไม่นานก็ร่วงไปอีก
ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมนั้น จำเป็นต้องใช้เส้นผมของเราเอง และที่สำคัญ ต้องเป็นเส้นผมที่มาจากบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากผมในบริเวณดังกล่าวมีคุณสมบัติในการต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้รากผมอ่อนแอ ส่งผลให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 


ดังนั้น เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตรงส่วนไหนก็ตาม คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะตามมาด้วย เพราะเราย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม ทำให้ผมปลูกใหม่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย แต่จะร่วงและขึ้นใหม่เป็นปกติตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม และจะอยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปได้อย่างถาวร 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญจะคอยระวังดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก เช่น การรักษาสภาพกราฟต์ผมหลังจากเจาะย้ายออกมาแล้ว ด้วยการแช่น้ำยาประสิทธิภาพสูงเพื่อรอการปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะห่างที่พอดี ไม่ห่างกันหรือแน่นเบียดกันจนเกินไป อีกทั้งต้องปักให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้รากผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ 

รวมไปถึงขั้นตอนการดูแลหลังปลูก ซึ่งแพทย์จะคอยติดตามผลอย่างใกล้ชิดทุกระยะ ตลอดเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เส้นผมจะค่อย ๆ เติบโตสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โดยเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ บริการทรีตเมนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไว้ให้ เพื่อให้ทั้งแพทย์และคนไข้สามารถร่วมมือกันดูแลผมปลูกใหม่อย่างง่าย ๆ ไร้กังวล


กลัวเจ็บ และกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงจากการปลูกผม
จากเสียงตอบรับของคนไข้หลาย ๆ คน ต่างก็มีประสบการณ์ในวันทำหัตถการปลูกผมที่ราบรื่น และไม่เจ็บมากเหมือนที่เคยกังวลกันไว้ล่วงหน้า โดยในวันนั้น ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายรากผมออก คัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม แล้วจึงนำมาปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความพิถีพิถัน โดยแพทย์จะมีเทคนิคการฉีดยาชา ซึ่งจะช่วยบรรเทาทั้งความรู้สึกเจ็บรวมถึงอาการบวมหลังปลูก และด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ เทคนิคที่ออกแบบมาแล้วอย่างดี บวกกับความชำนาญและความละเอียดอ่อนของแพทย์ขณะลงมือปลูก ก็ยิ่งช่วยให้รอยแผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ไม่น่ากลัวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด


กลัวว่าจะต้องลางานยาว หรือต้องเก็บตัวหลายสัปดาห์เพื่อพักฟื้น
แทบจะลืมคำว่าพักฟื้นไปได้เลย เพราะเทคนิคการปลูกผมในปัจจุบัน ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ไม่ต้องเก็บตัวหลบหน้าผู้คนเพื่อพักฟื้น หรือกังวลกับอาการบวมหรือรอยแผลจนไม่กล้าไปเจอใคร ที่ผ่านมา คนไข้หลาย ๆ คนสามารถขับรถกลับบ้านได้เองในวันทำหัตถการ หรือไปทำงานต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เพียงแต่ต้องคอยระวังศีรษะบริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่เป็นพิเศษตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กราฟต์ผมหลุดร่วง โดยไม่ต้องหยุดงานยาวหรือกระทบกับเวลาในการใช้ชีวิต


กลัวว่าจะมาเริ่มรักษาช้าไป และกลัวผมบางรุนแรงจนแก้ไม่ได้
สำหรับข้อนี้ ไม่ต้องกลัวเลย เพราะหลาย ๆ คนก็ลังเลใจจนถึงจุดที่ปัญหาผมเริ่มเข้าสู่ระยะวิกฤตแล้วจริง ๆ จึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ บางคนก็มาด้วยอาการผมบางหลายจุดพร้อม ๆ กันหรือเชื่อมต่อกัน ซึ่งในกรณีนี้ แพทย์จะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด หากกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยเหลืออยู่น้อย ก็จะใช้วิธีคำนวณกราฟต์ผมและบริหารจัดการเพื่อปลูกเฉลี่ยให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นปัญหา หรือปรึกษากับคนไข้เพื่อเน้นการปลูกใหม่ในจุดที่กังวลเป็นพิเศษ และเสริมด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการทรีตเมนท์ เพื่อบำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม ช่วยให้ผมแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม แพทย์ก็ยังแนะนำให้คนที่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของอาการผมร่วง ผมบาง รีบเข้ามาปรึกษาและเข้ารับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ในวันที่ปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนยังมีอยู่มาก จะช่วยให้สามารถปลูกใหม่ได้ผลลัพธ์หนาแน่น และแพทย์ยังสามารถช่วยดูแลชะลอการหลุดร่วงก่อนเวลาของผมส่วนอื่น ๆ ได้ด้วย



กลัวคนมองว่าอายุมากแล้ว จะปลูกผมไปทำไม
ความกังวลนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนไข้วัย 50+ ซึ่งในปัจจุบัน ผู้สูงวัยใช้ชีวิตแบบแอคทีฟมากขึ้น มีกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้เวลานอกบ้าน ออกไปเข้าสังคมกันมากขึ้น เสียงจากคนไข้ส่วนใหญ่จึงอยากฝากถึงคนที่กำลังลังเลใจเพราะตัวเลขอายุว่า แม้จะสูงวัย แต่เรายังต้องใช้เวลาในชีวิตอีกหลายปี เพราะฉะนั้น ถ้าการปลูกผมจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เราสูงวัยได้อย่างมั่นใจ และมีความสุข ก็นับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดีเลยทีเดียว และหากรอนานไปกว่านี้ อาจจะสายเกินที่จะปลูกผมใหม่แล้วก็เป็นได้


และสุดท้าย หากใครกลัวว่าการปลูกผมจะเป็นการลงทุนที่แพงเกินไป จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะไม่มองเพียง ราคา แต่มองถึง ความคุ้มค่า ในระยะยาว ซึ่งหากเราเลือกคลินิกปลูกผมที่น่าเชื่อถือ แพทย์ผู้ชำนาญที่มีทักษะและประสบการณ์ไว้วางใจได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของเส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง รวมถึงผลลัพธ์ทางใจ ไม่ว่าจะเป็นความพึงพอใจ หรือความมั่นใจในตัวเองที่กลับคืนมา ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอนกับการตัดสินใจปลูกผม ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต
เคลียร์ทุกข้อกังวลใจ ก่อนปลูกผม
อยากลองปลูกผม แต่ “กลัว” ว่าจะได้ผลลัพธ์ดีจริงมั้ย

นี่น่าจะเป็นคำถามและความกังวลใจข้อแรก ๆ ของใครก็ตามที่ประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือไปจนถึงโค้งสุดท้ายที่จะเข้าสู่ภาวะผมล้าน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะทุกคนรู้ดีว่า เส้นผมเป็นสิ่งมีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อถึงวันและวัยที่ผมเริ่มร่วงมากขึ้น เริ่มเห็นร่องรอยความบางของผมบนศีรษะ เราจึงเข้าใจว่าการจากไปของเส้นผม ทำให้เรากังวลใจ หรือสูญเสียความมั่นใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเข้าใจถึงความสำคัญของการมีอยู่ของเส้นผมได้จริง ๆ 

แน่นอนว่า หลายคนก้าวผ่านคำถามแรกแห่งการเริ่มต้นนั้นมาแล้ว รวมทั้งได้ผลลัพธ์ภาพลักษณ์ บุคลิกที่ดี และความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมา แต่หลาย ๆ คนก็ยังติดอยู่กับคำถามว่า ...ปลูกผมแล้วดีจริงมั้ย ต้องเริ่มต้นอย่างไร... ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการให้คำปรึกษาคนไข้ของนามนิน เราพบว่า มีหลายประเด็นเลยทีเดียวที่คนไข้รู้สึกกลัวหรือกังวลใจ จนลังเลว่าจะเข้ารับการปลูกผมดีมั้ย บางคนก็กลัวเพราะภาพจำฝังใจในอดีต และบางคนก็กลัวเพราะมองไม่เห็นว่าภาพผลลัพธ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร 

วันนี้ นามนิน จึงขอรวบรวมคำตอบที่จะช่วยเอาชนะทุกความกลัว เคลียร์ทุกความกังวลใจ ให้ทุกคนตั้งต้นก้าวแรกของเส้นทางการปลูกผม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้ดังใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไปด้วยกัน



กลัวว่าการปลูกผม จะต้องผ่าตัดหนังศีรษะ หรือโกนผมทิ้ง
จริงอยู่ที่ในอดีต การปลูกผมจำเป็นต้องพึ่งพาการผ่าตัดชิ้นหนังศีรษะ หรือต้องโกนผมด้านหลังท้ายทอยออก แต่ปัจจุบันเทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาไปไกลมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE ที่แพทย์ปลูกผมส่วนใหญ่นำมาใช้ จนถึงขั้นพัฒนาต่อยอดเทคนิคเองเพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น 

ซึ่งเทคนิคนี้จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่บริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษจนแทบไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีการลงมีดผ่าตัด หรือโกนผมทิ้งอีกต่อไป อีกทั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ยังสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันไปของแต่ละคนด้วย


กลัวว่าปลูกผมแล้ว ผมจะไม่ขึ้น หรืออยู่ได้ไม่นานก็ร่วงไปอีก
ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมนั้น จำเป็นต้องใช้เส้นผมของเราเอง และที่สำคัญ ต้องเป็นเส้นผมที่มาจากบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากผมในบริเวณดังกล่าวมีคุณสมบัติในการต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้รากผมอ่อนแอ ส่งผลให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 


ดังนั้น เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตรงส่วนไหนก็ตาม คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะตามมาด้วย เพราะเราย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม ทำให้ผมปลูกใหม่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย แต่จะร่วงและขึ้นใหม่เป็นปกติตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม และจะอยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปได้อย่างถาวร 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญจะคอยระวังดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก เช่น การรักษาสภาพกราฟต์ผมหลังจากเจาะย้ายออกมาแล้ว ด้วยการแช่น้ำยาประสิทธิภาพสูงเพื่อรอการปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะห่างที่พอดี ไม่ห่างกันหรือแน่นเบียดกันจนเกินไป อีกทั้งต้องปักให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้รากผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ 

รวมไปถึงขั้นตอนการดูแลหลังปลูก ซึ่งแพทย์จะคอยติดตามผลอย่างใกล้ชิดทุกระยะ ตลอดเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เส้นผมจะค่อย ๆ เติบโตสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โดยเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ บริการทรีตเมนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไว้ให้ เพื่อให้ทั้งแพทย์และคนไข้สามารถร่วมมือกันดูแลผมปลูกใหม่อย่างง่าย ๆ ไร้กังวล


กลัวเจ็บ และกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงจากการปลูกผม
จากเสียงตอบรับของคนไข้หลาย ๆ คน ต่างก็มีประสบการณ์ในวันทำหัตถการปลูกผมที่ราบรื่น และไม่เจ็บมากเหมือนที่เคยกังวลกันไว้ล่วงหน้า โดยในวันนั้น ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายรากผมออก คัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม แล้วจึงนำมาปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความพิถีพิถัน โดยแพทย์จะมีเทคนิคการฉีดยาชา ซึ่งจะช่วยบรรเทาทั้งความรู้สึกเจ็บรวมถึงอาการบวมหลังปลูก และด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ เทคนิคที่ออกแบบมาแล้วอย่างดี บวกกับความชำนาญและความละเอียดอ่อนของแพทย์ขณะลงมือปลูก ก็ยิ่งช่วยให้รอยแผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ไม่น่ากลัวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด


กลัวว่าจะต้องลางานยาว หรือต้องเก็บตัวหลายสัปดาห์เพื่อพักฟื้น
แทบจะลืมคำว่าพักฟื้นไปได้เลย เพราะเทคนิคการปลูกผมในปัจจุบัน ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ไม่ต้องเก็บตัวหลบหน้าผู้คนเพื่อพักฟื้น หรือกังวลกับอาการบวมหรือรอยแผลจนไม่กล้าไปเจอใคร ที่ผ่านมา คนไข้หลาย ๆ คนสามารถขับรถกลับบ้านได้เองในวันทำหัตถการ หรือไปทำงานต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เพียงแต่ต้องคอยระวังศีรษะบริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่เป็นพิเศษตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กราฟต์ผมหลุดร่วง โดยไม่ต้องหยุดงานยาวหรือกระทบกับเวลาในการใช้ชีวิต


กลัวว่าจะมาเริ่มรักษาช้าไป และกลัวผมบางรุนแรงจนแก้ไม่ได้
สำหรับข้อนี้ ไม่ต้องกลัวเลย เพราะหลาย ๆ คนก็ลังเลใจจนถึงจุดที่ปัญหาผมเริ่มเข้าสู่ระยะวิกฤตแล้วจริง ๆ จึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ บางคนก็มาด้วยอาการผมบางหลายจุดพร้อม ๆ กันหรือเชื่อมต่อกัน ซึ่งในกรณีนี้ แพทย์จะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด หากกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยเหลืออยู่น้อย ก็จะใช้วิธีคำนวณกราฟต์ผมและบริหารจัดการเพื่อปลูกเฉลี่ยให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นปัญหา หรือปรึกษากับคนไข้เพื่อเน้นการปลูกใหม่ในจุดที่กังวลเป็นพิเศษ และเสริมด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการทรีตเมนท์ เพื่อบำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม ช่วยให้ผมแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม แพทย์ก็ยังแนะนำให้คนที่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของอาการผมร่วง ผมบาง รีบเข้ามาปรึกษาและเข้ารับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ในวันที่ปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนยังมีอยู่มาก จะช่วยให้สามารถปลูกใหม่ได้ผลลัพธ์หนาแน่น และแพทย์ยังสามารถช่วยดูแลชะลอการหลุดร่วงก่อนเวลาของผมส่วนอื่น ๆ ได้ด้วย



กลัวคนมองว่าอายุมากแล้ว จะปลูกผมไปทำไม
ความกังวลนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนไข้วัย 50+ ซึ่งในปัจจุบัน ผู้สูงวัยใช้ชีวิตแบบแอคทีฟมากขึ้น มีกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้เวลานอกบ้าน ออกไปเข้าสังคมกันมากขึ้น เสียงจากคนไข้ส่วนใหญ่จึงอยากฝากถึงคนที่กำลังลังเลใจเพราะตัวเลขอายุว่า แม้จะสูงวัย แต่เรายังต้องใช้เวลาในชีวิตอีกหลายปี เพราะฉะนั้น ถ้าการปลูกผมจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เราสูงวัยได้อย่างมั่นใจ และมีความสุข ก็นับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดีเลยทีเดียว และหากรอนานไปกว่านี้ อาจจะสายเกินที่จะปลูกผมใหม่แล้วก็เป็นได้


และสุดท้าย หากใครกลัวว่าการปลูกผมจะเป็นการลงทุนที่แพงเกินไป จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะไม่มองเพียง ราคา แต่มองถึง ความคุ้มค่า ในระยะยาว ซึ่งหากเราเลือกคลินิกปลูกผมที่น่าเชื่อถือ แพทย์ผู้ชำนาญที่มีทักษะและประสบการณ์ไว้วางใจได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของเส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง รวมถึงผลลัพธ์ทางใจ ไม่ว่าจะเป็นความพึงพอใจ หรือความมั่นใจในตัวเองที่กลับคืนมา ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอนกับการตัดสินใจปลูกผม ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต
เคลียร์ทุกข้อกังวลใจ ก่อนปลูกผม
อยากลองปลูกผม แต่ “กลัว” ว่าจะได้ผลลัพธ์ดีจริงมั้ย

นี่น่าจะเป็นคำถามและความกังวลใจข้อแรก ๆ ของใครก็ตามที่ประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือไปจนถึงโค้งสุดท้ายที่จะเข้าสู่ภาวะผมล้าน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะทุกคนรู้ดีว่า เส้นผมเป็นสิ่งมีค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อถึงวันและวัยที่ผมเริ่มร่วงมากขึ้น เริ่มเห็นร่องรอยความบางของผมบนศีรษะ เราจึงเข้าใจว่าการจากไปของเส้นผม ทำให้เรากังวลใจ หรือสูญเสียความมั่นใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเข้าใจถึงความสำคัญของการมีอยู่ของเส้นผมได้จริง ๆ 

แน่นอนว่า หลายคนก้าวผ่านคำถามแรกแห่งการเริ่มต้นนั้นมาแล้ว รวมทั้งได้ผลลัพธ์ภาพลักษณ์ บุคลิกที่ดี และความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมา แต่หลาย ๆ คนก็ยังติดอยู่กับคำถามว่า ...ปลูกผมแล้วดีจริงมั้ย ต้องเริ่มต้นอย่างไร... ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการให้คำปรึกษาคนไข้ของนามนิน เราพบว่า มีหลายประเด็นเลยทีเดียวที่คนไข้รู้สึกกลัวหรือกังวลใจ จนลังเลว่าจะเข้ารับการปลูกผมดีมั้ย บางคนก็กลัวเพราะภาพจำฝังใจในอดีต และบางคนก็กลัวเพราะมองไม่เห็นว่าภาพผลลัพธ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร 

วันนี้ นามนิน จึงขอรวบรวมคำตอบที่จะช่วยเอาชนะทุกความกลัว เคลียร์ทุกความกังวลใจ ให้ทุกคนตั้งต้นก้าวแรกของเส้นทางการปลูกผม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้ดังใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไปด้วยกัน



กลัวว่าการปลูกผม จะต้องผ่าตัดหนังศีรษะ หรือโกนผมทิ้ง
จริงอยู่ที่ในอดีต การปลูกผมจำเป็นต้องพึ่งพาการผ่าตัดชิ้นหนังศีรษะ หรือต้องโกนผมด้านหลังท้ายทอยออก แต่ปัจจุบันเทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาไปไกลมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE ที่แพทย์ปลูกผมส่วนใหญ่นำมาใช้ จนถึงขั้นพัฒนาต่อยอดเทคนิคเองเพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น 

ซึ่งเทคนิคนี้จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อนำมาปลูกใหม่บริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษจนแทบไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีการลงมีดผ่าตัด หรือโกนผมทิ้งอีกต่อไป อีกทั้งอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ยังสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันไปของแต่ละคนด้วย


กลัวว่าปลูกผมแล้ว ผมจะไม่ขึ้น หรืออยู่ได้ไม่นานก็ร่วงไปอีก
ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมนั้น จำเป็นต้องใช้เส้นผมของเราเอง และที่สำคัญ ต้องเป็นเส้นผมที่มาจากบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากผมในบริเวณดังกล่าวมีคุณสมบัติในการต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้รากผมอ่อนแอ ส่งผลให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 


ดังนั้น เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นตรงส่วนไหนก็ตาม คุณสมบัติเหล่านั้นก็จะตามมาด้วย เพราะเราย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม ทำให้ผมปลูกใหม่มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย แต่จะร่วงและขึ้นใหม่เป็นปกติตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม และจะอยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปได้อย่างถาวร 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผมปลูกใหม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญจะคอยระวังดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก เช่น การรักษาสภาพกราฟต์ผมหลังจากเจาะย้ายออกมาแล้ว ด้วยการแช่น้ำยาประสิทธิภาพสูงเพื่อรอการปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะห่างที่พอดี ไม่ห่างกันหรือแน่นเบียดกันจนเกินไป อีกทั้งต้องปักให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้รากผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ 

รวมไปถึงขั้นตอนการดูแลหลังปลูก ซึ่งแพทย์จะคอยติดตามผลอย่างใกล้ชิดทุกระยะ ตลอดเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เส้นผมจะค่อย ๆ เติบโตสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โดยเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ บริการทรีตเมนต์ รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ไว้ให้ เพื่อให้ทั้งแพทย์และคนไข้สามารถร่วมมือกันดูแลผมปลูกใหม่อย่างง่าย ๆ ไร้กังวล


กลัวเจ็บ และกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงจากการปลูกผม
จากเสียงตอบรับของคนไข้หลาย ๆ คน ต่างก็มีประสบการณ์ในวันทำหัตถการปลูกผมที่ราบรื่น และไม่เจ็บมากเหมือนที่เคยกังวลกันไว้ล่วงหน้า โดยในวันนั้น ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายรากผมออก คัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม แล้วจึงนำมาปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความพิถีพิถัน โดยแพทย์จะมีเทคนิคการฉีดยาชา ซึ่งจะช่วยบรรเทาทั้งความรู้สึกเจ็บรวมถึงอาการบวมหลังปลูก และด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ เทคนิคที่ออกแบบมาแล้วอย่างดี บวกกับความชำนาญและความละเอียดอ่อนของแพทย์ขณะลงมือปลูก ก็ยิ่งช่วยให้รอยแผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ไม่น่ากลัวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด


กลัวว่าจะต้องลางานยาว หรือต้องเก็บตัวหลายสัปดาห์เพื่อพักฟื้น
แทบจะลืมคำว่าพักฟื้นไปได้เลย เพราะเทคนิคการปลูกผมในปัจจุบัน ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ ไม่ต้องเก็บตัวหลบหน้าผู้คนเพื่อพักฟื้น หรือกังวลกับอาการบวมหรือรอยแผลจนไม่กล้าไปเจอใคร ที่ผ่านมา คนไข้หลาย ๆ คนสามารถขับรถกลับบ้านได้เองในวันทำหัตถการ หรือไปทำงานต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เพียงแต่ต้องคอยระวังศีรษะบริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่เป็นพิเศษตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กราฟต์ผมหลุดร่วง โดยไม่ต้องหยุดงานยาวหรือกระทบกับเวลาในการใช้ชีวิต


กลัวว่าจะมาเริ่มรักษาช้าไป และกลัวผมบางรุนแรงจนแก้ไม่ได้
สำหรับข้อนี้ ไม่ต้องกลัวเลย เพราะหลาย ๆ คนก็ลังเลใจจนถึงจุดที่ปัญหาผมเริ่มเข้าสู่ระยะวิกฤตแล้วจริง ๆ จึงตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ บางคนก็มาด้วยอาการผมบางหลายจุดพร้อม ๆ กันหรือเชื่อมต่อกัน ซึ่งในกรณีนี้ แพทย์จะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด หากกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยเหลืออยู่น้อย ก็จะใช้วิธีคำนวณกราฟต์ผมและบริหารจัดการเพื่อปลูกเฉลี่ยให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นปัญหา หรือปรึกษากับคนไข้เพื่อเน้นการปลูกใหม่ในจุดที่กังวลเป็นพิเศษ และเสริมด้วยผลิตภัณฑ์หรือบริการทรีตเมนท์ เพื่อบำรุงเส้นผมให้มีขนาดใหญ่และหนาขึ้น ชะลอการหลุดร่วง เร่งการเกิดใหม่ของเส้นผม ช่วยให้ผมแลดูดกดำและหนาแน่นขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม แพทย์ก็ยังแนะนำให้คนที่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของอาการผมร่วง ผมบาง รีบเข้ามาปรึกษาและเข้ารับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ในวันที่ปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนยังมีอยู่มาก จะช่วยให้สามารถปลูกใหม่ได้ผลลัพธ์หนาแน่น และแพทย์ยังสามารถช่วยดูแลชะลอการหลุดร่วงก่อนเวลาของผมส่วนอื่น ๆ ได้ด้วย



กลัวคนมองว่าอายุมากแล้ว จะปลูกผมไปทำไม
ความกังวลนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนไข้วัย 50+ ซึ่งในปัจจุบัน ผู้สูงวัยใช้ชีวิตแบบแอคทีฟมากขึ้น มีกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้เวลานอกบ้าน ออกไปเข้าสังคมกันมากขึ้น เสียงจากคนไข้ส่วนใหญ่จึงอยากฝากถึงคนที่กำลังลังเลใจเพราะตัวเลขอายุว่า แม้จะสูงวัย แต่เรายังต้องใช้เวลาในชีวิตอีกหลายปี เพราะฉะนั้น ถ้าการปลูกผมจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เราสูงวัยได้อย่างมั่นใจ และมีความสุข ก็นับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดีเลยทีเดียว และหากรอนานไปกว่านี้ อาจจะสายเกินที่จะปลูกผมใหม่แล้วก็เป็นได้


และสุดท้าย หากใครกลัวว่าการปลูกผมจะเป็นการลงทุนที่แพงเกินไป จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะไม่มองเพียง ราคา แต่มองถึง ความคุ้มค่า ในระยะยาว ซึ่งหากเราเลือกคลินิกปลูกผมที่น่าเชื่อถือ แพทย์ผู้ชำนาญที่มีทักษะและประสบการณ์ไว้วางใจได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในแง่ของเส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง รวมถึงผลลัพธ์ทางใจ ไม่ว่าจะเป็นความพึงพอใจ หรือความมั่นใจในตัวเองที่กลับคืนมา ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอนกับการตัดสินใจปลูกผม ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต
Q&A ปลูกผมใหม่วัย 45+
ทุกวันนี้ การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ช่วยแก้โจทย์การดูแลฟื้นคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมสำหรับคนแทบทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อยู่ในวัย 45+ ซึ่งหลาย ๆ คนยังต้องการมีภาพลักษณ์และบุคลิกที่ดี เพื่อเสริมหน้าที่การงาน เพื่อสร้างความมั่นใจเมื่ออยู่ในสังคมที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย หรือแม้กระทั่งเพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจและความสุขเล็ก ๆ เมื่อมองตัวเองในกระจก แต่หลาย ๆ คนก็คงจะยังมีคำถามและความกังวลใจเกี่ยวกับการปลูกผม ซึ่งนามนินรวบรวมคำตอบมาไว้ให้ตรงนี้แล้วค่ะ

Q: ปลูกผม ต้องผ่าตัดใช่มั้ย
A: เมื่อหลายสิบปีก่อน คำตอบอาจจะเป็นใช่ แต่ปัจจุบันนี้ เทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาจนก้าวหน้าถึงขนาดที่ไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือโกนผมทิ้งอีกต่อไปแล้ว คุณหมอจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ เท่านั้น



Q: ปลูกผมไปแล้ว ผมจะอยู่ไปตลอดชีวิตมั้ย
A: ตามหลักการแล้ว ผมปลูกใหม่จะอยู่อย่างถาวร สามารถร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมได้ตลอดชีวิต เพราะคุณหมอเลือกย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยที่มีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเป็นพิเศษ และย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม
ที่สำคัญ คุณหมอจะระวังและพิถีพิถันสุด ๆ ในขั้นตอนการปลูกผม เพื่อไม่ให้ระยะการปักกราฟต์ผมเบียดกันแน่นเกินไปจนเสี่ยงหลุดร่วง ทั้งยังปักให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้สารอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมเต็มที่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กราฟต์ผมใหม่อยู่รอด

Q: ถ้าปัญหาผมบางเข้าขั้นรุนแรงล่ะ จะยังปลูกได้มั้ย
A: สำหรับข้อนี้ ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอโดยตรง เนื่องจากคุณหมอมีประสบการณ์ในการรักษามาหลายเคส และจะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล หากผมบางรุนแรง เหลือกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยน้อย คุณหมอก็จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมและบริหารการปลูกใหม่ให้เฉลี่ยทั่วพื้นที่ หรือเน้นเฉพาะจุดที่คนไข้กังวลเป็นพิเศษ พร้อมกับเสริมด้วยทรีตเมนท์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อคืนความดกดำ หนาแน่นให้กับเส้นผมได้มากที่สุด



Q: ปลูกผม เจ็บมั้ย ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร เลือดออกเยอะหรือเปล่า
A: จากเสียงของคนไข้ที่ผ่านมา ต่างบอกว่าเจ็บน้อยมากหรือแทบไม่เจ็บเลย เพราะคุณหมอมีเทคนิคและวิธีช่วยบรรเทาความเจ็บ ลดอาการบวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย แม้ในผู้สูงวัยก็ยังมั่นใจได้ว่าเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูงในการปลูกผม 

Q: อายุมากแล้ว จะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมติดต่อกันหลายชั่วโมงไหวมั้ย
A: ห้องหัตถการของนามนินได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อรองรับหัตถการปลูกผมซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่คนไข้ก็จะยังได้รับความสะดวก อยู่ในท่าที่สบาย ปลอดภัย ทั้งยังมีคุณหมอและเจ้าหน้าที่คอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ให้ได้มากที่สุด

Q: หลังปลูกผม ต้องพักฟื้นนานมั้ย 
A: ด้วยเทคนิคปลูกผมของนามนิน ช่วยคนไข้หลาย ๆ คนแทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกผมเสร็จสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทันที อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่สูงวัยมาก ๆ คุณหมอจะให้คำแนะนำเรื่องการพักฟื้นเป็นพิเศษเฉพาะบุคคล เพื่อความปลอดภัยสูงสุด



Q: กลัวผมปลูกใหม่จะพาย้อนวัยจนดูไม่เป็นธรรมชาติ
A: เพราะโดยทั่วไปแล้ว การปลูกผมจะช่วยปรับโครงหน้า รูปลักษณ์ ให้ดูอ่อนวัยขึ้น สมาร์ทขึ้น แต่คนไข้หลาย ๆ คนก็กังวลว่าจะดูอ่อนวัยเกินจริงจนดูหลอกตา คุณหมอเองก็เข้าใจในจุดนี้ และให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ความเป็นธรรมชาติ ที่ดูสมวัย อีกทั้งยังออกแบบแนวผมด้านหน้าร่วมกันกับคนไข้ตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อปรับกรอบหน้าให้ดูสมส่วน ชวนมองอย่างเป็นธรรมชาติ

Q: ไม่รู้ว่าหลังปลูกผมจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ยุ่งยากมั้ย
A: ข้อนี้ แทบไม่ต้องกังวลเลย เพราะคุณหมอจะเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ให้คนไข้ดูแลตัวเองที่บ้านได้อย่างง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก คุณหมอยังนัดมาติดตามผลทุกระยะ และสามารถสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา จึงมั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างดีหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์


Q: คนรอบข้างมักบอกว่า อายุมากแล้ว จะต้องปลูกไปทำไม
A: สำหรับข้อนี้ ขอให้เสียงจากคนไข้วัย 45+ หลาย ๆ คนช่วยตอบแทนนะคะ ทุกคนต่างบอกตรงกันว่า ตัวเลขอายุไม่ใช่ข้อจำกัด เพราะเรายังจะต้องใช้ชีวิตต่อไปอีกหลายสิบปี ซึ่งถ้าการปลูกผมจะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข คืนความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คน เสริมความน่าเชื่อถือในหน้าที่การงาน ลดความเครียด ความกังวล ได้เวลาที่เคยต้องเสียไปกับการแต่งทรงผมหน้ากระจกเพื่อปกปิดปัญหาผมกลับคืนมา และเมื่อเราสุขภาพจิตดี ก็จะส่งผลถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวด้วย ที่สำคัญ พอใจและภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
ถ้าเราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าเป็น “ความคุ้มค่า” การปลูกผมก็คือคำตอบที่ใช่สำหรับเราแล้วล่ะค่ะ






Q&A ปลูกผมใหม่วัย 45+
ทุกวันนี้ การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ช่วยแก้โจทย์การดูแลฟื้นคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมสำหรับคนแทบทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อยู่ในวัย 45+ ซึ่งหลาย ๆ คนยังต้องการมีภาพลักษณ์และบุคลิกที่ดี เพื่อเสริมหน้าที่การงาน เพื่อสร้างความมั่นใจเมื่ออยู่ในสังคมที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย หรือแม้กระทั่งเพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจและความสุขเล็ก ๆ เมื่อมองตัวเองในกระจก แต่หลาย ๆ คนก็คงจะยังมีคำถามและความกังวลใจเกี่ยวกับการปลูกผม ซึ่งนามนินรวบรวมคำตอบมาไว้ให้ตรงนี้แล้วค่ะ

Q: ปลูกผม ต้องผ่าตัดใช่มั้ย
A: เมื่อหลายสิบปีก่อน คำตอบอาจจะเป็นใช่ แต่ปัจจุบันนี้ เทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาจนก้าวหน้าถึงขนาดที่ไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือโกนผมทิ้งอีกต่อไปแล้ว คุณหมอจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ เท่านั้น



Q: ปลูกผมไปแล้ว ผมจะอยู่ไปตลอดชีวิตมั้ย
A: ตามหลักการแล้ว ผมปลูกใหม่จะอยู่อย่างถาวร สามารถร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมได้ตลอดชีวิต เพราะคุณหมอเลือกย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยที่มีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเป็นพิเศษ และย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม
ที่สำคัญ คุณหมอจะระวังและพิถีพิถันสุด ๆ ในขั้นตอนการปลูกผม เพื่อไม่ให้ระยะการปักกราฟต์ผมเบียดกันแน่นเกินไปจนเสี่ยงหลุดร่วง ทั้งยังปักให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้สารอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมเต็มที่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กราฟต์ผมใหม่อยู่รอด

Q: ถ้าปัญหาผมบางเข้าขั้นรุนแรงล่ะ จะยังปลูกได้มั้ย
A: สำหรับข้อนี้ ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอโดยตรง เนื่องจากคุณหมอมีประสบการณ์ในการรักษามาหลายเคส และจะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล หากผมบางรุนแรง เหลือกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยน้อย คุณหมอก็จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมและบริหารการปลูกใหม่ให้เฉลี่ยทั่วพื้นที่ หรือเน้นเฉพาะจุดที่คนไข้กังวลเป็นพิเศษ พร้อมกับเสริมด้วยทรีตเมนท์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อคืนความดกดำ หนาแน่นให้กับเส้นผมได้มากที่สุด



Q: ปลูกผม เจ็บมั้ย ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร เลือดออกเยอะหรือเปล่า
A: จากเสียงของคนไข้ที่ผ่านมา ต่างบอกว่าเจ็บน้อยมากหรือแทบไม่เจ็บเลย เพราะคุณหมอมีเทคนิคและวิธีช่วยบรรเทาความเจ็บ ลดอาการบวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย แม้ในผู้สูงวัยก็ยังมั่นใจได้ว่าเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูงในการปลูกผม 

Q: อายุมากแล้ว จะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมติดต่อกันหลายชั่วโมงไหวมั้ย
A: ห้องหัตถการของนามนินได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อรองรับหัตถการปลูกผมซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่คนไข้ก็จะยังได้รับความสะดวก อยู่ในท่าที่สบาย ปลอดภัย ทั้งยังมีคุณหมอและเจ้าหน้าที่คอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ให้ได้มากที่สุด

Q: หลังปลูกผม ต้องพักฟื้นนานมั้ย 
A: ด้วยเทคนิคปลูกผมของนามนิน ช่วยคนไข้หลาย ๆ คนแทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกผมเสร็จสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทันที อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่สูงวัยมาก ๆ คุณหมอจะให้คำแนะนำเรื่องการพักฟื้นเป็นพิเศษเฉพาะบุคคล เพื่อความปลอดภัยสูงสุด



Q: กลัวผมปลูกใหม่จะพาย้อนวัยจนดูไม่เป็นธรรมชาติ
A: เพราะโดยทั่วไปแล้ว การปลูกผมจะช่วยปรับโครงหน้า รูปลักษณ์ ให้ดูอ่อนวัยขึ้น สมาร์ทขึ้น แต่คนไข้หลาย ๆ คนก็กังวลว่าจะดูอ่อนวัยเกินจริงจนดูหลอกตา คุณหมอเองก็เข้าใจในจุดนี้ และให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ความเป็นธรรมชาติ ที่ดูสมวัย อีกทั้งยังออกแบบแนวผมด้านหน้าร่วมกันกับคนไข้ตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อปรับกรอบหน้าให้ดูสมส่วน ชวนมองอย่างเป็นธรรมชาติ

Q: ไม่รู้ว่าหลังปลูกผมจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ยุ่งยากมั้ย
A: ข้อนี้ แทบไม่ต้องกังวลเลย เพราะคุณหมอจะเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ให้คนไข้ดูแลตัวเองที่บ้านได้อย่างง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก คุณหมอยังนัดมาติดตามผลทุกระยะ และสามารถสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา จึงมั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างดีหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์


Q: คนรอบข้างมักบอกว่า อายุมากแล้ว จะต้องปลูกไปทำไม
A: สำหรับข้อนี้ ขอให้เสียงจากคนไข้วัย 45+ หลาย ๆ คนช่วยตอบแทนนะคะ ทุกคนต่างบอกตรงกันว่า ตัวเลขอายุไม่ใช่ข้อจำกัด เพราะเรายังจะต้องใช้ชีวิตต่อไปอีกหลายสิบปี ซึ่งถ้าการปลูกผมจะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข คืนความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คน เสริมความน่าเชื่อถือในหน้าที่การงาน ลดความเครียด ความกังวล ได้เวลาที่เคยต้องเสียไปกับการแต่งทรงผมหน้ากระจกเพื่อปกปิดปัญหาผมกลับคืนมา และเมื่อเราสุขภาพจิตดี ก็จะส่งผลถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวด้วย ที่สำคัญ พอใจและภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
ถ้าเราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าเป็น “ความคุ้มค่า” การปลูกผมก็คือคำตอบที่ใช่สำหรับเราแล้วล่ะค่ะ






Q&A ปลูกผมใหม่วัย 45+
ทุกวันนี้ การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ช่วยแก้โจทย์การดูแลฟื้นคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมสำหรับคนแทบทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อยู่ในวัย 45+ ซึ่งหลาย ๆ คนยังต้องการมีภาพลักษณ์และบุคลิกที่ดี เพื่อเสริมหน้าที่การงาน เพื่อสร้างความมั่นใจเมื่ออยู่ในสังคมที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย หรือแม้กระทั่งเพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจและความสุขเล็ก ๆ เมื่อมองตัวเองในกระจก แต่หลาย ๆ คนก็คงจะยังมีคำถามและความกังวลใจเกี่ยวกับการปลูกผม ซึ่งนามนินรวบรวมคำตอบมาไว้ให้ตรงนี้แล้วค่ะ

Q: ปลูกผม ต้องผ่าตัดใช่มั้ย
A: เมื่อหลายสิบปีก่อน คำตอบอาจจะเป็นใช่ แต่ปัจจุบันนี้ เทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาจนก้าวหน้าถึงขนาดที่ไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือโกนผมทิ้งอีกต่อไปแล้ว คุณหมอจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ เท่านั้น



Q: ปลูกผมไปแล้ว ผมจะอยู่ไปตลอดชีวิตมั้ย
A: ตามหลักการแล้ว ผมปลูกใหม่จะอยู่อย่างถาวร สามารถร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมได้ตลอดชีวิต เพราะคุณหมอเลือกย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยที่มีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเป็นพิเศษ และย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม
ที่สำคัญ คุณหมอจะระวังและพิถีพิถันสุด ๆ ในขั้นตอนการปลูกผม เพื่อไม่ให้ระยะการปักกราฟต์ผมเบียดกันแน่นเกินไปจนเสี่ยงหลุดร่วง ทั้งยังปักให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้สารอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมเต็มที่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กราฟต์ผมใหม่อยู่รอด

Q: ถ้าปัญหาผมบางเข้าขั้นรุนแรงล่ะ จะยังปลูกได้มั้ย
A: สำหรับข้อนี้ ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอโดยตรง เนื่องจากคุณหมอมีประสบการณ์ในการรักษามาหลายเคส และจะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล หากผมบางรุนแรง เหลือกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยน้อย คุณหมอก็จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมและบริหารการปลูกใหม่ให้เฉลี่ยทั่วพื้นที่ หรือเน้นเฉพาะจุดที่คนไข้กังวลเป็นพิเศษ พร้อมกับเสริมด้วยทรีตเมนท์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อคืนความดกดำ หนาแน่นให้กับเส้นผมได้มากที่สุด



Q: ปลูกผม เจ็บมั้ย ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร เลือดออกเยอะหรือเปล่า
A: จากเสียงของคนไข้ที่ผ่านมา ต่างบอกว่าเจ็บน้อยมากหรือแทบไม่เจ็บเลย เพราะคุณหมอมีเทคนิคและวิธีช่วยบรรเทาความเจ็บ ลดอาการบวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย แม้ในผู้สูงวัยก็ยังมั่นใจได้ว่าเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูงในการปลูกผม 

Q: อายุมากแล้ว จะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมติดต่อกันหลายชั่วโมงไหวมั้ย
A: ห้องหัตถการของนามนินได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อรองรับหัตถการปลูกผมซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่คนไข้ก็จะยังได้รับความสะดวก อยู่ในท่าที่สบาย ปลอดภัย ทั้งยังมีคุณหมอและเจ้าหน้าที่คอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ให้ได้มากที่สุด

Q: หลังปลูกผม ต้องพักฟื้นนานมั้ย 
A: ด้วยเทคนิคปลูกผมของนามนิน ช่วยคนไข้หลาย ๆ คนแทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกผมเสร็จสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทันที อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่สูงวัยมาก ๆ คุณหมอจะให้คำแนะนำเรื่องการพักฟื้นเป็นพิเศษเฉพาะบุคคล เพื่อความปลอดภัยสูงสุด



Q: กลัวผมปลูกใหม่จะพาย้อนวัยจนดูไม่เป็นธรรมชาติ
A: เพราะโดยทั่วไปแล้ว การปลูกผมจะช่วยปรับโครงหน้า รูปลักษณ์ ให้ดูอ่อนวัยขึ้น สมาร์ทขึ้น แต่คนไข้หลาย ๆ คนก็กังวลว่าจะดูอ่อนวัยเกินจริงจนดูหลอกตา คุณหมอเองก็เข้าใจในจุดนี้ และให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ความเป็นธรรมชาติ ที่ดูสมวัย อีกทั้งยังออกแบบแนวผมด้านหน้าร่วมกันกับคนไข้ตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อปรับกรอบหน้าให้ดูสมส่วน ชวนมองอย่างเป็นธรรมชาติ

Q: ไม่รู้ว่าหลังปลูกผมจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ยุ่งยากมั้ย
A: ข้อนี้ แทบไม่ต้องกังวลเลย เพราะคุณหมอจะเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ให้คนไข้ดูแลตัวเองที่บ้านได้อย่างง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก คุณหมอยังนัดมาติดตามผลทุกระยะ และสามารถสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา จึงมั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างดีหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์


Q: คนรอบข้างมักบอกว่า อายุมากแล้ว จะต้องปลูกไปทำไม
A: สำหรับข้อนี้ ขอให้เสียงจากคนไข้วัย 45+ หลาย ๆ คนช่วยตอบแทนนะคะ ทุกคนต่างบอกตรงกันว่า ตัวเลขอายุไม่ใช่ข้อจำกัด เพราะเรายังจะต้องใช้ชีวิตต่อไปอีกหลายสิบปี ซึ่งถ้าการปลูกผมจะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข คืนความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คน เสริมความน่าเชื่อถือในหน้าที่การงาน ลดความเครียด ความกังวล ได้เวลาที่เคยต้องเสียไปกับการแต่งทรงผมหน้ากระจกเพื่อปกปิดปัญหาผมกลับคืนมา และเมื่อเราสุขภาพจิตดี ก็จะส่งผลถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวด้วย ที่สำคัญ พอใจและภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
ถ้าเราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าเป็น “ความคุ้มค่า” การปลูกผมก็คือคำตอบที่ใช่สำหรับเราแล้วล่ะค่ะ






Q&A ปลูกผมใหม่วัย 45+
ทุกวันนี้ การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ช่วยแก้โจทย์การดูแลฟื้นคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมสำหรับคนแทบทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อยู่ในวัย 45+ ซึ่งหลาย ๆ คนยังต้องการมีภาพลักษณ์และบุคลิกที่ดี เพื่อเสริมหน้าที่การงาน เพื่อสร้างความมั่นใจเมื่ออยู่ในสังคมที่ต้องพบปะผู้คนมากมาย หรือแม้กระทั่งเพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจและความสุขเล็ก ๆ เมื่อมองตัวเองในกระจก แต่หลาย ๆ คนก็คงจะยังมีคำถามและความกังวลใจเกี่ยวกับการปลูกผม ซึ่งนามนินรวบรวมคำตอบมาไว้ให้ตรงนี้แล้วค่ะ

Q: ปลูกผม ต้องผ่าตัดใช่มั้ย
A: เมื่อหลายสิบปีก่อน คำตอบอาจจะเป็นใช่ แต่ปัจจุบันนี้ เทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนาจนก้าวหน้าถึงขนาดที่ไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือโกนผมทิ้งอีกต่อไปแล้ว คุณหมอจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ เท่านั้น



Q: ปลูกผมไปแล้ว ผมจะอยู่ไปตลอดชีวิตมั้ย
A: ตามหลักการแล้ว ผมปลูกใหม่จะอยู่อย่างถาวร สามารถร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมได้ตลอดชีวิต เพราะคุณหมอเลือกย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยที่มีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเป็นพิเศษ และย้ายมาทั้งเส้นผมและรากผม
ที่สำคัญ คุณหมอจะระวังและพิถีพิถันสุด ๆ ในขั้นตอนการปลูกผม เพื่อไม่ให้ระยะการปักกราฟต์ผมเบียดกันแน่นเกินไปจนเสี่ยงหลุดร่วง ทั้งยังปักให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้สารอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมเต็มที่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้กราฟต์ผมใหม่อยู่รอด

Q: ถ้าปัญหาผมบางเข้าขั้นรุนแรงล่ะ จะยังปลูกได้มั้ย
A: สำหรับข้อนี้ ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอโดยตรง เนื่องจากคุณหมอมีประสบการณ์ในการรักษามาหลายเคส และจะช่วยออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล หากผมบางรุนแรง เหลือกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยน้อย คุณหมอก็จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมและบริหารการปลูกใหม่ให้เฉลี่ยทั่วพื้นที่ หรือเน้นเฉพาะจุดที่คนไข้กังวลเป็นพิเศษ พร้อมกับเสริมด้วยทรีตเมนท์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อคืนความดกดำ หนาแน่นให้กับเส้นผมได้มากที่สุด



Q: ปลูกผม เจ็บมั้ย ผลข้างเคียงเป็นอย่างไร เลือดออกเยอะหรือเปล่า
A: จากเสียงของคนไข้ที่ผ่านมา ต่างบอกว่าเจ็บน้อยมากหรือแทบไม่เจ็บเลย เพราะคุณหมอมีเทคนิคและวิธีช่วยบรรเทาความเจ็บ ลดอาการบวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย แม้ในผู้สูงวัยก็ยังมั่นใจได้ว่าเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูงในการปลูกผม 

Q: อายุมากแล้ว จะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมติดต่อกันหลายชั่วโมงไหวมั้ย
A: ห้องหัตถการของนามนินได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อรองรับหัตถการปลูกผมซึ่งต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่คนไข้ก็จะยังได้รับความสะดวก อยู่ในท่าที่สบาย ปลอดภัย ทั้งยังมีคุณหมอและเจ้าหน้าที่คอยดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา พร้อมทั้งแจ้งให้ทราบถึงขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ให้ได้มากที่สุด

Q: หลังปลูกผม ต้องพักฟื้นนานมั้ย 
A: ด้วยเทคนิคปลูกผมของนามนิน ช่วยคนไข้หลาย ๆ คนแทบไม่ต้องพักฟื้น หลังปลูกผมเสร็จสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทันที อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่สูงวัยมาก ๆ คุณหมอจะให้คำแนะนำเรื่องการพักฟื้นเป็นพิเศษเฉพาะบุคคล เพื่อความปลอดภัยสูงสุด



Q: กลัวผมปลูกใหม่จะพาย้อนวัยจนดูไม่เป็นธรรมชาติ
A: เพราะโดยทั่วไปแล้ว การปลูกผมจะช่วยปรับโครงหน้า รูปลักษณ์ ให้ดูอ่อนวัยขึ้น สมาร์ทขึ้น แต่คนไข้หลาย ๆ คนก็กังวลว่าจะดูอ่อนวัยเกินจริงจนดูหลอกตา คุณหมอเองก็เข้าใจในจุดนี้ และให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ความเป็นธรรมชาติ ที่ดูสมวัย อีกทั้งยังออกแบบแนวผมด้านหน้าร่วมกันกับคนไข้ตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อปรับกรอบหน้าให้ดูสมส่วน ชวนมองอย่างเป็นธรรมชาติ

Q: ไม่รู้ว่าหลังปลูกผมจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ยุ่งยากมั้ย
A: ข้อนี้ แทบไม่ต้องกังวลเลย เพราะคุณหมอจะเตรียมคำแนะนำ ข้อปฏิบัติ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ให้คนไข้ดูแลตัวเองที่บ้านได้อย่างง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก คุณหมอยังนัดมาติดตามผลทุกระยะ และสามารถสอบถามข้อสงสัยต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา จึงมั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างดีหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าเส้นผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์


Q: คนรอบข้างมักบอกว่า อายุมากแล้ว จะต้องปลูกไปทำไม
A: สำหรับข้อนี้ ขอให้เสียงจากคนไข้วัย 45+ หลาย ๆ คนช่วยตอบแทนนะคะ ทุกคนต่างบอกตรงกันว่า ตัวเลขอายุไม่ใช่ข้อจำกัด เพราะเรายังจะต้องใช้ชีวิตต่อไปอีกหลายสิบปี ซึ่งถ้าการปลูกผมจะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข คืนความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คน เสริมความน่าเชื่อถือในหน้าที่การงาน ลดความเครียด ความกังวล ได้เวลาที่เคยต้องเสียไปกับการแต่งทรงผมหน้ากระจกเพื่อปกปิดปัญหาผมกลับคืนมา และเมื่อเราสุขภาพจิตดี ก็จะส่งผลถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวด้วย ที่สำคัญ พอใจและภูมิใจในตัวเองมากขึ้น
ถ้าเราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าเป็น “ความคุ้มค่า” การปลูกผมก็คือคำตอบที่ใช่สำหรับเราแล้วล่ะค่ะ






ปลูกผมเทคนิค NEAT แก้ปัญหาผมบางตรงจุด
การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่ออกแบบโดยคุณหมอนิน : พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนินคลินิก ได้เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไปจนหมดสิ้น และ NEAT ยังเปลี่ยนให้การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการทุกคน


หัวใจของ NEAT คือ เทคนิคการปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ


และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นอกเหนือจากเทคนิคที่จะทำให้การปลูกผมประสบผลสำเร็จก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ “แพทย์ผู้ปลูกผม” อย่างคุณหมอนิน ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้เข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า คุณหมอทำงานเป็นทีมเดียวกันกับเขาตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม เพื่อให้ NEAT ได้มอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

คุณหญิง ธิติกานต์ ศิลปินนักร้อง เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า “ผมบาง” เริ่มเป็นปัญหา เริ่มกระทบกับงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และเธอก็ไม่รอช้า รีบหาวิธีแก้ปัญหาที่ตรงใจและเหมาะสมกับตัวเองโดยเร็วที่สุด


จากข้อมูลที่คุณหญิงศึกษาด้วยตัวเอง ประกอบกับเห็นเพื่อนศิลปินหลายคนได้เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนินแล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังการปลูกผมไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำงานได้ตามปกติ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ดีมากๆ ดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อคุณนุช วิลาวัลย์ได้แนะนำให้รู้จักกับคุณหมอนิน คุณหญิงจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเข้ามาปรึกษาปัญหาของตนเองกับคุณหมอทันที

จากการได้เข้าพบคุณหมอและได้ประเมินปัญหาผมบางของคุณหญิง คุณหมอนินยังชื่นชมว่า เป็นการตัดสินใจพบแพทย์ที่รวดเร็วดีมาก เพราะปัญหาผมบางยังน้อย การปลูกผมไม่ต้องใช้กราฟต์จำนวนมาก เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการปลูกผมที่สุด และแนะนำว่า NEAT คือเทคนิคที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างที่คุณหญิงต้องการ “คุณหมอนินแนะนำเทคนิค NEAT ค่ะ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอเลยนะคะ คุณหมอปลูกเองกราฟต์ต่อกราฟต์เลยค่ะ คุณหมอดูแลเองทุกขั้นตอน หญิงจะบอกว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คุณหมอมือเบามาก”


ด้วยความประณีตและเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนินในการปลูกผมเทคนิค NEAT หลังเข้ารับการปลูกผม แม้แต่คนรอบข้างก็ยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติใดๆ เพราะคุณหญิงสามารถไปเที่ยว ไปทำงาน ไปร้องเพลงและใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง ยกเว้นความสวยเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

จากวันแรกที่เข้ารับการปลูกผมจนมาถึงในวันนี้ที่ครบ 1 ปี คุณหญิงยิ่งรู้สึกสบายและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการดูแลหลังการปลูกผมอย่างใกล้ชิดของคุณหมอนิน ที่ทุกๆ การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


“อยากจะบอกว่าดีใจมากที่วันนี้หญิงไม่ต้องใช้แฮร์แชโดว์แล้ว เพียงแต่ว่าเราดูแลและบำรุง กินวิตามินตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อที่ว่าผมของเราที่ปลูกมาค่ะจะได้มีรากผมที่แข็งแรงและอยู่กับเราไปได้นานๆ แค่นี้เองค่ะ เป็นวิธีการง่ายๆที่คุณหมอแนะนำนะคะ”

NEAT การปลูกผมง่ายๆ สบายๆ ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมบางของทุกคน เป็นประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผมที่รอให้คุณมาสัมผัสที่ “นามนิน” ค่ะ

ปลูกผมเทคนิค NEAT แก้ปัญหาผมบางตรงจุด
การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่ออกแบบโดยคุณหมอนิน : พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนินคลินิก ได้เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไปจนหมดสิ้น และ NEAT ยังเปลี่ยนให้การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการทุกคน


หัวใจของ NEAT คือ เทคนิคการปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ


และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นอกเหนือจากเทคนิคที่จะทำให้การปลูกผมประสบผลสำเร็จก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ “แพทย์ผู้ปลูกผม” อย่างคุณหมอนิน ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้เข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า คุณหมอทำงานเป็นทีมเดียวกันกับเขาตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม เพื่อให้ NEAT ได้มอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

คุณหญิง ธิติกานต์ ศิลปินนักร้อง เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า “ผมบาง” เริ่มเป็นปัญหา เริ่มกระทบกับงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และเธอก็ไม่รอช้า รีบหาวิธีแก้ปัญหาที่ตรงใจและเหมาะสมกับตัวเองโดยเร็วที่สุด


จากข้อมูลที่คุณหญิงศึกษาด้วยตัวเอง ประกอบกับเห็นเพื่อนศิลปินหลายคนได้เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนินแล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังการปลูกผมไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำงานได้ตามปกติ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ดีมากๆ ดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อคุณนุช วิลาวัลย์ได้แนะนำให้รู้จักกับคุณหมอนิน คุณหญิงจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเข้ามาปรึกษาปัญหาของตนเองกับคุณหมอทันที

จากการได้เข้าพบคุณหมอและได้ประเมินปัญหาผมบางของคุณหญิง คุณหมอนินยังชื่นชมว่า เป็นการตัดสินใจพบแพทย์ที่รวดเร็วดีมาก เพราะปัญหาผมบางยังน้อย การปลูกผมไม่ต้องใช้กราฟต์จำนวนมาก เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการปลูกผมที่สุด และแนะนำว่า NEAT คือเทคนิคที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างที่คุณหญิงต้องการ “คุณหมอนินแนะนำเทคนิค NEAT ค่ะ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอเลยนะคะ คุณหมอปลูกเองกราฟต์ต่อกราฟต์เลยค่ะ คุณหมอดูแลเองทุกขั้นตอน หญิงจะบอกว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คุณหมอมือเบามาก”


ด้วยความประณีตและเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนินในการปลูกผมเทคนิค NEAT หลังเข้ารับการปลูกผม แม้แต่คนรอบข้างก็ยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติใดๆ เพราะคุณหญิงสามารถไปเที่ยว ไปทำงาน ไปร้องเพลงและใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง ยกเว้นความสวยเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

จากวันแรกที่เข้ารับการปลูกผมจนมาถึงในวันนี้ที่ครบ 1 ปี คุณหญิงยิ่งรู้สึกสบายและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการดูแลหลังการปลูกผมอย่างใกล้ชิดของคุณหมอนิน ที่ทุกๆ การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


“อยากจะบอกว่าดีใจมากที่วันนี้หญิงไม่ต้องใช้แฮร์แชโดว์แล้ว เพียงแต่ว่าเราดูแลและบำรุง กินวิตามินตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อที่ว่าผมของเราที่ปลูกมาค่ะจะได้มีรากผมที่แข็งแรงและอยู่กับเราไปได้นานๆ แค่นี้เองค่ะ เป็นวิธีการง่ายๆที่คุณหมอแนะนำนะคะ”

NEAT การปลูกผมง่ายๆ สบายๆ ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมบางของทุกคน เป็นประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผมที่รอให้คุณมาสัมผัสที่ “นามนิน” ค่ะ

ปลูกผมเทคนิค NEAT แก้ปัญหาผมบางตรงจุด
การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่ออกแบบโดยคุณหมอนิน : พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนินคลินิก ได้เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไปจนหมดสิ้น และ NEAT ยังเปลี่ยนให้การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการทุกคน


หัวใจของ NEAT คือ เทคนิคการปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ


และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นอกเหนือจากเทคนิคที่จะทำให้การปลูกผมประสบผลสำเร็จก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ “แพทย์ผู้ปลูกผม” อย่างคุณหมอนิน ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้เข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า คุณหมอทำงานเป็นทีมเดียวกันกับเขาตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม เพื่อให้ NEAT ได้มอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

คุณหญิง ธิติกานต์ ศิลปินนักร้อง เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า “ผมบาง” เริ่มเป็นปัญหา เริ่มกระทบกับงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และเธอก็ไม่รอช้า รีบหาวิธีแก้ปัญหาที่ตรงใจและเหมาะสมกับตัวเองโดยเร็วที่สุด


จากข้อมูลที่คุณหญิงศึกษาด้วยตัวเอง ประกอบกับเห็นเพื่อนศิลปินหลายคนได้เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนินแล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังการปลูกผมไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำงานได้ตามปกติ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ดีมากๆ ดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อคุณนุช วิลาวัลย์ได้แนะนำให้รู้จักกับคุณหมอนิน คุณหญิงจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเข้ามาปรึกษาปัญหาของตนเองกับคุณหมอทันที

จากการได้เข้าพบคุณหมอและได้ประเมินปัญหาผมบางของคุณหญิง คุณหมอนินยังชื่นชมว่า เป็นการตัดสินใจพบแพทย์ที่รวดเร็วดีมาก เพราะปัญหาผมบางยังน้อย การปลูกผมไม่ต้องใช้กราฟต์จำนวนมาก เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการปลูกผมที่สุด และแนะนำว่า NEAT คือเทคนิคที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างที่คุณหญิงต้องการ “คุณหมอนินแนะนำเทคนิค NEAT ค่ะ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอเลยนะคะ คุณหมอปลูกเองกราฟต์ต่อกราฟต์เลยค่ะ คุณหมอดูแลเองทุกขั้นตอน หญิงจะบอกว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คุณหมอมือเบามาก”


ด้วยความประณีตและเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนินในการปลูกผมเทคนิค NEAT หลังเข้ารับการปลูกผม แม้แต่คนรอบข้างก็ยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติใดๆ เพราะคุณหญิงสามารถไปเที่ยว ไปทำงาน ไปร้องเพลงและใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง ยกเว้นความสวยเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

จากวันแรกที่เข้ารับการปลูกผมจนมาถึงในวันนี้ที่ครบ 1 ปี คุณหญิงยิ่งรู้สึกสบายและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการดูแลหลังการปลูกผมอย่างใกล้ชิดของคุณหมอนิน ที่ทุกๆ การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


“อยากจะบอกว่าดีใจมากที่วันนี้หญิงไม่ต้องใช้แฮร์แชโดว์แล้ว เพียงแต่ว่าเราดูแลและบำรุง กินวิตามินตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อที่ว่าผมของเราที่ปลูกมาค่ะจะได้มีรากผมที่แข็งแรงและอยู่กับเราไปได้นานๆ แค่นี้เองค่ะ เป็นวิธีการง่ายๆที่คุณหมอแนะนำนะคะ”

NEAT การปลูกผมง่ายๆ สบายๆ ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมบางของทุกคน เป็นประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผมที่รอให้คุณมาสัมผัสที่ “นามนิน” ค่ะ

ปลูกผมเทคนิค NEAT แก้ปัญหาผมบางตรงจุด
การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่ออกแบบโดยคุณหมอนิน : พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนินคลินิก ได้เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไปจนหมดสิ้น และ NEAT ยังเปลี่ยนให้การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการทุกคน


หัวใจของ NEAT คือ เทคนิคการปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ


และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นอกเหนือจากเทคนิคที่จะทำให้การปลูกผมประสบผลสำเร็จก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ “แพทย์ผู้ปลูกผม” อย่างคุณหมอนิน ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้เข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า คุณหมอทำงานเป็นทีมเดียวกันกับเขาตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม เพื่อให้ NEAT ได้มอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

คุณหญิง ธิติกานต์ ศิลปินนักร้อง เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า “ผมบาง” เริ่มเป็นปัญหา เริ่มกระทบกับงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และเธอก็ไม่รอช้า รีบหาวิธีแก้ปัญหาที่ตรงใจและเหมาะสมกับตัวเองโดยเร็วที่สุด


จากข้อมูลที่คุณหญิงศึกษาด้วยตัวเอง ประกอบกับเห็นเพื่อนศิลปินหลายคนได้เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนินแล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังการปลูกผมไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำงานได้ตามปกติ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ดีมากๆ ดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อคุณนุช วิลาวัลย์ได้แนะนำให้รู้จักกับคุณหมอนิน คุณหญิงจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเข้ามาปรึกษาปัญหาของตนเองกับคุณหมอทันที

จากการได้เข้าพบคุณหมอและได้ประเมินปัญหาผมบางของคุณหญิง คุณหมอนินยังชื่นชมว่า เป็นการตัดสินใจพบแพทย์ที่รวดเร็วดีมาก เพราะปัญหาผมบางยังน้อย การปลูกผมไม่ต้องใช้กราฟต์จำนวนมาก เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการปลูกผมที่สุด และแนะนำว่า NEAT คือเทคนิคที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างที่คุณหญิงต้องการ “คุณหมอนินแนะนำเทคนิค NEAT ค่ะ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอเลยนะคะ คุณหมอปลูกเองกราฟต์ต่อกราฟต์เลยค่ะ คุณหมอดูแลเองทุกขั้นตอน หญิงจะบอกว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คุณหมอมือเบามาก”


ด้วยความประณีตและเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนินในการปลูกผมเทคนิค NEAT หลังเข้ารับการปลูกผม แม้แต่คนรอบข้างก็ยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติใดๆ เพราะคุณหญิงสามารถไปเที่ยว ไปทำงาน ไปร้องเพลงและใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง ยกเว้นความสวยเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

จากวันแรกที่เข้ารับการปลูกผมจนมาถึงในวันนี้ที่ครบ 1 ปี คุณหญิงยิ่งรู้สึกสบายและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการดูแลหลังการปลูกผมอย่างใกล้ชิดของคุณหมอนิน ที่ทุกๆ การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


“อยากจะบอกว่าดีใจมากที่วันนี้หญิงไม่ต้องใช้แฮร์แชโดว์แล้ว เพียงแต่ว่าเราดูแลและบำรุง กินวิตามินตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อที่ว่าผมของเราที่ปลูกมาค่ะจะได้มีรากผมที่แข็งแรงและอยู่กับเราไปได้นานๆ แค่นี้เองค่ะ เป็นวิธีการง่ายๆที่คุณหมอแนะนำนะคะ”

NEAT การปลูกผมง่ายๆ สบายๆ ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมบางของทุกคน เป็นประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผมที่รอให้คุณมาสัมผัสที่ “นามนิน” ค่ะ

ปลูกผมเทคนิค NEAT แก้ปัญหาผมบางตรงจุด
การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่ออกแบบโดยคุณหมอนิน : พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนินคลินิก ได้เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไปจนหมดสิ้น และ NEAT ยังเปลี่ยนให้การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการทุกคน


หัวใจของ NEAT คือ เทคนิคการปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ


และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นอกเหนือจากเทคนิคที่จะทำให้การปลูกผมประสบผลสำเร็จก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ “แพทย์ผู้ปลูกผม” อย่างคุณหมอนิน ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้เข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า คุณหมอทำงานเป็นทีมเดียวกันกับเขาตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม เพื่อให้ NEAT ได้มอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

คุณหญิง ธิติกานต์ ศิลปินนักร้อง เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า “ผมบาง” เริ่มเป็นปัญหา เริ่มกระทบกับงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และเธอก็ไม่รอช้า รีบหาวิธีแก้ปัญหาที่ตรงใจและเหมาะสมกับตัวเองโดยเร็วที่สุด


จากข้อมูลที่คุณหญิงศึกษาด้วยตัวเอง ประกอบกับเห็นเพื่อนศิลปินหลายคนได้เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนินแล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังการปลูกผมไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำงานได้ตามปกติ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ดีมากๆ ดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อคุณนุช วิลาวัลย์ได้แนะนำให้รู้จักกับคุณหมอนิน คุณหญิงจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเข้ามาปรึกษาปัญหาของตนเองกับคุณหมอทันที

จากการได้เข้าพบคุณหมอและได้ประเมินปัญหาผมบางของคุณหญิง คุณหมอนินยังชื่นชมว่า เป็นการตัดสินใจพบแพทย์ที่รวดเร็วดีมาก เพราะปัญหาผมบางยังน้อย การปลูกผมไม่ต้องใช้กราฟต์จำนวนมาก เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการปลูกผมที่สุด และแนะนำว่า NEAT คือเทคนิคที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างที่คุณหญิงต้องการ “คุณหมอนินแนะนำเทคนิค NEAT ค่ะ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอเลยนะคะ คุณหมอปลูกเองกราฟต์ต่อกราฟต์เลยค่ะ คุณหมอดูแลเองทุกขั้นตอน หญิงจะบอกว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คุณหมอมือเบามาก”


ด้วยความประณีตและเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนินในการปลูกผมเทคนิค NEAT หลังเข้ารับการปลูกผม แม้แต่คนรอบข้างก็ยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติใดๆ เพราะคุณหญิงสามารถไปเที่ยว ไปทำงาน ไปร้องเพลงและใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง ยกเว้นความสวยเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

จากวันแรกที่เข้ารับการปลูกผมจนมาถึงในวันนี้ที่ครบ 1 ปี คุณหญิงยิ่งรู้สึกสบายและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการดูแลหลังการปลูกผมอย่างใกล้ชิดของคุณหมอนิน ที่ทุกๆ การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


“อยากจะบอกว่าดีใจมากที่วันนี้หญิงไม่ต้องใช้แฮร์แชโดว์แล้ว เพียงแต่ว่าเราดูแลและบำรุง กินวิตามินตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อที่ว่าผมของเราที่ปลูกมาค่ะจะได้มีรากผมที่แข็งแรงและอยู่กับเราไปได้นานๆ แค่นี้เองค่ะ เป็นวิธีการง่ายๆที่คุณหมอแนะนำนะคะ”

NEAT การปลูกผมง่ายๆ สบายๆ ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมบางของทุกคน เป็นประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผมที่รอให้คุณมาสัมผัสที่ “นามนิน” ค่ะ

ปลูกผมเทคนิค NEAT แก้ปัญหาผมบางตรงจุด
การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่ออกแบบโดยคุณหมอนิน : พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนินคลินิก ได้เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไปจนหมดสิ้น และ NEAT ยังเปลี่ยนให้การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการทุกคน


หัวใจของ NEAT คือ เทคนิคการปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ


และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นอกเหนือจากเทคนิคที่จะทำให้การปลูกผมประสบผลสำเร็จก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ “แพทย์ผู้ปลูกผม” อย่างคุณหมอนิน ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้เข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า คุณหมอทำงานเป็นทีมเดียวกันกับเขาตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม เพื่อให้ NEAT ได้มอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

คุณหญิง ธิติกานต์ ศิลปินนักร้อง เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า “ผมบาง” เริ่มเป็นปัญหา เริ่มกระทบกับงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และเธอก็ไม่รอช้า รีบหาวิธีแก้ปัญหาที่ตรงใจและเหมาะสมกับตัวเองโดยเร็วที่สุด


จากข้อมูลที่คุณหญิงศึกษาด้วยตัวเอง ประกอบกับเห็นเพื่อนศิลปินหลายคนได้เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนินแล้วก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หลังการปลูกผมไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำงานได้ตามปกติ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ดีมากๆ ดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อคุณนุช วิลาวัลย์ได้แนะนำให้รู้จักกับคุณหมอนิน คุณหญิงจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเข้ามาปรึกษาปัญหาของตนเองกับคุณหมอทันที

จากการได้เข้าพบคุณหมอและได้ประเมินปัญหาผมบางของคุณหญิง คุณหมอนินยังชื่นชมว่า เป็นการตัดสินใจพบแพทย์ที่รวดเร็วดีมาก เพราะปัญหาผมบางยังน้อย การปลูกผมไม่ต้องใช้กราฟต์จำนวนมาก เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการปลูกผมที่สุด และแนะนำว่า NEAT คือเทคนิคที่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่างที่คุณหญิงต้องการ “คุณหมอนินแนะนำเทคนิค NEAT ค่ะ ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของคุณหมอเลยนะคะ คุณหมอปลูกเองกราฟต์ต่อกราฟต์เลยค่ะ คุณหมอดูแลเองทุกขั้นตอน หญิงจะบอกว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด คุณหมอมือเบามาก”


ด้วยความประณีตและเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนินในการปลูกผมเทคนิค NEAT หลังเข้ารับการปลูกผม แม้แต่คนรอบข้างก็ยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือผิดปกติใดๆ เพราะคุณหญิงสามารถไปเที่ยว ไปทำงาน ไปร้องเพลงและใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง ยกเว้นความสวยเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

จากวันแรกที่เข้ารับการปลูกผมจนมาถึงในวันนี้ที่ครบ 1 ปี คุณหญิงยิ่งรู้สึกสบายและมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการดูแลหลังการปลูกผมอย่างใกล้ชิดของคุณหมอนิน ที่ทุกๆ การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


“อยากจะบอกว่าดีใจมากที่วันนี้หญิงไม่ต้องใช้แฮร์แชโดว์แล้ว เพียงแต่ว่าเราดูแลและบำรุง กินวิตามินตามที่คุณหมอแนะนำ เพื่อที่ว่าผมของเราที่ปลูกมาค่ะจะได้มีรากผมที่แข็งแรงและอยู่กับเราไปได้นานๆ แค่นี้เองค่ะ เป็นวิธีการง่ายๆที่คุณหมอแนะนำนะคะ”

NEAT การปลูกผมง่ายๆ สบายๆ ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผมบางของทุกคน เป็นประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผมที่รอให้คุณมาสัมผัสที่ “นามนิน” ค่ะ

PHB ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผมบาง
กู้ปัญหาผมร่วง ให้กลับมาดกหนาได้ง่าย ๆ และเห็นผลจริง ต้องที่นามนิน!
เคยไหม?มองไปบนพื้นกี่ทีก็ต้องพบเส้นผมหลุดร่วงตามพื้นอยู่ตลอด หรือเวลาสระผมทีไรก็มักมีเส้นผมหลุดติดมือเยอะมาก และไหลลงไปกองอยู่ตรงท่อระบายน้ำบ้าง หากเมื่อไหร่ที่ผมร่วงเยอะมาก จนส่องกระจกทีไรก็รู้สึกว่ารอยแสกของผมเริ่มกว้าง เส้นผมด้านหน้าก็บางลงเรื่อย ๆ จนทำให้หน้าผากดูกว้าง ทำให้หมดความมั่นใจในตนเอง แต่จะให้ไปปลูกผมก็กลัวว่าจะเจ็บตัวหนัก พักฟื้นนาน วันนี้ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงโดยไม่ต้องผ่าตัดได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลย 


ทำความเข้าใจปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิง 

ปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงมักจะมีลักษณะที่แตกต่างจากปัญหาผมบางในผู้ชาย โดยผู้หญิงจะมีปัญหาผมบางลงแบบค่อยเป็นค่อยไป มักจะเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ สังเกตได้จากรอยแสกผมที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงเกิดปัญหาผมบางนั้น ไม่เพียงแต่เกิดจากกรรมพันธุ์ และภาวะทางสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยภายนอกบางประการก็ส่งผลให้เกิดปัญหาผมร่วงได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • วัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง ผู้ที่อยู่ในช่วงวัย 40-45 ปีขึ้นไป ที่มีระดับฮอร์โมนเพศลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดปัญหาผมร่วง ผมบางตามมาในที่สุด

  • ภาวะหลังคลอดบุตร ที่อาจเผชิญกับภาวะทางด้านอารมณ์และจิตใจ ทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล และส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย

  • ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก หรือลดน้ำหนักตัวเองลงอย่างรวดเร็ว

  • ผู้ที่อยู่ในช่วงการรับยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดัน โรคข้อกระดูก และยารักษาสิว 

  • พฤติกรรมการดูแลเส้นผมที่ไม่ถูกต้อง เช่น หวีผมรุนแรง สวมวิกผมเป็นประจำ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผม รวมทั้งการรวบผมตึงมากเกินไป 

4 วิธีรักษาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิง

สำหรับใครที่กังวลกับปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการเรียกคืนเส้นผมให้กลับมาดกหนาแลดูสุขภาพดีอีกครั้ง แต่กลัวเจ็บ ไม่อยากผ่าตัด หรือเสียเวลาพักฟื้น ที่นามนินเรามีผลิตภัณฑ์และโปรแกรมสำหรับรักษาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงที่สามารถดูแลปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว ดังนี้

1. Elixir Hair Serum เซรั่มลดผมร่วง
เซรั่มบำรุงสุขภาพเส้นผมที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤๅษี เป็นต้น ที่ล้วนมีคุณสมบัติช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม ไปพร้อม ๆ กับกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีส่วนช่วยลดการเกิดผมหงอกได้ แถมยังช่วยบำรุงผมให้ดกดำเงางามอีกด้วย 


2. VITA H วิตามินรวมบำรุงผม 
VITA H อาหารเสริมวิตามินบำรุงสุขภาพรากผม ที่คุณหมอนินค้นคว้าส่วนผสมที่มีคุณภาพ ผสมรวมกันเกิดเป็นอาหารเสริมตัวนี้ เข้าฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างตรงจุด ด้วยสารสกัดข้าวกล้อง และสารสกัดผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมร่วง ทั้งยังช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ และเสริมสร้างสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงด้วย D-Biotin Zinc Gluconate และ Iron Amino Acid Chelate รวมทั้งยังมี Vitamin B Premix ช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างครอบคลุม พร้อมมอบเส้นผมที่แข็งแรง ดกหนา และเงางามกว่าเคย


3. โปรแกรม LLLT ฉายแสงฟื้นฟูเซลล์รากผม
LLLT หรือ Low Level Laser Therapy นวัตกรรมเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 650-680 นาโนเมตร ส่งพลังงานลงลึกถึงเซลล์รากผมบนหนังศีรษะ มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเต็มที่ จึงช่วยให้รากผมแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี และชะลอการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้อีกด้วย 


4. โปรแกรม PHB
ทรีตเมนต์ PHB ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหารากผมอ่อนแอ ผมขาดหลุดร่วงและผมบางโดยเฉพาะ โดยอาศัยสารชีวโมเลกุลนานาชนิด ช่วยบำรุงรากผมอย่างล้ำลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้เซลล์รากผมมีความแข็งแรง สามารถช่วยลดผมขาดหลุดร่วงได้ดี แถมยังช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด เมื่อเข้ารับบริการต่อเนื่องตามที่คุณหมอแนะนำ


บอกลาปัญหาผมขาดหลุดร่วง และผมบางได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วย 4 วิธีการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่มีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีที่คิดค้นและออกแบบโดยคุณหมอนินแห่งนามนินคลินิก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มาในรูปแบบเซรั่ม วิตามินแบบรับประทานทาน และทรีตเมนต์บำรุงผมอย่างล้ำลึกด้วยโปรแกรม PHB หรืออาศัยนวัตกรรมฉายแสง LLLT เข้าช่วยชุบชีวิตให้เส้นผม

คนไข้ของนามนินจะได้รับการดูแลโดยคุณหมอนินทุกเคส ซึ่งคุณหมอจะมีการประเมินปัญหาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะเฉพาะบุคคล เพื่อเลือกใช้วิธีการรักษาที่ตอบโจทย์ปัญหาของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด 



PHB ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผมบาง
กู้ปัญหาผมร่วง ให้กลับมาดกหนาได้ง่าย ๆ และเห็นผลจริง ต้องที่นามนิน!
เคยไหม?มองไปบนพื้นกี่ทีก็ต้องพบเส้นผมหลุดร่วงตามพื้นอยู่ตลอด หรือเวลาสระผมทีไรก็มักมีเส้นผมหลุดติดมือเยอะมาก และไหลลงไปกองอยู่ตรงท่อระบายน้ำบ้าง หากเมื่อไหร่ที่ผมร่วงเยอะมาก จนส่องกระจกทีไรก็รู้สึกว่ารอยแสกของผมเริ่มกว้าง เส้นผมด้านหน้าก็บางลงเรื่อย ๆ จนทำให้หน้าผากดูกว้าง ทำให้หมดความมั่นใจในตนเอง แต่จะให้ไปปลูกผมก็กลัวว่าจะเจ็บตัวหนัก พักฟื้นนาน วันนี้ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงโดยไม่ต้องผ่าตัดได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลย 


ทำความเข้าใจปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิง 

ปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงมักจะมีลักษณะที่แตกต่างจากปัญหาผมบางในผู้ชาย โดยผู้หญิงจะมีปัญหาผมบางลงแบบค่อยเป็นค่อยไป มักจะเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ สังเกตได้จากรอยแสกผมที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงเกิดปัญหาผมบางนั้น ไม่เพียงแต่เกิดจากกรรมพันธุ์ และภาวะทางสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยภายนอกบางประการก็ส่งผลให้เกิดปัญหาผมร่วงได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • วัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง ผู้ที่อยู่ในช่วงวัย 40-45 ปีขึ้นไป ที่มีระดับฮอร์โมนเพศลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดปัญหาผมร่วง ผมบางตามมาในที่สุด

  • ภาวะหลังคลอดบุตร ที่อาจเผชิญกับภาวะทางด้านอารมณ์และจิตใจ ทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล และส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย

  • ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก หรือลดน้ำหนักตัวเองลงอย่างรวดเร็ว

  • ผู้ที่อยู่ในช่วงการรับยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดัน โรคข้อกระดูก และยารักษาสิว 

  • พฤติกรรมการดูแลเส้นผมที่ไม่ถูกต้อง เช่น หวีผมรุนแรง สวมวิกผมเป็นประจำ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผม รวมทั้งการรวบผมตึงมากเกินไป 

4 วิธีรักษาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิง

สำหรับใครที่กังวลกับปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการเรียกคืนเส้นผมให้กลับมาดกหนาแลดูสุขภาพดีอีกครั้ง แต่กลัวเจ็บ ไม่อยากผ่าตัด หรือเสียเวลาพักฟื้น ที่นามนินเรามีผลิตภัณฑ์และโปรแกรมสำหรับรักษาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงที่สามารถดูแลปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว ดังนี้

1. Elixir Hair Serum เซรั่มลดผมร่วง
เซรั่มบำรุงสุขภาพเส้นผมที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤๅษี เป็นต้น ที่ล้วนมีคุณสมบัติช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม ไปพร้อม ๆ กับกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีส่วนช่วยลดการเกิดผมหงอกได้ แถมยังช่วยบำรุงผมให้ดกดำเงางามอีกด้วย 


2. VITA H วิตามินรวมบำรุงผม 
VITA H อาหารเสริมวิตามินบำรุงสุขภาพรากผม ที่คุณหมอนินค้นคว้าส่วนผสมที่มีคุณภาพ ผสมรวมกันเกิดเป็นอาหารเสริมตัวนี้ เข้าฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างตรงจุด ด้วยสารสกัดข้าวกล้อง และสารสกัดผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมร่วง ทั้งยังช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ และเสริมสร้างสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงด้วย D-Biotin Zinc Gluconate และ Iron Amino Acid Chelate รวมทั้งยังมี Vitamin B Premix ช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างครอบคลุม พร้อมมอบเส้นผมที่แข็งแรง ดกหนา และเงางามกว่าเคย


3. โปรแกรม LLLT ฉายแสงฟื้นฟูเซลล์รากผม
LLLT หรือ Low Level Laser Therapy นวัตกรรมเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 650-680 นาโนเมตร ส่งพลังงานลงลึกถึงเซลล์รากผมบนหนังศีรษะ มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเต็มที่ จึงช่วยให้รากผมแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี และชะลอการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้อีกด้วย 


4. โปรแกรม PHB
ทรีตเมนต์ PHB ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหารากผมอ่อนแอ ผมขาดหลุดร่วงและผมบางโดยเฉพาะ โดยอาศัยสารชีวโมเลกุลนานาชนิด ช่วยบำรุงรากผมอย่างล้ำลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้เซลล์รากผมมีความแข็งแรง สามารถช่วยลดผมขาดหลุดร่วงได้ดี แถมยังช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด เมื่อเข้ารับบริการต่อเนื่องตามที่คุณหมอแนะนำ


บอกลาปัญหาผมขาดหลุดร่วง และผมบางได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วย 4 วิธีการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่มีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีที่คิดค้นและออกแบบโดยคุณหมอนินแห่งนามนินคลินิก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มาในรูปแบบเซรั่ม วิตามินแบบรับประทานทาน และทรีตเมนต์บำรุงผมอย่างล้ำลึกด้วยโปรแกรม PHB หรืออาศัยนวัตกรรมฉายแสง LLLT เข้าช่วยชุบชีวิตให้เส้นผม

คนไข้ของนามนินจะได้รับการดูแลโดยคุณหมอนินทุกเคส ซึ่งคุณหมอจะมีการประเมินปัญหาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะเฉพาะบุคคล เพื่อเลือกใช้วิธีการรักษาที่ตอบโจทย์ปัญหาของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด 



PHB ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผมบาง
กู้ปัญหาผมร่วง ให้กลับมาดกหนาได้ง่าย ๆ และเห็นผลจริง ต้องที่นามนิน!
เคยไหม?มองไปบนพื้นกี่ทีก็ต้องพบเส้นผมหลุดร่วงตามพื้นอยู่ตลอด หรือเวลาสระผมทีไรก็มักมีเส้นผมหลุดติดมือเยอะมาก และไหลลงไปกองอยู่ตรงท่อระบายน้ำบ้าง หากเมื่อไหร่ที่ผมร่วงเยอะมาก จนส่องกระจกทีไรก็รู้สึกว่ารอยแสกของผมเริ่มกว้าง เส้นผมด้านหน้าก็บางลงเรื่อย ๆ จนทำให้หน้าผากดูกว้าง ทำให้หมดความมั่นใจในตนเอง แต่จะให้ไปปลูกผมก็กลัวว่าจะเจ็บตัวหนัก พักฟื้นนาน วันนี้ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงโดยไม่ต้องผ่าตัดได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลย 


ทำความเข้าใจปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิง 

ปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงมักจะมีลักษณะที่แตกต่างจากปัญหาผมบางในผู้ชาย โดยผู้หญิงจะมีปัญหาผมบางลงแบบค่อยเป็นค่อยไป มักจะเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ สังเกตได้จากรอยแสกผมที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงเกิดปัญหาผมบางนั้น ไม่เพียงแต่เกิดจากกรรมพันธุ์ และภาวะทางสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยภายนอกบางประการก็ส่งผลให้เกิดปัญหาผมร่วงได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • วัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง ผู้ที่อยู่ในช่วงวัย 40-45 ปีขึ้นไป ที่มีระดับฮอร์โมนเพศลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดปัญหาผมร่วง ผมบางตามมาในที่สุด

  • ภาวะหลังคลอดบุตร ที่อาจเผชิญกับภาวะทางด้านอารมณ์และจิตใจ ทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล และส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย

  • ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก หรือลดน้ำหนักตัวเองลงอย่างรวดเร็ว

  • ผู้ที่อยู่ในช่วงการรับยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดัน โรคข้อกระดูก และยารักษาสิว 

  • พฤติกรรมการดูแลเส้นผมที่ไม่ถูกต้อง เช่น หวีผมรุนแรง สวมวิกผมเป็นประจำ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผม รวมทั้งการรวบผมตึงมากเกินไป 

4 วิธีรักษาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิง

สำหรับใครที่กังวลกับปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการเรียกคืนเส้นผมให้กลับมาดกหนาแลดูสุขภาพดีอีกครั้ง แต่กลัวเจ็บ ไม่อยากผ่าตัด หรือเสียเวลาพักฟื้น ที่นามนินเรามีผลิตภัณฑ์และโปรแกรมสำหรับรักษาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงที่สามารถดูแลปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว ดังนี้

1. Elixir Hair Serum เซรั่มลดผมร่วง
เซรั่มบำรุงสุขภาพเส้นผมที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤๅษี เป็นต้น ที่ล้วนมีคุณสมบัติช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม ไปพร้อม ๆ กับกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีส่วนช่วยลดการเกิดผมหงอกได้ แถมยังช่วยบำรุงผมให้ดกดำเงางามอีกด้วย 


2. VITA H วิตามินรวมบำรุงผม 
VITA H อาหารเสริมวิตามินบำรุงสุขภาพรากผม ที่คุณหมอนินค้นคว้าส่วนผสมที่มีคุณภาพ ผสมรวมกันเกิดเป็นอาหารเสริมตัวนี้ เข้าฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างตรงจุด ด้วยสารสกัดข้าวกล้อง และสารสกัดผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมร่วง ทั้งยังช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ และเสริมสร้างสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงด้วย D-Biotin Zinc Gluconate และ Iron Amino Acid Chelate รวมทั้งยังมี Vitamin B Premix ช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างครอบคลุม พร้อมมอบเส้นผมที่แข็งแรง ดกหนา และเงางามกว่าเคย


3. โปรแกรม LLLT ฉายแสงฟื้นฟูเซลล์รากผม
LLLT หรือ Low Level Laser Therapy นวัตกรรมเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 650-680 นาโนเมตร ส่งพลังงานลงลึกถึงเซลล์รากผมบนหนังศีรษะ มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเต็มที่ จึงช่วยให้รากผมแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี และชะลอการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้อีกด้วย 


4. โปรแกรม PHB
ทรีตเมนต์ PHB ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหารากผมอ่อนแอ ผมขาดหลุดร่วงและผมบางโดยเฉพาะ โดยอาศัยสารชีวโมเลกุลนานาชนิด ช่วยบำรุงรากผมอย่างล้ำลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้เซลล์รากผมมีความแข็งแรง สามารถช่วยลดผมขาดหลุดร่วงได้ดี แถมยังช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด เมื่อเข้ารับบริการต่อเนื่องตามที่คุณหมอแนะนำ


บอกลาปัญหาผมขาดหลุดร่วง และผมบางได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วย 4 วิธีการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่มีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีที่คิดค้นและออกแบบโดยคุณหมอนินแห่งนามนินคลินิก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มาในรูปแบบเซรั่ม วิตามินแบบรับประทานทาน และทรีตเมนต์บำรุงผมอย่างล้ำลึกด้วยโปรแกรม PHB หรืออาศัยนวัตกรรมฉายแสง LLLT เข้าช่วยชุบชีวิตให้เส้นผม

คนไข้ของนามนินจะได้รับการดูแลโดยคุณหมอนินทุกเคส ซึ่งคุณหมอจะมีการประเมินปัญหาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะเฉพาะบุคคล เพื่อเลือกใช้วิธีการรักษาที่ตอบโจทย์ปัญหาของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด 



PHB ศาสตร์แห่งการฟื้นฟูผมบาง
กู้ปัญหาผมร่วง ให้กลับมาดกหนาได้ง่าย ๆ และเห็นผลจริง ต้องที่นามนิน!
เคยไหม?มองไปบนพื้นกี่ทีก็ต้องพบเส้นผมหลุดร่วงตามพื้นอยู่ตลอด หรือเวลาสระผมทีไรก็มักมีเส้นผมหลุดติดมือเยอะมาก และไหลลงไปกองอยู่ตรงท่อระบายน้ำบ้าง หากเมื่อไหร่ที่ผมร่วงเยอะมาก จนส่องกระจกทีไรก็รู้สึกว่ารอยแสกของผมเริ่มกว้าง เส้นผมด้านหน้าก็บางลงเรื่อย ๆ จนทำให้หน้าผากดูกว้าง ทำให้หมดความมั่นใจในตนเอง แต่จะให้ไปปลูกผมก็กลัวว่าจะเจ็บตัวหนัก พักฟื้นนาน วันนี้ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีรักษาปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงโดยไม่ต้องผ่าตัดได้ด้วยวิธีไหนบ้าง ตามมาอ่านกันได้เลย 


ทำความเข้าใจปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิง 

ปัญหาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงมักจะมีลักษณะที่แตกต่างจากปัญหาผมบางในผู้ชาย โดยผู้หญิงจะมีปัญหาผมบางลงแบบค่อยเป็นค่อยไป มักจะเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ สังเกตได้จากรอยแสกผมที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงเกิดปัญหาผมบางนั้น ไม่เพียงแต่เกิดจากกรรมพันธุ์ และภาวะทางสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยภายนอกบางประการก็ส่งผลให้เกิดปัญหาผมร่วงได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • วัยหมดประจำเดือน หรือวัยทอง ผู้ที่อยู่ในช่วงวัย 40-45 ปีขึ้นไป ที่มีระดับฮอร์โมนเพศลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดปัญหาผมร่วง ผมบางตามมาในที่สุด

  • ภาวะหลังคลอดบุตร ที่อาจเผชิญกับภาวะทางด้านอารมณ์และจิตใจ ทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล และส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย

  • ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก หรือลดน้ำหนักตัวเองลงอย่างรวดเร็ว

  • ผู้ที่อยู่ในช่วงการรับยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดัน โรคข้อกระดูก และยารักษาสิว 

  • พฤติกรรมการดูแลเส้นผมที่ไม่ถูกต้อง เช่น หวีผมรุนแรง สวมวิกผมเป็นประจำ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผม รวมทั้งการรวบผมตึงมากเกินไป 

4 วิธีรักษาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิง

สำหรับใครที่กังวลกับปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการเรียกคืนเส้นผมให้กลับมาดกหนาแลดูสุขภาพดีอีกครั้ง แต่กลัวเจ็บ ไม่อยากผ่าตัด หรือเสียเวลาพักฟื้น ที่นามนินเรามีผลิตภัณฑ์และโปรแกรมสำหรับรักษาผมบาง ผมร่วงในผู้หญิงที่สามารถดูแลปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว ดังนี้

1. Elixir Hair Serum เซรั่มลดผมร่วง
เซรั่มบำรุงสุขภาพเส้นผมที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤๅษี เป็นต้น ที่ล้วนมีคุณสมบัติช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม ไปพร้อม ๆ กับกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีส่วนช่วยลดการเกิดผมหงอกได้ แถมยังช่วยบำรุงผมให้ดกดำเงางามอีกด้วย 


2. VITA H วิตามินรวมบำรุงผม 
VITA H อาหารเสริมวิตามินบำรุงสุขภาพรากผม ที่คุณหมอนินค้นคว้าส่วนผสมที่มีคุณภาพ ผสมรวมกันเกิดเป็นอาหารเสริมตัวนี้ เข้าฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างตรงจุด ด้วยสารสกัดข้าวกล้อง และสารสกัดผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมร่วง ทั้งยังช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ และเสริมสร้างสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงด้วย D-Biotin Zinc Gluconate และ Iron Amino Acid Chelate รวมทั้งยังมี Vitamin B Premix ช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างครอบคลุม พร้อมมอบเส้นผมที่แข็งแรง ดกหนา และเงางามกว่าเคย


3. โปรแกรม LLLT ฉายแสงฟื้นฟูเซลล์รากผม
LLLT หรือ Low Level Laser Therapy นวัตกรรมเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 650-680 นาโนเมตร ส่งพลังงานลงลึกถึงเซลล์รากผมบนหนังศีรษะ มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้รากผมได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเต็มที่ จึงช่วยให้รากผมแข็งแรง เจริญเติบโตได้ดี และชะลอการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้อีกด้วย 


4. โปรแกรม PHB
ทรีตเมนต์ PHB ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหารากผมอ่อนแอ ผมขาดหลุดร่วงและผมบางโดยเฉพาะ โดยอาศัยสารชีวโมเลกุลนานาชนิด ช่วยบำรุงรากผมอย่างล้ำลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้เซลล์รากผมมีความแข็งแรง สามารถช่วยลดผมขาดหลุดร่วงได้ดี แถมยังช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุด เมื่อเข้ารับบริการต่อเนื่องตามที่คุณหมอแนะนำ


บอกลาปัญหาผมขาดหลุดร่วง และผมบางได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วย 4 วิธีการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่มีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีที่คิดค้นและออกแบบโดยคุณหมอนินแห่งนามนินคลินิก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มาในรูปแบบเซรั่ม วิตามินแบบรับประทานทาน และทรีตเมนต์บำรุงผมอย่างล้ำลึกด้วยโปรแกรม PHB หรืออาศัยนวัตกรรมฉายแสง LLLT เข้าช่วยชุบชีวิตให้เส้นผม

คนไข้ของนามนินจะได้รับการดูแลโดยคุณหมอนินทุกเคส ซึ่งคุณหมอจะมีการประเมินปัญหาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะเฉพาะบุคคล เพื่อเลือกใช้วิธีการรักษาที่ตอบโจทย์ปัญหาของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด 



เทคนิค NEAT ภารกิจฟื้นผมใหม่ โดย “คุณหมอนิน”
หากถามว่าอะไรคือสิ่งที่ส่งให้ชื่อของ “นามนิน” มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างในวงการปลูกผม แน่นอนว่าคำตอบก็คือการปลูกผม “เทคนิค NEAT” ที่พัฒนาโดย “คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น” จนกลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะหนึ่งเดียวของนามนิน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความตั้งใจพัฒนาต่อยอดวิธีการฟื้นฟูเส้นผมแบบไม่มีวันหยุดของคุณหมอนิน เพื่อมอบประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ให้กับคนไข้


สำหรับเทคนิค N / E / A / T หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคปลูกผมสุดประณีตจากนามนิน ที่เกิดจากความใส่ใจเต็มร้อยของคุณหมอนิน ในการใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อแก้ปัญหาผมได้อย่างตอบโจทย์และตรงจุด โดยมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในแบบที่แตกต่าง

N – Namnin
บ่งบอกถึงการดูแลทุกขั้นตอนในการปลูกผมโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้ชำนาญตัวจริง ตั้งแต่ประเมินปัญหา ออกแบบแนวทางการรักษา จากนั้นจึงลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น ก่อนจะดูแลและติดตามผลทุก ๆ ระยะ ตลอดเวลา 18 เดือน จนกระทั่งเส้นผมใหม่เติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์



E – Exclusive
สื่อถึงแนวทางออกแบบการรักษาแบบ “เฉพาะบุคคล” ด้วยความเข้าใจว่า คนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาที่แตกต่างแบบไม่ซ้ำกันเลย อีกทั้งคนไข้ยังมีหลากหลายเพศ หลายวัย ต่างเงื่อนไข ต่างความต้องการและความจำเป็น ดังนั้นจึงต้องออกแบบวิธีการรักษาใหม่ทุกครั้ง แบบเคสต่อเคส ไม่มีสูตรสำเร็จ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด



A – Advanced
สะท้อนคุณภาพการปลูกผมที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานระดับสากล จากทักษะและประสบการณ์ของคุณหมอนิน ทั้งยังเพิ่มความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอนการรักษา เพื่อลดทุกความกังวลของคนไข้ และเพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพการรักษา 



T - Technique
คุณหมอนินยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะแก้ปัญหา pain point เดิม ๆ และช่วยเสริมให้ผลลัพธ์การปลูกผมตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากขึ้น อย่างเช่นเทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียน ไม่ต้องโกนผมทิ้ง สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องคอยปกปิด รวมถึงเทคนิคในการปักกราฟต์ผม ที่นอกจากคุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกเองแล้ว ยังเน้นการปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม เลือกขนาดและความหนาบางของเส้นผมที่เหมาะกับแต่ละโซน ปักกราฟต์ด้วยระยะความลึกที่เหมาะสม และให้ได้ความหนาแน่นที่กำลังดี ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากจะทำให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่กลมกลืน เป็นธรรมชาติ อยู่รอด ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแทบจะในทันที


ศาสตร์การฟื้นฟูผมเป็นภารกิจสำคัญ และนับเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เรียกได้ว่ามีความแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยของผู้เข้ารับการปลูกผมเองเท่านั้น ซึ่งผมต้นทุนที่ว่าก็มีข้อจำกัด อาจไม่ได้มีเพียงพอสำหรับปลูกซ้ำได้หลาย ๆ ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนไข้ที่มีปัญหาสภาพผมอ่อนแอ หรือปล่อยให้ภาวะผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่ได้รักษา ก็จะยิ่งเหลือผมต้นทุนน้อยลงไปอีก ทำให้แพทย์ต้องใช้ทักษะในการวางแผนใช้ผมต้นทุนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะคนไข้แต่ละคน อาจปลูกผมได้เพียง 1 – 2 ครั้งเท่านั้นในชีวิต

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมยังเต็มไปด้วยขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่การเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ซึ่งนามนินมีทีมผู้ช่วยแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนพัฒนาทักษะจากคุณหมอนินโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์

และคุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลระยะยาวหลังปลูกผม ซึ่งจะมีการติดตามผล และให้คำแนะนำตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 18 เดือน เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์เต็มที่ โดยในทุกขั้นตอนที่กล่าวมา คุณหมอนินไม่เคยหยุดพัฒนาเทคนิคและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเสริมการรักษาให้เข้ากับคนไข้แต่ละเคสมากที่สุด


ขณะเดียวกัน คุณหมอนินยังมีความเชี่ยวชาญในการดูแลเส้นผมที่ไม่ใช่แค่การปลูกผม เพราะมีคนไข้หลาย ๆ เคสที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีการปลูกผมใหม่ อย่างเช่นในคนไข้ผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งโดยปกติ ผู้หญิงจะมี Safe Zone หรือบริเวณที่มีผมต้นทุนให้นำไปปลูกใหม่ได้น้อยกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ผู้หญิงบางคนอาจจะมีผมต้นทุนน้อยเป็นพิเศษหรือไม่มีเลย และถ้าหากผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง ก็แปลว่าผมบริเวณนั้นอ่อนแอ เล็ก ลีบ บาง ไม่แข็งแรงพอที่จะย้ายนำไปปลูกใหม่ เพราะหากย้ายไปก็อาจจะหลุดร่วงซ้ำได้อีก ส่วนบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งดูบางลงไปอีก 

นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างปัญหาของคนไข้ ที่เป็นแรงผลักดันให้คุณหมอนินคิดค้นและพัฒนาตัวช่วยต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง โดยไม่ได้พึ่งพาการปลูกผมถาวร ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการเข้ารับบริการทรีตเมนท์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งนวัตกรรมการรักษาล่าสุดที่คุณหมอนินพัฒนาขึ้น ก็คือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะ เหมาะสำหรับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ ไม่ได้ปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน

โดย Premium Hair Booster จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมลึกถึงระดับเซลล์ เปลี่ยนผมเส้นเล็ก ลีบ บาง ให้กลับมามีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น จนช่วยเพิ่มความดกดำและความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้ ทั้งยังช่วยลดอัตราการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมทั้งกระตุ้นและเร่งเส้นผมให้เกิดใหม่อีกด้วย ซึ่งคุณหมอนินยังบูรณาการการใช้ Premium Hair Booster สำหรับคนไข้ผู้ชายที่ต้องการการฟื้นบำรุงผมได้ด้วยเช่นกัน



จากทักษะ ความใส่ใจ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้เมื่อไม่นานมานี้ คุณหมอนิน ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เชิญให้รับตำแหน่งอาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท ในวิชา Hair Transplantation สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เหล่านั้นให้กับนักศึกษาแพทย์ด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามความตั้งใจของคุณหมอนิน ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม ผลักดัน และยกระดับวงการปลูกผมของประเทศไทย ให้เติบโตและพัฒนาไปข้างหน้า จนสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ไม่แพ้ใคร




เทคนิค NEAT ภารกิจฟื้นผมใหม่ โดย “คุณหมอนิน”
หากถามว่าอะไรคือสิ่งที่ส่งให้ชื่อของ “นามนิน” มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างในวงการปลูกผม แน่นอนว่าคำตอบก็คือการปลูกผม “เทคนิค NEAT” ที่พัฒนาโดย “คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น” จนกลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะหนึ่งเดียวของนามนิน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความตั้งใจพัฒนาต่อยอดวิธีการฟื้นฟูเส้นผมแบบไม่มีวันหยุดของคุณหมอนิน เพื่อมอบประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ให้กับคนไข้


สำหรับเทคนิค N / E / A / T หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคปลูกผมสุดประณีตจากนามนิน ที่เกิดจากความใส่ใจเต็มร้อยของคุณหมอนิน ในการใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อแก้ปัญหาผมได้อย่างตอบโจทย์และตรงจุด โดยมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในแบบที่แตกต่าง

N – Namnin
บ่งบอกถึงการดูแลทุกขั้นตอนในการปลูกผมโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้ชำนาญตัวจริง ตั้งแต่ประเมินปัญหา ออกแบบแนวทางการรักษา จากนั้นจึงลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น ก่อนจะดูแลและติดตามผลทุก ๆ ระยะ ตลอดเวลา 18 เดือน จนกระทั่งเส้นผมใหม่เติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์



E – Exclusive
สื่อถึงแนวทางออกแบบการรักษาแบบ “เฉพาะบุคคล” ด้วยความเข้าใจว่า คนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาที่แตกต่างแบบไม่ซ้ำกันเลย อีกทั้งคนไข้ยังมีหลากหลายเพศ หลายวัย ต่างเงื่อนไข ต่างความต้องการและความจำเป็น ดังนั้นจึงต้องออกแบบวิธีการรักษาใหม่ทุกครั้ง แบบเคสต่อเคส ไม่มีสูตรสำเร็จ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด



A – Advanced
สะท้อนคุณภาพการปลูกผมที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานระดับสากล จากทักษะและประสบการณ์ของคุณหมอนิน ทั้งยังเพิ่มความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอนการรักษา เพื่อลดทุกความกังวลของคนไข้ และเพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพการรักษา 



T - Technique
คุณหมอนินยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะแก้ปัญหา pain point เดิม ๆ และช่วยเสริมให้ผลลัพธ์การปลูกผมตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากขึ้น อย่างเช่นเทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียน ไม่ต้องโกนผมทิ้ง สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องคอยปกปิด รวมถึงเทคนิคในการปักกราฟต์ผม ที่นอกจากคุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกเองแล้ว ยังเน้นการปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม เลือกขนาดและความหนาบางของเส้นผมที่เหมาะกับแต่ละโซน ปักกราฟต์ด้วยระยะความลึกที่เหมาะสม และให้ได้ความหนาแน่นที่กำลังดี ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากจะทำให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่กลมกลืน เป็นธรรมชาติ อยู่รอด ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแทบจะในทันที


ศาสตร์การฟื้นฟูผมเป็นภารกิจสำคัญ และนับเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เรียกได้ว่ามีความแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยของผู้เข้ารับการปลูกผมเองเท่านั้น ซึ่งผมต้นทุนที่ว่าก็มีข้อจำกัด อาจไม่ได้มีเพียงพอสำหรับปลูกซ้ำได้หลาย ๆ ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนไข้ที่มีปัญหาสภาพผมอ่อนแอ หรือปล่อยให้ภาวะผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่ได้รักษา ก็จะยิ่งเหลือผมต้นทุนน้อยลงไปอีก ทำให้แพทย์ต้องใช้ทักษะในการวางแผนใช้ผมต้นทุนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะคนไข้แต่ละคน อาจปลูกผมได้เพียง 1 – 2 ครั้งเท่านั้นในชีวิต

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมยังเต็มไปด้วยขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่การเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ซึ่งนามนินมีทีมผู้ช่วยแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนพัฒนาทักษะจากคุณหมอนินโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์

และคุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลระยะยาวหลังปลูกผม ซึ่งจะมีการติดตามผล และให้คำแนะนำตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 18 เดือน เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์เต็มที่ โดยในทุกขั้นตอนที่กล่าวมา คุณหมอนินไม่เคยหยุดพัฒนาเทคนิคและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเสริมการรักษาให้เข้ากับคนไข้แต่ละเคสมากที่สุด


ขณะเดียวกัน คุณหมอนินยังมีความเชี่ยวชาญในการดูแลเส้นผมที่ไม่ใช่แค่การปลูกผม เพราะมีคนไข้หลาย ๆ เคสที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีการปลูกผมใหม่ อย่างเช่นในคนไข้ผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งโดยปกติ ผู้หญิงจะมี Safe Zone หรือบริเวณที่มีผมต้นทุนให้นำไปปลูกใหม่ได้น้อยกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ผู้หญิงบางคนอาจจะมีผมต้นทุนน้อยเป็นพิเศษหรือไม่มีเลย และถ้าหากผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง ก็แปลว่าผมบริเวณนั้นอ่อนแอ เล็ก ลีบ บาง ไม่แข็งแรงพอที่จะย้ายนำไปปลูกใหม่ เพราะหากย้ายไปก็อาจจะหลุดร่วงซ้ำได้อีก ส่วนบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งดูบางลงไปอีก 

นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างปัญหาของคนไข้ ที่เป็นแรงผลักดันให้คุณหมอนินคิดค้นและพัฒนาตัวช่วยต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง โดยไม่ได้พึ่งพาการปลูกผมถาวร ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการเข้ารับบริการทรีตเมนท์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งนวัตกรรมการรักษาล่าสุดที่คุณหมอนินพัฒนาขึ้น ก็คือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะ เหมาะสำหรับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ ไม่ได้ปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน

โดย Premium Hair Booster จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมลึกถึงระดับเซลล์ เปลี่ยนผมเส้นเล็ก ลีบ บาง ให้กลับมามีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น จนช่วยเพิ่มความดกดำและความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้ ทั้งยังช่วยลดอัตราการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมทั้งกระตุ้นและเร่งเส้นผมให้เกิดใหม่อีกด้วย ซึ่งคุณหมอนินยังบูรณาการการใช้ Premium Hair Booster สำหรับคนไข้ผู้ชายที่ต้องการการฟื้นบำรุงผมได้ด้วยเช่นกัน



จากทักษะ ความใส่ใจ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้เมื่อไม่นานมานี้ คุณหมอนิน ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เชิญให้รับตำแหน่งอาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท ในวิชา Hair Transplantation สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เหล่านั้นให้กับนักศึกษาแพทย์ด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามความตั้งใจของคุณหมอนิน ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม ผลักดัน และยกระดับวงการปลูกผมของประเทศไทย ให้เติบโตและพัฒนาไปข้างหน้า จนสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ไม่แพ้ใคร




เทคนิค NEAT ภารกิจฟื้นผมใหม่ โดย “คุณหมอนิน”
หากถามว่าอะไรคือสิ่งที่ส่งให้ชื่อของ “นามนิน” มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างในวงการปลูกผม แน่นอนว่าคำตอบก็คือการปลูกผม “เทคนิค NEAT” ที่พัฒนาโดย “คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น” จนกลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะหนึ่งเดียวของนามนิน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความตั้งใจพัฒนาต่อยอดวิธีการฟื้นฟูเส้นผมแบบไม่มีวันหยุดของคุณหมอนิน เพื่อมอบประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ให้กับคนไข้


สำหรับเทคนิค N / E / A / T หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคปลูกผมสุดประณีตจากนามนิน ที่เกิดจากความใส่ใจเต็มร้อยของคุณหมอนิน ในการใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อแก้ปัญหาผมได้อย่างตอบโจทย์และตรงจุด โดยมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในแบบที่แตกต่าง

N – Namnin
บ่งบอกถึงการดูแลทุกขั้นตอนในการปลูกผมโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้ชำนาญตัวจริง ตั้งแต่ประเมินปัญหา ออกแบบแนวทางการรักษา จากนั้นจึงลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น ก่อนจะดูแลและติดตามผลทุก ๆ ระยะ ตลอดเวลา 18 เดือน จนกระทั่งเส้นผมใหม่เติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์



E – Exclusive
สื่อถึงแนวทางออกแบบการรักษาแบบ “เฉพาะบุคคล” ด้วยความเข้าใจว่า คนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาที่แตกต่างแบบไม่ซ้ำกันเลย อีกทั้งคนไข้ยังมีหลากหลายเพศ หลายวัย ต่างเงื่อนไข ต่างความต้องการและความจำเป็น ดังนั้นจึงต้องออกแบบวิธีการรักษาใหม่ทุกครั้ง แบบเคสต่อเคส ไม่มีสูตรสำเร็จ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด



A – Advanced
สะท้อนคุณภาพการปลูกผมที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานระดับสากล จากทักษะและประสบการณ์ของคุณหมอนิน ทั้งยังเพิ่มความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอนการรักษา เพื่อลดทุกความกังวลของคนไข้ และเพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพการรักษา 



T - Technique
คุณหมอนินยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะแก้ปัญหา pain point เดิม ๆ และช่วยเสริมให้ผลลัพธ์การปลูกผมตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากขึ้น อย่างเช่นเทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียน ไม่ต้องโกนผมทิ้ง สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องคอยปกปิด รวมถึงเทคนิคในการปักกราฟต์ผม ที่นอกจากคุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกเองแล้ว ยังเน้นการปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม เลือกขนาดและความหนาบางของเส้นผมที่เหมาะกับแต่ละโซน ปักกราฟต์ด้วยระยะความลึกที่เหมาะสม และให้ได้ความหนาแน่นที่กำลังดี ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากจะทำให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่กลมกลืน เป็นธรรมชาติ อยู่รอด ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแทบจะในทันที


ศาสตร์การฟื้นฟูผมเป็นภารกิจสำคัญ และนับเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เรียกได้ว่ามีความแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยของผู้เข้ารับการปลูกผมเองเท่านั้น ซึ่งผมต้นทุนที่ว่าก็มีข้อจำกัด อาจไม่ได้มีเพียงพอสำหรับปลูกซ้ำได้หลาย ๆ ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนไข้ที่มีปัญหาสภาพผมอ่อนแอ หรือปล่อยให้ภาวะผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่ได้รักษา ก็จะยิ่งเหลือผมต้นทุนน้อยลงไปอีก ทำให้แพทย์ต้องใช้ทักษะในการวางแผนใช้ผมต้นทุนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะคนไข้แต่ละคน อาจปลูกผมได้เพียง 1 – 2 ครั้งเท่านั้นในชีวิต

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมยังเต็มไปด้วยขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่การเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ซึ่งนามนินมีทีมผู้ช่วยแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนพัฒนาทักษะจากคุณหมอนินโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์

และคุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลระยะยาวหลังปลูกผม ซึ่งจะมีการติดตามผล และให้คำแนะนำตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 18 เดือน เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์เต็มที่ โดยในทุกขั้นตอนที่กล่าวมา คุณหมอนินไม่เคยหยุดพัฒนาเทคนิคและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเสริมการรักษาให้เข้ากับคนไข้แต่ละเคสมากที่สุด


ขณะเดียวกัน คุณหมอนินยังมีความเชี่ยวชาญในการดูแลเส้นผมที่ไม่ใช่แค่การปลูกผม เพราะมีคนไข้หลาย ๆ เคสที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีการปลูกผมใหม่ อย่างเช่นในคนไข้ผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งโดยปกติ ผู้หญิงจะมี Safe Zone หรือบริเวณที่มีผมต้นทุนให้นำไปปลูกใหม่ได้น้อยกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ผู้หญิงบางคนอาจจะมีผมต้นทุนน้อยเป็นพิเศษหรือไม่มีเลย และถ้าหากผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง ก็แปลว่าผมบริเวณนั้นอ่อนแอ เล็ก ลีบ บาง ไม่แข็งแรงพอที่จะย้ายนำไปปลูกใหม่ เพราะหากย้ายไปก็อาจจะหลุดร่วงซ้ำได้อีก ส่วนบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งดูบางลงไปอีก 

นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างปัญหาของคนไข้ ที่เป็นแรงผลักดันให้คุณหมอนินคิดค้นและพัฒนาตัวช่วยต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง โดยไม่ได้พึ่งพาการปลูกผมถาวร ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการเข้ารับบริการทรีตเมนท์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งนวัตกรรมการรักษาล่าสุดที่คุณหมอนินพัฒนาขึ้น ก็คือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะ เหมาะสำหรับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ ไม่ได้ปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน

โดย Premium Hair Booster จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมลึกถึงระดับเซลล์ เปลี่ยนผมเส้นเล็ก ลีบ บาง ให้กลับมามีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น จนช่วยเพิ่มความดกดำและความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้ ทั้งยังช่วยลดอัตราการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมทั้งกระตุ้นและเร่งเส้นผมให้เกิดใหม่อีกด้วย ซึ่งคุณหมอนินยังบูรณาการการใช้ Premium Hair Booster สำหรับคนไข้ผู้ชายที่ต้องการการฟื้นบำรุงผมได้ด้วยเช่นกัน



จากทักษะ ความใส่ใจ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้เมื่อไม่นานมานี้ คุณหมอนิน ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เชิญให้รับตำแหน่งอาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท ในวิชา Hair Transplantation สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เหล่านั้นให้กับนักศึกษาแพทย์ด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามความตั้งใจของคุณหมอนิน ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม ผลักดัน และยกระดับวงการปลูกผมของประเทศไทย ให้เติบโตและพัฒนาไปข้างหน้า จนสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ไม่แพ้ใคร




เทคนิค NEAT ภารกิจฟื้นผมใหม่ โดย “คุณหมอนิน”
หากถามว่าอะไรคือสิ่งที่ส่งให้ชื่อของ “นามนิน” มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างในวงการปลูกผม แน่นอนว่าคำตอบก็คือการปลูกผม “เทคนิค NEAT” ที่พัฒนาโดย “คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น” จนกลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะหนึ่งเดียวของนามนิน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความตั้งใจพัฒนาต่อยอดวิธีการฟื้นฟูเส้นผมแบบไม่มีวันหยุดของคุณหมอนิน เพื่อมอบประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ให้กับคนไข้


สำหรับเทคนิค N / E / A / T หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคปลูกผมสุดประณีตจากนามนิน ที่เกิดจากความใส่ใจเต็มร้อยของคุณหมอนิน ในการใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อแก้ปัญหาผมได้อย่างตอบโจทย์และตรงจุด โดยมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในแบบที่แตกต่าง

N – Namnin
บ่งบอกถึงการดูแลทุกขั้นตอนในการปลูกผมโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้ชำนาญตัวจริง ตั้งแต่ประเมินปัญหา ออกแบบแนวทางการรักษา จากนั้นจึงลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น ก่อนจะดูแลและติดตามผลทุก ๆ ระยะ ตลอดเวลา 18 เดือน จนกระทั่งเส้นผมใหม่เติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์



E – Exclusive
สื่อถึงแนวทางออกแบบการรักษาแบบ “เฉพาะบุคคล” ด้วยความเข้าใจว่า คนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาที่แตกต่างแบบไม่ซ้ำกันเลย อีกทั้งคนไข้ยังมีหลากหลายเพศ หลายวัย ต่างเงื่อนไข ต่างความต้องการและความจำเป็น ดังนั้นจึงต้องออกแบบวิธีการรักษาใหม่ทุกครั้ง แบบเคสต่อเคส ไม่มีสูตรสำเร็จ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด



A – Advanced
สะท้อนคุณภาพการปลูกผมที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานระดับสากล จากทักษะและประสบการณ์ของคุณหมอนิน ทั้งยังเพิ่มความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอนการรักษา เพื่อลดทุกความกังวลของคนไข้ และเพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพการรักษา 



T - Technique
คุณหมอนินยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะแก้ปัญหา pain point เดิม ๆ และช่วยเสริมให้ผลลัพธ์การปลูกผมตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากขึ้น อย่างเช่นเทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียน ไม่ต้องโกนผมทิ้ง สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องคอยปกปิด รวมถึงเทคนิคในการปักกราฟต์ผม ที่นอกจากคุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกเองแล้ว ยังเน้นการปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม เลือกขนาดและความหนาบางของเส้นผมที่เหมาะกับแต่ละโซน ปักกราฟต์ด้วยระยะความลึกที่เหมาะสม และให้ได้ความหนาแน่นที่กำลังดี ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากจะทำให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่กลมกลืน เป็นธรรมชาติ อยู่รอด ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแทบจะในทันที


ศาสตร์การฟื้นฟูผมเป็นภารกิจสำคัญ และนับเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เรียกได้ว่ามีความแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยของผู้เข้ารับการปลูกผมเองเท่านั้น ซึ่งผมต้นทุนที่ว่าก็มีข้อจำกัด อาจไม่ได้มีเพียงพอสำหรับปลูกซ้ำได้หลาย ๆ ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนไข้ที่มีปัญหาสภาพผมอ่อนแอ หรือปล่อยให้ภาวะผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่ได้รักษา ก็จะยิ่งเหลือผมต้นทุนน้อยลงไปอีก ทำให้แพทย์ต้องใช้ทักษะในการวางแผนใช้ผมต้นทุนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะคนไข้แต่ละคน อาจปลูกผมได้เพียง 1 – 2 ครั้งเท่านั้นในชีวิต

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมยังเต็มไปด้วยขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่การเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ซึ่งนามนินมีทีมผู้ช่วยแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนพัฒนาทักษะจากคุณหมอนินโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์

และคุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลระยะยาวหลังปลูกผม ซึ่งจะมีการติดตามผล และให้คำแนะนำตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 18 เดือน เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์เต็มที่ โดยในทุกขั้นตอนที่กล่าวมา คุณหมอนินไม่เคยหยุดพัฒนาเทคนิคและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเสริมการรักษาให้เข้ากับคนไข้แต่ละเคสมากที่สุด


ขณะเดียวกัน คุณหมอนินยังมีความเชี่ยวชาญในการดูแลเส้นผมที่ไม่ใช่แค่การปลูกผม เพราะมีคนไข้หลาย ๆ เคสที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีการปลูกผมใหม่ อย่างเช่นในคนไข้ผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งโดยปกติ ผู้หญิงจะมี Safe Zone หรือบริเวณที่มีผมต้นทุนให้นำไปปลูกใหม่ได้น้อยกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ผู้หญิงบางคนอาจจะมีผมต้นทุนน้อยเป็นพิเศษหรือไม่มีเลย และถ้าหากผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง ก็แปลว่าผมบริเวณนั้นอ่อนแอ เล็ก ลีบ บาง ไม่แข็งแรงพอที่จะย้ายนำไปปลูกใหม่ เพราะหากย้ายไปก็อาจจะหลุดร่วงซ้ำได้อีก ส่วนบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งดูบางลงไปอีก 

นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างปัญหาของคนไข้ ที่เป็นแรงผลักดันให้คุณหมอนินคิดค้นและพัฒนาตัวช่วยต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง โดยไม่ได้พึ่งพาการปลูกผมถาวร ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการเข้ารับบริการทรีตเมนท์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งนวัตกรรมการรักษาล่าสุดที่คุณหมอนินพัฒนาขึ้น ก็คือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะ เหมาะสำหรับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ ไม่ได้ปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน

โดย Premium Hair Booster จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมลึกถึงระดับเซลล์ เปลี่ยนผมเส้นเล็ก ลีบ บาง ให้กลับมามีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น จนช่วยเพิ่มความดกดำและความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้ ทั้งยังช่วยลดอัตราการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมทั้งกระตุ้นและเร่งเส้นผมให้เกิดใหม่อีกด้วย ซึ่งคุณหมอนินยังบูรณาการการใช้ Premium Hair Booster สำหรับคนไข้ผู้ชายที่ต้องการการฟื้นบำรุงผมได้ด้วยเช่นกัน



จากทักษะ ความใส่ใจ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้เมื่อไม่นานมานี้ คุณหมอนิน ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เชิญให้รับตำแหน่งอาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท ในวิชา Hair Transplantation สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เหล่านั้นให้กับนักศึกษาแพทย์ด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามความตั้งใจของคุณหมอนิน ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม ผลักดัน และยกระดับวงการปลูกผมของประเทศไทย ให้เติบโตและพัฒนาไปข้างหน้า จนสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ไม่แพ้ใคร




เทคนิค NEAT ภารกิจฟื้นผมใหม่ โดย “คุณหมอนิน”
หากถามว่าอะไรคือสิ่งที่ส่งให้ชื่อของ “นามนิน” มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างในวงการปลูกผม แน่นอนว่าคำตอบก็คือการปลูกผม “เทคนิค NEAT” ที่พัฒนาโดย “คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น” จนกลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะหนึ่งเดียวของนามนิน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความตั้งใจพัฒนาต่อยอดวิธีการฟื้นฟูเส้นผมแบบไม่มีวันหยุดของคุณหมอนิน เพื่อมอบประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ให้กับคนไข้


สำหรับเทคนิค N / E / A / T หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคปลูกผมสุดประณีตจากนามนิน ที่เกิดจากความใส่ใจเต็มร้อยของคุณหมอนิน ในการใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อแก้ปัญหาผมได้อย่างตอบโจทย์และตรงจุด โดยมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในแบบที่แตกต่าง

N – Namnin
บ่งบอกถึงการดูแลทุกขั้นตอนในการปลูกผมโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้ชำนาญตัวจริง ตั้งแต่ประเมินปัญหา ออกแบบแนวทางการรักษา จากนั้นจึงลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น ก่อนจะดูแลและติดตามผลทุก ๆ ระยะ ตลอดเวลา 18 เดือน จนกระทั่งเส้นผมใหม่เติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์



E – Exclusive
สื่อถึงแนวทางออกแบบการรักษาแบบ “เฉพาะบุคคล” ด้วยความเข้าใจว่า คนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาที่แตกต่างแบบไม่ซ้ำกันเลย อีกทั้งคนไข้ยังมีหลากหลายเพศ หลายวัย ต่างเงื่อนไข ต่างความต้องการและความจำเป็น ดังนั้นจึงต้องออกแบบวิธีการรักษาใหม่ทุกครั้ง แบบเคสต่อเคส ไม่มีสูตรสำเร็จ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด



A – Advanced
สะท้อนคุณภาพการปลูกผมที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานระดับสากล จากทักษะและประสบการณ์ของคุณหมอนิน ทั้งยังเพิ่มความพิถีพิถันและใส่ใจในทุกขั้นตอนการรักษา เพื่อลดทุกความกังวลของคนไข้ และเพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพการรักษา 



T - Technique
คุณหมอนินยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะแก้ปัญหา pain point เดิม ๆ และช่วยเสริมให้ผลลัพธ์การปลูกผมตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากขึ้น อย่างเช่นเทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียน ไม่ต้องโกนผมทิ้ง สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องคอยปกปิด รวมถึงเทคนิคในการปักกราฟต์ผม ที่นอกจากคุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกเองแล้ว ยังเน้นการปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม เลือกขนาดและความหนาบางของเส้นผมที่เหมาะกับแต่ละโซน ปักกราฟต์ด้วยระยะความลึกที่เหมาะสม และให้ได้ความหนาแน่นที่กำลังดี ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากจะทำให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่กลมกลืน เป็นธรรมชาติ อยู่รอด ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแทบจะในทันที


ศาสตร์การฟื้นฟูผมเป็นภารกิจสำคัญ และนับเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เรียกได้ว่ามีความแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอยของผู้เข้ารับการปลูกผมเองเท่านั้น ซึ่งผมต้นทุนที่ว่าก็มีข้อจำกัด อาจไม่ได้มีเพียงพอสำหรับปลูกซ้ำได้หลาย ๆ ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนไข้ที่มีปัญหาสภาพผมอ่อนแอ หรือปล่อยให้ภาวะผมร่วง ผมบาง เกิดขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่ได้รักษา ก็จะยิ่งเหลือผมต้นทุนน้อยลงไปอีก ทำให้แพทย์ต้องใช้ทักษะในการวางแผนใช้ผมต้นทุนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะคนไข้แต่ละคน อาจปลูกผมได้เพียง 1 – 2 ครั้งเท่านั้นในชีวิต

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมยังเต็มไปด้วยขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่การเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ซึ่งนามนินมีทีมผู้ช่วยแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนพัฒนาทักษะจากคุณหมอนินโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า คนไข้จะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาแพทย์

และคุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลระยะยาวหลังปลูกผม ซึ่งจะมีการติดตามผล และให้คำแนะนำตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 18 เดือน เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์เต็มที่ โดยในทุกขั้นตอนที่กล่าวมา คุณหมอนินไม่เคยหยุดพัฒนาเทคนิคและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเสริมการรักษาให้เข้ากับคนไข้แต่ละเคสมากที่สุด


ขณะเดียวกัน คุณหมอนินยังมีความเชี่ยวชาญในการดูแลเส้นผมที่ไม่ใช่แค่การปลูกผม เพราะมีคนไข้หลาย ๆ เคสที่ไม่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีการปลูกผมใหม่ อย่างเช่นในคนไข้ผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งโดยปกติ ผู้หญิงจะมี Safe Zone หรือบริเวณที่มีผมต้นทุนให้นำไปปลูกใหม่ได้น้อยกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ผู้หญิงบางคนอาจจะมีผมต้นทุนน้อยเป็นพิเศษหรือไม่มีเลย และถ้าหากผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง ก็แปลว่าผมบริเวณนั้นอ่อนแอ เล็ก ลีบ บาง ไม่แข็งแรงพอที่จะย้ายนำไปปลูกใหม่ เพราะหากย้ายไปก็อาจจะหลุดร่วงซ้ำได้อีก ส่วนบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งดูบางลงไปอีก 

นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างปัญหาของคนไข้ ที่เป็นแรงผลักดันให้คุณหมอนินคิดค้นและพัฒนาตัวช่วยต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง โดยไม่ได้พึ่งพาการปลูกผมถาวร ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการเข้ารับบริการทรีตเมนท์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งนวัตกรรมการรักษาล่าสุดที่คุณหมอนินพัฒนาขึ้น ก็คือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะ เหมาะสำหรับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ ไม่ได้ปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน

โดย Premium Hair Booster จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมลึกถึงระดับเซลล์ เปลี่ยนผมเส้นเล็ก ลีบ บาง ให้กลับมามีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น จนช่วยเพิ่มความดกดำและความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้ ทั้งยังช่วยลดอัตราการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมทั้งกระตุ้นและเร่งเส้นผมให้เกิดใหม่อีกด้วย ซึ่งคุณหมอนินยังบูรณาการการใช้ Premium Hair Booster สำหรับคนไข้ผู้ชายที่ต้องการการฟื้นบำรุงผมได้ด้วยเช่นกัน



จากทักษะ ความใส่ใจ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้เมื่อไม่นานมานี้ คุณหมอนิน ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เชิญให้รับตำแหน่งอาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท ในวิชา Hair Transplantation สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เหล่านั้นให้กับนักศึกษาแพทย์ด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามความตั้งใจของคุณหมอนิน ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม ผลักดัน และยกระดับวงการปลูกผมของประเทศไทย ให้เติบโตและพัฒนาไปข้างหน้า จนสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ไม่แพ้ใคร




โปรแกรม PHB ทางเลือกใหม่ สำหรับแก้ปัญหาผู้หญิงผมบาง
ปัญหาผมบาง เป็นหนึ่งในปัญหาที่พาให้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ขาดความมั่นใจไม่ต่างจากสารพัดปัญหาผิวหน้าเลย เพราะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีอายุจะทำผมทรงไหนก็ไม่สวยอย่างที่หวังไว้ ซึ่งปัญหาผมบางสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน ความเครียด หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ 

โดยลักษณะปัญหาผมบางของผู้หญิงก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • ปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งบริเวณด้านหน้า กลางศีรษะ รวมถึงบริเวณท้ายทอย: ทำให้ยากต่อการรักษา แม้แต่การปลูกผมเองก็อาจยังไม่ตอบโจทย์ เพราะมีกราฟต์ผมเหลือน้อย จนไม่เพียงพอต่อการปลูกผม ซึ่งในกรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงเสียก่อนหรืออาจจะต้องดูประวัติสุขภาพร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุปัญหาผมบางว่าจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไรกันแน่? จะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด 


  • ปัญหาผมบางเฉพาะกลางศีรษะ หรือหนังศีรษะมีรอยแสกกว้างเห็นชัด: ปัญหาผมร่วงแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL)   จะมีลักษณะผมจะบางลงบริเวณกลางศีรษะ  โดยเริ่มจากบริเวณรอยแสกผมและจะค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ในบางรายอาจมีผมบางลงบริเวณด้านข้างศีรษะร่วมด้วยทำให้ยากต่อการทำทรงผมต่าง ๆ



  • ปัญหาไรผมด้านหน้าร่นสูง ทำให้หน้าผากดูเว้าลึก: ปัญหาผมบางชนิดนี้มักพาให้สัดส่วนใบหน้าเสียสมดุล กรอบหน้าไม่สวยงาม ดูมีอายุ และสูญเสียความมั่นใจมาก ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลด้วยการปลูกผมเพื่อปรับแนวไรผมและกรอบหน้าใหม่พร้อมบำรุงสุขภาพเส้นผมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้รากผมแข็งแรงหรืออาจทานวิตามินและบำรุงผมด้วยโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสการขาดหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติมในอนาคต 



โปรแกรม PHB ตัวช่วยรักษาผมบาง 
โปรแกรม PHB ทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงผมสูตรเฉพาะของทางนามนินคลินิก สามารถช่วยดูแลรักษาปัญหาผมบางให้คุณได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางในผู้หญิงแบบทั่วศีรษะ ตรงกลางศีรษะ หรือแม้แต่ผมบางบริเวณกรอบหน้าที่ทำให้หน้าดูผากกว้าง แนวผมร่นลึก   

สำหรับโปรแกรม PHB จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุล สารบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะหลากหลายชนิด สามารถบำรุงได้ล้ำลึกถึงเซลล์รากผม กระตุ้นการทำงานของรากผมให้แข็งแรง ช่วยแก้ไขปัญหาผมขาดหลุดร่วง และช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

หากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB เพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของคุณหมอแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะกลับมามีผมดกดำและมั่นใจในตนเองได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในแต่ละบุคคลก็จะอาศัยความถี่ในการเข้ารับบริการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่  

โปรแกรม PHB  จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้ 
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ทั้งกรณีปัญหาผมบางเป็นบางบริเวณ และผมบางทั่วศีรษะ 
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะอ่อนแอจากการยืด ดัด ย้อมทำสีผม 
  • ผู้ที่มีผมเส้นเล็ก ลีบ แบน ชี้ฟู และขาดหลุดร่วงง่าย
  • ผู้ที่ต้องการผมดกหนา แนวไรผมสวยโดยยังไม่ถึงขั้นต้องพึ่งการปลูกผม
  • สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้ในทั้งหญิงและชาย



เพราะโปรแกรม PHB จะตรงเข้าฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรง คอยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย ได้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และทำหน้าที่ในการสร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัมผัสได้ถึงผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำทรีตเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน 
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน 
  • ผมที่ขึ้นใหม่ก็มีลักษณะเส้นใหญ่ หนา แลดูสุขภาพดีกว่าเดิม

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนิน จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและออกแบบการรักษารายบุคคล พร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง เพื่อให้ผลลัพธ์การดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงด้วยโปรแกรม PHB  เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ปัญหาผู้เข้ารับการรักษาได้ตรงจุดมากที่สุด

โปรแกรม PHB  ถือเป็นทางเลือกในการดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างล้ำลึก และตรงจุด ด้วยวิธีการที่ไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียเวลาพักฟื้นเลย แถมยังใช้เวลาเข้ารับบริการเพียงประมาณ ​30-40 นาที ก็สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย 


อย่างไรก็ตามการฉีดบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วยโปรแกรม PHB จะเหมาะสำหรับผู้ที่หนังศีรษะยังมีรูขุมขนอยู่ แต่ผมมีขนาดเส้นเล็ก บางเบาไม่แข็งแรง แต่หากเป็นกรณีที่รูขุมขนปิดไปแล้ว ก็จำเป็นต้องอาศัยการปลูกผมแทนถึงจะได้ผลลัพธ์ตรงใจคุณได้มากที่สุดนั่นเอง

โปรแกรม PHB ทางเลือกใหม่ สำหรับแก้ปัญหาผู้หญิงผมบาง
ปัญหาผมบาง เป็นหนึ่งในปัญหาที่พาให้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ขาดความมั่นใจไม่ต่างจากสารพัดปัญหาผิวหน้าเลย เพราะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีอายุจะทำผมทรงไหนก็ไม่สวยอย่างที่หวังไว้ ซึ่งปัญหาผมบางสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน ความเครียด หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ 

โดยลักษณะปัญหาผมบางของผู้หญิงก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • ปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งบริเวณด้านหน้า กลางศีรษะ รวมถึงบริเวณท้ายทอย: ทำให้ยากต่อการรักษา แม้แต่การปลูกผมเองก็อาจยังไม่ตอบโจทย์ เพราะมีกราฟต์ผมเหลือน้อย จนไม่เพียงพอต่อการปลูกผม ซึ่งในกรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงเสียก่อนหรืออาจจะต้องดูประวัติสุขภาพร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุปัญหาผมบางว่าจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไรกันแน่? จะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด 


  • ปัญหาผมบางเฉพาะกลางศีรษะ หรือหนังศีรษะมีรอยแสกกว้างเห็นชัด: ปัญหาผมร่วงแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL)   จะมีลักษณะผมจะบางลงบริเวณกลางศีรษะ  โดยเริ่มจากบริเวณรอยแสกผมและจะค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ในบางรายอาจมีผมบางลงบริเวณด้านข้างศีรษะร่วมด้วยทำให้ยากต่อการทำทรงผมต่าง ๆ



  • ปัญหาไรผมด้านหน้าร่นสูง ทำให้หน้าผากดูเว้าลึก: ปัญหาผมบางชนิดนี้มักพาให้สัดส่วนใบหน้าเสียสมดุล กรอบหน้าไม่สวยงาม ดูมีอายุ และสูญเสียความมั่นใจมาก ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลด้วยการปลูกผมเพื่อปรับแนวไรผมและกรอบหน้าใหม่พร้อมบำรุงสุขภาพเส้นผมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้รากผมแข็งแรงหรืออาจทานวิตามินและบำรุงผมด้วยโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสการขาดหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติมในอนาคต 



โปรแกรม PHB ตัวช่วยรักษาผมบาง 
โปรแกรม PHB ทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงผมสูตรเฉพาะของทางนามนินคลินิก สามารถช่วยดูแลรักษาปัญหาผมบางให้คุณได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางในผู้หญิงแบบทั่วศีรษะ ตรงกลางศีรษะ หรือแม้แต่ผมบางบริเวณกรอบหน้าที่ทำให้หน้าดูผากกว้าง แนวผมร่นลึก   

สำหรับโปรแกรม PHB จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุล สารบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะหลากหลายชนิด สามารถบำรุงได้ล้ำลึกถึงเซลล์รากผม กระตุ้นการทำงานของรากผมให้แข็งแรง ช่วยแก้ไขปัญหาผมขาดหลุดร่วง และช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

หากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB เพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของคุณหมอแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะกลับมามีผมดกดำและมั่นใจในตนเองได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในแต่ละบุคคลก็จะอาศัยความถี่ในการเข้ารับบริการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่  

โปรแกรม PHB  จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้ 
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ทั้งกรณีปัญหาผมบางเป็นบางบริเวณ และผมบางทั่วศีรษะ 
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะอ่อนแอจากการยืด ดัด ย้อมทำสีผม 
  • ผู้ที่มีผมเส้นเล็ก ลีบ แบน ชี้ฟู และขาดหลุดร่วงง่าย
  • ผู้ที่ต้องการผมดกหนา แนวไรผมสวยโดยยังไม่ถึงขั้นต้องพึ่งการปลูกผม
  • สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้ในทั้งหญิงและชาย



เพราะโปรแกรม PHB จะตรงเข้าฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรง คอยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย ได้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และทำหน้าที่ในการสร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัมผัสได้ถึงผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำทรีตเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน 
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน 
  • ผมที่ขึ้นใหม่ก็มีลักษณะเส้นใหญ่ หนา แลดูสุขภาพดีกว่าเดิม

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนิน จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและออกแบบการรักษารายบุคคล พร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง เพื่อให้ผลลัพธ์การดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงด้วยโปรแกรม PHB  เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ปัญหาผู้เข้ารับการรักษาได้ตรงจุดมากที่สุด

โปรแกรม PHB  ถือเป็นทางเลือกในการดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างล้ำลึก และตรงจุด ด้วยวิธีการที่ไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียเวลาพักฟื้นเลย แถมยังใช้เวลาเข้ารับบริการเพียงประมาณ ​30-40 นาที ก็สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย 


อย่างไรก็ตามการฉีดบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วยโปรแกรม PHB จะเหมาะสำหรับผู้ที่หนังศีรษะยังมีรูขุมขนอยู่ แต่ผมมีขนาดเส้นเล็ก บางเบาไม่แข็งแรง แต่หากเป็นกรณีที่รูขุมขนปิดไปแล้ว ก็จำเป็นต้องอาศัยการปลูกผมแทนถึงจะได้ผลลัพธ์ตรงใจคุณได้มากที่สุดนั่นเอง

โปรแกรม PHB ทางเลือกใหม่ สำหรับแก้ปัญหาผู้หญิงผมบาง
ปัญหาผมบาง เป็นหนึ่งในปัญหาที่พาให้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ขาดความมั่นใจไม่ต่างจากสารพัดปัญหาผิวหน้าเลย เพราะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีอายุจะทำผมทรงไหนก็ไม่สวยอย่างที่หวังไว้ ซึ่งปัญหาผมบางสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน ความเครียด หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ 

โดยลักษณะปัญหาผมบางของผู้หญิงก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • ปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งบริเวณด้านหน้า กลางศีรษะ รวมถึงบริเวณท้ายทอย: ทำให้ยากต่อการรักษา แม้แต่การปลูกผมเองก็อาจยังไม่ตอบโจทย์ เพราะมีกราฟต์ผมเหลือน้อย จนไม่เพียงพอต่อการปลูกผม ซึ่งในกรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงเสียก่อนหรืออาจจะต้องดูประวัติสุขภาพร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุปัญหาผมบางว่าจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไรกันแน่? จะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด 


  • ปัญหาผมบางเฉพาะกลางศีรษะ หรือหนังศีรษะมีรอยแสกกว้างเห็นชัด: ปัญหาผมร่วงแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL)   จะมีลักษณะผมจะบางลงบริเวณกลางศีรษะ  โดยเริ่มจากบริเวณรอยแสกผมและจะค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ในบางรายอาจมีผมบางลงบริเวณด้านข้างศีรษะร่วมด้วยทำให้ยากต่อการทำทรงผมต่าง ๆ



  • ปัญหาไรผมด้านหน้าร่นสูง ทำให้หน้าผากดูเว้าลึก: ปัญหาผมบางชนิดนี้มักพาให้สัดส่วนใบหน้าเสียสมดุล กรอบหน้าไม่สวยงาม ดูมีอายุ และสูญเสียความมั่นใจมาก ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลด้วยการปลูกผมเพื่อปรับแนวไรผมและกรอบหน้าใหม่พร้อมบำรุงสุขภาพเส้นผมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้รากผมแข็งแรงหรืออาจทานวิตามินและบำรุงผมด้วยโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสการขาดหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติมในอนาคต 



โปรแกรม PHB ตัวช่วยรักษาผมบาง 
โปรแกรม PHB ทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงผมสูตรเฉพาะของทางนามนินคลินิก สามารถช่วยดูแลรักษาปัญหาผมบางให้คุณได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางในผู้หญิงแบบทั่วศีรษะ ตรงกลางศีรษะ หรือแม้แต่ผมบางบริเวณกรอบหน้าที่ทำให้หน้าดูผากกว้าง แนวผมร่นลึก   

สำหรับโปรแกรม PHB จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุล สารบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะหลากหลายชนิด สามารถบำรุงได้ล้ำลึกถึงเซลล์รากผม กระตุ้นการทำงานของรากผมให้แข็งแรง ช่วยแก้ไขปัญหาผมขาดหลุดร่วง และช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

หากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB เพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของคุณหมอแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะกลับมามีผมดกดำและมั่นใจในตนเองได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในแต่ละบุคคลก็จะอาศัยความถี่ในการเข้ารับบริการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่  

โปรแกรม PHB  จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้ 
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ทั้งกรณีปัญหาผมบางเป็นบางบริเวณ และผมบางทั่วศีรษะ 
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะอ่อนแอจากการยืด ดัด ย้อมทำสีผม 
  • ผู้ที่มีผมเส้นเล็ก ลีบ แบน ชี้ฟู และขาดหลุดร่วงง่าย
  • ผู้ที่ต้องการผมดกหนา แนวไรผมสวยโดยยังไม่ถึงขั้นต้องพึ่งการปลูกผม
  • สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้ในทั้งหญิงและชาย



เพราะโปรแกรม PHB จะตรงเข้าฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรง คอยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย ได้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และทำหน้าที่ในการสร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัมผัสได้ถึงผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำทรีตเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน 
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน 
  • ผมที่ขึ้นใหม่ก็มีลักษณะเส้นใหญ่ หนา แลดูสุขภาพดีกว่าเดิม

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนิน จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและออกแบบการรักษารายบุคคล พร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง เพื่อให้ผลลัพธ์การดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงด้วยโปรแกรม PHB  เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ปัญหาผู้เข้ารับการรักษาได้ตรงจุดมากที่สุด

โปรแกรม PHB  ถือเป็นทางเลือกในการดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างล้ำลึก และตรงจุด ด้วยวิธีการที่ไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียเวลาพักฟื้นเลย แถมยังใช้เวลาเข้ารับบริการเพียงประมาณ ​30-40 นาที ก็สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย 


อย่างไรก็ตามการฉีดบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วยโปรแกรม PHB จะเหมาะสำหรับผู้ที่หนังศีรษะยังมีรูขุมขนอยู่ แต่ผมมีขนาดเส้นเล็ก บางเบาไม่แข็งแรง แต่หากเป็นกรณีที่รูขุมขนปิดไปแล้ว ก็จำเป็นต้องอาศัยการปลูกผมแทนถึงจะได้ผลลัพธ์ตรงใจคุณได้มากที่สุดนั่นเอง

โปรแกรม PHB ทางเลือกใหม่ สำหรับแก้ปัญหาผู้หญิงผมบาง
ปัญหาผมบาง เป็นหนึ่งในปัญหาที่พาให้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ขาดความมั่นใจไม่ต่างจากสารพัดปัญหาผิวหน้าเลย เพราะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีอายุจะทำผมทรงไหนก็ไม่สวยอย่างที่หวังไว้ ซึ่งปัญหาผมบางสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน ความเครียด หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ 

โดยลักษณะปัญหาผมบางของผู้หญิงก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • ปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งบริเวณด้านหน้า กลางศีรษะ รวมถึงบริเวณท้ายทอย: ทำให้ยากต่อการรักษา แม้แต่การปลูกผมเองก็อาจยังไม่ตอบโจทย์ เพราะมีกราฟต์ผมเหลือน้อย จนไม่เพียงพอต่อการปลูกผม ซึ่งในกรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงเสียก่อนหรืออาจจะต้องดูประวัติสุขภาพร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุปัญหาผมบางว่าจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไรกันแน่? จะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด 


  • ปัญหาผมบางเฉพาะกลางศีรษะ หรือหนังศีรษะมีรอยแสกกว้างเห็นชัด: ปัญหาผมร่วงแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL)   จะมีลักษณะผมจะบางลงบริเวณกลางศีรษะ  โดยเริ่มจากบริเวณรอยแสกผมและจะค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ในบางรายอาจมีผมบางลงบริเวณด้านข้างศีรษะร่วมด้วยทำให้ยากต่อการทำทรงผมต่าง ๆ



  • ปัญหาไรผมด้านหน้าร่นสูง ทำให้หน้าผากดูเว้าลึก: ปัญหาผมบางชนิดนี้มักพาให้สัดส่วนใบหน้าเสียสมดุล กรอบหน้าไม่สวยงาม ดูมีอายุ และสูญเสียความมั่นใจมาก ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลด้วยการปลูกผมเพื่อปรับแนวไรผมและกรอบหน้าใหม่พร้อมบำรุงสุขภาพเส้นผมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้รากผมแข็งแรงหรืออาจทานวิตามินและบำรุงผมด้วยโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสการขาดหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติมในอนาคต 



โปรแกรม PHB ตัวช่วยรักษาผมบาง 
โปรแกรม PHB ทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงผมสูตรเฉพาะของทางนามนินคลินิก สามารถช่วยดูแลรักษาปัญหาผมบางให้คุณได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางในผู้หญิงแบบทั่วศีรษะ ตรงกลางศีรษะ หรือแม้แต่ผมบางบริเวณกรอบหน้าที่ทำให้หน้าดูผากกว้าง แนวผมร่นลึก   

สำหรับโปรแกรม PHB จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุล สารบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะหลากหลายชนิด สามารถบำรุงได้ล้ำลึกถึงเซลล์รากผม กระตุ้นการทำงานของรากผมให้แข็งแรง ช่วยแก้ไขปัญหาผมขาดหลุดร่วง และช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

หากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB เพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของคุณหมอแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะกลับมามีผมดกดำและมั่นใจในตนเองได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในแต่ละบุคคลก็จะอาศัยความถี่ในการเข้ารับบริการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่  

โปรแกรม PHB  จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้ 
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ทั้งกรณีปัญหาผมบางเป็นบางบริเวณ และผมบางทั่วศีรษะ 
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะอ่อนแอจากการยืด ดัด ย้อมทำสีผม 
  • ผู้ที่มีผมเส้นเล็ก ลีบ แบน ชี้ฟู และขาดหลุดร่วงง่าย
  • ผู้ที่ต้องการผมดกหนา แนวไรผมสวยโดยยังไม่ถึงขั้นต้องพึ่งการปลูกผม
  • สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้ในทั้งหญิงและชาย



เพราะโปรแกรม PHB จะตรงเข้าฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรง คอยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย ได้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และทำหน้าที่ในการสร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัมผัสได้ถึงผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำทรีตเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน 
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน 
  • ผมที่ขึ้นใหม่ก็มีลักษณะเส้นใหญ่ หนา แลดูสุขภาพดีกว่าเดิม

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนิน จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและออกแบบการรักษารายบุคคล พร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง เพื่อให้ผลลัพธ์การดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงด้วยโปรแกรม PHB  เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ปัญหาผู้เข้ารับการรักษาได้ตรงจุดมากที่สุด

โปรแกรม PHB  ถือเป็นทางเลือกในการดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างล้ำลึก และตรงจุด ด้วยวิธีการที่ไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียเวลาพักฟื้นเลย แถมยังใช้เวลาเข้ารับบริการเพียงประมาณ ​30-40 นาที ก็สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย 


อย่างไรก็ตามการฉีดบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วยโปรแกรม PHB จะเหมาะสำหรับผู้ที่หนังศีรษะยังมีรูขุมขนอยู่ แต่ผมมีขนาดเส้นเล็ก บางเบาไม่แข็งแรง แต่หากเป็นกรณีที่รูขุมขนปิดไปแล้ว ก็จำเป็นต้องอาศัยการปลูกผมแทนถึงจะได้ผลลัพธ์ตรงใจคุณได้มากที่สุดนั่นเอง

โปรแกรม PHB ทางเลือกใหม่ สำหรับแก้ปัญหาผู้หญิงผมบาง
ปัญหาผมบาง เป็นหนึ่งในปัญหาที่พาให้ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ขาดความมั่นใจไม่ต่างจากสารพัดปัญหาผิวหน้าเลย เพราะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูมีอายุจะทำผมทรงไหนก็ไม่สวยอย่างที่หวังไว้ ซึ่งปัญหาผมบางสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งพันธุกรรม ฮอร์โมน ความเครียด หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ 

โดยลักษณะปัญหาผมบางของผู้หญิงก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • ปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ทั้งบริเวณด้านหน้า กลางศีรษะ รวมถึงบริเวณท้ายทอย: ทำให้ยากต่อการรักษา แม้แต่การปลูกผมเองก็อาจยังไม่ตอบโจทย์ เพราะมีกราฟต์ผมเหลือน้อย จนไม่เพียงพอต่อการปลูกผม ซึ่งในกรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงเสียก่อนหรืออาจจะต้องดูประวัติสุขภาพร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุปัญหาผมบางว่าจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไรกันแน่? จะได้ทำการรักษาได้อย่างตรงจุด 


  • ปัญหาผมบางเฉพาะกลางศีรษะ หรือหนังศีรษะมีรอยแสกกว้างเห็นชัด: ปัญหาผมร่วงแบบ Female Pattern Hair Loss (FPHL)   จะมีลักษณะผมจะบางลงบริเวณกลางศีรษะ  โดยเริ่มจากบริเวณรอยแสกผมและจะค่อย ๆ บางลงเรื่อย ๆ จนเห็นหนังศีรษะชัดเจน ในบางรายอาจมีผมบางลงบริเวณด้านข้างศีรษะร่วมด้วยทำให้ยากต่อการทำทรงผมต่าง ๆ



  • ปัญหาไรผมด้านหน้าร่นสูง ทำให้หน้าผากดูเว้าลึก: ปัญหาผมบางชนิดนี้มักพาให้สัดส่วนใบหน้าเสียสมดุล กรอบหน้าไม่สวยงาม ดูมีอายุ และสูญเสียความมั่นใจมาก ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลด้วยการปลูกผมเพื่อปรับแนวไรผมและกรอบหน้าใหม่พร้อมบำรุงสุขภาพเส้นผมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้รากผมแข็งแรงหรืออาจทานวิตามินและบำรุงผมด้วยโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสการขาดหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติมในอนาคต 



โปรแกรม PHB ตัวช่วยรักษาผมบาง 
โปรแกรม PHB ทรีตเมนต์ประเภทฉีดบำรุงผมสูตรเฉพาะของทางนามนินคลินิก สามารถช่วยดูแลรักษาปัญหาผมบางให้คุณได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางในผู้หญิงแบบทั่วศีรษะ ตรงกลางศีรษะ หรือแม้แต่ผมบางบริเวณกรอบหน้าที่ทำให้หน้าดูผากกว้าง แนวผมร่นลึก   

สำหรับโปรแกรม PHB จะประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุล สารบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะหลากหลายชนิด สามารถบำรุงได้ล้ำลึกถึงเซลล์รากผม กระตุ้นการทำงานของรากผมให้แข็งแรง ช่วยแก้ไขปัญหาผมขาดหลุดร่วง และช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

หากเข้ารับบริการโปรแกรม PHB เพื่อดูแลรักษาปัญหาผมบางอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของคุณหมอแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะกลับมามีผมดกดำและมั่นใจในตนเองได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในแต่ละบุคคลก็จะอาศัยความถี่ในการเข้ารับบริการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่  

โปรแกรม PHB  จะเหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้ 
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ทั้งกรณีปัญหาผมบางเป็นบางบริเวณ และผมบางทั่วศีรษะ 
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะอ่อนแอจากการยืด ดัด ย้อมทำสีผม 
  • ผู้ที่มีผมเส้นเล็ก ลีบ แบน ชี้ฟู และขาดหลุดร่วงง่าย
  • ผู้ที่ต้องการผมดกหนา แนวไรผมสวยโดยยังไม่ถึงขั้นต้องพึ่งการปลูกผม
  • สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้ในทั้งหญิงและชาย



เพราะโปรแกรม PHB จะตรงเข้าฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรง คอยซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย ได้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และทำหน้าที่ในการสร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัมผัสได้ถึงผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำทรีตเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น
  • ผมเริ่มหลุดร่วงน้อยลงใน 3-7 วัน 
  • สังเกตเห็นผมชุดใหม่ใน 1-3 เดือน 
  • ผมที่ขึ้นใหม่ก็มีลักษณะเส้นใหญ่ หนา แลดูสุขภาพดีกว่าเดิม

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนิน จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและออกแบบการรักษารายบุคคล พร้อมติดตามผลอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง เพื่อให้ผลลัพธ์การดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงด้วยโปรแกรม PHB  เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ปัญหาผู้เข้ารับการรักษาได้ตรงจุดมากที่สุด

โปรแกรม PHB  ถือเป็นทางเลือกในการดูแลปัญหาผมบางของคุณผู้หญิงที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นผมได้อย่างล้ำลึก และตรงจุด ด้วยวิธีการที่ไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียเวลาพักฟื้นเลย แถมยังใช้เวลาเข้ารับบริการเพียงประมาณ ​30-40 นาที ก็สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย 


อย่างไรก็ตามการฉีดบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วยโปรแกรม PHB จะเหมาะสำหรับผู้ที่หนังศีรษะยังมีรูขุมขนอยู่ แต่ผมมีขนาดเส้นเล็ก บางเบาไม่แข็งแรง แต่หากเป็นกรณีที่รูขุมขนปิดไปแล้ว ก็จำเป็นต้องอาศัยการปลูกผมแทนถึงจะได้ผลลัพธ์ตรงใจคุณได้มากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผม เติมเต็มใจวัย 50+
จากประสบการณ์ในการดูแลคนไข้มาแล้วทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยยังไม่ถึง 20 ไปจน 70-80 ปี ทำให้นามนินเข้าใจว่า เรื่องของ “เส้นผม” มีความสำคัญกับคนทุกวัยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนสูงวัย หรือใครที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 50+ 

เชื่อมั้ยว่า ภาพเดิม ๆ ของผู้สูงวัยที่ได้แต่เก็บตัวอยู่บ้านนั้นแทบไม่มีอีกแล้ว วัย 50+ ที่เราเห็นคือคนที่เต็มไปด้วยพลัง Active ยังออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เข้าสังคมพบปะผู้คน เพื่อนฝูง ครอบครัว หลายคนยังทำงานในตำแหน่งสำคัญ ๆ กลายเป็นวัยที่ยิ่งมองเห็นคุณค่าของตัวเองและเลือกใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น คำพูดที่ว่า อายุมากแล้วจะต้องดูแลตัวเองให้ดูดีไปทำไม จึงใช้ไม่ได้อีกต่อไปกับคนสูงวัยในยุคนี้ 


นั่นจึงทำให้นามนินได้มีโอกาสร่วมเปลี่ยนและปรับรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมไปถึงความมั่นใจ ให้กับคนวัย 50+ มาแล้วมากมาย ผ่านศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม นามนินขอรวบรวมเสียงตอบรับของคนไข้วัยเก๋า มาสรุปให้ฟังตรงนี้อีกครั้งว่า คนสูงวัย ได้อะไรจากการปลูกผม

  • เติมผมส่วนที่ดูบาง ให้กลับมาหนาแน่น
  • ผมใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับวัย
  • รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป มองมุมไหนก็ดูดีขึ้น
  • ช่วยย้อนวัยทำให้แลดูหนุ่มขึ้น สมาร์ทขึ้น
  • ปรับบุคลิกภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • ลดความกังวลใจ ในการจัดแต่งทรงผมเพื่อคอยระวังปกปิดปัญหาผม
  • ลดเวลาแต่งตัวและแต่งทรงผมหน้ากระจก (เพราะดูดีโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย)
  • คืนความมั่นใจ ความภูมิใจ เวลาออกไปพบปะคนภายนอก
  • เสียงชื่นชมจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนฝูง และครอบครัว
  • สุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น ส่งผลไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีในครอ
  • ได้ความคุ้มค่า เพราะเรายังมีเวลาใช้ชีวิตอีกหลายสิบปี

คนไข้วัย 50+ ของนามนิน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัดสินใจถูกจริง ๆ ที่เลือกเข้ารับบริการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาเส้นผม ซึ่งหลาย ๆ คนต้องทนอยู่กับปัญหามานานเป็นสิบ ๆ ปี แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ความสำเร็จปลายทางเหล่านี้เท่านั้น ที่ทำให้การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ใช่ ยืนหนึ่งสำหรับคนวัย 50+ แต่ยังรวมถึงเส้นทางการรักษาภายใต้การดูแลอย่างดีของแพทย์ผู้ชำนาญ ที่มอบประสบการณ์น่าประทับใจให้กับคนไข้ทุก ๆ คนด้วย


และแนวทางการรักษาที่เรากำลังพูดถึง ก็คือ การปลูกผมเทคนิค NEAT หรือการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งคุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น พัฒนาต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ประสิทธิภาพการรักษาและความสะดวกสบายของคนไข้มากยิ่งขึ้น 

โดยการปลูกผมเทคนิค NEAT จะเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินจะรับฟังอย่างตั้งใจ และออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด มีการประเมินพื้นที่ปลูกผม และคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องย้ายจากด้านหลังท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการรักษาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนในเบื้องต้น รวมทั้งพูดคุยถึง


ผลลัพธ์ความเป็นไปได้ ว่าจะสามารถคืนผมหนาแน่นได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร

เมื่อวันทำหัตถการปลูกผมมาถึง คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น เสริมด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้รู้สึกสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลกับอาการเจ็บ บวม ช้ำ โดยคุณหมอนินเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณหมอติดตามอาการของคนไข้อย่างใกล้ชิดได้ตลอดการทำหัตถการ




ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนินยังคอยดูแล ติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำปรึกษาไปตลอด 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม และยังเสริมด้วยชุดผลิตภัณฑ์และบริการทรีตเมนต์เพื่อการบำรุงต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เส้นผมใหม่อยู่รอด เติบโต แข็งแรง พร้อมคืนความมั่นใจให้กับคนไข้วัย 50+ ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ของชีวิต 

สุดท้ายนี้ คุณหมอขอฝากคำแนะนำไปถึงคนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย และอาจกำลังลังเลใจที่จะลองปลูกผมดีหรือไม่ ว่าควรรีบมาปรึกษาและออกแบบการรักษาร่วมกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ตอนที่สภาพผมยังสุขภาพดีอยู่ ยังไม่อ่อนแอหรือเหลือน้อยลงไปตามวัย เพราะยิ่งเริ่มรักษาเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

ปลูกผม เติมเต็มใจวัย 50+
จากประสบการณ์ในการดูแลคนไข้มาแล้วทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยยังไม่ถึง 20 ไปจน 70-80 ปี ทำให้นามนินเข้าใจว่า เรื่องของ “เส้นผม” มีความสำคัญกับคนทุกวัยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนสูงวัย หรือใครที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 50+ 

เชื่อมั้ยว่า ภาพเดิม ๆ ของผู้สูงวัยที่ได้แต่เก็บตัวอยู่บ้านนั้นแทบไม่มีอีกแล้ว วัย 50+ ที่เราเห็นคือคนที่เต็มไปด้วยพลัง Active ยังออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เข้าสังคมพบปะผู้คน เพื่อนฝูง ครอบครัว หลายคนยังทำงานในตำแหน่งสำคัญ ๆ กลายเป็นวัยที่ยิ่งมองเห็นคุณค่าของตัวเองและเลือกใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น คำพูดที่ว่า อายุมากแล้วจะต้องดูแลตัวเองให้ดูดีไปทำไม จึงใช้ไม่ได้อีกต่อไปกับคนสูงวัยในยุคนี้ 


นั่นจึงทำให้นามนินได้มีโอกาสร่วมเปลี่ยนและปรับรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมไปถึงความมั่นใจ ให้กับคนวัย 50+ มาแล้วมากมาย ผ่านศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม นามนินขอรวบรวมเสียงตอบรับของคนไข้วัยเก๋า มาสรุปให้ฟังตรงนี้อีกครั้งว่า คนสูงวัย ได้อะไรจากการปลูกผม

  • เติมผมส่วนที่ดูบาง ให้กลับมาหนาแน่น
  • ผมใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับวัย
  • รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป มองมุมไหนก็ดูดีขึ้น
  • ช่วยย้อนวัยทำให้แลดูหนุ่มขึ้น สมาร์ทขึ้น
  • ปรับบุคลิกภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • ลดความกังวลใจ ในการจัดแต่งทรงผมเพื่อคอยระวังปกปิดปัญหาผม
  • ลดเวลาแต่งตัวและแต่งทรงผมหน้ากระจก (เพราะดูดีโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย)
  • คืนความมั่นใจ ความภูมิใจ เวลาออกไปพบปะคนภายนอก
  • เสียงชื่นชมจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนฝูง และครอบครัว
  • สุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น ส่งผลไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีในครอ
  • ได้ความคุ้มค่า เพราะเรายังมีเวลาใช้ชีวิตอีกหลายสิบปี

คนไข้วัย 50+ ของนามนิน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัดสินใจถูกจริง ๆ ที่เลือกเข้ารับบริการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาเส้นผม ซึ่งหลาย ๆ คนต้องทนอยู่กับปัญหามานานเป็นสิบ ๆ ปี แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ความสำเร็จปลายทางเหล่านี้เท่านั้น ที่ทำให้การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ใช่ ยืนหนึ่งสำหรับคนวัย 50+ แต่ยังรวมถึงเส้นทางการรักษาภายใต้การดูแลอย่างดีของแพทย์ผู้ชำนาญ ที่มอบประสบการณ์น่าประทับใจให้กับคนไข้ทุก ๆ คนด้วย


และแนวทางการรักษาที่เรากำลังพูดถึง ก็คือ การปลูกผมเทคนิค NEAT หรือการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งคุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น พัฒนาต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ประสิทธิภาพการรักษาและความสะดวกสบายของคนไข้มากยิ่งขึ้น 

โดยการปลูกผมเทคนิค NEAT จะเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินจะรับฟังอย่างตั้งใจ และออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด มีการประเมินพื้นที่ปลูกผม และคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องย้ายจากด้านหลังท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการรักษาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนในเบื้องต้น รวมทั้งพูดคุยถึง


ผลลัพธ์ความเป็นไปได้ ว่าจะสามารถคืนผมหนาแน่นได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร

เมื่อวันทำหัตถการปลูกผมมาถึง คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น เสริมด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้รู้สึกสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลกับอาการเจ็บ บวม ช้ำ โดยคุณหมอนินเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณหมอติดตามอาการของคนไข้อย่างใกล้ชิดได้ตลอดการทำหัตถการ




ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนินยังคอยดูแล ติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำปรึกษาไปตลอด 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม และยังเสริมด้วยชุดผลิตภัณฑ์และบริการทรีตเมนต์เพื่อการบำรุงต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เส้นผมใหม่อยู่รอด เติบโต แข็งแรง พร้อมคืนความมั่นใจให้กับคนไข้วัย 50+ ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ของชีวิต 

สุดท้ายนี้ คุณหมอขอฝากคำแนะนำไปถึงคนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย และอาจกำลังลังเลใจที่จะลองปลูกผมดีหรือไม่ ว่าควรรีบมาปรึกษาและออกแบบการรักษาร่วมกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ตอนที่สภาพผมยังสุขภาพดีอยู่ ยังไม่อ่อนแอหรือเหลือน้อยลงไปตามวัย เพราะยิ่งเริ่มรักษาเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

ปลูกผม เติมเต็มใจวัย 50+
จากประสบการณ์ในการดูแลคนไข้มาแล้วทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยยังไม่ถึง 20 ไปจน 70-80 ปี ทำให้นามนินเข้าใจว่า เรื่องของ “เส้นผม” มีความสำคัญกับคนทุกวัยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนสูงวัย หรือใครที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 50+ 

เชื่อมั้ยว่า ภาพเดิม ๆ ของผู้สูงวัยที่ได้แต่เก็บตัวอยู่บ้านนั้นแทบไม่มีอีกแล้ว วัย 50+ ที่เราเห็นคือคนที่เต็มไปด้วยพลัง Active ยังออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เข้าสังคมพบปะผู้คน เพื่อนฝูง ครอบครัว หลายคนยังทำงานในตำแหน่งสำคัญ ๆ กลายเป็นวัยที่ยิ่งมองเห็นคุณค่าของตัวเองและเลือกใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น คำพูดที่ว่า อายุมากแล้วจะต้องดูแลตัวเองให้ดูดีไปทำไม จึงใช้ไม่ได้อีกต่อไปกับคนสูงวัยในยุคนี้ 


นั่นจึงทำให้นามนินได้มีโอกาสร่วมเปลี่ยนและปรับรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมไปถึงความมั่นใจ ให้กับคนวัย 50+ มาแล้วมากมาย ผ่านศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม นามนินขอรวบรวมเสียงตอบรับของคนไข้วัยเก๋า มาสรุปให้ฟังตรงนี้อีกครั้งว่า คนสูงวัย ได้อะไรจากการปลูกผม

  • เติมผมส่วนที่ดูบาง ให้กลับมาหนาแน่น
  • ผมใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับวัย
  • รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป มองมุมไหนก็ดูดีขึ้น
  • ช่วยย้อนวัยทำให้แลดูหนุ่มขึ้น สมาร์ทขึ้น
  • ปรับบุคลิกภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • ลดความกังวลใจ ในการจัดแต่งทรงผมเพื่อคอยระวังปกปิดปัญหาผม
  • ลดเวลาแต่งตัวและแต่งทรงผมหน้ากระจก (เพราะดูดีโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย)
  • คืนความมั่นใจ ความภูมิใจ เวลาออกไปพบปะคนภายนอก
  • เสียงชื่นชมจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนฝูง และครอบครัว
  • สุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น ส่งผลไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีในครอ
  • ได้ความคุ้มค่า เพราะเรายังมีเวลาใช้ชีวิตอีกหลายสิบปี

คนไข้วัย 50+ ของนามนิน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัดสินใจถูกจริง ๆ ที่เลือกเข้ารับบริการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาเส้นผม ซึ่งหลาย ๆ คนต้องทนอยู่กับปัญหามานานเป็นสิบ ๆ ปี แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ความสำเร็จปลายทางเหล่านี้เท่านั้น ที่ทำให้การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ใช่ ยืนหนึ่งสำหรับคนวัย 50+ แต่ยังรวมถึงเส้นทางการรักษาภายใต้การดูแลอย่างดีของแพทย์ผู้ชำนาญ ที่มอบประสบการณ์น่าประทับใจให้กับคนไข้ทุก ๆ คนด้วย


และแนวทางการรักษาที่เรากำลังพูดถึง ก็คือ การปลูกผมเทคนิค NEAT หรือการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งคุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น พัฒนาต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ประสิทธิภาพการรักษาและความสะดวกสบายของคนไข้มากยิ่งขึ้น 

โดยการปลูกผมเทคนิค NEAT จะเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินจะรับฟังอย่างตั้งใจ และออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด มีการประเมินพื้นที่ปลูกผม และคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องย้ายจากด้านหลังท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการรักษาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนในเบื้องต้น รวมทั้งพูดคุยถึง


ผลลัพธ์ความเป็นไปได้ ว่าจะสามารถคืนผมหนาแน่นได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร

เมื่อวันทำหัตถการปลูกผมมาถึง คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น เสริมด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้รู้สึกสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลกับอาการเจ็บ บวม ช้ำ โดยคุณหมอนินเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณหมอติดตามอาการของคนไข้อย่างใกล้ชิดได้ตลอดการทำหัตถการ




ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนินยังคอยดูแล ติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำปรึกษาไปตลอด 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม และยังเสริมด้วยชุดผลิตภัณฑ์และบริการทรีตเมนต์เพื่อการบำรุงต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เส้นผมใหม่อยู่รอด เติบโต แข็งแรง พร้อมคืนความมั่นใจให้กับคนไข้วัย 50+ ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ของชีวิต 

สุดท้ายนี้ คุณหมอขอฝากคำแนะนำไปถึงคนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย และอาจกำลังลังเลใจที่จะลองปลูกผมดีหรือไม่ ว่าควรรีบมาปรึกษาและออกแบบการรักษาร่วมกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ตอนที่สภาพผมยังสุขภาพดีอยู่ ยังไม่อ่อนแอหรือเหลือน้อยลงไปตามวัย เพราะยิ่งเริ่มรักษาเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

ปลูกผม เติมเต็มใจวัย 50+
จากประสบการณ์ในการดูแลคนไข้มาแล้วทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยยังไม่ถึง 20 ไปจน 70-80 ปี ทำให้นามนินเข้าใจว่า เรื่องของ “เส้นผม” มีความสำคัญกับคนทุกวัยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนสูงวัย หรือใครที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 50+ 

เชื่อมั้ยว่า ภาพเดิม ๆ ของผู้สูงวัยที่ได้แต่เก็บตัวอยู่บ้านนั้นแทบไม่มีอีกแล้ว วัย 50+ ที่เราเห็นคือคนที่เต็มไปด้วยพลัง Active ยังออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เข้าสังคมพบปะผู้คน เพื่อนฝูง ครอบครัว หลายคนยังทำงานในตำแหน่งสำคัญ ๆ กลายเป็นวัยที่ยิ่งมองเห็นคุณค่าของตัวเองและเลือกใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น คำพูดที่ว่า อายุมากแล้วจะต้องดูแลตัวเองให้ดูดีไปทำไม จึงใช้ไม่ได้อีกต่อไปกับคนสูงวัยในยุคนี้ 


นั่นจึงทำให้นามนินได้มีโอกาสร่วมเปลี่ยนและปรับรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมไปถึงความมั่นใจ ให้กับคนวัย 50+ มาแล้วมากมาย ผ่านศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม นามนินขอรวบรวมเสียงตอบรับของคนไข้วัยเก๋า มาสรุปให้ฟังตรงนี้อีกครั้งว่า คนสูงวัย ได้อะไรจากการปลูกผม

  • เติมผมส่วนที่ดูบาง ให้กลับมาหนาแน่น
  • ผมใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับวัย
  • รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป มองมุมไหนก็ดูดีขึ้น
  • ช่วยย้อนวัยทำให้แลดูหนุ่มขึ้น สมาร์ทขึ้น
  • ปรับบุคลิกภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • ลดความกังวลใจ ในการจัดแต่งทรงผมเพื่อคอยระวังปกปิดปัญหาผม
  • ลดเวลาแต่งตัวและแต่งทรงผมหน้ากระจก (เพราะดูดีโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย)
  • คืนความมั่นใจ ความภูมิใจ เวลาออกไปพบปะคนภายนอก
  • เสียงชื่นชมจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนฝูง และครอบครัว
  • สุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น ส่งผลไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีในครอ
  • ได้ความคุ้มค่า เพราะเรายังมีเวลาใช้ชีวิตอีกหลายสิบปี

คนไข้วัย 50+ ของนามนิน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัดสินใจถูกจริง ๆ ที่เลือกเข้ารับบริการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาเส้นผม ซึ่งหลาย ๆ คนต้องทนอยู่กับปัญหามานานเป็นสิบ ๆ ปี แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ความสำเร็จปลายทางเหล่านี้เท่านั้น ที่ทำให้การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ใช่ ยืนหนึ่งสำหรับคนวัย 50+ แต่ยังรวมถึงเส้นทางการรักษาภายใต้การดูแลอย่างดีของแพทย์ผู้ชำนาญ ที่มอบประสบการณ์น่าประทับใจให้กับคนไข้ทุก ๆ คนด้วย


และแนวทางการรักษาที่เรากำลังพูดถึง ก็คือ การปลูกผมเทคนิค NEAT หรือการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งคุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น พัฒนาต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ประสิทธิภาพการรักษาและความสะดวกสบายของคนไข้มากยิ่งขึ้น 

โดยการปลูกผมเทคนิค NEAT จะเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินจะรับฟังอย่างตั้งใจ และออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด มีการประเมินพื้นที่ปลูกผม และคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องย้ายจากด้านหลังท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการรักษาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนในเบื้องต้น รวมทั้งพูดคุยถึง


ผลลัพธ์ความเป็นไปได้ ว่าจะสามารถคืนผมหนาแน่นได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร

เมื่อวันทำหัตถการปลูกผมมาถึง คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น เสริมด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้รู้สึกสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลกับอาการเจ็บ บวม ช้ำ โดยคุณหมอนินเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณหมอติดตามอาการของคนไข้อย่างใกล้ชิดได้ตลอดการทำหัตถการ




ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนินยังคอยดูแล ติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำปรึกษาไปตลอด 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม และยังเสริมด้วยชุดผลิตภัณฑ์และบริการทรีตเมนต์เพื่อการบำรุงต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เส้นผมใหม่อยู่รอด เติบโต แข็งแรง พร้อมคืนความมั่นใจให้กับคนไข้วัย 50+ ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ของชีวิต 

สุดท้ายนี้ คุณหมอขอฝากคำแนะนำไปถึงคนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย และอาจกำลังลังเลใจที่จะลองปลูกผมดีหรือไม่ ว่าควรรีบมาปรึกษาและออกแบบการรักษาร่วมกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ตอนที่สภาพผมยังสุขภาพดีอยู่ ยังไม่อ่อนแอหรือเหลือน้อยลงไปตามวัย เพราะยิ่งเริ่มรักษาเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

ปลูกผม เติมเต็มใจวัย 50+
จากประสบการณ์ในการดูแลคนไข้มาแล้วทุกช่วงอายุ ตั้งแต่วัยยังไม่ถึง 20 ไปจน 70-80 ปี ทำให้นามนินเข้าใจว่า เรื่องของ “เส้นผม” มีความสำคัญกับคนทุกวัยไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนสูงวัย หรือใครที่เริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 50+ 

เชื่อมั้ยว่า ภาพเดิม ๆ ของผู้สูงวัยที่ได้แต่เก็บตัวอยู่บ้านนั้นแทบไม่มีอีกแล้ว วัย 50+ ที่เราเห็นคือคนที่เต็มไปด้วยพลัง Active ยังออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เข้าสังคมพบปะผู้คน เพื่อนฝูง ครอบครัว หลายคนยังทำงานในตำแหน่งสำคัญ ๆ กลายเป็นวัยที่ยิ่งมองเห็นคุณค่าของตัวเองและเลือกใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น คำพูดที่ว่า อายุมากแล้วจะต้องดูแลตัวเองให้ดูดีไปทำไม จึงใช้ไม่ได้อีกต่อไปกับคนสูงวัยในยุคนี้ 


นั่นจึงทำให้นามนินได้มีโอกาสร่วมเปลี่ยนและปรับรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมไปถึงความมั่นใจ ให้กับคนวัย 50+ มาแล้วมากมาย ผ่านศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม นามนินขอรวบรวมเสียงตอบรับของคนไข้วัยเก๋า มาสรุปให้ฟังตรงนี้อีกครั้งว่า คนสูงวัย ได้อะไรจากการปลูกผม

  • เติมผมส่วนที่ดูบาง ให้กลับมาหนาแน่น
  • ผมใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสมกับวัย
  • รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป มองมุมไหนก็ดูดีขึ้น
  • ช่วยย้อนวัยทำให้แลดูหนุ่มขึ้น สมาร์ทขึ้น
  • ปรับบุคลิกภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • ลดความกังวลใจ ในการจัดแต่งทรงผมเพื่อคอยระวังปกปิดปัญหาผม
  • ลดเวลาแต่งตัวและแต่งทรงผมหน้ากระจก (เพราะดูดีโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย)
  • คืนความมั่นใจ ความภูมิใจ เวลาออกไปพบปะคนภายนอก
  • เสียงชื่นชมจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนฝูง และครอบครัว
  • สุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น ส่งผลไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีในครอ
  • ได้ความคุ้มค่า เพราะเรายังมีเวลาใช้ชีวิตอีกหลายสิบปี

คนไข้วัย 50+ ของนามนิน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ตัดสินใจถูกจริง ๆ ที่เลือกเข้ารับบริการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาเส้นผม ซึ่งหลาย ๆ คนต้องทนอยู่กับปัญหามานานเป็นสิบ ๆ ปี แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ความสำเร็จปลายทางเหล่านี้เท่านั้น ที่ทำให้การปลูกผมกลายเป็นคำตอบที่ใช่ ยืนหนึ่งสำหรับคนวัย 50+ แต่ยังรวมถึงเส้นทางการรักษาภายใต้การดูแลอย่างดีของแพทย์ผู้ชำนาญ ที่มอบประสบการณ์น่าประทับใจให้กับคนไข้ทุก ๆ คนด้วย


และแนวทางการรักษาที่เรากำลังพูดถึง ก็คือ การปลูกผมเทคนิค NEAT หรือการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งคุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น พัฒนาต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ประสิทธิภาพการรักษาและความสะดวกสบายของคนไข้มากยิ่งขึ้น 

โดยการปลูกผมเทคนิค NEAT จะเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินจะรับฟังอย่างตั้งใจ และออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันแบบเฉพาะบุคคล ให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด มีการประเมินพื้นที่ปลูกผม และคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องย้ายจากด้านหลังท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการรักษาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนในเบื้องต้น รวมทั้งพูดคุยถึง


ผลลัพธ์ความเป็นไปได้ ว่าจะสามารถคืนผมหนาแน่นได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร

เมื่อวันทำหัตถการปลูกผมมาถึง คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น เสริมด้วยเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้รู้สึกสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลกับอาการเจ็บ บวม ช้ำ โดยคุณหมอนินเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณหมอติดตามอาการของคนไข้อย่างใกล้ชิดได้ตลอดการทำหัตถการ




ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนินยังคอยดูแล ติดตามผลทุกระยะ พร้อมให้คำปรึกษาไปตลอด 1 ปีเต็มหลังการปลูกผม และยังเสริมด้วยชุดผลิตภัณฑ์และบริการทรีตเมนต์เพื่อการบำรุงต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เส้นผมใหม่อยู่รอด เติบโต แข็งแรง พร้อมคืนความมั่นใจให้กับคนไข้วัย 50+ ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ของชีวิต 

สุดท้ายนี้ คุณหมอขอฝากคำแนะนำไปถึงคนที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย และอาจกำลังลังเลใจที่จะลองปลูกผมดีหรือไม่ ว่าควรรีบมาปรึกษาและออกแบบการรักษาร่วมกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ตอนที่สภาพผมยังสุขภาพดีอยู่ ยังไม่อ่อนแอหรือเหลือน้อยลงไปตามวัย เพราะยิ่งเริ่มรักษาเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

5 พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรต้องบำรุงผมเพิ่มเป็นพิเศษ
เส้นผมของคุณหลุดร่วงเยอะ จนมีปัญหาผมบางหรือไม่?   ปัญหาผมร่วง ผมบางนี้ แม้ว่าจะมีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แต่รู้หรือไม่? ว่าบางครั้งปัญหาดังกล่าวก็มีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่คุณไม่อาจรู้ตัวอยู่ก็เป็นได้ 

ลองมาไขคำตอบกันในบทความนี้   เพื่อดูว่าคุณมีพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมเหล่านี้หรือไม่?   และจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือบำรุงผมอย่างไรดี ให้เส้นผมกลับมาแข็งแรง ดกดำ และเงางามได้อีกครั้ง
5 พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรต้องบำรุงผมเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากผมบาง  
1.การใช้ความร้อนกับเส้นผม
อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม ที่หนีบผม มักเป็นขั้นตอนที่อาศัยความร้อน ซึ่งอาจมีส่วนทำให้เส้นผมเสียหายได้ ทั้งชี้ฟู แห้งกรอบ เปราะบาง และขาดหลุดร่วงง่าย หากจำเป็นต้องใช้ความร้อนกับเส้นผม แนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันความร้อนร่วมด้วย ก็จะช่วยปกป้องเส้นผมได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง



2. การทำสี หรือใช้สารเคมีกับเส้นผม
การทำสีผม ยืดผม ดัดผม เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด เพราะช่วยปรับลุคเปลี่ยนสไตล์ให้สวยงามมากยิ่งขึ้นได้ แต่ถ้าหากทำเป็นประจำบวกกับไม่มีการดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างถูกวิธี ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะได้ เกิดเป็นปัญหารากผมอ่อนแอ ผมแห้งกร้าน หนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น และเกิดปัญหาผมขาดหลุดร่วง  จนทำให้ผมบางในที่สุด 

เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้จะสามารถซึมเข้าสู่โครงสร้างเส้นผม และทำลายเซลล์รากผมให้เสื่อมสภาพได้ แต่หากจำเป็นต้องทำสี ดัดผม หรือยืดผมอยู่ตลอดนั้น แนะนำว่าควรเลือกแชมพู ครีมนวด หรือสเปรย์บำรุงผม รวมทั้งทรีตเมนต์สูตรที่อ่อนโยนต่อสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะจะดีที่สุด

3.การรวบผมแน่นเกินไป
การมัดผมแน่น รวบผมตึงเกินไป แม้จะทำให้ลุคของคุณดูสวยโฉบเฉี่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็อาจนำมาซึ่งการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ เนื่องจากถูกดึงรั้งมากเกินไป และอาจส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายในอนาคต แนะนำว่าควรเปลี่ยนทรงผม หรือเลือกใช้วิธีรัดผมด้วยอุปกรณ์อื่น ๆ แทนยางรัดผม อย่างการใช้กิ๊ฟหนีบผมแทน เพื่อคลายผมไม่ให้แน่นจนเกินไป ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมบาง ร่นลึกบริเวณหน้าผากได้

หรือกรณีที่ต้องทำทรงผมรวมตึง เพื่อเสริมบุคลิกจริง ๆ ก็จำเป็นต้องทะนุบำรุงเส้นผมเพิ่มเติม ด้วยโปรแกรมทรีตเมนต์สูตรต่าง ๆ ที่จะช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย ซึ่งที่นามนินเราก็มีโปรแกรมบำรุงผมสูตรพิเศษอย่าง PHB หรือ Premium Hair Booster ให้บริการ ซึ่งจะช่วยให้รากผมของคุณแข็งแรง แม้จะรวบตึงตลอด ผมก็ไม่ขาดหลุดร่วงง่ายนั่นเอง 

4. การหวีผม หรือการสางผมผิดวิธี 
เมื่อไหร่ที่ผมพันกัน เชื่อว่าหลายคนก็พยายามที่จะใช้หวีหวีผม และสางผมแรง ๆ เพื่อให้เส้นผมที่พันกันนั้นคลายตัวออก แต่หากทำรุนแรงมากเกินไปก็อาจทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมขาดหลุดร่วงได้ 

ที่สำคัญเลยการหวีผมขณะที่ผมเปียกอยู่ก็มีส่วนทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยคงผมดกดำสลวยเงางามให้อยู่กับคุณได้อย่างยาวนานเลยล่ะ

5. การสระผมผิดวิธี
แม้ว่าการสระผมจะเป็นวิธีที่ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะให้หมดจด ป้องกันรูขุมขนบนหนังศีรษะอุดตันจนเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาผมร่วง แต่ถ้าสระผมผิดวิธีก็อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีได้ เช่น การใช้แชมพูเทลงบนหนังศีรษะโดยตรง การสระผมด้วยน้ำอุ่น การเกาหนังศีรษะแรง ๆ ขณะสระผม หรือแม้แต่การชโลมครีมนวดผมทั่วหนังศีรษะ 

ซึ่งถ้าคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ แนะนำว่าควรรีบปรับเปลี่ยนโดยเร็ว เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเป็นประจำ โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัวเลยล่ะ


พฤติกรรมทำร้ายผม ดูแลด้วยโปรแกรม PHB    
สำหรับใครที่ต้องการเสริมสร้างความมั่นใจและบุคลิกที่ดี ที่ต้องแต่งหน้าทำผมอยู่ตลอด นามนินเชื่อว่าคุณไม่สามารถเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่น การใช้ความร้อน หรือการใช้สารเคมีในการเปลี่ยนทรงผมเพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับการปรับลุคได้อย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่? ว่าเราก็ยังสามารถดูแลให้สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะแข็งแรงอยู่เสมอได้  

ด้วยโปรแกรม PHB ทรีตเมนต์แบบฉีดบำรุงผมได้ทั่วหนังศีรษะ ไม่เพียงแต่เฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางเท่านั้น ซึ่งทรีตเมนต์ PHB เป็นสูตรพิเศษเฉพาะที่นามนิน อัดแน่นไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มขนาดเส้นผมให้มีเส้นใหญ่หนา เพื่อลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้โดยเฉพาะ และช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงได้ในระยะยาว



ไม่ว่าจะมีสาเหตุผมร่วงจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมมามากน้อยแค่ไหน โปรแกรม PHB ของนามนินก็เอาอยู่ สามารถซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยยับยั้งและชะลอการอักเสบของเซลล์รากผมได้อีกด้วย

โปรแกรม PHB เหมาะกับ:
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง
  • ผู้ที่มีหนังศีรษะอ่อนแอ
  • ผู้ที่มีผมเสียแห้งกร้าน 
  • ผู้ที่ต้องการบำรุงผมอย่างล้ำลึก




โปรแกรมนี้ สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น ปราศจากผลข้างเคียง และทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ เพราะนามนินเราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้ และประสิทธิผลในการรักษาเป็น 2 อันดับแรกเสมอ รับรองเลยว่านามนินจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

5 พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรต้องบำรุงผมเพิ่มเป็นพิเศษ
เส้นผมของคุณหลุดร่วงเยอะ จนมีปัญหาผมบางหรือไม่?   ปัญหาผมร่วง ผมบางนี้ แม้ว่าจะมีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แต่รู้หรือไม่? ว่าบางครั้งปัญหาดังกล่าวก็มีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่คุณไม่อาจรู้ตัวอยู่ก็เป็นได้ 

ลองมาไขคำตอบกันในบทความนี้   เพื่อดูว่าคุณมีพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมเหล่านี้หรือไม่?   และจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือบำรุงผมอย่างไรดี ให้เส้นผมกลับมาแข็งแรง ดกดำ และเงางามได้อีกครั้ง
5 พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรต้องบำรุงผมเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากผมบาง  
1.การใช้ความร้อนกับเส้นผม
อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม ที่หนีบผม มักเป็นขั้นตอนที่อาศัยความร้อน ซึ่งอาจมีส่วนทำให้เส้นผมเสียหายได้ ทั้งชี้ฟู แห้งกรอบ เปราะบาง และขาดหลุดร่วงง่าย หากจำเป็นต้องใช้ความร้อนกับเส้นผม แนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันความร้อนร่วมด้วย ก็จะช่วยปกป้องเส้นผมได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง



2. การทำสี หรือใช้สารเคมีกับเส้นผม
การทำสีผม ยืดผม ดัดผม เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด เพราะช่วยปรับลุคเปลี่ยนสไตล์ให้สวยงามมากยิ่งขึ้นได้ แต่ถ้าหากทำเป็นประจำบวกกับไม่มีการดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างถูกวิธี ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะได้ เกิดเป็นปัญหารากผมอ่อนแอ ผมแห้งกร้าน หนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น และเกิดปัญหาผมขาดหลุดร่วง  จนทำให้ผมบางในที่สุด 

เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้จะสามารถซึมเข้าสู่โครงสร้างเส้นผม และทำลายเซลล์รากผมให้เสื่อมสภาพได้ แต่หากจำเป็นต้องทำสี ดัดผม หรือยืดผมอยู่ตลอดนั้น แนะนำว่าควรเลือกแชมพู ครีมนวด หรือสเปรย์บำรุงผม รวมทั้งทรีตเมนต์สูตรที่อ่อนโยนต่อสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะจะดีที่สุด

3.การรวบผมแน่นเกินไป
การมัดผมแน่น รวบผมตึงเกินไป แม้จะทำให้ลุคของคุณดูสวยโฉบเฉี่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็อาจนำมาซึ่งการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ เนื่องจากถูกดึงรั้งมากเกินไป และอาจส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายในอนาคต แนะนำว่าควรเปลี่ยนทรงผม หรือเลือกใช้วิธีรัดผมด้วยอุปกรณ์อื่น ๆ แทนยางรัดผม อย่างการใช้กิ๊ฟหนีบผมแทน เพื่อคลายผมไม่ให้แน่นจนเกินไป ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมบาง ร่นลึกบริเวณหน้าผากได้

หรือกรณีที่ต้องทำทรงผมรวมตึง เพื่อเสริมบุคลิกจริง ๆ ก็จำเป็นต้องทะนุบำรุงเส้นผมเพิ่มเติม ด้วยโปรแกรมทรีตเมนต์สูตรต่าง ๆ ที่จะช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย ซึ่งที่นามนินเราก็มีโปรแกรมบำรุงผมสูตรพิเศษอย่าง PHB หรือ Premium Hair Booster ให้บริการ ซึ่งจะช่วยให้รากผมของคุณแข็งแรง แม้จะรวบตึงตลอด ผมก็ไม่ขาดหลุดร่วงง่ายนั่นเอง 

4. การหวีผม หรือการสางผมผิดวิธี 
เมื่อไหร่ที่ผมพันกัน เชื่อว่าหลายคนก็พยายามที่จะใช้หวีหวีผม และสางผมแรง ๆ เพื่อให้เส้นผมที่พันกันนั้นคลายตัวออก แต่หากทำรุนแรงมากเกินไปก็อาจทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมขาดหลุดร่วงได้ 

ที่สำคัญเลยการหวีผมขณะที่ผมเปียกอยู่ก็มีส่วนทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยคงผมดกดำสลวยเงางามให้อยู่กับคุณได้อย่างยาวนานเลยล่ะ

5. การสระผมผิดวิธี
แม้ว่าการสระผมจะเป็นวิธีที่ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะให้หมดจด ป้องกันรูขุมขนบนหนังศีรษะอุดตันจนเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาผมร่วง แต่ถ้าสระผมผิดวิธีก็อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีได้ เช่น การใช้แชมพูเทลงบนหนังศีรษะโดยตรง การสระผมด้วยน้ำอุ่น การเกาหนังศีรษะแรง ๆ ขณะสระผม หรือแม้แต่การชโลมครีมนวดผมทั่วหนังศีรษะ 

ซึ่งถ้าคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ แนะนำว่าควรรีบปรับเปลี่ยนโดยเร็ว เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเป็นประจำ โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัวเลยล่ะ


พฤติกรรมทำร้ายผม ดูแลด้วยโปรแกรม PHB    
สำหรับใครที่ต้องการเสริมสร้างความมั่นใจและบุคลิกที่ดี ที่ต้องแต่งหน้าทำผมอยู่ตลอด นามนินเชื่อว่าคุณไม่สามารถเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่น การใช้ความร้อน หรือการใช้สารเคมีในการเปลี่ยนทรงผมเพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับการปรับลุคได้อย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่? ว่าเราก็ยังสามารถดูแลให้สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะแข็งแรงอยู่เสมอได้  

ด้วยโปรแกรม PHB ทรีตเมนต์แบบฉีดบำรุงผมได้ทั่วหนังศีรษะ ไม่เพียงแต่เฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางเท่านั้น ซึ่งทรีตเมนต์ PHB เป็นสูตรพิเศษเฉพาะที่นามนิน อัดแน่นไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มขนาดเส้นผมให้มีเส้นใหญ่หนา เพื่อลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้โดยเฉพาะ และช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงได้ในระยะยาว



ไม่ว่าจะมีสาเหตุผมร่วงจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมมามากน้อยแค่ไหน โปรแกรม PHB ของนามนินก็เอาอยู่ สามารถซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยยับยั้งและชะลอการอักเสบของเซลล์รากผมได้อีกด้วย

โปรแกรม PHB เหมาะกับ:
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง
  • ผู้ที่มีหนังศีรษะอ่อนแอ
  • ผู้ที่มีผมเสียแห้งกร้าน 
  • ผู้ที่ต้องการบำรุงผมอย่างล้ำลึก




โปรแกรมนี้ สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น ปราศจากผลข้างเคียง และทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ เพราะนามนินเราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้ และประสิทธิผลในการรักษาเป็น 2 อันดับแรกเสมอ รับรองเลยว่านามนินจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

5 พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรต้องบำรุงผมเพิ่มเป็นพิเศษ
เส้นผมของคุณหลุดร่วงเยอะ จนมีปัญหาผมบางหรือไม่?   ปัญหาผมร่วง ผมบางนี้ แม้ว่าจะมีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แต่รู้หรือไม่? ว่าบางครั้งปัญหาดังกล่าวก็มีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่คุณไม่อาจรู้ตัวอยู่ก็เป็นได้ 

ลองมาไขคำตอบกันในบทความนี้   เพื่อดูว่าคุณมีพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมเหล่านี้หรือไม่?   และจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือบำรุงผมอย่างไรดี ให้เส้นผมกลับมาแข็งแรง ดกดำ และเงางามได้อีกครั้ง
5 พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรต้องบำรุงผมเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากผมบาง  
1.การใช้ความร้อนกับเส้นผม
อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม ที่หนีบผม มักเป็นขั้นตอนที่อาศัยความร้อน ซึ่งอาจมีส่วนทำให้เส้นผมเสียหายได้ ทั้งชี้ฟู แห้งกรอบ เปราะบาง และขาดหลุดร่วงง่าย หากจำเป็นต้องใช้ความร้อนกับเส้นผม แนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันความร้อนร่วมด้วย ก็จะช่วยปกป้องเส้นผมได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง



2. การทำสี หรือใช้สารเคมีกับเส้นผม
การทำสีผม ยืดผม ดัดผม เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด เพราะช่วยปรับลุคเปลี่ยนสไตล์ให้สวยงามมากยิ่งขึ้นได้ แต่ถ้าหากทำเป็นประจำบวกกับไม่มีการดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างถูกวิธี ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะได้ เกิดเป็นปัญหารากผมอ่อนแอ ผมแห้งกร้าน หนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น และเกิดปัญหาผมขาดหลุดร่วง  จนทำให้ผมบางในที่สุด 

เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้จะสามารถซึมเข้าสู่โครงสร้างเส้นผม และทำลายเซลล์รากผมให้เสื่อมสภาพได้ แต่หากจำเป็นต้องทำสี ดัดผม หรือยืดผมอยู่ตลอดนั้น แนะนำว่าควรเลือกแชมพู ครีมนวด หรือสเปรย์บำรุงผม รวมทั้งทรีตเมนต์สูตรที่อ่อนโยนต่อสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะจะดีที่สุด

3.การรวบผมแน่นเกินไป
การมัดผมแน่น รวบผมตึงเกินไป แม้จะทำให้ลุคของคุณดูสวยโฉบเฉี่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็อาจนำมาซึ่งการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ เนื่องจากถูกดึงรั้งมากเกินไป และอาจส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายในอนาคต แนะนำว่าควรเปลี่ยนทรงผม หรือเลือกใช้วิธีรัดผมด้วยอุปกรณ์อื่น ๆ แทนยางรัดผม อย่างการใช้กิ๊ฟหนีบผมแทน เพื่อคลายผมไม่ให้แน่นจนเกินไป ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมบาง ร่นลึกบริเวณหน้าผากได้

หรือกรณีที่ต้องทำทรงผมรวมตึง เพื่อเสริมบุคลิกจริง ๆ ก็จำเป็นต้องทะนุบำรุงเส้นผมเพิ่มเติม ด้วยโปรแกรมทรีตเมนต์สูตรต่าง ๆ ที่จะช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย ซึ่งที่นามนินเราก็มีโปรแกรมบำรุงผมสูตรพิเศษอย่าง PHB หรือ Premium Hair Booster ให้บริการ ซึ่งจะช่วยให้รากผมของคุณแข็งแรง แม้จะรวบตึงตลอด ผมก็ไม่ขาดหลุดร่วงง่ายนั่นเอง 

4. การหวีผม หรือการสางผมผิดวิธี 
เมื่อไหร่ที่ผมพันกัน เชื่อว่าหลายคนก็พยายามที่จะใช้หวีหวีผม และสางผมแรง ๆ เพื่อให้เส้นผมที่พันกันนั้นคลายตัวออก แต่หากทำรุนแรงมากเกินไปก็อาจทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมขาดหลุดร่วงได้ 

ที่สำคัญเลยการหวีผมขณะที่ผมเปียกอยู่ก็มีส่วนทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยคงผมดกดำสลวยเงางามให้อยู่กับคุณได้อย่างยาวนานเลยล่ะ

5. การสระผมผิดวิธี
แม้ว่าการสระผมจะเป็นวิธีที่ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะให้หมดจด ป้องกันรูขุมขนบนหนังศีรษะอุดตันจนเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาผมร่วง แต่ถ้าสระผมผิดวิธีก็อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีได้ เช่น การใช้แชมพูเทลงบนหนังศีรษะโดยตรง การสระผมด้วยน้ำอุ่น การเกาหนังศีรษะแรง ๆ ขณะสระผม หรือแม้แต่การชโลมครีมนวดผมทั่วหนังศีรษะ 

ซึ่งถ้าคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ แนะนำว่าควรรีบปรับเปลี่ยนโดยเร็ว เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเป็นประจำ โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัวเลยล่ะ


พฤติกรรมทำร้ายผม ดูแลด้วยโปรแกรม PHB    
สำหรับใครที่ต้องการเสริมสร้างความมั่นใจและบุคลิกที่ดี ที่ต้องแต่งหน้าทำผมอยู่ตลอด นามนินเชื่อว่าคุณไม่สามารถเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่น การใช้ความร้อน หรือการใช้สารเคมีในการเปลี่ยนทรงผมเพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับการปรับลุคได้อย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่? ว่าเราก็ยังสามารถดูแลให้สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะแข็งแรงอยู่เสมอได้  

ด้วยโปรแกรม PHB ทรีตเมนต์แบบฉีดบำรุงผมได้ทั่วหนังศีรษะ ไม่เพียงแต่เฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางเท่านั้น ซึ่งทรีตเมนต์ PHB เป็นสูตรพิเศษเฉพาะที่นามนิน อัดแน่นไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มขนาดเส้นผมให้มีเส้นใหญ่หนา เพื่อลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้โดยเฉพาะ และช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงได้ในระยะยาว



ไม่ว่าจะมีสาเหตุผมร่วงจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมมามากน้อยแค่ไหน โปรแกรม PHB ของนามนินก็เอาอยู่ สามารถซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยยับยั้งและชะลอการอักเสบของเซลล์รากผมได้อีกด้วย

โปรแกรม PHB เหมาะกับ:
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง
  • ผู้ที่มีหนังศีรษะอ่อนแอ
  • ผู้ที่มีผมเสียแห้งกร้าน 
  • ผู้ที่ต้องการบำรุงผมอย่างล้ำลึก




โปรแกรมนี้ สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น ปราศจากผลข้างเคียง และทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ เพราะนามนินเราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้ และประสิทธิผลในการรักษาเป็น 2 อันดับแรกเสมอ รับรองเลยว่านามนินจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

5 พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรต้องบำรุงผมเพิ่มเป็นพิเศษ
เส้นผมของคุณหลุดร่วงเยอะ จนมีปัญหาผมบางหรือไม่?   ปัญหาผมร่วง ผมบางนี้ แม้ว่าจะมีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน แต่รู้หรือไม่? ว่าบางครั้งปัญหาดังกล่าวก็มีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่คุณไม่อาจรู้ตัวอยู่ก็เป็นได้ 

ลองมาไขคำตอบกันในบทความนี้   เพื่อดูว่าคุณมีพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมเหล่านี้หรือไม่?   และจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือบำรุงผมอย่างไรดี ให้เส้นผมกลับมาแข็งแรง ดกดำ และเงางามได้อีกครั้ง
5 พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรต้องบำรุงผมเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากผมบาง  
1.การใช้ความร้อนกับเส้นผม
อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม ที่หนีบผม มักเป็นขั้นตอนที่อาศัยความร้อน ซึ่งอาจมีส่วนทำให้เส้นผมเสียหายได้ ทั้งชี้ฟู แห้งกรอบ เปราะบาง และขาดหลุดร่วงง่าย หากจำเป็นต้องใช้ความร้อนกับเส้นผม แนะนำให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันความร้อนร่วมด้วย ก็จะช่วยปกป้องเส้นผมได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง



2. การทำสี หรือใช้สารเคมีกับเส้นผม
การทำสีผม ยืดผม ดัดผม เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด เพราะช่วยปรับลุคเปลี่ยนสไตล์ให้สวยงามมากยิ่งขึ้นได้ แต่ถ้าหากทำเป็นประจำบวกกับไม่มีการดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างถูกวิธี ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะได้ เกิดเป็นปัญหารากผมอ่อนแอ ผมแห้งกร้าน หนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น และเกิดปัญหาผมขาดหลุดร่วง  จนทำให้ผมบางในที่สุด 

เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้จะสามารถซึมเข้าสู่โครงสร้างเส้นผม และทำลายเซลล์รากผมให้เสื่อมสภาพได้ แต่หากจำเป็นต้องทำสี ดัดผม หรือยืดผมอยู่ตลอดนั้น แนะนำว่าควรเลือกแชมพู ครีมนวด หรือสเปรย์บำรุงผม รวมทั้งทรีตเมนต์สูตรที่อ่อนโยนต่อสุขภาพเส้นผม และหนังศีรษะจะดีที่สุด

3.การรวบผมแน่นเกินไป
การมัดผมแน่น รวบผมตึงเกินไป แม้จะทำให้ลุคของคุณดูสวยโฉบเฉี่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็อาจนำมาซึ่งการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ เนื่องจากถูกดึงรั้งมากเกินไป และอาจส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายในอนาคต แนะนำว่าควรเปลี่ยนทรงผม หรือเลือกใช้วิธีรัดผมด้วยอุปกรณ์อื่น ๆ แทนยางรัดผม อย่างการใช้กิ๊ฟหนีบผมแทน เพื่อคลายผมไม่ให้แน่นจนเกินไป ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมบาง ร่นลึกบริเวณหน้าผากได้

หรือกรณีที่ต้องทำทรงผมรวมตึง เพื่อเสริมบุคลิกจริง ๆ ก็จำเป็นต้องทะนุบำรุงเส้นผมเพิ่มเติม ด้วยโปรแกรมทรีตเมนต์สูตรต่าง ๆ ที่จะช่วยลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย ซึ่งที่นามนินเราก็มีโปรแกรมบำรุงผมสูตรพิเศษอย่าง PHB หรือ Premium Hair Booster ให้บริการ ซึ่งจะช่วยให้รากผมของคุณแข็งแรง แม้จะรวบตึงตลอด ผมก็ไม่ขาดหลุดร่วงง่ายนั่นเอง 

4. การหวีผม หรือการสางผมผิดวิธี 
เมื่อไหร่ที่ผมพันกัน เชื่อว่าหลายคนก็พยายามที่จะใช้หวีหวีผม และสางผมแรง ๆ เพื่อให้เส้นผมที่พันกันนั้นคลายตัวออก แต่หากทำรุนแรงมากเกินไปก็อาจทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมขาดหลุดร่วงได้ 

ที่สำคัญเลยการหวีผมขณะที่ผมเปียกอยู่ก็มีส่วนทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยคงผมดกดำสลวยเงางามให้อยู่กับคุณได้อย่างยาวนานเลยล่ะ

5. การสระผมผิดวิธี
แม้ว่าการสระผมจะเป็นวิธีที่ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะให้หมดจด ป้องกันรูขุมขนบนหนังศีรษะอุดตันจนเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาผมร่วง แต่ถ้าสระผมผิดวิธีก็อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีได้ เช่น การใช้แชมพูเทลงบนหนังศีรษะโดยตรง การสระผมด้วยน้ำอุ่น การเกาหนังศีรษะแรง ๆ ขณะสระผม หรือแม้แต่การชโลมครีมนวดผมทั่วหนังศีรษะ 

ซึ่งถ้าคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ แนะนำว่าควรรีบปรับเปลี่ยนโดยเร็ว เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเป็นประจำ โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัวเลยล่ะ


พฤติกรรมทำร้ายผม ดูแลด้วยโปรแกรม PHB    
สำหรับใครที่ต้องการเสริมสร้างความมั่นใจและบุคลิกที่ดี ที่ต้องแต่งหน้าทำผมอยู่ตลอด นามนินเชื่อว่าคุณไม่สามารถเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่น การใช้ความร้อน หรือการใช้สารเคมีในการเปลี่ยนทรงผมเพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับการปรับลุคได้อย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่? ว่าเราก็ยังสามารถดูแลให้สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะแข็งแรงอยู่เสมอได้  

ด้วยโปรแกรม PHB ทรีตเมนต์แบบฉีดบำรุงผมได้ทั่วหนังศีรษะ ไม่เพียงแต่เฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางเท่านั้น ซึ่งทรีตเมนต์ PHB เป็นสูตรพิเศษเฉพาะที่นามนิน อัดแน่นไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มขนาดเส้นผมให้มีเส้นใหญ่หนา เพื่อลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผมได้โดยเฉพาะ และช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพหนังศีรษะให้แข็งแรงได้ในระยะยาว



ไม่ว่าจะมีสาเหตุผมร่วงจากพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมมามากน้อยแค่ไหน โปรแกรม PHB ของนามนินก็เอาอยู่ สามารถซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสื่อมสภาพ ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยยับยั้งและชะลอการอักเสบของเซลล์รากผมได้อีกด้วย

โปรแกรม PHB เหมาะกับ:
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง
  • ผู้ที่มีหนังศีรษะอ่อนแอ
  • ผู้ที่มีผมเสียแห้งกร้าน 
  • ผู้ที่ต้องการบำรุงผมอย่างล้ำลึก




โปรแกรมนี้ สามารถช่วยแก้ปัญหาผมบางได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น ปราศจากผลข้างเคียง และทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ เพราะนามนินเราคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้ และประสิทธิผลในการรักษาเป็น 2 อันดับแรกเสมอ รับรองเลยว่านามนินจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

เทคนิคสร้างความแข็งแรงให้ “เส้นผม” และ “หนังศีรษะ”
เส้นผมและหนังศีรษะ คือส่วนสำคัญของร่างกายที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับหลาย ๆ คน เส้นผมที่หนาแน่น แลดูสุขภาพดี ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ พร้อมทั้งบ่งบอกตัวตนในสไตล์ของแต่ละคน ความเรียบร้อยและดูดีของเส้นผมบนศีรษะ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองของเจ้าของเส้นผมได้เป็นอย่างดี



นั่นจึงทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวลใจไม่น้อย เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นอาการคัน มีรังแค ผมแห้งแตกปลาย ผมมันจับตัวเป็นก้อน รวมไปถึงอาการผมร่วง ที่ทำให้ดูผมบาง หรือเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมล้าน ซึ่งล้วนทำให้เจ้าของเส้นผมเกิดไม่ความไม่มั่นใจในตัวเอง เนื่องจากเสียบุคลิกหรือดูไม่ดีเวลาออกไปพบปะผู้คน ต้องคอยพะวงกับการปกปิดร่องรอยปัญหาผมอยู่ตลอดเวลา


การทำความเข้าใจและสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของตนเอง ที่อาจส่งผลถึงสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมองหาสาเหตุและแนวทางแก้ปัญหาผมอย่างตรงจุด ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับหนังศีรษะของเรากันก่อน โดยทั่วไป สภาพปัญหาหนังศีรษะจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะแห้ง สังเกตได้ว่าเมื่อสัมผัสเส้นผม มักจะรู้สึกแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น ส่วนหนังศีรษะก็รู้สึกแห้งตึง อาจมีขุยเล็ก ๆ สีขาว ๆ หลุดออกมา รวมถึงมีอาการคันด้วย

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะมัน วิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือ หลังจากสระผมเพียงไม่ถึงวัน เส้นผมโดยเฉพาะบริเวณโคนผมก็เริ่มมีมีน้ำมันมาเคลือบแล้ว ทำให้ผมดูลีบแบน ไม่สะอาด อีกทั้งบางคนยังเริ่มมีกลิ่นอับหรือกลิ่นชื้นตามมา

ดังนั้น สัญญาณต่อไปนี้ อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราควรเริ่มลุกขึ้นมาดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้ดีกว่าเดิม ลองเช็คดูซิว่า เรามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน

  • ผมแห้ง
  • ผมแตกปลาย
  • ผมชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก
  • ผมมัน
  • คันหนังศีรษะ
  • รังแค
  • ผมร่วง
  • รอยแสกผมกว้าง
  • ผมด้านหน้าเว้าลึก
  • ผมบางกลางศีรษะ

เมื่อรู้จักสภาพปัญหาผมของตนเองในเบื้องต้นแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการลองทำความเข้าใจสาเหตุความผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะที่อาจเป็นไปได้ เหล่านี้เป็นตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้คนส่วนใหญ่สูญเสียความสมดุลของหนังศีรษะ และสะท้อนออกมาในรูปแบบของปัญหาผมต่าง ๆ กัน โดยเฉพาะอาการผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน ซึ่งต้องการการบำรุง ดูแล และทางออกในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนกว่าปัญหาผมแบบอื่น ๆ

  • กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดกันมาในครอบครัว
  • ความเครียด
  • การขาดสารอาหารที่เหมาะสม
  • ผลข้างเคียงจากโรค
  • ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด
  • ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ภาวะหลังคลอด

พฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว เช่น
  • การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมด้วยน้ำอุ่นจัดเกินไป
  • การหวีผมขณะผมเปียก หรือหวีผมแรงเกินไป
  • การปล่อยให้เส้นผมเปียกหรือชื้นเป็นเวลานาน
  • การยืด ดัด ย้อม ทำสีผม หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การใส่หมวกหรือมัดผมที่รัดแน่นเป็นเวลานานเกินไป
  • การดึงผมขณะอยู่ในภาวะเครียด

ซึ่งนอกจากการลองสังเกตสภาพปัญหาและอาการผิดปกติของเส้นผมด้วยตนเองแล้ว การเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการประเมินสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผม และยังนำไปสู่การออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ตอบโจทย์ ตรงจุดได้ต่อไปอีกด้วย



ที่นามนิน คุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผม ไม่เพียงสั่งสมทักษะและประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน แต่ยังมีแนวทางการรักษาที่เต็มไปด้วยความใส่ใจตั้งแต่วันแรก ผ่านเทคนิควิธีและขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้

  • การประเมินสภาพปัญหา และวิเคราะห์แนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง ด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ซ้ำกันเลย จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ แต่ต้องวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด แบบเคสต่อเคส


  • การตั้งใจรับฟังเสียงของคนไข้ตั้งแต่วันแรกของการพูดคุยปรึกษา เพื่อทำความเข้าใจถึงความกังวลใจของคนไข้ รวมถึงรับทราบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันของทั้งคนไข้และแพทย์ 

  • การสื่อสารกับคนไข้อย่างใกล้ชิด เป็นกันเอง เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และพยายามอธิบายให้คนไข้เห็นภาพขั้นตอนการรักษา รวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เสมอ

  • คุณหมอนินไม่ยึดติดกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีการปลูกผมถาวรเท่านั้น แต่ยึดเอาสภาพปัญหาผมและลักษณะอาการของคนไข้เป็นหลัก ว่าควรรักษาด้วยวิธีแบบใดตามลำดับ ซึ่งหลายเคสไม่จำเป็นต้องพึ่งการปลูกผม เพียงแต่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือเข้ารับบริการ Treatment ฟื้นบำรุงที่เหมาะสม ก็สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้

  • การพัฒนาเทคนิคการรักษาที่เอื้อให้คนไข้สะดวกสบายมากที่สุด การลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง รวมถึงการนำประสบการณ์การรักษาที่ผ่านมา มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ Treatment เพื่อช่วยดูแลปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

  • การติดตามผลการรักษาทุกระยะอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาตามจริงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังให้คำปรึกษาและตอบข้อสงสัยของคนไข้ด้วยตนเองเสมอ

สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุง และบริการ Treatment ที่คุณหมอนินเลือกสรรมาเพื่อคนไข้ของนามนินโดยเฉพาะ ถือเป็นส่วนสำคัญในเส้นทางการรักษาตามลำดับความเหมาะสม โดยเริ่มตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างเช่นแชมพูทำความสะอาดผม ไปจนถึง Treatment ฟื้นบำรุงสำหรับฉีดเข้าที่หนังศีรษะได้อย่างปลอดภัย



Mojelim Elixir Shampoo
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะสุดอ่อนโยน จากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี การันตีส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าได้มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดการะคายเคืองทางผิวหนัง มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยรักษาความสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ฟื้นบำรุงให้เส้นผมนุ่ม แข็งแรงจากภายใน ทั้งยังสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีสภาพผมแห้งและผมมัน 



Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
เซรั่มสำหรับทาเพื่อบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ทั้งยังช่วยลดการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควร โดดเด่นด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เป็นต้น



VITA H
วิตามินรวมสำหรับรับประทาน เน้นคุณประโยชน์ในการบำรุงลึกถึงระดับรากผมอย่างล้ำลึก พร้อมทั้งอุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ลดความมัน เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเจริญเติบโต ให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน



Natural Fixing Spray
สเปรย์จัดแต่งทรงผมที่อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยน้ำดอกกุหลาบบัลกาเรีย น้ำมันจากผลอโวคาโด และส่วนผสมจากธรรมชาติอื่น ๆ 100% นอกจากจะช่วยจัดแต่งทรงผมให้อยู่ทรงอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเสริมบำรุงให้ผมเงางาม  นุ่มสลวย มีน้ำหนัก ดูสุขภาพดี ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ และไม่ทิ้งคราบ จึงทำความสะอาดง่าย ปลอดภัยต่อทุกสภาพเส้นผม



Premium Hair Booster Treatment
ทรีตเมนท์สำหรับฉีดบำรุงที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เหมาะสำหรับผู้ที่รูขุมขนบนหนังศีรษะยังไม่ปิด หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น โดย Premium Hair Booster Treatment จะช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ลดการหลุดร่วง เสริมให้เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบ แบน มีขนาดที่หนาขึ้น ใหญ่ขึ้น จึงช่วยให้ผมดูหนาขึ้น ดกดำขึ้นได้ในที่สุด


การปลูกผมเทคนิค NEAT
เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อยอดขึ้นโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อเติมเต็มให้ผมดูหนาแน่นขึ้น ซึ่งคุณหมอจะมีเทคนิคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง เทคนิคการปลูกผมแทรก เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการออกแบบกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ในกรณีปลูกผมด้านหน้า เพื่อปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุล ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นวิธีการรักษาที่กินเวลายาวนานถึง 1 ปีเต็ม เส้นผมใหม่จึงจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทางการรักษา

ทั้งหมดนี้ คือแนวทางการฟื้นบำรุงผมหนาแน่นและแข็งแรงจากคุณหมอนิน ที่ออกแบบมาสำหรับคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อช่วยคืนความสุขและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมอีกครั้ง โดยเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนินที่นามนินนั่นเอง

เทคนิคสร้างความแข็งแรงให้ “เส้นผม” และ “หนังศีรษะ”
เส้นผมและหนังศีรษะ คือส่วนสำคัญของร่างกายที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับหลาย ๆ คน เส้นผมที่หนาแน่น แลดูสุขภาพดี ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ พร้อมทั้งบ่งบอกตัวตนในสไตล์ของแต่ละคน ความเรียบร้อยและดูดีของเส้นผมบนศีรษะ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองของเจ้าของเส้นผมได้เป็นอย่างดี



นั่นจึงทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวลใจไม่น้อย เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นอาการคัน มีรังแค ผมแห้งแตกปลาย ผมมันจับตัวเป็นก้อน รวมไปถึงอาการผมร่วง ที่ทำให้ดูผมบาง หรือเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมล้าน ซึ่งล้วนทำให้เจ้าของเส้นผมเกิดไม่ความไม่มั่นใจในตัวเอง เนื่องจากเสียบุคลิกหรือดูไม่ดีเวลาออกไปพบปะผู้คน ต้องคอยพะวงกับการปกปิดร่องรอยปัญหาผมอยู่ตลอดเวลา


การทำความเข้าใจและสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของตนเอง ที่อาจส่งผลถึงสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมองหาสาเหตุและแนวทางแก้ปัญหาผมอย่างตรงจุด ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับหนังศีรษะของเรากันก่อน โดยทั่วไป สภาพปัญหาหนังศีรษะจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะแห้ง สังเกตได้ว่าเมื่อสัมผัสเส้นผม มักจะรู้สึกแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น ส่วนหนังศีรษะก็รู้สึกแห้งตึง อาจมีขุยเล็ก ๆ สีขาว ๆ หลุดออกมา รวมถึงมีอาการคันด้วย

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะมัน วิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือ หลังจากสระผมเพียงไม่ถึงวัน เส้นผมโดยเฉพาะบริเวณโคนผมก็เริ่มมีมีน้ำมันมาเคลือบแล้ว ทำให้ผมดูลีบแบน ไม่สะอาด อีกทั้งบางคนยังเริ่มมีกลิ่นอับหรือกลิ่นชื้นตามมา

ดังนั้น สัญญาณต่อไปนี้ อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราควรเริ่มลุกขึ้นมาดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้ดีกว่าเดิม ลองเช็คดูซิว่า เรามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน

  • ผมแห้ง
  • ผมแตกปลาย
  • ผมชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก
  • ผมมัน
  • คันหนังศีรษะ
  • รังแค
  • ผมร่วง
  • รอยแสกผมกว้าง
  • ผมด้านหน้าเว้าลึก
  • ผมบางกลางศีรษะ

เมื่อรู้จักสภาพปัญหาผมของตนเองในเบื้องต้นแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการลองทำความเข้าใจสาเหตุความผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะที่อาจเป็นไปได้ เหล่านี้เป็นตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้คนส่วนใหญ่สูญเสียความสมดุลของหนังศีรษะ และสะท้อนออกมาในรูปแบบของปัญหาผมต่าง ๆ กัน โดยเฉพาะอาการผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน ซึ่งต้องการการบำรุง ดูแล และทางออกในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนกว่าปัญหาผมแบบอื่น ๆ

  • กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดกันมาในครอบครัว
  • ความเครียด
  • การขาดสารอาหารที่เหมาะสม
  • ผลข้างเคียงจากโรค
  • ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด
  • ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ภาวะหลังคลอด

พฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว เช่น
  • การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมด้วยน้ำอุ่นจัดเกินไป
  • การหวีผมขณะผมเปียก หรือหวีผมแรงเกินไป
  • การปล่อยให้เส้นผมเปียกหรือชื้นเป็นเวลานาน
  • การยืด ดัด ย้อม ทำสีผม หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การใส่หมวกหรือมัดผมที่รัดแน่นเป็นเวลานานเกินไป
  • การดึงผมขณะอยู่ในภาวะเครียด

ซึ่งนอกจากการลองสังเกตสภาพปัญหาและอาการผิดปกติของเส้นผมด้วยตนเองแล้ว การเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการประเมินสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผม และยังนำไปสู่การออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ตอบโจทย์ ตรงจุดได้ต่อไปอีกด้วย



ที่นามนิน คุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผม ไม่เพียงสั่งสมทักษะและประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน แต่ยังมีแนวทางการรักษาที่เต็มไปด้วยความใส่ใจตั้งแต่วันแรก ผ่านเทคนิควิธีและขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้

  • การประเมินสภาพปัญหา และวิเคราะห์แนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง ด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ซ้ำกันเลย จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ แต่ต้องวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด แบบเคสต่อเคส


  • การตั้งใจรับฟังเสียงของคนไข้ตั้งแต่วันแรกของการพูดคุยปรึกษา เพื่อทำความเข้าใจถึงความกังวลใจของคนไข้ รวมถึงรับทราบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันของทั้งคนไข้และแพทย์ 

  • การสื่อสารกับคนไข้อย่างใกล้ชิด เป็นกันเอง เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และพยายามอธิบายให้คนไข้เห็นภาพขั้นตอนการรักษา รวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เสมอ

  • คุณหมอนินไม่ยึดติดกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีการปลูกผมถาวรเท่านั้น แต่ยึดเอาสภาพปัญหาผมและลักษณะอาการของคนไข้เป็นหลัก ว่าควรรักษาด้วยวิธีแบบใดตามลำดับ ซึ่งหลายเคสไม่จำเป็นต้องพึ่งการปลูกผม เพียงแต่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือเข้ารับบริการ Treatment ฟื้นบำรุงที่เหมาะสม ก็สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้

  • การพัฒนาเทคนิคการรักษาที่เอื้อให้คนไข้สะดวกสบายมากที่สุด การลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง รวมถึงการนำประสบการณ์การรักษาที่ผ่านมา มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ Treatment เพื่อช่วยดูแลปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

  • การติดตามผลการรักษาทุกระยะอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาตามจริงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังให้คำปรึกษาและตอบข้อสงสัยของคนไข้ด้วยตนเองเสมอ

สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุง และบริการ Treatment ที่คุณหมอนินเลือกสรรมาเพื่อคนไข้ของนามนินโดยเฉพาะ ถือเป็นส่วนสำคัญในเส้นทางการรักษาตามลำดับความเหมาะสม โดยเริ่มตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างเช่นแชมพูทำความสะอาดผม ไปจนถึง Treatment ฟื้นบำรุงสำหรับฉีดเข้าที่หนังศีรษะได้อย่างปลอดภัย



Mojelim Elixir Shampoo
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะสุดอ่อนโยน จากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี การันตีส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าได้มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดการะคายเคืองทางผิวหนัง มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยรักษาความสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ฟื้นบำรุงให้เส้นผมนุ่ม แข็งแรงจากภายใน ทั้งยังสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีสภาพผมแห้งและผมมัน 



Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
เซรั่มสำหรับทาเพื่อบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ทั้งยังช่วยลดการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควร โดดเด่นด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เป็นต้น



VITA H
วิตามินรวมสำหรับรับประทาน เน้นคุณประโยชน์ในการบำรุงลึกถึงระดับรากผมอย่างล้ำลึก พร้อมทั้งอุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ลดความมัน เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเจริญเติบโต ให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน



Natural Fixing Spray
สเปรย์จัดแต่งทรงผมที่อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยน้ำดอกกุหลาบบัลกาเรีย น้ำมันจากผลอโวคาโด และส่วนผสมจากธรรมชาติอื่น ๆ 100% นอกจากจะช่วยจัดแต่งทรงผมให้อยู่ทรงอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเสริมบำรุงให้ผมเงางาม  นุ่มสลวย มีน้ำหนัก ดูสุขภาพดี ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ และไม่ทิ้งคราบ จึงทำความสะอาดง่าย ปลอดภัยต่อทุกสภาพเส้นผม



Premium Hair Booster Treatment
ทรีตเมนท์สำหรับฉีดบำรุงที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เหมาะสำหรับผู้ที่รูขุมขนบนหนังศีรษะยังไม่ปิด หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น โดย Premium Hair Booster Treatment จะช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ลดการหลุดร่วง เสริมให้เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบ แบน มีขนาดที่หนาขึ้น ใหญ่ขึ้น จึงช่วยให้ผมดูหนาขึ้น ดกดำขึ้นได้ในที่สุด


การปลูกผมเทคนิค NEAT
เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อยอดขึ้นโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อเติมเต็มให้ผมดูหนาแน่นขึ้น ซึ่งคุณหมอจะมีเทคนิคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง เทคนิคการปลูกผมแทรก เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการออกแบบกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ในกรณีปลูกผมด้านหน้า เพื่อปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุล ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นวิธีการรักษาที่กินเวลายาวนานถึง 1 ปีเต็ม เส้นผมใหม่จึงจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทางการรักษา

ทั้งหมดนี้ คือแนวทางการฟื้นบำรุงผมหนาแน่นและแข็งแรงจากคุณหมอนิน ที่ออกแบบมาสำหรับคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อช่วยคืนความสุขและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมอีกครั้ง โดยเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนินที่นามนินนั่นเอง

เทคนิคสร้างความแข็งแรงให้ “เส้นผม” และ “หนังศีรษะ”
เส้นผมและหนังศีรษะ คือส่วนสำคัญของร่างกายที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับหลาย ๆ คน เส้นผมที่หนาแน่น แลดูสุขภาพดี ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ พร้อมทั้งบ่งบอกตัวตนในสไตล์ของแต่ละคน ความเรียบร้อยและดูดีของเส้นผมบนศีรษะ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองของเจ้าของเส้นผมได้เป็นอย่างดี



นั่นจึงทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวลใจไม่น้อย เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นอาการคัน มีรังแค ผมแห้งแตกปลาย ผมมันจับตัวเป็นก้อน รวมไปถึงอาการผมร่วง ที่ทำให้ดูผมบาง หรือเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมล้าน ซึ่งล้วนทำให้เจ้าของเส้นผมเกิดไม่ความไม่มั่นใจในตัวเอง เนื่องจากเสียบุคลิกหรือดูไม่ดีเวลาออกไปพบปะผู้คน ต้องคอยพะวงกับการปกปิดร่องรอยปัญหาผมอยู่ตลอดเวลา


การทำความเข้าใจและสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของตนเอง ที่อาจส่งผลถึงสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมองหาสาเหตุและแนวทางแก้ปัญหาผมอย่างตรงจุด ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับหนังศีรษะของเรากันก่อน โดยทั่วไป สภาพปัญหาหนังศีรษะจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะแห้ง สังเกตได้ว่าเมื่อสัมผัสเส้นผม มักจะรู้สึกแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น ส่วนหนังศีรษะก็รู้สึกแห้งตึง อาจมีขุยเล็ก ๆ สีขาว ๆ หลุดออกมา รวมถึงมีอาการคันด้วย

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะมัน วิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือ หลังจากสระผมเพียงไม่ถึงวัน เส้นผมโดยเฉพาะบริเวณโคนผมก็เริ่มมีมีน้ำมันมาเคลือบแล้ว ทำให้ผมดูลีบแบน ไม่สะอาด อีกทั้งบางคนยังเริ่มมีกลิ่นอับหรือกลิ่นชื้นตามมา

ดังนั้น สัญญาณต่อไปนี้ อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราควรเริ่มลุกขึ้นมาดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้ดีกว่าเดิม ลองเช็คดูซิว่า เรามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน

  • ผมแห้ง
  • ผมแตกปลาย
  • ผมชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก
  • ผมมัน
  • คันหนังศีรษะ
  • รังแค
  • ผมร่วง
  • รอยแสกผมกว้าง
  • ผมด้านหน้าเว้าลึก
  • ผมบางกลางศีรษะ

เมื่อรู้จักสภาพปัญหาผมของตนเองในเบื้องต้นแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการลองทำความเข้าใจสาเหตุความผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะที่อาจเป็นไปได้ เหล่านี้เป็นตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้คนส่วนใหญ่สูญเสียความสมดุลของหนังศีรษะ และสะท้อนออกมาในรูปแบบของปัญหาผมต่าง ๆ กัน โดยเฉพาะอาการผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน ซึ่งต้องการการบำรุง ดูแล และทางออกในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนกว่าปัญหาผมแบบอื่น ๆ

  • กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดกันมาในครอบครัว
  • ความเครียด
  • การขาดสารอาหารที่เหมาะสม
  • ผลข้างเคียงจากโรค
  • ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด
  • ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ภาวะหลังคลอด

พฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว เช่น
  • การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมด้วยน้ำอุ่นจัดเกินไป
  • การหวีผมขณะผมเปียก หรือหวีผมแรงเกินไป
  • การปล่อยให้เส้นผมเปียกหรือชื้นเป็นเวลานาน
  • การยืด ดัด ย้อม ทำสีผม หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การใส่หมวกหรือมัดผมที่รัดแน่นเป็นเวลานานเกินไป
  • การดึงผมขณะอยู่ในภาวะเครียด

ซึ่งนอกจากการลองสังเกตสภาพปัญหาและอาการผิดปกติของเส้นผมด้วยตนเองแล้ว การเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการประเมินสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผม และยังนำไปสู่การออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ตอบโจทย์ ตรงจุดได้ต่อไปอีกด้วย



ที่นามนิน คุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผม ไม่เพียงสั่งสมทักษะและประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน แต่ยังมีแนวทางการรักษาที่เต็มไปด้วยความใส่ใจตั้งแต่วันแรก ผ่านเทคนิควิธีและขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้

  • การประเมินสภาพปัญหา และวิเคราะห์แนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง ด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ซ้ำกันเลย จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ แต่ต้องวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด แบบเคสต่อเคส


  • การตั้งใจรับฟังเสียงของคนไข้ตั้งแต่วันแรกของการพูดคุยปรึกษา เพื่อทำความเข้าใจถึงความกังวลใจของคนไข้ รวมถึงรับทราบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันของทั้งคนไข้และแพทย์ 

  • การสื่อสารกับคนไข้อย่างใกล้ชิด เป็นกันเอง เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และพยายามอธิบายให้คนไข้เห็นภาพขั้นตอนการรักษา รวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เสมอ

  • คุณหมอนินไม่ยึดติดกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีการปลูกผมถาวรเท่านั้น แต่ยึดเอาสภาพปัญหาผมและลักษณะอาการของคนไข้เป็นหลัก ว่าควรรักษาด้วยวิธีแบบใดตามลำดับ ซึ่งหลายเคสไม่จำเป็นต้องพึ่งการปลูกผม เพียงแต่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือเข้ารับบริการ Treatment ฟื้นบำรุงที่เหมาะสม ก็สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้

  • การพัฒนาเทคนิคการรักษาที่เอื้อให้คนไข้สะดวกสบายมากที่สุด การลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง รวมถึงการนำประสบการณ์การรักษาที่ผ่านมา มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ Treatment เพื่อช่วยดูแลปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

  • การติดตามผลการรักษาทุกระยะอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาตามจริงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังให้คำปรึกษาและตอบข้อสงสัยของคนไข้ด้วยตนเองเสมอ

สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุง และบริการ Treatment ที่คุณหมอนินเลือกสรรมาเพื่อคนไข้ของนามนินโดยเฉพาะ ถือเป็นส่วนสำคัญในเส้นทางการรักษาตามลำดับความเหมาะสม โดยเริ่มตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างเช่นแชมพูทำความสะอาดผม ไปจนถึง Treatment ฟื้นบำรุงสำหรับฉีดเข้าที่หนังศีรษะได้อย่างปลอดภัย



Mojelim Elixir Shampoo
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะสุดอ่อนโยน จากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี การันตีส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าได้มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดการะคายเคืองทางผิวหนัง มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยรักษาความสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ฟื้นบำรุงให้เส้นผมนุ่ม แข็งแรงจากภายใน ทั้งยังสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีสภาพผมแห้งและผมมัน 



Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
เซรั่มสำหรับทาเพื่อบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ทั้งยังช่วยลดการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควร โดดเด่นด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เป็นต้น



VITA H
วิตามินรวมสำหรับรับประทาน เน้นคุณประโยชน์ในการบำรุงลึกถึงระดับรากผมอย่างล้ำลึก พร้อมทั้งอุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ลดความมัน เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเจริญเติบโต ให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน



Natural Fixing Spray
สเปรย์จัดแต่งทรงผมที่อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยน้ำดอกกุหลาบบัลกาเรีย น้ำมันจากผลอโวคาโด และส่วนผสมจากธรรมชาติอื่น ๆ 100% นอกจากจะช่วยจัดแต่งทรงผมให้อยู่ทรงอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเสริมบำรุงให้ผมเงางาม  นุ่มสลวย มีน้ำหนัก ดูสุขภาพดี ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ และไม่ทิ้งคราบ จึงทำความสะอาดง่าย ปลอดภัยต่อทุกสภาพเส้นผม



Premium Hair Booster Treatment
ทรีตเมนท์สำหรับฉีดบำรุงที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เหมาะสำหรับผู้ที่รูขุมขนบนหนังศีรษะยังไม่ปิด หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น โดย Premium Hair Booster Treatment จะช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ลดการหลุดร่วง เสริมให้เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบ แบน มีขนาดที่หนาขึ้น ใหญ่ขึ้น จึงช่วยให้ผมดูหนาขึ้น ดกดำขึ้นได้ในที่สุด


การปลูกผมเทคนิค NEAT
เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อยอดขึ้นโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อเติมเต็มให้ผมดูหนาแน่นขึ้น ซึ่งคุณหมอจะมีเทคนิคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง เทคนิคการปลูกผมแทรก เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการออกแบบกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ในกรณีปลูกผมด้านหน้า เพื่อปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุล ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นวิธีการรักษาที่กินเวลายาวนานถึง 1 ปีเต็ม เส้นผมใหม่จึงจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทางการรักษา

ทั้งหมดนี้ คือแนวทางการฟื้นบำรุงผมหนาแน่นและแข็งแรงจากคุณหมอนิน ที่ออกแบบมาสำหรับคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อช่วยคืนความสุขและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมอีกครั้ง โดยเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนินที่นามนินนั่นเอง

เทคนิคสร้างความแข็งแรงให้ “เส้นผม” และ “หนังศีรษะ”
เส้นผมและหนังศีรษะ คือส่วนสำคัญของร่างกายที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับหลาย ๆ คน เส้นผมที่หนาแน่น แลดูสุขภาพดี ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ พร้อมทั้งบ่งบอกตัวตนในสไตล์ของแต่ละคน ความเรียบร้อยและดูดีของเส้นผมบนศีรษะ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองของเจ้าของเส้นผมได้เป็นอย่างดี



นั่นจึงทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวลใจไม่น้อย เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นอาการคัน มีรังแค ผมแห้งแตกปลาย ผมมันจับตัวเป็นก้อน รวมไปถึงอาการผมร่วง ที่ทำให้ดูผมบาง หรือเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมล้าน ซึ่งล้วนทำให้เจ้าของเส้นผมเกิดไม่ความไม่มั่นใจในตัวเอง เนื่องจากเสียบุคลิกหรือดูไม่ดีเวลาออกไปพบปะผู้คน ต้องคอยพะวงกับการปกปิดร่องรอยปัญหาผมอยู่ตลอดเวลา


การทำความเข้าใจและสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของตนเอง ที่อาจส่งผลถึงสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมองหาสาเหตุและแนวทางแก้ปัญหาผมอย่างตรงจุด ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับหนังศีรษะของเรากันก่อน โดยทั่วไป สภาพปัญหาหนังศีรษะจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะแห้ง สังเกตได้ว่าเมื่อสัมผัสเส้นผม มักจะรู้สึกแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น ส่วนหนังศีรษะก็รู้สึกแห้งตึง อาจมีขุยเล็ก ๆ สีขาว ๆ หลุดออกมา รวมถึงมีอาการคันด้วย

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะมัน วิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือ หลังจากสระผมเพียงไม่ถึงวัน เส้นผมโดยเฉพาะบริเวณโคนผมก็เริ่มมีมีน้ำมันมาเคลือบแล้ว ทำให้ผมดูลีบแบน ไม่สะอาด อีกทั้งบางคนยังเริ่มมีกลิ่นอับหรือกลิ่นชื้นตามมา

ดังนั้น สัญญาณต่อไปนี้ อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราควรเริ่มลุกขึ้นมาดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้ดีกว่าเดิม ลองเช็คดูซิว่า เรามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน

  • ผมแห้ง
  • ผมแตกปลาย
  • ผมชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก
  • ผมมัน
  • คันหนังศีรษะ
  • รังแค
  • ผมร่วง
  • รอยแสกผมกว้าง
  • ผมด้านหน้าเว้าลึก
  • ผมบางกลางศีรษะ

เมื่อรู้จักสภาพปัญหาผมของตนเองในเบื้องต้นแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการลองทำความเข้าใจสาเหตุความผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะที่อาจเป็นไปได้ เหล่านี้เป็นตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้คนส่วนใหญ่สูญเสียความสมดุลของหนังศีรษะ และสะท้อนออกมาในรูปแบบของปัญหาผมต่าง ๆ กัน โดยเฉพาะอาการผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน ซึ่งต้องการการบำรุง ดูแล และทางออกในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนกว่าปัญหาผมแบบอื่น ๆ

  • กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดกันมาในครอบครัว
  • ความเครียด
  • การขาดสารอาหารที่เหมาะสม
  • ผลข้างเคียงจากโรค
  • ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด
  • ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ภาวะหลังคลอด

พฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว เช่น
  • การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมด้วยน้ำอุ่นจัดเกินไป
  • การหวีผมขณะผมเปียก หรือหวีผมแรงเกินไป
  • การปล่อยให้เส้นผมเปียกหรือชื้นเป็นเวลานาน
  • การยืด ดัด ย้อม ทำสีผม หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การใส่หมวกหรือมัดผมที่รัดแน่นเป็นเวลานานเกินไป
  • การดึงผมขณะอยู่ในภาวะเครียด

ซึ่งนอกจากการลองสังเกตสภาพปัญหาและอาการผิดปกติของเส้นผมด้วยตนเองแล้ว การเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการประเมินสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผม และยังนำไปสู่การออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ตอบโจทย์ ตรงจุดได้ต่อไปอีกด้วย



ที่นามนิน คุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผม ไม่เพียงสั่งสมทักษะและประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน แต่ยังมีแนวทางการรักษาที่เต็มไปด้วยความใส่ใจตั้งแต่วันแรก ผ่านเทคนิควิธีและขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้

  • การประเมินสภาพปัญหา และวิเคราะห์แนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง ด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ซ้ำกันเลย จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ แต่ต้องวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด แบบเคสต่อเคส


  • การตั้งใจรับฟังเสียงของคนไข้ตั้งแต่วันแรกของการพูดคุยปรึกษา เพื่อทำความเข้าใจถึงความกังวลใจของคนไข้ รวมถึงรับทราบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันของทั้งคนไข้และแพทย์ 

  • การสื่อสารกับคนไข้อย่างใกล้ชิด เป็นกันเอง เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และพยายามอธิบายให้คนไข้เห็นภาพขั้นตอนการรักษา รวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เสมอ

  • คุณหมอนินไม่ยึดติดกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีการปลูกผมถาวรเท่านั้น แต่ยึดเอาสภาพปัญหาผมและลักษณะอาการของคนไข้เป็นหลัก ว่าควรรักษาด้วยวิธีแบบใดตามลำดับ ซึ่งหลายเคสไม่จำเป็นต้องพึ่งการปลูกผม เพียงแต่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือเข้ารับบริการ Treatment ฟื้นบำรุงที่เหมาะสม ก็สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้

  • การพัฒนาเทคนิคการรักษาที่เอื้อให้คนไข้สะดวกสบายมากที่สุด การลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง รวมถึงการนำประสบการณ์การรักษาที่ผ่านมา มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ Treatment เพื่อช่วยดูแลปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

  • การติดตามผลการรักษาทุกระยะอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาตามจริงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังให้คำปรึกษาและตอบข้อสงสัยของคนไข้ด้วยตนเองเสมอ

สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุง และบริการ Treatment ที่คุณหมอนินเลือกสรรมาเพื่อคนไข้ของนามนินโดยเฉพาะ ถือเป็นส่วนสำคัญในเส้นทางการรักษาตามลำดับความเหมาะสม โดยเริ่มตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างเช่นแชมพูทำความสะอาดผม ไปจนถึง Treatment ฟื้นบำรุงสำหรับฉีดเข้าที่หนังศีรษะได้อย่างปลอดภัย



Mojelim Elixir Shampoo
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะสุดอ่อนโยน จากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี การันตีส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าได้มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดการะคายเคืองทางผิวหนัง มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยรักษาความสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ฟื้นบำรุงให้เส้นผมนุ่ม แข็งแรงจากภายใน ทั้งยังสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีสภาพผมแห้งและผมมัน 



Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
เซรั่มสำหรับทาเพื่อบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ทั้งยังช่วยลดการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควร โดดเด่นด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เป็นต้น



VITA H
วิตามินรวมสำหรับรับประทาน เน้นคุณประโยชน์ในการบำรุงลึกถึงระดับรากผมอย่างล้ำลึก พร้อมทั้งอุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ลดความมัน เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเจริญเติบโต ให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน



Natural Fixing Spray
สเปรย์จัดแต่งทรงผมที่อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยน้ำดอกกุหลาบบัลกาเรีย น้ำมันจากผลอโวคาโด และส่วนผสมจากธรรมชาติอื่น ๆ 100% นอกจากจะช่วยจัดแต่งทรงผมให้อยู่ทรงอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเสริมบำรุงให้ผมเงางาม  นุ่มสลวย มีน้ำหนัก ดูสุขภาพดี ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ และไม่ทิ้งคราบ จึงทำความสะอาดง่าย ปลอดภัยต่อทุกสภาพเส้นผม



Premium Hair Booster Treatment
ทรีตเมนท์สำหรับฉีดบำรุงที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เหมาะสำหรับผู้ที่รูขุมขนบนหนังศีรษะยังไม่ปิด หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น โดย Premium Hair Booster Treatment จะช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ลดการหลุดร่วง เสริมให้เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบ แบน มีขนาดที่หนาขึ้น ใหญ่ขึ้น จึงช่วยให้ผมดูหนาขึ้น ดกดำขึ้นได้ในที่สุด


การปลูกผมเทคนิค NEAT
เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อยอดขึ้นโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อเติมเต็มให้ผมดูหนาแน่นขึ้น ซึ่งคุณหมอจะมีเทคนิคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง เทคนิคการปลูกผมแทรก เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการออกแบบกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ในกรณีปลูกผมด้านหน้า เพื่อปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุล ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นวิธีการรักษาที่กินเวลายาวนานถึง 1 ปีเต็ม เส้นผมใหม่จึงจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทางการรักษา

ทั้งหมดนี้ คือแนวทางการฟื้นบำรุงผมหนาแน่นและแข็งแรงจากคุณหมอนิน ที่ออกแบบมาสำหรับคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อช่วยคืนความสุขและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมอีกครั้ง โดยเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนินที่นามนินนั่นเอง

เทคนิคสร้างความแข็งแรงให้ “เส้นผม” และ “หนังศีรษะ”
เส้นผมและหนังศีรษะ คือส่วนสำคัญของร่างกายที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับหลาย ๆ คน เส้นผมที่หนาแน่น แลดูสุขภาพดี ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมรูปลักษณ์และบุคลิกภาพ พร้อมทั้งบ่งบอกตัวตนในสไตล์ของแต่ละคน ความเรียบร้อยและดูดีของเส้นผมบนศีรษะ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในการดูแลตัวเองของเจ้าของเส้นผมได้เป็นอย่างดี



นั่นจึงทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวลใจไม่น้อย เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นอาการคัน มีรังแค ผมแห้งแตกปลาย ผมมันจับตัวเป็นก้อน รวมไปถึงอาการผมร่วง ที่ทำให้ดูผมบาง หรือเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมล้าน ซึ่งล้วนทำให้เจ้าของเส้นผมเกิดไม่ความไม่มั่นใจในตัวเอง เนื่องจากเสียบุคลิกหรือดูไม่ดีเวลาออกไปพบปะผู้คน ต้องคอยพะวงกับการปกปิดร่องรอยปัญหาผมอยู่ตลอดเวลา


การทำความเข้าใจและสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของตนเอง ที่อาจส่งผลถึงสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมองหาสาเหตุและแนวทางแก้ปัญหาผมอย่างตรงจุด ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับหนังศีรษะของเรากันก่อน โดยทั่วไป สภาพปัญหาหนังศีรษะจะแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะแห้ง สังเกตได้ว่าเมื่อสัมผัสเส้นผม มักจะรู้สึกแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น ส่วนหนังศีรษะก็รู้สึกแห้งตึง อาจมีขุยเล็ก ๆ สีขาว ๆ หลุดออกมา รวมถึงมีอาการคันด้วย

  • สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะมัน วิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือ หลังจากสระผมเพียงไม่ถึงวัน เส้นผมโดยเฉพาะบริเวณโคนผมก็เริ่มมีมีน้ำมันมาเคลือบแล้ว ทำให้ผมดูลีบแบน ไม่สะอาด อีกทั้งบางคนยังเริ่มมีกลิ่นอับหรือกลิ่นชื้นตามมา

ดังนั้น สัญญาณต่อไปนี้ อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเราควรเริ่มลุกขึ้นมาดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้ดีกว่าเดิม ลองเช็คดูซิว่า เรามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน

  • ผมแห้ง
  • ผมแตกปลาย
  • ผมชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก
  • ผมมัน
  • คันหนังศีรษะ
  • รังแค
  • ผมร่วง
  • รอยแสกผมกว้าง
  • ผมด้านหน้าเว้าลึก
  • ผมบางกลางศีรษะ

เมื่อรู้จักสภาพปัญหาผมของตนเองในเบื้องต้นแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการลองทำความเข้าใจสาเหตุความผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะที่อาจเป็นไปได้ เหล่านี้เป็นตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้คนส่วนใหญ่สูญเสียความสมดุลของหนังศีรษะ และสะท้อนออกมาในรูปแบบของปัญหาผมต่าง ๆ กัน โดยเฉพาะอาการผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน ซึ่งต้องการการบำรุง ดูแล และทางออกในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนกว่าปัญหาผมแบบอื่น ๆ

  • กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดกันมาในครอบครัว
  • ความเครียด
  • การขาดสารอาหารที่เหมาะสม
  • ผลข้างเคียงจากโรค
  • ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด
  • ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ภาวะหลังคลอด

พฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว เช่น
  • การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมด้วยน้ำอุ่นจัดเกินไป
  • การหวีผมขณะผมเปียก หรือหวีผมแรงเกินไป
  • การปล่อยให้เส้นผมเปียกหรือชื้นเป็นเวลานาน
  • การยืด ดัด ย้อม ทำสีผม หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การใส่หมวกหรือมัดผมที่รัดแน่นเป็นเวลานานเกินไป
  • การดึงผมขณะอยู่ในภาวะเครียด

ซึ่งนอกจากการลองสังเกตสภาพปัญหาและอาการผิดปกติของเส้นผมด้วยตนเองแล้ว การเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการประเมินสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาผม และยังนำไปสู่การออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ตอบโจทย์ ตรงจุดได้ต่อไปอีกด้วย



ที่นามนิน คุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์เฉพาะทางด้านการปลูกผม ไม่เพียงสั่งสมทักษะและประสบการณ์ด้านการดูแลเส้นผมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน แต่ยังมีแนวทางการรักษาที่เต็มไปด้วยความใส่ใจตั้งแต่วันแรก ผ่านเทคนิควิธีและขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้

  • การประเมินสภาพปัญหา และวิเคราะห์แนวทางรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง ด้วยความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ซ้ำกันเลย จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ แต่ต้องวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด แบบเคสต่อเคส


  • การตั้งใจรับฟังเสียงของคนไข้ตั้งแต่วันแรกของการพูดคุยปรึกษา เพื่อทำความเข้าใจถึงความกังวลใจของคนไข้ รวมถึงรับทราบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันของทั้งคนไข้และแพทย์ 

  • การสื่อสารกับคนไข้อย่างใกล้ชิด เป็นกันเอง เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และพยายามอธิบายให้คนไข้เห็นภาพขั้นตอนการรักษา รวมถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เสมอ

  • คุณหมอนินไม่ยึดติดกับการแก้ปัญหาด้วยวิธีการปลูกผมถาวรเท่านั้น แต่ยึดเอาสภาพปัญหาผมและลักษณะอาการของคนไข้เป็นหลัก ว่าควรรักษาด้วยวิธีแบบใดตามลำดับ ซึ่งหลายเคสไม่จำเป็นต้องพึ่งการปลูกผม เพียงแต่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือเข้ารับบริการ Treatment ฟื้นบำรุงที่เหมาะสม ก็สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้

  • การพัฒนาเทคนิคการรักษาที่เอื้อให้คนไข้สะดวกสบายมากที่สุด การลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตนเอง รวมถึงการนำประสบการณ์การรักษาที่ผ่านมา มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ Treatment เพื่อช่วยดูแลปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

  • การติดตามผลการรักษาทุกระยะอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาตามจริงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังให้คำปรึกษาและตอบข้อสงสัยของคนไข้ด้วยตนเองเสมอ

สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุง และบริการ Treatment ที่คุณหมอนินเลือกสรรมาเพื่อคนไข้ของนามนินโดยเฉพาะ ถือเป็นส่วนสำคัญในเส้นทางการรักษาตามลำดับความเหมาะสม โดยเริ่มตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างเช่นแชมพูทำความสะอาดผม ไปจนถึง Treatment ฟื้นบำรุงสำหรับฉีดเข้าที่หนังศีรษะได้อย่างปลอดภัย



Mojelim Elixir Shampoo
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะสุดอ่อนโยน จากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี การันตีส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าได้มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดการะคายเคืองทางผิวหนัง มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยรักษาความสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ฟื้นบำรุงให้เส้นผมนุ่ม แข็งแรงจากภายใน ทั้งยังสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีสภาพผมแห้งและผมมัน 



Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
เซรั่มสำหรับทาเพื่อบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ทั้งยังช่วยลดการเกิดผมหงอกก่อนวัยอันควร โดดเด่นด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เป็นต้น



VITA H
วิตามินรวมสำหรับรับประทาน เน้นคุณประโยชน์ในการบำรุงลึกถึงระดับรากผมอย่างล้ำลึก พร้อมทั้งอุดมไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ลดความมัน เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเจริญเติบโต ให้เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน



Natural Fixing Spray
สเปรย์จัดแต่งทรงผมที่อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยน้ำดอกกุหลาบบัลกาเรีย น้ำมันจากผลอโวคาโด และส่วนผสมจากธรรมชาติอื่น ๆ 100% นอกจากจะช่วยจัดแต่งทรงผมให้อยู่ทรงอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเสริมบำรุงให้ผมเงางาม  นุ่มสลวย มีน้ำหนัก ดูสุขภาพดี ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ และไม่ทิ้งคราบ จึงทำความสะอาดง่าย ปลอดภัยต่อทุกสภาพเส้นผม



Premium Hair Booster Treatment
ทรีตเมนท์สำหรับฉีดบำรุงที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นตั้งแต่ระดับเซลล์รากผม เหมาะสำหรับผู้ที่รูขุมขนบนหนังศีรษะยังไม่ปิด หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ในระยะเริ่มต้น โดย Premium Hair Booster Treatment จะช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ลดการหลุดร่วง เสริมให้เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบ แบน มีขนาดที่หนาขึ้น ใหญ่ขึ้น จึงช่วยให้ผมดูหนาขึ้น ดกดำขึ้นได้ในที่สุด


การปลูกผมเทคนิค NEAT
เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อยอดขึ้นโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อเติมเต็มให้ผมดูหนาแน่นขึ้น ซึ่งคุณหมอจะมีเทคนิคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง เทคนิคการปลูกผมแทรก เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการออกแบบกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ในกรณีปลูกผมด้านหน้า เพื่อปรับสัดส่วนใบหน้าให้สมดุล ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นวิธีการรักษาที่กินเวลายาวนานถึง 1 ปีเต็ม เส้นผมใหม่จึงจะเติบโตอย่างสมบูรณ์ตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทางการรักษา

ทั้งหมดนี้ คือแนวทางการฟื้นบำรุงผมหนาแน่นและแข็งแรงจากคุณหมอนิน ที่ออกแบบมาสำหรับคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อช่วยคืนความสุขและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผมอีกครั้ง โดยเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนินที่นามนินนั่นเอง

“ผมบาง” แก้โจทย์ไม่ซ้ำ เพื่อคำตอบเฉพาะเคส
ที่ผ่านมา ภาพจำของการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเป็นภาพของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเลือกเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อดูแลปัญหาผมบาง ซึ่งมีตั้งแต่วัยเพิ่งเริ่มทำงาน ไปจนถึงผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการผมบางนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จที่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะนอกจากปัญหาผมของผู้หญิงกับผู้ชายจะแตกต่างกันแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็ยังมีรูปแบบและสาเหตุของอาการผมบางไม่เหมือนกัน  ดังนั้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม จึงยิ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และนี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษาเบื้องต้น จากคุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจากคลินิกนามนิน ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงเห็นภาพว่า อาการผมบางแต่ละแบบ มีทางเลือกที่เป็นไปได้ในการรักษาและฟื้นฟูอย่างไรบ้าง


ผมบางทั่วศีรษะ
สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั้งบริเวณหน้าผากด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลังด้วย คุณหมอไม่แนะนำให้ปลูกผม เนื่องจากการปลูกผมนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยมาปลูกในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยนี้ จะมีความแข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมส่วนอื่น ๆ แต่สำหรับคุณผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่ได้มี Safe Zone เหมือนคุณผู้ชาย ในบางคนอาจมีผมต้นทุนที่มีคุณสมบัติต้านการหลุดร่วงอยู่เพียงไม่มาก หรือไม่มีเลย ยิ่งในกรณีที่ผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง นั่นแปลว่าผมตรงส่วนนั้นมีลักษณะลีบ บาง และไม่แข็งแรง จึงไม่ควรเจาะย้ายไปปลูกใหม่ เพราะมีโอกาสสูงที่กราฟต์ผมใหม่จะหลุดร่วงด้วยเช่นกัน อีกทั้งเมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมออกไป ก็จะไม่มีผมใหม่งอกขึ้นแล้ว ส่งผลให้บริเวณด้านหลังท้ายทอยยิ่งดูบางลงไปอีก 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะคุณหมอจะตรวจประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด โดยเป็นไปได้ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่มบำรุงผม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเหมาะกับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ เพียงแต่เส้นผมมีขนาดลีบเล็ก บาง ไม่แข็งแรง และจะไม่ได้ผลหากรูขุมขนบนหนังศีรษะปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน


ผมบางเฉพาะกลางศีรษะ
หากมีอาการผมบางกลางศีรษะ รวมไปถึงรอยแสกผมกว้าง โดยที่ผมด้านหลังท้ายทอยยังดูหนาแน่นเป็นปกติ คุณหมออาจวางแผนการรักษาจากทางเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาจากสภาพเส้นผมของคนไข้เป็นหลักนั่นเอง


ผมบริเวณหน้าผากถอยร่นหรือเว้าสูง
หากปัญหาผมเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณหน้าผากด้านหน้า โดยที่ผมในบริเวณอื่นไม่ได้มีปัญหาหลุดร่วงหรือมีอาการผมบาง ในกรณีนี้ คุณหมอแนะนำให้ปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่ ตามหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio แล้วจึงเสริมการฟื้นบำรุงด้วยการทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน หรือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งสามารถฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


แน่นอนว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ความสามารถของแพทย์ในการประเมินปัญหาเป็นรายบุคคล เพื่อออกแบบการรักษาในเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการปลูกผมเสมอไป จากนั้นจึงติดตามผลลัพธ์ทุก ๆ ระยะ เพื่อเพิ่มระดับการรักษาให้เข้มข้นขึ้น จนได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้ การันตีด้วยคนไข้ของคุณหมอนิน ซึ่งมีคนไข้เก่าจำนวนมากที่ยังคงเลือกเข้ารับการรักษาและบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพอใจในผลลัพธ์ และประทับใจในการรักษาที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ของคุณหมอนินนั่นเอง

สำหรับคุณผู้หญิงท่านใดที่ต้องการปรึกษากับคุณหมอนิน
สามารถติดต่อนัดหมายผ่านช่องทาง ดังนี้
Line@ : namninclinic
โทร. 093-093-5639
.
หรือต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมตามช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ

“ผมบาง” แก้โจทย์ไม่ซ้ำ เพื่อคำตอบเฉพาะเคส
ที่ผ่านมา ภาพจำของการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเป็นภาพของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเลือกเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อดูแลปัญหาผมบาง ซึ่งมีตั้งแต่วัยเพิ่งเริ่มทำงาน ไปจนถึงผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการผมบางนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จที่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะนอกจากปัญหาผมของผู้หญิงกับผู้ชายจะแตกต่างกันแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็ยังมีรูปแบบและสาเหตุของอาการผมบางไม่เหมือนกัน  ดังนั้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม จึงยิ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และนี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษาเบื้องต้น จากคุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจากคลินิกนามนิน ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงเห็นภาพว่า อาการผมบางแต่ละแบบ มีทางเลือกที่เป็นไปได้ในการรักษาและฟื้นฟูอย่างไรบ้าง


ผมบางทั่วศีรษะ
สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั้งบริเวณหน้าผากด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลังด้วย คุณหมอไม่แนะนำให้ปลูกผม เนื่องจากการปลูกผมนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยมาปลูกในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยนี้ จะมีความแข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมส่วนอื่น ๆ แต่สำหรับคุณผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่ได้มี Safe Zone เหมือนคุณผู้ชาย ในบางคนอาจมีผมต้นทุนที่มีคุณสมบัติต้านการหลุดร่วงอยู่เพียงไม่มาก หรือไม่มีเลย ยิ่งในกรณีที่ผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง นั่นแปลว่าผมตรงส่วนนั้นมีลักษณะลีบ บาง และไม่แข็งแรง จึงไม่ควรเจาะย้ายไปปลูกใหม่ เพราะมีโอกาสสูงที่กราฟต์ผมใหม่จะหลุดร่วงด้วยเช่นกัน อีกทั้งเมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมออกไป ก็จะไม่มีผมใหม่งอกขึ้นแล้ว ส่งผลให้บริเวณด้านหลังท้ายทอยยิ่งดูบางลงไปอีก 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะคุณหมอจะตรวจประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด โดยเป็นไปได้ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่มบำรุงผม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเหมาะกับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ เพียงแต่เส้นผมมีขนาดลีบเล็ก บาง ไม่แข็งแรง และจะไม่ได้ผลหากรูขุมขนบนหนังศีรษะปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน


ผมบางเฉพาะกลางศีรษะ
หากมีอาการผมบางกลางศีรษะ รวมไปถึงรอยแสกผมกว้าง โดยที่ผมด้านหลังท้ายทอยยังดูหนาแน่นเป็นปกติ คุณหมออาจวางแผนการรักษาจากทางเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาจากสภาพเส้นผมของคนไข้เป็นหลักนั่นเอง


ผมบริเวณหน้าผากถอยร่นหรือเว้าสูง
หากปัญหาผมเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณหน้าผากด้านหน้า โดยที่ผมในบริเวณอื่นไม่ได้มีปัญหาหลุดร่วงหรือมีอาการผมบาง ในกรณีนี้ คุณหมอแนะนำให้ปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่ ตามหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio แล้วจึงเสริมการฟื้นบำรุงด้วยการทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน หรือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งสามารถฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


แน่นอนว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ความสามารถของแพทย์ในการประเมินปัญหาเป็นรายบุคคล เพื่อออกแบบการรักษาในเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการปลูกผมเสมอไป จากนั้นจึงติดตามผลลัพธ์ทุก ๆ ระยะ เพื่อเพิ่มระดับการรักษาให้เข้มข้นขึ้น จนได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้ การันตีด้วยคนไข้ของคุณหมอนิน ซึ่งมีคนไข้เก่าจำนวนมากที่ยังคงเลือกเข้ารับการรักษาและบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพอใจในผลลัพธ์ และประทับใจในการรักษาที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ของคุณหมอนินนั่นเอง

สำหรับคุณผู้หญิงท่านใดที่ต้องการปรึกษากับคุณหมอนิน
สามารถติดต่อนัดหมายผ่านช่องทาง ดังนี้
Line@ : namninclinic
โทร. 093-093-5639
.
หรือต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมตามช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ

“ผมบาง” แก้โจทย์ไม่ซ้ำ เพื่อคำตอบเฉพาะเคส
ที่ผ่านมา ภาพจำของการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเป็นภาพของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเลือกเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อดูแลปัญหาผมบาง ซึ่งมีตั้งแต่วัยเพิ่งเริ่มทำงาน ไปจนถึงผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการผมบางนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จที่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะนอกจากปัญหาผมของผู้หญิงกับผู้ชายจะแตกต่างกันแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็ยังมีรูปแบบและสาเหตุของอาการผมบางไม่เหมือนกัน  ดังนั้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม จึงยิ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และนี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษาเบื้องต้น จากคุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจากคลินิกนามนิน ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงเห็นภาพว่า อาการผมบางแต่ละแบบ มีทางเลือกที่เป็นไปได้ในการรักษาและฟื้นฟูอย่างไรบ้าง


ผมบางทั่วศีรษะ
สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั้งบริเวณหน้าผากด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลังด้วย คุณหมอไม่แนะนำให้ปลูกผม เนื่องจากการปลูกผมนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยมาปลูกในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยนี้ จะมีความแข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมส่วนอื่น ๆ แต่สำหรับคุณผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่ได้มี Safe Zone เหมือนคุณผู้ชาย ในบางคนอาจมีผมต้นทุนที่มีคุณสมบัติต้านการหลุดร่วงอยู่เพียงไม่มาก หรือไม่มีเลย ยิ่งในกรณีที่ผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง นั่นแปลว่าผมตรงส่วนนั้นมีลักษณะลีบ บาง และไม่แข็งแรง จึงไม่ควรเจาะย้ายไปปลูกใหม่ เพราะมีโอกาสสูงที่กราฟต์ผมใหม่จะหลุดร่วงด้วยเช่นกัน อีกทั้งเมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมออกไป ก็จะไม่มีผมใหม่งอกขึ้นแล้ว ส่งผลให้บริเวณด้านหลังท้ายทอยยิ่งดูบางลงไปอีก 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะคุณหมอจะตรวจประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด โดยเป็นไปได้ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่มบำรุงผม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเหมาะกับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ เพียงแต่เส้นผมมีขนาดลีบเล็ก บาง ไม่แข็งแรง และจะไม่ได้ผลหากรูขุมขนบนหนังศีรษะปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน


ผมบางเฉพาะกลางศีรษะ
หากมีอาการผมบางกลางศีรษะ รวมไปถึงรอยแสกผมกว้าง โดยที่ผมด้านหลังท้ายทอยยังดูหนาแน่นเป็นปกติ คุณหมออาจวางแผนการรักษาจากทางเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาจากสภาพเส้นผมของคนไข้เป็นหลักนั่นเอง


ผมบริเวณหน้าผากถอยร่นหรือเว้าสูง
หากปัญหาผมเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณหน้าผากด้านหน้า โดยที่ผมในบริเวณอื่นไม่ได้มีปัญหาหลุดร่วงหรือมีอาการผมบาง ในกรณีนี้ คุณหมอแนะนำให้ปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่ ตามหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio แล้วจึงเสริมการฟื้นบำรุงด้วยการทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน หรือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งสามารถฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


แน่นอนว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ความสามารถของแพทย์ในการประเมินปัญหาเป็นรายบุคคล เพื่อออกแบบการรักษาในเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการปลูกผมเสมอไป จากนั้นจึงติดตามผลลัพธ์ทุก ๆ ระยะ เพื่อเพิ่มระดับการรักษาให้เข้มข้นขึ้น จนได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้ การันตีด้วยคนไข้ของคุณหมอนิน ซึ่งมีคนไข้เก่าจำนวนมากที่ยังคงเลือกเข้ารับการรักษาและบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพอใจในผลลัพธ์ และประทับใจในการรักษาที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ของคุณหมอนินนั่นเอง

สำหรับคุณผู้หญิงท่านใดที่ต้องการปรึกษากับคุณหมอนิน
สามารถติดต่อนัดหมายผ่านช่องทาง ดังนี้
Line@ : namninclinic
โทร. 093-093-5639
.
หรือต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมตามช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ

“ผมบาง” แก้โจทย์ไม่ซ้ำ เพื่อคำตอบเฉพาะเคส
ที่ผ่านมา ภาพจำของการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเป็นภาพของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเลือกเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อดูแลปัญหาผมบาง ซึ่งมีตั้งแต่วัยเพิ่งเริ่มทำงาน ไปจนถึงผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการผมบางนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จที่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะนอกจากปัญหาผมของผู้หญิงกับผู้ชายจะแตกต่างกันแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็ยังมีรูปแบบและสาเหตุของอาการผมบางไม่เหมือนกัน  ดังนั้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม จึงยิ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และนี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษาเบื้องต้น จากคุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจากคลินิกนามนิน ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงเห็นภาพว่า อาการผมบางแต่ละแบบ มีทางเลือกที่เป็นไปได้ในการรักษาและฟื้นฟูอย่างไรบ้าง


ผมบางทั่วศีรษะ
สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั้งบริเวณหน้าผากด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลังด้วย คุณหมอไม่แนะนำให้ปลูกผม เนื่องจากการปลูกผมนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยมาปลูกในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยนี้ จะมีความแข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมส่วนอื่น ๆ แต่สำหรับคุณผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่ได้มี Safe Zone เหมือนคุณผู้ชาย ในบางคนอาจมีผมต้นทุนที่มีคุณสมบัติต้านการหลุดร่วงอยู่เพียงไม่มาก หรือไม่มีเลย ยิ่งในกรณีที่ผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง นั่นแปลว่าผมตรงส่วนนั้นมีลักษณะลีบ บาง และไม่แข็งแรง จึงไม่ควรเจาะย้ายไปปลูกใหม่ เพราะมีโอกาสสูงที่กราฟต์ผมใหม่จะหลุดร่วงด้วยเช่นกัน อีกทั้งเมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมออกไป ก็จะไม่มีผมใหม่งอกขึ้นแล้ว ส่งผลให้บริเวณด้านหลังท้ายทอยยิ่งดูบางลงไปอีก 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะคุณหมอจะตรวจประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด โดยเป็นไปได้ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่มบำรุงผม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเหมาะกับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ เพียงแต่เส้นผมมีขนาดลีบเล็ก บาง ไม่แข็งแรง และจะไม่ได้ผลหากรูขุมขนบนหนังศีรษะปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน


ผมบางเฉพาะกลางศีรษะ
หากมีอาการผมบางกลางศีรษะ รวมไปถึงรอยแสกผมกว้าง โดยที่ผมด้านหลังท้ายทอยยังดูหนาแน่นเป็นปกติ คุณหมออาจวางแผนการรักษาจากทางเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาจากสภาพเส้นผมของคนไข้เป็นหลักนั่นเอง


ผมบริเวณหน้าผากถอยร่นหรือเว้าสูง
หากปัญหาผมเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณหน้าผากด้านหน้า โดยที่ผมในบริเวณอื่นไม่ได้มีปัญหาหลุดร่วงหรือมีอาการผมบาง ในกรณีนี้ คุณหมอแนะนำให้ปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่ ตามหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio แล้วจึงเสริมการฟื้นบำรุงด้วยการทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน หรือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งสามารถฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


แน่นอนว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ความสามารถของแพทย์ในการประเมินปัญหาเป็นรายบุคคล เพื่อออกแบบการรักษาในเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการปลูกผมเสมอไป จากนั้นจึงติดตามผลลัพธ์ทุก ๆ ระยะ เพื่อเพิ่มระดับการรักษาให้เข้มข้นขึ้น จนได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้ การันตีด้วยคนไข้ของคุณหมอนิน ซึ่งมีคนไข้เก่าจำนวนมากที่ยังคงเลือกเข้ารับการรักษาและบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพอใจในผลลัพธ์ และประทับใจในการรักษาที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ของคุณหมอนินนั่นเอง

สำหรับคุณผู้หญิงท่านใดที่ต้องการปรึกษากับคุณหมอนิน
สามารถติดต่อนัดหมายผ่านช่องทาง ดังนี้
Line@ : namninclinic
โทร. 093-093-5639
.
หรือต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมตามช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ

“ผมบาง” แก้โจทย์ไม่ซ้ำ เพื่อคำตอบเฉพาะเคส
ที่ผ่านมา ภาพจำของการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง มักจะเป็นภาพของผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน มีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเลือกเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อดูแลปัญหาผมบาง ซึ่งมีตั้งแต่วัยเพิ่งเริ่มทำงาน ไปจนถึงผู้สูงวัย อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการผมบางนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จที่สามารถใช้ได้กับทุกคน เพราะนอกจากปัญหาผมของผู้หญิงกับผู้ชายจะแตกต่างกันแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็ยังมีรูปแบบและสาเหตุของอาการผมบางไม่เหมือนกัน  ดังนั้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม จึงยิ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ตอบโจทย์ปัญหาผมของคนไข้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และนี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการรักษาเบื้องต้น จากคุณหมอนิน หรือแพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจากคลินิกนามนิน ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงเห็นภาพว่า อาการผมบางแต่ละแบบ มีทางเลือกที่เป็นไปได้ในการรักษาและฟื้นฟูอย่างไรบ้าง


ผมบางทั่วศีรษะ
สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางทั้งบริเวณหน้าผากด้านหน้า ตรงกลางศีรษะ รวมถึงท้ายทอยด้านหลังด้วย คุณหมอไม่แนะนำให้ปลูกผม เนื่องจากการปลูกผมนั้น เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยมาปลูกในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยนี้ จะมีความแข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมส่วนอื่น ๆ แต่สำหรับคุณผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่ได้มี Safe Zone เหมือนคุณผู้ชาย ในบางคนอาจมีผมต้นทุนที่มีคุณสมบัติต้านการหลุดร่วงอยู่เพียงไม่มาก หรือไม่มีเลย ยิ่งในกรณีที่ผมด้านหลังท้ายทอยเริ่มหลุดร่วง นั่นแปลว่าผมตรงส่วนนั้นมีลักษณะลีบ บาง และไม่แข็งแรง จึงไม่ควรเจาะย้ายไปปลูกใหม่ เพราะมีโอกาสสูงที่กราฟต์ผมใหม่จะหลุดร่วงด้วยเช่นกัน อีกทั้งเมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมออกไป ก็จะไม่มีผมใหม่งอกขึ้นแล้ว ส่งผลให้บริเวณด้านหลังท้ายทอยยิ่งดูบางลงไปอีก 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะคุณหมอจะตรวจประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคนมากที่สุด โดยเป็นไปได้ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่มบำรุงผม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเหมาะกับสภาพหนังศีรษะที่ยังมีรูขุมขนอยู่ เพียงแต่เส้นผมมีขนาดลีบเล็ก บาง ไม่แข็งแรง และจะไม่ได้ผลหากรูขุมขนบนหนังศีรษะปิดไปแล้วหรือเข้าสู่ภาวะผมล้าน


ผมบางเฉพาะกลางศีรษะ
หากมีอาการผมบางกลางศีรษะ รวมไปถึงรอยแสกผมกว้าง โดยที่ผมด้านหลังท้ายทอยยังดูหนาแน่นเป็นปกติ คุณหมออาจวางแผนการรักษาจากทางเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่การรับประทานยา การทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน รวมถึงการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment อย่างไรก็ตาม การปลูกผมก็ยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับท้าย ๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาจากสภาพเส้นผมของคนไข้เป็นหลักนั่นเอง


ผมบริเวณหน้าผากถอยร่นหรือเว้าสูง
หากปัญหาผมเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณหน้าผากด้านหน้า โดยที่ผมในบริเวณอื่นไม่ได้มีปัญหาหลุดร่วงหรือมีอาการผมบาง ในกรณีนี้ คุณหมอแนะนำให้ปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่ ตามหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio แล้วจึงเสริมการฟื้นบำรุงด้วยการทาเซรั่ม การรับประทานวิตามิน หรือการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งสามารถฉีดบำรุงได้อย่างต่อเนื่องภายใต้คำแนะนำของแพทย์


แน่นอนว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ความสามารถของแพทย์ในการประเมินปัญหาเป็นรายบุคคล เพื่อออกแบบการรักษาในเบื้องต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการปลูกผมเสมอไป จากนั้นจึงติดตามผลลัพธ์ทุก ๆ ระยะ เพื่อเพิ่มระดับการรักษาให้เข้มข้นขึ้น จนได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งหมดนี้ การันตีด้วยคนไข้ของคุณหมอนิน ซึ่งมีคนไข้เก่าจำนวนมากที่ยังคงเลือกเข้ารับการรักษาและบำรุงผมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพอใจในผลลัพธ์ และประทับใจในการรักษาที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ของคุณหมอนินนั่นเอง

สำหรับคุณผู้หญิงท่านใดที่ต้องการปรึกษากับคุณหมอนิน
สามารถติดต่อนัดหมายผ่านช่องทาง ดังนี้
Line@ : namninclinic
โทร. 093-093-5639
.
หรือต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมตามช่องทางด้านล่างนี้ค่ะ

“ผมหงอกหลังการปลูกผม” ต้องกังวลไหม?
ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม?

ก่อนจะตอบ เรามาทำความเข้าใจกับการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมกันก่อนค่ะ “ผมหงอก” เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของเซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในเส้นผมและทำให้เส้นผมมีสีเข้มตามธรรมชาติ ซึ่งหากเซลล์นี้ทำงานผิดปกติหรือหยุดการผลิตเม็ดสี เส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็จะกลายเป็นผมหงอกนั่นเอง

กระบวนการในการปลูกผม มีบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดแผลที่หนังศีรษะเล็กๆหลายจุด เช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผม ซึ่งอาจทำให้สร้างความเครียดต่อเซลล์ต่างๆบนหนังศีรษะ รวมถึงเซลล์เมลาโนไซท์ด้วย เมื่อเกิดความเครียดสูงก็อาจหยุดทำงานได้ หลังการปลูกผม บางคนจึงอาจเจอภาวะผมหงอกได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านหลังที่เจาะนำกราฟต์ผมออก หรืออาจจะเป็นบริเวณใกล้เคียง


ในการปลูกผมเทคนิค NEAT คุณหมอนินจะเป็นผู้วางแผนและดูแลการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม โดยอุปกรณ์เจาะย้ายนั้นจะมีขนาดเล็กพิเศษ และสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะให้เหมาะสมกับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ นอกจากนี้ยังควบคุมทีมสหวิชาชีพให้ทำหัตถการอย่างประณีต เพื่อให้หนังศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด เมื่อคนไม่เครียด เซลล์ต่างๆ ก็ไม่เครียดค่ะ



ผมหงอกหลังการปลูกผมเป็นภาวะชั่วคราว เมื่อชั้นหนังแท้ฟื้นตัว เซลล์ต่างๆ กลับมาทำงานตามปกติ ผมก็จะกลับมามีสีเข้มเหมือนเดิม ทั้งนี้  อาการ ความรุนแรง และลักษณะการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล คาดเดาไม่ได้ บางคนอาจไม่เจอภาวะนี้เลย แต่อาจเกิดขึ้นกับบางคนก็เป็นได้


คุณหมอนินเข้าใจถึงความรู้สึกกังวลที่เกิดจากความไม่รู้ ความคาดหวัง และภาวะต่างๆ ที่ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องพบเจอหลังการปลูกผม คุณหมอจึงเป็นผู้ติดตามผลการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา

เมื่อมาถึงตรงนี้ คำตอบของคำถามที่ว่า “ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม” คือ “หากทุกขั้นตอนในการปลูกผมนั้นถูกต้อง และมีการดูแลต่อเนื่องหลังที่ดีการปลูกผม ก็ไม่ต้องกังวลใดๆ” เพราะการปลูกผมนั้นไม่ได้จบภายในวันเดียว แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับการดูแล ติดตามผล ให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างถูกต้องกันยาวๆตลอดหลังการปลูกผมด้วย

กล้าพูดได้เลยว่า นอกจากการดูแลเส้นผมด้วยความเข้าใจแล้ว “นามนิน” ยังดูแลไปถึงจิตใจของผู้เข้ารับบริการด้วย เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุดค่ะ




“ผมหงอกหลังการปลูกผม” ต้องกังวลไหม?
ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม?

ก่อนจะตอบ เรามาทำความเข้าใจกับการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมกันก่อนค่ะ “ผมหงอก” เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของเซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในเส้นผมและทำให้เส้นผมมีสีเข้มตามธรรมชาติ ซึ่งหากเซลล์นี้ทำงานผิดปกติหรือหยุดการผลิตเม็ดสี เส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็จะกลายเป็นผมหงอกนั่นเอง

กระบวนการในการปลูกผม มีบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดแผลที่หนังศีรษะเล็กๆหลายจุด เช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผม ซึ่งอาจทำให้สร้างความเครียดต่อเซลล์ต่างๆบนหนังศีรษะ รวมถึงเซลล์เมลาโนไซท์ด้วย เมื่อเกิดความเครียดสูงก็อาจหยุดทำงานได้ หลังการปลูกผม บางคนจึงอาจเจอภาวะผมหงอกได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านหลังที่เจาะนำกราฟต์ผมออก หรืออาจจะเป็นบริเวณใกล้เคียง


ในการปลูกผมเทคนิค NEAT คุณหมอนินจะเป็นผู้วางแผนและดูแลการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม โดยอุปกรณ์เจาะย้ายนั้นจะมีขนาดเล็กพิเศษ และสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะให้เหมาะสมกับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ นอกจากนี้ยังควบคุมทีมสหวิชาชีพให้ทำหัตถการอย่างประณีต เพื่อให้หนังศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด เมื่อคนไม่เครียด เซลล์ต่างๆ ก็ไม่เครียดค่ะ



ผมหงอกหลังการปลูกผมเป็นภาวะชั่วคราว เมื่อชั้นหนังแท้ฟื้นตัว เซลล์ต่างๆ กลับมาทำงานตามปกติ ผมก็จะกลับมามีสีเข้มเหมือนเดิม ทั้งนี้  อาการ ความรุนแรง และลักษณะการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล คาดเดาไม่ได้ บางคนอาจไม่เจอภาวะนี้เลย แต่อาจเกิดขึ้นกับบางคนก็เป็นได้


คุณหมอนินเข้าใจถึงความรู้สึกกังวลที่เกิดจากความไม่รู้ ความคาดหวัง และภาวะต่างๆ ที่ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องพบเจอหลังการปลูกผม คุณหมอจึงเป็นผู้ติดตามผลการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา

เมื่อมาถึงตรงนี้ คำตอบของคำถามที่ว่า “ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม” คือ “หากทุกขั้นตอนในการปลูกผมนั้นถูกต้อง และมีการดูแลต่อเนื่องหลังที่ดีการปลูกผม ก็ไม่ต้องกังวลใดๆ” เพราะการปลูกผมนั้นไม่ได้จบภายในวันเดียว แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับการดูแล ติดตามผล ให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างถูกต้องกันยาวๆตลอดหลังการปลูกผมด้วย

กล้าพูดได้เลยว่า นอกจากการดูแลเส้นผมด้วยความเข้าใจแล้ว “นามนิน” ยังดูแลไปถึงจิตใจของผู้เข้ารับบริการด้วย เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุดค่ะ




“ผมหงอกหลังการปลูกผม” ต้องกังวลไหม?
ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม?

ก่อนจะตอบ เรามาทำความเข้าใจกับการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมกันก่อนค่ะ “ผมหงอก” เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของเซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในเส้นผมและทำให้เส้นผมมีสีเข้มตามธรรมชาติ ซึ่งหากเซลล์นี้ทำงานผิดปกติหรือหยุดการผลิตเม็ดสี เส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็จะกลายเป็นผมหงอกนั่นเอง

กระบวนการในการปลูกผม มีบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดแผลที่หนังศีรษะเล็กๆหลายจุด เช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผม ซึ่งอาจทำให้สร้างความเครียดต่อเซลล์ต่างๆบนหนังศีรษะ รวมถึงเซลล์เมลาโนไซท์ด้วย เมื่อเกิดความเครียดสูงก็อาจหยุดทำงานได้ หลังการปลูกผม บางคนจึงอาจเจอภาวะผมหงอกได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านหลังที่เจาะนำกราฟต์ผมออก หรืออาจจะเป็นบริเวณใกล้เคียง


ในการปลูกผมเทคนิค NEAT คุณหมอนินจะเป็นผู้วางแผนและดูแลการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม โดยอุปกรณ์เจาะย้ายนั้นจะมีขนาดเล็กพิเศษ และสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะให้เหมาะสมกับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ นอกจากนี้ยังควบคุมทีมสหวิชาชีพให้ทำหัตถการอย่างประณีต เพื่อให้หนังศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด เมื่อคนไม่เครียด เซลล์ต่างๆ ก็ไม่เครียดค่ะ



ผมหงอกหลังการปลูกผมเป็นภาวะชั่วคราว เมื่อชั้นหนังแท้ฟื้นตัว เซลล์ต่างๆ กลับมาทำงานตามปกติ ผมก็จะกลับมามีสีเข้มเหมือนเดิม ทั้งนี้  อาการ ความรุนแรง และลักษณะการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล คาดเดาไม่ได้ บางคนอาจไม่เจอภาวะนี้เลย แต่อาจเกิดขึ้นกับบางคนก็เป็นได้


คุณหมอนินเข้าใจถึงความรู้สึกกังวลที่เกิดจากความไม่รู้ ความคาดหวัง และภาวะต่างๆ ที่ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องพบเจอหลังการปลูกผม คุณหมอจึงเป็นผู้ติดตามผลการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา

เมื่อมาถึงตรงนี้ คำตอบของคำถามที่ว่า “ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม” คือ “หากทุกขั้นตอนในการปลูกผมนั้นถูกต้อง และมีการดูแลต่อเนื่องหลังที่ดีการปลูกผม ก็ไม่ต้องกังวลใดๆ” เพราะการปลูกผมนั้นไม่ได้จบภายในวันเดียว แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับการดูแล ติดตามผล ให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างถูกต้องกันยาวๆตลอดหลังการปลูกผมด้วย

กล้าพูดได้เลยว่า นอกจากการดูแลเส้นผมด้วยความเข้าใจแล้ว “นามนิน” ยังดูแลไปถึงจิตใจของผู้เข้ารับบริการด้วย เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุดค่ะ




“ผมหงอกหลังการปลูกผม” ต้องกังวลไหม?
ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม?

ก่อนจะตอบ เรามาทำความเข้าใจกับการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมกันก่อนค่ะ “ผมหงอก” เกิดจากความผิดปกติในการทำงานของเซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในเส้นผมและทำให้เส้นผมมีสีเข้มตามธรรมชาติ ซึ่งหากเซลล์นี้ทำงานผิดปกติหรือหยุดการผลิตเม็ดสี เส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็จะกลายเป็นผมหงอกนั่นเอง

กระบวนการในการปลูกผม มีบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดแผลที่หนังศีรษะเล็กๆหลายจุด เช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผม ซึ่งอาจทำให้สร้างความเครียดต่อเซลล์ต่างๆบนหนังศีรษะ รวมถึงเซลล์เมลาโนไซท์ด้วย เมื่อเกิดความเครียดสูงก็อาจหยุดทำงานได้ หลังการปลูกผม บางคนจึงอาจเจอภาวะผมหงอกได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านหลังที่เจาะนำกราฟต์ผมออก หรืออาจจะเป็นบริเวณใกล้เคียง


ในการปลูกผมเทคนิค NEAT คุณหมอนินจะเป็นผู้วางแผนและดูแลการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม โดยอุปกรณ์เจาะย้ายนั้นจะมีขนาดเล็กพิเศษ และสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะให้เหมาะสมกับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ นอกจากนี้ยังควบคุมทีมสหวิชาชีพให้ทำหัตถการอย่างประณีต เพื่อให้หนังศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด เมื่อคนไม่เครียด เซลล์ต่างๆ ก็ไม่เครียดค่ะ



ผมหงอกหลังการปลูกผมเป็นภาวะชั่วคราว เมื่อชั้นหนังแท้ฟื้นตัว เซลล์ต่างๆ กลับมาทำงานตามปกติ ผมก็จะกลับมามีสีเข้มเหมือนเดิม ทั้งนี้  อาการ ความรุนแรง และลักษณะการเกิดผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล คาดเดาไม่ได้ บางคนอาจไม่เจอภาวะนี้เลย แต่อาจเกิดขึ้นกับบางคนก็เป็นได้


คุณหมอนินเข้าใจถึงความรู้สึกกังวลที่เกิดจากความไม่รู้ ความคาดหวัง และภาวะต่างๆ ที่ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องพบเจอหลังการปลูกผม คุณหมอจึงเป็นผู้ติดตามผลการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา

เมื่อมาถึงตรงนี้ คำตอบของคำถามที่ว่า “ต้องกังวลไหมกับภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม” คือ “หากทุกขั้นตอนในการปลูกผมนั้นถูกต้อง และมีการดูแลต่อเนื่องหลังที่ดีการปลูกผม ก็ไม่ต้องกังวลใดๆ” เพราะการปลูกผมนั้นไม่ได้จบภายในวันเดียว แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับการดูแล ติดตามผล ให้คำปรึกษาและแนะนำอย่างถูกต้องกันยาวๆตลอดหลังการปลูกผมด้วย

กล้าพูดได้เลยว่า นอกจากการดูแลเส้นผมด้วยความเข้าใจแล้ว “นามนิน” ยังดูแลไปถึงจิตใจของผู้เข้ารับบริการด้วย เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุดค่ะ




เช็ค 4 อาการหลังปลูกผม
หนึ่งในความกังวลใจหลาย ๆ เรื่องของผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจปลูกผมอยู่ก็ตาม ก็คือ อาการ หรือ ผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังปลูก หลายคนจึงน่าจะมีคำถามอยู่ในใจคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ...หลังปลูกผมแล้วจะเจ็บมั้ย ...ศีรษะหรือใบหน้าจะบวมหรือเปล่า ...รอยแผลจากการปลูกผมล่ะ ถ้าเห็นชัดจนใคร ๆ ก็ทักจะทำอย่างไร ...แล้วถ้าผมปลูกใหม่หลุดร่วงไป จะเกิดอะไรขึ้น?? สารพัดคำถามที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าคุณก้าวเข้ามาเป็นผู้รับบริการของนามนิน คลินิกแล้ว ความกังวลใจเหล่านี้จะบรรเทาลงไปไม่น้อยเลย เพราะคุณหมอจะอธิบายอย่างละเอียด ชัดเจน  เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ก่อนปลูกผมเตรียมตัวอย่างไร ในวันปลูกผมจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง และหลังปลูกผมต้องดูแลอย่างไร และมาพบแพทย์กึ่ครั้ง ตลอด 1 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิ่งจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมซึ่งอาการต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความกังวล คุณหมอนินมีเทคนิคที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียดที่จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการเหล่านั้นได้

นามนินได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียด 4 อาการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยทั่วไปหลังปลูกผม ไว้ดังนี้

1 รอยแผลด้านหลังท้ายทอย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมของผู้รับบริการเอง ออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย และนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณนั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด 

ดังนั้น การเกิดรอยแผลหลังเจาะย้ายกราฟต์ผมออก จึงถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของการทำหัตถการปลูกผม แต่คุณหมอของนามนิน มีตัวช่วยมากมายที่จะช่วยให้ผู้รับบริการซ่อนรอยแผลเนียนกริบ 


ข้อแรก คุณหมอเลือกนำเข้าอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมซึ่งมีหลายขนาดสามารถปรับให้เหมาะกับขนาดกราฟต์ผมของผู้รับบริการแต่ละคนเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่ถอนออกมาสมบูรณ์


ข้อสอง คุณหมอใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออก โดยไม่ต้องโกนผม ที่สำคัญ ยังพัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เจาะย้ายกราฟต์ผมออกสลับกันเป็นแถบ ๆ และพยายามกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ รอยแผลที่เกิดขึ้นจึงถูกซ่อนไว้ใต้ผมเดิมของผู้รับบริการอยากแนบเนียน

นั่นทำให้ผู้รับบริการสามารถจัดแต่งทรงผมได้เต็มที่ทุกสไตล์ โดยไม่ต้องกังวลคอยปกปิดรอยแผล


2 อาการบวมที่ใบหน้า

ในขั้นตอนการปลูกผม จะมีการฉีดยาชา 2 ครั้ง คือ 
  • ครั้งแรก จะฉีดยาชาเพื่อให้บริเวณท้ายทอยไม่มีความรู้สึก เพื่อเจาะย้ายรากผม ตามจำนวนที่ต้องการปลูก 
  • ครั้งที่สอง จะฉีดยาชาบริเวณที่เราต้องการปลูกผมเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่จะปลูกผม

ซึ่งการฉีดยาชามักเป็นจุดที่ผู้รับบริการวิตกกังวลในเรื่องความเจ็บ โดยการฉีดยาชานั้นจะมีเทคนิคแตกต่างกันไปแล้วแต่แพทย์ผู้ทำหัตถการ 
ที่นามนิน คลินิก คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชาให้ผู้รับบริการด้วยตนเองโดยคำนวณปริมาณที่เหมาะสมและทำหัตถการอย่างเบามือ จึงทำให้ผู้รับบริการคลายกังวลและไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดไว้

ด้วยเทคนิคเฉพาะของคุณหมอนิน จึงทำให้หลังปลูกผมที่นามนิน ไม่ต้องใส่ผ้าคาดหน้าผาก และแทบไม่พบอาการบวมหลังปลูกผม จึงทำให้ผู้รับบริการไม่ต้องวิตกกังวลในการกลับใช้ชีวิต หรือออกไปทำงานหลังปลูกผมได้อย่างปกติ จนคนรอบข้างแทบไม่มีใครสังเกตุความเปลี่ยนแปลง







3 อาการคันที่หนังศีรษะ

เรียกว่าเป็นอาการที่พบได้เป็นปกติ และอาจเกิดจากสาเหตุหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น
  • การปลูกผมทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะจำนวนมาก จึงไปกระทบและรบกวนเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการคันและชา
  • ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมแผลที่เกิดหลังจากการปลูกผม โดยสะเก็ดเลือดที่แห้งตัวลง อาจไปดึงรั้งผิวหนังโดยรอบให้ตึงขึ้น ทำให้เกิดอาการคัน
  • ผลข้างเคียงจากสารฮิสตามีนในสะเก็ดเลือด ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง



ทั้งนี้แพทย์แนะนำไม่ให้เกาหรือสัมผัสบริเวณแผล เพราะอาจทำให้กราฟต์ผมปลูกใหม่หลุดติดออกมาได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อมากขึ้นด้วย ที่นามนิน คลินิก หลังปลูกผมจะมอบชุดผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองที่คุณหมอนินคัดสรรมาแล้วง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องช่วยทำความสะอาดและลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างแท้จริง



4 ผมร่วงหลังปลูก 2 สัปดาห์ (Shock Loss)

อาการ Shock Loss หรือการที่ผมปลูกใหม่หลุดร่วงเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นปกติของผู้รับบริการหลังปลูกผม ซึ่งชวนให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่คุณหมอนินจะอธิบายให้ผู้รับบริการของนามนินเข้าใจตั้งแต่แรก ว่าเป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามระยะและวงจรธรรมชาติ ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด และผมที่แข็งแรงสมบูรณ์จะงอกขึ้นใหม่เองภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า 


ซึ่งในบางเคสก็อาจจะไม่ได้เกิด Shock Loss ในทางกลับกันผมที่ปลูกไว้ตั้งแต่วันแรกกลับยาวต่อไป ก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน

นอกจากคุณหมอนินจะชวนผู้รับบริการทำความเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังปลูกผมแล้ว ยังคอยติดตามผลทุกระยะตลอด 1 ปีเต็ม และตอบข้อสงสัย รวมถึงคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ผู้รับบริการจึงไม่ต้องคอยเป็นกังวลกับอาการต่าง ๆ และยังรู้จักวิธีถนอมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่ดีที่สุดนั่นเอง












เช็ค 4 อาการหลังปลูกผม
หนึ่งในความกังวลใจหลาย ๆ เรื่องของผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจปลูกผมอยู่ก็ตาม ก็คือ อาการ หรือ ผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังปลูก หลายคนจึงน่าจะมีคำถามอยู่ในใจคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ...หลังปลูกผมแล้วจะเจ็บมั้ย ...ศีรษะหรือใบหน้าจะบวมหรือเปล่า ...รอยแผลจากการปลูกผมล่ะ ถ้าเห็นชัดจนใคร ๆ ก็ทักจะทำอย่างไร ...แล้วถ้าผมปลูกใหม่หลุดร่วงไป จะเกิดอะไรขึ้น?? สารพัดคำถามที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าคุณก้าวเข้ามาเป็นผู้รับบริการของนามนิน คลินิกแล้ว ความกังวลใจเหล่านี้จะบรรเทาลงไปไม่น้อยเลย เพราะคุณหมอจะอธิบายอย่างละเอียด ชัดเจน  เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ก่อนปลูกผมเตรียมตัวอย่างไร ในวันปลูกผมจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง และหลังปลูกผมต้องดูแลอย่างไร และมาพบแพทย์กึ่ครั้ง ตลอด 1 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิ่งจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมซึ่งอาการต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความกังวล คุณหมอนินมีเทคนิคที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียดที่จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการเหล่านั้นได้

นามนินได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียด 4 อาการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยทั่วไปหลังปลูกผม ไว้ดังนี้

1 รอยแผลด้านหลังท้ายทอย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมของผู้รับบริการเอง ออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย และนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณนั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด 

ดังนั้น การเกิดรอยแผลหลังเจาะย้ายกราฟต์ผมออก จึงถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของการทำหัตถการปลูกผม แต่คุณหมอของนามนิน มีตัวช่วยมากมายที่จะช่วยให้ผู้รับบริการซ่อนรอยแผลเนียนกริบ 


ข้อแรก คุณหมอเลือกนำเข้าอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมซึ่งมีหลายขนาดสามารถปรับให้เหมาะกับขนาดกราฟต์ผมของผู้รับบริการแต่ละคนเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่ถอนออกมาสมบูรณ์


ข้อสอง คุณหมอใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออก โดยไม่ต้องโกนผม ที่สำคัญ ยังพัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เจาะย้ายกราฟต์ผมออกสลับกันเป็นแถบ ๆ และพยายามกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ รอยแผลที่เกิดขึ้นจึงถูกซ่อนไว้ใต้ผมเดิมของผู้รับบริการอยากแนบเนียน

นั่นทำให้ผู้รับบริการสามารถจัดแต่งทรงผมได้เต็มที่ทุกสไตล์ โดยไม่ต้องกังวลคอยปกปิดรอยแผล


2 อาการบวมที่ใบหน้า

ในขั้นตอนการปลูกผม จะมีการฉีดยาชา 2 ครั้ง คือ 
  • ครั้งแรก จะฉีดยาชาเพื่อให้บริเวณท้ายทอยไม่มีความรู้สึก เพื่อเจาะย้ายรากผม ตามจำนวนที่ต้องการปลูก 
  • ครั้งที่สอง จะฉีดยาชาบริเวณที่เราต้องการปลูกผมเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่จะปลูกผม

ซึ่งการฉีดยาชามักเป็นจุดที่ผู้รับบริการวิตกกังวลในเรื่องความเจ็บ โดยการฉีดยาชานั้นจะมีเทคนิคแตกต่างกันไปแล้วแต่แพทย์ผู้ทำหัตถการ 
ที่นามนิน คลินิก คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชาให้ผู้รับบริการด้วยตนเองโดยคำนวณปริมาณที่เหมาะสมและทำหัตถการอย่างเบามือ จึงทำให้ผู้รับบริการคลายกังวลและไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดไว้

ด้วยเทคนิคเฉพาะของคุณหมอนิน จึงทำให้หลังปลูกผมที่นามนิน ไม่ต้องใส่ผ้าคาดหน้าผาก และแทบไม่พบอาการบวมหลังปลูกผม จึงทำให้ผู้รับบริการไม่ต้องวิตกกังวลในการกลับใช้ชีวิต หรือออกไปทำงานหลังปลูกผมได้อย่างปกติ จนคนรอบข้างแทบไม่มีใครสังเกตุความเปลี่ยนแปลง







3 อาการคันที่หนังศีรษะ

เรียกว่าเป็นอาการที่พบได้เป็นปกติ และอาจเกิดจากสาเหตุหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น
  • การปลูกผมทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะจำนวนมาก จึงไปกระทบและรบกวนเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการคันและชา
  • ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมแผลที่เกิดหลังจากการปลูกผม โดยสะเก็ดเลือดที่แห้งตัวลง อาจไปดึงรั้งผิวหนังโดยรอบให้ตึงขึ้น ทำให้เกิดอาการคัน
  • ผลข้างเคียงจากสารฮิสตามีนในสะเก็ดเลือด ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง



ทั้งนี้แพทย์แนะนำไม่ให้เกาหรือสัมผัสบริเวณแผล เพราะอาจทำให้กราฟต์ผมปลูกใหม่หลุดติดออกมาได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อมากขึ้นด้วย ที่นามนิน คลินิก หลังปลูกผมจะมอบชุดผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองที่คุณหมอนินคัดสรรมาแล้วง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องช่วยทำความสะอาดและลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างแท้จริง



4 ผมร่วงหลังปลูก 2 สัปดาห์ (Shock Loss)

อาการ Shock Loss หรือการที่ผมปลูกใหม่หลุดร่วงเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นปกติของผู้รับบริการหลังปลูกผม ซึ่งชวนให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่คุณหมอนินจะอธิบายให้ผู้รับบริการของนามนินเข้าใจตั้งแต่แรก ว่าเป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามระยะและวงจรธรรมชาติ ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด และผมที่แข็งแรงสมบูรณ์จะงอกขึ้นใหม่เองภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า 


ซึ่งในบางเคสก็อาจจะไม่ได้เกิด Shock Loss ในทางกลับกันผมที่ปลูกไว้ตั้งแต่วันแรกกลับยาวต่อไป ก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน

นอกจากคุณหมอนินจะชวนผู้รับบริการทำความเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังปลูกผมแล้ว ยังคอยติดตามผลทุกระยะตลอด 1 ปีเต็ม และตอบข้อสงสัย รวมถึงคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ผู้รับบริการจึงไม่ต้องคอยเป็นกังวลกับอาการต่าง ๆ และยังรู้จักวิธีถนอมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่ดีที่สุดนั่นเอง












เช็ค 4 อาการหลังปลูกผม
หนึ่งในความกังวลใจหลาย ๆ เรื่องของผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจปลูกผมอยู่ก็ตาม ก็คือ อาการ หรือ ผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังปลูก หลายคนจึงน่าจะมีคำถามอยู่ในใจคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ...หลังปลูกผมแล้วจะเจ็บมั้ย ...ศีรษะหรือใบหน้าจะบวมหรือเปล่า ...รอยแผลจากการปลูกผมล่ะ ถ้าเห็นชัดจนใคร ๆ ก็ทักจะทำอย่างไร ...แล้วถ้าผมปลูกใหม่หลุดร่วงไป จะเกิดอะไรขึ้น?? สารพัดคำถามที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าคุณก้าวเข้ามาเป็นผู้รับบริการของนามนิน คลินิกแล้ว ความกังวลใจเหล่านี้จะบรรเทาลงไปไม่น้อยเลย เพราะคุณหมอจะอธิบายอย่างละเอียด ชัดเจน  เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ก่อนปลูกผมเตรียมตัวอย่างไร ในวันปลูกผมจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง และหลังปลูกผมต้องดูแลอย่างไร และมาพบแพทย์กึ่ครั้ง ตลอด 1 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิ่งจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมซึ่งอาการต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความกังวล คุณหมอนินมีเทคนิคที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียดที่จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการเหล่านั้นได้

นามนินได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียด 4 อาการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยทั่วไปหลังปลูกผม ไว้ดังนี้

1 รอยแผลด้านหลังท้ายทอย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมของผู้รับบริการเอง ออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย และนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณนั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด 

ดังนั้น การเกิดรอยแผลหลังเจาะย้ายกราฟต์ผมออก จึงถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของการทำหัตถการปลูกผม แต่คุณหมอของนามนิน มีตัวช่วยมากมายที่จะช่วยให้ผู้รับบริการซ่อนรอยแผลเนียนกริบ 


ข้อแรก คุณหมอเลือกนำเข้าอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมซึ่งมีหลายขนาดสามารถปรับให้เหมาะกับขนาดกราฟต์ผมของผู้รับบริการแต่ละคนเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่ถอนออกมาสมบูรณ์


ข้อสอง คุณหมอใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออก โดยไม่ต้องโกนผม ที่สำคัญ ยังพัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เจาะย้ายกราฟต์ผมออกสลับกันเป็นแถบ ๆ และพยายามกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ รอยแผลที่เกิดขึ้นจึงถูกซ่อนไว้ใต้ผมเดิมของผู้รับบริการอยากแนบเนียน

นั่นทำให้ผู้รับบริการสามารถจัดแต่งทรงผมได้เต็มที่ทุกสไตล์ โดยไม่ต้องกังวลคอยปกปิดรอยแผล


2 อาการบวมที่ใบหน้า

ในขั้นตอนการปลูกผม จะมีการฉีดยาชา 2 ครั้ง คือ 
  • ครั้งแรก จะฉีดยาชาเพื่อให้บริเวณท้ายทอยไม่มีความรู้สึก เพื่อเจาะย้ายรากผม ตามจำนวนที่ต้องการปลูก 
  • ครั้งที่สอง จะฉีดยาชาบริเวณที่เราต้องการปลูกผมเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่จะปลูกผม

ซึ่งการฉีดยาชามักเป็นจุดที่ผู้รับบริการวิตกกังวลในเรื่องความเจ็บ โดยการฉีดยาชานั้นจะมีเทคนิคแตกต่างกันไปแล้วแต่แพทย์ผู้ทำหัตถการ 
ที่นามนิน คลินิก คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชาให้ผู้รับบริการด้วยตนเองโดยคำนวณปริมาณที่เหมาะสมและทำหัตถการอย่างเบามือ จึงทำให้ผู้รับบริการคลายกังวลและไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดไว้

ด้วยเทคนิคเฉพาะของคุณหมอนิน จึงทำให้หลังปลูกผมที่นามนิน ไม่ต้องใส่ผ้าคาดหน้าผาก และแทบไม่พบอาการบวมหลังปลูกผม จึงทำให้ผู้รับบริการไม่ต้องวิตกกังวลในการกลับใช้ชีวิต หรือออกไปทำงานหลังปลูกผมได้อย่างปกติ จนคนรอบข้างแทบไม่มีใครสังเกตุความเปลี่ยนแปลง







3 อาการคันที่หนังศีรษะ

เรียกว่าเป็นอาการที่พบได้เป็นปกติ และอาจเกิดจากสาเหตุหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น
  • การปลูกผมทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะจำนวนมาก จึงไปกระทบและรบกวนเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการคันและชา
  • ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมแผลที่เกิดหลังจากการปลูกผม โดยสะเก็ดเลือดที่แห้งตัวลง อาจไปดึงรั้งผิวหนังโดยรอบให้ตึงขึ้น ทำให้เกิดอาการคัน
  • ผลข้างเคียงจากสารฮิสตามีนในสะเก็ดเลือด ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง



ทั้งนี้แพทย์แนะนำไม่ให้เกาหรือสัมผัสบริเวณแผล เพราะอาจทำให้กราฟต์ผมปลูกใหม่หลุดติดออกมาได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อมากขึ้นด้วย ที่นามนิน คลินิก หลังปลูกผมจะมอบชุดผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองที่คุณหมอนินคัดสรรมาแล้วง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องช่วยทำความสะอาดและลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างแท้จริง



4 ผมร่วงหลังปลูก 2 สัปดาห์ (Shock Loss)

อาการ Shock Loss หรือการที่ผมปลูกใหม่หลุดร่วงเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นปกติของผู้รับบริการหลังปลูกผม ซึ่งชวนให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่คุณหมอนินจะอธิบายให้ผู้รับบริการของนามนินเข้าใจตั้งแต่แรก ว่าเป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามระยะและวงจรธรรมชาติ ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด และผมที่แข็งแรงสมบูรณ์จะงอกขึ้นใหม่เองภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า 


ซึ่งในบางเคสก็อาจจะไม่ได้เกิด Shock Loss ในทางกลับกันผมที่ปลูกไว้ตั้งแต่วันแรกกลับยาวต่อไป ก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน

นอกจากคุณหมอนินจะชวนผู้รับบริการทำความเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังปลูกผมแล้ว ยังคอยติดตามผลทุกระยะตลอด 1 ปีเต็ม และตอบข้อสงสัย รวมถึงคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ผู้รับบริการจึงไม่ต้องคอยเป็นกังวลกับอาการต่าง ๆ และยังรู้จักวิธีถนอมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่ดีที่สุดนั่นเอง












เช็ค 4 อาการหลังปลูกผม
หนึ่งในความกังวลใจหลาย ๆ เรื่องของผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจปลูกผมอยู่ก็ตาม ก็คือ อาการ หรือ ผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังปลูก หลายคนจึงน่าจะมีคำถามอยู่ในใจคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ...หลังปลูกผมแล้วจะเจ็บมั้ย ...ศีรษะหรือใบหน้าจะบวมหรือเปล่า ...รอยแผลจากการปลูกผมล่ะ ถ้าเห็นชัดจนใคร ๆ ก็ทักจะทำอย่างไร ...แล้วถ้าผมปลูกใหม่หลุดร่วงไป จะเกิดอะไรขึ้น?? สารพัดคำถามที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าคุณก้าวเข้ามาเป็นผู้รับบริการของนามนิน คลินิกแล้ว ความกังวลใจเหล่านี้จะบรรเทาลงไปไม่น้อยเลย เพราะคุณหมอจะอธิบายอย่างละเอียด ชัดเจน  เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ก่อนปลูกผมเตรียมตัวอย่างไร ในวันปลูกผมจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง และหลังปลูกผมต้องดูแลอย่างไร และมาพบแพทย์กึ่ครั้ง ตลอด 1 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิ่งจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมซึ่งอาการต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความกังวล คุณหมอนินมีเทคนิคที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียดที่จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการเหล่านั้นได้

นามนินได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียด 4 อาการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยทั่วไปหลังปลูกผม ไว้ดังนี้

1 รอยแผลด้านหลังท้ายทอย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมของผู้รับบริการเอง ออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย และนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณนั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด 

ดังนั้น การเกิดรอยแผลหลังเจาะย้ายกราฟต์ผมออก จึงถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของการทำหัตถการปลูกผม แต่คุณหมอของนามนิน มีตัวช่วยมากมายที่จะช่วยให้ผู้รับบริการซ่อนรอยแผลเนียนกริบ 


ข้อแรก คุณหมอเลือกนำเข้าอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมซึ่งมีหลายขนาดสามารถปรับให้เหมาะกับขนาดกราฟต์ผมของผู้รับบริการแต่ละคนเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่ถอนออกมาสมบูรณ์


ข้อสอง คุณหมอใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออก โดยไม่ต้องโกนผม ที่สำคัญ ยังพัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เจาะย้ายกราฟต์ผมออกสลับกันเป็นแถบ ๆ และพยายามกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ รอยแผลที่เกิดขึ้นจึงถูกซ่อนไว้ใต้ผมเดิมของผู้รับบริการอยากแนบเนียน

นั่นทำให้ผู้รับบริการสามารถจัดแต่งทรงผมได้เต็มที่ทุกสไตล์ โดยไม่ต้องกังวลคอยปกปิดรอยแผล


2 อาการบวมที่ใบหน้า

ในขั้นตอนการปลูกผม จะมีการฉีดยาชา 2 ครั้ง คือ 
  • ครั้งแรก จะฉีดยาชาเพื่อให้บริเวณท้ายทอยไม่มีความรู้สึก เพื่อเจาะย้ายรากผม ตามจำนวนที่ต้องการปลูก 
  • ครั้งที่สอง จะฉีดยาชาบริเวณที่เราต้องการปลูกผมเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่จะปลูกผม

ซึ่งการฉีดยาชามักเป็นจุดที่ผู้รับบริการวิตกกังวลในเรื่องความเจ็บ โดยการฉีดยาชานั้นจะมีเทคนิคแตกต่างกันไปแล้วแต่แพทย์ผู้ทำหัตถการ 
ที่นามนิน คลินิก คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชาให้ผู้รับบริการด้วยตนเองโดยคำนวณปริมาณที่เหมาะสมและทำหัตถการอย่างเบามือ จึงทำให้ผู้รับบริการคลายกังวลและไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดไว้

ด้วยเทคนิคเฉพาะของคุณหมอนิน จึงทำให้หลังปลูกผมที่นามนิน ไม่ต้องใส่ผ้าคาดหน้าผาก และแทบไม่พบอาการบวมหลังปลูกผม จึงทำให้ผู้รับบริการไม่ต้องวิตกกังวลในการกลับใช้ชีวิต หรือออกไปทำงานหลังปลูกผมได้อย่างปกติ จนคนรอบข้างแทบไม่มีใครสังเกตุความเปลี่ยนแปลง







3 อาการคันที่หนังศีรษะ

เรียกว่าเป็นอาการที่พบได้เป็นปกติ และอาจเกิดจากสาเหตุหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น
  • การปลูกผมทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะจำนวนมาก จึงไปกระทบและรบกวนเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการคันและชา
  • ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมแผลที่เกิดหลังจากการปลูกผม โดยสะเก็ดเลือดที่แห้งตัวลง อาจไปดึงรั้งผิวหนังโดยรอบให้ตึงขึ้น ทำให้เกิดอาการคัน
  • ผลข้างเคียงจากสารฮิสตามีนในสะเก็ดเลือด ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง



ทั้งนี้แพทย์แนะนำไม่ให้เกาหรือสัมผัสบริเวณแผล เพราะอาจทำให้กราฟต์ผมปลูกใหม่หลุดติดออกมาได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อมากขึ้นด้วย ที่นามนิน คลินิก หลังปลูกผมจะมอบชุดผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองที่คุณหมอนินคัดสรรมาแล้วง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องช่วยทำความสะอาดและลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างแท้จริง



4 ผมร่วงหลังปลูก 2 สัปดาห์ (Shock Loss)

อาการ Shock Loss หรือการที่ผมปลูกใหม่หลุดร่วงเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นปกติของผู้รับบริการหลังปลูกผม ซึ่งชวนให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่คุณหมอนินจะอธิบายให้ผู้รับบริการของนามนินเข้าใจตั้งแต่แรก ว่าเป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามระยะและวงจรธรรมชาติ ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด และผมที่แข็งแรงสมบูรณ์จะงอกขึ้นใหม่เองภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า 


ซึ่งในบางเคสก็อาจจะไม่ได้เกิด Shock Loss ในทางกลับกันผมที่ปลูกไว้ตั้งแต่วันแรกกลับยาวต่อไป ก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน

นอกจากคุณหมอนินจะชวนผู้รับบริการทำความเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังปลูกผมแล้ว ยังคอยติดตามผลทุกระยะตลอด 1 ปีเต็ม และตอบข้อสงสัย รวมถึงคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ผู้รับบริการจึงไม่ต้องคอยเป็นกังวลกับอาการต่าง ๆ และยังรู้จักวิธีถนอมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่ดีที่สุดนั่นเอง












เช็ค 4 อาการหลังปลูกผม
หนึ่งในความกังวลใจหลาย ๆ เรื่องของผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจปลูกผมอยู่ก็ตาม ก็คือ อาการ หรือ ผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังปลูก หลายคนจึงน่าจะมีคำถามอยู่ในใจคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ...หลังปลูกผมแล้วจะเจ็บมั้ย ...ศีรษะหรือใบหน้าจะบวมหรือเปล่า ...รอยแผลจากการปลูกผมล่ะ ถ้าเห็นชัดจนใคร ๆ ก็ทักจะทำอย่างไร ...แล้วถ้าผมปลูกใหม่หลุดร่วงไป จะเกิดอะไรขึ้น?? สารพัดคำถามที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าคุณก้าวเข้ามาเป็นผู้รับบริการของนามนิน คลินิกแล้ว ความกังวลใจเหล่านี้จะบรรเทาลงไปไม่น้อยเลย เพราะคุณหมอจะอธิบายอย่างละเอียด ชัดเจน  เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ก่อนปลูกผมเตรียมตัวอย่างไร ในวันปลูกผมจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง และหลังปลูกผมต้องดูแลอย่างไร และมาพบแพทย์กึ่ครั้ง ตลอด 1 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิ่งจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมซึ่งอาการต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความกังวล คุณหมอนินมีเทคนิคที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียดที่จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการเหล่านั้นได้

นามนินได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียด 4 อาการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยทั่วไปหลังปลูกผม ไว้ดังนี้

1 รอยแผลด้านหลังท้ายทอย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมของผู้รับบริการเอง ออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย และนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณนั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด 

ดังนั้น การเกิดรอยแผลหลังเจาะย้ายกราฟต์ผมออก จึงถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของการทำหัตถการปลูกผม แต่คุณหมอของนามนิน มีตัวช่วยมากมายที่จะช่วยให้ผู้รับบริการซ่อนรอยแผลเนียนกริบ 


ข้อแรก คุณหมอเลือกนำเข้าอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมซึ่งมีหลายขนาดสามารถปรับให้เหมาะกับขนาดกราฟต์ผมของผู้รับบริการแต่ละคนเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่ถอนออกมาสมบูรณ์


ข้อสอง คุณหมอใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออก โดยไม่ต้องโกนผม ที่สำคัญ ยังพัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เจาะย้ายกราฟต์ผมออกสลับกันเป็นแถบ ๆ และพยายามกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ รอยแผลที่เกิดขึ้นจึงถูกซ่อนไว้ใต้ผมเดิมของผู้รับบริการอยากแนบเนียน

นั่นทำให้ผู้รับบริการสามารถจัดแต่งทรงผมได้เต็มที่ทุกสไตล์ โดยไม่ต้องกังวลคอยปกปิดรอยแผล


2 อาการบวมที่ใบหน้า

ในขั้นตอนการปลูกผม จะมีการฉีดยาชา 2 ครั้ง คือ 
  • ครั้งแรก จะฉีดยาชาเพื่อให้บริเวณท้ายทอยไม่มีความรู้สึก เพื่อเจาะย้ายรากผม ตามจำนวนที่ต้องการปลูก 
  • ครั้งที่สอง จะฉีดยาชาบริเวณที่เราต้องการปลูกผมเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่จะปลูกผม

ซึ่งการฉีดยาชามักเป็นจุดที่ผู้รับบริการวิตกกังวลในเรื่องความเจ็บ โดยการฉีดยาชานั้นจะมีเทคนิคแตกต่างกันไปแล้วแต่แพทย์ผู้ทำหัตถการ 
ที่นามนิน คลินิก คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชาให้ผู้รับบริการด้วยตนเองโดยคำนวณปริมาณที่เหมาะสมและทำหัตถการอย่างเบามือ จึงทำให้ผู้รับบริการคลายกังวลและไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดไว้

ด้วยเทคนิคเฉพาะของคุณหมอนิน จึงทำให้หลังปลูกผมที่นามนิน ไม่ต้องใส่ผ้าคาดหน้าผาก และแทบไม่พบอาการบวมหลังปลูกผม จึงทำให้ผู้รับบริการไม่ต้องวิตกกังวลในการกลับใช้ชีวิต หรือออกไปทำงานหลังปลูกผมได้อย่างปกติ จนคนรอบข้างแทบไม่มีใครสังเกตุความเปลี่ยนแปลง







3 อาการคันที่หนังศีรษะ

เรียกว่าเป็นอาการที่พบได้เป็นปกติ และอาจเกิดจากสาเหตุหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น
  • การปลูกผมทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะจำนวนมาก จึงไปกระทบและรบกวนเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการคันและชา
  • ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมแผลที่เกิดหลังจากการปลูกผม โดยสะเก็ดเลือดที่แห้งตัวลง อาจไปดึงรั้งผิวหนังโดยรอบให้ตึงขึ้น ทำให้เกิดอาการคัน
  • ผลข้างเคียงจากสารฮิสตามีนในสะเก็ดเลือด ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง



ทั้งนี้แพทย์แนะนำไม่ให้เกาหรือสัมผัสบริเวณแผล เพราะอาจทำให้กราฟต์ผมปลูกใหม่หลุดติดออกมาได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อมากขึ้นด้วย ที่นามนิน คลินิก หลังปลูกผมจะมอบชุดผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองที่คุณหมอนินคัดสรรมาแล้วง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องช่วยทำความสะอาดและลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างแท้จริง



4 ผมร่วงหลังปลูก 2 สัปดาห์ (Shock Loss)

อาการ Shock Loss หรือการที่ผมปลูกใหม่หลุดร่วงเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นปกติของผู้รับบริการหลังปลูกผม ซึ่งชวนให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่คุณหมอนินจะอธิบายให้ผู้รับบริการของนามนินเข้าใจตั้งแต่แรก ว่าเป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามระยะและวงจรธรรมชาติ ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด และผมที่แข็งแรงสมบูรณ์จะงอกขึ้นใหม่เองภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า 


ซึ่งในบางเคสก็อาจจะไม่ได้เกิด Shock Loss ในทางกลับกันผมที่ปลูกไว้ตั้งแต่วันแรกกลับยาวต่อไป ก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน

นอกจากคุณหมอนินจะชวนผู้รับบริการทำความเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังปลูกผมแล้ว ยังคอยติดตามผลทุกระยะตลอด 1 ปีเต็ม และตอบข้อสงสัย รวมถึงคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ผู้รับบริการจึงไม่ต้องคอยเป็นกังวลกับอาการต่าง ๆ และยังรู้จักวิธีถนอมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่ดีที่สุดนั่นเอง












รอยแสกกว้าง รักษาได้ไม่ยาก
นอกจากจะต้องกังวลปัญหาไรผมสูง หน้าผากกว้าง ผมบางทั่วศีรษะเห็นชัดแล้ว สาว ๆ หลายคนก็ยังต้องกังวลกับปัญหารอยแสกผมกว้างอีกด้วย ซึ่งถ้าปล่อยไว้ ไม่หาวิธีการรักษาที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา ก็อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางจนเห็นหนังศีรษะชัดได้ ซึ่งทำให้สูญเสียความมั่นใจสุด ๆ

โดยทั่วไปแล้วรอยแสกกว้างนั้นถือเป็นลักษณะผมบางรูปแบบหนึ่งที่พบมากในเพศหญิง มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการแสกผมในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะส่งผลต่อการขึ้นใหม่ของเส้นผมที่จะเบนไปตามทิศทางที่แสกผม หรือมีการมัดผมที่รวบตึงจนเกินไป บวกกับความแข็งแรงของรากผมลดลง เมื่ออายุมากขึ้น ก็ทำให้เส้นผมหลุดร่วง เกิดรอยแสกกว้าง และมีปัญหาผมบางลงในที่สุด 

ปัญหารอยแสกกว้างแบบไหนที่ควรกังวล 
ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น จะเริ่มมีปัญหาผมบางจากบริเวณกลางศีรษะ ปรากฏเป็นรอยแสกผมกว้างเห็นชัด ซึ่งสามารถแบ่งระยะผมบางได้ตามระดับความรุนแรง เป็น 4 ระดับ ดังนี้
  • ระดับ 1 ที่สามารถสังเกตได้จากผมร่วงมากกว่า 200 เส้นต่อวัน
  • ระดับ 2 ลูกผมบริเวณกลางศีรษะขึ้นใหม่ลดน้อยลง
  • ระดับ 3 ที่รอยแสกผมมีลักษณะคล้ายกับต้นคริสต์มาสและเห็นหนังศีรษะชัดเจน  
  • ระดับ 4 ที่รอยแสกกลางไม่มีผมชุดใหม่ขึ้นเลย มองเห็นหนังศีรษะชัด และหนังศีรษะมีลักษณะเรียบไร้รูขุมขน  


วิธีป้องกันปัญหารอยแสกผมกว้าง
นอกจากสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างจะมาจากกรรมพันธุ์แล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างได้เช่นกัน ซึ่งมีวิธีป้องกันปัญหารอยแสกกว้าง ดังนี้

  • เปลี่ยนรอยแสกผม เช่น จากเดิมเคยไว้แสกกลาง อาจไว้แสกข้างไปทางซ้าย หรือขวาแทน เพื่อปรับแนวการขึ้นใหม่ของเส้นผม และยังเป็นการเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนลุค ให้น่าสนใจกว่าเดิมอีกด้วย 
  • เลี่ยงการมัดผม หรือรวบผมตึงเกินไป เพราะอาจเป็นการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอได้
  • เลี่ยงการทำผมบ่อย ๆ หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมและหนังศีรษะบ่อย ๆ เช่น การดัด ยืด ทำสีผม
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะสูตรอ่อนโยน ป้องกันการหลุดร่วงเส้นผม
  • ไม่หวีผมขณะผมเปียก เพื่อป้องกันผมร่วง 
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารกลุ่มโปรตีน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากผม 

ทั้งนี้หากเผชิญกับปัญหารอยแสกผมกว้างที่รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก (ระยะ1-2) ก็ยิ่งดี  เพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุ และรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้รอยแสกกว้างกว่าเดิมในอนาคต 

และที่สำคัญหากเริ่มรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็จะยิ่งเห็นผลได้ดีในระยะเวลารวดเร็ว  แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกด้วย แต่จะรักษาด้วยวิธีไหนดีที่เจ็บตัวน้อยที่สุด และให้ประสิทธิภาพหลังการรักษาที่ดี ติดตามบทความของนามนินกันต่อเลย

โปรแกรม PHB รักษารอยแสกกว้างโดยไม่ต้องผ่าตัด 
เพราะปัญหารอยแสกกว้างส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ แม้การปลูกผมจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ แต่ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะเกิดรอยแสกกว้างเห็นชัดขึ้นอีก ฉะนั้นที่นามนินเราจะดูแลปัญหารอยแสกกว้าง ผมบางในผู้หญิงสำหรับเคสผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ที่ไม่เหมาะกับการปลูกผม ด้วยเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วยโปรแกรม PHB 


โปรแกรมทรีตเมนต์ที่จะช่วยบำรุงดูแลผมอย่างล้ำลึกได้ถึงเซลล์รากผม อัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลวิตามิน โปรตีน สารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมโดยเฉพาะ คิดค้นสูตรโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน



ขณะเดียวกันโปรแกรม PHB ยังเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ เช่น
  • สัมผัสได้ถึงเส้นผมร่วงลดน้อยลงภายใน 3-7 วันหลังเข้ารับบริการ  
  • สังเกตเห็นเส้นผมอ่อน เส้นผมงอกใหม่ใน 1-3 เดือนหลังเข้ารับบริการ
  • รู้สึกว่าเส้นผมมีลักษณะเส้นใหญ่ขึ้น ปริมาณความหนาแน่นมากขึ้นใน 2-4 เดือน
  • ภายใน 6-9 เดือนจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด 


นอกจากนี้ โปรแกรม PHB   ยังถือเป็นวิธีการรักษารอยแสกกว้างที่สะดวกสบาย ไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียง หรือรอยแผลที่อาจเห็นชัดอีกด้วย 
สำหรับใครที่กังวลปัญหารอยแสกกว้าง สัญญาณผมบางอยู่ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะรอยแสกกว้าง เป็นแล้วสามารถรักษาได้ และไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หรือปลูกผม นามนินขอแนะนำทรีตเมนต์ฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม PHB นี้เลย การันตีผลลัพธ์จากคนไข้มากมายว่าสามารถฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรงได้จากภายใน เพิ่มปริมาณผมให้หนาแน่นดกดำกว่าเดิม  




ทั้งนี้เพื่อการรักษาที่เห็นผลและตรงจุด หากพบสัญญาณผมบาง เริ่มสังเกตเห็นรอยแสกผมกว้าง ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการ และวางแผนวิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมให้เร็วที่สุด จะได้ช่วยหยุดการลุกลามของปัญหาผมบางนี้ได้ ก่อนจะทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้นั่นเอง


รอยแสกกว้าง รักษาได้ไม่ยาก
นอกจากจะต้องกังวลปัญหาไรผมสูง หน้าผากกว้าง ผมบางทั่วศีรษะเห็นชัดแล้ว สาว ๆ หลายคนก็ยังต้องกังวลกับปัญหารอยแสกผมกว้างอีกด้วย ซึ่งถ้าปล่อยไว้ ไม่หาวิธีการรักษาที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา ก็อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางจนเห็นหนังศีรษะชัดได้ ซึ่งทำให้สูญเสียความมั่นใจสุด ๆ

โดยทั่วไปแล้วรอยแสกกว้างนั้นถือเป็นลักษณะผมบางรูปแบบหนึ่งที่พบมากในเพศหญิง มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการแสกผมในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะส่งผลต่อการขึ้นใหม่ของเส้นผมที่จะเบนไปตามทิศทางที่แสกผม หรือมีการมัดผมที่รวบตึงจนเกินไป บวกกับความแข็งแรงของรากผมลดลง เมื่ออายุมากขึ้น ก็ทำให้เส้นผมหลุดร่วง เกิดรอยแสกกว้าง และมีปัญหาผมบางลงในที่สุด 

ปัญหารอยแสกกว้างแบบไหนที่ควรกังวล 
ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น จะเริ่มมีปัญหาผมบางจากบริเวณกลางศีรษะ ปรากฏเป็นรอยแสกผมกว้างเห็นชัด ซึ่งสามารถแบ่งระยะผมบางได้ตามระดับความรุนแรง เป็น 4 ระดับ ดังนี้
  • ระดับ 1 ที่สามารถสังเกตได้จากผมร่วงมากกว่า 200 เส้นต่อวัน
  • ระดับ 2 ลูกผมบริเวณกลางศีรษะขึ้นใหม่ลดน้อยลง
  • ระดับ 3 ที่รอยแสกผมมีลักษณะคล้ายกับต้นคริสต์มาสและเห็นหนังศีรษะชัดเจน  
  • ระดับ 4 ที่รอยแสกกลางไม่มีผมชุดใหม่ขึ้นเลย มองเห็นหนังศีรษะชัด และหนังศีรษะมีลักษณะเรียบไร้รูขุมขน  


วิธีป้องกันปัญหารอยแสกผมกว้าง
นอกจากสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างจะมาจากกรรมพันธุ์แล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างได้เช่นกัน ซึ่งมีวิธีป้องกันปัญหารอยแสกกว้าง ดังนี้

  • เปลี่ยนรอยแสกผม เช่น จากเดิมเคยไว้แสกกลาง อาจไว้แสกข้างไปทางซ้าย หรือขวาแทน เพื่อปรับแนวการขึ้นใหม่ของเส้นผม และยังเป็นการเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนลุค ให้น่าสนใจกว่าเดิมอีกด้วย 
  • เลี่ยงการมัดผม หรือรวบผมตึงเกินไป เพราะอาจเป็นการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอได้
  • เลี่ยงการทำผมบ่อย ๆ หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมและหนังศีรษะบ่อย ๆ เช่น การดัด ยืด ทำสีผม
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะสูตรอ่อนโยน ป้องกันการหลุดร่วงเส้นผม
  • ไม่หวีผมขณะผมเปียก เพื่อป้องกันผมร่วง 
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารกลุ่มโปรตีน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากผม 

ทั้งนี้หากเผชิญกับปัญหารอยแสกผมกว้างที่รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก (ระยะ1-2) ก็ยิ่งดี  เพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุ และรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้รอยแสกกว้างกว่าเดิมในอนาคต 

และที่สำคัญหากเริ่มรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็จะยิ่งเห็นผลได้ดีในระยะเวลารวดเร็ว  แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกด้วย แต่จะรักษาด้วยวิธีไหนดีที่เจ็บตัวน้อยที่สุด และให้ประสิทธิภาพหลังการรักษาที่ดี ติดตามบทความของนามนินกันต่อเลย

โปรแกรม PHB รักษารอยแสกกว้างโดยไม่ต้องผ่าตัด 
เพราะปัญหารอยแสกกว้างส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ แม้การปลูกผมจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ แต่ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะเกิดรอยแสกกว้างเห็นชัดขึ้นอีก ฉะนั้นที่นามนินเราจะดูแลปัญหารอยแสกกว้าง ผมบางในผู้หญิงสำหรับเคสผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ที่ไม่เหมาะกับการปลูกผม ด้วยเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วยโปรแกรม PHB 


โปรแกรมทรีตเมนต์ที่จะช่วยบำรุงดูแลผมอย่างล้ำลึกได้ถึงเซลล์รากผม อัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลวิตามิน โปรตีน สารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมโดยเฉพาะ คิดค้นสูตรโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน



ขณะเดียวกันโปรแกรม PHB ยังเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ เช่น
  • สัมผัสได้ถึงเส้นผมร่วงลดน้อยลงภายใน 3-7 วันหลังเข้ารับบริการ  
  • สังเกตเห็นเส้นผมอ่อน เส้นผมงอกใหม่ใน 1-3 เดือนหลังเข้ารับบริการ
  • รู้สึกว่าเส้นผมมีลักษณะเส้นใหญ่ขึ้น ปริมาณความหนาแน่นมากขึ้นใน 2-4 เดือน
  • ภายใน 6-9 เดือนจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด 


นอกจากนี้ โปรแกรม PHB   ยังถือเป็นวิธีการรักษารอยแสกกว้างที่สะดวกสบาย ไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียง หรือรอยแผลที่อาจเห็นชัดอีกด้วย 
สำหรับใครที่กังวลปัญหารอยแสกกว้าง สัญญาณผมบางอยู่ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะรอยแสกกว้าง เป็นแล้วสามารถรักษาได้ และไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หรือปลูกผม นามนินขอแนะนำทรีตเมนต์ฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม PHB นี้เลย การันตีผลลัพธ์จากคนไข้มากมายว่าสามารถฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรงได้จากภายใน เพิ่มปริมาณผมให้หนาแน่นดกดำกว่าเดิม  




ทั้งนี้เพื่อการรักษาที่เห็นผลและตรงจุด หากพบสัญญาณผมบาง เริ่มสังเกตเห็นรอยแสกผมกว้าง ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการ และวางแผนวิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมให้เร็วที่สุด จะได้ช่วยหยุดการลุกลามของปัญหาผมบางนี้ได้ ก่อนจะทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้นั่นเอง


รอยแสกกว้าง รักษาได้ไม่ยาก
นอกจากจะต้องกังวลปัญหาไรผมสูง หน้าผากกว้าง ผมบางทั่วศีรษะเห็นชัดแล้ว สาว ๆ หลายคนก็ยังต้องกังวลกับปัญหารอยแสกผมกว้างอีกด้วย ซึ่งถ้าปล่อยไว้ ไม่หาวิธีการรักษาที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา ก็อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางจนเห็นหนังศีรษะชัดได้ ซึ่งทำให้สูญเสียความมั่นใจสุด ๆ

โดยทั่วไปแล้วรอยแสกกว้างนั้นถือเป็นลักษณะผมบางรูปแบบหนึ่งที่พบมากในเพศหญิง มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการแสกผมในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะส่งผลต่อการขึ้นใหม่ของเส้นผมที่จะเบนไปตามทิศทางที่แสกผม หรือมีการมัดผมที่รวบตึงจนเกินไป บวกกับความแข็งแรงของรากผมลดลง เมื่ออายุมากขึ้น ก็ทำให้เส้นผมหลุดร่วง เกิดรอยแสกกว้าง และมีปัญหาผมบางลงในที่สุด 

ปัญหารอยแสกกว้างแบบไหนที่ควรกังวล 
ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น จะเริ่มมีปัญหาผมบางจากบริเวณกลางศีรษะ ปรากฏเป็นรอยแสกผมกว้างเห็นชัด ซึ่งสามารถแบ่งระยะผมบางได้ตามระดับความรุนแรง เป็น 4 ระดับ ดังนี้
  • ระดับ 1 ที่สามารถสังเกตได้จากผมร่วงมากกว่า 200 เส้นต่อวัน
  • ระดับ 2 ลูกผมบริเวณกลางศีรษะขึ้นใหม่ลดน้อยลง
  • ระดับ 3 ที่รอยแสกผมมีลักษณะคล้ายกับต้นคริสต์มาสและเห็นหนังศีรษะชัดเจน  
  • ระดับ 4 ที่รอยแสกกลางไม่มีผมชุดใหม่ขึ้นเลย มองเห็นหนังศีรษะชัด และหนังศีรษะมีลักษณะเรียบไร้รูขุมขน  


วิธีป้องกันปัญหารอยแสกผมกว้าง
นอกจากสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างจะมาจากกรรมพันธุ์แล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างได้เช่นกัน ซึ่งมีวิธีป้องกันปัญหารอยแสกกว้าง ดังนี้

  • เปลี่ยนรอยแสกผม เช่น จากเดิมเคยไว้แสกกลาง อาจไว้แสกข้างไปทางซ้าย หรือขวาแทน เพื่อปรับแนวการขึ้นใหม่ของเส้นผม และยังเป็นการเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนลุค ให้น่าสนใจกว่าเดิมอีกด้วย 
  • เลี่ยงการมัดผม หรือรวบผมตึงเกินไป เพราะอาจเป็นการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอได้
  • เลี่ยงการทำผมบ่อย ๆ หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมและหนังศีรษะบ่อย ๆ เช่น การดัด ยืด ทำสีผม
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะสูตรอ่อนโยน ป้องกันการหลุดร่วงเส้นผม
  • ไม่หวีผมขณะผมเปียก เพื่อป้องกันผมร่วง 
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารกลุ่มโปรตีน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากผม 

ทั้งนี้หากเผชิญกับปัญหารอยแสกผมกว้างที่รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก (ระยะ1-2) ก็ยิ่งดี  เพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุ และรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้รอยแสกกว้างกว่าเดิมในอนาคต 

และที่สำคัญหากเริ่มรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็จะยิ่งเห็นผลได้ดีในระยะเวลารวดเร็ว  แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกด้วย แต่จะรักษาด้วยวิธีไหนดีที่เจ็บตัวน้อยที่สุด และให้ประสิทธิภาพหลังการรักษาที่ดี ติดตามบทความของนามนินกันต่อเลย

โปรแกรม PHB รักษารอยแสกกว้างโดยไม่ต้องผ่าตัด 
เพราะปัญหารอยแสกกว้างส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ แม้การปลูกผมจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ แต่ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะเกิดรอยแสกกว้างเห็นชัดขึ้นอีก ฉะนั้นที่นามนินเราจะดูแลปัญหารอยแสกกว้าง ผมบางในผู้หญิงสำหรับเคสผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ที่ไม่เหมาะกับการปลูกผม ด้วยเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วยโปรแกรม PHB 


โปรแกรมทรีตเมนต์ที่จะช่วยบำรุงดูแลผมอย่างล้ำลึกได้ถึงเซลล์รากผม อัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลวิตามิน โปรตีน สารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมโดยเฉพาะ คิดค้นสูตรโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน



ขณะเดียวกันโปรแกรม PHB ยังเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ เช่น
  • สัมผัสได้ถึงเส้นผมร่วงลดน้อยลงภายใน 3-7 วันหลังเข้ารับบริการ  
  • สังเกตเห็นเส้นผมอ่อน เส้นผมงอกใหม่ใน 1-3 เดือนหลังเข้ารับบริการ
  • รู้สึกว่าเส้นผมมีลักษณะเส้นใหญ่ขึ้น ปริมาณความหนาแน่นมากขึ้นใน 2-4 เดือน
  • ภายใน 6-9 เดือนจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด 


นอกจากนี้ โปรแกรม PHB   ยังถือเป็นวิธีการรักษารอยแสกกว้างที่สะดวกสบาย ไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียง หรือรอยแผลที่อาจเห็นชัดอีกด้วย 
สำหรับใครที่กังวลปัญหารอยแสกกว้าง สัญญาณผมบางอยู่ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะรอยแสกกว้าง เป็นแล้วสามารถรักษาได้ และไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หรือปลูกผม นามนินขอแนะนำทรีตเมนต์ฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม PHB นี้เลย การันตีผลลัพธ์จากคนไข้มากมายว่าสามารถฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรงได้จากภายใน เพิ่มปริมาณผมให้หนาแน่นดกดำกว่าเดิม  




ทั้งนี้เพื่อการรักษาที่เห็นผลและตรงจุด หากพบสัญญาณผมบาง เริ่มสังเกตเห็นรอยแสกผมกว้าง ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการ และวางแผนวิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมให้เร็วที่สุด จะได้ช่วยหยุดการลุกลามของปัญหาผมบางนี้ได้ ก่อนจะทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้นั่นเอง


รอยแสกกว้าง รักษาได้ไม่ยาก
นอกจากจะต้องกังวลปัญหาไรผมสูง หน้าผากกว้าง ผมบางทั่วศีรษะเห็นชัดแล้ว สาว ๆ หลายคนก็ยังต้องกังวลกับปัญหารอยแสกผมกว้างอีกด้วย ซึ่งถ้าปล่อยไว้ ไม่หาวิธีการรักษาที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา ก็อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางจนเห็นหนังศีรษะชัดได้ ซึ่งทำให้สูญเสียความมั่นใจสุด ๆ

โดยทั่วไปแล้วรอยแสกกว้างนั้นถือเป็นลักษณะผมบางรูปแบบหนึ่งที่พบมากในเพศหญิง มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการแสกผมในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะส่งผลต่อการขึ้นใหม่ของเส้นผมที่จะเบนไปตามทิศทางที่แสกผม หรือมีการมัดผมที่รวบตึงจนเกินไป บวกกับความแข็งแรงของรากผมลดลง เมื่ออายุมากขึ้น ก็ทำให้เส้นผมหลุดร่วง เกิดรอยแสกกว้าง และมีปัญหาผมบางลงในที่สุด 

ปัญหารอยแสกกว้างแบบไหนที่ควรกังวล 
ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น จะเริ่มมีปัญหาผมบางจากบริเวณกลางศีรษะ ปรากฏเป็นรอยแสกผมกว้างเห็นชัด ซึ่งสามารถแบ่งระยะผมบางได้ตามระดับความรุนแรง เป็น 4 ระดับ ดังนี้
  • ระดับ 1 ที่สามารถสังเกตได้จากผมร่วงมากกว่า 200 เส้นต่อวัน
  • ระดับ 2 ลูกผมบริเวณกลางศีรษะขึ้นใหม่ลดน้อยลง
  • ระดับ 3 ที่รอยแสกผมมีลักษณะคล้ายกับต้นคริสต์มาสและเห็นหนังศีรษะชัดเจน  
  • ระดับ 4 ที่รอยแสกกลางไม่มีผมชุดใหม่ขึ้นเลย มองเห็นหนังศีรษะชัด และหนังศีรษะมีลักษณะเรียบไร้รูขุมขน  


วิธีป้องกันปัญหารอยแสกผมกว้าง
นอกจากสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างจะมาจากกรรมพันธุ์แล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างได้เช่นกัน ซึ่งมีวิธีป้องกันปัญหารอยแสกกว้าง ดังนี้

  • เปลี่ยนรอยแสกผม เช่น จากเดิมเคยไว้แสกกลาง อาจไว้แสกข้างไปทางซ้าย หรือขวาแทน เพื่อปรับแนวการขึ้นใหม่ของเส้นผม และยังเป็นการเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนลุค ให้น่าสนใจกว่าเดิมอีกด้วย 
  • เลี่ยงการมัดผม หรือรวบผมตึงเกินไป เพราะอาจเป็นการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอได้
  • เลี่ยงการทำผมบ่อย ๆ หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมและหนังศีรษะบ่อย ๆ เช่น การดัด ยืด ทำสีผม
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะสูตรอ่อนโยน ป้องกันการหลุดร่วงเส้นผม
  • ไม่หวีผมขณะผมเปียก เพื่อป้องกันผมร่วง 
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารกลุ่มโปรตีน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากผม 

ทั้งนี้หากเผชิญกับปัญหารอยแสกผมกว้างที่รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก (ระยะ1-2) ก็ยิ่งดี  เพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุ และรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้รอยแสกกว้างกว่าเดิมในอนาคต 

และที่สำคัญหากเริ่มรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็จะยิ่งเห็นผลได้ดีในระยะเวลารวดเร็ว  แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกด้วย แต่จะรักษาด้วยวิธีไหนดีที่เจ็บตัวน้อยที่สุด และให้ประสิทธิภาพหลังการรักษาที่ดี ติดตามบทความของนามนินกันต่อเลย

โปรแกรม PHB รักษารอยแสกกว้างโดยไม่ต้องผ่าตัด 
เพราะปัญหารอยแสกกว้างส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ แม้การปลูกผมจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ แต่ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะเกิดรอยแสกกว้างเห็นชัดขึ้นอีก ฉะนั้นที่นามนินเราจะดูแลปัญหารอยแสกกว้าง ผมบางในผู้หญิงสำหรับเคสผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ที่ไม่เหมาะกับการปลูกผม ด้วยเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วยโปรแกรม PHB 


โปรแกรมทรีตเมนต์ที่จะช่วยบำรุงดูแลผมอย่างล้ำลึกได้ถึงเซลล์รากผม อัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลวิตามิน โปรตีน สารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมโดยเฉพาะ คิดค้นสูตรโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน



ขณะเดียวกันโปรแกรม PHB ยังเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ เช่น
  • สัมผัสได้ถึงเส้นผมร่วงลดน้อยลงภายใน 3-7 วันหลังเข้ารับบริการ  
  • สังเกตเห็นเส้นผมอ่อน เส้นผมงอกใหม่ใน 1-3 เดือนหลังเข้ารับบริการ
  • รู้สึกว่าเส้นผมมีลักษณะเส้นใหญ่ขึ้น ปริมาณความหนาแน่นมากขึ้นใน 2-4 เดือน
  • ภายใน 6-9 เดือนจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด 


นอกจากนี้ โปรแกรม PHB   ยังถือเป็นวิธีการรักษารอยแสกกว้างที่สะดวกสบาย ไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียง หรือรอยแผลที่อาจเห็นชัดอีกด้วย 
สำหรับใครที่กังวลปัญหารอยแสกกว้าง สัญญาณผมบางอยู่ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะรอยแสกกว้าง เป็นแล้วสามารถรักษาได้ และไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หรือปลูกผม นามนินขอแนะนำทรีตเมนต์ฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม PHB นี้เลย การันตีผลลัพธ์จากคนไข้มากมายว่าสามารถฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรงได้จากภายใน เพิ่มปริมาณผมให้หนาแน่นดกดำกว่าเดิม  




ทั้งนี้เพื่อการรักษาที่เห็นผลและตรงจุด หากพบสัญญาณผมบาง เริ่มสังเกตเห็นรอยแสกผมกว้าง ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการ และวางแผนวิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมให้เร็วที่สุด จะได้ช่วยหยุดการลุกลามของปัญหาผมบางนี้ได้ ก่อนจะทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้นั่นเอง


คลายข้อสงสัย เลือกปลูกผมแบบไหนได้ผลลัพธ์ตรงใจที่สุด
“การปลูกผม” แตกต่างจากศัลยกรรมอื่นที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ไม่ถูกใจก็แก้ไขใหม่ แต่การปลูกผมนั้นมีข้อจำกัด คือ ต้องใช้ต้นทุนเส้นผมของตัวเอง และเป็นต้นทุนที่ใช้แล้วหมดไป การตัดสินใจเลือกการปลูกผมจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ยิ่งในปัจจุบันที่มีการโฆษณาเทคนิคการปลูกผมต่างๆ มากมาย ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจยากขึ้นไปอีก
.
ถ้าอยากปลูกผมแล้วได้ “เส้นผมจริงๆ” อย่างที่คาดหวัง ต้องเลือกอย่างไร? ต้องเข้าก่อนใจว่า ในทุกขั้นตอนของ “การปลูกผม” ล้วนมีความสำคัญและมีผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ทั้งสิ้น จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ ซึ่งจะมีด้านใดบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาให้ในบทความนี้ค่ะ
.
ผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผม
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับบริการจนวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่สมบูรณ์ มีปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้มั่นใจได้มากที่สุดคือ “แพทย์ผู้ปลูกผม” ที่ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกันกับคุณตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม


.
ความเชี่ยวชาญของแพทย์และทีม
ในทุกขั้นตอนของการปลูกผมส่งผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ เริ่มตั้งแต่การย้ายรากผม ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดของกราฟต์ผม เพราะกราฟต์ผมของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ความชำนาญในการนำกราฟต์ผมออกมาอย่างสมบูรณ์  เพราะนั่นเป็นต้นทุนสำคัญในการปลูกผม



ขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผม
จะใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง โดยคุณหมอนินเป็นผู้วางแผนและดูแลด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์เจาะย้ายที่เหมาะสมกับกราฟต์ผมของผู้เข้ารับบริการ และยังเป็นผู้ควบคุมทีมสหวิชาชีพในการทำหัตถการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หลังจากที่ย้ายกราฟต์ผมออกมาแล้ว ต้องรีบนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันทีเพื่อให้กราฟต์ผมอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนการนำไปปลูก ซึ่งหากไม่ควบคุมขั้นตอนนี้ให้ดี กราฟต์ผมอาจจะเสียหายหรือตายก่อนที่จะนำไปปลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลูกผมแล้วผมไม่ขึ้น



การปลูกผมโดยแพทย์ทุกกราฟต์
ในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกกราฟต์ผมต้นทุนที่ปลูกลงไปนั้นจะงอกขึ้นใหม่ตามที่วางแผนไว้ ซึ่งในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ จัดวางผมแต่ละเส้นในตำแหน่งที่เหมาะสม ปลูกลงไปในระดับที่ลึกพอดีต่อการงอกใหม่ของรากผม ในระหว่างการปลูกก็ต้องคำนึงถึงความหนาแน่นและทิศทางของผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดด้วย 


การดูแลติดตามหลังปลูกผม
นอกเหนือไปจากขั้นตอนการปลูกผมในวันที่เข้ารับการบริการแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่คนมักมองข้ามไปในการตัดสินใจปลูกผมคือ กระบวนการดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรต้องได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้องเหมาะสมจากแพทย์ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม เพราะมีภาวะต่างๆที่อาจต้องพบเจอ เช่น ภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม (Shock Loss) หรือการเข้ารับบริการทรีทเม้นต์ที่เหมาะสมตามระยะเวลา เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด


ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลหลังปลูกผม
ที่นามนิน ทันทีที่การปลูกผมเสร็จเรียบร้อย ผู้เข้ารับบริการจะได้รับชุดผลิตภัณฑ์การดูแลเส้นผมที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน สะดวกสบายและมั่นใจได้ 100% เรื่องความปลอดภัย  เพราะคุณหมอนินเป็นผู้เลือกผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นให้ด้วยตัวเอง 


ติดตามการรักษาโดยแพทย์
การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


หากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ว่าการปลูกผมแบบไหนจะเหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะอยากปลูกผมครั้งเดียวจบหรือปลูกผมแล้วได้เส้นผมจริงๆ การเปิดใจเข้าไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีรายละเอียดและขั้นตอนที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจและแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และสำหรับบางคนที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนเส้นผมเข้ามาเป็นเดิมพันอีก “รีบปรึกษาแพทย์” เป็นคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและจริงใจที่สุดจากนามนินค่ะ    

คลายข้อสงสัย เลือกปลูกผมแบบไหนได้ผลลัพธ์ตรงใจที่สุด
“การปลูกผม” แตกต่างจากศัลยกรรมอื่นที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ไม่ถูกใจก็แก้ไขใหม่ แต่การปลูกผมนั้นมีข้อจำกัด คือ ต้องใช้ต้นทุนเส้นผมของตัวเอง และเป็นต้นทุนที่ใช้แล้วหมดไป การตัดสินใจเลือกการปลูกผมจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ยิ่งในปัจจุบันที่มีการโฆษณาเทคนิคการปลูกผมต่างๆ มากมาย ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจยากขึ้นไปอีก
.
ถ้าอยากปลูกผมแล้วได้ “เส้นผมจริงๆ” อย่างที่คาดหวัง ต้องเลือกอย่างไร? ต้องเข้าก่อนใจว่า ในทุกขั้นตอนของ “การปลูกผม” ล้วนมีความสำคัญและมีผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ทั้งสิ้น จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ ซึ่งจะมีด้านใดบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาให้ในบทความนี้ค่ะ
.
ผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผม
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับบริการจนวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่สมบูรณ์ มีปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้มั่นใจได้มากที่สุดคือ “แพทย์ผู้ปลูกผม” ที่ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกันกับคุณตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม


.
ความเชี่ยวชาญของแพทย์และทีม
ในทุกขั้นตอนของการปลูกผมส่งผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ เริ่มตั้งแต่การย้ายรากผม ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดของกราฟต์ผม เพราะกราฟต์ผมของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ความชำนาญในการนำกราฟต์ผมออกมาอย่างสมบูรณ์  เพราะนั่นเป็นต้นทุนสำคัญในการปลูกผม



ขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผม
จะใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง โดยคุณหมอนินเป็นผู้วางแผนและดูแลด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์เจาะย้ายที่เหมาะสมกับกราฟต์ผมของผู้เข้ารับบริการ และยังเป็นผู้ควบคุมทีมสหวิชาชีพในการทำหัตถการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หลังจากที่ย้ายกราฟต์ผมออกมาแล้ว ต้องรีบนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันทีเพื่อให้กราฟต์ผมอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนการนำไปปลูก ซึ่งหากไม่ควบคุมขั้นตอนนี้ให้ดี กราฟต์ผมอาจจะเสียหายหรือตายก่อนที่จะนำไปปลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลูกผมแล้วผมไม่ขึ้น



การปลูกผมโดยแพทย์ทุกกราฟต์
ในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกกราฟต์ผมต้นทุนที่ปลูกลงไปนั้นจะงอกขึ้นใหม่ตามที่วางแผนไว้ ซึ่งในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ จัดวางผมแต่ละเส้นในตำแหน่งที่เหมาะสม ปลูกลงไปในระดับที่ลึกพอดีต่อการงอกใหม่ของรากผม ในระหว่างการปลูกก็ต้องคำนึงถึงความหนาแน่นและทิศทางของผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดด้วย 


การดูแลติดตามหลังปลูกผม
นอกเหนือไปจากขั้นตอนการปลูกผมในวันที่เข้ารับการบริการแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่คนมักมองข้ามไปในการตัดสินใจปลูกผมคือ กระบวนการดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรต้องได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้องเหมาะสมจากแพทย์ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม เพราะมีภาวะต่างๆที่อาจต้องพบเจอ เช่น ภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม (Shock Loss) หรือการเข้ารับบริการทรีทเม้นต์ที่เหมาะสมตามระยะเวลา เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด


ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลหลังปลูกผม
ที่นามนิน ทันทีที่การปลูกผมเสร็จเรียบร้อย ผู้เข้ารับบริการจะได้รับชุดผลิตภัณฑ์การดูแลเส้นผมที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน สะดวกสบายและมั่นใจได้ 100% เรื่องความปลอดภัย  เพราะคุณหมอนินเป็นผู้เลือกผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นให้ด้วยตัวเอง 


ติดตามการรักษาโดยแพทย์
การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


หากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ว่าการปลูกผมแบบไหนจะเหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะอยากปลูกผมครั้งเดียวจบหรือปลูกผมแล้วได้เส้นผมจริงๆ การเปิดใจเข้าไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีรายละเอียดและขั้นตอนที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจและแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และสำหรับบางคนที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนเส้นผมเข้ามาเป็นเดิมพันอีก “รีบปรึกษาแพทย์” เป็นคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและจริงใจที่สุดจากนามนินค่ะ    

คลายข้อสงสัย เลือกปลูกผมแบบไหนได้ผลลัพธ์ตรงใจที่สุด
“การปลูกผม” แตกต่างจากศัลยกรรมอื่นที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ไม่ถูกใจก็แก้ไขใหม่ แต่การปลูกผมนั้นมีข้อจำกัด คือ ต้องใช้ต้นทุนเส้นผมของตัวเอง และเป็นต้นทุนที่ใช้แล้วหมดไป การตัดสินใจเลือกการปลูกผมจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ยิ่งในปัจจุบันที่มีการโฆษณาเทคนิคการปลูกผมต่างๆ มากมาย ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจยากขึ้นไปอีก
.
ถ้าอยากปลูกผมแล้วได้ “เส้นผมจริงๆ” อย่างที่คาดหวัง ต้องเลือกอย่างไร? ต้องเข้าก่อนใจว่า ในทุกขั้นตอนของ “การปลูกผม” ล้วนมีความสำคัญและมีผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ทั้งสิ้น จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ ซึ่งจะมีด้านใดบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาให้ในบทความนี้ค่ะ
.
ผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผม
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับบริการจนวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่สมบูรณ์ มีปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้มั่นใจได้มากที่สุดคือ “แพทย์ผู้ปลูกผม” ที่ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกันกับคุณตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม


.
ความเชี่ยวชาญของแพทย์และทีม
ในทุกขั้นตอนของการปลูกผมส่งผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ เริ่มตั้งแต่การย้ายรากผม ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดของกราฟต์ผม เพราะกราฟต์ผมของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ความชำนาญในการนำกราฟต์ผมออกมาอย่างสมบูรณ์  เพราะนั่นเป็นต้นทุนสำคัญในการปลูกผม



ขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผม
จะใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง โดยคุณหมอนินเป็นผู้วางแผนและดูแลด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์เจาะย้ายที่เหมาะสมกับกราฟต์ผมของผู้เข้ารับบริการ และยังเป็นผู้ควบคุมทีมสหวิชาชีพในการทำหัตถการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หลังจากที่ย้ายกราฟต์ผมออกมาแล้ว ต้องรีบนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันทีเพื่อให้กราฟต์ผมอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนการนำไปปลูก ซึ่งหากไม่ควบคุมขั้นตอนนี้ให้ดี กราฟต์ผมอาจจะเสียหายหรือตายก่อนที่จะนำไปปลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลูกผมแล้วผมไม่ขึ้น



การปลูกผมโดยแพทย์ทุกกราฟต์
ในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกกราฟต์ผมต้นทุนที่ปลูกลงไปนั้นจะงอกขึ้นใหม่ตามที่วางแผนไว้ ซึ่งในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ จัดวางผมแต่ละเส้นในตำแหน่งที่เหมาะสม ปลูกลงไปในระดับที่ลึกพอดีต่อการงอกใหม่ของรากผม ในระหว่างการปลูกก็ต้องคำนึงถึงความหนาแน่นและทิศทางของผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดด้วย 


การดูแลติดตามหลังปลูกผม
นอกเหนือไปจากขั้นตอนการปลูกผมในวันที่เข้ารับการบริการแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่คนมักมองข้ามไปในการตัดสินใจปลูกผมคือ กระบวนการดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรต้องได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้องเหมาะสมจากแพทย์ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม เพราะมีภาวะต่างๆที่อาจต้องพบเจอ เช่น ภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม (Shock Loss) หรือการเข้ารับบริการทรีทเม้นต์ที่เหมาะสมตามระยะเวลา เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด


ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลหลังปลูกผม
ที่นามนิน ทันทีที่การปลูกผมเสร็จเรียบร้อย ผู้เข้ารับบริการจะได้รับชุดผลิตภัณฑ์การดูแลเส้นผมที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน สะดวกสบายและมั่นใจได้ 100% เรื่องความปลอดภัย  เพราะคุณหมอนินเป็นผู้เลือกผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นให้ด้วยตัวเอง 


ติดตามการรักษาโดยแพทย์
การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


หากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ว่าการปลูกผมแบบไหนจะเหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะอยากปลูกผมครั้งเดียวจบหรือปลูกผมแล้วได้เส้นผมจริงๆ การเปิดใจเข้าไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีรายละเอียดและขั้นตอนที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจและแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และสำหรับบางคนที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนเส้นผมเข้ามาเป็นเดิมพันอีก “รีบปรึกษาแพทย์” เป็นคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและจริงใจที่สุดจากนามนินค่ะ    

คลายข้อสงสัย เลือกปลูกผมแบบไหนได้ผลลัพธ์ตรงใจที่สุด
“การปลูกผม” แตกต่างจากศัลยกรรมอื่นที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ไม่ถูกใจก็แก้ไขใหม่ แต่การปลูกผมนั้นมีข้อจำกัด คือ ต้องใช้ต้นทุนเส้นผมของตัวเอง และเป็นต้นทุนที่ใช้แล้วหมดไป การตัดสินใจเลือกการปลูกผมจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ยิ่งในปัจจุบันที่มีการโฆษณาเทคนิคการปลูกผมต่างๆ มากมาย ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจยากขึ้นไปอีก
.
ถ้าอยากปลูกผมแล้วได้ “เส้นผมจริงๆ” อย่างที่คาดหวัง ต้องเลือกอย่างไร? ต้องเข้าก่อนใจว่า ในทุกขั้นตอนของ “การปลูกผม” ล้วนมีความสำคัญและมีผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ทั้งสิ้น จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ ซึ่งจะมีด้านใดบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาให้ในบทความนี้ค่ะ
.
ผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผม
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับบริการจนวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่สมบูรณ์ มีปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้มั่นใจได้มากที่สุดคือ “แพทย์ผู้ปลูกผม” ที่ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกันกับคุณตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม


.
ความเชี่ยวชาญของแพทย์และทีม
ในทุกขั้นตอนของการปลูกผมส่งผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ เริ่มตั้งแต่การย้ายรากผม ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดของกราฟต์ผม เพราะกราฟต์ผมของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ความชำนาญในการนำกราฟต์ผมออกมาอย่างสมบูรณ์  เพราะนั่นเป็นต้นทุนสำคัญในการปลูกผม



ขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผม
จะใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง โดยคุณหมอนินเป็นผู้วางแผนและดูแลด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์เจาะย้ายที่เหมาะสมกับกราฟต์ผมของผู้เข้ารับบริการ และยังเป็นผู้ควบคุมทีมสหวิชาชีพในการทำหัตถการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หลังจากที่ย้ายกราฟต์ผมออกมาแล้ว ต้องรีบนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันทีเพื่อให้กราฟต์ผมอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนการนำไปปลูก ซึ่งหากไม่ควบคุมขั้นตอนนี้ให้ดี กราฟต์ผมอาจจะเสียหายหรือตายก่อนที่จะนำไปปลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลูกผมแล้วผมไม่ขึ้น



การปลูกผมโดยแพทย์ทุกกราฟต์
ในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกกราฟต์ผมต้นทุนที่ปลูกลงไปนั้นจะงอกขึ้นใหม่ตามที่วางแผนไว้ ซึ่งในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ จัดวางผมแต่ละเส้นในตำแหน่งที่เหมาะสม ปลูกลงไปในระดับที่ลึกพอดีต่อการงอกใหม่ของรากผม ในระหว่างการปลูกก็ต้องคำนึงถึงความหนาแน่นและทิศทางของผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดด้วย 


การดูแลติดตามหลังปลูกผม
นอกเหนือไปจากขั้นตอนการปลูกผมในวันที่เข้ารับการบริการแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่คนมักมองข้ามไปในการตัดสินใจปลูกผมคือ กระบวนการดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรต้องได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้องเหมาะสมจากแพทย์ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม เพราะมีภาวะต่างๆที่อาจต้องพบเจอ เช่น ภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม (Shock Loss) หรือการเข้ารับบริการทรีทเม้นต์ที่เหมาะสมตามระยะเวลา เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด


ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลหลังปลูกผม
ที่นามนิน ทันทีที่การปลูกผมเสร็จเรียบร้อย ผู้เข้ารับบริการจะได้รับชุดผลิตภัณฑ์การดูแลเส้นผมที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน สะดวกสบายและมั่นใจได้ 100% เรื่องความปลอดภัย  เพราะคุณหมอนินเป็นผู้เลือกผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นให้ด้วยตัวเอง 


ติดตามการรักษาโดยแพทย์
การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


หากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ว่าการปลูกผมแบบไหนจะเหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะอยากปลูกผมครั้งเดียวจบหรือปลูกผมแล้วได้เส้นผมจริงๆ การเปิดใจเข้าไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีรายละเอียดและขั้นตอนที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจและแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และสำหรับบางคนที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนเส้นผมเข้ามาเป็นเดิมพันอีก “รีบปรึกษาแพทย์” เป็นคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและจริงใจที่สุดจากนามนินค่ะ    

คลายข้อสงสัย เลือกปลูกผมแบบไหนได้ผลลัพธ์ตรงใจที่สุด
“การปลูกผม” แตกต่างจากศัลยกรรมอื่นที่สามารถเปลี่ยนไปมาได้ ไม่ถูกใจก็แก้ไขใหม่ แต่การปลูกผมนั้นมีข้อจำกัด คือ ต้องใช้ต้นทุนเส้นผมของตัวเอง และเป็นต้นทุนที่ใช้แล้วหมดไป การตัดสินใจเลือกการปลูกผมจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก ยิ่งในปัจจุบันที่มีการโฆษณาเทคนิคการปลูกผมต่างๆ มากมาย ก็ยิ่งทำให้การตัดสินใจยากขึ้นไปอีก
.
ถ้าอยากปลูกผมแล้วได้ “เส้นผมจริงๆ” อย่างที่คาดหวัง ต้องเลือกอย่างไร? ต้องเข้าก่อนใจว่า ในทุกขั้นตอนของ “การปลูกผม” ล้วนมีความสำคัญและมีผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ทั้งสิ้น จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนการตัดสินใจ ซึ่งจะมีด้านใดบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาให้ในบทความนี้ค่ะ
.
ผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผม
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับบริการจนวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่สมบูรณ์ มีปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้มั่นใจได้มากที่สุดคือ “แพทย์ผู้ปลูกผม” ที่ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกันกับคุณตั้งแต่วันแรก ทั้งเป็นผู้ที่รับฟังปัญหา ประเมินความคาดหวัง รู้ข้อจำกัด สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ออกแบบการรักษา ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง รวมถึงการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม


.
ความเชี่ยวชาญของแพทย์และทีม
ในทุกขั้นตอนของการปลูกผมส่งผลต่อการงอกของเส้นผมใหม่ เริ่มตั้งแต่การย้ายรากผม ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดของกราฟต์ผม เพราะกราฟต์ผมของแต่ละคนมีขนาดไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ความชำนาญในการนำกราฟต์ผมออกมาอย่างสมบูรณ์  เพราะนั่นเป็นต้นทุนสำคัญในการปลูกผม



ขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผม
จะใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง โดยคุณหมอนินเป็นผู้วางแผนและดูแลด้วยตัวเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่การตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์เจาะย้ายที่เหมาะสมกับกราฟต์ผมของผู้เข้ารับบริการ และยังเป็นผู้ควบคุมทีมสหวิชาชีพในการทำหัตถการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หลังจากที่ย้ายกราฟต์ผมออกมาแล้ว ต้องรีบนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันทีเพื่อให้กราฟต์ผมอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก่อนการนำไปปลูก ซึ่งหากไม่ควบคุมขั้นตอนนี้ให้ดี กราฟต์ผมอาจจะเสียหายหรือตายก่อนที่จะนำไปปลูก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลูกผมแล้วผมไม่ขึ้น



การปลูกผมโดยแพทย์ทุกกราฟต์
ในการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกกราฟต์ผมต้นทุนที่ปลูกลงไปนั้นจะงอกขึ้นใหม่ตามที่วางแผนไว้ ซึ่งในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ จัดวางผมแต่ละเส้นในตำแหน่งที่เหมาะสม ปลูกลงไปในระดับที่ลึกพอดีต่อการงอกใหม่ของรากผม ในระหว่างการปลูกก็ต้องคำนึงถึงความหนาแน่นและทิศทางของผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดด้วย 


การดูแลติดตามหลังปลูกผม
นอกเหนือไปจากขั้นตอนการปลูกผมในวันที่เข้ารับการบริการแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่คนมักมองข้ามไปในการตัดสินใจปลูกผมคือ กระบวนการดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรต้องได้รับคำแนะนำอย่างถูกต้องเหมาะสมจากแพทย์ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม เพราะมีภาวะต่างๆที่อาจต้องพบเจอ เช่น ภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม (Shock Loss) หรือการเข้ารับบริการทรีทเม้นต์ที่เหมาะสมตามระยะเวลา เพื่อให้เส้นผมใหม่นั้นเป็นไปตามที่วางแผนไว้ สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด


ชุดผลิตภัณฑ์ดูแลหลังปลูกผม
ที่นามนิน ทันทีที่การปลูกผมเสร็จเรียบร้อย ผู้เข้ารับบริการจะได้รับชุดผลิตภัณฑ์การดูแลเส้นผมที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อนำกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้าน สะดวกสบายและมั่นใจได้ 100% เรื่องความปลอดภัย  เพราะคุณหมอนินเป็นผู้เลือกผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นให้ด้วยตัวเอง 


ติดตามการรักษาโดยแพทย์
การนัดติดตามผลหลังการปลูกผม คุณหมอนินจะเป็นผู้ประเมินและติดตามการรักษาด้วยตนเอง หากมีข้อสงสัยหรือกังวลใจใดๆ ก็สามารถปรึกษาคุณหมอได้ด้วยตัวเองในวันนัดได้เลย ทำให้ 1 ปีหลังการปลูกผมเป็นช่วงเวลาที่อุ่นใจ สบายใจ และน่าประทับใจของผู้เข้ารับบริการทุกคนตลอดมา


หากอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วยังลังเล ตัดสินใจไม่ได้ว่าการปลูกผมแบบไหนจะเหมาะสมกับตัวเอง ไม่ว่าจะอยากปลูกผมครั้งเดียวจบหรือปลูกผมแล้วได้เส้นผมจริงๆ การเปิดใจเข้าไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มีรายละเอียดและขั้นตอนที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจและแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และสำหรับบางคนที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนเส้นผมเข้ามาเป็นเดิมพันอีก “รีบปรึกษาแพทย์” เป็นคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาและจริงใจที่สุดจากนามนินค่ะ    

เทคนิคปลูกผม “สร้างกรอบหน้า”
“กรอบหน้า” คือตัวแปรสำคัญต่อ “ความงาม” บนใบหน้าโดยรวม โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิง บางคนมีใบหน้าหวาน หรือใบหน้าดุ ก็เนื่องจากลักษะของกรอบหน้า หรือบางคนที่มีกรอบหน้าช่วงแนวไรผมบริเวณหน้าผากค่อนข้างสูงหรือร่นลึกเข้าไป ก็ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ดูสูงวัยกว่าอายุจริง จนอาจถึงขั้นเสียบุคลิกภาพ และบั่นทอนความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนก็เป็นได้

การทำหัตถการ “ปลูกผม” นั้น หลายครั้งไม่เพียงเพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นให้กับผมบนศีรษะ แต่ยังเป็นโอกาสในการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่อีกด้วย โดยเฉพาะที่นามนินคลินิก ซึ่งการปลูกผมมีความหมายทั้งในเชิงศาสตร์และเชิงศิลป์ คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น จึงไม่เคยละเลยที่จะใช้ศาสตร์การแพทย์เพื่อรักษาอาการผมร่วงและผมบางด้วยการปลูกผม พร้อมกับใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเสริมแต่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติให้กับใบหน้าของคนไข้ด้วย

โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่คุณหมอจะต้องใช้ความชำนาญเชิงศิลป์เป็นพิเศษ ก็คือการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่ ด้วยการออกแบบและวาด Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาแนวผมร่นลึกแล้ว ยังเป็นการอาศัยหลักสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio ออกแบบแนวผมใหม่เพื่อปรับให้รูปหน้าของคนไข้มีความสมส่วน ชวนมอง ในขั้นตอนนี้ คนไข้เองก็จะมีส่วนร่วมในการสะท้อนความต้องการ และออกแบบกรอบหน้าร่วมกับคุณหมอด้วย โดยคุณหมอจะเน้นการออกแบบให้เข้ากับสไตล์หรือบุคลิกของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อกรอบหน้าใหม่ที่ สวยเป๊ะ แบบไม่มีโป๊ะ เพราะคุณหมอเข้าใจเป็นอย่างดีว่า บุคลิกภาพและความงาม สำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน


แต่การสร้างกรอบหน้าใหม่ให้ออกมา เป๊ะ ได้ดังใจ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ปลูกผมที่มีความชำนาญอย่างมาก ซึ่งหลังจากเจาะย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมเหล่านั้นมาแช่ในน้ำยาคงสภาพผม ก่อนจะนำไปวิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม และตัดแต่งเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสมกับการปลูกในแต่ละจุด


นั่นเป็นเพราะเส้นผมของคนเราในแต่ละจุดบนหนังศีรษะ อาจะมีขนาดเส้นเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน มีความหนาบางไม่เท่ากัน และที่สำคัญ มีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากันด้วย ตรงนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญในการปลูกผมสร้างกรอบหน้าไม่ให้โป๊ะ เพราะหากมองข้ามการคัดเลือกกราฟต์ผมที่เหมาะสม แนว Hairline ที่ปลูกใหม่ก็จะออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะใส่ใจเป็นพิเศษในการคัดเลือกกราฟต์ผมมาปลูกเพื่อสร้างกรอบหน้าเนียนสวย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พิถีพิถันและละเอียดอ่อน โดยคุณหมอจะแบ่งพื้นที่ปลูกผมออกเป็น 3 โซน ได้แก่

  • แนวไรผมบริเวณด้านนอกสุด ถ้าสังเกตดี ๆ ผมตรงส่วนนี้จะเป็นไรผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีความอ่อนนุ่ม เล็ก และบางที่สุด ดังนั้น จึงต้องเลือกกราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (หมายถึงมีจำนวนผม 1 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม หรือ Single follicle) และจะต้องมีขนาดเส้นบาง (Fine follicle) เพื่อให้ใกล้เคียงกับไรผมจริง ๆ นั่นเอง
  • ถัดจากแนวไรผมเข้ามา สังเกตว่าผมจะค่อย ๆ มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น คุณหมอจึงเลือกใช้กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (Single follicle) ที่มีขนาดปกติ มาปลูกในบริเวณนี้
  • จากนั้นก็มาถึงผมส่วนที่อยู่ลึกเข้ามามากที่สุด ผมตรงนี้จะมีความหนาแน่น ขนาดเส้นใหญ่และหนากว่าอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอจึงเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผม 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ (Multiple follicles) เป็นผมทั่วไปที่มีขนาดเส้นใหญ่และหนา 


จะเห็นว่า เมื่อคัดเลือกกราฟต์ผมด้วยความละเอียดเช่นนี้แล้ว แนวผมบริเวณหน้าผากที่ปลูกใหม่ จะค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาบางและความหนาแน่นของเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งบวกกับทักษะการปลูกผมของคุณหมอ ที่ เป๊ะ ทั้งการวางทิศทางองศาผม การประเมินระยะความลึกในการปักกราฟต์ที่เหมาะสม รวมถึงการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นพอดี ไม่แน่นเกินไป และไม่บางเกินไป จึงได้ผลลัพธ์แนวผมใหม่ที่ดูแล้วเนียนตาสุด ๆ จนแทบไม่รู้ว่านี่คือผมปลูกใหม่ กลายเป็นกรอบหน้าที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสมดุล และขับเน้นความงามของผู้หญิงแต่ละคนให้ฉายชัดออกมาได้อย่างแท้จริง

เทคนิคปลูกผม “สร้างกรอบหน้า”
“กรอบหน้า” คือตัวแปรสำคัญต่อ “ความงาม” บนใบหน้าโดยรวม โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิง บางคนมีใบหน้าหวาน หรือใบหน้าดุ ก็เนื่องจากลักษะของกรอบหน้า หรือบางคนที่มีกรอบหน้าช่วงแนวไรผมบริเวณหน้าผากค่อนข้างสูงหรือร่นลึกเข้าไป ก็ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ดูสูงวัยกว่าอายุจริง จนอาจถึงขั้นเสียบุคลิกภาพ และบั่นทอนความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนก็เป็นได้

การทำหัตถการ “ปลูกผม” นั้น หลายครั้งไม่เพียงเพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นให้กับผมบนศีรษะ แต่ยังเป็นโอกาสในการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่อีกด้วย โดยเฉพาะที่นามนินคลินิก ซึ่งการปลูกผมมีความหมายทั้งในเชิงศาสตร์และเชิงศิลป์ คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น จึงไม่เคยละเลยที่จะใช้ศาสตร์การแพทย์เพื่อรักษาอาการผมร่วงและผมบางด้วยการปลูกผม พร้อมกับใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเสริมแต่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติให้กับใบหน้าของคนไข้ด้วย

โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่คุณหมอจะต้องใช้ความชำนาญเชิงศิลป์เป็นพิเศษ ก็คือการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่ ด้วยการออกแบบและวาด Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาแนวผมร่นลึกแล้ว ยังเป็นการอาศัยหลักสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio ออกแบบแนวผมใหม่เพื่อปรับให้รูปหน้าของคนไข้มีความสมส่วน ชวนมอง ในขั้นตอนนี้ คนไข้เองก็จะมีส่วนร่วมในการสะท้อนความต้องการ และออกแบบกรอบหน้าร่วมกับคุณหมอด้วย โดยคุณหมอจะเน้นการออกแบบให้เข้ากับสไตล์หรือบุคลิกของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อกรอบหน้าใหม่ที่ สวยเป๊ะ แบบไม่มีโป๊ะ เพราะคุณหมอเข้าใจเป็นอย่างดีว่า บุคลิกภาพและความงาม สำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน


แต่การสร้างกรอบหน้าใหม่ให้ออกมา เป๊ะ ได้ดังใจ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ปลูกผมที่มีความชำนาญอย่างมาก ซึ่งหลังจากเจาะย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมเหล่านั้นมาแช่ในน้ำยาคงสภาพผม ก่อนจะนำไปวิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม และตัดแต่งเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสมกับการปลูกในแต่ละจุด


นั่นเป็นเพราะเส้นผมของคนเราในแต่ละจุดบนหนังศีรษะ อาจะมีขนาดเส้นเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน มีความหนาบางไม่เท่ากัน และที่สำคัญ มีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากันด้วย ตรงนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญในการปลูกผมสร้างกรอบหน้าไม่ให้โป๊ะ เพราะหากมองข้ามการคัดเลือกกราฟต์ผมที่เหมาะสม แนว Hairline ที่ปลูกใหม่ก็จะออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะใส่ใจเป็นพิเศษในการคัดเลือกกราฟต์ผมมาปลูกเพื่อสร้างกรอบหน้าเนียนสวย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พิถีพิถันและละเอียดอ่อน โดยคุณหมอจะแบ่งพื้นที่ปลูกผมออกเป็น 3 โซน ได้แก่

  • แนวไรผมบริเวณด้านนอกสุด ถ้าสังเกตดี ๆ ผมตรงส่วนนี้จะเป็นไรผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีความอ่อนนุ่ม เล็ก และบางที่สุด ดังนั้น จึงต้องเลือกกราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (หมายถึงมีจำนวนผม 1 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม หรือ Single follicle) และจะต้องมีขนาดเส้นบาง (Fine follicle) เพื่อให้ใกล้เคียงกับไรผมจริง ๆ นั่นเอง
  • ถัดจากแนวไรผมเข้ามา สังเกตว่าผมจะค่อย ๆ มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น คุณหมอจึงเลือกใช้กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (Single follicle) ที่มีขนาดปกติ มาปลูกในบริเวณนี้
  • จากนั้นก็มาถึงผมส่วนที่อยู่ลึกเข้ามามากที่สุด ผมตรงนี้จะมีความหนาแน่น ขนาดเส้นใหญ่และหนากว่าอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอจึงเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผม 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ (Multiple follicles) เป็นผมทั่วไปที่มีขนาดเส้นใหญ่และหนา 


จะเห็นว่า เมื่อคัดเลือกกราฟต์ผมด้วยความละเอียดเช่นนี้แล้ว แนวผมบริเวณหน้าผากที่ปลูกใหม่ จะค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาบางและความหนาแน่นของเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งบวกกับทักษะการปลูกผมของคุณหมอ ที่ เป๊ะ ทั้งการวางทิศทางองศาผม การประเมินระยะความลึกในการปักกราฟต์ที่เหมาะสม รวมถึงการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นพอดี ไม่แน่นเกินไป และไม่บางเกินไป จึงได้ผลลัพธ์แนวผมใหม่ที่ดูแล้วเนียนตาสุด ๆ จนแทบไม่รู้ว่านี่คือผมปลูกใหม่ กลายเป็นกรอบหน้าที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสมดุล และขับเน้นความงามของผู้หญิงแต่ละคนให้ฉายชัดออกมาได้อย่างแท้จริง

เทคนิคปลูกผม “สร้างกรอบหน้า”
“กรอบหน้า” คือตัวแปรสำคัญต่อ “ความงาม” บนใบหน้าโดยรวม โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิง บางคนมีใบหน้าหวาน หรือใบหน้าดุ ก็เนื่องจากลักษะของกรอบหน้า หรือบางคนที่มีกรอบหน้าช่วงแนวไรผมบริเวณหน้าผากค่อนข้างสูงหรือร่นลึกเข้าไป ก็ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ดูสูงวัยกว่าอายุจริง จนอาจถึงขั้นเสียบุคลิกภาพ และบั่นทอนความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนก็เป็นได้

การทำหัตถการ “ปลูกผม” นั้น หลายครั้งไม่เพียงเพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นให้กับผมบนศีรษะ แต่ยังเป็นโอกาสในการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่อีกด้วย โดยเฉพาะที่นามนินคลินิก ซึ่งการปลูกผมมีความหมายทั้งในเชิงศาสตร์และเชิงศิลป์ คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น จึงไม่เคยละเลยที่จะใช้ศาสตร์การแพทย์เพื่อรักษาอาการผมร่วงและผมบางด้วยการปลูกผม พร้อมกับใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเสริมแต่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติให้กับใบหน้าของคนไข้ด้วย

โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่คุณหมอจะต้องใช้ความชำนาญเชิงศิลป์เป็นพิเศษ ก็คือการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่ ด้วยการออกแบบและวาด Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาแนวผมร่นลึกแล้ว ยังเป็นการอาศัยหลักสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio ออกแบบแนวผมใหม่เพื่อปรับให้รูปหน้าของคนไข้มีความสมส่วน ชวนมอง ในขั้นตอนนี้ คนไข้เองก็จะมีส่วนร่วมในการสะท้อนความต้องการ และออกแบบกรอบหน้าร่วมกับคุณหมอด้วย โดยคุณหมอจะเน้นการออกแบบให้เข้ากับสไตล์หรือบุคลิกของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อกรอบหน้าใหม่ที่ สวยเป๊ะ แบบไม่มีโป๊ะ เพราะคุณหมอเข้าใจเป็นอย่างดีว่า บุคลิกภาพและความงาม สำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน


แต่การสร้างกรอบหน้าใหม่ให้ออกมา เป๊ะ ได้ดังใจ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ปลูกผมที่มีความชำนาญอย่างมาก ซึ่งหลังจากเจาะย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมเหล่านั้นมาแช่ในน้ำยาคงสภาพผม ก่อนจะนำไปวิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม และตัดแต่งเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสมกับการปลูกในแต่ละจุด


นั่นเป็นเพราะเส้นผมของคนเราในแต่ละจุดบนหนังศีรษะ อาจะมีขนาดเส้นเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน มีความหนาบางไม่เท่ากัน และที่สำคัญ มีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากันด้วย ตรงนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญในการปลูกผมสร้างกรอบหน้าไม่ให้โป๊ะ เพราะหากมองข้ามการคัดเลือกกราฟต์ผมที่เหมาะสม แนว Hairline ที่ปลูกใหม่ก็จะออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะใส่ใจเป็นพิเศษในการคัดเลือกกราฟต์ผมมาปลูกเพื่อสร้างกรอบหน้าเนียนสวย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พิถีพิถันและละเอียดอ่อน โดยคุณหมอจะแบ่งพื้นที่ปลูกผมออกเป็น 3 โซน ได้แก่

  • แนวไรผมบริเวณด้านนอกสุด ถ้าสังเกตดี ๆ ผมตรงส่วนนี้จะเป็นไรผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีความอ่อนนุ่ม เล็ก และบางที่สุด ดังนั้น จึงต้องเลือกกราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (หมายถึงมีจำนวนผม 1 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม หรือ Single follicle) และจะต้องมีขนาดเส้นบาง (Fine follicle) เพื่อให้ใกล้เคียงกับไรผมจริง ๆ นั่นเอง
  • ถัดจากแนวไรผมเข้ามา สังเกตว่าผมจะค่อย ๆ มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น คุณหมอจึงเลือกใช้กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (Single follicle) ที่มีขนาดปกติ มาปลูกในบริเวณนี้
  • จากนั้นก็มาถึงผมส่วนที่อยู่ลึกเข้ามามากที่สุด ผมตรงนี้จะมีความหนาแน่น ขนาดเส้นใหญ่และหนากว่าอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอจึงเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผม 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ (Multiple follicles) เป็นผมทั่วไปที่มีขนาดเส้นใหญ่และหนา 


จะเห็นว่า เมื่อคัดเลือกกราฟต์ผมด้วยความละเอียดเช่นนี้แล้ว แนวผมบริเวณหน้าผากที่ปลูกใหม่ จะค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาบางและความหนาแน่นของเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งบวกกับทักษะการปลูกผมของคุณหมอ ที่ เป๊ะ ทั้งการวางทิศทางองศาผม การประเมินระยะความลึกในการปักกราฟต์ที่เหมาะสม รวมถึงการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นพอดี ไม่แน่นเกินไป และไม่บางเกินไป จึงได้ผลลัพธ์แนวผมใหม่ที่ดูแล้วเนียนตาสุด ๆ จนแทบไม่รู้ว่านี่คือผมปลูกใหม่ กลายเป็นกรอบหน้าที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสมดุล และขับเน้นความงามของผู้หญิงแต่ละคนให้ฉายชัดออกมาได้อย่างแท้จริง

เทคนิคปลูกผม “สร้างกรอบหน้า”
“กรอบหน้า” คือตัวแปรสำคัญต่อ “ความงาม” บนใบหน้าโดยรวม โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิง บางคนมีใบหน้าหวาน หรือใบหน้าดุ ก็เนื่องจากลักษะของกรอบหน้า หรือบางคนที่มีกรอบหน้าช่วงแนวไรผมบริเวณหน้าผากค่อนข้างสูงหรือร่นลึกเข้าไป ก็ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ดูสูงวัยกว่าอายุจริง จนอาจถึงขั้นเสียบุคลิกภาพ และบั่นทอนความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนก็เป็นได้

การทำหัตถการ “ปลูกผม” นั้น หลายครั้งไม่เพียงเพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นให้กับผมบนศีรษะ แต่ยังเป็นโอกาสในการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่อีกด้วย โดยเฉพาะที่นามนินคลินิก ซึ่งการปลูกผมมีความหมายทั้งในเชิงศาสตร์และเชิงศิลป์ คุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น จึงไม่เคยละเลยที่จะใช้ศาสตร์การแพทย์เพื่อรักษาอาการผมร่วงและผมบางด้วยการปลูกผม พร้อมกับใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเสริมแต่งความงามอย่างเป็นธรรมชาติให้กับใบหน้าของคนไข้ด้วย

โดยหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่คุณหมอจะต้องใช้ความชำนาญเชิงศิลป์เป็นพิเศษ ก็คือการ “สร้างกรอบหน้า” ใหม่ ด้วยการออกแบบและวาด Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาแนวผมร่นลึกแล้ว ยังเป็นการอาศัยหลักสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio ออกแบบแนวผมใหม่เพื่อปรับให้รูปหน้าของคนไข้มีความสมส่วน ชวนมอง ในขั้นตอนนี้ คนไข้เองก็จะมีส่วนร่วมในการสะท้อนความต้องการ และออกแบบกรอบหน้าร่วมกับคุณหมอด้วย โดยคุณหมอจะเน้นการออกแบบให้เข้ากับสไตล์หรือบุคลิกของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อกรอบหน้าใหม่ที่ สวยเป๊ะ แบบไม่มีโป๊ะ เพราะคุณหมอเข้าใจเป็นอย่างดีว่า บุคลิกภาพและความงาม สำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน


แต่การสร้างกรอบหน้าใหม่ให้ออกมา เป๊ะ ได้ดังใจ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ปลูกผมที่มีความชำนาญอย่างมาก ซึ่งหลังจากเจาะย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมเหล่านั้นมาแช่ในน้ำยาคงสภาพผม ก่อนจะนำไปวิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม และตัดแต่งเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสมกับการปลูกในแต่ละจุด


นั่นเป็นเพราะเส้นผมของคนเราในแต่ละจุดบนหนังศีรษะ อาจะมีขนาดเส้นเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน มีความหนาบางไม่เท่ากัน และที่สำคัญ มีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากันด้วย ตรงนี้เองที่เป็นหัวใจสำคัญในการปลูกผมสร้างกรอบหน้าไม่ให้โป๊ะ เพราะหากมองข้ามการคัดเลือกกราฟต์ผมที่เหมาะสม แนว Hairline ที่ปลูกใหม่ก็จะออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน

ที่นามนินคลินิก คุณหมอนินจะใส่ใจเป็นพิเศษในการคัดเลือกกราฟต์ผมมาปลูกเพื่อสร้างกรอบหน้าเนียนสวย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่พิถีพิถันและละเอียดอ่อน โดยคุณหมอจะแบ่งพื้นที่ปลูกผมออกเป็น 3 โซน ได้แก่

  • แนวไรผมบริเวณด้านนอกสุด ถ้าสังเกตดี ๆ ผมตรงส่วนนี้จะเป็นไรผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีความอ่อนนุ่ม เล็ก และบางที่สุด ดังนั้น จึงต้องเลือกกราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (หมายถึงมีจำนวนผม 1 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม หรือ Single follicle) และจะต้องมีขนาดเส้นบาง (Fine follicle) เพื่อให้ใกล้เคียงกับไรผมจริง ๆ นั่นเอง
  • ถัดจากแนวไรผมเข้ามา สังเกตว่าผมจะค่อย ๆ มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น คุณหมอจึงเลือกใช้กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว (Single follicle) ที่มีขนาดปกติ มาปลูกในบริเวณนี้
  • จากนั้นก็มาถึงผมส่วนที่อยู่ลึกเข้ามามากที่สุด ผมตรงนี้จะมีความหนาแน่น ขนาดเส้นใหญ่และหนากว่าอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอจึงเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผม 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ (Multiple follicles) เป็นผมทั่วไปที่มีขนาดเส้นใหญ่และหนา 


จะเห็นว่า เมื่อคัดเลือกกราฟต์ผมด้วยความละเอียดเช่นนี้แล้ว แนวผมบริเวณหน้าผากที่ปลูกใหม่ จะค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาบางและความหนาแน่นของเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งบวกกับทักษะการปลูกผมของคุณหมอ ที่ เป๊ะ ทั้งการวางทิศทางองศาผม การประเมินระยะความลึกในการปักกราฟต์ที่เหมาะสม รวมถึงการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นพอดี ไม่แน่นเกินไป และไม่บางเกินไป จึงได้ผลลัพธ์แนวผมใหม่ที่ดูแล้วเนียนตาสุด ๆ จนแทบไม่รู้ว่านี่คือผมปลูกใหม่ กลายเป็นกรอบหน้าที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสมดุล และขับเน้นความงามของผู้หญิงแต่ละคนให้ฉายชัดออกมาได้อย่างแท้จริง

ผสาน 2 ศาสตร์กู้ผมบาง NEAT + PHB
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป และจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถผสาน 2 คำตอบ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“การปลูกผมถาวร เทคนิค NEAT” คือคำตอบที่ใช่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน เนื่องจากเป็นการเติมเต็มความหนาแน่นให้กับบริเวณที่ผมบาง ด้วยการย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยของเราเองมาปลูกใหม่ และผมใหม่นี้ หากดูแลเป็นอย่างดี ก็จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต 

แต่ก็มีบางกรณีเช่นกัน ที่การปลูกผมถาวรเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาผมบางของคนไข้ได้ 100% เนื่องจากสภาพปัญหาผมของแต่ละคน ที่มาพบแพทย์ด้วยระดับความรุนแรงและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ในกรณีนี้ แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แห่งนามนินคลินิก จะช่วยวิเคราะห์และอาจให้คำแนะนำในการผสานศาสตร์การรักษาแบบที่ 2 ร่วมด้วย นั่นคือการฉีดบำรุงด้วย “PHB Treatment” คำตอบที่แสนสะดวกสบายสำหรับคนรักผม ซึ่งสามารถเพิ่มความหนา ดกดำ และความแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน


ทำความรู้จัก NEAT

NEAT คือเทคนิคปลูกผมของนามนิน เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยแพทย์ผู้ชำนาญและมากประสบการณ์เป็นผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผมแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น มีการเสริมเทคนิคที่พัฒนาโดยแพทย์เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาเป็นที่น่าพอใจ เอื้อต่อความสะดวกสบายของคนไข้มากที่สุด 

ทั้งยังเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่มีคุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยให้สามารถปลูกผมได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ที่สำคัญ NEAT เป็นการรวมทักษะของแพทย์ทั้งในเชิงศาสตร์และศิลป์ หมายถึงว่า แพทย์ใช้ศาสตร์การปลูกผมที่น่าเชื่อถือในการรักษา ขณะเดียวกันก็อาศัยมุมมองเชิงศิลปะผ่านเส้นผม เพื่อเสริมเติมความงามให้กับคนไข้ไปในเวลาเดียวกันด้วย เพราะเข้าใจว่าเส้นผมมีความหมายต่อรูปลักษณ์ บุคลิก และความมั่นใจของคนไข้มากแค่ไหนนั่นเอง


ทำความรู้จัก PHB Treatment

PHB Treatment เป็นทรีตเมนต์ฉีดบำรุงที่สะดวกสบาย เพียงฉีดเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง โดยมีข้อแม้ว่า รูขุมขนหรือรากผมบริเวณนั้นต้องยังไม่ปิด ยังสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้ต่อ โดย PHB จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมที่เคยลีบ เล็ก บาง ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นผมที่ดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการต่อเนื่องได้หลายครั้งตามคำแนะนำของแพทย์



NEAT + PHB เหมาะกับใคร

สำหรับคนไข้หลาย ๆ คน สามารถจบปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้ในการปลูกผมเทคนิค NEAT เพียงครั้งเดียว และอีกหลายคนเช่นกัน ที่คุณหมอแนะนำให้ฉีดบำรุง PHB Treatment โดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกผม เนื่องจากปัญหาผมบางยังอยู่ในระยะเริ่มแรก 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเคสที่คุณหมอวิเคราะห์แล้วว่า การผสาน 2 ศาสตร์ ทั้ง NEAT และ PHB Treatment จะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด สำหรับปัญหาของคนไข้

  • เริ่มจากคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง จนการปลูกผมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้อย่างครอบคลุม

  • คนไข้มีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ซึ่งอยู่บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เหลืออยู่น้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบางได้อย่างทั่วถึง

  • คนไข้เคยเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจเกิดจากการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ทำให้ผมยังคงบางอยู่ (ในกรณีนี้ หมายความว่า กราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้ ถูกดึงมาใช้ไปแล้วบางส่วน 1 รอบ ยิ่งทำให้ส่วนที่เหลือมีแนวโน้มที่จะไม่เพียงพอต่อการปลูกแก้ไขครั้งที่ 2)

  • คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง หรือเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

  • คนไข้มาพบคุณหมอเมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ผมบางรุนแรง หรือบางในหลาย ๆ จุดพร้อมกัน เช่นตรงกลางศีรษะและแนวผมบริเวณหน้าผาก ในกรณีนี้ มักจะพบว่ากราฟต์ผมต้นทุนเองก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัยด้วยเช่นกัน ทำให้ยิ่งเหลือกราฟต์ผมต้นทุนซึ่งสามารถนำไปปลูกใหม่ได้จริง ๆ น้อยลงไปอีก

  • คนไข้ยังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้เกิดปัญหาผมบางต่อเนื่องนานหลายปี โดยไม่ได้เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมบางรุนแรง จนไม่สามารถพึ่งพาการปลูกผมได้เพียงวิธีเดียวเช่นกัน




ปรึกษาแพทย์ 
เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาสำหรับคุณโดยเฉพาะ

ถ้าคุณกำลังกังวลใจว่า ปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่นี้ มีความรุนแรงอยู่ในระดับไหน กราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่จะนำไปปลูกใหม่ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และเราเป็นคนหนึ่งที่จะต้องรักษาภาวะผมบาง ด้วยการผสาน 2 ศาสตร์ NEAT และ Premium Hair Booster Treatment หรือไม่ ทางที่ดีที่สุด คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอ เพราะคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ปัญหา สภาพผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนมากที่สุด เนื่องจากทุกคนมาด้วยปัญหา เงื่อนไข และความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะรับฟังเสียงของคนไข้อย่างเต็มที่ และชวนให้วางแผนการรักษาร่วมกันไปจนถึงปลายทาง

ตัวอย่างเช่น คนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมีปัญหาผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่กราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกได้ครอบคลุมทุกจุด ก็มีการวางแผนร่วมกันกับคุณหมอ ว่าจะปลูกเน้นไปยังบริเวณที่คนไข้ต้องการ หรือมีความกังวลเป็นพิเศษ เช่นแนวผมบริเวณหน้าผากซึ่งเป็นจุดที่ช่วยสร้างความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คนภายนอก ส่วนผมบางกลางศีรษะ อาศัยการฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment ซึ่งเมื่อเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่าผมดูหนาและดกดำขึ้นจริง ทำให้คนไข้ท่านนี้สามารถแก้ปัญหาผมบางได้พร้อมกันทั้ง 2 จุดอย่างที่ต้องการ

ทั้งนี้ การฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทั้งก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม โดยความถี่ในการเข้ารับบริการนั้น ก็ขึ้นอยู่สภาพปัญหาของแต่ละคนเช่นกัน เช่น หลังปลูกผมแล้ว อาจฉีดบำรุงด้วย PHBTreatment ทุก 2 – 4 สัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลลัพธ์อยู่เสมอ เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมมากที่สุดได้ตลอดเวลา


กุญแจสำคัญ คือ ความใส่ใจ

และหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การผสาน 2 ศาสตร์แก้ปัญหาผมบางประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ก็คือ ความใส่ใจ จากคุณหมอนิน ที่ดูแลตั้งแต่วันแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหา ออกแบบวิธีการรักษาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น ทั้งยังติดตามผลตลอด 1 ปีเต็มอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำและตอบคำถามคาใจของคนไข้อย่างจริงใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่อวดความหนาแน่นและสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ กลายเป็นมิตรภาพความผูกพันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ บนเส้นทางการรักษาและฟื้นฟูดูแลผมตามแบบฉบับของนามนิน ที่รอให้คุณเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ววันนี้


ผสาน 2 ศาสตร์กู้ผมบาง NEAT + PHB
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป และจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถผสาน 2 คำตอบ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“การปลูกผมถาวร เทคนิค NEAT” คือคำตอบที่ใช่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน เนื่องจากเป็นการเติมเต็มความหนาแน่นให้กับบริเวณที่ผมบาง ด้วยการย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยของเราเองมาปลูกใหม่ และผมใหม่นี้ หากดูแลเป็นอย่างดี ก็จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต 

แต่ก็มีบางกรณีเช่นกัน ที่การปลูกผมถาวรเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาผมบางของคนไข้ได้ 100% เนื่องจากสภาพปัญหาผมของแต่ละคน ที่มาพบแพทย์ด้วยระดับความรุนแรงและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ในกรณีนี้ แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แห่งนามนินคลินิก จะช่วยวิเคราะห์และอาจให้คำแนะนำในการผสานศาสตร์การรักษาแบบที่ 2 ร่วมด้วย นั่นคือการฉีดบำรุงด้วย “PHB Treatment” คำตอบที่แสนสะดวกสบายสำหรับคนรักผม ซึ่งสามารถเพิ่มความหนา ดกดำ และความแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน


ทำความรู้จัก NEAT

NEAT คือเทคนิคปลูกผมของนามนิน เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยแพทย์ผู้ชำนาญและมากประสบการณ์เป็นผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผมแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น มีการเสริมเทคนิคที่พัฒนาโดยแพทย์เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาเป็นที่น่าพอใจ เอื้อต่อความสะดวกสบายของคนไข้มากที่สุด 

ทั้งยังเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่มีคุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยให้สามารถปลูกผมได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ที่สำคัญ NEAT เป็นการรวมทักษะของแพทย์ทั้งในเชิงศาสตร์และศิลป์ หมายถึงว่า แพทย์ใช้ศาสตร์การปลูกผมที่น่าเชื่อถือในการรักษา ขณะเดียวกันก็อาศัยมุมมองเชิงศิลปะผ่านเส้นผม เพื่อเสริมเติมความงามให้กับคนไข้ไปในเวลาเดียวกันด้วย เพราะเข้าใจว่าเส้นผมมีความหมายต่อรูปลักษณ์ บุคลิก และความมั่นใจของคนไข้มากแค่ไหนนั่นเอง


ทำความรู้จัก PHB Treatment

PHB Treatment เป็นทรีตเมนต์ฉีดบำรุงที่สะดวกสบาย เพียงฉีดเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง โดยมีข้อแม้ว่า รูขุมขนหรือรากผมบริเวณนั้นต้องยังไม่ปิด ยังสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้ต่อ โดย PHB จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมที่เคยลีบ เล็ก บาง ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นผมที่ดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการต่อเนื่องได้หลายครั้งตามคำแนะนำของแพทย์



NEAT + PHB เหมาะกับใคร

สำหรับคนไข้หลาย ๆ คน สามารถจบปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้ในการปลูกผมเทคนิค NEAT เพียงครั้งเดียว และอีกหลายคนเช่นกัน ที่คุณหมอแนะนำให้ฉีดบำรุง PHB Treatment โดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกผม เนื่องจากปัญหาผมบางยังอยู่ในระยะเริ่มแรก 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเคสที่คุณหมอวิเคราะห์แล้วว่า การผสาน 2 ศาสตร์ ทั้ง NEAT และ PHB Treatment จะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด สำหรับปัญหาของคนไข้

  • เริ่มจากคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง จนการปลูกผมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้อย่างครอบคลุม

  • คนไข้มีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ซึ่งอยู่บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เหลืออยู่น้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบางได้อย่างทั่วถึง

  • คนไข้เคยเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจเกิดจากการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ทำให้ผมยังคงบางอยู่ (ในกรณีนี้ หมายความว่า กราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้ ถูกดึงมาใช้ไปแล้วบางส่วน 1 รอบ ยิ่งทำให้ส่วนที่เหลือมีแนวโน้มที่จะไม่เพียงพอต่อการปลูกแก้ไขครั้งที่ 2)

  • คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง หรือเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

  • คนไข้มาพบคุณหมอเมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ผมบางรุนแรง หรือบางในหลาย ๆ จุดพร้อมกัน เช่นตรงกลางศีรษะและแนวผมบริเวณหน้าผาก ในกรณีนี้ มักจะพบว่ากราฟต์ผมต้นทุนเองก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัยด้วยเช่นกัน ทำให้ยิ่งเหลือกราฟต์ผมต้นทุนซึ่งสามารถนำไปปลูกใหม่ได้จริง ๆ น้อยลงไปอีก

  • คนไข้ยังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้เกิดปัญหาผมบางต่อเนื่องนานหลายปี โดยไม่ได้เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมบางรุนแรง จนไม่สามารถพึ่งพาการปลูกผมได้เพียงวิธีเดียวเช่นกัน




ปรึกษาแพทย์ 
เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาสำหรับคุณโดยเฉพาะ

ถ้าคุณกำลังกังวลใจว่า ปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่นี้ มีความรุนแรงอยู่ในระดับไหน กราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่จะนำไปปลูกใหม่ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และเราเป็นคนหนึ่งที่จะต้องรักษาภาวะผมบาง ด้วยการผสาน 2 ศาสตร์ NEAT และ Premium Hair Booster Treatment หรือไม่ ทางที่ดีที่สุด คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอ เพราะคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ปัญหา สภาพผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนมากที่สุด เนื่องจากทุกคนมาด้วยปัญหา เงื่อนไข และความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะรับฟังเสียงของคนไข้อย่างเต็มที่ และชวนให้วางแผนการรักษาร่วมกันไปจนถึงปลายทาง

ตัวอย่างเช่น คนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมีปัญหาผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่กราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกได้ครอบคลุมทุกจุด ก็มีการวางแผนร่วมกันกับคุณหมอ ว่าจะปลูกเน้นไปยังบริเวณที่คนไข้ต้องการ หรือมีความกังวลเป็นพิเศษ เช่นแนวผมบริเวณหน้าผากซึ่งเป็นจุดที่ช่วยสร้างความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คนภายนอก ส่วนผมบางกลางศีรษะ อาศัยการฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment ซึ่งเมื่อเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่าผมดูหนาและดกดำขึ้นจริง ทำให้คนไข้ท่านนี้สามารถแก้ปัญหาผมบางได้พร้อมกันทั้ง 2 จุดอย่างที่ต้องการ

ทั้งนี้ การฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทั้งก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม โดยความถี่ในการเข้ารับบริการนั้น ก็ขึ้นอยู่สภาพปัญหาของแต่ละคนเช่นกัน เช่น หลังปลูกผมแล้ว อาจฉีดบำรุงด้วย PHBTreatment ทุก 2 – 4 สัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลลัพธ์อยู่เสมอ เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมมากที่สุดได้ตลอดเวลา


กุญแจสำคัญ คือ ความใส่ใจ

และหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การผสาน 2 ศาสตร์แก้ปัญหาผมบางประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ก็คือ ความใส่ใจ จากคุณหมอนิน ที่ดูแลตั้งแต่วันแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหา ออกแบบวิธีการรักษาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น ทั้งยังติดตามผลตลอด 1 ปีเต็มอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำและตอบคำถามคาใจของคนไข้อย่างจริงใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่อวดความหนาแน่นและสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ กลายเป็นมิตรภาพความผูกพันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ บนเส้นทางการรักษาและฟื้นฟูดูแลผมตามแบบฉบับของนามนิน ที่รอให้คุณเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ววันนี้


ผสาน 2 ศาสตร์กู้ผมบาง NEAT + PHB
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป และจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถผสาน 2 คำตอบ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“การปลูกผมถาวร เทคนิค NEAT” คือคำตอบที่ใช่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน เนื่องจากเป็นการเติมเต็มความหนาแน่นให้กับบริเวณที่ผมบาง ด้วยการย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยของเราเองมาปลูกใหม่ และผมใหม่นี้ หากดูแลเป็นอย่างดี ก็จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต 

แต่ก็มีบางกรณีเช่นกัน ที่การปลูกผมถาวรเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาผมบางของคนไข้ได้ 100% เนื่องจากสภาพปัญหาผมของแต่ละคน ที่มาพบแพทย์ด้วยระดับความรุนแรงและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ในกรณีนี้ แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แห่งนามนินคลินิก จะช่วยวิเคราะห์และอาจให้คำแนะนำในการผสานศาสตร์การรักษาแบบที่ 2 ร่วมด้วย นั่นคือการฉีดบำรุงด้วย “PHB Treatment” คำตอบที่แสนสะดวกสบายสำหรับคนรักผม ซึ่งสามารถเพิ่มความหนา ดกดำ และความแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน


ทำความรู้จัก NEAT

NEAT คือเทคนิคปลูกผมของนามนิน เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยแพทย์ผู้ชำนาญและมากประสบการณ์เป็นผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผมแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น มีการเสริมเทคนิคที่พัฒนาโดยแพทย์เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาเป็นที่น่าพอใจ เอื้อต่อความสะดวกสบายของคนไข้มากที่สุด 

ทั้งยังเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่มีคุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยให้สามารถปลูกผมได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ที่สำคัญ NEAT เป็นการรวมทักษะของแพทย์ทั้งในเชิงศาสตร์และศิลป์ หมายถึงว่า แพทย์ใช้ศาสตร์การปลูกผมที่น่าเชื่อถือในการรักษา ขณะเดียวกันก็อาศัยมุมมองเชิงศิลปะผ่านเส้นผม เพื่อเสริมเติมความงามให้กับคนไข้ไปในเวลาเดียวกันด้วย เพราะเข้าใจว่าเส้นผมมีความหมายต่อรูปลักษณ์ บุคลิก และความมั่นใจของคนไข้มากแค่ไหนนั่นเอง


ทำความรู้จัก PHB Treatment

PHB Treatment เป็นทรีตเมนต์ฉีดบำรุงที่สะดวกสบาย เพียงฉีดเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง โดยมีข้อแม้ว่า รูขุมขนหรือรากผมบริเวณนั้นต้องยังไม่ปิด ยังสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้ต่อ โดย PHB จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมที่เคยลีบ เล็ก บาง ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นผมที่ดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการต่อเนื่องได้หลายครั้งตามคำแนะนำของแพทย์



NEAT + PHB เหมาะกับใคร

สำหรับคนไข้หลาย ๆ คน สามารถจบปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้ในการปลูกผมเทคนิค NEAT เพียงครั้งเดียว และอีกหลายคนเช่นกัน ที่คุณหมอแนะนำให้ฉีดบำรุง PHB Treatment โดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกผม เนื่องจากปัญหาผมบางยังอยู่ในระยะเริ่มแรก 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเคสที่คุณหมอวิเคราะห์แล้วว่า การผสาน 2 ศาสตร์ ทั้ง NEAT และ PHB Treatment จะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด สำหรับปัญหาของคนไข้

  • เริ่มจากคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง จนการปลูกผมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้อย่างครอบคลุม

  • คนไข้มีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ซึ่งอยู่บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เหลืออยู่น้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบางได้อย่างทั่วถึง

  • คนไข้เคยเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจเกิดจากการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ทำให้ผมยังคงบางอยู่ (ในกรณีนี้ หมายความว่า กราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้ ถูกดึงมาใช้ไปแล้วบางส่วน 1 รอบ ยิ่งทำให้ส่วนที่เหลือมีแนวโน้มที่จะไม่เพียงพอต่อการปลูกแก้ไขครั้งที่ 2)

  • คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง หรือเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

  • คนไข้มาพบคุณหมอเมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ผมบางรุนแรง หรือบางในหลาย ๆ จุดพร้อมกัน เช่นตรงกลางศีรษะและแนวผมบริเวณหน้าผาก ในกรณีนี้ มักจะพบว่ากราฟต์ผมต้นทุนเองก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัยด้วยเช่นกัน ทำให้ยิ่งเหลือกราฟต์ผมต้นทุนซึ่งสามารถนำไปปลูกใหม่ได้จริง ๆ น้อยลงไปอีก

  • คนไข้ยังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้เกิดปัญหาผมบางต่อเนื่องนานหลายปี โดยไม่ได้เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมบางรุนแรง จนไม่สามารถพึ่งพาการปลูกผมได้เพียงวิธีเดียวเช่นกัน




ปรึกษาแพทย์ 
เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาสำหรับคุณโดยเฉพาะ

ถ้าคุณกำลังกังวลใจว่า ปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่นี้ มีความรุนแรงอยู่ในระดับไหน กราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่จะนำไปปลูกใหม่ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และเราเป็นคนหนึ่งที่จะต้องรักษาภาวะผมบาง ด้วยการผสาน 2 ศาสตร์ NEAT และ Premium Hair Booster Treatment หรือไม่ ทางที่ดีที่สุด คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอ เพราะคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ปัญหา สภาพผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนมากที่สุด เนื่องจากทุกคนมาด้วยปัญหา เงื่อนไข และความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะรับฟังเสียงของคนไข้อย่างเต็มที่ และชวนให้วางแผนการรักษาร่วมกันไปจนถึงปลายทาง

ตัวอย่างเช่น คนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมีปัญหาผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่กราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกได้ครอบคลุมทุกจุด ก็มีการวางแผนร่วมกันกับคุณหมอ ว่าจะปลูกเน้นไปยังบริเวณที่คนไข้ต้องการ หรือมีความกังวลเป็นพิเศษ เช่นแนวผมบริเวณหน้าผากซึ่งเป็นจุดที่ช่วยสร้างความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คนภายนอก ส่วนผมบางกลางศีรษะ อาศัยการฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment ซึ่งเมื่อเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่าผมดูหนาและดกดำขึ้นจริง ทำให้คนไข้ท่านนี้สามารถแก้ปัญหาผมบางได้พร้อมกันทั้ง 2 จุดอย่างที่ต้องการ

ทั้งนี้ การฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทั้งก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม โดยความถี่ในการเข้ารับบริการนั้น ก็ขึ้นอยู่สภาพปัญหาของแต่ละคนเช่นกัน เช่น หลังปลูกผมแล้ว อาจฉีดบำรุงด้วย PHBTreatment ทุก 2 – 4 สัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลลัพธ์อยู่เสมอ เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมมากที่สุดได้ตลอดเวลา


กุญแจสำคัญ คือ ความใส่ใจ

และหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การผสาน 2 ศาสตร์แก้ปัญหาผมบางประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ก็คือ ความใส่ใจ จากคุณหมอนิน ที่ดูแลตั้งแต่วันแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหา ออกแบบวิธีการรักษาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น ทั้งยังติดตามผลตลอด 1 ปีเต็มอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำและตอบคำถามคาใจของคนไข้อย่างจริงใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่อวดความหนาแน่นและสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ กลายเป็นมิตรภาพความผูกพันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ บนเส้นทางการรักษาและฟื้นฟูดูแลผมตามแบบฉบับของนามนิน ที่รอให้คุณเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ววันนี้


ผสาน 2 ศาสตร์กู้ผมบาง NEAT + PHB
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป และจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถผสาน 2 คำตอบ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“การปลูกผมถาวร เทคนิค NEAT” คือคำตอบที่ใช่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน เนื่องจากเป็นการเติมเต็มความหนาแน่นให้กับบริเวณที่ผมบาง ด้วยการย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยของเราเองมาปลูกใหม่ และผมใหม่นี้ หากดูแลเป็นอย่างดี ก็จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต 

แต่ก็มีบางกรณีเช่นกัน ที่การปลูกผมถาวรเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาผมบางของคนไข้ได้ 100% เนื่องจากสภาพปัญหาผมของแต่ละคน ที่มาพบแพทย์ด้วยระดับความรุนแรงและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ในกรณีนี้ แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แห่งนามนินคลินิก จะช่วยวิเคราะห์และอาจให้คำแนะนำในการผสานศาสตร์การรักษาแบบที่ 2 ร่วมด้วย นั่นคือการฉีดบำรุงด้วย “PHB Treatment” คำตอบที่แสนสะดวกสบายสำหรับคนรักผม ซึ่งสามารถเพิ่มความหนา ดกดำ และความแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน


ทำความรู้จัก NEAT

NEAT คือเทคนิคปลูกผมของนามนิน เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยแพทย์ผู้ชำนาญและมากประสบการณ์เป็นผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผมแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น มีการเสริมเทคนิคที่พัฒนาโดยแพทย์เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาเป็นที่น่าพอใจ เอื้อต่อความสะดวกสบายของคนไข้มากที่สุด 

ทั้งยังเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่มีคุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยให้สามารถปลูกผมได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ที่สำคัญ NEAT เป็นการรวมทักษะของแพทย์ทั้งในเชิงศาสตร์และศิลป์ หมายถึงว่า แพทย์ใช้ศาสตร์การปลูกผมที่น่าเชื่อถือในการรักษา ขณะเดียวกันก็อาศัยมุมมองเชิงศิลปะผ่านเส้นผม เพื่อเสริมเติมความงามให้กับคนไข้ไปในเวลาเดียวกันด้วย เพราะเข้าใจว่าเส้นผมมีความหมายต่อรูปลักษณ์ บุคลิก และความมั่นใจของคนไข้มากแค่ไหนนั่นเอง


ทำความรู้จัก PHB Treatment

PHB Treatment เป็นทรีตเมนต์ฉีดบำรุงที่สะดวกสบาย เพียงฉีดเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง โดยมีข้อแม้ว่า รูขุมขนหรือรากผมบริเวณนั้นต้องยังไม่ปิด ยังสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้ต่อ โดย PHB จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมที่เคยลีบ เล็ก บาง ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นผมที่ดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการต่อเนื่องได้หลายครั้งตามคำแนะนำของแพทย์



NEAT + PHB เหมาะกับใคร

สำหรับคนไข้หลาย ๆ คน สามารถจบปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้ในการปลูกผมเทคนิค NEAT เพียงครั้งเดียว และอีกหลายคนเช่นกัน ที่คุณหมอแนะนำให้ฉีดบำรุง PHB Treatment โดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกผม เนื่องจากปัญหาผมบางยังอยู่ในระยะเริ่มแรก 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเคสที่คุณหมอวิเคราะห์แล้วว่า การผสาน 2 ศาสตร์ ทั้ง NEAT และ PHB Treatment จะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด สำหรับปัญหาของคนไข้

  • เริ่มจากคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง จนการปลูกผมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้อย่างครอบคลุม

  • คนไข้มีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ซึ่งอยู่บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เหลืออยู่น้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบางได้อย่างทั่วถึง

  • คนไข้เคยเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจเกิดจากการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ทำให้ผมยังคงบางอยู่ (ในกรณีนี้ หมายความว่า กราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้ ถูกดึงมาใช้ไปแล้วบางส่วน 1 รอบ ยิ่งทำให้ส่วนที่เหลือมีแนวโน้มที่จะไม่เพียงพอต่อการปลูกแก้ไขครั้งที่ 2)

  • คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง หรือเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

  • คนไข้มาพบคุณหมอเมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ผมบางรุนแรง หรือบางในหลาย ๆ จุดพร้อมกัน เช่นตรงกลางศีรษะและแนวผมบริเวณหน้าผาก ในกรณีนี้ มักจะพบว่ากราฟต์ผมต้นทุนเองก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัยด้วยเช่นกัน ทำให้ยิ่งเหลือกราฟต์ผมต้นทุนซึ่งสามารถนำไปปลูกใหม่ได้จริง ๆ น้อยลงไปอีก

  • คนไข้ยังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้เกิดปัญหาผมบางต่อเนื่องนานหลายปี โดยไม่ได้เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมบางรุนแรง จนไม่สามารถพึ่งพาการปลูกผมได้เพียงวิธีเดียวเช่นกัน




ปรึกษาแพทย์ 
เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาสำหรับคุณโดยเฉพาะ

ถ้าคุณกำลังกังวลใจว่า ปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่นี้ มีความรุนแรงอยู่ในระดับไหน กราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่จะนำไปปลูกใหม่ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และเราเป็นคนหนึ่งที่จะต้องรักษาภาวะผมบาง ด้วยการผสาน 2 ศาสตร์ NEAT และ Premium Hair Booster Treatment หรือไม่ ทางที่ดีที่สุด คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอ เพราะคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ปัญหา สภาพผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนมากที่สุด เนื่องจากทุกคนมาด้วยปัญหา เงื่อนไข และความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะรับฟังเสียงของคนไข้อย่างเต็มที่ และชวนให้วางแผนการรักษาร่วมกันไปจนถึงปลายทาง

ตัวอย่างเช่น คนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมีปัญหาผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่กราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกได้ครอบคลุมทุกจุด ก็มีการวางแผนร่วมกันกับคุณหมอ ว่าจะปลูกเน้นไปยังบริเวณที่คนไข้ต้องการ หรือมีความกังวลเป็นพิเศษ เช่นแนวผมบริเวณหน้าผากซึ่งเป็นจุดที่ช่วยสร้างความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คนภายนอก ส่วนผมบางกลางศีรษะ อาศัยการฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment ซึ่งเมื่อเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่าผมดูหนาและดกดำขึ้นจริง ทำให้คนไข้ท่านนี้สามารถแก้ปัญหาผมบางได้พร้อมกันทั้ง 2 จุดอย่างที่ต้องการ

ทั้งนี้ การฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทั้งก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม โดยความถี่ในการเข้ารับบริการนั้น ก็ขึ้นอยู่สภาพปัญหาของแต่ละคนเช่นกัน เช่น หลังปลูกผมแล้ว อาจฉีดบำรุงด้วย PHBTreatment ทุก 2 – 4 สัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลลัพธ์อยู่เสมอ เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมมากที่สุดได้ตลอดเวลา


กุญแจสำคัญ คือ ความใส่ใจ

และหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การผสาน 2 ศาสตร์แก้ปัญหาผมบางประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ก็คือ ความใส่ใจ จากคุณหมอนิน ที่ดูแลตั้งแต่วันแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหา ออกแบบวิธีการรักษาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น ทั้งยังติดตามผลตลอด 1 ปีเต็มอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำและตอบคำถามคาใจของคนไข้อย่างจริงใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่อวดความหนาแน่นและสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ กลายเป็นมิตรภาพความผูกพันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ บนเส้นทางการรักษาและฟื้นฟูดูแลผมตามแบบฉบับของนามนิน ที่รอให้คุณเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ววันนี้


ผสาน 2 ศาสตร์กู้ผมบาง NEAT + PHB
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป และจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถผสาน 2 คำตอบ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“การปลูกผมถาวร เทคนิค NEAT” คือคำตอบที่ใช่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน เนื่องจากเป็นการเติมเต็มความหนาแน่นให้กับบริเวณที่ผมบาง ด้วยการย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยของเราเองมาปลูกใหม่ และผมใหม่นี้ หากดูแลเป็นอย่างดี ก็จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต 

แต่ก็มีบางกรณีเช่นกัน ที่การปลูกผมถาวรเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาผมบางของคนไข้ได้ 100% เนื่องจากสภาพปัญหาผมของแต่ละคน ที่มาพบแพทย์ด้วยระดับความรุนแรงและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ในกรณีนี้ แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แห่งนามนินคลินิก จะช่วยวิเคราะห์และอาจให้คำแนะนำในการผสานศาสตร์การรักษาแบบที่ 2 ร่วมด้วย นั่นคือการฉีดบำรุงด้วย “PHB Treatment” คำตอบที่แสนสะดวกสบายสำหรับคนรักผม ซึ่งสามารถเพิ่มความหนา ดกดำ และความแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน


ทำความรู้จัก NEAT

NEAT คือเทคนิคปลูกผมของนามนิน เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยแพทย์ผู้ชำนาญและมากประสบการณ์เป็นผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผมแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น มีการเสริมเทคนิคที่พัฒนาโดยแพทย์เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาเป็นที่น่าพอใจ เอื้อต่อความสะดวกสบายของคนไข้มากที่สุด 

ทั้งยังเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่มีคุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยให้สามารถปลูกผมได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ที่สำคัญ NEAT เป็นการรวมทักษะของแพทย์ทั้งในเชิงศาสตร์และศิลป์ หมายถึงว่า แพทย์ใช้ศาสตร์การปลูกผมที่น่าเชื่อถือในการรักษา ขณะเดียวกันก็อาศัยมุมมองเชิงศิลปะผ่านเส้นผม เพื่อเสริมเติมความงามให้กับคนไข้ไปในเวลาเดียวกันด้วย เพราะเข้าใจว่าเส้นผมมีความหมายต่อรูปลักษณ์ บุคลิก และความมั่นใจของคนไข้มากแค่ไหนนั่นเอง


ทำความรู้จัก PHB Treatment

PHB Treatment เป็นทรีตเมนต์ฉีดบำรุงที่สะดวกสบาย เพียงฉีดเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง โดยมีข้อแม้ว่า รูขุมขนหรือรากผมบริเวณนั้นต้องยังไม่ปิด ยังสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้ต่อ โดย PHB จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมที่เคยลีบ เล็ก บาง ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นผมที่ดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการต่อเนื่องได้หลายครั้งตามคำแนะนำของแพทย์



NEAT + PHB เหมาะกับใคร

สำหรับคนไข้หลาย ๆ คน สามารถจบปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้ในการปลูกผมเทคนิค NEAT เพียงครั้งเดียว และอีกหลายคนเช่นกัน ที่คุณหมอแนะนำให้ฉีดบำรุง PHB Treatment โดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกผม เนื่องจากปัญหาผมบางยังอยู่ในระยะเริ่มแรก 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเคสที่คุณหมอวิเคราะห์แล้วว่า การผสาน 2 ศาสตร์ ทั้ง NEAT และ PHB Treatment จะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด สำหรับปัญหาของคนไข้

  • เริ่มจากคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง จนการปลูกผมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้อย่างครอบคลุม

  • คนไข้มีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ซึ่งอยู่บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เหลืออยู่น้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบางได้อย่างทั่วถึง

  • คนไข้เคยเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจเกิดจากการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ทำให้ผมยังคงบางอยู่ (ในกรณีนี้ หมายความว่า กราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้ ถูกดึงมาใช้ไปแล้วบางส่วน 1 รอบ ยิ่งทำให้ส่วนที่เหลือมีแนวโน้มที่จะไม่เพียงพอต่อการปลูกแก้ไขครั้งที่ 2)

  • คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง หรือเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

  • คนไข้มาพบคุณหมอเมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ผมบางรุนแรง หรือบางในหลาย ๆ จุดพร้อมกัน เช่นตรงกลางศีรษะและแนวผมบริเวณหน้าผาก ในกรณีนี้ มักจะพบว่ากราฟต์ผมต้นทุนเองก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัยด้วยเช่นกัน ทำให้ยิ่งเหลือกราฟต์ผมต้นทุนซึ่งสามารถนำไปปลูกใหม่ได้จริง ๆ น้อยลงไปอีก

  • คนไข้ยังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้เกิดปัญหาผมบางต่อเนื่องนานหลายปี โดยไม่ได้เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมบางรุนแรง จนไม่สามารถพึ่งพาการปลูกผมได้เพียงวิธีเดียวเช่นกัน




ปรึกษาแพทย์ 
เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาสำหรับคุณโดยเฉพาะ

ถ้าคุณกำลังกังวลใจว่า ปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่นี้ มีความรุนแรงอยู่ในระดับไหน กราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่จะนำไปปลูกใหม่ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และเราเป็นคนหนึ่งที่จะต้องรักษาภาวะผมบาง ด้วยการผสาน 2 ศาสตร์ NEAT และ Premium Hair Booster Treatment หรือไม่ ทางที่ดีที่สุด คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอ เพราะคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ปัญหา สภาพผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนมากที่สุด เนื่องจากทุกคนมาด้วยปัญหา เงื่อนไข และความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะรับฟังเสียงของคนไข้อย่างเต็มที่ และชวนให้วางแผนการรักษาร่วมกันไปจนถึงปลายทาง

ตัวอย่างเช่น คนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมีปัญหาผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่กราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกได้ครอบคลุมทุกจุด ก็มีการวางแผนร่วมกันกับคุณหมอ ว่าจะปลูกเน้นไปยังบริเวณที่คนไข้ต้องการ หรือมีความกังวลเป็นพิเศษ เช่นแนวผมบริเวณหน้าผากซึ่งเป็นจุดที่ช่วยสร้างความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คนภายนอก ส่วนผมบางกลางศีรษะ อาศัยการฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment ซึ่งเมื่อเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่าผมดูหนาและดกดำขึ้นจริง ทำให้คนไข้ท่านนี้สามารถแก้ปัญหาผมบางได้พร้อมกันทั้ง 2 จุดอย่างที่ต้องการ

ทั้งนี้ การฉีดบำรุงด้วย PHB Treatment มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทั้งก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม โดยความถี่ในการเข้ารับบริการนั้น ก็ขึ้นอยู่สภาพปัญหาของแต่ละคนเช่นกัน เช่น หลังปลูกผมแล้ว อาจฉีดบำรุงด้วย PHBTreatment ทุก 2 – 4 สัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลลัพธ์อยู่เสมอ เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมมากที่สุดได้ตลอดเวลา


กุญแจสำคัญ คือ ความใส่ใจ

และหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การผสาน 2 ศาสตร์แก้ปัญหาผมบางประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ก็คือ ความใส่ใจ จากคุณหมอนิน ที่ดูแลตั้งแต่วันแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหา ออกแบบวิธีการรักษาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น ทั้งยังติดตามผลตลอด 1 ปีเต็มอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำและตอบคำถามคาใจของคนไข้อย่างจริงใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่อวดความหนาแน่นและสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ กลายเป็นมิตรภาพความผูกพันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ บนเส้นทางการรักษาและฟื้นฟูดูแลผมตามแบบฉบับของนามนิน ที่รอให้คุณเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ววันนี้


ผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า แก้อย่างไรดี?
ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถเรียกคืนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ผิวที่กระชับขึ้น และเพิ่มความมั่นใจให้คน ๆ นั้นได้มากเลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่? ว่าการศัลยกรรมดึงหน้ามีส่วนทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบางในอนาคตได้  

สาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า
เพราะในการเย็บแผลศัลยกรรมดึงหน้าจำเป็นต้องเย็บในบริเวณที่ชิดกับไรผมมากที่สุด ไม่ว่าจะช่วงบริเวณไรผมหน้าผากก็ดี หรือไรผมบริเวณหน้าใบหูก็ดี ซึ่งในบางครั้งการเข้ารับบริการดึงหน้าก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดแผลบริเวณไรผมตามกรอบหน้า และทำให้เส้นผมไม่สามารถงอกกลับมาใหม่ได้ในระยะแรก จึงเกิดปัญหาผมบางในที่สุดได้ 

ขณะเดียวกันสาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าก็อาจมีสาเหตุมาจากภาวะทางร่างกายที่เกิด Shock Loss ส่งผลให้ผมร่วงชั่วคราว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับอาการผมร่วงหลังคลอด เนื่องจากเส้นผมมีอาการเครียดมากกว่าปกติ  เพราะได้รับการบาดเจ็บของรากผมและผิวหนังบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะจากการกรีดแผล เย็บแผลจากการศัลยกรรมดึงหน้านั่นเอง



นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผู้ที่เคยเข้ารับบริการศัลยกรรมดึงหน้ากว่า 8.4% ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังศัลยกรรม โดยจะมีภาวะ Telogen Effluvium หรือภาวะผมร่วงแบบเฉียบพลันในช่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าผ่านไปแล้วประมาณ 2 เดือน 

ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าบริเวณไรผมบางลงตรงบริเวณหน้าผากที่มีรอยแผลผ่าตัดดึงหน้า ทำให้มองเห็นรอยแผลเป็นได้ชัด โดยในรายงานเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบางนั้นเกิดจากรูขุมขนเส้นผมเกิดความเสียหายเพราะการเย็บแผลผ่าตัดดึงหน้าที่แน่นเกินไป จนทำให้เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้  

อย่างไรก็ตามภาวะ Shock Loss และภาวะ Telogen Effluvium หรืออาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าสามารถดีขึ้นได้ภายใน 6-8 เดือนหลังจากศัลยกรรม เส้นผมจะกลับมาดกหนา และแข็งแรงได้อีกครั้ง แต่ในบางรายก็อาจต้องเผชิญกับภาวะที่ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจนี้นานนับปีก็มี ฉะนั้นแล้วถ้าอยากให้ผมกลับมาดกหนาและฟื้นฟูได้เร็วกว่าเดิม ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญอย่างนามนินคลินิก เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วจะดีที่สุด 

แก้อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า อย่างไรดี? 

อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าถือเป็นอาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะรอระยะเวลาให้รากผมกลับมาฟื้นตัวแข็งแรงอีกครั้งตามธรรมชาตินานกว่า 6-8 เดือนแล้ว เราก็สามารถมองหาทางเลือกในการกระตุ้นและบำรุงให้รากผมกลับมาแข็งแรง เพิ่มความดกหนาให้แก่เส้นผมบนหนังศีรษะได้ เช่น การใช้ยา การปลูกผม หรือแม้กระทั่งการฉีดบำรุงดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างล้ำลึกถึงเซลล์รากผมอย่างโปรแกรม PHB ที่นามนิน 

Premium Hair Booster Treatment ตัวช่วยจัดการปัญหาผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า 
โปรแกรมบูสเตอร์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะระดับพรีเมียมนี้ อาศัยส่วนผสมหลากหลายชนิดทั้งสารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน ตลอดจนวิตามินต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน 

ทรีตเมนต์ PHB สามารถช่วยยับยั้งกลไกการอักเสบของเซลล์รากผม ซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสียหาย พร้อมชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์รากผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 1-3 ครั้งที่เข้ารับบริการ 

  • อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าจะค่อย ๆ ดีขึ้นและมีผมร่วงน้อยลงภายใน 3-7 วัน
  • เส้นผมชุดใหม่เริ่มงอก เห็นเป็นเส้นผมอ่อน หรือลูกผมขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังฉีด
  • เส้นผมมีขนาดที่ใหญ่และแลดูหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม หลังจากฉีด โปรแกรม PHB ไปแล้วประมาณ 2-4 เดือน



เรียกได้ว่าโปรแกรม PHB ของนามนินเป็นทางเลือกในการฟื้นบำรุงปัญหาผมร่วง ผมบางหลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะสามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมและบำรุงเส้นผมได้อย่างล้ำลึก พร้อมช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังเป็นวิธีที่ไม่เจ็บเลย ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และยังเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นานอีกด้วย 

สอบถามหรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Line @namninclinic
ผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า แก้อย่างไรดี?
ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถเรียกคืนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ผิวที่กระชับขึ้น และเพิ่มความมั่นใจให้คน ๆ นั้นได้มากเลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่? ว่าการศัลยกรรมดึงหน้ามีส่วนทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบางในอนาคตได้  

สาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า
เพราะในการเย็บแผลศัลยกรรมดึงหน้าจำเป็นต้องเย็บในบริเวณที่ชิดกับไรผมมากที่สุด ไม่ว่าจะช่วงบริเวณไรผมหน้าผากก็ดี หรือไรผมบริเวณหน้าใบหูก็ดี ซึ่งในบางครั้งการเข้ารับบริการดึงหน้าก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดแผลบริเวณไรผมตามกรอบหน้า และทำให้เส้นผมไม่สามารถงอกกลับมาใหม่ได้ในระยะแรก จึงเกิดปัญหาผมบางในที่สุดได้ 

ขณะเดียวกันสาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าก็อาจมีสาเหตุมาจากภาวะทางร่างกายที่เกิด Shock Loss ส่งผลให้ผมร่วงชั่วคราว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับอาการผมร่วงหลังคลอด เนื่องจากเส้นผมมีอาการเครียดมากกว่าปกติ  เพราะได้รับการบาดเจ็บของรากผมและผิวหนังบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะจากการกรีดแผล เย็บแผลจากการศัลยกรรมดึงหน้านั่นเอง



นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผู้ที่เคยเข้ารับบริการศัลยกรรมดึงหน้ากว่า 8.4% ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังศัลยกรรม โดยจะมีภาวะ Telogen Effluvium หรือภาวะผมร่วงแบบเฉียบพลันในช่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าผ่านไปแล้วประมาณ 2 เดือน 

ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าบริเวณไรผมบางลงตรงบริเวณหน้าผากที่มีรอยแผลผ่าตัดดึงหน้า ทำให้มองเห็นรอยแผลเป็นได้ชัด โดยในรายงานเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบางนั้นเกิดจากรูขุมขนเส้นผมเกิดความเสียหายเพราะการเย็บแผลผ่าตัดดึงหน้าที่แน่นเกินไป จนทำให้เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้  

อย่างไรก็ตามภาวะ Shock Loss และภาวะ Telogen Effluvium หรืออาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าสามารถดีขึ้นได้ภายใน 6-8 เดือนหลังจากศัลยกรรม เส้นผมจะกลับมาดกหนา และแข็งแรงได้อีกครั้ง แต่ในบางรายก็อาจต้องเผชิญกับภาวะที่ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจนี้นานนับปีก็มี ฉะนั้นแล้วถ้าอยากให้ผมกลับมาดกหนาและฟื้นฟูได้เร็วกว่าเดิม ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญอย่างนามนินคลินิก เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วจะดีที่สุด 

แก้อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า อย่างไรดี? 

อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าถือเป็นอาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะรอระยะเวลาให้รากผมกลับมาฟื้นตัวแข็งแรงอีกครั้งตามธรรมชาตินานกว่า 6-8 เดือนแล้ว เราก็สามารถมองหาทางเลือกในการกระตุ้นและบำรุงให้รากผมกลับมาแข็งแรง เพิ่มความดกหนาให้แก่เส้นผมบนหนังศีรษะได้ เช่น การใช้ยา การปลูกผม หรือแม้กระทั่งการฉีดบำรุงดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างล้ำลึกถึงเซลล์รากผมอย่างโปรแกรม PHB ที่นามนิน 

Premium Hair Booster Treatment ตัวช่วยจัดการปัญหาผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า 
โปรแกรมบูสเตอร์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะระดับพรีเมียมนี้ อาศัยส่วนผสมหลากหลายชนิดทั้งสารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน ตลอดจนวิตามินต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน 

ทรีตเมนต์ PHB สามารถช่วยยับยั้งกลไกการอักเสบของเซลล์รากผม ซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสียหาย พร้อมชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์รากผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 1-3 ครั้งที่เข้ารับบริการ 

  • อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าจะค่อย ๆ ดีขึ้นและมีผมร่วงน้อยลงภายใน 3-7 วัน
  • เส้นผมชุดใหม่เริ่มงอก เห็นเป็นเส้นผมอ่อน หรือลูกผมขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังฉีด
  • เส้นผมมีขนาดที่ใหญ่และแลดูหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม หลังจากฉีด โปรแกรม PHB ไปแล้วประมาณ 2-4 เดือน



เรียกได้ว่าโปรแกรม PHB ของนามนินเป็นทางเลือกในการฟื้นบำรุงปัญหาผมร่วง ผมบางหลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะสามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมและบำรุงเส้นผมได้อย่างล้ำลึก พร้อมช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังเป็นวิธีที่ไม่เจ็บเลย ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และยังเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นานอีกด้วย 

สอบถามหรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Line @namninclinic
ผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า แก้อย่างไรดี?
ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถเรียกคืนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ผิวที่กระชับขึ้น และเพิ่มความมั่นใจให้คน ๆ นั้นได้มากเลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่? ว่าการศัลยกรรมดึงหน้ามีส่วนทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบางในอนาคตได้  

สาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า
เพราะในการเย็บแผลศัลยกรรมดึงหน้าจำเป็นต้องเย็บในบริเวณที่ชิดกับไรผมมากที่สุด ไม่ว่าจะช่วงบริเวณไรผมหน้าผากก็ดี หรือไรผมบริเวณหน้าใบหูก็ดี ซึ่งในบางครั้งการเข้ารับบริการดึงหน้าก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดแผลบริเวณไรผมตามกรอบหน้า และทำให้เส้นผมไม่สามารถงอกกลับมาใหม่ได้ในระยะแรก จึงเกิดปัญหาผมบางในที่สุดได้ 

ขณะเดียวกันสาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าก็อาจมีสาเหตุมาจากภาวะทางร่างกายที่เกิด Shock Loss ส่งผลให้ผมร่วงชั่วคราว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับอาการผมร่วงหลังคลอด เนื่องจากเส้นผมมีอาการเครียดมากกว่าปกติ  เพราะได้รับการบาดเจ็บของรากผมและผิวหนังบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะจากการกรีดแผล เย็บแผลจากการศัลยกรรมดึงหน้านั่นเอง



นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผู้ที่เคยเข้ารับบริการศัลยกรรมดึงหน้ากว่า 8.4% ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังศัลยกรรม โดยจะมีภาวะ Telogen Effluvium หรือภาวะผมร่วงแบบเฉียบพลันในช่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าผ่านไปแล้วประมาณ 2 เดือน 

ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าบริเวณไรผมบางลงตรงบริเวณหน้าผากที่มีรอยแผลผ่าตัดดึงหน้า ทำให้มองเห็นรอยแผลเป็นได้ชัด โดยในรายงานเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบางนั้นเกิดจากรูขุมขนเส้นผมเกิดความเสียหายเพราะการเย็บแผลผ่าตัดดึงหน้าที่แน่นเกินไป จนทำให้เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้  

อย่างไรก็ตามภาวะ Shock Loss และภาวะ Telogen Effluvium หรืออาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าสามารถดีขึ้นได้ภายใน 6-8 เดือนหลังจากศัลยกรรม เส้นผมจะกลับมาดกหนา และแข็งแรงได้อีกครั้ง แต่ในบางรายก็อาจต้องเผชิญกับภาวะที่ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจนี้นานนับปีก็มี ฉะนั้นแล้วถ้าอยากให้ผมกลับมาดกหนาและฟื้นฟูได้เร็วกว่าเดิม ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญอย่างนามนินคลินิก เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วจะดีที่สุด 

แก้อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า อย่างไรดี? 

อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าถือเป็นอาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะรอระยะเวลาให้รากผมกลับมาฟื้นตัวแข็งแรงอีกครั้งตามธรรมชาตินานกว่า 6-8 เดือนแล้ว เราก็สามารถมองหาทางเลือกในการกระตุ้นและบำรุงให้รากผมกลับมาแข็งแรง เพิ่มความดกหนาให้แก่เส้นผมบนหนังศีรษะได้ เช่น การใช้ยา การปลูกผม หรือแม้กระทั่งการฉีดบำรุงดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างล้ำลึกถึงเซลล์รากผมอย่างโปรแกรม PHB ที่นามนิน 

Premium Hair Booster Treatment ตัวช่วยจัดการปัญหาผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า 
โปรแกรมบูสเตอร์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะระดับพรีเมียมนี้ อาศัยส่วนผสมหลากหลายชนิดทั้งสารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน ตลอดจนวิตามินต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน 

ทรีตเมนต์ PHB สามารถช่วยยับยั้งกลไกการอักเสบของเซลล์รากผม ซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสียหาย พร้อมชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์รากผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 1-3 ครั้งที่เข้ารับบริการ 

  • อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าจะค่อย ๆ ดีขึ้นและมีผมร่วงน้อยลงภายใน 3-7 วัน
  • เส้นผมชุดใหม่เริ่มงอก เห็นเป็นเส้นผมอ่อน หรือลูกผมขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังฉีด
  • เส้นผมมีขนาดที่ใหญ่และแลดูหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม หลังจากฉีด โปรแกรม PHB ไปแล้วประมาณ 2-4 เดือน



เรียกได้ว่าโปรแกรม PHB ของนามนินเป็นทางเลือกในการฟื้นบำรุงปัญหาผมร่วง ผมบางหลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะสามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมและบำรุงเส้นผมได้อย่างล้ำลึก พร้อมช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังเป็นวิธีที่ไม่เจ็บเลย ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และยังเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นานอีกด้วย 

สอบถามหรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Line @namninclinic
ผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า แก้อย่างไรดี?
ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถเรียกคืนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ผิวที่กระชับขึ้น และเพิ่มความมั่นใจให้คน ๆ นั้นได้มากเลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่? ว่าการศัลยกรรมดึงหน้ามีส่วนทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบางในอนาคตได้  

สาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า
เพราะในการเย็บแผลศัลยกรรมดึงหน้าจำเป็นต้องเย็บในบริเวณที่ชิดกับไรผมมากที่สุด ไม่ว่าจะช่วงบริเวณไรผมหน้าผากก็ดี หรือไรผมบริเวณหน้าใบหูก็ดี ซึ่งในบางครั้งการเข้ารับบริการดึงหน้าก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดแผลบริเวณไรผมตามกรอบหน้า และทำให้เส้นผมไม่สามารถงอกกลับมาใหม่ได้ในระยะแรก จึงเกิดปัญหาผมบางในที่สุดได้ 

ขณะเดียวกันสาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าก็อาจมีสาเหตุมาจากภาวะทางร่างกายที่เกิด Shock Loss ส่งผลให้ผมร่วงชั่วคราว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับอาการผมร่วงหลังคลอด เนื่องจากเส้นผมมีอาการเครียดมากกว่าปกติ  เพราะได้รับการบาดเจ็บของรากผมและผิวหนังบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะจากการกรีดแผล เย็บแผลจากการศัลยกรรมดึงหน้านั่นเอง



นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผู้ที่เคยเข้ารับบริการศัลยกรรมดึงหน้ากว่า 8.4% ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังศัลยกรรม โดยจะมีภาวะ Telogen Effluvium หรือภาวะผมร่วงแบบเฉียบพลันในช่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าผ่านไปแล้วประมาณ 2 เดือน 

ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าบริเวณไรผมบางลงตรงบริเวณหน้าผากที่มีรอยแผลผ่าตัดดึงหน้า ทำให้มองเห็นรอยแผลเป็นได้ชัด โดยในรายงานเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบางนั้นเกิดจากรูขุมขนเส้นผมเกิดความเสียหายเพราะการเย็บแผลผ่าตัดดึงหน้าที่แน่นเกินไป จนทำให้เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้  

อย่างไรก็ตามภาวะ Shock Loss และภาวะ Telogen Effluvium หรืออาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าสามารถดีขึ้นได้ภายใน 6-8 เดือนหลังจากศัลยกรรม เส้นผมจะกลับมาดกหนา และแข็งแรงได้อีกครั้ง แต่ในบางรายก็อาจต้องเผชิญกับภาวะที่ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจนี้นานนับปีก็มี ฉะนั้นแล้วถ้าอยากให้ผมกลับมาดกหนาและฟื้นฟูได้เร็วกว่าเดิม ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญอย่างนามนินคลินิก เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วจะดีที่สุด 

แก้อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า อย่างไรดี? 

อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าถือเป็นอาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะรอระยะเวลาให้รากผมกลับมาฟื้นตัวแข็งแรงอีกครั้งตามธรรมชาตินานกว่า 6-8 เดือนแล้ว เราก็สามารถมองหาทางเลือกในการกระตุ้นและบำรุงให้รากผมกลับมาแข็งแรง เพิ่มความดกหนาให้แก่เส้นผมบนหนังศีรษะได้ เช่น การใช้ยา การปลูกผม หรือแม้กระทั่งการฉีดบำรุงดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างล้ำลึกถึงเซลล์รากผมอย่างโปรแกรม PHB ที่นามนิน 

Premium Hair Booster Treatment ตัวช่วยจัดการปัญหาผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า 
โปรแกรมบูสเตอร์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะระดับพรีเมียมนี้ อาศัยส่วนผสมหลากหลายชนิดทั้งสารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน ตลอดจนวิตามินต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน 

ทรีตเมนต์ PHB สามารถช่วยยับยั้งกลไกการอักเสบของเซลล์รากผม ซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสียหาย พร้อมชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์รากผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 1-3 ครั้งที่เข้ารับบริการ 

  • อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าจะค่อย ๆ ดีขึ้นและมีผมร่วงน้อยลงภายใน 3-7 วัน
  • เส้นผมชุดใหม่เริ่มงอก เห็นเป็นเส้นผมอ่อน หรือลูกผมขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังฉีด
  • เส้นผมมีขนาดที่ใหญ่และแลดูหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม หลังจากฉีด โปรแกรม PHB ไปแล้วประมาณ 2-4 เดือน



เรียกได้ว่าโปรแกรม PHB ของนามนินเป็นทางเลือกในการฟื้นบำรุงปัญหาผมร่วง ผมบางหลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะสามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมและบำรุงเส้นผมได้อย่างล้ำลึก พร้อมช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังเป็นวิธีที่ไม่เจ็บเลย ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และยังเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นานอีกด้วย 

สอบถามหรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Line @namninclinic
ผมบางของผู้หญิง รักษาได้ไหม
ไขข้อสงสัย ผมร่วงเยอะ เกิดจากอะไร?
เรื่องของเส้นผมเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะผมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของใบหน้าที่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลและบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีอยู่เสมอ 

อย่างไรก็ตามทุกวันจะมีผมหลุดร่วงเองตามธรรมชาติอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่หากผมหลุดร่วงมากเกินไปนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร? มีหนทางในการรักษาอย่างไรบ้าง? นามนินจะพามาไขข้อสงสัยกัน

ผมร่วงเยอะ เกิดขึ้นจากอะไร?
ลักษณะของผมร่วงที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปกติแล้วในแต่ละวันเส้นผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้วประมาณ 50-100 เส้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากบนศีรษะจะมีเส้นผมอยู่มากถึง 100,000 เส้น โดยจะมีการหลุดร่วงของเส้นผมได้ตามกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นผม และหลังจากนั้นก็จะมีผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมสั้นขึ้น จึงทำให้ผมร่วงถี่มากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลง และอาจไม่มีการงอกใหม่ขึ้นมาทดแทนอีกต่อไป



นอกจากนี้พันธุกรรมก็ถือเป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อย หากคนในครอบครัวส่วนใหญ่มีผมบาง ก็จะส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน และอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
  • ความเครียด 
  • มลภาวะ
  • การเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อที่หนังศีรษะ, โรคที่ทำให้เกิดแผลบนหนังศีรษะ และโรคไทรอยด์ เป็นต้น
  • การผ่าตัด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น  การตั้งครรภ์, การคลอดบุตร หรือการอยู่ในวัยหมดประจำเดือน
  • ผลกระทบจากยาที่ใช้รักษา เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง, ภาวะซึมเศร้า หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • การลดน้ำหนักเยอะมากในระยะเวลาที่สั้น
  • มีไข้สูง 
  • ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก หรือโปรตีน เป็นต้น

แบบไหนถึงเรียกว่า ผมร่วงเยอะผิดปกติ? 
ทุก ๆ วันผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้ว แต่จะร่วงในปริมาณที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่มีอยู่บนศีรษะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงจะมีผมร่วงเยอะกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมักจะมีผมร่วงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100-150 เส้น ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและสุขภาพโดยรวม 

ส่วนผู้ชายจะมีผมร่วงโดยเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 50-60 เส้น หากเยอะกว่านี้ก็พึงสังเกตได้ว่า อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ซึ่งแน่นอนว่าการนับจำนวนเส้นผมเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็สามารถสังเกตได้เองเลย เพราะถ้าเกิดปัญหาผมหลุดร่วงเยอะจริง ๆ จะมีผมร่วงอยู่ตามที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งเวลาที่อาบน้ำ สระผม การนอนบนหมอน การหวีผม หรือตามพื้นบ้านนั่นเอง

ผมร่วงเยอะ สามารถรักษาได้อย่างไร?
ผมร่วงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังพอมีแนวทางที่สามารถรักษาได้  ดังนี้
1. การรับประทานวิตามินเสริม
วิธีแรกที่สามารถช่วยรักษาปัญหาผมร่วงได้ คือ การรับประทานวิตามินเสริม เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อเส้นผม ก็จะส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และขาดหลุดร่วงได้ง่าย 

วิตามินบำรุงเส้นผมอย่าง VITAMIN H ของนามนิน จะช่วยบำรุงรากผม ให้ผมที่งอกใหม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ มีเส้นผมที่หนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยผสานคุณประโยชน์จากทั้ง
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ 
  • Biotin ช่วยเสริมสร้างให้ผมแข็งแรงมากขึ้น 
  • Zinc Gluconate ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม 
  • Iron Amino Acid Chelate ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเติมสารอาหารให้เส้นผม 
  • Vitamin B Premix ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยสุขภาพดี 
ซึ่งสารอาหารบำรุงผมทั้งหมดนี้ ก็มีผนวกรวมมาไว้แล้วในอาหารเสริม VITAMIN H  เพราะเส้นผมสวยสุขภาพดี เริ่มต้นได้จากรากผมที่แข็งแรงนั่นเอง


2. การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
อีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาผมร่วงเยอะ ที่ดูจะช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด คือ การพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และทำการรักษา โดยแพทย์จะมีการจ่ายยาช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมตามอาการที่เป็น และสาเหตุของปัญหาผมร่วง ซึ่งมีทั้งรูปแบบยากินและยาทา หรืออาจมีการทำหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติม ตามปัญหาเส้นผมที่มี



3. การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม
การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม ก็เป็นอีกวิธีการที่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงได้เช่นกัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ ๆ อีกทั้งยังช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมที่มีอยู่ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย 

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมอยู่ ที่เห็นผลลัพธ์หลังการทำได้อย่างน่าพึงพอใจ กลับมามีผมหนาขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ก็อยากแนะนำให้ลองใช้บริการ PHB ทรีทเม้นท์บำรุงรากผม สูตรของนามนิน จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์รากผมเกิดการซ่อมแซมตัวเอง และกลับมาทำหน้าที่สร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น



4. การฉายแสง
การฉายแสงเป็นวิธีการรักษาผมร่วงด้วยการใช้แสงจาก LED หรือ Light Emitting Diode ในการบำบัดด้วยคลื่นแสง ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ นำมาช่วยกระตุ้นรากผม และยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม เพื่อแก้ปัญหาและรักษาผมร่วงได้แบบที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปลอดภัย และไม่เกิดบาดแผล 





5. การปลูกผม
อีกหนึ่งวิธีจัดการกับปัญหาผมร่วงได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ การปลูกผม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ที่นามนินเองก็มีโปรแกรมปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ให้บริการ 

ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ดูแลในทุก ๆ ขั้นตอนโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาและประเมินอาการ รวมถึงวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล และทำการปลูกผมโดยแพทย์เองทุกกราฟต์ ทำให้ได้แนวผมสวย มีทิศทางตามองศาผมเดิม ดูเป็นธรรมชาติ แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเล




สรุป
หากใครกำลังเผชิญกับปัญหาผมบางอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนามนินเองก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการผมร่วงให้คุณได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้หากพบปัญหาผมบาง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินอาการและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ก่อนที่อาการจะดำเนินไปมากขึ้น ซึ่งจะยากต่อการแก้ไข แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย

ผมบางของผู้หญิง รักษาได้ไหม
ไขข้อสงสัย ผมร่วงเยอะ เกิดจากอะไร?
เรื่องของเส้นผมเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะผมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของใบหน้าที่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลและบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีอยู่เสมอ 

อย่างไรก็ตามทุกวันจะมีผมหลุดร่วงเองตามธรรมชาติอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่หากผมหลุดร่วงมากเกินไปนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร? มีหนทางในการรักษาอย่างไรบ้าง? นามนินจะพามาไขข้อสงสัยกัน

ผมร่วงเยอะ เกิดขึ้นจากอะไร?
ลักษณะของผมร่วงที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปกติแล้วในแต่ละวันเส้นผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้วประมาณ 50-100 เส้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากบนศีรษะจะมีเส้นผมอยู่มากถึง 100,000 เส้น โดยจะมีการหลุดร่วงของเส้นผมได้ตามกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นผม และหลังจากนั้นก็จะมีผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมสั้นขึ้น จึงทำให้ผมร่วงถี่มากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลง และอาจไม่มีการงอกใหม่ขึ้นมาทดแทนอีกต่อไป



นอกจากนี้พันธุกรรมก็ถือเป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อย หากคนในครอบครัวส่วนใหญ่มีผมบาง ก็จะส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน และอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
  • ความเครียด 
  • มลภาวะ
  • การเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อที่หนังศีรษะ, โรคที่ทำให้เกิดแผลบนหนังศีรษะ และโรคไทรอยด์ เป็นต้น
  • การผ่าตัด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น  การตั้งครรภ์, การคลอดบุตร หรือการอยู่ในวัยหมดประจำเดือน
  • ผลกระทบจากยาที่ใช้รักษา เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง, ภาวะซึมเศร้า หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • การลดน้ำหนักเยอะมากในระยะเวลาที่สั้น
  • มีไข้สูง 
  • ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก หรือโปรตีน เป็นต้น

แบบไหนถึงเรียกว่า ผมร่วงเยอะผิดปกติ? 
ทุก ๆ วันผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้ว แต่จะร่วงในปริมาณที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่มีอยู่บนศีรษะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงจะมีผมร่วงเยอะกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมักจะมีผมร่วงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100-150 เส้น ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและสุขภาพโดยรวม 

ส่วนผู้ชายจะมีผมร่วงโดยเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 50-60 เส้น หากเยอะกว่านี้ก็พึงสังเกตได้ว่า อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ซึ่งแน่นอนว่าการนับจำนวนเส้นผมเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็สามารถสังเกตได้เองเลย เพราะถ้าเกิดปัญหาผมหลุดร่วงเยอะจริง ๆ จะมีผมร่วงอยู่ตามที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งเวลาที่อาบน้ำ สระผม การนอนบนหมอน การหวีผม หรือตามพื้นบ้านนั่นเอง

ผมร่วงเยอะ สามารถรักษาได้อย่างไร?
ผมร่วงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังพอมีแนวทางที่สามารถรักษาได้  ดังนี้
1. การรับประทานวิตามินเสริม
วิธีแรกที่สามารถช่วยรักษาปัญหาผมร่วงได้ คือ การรับประทานวิตามินเสริม เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อเส้นผม ก็จะส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และขาดหลุดร่วงได้ง่าย 

วิตามินบำรุงเส้นผมอย่าง VITAMIN H ของนามนิน จะช่วยบำรุงรากผม ให้ผมที่งอกใหม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ มีเส้นผมที่หนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยผสานคุณประโยชน์จากทั้ง
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ 
  • Biotin ช่วยเสริมสร้างให้ผมแข็งแรงมากขึ้น 
  • Zinc Gluconate ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม 
  • Iron Amino Acid Chelate ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเติมสารอาหารให้เส้นผม 
  • Vitamin B Premix ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยสุขภาพดี 
ซึ่งสารอาหารบำรุงผมทั้งหมดนี้ ก็มีผนวกรวมมาไว้แล้วในอาหารเสริม VITAMIN H  เพราะเส้นผมสวยสุขภาพดี เริ่มต้นได้จากรากผมที่แข็งแรงนั่นเอง


2. การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
อีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาผมร่วงเยอะ ที่ดูจะช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด คือ การพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และทำการรักษา โดยแพทย์จะมีการจ่ายยาช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมตามอาการที่เป็น และสาเหตุของปัญหาผมร่วง ซึ่งมีทั้งรูปแบบยากินและยาทา หรืออาจมีการทำหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติม ตามปัญหาเส้นผมที่มี



3. การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม
การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม ก็เป็นอีกวิธีการที่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงได้เช่นกัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ ๆ อีกทั้งยังช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมที่มีอยู่ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย 

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมอยู่ ที่เห็นผลลัพธ์หลังการทำได้อย่างน่าพึงพอใจ กลับมามีผมหนาขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ก็อยากแนะนำให้ลองใช้บริการ PHB ทรีทเม้นท์บำรุงรากผม สูตรของนามนิน จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์รากผมเกิดการซ่อมแซมตัวเอง และกลับมาทำหน้าที่สร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น



4. การฉายแสง
การฉายแสงเป็นวิธีการรักษาผมร่วงด้วยการใช้แสงจาก LED หรือ Light Emitting Diode ในการบำบัดด้วยคลื่นแสง ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ นำมาช่วยกระตุ้นรากผม และยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม เพื่อแก้ปัญหาและรักษาผมร่วงได้แบบที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปลอดภัย และไม่เกิดบาดแผล 





5. การปลูกผม
อีกหนึ่งวิธีจัดการกับปัญหาผมร่วงได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ การปลูกผม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ที่นามนินเองก็มีโปรแกรมปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ให้บริการ 

ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ดูแลในทุก ๆ ขั้นตอนโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาและประเมินอาการ รวมถึงวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล และทำการปลูกผมโดยแพทย์เองทุกกราฟต์ ทำให้ได้แนวผมสวย มีทิศทางตามองศาผมเดิม ดูเป็นธรรมชาติ แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเล




สรุป
หากใครกำลังเผชิญกับปัญหาผมบางอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนามนินเองก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการผมร่วงให้คุณได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้หากพบปัญหาผมบาง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินอาการและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ก่อนที่อาการจะดำเนินไปมากขึ้น ซึ่งจะยากต่อการแก้ไข แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย

ผมบางของผู้หญิง รักษาได้ไหม
ไขข้อสงสัย ผมร่วงเยอะ เกิดจากอะไร?
เรื่องของเส้นผมเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะผมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของใบหน้าที่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลและบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีอยู่เสมอ 

อย่างไรก็ตามทุกวันจะมีผมหลุดร่วงเองตามธรรมชาติอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่หากผมหลุดร่วงมากเกินไปนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร? มีหนทางในการรักษาอย่างไรบ้าง? นามนินจะพามาไขข้อสงสัยกัน

ผมร่วงเยอะ เกิดขึ้นจากอะไร?
ลักษณะของผมร่วงที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปกติแล้วในแต่ละวันเส้นผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้วประมาณ 50-100 เส้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากบนศีรษะจะมีเส้นผมอยู่มากถึง 100,000 เส้น โดยจะมีการหลุดร่วงของเส้นผมได้ตามกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นผม และหลังจากนั้นก็จะมีผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมสั้นขึ้น จึงทำให้ผมร่วงถี่มากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลง และอาจไม่มีการงอกใหม่ขึ้นมาทดแทนอีกต่อไป



นอกจากนี้พันธุกรรมก็ถือเป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อย หากคนในครอบครัวส่วนใหญ่มีผมบาง ก็จะส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน และอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
  • ความเครียด 
  • มลภาวะ
  • การเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อที่หนังศีรษะ, โรคที่ทำให้เกิดแผลบนหนังศีรษะ และโรคไทรอยด์ เป็นต้น
  • การผ่าตัด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น  การตั้งครรภ์, การคลอดบุตร หรือการอยู่ในวัยหมดประจำเดือน
  • ผลกระทบจากยาที่ใช้รักษา เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง, ภาวะซึมเศร้า หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • การลดน้ำหนักเยอะมากในระยะเวลาที่สั้น
  • มีไข้สูง 
  • ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก หรือโปรตีน เป็นต้น

แบบไหนถึงเรียกว่า ผมร่วงเยอะผิดปกติ? 
ทุก ๆ วันผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้ว แต่จะร่วงในปริมาณที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่มีอยู่บนศีรษะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงจะมีผมร่วงเยอะกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมักจะมีผมร่วงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100-150 เส้น ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและสุขภาพโดยรวม 

ส่วนผู้ชายจะมีผมร่วงโดยเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 50-60 เส้น หากเยอะกว่านี้ก็พึงสังเกตได้ว่า อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ซึ่งแน่นอนว่าการนับจำนวนเส้นผมเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็สามารถสังเกตได้เองเลย เพราะถ้าเกิดปัญหาผมหลุดร่วงเยอะจริง ๆ จะมีผมร่วงอยู่ตามที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งเวลาที่อาบน้ำ สระผม การนอนบนหมอน การหวีผม หรือตามพื้นบ้านนั่นเอง

ผมร่วงเยอะ สามารถรักษาได้อย่างไร?
ผมร่วงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังพอมีแนวทางที่สามารถรักษาได้  ดังนี้
1. การรับประทานวิตามินเสริม
วิธีแรกที่สามารถช่วยรักษาปัญหาผมร่วงได้ คือ การรับประทานวิตามินเสริม เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อเส้นผม ก็จะส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และขาดหลุดร่วงได้ง่าย 

วิตามินบำรุงเส้นผมอย่าง VITAMIN H ของนามนิน จะช่วยบำรุงรากผม ให้ผมที่งอกใหม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ มีเส้นผมที่หนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยผสานคุณประโยชน์จากทั้ง
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ 
  • Biotin ช่วยเสริมสร้างให้ผมแข็งแรงมากขึ้น 
  • Zinc Gluconate ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม 
  • Iron Amino Acid Chelate ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเติมสารอาหารให้เส้นผม 
  • Vitamin B Premix ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยสุขภาพดี 
ซึ่งสารอาหารบำรุงผมทั้งหมดนี้ ก็มีผนวกรวมมาไว้แล้วในอาหารเสริม VITAMIN H  เพราะเส้นผมสวยสุขภาพดี เริ่มต้นได้จากรากผมที่แข็งแรงนั่นเอง


2. การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
อีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาผมร่วงเยอะ ที่ดูจะช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด คือ การพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และทำการรักษา โดยแพทย์จะมีการจ่ายยาช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมตามอาการที่เป็น และสาเหตุของปัญหาผมร่วง ซึ่งมีทั้งรูปแบบยากินและยาทา หรืออาจมีการทำหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติม ตามปัญหาเส้นผมที่มี



3. การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม
การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม ก็เป็นอีกวิธีการที่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงได้เช่นกัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ ๆ อีกทั้งยังช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมที่มีอยู่ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย 

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมอยู่ ที่เห็นผลลัพธ์หลังการทำได้อย่างน่าพึงพอใจ กลับมามีผมหนาขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ก็อยากแนะนำให้ลองใช้บริการ PHB ทรีทเม้นท์บำรุงรากผม สูตรของนามนิน จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์รากผมเกิดการซ่อมแซมตัวเอง และกลับมาทำหน้าที่สร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น



4. การฉายแสง
การฉายแสงเป็นวิธีการรักษาผมร่วงด้วยการใช้แสงจาก LED หรือ Light Emitting Diode ในการบำบัดด้วยคลื่นแสง ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ นำมาช่วยกระตุ้นรากผม และยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม เพื่อแก้ปัญหาและรักษาผมร่วงได้แบบที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปลอดภัย และไม่เกิดบาดแผล 





5. การปลูกผม
อีกหนึ่งวิธีจัดการกับปัญหาผมร่วงได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ การปลูกผม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ที่นามนินเองก็มีโปรแกรมปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ให้บริการ 

ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ดูแลในทุก ๆ ขั้นตอนโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาและประเมินอาการ รวมถึงวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล และทำการปลูกผมโดยแพทย์เองทุกกราฟต์ ทำให้ได้แนวผมสวย มีทิศทางตามองศาผมเดิม ดูเป็นธรรมชาติ แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเล




สรุป
หากใครกำลังเผชิญกับปัญหาผมบางอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนามนินเองก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการผมร่วงให้คุณได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้หากพบปัญหาผมบาง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินอาการและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ก่อนที่อาการจะดำเนินไปมากขึ้น ซึ่งจะยากต่อการแก้ไข แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย

ผมบางของผู้หญิง รักษาได้ไหม
ไขข้อสงสัย ผมร่วงเยอะ เกิดจากอะไร?
เรื่องของเส้นผมเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะผมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของใบหน้าที่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลและบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีอยู่เสมอ 

อย่างไรก็ตามทุกวันจะมีผมหลุดร่วงเองตามธรรมชาติอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่หากผมหลุดร่วงมากเกินไปนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร? มีหนทางในการรักษาอย่างไรบ้าง? นามนินจะพามาไขข้อสงสัยกัน

ผมร่วงเยอะ เกิดขึ้นจากอะไร?
ลักษณะของผมร่วงที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปกติแล้วในแต่ละวันเส้นผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้วประมาณ 50-100 เส้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากบนศีรษะจะมีเส้นผมอยู่มากถึง 100,000 เส้น โดยจะมีการหลุดร่วงของเส้นผมได้ตามกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นผม และหลังจากนั้นก็จะมีผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมสั้นขึ้น จึงทำให้ผมร่วงถี่มากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลง และอาจไม่มีการงอกใหม่ขึ้นมาทดแทนอีกต่อไป



นอกจากนี้พันธุกรรมก็ถือเป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อย หากคนในครอบครัวส่วนใหญ่มีผมบาง ก็จะส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน และอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
  • ความเครียด 
  • มลภาวะ
  • การเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อที่หนังศีรษะ, โรคที่ทำให้เกิดแผลบนหนังศีรษะ และโรคไทรอยด์ เป็นต้น
  • การผ่าตัด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น  การตั้งครรภ์, การคลอดบุตร หรือการอยู่ในวัยหมดประจำเดือน
  • ผลกระทบจากยาที่ใช้รักษา เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง, ภาวะซึมเศร้า หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • การลดน้ำหนักเยอะมากในระยะเวลาที่สั้น
  • มีไข้สูง 
  • ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก หรือโปรตีน เป็นต้น

แบบไหนถึงเรียกว่า ผมร่วงเยอะผิดปกติ? 
ทุก ๆ วันผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้ว แต่จะร่วงในปริมาณที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่มีอยู่บนศีรษะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงจะมีผมร่วงเยอะกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมักจะมีผมร่วงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100-150 เส้น ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและสุขภาพโดยรวม 

ส่วนผู้ชายจะมีผมร่วงโดยเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 50-60 เส้น หากเยอะกว่านี้ก็พึงสังเกตได้ว่า อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ซึ่งแน่นอนว่าการนับจำนวนเส้นผมเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็สามารถสังเกตได้เองเลย เพราะถ้าเกิดปัญหาผมหลุดร่วงเยอะจริง ๆ จะมีผมร่วงอยู่ตามที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งเวลาที่อาบน้ำ สระผม การนอนบนหมอน การหวีผม หรือตามพื้นบ้านนั่นเอง

ผมร่วงเยอะ สามารถรักษาได้อย่างไร?
ผมร่วงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังพอมีแนวทางที่สามารถรักษาได้  ดังนี้
1. การรับประทานวิตามินเสริม
วิธีแรกที่สามารถช่วยรักษาปัญหาผมร่วงได้ คือ การรับประทานวิตามินเสริม เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อเส้นผม ก็จะส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และขาดหลุดร่วงได้ง่าย 

วิตามินบำรุงเส้นผมอย่าง VITAMIN H ของนามนิน จะช่วยบำรุงรากผม ให้ผมที่งอกใหม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ มีเส้นผมที่หนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยผสานคุณประโยชน์จากทั้ง
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ 
  • Biotin ช่วยเสริมสร้างให้ผมแข็งแรงมากขึ้น 
  • Zinc Gluconate ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม 
  • Iron Amino Acid Chelate ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเติมสารอาหารให้เส้นผม 
  • Vitamin B Premix ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยสุขภาพดี 
ซึ่งสารอาหารบำรุงผมทั้งหมดนี้ ก็มีผนวกรวมมาไว้แล้วในอาหารเสริม VITAMIN H  เพราะเส้นผมสวยสุขภาพดี เริ่มต้นได้จากรากผมที่แข็งแรงนั่นเอง


2. การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
อีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาผมร่วงเยอะ ที่ดูจะช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด คือ การพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และทำการรักษา โดยแพทย์จะมีการจ่ายยาช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมตามอาการที่เป็น และสาเหตุของปัญหาผมร่วง ซึ่งมีทั้งรูปแบบยากินและยาทา หรืออาจมีการทำหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติม ตามปัญหาเส้นผมที่มี



3. การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม
การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม ก็เป็นอีกวิธีการที่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงได้เช่นกัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ ๆ อีกทั้งยังช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมที่มีอยู่ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย 

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมอยู่ ที่เห็นผลลัพธ์หลังการทำได้อย่างน่าพึงพอใจ กลับมามีผมหนาขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ก็อยากแนะนำให้ลองใช้บริการ PHB ทรีทเม้นท์บำรุงรากผม สูตรของนามนิน จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์รากผมเกิดการซ่อมแซมตัวเอง และกลับมาทำหน้าที่สร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น



4. การฉายแสง
การฉายแสงเป็นวิธีการรักษาผมร่วงด้วยการใช้แสงจาก LED หรือ Light Emitting Diode ในการบำบัดด้วยคลื่นแสง ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ นำมาช่วยกระตุ้นรากผม และยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม เพื่อแก้ปัญหาและรักษาผมร่วงได้แบบที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปลอดภัย และไม่เกิดบาดแผล 





5. การปลูกผม
อีกหนึ่งวิธีจัดการกับปัญหาผมร่วงได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ การปลูกผม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ที่นามนินเองก็มีโปรแกรมปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ให้บริการ 

ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ดูแลในทุก ๆ ขั้นตอนโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาและประเมินอาการ รวมถึงวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล และทำการปลูกผมโดยแพทย์เองทุกกราฟต์ ทำให้ได้แนวผมสวย มีทิศทางตามองศาผมเดิม ดูเป็นธรรมชาติ แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเล




สรุป
หากใครกำลังเผชิญกับปัญหาผมบางอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนามนินเองก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการผมร่วงให้คุณได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้หากพบปัญหาผมบาง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินอาการและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ก่อนที่อาการจะดำเนินไปมากขึ้น ซึ่งจะยากต่อการแก้ไข แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย

ผมบางของผู้หญิง รักษาได้ไหม
ไขข้อสงสัย ผมร่วงเยอะ เกิดจากอะไร?
เรื่องของเส้นผมเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะผมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของใบหน้าที่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลและบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีอยู่เสมอ 

อย่างไรก็ตามทุกวันจะมีผมหลุดร่วงเองตามธรรมชาติอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่หากผมหลุดร่วงมากเกินไปนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร? มีหนทางในการรักษาอย่างไรบ้าง? นามนินจะพามาไขข้อสงสัยกัน

ผมร่วงเยอะ เกิดขึ้นจากอะไร?
ลักษณะของผมร่วงที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปกติแล้วในแต่ละวันเส้นผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้วประมาณ 50-100 เส้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากบนศีรษะจะมีเส้นผมอยู่มากถึง 100,000 เส้น โดยจะมีการหลุดร่วงของเส้นผมได้ตามกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นผม และหลังจากนั้นก็จะมีผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมสั้นขึ้น จึงทำให้ผมร่วงถี่มากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลง และอาจไม่มีการงอกใหม่ขึ้นมาทดแทนอีกต่อไป



นอกจากนี้พันธุกรรมก็ถือเป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อย หากคนในครอบครัวส่วนใหญ่มีผมบาง ก็จะส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน และอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
  • ความเครียด 
  • มลภาวะ
  • การเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อที่หนังศีรษะ, โรคที่ทำให้เกิดแผลบนหนังศีรษะ และโรคไทรอยด์ เป็นต้น
  • การผ่าตัด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น  การตั้งครรภ์, การคลอดบุตร หรือการอยู่ในวัยหมดประจำเดือน
  • ผลกระทบจากยาที่ใช้รักษา เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง, ภาวะซึมเศร้า หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • การลดน้ำหนักเยอะมากในระยะเวลาที่สั้น
  • มีไข้สูง 
  • ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก หรือโปรตีน เป็นต้น

แบบไหนถึงเรียกว่า ผมร่วงเยอะผิดปกติ? 
ทุก ๆ วันผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้ว แต่จะร่วงในปริมาณที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่มีอยู่บนศีรษะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงจะมีผมร่วงเยอะกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมักจะมีผมร่วงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100-150 เส้น ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและสุขภาพโดยรวม 

ส่วนผู้ชายจะมีผมร่วงโดยเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 50-60 เส้น หากเยอะกว่านี้ก็พึงสังเกตได้ว่า อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ซึ่งแน่นอนว่าการนับจำนวนเส้นผมเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็สามารถสังเกตได้เองเลย เพราะถ้าเกิดปัญหาผมหลุดร่วงเยอะจริง ๆ จะมีผมร่วงอยู่ตามที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งเวลาที่อาบน้ำ สระผม การนอนบนหมอน การหวีผม หรือตามพื้นบ้านนั่นเอง

ผมร่วงเยอะ สามารถรักษาได้อย่างไร?
ผมร่วงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังพอมีแนวทางที่สามารถรักษาได้  ดังนี้
1. การรับประทานวิตามินเสริม
วิธีแรกที่สามารถช่วยรักษาปัญหาผมร่วงได้ คือ การรับประทานวิตามินเสริม เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อเส้นผม ก็จะส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และขาดหลุดร่วงได้ง่าย 

วิตามินบำรุงเส้นผมอย่าง VITAMIN H ของนามนิน จะช่วยบำรุงรากผม ให้ผมที่งอกใหม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ มีเส้นผมที่หนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยผสานคุณประโยชน์จากทั้ง
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ 
  • Biotin ช่วยเสริมสร้างให้ผมแข็งแรงมากขึ้น 
  • Zinc Gluconate ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม 
  • Iron Amino Acid Chelate ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเติมสารอาหารให้เส้นผม 
  • Vitamin B Premix ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยสุขภาพดี 
ซึ่งสารอาหารบำรุงผมทั้งหมดนี้ ก็มีผนวกรวมมาไว้แล้วในอาหารเสริม VITAMIN H  เพราะเส้นผมสวยสุขภาพดี เริ่มต้นได้จากรากผมที่แข็งแรงนั่นเอง


2. การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
อีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาผมร่วงเยอะ ที่ดูจะช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด คือ การพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และทำการรักษา โดยแพทย์จะมีการจ่ายยาช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมตามอาการที่เป็น และสาเหตุของปัญหาผมร่วง ซึ่งมีทั้งรูปแบบยากินและยาทา หรืออาจมีการทำหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติม ตามปัญหาเส้นผมที่มี



3. การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม
การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม ก็เป็นอีกวิธีการที่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงได้เช่นกัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ ๆ อีกทั้งยังช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมที่มีอยู่ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย 

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมอยู่ ที่เห็นผลลัพธ์หลังการทำได้อย่างน่าพึงพอใจ กลับมามีผมหนาขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ก็อยากแนะนำให้ลองใช้บริการ PHB ทรีทเม้นท์บำรุงรากผม สูตรของนามนิน จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์รากผมเกิดการซ่อมแซมตัวเอง และกลับมาทำหน้าที่สร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น



4. การฉายแสง
การฉายแสงเป็นวิธีการรักษาผมร่วงด้วยการใช้แสงจาก LED หรือ Light Emitting Diode ในการบำบัดด้วยคลื่นแสง ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ นำมาช่วยกระตุ้นรากผม และยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม เพื่อแก้ปัญหาและรักษาผมร่วงได้แบบที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปลอดภัย และไม่เกิดบาดแผล 





5. การปลูกผม
อีกหนึ่งวิธีจัดการกับปัญหาผมร่วงได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ การปลูกผม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ที่นามนินเองก็มีโปรแกรมปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ให้บริการ 

ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ดูแลในทุก ๆ ขั้นตอนโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาและประเมินอาการ รวมถึงวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล และทำการปลูกผมโดยแพทย์เองทุกกราฟต์ ทำให้ได้แนวผมสวย มีทิศทางตามองศาผมเดิม ดูเป็นธรรมชาติ แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเล




สรุป
หากใครกำลังเผชิญกับปัญหาผมบางอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนามนินเองก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการผมร่วงให้คุณได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้หากพบปัญหาผมบาง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินอาการและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ก่อนที่อาการจะดำเนินไปมากขึ้น ซึ่งจะยากต่อการแก้ไข แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย

Checklist จุดคุ้มค่าราคาปลูกผม
สำหรับหลาย ๆ คนที่เลือกการปลูกผมเป็นทางออกถาวรให้กับปัญหาผมร่วงผมบาง และกำลังตัดสินใจว่าจะเข้ารับบริการกับคลินิกปลูกผมแห่งไหนดี แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญก็คือ “ราคา” ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า ในตลาดปลูกผมของประเทศไทยที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ มีการตั้งราคาที่หลากหลายตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว คำถามคือ ตัวเลขราคาเหล่านั้นสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการปลูกผมด้วยหรือไม่ ยิ่งลงทุนจ่ายราคาแพง ยิ่งการันตีความสำเร็จในการปลูกผมจริงหรือ

ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขราคาที่เห็น อาจไม่ใช่ตัวชี้วัดผลลัพธ์ของการปลูกผมได้ 100% (เพราะมักจะบวกรวมค่าใช้จ่ายด้านการทำการตลาดลงไปด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่า “ราคา” นั่นก็คือ “ความคุ้มค่า” 

ถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยแล้วว่า ความคุ้มค่าที่ว่านั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง นามนินจึงรวบรวม Checklist สำหรับประเมินจุดคุ้มค่าของการปลูกผม เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจเลือกปลูกผมด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างรอบคอบ และตามหาจุดที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย รวมถึงตอบโจทย์ความพึงพอใจในการรักษาได้มากที่สุด

สำรวจความเห็นจากผู้เข้ารับบริการจริง
เริ่มจากการลองเข้าไปศึกษารีวิวการใช้บริการปลูกผมจากคนไข้ตัวจริงเสียงจริงหลาย ๆ คน ว่าแต่ละคนแชร์ประสบการณ์ในการรักษาไว้อย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้จริงหรือไม่ หรือลองศึกษาจากข้อมูลที่แพทย์แต่ละคลินิกออกมาให้ความรู้ รวมถึงลองสังเกตสไตล์การอธิบายให้คำปรึกษา ซึ่งแพทย์แต่ละคนก็มีแนวทางที่ต่างกัน เป็นการประเมินความน่าเชื่อถือเบื้องต้น และได้โอกาสมองหาแนวทางการรักษาที่ตรงใจเราที่สุดด้วย



คำถามสำคัญ ปลูกผมโดย “ใคร” ?
ข้อนี้เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม แต่ที่จริงแล้ว นี่เป็นคำถามเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งเลย เนื่องจากผู้ที่จะลงมือทำหัตถการปลูกผมนั้น นอกจากจะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญด้านการปลูกผมโดยตรงแล้ว ยังสามารถเป็นทีมสหวิชาชีพแพทย์ หรืออาจเป็นบุคลากรในสาขาอาชีพอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและแนวทางการรักษาที่คนไข้เลือก ว่าต้องการทักษะฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในระดับไหน ถ้าเรารู้คำตอบว่าใครเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้เราแล้ว ก็จะช่วยให้พิจารณาความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายได้ชัดเจนขึ้น



หาโอกาสลองพบคุณหมอตัวจริง
ข้อมูลหรือภาพที่เห็นในโลกอินเทอร์เน็ต จะตรงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ได้เวลาพิสูจน์ด้วยการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ที่คลินิกปลูกผม ลองดูซิว่า ความประทับใจแรกของเราจะเป็นอย่างไร



แพทย์มีความรู้มากน้อยแค่ไหน และเลือกใช้วิธีถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นออกมาอย่างไร 
แพทย์รับฟังปัญหาและความต้องการของเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ได้มากที่สุด
แพทย์วิเคราะห์ปัญหาเส้นผมแบบเฉพาะบุคคลหรือไม่ เพราะคนไข้แต่ละเคสมาด้วยปัญหาที่แตกต่างและไม่ซ้ำกันเลย
แพทย์มีความจริงใจที่จะให้คำแนะนำโดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงหรือไม่ เช่น ในกรณีที่ปัญหาผมค่อนข้างรุนแรงจนไม่อาจปลูกผมคืนความหนาแน่นได้เต็มร้อย แพทย์มีวิธีบอกกับเราและเสนอแนะทางแก้ปัญหาอย่างไร
แพทย์มีเทคนิคในการปลูกผมที่น่าสนใจและช่วยให้เราสะดวกสบายขึ้นอย่างไร
ขั้นตอนการปลูกผมที่แพทย์อธิบายให้ฟัง ดูน่าเชื่อถือแค่ไหน

ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราลดความกังวลในการเข้ารับบริการ และตัดสินใจเลือกคลินิกที่จะปลูกผมได้ง่ายขึ้น

สถานที่และอุปกรณ์ได้มาตรฐาน
อย่าลืมตรวจสอบมาตรฐานความสะอาดของสถานที่ทำหัตถการปลูกผม รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ที่สำคัญ อุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ควรมีความน่าเชื่อถือ ออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เจาะย้ายรากผม อุปกรณ์ปลูกผม รวมไปถึงเครื่องมือและน้ำยาที่ใช้ในการแช่รักษาสภาพกราฟต์ผมระหว่างรอปลูกใหม่ อีกทั้งเรายังสังเกตความใส่ใจของแพทย์ได้จากการเตรียมอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมและอุปกรณ์ปลูกผมที่สามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ เพื่อลดโอกาสที่กราฟต์ผมจะถูกทำร้ายให้น้อยที่สุดนั่นเอง



ความช่วยเหลือในการเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ความคุ้มค่าของการให้บริการปลูกผม ไม่เพียงวัดกันที่ผลลัพธ์ปลายทาง แต่สามารถบอกได้ตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการรักษา อย่างเช่นขั้นตอนการเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม ลองนึกภาพดูว่า เป็นใครก็คงจะกังวลไม่น้อยกับการปลูกผมครั้งแรกในชีวิต แต่ถ้าคนไข้เลือกคลินิกและแพทย์ที่สามารถช่วยในการ “เตรียมตัว” ได้เป็นอย่างดี คนไข้ก็จะเข้ารับการรักษาอย่างสบายใจไร้กังวล 

ทั้งนี้ ทางคลินิกสามารถช่วยเราเตรียมตัวได้ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น  การอธิบายขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย จนเห็นภาพได้ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมถึงการให้คำแนะนำในเรื่องของอาหารและยาที่ควรงดรับประทานก่อนวันปลูก การออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม การนอนหลับให้เพียงพอ ไปจนถึงเสื้อผ้าแบบไหนที่ควรสวมใส่ในวันปลูกผมเพื่อความคล่องตัว


วันปลูกผม ..หนึ่งวันที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่..
วันปลูกผมถือเป็นวันสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวล่วงหน้า ตั้งแต่ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมที่ไหน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่จะช่วยให้เราประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผมได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรักษาที่แพทย์เลือกใช้ หรือเทคนิคที่ออกแบบมาด้วยความเข้าใจ pain point ของคนไข้ ซึ่งจะช่วยให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย ทำให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลและจัดแต่งผมทรงต่าง ๆ ได้อิสระทุกสไตล์ 

และยังรวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ความใส่ใจจากทีมแพทย์และบุคลากร ความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ผลข้างเคียงจากการรักษา เช่นอาการเจ็บ บวม ช้ำ มีมากน้อยแค่ไหน และคนไข้จะได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งทีมแพทย์ที่ดีจะช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดกระบวนการรักษา


เส้นทางการรักษา 1 ปีเต็ม
การปลูกผมไม่ได้จบแค่วันทำหัตถการ แต่ยังมีเส้นทางต่อเนื่องหลังจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม เนื่องจากผมที่ปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาที่จะค่อย ๆ เจริญเติบโตตามวงจรธรรมชาติ ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกปลูกผมที่จะไม่ทิ้งคนไข้ไว้กลางทาง แต่จะคอยดูแลนัดติดตามผล ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการพักฟื้น การปฏิบัติตัว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนแนะนำบริการ Treatment ต่าง ๆ ที่จะลดโอกาสเสี่ยงในการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมมีเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงขึ้น คลินิกปลูกผมหลาย ๆ แห่ง ยังเปิดให้คนไข้สามารถปรึกษาและซักถามข้อสงสัยได้ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของความคุ้มค่าคุ้มราคาทั้งในเชิง “เวลา” และ “ความใส่ใจ” อีกด้วย



ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตรงใจคุณ
ข้อนี้ก็เป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าของการลงทุนปลูกผมได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งมีจุดที่ควรคำนึงถึงดังนี้

  • หลังปลูกผมแล้ว สามารถแก้ปัญหาผมบาง เติมเต็มผมให้ดูหนาแน่นขึ้นได้
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ย้อนผิดทิศทาง ดูเป็นธรรมชาติ
  • หากเป็นแนวผมบริเวณหน้าผาก ควรวางตัวเนียน เรียบ เป็นระเบียบ เพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า
  • หากเป็นผมปลูกใหม่บริเวณขวัญกลางศีรษะ ควรเรียงตัววนไปในทิศเดียวเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืน
  • ความหนาแน่นของผมปลูกใหม่กำลังดี ไม่บางจนเกินไป และไม่แน่นจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ผมหลุดร่วงได้ง่าย
  • เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของผมปลูกใหม่สูง ไม่หลุดร่วงมากจนผิดปกติ
  • ผลลัพธ์ผมใหม่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมกับเพศ วัย และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง

และนี่ก็คือ Checklist ที่คนรักผมไม่ควรมองข้าม เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผม ว่าคุ้มกับราคาที่จะต้องจ่ายหรือไม่ ที่สำคัญ การลงทุนปลูกผมไม่ว่าจะในราคาสูงหรือราคาต่ำ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าการลงทุนนั้นให้ผลลัพธ์ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ และเหมาะสมกับเราที่สุดแล้วหรือไม่ 

...เพราะการปลูกผมครั้งนี้ อาจจะเป็นโอกาสครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิตของคุณก็เป็นได้...

Checklist จุดคุ้มค่าราคาปลูกผม
สำหรับหลาย ๆ คนที่เลือกการปลูกผมเป็นทางออกถาวรให้กับปัญหาผมร่วงผมบาง และกำลังตัดสินใจว่าจะเข้ารับบริการกับคลินิกปลูกผมแห่งไหนดี แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญก็คือ “ราคา” ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า ในตลาดปลูกผมของประเทศไทยที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ มีการตั้งราคาที่หลากหลายตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว คำถามคือ ตัวเลขราคาเหล่านั้นสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการปลูกผมด้วยหรือไม่ ยิ่งลงทุนจ่ายราคาแพง ยิ่งการันตีความสำเร็จในการปลูกผมจริงหรือ

ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขราคาที่เห็น อาจไม่ใช่ตัวชี้วัดผลลัพธ์ของการปลูกผมได้ 100% (เพราะมักจะบวกรวมค่าใช้จ่ายด้านการทำการตลาดลงไปด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่า “ราคา” นั่นก็คือ “ความคุ้มค่า” 

ถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยแล้วว่า ความคุ้มค่าที่ว่านั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง นามนินจึงรวบรวม Checklist สำหรับประเมินจุดคุ้มค่าของการปลูกผม เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจเลือกปลูกผมด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างรอบคอบ และตามหาจุดที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย รวมถึงตอบโจทย์ความพึงพอใจในการรักษาได้มากที่สุด

สำรวจความเห็นจากผู้เข้ารับบริการจริง
เริ่มจากการลองเข้าไปศึกษารีวิวการใช้บริการปลูกผมจากคนไข้ตัวจริงเสียงจริงหลาย ๆ คน ว่าแต่ละคนแชร์ประสบการณ์ในการรักษาไว้อย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้จริงหรือไม่ หรือลองศึกษาจากข้อมูลที่แพทย์แต่ละคลินิกออกมาให้ความรู้ รวมถึงลองสังเกตสไตล์การอธิบายให้คำปรึกษา ซึ่งแพทย์แต่ละคนก็มีแนวทางที่ต่างกัน เป็นการประเมินความน่าเชื่อถือเบื้องต้น และได้โอกาสมองหาแนวทางการรักษาที่ตรงใจเราที่สุดด้วย



คำถามสำคัญ ปลูกผมโดย “ใคร” ?
ข้อนี้เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม แต่ที่จริงแล้ว นี่เป็นคำถามเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งเลย เนื่องจากผู้ที่จะลงมือทำหัตถการปลูกผมนั้น นอกจากจะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญด้านการปลูกผมโดยตรงแล้ว ยังสามารถเป็นทีมสหวิชาชีพแพทย์ หรืออาจเป็นบุคลากรในสาขาอาชีพอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและแนวทางการรักษาที่คนไข้เลือก ว่าต้องการทักษะฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในระดับไหน ถ้าเรารู้คำตอบว่าใครเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้เราแล้ว ก็จะช่วยให้พิจารณาความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายได้ชัดเจนขึ้น



หาโอกาสลองพบคุณหมอตัวจริง
ข้อมูลหรือภาพที่เห็นในโลกอินเทอร์เน็ต จะตรงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ได้เวลาพิสูจน์ด้วยการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ที่คลินิกปลูกผม ลองดูซิว่า ความประทับใจแรกของเราจะเป็นอย่างไร



แพทย์มีความรู้มากน้อยแค่ไหน และเลือกใช้วิธีถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นออกมาอย่างไร 
แพทย์รับฟังปัญหาและความต้องการของเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ได้มากที่สุด
แพทย์วิเคราะห์ปัญหาเส้นผมแบบเฉพาะบุคคลหรือไม่ เพราะคนไข้แต่ละเคสมาด้วยปัญหาที่แตกต่างและไม่ซ้ำกันเลย
แพทย์มีความจริงใจที่จะให้คำแนะนำโดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงหรือไม่ เช่น ในกรณีที่ปัญหาผมค่อนข้างรุนแรงจนไม่อาจปลูกผมคืนความหนาแน่นได้เต็มร้อย แพทย์มีวิธีบอกกับเราและเสนอแนะทางแก้ปัญหาอย่างไร
แพทย์มีเทคนิคในการปลูกผมที่น่าสนใจและช่วยให้เราสะดวกสบายขึ้นอย่างไร
ขั้นตอนการปลูกผมที่แพทย์อธิบายให้ฟัง ดูน่าเชื่อถือแค่ไหน

ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราลดความกังวลในการเข้ารับบริการ และตัดสินใจเลือกคลินิกที่จะปลูกผมได้ง่ายขึ้น

สถานที่และอุปกรณ์ได้มาตรฐาน
อย่าลืมตรวจสอบมาตรฐานความสะอาดของสถานที่ทำหัตถการปลูกผม รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ที่สำคัญ อุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ควรมีความน่าเชื่อถือ ออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เจาะย้ายรากผม อุปกรณ์ปลูกผม รวมไปถึงเครื่องมือและน้ำยาที่ใช้ในการแช่รักษาสภาพกราฟต์ผมระหว่างรอปลูกใหม่ อีกทั้งเรายังสังเกตความใส่ใจของแพทย์ได้จากการเตรียมอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมและอุปกรณ์ปลูกผมที่สามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ เพื่อลดโอกาสที่กราฟต์ผมจะถูกทำร้ายให้น้อยที่สุดนั่นเอง



ความช่วยเหลือในการเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ความคุ้มค่าของการให้บริการปลูกผม ไม่เพียงวัดกันที่ผลลัพธ์ปลายทาง แต่สามารถบอกได้ตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการรักษา อย่างเช่นขั้นตอนการเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม ลองนึกภาพดูว่า เป็นใครก็คงจะกังวลไม่น้อยกับการปลูกผมครั้งแรกในชีวิต แต่ถ้าคนไข้เลือกคลินิกและแพทย์ที่สามารถช่วยในการ “เตรียมตัว” ได้เป็นอย่างดี คนไข้ก็จะเข้ารับการรักษาอย่างสบายใจไร้กังวล 

ทั้งนี้ ทางคลินิกสามารถช่วยเราเตรียมตัวได้ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น  การอธิบายขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย จนเห็นภาพได้ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมถึงการให้คำแนะนำในเรื่องของอาหารและยาที่ควรงดรับประทานก่อนวันปลูก การออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม การนอนหลับให้เพียงพอ ไปจนถึงเสื้อผ้าแบบไหนที่ควรสวมใส่ในวันปลูกผมเพื่อความคล่องตัว


วันปลูกผม ..หนึ่งวันที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่..
วันปลูกผมถือเป็นวันสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวล่วงหน้า ตั้งแต่ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมที่ไหน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่จะช่วยให้เราประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผมได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรักษาที่แพทย์เลือกใช้ หรือเทคนิคที่ออกแบบมาด้วยความเข้าใจ pain point ของคนไข้ ซึ่งจะช่วยให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย ทำให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลและจัดแต่งผมทรงต่าง ๆ ได้อิสระทุกสไตล์ 

และยังรวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ความใส่ใจจากทีมแพทย์และบุคลากร ความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ผลข้างเคียงจากการรักษา เช่นอาการเจ็บ บวม ช้ำ มีมากน้อยแค่ไหน และคนไข้จะได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งทีมแพทย์ที่ดีจะช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดกระบวนการรักษา


เส้นทางการรักษา 1 ปีเต็ม
การปลูกผมไม่ได้จบแค่วันทำหัตถการ แต่ยังมีเส้นทางต่อเนื่องหลังจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม เนื่องจากผมที่ปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาที่จะค่อย ๆ เจริญเติบโตตามวงจรธรรมชาติ ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกปลูกผมที่จะไม่ทิ้งคนไข้ไว้กลางทาง แต่จะคอยดูแลนัดติดตามผล ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการพักฟื้น การปฏิบัติตัว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนแนะนำบริการ Treatment ต่าง ๆ ที่จะลดโอกาสเสี่ยงในการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมมีเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงขึ้น คลินิกปลูกผมหลาย ๆ แห่ง ยังเปิดให้คนไข้สามารถปรึกษาและซักถามข้อสงสัยได้ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของความคุ้มค่าคุ้มราคาทั้งในเชิง “เวลา” และ “ความใส่ใจ” อีกด้วย



ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตรงใจคุณ
ข้อนี้ก็เป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าของการลงทุนปลูกผมได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งมีจุดที่ควรคำนึงถึงดังนี้

  • หลังปลูกผมแล้ว สามารถแก้ปัญหาผมบาง เติมเต็มผมให้ดูหนาแน่นขึ้นได้
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ย้อนผิดทิศทาง ดูเป็นธรรมชาติ
  • หากเป็นแนวผมบริเวณหน้าผาก ควรวางตัวเนียน เรียบ เป็นระเบียบ เพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า
  • หากเป็นผมปลูกใหม่บริเวณขวัญกลางศีรษะ ควรเรียงตัววนไปในทิศเดียวเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืน
  • ความหนาแน่นของผมปลูกใหม่กำลังดี ไม่บางจนเกินไป และไม่แน่นจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ผมหลุดร่วงได้ง่าย
  • เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของผมปลูกใหม่สูง ไม่หลุดร่วงมากจนผิดปกติ
  • ผลลัพธ์ผมใหม่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมกับเพศ วัย และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง

และนี่ก็คือ Checklist ที่คนรักผมไม่ควรมองข้าม เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผม ว่าคุ้มกับราคาที่จะต้องจ่ายหรือไม่ ที่สำคัญ การลงทุนปลูกผมไม่ว่าจะในราคาสูงหรือราคาต่ำ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าการลงทุนนั้นให้ผลลัพธ์ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ และเหมาะสมกับเราที่สุดแล้วหรือไม่ 

...เพราะการปลูกผมครั้งนี้ อาจจะเป็นโอกาสครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิตของคุณก็เป็นได้...

Checklist จุดคุ้มค่าราคาปลูกผม
สำหรับหลาย ๆ คนที่เลือกการปลูกผมเป็นทางออกถาวรให้กับปัญหาผมร่วงผมบาง และกำลังตัดสินใจว่าจะเข้ารับบริการกับคลินิกปลูกผมแห่งไหนดี แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญก็คือ “ราคา” ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า ในตลาดปลูกผมของประเทศไทยที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ มีการตั้งราคาที่หลากหลายตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว คำถามคือ ตัวเลขราคาเหล่านั้นสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการปลูกผมด้วยหรือไม่ ยิ่งลงทุนจ่ายราคาแพง ยิ่งการันตีความสำเร็จในการปลูกผมจริงหรือ

ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขราคาที่เห็น อาจไม่ใช่ตัวชี้วัดผลลัพธ์ของการปลูกผมได้ 100% (เพราะมักจะบวกรวมค่าใช้จ่ายด้านการทำการตลาดลงไปด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่า “ราคา” นั่นก็คือ “ความคุ้มค่า” 

ถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยแล้วว่า ความคุ้มค่าที่ว่านั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง นามนินจึงรวบรวม Checklist สำหรับประเมินจุดคุ้มค่าของการปลูกผม เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจเลือกปลูกผมด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างรอบคอบ และตามหาจุดที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย รวมถึงตอบโจทย์ความพึงพอใจในการรักษาได้มากที่สุด

สำรวจความเห็นจากผู้เข้ารับบริการจริง
เริ่มจากการลองเข้าไปศึกษารีวิวการใช้บริการปลูกผมจากคนไข้ตัวจริงเสียงจริงหลาย ๆ คน ว่าแต่ละคนแชร์ประสบการณ์ในการรักษาไว้อย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้จริงหรือไม่ หรือลองศึกษาจากข้อมูลที่แพทย์แต่ละคลินิกออกมาให้ความรู้ รวมถึงลองสังเกตสไตล์การอธิบายให้คำปรึกษา ซึ่งแพทย์แต่ละคนก็มีแนวทางที่ต่างกัน เป็นการประเมินความน่าเชื่อถือเบื้องต้น และได้โอกาสมองหาแนวทางการรักษาที่ตรงใจเราที่สุดด้วย



คำถามสำคัญ ปลูกผมโดย “ใคร” ?
ข้อนี้เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม แต่ที่จริงแล้ว นี่เป็นคำถามเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งเลย เนื่องจากผู้ที่จะลงมือทำหัตถการปลูกผมนั้น นอกจากจะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญด้านการปลูกผมโดยตรงแล้ว ยังสามารถเป็นทีมสหวิชาชีพแพทย์ หรืออาจเป็นบุคลากรในสาขาอาชีพอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและแนวทางการรักษาที่คนไข้เลือก ว่าต้องการทักษะฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในระดับไหน ถ้าเรารู้คำตอบว่าใครเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้เราแล้ว ก็จะช่วยให้พิจารณาความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายได้ชัดเจนขึ้น



หาโอกาสลองพบคุณหมอตัวจริง
ข้อมูลหรือภาพที่เห็นในโลกอินเทอร์เน็ต จะตรงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ได้เวลาพิสูจน์ด้วยการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ที่คลินิกปลูกผม ลองดูซิว่า ความประทับใจแรกของเราจะเป็นอย่างไร



แพทย์มีความรู้มากน้อยแค่ไหน และเลือกใช้วิธีถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นออกมาอย่างไร 
แพทย์รับฟังปัญหาและความต้องการของเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ได้มากที่สุด
แพทย์วิเคราะห์ปัญหาเส้นผมแบบเฉพาะบุคคลหรือไม่ เพราะคนไข้แต่ละเคสมาด้วยปัญหาที่แตกต่างและไม่ซ้ำกันเลย
แพทย์มีความจริงใจที่จะให้คำแนะนำโดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงหรือไม่ เช่น ในกรณีที่ปัญหาผมค่อนข้างรุนแรงจนไม่อาจปลูกผมคืนความหนาแน่นได้เต็มร้อย แพทย์มีวิธีบอกกับเราและเสนอแนะทางแก้ปัญหาอย่างไร
แพทย์มีเทคนิคในการปลูกผมที่น่าสนใจและช่วยให้เราสะดวกสบายขึ้นอย่างไร
ขั้นตอนการปลูกผมที่แพทย์อธิบายให้ฟัง ดูน่าเชื่อถือแค่ไหน

ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราลดความกังวลในการเข้ารับบริการ และตัดสินใจเลือกคลินิกที่จะปลูกผมได้ง่ายขึ้น

สถานที่และอุปกรณ์ได้มาตรฐาน
อย่าลืมตรวจสอบมาตรฐานความสะอาดของสถานที่ทำหัตถการปลูกผม รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ที่สำคัญ อุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ควรมีความน่าเชื่อถือ ออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เจาะย้ายรากผม อุปกรณ์ปลูกผม รวมไปถึงเครื่องมือและน้ำยาที่ใช้ในการแช่รักษาสภาพกราฟต์ผมระหว่างรอปลูกใหม่ อีกทั้งเรายังสังเกตความใส่ใจของแพทย์ได้จากการเตรียมอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมและอุปกรณ์ปลูกผมที่สามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ เพื่อลดโอกาสที่กราฟต์ผมจะถูกทำร้ายให้น้อยที่สุดนั่นเอง



ความช่วยเหลือในการเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ความคุ้มค่าของการให้บริการปลูกผม ไม่เพียงวัดกันที่ผลลัพธ์ปลายทาง แต่สามารถบอกได้ตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการรักษา อย่างเช่นขั้นตอนการเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม ลองนึกภาพดูว่า เป็นใครก็คงจะกังวลไม่น้อยกับการปลูกผมครั้งแรกในชีวิต แต่ถ้าคนไข้เลือกคลินิกและแพทย์ที่สามารถช่วยในการ “เตรียมตัว” ได้เป็นอย่างดี คนไข้ก็จะเข้ารับการรักษาอย่างสบายใจไร้กังวล 

ทั้งนี้ ทางคลินิกสามารถช่วยเราเตรียมตัวได้ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น  การอธิบายขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย จนเห็นภาพได้ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมถึงการให้คำแนะนำในเรื่องของอาหารและยาที่ควรงดรับประทานก่อนวันปลูก การออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม การนอนหลับให้เพียงพอ ไปจนถึงเสื้อผ้าแบบไหนที่ควรสวมใส่ในวันปลูกผมเพื่อความคล่องตัว


วันปลูกผม ..หนึ่งวันที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่..
วันปลูกผมถือเป็นวันสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวล่วงหน้า ตั้งแต่ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมที่ไหน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่จะช่วยให้เราประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผมได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรักษาที่แพทย์เลือกใช้ หรือเทคนิคที่ออกแบบมาด้วยความเข้าใจ pain point ของคนไข้ ซึ่งจะช่วยให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย ทำให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลและจัดแต่งผมทรงต่าง ๆ ได้อิสระทุกสไตล์ 

และยังรวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ความใส่ใจจากทีมแพทย์และบุคลากร ความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ผลข้างเคียงจากการรักษา เช่นอาการเจ็บ บวม ช้ำ มีมากน้อยแค่ไหน และคนไข้จะได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งทีมแพทย์ที่ดีจะช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดกระบวนการรักษา


เส้นทางการรักษา 1 ปีเต็ม
การปลูกผมไม่ได้จบแค่วันทำหัตถการ แต่ยังมีเส้นทางต่อเนื่องหลังจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม เนื่องจากผมที่ปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาที่จะค่อย ๆ เจริญเติบโตตามวงจรธรรมชาติ ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกปลูกผมที่จะไม่ทิ้งคนไข้ไว้กลางทาง แต่จะคอยดูแลนัดติดตามผล ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการพักฟื้น การปฏิบัติตัว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนแนะนำบริการ Treatment ต่าง ๆ ที่จะลดโอกาสเสี่ยงในการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมมีเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงขึ้น คลินิกปลูกผมหลาย ๆ แห่ง ยังเปิดให้คนไข้สามารถปรึกษาและซักถามข้อสงสัยได้ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของความคุ้มค่าคุ้มราคาทั้งในเชิง “เวลา” และ “ความใส่ใจ” อีกด้วย



ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตรงใจคุณ
ข้อนี้ก็เป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าของการลงทุนปลูกผมได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งมีจุดที่ควรคำนึงถึงดังนี้

  • หลังปลูกผมแล้ว สามารถแก้ปัญหาผมบาง เติมเต็มผมให้ดูหนาแน่นขึ้นได้
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ย้อนผิดทิศทาง ดูเป็นธรรมชาติ
  • หากเป็นแนวผมบริเวณหน้าผาก ควรวางตัวเนียน เรียบ เป็นระเบียบ เพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า
  • หากเป็นผมปลูกใหม่บริเวณขวัญกลางศีรษะ ควรเรียงตัววนไปในทิศเดียวเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืน
  • ความหนาแน่นของผมปลูกใหม่กำลังดี ไม่บางจนเกินไป และไม่แน่นจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ผมหลุดร่วงได้ง่าย
  • เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของผมปลูกใหม่สูง ไม่หลุดร่วงมากจนผิดปกติ
  • ผลลัพธ์ผมใหม่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมกับเพศ วัย และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง

และนี่ก็คือ Checklist ที่คนรักผมไม่ควรมองข้าม เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผม ว่าคุ้มกับราคาที่จะต้องจ่ายหรือไม่ ที่สำคัญ การลงทุนปลูกผมไม่ว่าจะในราคาสูงหรือราคาต่ำ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าการลงทุนนั้นให้ผลลัพธ์ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ และเหมาะสมกับเราที่สุดแล้วหรือไม่ 

...เพราะการปลูกผมครั้งนี้ อาจจะเป็นโอกาสครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิตของคุณก็เป็นได้...

Checklist จุดคุ้มค่าราคาปลูกผม
สำหรับหลาย ๆ คนที่เลือกการปลูกผมเป็นทางออกถาวรให้กับปัญหาผมร่วงผมบาง และกำลังตัดสินใจว่าจะเข้ารับบริการกับคลินิกปลูกผมแห่งไหนดี แน่นอนว่า ปัจจัยสำคัญก็คือ “ราคา” ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า ในตลาดปลูกผมของประเทศไทยที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ มีการตั้งราคาที่หลากหลายตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว คำถามคือ ตัวเลขราคาเหล่านั้นสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการปลูกผมด้วยหรือไม่ ยิ่งลงทุนจ่ายราคาแพง ยิ่งการันตีความสำเร็จในการปลูกผมจริงหรือ

ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลขราคาที่เห็น อาจไม่ใช่ตัวชี้วัดผลลัพธ์ของการปลูกผมได้ 100% (เพราะมักจะบวกรวมค่าใช้จ่ายด้านการทำการตลาดลงไปด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่า “ราคา” นั่นก็คือ “ความคุ้มค่า” 

ถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยแล้วว่า ความคุ้มค่าที่ว่านั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง นามนินจึงรวบรวม Checklist สำหรับประเมินจุดคุ้มค่าของการปลูกผม เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจเลือกปลูกผมด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างรอบคอบ และตามหาจุดที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย รวมถึงตอบโจทย์ความพึงพอใจในการรักษาได้มากที่สุด

สำรวจความเห็นจากผู้เข้ารับบริการจริง
เริ่มจากการลองเข้าไปศึกษารีวิวการใช้บริการปลูกผมจากคนไข้ตัวจริงเสียงจริงหลาย ๆ คน ว่าแต่ละคนแชร์ประสบการณ์ในการรักษาไว้อย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยแก้ปัญหาผมร่วงผมบางได้จริงหรือไม่ หรือลองศึกษาจากข้อมูลที่แพทย์แต่ละคลินิกออกมาให้ความรู้ รวมถึงลองสังเกตสไตล์การอธิบายให้คำปรึกษา ซึ่งแพทย์แต่ละคนก็มีแนวทางที่ต่างกัน เป็นการประเมินความน่าเชื่อถือเบื้องต้น และได้โอกาสมองหาแนวทางการรักษาที่ตรงใจเราที่สุดด้วย



คำถามสำคัญ ปลูกผมโดย “ใคร” ?
ข้อนี้เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนอาจมองข้าม แต่ที่จริงแล้ว นี่เป็นคำถามเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งเลย เนื่องจากผู้ที่จะลงมือทำหัตถการปลูกผมนั้น นอกจากจะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญด้านการปลูกผมโดยตรงแล้ว ยังสามารถเป็นทีมสหวิชาชีพแพทย์ หรืออาจเป็นบุคลากรในสาขาอาชีพอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับเทคนิคและแนวทางการรักษาที่คนไข้เลือก ว่าต้องการทักษะฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในระดับไหน ถ้าเรารู้คำตอบว่าใครเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้เราแล้ว ก็จะช่วยให้พิจารณาความคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายได้ชัดเจนขึ้น



หาโอกาสลองพบคุณหมอตัวจริง
ข้อมูลหรือภาพที่เห็นในโลกอินเทอร์เน็ต จะตรงกับความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ได้เวลาพิสูจน์ด้วยการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ที่คลินิกปลูกผม ลองดูซิว่า ความประทับใจแรกของเราจะเป็นอย่างไร



แพทย์มีความรู้มากน้อยแค่ไหน และเลือกใช้วิธีถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นออกมาอย่างไร 
แพทย์รับฟังปัญหาและความต้องการของเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ได้มากที่สุด
แพทย์วิเคราะห์ปัญหาเส้นผมแบบเฉพาะบุคคลหรือไม่ เพราะคนไข้แต่ละเคสมาด้วยปัญหาที่แตกต่างและไม่ซ้ำกันเลย
แพทย์มีความจริงใจที่จะให้คำแนะนำโดยอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงหรือไม่ เช่น ในกรณีที่ปัญหาผมค่อนข้างรุนแรงจนไม่อาจปลูกผมคืนความหนาแน่นได้เต็มร้อย แพทย์มีวิธีบอกกับเราและเสนอแนะทางแก้ปัญหาอย่างไร
แพทย์มีเทคนิคในการปลูกผมที่น่าสนใจและช่วยให้เราสะดวกสบายขึ้นอย่างไร
ขั้นตอนการปลูกผมที่แพทย์อธิบายให้ฟัง ดูน่าเชื่อถือแค่ไหน

ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราลดความกังวลในการเข้ารับบริการ และตัดสินใจเลือกคลินิกที่จะปลูกผมได้ง่ายขึ้น

สถานที่และอุปกรณ์ได้มาตรฐาน
อย่าลืมตรวจสอบมาตรฐานความสะอาดของสถานที่ทำหัตถการปลูกผม รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ที่สำคัญ อุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ควรมีความน่าเชื่อถือ ออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เจาะย้ายรากผม อุปกรณ์ปลูกผม รวมไปถึงเครื่องมือและน้ำยาที่ใช้ในการแช่รักษาสภาพกราฟต์ผมระหว่างรอปลูกใหม่ อีกทั้งเรายังสังเกตความใส่ใจของแพทย์ได้จากการเตรียมอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมและอุปกรณ์ปลูกผมที่สามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับขนาดกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ เพื่อลดโอกาสที่กราฟต์ผมจะถูกทำร้ายให้น้อยที่สุดนั่นเอง



ความช่วยเหลือในการเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ความคุ้มค่าของการให้บริการปลูกผม ไม่เพียงวัดกันที่ผลลัพธ์ปลายทาง แต่สามารถบอกได้ตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางการรักษา อย่างเช่นขั้นตอนการเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม ลองนึกภาพดูว่า เป็นใครก็คงจะกังวลไม่น้อยกับการปลูกผมครั้งแรกในชีวิต แต่ถ้าคนไข้เลือกคลินิกและแพทย์ที่สามารถช่วยในการ “เตรียมตัว” ได้เป็นอย่างดี คนไข้ก็จะเข้ารับการรักษาอย่างสบายใจไร้กังวล 

ทั้งนี้ ทางคลินิกสามารถช่วยเราเตรียมตัวได้ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น  การอธิบายขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย จนเห็นภาพได้ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมถึงการให้คำแนะนำในเรื่องของอาหารและยาที่ควรงดรับประทานก่อนวันปลูก การออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม การนอนหลับให้เพียงพอ ไปจนถึงเสื้อผ้าแบบไหนที่ควรสวมใส่ในวันปลูกผมเพื่อความคล่องตัว


วันปลูกผม ..หนึ่งวันที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่..
วันปลูกผมถือเป็นวันสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวล่วงหน้า ตั้งแต่ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมที่ไหน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่จะช่วยให้เราประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผมได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรักษาที่แพทย์เลือกใช้ หรือเทคนิคที่ออกแบบมาด้วยความเข้าใจ pain point ของคนไข้ ซึ่งจะช่วยให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย ทำให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลและจัดแต่งผมทรงต่าง ๆ ได้อิสระทุกสไตล์ 

และยังรวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ความใส่ใจจากทีมแพทย์และบุคลากร ความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ ผลข้างเคียงจากการรักษา เช่นอาการเจ็บ บวม ช้ำ มีมากน้อยแค่ไหน และคนไข้จะได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งทีมแพทย์ที่ดีจะช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดกระบวนการรักษา


เส้นทางการรักษา 1 ปีเต็ม
การปลูกผมไม่ได้จบแค่วันทำหัตถการ แต่ยังมีเส้นทางต่อเนื่องหลังจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม เนื่องจากผมที่ปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาที่จะค่อย ๆ เจริญเติบโตตามวงจรธรรมชาติ ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกปลูกผมที่จะไม่ทิ้งคนไข้ไว้กลางทาง แต่จะคอยดูแลนัดติดตามผล ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการพักฟื้น การปฏิบัติตัว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนแนะนำบริการ Treatment ต่าง ๆ ที่จะลดโอกาสเสี่ยงในการหลุดร่วงของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมมีเปอร์เซ็นต์การอยู่รอดสูงขึ้น คลินิกปลูกผมหลาย ๆ แห่ง ยังเปิดให้คนไข้สามารถปรึกษาและซักถามข้อสงสัยได้ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของความคุ้มค่าคุ้มราคาทั้งในเชิง “เวลา” และ “ความใส่ใจ” อีกด้วย



ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตรงใจคุณ
ข้อนี้ก็เป็นตัวชี้วัดความคุ้มค่าของการลงทุนปลูกผมได้อย่างชัดเจนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งมีจุดที่ควรคำนึงถึงดังนี้

  • หลังปลูกผมแล้ว สามารถแก้ปัญหาผมบาง เติมเต็มผมให้ดูหนาแน่นขึ้นได้
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ย้อนผิดทิศทาง ดูเป็นธรรมชาติ
  • หากเป็นแนวผมบริเวณหน้าผาก ควรวางตัวเนียน เรียบ เป็นระเบียบ เพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า
  • หากเป็นผมปลูกใหม่บริเวณขวัญกลางศีรษะ ควรเรียงตัววนไปในทิศเดียวเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืน
  • ความหนาแน่นของผมปลูกใหม่กำลังดี ไม่บางจนเกินไป และไม่แน่นจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ผมหลุดร่วงได้ง่าย
  • เปอร์เซ็นต์การอยู่รอดของผมปลูกใหม่สูง ไม่หลุดร่วงมากจนผิดปกติ
  • ผลลัพธ์ผมใหม่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมกับเพศ วัย และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง

และนี่ก็คือ Checklist ที่คนรักผมไม่ควรมองข้าม เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการปลูกผม ว่าคุ้มกับราคาที่จะต้องจ่ายหรือไม่ ที่สำคัญ การลงทุนปลูกผมไม่ว่าจะในราคาสูงหรือราคาต่ำ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าการลงทุนนั้นให้ผลลัพธ์ตรงกับสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ และเหมาะสมกับเราที่สุดแล้วหรือไม่ 

...เพราะการปลูกผมครั้งนี้ อาจจะเป็นโอกาสครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิตของคุณก็เป็นได้...

ถึงเวลารักษา “ผมร่วง” หรือยัง?
สังเกตกันมั้ยว่า ผมของคนเราหลุดร่วงเป็นปกติในทุก ๆ วัน ซึ่งนั่นเป็นไปตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม ที่เมื่อหลุดร่วงไปก็จะงอกขึ้นมาทดแทนใหม่อยู่เรื่อย ๆ ไม่มีสิ้นสุดตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผม 

แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าในแต่ละวัน ผมที่หลุดร่วงออกมาตอนเรากำลังสระผม ตอนเรากำลังหวีผม หรือหล่นอยู่บนหมอน รวมไปถึงตามพื้นบ้านนั้น มีจำนวนมากจนน่ากังวลว่าเราจะเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ผมร่วง” ซึ่งจะนำไปสู่อาการ “ผมบางและผมล้าน” แล้ว และยังเป็นสัญญาณว่าควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ หรือเข้ารับการรักษาก่อนจะสายเกินไป


อาการ “ผมร่วง” มีที่มาจากหลายปัจจัยเลยทีเดียว ที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงเป็นผมร่วงจาก “กรรมพันธุ์” ส่งต่อกันมาในครอบครัวทั้งแบบรุ่นสู่รุ่นหรือแบบข้ามรุ่น แม้ว่านี่จะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบาง ในผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็มีโอกาสผมร่วงจากพันธุกรรมได้ แม้ไม่มากเท่าผู้ชายก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น สาเหตุต่าง ๆ ต่อไปนี้ ก็อาจส่งผลให้คุณผู้หญิงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมร่วงได้เช่นกัน 
  • อายุที่เพิ่มขึ้น
  • ผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • ภาวะหลังคลอดบุตร
  • ความเครียด


ทั้งนี้ ยังรวมไปพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว และส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอลง จนขาดหลุดร่วงง่ายก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น
  • การใช้ความร้อนหรือสารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การสระผมผิดวิธี
  • การขาดสารอาหารบางชนิด
  • การนอนดึก หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การสูบบุหรี่

ส่วนวิธีการสังเกตว่า อาการผมร่วงของเรายังอยู่ในระดับปกติ หรือควรต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่ถูกต้องแล้ว สามารถสังเกตได้จาก “จำนวนเส้นผมที่หลุดร่วง” เพราะผมของคนเราโดยปกติจะหลุดร่วงได้ถึงวันละ 70 – 100 เส้น หากพบว่าผมร่วงมากกว่านั้น ติดต่อกันเป็นเวลานานหลาย ๆ วัน แสดงว่าเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ อาจสังเกตร่วมกับรูปแบบของผมบางในลักษณะต่าง ๆ อย่างเช่นอาการ “ผมร่วงทั่วทั้งศีรษะ” มักจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคผมร่วงเฉียบพลัน ซึ่งแต่ละคนจะมีผมร่วงมากหรือน้อยไม่เท่ากัน แต่จะไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน เกิดจากการที่เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวพร้อม ๆ กัน โดยมีสาเหตุได้จากทั้งผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ตลอดจนภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า

และในบางราย อาจเกิดอาการ “ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ” หลายจุดพร้อมกัน ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง จนไปหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผม เกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ และหากเป็นสาเหตุจากพันธุกรรม จะสังเกตเห็นผมเริ่มบางบริเวณรอยแสกกลางศีรษะก่อน แล้วจึงขยายออกไปด้านข้าง

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากสงสัยว่าเกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดยแพทย์จะช่วยวินิจฉัยแบบเฉพาะบุคคลเพื่อหาสาเหตุของอาการผมร่วง และออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะรักษาด้วยวิธีรับประทานยาลดผมร่วงตามที่แพทย์แนะนำแล้ว ที่นามนิน แพทย์จะช่วยแนะนำทางเลือกอื่น ๆ ในการบำรุงเส้นผมและบรรเทาอาการผมร่วงได้อย่างปลอดภัย 


  • การใช้เซรั่ม Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE จากส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างอ่อนโยน 

  • การรับประทาน VITA H ซึ่งแพทย์ค้นคว้าและคัดสรรวิตามินรวมถึงสารสกัดมากคุณค่ามาอย่างตั้งใจ เพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก

  • การฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบางโดยตรง เพื่อกระตุ้นการทำงานลึกถึงระดับรากผม ลดการหลุดร่วงตั้งแต่การฉีดครั้งแรก เร่งการงอกใหม่ของเส้นผม ทั้งยังเสริมความแข็งแรงของเส้นผม จากที่เคยลีบ เล็ก แบน ให้ดูหนาและใหญ่ขึ้น จึงสามารถคืนความหนาแน่น ให้ผมดูดกดำ เงางาม สุขภาพดีได้อย่างที่ต้องการ


ที่สำคัญ การรักษาอาการผมร่วงนั้น มีปัจจัยความสำเร็จที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “ระยะเวลา” เพราะยิ่งเราสังเกตพบความผิดปกติเร็ว และเข้ามาปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูดูแลเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

ถึงเวลารักษา “ผมร่วง” หรือยัง?
สังเกตกันมั้ยว่า ผมของคนเราหลุดร่วงเป็นปกติในทุก ๆ วัน ซึ่งนั่นเป็นไปตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม ที่เมื่อหลุดร่วงไปก็จะงอกขึ้นมาทดแทนใหม่อยู่เรื่อย ๆ ไม่มีสิ้นสุดตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผม 

แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าในแต่ละวัน ผมที่หลุดร่วงออกมาตอนเรากำลังสระผม ตอนเรากำลังหวีผม หรือหล่นอยู่บนหมอน รวมไปถึงตามพื้นบ้านนั้น มีจำนวนมากจนน่ากังวลว่าเราจะเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ผมร่วง” ซึ่งจะนำไปสู่อาการ “ผมบางและผมล้าน” แล้ว และยังเป็นสัญญาณว่าควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ หรือเข้ารับการรักษาก่อนจะสายเกินไป


อาการ “ผมร่วง” มีที่มาจากหลายปัจจัยเลยทีเดียว ที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงเป็นผมร่วงจาก “กรรมพันธุ์” ส่งต่อกันมาในครอบครัวทั้งแบบรุ่นสู่รุ่นหรือแบบข้ามรุ่น แม้ว่านี่จะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบาง ในผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็มีโอกาสผมร่วงจากพันธุกรรมได้ แม้ไม่มากเท่าผู้ชายก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น สาเหตุต่าง ๆ ต่อไปนี้ ก็อาจส่งผลให้คุณผู้หญิงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมร่วงได้เช่นกัน 
  • อายุที่เพิ่มขึ้น
  • ผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • ภาวะหลังคลอดบุตร
  • ความเครียด


ทั้งนี้ ยังรวมไปพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว และส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอลง จนขาดหลุดร่วงง่ายก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น
  • การใช้ความร้อนหรือสารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การสระผมผิดวิธี
  • การขาดสารอาหารบางชนิด
  • การนอนดึก หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การสูบบุหรี่

ส่วนวิธีการสังเกตว่า อาการผมร่วงของเรายังอยู่ในระดับปกติ หรือควรต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่ถูกต้องแล้ว สามารถสังเกตได้จาก “จำนวนเส้นผมที่หลุดร่วง” เพราะผมของคนเราโดยปกติจะหลุดร่วงได้ถึงวันละ 70 – 100 เส้น หากพบว่าผมร่วงมากกว่านั้น ติดต่อกันเป็นเวลานานหลาย ๆ วัน แสดงว่าเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ อาจสังเกตร่วมกับรูปแบบของผมบางในลักษณะต่าง ๆ อย่างเช่นอาการ “ผมร่วงทั่วทั้งศีรษะ” มักจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคผมร่วงเฉียบพลัน ซึ่งแต่ละคนจะมีผมร่วงมากหรือน้อยไม่เท่ากัน แต่จะไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน เกิดจากการที่เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวพร้อม ๆ กัน โดยมีสาเหตุได้จากทั้งผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ตลอดจนภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า

และในบางราย อาจเกิดอาการ “ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ” หลายจุดพร้อมกัน ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง จนไปหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผม เกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ และหากเป็นสาเหตุจากพันธุกรรม จะสังเกตเห็นผมเริ่มบางบริเวณรอยแสกกลางศีรษะก่อน แล้วจึงขยายออกไปด้านข้าง

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากสงสัยว่าเกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดยแพทย์จะช่วยวินิจฉัยแบบเฉพาะบุคคลเพื่อหาสาเหตุของอาการผมร่วง และออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะรักษาด้วยวิธีรับประทานยาลดผมร่วงตามที่แพทย์แนะนำแล้ว ที่นามนิน แพทย์จะช่วยแนะนำทางเลือกอื่น ๆ ในการบำรุงเส้นผมและบรรเทาอาการผมร่วงได้อย่างปลอดภัย 


  • การใช้เซรั่ม Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE จากส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างอ่อนโยน 

  • การรับประทาน VITA H ซึ่งแพทย์ค้นคว้าและคัดสรรวิตามินรวมถึงสารสกัดมากคุณค่ามาอย่างตั้งใจ เพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก

  • การฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบางโดยตรง เพื่อกระตุ้นการทำงานลึกถึงระดับรากผม ลดการหลุดร่วงตั้งแต่การฉีดครั้งแรก เร่งการงอกใหม่ของเส้นผม ทั้งยังเสริมความแข็งแรงของเส้นผม จากที่เคยลีบ เล็ก แบน ให้ดูหนาและใหญ่ขึ้น จึงสามารถคืนความหนาแน่น ให้ผมดูดกดำ เงางาม สุขภาพดีได้อย่างที่ต้องการ


ที่สำคัญ การรักษาอาการผมร่วงนั้น มีปัจจัยความสำเร็จที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “ระยะเวลา” เพราะยิ่งเราสังเกตพบความผิดปกติเร็ว และเข้ามาปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูดูแลเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

ถึงเวลารักษา “ผมร่วง” หรือยัง?
สังเกตกันมั้ยว่า ผมของคนเราหลุดร่วงเป็นปกติในทุก ๆ วัน ซึ่งนั่นเป็นไปตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม ที่เมื่อหลุดร่วงไปก็จะงอกขึ้นมาทดแทนใหม่อยู่เรื่อย ๆ ไม่มีสิ้นสุดตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผม 

แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าในแต่ละวัน ผมที่หลุดร่วงออกมาตอนเรากำลังสระผม ตอนเรากำลังหวีผม หรือหล่นอยู่บนหมอน รวมไปถึงตามพื้นบ้านนั้น มีจำนวนมากจนน่ากังวลว่าเราจะเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ผมร่วง” ซึ่งจะนำไปสู่อาการ “ผมบางและผมล้าน” แล้ว และยังเป็นสัญญาณว่าควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ หรือเข้ารับการรักษาก่อนจะสายเกินไป


อาการ “ผมร่วง” มีที่มาจากหลายปัจจัยเลยทีเดียว ที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงเป็นผมร่วงจาก “กรรมพันธุ์” ส่งต่อกันมาในครอบครัวทั้งแบบรุ่นสู่รุ่นหรือแบบข้ามรุ่น แม้ว่านี่จะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบาง ในผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็มีโอกาสผมร่วงจากพันธุกรรมได้ แม้ไม่มากเท่าผู้ชายก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น สาเหตุต่าง ๆ ต่อไปนี้ ก็อาจส่งผลให้คุณผู้หญิงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมร่วงได้เช่นกัน 
  • อายุที่เพิ่มขึ้น
  • ผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • ภาวะหลังคลอดบุตร
  • ความเครียด


ทั้งนี้ ยังรวมไปพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว และส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอลง จนขาดหลุดร่วงง่ายก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น
  • การใช้ความร้อนหรือสารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การสระผมผิดวิธี
  • การขาดสารอาหารบางชนิด
  • การนอนดึก หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การสูบบุหรี่

ส่วนวิธีการสังเกตว่า อาการผมร่วงของเรายังอยู่ในระดับปกติ หรือควรต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่ถูกต้องแล้ว สามารถสังเกตได้จาก “จำนวนเส้นผมที่หลุดร่วง” เพราะผมของคนเราโดยปกติจะหลุดร่วงได้ถึงวันละ 70 – 100 เส้น หากพบว่าผมร่วงมากกว่านั้น ติดต่อกันเป็นเวลานานหลาย ๆ วัน แสดงว่าเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ อาจสังเกตร่วมกับรูปแบบของผมบางในลักษณะต่าง ๆ อย่างเช่นอาการ “ผมร่วงทั่วทั้งศีรษะ” มักจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคผมร่วงเฉียบพลัน ซึ่งแต่ละคนจะมีผมร่วงมากหรือน้อยไม่เท่ากัน แต่จะไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน เกิดจากการที่เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวพร้อม ๆ กัน โดยมีสาเหตุได้จากทั้งผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ตลอดจนภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า

และในบางราย อาจเกิดอาการ “ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ” หลายจุดพร้อมกัน ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง จนไปหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผม เกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ และหากเป็นสาเหตุจากพันธุกรรม จะสังเกตเห็นผมเริ่มบางบริเวณรอยแสกกลางศีรษะก่อน แล้วจึงขยายออกไปด้านข้าง

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากสงสัยว่าเกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดยแพทย์จะช่วยวินิจฉัยแบบเฉพาะบุคคลเพื่อหาสาเหตุของอาการผมร่วง และออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะรักษาด้วยวิธีรับประทานยาลดผมร่วงตามที่แพทย์แนะนำแล้ว ที่นามนิน แพทย์จะช่วยแนะนำทางเลือกอื่น ๆ ในการบำรุงเส้นผมและบรรเทาอาการผมร่วงได้อย่างปลอดภัย 


  • การใช้เซรั่ม Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE จากส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างอ่อนโยน 

  • การรับประทาน VITA H ซึ่งแพทย์ค้นคว้าและคัดสรรวิตามินรวมถึงสารสกัดมากคุณค่ามาอย่างตั้งใจ เพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก

  • การฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบางโดยตรง เพื่อกระตุ้นการทำงานลึกถึงระดับรากผม ลดการหลุดร่วงตั้งแต่การฉีดครั้งแรก เร่งการงอกใหม่ของเส้นผม ทั้งยังเสริมความแข็งแรงของเส้นผม จากที่เคยลีบ เล็ก แบน ให้ดูหนาและใหญ่ขึ้น จึงสามารถคืนความหนาแน่น ให้ผมดูดกดำ เงางาม สุขภาพดีได้อย่างที่ต้องการ


ที่สำคัญ การรักษาอาการผมร่วงนั้น มีปัจจัยความสำเร็จที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “ระยะเวลา” เพราะยิ่งเราสังเกตพบความผิดปกติเร็ว และเข้ามาปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูดูแลเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

ถึงเวลารักษา “ผมร่วง” หรือยัง?
สังเกตกันมั้ยว่า ผมของคนเราหลุดร่วงเป็นปกติในทุก ๆ วัน ซึ่งนั่นเป็นไปตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม ที่เมื่อหลุดร่วงไปก็จะงอกขึ้นมาทดแทนใหม่อยู่เรื่อย ๆ ไม่มีสิ้นสุดตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผม 

แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าในแต่ละวัน ผมที่หลุดร่วงออกมาตอนเรากำลังสระผม ตอนเรากำลังหวีผม หรือหล่นอยู่บนหมอน รวมไปถึงตามพื้นบ้านนั้น มีจำนวนมากจนน่ากังวลว่าเราจะเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ผมร่วง” ซึ่งจะนำไปสู่อาการ “ผมบางและผมล้าน” แล้ว และยังเป็นสัญญาณว่าควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ หรือเข้ารับการรักษาก่อนจะสายเกินไป


อาการ “ผมร่วง” มีที่มาจากหลายปัจจัยเลยทีเดียว ที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงเป็นผมร่วงจาก “กรรมพันธุ์” ส่งต่อกันมาในครอบครัวทั้งแบบรุ่นสู่รุ่นหรือแบบข้ามรุ่น แม้ว่านี่จะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบาง ในผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็มีโอกาสผมร่วงจากพันธุกรรมได้ แม้ไม่มากเท่าผู้ชายก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น สาเหตุต่าง ๆ ต่อไปนี้ ก็อาจส่งผลให้คุณผู้หญิงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมร่วงได้เช่นกัน 
  • อายุที่เพิ่มขึ้น
  • ผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • ภาวะหลังคลอดบุตร
  • ความเครียด


ทั้งนี้ ยังรวมไปพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว และส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอลง จนขาดหลุดร่วงง่ายก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น
  • การใช้ความร้อนหรือสารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การสระผมผิดวิธี
  • การขาดสารอาหารบางชนิด
  • การนอนดึก หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การสูบบุหรี่

ส่วนวิธีการสังเกตว่า อาการผมร่วงของเรายังอยู่ในระดับปกติ หรือควรต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่ถูกต้องแล้ว สามารถสังเกตได้จาก “จำนวนเส้นผมที่หลุดร่วง” เพราะผมของคนเราโดยปกติจะหลุดร่วงได้ถึงวันละ 70 – 100 เส้น หากพบว่าผมร่วงมากกว่านั้น ติดต่อกันเป็นเวลานานหลาย ๆ วัน แสดงว่าเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ อาจสังเกตร่วมกับรูปแบบของผมบางในลักษณะต่าง ๆ อย่างเช่นอาการ “ผมร่วงทั่วทั้งศีรษะ” มักจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคผมร่วงเฉียบพลัน ซึ่งแต่ละคนจะมีผมร่วงมากหรือน้อยไม่เท่ากัน แต่จะไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน เกิดจากการที่เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวพร้อม ๆ กัน โดยมีสาเหตุได้จากทั้งผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ตลอดจนภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า

และในบางราย อาจเกิดอาการ “ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ” หลายจุดพร้อมกัน ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง จนไปหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผม เกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ และหากเป็นสาเหตุจากพันธุกรรม จะสังเกตเห็นผมเริ่มบางบริเวณรอยแสกกลางศีรษะก่อน แล้วจึงขยายออกไปด้านข้าง

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากสงสัยว่าเกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดยแพทย์จะช่วยวินิจฉัยแบบเฉพาะบุคคลเพื่อหาสาเหตุของอาการผมร่วง และออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะรักษาด้วยวิธีรับประทานยาลดผมร่วงตามที่แพทย์แนะนำแล้ว ที่นามนิน แพทย์จะช่วยแนะนำทางเลือกอื่น ๆ ในการบำรุงเส้นผมและบรรเทาอาการผมร่วงได้อย่างปลอดภัย 


  • การใช้เซรั่ม Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE จากส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างอ่อนโยน 

  • การรับประทาน VITA H ซึ่งแพทย์ค้นคว้าและคัดสรรวิตามินรวมถึงสารสกัดมากคุณค่ามาอย่างตั้งใจ เพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก

  • การฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบางโดยตรง เพื่อกระตุ้นการทำงานลึกถึงระดับรากผม ลดการหลุดร่วงตั้งแต่การฉีดครั้งแรก เร่งการงอกใหม่ของเส้นผม ทั้งยังเสริมความแข็งแรงของเส้นผม จากที่เคยลีบ เล็ก แบน ให้ดูหนาและใหญ่ขึ้น จึงสามารถคืนความหนาแน่น ให้ผมดูดกดำ เงางาม สุขภาพดีได้อย่างที่ต้องการ


ที่สำคัญ การรักษาอาการผมร่วงนั้น มีปัจจัยความสำเร็จที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “ระยะเวลา” เพราะยิ่งเราสังเกตพบความผิดปกติเร็ว และเข้ามาปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูดูแลเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

ถึงเวลารักษา “ผมร่วง” หรือยัง?
สังเกตกันมั้ยว่า ผมของคนเราหลุดร่วงเป็นปกติในทุก ๆ วัน ซึ่งนั่นเป็นไปตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม ที่เมื่อหลุดร่วงไปก็จะงอกขึ้นมาทดแทนใหม่อยู่เรื่อย ๆ ไม่มีสิ้นสุดตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผม 

แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าในแต่ละวัน ผมที่หลุดร่วงออกมาตอนเรากำลังสระผม ตอนเรากำลังหวีผม หรือหล่นอยู่บนหมอน รวมไปถึงตามพื้นบ้านนั้น มีจำนวนมากจนน่ากังวลว่าเราจะเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ผมร่วง” ซึ่งจะนำไปสู่อาการ “ผมบางและผมล้าน” แล้ว และยังเป็นสัญญาณว่าควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ หรือเข้ารับการรักษาก่อนจะสายเกินไป


อาการ “ผมร่วง” มีที่มาจากหลายปัจจัยเลยทีเดียว ที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงเป็นผมร่วงจาก “กรรมพันธุ์” ส่งต่อกันมาในครอบครัวทั้งแบบรุ่นสู่รุ่นหรือแบบข้ามรุ่น แม้ว่านี่จะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบาง ในผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็มีโอกาสผมร่วงจากพันธุกรรมได้ แม้ไม่มากเท่าผู้ชายก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น สาเหตุต่าง ๆ ต่อไปนี้ ก็อาจส่งผลให้คุณผู้หญิงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมร่วงได้เช่นกัน 
  • อายุที่เพิ่มขึ้น
  • ผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • ภาวะหลังคลอดบุตร
  • ความเครียด


ทั้งนี้ ยังรวมไปพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว และส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอลง จนขาดหลุดร่วงง่ายก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น
  • การใช้ความร้อนหรือสารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การสระผมผิดวิธี
  • การขาดสารอาหารบางชนิด
  • การนอนดึก หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การสูบบุหรี่

ส่วนวิธีการสังเกตว่า อาการผมร่วงของเรายังอยู่ในระดับปกติ หรือควรต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่ถูกต้องแล้ว สามารถสังเกตได้จาก “จำนวนเส้นผมที่หลุดร่วง” เพราะผมของคนเราโดยปกติจะหลุดร่วงได้ถึงวันละ 70 – 100 เส้น หากพบว่าผมร่วงมากกว่านั้น ติดต่อกันเป็นเวลานานหลาย ๆ วัน แสดงว่าเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ อาจสังเกตร่วมกับรูปแบบของผมบางในลักษณะต่าง ๆ อย่างเช่นอาการ “ผมร่วงทั่วทั้งศีรษะ” มักจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคผมร่วงเฉียบพลัน ซึ่งแต่ละคนจะมีผมร่วงมากหรือน้อยไม่เท่ากัน แต่จะไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน เกิดจากการที่เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวพร้อม ๆ กัน โดยมีสาเหตุได้จากทั้งผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ตลอดจนภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า

และในบางราย อาจเกิดอาการ “ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ” หลายจุดพร้อมกัน ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง จนไปหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผม เกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ และหากเป็นสาเหตุจากพันธุกรรม จะสังเกตเห็นผมเริ่มบางบริเวณรอยแสกกลางศีรษะก่อน แล้วจึงขยายออกไปด้านข้าง

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากสงสัยว่าเกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดยแพทย์จะช่วยวินิจฉัยแบบเฉพาะบุคคลเพื่อหาสาเหตุของอาการผมร่วง และออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะรักษาด้วยวิธีรับประทานยาลดผมร่วงตามที่แพทย์แนะนำแล้ว ที่นามนิน แพทย์จะช่วยแนะนำทางเลือกอื่น ๆ ในการบำรุงเส้นผมและบรรเทาอาการผมร่วงได้อย่างปลอดภัย 


  • การใช้เซรั่ม Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE จากส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างอ่อนโยน 

  • การรับประทาน VITA H ซึ่งแพทย์ค้นคว้าและคัดสรรวิตามินรวมถึงสารสกัดมากคุณค่ามาอย่างตั้งใจ เพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก

  • การฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบางโดยตรง เพื่อกระตุ้นการทำงานลึกถึงระดับรากผม ลดการหลุดร่วงตั้งแต่การฉีดครั้งแรก เร่งการงอกใหม่ของเส้นผม ทั้งยังเสริมความแข็งแรงของเส้นผม จากที่เคยลีบ เล็ก แบน ให้ดูหนาและใหญ่ขึ้น จึงสามารถคืนความหนาแน่น ให้ผมดูดกดำ เงางาม สุขภาพดีได้อย่างที่ต้องการ


ที่สำคัญ การรักษาอาการผมร่วงนั้น มีปัจจัยความสำเร็จที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “ระยะเวลา” เพราะยิ่งเราสังเกตพบความผิดปกติเร็ว และเข้ามาปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูดูแลเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

“คุณคนใหม่” ด้วย PHB
การดูแลบุคลิกภาพตัวเองให้ดูดีนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ภาพลักษณ์และความมั่นใจก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวัย 45up การดูแลตนเองจะมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจและข้อจำกัดที่มากขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพภายในที่มองไม่เห็นด้วยตาและภาพลักษณ์ภายนอกที่มีผลต่อความมั่นใจ


“เส้นผม” เป็นปัญหาหนึ่งที่มักจะสร้างความกังวลใจให้คนในวัยนี้ จากเส้นผมที่เคยแข็งแรง ผมหนา ดกดำ ก็เริ่มเจอภาวะผมร่วง ผมบาง ที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเสื่อมถอยของสุขภาพ ความเครียด ความเจ็บป่วยหรือแม้แต่กรรมพันธุ์ ซึ่งหากคุณหรือมีคนใกล้ตัวกำลังประสบปัญหานี้ การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม จะช่วยให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นขึ้นได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้มากที่สุด



การปลูกผมถาวร เป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละบุคคลด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาผมบางเป็นวงกว้าง แต่ต้นทุนกราฟต์ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยหรือ Safe  Zone เหลือน้อยลง หรือเส้นผมอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ในกรณีนี้ แพทย์จะต้องประเมินและวางแผนการใช้กราฟต์ผมอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ที่นามนิน นอกจากการปลูกผมถาวรแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งของการฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการทำควบคู่กันไปคือ โปรแกรม PHB ที่คุณหมอนิน ได้ดึงพลังแห่งการฟื้นฟูดูแลเส้นผมจากสารชีวโมเลกุล มาพร้อมกับการเติมวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ฉีดตรงเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ให้รากผมซ่อมแซมตัวเองพร้อมทั้งสร้างเซลล์ผมใหม่ ลดผมหลุดร่วง เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม 


หลังการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้คือ จากเส้นผมที่เคยเล็ก ลีบแบน อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จะกลายเป็นเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น และเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นใหม่ เมื่อเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ เส้นผมจะหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน 

ในการรักษาผมร่วงผมบาง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารุนแรงหรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการปลูกผม แพทย์อาจวางแผนให้เข้ารับบริการโปรแกรม PHB ร่วมกับการปลูกผมเทคนิค NEAT เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะได้รับความประทับใจและความมั่นใจจากเส้นผมใหม่กลับคืนมา



ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการจริงๆ เมื่อตอนอายุ 40 ก็เป็นไปได้ ในขณะที่บางคน “ชีวิต” อาจจะเริ่มต้นตอนอายุ 50 ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติ การมองโลก และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเองและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองได้เสมอค่ะ    
“คุณคนใหม่” ด้วย PHB
การดูแลบุคลิกภาพตัวเองให้ดูดีนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ภาพลักษณ์และความมั่นใจก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวัย 45up การดูแลตนเองจะมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจและข้อจำกัดที่มากขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพภายในที่มองไม่เห็นด้วยตาและภาพลักษณ์ภายนอกที่มีผลต่อความมั่นใจ


“เส้นผม” เป็นปัญหาหนึ่งที่มักจะสร้างความกังวลใจให้คนในวัยนี้ จากเส้นผมที่เคยแข็งแรง ผมหนา ดกดำ ก็เริ่มเจอภาวะผมร่วง ผมบาง ที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเสื่อมถอยของสุขภาพ ความเครียด ความเจ็บป่วยหรือแม้แต่กรรมพันธุ์ ซึ่งหากคุณหรือมีคนใกล้ตัวกำลังประสบปัญหานี้ การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม จะช่วยให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นขึ้นได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้มากที่สุด



การปลูกผมถาวร เป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละบุคคลด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาผมบางเป็นวงกว้าง แต่ต้นทุนกราฟต์ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยหรือ Safe  Zone เหลือน้อยลง หรือเส้นผมอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ในกรณีนี้ แพทย์จะต้องประเมินและวางแผนการใช้กราฟต์ผมอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ที่นามนิน นอกจากการปลูกผมถาวรแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งของการฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการทำควบคู่กันไปคือ โปรแกรม PHB ที่คุณหมอนิน ได้ดึงพลังแห่งการฟื้นฟูดูแลเส้นผมจากสารชีวโมเลกุล มาพร้อมกับการเติมวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ฉีดตรงเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ให้รากผมซ่อมแซมตัวเองพร้อมทั้งสร้างเซลล์ผมใหม่ ลดผมหลุดร่วง เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม 


หลังการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้คือ จากเส้นผมที่เคยเล็ก ลีบแบน อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จะกลายเป็นเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น และเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นใหม่ เมื่อเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ เส้นผมจะหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน 

ในการรักษาผมร่วงผมบาง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารุนแรงหรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการปลูกผม แพทย์อาจวางแผนให้เข้ารับบริการโปรแกรม PHB ร่วมกับการปลูกผมเทคนิค NEAT เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะได้รับความประทับใจและความมั่นใจจากเส้นผมใหม่กลับคืนมา



ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการจริงๆ เมื่อตอนอายุ 40 ก็เป็นไปได้ ในขณะที่บางคน “ชีวิต” อาจจะเริ่มต้นตอนอายุ 50 ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติ การมองโลก และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเองและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองได้เสมอค่ะ    
“คุณคนใหม่” ด้วย PHB
การดูแลบุคลิกภาพตัวเองให้ดูดีนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ภาพลักษณ์และความมั่นใจก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวัย 45up การดูแลตนเองจะมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจและข้อจำกัดที่มากขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพภายในที่มองไม่เห็นด้วยตาและภาพลักษณ์ภายนอกที่มีผลต่อความมั่นใจ


“เส้นผม” เป็นปัญหาหนึ่งที่มักจะสร้างความกังวลใจให้คนในวัยนี้ จากเส้นผมที่เคยแข็งแรง ผมหนา ดกดำ ก็เริ่มเจอภาวะผมร่วง ผมบาง ที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเสื่อมถอยของสุขภาพ ความเครียด ความเจ็บป่วยหรือแม้แต่กรรมพันธุ์ ซึ่งหากคุณหรือมีคนใกล้ตัวกำลังประสบปัญหานี้ การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม จะช่วยให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นขึ้นได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้มากที่สุด



การปลูกผมถาวร เป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละบุคคลด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาผมบางเป็นวงกว้าง แต่ต้นทุนกราฟต์ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยหรือ Safe  Zone เหลือน้อยลง หรือเส้นผมอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ในกรณีนี้ แพทย์จะต้องประเมินและวางแผนการใช้กราฟต์ผมอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ที่นามนิน นอกจากการปลูกผมถาวรแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งของการฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการทำควบคู่กันไปคือ โปรแกรม PHB ที่คุณหมอนิน ได้ดึงพลังแห่งการฟื้นฟูดูแลเส้นผมจากสารชีวโมเลกุล มาพร้อมกับการเติมวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ฉีดตรงเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ให้รากผมซ่อมแซมตัวเองพร้อมทั้งสร้างเซลล์ผมใหม่ ลดผมหลุดร่วง เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม 


หลังการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้คือ จากเส้นผมที่เคยเล็ก ลีบแบน อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จะกลายเป็นเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น และเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นใหม่ เมื่อเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ เส้นผมจะหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน 

ในการรักษาผมร่วงผมบาง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารุนแรงหรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการปลูกผม แพทย์อาจวางแผนให้เข้ารับบริการโปรแกรม PHB ร่วมกับการปลูกผมเทคนิค NEAT เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะได้รับความประทับใจและความมั่นใจจากเส้นผมใหม่กลับคืนมา



ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการจริงๆ เมื่อตอนอายุ 40 ก็เป็นไปได้ ในขณะที่บางคน “ชีวิต” อาจจะเริ่มต้นตอนอายุ 50 ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติ การมองโลก และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเองและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองได้เสมอค่ะ    
“คุณคนใหม่” ด้วย PHB
การดูแลบุคลิกภาพตัวเองให้ดูดีนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ภาพลักษณ์และความมั่นใจก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวัย 45up การดูแลตนเองจะมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจและข้อจำกัดที่มากขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพภายในที่มองไม่เห็นด้วยตาและภาพลักษณ์ภายนอกที่มีผลต่อความมั่นใจ


“เส้นผม” เป็นปัญหาหนึ่งที่มักจะสร้างความกังวลใจให้คนในวัยนี้ จากเส้นผมที่เคยแข็งแรง ผมหนา ดกดำ ก็เริ่มเจอภาวะผมร่วง ผมบาง ที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเสื่อมถอยของสุขภาพ ความเครียด ความเจ็บป่วยหรือแม้แต่กรรมพันธุ์ ซึ่งหากคุณหรือมีคนใกล้ตัวกำลังประสบปัญหานี้ การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม จะช่วยให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นขึ้นได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้มากที่สุด



การปลูกผมถาวร เป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละบุคคลด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาผมบางเป็นวงกว้าง แต่ต้นทุนกราฟต์ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยหรือ Safe  Zone เหลือน้อยลง หรือเส้นผมอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ในกรณีนี้ แพทย์จะต้องประเมินและวางแผนการใช้กราฟต์ผมอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ที่นามนิน นอกจากการปลูกผมถาวรแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งของการฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการทำควบคู่กันไปคือ โปรแกรม PHB ที่คุณหมอนิน ได้ดึงพลังแห่งการฟื้นฟูดูแลเส้นผมจากสารชีวโมเลกุล มาพร้อมกับการเติมวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ฉีดตรงเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ให้รากผมซ่อมแซมตัวเองพร้อมทั้งสร้างเซลล์ผมใหม่ ลดผมหลุดร่วง เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม 


หลังการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้คือ จากเส้นผมที่เคยเล็ก ลีบแบน อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จะกลายเป็นเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น และเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นใหม่ เมื่อเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ เส้นผมจะหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน 

ในการรักษาผมร่วงผมบาง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารุนแรงหรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการปลูกผม แพทย์อาจวางแผนให้เข้ารับบริการโปรแกรม PHB ร่วมกับการปลูกผมเทคนิค NEAT เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะได้รับความประทับใจและความมั่นใจจากเส้นผมใหม่กลับคืนมา



ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการจริงๆ เมื่อตอนอายุ 40 ก็เป็นไปได้ ในขณะที่บางคน “ชีวิต” อาจจะเริ่มต้นตอนอายุ 50 ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติ การมองโลก และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเองและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองได้เสมอค่ะ    
“คุณคนใหม่” ด้วย PHB
การดูแลบุคลิกภาพตัวเองให้ดูดีนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ภาพลักษณ์และความมั่นใจก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวัย 45up การดูแลตนเองจะมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจและข้อจำกัดที่มากขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพภายในที่มองไม่เห็นด้วยตาและภาพลักษณ์ภายนอกที่มีผลต่อความมั่นใจ


“เส้นผม” เป็นปัญหาหนึ่งที่มักจะสร้างความกังวลใจให้คนในวัยนี้ จากเส้นผมที่เคยแข็งแรง ผมหนา ดกดำ ก็เริ่มเจอภาวะผมร่วง ผมบาง ที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเสื่อมถอยของสุขภาพ ความเครียด ความเจ็บป่วยหรือแม้แต่กรรมพันธุ์ ซึ่งหากคุณหรือมีคนใกล้ตัวกำลังประสบปัญหานี้ การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม จะช่วยให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นขึ้นได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้มากที่สุด



การปลูกผมถาวร เป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละบุคคลด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาผมบางเป็นวงกว้าง แต่ต้นทุนกราฟต์ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยหรือ Safe  Zone เหลือน้อยลง หรือเส้นผมอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ในกรณีนี้ แพทย์จะต้องประเมินและวางแผนการใช้กราฟต์ผมอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ที่นามนิน นอกจากการปลูกผมถาวรแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งของการฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการทำควบคู่กันไปคือ โปรแกรม PHB ที่คุณหมอนิน ได้ดึงพลังแห่งการฟื้นฟูดูแลเส้นผมจากสารชีวโมเลกุล มาพร้อมกับการเติมวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ฉีดตรงเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ให้รากผมซ่อมแซมตัวเองพร้อมทั้งสร้างเซลล์ผมใหม่ ลดผมหลุดร่วง เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม 


หลังการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้คือ จากเส้นผมที่เคยเล็ก ลีบแบน อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จะกลายเป็นเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น และเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นใหม่ เมื่อเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ เส้นผมจะหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน 

ในการรักษาผมร่วงผมบาง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารุนแรงหรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการปลูกผม แพทย์อาจวางแผนให้เข้ารับบริการโปรแกรม PHB ร่วมกับการปลูกผมเทคนิค NEAT เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะได้รับความประทับใจและความมั่นใจจากเส้นผมใหม่กลับคืนมา



ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการจริงๆ เมื่อตอนอายุ 40 ก็เป็นไปได้ ในขณะที่บางคน “ชีวิต” อาจจะเริ่มต้นตอนอายุ 50 ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติ การมองโลก และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเองและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองได้เสมอค่ะ    
“คุณคนใหม่” ด้วย PHB
การดูแลบุคลิกภาพตัวเองให้ดูดีนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในวัยหนุ่มสาวเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ภาพลักษณ์และความมั่นใจก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงวัย 45up การดูแลตนเองจะมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจและข้อจำกัดที่มากขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพภายในที่มองไม่เห็นด้วยตาและภาพลักษณ์ภายนอกที่มีผลต่อความมั่นใจ


“เส้นผม” เป็นปัญหาหนึ่งที่มักจะสร้างความกังวลใจให้คนในวัยนี้ จากเส้นผมที่เคยแข็งแรง ผมหนา ดกดำ ก็เริ่มเจอภาวะผมร่วง ผมบาง ที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเสื่อมถอยของสุขภาพ ความเครียด ความเจ็บป่วยหรือแม้แต่กรรมพันธุ์ ซึ่งหากคุณหรือมีคนใกล้ตัวกำลังประสบปัญหานี้ การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผม จะช่วยให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นขึ้นได้ด้วยวิธีที่เหมาะสมและมีความเป็นไปได้มากที่สุด



การปลูกผมถาวร เป็นการแก้ปัญหาที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน แต่ผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละบุคคลด้วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาผมบางเป็นวงกว้าง แต่ต้นทุนกราฟต์ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยหรือ Safe  Zone เหลือน้อยลง หรือเส้นผมอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ในกรณีนี้ แพทย์จะต้องประเมินและวางแผนการใช้กราฟต์ผมอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ที่นามนิน นอกจากการปลูกผมถาวรแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งของการฟื้นฟูเส้นผมที่แพทย์จะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการทำควบคู่กันไปคือ โปรแกรม PHB ที่คุณหมอนิน ได้ดึงพลังแห่งการฟื้นฟูดูแลเส้นผมจากสารชีวโมเลกุล มาพร้อมกับการเติมวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ฉีดตรงเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ให้รากผมซ่อมแซมตัวเองพร้อมทั้งสร้างเซลล์ผมใหม่ ลดผมหลุดร่วง เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม 


หลังการเข้ารับบริการโปรแกรม PHB ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้คือ จากเส้นผมที่เคยเล็ก ลีบแบน อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จะกลายเป็นเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น และเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นใหม่ เมื่อเข้ารับบริการอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ เส้นผมจะหนาแน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน 

ในการรักษาผมร่วงผมบาง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหารุนแรงหรือผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการปลูกผม แพทย์อาจวางแผนให้เข้ารับบริการโปรแกรม PHB ร่วมกับการปลูกผมเทคนิค NEAT เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น และส่วนใหญ่ก็จะได้รับความประทับใจและความมั่นใจจากเส้นผมใหม่กลับคืนมา



ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ บางคนอาจจะรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการจริงๆ เมื่อตอนอายุ 40 ก็เป็นไปได้ ในขณะที่บางคน “ชีวิต” อาจจะเริ่มต้นตอนอายุ 50 ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับทัศนคติ การมองโลก และการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักตัวเองและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองได้เสมอค่ะ    
ปลูกผมเทคนิค NEAT ไม่ต้องลางานพักฟื้น
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงเป็น M Shape “นามนิน” ขอเวลาที่มีค่าของคุณแค่เพียง 1 วัน เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ค่ะ

NEAT เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไม่ต่างจากการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยากและดูเป็นการรักษาทางการแพทย์มากกว่าเรื่องความสวยงาม




พัฒนาการของ NEAT เริ่มต้นที่ คุณหมอนินเห็นถึงคุณค่าของการปลูกผมที่มอบให้ได้มากกว่า “เส้นผม” จึงได้ออกแบบและพัฒนาการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่เป็นการผสมผสาน “ศาสตร์และศิลป์” เข้าไว้ด้วยกันอย่างสมดุล เพื่อจุดประสงค์หลัก คือ การมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ




เทคนิคแรกคือ การนำเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยออกแบบ “ขั้นบันได” เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำรากผมออกมาอย่างประณีต ซ่อนแผลอย่างแนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องโกนผม ไร้แผลเย็บพร้อมซ่อนแผล ด้วยเทคนิคนี้ ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นเลย




เทคนิคต่อมาที่เป็นหัวใจของ NEAT คือ คุณหมอนินที่ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ และเลือกใช้อุปกรณ์การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย อาการบวมช้ำมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย  รอยปลูกผมเป็นแผลที่ขนาดเล็กละเอียดมากดูไม่น่ากลัว ด้วยเทคนิคปลูกแทรกแซมเข้าไปกับผมจึงทำให้ดูแนบเนียนกับผมเดิมของผู้รับบริการ ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องทนกับอาการเจ็บปวด ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน  ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ




และสิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากเทคนิคก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณหมอนิน นามทองต้น ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ที่เคยเข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง คุณหมอก็จะอยู่กับคุณในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ เพื่อให้หนึ่งวันที่ “นามนิน” เป็นวันพิเศษที่ NEAT จะมอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาให้คุณได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เมื่อการปลูกผมไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือเสียเวลาชีวิตอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจอีกเลยค่ะ เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิตกันดีกว่าค่ะ

ปลูกผมเทคนิค NEAT ไม่ต้องลางานพักฟื้น
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงเป็น M Shape “นามนิน” ขอเวลาที่มีค่าของคุณแค่เพียง 1 วัน เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ค่ะ

NEAT เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไม่ต่างจากการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยากและดูเป็นการรักษาทางการแพทย์มากกว่าเรื่องความสวยงาม




พัฒนาการของ NEAT เริ่มต้นที่ คุณหมอนินเห็นถึงคุณค่าของการปลูกผมที่มอบให้ได้มากกว่า “เส้นผม” จึงได้ออกแบบและพัฒนาการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่เป็นการผสมผสาน “ศาสตร์และศิลป์” เข้าไว้ด้วยกันอย่างสมดุล เพื่อจุดประสงค์หลัก คือ การมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ




เทคนิคแรกคือ การนำเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยออกแบบ “ขั้นบันได” เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำรากผมออกมาอย่างประณีต ซ่อนแผลอย่างแนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องโกนผม ไร้แผลเย็บพร้อมซ่อนแผล ด้วยเทคนิคนี้ ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นเลย




เทคนิคต่อมาที่เป็นหัวใจของ NEAT คือ คุณหมอนินที่ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ และเลือกใช้อุปกรณ์การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย อาการบวมช้ำมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย  รอยปลูกผมเป็นแผลที่ขนาดเล็กละเอียดมากดูไม่น่ากลัว ด้วยเทคนิคปลูกแทรกแซมเข้าไปกับผมจึงทำให้ดูแนบเนียนกับผมเดิมของผู้รับบริการ ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องทนกับอาการเจ็บปวด ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน  ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ




และสิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากเทคนิคก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณหมอนิน นามทองต้น ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ที่เคยเข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง คุณหมอก็จะอยู่กับคุณในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ เพื่อให้หนึ่งวันที่ “นามนิน” เป็นวันพิเศษที่ NEAT จะมอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาให้คุณได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เมื่อการปลูกผมไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือเสียเวลาชีวิตอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจอีกเลยค่ะ เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิตกันดีกว่าค่ะ

ปลูกผมเทคนิค NEAT ไม่ต้องลางานพักฟื้น
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงเป็น M Shape “นามนิน” ขอเวลาที่มีค่าของคุณแค่เพียง 1 วัน เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ค่ะ

NEAT เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไม่ต่างจากการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยากและดูเป็นการรักษาทางการแพทย์มากกว่าเรื่องความสวยงาม




พัฒนาการของ NEAT เริ่มต้นที่ คุณหมอนินเห็นถึงคุณค่าของการปลูกผมที่มอบให้ได้มากกว่า “เส้นผม” จึงได้ออกแบบและพัฒนาการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่เป็นการผสมผสาน “ศาสตร์และศิลป์” เข้าไว้ด้วยกันอย่างสมดุล เพื่อจุดประสงค์หลัก คือ การมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ




เทคนิคแรกคือ การนำเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยออกแบบ “ขั้นบันได” เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำรากผมออกมาอย่างประณีต ซ่อนแผลอย่างแนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องโกนผม ไร้แผลเย็บพร้อมซ่อนแผล ด้วยเทคนิคนี้ ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นเลย




เทคนิคต่อมาที่เป็นหัวใจของ NEAT คือ คุณหมอนินที่ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ และเลือกใช้อุปกรณ์การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย อาการบวมช้ำมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย  รอยปลูกผมเป็นแผลที่ขนาดเล็กละเอียดมากดูไม่น่ากลัว ด้วยเทคนิคปลูกแทรกแซมเข้าไปกับผมจึงทำให้ดูแนบเนียนกับผมเดิมของผู้รับบริการ ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องทนกับอาการเจ็บปวด ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน  ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ




และสิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากเทคนิคก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณหมอนิน นามทองต้น ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ที่เคยเข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง คุณหมอก็จะอยู่กับคุณในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ เพื่อให้หนึ่งวันที่ “นามนิน” เป็นวันพิเศษที่ NEAT จะมอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาให้คุณได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เมื่อการปลูกผมไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือเสียเวลาชีวิตอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจอีกเลยค่ะ เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิตกันดีกว่าค่ะ

ปลูกผมเทคนิค NEAT ไม่ต้องลางานพักฟื้น
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงเป็น M Shape “นามนิน” ขอเวลาที่มีค่าของคุณแค่เพียง 1 วัน เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ค่ะ

NEAT เปลี่ยนภาพจำของการปลูกผมในรูปแบบเดิมๆ ที่หลังการปลูกผมต้องพันผ้า พักฟื้น และยังต้องมีการดูแลตัวเองที่ยุ่งยากไม่ต่างจากการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยากและดูเป็นการรักษาทางการแพทย์มากกว่าเรื่องความสวยงาม




พัฒนาการของ NEAT เริ่มต้นที่ คุณหมอนินเห็นถึงคุณค่าของการปลูกผมที่มอบให้ได้มากกว่า “เส้นผม” จึงได้ออกแบบและพัฒนาการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่เป็นการผสมผสาน “ศาสตร์และศิลป์” เข้าไว้ด้วยกันอย่างสมดุล เพื่อจุดประสงค์หลัก คือ การมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ




เทคนิคแรกคือ การนำเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยออกแบบ “ขั้นบันได” เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำรากผมออกมาอย่างประณีต ซ่อนแผลอย่างแนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องโกนผม ไร้แผลเย็บพร้อมซ่อนแผล ด้วยเทคนิคนี้ ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นเลย




เทคนิคต่อมาที่เป็นหัวใจของ NEAT คือ คุณหมอนินที่ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ และเลือกใช้อุปกรณ์การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลหลังการปลูกผมจึงมีขนาดเล็ก มีเลือดออกน้อย อาการบวมช้ำมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย  รอยปลูกผมเป็นแผลที่ขนาดเล็กละเอียดมากดูไม่น่ากลัว ด้วยเทคนิคปลูกแทรกแซมเข้าไปกับผมจึงทำให้ดูแนบเนียนกับผมเดิมของผู้รับบริการ ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องทนกับอาการเจ็บปวด ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน ตอบสนอง lifestyle ที่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน  ไม่เสียบุคลิกภาพแม้จะเป็นช่วงหลังการปลูกผมใหม่ๆก็ตาม ไม่เป็นเป้าสายตา สามารถออกจากบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติ




และสิ่งสำคัญที่นอกเหนือจากเทคนิคก็คือ ประสบการณ์ ความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียดของคุณหมอนิน นามทองต้น ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ที่เคยเข้ารับบริการทุกคนคอนเฟิร์มว่า ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง คุณหมอก็จะอยู่กับคุณในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ เพื่อให้หนึ่งวันที่ “นามนิน” เป็นวันพิเศษที่ NEAT จะมอบเส้นผมใหม่ ที่จะนำบุคลิกภาพและความมั่นใจกลับมาให้คุณได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เมื่อการปลูกผมไม่ได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากหรือเสียเวลาชีวิตอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจอีกเลยค่ะ เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิตกันดีกว่าค่ะ

ผมบางของผู้หญิง แตกต่างจากของผู้ชาย
 ตอบปัญหาคาใจ ปัญหาผมบางในผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชายอย่างไร?

ปัญหาผมร่วง เป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเจอทั้งนั้น หากเกิดขึ้นแล้วก็มักสร้างความหนักใจให้มากทีเดียว ทำให้หลายคนต้องสูญเสียความมั่นใจไปไม่ใช่น้อย หมดพลังความกล้าหาญ และออร่าอันน่าดึงดูดได้ 

รู้หรือไม่? ว่าความจริงแล้วปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่จะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ซึ่งอายุก็ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในสาว ๆ ยิ่งกังวลใจกับปัญหานี้มาก เพราะทรงผมมีผลต่อหน้าตา ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกมากพอ ๆ กับการแต่งตัวเลย จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงถึงให้ความสำคัญกับเส้นผมมาก ๆ นั่นเอง


เผยความต่างปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย

ปัญหาผมบางในผู้หญิง

สำหรับปัญหาผมบางในผู้หญิงมักจะมีอาการเริ่มขึ้นจากผมบางในช่วงบริเวณรอยผมแสกกลาง เมื่อมองแล้วจะสามารถเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน และเมื่อนานวันขึ้น ผมก็จะเริ่มร่วงมากยิ่งขึ้นและขยายตัวออกเป็นวงกลมกลางศีรษะ 

ซึ่งปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงมักจะเกิดจากฮอร์โมนและพันธุกรรมเป็นหลัก สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางในผู้หญิงได้เป็น 3 ระยะหลัก ๆ คือ
  • ระยะแรก ในระยะนี้จะเห็นได้เลยว่าผมบางลงมากกว่าปกติ จนทำให้เห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้น และเริ่มเห็นหนังศีรษะตรงรอยแสกผมได้ชัดเจน
  • ระยะที่สอง ในระยะนี้จะเห็นได้ว่าปัญหาผมบางจะอยู่ในระดับปานกลาง คือ เริ่มจะเห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้นและเห็นหนังศีรษะที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าระยะแรก 
  • ระยะสุดท้าย ในระยะนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีผมบางลงมาก รอยแสกกลางขยายกว้าง จนทำให้เห็นเป็นหนังศีรษะเป็นบริเวณกว้างอย่างชัดเจนเลย



ปัญหาผมบางในผู้ชาย

โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นได้จากแนวผมบริเวณกรอบหน้าหรือบริเวณกลางศีรษะเริ่มบางลง อาจจะเกิดขึ้นแบบพร้อมกันทั้งสองบริเวณ หรือเกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งก็ได้เช่นกัน หากว่าปล่อยให้เกิดปัญหาผมร่วงไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้บริเวณที่มีปัญหาค่อย ๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น จนกลายเป็นวงที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นต้องรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะลามไปจนทำให้เหลือผมอยู่แค่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั่นเอง

ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้ชายหลัก ๆ แล้วมักเกิดจากฮอร์โมน DHT ที่เข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผม ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ในที่สุดรากผมก็จะฝ่อและหายไป แต่ที่ยังเห็นว่ามีส่วนของผมที่ยังคงเหลืออยู่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั้น ก็เป็นเพราะว่าเส้นผมในส่วนนั้น คือ “เส้นผมถาวร” นั่นเอง โดยฮอร์โมนดังกล่าวจะไม่มีการออกฤทธิ์ทำลายผมเหล่านี้ และเส้นผมชนิดนี้ก็มีเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น




ปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันอย่างไร?

เมื่อเทียบถึงความแตกต่างของปัญหาผมบางในผู้หญิงกับผู้ชายแล้ว พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงมักจะเกิดขึ้นในบริเวณช่วงกลางศีรษะ หรือทั่วศีรษะมากกว่า แต่ก็มีโอกาสพบปัญหานี้ในบริเวณกรอบหน้าเหมือนกับผู้ชายได้เช่นกัน  ทั้งนี้ปัญหาผมบางในผู้หญิง อาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปลูกผมอย่างคุณผู้ชายเสมอไป เนื่องจากในผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรบริเวณด้านท้ายทอยแบบของผู้ชาย ส่งผลให้ผู้หญิงมักมีต้นทุนผมเหลือน้อย และรากผมแข็งแรงไม่พอต่อการหยุดปัญหาผมบางได้ด้วยการปลูกผมนั่นเอง 


ผู้หญิงสามารถปลูกผมได้ไหม? หรือควรแก้ปัญหาผมบางด้วยวิธีไหนดี?

แม้ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงและผู้ชายจะมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในผู้หญิงหรือผู้ชายก็ล้วนแต่จะต้องได้รับการรักษาและหาแนวทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ปัญหาผมร่วงลุกลามจนเกิดปัญหาผมบางที่ขยายบริเวณกว้างขึ้น

ซึ่งผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรเหมือนกับในผู้ชาย จึงไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการปลูกผมเพียงอย่างเดียว เพราะมีโอกาสสูงที่ผมจะกลับมาร่วงได้อีกครั้ง จึงจำเป็นต้องใช้การบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงเข้าช่วย ในขณะที่ผู้ชายจะสามารถรักษาได้ด้วยการนำผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกทดแทนผมที่บางได้ 

ดังนั้นปัญหาผมบางในผู้หญิงจะแนะนำให้แก้ไขด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างการทำทรีตเมนต์โปรแกรม Premium Hair Booster เป็นประจำ จะช่วยฟื้นฟูผมให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง เข้าจัดการกับปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพหลังการปลูกผมได้ 





เป็นวิธีที่ให้ประสิทธิภาพดีไม่ว่าจะผมร่วงในผู้หญิงหรือผู้ชาย แม้จะมีสาเหตุผมร่วงมาจากพันธุกรรมก็ตาม การบำรุงผมด้วยทรีตเมนต์อย่างต่อเนื่อง ก็สามารถช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายได้ หากทำร่วมกับการปลูกผมจะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพ มอบหนังศีรษะและเส้นผมที่แข็งแรงยิ่งขึ้น พร้อมบำรุงรักษาผมที่ปลูกให้อยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น
ปัญหาผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาใกล้ตัว สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ถึงอย่างนั้นเมื่อเกิดปัญหาผมร่วงขึ้นแล้วก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรจนอาจนำไปสู่ปัญหาผมร่วงที่บานปลายยิ่งขึ้นได้ จึงควรหมั่นสังเกตสุขภาพเส้นผมของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เห็นถึงความผิดปกติและสามารถหาแนวทางรักษาได้อย่างทันท่วงที 









ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย ก็สามารถขอรับคำปรึกษาจากคลินิกนามนินของเราเพื่อรับบริการฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster Treatment หรือปรึกษาคุณหมอนินเพื่อเลือกบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การรักษากับปัญหาผมบางที่มีได้ เพื่อเรียกคืนเส้นผมสุขภาพดี ช่วยบูสต์รอยยิ้มและพลังความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคุณได้อีกครั้ง 

ผมบางของผู้หญิง แตกต่างจากของผู้ชาย
 ตอบปัญหาคาใจ ปัญหาผมบางในผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชายอย่างไร?

ปัญหาผมร่วง เป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเจอทั้งนั้น หากเกิดขึ้นแล้วก็มักสร้างความหนักใจให้มากทีเดียว ทำให้หลายคนต้องสูญเสียความมั่นใจไปไม่ใช่น้อย หมดพลังความกล้าหาญ และออร่าอันน่าดึงดูดได้ 

รู้หรือไม่? ว่าความจริงแล้วปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่จะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ซึ่งอายุก็ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในสาว ๆ ยิ่งกังวลใจกับปัญหานี้มาก เพราะทรงผมมีผลต่อหน้าตา ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกมากพอ ๆ กับการแต่งตัวเลย จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงถึงให้ความสำคัญกับเส้นผมมาก ๆ นั่นเอง


เผยความต่างปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย

ปัญหาผมบางในผู้หญิง

สำหรับปัญหาผมบางในผู้หญิงมักจะมีอาการเริ่มขึ้นจากผมบางในช่วงบริเวณรอยผมแสกกลาง เมื่อมองแล้วจะสามารถเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน และเมื่อนานวันขึ้น ผมก็จะเริ่มร่วงมากยิ่งขึ้นและขยายตัวออกเป็นวงกลมกลางศีรษะ 

ซึ่งปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงมักจะเกิดจากฮอร์โมนและพันธุกรรมเป็นหลัก สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางในผู้หญิงได้เป็น 3 ระยะหลัก ๆ คือ
  • ระยะแรก ในระยะนี้จะเห็นได้เลยว่าผมบางลงมากกว่าปกติ จนทำให้เห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้น และเริ่มเห็นหนังศีรษะตรงรอยแสกผมได้ชัดเจน
  • ระยะที่สอง ในระยะนี้จะเห็นได้ว่าปัญหาผมบางจะอยู่ในระดับปานกลาง คือ เริ่มจะเห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้นและเห็นหนังศีรษะที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าระยะแรก 
  • ระยะสุดท้าย ในระยะนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีผมบางลงมาก รอยแสกกลางขยายกว้าง จนทำให้เห็นเป็นหนังศีรษะเป็นบริเวณกว้างอย่างชัดเจนเลย



ปัญหาผมบางในผู้ชาย

โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นได้จากแนวผมบริเวณกรอบหน้าหรือบริเวณกลางศีรษะเริ่มบางลง อาจจะเกิดขึ้นแบบพร้อมกันทั้งสองบริเวณ หรือเกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งก็ได้เช่นกัน หากว่าปล่อยให้เกิดปัญหาผมร่วงไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้บริเวณที่มีปัญหาค่อย ๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น จนกลายเป็นวงที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นต้องรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะลามไปจนทำให้เหลือผมอยู่แค่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั่นเอง

ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้ชายหลัก ๆ แล้วมักเกิดจากฮอร์โมน DHT ที่เข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผม ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ในที่สุดรากผมก็จะฝ่อและหายไป แต่ที่ยังเห็นว่ามีส่วนของผมที่ยังคงเหลืออยู่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั้น ก็เป็นเพราะว่าเส้นผมในส่วนนั้น คือ “เส้นผมถาวร” นั่นเอง โดยฮอร์โมนดังกล่าวจะไม่มีการออกฤทธิ์ทำลายผมเหล่านี้ และเส้นผมชนิดนี้ก็มีเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น




ปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันอย่างไร?

เมื่อเทียบถึงความแตกต่างของปัญหาผมบางในผู้หญิงกับผู้ชายแล้ว พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงมักจะเกิดขึ้นในบริเวณช่วงกลางศีรษะ หรือทั่วศีรษะมากกว่า แต่ก็มีโอกาสพบปัญหานี้ในบริเวณกรอบหน้าเหมือนกับผู้ชายได้เช่นกัน  ทั้งนี้ปัญหาผมบางในผู้หญิง อาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปลูกผมอย่างคุณผู้ชายเสมอไป เนื่องจากในผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรบริเวณด้านท้ายทอยแบบของผู้ชาย ส่งผลให้ผู้หญิงมักมีต้นทุนผมเหลือน้อย และรากผมแข็งแรงไม่พอต่อการหยุดปัญหาผมบางได้ด้วยการปลูกผมนั่นเอง 


ผู้หญิงสามารถปลูกผมได้ไหม? หรือควรแก้ปัญหาผมบางด้วยวิธีไหนดี?

แม้ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงและผู้ชายจะมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในผู้หญิงหรือผู้ชายก็ล้วนแต่จะต้องได้รับการรักษาและหาแนวทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ปัญหาผมร่วงลุกลามจนเกิดปัญหาผมบางที่ขยายบริเวณกว้างขึ้น

ซึ่งผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรเหมือนกับในผู้ชาย จึงไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการปลูกผมเพียงอย่างเดียว เพราะมีโอกาสสูงที่ผมจะกลับมาร่วงได้อีกครั้ง จึงจำเป็นต้องใช้การบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงเข้าช่วย ในขณะที่ผู้ชายจะสามารถรักษาได้ด้วยการนำผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกทดแทนผมที่บางได้ 

ดังนั้นปัญหาผมบางในผู้หญิงจะแนะนำให้แก้ไขด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างการทำทรีตเมนต์โปรแกรม Premium Hair Booster เป็นประจำ จะช่วยฟื้นฟูผมให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง เข้าจัดการกับปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพหลังการปลูกผมได้ 





เป็นวิธีที่ให้ประสิทธิภาพดีไม่ว่าจะผมร่วงในผู้หญิงหรือผู้ชาย แม้จะมีสาเหตุผมร่วงมาจากพันธุกรรมก็ตาม การบำรุงผมด้วยทรีตเมนต์อย่างต่อเนื่อง ก็สามารถช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายได้ หากทำร่วมกับการปลูกผมจะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพ มอบหนังศีรษะและเส้นผมที่แข็งแรงยิ่งขึ้น พร้อมบำรุงรักษาผมที่ปลูกให้อยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น
ปัญหาผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาใกล้ตัว สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ถึงอย่างนั้นเมื่อเกิดปัญหาผมร่วงขึ้นแล้วก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรจนอาจนำไปสู่ปัญหาผมร่วงที่บานปลายยิ่งขึ้นได้ จึงควรหมั่นสังเกตสุขภาพเส้นผมของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เห็นถึงความผิดปกติและสามารถหาแนวทางรักษาได้อย่างทันท่วงที 









ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย ก็สามารถขอรับคำปรึกษาจากคลินิกนามนินของเราเพื่อรับบริการฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster Treatment หรือปรึกษาคุณหมอนินเพื่อเลือกบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การรักษากับปัญหาผมบางที่มีได้ เพื่อเรียกคืนเส้นผมสุขภาพดี ช่วยบูสต์รอยยิ้มและพลังความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคุณได้อีกครั้ง 

ผมบางของผู้หญิง แตกต่างจากของผู้ชาย
 ตอบปัญหาคาใจ ปัญหาผมบางในผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชายอย่างไร?

ปัญหาผมร่วง เป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเจอทั้งนั้น หากเกิดขึ้นแล้วก็มักสร้างความหนักใจให้มากทีเดียว ทำให้หลายคนต้องสูญเสียความมั่นใจไปไม่ใช่น้อย หมดพลังความกล้าหาญ และออร่าอันน่าดึงดูดได้ 

รู้หรือไม่? ว่าความจริงแล้วปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่จะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ซึ่งอายุก็ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในสาว ๆ ยิ่งกังวลใจกับปัญหานี้มาก เพราะทรงผมมีผลต่อหน้าตา ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกมากพอ ๆ กับการแต่งตัวเลย จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงถึงให้ความสำคัญกับเส้นผมมาก ๆ นั่นเอง


เผยความต่างปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย

ปัญหาผมบางในผู้หญิง

สำหรับปัญหาผมบางในผู้หญิงมักจะมีอาการเริ่มขึ้นจากผมบางในช่วงบริเวณรอยผมแสกกลาง เมื่อมองแล้วจะสามารถเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน และเมื่อนานวันขึ้น ผมก็จะเริ่มร่วงมากยิ่งขึ้นและขยายตัวออกเป็นวงกลมกลางศีรษะ 

ซึ่งปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงมักจะเกิดจากฮอร์โมนและพันธุกรรมเป็นหลัก สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางในผู้หญิงได้เป็น 3 ระยะหลัก ๆ คือ
  • ระยะแรก ในระยะนี้จะเห็นได้เลยว่าผมบางลงมากกว่าปกติ จนทำให้เห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้น และเริ่มเห็นหนังศีรษะตรงรอยแสกผมได้ชัดเจน
  • ระยะที่สอง ในระยะนี้จะเห็นได้ว่าปัญหาผมบางจะอยู่ในระดับปานกลาง คือ เริ่มจะเห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้นและเห็นหนังศีรษะที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าระยะแรก 
  • ระยะสุดท้าย ในระยะนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีผมบางลงมาก รอยแสกกลางขยายกว้าง จนทำให้เห็นเป็นหนังศีรษะเป็นบริเวณกว้างอย่างชัดเจนเลย



ปัญหาผมบางในผู้ชาย

โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นได้จากแนวผมบริเวณกรอบหน้าหรือบริเวณกลางศีรษะเริ่มบางลง อาจจะเกิดขึ้นแบบพร้อมกันทั้งสองบริเวณ หรือเกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งก็ได้เช่นกัน หากว่าปล่อยให้เกิดปัญหาผมร่วงไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้บริเวณที่มีปัญหาค่อย ๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น จนกลายเป็นวงที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นต้องรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะลามไปจนทำให้เหลือผมอยู่แค่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั่นเอง

ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้ชายหลัก ๆ แล้วมักเกิดจากฮอร์โมน DHT ที่เข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผม ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ในที่สุดรากผมก็จะฝ่อและหายไป แต่ที่ยังเห็นว่ามีส่วนของผมที่ยังคงเหลืออยู่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั้น ก็เป็นเพราะว่าเส้นผมในส่วนนั้น คือ “เส้นผมถาวร” นั่นเอง โดยฮอร์โมนดังกล่าวจะไม่มีการออกฤทธิ์ทำลายผมเหล่านี้ และเส้นผมชนิดนี้ก็มีเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น




ปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันอย่างไร?

เมื่อเทียบถึงความแตกต่างของปัญหาผมบางในผู้หญิงกับผู้ชายแล้ว พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงมักจะเกิดขึ้นในบริเวณช่วงกลางศีรษะ หรือทั่วศีรษะมากกว่า แต่ก็มีโอกาสพบปัญหานี้ในบริเวณกรอบหน้าเหมือนกับผู้ชายได้เช่นกัน  ทั้งนี้ปัญหาผมบางในผู้หญิง อาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปลูกผมอย่างคุณผู้ชายเสมอไป เนื่องจากในผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรบริเวณด้านท้ายทอยแบบของผู้ชาย ส่งผลให้ผู้หญิงมักมีต้นทุนผมเหลือน้อย และรากผมแข็งแรงไม่พอต่อการหยุดปัญหาผมบางได้ด้วยการปลูกผมนั่นเอง 


ผู้หญิงสามารถปลูกผมได้ไหม? หรือควรแก้ปัญหาผมบางด้วยวิธีไหนดี?

แม้ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงและผู้ชายจะมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในผู้หญิงหรือผู้ชายก็ล้วนแต่จะต้องได้รับการรักษาและหาแนวทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ปัญหาผมร่วงลุกลามจนเกิดปัญหาผมบางที่ขยายบริเวณกว้างขึ้น

ซึ่งผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรเหมือนกับในผู้ชาย จึงไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการปลูกผมเพียงอย่างเดียว เพราะมีโอกาสสูงที่ผมจะกลับมาร่วงได้อีกครั้ง จึงจำเป็นต้องใช้การบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงเข้าช่วย ในขณะที่ผู้ชายจะสามารถรักษาได้ด้วยการนำผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกทดแทนผมที่บางได้ 

ดังนั้นปัญหาผมบางในผู้หญิงจะแนะนำให้แก้ไขด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างการทำทรีตเมนต์โปรแกรม Premium Hair Booster เป็นประจำ จะช่วยฟื้นฟูผมให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง เข้าจัดการกับปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพหลังการปลูกผมได้ 





เป็นวิธีที่ให้ประสิทธิภาพดีไม่ว่าจะผมร่วงในผู้หญิงหรือผู้ชาย แม้จะมีสาเหตุผมร่วงมาจากพันธุกรรมก็ตาม การบำรุงผมด้วยทรีตเมนต์อย่างต่อเนื่อง ก็สามารถช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายได้ หากทำร่วมกับการปลูกผมจะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพ มอบหนังศีรษะและเส้นผมที่แข็งแรงยิ่งขึ้น พร้อมบำรุงรักษาผมที่ปลูกให้อยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น
ปัญหาผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาใกล้ตัว สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ถึงอย่างนั้นเมื่อเกิดปัญหาผมร่วงขึ้นแล้วก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรจนอาจนำไปสู่ปัญหาผมร่วงที่บานปลายยิ่งขึ้นได้ จึงควรหมั่นสังเกตสุขภาพเส้นผมของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เห็นถึงความผิดปกติและสามารถหาแนวทางรักษาได้อย่างทันท่วงที 









ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย ก็สามารถขอรับคำปรึกษาจากคลินิกนามนินของเราเพื่อรับบริการฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster Treatment หรือปรึกษาคุณหมอนินเพื่อเลือกบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การรักษากับปัญหาผมบางที่มีได้ เพื่อเรียกคืนเส้นผมสุขภาพดี ช่วยบูสต์รอยยิ้มและพลังความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคุณได้อีกครั้ง 

ผมบางของผู้หญิง แตกต่างจากของผู้ชาย
 ตอบปัญหาคาใจ ปัญหาผมบางในผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชายอย่างไร?

ปัญหาผมร่วง เป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเจอทั้งนั้น หากเกิดขึ้นแล้วก็มักสร้างความหนักใจให้มากทีเดียว ทำให้หลายคนต้องสูญเสียความมั่นใจไปไม่ใช่น้อย หมดพลังความกล้าหาญ และออร่าอันน่าดึงดูดได้ 

รู้หรือไม่? ว่าความจริงแล้วปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่จะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ซึ่งอายุก็ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในสาว ๆ ยิ่งกังวลใจกับปัญหานี้มาก เพราะทรงผมมีผลต่อหน้าตา ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกมากพอ ๆ กับการแต่งตัวเลย จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงถึงให้ความสำคัญกับเส้นผมมาก ๆ นั่นเอง


เผยความต่างปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย

ปัญหาผมบางในผู้หญิง

สำหรับปัญหาผมบางในผู้หญิงมักจะมีอาการเริ่มขึ้นจากผมบางในช่วงบริเวณรอยผมแสกกลาง เมื่อมองแล้วจะสามารถเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน และเมื่อนานวันขึ้น ผมก็จะเริ่มร่วงมากยิ่งขึ้นและขยายตัวออกเป็นวงกลมกลางศีรษะ 

ซึ่งปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงมักจะเกิดจากฮอร์โมนและพันธุกรรมเป็นหลัก สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางในผู้หญิงได้เป็น 3 ระยะหลัก ๆ คือ
  • ระยะแรก ในระยะนี้จะเห็นได้เลยว่าผมบางลงมากกว่าปกติ จนทำให้เห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้น และเริ่มเห็นหนังศีรษะตรงรอยแสกผมได้ชัดเจน
  • ระยะที่สอง ในระยะนี้จะเห็นได้ว่าปัญหาผมบางจะอยู่ในระดับปานกลาง คือ เริ่มจะเห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้นและเห็นหนังศีรษะที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าระยะแรก 
  • ระยะสุดท้าย ในระยะนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีผมบางลงมาก รอยแสกกลางขยายกว้าง จนทำให้เห็นเป็นหนังศีรษะเป็นบริเวณกว้างอย่างชัดเจนเลย



ปัญหาผมบางในผู้ชาย

โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นได้จากแนวผมบริเวณกรอบหน้าหรือบริเวณกลางศีรษะเริ่มบางลง อาจจะเกิดขึ้นแบบพร้อมกันทั้งสองบริเวณ หรือเกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งก็ได้เช่นกัน หากว่าปล่อยให้เกิดปัญหาผมร่วงไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้บริเวณที่มีปัญหาค่อย ๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น จนกลายเป็นวงที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นต้องรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะลามไปจนทำให้เหลือผมอยู่แค่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั่นเอง

ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้ชายหลัก ๆ แล้วมักเกิดจากฮอร์โมน DHT ที่เข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผม ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ในที่สุดรากผมก็จะฝ่อและหายไป แต่ที่ยังเห็นว่ามีส่วนของผมที่ยังคงเหลืออยู่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั้น ก็เป็นเพราะว่าเส้นผมในส่วนนั้น คือ “เส้นผมถาวร” นั่นเอง โดยฮอร์โมนดังกล่าวจะไม่มีการออกฤทธิ์ทำลายผมเหล่านี้ และเส้นผมชนิดนี้ก็มีเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น




ปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันอย่างไร?

เมื่อเทียบถึงความแตกต่างของปัญหาผมบางในผู้หญิงกับผู้ชายแล้ว พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงมักจะเกิดขึ้นในบริเวณช่วงกลางศีรษะ หรือทั่วศีรษะมากกว่า แต่ก็มีโอกาสพบปัญหานี้ในบริเวณกรอบหน้าเหมือนกับผู้ชายได้เช่นกัน  ทั้งนี้ปัญหาผมบางในผู้หญิง อาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปลูกผมอย่างคุณผู้ชายเสมอไป เนื่องจากในผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรบริเวณด้านท้ายทอยแบบของผู้ชาย ส่งผลให้ผู้หญิงมักมีต้นทุนผมเหลือน้อย และรากผมแข็งแรงไม่พอต่อการหยุดปัญหาผมบางได้ด้วยการปลูกผมนั่นเอง 


ผู้หญิงสามารถปลูกผมได้ไหม? หรือควรแก้ปัญหาผมบางด้วยวิธีไหนดี?

แม้ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงและผู้ชายจะมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในผู้หญิงหรือผู้ชายก็ล้วนแต่จะต้องได้รับการรักษาและหาแนวทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ปัญหาผมร่วงลุกลามจนเกิดปัญหาผมบางที่ขยายบริเวณกว้างขึ้น

ซึ่งผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรเหมือนกับในผู้ชาย จึงไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการปลูกผมเพียงอย่างเดียว เพราะมีโอกาสสูงที่ผมจะกลับมาร่วงได้อีกครั้ง จึงจำเป็นต้องใช้การบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงเข้าช่วย ในขณะที่ผู้ชายจะสามารถรักษาได้ด้วยการนำผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกทดแทนผมที่บางได้ 

ดังนั้นปัญหาผมบางในผู้หญิงจะแนะนำให้แก้ไขด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างการทำทรีตเมนต์โปรแกรม Premium Hair Booster เป็นประจำ จะช่วยฟื้นฟูผมให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง เข้าจัดการกับปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพหลังการปลูกผมได้ 





เป็นวิธีที่ให้ประสิทธิภาพดีไม่ว่าจะผมร่วงในผู้หญิงหรือผู้ชาย แม้จะมีสาเหตุผมร่วงมาจากพันธุกรรมก็ตาม การบำรุงผมด้วยทรีตเมนต์อย่างต่อเนื่อง ก็สามารถช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายได้ หากทำร่วมกับการปลูกผมจะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพ มอบหนังศีรษะและเส้นผมที่แข็งแรงยิ่งขึ้น พร้อมบำรุงรักษาผมที่ปลูกให้อยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น
ปัญหาผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาใกล้ตัว สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ถึงอย่างนั้นเมื่อเกิดปัญหาผมร่วงขึ้นแล้วก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรจนอาจนำไปสู่ปัญหาผมร่วงที่บานปลายยิ่งขึ้นได้ จึงควรหมั่นสังเกตสุขภาพเส้นผมของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เห็นถึงความผิดปกติและสามารถหาแนวทางรักษาได้อย่างทันท่วงที 









ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย ก็สามารถขอรับคำปรึกษาจากคลินิกนามนินของเราเพื่อรับบริการฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster Treatment หรือปรึกษาคุณหมอนินเพื่อเลือกบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การรักษากับปัญหาผมบางที่มีได้ เพื่อเรียกคืนเส้นผมสุขภาพดี ช่วยบูสต์รอยยิ้มและพลังความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคุณได้อีกครั้ง 

ผมบางของผู้หญิง แตกต่างจากของผู้ชาย
 ตอบปัญหาคาใจ ปัญหาผมบางในผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชายอย่างไร?

ปัญหาผมร่วง เป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเจอทั้งนั้น หากเกิดขึ้นแล้วก็มักสร้างความหนักใจให้มากทีเดียว ทำให้หลายคนต้องสูญเสียความมั่นใจไปไม่ใช่น้อย หมดพลังความกล้าหาญ และออร่าอันน่าดึงดูดได้ 

รู้หรือไม่? ว่าความจริงแล้วปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่จะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล ซึ่งอายุก็ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในสาว ๆ ยิ่งกังวลใจกับปัญหานี้มาก เพราะทรงผมมีผลต่อหน้าตา ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกมากพอ ๆ กับการแต่งตัวเลย จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงถึงให้ความสำคัญกับเส้นผมมาก ๆ นั่นเอง


เผยความต่างปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย

ปัญหาผมบางในผู้หญิง

สำหรับปัญหาผมบางในผู้หญิงมักจะมีอาการเริ่มขึ้นจากผมบางในช่วงบริเวณรอยผมแสกกลาง เมื่อมองแล้วจะสามารถเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน และเมื่อนานวันขึ้น ผมก็จะเริ่มร่วงมากยิ่งขึ้นและขยายตัวออกเป็นวงกลมกลางศีรษะ 

ซึ่งปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงมักจะเกิดจากฮอร์โมนและพันธุกรรมเป็นหลัก สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของปัญหาผมบางในผู้หญิงได้เป็น 3 ระยะหลัก ๆ คือ
  • ระยะแรก ในระยะนี้จะเห็นได้เลยว่าผมบางลงมากกว่าปกติ จนทำให้เห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้น และเริ่มเห็นหนังศีรษะตรงรอยแสกผมได้ชัดเจน
  • ระยะที่สอง ในระยะนี้จะเห็นได้ว่าปัญหาผมบางจะอยู่ในระดับปานกลาง คือ เริ่มจะเห็นรอยแสกกลางที่กว้างขึ้นและเห็นหนังศีรษะที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าระยะแรก 
  • ระยะสุดท้าย ในระยะนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่ามีผมบางลงมาก รอยแสกกลางขยายกว้าง จนทำให้เห็นเป็นหนังศีรษะเป็นบริเวณกว้างอย่างชัดเจนเลย



ปัญหาผมบางในผู้ชาย

โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นได้จากแนวผมบริเวณกรอบหน้าหรือบริเวณกลางศีรษะเริ่มบางลง อาจจะเกิดขึ้นแบบพร้อมกันทั้งสองบริเวณ หรือเกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งก็ได้เช่นกัน หากว่าปล่อยให้เกิดปัญหาผมร่วงไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้บริเวณที่มีปัญหาค่อย ๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น จนกลายเป็นวงที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นต้องรักษา เพราะถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะลามไปจนทำให้เหลือผมอยู่แค่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั่นเอง

ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้ชายหลัก ๆ แล้วมักเกิดจากฮอร์โมน DHT ที่เข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผม ส่งผลให้รากผมไม่แข็งแรง ในที่สุดรากผมก็จะฝ่อและหายไป แต่ที่ยังเห็นว่ามีส่วนของผมที่ยังคงเหลืออยู่ในบริเวณหลังกกหูและท้ายทอยนั้น ก็เป็นเพราะว่าเส้นผมในส่วนนั้น คือ “เส้นผมถาวร” นั่นเอง โดยฮอร์โมนดังกล่าวจะไม่มีการออกฤทธิ์ทำลายผมเหล่านี้ และเส้นผมชนิดนี้ก็มีเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น




ปัญหาผมบางระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันอย่างไร?

เมื่อเทียบถึงความแตกต่างของปัญหาผมบางในผู้หญิงกับผู้ชายแล้ว พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงมักจะเกิดขึ้นในบริเวณช่วงกลางศีรษะ หรือทั่วศีรษะมากกว่า แต่ก็มีโอกาสพบปัญหานี้ในบริเวณกรอบหน้าเหมือนกับผู้ชายได้เช่นกัน  ทั้งนี้ปัญหาผมบางในผู้หญิง อาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปลูกผมอย่างคุณผู้ชายเสมอไป เนื่องจากในผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรบริเวณด้านท้ายทอยแบบของผู้ชาย ส่งผลให้ผู้หญิงมักมีต้นทุนผมเหลือน้อย และรากผมแข็งแรงไม่พอต่อการหยุดปัญหาผมบางได้ด้วยการปลูกผมนั่นเอง 


ผู้หญิงสามารถปลูกผมได้ไหม? หรือควรแก้ปัญหาผมบางด้วยวิธีไหนดี?

แม้ปัญหาผมบางที่เกิดขึ้นในผู้หญิงและผู้ชายจะมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในผู้หญิงหรือผู้ชายก็ล้วนแต่จะต้องได้รับการรักษาและหาแนวทางแก้ไข เพื่อไม่ให้ปัญหาผมร่วงลุกลามจนเกิดปัญหาผมบางที่ขยายบริเวณกว้างขึ้น

ซึ่งผู้หญิงจะไม่มีโซนผมถาวรเหมือนกับในผู้ชาย จึงไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการปลูกผมเพียงอย่างเดียว เพราะมีโอกาสสูงที่ผมจะกลับมาร่วงได้อีกครั้ง จึงจำเป็นต้องใช้การบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงเข้าช่วย ในขณะที่ผู้ชายจะสามารถรักษาได้ด้วยการนำผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกทดแทนผมที่บางได้ 

ดังนั้นปัญหาผมบางในผู้หญิงจะแนะนำให้แก้ไขด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างการทำทรีตเมนต์โปรแกรม Premium Hair Booster เป็นประจำ จะช่วยฟื้นฟูผมให้กลับมามีสุขภาพดีได้อีกครั้ง เข้าจัดการกับปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด สามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพหลังการปลูกผมได้ 





เป็นวิธีที่ให้ประสิทธิภาพดีไม่ว่าจะผมร่วงในผู้หญิงหรือผู้ชาย แม้จะมีสาเหตุผมร่วงมาจากพันธุกรรมก็ตาม การบำรุงผมด้วยทรีตเมนต์อย่างต่อเนื่อง ก็สามารถช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายได้ หากทำร่วมกับการปลูกผมจะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพ มอบหนังศีรษะและเส้นผมที่แข็งแรงยิ่งขึ้น พร้อมบำรุงรักษาผมที่ปลูกให้อยู่กับเราได้ยาวนานขึ้น
ปัญหาผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาใกล้ตัว สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อยู่ที่ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ถึงอย่างนั้นเมื่อเกิดปัญหาผมร่วงขึ้นแล้วก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรจนอาจนำไปสู่ปัญหาผมร่วงที่บานปลายยิ่งขึ้นได้ จึงควรหมั่นสังเกตสุขภาพเส้นผมของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้เห็นถึงความผิดปกติและสามารถหาแนวทางรักษาได้อย่างทันท่วงที 









ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชาย ก็สามารถขอรับคำปรึกษาจากคลินิกนามนินของเราเพื่อรับบริการฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster Treatment หรือปรึกษาคุณหมอนินเพื่อเลือกบริการและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การรักษากับปัญหาผมบางที่มีได้ เพื่อเรียกคืนเส้นผมสุขภาพดี ช่วยบูสต์รอยยิ้มและพลังความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคุณได้อีกครั้ง 

10 ชั่วโมงแห่งความใส่ใจ จากแพทย์ สู่คุณคนใหม่
นี่คือเวลา 10 ชั่วโมง 
...ที่บางคนต้องใช้เวลาศึกษาและตัดสินใจอยู่หลายปี
...ที่บางคนบอกว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญโอกาสเดียวของชีวิต
...และหลาย ๆ คน เฝ้ารอที่จะได้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ หลังจาก 10 ชั่วโมงนี้

นั่นทำให้แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิล แห่งคลินิกนามนิน เลือกที่จะทุ่มเทและใส่ใจไปกับ 10 ชั่วโมงในการปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้ ซึ่งหากถามว่าทำไมจึงต้องกินเวลายาวนานถึง 10 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน คำตอบก็คือ เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์ในการรักษา และมุมมองเชิงศิลป์ในการสร้างสรรค์ความงาม ผสานเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นการทำงานกับ เส้นผม ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ และหากไม่ระวังก็อาจพลั้งทำร้ายเส้นผมได้โดยง่าย 

การปลูกผมจึงไม่ใช่ภารกิจที่ใครก็ทำได้ ที่นามนิน ผู้ชำนาญตัวจริงเท่านั้นที่จะได้ทำหน้าที่สำคัญนี้ และนี่ก็คือ 10 ชั่วโมงการทำงานของทีมแพทย์ เพื่อลงมือปลูกผมใหม่ และเปลี่ยนเจ้าของเส้นผมเป็น คนใหม่ อย่างที่ใจต้องการ

วางแนวทางการรักษาร่วมกัน
30 – 40 นาที
คุณหมอนิลจะเริ่มต้นด้วยการชวนคนไข้นั่งลงพูดคุยกันถึงปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการของคนไข้ เพื่อทำความเข้าใจเจ้าของเส้นผมให้มากที่สุด ก่อนจะวิเคราะห์ปัญหาผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพราะคนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาและปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบางในระยะเริ่มต้น บางคนมาเมื่อผมบางจนใกล้เข้าสู่ภาวะผมล้านแล้ว บางคนมีกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยจำนวนมาก แต่บางคนมีไม่เพียงพอ 


ซึ่งตรงนี้ คุณหมอนิลจะช่วยประเมินพื้นที่ปลูกผมว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน คำนวณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากไม่พอจะแก้ปัญหาอย่างไร เช่น เฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้ครอบคลุมโดยไม่ต้องหนาแน่นมาก หรือเลือกปลูกผมเฉพาะจุดที่จำเป็นจริง ๆ รวมไปถึงการทำ Treatment บำรุงอื่น ๆ เสริมควบคู่กัน 

ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนิลยังวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผากให้ใหม่ เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมดุลตามหลัก Golden Ratio โดยไม่ลืมที่จะสอบถามความต้องการของคนไข้เช่นเคย จึงแน่ใจได้ว่า เส้นทางการรักษาที่วางไว้นั้น เกิดจากการร่วมกันคิดของทั้งสองฝ่าย คือแพทย์และคนไข้ อย่างแท้จริง


เตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอย
20 – 30 นาที
เนื่องจากจะต้องมีการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไปปลูกใหม่ ซึ่งกราฟต์ผมบริเวณนี้ เป็นกราฟต์ผมที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด คุณหมอนิลจึงได้เวลานำคนไข้เข้าสู่ห้องหัตถการ และเริ่มด้วยการเตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอยให้พร้อม โดยใช้ทักษะเฉพาะตัวของคุณหมอนิลเอง ลงมือตัดผมให้กับคนไข้ พร้อมกับใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อที่ว่าเมื่อปลูกผมเสร็จเรียบร้อย คนไข้จะได้ไม่ต้องคอยกังวลปกปิดรอยแผลด้านหลัง จนไปจำกัดอิสระในการจัดแต่งหรือทำทรงผมต่าง ๆ ซึ่งเทคนิคที่ว่านี้ คุณหมอนิลก็เป็นผู้พัฒนาขึ้น เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดนั่นเอง



เจาะย้ายกราฟต์ผมออก
3 – 6 ชั่วโมง
สำหรับขั้นตอนการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณหมอนิลเป็นผู้วางแผนการใช้เครื่องมือต่าง ๆ โดยอุปกรณ์เจาะย้ายกราฟต์ผมนั้น จะมีขนาดเล็กพิเศษ เพื่อให้หลงเหลือรอยแผลน้อยที่สุด ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะ ให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ 

ในขั้นตอนนี้ ผู้ที่ลงมือเจาะย้ายกราฟต์ผมจะเป็นทีมสหวิชาชีพของนามนิน ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นจากคุณหมอนิล อีกทั้งคุณหมอนิลยังเป็นผู้ควบคุมการทำหัตถการในขั้นตอนนี้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาด้วย


ไม่เพียงเท่านั้น กราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกมาแล้ว จะต้องนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนของการคัดเลือกกราฟต์ และตัดแต่งกราฟต์ เนื่องจากพื้นที่ปลูกผมใหม่แต่ละจุดอาจจำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมที่มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน จึงจะดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ เช่นบริเวณ แนวไรผม นั้น ต้องใช้กราฟต์ผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์เพียงเส้นเดียว ส่วนบริเวณ กลางศีรษะ อาจต้องใช้กราฟต์ผมเส้นหนาใหญ่ และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 3 - 4 เส้น การคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ จึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนของการปลูกผม ที่คุณหมอนิลให้ความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนไหน ๆ ได้เป็นอย่างดี

หลังจากนี้จะเป็นการพักรับประทานอาหารหรือของว่างเพื่อเติมพลัง และพักให้ร่างกายได้ผ่อนคลายประมาณ 30 – 45 นาที โดยมีขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักของการปลูกผมรออยู่ในช่วงต่อไป

ปลูกผมใหม่ด้วยแพทย์แบบเส้นต่อเส้น
3 – 6 ชั่วโมง
ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนของการปักกราฟต์ผมที่เตรียมเอาไว้อย่างดี ลงบนพื้นที่หนังศีรษะที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และแน่นอนว่า อาจจะมีกราฟต์ผมที่รอการปักมากเป็นจำนวนนับหลายพันเส้น แต่ทั้งหมดนั้น จะมีคุณหมอนิลเพียงคนเดียว ที่ทำหน้าที่ปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ด้วยความละเอียด ประณีต พิถีพิถัน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของกราฟต์ผมใหม่ให้มากที่สุด ดังนี้

  • ทิศทางในการเรียงตัวของกราฟต์ผมใหม่ รวมถึงองศาความลาดเอียงในการปัก เพื่อให้ผมใหม่ดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูใกล้เคียงผมธรรมชาติ ที่สำคัญ ไม่ชี้ย้อนผิดทิศผิดทาง ซึ่งโดยปกติแล้ว กว่าจะรู้ว่าผมใหม่เรียงตัวตามทิศทางเดิมหรือไม่ ก็ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเมื่อผ่านไปแล้วหลายเดือน ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ หรืออาจแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว เรื่องของทิศทางและองศาจึงเป็นที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ หากปักกราฟต์ผมตื้นเกินไป อาจจะหลุดร่วงง่าย และส่งผลให้เส้นเลือดต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงอาหารมาเลี้ยงเส้นผม ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เส้นผมอ่อนแอ ไม่แข็งแรง

  • ความหนาแน่นในการปักกราฟต์ แพทย์ผู้ชำนาญจะปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นกำลังดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะหากน้อยเกินไป ผมของคนไข้อาจจะยังดูบางจนแทบไม่ช่วยแก้ปัญหา หรือถ้าหากแน่นเกินไป ก็เสี่ยงที่กราฟต์ผมจะเบียดกันจนหลุดร่วงได้ง่ายกว่าที่ควร


ที่สำคัญ คุณหมอนินยังเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร นับเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การปลูกผมสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ลดความผิดพลาด ทั้งยังช่วยให้แผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ลดอาการบวมช้ำที่เป็นภาพจำน่ากลัวฝังใจใครหลาย ๆ คน และนั่นก็ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นด้วย



ทั้งนี้ เวลาที่ใช้ในการปลูกผมจริง ๆ อาจมากหรือน้อยกว่านี้ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา และจำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ในการปลูกแต่ละเคส โดยตลอดกระบวนการทั้งหมดนี้ คุณหมอนิลจะเป็นผู้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องหัตถการ เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ 

และเมื่อผ่านพ้น 10 ชั่วโมงแห่งความทุ่มเทใส่ใจนี้ไป ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณหมอกับคนไข้มาถึงเส้นชัยแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังต้องจับมือกันประคับประคองดูแลเส้นผมที่เพิ่งปลูกไปนั้น ให้อยู่รอด เติบโต แข็งแรง โดยมีคุณหมอนิลเป็นผู้คอยติดตามผลทุกระยะ และให้คำปรึกษาด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงแนะนำ Treatment และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าคนไข้จะได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมใหม่ว่าคุ้มค่ากับที่รอคอยมานาน พร้อม ๆ กับการได้เปลี่ยนตัวเองเป็น คนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม




10 ชั่วโมงแห่งความใส่ใจ จากแพทย์ สู่คุณคนใหม่
นี่คือเวลา 10 ชั่วโมง 
...ที่บางคนต้องใช้เวลาศึกษาและตัดสินใจอยู่หลายปี
...ที่บางคนบอกว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญโอกาสเดียวของชีวิต
...และหลาย ๆ คน เฝ้ารอที่จะได้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ หลังจาก 10 ชั่วโมงนี้

นั่นทำให้แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิล แห่งคลินิกนามนิน เลือกที่จะทุ่มเทและใส่ใจไปกับ 10 ชั่วโมงในการปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้ ซึ่งหากถามว่าทำไมจึงต้องกินเวลายาวนานถึง 10 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน คำตอบก็คือ เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์ในการรักษา และมุมมองเชิงศิลป์ในการสร้างสรรค์ความงาม ผสานเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นการทำงานกับ เส้นผม ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ และหากไม่ระวังก็อาจพลั้งทำร้ายเส้นผมได้โดยง่าย 

การปลูกผมจึงไม่ใช่ภารกิจที่ใครก็ทำได้ ที่นามนิน ผู้ชำนาญตัวจริงเท่านั้นที่จะได้ทำหน้าที่สำคัญนี้ และนี่ก็คือ 10 ชั่วโมงการทำงานของทีมแพทย์ เพื่อลงมือปลูกผมใหม่ และเปลี่ยนเจ้าของเส้นผมเป็น คนใหม่ อย่างที่ใจต้องการ

วางแนวทางการรักษาร่วมกัน
30 – 40 นาที
คุณหมอนิลจะเริ่มต้นด้วยการชวนคนไข้นั่งลงพูดคุยกันถึงปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการของคนไข้ เพื่อทำความเข้าใจเจ้าของเส้นผมให้มากที่สุด ก่อนจะวิเคราะห์ปัญหาผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพราะคนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาและปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบางในระยะเริ่มต้น บางคนมาเมื่อผมบางจนใกล้เข้าสู่ภาวะผมล้านแล้ว บางคนมีกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยจำนวนมาก แต่บางคนมีไม่เพียงพอ 


ซึ่งตรงนี้ คุณหมอนิลจะช่วยประเมินพื้นที่ปลูกผมว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน คำนวณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากไม่พอจะแก้ปัญหาอย่างไร เช่น เฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้ครอบคลุมโดยไม่ต้องหนาแน่นมาก หรือเลือกปลูกผมเฉพาะจุดที่จำเป็นจริง ๆ รวมไปถึงการทำ Treatment บำรุงอื่น ๆ เสริมควบคู่กัน 

ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนิลยังวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผากให้ใหม่ เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมดุลตามหลัก Golden Ratio โดยไม่ลืมที่จะสอบถามความต้องการของคนไข้เช่นเคย จึงแน่ใจได้ว่า เส้นทางการรักษาที่วางไว้นั้น เกิดจากการร่วมกันคิดของทั้งสองฝ่าย คือแพทย์และคนไข้ อย่างแท้จริง


เตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอย
20 – 30 นาที
เนื่องจากจะต้องมีการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไปปลูกใหม่ ซึ่งกราฟต์ผมบริเวณนี้ เป็นกราฟต์ผมที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด คุณหมอนิลจึงได้เวลานำคนไข้เข้าสู่ห้องหัตถการ และเริ่มด้วยการเตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอยให้พร้อม โดยใช้ทักษะเฉพาะตัวของคุณหมอนิลเอง ลงมือตัดผมให้กับคนไข้ พร้อมกับใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อที่ว่าเมื่อปลูกผมเสร็จเรียบร้อย คนไข้จะได้ไม่ต้องคอยกังวลปกปิดรอยแผลด้านหลัง จนไปจำกัดอิสระในการจัดแต่งหรือทำทรงผมต่าง ๆ ซึ่งเทคนิคที่ว่านี้ คุณหมอนิลก็เป็นผู้พัฒนาขึ้น เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดนั่นเอง



เจาะย้ายกราฟต์ผมออก
3 – 6 ชั่วโมง
สำหรับขั้นตอนการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณหมอนิลเป็นผู้วางแผนการใช้เครื่องมือต่าง ๆ โดยอุปกรณ์เจาะย้ายกราฟต์ผมนั้น จะมีขนาดเล็กพิเศษ เพื่อให้หลงเหลือรอยแผลน้อยที่สุด ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะ ให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ 

ในขั้นตอนนี้ ผู้ที่ลงมือเจาะย้ายกราฟต์ผมจะเป็นทีมสหวิชาชีพของนามนิน ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นจากคุณหมอนิล อีกทั้งคุณหมอนิลยังเป็นผู้ควบคุมการทำหัตถการในขั้นตอนนี้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาด้วย


ไม่เพียงเท่านั้น กราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกมาแล้ว จะต้องนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนของการคัดเลือกกราฟต์ และตัดแต่งกราฟต์ เนื่องจากพื้นที่ปลูกผมใหม่แต่ละจุดอาจจำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมที่มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน จึงจะดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ เช่นบริเวณ แนวไรผม นั้น ต้องใช้กราฟต์ผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์เพียงเส้นเดียว ส่วนบริเวณ กลางศีรษะ อาจต้องใช้กราฟต์ผมเส้นหนาใหญ่ และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 3 - 4 เส้น การคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ จึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนของการปลูกผม ที่คุณหมอนิลให้ความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนไหน ๆ ได้เป็นอย่างดี

หลังจากนี้จะเป็นการพักรับประทานอาหารหรือของว่างเพื่อเติมพลัง และพักให้ร่างกายได้ผ่อนคลายประมาณ 30 – 45 นาที โดยมีขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักของการปลูกผมรออยู่ในช่วงต่อไป

ปลูกผมใหม่ด้วยแพทย์แบบเส้นต่อเส้น
3 – 6 ชั่วโมง
ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนของการปักกราฟต์ผมที่เตรียมเอาไว้อย่างดี ลงบนพื้นที่หนังศีรษะที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และแน่นอนว่า อาจจะมีกราฟต์ผมที่รอการปักมากเป็นจำนวนนับหลายพันเส้น แต่ทั้งหมดนั้น จะมีคุณหมอนิลเพียงคนเดียว ที่ทำหน้าที่ปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ด้วยความละเอียด ประณีต พิถีพิถัน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของกราฟต์ผมใหม่ให้มากที่สุด ดังนี้

  • ทิศทางในการเรียงตัวของกราฟต์ผมใหม่ รวมถึงองศาความลาดเอียงในการปัก เพื่อให้ผมใหม่ดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูใกล้เคียงผมธรรมชาติ ที่สำคัญ ไม่ชี้ย้อนผิดทิศผิดทาง ซึ่งโดยปกติแล้ว กว่าจะรู้ว่าผมใหม่เรียงตัวตามทิศทางเดิมหรือไม่ ก็ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเมื่อผ่านไปแล้วหลายเดือน ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ หรืออาจแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว เรื่องของทิศทางและองศาจึงเป็นที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ หากปักกราฟต์ผมตื้นเกินไป อาจจะหลุดร่วงง่าย และส่งผลให้เส้นเลือดต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงอาหารมาเลี้ยงเส้นผม ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เส้นผมอ่อนแอ ไม่แข็งแรง

  • ความหนาแน่นในการปักกราฟต์ แพทย์ผู้ชำนาญจะปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นกำลังดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะหากน้อยเกินไป ผมของคนไข้อาจจะยังดูบางจนแทบไม่ช่วยแก้ปัญหา หรือถ้าหากแน่นเกินไป ก็เสี่ยงที่กราฟต์ผมจะเบียดกันจนหลุดร่วงได้ง่ายกว่าที่ควร


ที่สำคัญ คุณหมอนินยังเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร นับเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การปลูกผมสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ลดความผิดพลาด ทั้งยังช่วยให้แผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ลดอาการบวมช้ำที่เป็นภาพจำน่ากลัวฝังใจใครหลาย ๆ คน และนั่นก็ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นด้วย



ทั้งนี้ เวลาที่ใช้ในการปลูกผมจริง ๆ อาจมากหรือน้อยกว่านี้ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา และจำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ในการปลูกแต่ละเคส โดยตลอดกระบวนการทั้งหมดนี้ คุณหมอนิลจะเป็นผู้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องหัตถการ เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ 

และเมื่อผ่านพ้น 10 ชั่วโมงแห่งความทุ่มเทใส่ใจนี้ไป ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณหมอกับคนไข้มาถึงเส้นชัยแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังต้องจับมือกันประคับประคองดูแลเส้นผมที่เพิ่งปลูกไปนั้น ให้อยู่รอด เติบโต แข็งแรง โดยมีคุณหมอนิลเป็นผู้คอยติดตามผลทุกระยะ และให้คำปรึกษาด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงแนะนำ Treatment และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าคนไข้จะได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมใหม่ว่าคุ้มค่ากับที่รอคอยมานาน พร้อม ๆ กับการได้เปลี่ยนตัวเองเป็น คนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม




10 ชั่วโมงแห่งความใส่ใจ จากแพทย์ สู่คุณคนใหม่
นี่คือเวลา 10 ชั่วโมง 
...ที่บางคนต้องใช้เวลาศึกษาและตัดสินใจอยู่หลายปี
...ที่บางคนบอกว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญโอกาสเดียวของชีวิต
...และหลาย ๆ คน เฝ้ารอที่จะได้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ หลังจาก 10 ชั่วโมงนี้

นั่นทำให้แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิล แห่งคลินิกนามนิน เลือกที่จะทุ่มเทและใส่ใจไปกับ 10 ชั่วโมงในการปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้ ซึ่งหากถามว่าทำไมจึงต้องกินเวลายาวนานถึง 10 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน คำตอบก็คือ เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์ในการรักษา และมุมมองเชิงศิลป์ในการสร้างสรรค์ความงาม ผสานเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นการทำงานกับ เส้นผม ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ และหากไม่ระวังก็อาจพลั้งทำร้ายเส้นผมได้โดยง่าย 

การปลูกผมจึงไม่ใช่ภารกิจที่ใครก็ทำได้ ที่นามนิน ผู้ชำนาญตัวจริงเท่านั้นที่จะได้ทำหน้าที่สำคัญนี้ และนี่ก็คือ 10 ชั่วโมงการทำงานของทีมแพทย์ เพื่อลงมือปลูกผมใหม่ และเปลี่ยนเจ้าของเส้นผมเป็น คนใหม่ อย่างที่ใจต้องการ

วางแนวทางการรักษาร่วมกัน
30 – 40 นาที
คุณหมอนิลจะเริ่มต้นด้วยการชวนคนไข้นั่งลงพูดคุยกันถึงปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการของคนไข้ เพื่อทำความเข้าใจเจ้าของเส้นผมให้มากที่สุด ก่อนจะวิเคราะห์ปัญหาผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพราะคนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาและปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบางในระยะเริ่มต้น บางคนมาเมื่อผมบางจนใกล้เข้าสู่ภาวะผมล้านแล้ว บางคนมีกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยจำนวนมาก แต่บางคนมีไม่เพียงพอ 


ซึ่งตรงนี้ คุณหมอนิลจะช่วยประเมินพื้นที่ปลูกผมว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน คำนวณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากไม่พอจะแก้ปัญหาอย่างไร เช่น เฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้ครอบคลุมโดยไม่ต้องหนาแน่นมาก หรือเลือกปลูกผมเฉพาะจุดที่จำเป็นจริง ๆ รวมไปถึงการทำ Treatment บำรุงอื่น ๆ เสริมควบคู่กัน 

ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนิลยังวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผากให้ใหม่ เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมดุลตามหลัก Golden Ratio โดยไม่ลืมที่จะสอบถามความต้องการของคนไข้เช่นเคย จึงแน่ใจได้ว่า เส้นทางการรักษาที่วางไว้นั้น เกิดจากการร่วมกันคิดของทั้งสองฝ่าย คือแพทย์และคนไข้ อย่างแท้จริง


เตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอย
20 – 30 นาที
เนื่องจากจะต้องมีการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไปปลูกใหม่ ซึ่งกราฟต์ผมบริเวณนี้ เป็นกราฟต์ผมที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด คุณหมอนิลจึงได้เวลานำคนไข้เข้าสู่ห้องหัตถการ และเริ่มด้วยการเตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอยให้พร้อม โดยใช้ทักษะเฉพาะตัวของคุณหมอนิลเอง ลงมือตัดผมให้กับคนไข้ พร้อมกับใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อที่ว่าเมื่อปลูกผมเสร็จเรียบร้อย คนไข้จะได้ไม่ต้องคอยกังวลปกปิดรอยแผลด้านหลัง จนไปจำกัดอิสระในการจัดแต่งหรือทำทรงผมต่าง ๆ ซึ่งเทคนิคที่ว่านี้ คุณหมอนิลก็เป็นผู้พัฒนาขึ้น เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดนั่นเอง



เจาะย้ายกราฟต์ผมออก
3 – 6 ชั่วโมง
สำหรับขั้นตอนการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณหมอนิลเป็นผู้วางแผนการใช้เครื่องมือต่าง ๆ โดยอุปกรณ์เจาะย้ายกราฟต์ผมนั้น จะมีขนาดเล็กพิเศษ เพื่อให้หลงเหลือรอยแผลน้อยที่สุด ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะ ให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ 

ในขั้นตอนนี้ ผู้ที่ลงมือเจาะย้ายกราฟต์ผมจะเป็นทีมสหวิชาชีพของนามนิน ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นจากคุณหมอนิล อีกทั้งคุณหมอนิลยังเป็นผู้ควบคุมการทำหัตถการในขั้นตอนนี้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาด้วย


ไม่เพียงเท่านั้น กราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกมาแล้ว จะต้องนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนของการคัดเลือกกราฟต์ และตัดแต่งกราฟต์ เนื่องจากพื้นที่ปลูกผมใหม่แต่ละจุดอาจจำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมที่มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน จึงจะดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ เช่นบริเวณ แนวไรผม นั้น ต้องใช้กราฟต์ผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์เพียงเส้นเดียว ส่วนบริเวณ กลางศีรษะ อาจต้องใช้กราฟต์ผมเส้นหนาใหญ่ และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 3 - 4 เส้น การคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ จึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนของการปลูกผม ที่คุณหมอนิลให้ความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนไหน ๆ ได้เป็นอย่างดี

หลังจากนี้จะเป็นการพักรับประทานอาหารหรือของว่างเพื่อเติมพลัง และพักให้ร่างกายได้ผ่อนคลายประมาณ 30 – 45 นาที โดยมีขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักของการปลูกผมรออยู่ในช่วงต่อไป

ปลูกผมใหม่ด้วยแพทย์แบบเส้นต่อเส้น
3 – 6 ชั่วโมง
ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนของการปักกราฟต์ผมที่เตรียมเอาไว้อย่างดี ลงบนพื้นที่หนังศีรษะที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และแน่นอนว่า อาจจะมีกราฟต์ผมที่รอการปักมากเป็นจำนวนนับหลายพันเส้น แต่ทั้งหมดนั้น จะมีคุณหมอนิลเพียงคนเดียว ที่ทำหน้าที่ปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ด้วยความละเอียด ประณีต พิถีพิถัน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของกราฟต์ผมใหม่ให้มากที่สุด ดังนี้

  • ทิศทางในการเรียงตัวของกราฟต์ผมใหม่ รวมถึงองศาความลาดเอียงในการปัก เพื่อให้ผมใหม่ดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูใกล้เคียงผมธรรมชาติ ที่สำคัญ ไม่ชี้ย้อนผิดทิศผิดทาง ซึ่งโดยปกติแล้ว กว่าจะรู้ว่าผมใหม่เรียงตัวตามทิศทางเดิมหรือไม่ ก็ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเมื่อผ่านไปแล้วหลายเดือน ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ หรืออาจแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว เรื่องของทิศทางและองศาจึงเป็นที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ หากปักกราฟต์ผมตื้นเกินไป อาจจะหลุดร่วงง่าย และส่งผลให้เส้นเลือดต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงอาหารมาเลี้ยงเส้นผม ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เส้นผมอ่อนแอ ไม่แข็งแรง

  • ความหนาแน่นในการปักกราฟต์ แพทย์ผู้ชำนาญจะปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นกำลังดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะหากน้อยเกินไป ผมของคนไข้อาจจะยังดูบางจนแทบไม่ช่วยแก้ปัญหา หรือถ้าหากแน่นเกินไป ก็เสี่ยงที่กราฟต์ผมจะเบียดกันจนหลุดร่วงได้ง่ายกว่าที่ควร


ที่สำคัญ คุณหมอนินยังเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร นับเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การปลูกผมสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ลดความผิดพลาด ทั้งยังช่วยให้แผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ลดอาการบวมช้ำที่เป็นภาพจำน่ากลัวฝังใจใครหลาย ๆ คน และนั่นก็ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นด้วย



ทั้งนี้ เวลาที่ใช้ในการปลูกผมจริง ๆ อาจมากหรือน้อยกว่านี้ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา และจำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ในการปลูกแต่ละเคส โดยตลอดกระบวนการทั้งหมดนี้ คุณหมอนิลจะเป็นผู้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องหัตถการ เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ 

และเมื่อผ่านพ้น 10 ชั่วโมงแห่งความทุ่มเทใส่ใจนี้ไป ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณหมอกับคนไข้มาถึงเส้นชัยแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังต้องจับมือกันประคับประคองดูแลเส้นผมที่เพิ่งปลูกไปนั้น ให้อยู่รอด เติบโต แข็งแรง โดยมีคุณหมอนิลเป็นผู้คอยติดตามผลทุกระยะ และให้คำปรึกษาด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงแนะนำ Treatment และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าคนไข้จะได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมใหม่ว่าคุ้มค่ากับที่รอคอยมานาน พร้อม ๆ กับการได้เปลี่ยนตัวเองเป็น คนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม




10 ชั่วโมงแห่งความใส่ใจ จากแพทย์ สู่คุณคนใหม่
นี่คือเวลา 10 ชั่วโมง 
...ที่บางคนต้องใช้เวลาศึกษาและตัดสินใจอยู่หลายปี
...ที่บางคนบอกว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญโอกาสเดียวของชีวิต
...และหลาย ๆ คน เฝ้ารอที่จะได้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ หลังจาก 10 ชั่วโมงนี้

นั่นทำให้แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิล แห่งคลินิกนามนิน เลือกที่จะทุ่มเทและใส่ใจไปกับ 10 ชั่วโมงในการปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้ ซึ่งหากถามว่าทำไมจึงต้องกินเวลายาวนานถึง 10 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน คำตอบก็คือ เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ต้องอาศัยศาสตร์การแพทย์ในการรักษา และมุมมองเชิงศิลป์ในการสร้างสรรค์ความงาม ผสานเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นการทำงานกับ เส้นผม ที่มีขนาดเล็กมาก ๆ และหากไม่ระวังก็อาจพลั้งทำร้ายเส้นผมได้โดยง่าย 

การปลูกผมจึงไม่ใช่ภารกิจที่ใครก็ทำได้ ที่นามนิน ผู้ชำนาญตัวจริงเท่านั้นที่จะได้ทำหน้าที่สำคัญนี้ และนี่ก็คือ 10 ชั่วโมงการทำงานของทีมแพทย์ เพื่อลงมือปลูกผมใหม่ และเปลี่ยนเจ้าของเส้นผมเป็น คนใหม่ อย่างที่ใจต้องการ

วางแนวทางการรักษาร่วมกัน
30 – 40 นาที
คุณหมอนิลจะเริ่มต้นด้วยการชวนคนไข้นั่งลงพูดคุยกันถึงปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการของคนไข้ เพื่อทำความเข้าใจเจ้าของเส้นผมให้มากที่สุด ก่อนจะวิเคราะห์ปัญหาผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพราะคนไข้แต่ละคนมาด้วยปัญหาและปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบางในระยะเริ่มต้น บางคนมาเมื่อผมบางจนใกล้เข้าสู่ภาวะผมล้านแล้ว บางคนมีกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยจำนวนมาก แต่บางคนมีไม่เพียงพอ 


ซึ่งตรงนี้ คุณหมอนิลจะช่วยประเมินพื้นที่ปลูกผมว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน คำนวณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากไม่พอจะแก้ปัญหาอย่างไร เช่น เฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้ครอบคลุมโดยไม่ต้องหนาแน่นมาก หรือเลือกปลูกผมเฉพาะจุดที่จำเป็นจริง ๆ รวมไปถึงการทำ Treatment บำรุงอื่น ๆ เสริมควบคู่กัน 

ไม่เพียงเท่านั้น คุณหมอนิลยังวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผากให้ใหม่ เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนที่สมดุลตามหลัก Golden Ratio โดยไม่ลืมที่จะสอบถามความต้องการของคนไข้เช่นเคย จึงแน่ใจได้ว่า เส้นทางการรักษาที่วางไว้นั้น เกิดจากการร่วมกันคิดของทั้งสองฝ่าย คือแพทย์และคนไข้ อย่างแท้จริง


เตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอย
20 – 30 นาที
เนื่องจากจะต้องมีการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไปปลูกใหม่ ซึ่งกราฟต์ผมบริเวณนี้ เป็นกราฟต์ผมที่มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด คุณหมอนิลจึงได้เวลานำคนไข้เข้าสู่ห้องหัตถการ และเริ่มด้วยการเตรียมพื้นที่ศีรษะด้านหลังท้ายทอยให้พร้อม โดยใช้ทักษะเฉพาะตัวของคุณหมอนิลเอง ลงมือตัดผมให้กับคนไข้ พร้อมกับใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อที่ว่าเมื่อปลูกผมเสร็จเรียบร้อย คนไข้จะได้ไม่ต้องคอยกังวลปกปิดรอยแผลด้านหลัง จนไปจำกัดอิสระในการจัดแต่งหรือทำทรงผมต่าง ๆ ซึ่งเทคนิคที่ว่านี้ คุณหมอนิลก็เป็นผู้พัฒนาขึ้น เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดนั่นเอง



เจาะย้ายกราฟต์ผมออก
3 – 6 ชั่วโมง
สำหรับขั้นตอนการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณหมอนิลเป็นผู้วางแผนการใช้เครื่องมือต่าง ๆ โดยอุปกรณ์เจาะย้ายกราฟต์ผมนั้น จะมีขนาดเล็กพิเศษ เพื่อให้หลงเหลือรอยแผลน้อยที่สุด ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของหัวเจาะ ให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้ 

ในขั้นตอนนี้ ผู้ที่ลงมือเจาะย้ายกราฟต์ผมจะเป็นทีมสหวิชาชีพของนามนิน ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นจากคุณหมอนิล อีกทั้งคุณหมอนิลยังเป็นผู้ควบคุมการทำหัตถการในขั้นตอนนี้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาด้วย


ไม่เพียงเท่านั้น กราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกมาแล้ว จะต้องนำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนของการคัดเลือกกราฟต์ และตัดแต่งกราฟต์ เนื่องจากพื้นที่ปลูกผมใหม่แต่ละจุดอาจจำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมที่มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน จึงจะดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ เช่นบริเวณ แนวไรผม นั้น ต้องใช้กราฟต์ผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์เพียงเส้นเดียว ส่วนบริเวณ กลางศีรษะ อาจต้องใช้กราฟต์ผมเส้นหนาใหญ่ และมีจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 3 - 4 เส้น การคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ จึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนของการปลูกผม ที่คุณหมอนิลให้ความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนไหน ๆ ได้เป็นอย่างดี

หลังจากนี้จะเป็นการพักรับประทานอาหารหรือของว่างเพื่อเติมพลัง และพักให้ร่างกายได้ผ่อนคลายประมาณ 30 – 45 นาที โดยมีขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักของการปลูกผมรออยู่ในช่วงต่อไป

ปลูกผมใหม่ด้วยแพทย์แบบเส้นต่อเส้น
3 – 6 ชั่วโมง
ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนของการปักกราฟต์ผมที่เตรียมเอาไว้อย่างดี ลงบนพื้นที่หนังศีรษะที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และแน่นอนว่า อาจจะมีกราฟต์ผมที่รอการปักมากเป็นจำนวนนับหลายพันเส้น แต่ทั้งหมดนั้น จะมีคุณหมอนิลเพียงคนเดียว ที่ทำหน้าที่ปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ด้วยความละเอียด ประณีต พิถีพิถัน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของกราฟต์ผมใหม่ให้มากที่สุด ดังนี้

  • ทิศทางในการเรียงตัวของกราฟต์ผมใหม่ รวมถึงองศาความลาดเอียงในการปัก เพื่อให้ผมใหม่ดูกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูใกล้เคียงผมธรรมชาติ ที่สำคัญ ไม่ชี้ย้อนผิดทิศผิดทาง ซึ่งโดยปกติแล้ว กว่าจะรู้ว่าผมใหม่เรียงตัวตามทิศทางเดิมหรือไม่ ก็ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเมื่อผ่านไปแล้วหลายเดือน ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ หรืออาจแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว เรื่องของทิศทางและองศาจึงเป็นที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ หากปักกราฟต์ผมตื้นเกินไป อาจจะหลุดร่วงง่าย และส่งผลให้เส้นเลือดต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงอาหารมาเลี้ยงเส้นผม ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เส้นผมอ่อนแอ ไม่แข็งแรง

  • ความหนาแน่นในการปักกราฟต์ แพทย์ผู้ชำนาญจะปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นกำลังดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะหากน้อยเกินไป ผมของคนไข้อาจจะยังดูบางจนแทบไม่ช่วยแก้ปัญหา หรือถ้าหากแน่นเกินไป ก็เสี่ยงที่กราฟต์ผมจะเบียดกันจนหลุดร่วงได้ง่ายกว่าที่ควร


ที่สำคัญ คุณหมอนินยังเลือกใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร นับเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การปลูกผมสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ลดความผิดพลาด ทั้งยังช่วยให้แผลมีขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ลดอาการบวมช้ำที่เป็นภาพจำน่ากลัวฝังใจใครหลาย ๆ คน และนั่นก็ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถลุกขึ้นมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นด้วย



ทั้งนี้ เวลาที่ใช้ในการปลูกผมจริง ๆ อาจมากหรือน้อยกว่านี้ก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหา และจำนวนกราฟต์ผมที่ใช้ในการปลูกแต่ละเคส โดยตลอดกระบวนการทั้งหมดนี้ คุณหมอนิลจะเป็นผู้ควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องหัตถการ เพื่อคลายความกังวลของคนไข้ 

และเมื่อผ่านพ้น 10 ชั่วโมงแห่งความทุ่มเทใส่ใจนี้ไป ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณหมอกับคนไข้มาถึงเส้นชัยแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังต้องจับมือกันประคับประคองดูแลเส้นผมที่เพิ่งปลูกไปนั้น ให้อยู่รอด เติบโต แข็งแรง โดยมีคุณหมอนิลเป็นผู้คอยติดตามผลทุกระยะ และให้คำปรึกษาด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงแนะนำ Treatment และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าคนไข้จะได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมใหม่ว่าคุ้มค่ากับที่รอคอยมานาน พร้อม ๆ กับการได้เปลี่ยนตัวเองเป็น คนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม




นับ 1 ถึง 365 ภารกิจ “หลังปลูกผม”
คุณคิดว่า ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการปลูกผมคือขั้นตอนไหน? 

เชื่อว่าคำตอบในใจของหลาย ๆ คน คงหนีไม่พ้นวันทำหัตถการปลูกผม ซึ่งคุณหมอเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางให้กลับมาดูหนาแน่น แต่ที่จริงแล้ว ...การปลูกผม ไม่ได้จบแค่วันที่คุณหมอปักกราฟต์... เพราะไม่ว่าในวันนั้น คุณหมอจะฝากฝีมือในการปักกราฟต์ผมไว้อย่างดีแค่ไหน ถ้าหลังจากนั้น เส้นผมที่เพิ่งปลูกใหม่ ไม่ได้รับการดูแลทะนุถนอมอย่างใส่ใจเพียงพอ ก็มีโอกาสที่ผมปลูกใหม่จะอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง และไปไม่ถึงปลายทางผลลัพธ์ผมหนาแน่นสุขภาพดีแบบที่คาดหวังกันไว้

ดังนั้น จึงอาจพูดได้ว่า ขั้นตอนการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผม ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้วันปลูกหรือวันไหน ๆ ที่สำคัญ ขั้นตอนที่กินเวลาแสนยาวนานนี้ ไม่มีทางลัด!! เพราะกว่าผมปลูกใหม่จะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ตามวงจรธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็น “ภารกิจหลังปลูกผม” ของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องร่วมมือกันบำรุงดูแลผมปลูกใหม่ให้อยู่รอด และเติบโตอย่างแข็งแรง ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 365 เลยนั่นเอง

ทราบหรือไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากเราละเลยขั้นตอนการดูแลหลังปลูก เพียงเพราะคิดว่า ปลูกเสร็จแล้วก็จบกัน ไม่ต้องทำอะไรอีก...

  • ข้อแรกเลย ลองนึกภาพว่า กราฟต์ผมของเราเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ เซลล์รากผมยังไม่แข็งแรง และยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดี เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังไม่เชื่อมต่อกันจนพร้อมที่จะลำเลียงสารอาหารอย่างเต็มที่ จึงมีโอกาสที่รากผมจะเกิดการอักเสบ อ่อนแอ และหลุดร่วงได้ง่าย หรือที่เรียกกันว่า ปลูกผมไม่ติด ซึ่งอาจเกิดจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่นการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ มากเกินไป การปล่อยให้ศีรษะเกิดการกระทบกระแทก การนอนผิดวิธี หรือแม้กระทั่งการสระผมผิดวิธี จนสุดท้ายอาจทำให้บริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่นั้น กลับไปมีภาวะผมบางหรือผมล้านเหมือนเดิมก็เป็นได้



  • ข้อต่อมา แม้จะปลูกผมไปแล้ว แต่บางคนอาจจะมีภาวะ “ผมล้านต่อ” หมายถึงการที่ผมเดิมในบริเวณใกล้เคียงกับที่ปลูกใหม่ ยังคงทยอยหลุดร่วง โดยจะพบในคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากกรรมพันธุ์ ซึ่งฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone เป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลงผิดปกติ จนเส้นผมที่งอกขึ้นมานั้นมีขนาดเล็ก สั้น บาง และอ่อนแอตามไปด้วย นำไปสู่การหลุดร่วงในที่สุด 

โดยทั่วไป แม้ว่าแพทย์จะช่วยย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา แต่อย่าลืมว่า ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT อยู่ และมีโอกาสหลุดร่วงต่อเนื่อง ซึ่งหากมีการดูแลหลังปลูกผมอย่างเหมาะสม ก็จะสามารถชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิมในส่วนอื่น ๆ นี้ได้ด้วย



เพราะฉะนั้น 365 วันหลังการปลูกผม จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่แพทย์จะคอยติดตามผลเป็นระยะ ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ตามลักษณะปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่และความร่วมมือของคนไข้เองด้วย ที่จะต้องดูแลบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะการปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่ต้องวัดความคุ้มค่าและความสำเร็จกันยาว ๆ หากคนไข้มีวินัย และใส่ใจดูแลผมอย่างดีเพียงพอ ผมใหม่ก็จะค่อย ๆ อวดความแข็งแรง หนาแน่น สุขภาพดี เมื่อครบระยะเวลา 1 ปีเต็ม ทั้งยังช่วยบำรุงฟื้นฟูผมเดิมให้แข็งแรงขึ้นด้วยไปพร้อม ๆ กัน

และเพราะความเข้าใจในธรรมชาติของวงจรเส้นผม รวมถึงเข้าใจความต้องการของคนไข้ นามนินจึงออกแบบบริการและผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยให้เส้นทางสู่การมีผมหนาแน่นสุขภาพดีเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ 


  • เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมสุดอ่อนโยน อย่าง Mojelim Elixir Shampoo ซึ่งเป็นแชมพูที่ผลิตโดยโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมจากเกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic Agent นี่คือแชมพูเหมาะกับผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี ทำความสะอาดผมพร้อมบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย และที่สำคัญ ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ใช้ควบคู่กันกับ Mojelim Elixir Treatment ครีมนวดที่ช่วยบำรุงอย่างอ่อนโยนไม่แพ้กันนั่นเอง


  •  แล้วมาฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงจากภายในกันต่อ ด้วยเซรั่มประสิทธิภาพเยี่ยมอย่าง Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE ที่จะตรงเข้าบำรุงเส้นผม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้รวดเร็วขึ้น และลดการหลุดร่วงของผมที่ปลูกใหม่และผมเดิมในเวลาเดียวกัน มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ซึ่งจะช่วยกันบำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม แลดูสุขภาพดี



  • ขณะเดียวกัน วิตามินต่าง ๆ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผม โดยคุณหมอได้ค้นคว้า คัดสรร และรวบรวมวิตามินตัวสำคัญมาไว้ด้วยกันในแคปซูลเดียว ในชื่อ VITA H นอกจากรับประทานสะดวกแล้ว ยังได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ จากสารสกัดธรรมชาติที่เป็นแหล่งของวิตามินหลากชนิด ทั้งสารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ ตามมาด้วย D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม และเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน Iron Amino Acid Chelate ยังบำรุงรากผมให้แข็งแรง จึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และสุดท้าย Vitamin B Premix ยังช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังขอนำเสนอโปรแกรม Treatment ฉีดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง นั่นคือ Premium Hair Booster Treatment ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพของเส้นผม กระตุ้นการทำงานของรากผม ทำให้เส้นผมใหม่มีโอกาสงอกได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่วนเส้นผมเดิมก็จะได้รับการบำรุงจากที่เคยลีบแบนหรือมีขนาดเล็ก ทำให้ผมเส้นหนาและมีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมความหนาแน่น พร้อมกับความดกดำ เงางาม สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก

ข้อดีของ Premium Hair Booster Treatment ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้จะได้รับ เพราะเป็นบริการที่ไม่ยุ่งยากเลย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งรอยแผลและปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ โดยคุณหมอจะคอยดูแลให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด หรืออาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับ Treatment โปรแกรมอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น



บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากนามนินเหล่านี้ คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เนื่องจากคนไข้แต่ละคนก็มีปัญหาเส้นผมรุนแรงมากน้อยต่างกัน และมีความต้องการหรือความจำเป็นเฉพาะบุคคลที่ไม่ซ้ำกัน 

และทั้งหมดนี้ก็คือภารกิจ 365 วันหลังปลูกผม ที่คุณหมอกับคนไข้ จะช่วยกันดูแลผมปลูกใหม่ให้เติบโตอย่างเต็มที่ และมีรากผมสมบูรณ์ แข็งแรง ที่จะอยู่คู่กับคนไข้ไปตลอดชีวิต เพียงอย่าลืมให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลหลังปลูกผม ที่แม้จะกินเวลานานสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะคืนความหนาแน่น คืนผมสุขภาพดี และคืนความมั่นใจให้คุณได้อย่างแน่นอน 

นับ 1 ถึง 365 ภารกิจ “หลังปลูกผม”
คุณคิดว่า ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการปลูกผมคือขั้นตอนไหน? 

เชื่อว่าคำตอบในใจของหลาย ๆ คน คงหนีไม่พ้นวันทำหัตถการปลูกผม ซึ่งคุณหมอเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางให้กลับมาดูหนาแน่น แต่ที่จริงแล้ว ...การปลูกผม ไม่ได้จบแค่วันที่คุณหมอปักกราฟต์... เพราะไม่ว่าในวันนั้น คุณหมอจะฝากฝีมือในการปักกราฟต์ผมไว้อย่างดีแค่ไหน ถ้าหลังจากนั้น เส้นผมที่เพิ่งปลูกใหม่ ไม่ได้รับการดูแลทะนุถนอมอย่างใส่ใจเพียงพอ ก็มีโอกาสที่ผมปลูกใหม่จะอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง และไปไม่ถึงปลายทางผลลัพธ์ผมหนาแน่นสุขภาพดีแบบที่คาดหวังกันไว้

ดังนั้น จึงอาจพูดได้ว่า ขั้นตอนการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผม ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้วันปลูกหรือวันไหน ๆ ที่สำคัญ ขั้นตอนที่กินเวลาแสนยาวนานนี้ ไม่มีทางลัด!! เพราะกว่าผมปลูกใหม่จะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ตามวงจรธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็น “ภารกิจหลังปลูกผม” ของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องร่วมมือกันบำรุงดูแลผมปลูกใหม่ให้อยู่รอด และเติบโตอย่างแข็งแรง ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 365 เลยนั่นเอง

ทราบหรือไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากเราละเลยขั้นตอนการดูแลหลังปลูก เพียงเพราะคิดว่า ปลูกเสร็จแล้วก็จบกัน ไม่ต้องทำอะไรอีก...

  • ข้อแรกเลย ลองนึกภาพว่า กราฟต์ผมของเราเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ เซลล์รากผมยังไม่แข็งแรง และยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดี เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังไม่เชื่อมต่อกันจนพร้อมที่จะลำเลียงสารอาหารอย่างเต็มที่ จึงมีโอกาสที่รากผมจะเกิดการอักเสบ อ่อนแอ และหลุดร่วงได้ง่าย หรือที่เรียกกันว่า ปลูกผมไม่ติด ซึ่งอาจเกิดจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่นการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ มากเกินไป การปล่อยให้ศีรษะเกิดการกระทบกระแทก การนอนผิดวิธี หรือแม้กระทั่งการสระผมผิดวิธี จนสุดท้ายอาจทำให้บริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่นั้น กลับไปมีภาวะผมบางหรือผมล้านเหมือนเดิมก็เป็นได้



  • ข้อต่อมา แม้จะปลูกผมไปแล้ว แต่บางคนอาจจะมีภาวะ “ผมล้านต่อ” หมายถึงการที่ผมเดิมในบริเวณใกล้เคียงกับที่ปลูกใหม่ ยังคงทยอยหลุดร่วง โดยจะพบในคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากกรรมพันธุ์ ซึ่งฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone เป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลงผิดปกติ จนเส้นผมที่งอกขึ้นมานั้นมีขนาดเล็ก สั้น บาง และอ่อนแอตามไปด้วย นำไปสู่การหลุดร่วงในที่สุด 

โดยทั่วไป แม้ว่าแพทย์จะช่วยย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา แต่อย่าลืมว่า ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT อยู่ และมีโอกาสหลุดร่วงต่อเนื่อง ซึ่งหากมีการดูแลหลังปลูกผมอย่างเหมาะสม ก็จะสามารถชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิมในส่วนอื่น ๆ นี้ได้ด้วย



เพราะฉะนั้น 365 วันหลังการปลูกผม จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่แพทย์จะคอยติดตามผลเป็นระยะ ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ตามลักษณะปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่และความร่วมมือของคนไข้เองด้วย ที่จะต้องดูแลบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะการปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่ต้องวัดความคุ้มค่าและความสำเร็จกันยาว ๆ หากคนไข้มีวินัย และใส่ใจดูแลผมอย่างดีเพียงพอ ผมใหม่ก็จะค่อย ๆ อวดความแข็งแรง หนาแน่น สุขภาพดี เมื่อครบระยะเวลา 1 ปีเต็ม ทั้งยังช่วยบำรุงฟื้นฟูผมเดิมให้แข็งแรงขึ้นด้วยไปพร้อม ๆ กัน

และเพราะความเข้าใจในธรรมชาติของวงจรเส้นผม รวมถึงเข้าใจความต้องการของคนไข้ นามนินจึงออกแบบบริการและผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยให้เส้นทางสู่การมีผมหนาแน่นสุขภาพดีเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ 


  • เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมสุดอ่อนโยน อย่าง Mojelim Elixir Shampoo ซึ่งเป็นแชมพูที่ผลิตโดยโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมจากเกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic Agent นี่คือแชมพูเหมาะกับผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี ทำความสะอาดผมพร้อมบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย และที่สำคัญ ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ใช้ควบคู่กันกับ Mojelim Elixir Treatment ครีมนวดที่ช่วยบำรุงอย่างอ่อนโยนไม่แพ้กันนั่นเอง


  •  แล้วมาฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงจากภายในกันต่อ ด้วยเซรั่มประสิทธิภาพเยี่ยมอย่าง Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE ที่จะตรงเข้าบำรุงเส้นผม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้รวดเร็วขึ้น และลดการหลุดร่วงของผมที่ปลูกใหม่และผมเดิมในเวลาเดียวกัน มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ซึ่งจะช่วยกันบำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม แลดูสุขภาพดี



  • ขณะเดียวกัน วิตามินต่าง ๆ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผม โดยคุณหมอได้ค้นคว้า คัดสรร และรวบรวมวิตามินตัวสำคัญมาไว้ด้วยกันในแคปซูลเดียว ในชื่อ VITA H นอกจากรับประทานสะดวกแล้ว ยังได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ จากสารสกัดธรรมชาติที่เป็นแหล่งของวิตามินหลากชนิด ทั้งสารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ ตามมาด้วย D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม และเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน Iron Amino Acid Chelate ยังบำรุงรากผมให้แข็งแรง จึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และสุดท้าย Vitamin B Premix ยังช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังขอนำเสนอโปรแกรม Treatment ฉีดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง นั่นคือ Premium Hair Booster Treatment ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพของเส้นผม กระตุ้นการทำงานของรากผม ทำให้เส้นผมใหม่มีโอกาสงอกได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่วนเส้นผมเดิมก็จะได้รับการบำรุงจากที่เคยลีบแบนหรือมีขนาดเล็ก ทำให้ผมเส้นหนาและมีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมความหนาแน่น พร้อมกับความดกดำ เงางาม สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก

ข้อดีของ Premium Hair Booster Treatment ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้จะได้รับ เพราะเป็นบริการที่ไม่ยุ่งยากเลย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งรอยแผลและปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ โดยคุณหมอจะคอยดูแลให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด หรืออาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับ Treatment โปรแกรมอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น



บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากนามนินเหล่านี้ คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เนื่องจากคนไข้แต่ละคนก็มีปัญหาเส้นผมรุนแรงมากน้อยต่างกัน และมีความต้องการหรือความจำเป็นเฉพาะบุคคลที่ไม่ซ้ำกัน 

และทั้งหมดนี้ก็คือภารกิจ 365 วันหลังปลูกผม ที่คุณหมอกับคนไข้ จะช่วยกันดูแลผมปลูกใหม่ให้เติบโตอย่างเต็มที่ และมีรากผมสมบูรณ์ แข็งแรง ที่จะอยู่คู่กับคนไข้ไปตลอดชีวิต เพียงอย่าลืมให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลหลังปลูกผม ที่แม้จะกินเวลานานสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะคืนความหนาแน่น คืนผมสุขภาพดี และคืนความมั่นใจให้คุณได้อย่างแน่นอน 

นับ 1 ถึง 365 ภารกิจ “หลังปลูกผม”
คุณคิดว่า ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการปลูกผมคือขั้นตอนไหน? 

เชื่อว่าคำตอบในใจของหลาย ๆ คน คงหนีไม่พ้นวันทำหัตถการปลูกผม ซึ่งคุณหมอเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางให้กลับมาดูหนาแน่น แต่ที่จริงแล้ว ...การปลูกผม ไม่ได้จบแค่วันที่คุณหมอปักกราฟต์... เพราะไม่ว่าในวันนั้น คุณหมอจะฝากฝีมือในการปักกราฟต์ผมไว้อย่างดีแค่ไหน ถ้าหลังจากนั้น เส้นผมที่เพิ่งปลูกใหม่ ไม่ได้รับการดูแลทะนุถนอมอย่างใส่ใจเพียงพอ ก็มีโอกาสที่ผมปลูกใหม่จะอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง และไปไม่ถึงปลายทางผลลัพธ์ผมหนาแน่นสุขภาพดีแบบที่คาดหวังกันไว้

ดังนั้น จึงอาจพูดได้ว่า ขั้นตอนการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผม ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้วันปลูกหรือวันไหน ๆ ที่สำคัญ ขั้นตอนที่กินเวลาแสนยาวนานนี้ ไม่มีทางลัด!! เพราะกว่าผมปลูกใหม่จะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ตามวงจรธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็น “ภารกิจหลังปลูกผม” ของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องร่วมมือกันบำรุงดูแลผมปลูกใหม่ให้อยู่รอด และเติบโตอย่างแข็งแรง ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 365 เลยนั่นเอง

ทราบหรือไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากเราละเลยขั้นตอนการดูแลหลังปลูก เพียงเพราะคิดว่า ปลูกเสร็จแล้วก็จบกัน ไม่ต้องทำอะไรอีก...

  • ข้อแรกเลย ลองนึกภาพว่า กราฟต์ผมของเราเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ เซลล์รากผมยังไม่แข็งแรง และยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดี เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังไม่เชื่อมต่อกันจนพร้อมที่จะลำเลียงสารอาหารอย่างเต็มที่ จึงมีโอกาสที่รากผมจะเกิดการอักเสบ อ่อนแอ และหลุดร่วงได้ง่าย หรือที่เรียกกันว่า ปลูกผมไม่ติด ซึ่งอาจเกิดจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่นการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ มากเกินไป การปล่อยให้ศีรษะเกิดการกระทบกระแทก การนอนผิดวิธี หรือแม้กระทั่งการสระผมผิดวิธี จนสุดท้ายอาจทำให้บริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่นั้น กลับไปมีภาวะผมบางหรือผมล้านเหมือนเดิมก็เป็นได้



  • ข้อต่อมา แม้จะปลูกผมไปแล้ว แต่บางคนอาจจะมีภาวะ “ผมล้านต่อ” หมายถึงการที่ผมเดิมในบริเวณใกล้เคียงกับที่ปลูกใหม่ ยังคงทยอยหลุดร่วง โดยจะพบในคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากกรรมพันธุ์ ซึ่งฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone เป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลงผิดปกติ จนเส้นผมที่งอกขึ้นมานั้นมีขนาดเล็ก สั้น บาง และอ่อนแอตามไปด้วย นำไปสู่การหลุดร่วงในที่สุด 

โดยทั่วไป แม้ว่าแพทย์จะช่วยย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา แต่อย่าลืมว่า ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT อยู่ และมีโอกาสหลุดร่วงต่อเนื่อง ซึ่งหากมีการดูแลหลังปลูกผมอย่างเหมาะสม ก็จะสามารถชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิมในส่วนอื่น ๆ นี้ได้ด้วย



เพราะฉะนั้น 365 วันหลังการปลูกผม จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่แพทย์จะคอยติดตามผลเป็นระยะ ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ตามลักษณะปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่และความร่วมมือของคนไข้เองด้วย ที่จะต้องดูแลบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะการปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่ต้องวัดความคุ้มค่าและความสำเร็จกันยาว ๆ หากคนไข้มีวินัย และใส่ใจดูแลผมอย่างดีเพียงพอ ผมใหม่ก็จะค่อย ๆ อวดความแข็งแรง หนาแน่น สุขภาพดี เมื่อครบระยะเวลา 1 ปีเต็ม ทั้งยังช่วยบำรุงฟื้นฟูผมเดิมให้แข็งแรงขึ้นด้วยไปพร้อม ๆ กัน

และเพราะความเข้าใจในธรรมชาติของวงจรเส้นผม รวมถึงเข้าใจความต้องการของคนไข้ นามนินจึงออกแบบบริการและผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยให้เส้นทางสู่การมีผมหนาแน่นสุขภาพดีเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ 


  • เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมสุดอ่อนโยน อย่าง Mojelim Elixir Shampoo ซึ่งเป็นแชมพูที่ผลิตโดยโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมจากเกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic Agent นี่คือแชมพูเหมาะกับผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี ทำความสะอาดผมพร้อมบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย และที่สำคัญ ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ใช้ควบคู่กันกับ Mojelim Elixir Treatment ครีมนวดที่ช่วยบำรุงอย่างอ่อนโยนไม่แพ้กันนั่นเอง


  •  แล้วมาฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงจากภายในกันต่อ ด้วยเซรั่มประสิทธิภาพเยี่ยมอย่าง Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE ที่จะตรงเข้าบำรุงเส้นผม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้รวดเร็วขึ้น และลดการหลุดร่วงของผมที่ปลูกใหม่และผมเดิมในเวลาเดียวกัน มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ซึ่งจะช่วยกันบำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม แลดูสุขภาพดี



  • ขณะเดียวกัน วิตามินต่าง ๆ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผม โดยคุณหมอได้ค้นคว้า คัดสรร และรวบรวมวิตามินตัวสำคัญมาไว้ด้วยกันในแคปซูลเดียว ในชื่อ VITA H นอกจากรับประทานสะดวกแล้ว ยังได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ จากสารสกัดธรรมชาติที่เป็นแหล่งของวิตามินหลากชนิด ทั้งสารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ ตามมาด้วย D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม และเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน Iron Amino Acid Chelate ยังบำรุงรากผมให้แข็งแรง จึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และสุดท้าย Vitamin B Premix ยังช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังขอนำเสนอโปรแกรม Treatment ฉีดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง นั่นคือ Premium Hair Booster Treatment ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพของเส้นผม กระตุ้นการทำงานของรากผม ทำให้เส้นผมใหม่มีโอกาสงอกได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่วนเส้นผมเดิมก็จะได้รับการบำรุงจากที่เคยลีบแบนหรือมีขนาดเล็ก ทำให้ผมเส้นหนาและมีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมความหนาแน่น พร้อมกับความดกดำ เงางาม สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก

ข้อดีของ Premium Hair Booster Treatment ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้จะได้รับ เพราะเป็นบริการที่ไม่ยุ่งยากเลย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งรอยแผลและปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ โดยคุณหมอจะคอยดูแลให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด หรืออาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับ Treatment โปรแกรมอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น



บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากนามนินเหล่านี้ คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เนื่องจากคนไข้แต่ละคนก็มีปัญหาเส้นผมรุนแรงมากน้อยต่างกัน และมีความต้องการหรือความจำเป็นเฉพาะบุคคลที่ไม่ซ้ำกัน 

และทั้งหมดนี้ก็คือภารกิจ 365 วันหลังปลูกผม ที่คุณหมอกับคนไข้ จะช่วยกันดูแลผมปลูกใหม่ให้เติบโตอย่างเต็มที่ และมีรากผมสมบูรณ์ แข็งแรง ที่จะอยู่คู่กับคนไข้ไปตลอดชีวิต เพียงอย่าลืมให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลหลังปลูกผม ที่แม้จะกินเวลานานสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะคืนความหนาแน่น คืนผมสุขภาพดี และคืนความมั่นใจให้คุณได้อย่างแน่นอน 

นับ 1 ถึง 365 ภารกิจ “หลังปลูกผม”
คุณคิดว่า ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการปลูกผมคือขั้นตอนไหน? 

เชื่อว่าคำตอบในใจของหลาย ๆ คน คงหนีไม่พ้นวันทำหัตถการปลูกผม ซึ่งคุณหมอเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางให้กลับมาดูหนาแน่น แต่ที่จริงแล้ว ...การปลูกผม ไม่ได้จบแค่วันที่คุณหมอปักกราฟต์... เพราะไม่ว่าในวันนั้น คุณหมอจะฝากฝีมือในการปักกราฟต์ผมไว้อย่างดีแค่ไหน ถ้าหลังจากนั้น เส้นผมที่เพิ่งปลูกใหม่ ไม่ได้รับการดูแลทะนุถนอมอย่างใส่ใจเพียงพอ ก็มีโอกาสที่ผมปลูกใหม่จะอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง และไปไม่ถึงปลายทางผลลัพธ์ผมหนาแน่นสุขภาพดีแบบที่คาดหวังกันไว้

ดังนั้น จึงอาจพูดได้ว่า ขั้นตอนการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผม ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้วันปลูกหรือวันไหน ๆ ที่สำคัญ ขั้นตอนที่กินเวลาแสนยาวนานนี้ ไม่มีทางลัด!! เพราะกว่าผมปลูกใหม่จะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ตามวงจรธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็น “ภารกิจหลังปลูกผม” ของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องร่วมมือกันบำรุงดูแลผมปลูกใหม่ให้อยู่รอด และเติบโตอย่างแข็งแรง ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 365 เลยนั่นเอง

ทราบหรือไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากเราละเลยขั้นตอนการดูแลหลังปลูก เพียงเพราะคิดว่า ปลูกเสร็จแล้วก็จบกัน ไม่ต้องทำอะไรอีก...

  • ข้อแรกเลย ลองนึกภาพว่า กราฟต์ผมของเราเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ เซลล์รากผมยังไม่แข็งแรง และยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดี เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังไม่เชื่อมต่อกันจนพร้อมที่จะลำเลียงสารอาหารอย่างเต็มที่ จึงมีโอกาสที่รากผมจะเกิดการอักเสบ อ่อนแอ และหลุดร่วงได้ง่าย หรือที่เรียกกันว่า ปลูกผมไม่ติด ซึ่งอาจเกิดจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่นการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ มากเกินไป การปล่อยให้ศีรษะเกิดการกระทบกระแทก การนอนผิดวิธี หรือแม้กระทั่งการสระผมผิดวิธี จนสุดท้ายอาจทำให้บริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่นั้น กลับไปมีภาวะผมบางหรือผมล้านเหมือนเดิมก็เป็นได้



  • ข้อต่อมา แม้จะปลูกผมไปแล้ว แต่บางคนอาจจะมีภาวะ “ผมล้านต่อ” หมายถึงการที่ผมเดิมในบริเวณใกล้เคียงกับที่ปลูกใหม่ ยังคงทยอยหลุดร่วง โดยจะพบในคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากกรรมพันธุ์ ซึ่งฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone เป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลงผิดปกติ จนเส้นผมที่งอกขึ้นมานั้นมีขนาดเล็ก สั้น บาง และอ่อนแอตามไปด้วย นำไปสู่การหลุดร่วงในที่สุด 

โดยทั่วไป แม้ว่าแพทย์จะช่วยย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา แต่อย่าลืมว่า ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT อยู่ และมีโอกาสหลุดร่วงต่อเนื่อง ซึ่งหากมีการดูแลหลังปลูกผมอย่างเหมาะสม ก็จะสามารถชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิมในส่วนอื่น ๆ นี้ได้ด้วย



เพราะฉะนั้น 365 วันหลังการปลูกผม จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่แพทย์จะคอยติดตามผลเป็นระยะ ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ตามลักษณะปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่และความร่วมมือของคนไข้เองด้วย ที่จะต้องดูแลบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะการปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่ต้องวัดความคุ้มค่าและความสำเร็จกันยาว ๆ หากคนไข้มีวินัย และใส่ใจดูแลผมอย่างดีเพียงพอ ผมใหม่ก็จะค่อย ๆ อวดความแข็งแรง หนาแน่น สุขภาพดี เมื่อครบระยะเวลา 1 ปีเต็ม ทั้งยังช่วยบำรุงฟื้นฟูผมเดิมให้แข็งแรงขึ้นด้วยไปพร้อม ๆ กัน

และเพราะความเข้าใจในธรรมชาติของวงจรเส้นผม รวมถึงเข้าใจความต้องการของคนไข้ นามนินจึงออกแบบบริการและผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยให้เส้นทางสู่การมีผมหนาแน่นสุขภาพดีเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ 


  • เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมสุดอ่อนโยน อย่าง Mojelim Elixir Shampoo ซึ่งเป็นแชมพูที่ผลิตโดยโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมจากเกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic Agent นี่คือแชมพูเหมาะกับผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี ทำความสะอาดผมพร้อมบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย และที่สำคัญ ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ใช้ควบคู่กันกับ Mojelim Elixir Treatment ครีมนวดที่ช่วยบำรุงอย่างอ่อนโยนไม่แพ้กันนั่นเอง


  •  แล้วมาฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงจากภายในกันต่อ ด้วยเซรั่มประสิทธิภาพเยี่ยมอย่าง Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE ที่จะตรงเข้าบำรุงเส้นผม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้รวดเร็วขึ้น และลดการหลุดร่วงของผมที่ปลูกใหม่และผมเดิมในเวลาเดียวกัน มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ซึ่งจะช่วยกันบำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม แลดูสุขภาพดี



  • ขณะเดียวกัน วิตามินต่าง ๆ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผม โดยคุณหมอได้ค้นคว้า คัดสรร และรวบรวมวิตามินตัวสำคัญมาไว้ด้วยกันในแคปซูลเดียว ในชื่อ VITA H นอกจากรับประทานสะดวกแล้ว ยังได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ จากสารสกัดธรรมชาติที่เป็นแหล่งของวิตามินหลากชนิด ทั้งสารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ ตามมาด้วย D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม และเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน Iron Amino Acid Chelate ยังบำรุงรากผมให้แข็งแรง จึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และสุดท้าย Vitamin B Premix ยังช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังขอนำเสนอโปรแกรม Treatment ฉีดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง นั่นคือ Premium Hair Booster Treatment ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพของเส้นผม กระตุ้นการทำงานของรากผม ทำให้เส้นผมใหม่มีโอกาสงอกได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่วนเส้นผมเดิมก็จะได้รับการบำรุงจากที่เคยลีบแบนหรือมีขนาดเล็ก ทำให้ผมเส้นหนาและมีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมความหนาแน่น พร้อมกับความดกดำ เงางาม สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก

ข้อดีของ Premium Hair Booster Treatment ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้จะได้รับ เพราะเป็นบริการที่ไม่ยุ่งยากเลย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งรอยแผลและปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ โดยคุณหมอจะคอยดูแลให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด หรืออาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับ Treatment โปรแกรมอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น



บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากนามนินเหล่านี้ คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เนื่องจากคนไข้แต่ละคนก็มีปัญหาเส้นผมรุนแรงมากน้อยต่างกัน และมีความต้องการหรือความจำเป็นเฉพาะบุคคลที่ไม่ซ้ำกัน 

และทั้งหมดนี้ก็คือภารกิจ 365 วันหลังปลูกผม ที่คุณหมอกับคนไข้ จะช่วยกันดูแลผมปลูกใหม่ให้เติบโตอย่างเต็มที่ และมีรากผมสมบูรณ์ แข็งแรง ที่จะอยู่คู่กับคนไข้ไปตลอดชีวิต เพียงอย่าลืมให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลหลังปลูกผม ที่แม้จะกินเวลานานสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะคืนความหนาแน่น คืนผมสุขภาพดี และคืนความมั่นใจให้คุณได้อย่างแน่นอน 

เปิดเทรนด์ปลูกผม 2024
“การปลูกผมถาวร” นับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทางการแพทย์ ที่คนเกือบทั่วโลกให้ความเชื่อถือ และตัดสินใจเลือกเป็นทางออกในการแก้ปัญหาผมร่วงผมบางมานานหลายสิบปี ซึ่งในช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นความก้าวหน้าของเทรนด์การปลูกผมถาวรอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่จำนวนผู้เข้ารับบริการปลูกผมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิควิธีการปลูกผม ที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและสะดวกสบายต่อคนไข้มากขึ้นด้วย 

ในปี 2024 นี้ นามนินจึงขอชวนมาส่องเทรนด์การปลูกผมถาวรที่อัปเดตมาเพื่อคนรักผมโดยเฉพาะ ...แล้วคุณจะทึ่งว่า วงการปลูกผมไทย ไปไกลขนาดนี้แล้วนะ...

เมื่อ Hairline มีความหมายมากกว่าแค่ “แนวผม”
การปลูกผมเพื่อเติมเต็ม Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ไม่ได้ช่วยแก้แค่ปัญหาผมร่วง ผมบาง อีกต่อไป แต่แพทย์ผู้ชำนาญยังสามารถออกแบบแนวผมใหม่ที่รับกับสัดส่วนความงามของใบหน้าตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น น่ามองขึ้น จึงช่วยเสริมบุคลิกและสะท้อนตัวตนในแบบที่คนไข้ต้องการได้อีกด้วย



รอยแผลกวนใจ...ซ่อนได้เนียนกริ๊บ
หมดยุคของการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังออกด้วยการผ่าตัด การโกนผม หรือวิธีการเก่า ๆ ที่ทิ้งรอยแผลให้คนไข้ต้องคอยกังวลปกปิดจนเสียบุคลิก เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม ทั้งยังช่วยซ่อนแผลแนบเนียนไปกับทรงผมเดิมได้อย่างกลมกลืน 



ปลูกผมใหม่ วางใจแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
ปลูกผม ไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แพทย์ที่ชำนาญด้านการปลูกผม จะใช้ทั้งความรู้ ทักษะ และความละเอียดประณีตในการปักกราฟต์ผมที่ละกราฟต์ด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงขนาดของเส้นผม รวมถึงทิศทางและองศาให้ดูกลมกลืนไปกับผมเดิม เพื่อให้ได้ผมใหม่ที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด



“ปากกาปลูกผม” ตัวช่วยสำคัญของแพทย์
นอกจากทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์แล้ว ปี 2024 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่ทุกวันนี้มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร และสามารถเลือกขนาดหัวปากกาให้เข้ากับลักษณะกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ จึงช่วยให้แพทย์ปลูกผมได้แม่นยำ ละเอียด แผลเล็ก หายเร็ว ไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินกันมาอีกต่อไป



ปลูกผมยุคใหม่ แทบไม่ต้องพักฟื้น
และด้วยปัจจัยที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญของแพทย์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่พัฒนาเพื่อให้คนไข้สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ทำให้การปลูกผมใน พ.ศ. นี้ แทบไม่ต้องเก็บตัวพักฟื้นนาน ๆ เหมือนในอดีต เพราะแผลขนาดเล็ก หายไว จึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย คืนเวลาชีวิตให้คุณใช้ได้อย่างเต็มที่


แพทย์ติดตามผล 1 ปีเต็ม
เพราะผมปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แพทย์ผู้ชำนาญจะคอยดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งระหว่างนั้น คนไข้สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา เรียกว่าจับมือไปด้วยกันจนสุดทางจนกว่าผมใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์เต็มที่ ไม่มีทิ้งไว้กลางทางแน่นอน



“2024” ปีแห่งอิสระและความมั่นใจจากเส้นผม
หากจะตัดสินใจปลูกผมให้คุ้มค่าทั้งที นอกจากผลลัพธ์เส้นผมที่กลับมาหนาแน่น ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้ปลดล็อกตัวเองสู่อิสระในการจัดแต่งทรงผมได้ทุกสไตล์ หรือเลือกทรงที่สะท้อนบุคลิกในแบบที่คุณต้องการมากที่สุด โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องผมบางอีกต่อไป คืนความมั่นใจให้คุณก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

และหากคุณกำลังมองหาเทคนิคการปลูกผมรับเทรนด์เด่นแห่งปี 2024 นามนินขอนำเสนอเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาต่อยอดจนสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาผมตามหลักการแพทย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ได้มากกว่าที่เคย ...เลือกเทคนิค NEAT ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน...

เปิดเทรนด์ปลูกผม 2024
“การปลูกผมถาวร” นับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทางการแพทย์ ที่คนเกือบทั่วโลกให้ความเชื่อถือ และตัดสินใจเลือกเป็นทางออกในการแก้ปัญหาผมร่วงผมบางมานานหลายสิบปี ซึ่งในช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นความก้าวหน้าของเทรนด์การปลูกผมถาวรอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่จำนวนผู้เข้ารับบริการปลูกผมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิควิธีการปลูกผม ที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและสะดวกสบายต่อคนไข้มากขึ้นด้วย 

ในปี 2024 นี้ นามนินจึงขอชวนมาส่องเทรนด์การปลูกผมถาวรที่อัปเดตมาเพื่อคนรักผมโดยเฉพาะ ...แล้วคุณจะทึ่งว่า วงการปลูกผมไทย ไปไกลขนาดนี้แล้วนะ...

เมื่อ Hairline มีความหมายมากกว่าแค่ “แนวผม”
การปลูกผมเพื่อเติมเต็ม Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ไม่ได้ช่วยแก้แค่ปัญหาผมร่วง ผมบาง อีกต่อไป แต่แพทย์ผู้ชำนาญยังสามารถออกแบบแนวผมใหม่ที่รับกับสัดส่วนความงามของใบหน้าตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น น่ามองขึ้น จึงช่วยเสริมบุคลิกและสะท้อนตัวตนในแบบที่คนไข้ต้องการได้อีกด้วย



รอยแผลกวนใจ...ซ่อนได้เนียนกริ๊บ
หมดยุคของการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังออกด้วยการผ่าตัด การโกนผม หรือวิธีการเก่า ๆ ที่ทิ้งรอยแผลให้คนไข้ต้องคอยกังวลปกปิดจนเสียบุคลิก เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม ทั้งยังช่วยซ่อนแผลแนบเนียนไปกับทรงผมเดิมได้อย่างกลมกลืน 



ปลูกผมใหม่ วางใจแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
ปลูกผม ไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แพทย์ที่ชำนาญด้านการปลูกผม จะใช้ทั้งความรู้ ทักษะ และความละเอียดประณีตในการปักกราฟต์ผมที่ละกราฟต์ด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงขนาดของเส้นผม รวมถึงทิศทางและองศาให้ดูกลมกลืนไปกับผมเดิม เพื่อให้ได้ผมใหม่ที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด



“ปากกาปลูกผม” ตัวช่วยสำคัญของแพทย์
นอกจากทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์แล้ว ปี 2024 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่ทุกวันนี้มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร และสามารถเลือกขนาดหัวปากกาให้เข้ากับลักษณะกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ จึงช่วยให้แพทย์ปลูกผมได้แม่นยำ ละเอียด แผลเล็ก หายเร็ว ไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินกันมาอีกต่อไป



ปลูกผมยุคใหม่ แทบไม่ต้องพักฟื้น
และด้วยปัจจัยที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญของแพทย์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่พัฒนาเพื่อให้คนไข้สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ทำให้การปลูกผมใน พ.ศ. นี้ แทบไม่ต้องเก็บตัวพักฟื้นนาน ๆ เหมือนในอดีต เพราะแผลขนาดเล็ก หายไว จึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย คืนเวลาชีวิตให้คุณใช้ได้อย่างเต็มที่


แพทย์ติดตามผล 1 ปีเต็ม
เพราะผมปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แพทย์ผู้ชำนาญจะคอยดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งระหว่างนั้น คนไข้สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา เรียกว่าจับมือไปด้วยกันจนสุดทางจนกว่าผมใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์เต็มที่ ไม่มีทิ้งไว้กลางทางแน่นอน



“2024” ปีแห่งอิสระและความมั่นใจจากเส้นผม
หากจะตัดสินใจปลูกผมให้คุ้มค่าทั้งที นอกจากผลลัพธ์เส้นผมที่กลับมาหนาแน่น ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้ปลดล็อกตัวเองสู่อิสระในการจัดแต่งทรงผมได้ทุกสไตล์ หรือเลือกทรงที่สะท้อนบุคลิกในแบบที่คุณต้องการมากที่สุด โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องผมบางอีกต่อไป คืนความมั่นใจให้คุณก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

และหากคุณกำลังมองหาเทคนิคการปลูกผมรับเทรนด์เด่นแห่งปี 2024 นามนินขอนำเสนอเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาต่อยอดจนสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาผมตามหลักการแพทย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ได้มากกว่าที่เคย ...เลือกเทคนิค NEAT ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน...

เปิดเทรนด์ปลูกผม 2024
“การปลูกผมถาวร” นับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทางการแพทย์ ที่คนเกือบทั่วโลกให้ความเชื่อถือ และตัดสินใจเลือกเป็นทางออกในการแก้ปัญหาผมร่วงผมบางมานานหลายสิบปี ซึ่งในช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นความก้าวหน้าของเทรนด์การปลูกผมถาวรอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่จำนวนผู้เข้ารับบริการปลูกผมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิควิธีการปลูกผม ที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและสะดวกสบายต่อคนไข้มากขึ้นด้วย 

ในปี 2024 นี้ นามนินจึงขอชวนมาส่องเทรนด์การปลูกผมถาวรที่อัปเดตมาเพื่อคนรักผมโดยเฉพาะ ...แล้วคุณจะทึ่งว่า วงการปลูกผมไทย ไปไกลขนาดนี้แล้วนะ...

เมื่อ Hairline มีความหมายมากกว่าแค่ “แนวผม”
การปลูกผมเพื่อเติมเต็ม Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ไม่ได้ช่วยแก้แค่ปัญหาผมร่วง ผมบาง อีกต่อไป แต่แพทย์ผู้ชำนาญยังสามารถออกแบบแนวผมใหม่ที่รับกับสัดส่วนความงามของใบหน้าตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น น่ามองขึ้น จึงช่วยเสริมบุคลิกและสะท้อนตัวตนในแบบที่คนไข้ต้องการได้อีกด้วย



รอยแผลกวนใจ...ซ่อนได้เนียนกริ๊บ
หมดยุคของการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังออกด้วยการผ่าตัด การโกนผม หรือวิธีการเก่า ๆ ที่ทิ้งรอยแผลให้คนไข้ต้องคอยกังวลปกปิดจนเสียบุคลิก เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม ทั้งยังช่วยซ่อนแผลแนบเนียนไปกับทรงผมเดิมได้อย่างกลมกลืน 



ปลูกผมใหม่ วางใจแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
ปลูกผม ไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แพทย์ที่ชำนาญด้านการปลูกผม จะใช้ทั้งความรู้ ทักษะ และความละเอียดประณีตในการปักกราฟต์ผมที่ละกราฟต์ด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงขนาดของเส้นผม รวมถึงทิศทางและองศาให้ดูกลมกลืนไปกับผมเดิม เพื่อให้ได้ผมใหม่ที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด



“ปากกาปลูกผม” ตัวช่วยสำคัญของแพทย์
นอกจากทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์แล้ว ปี 2024 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่ทุกวันนี้มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร และสามารถเลือกขนาดหัวปากกาให้เข้ากับลักษณะกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ จึงช่วยให้แพทย์ปลูกผมได้แม่นยำ ละเอียด แผลเล็ก หายเร็ว ไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินกันมาอีกต่อไป



ปลูกผมยุคใหม่ แทบไม่ต้องพักฟื้น
และด้วยปัจจัยที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญของแพทย์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่พัฒนาเพื่อให้คนไข้สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ทำให้การปลูกผมใน พ.ศ. นี้ แทบไม่ต้องเก็บตัวพักฟื้นนาน ๆ เหมือนในอดีต เพราะแผลขนาดเล็ก หายไว จึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย คืนเวลาชีวิตให้คุณใช้ได้อย่างเต็มที่


แพทย์ติดตามผล 1 ปีเต็ม
เพราะผมปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แพทย์ผู้ชำนาญจะคอยดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งระหว่างนั้น คนไข้สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา เรียกว่าจับมือไปด้วยกันจนสุดทางจนกว่าผมใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์เต็มที่ ไม่มีทิ้งไว้กลางทางแน่นอน



“2024” ปีแห่งอิสระและความมั่นใจจากเส้นผม
หากจะตัดสินใจปลูกผมให้คุ้มค่าทั้งที นอกจากผลลัพธ์เส้นผมที่กลับมาหนาแน่น ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้ปลดล็อกตัวเองสู่อิสระในการจัดแต่งทรงผมได้ทุกสไตล์ หรือเลือกทรงที่สะท้อนบุคลิกในแบบที่คุณต้องการมากที่สุด โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องผมบางอีกต่อไป คืนความมั่นใจให้คุณก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

และหากคุณกำลังมองหาเทคนิคการปลูกผมรับเทรนด์เด่นแห่งปี 2024 นามนินขอนำเสนอเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาต่อยอดจนสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาผมตามหลักการแพทย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ได้มากกว่าที่เคย ...เลือกเทคนิค NEAT ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน...

เปิดเทรนด์ปลูกผม 2024
“การปลูกผมถาวร” นับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทางการแพทย์ ที่คนเกือบทั่วโลกให้ความเชื่อถือ และตัดสินใจเลือกเป็นทางออกในการแก้ปัญหาผมร่วงผมบางมานานหลายสิบปี ซึ่งในช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นความก้าวหน้าของเทรนด์การปลูกผมถาวรอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่จำนวนผู้เข้ารับบริการปลูกผมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิควิธีการปลูกผม ที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและสะดวกสบายต่อคนไข้มากขึ้นด้วย 

ในปี 2024 นี้ นามนินจึงขอชวนมาส่องเทรนด์การปลูกผมถาวรที่อัปเดตมาเพื่อคนรักผมโดยเฉพาะ ...แล้วคุณจะทึ่งว่า วงการปลูกผมไทย ไปไกลขนาดนี้แล้วนะ...

เมื่อ Hairline มีความหมายมากกว่าแค่ “แนวผม”
การปลูกผมเพื่อเติมเต็ม Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ไม่ได้ช่วยแก้แค่ปัญหาผมร่วง ผมบาง อีกต่อไป แต่แพทย์ผู้ชำนาญยังสามารถออกแบบแนวผมใหม่ที่รับกับสัดส่วนความงามของใบหน้าตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น น่ามองขึ้น จึงช่วยเสริมบุคลิกและสะท้อนตัวตนในแบบที่คนไข้ต้องการได้อีกด้วย



รอยแผลกวนใจ...ซ่อนได้เนียนกริ๊บ
หมดยุคของการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังออกด้วยการผ่าตัด การโกนผม หรือวิธีการเก่า ๆ ที่ทิ้งรอยแผลให้คนไข้ต้องคอยกังวลปกปิดจนเสียบุคลิก เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม ทั้งยังช่วยซ่อนแผลแนบเนียนไปกับทรงผมเดิมได้อย่างกลมกลืน 



ปลูกผมใหม่ วางใจแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
ปลูกผม ไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แพทย์ที่ชำนาญด้านการปลูกผม จะใช้ทั้งความรู้ ทักษะ และความละเอียดประณีตในการปักกราฟต์ผมที่ละกราฟต์ด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงขนาดของเส้นผม รวมถึงทิศทางและองศาให้ดูกลมกลืนไปกับผมเดิม เพื่อให้ได้ผมใหม่ที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด



“ปากกาปลูกผม” ตัวช่วยสำคัญของแพทย์
นอกจากทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์แล้ว ปี 2024 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่ทุกวันนี้มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร และสามารถเลือกขนาดหัวปากกาให้เข้ากับลักษณะกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ จึงช่วยให้แพทย์ปลูกผมได้แม่นยำ ละเอียด แผลเล็ก หายเร็ว ไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินกันมาอีกต่อไป



ปลูกผมยุคใหม่ แทบไม่ต้องพักฟื้น
และด้วยปัจจัยที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญของแพทย์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่พัฒนาเพื่อให้คนไข้สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ทำให้การปลูกผมใน พ.ศ. นี้ แทบไม่ต้องเก็บตัวพักฟื้นนาน ๆ เหมือนในอดีต เพราะแผลขนาดเล็ก หายไว จึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย คืนเวลาชีวิตให้คุณใช้ได้อย่างเต็มที่


แพทย์ติดตามผล 1 ปีเต็ม
เพราะผมปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แพทย์ผู้ชำนาญจะคอยดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งระหว่างนั้น คนไข้สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา เรียกว่าจับมือไปด้วยกันจนสุดทางจนกว่าผมใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์เต็มที่ ไม่มีทิ้งไว้กลางทางแน่นอน



“2024” ปีแห่งอิสระและความมั่นใจจากเส้นผม
หากจะตัดสินใจปลูกผมให้คุ้มค่าทั้งที นอกจากผลลัพธ์เส้นผมที่กลับมาหนาแน่น ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้ปลดล็อกตัวเองสู่อิสระในการจัดแต่งทรงผมได้ทุกสไตล์ หรือเลือกทรงที่สะท้อนบุคลิกในแบบที่คุณต้องการมากที่สุด โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องผมบางอีกต่อไป คืนความมั่นใจให้คุณก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

และหากคุณกำลังมองหาเทคนิคการปลูกผมรับเทรนด์เด่นแห่งปี 2024 นามนินขอนำเสนอเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาต่อยอดจนสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาผมตามหลักการแพทย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ได้มากกว่าที่เคย ...เลือกเทคนิค NEAT ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน...

เปิดเทรนด์ปลูกผม 2024
“การปลูกผมถาวร” นับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทางการแพทย์ ที่คนเกือบทั่วโลกให้ความเชื่อถือ และตัดสินใจเลือกเป็นทางออกในการแก้ปัญหาผมร่วงผมบางมานานหลายสิบปี ซึ่งในช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นความก้าวหน้าของเทรนด์การปลูกผมถาวรอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่จำนวนผู้เข้ารับบริการปลูกผมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิควิธีการปลูกผม ที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและสะดวกสบายต่อคนไข้มากขึ้นด้วย 

ในปี 2024 นี้ นามนินจึงขอชวนมาส่องเทรนด์การปลูกผมถาวรที่อัปเดตมาเพื่อคนรักผมโดยเฉพาะ ...แล้วคุณจะทึ่งว่า วงการปลูกผมไทย ไปไกลขนาดนี้แล้วนะ...

เมื่อ Hairline มีความหมายมากกว่าแค่ “แนวผม”
การปลูกผมเพื่อเติมเต็ม Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ไม่ได้ช่วยแก้แค่ปัญหาผมร่วง ผมบาง อีกต่อไป แต่แพทย์ผู้ชำนาญยังสามารถออกแบบแนวผมใหม่ที่รับกับสัดส่วนความงามของใบหน้าตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น น่ามองขึ้น จึงช่วยเสริมบุคลิกและสะท้อนตัวตนในแบบที่คนไข้ต้องการได้อีกด้วย



รอยแผลกวนใจ...ซ่อนได้เนียนกริ๊บ
หมดยุคของการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังออกด้วยการผ่าตัด การโกนผม หรือวิธีการเก่า ๆ ที่ทิ้งรอยแผลให้คนไข้ต้องคอยกังวลปกปิดจนเสียบุคลิก เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม ทั้งยังช่วยซ่อนแผลแนบเนียนไปกับทรงผมเดิมได้อย่างกลมกลืน 



ปลูกผมใหม่ วางใจแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
ปลูกผม ไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แพทย์ที่ชำนาญด้านการปลูกผม จะใช้ทั้งความรู้ ทักษะ และความละเอียดประณีตในการปักกราฟต์ผมที่ละกราฟต์ด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงขนาดของเส้นผม รวมถึงทิศทางและองศาให้ดูกลมกลืนไปกับผมเดิม เพื่อให้ได้ผมใหม่ที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด



“ปากกาปลูกผม” ตัวช่วยสำคัญของแพทย์
นอกจากทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์แล้ว ปี 2024 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่ทุกวันนี้มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร และสามารถเลือกขนาดหัวปากกาให้เข้ากับลักษณะกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ จึงช่วยให้แพทย์ปลูกผมได้แม่นยำ ละเอียด แผลเล็ก หายเร็ว ไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินกันมาอีกต่อไป



ปลูกผมยุคใหม่ แทบไม่ต้องพักฟื้น
และด้วยปัจจัยที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญของแพทย์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่พัฒนาเพื่อให้คนไข้สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ทำให้การปลูกผมใน พ.ศ. นี้ แทบไม่ต้องเก็บตัวพักฟื้นนาน ๆ เหมือนในอดีต เพราะแผลขนาดเล็ก หายไว จึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย คืนเวลาชีวิตให้คุณใช้ได้อย่างเต็มที่


แพทย์ติดตามผล 1 ปีเต็ม
เพราะผมปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แพทย์ผู้ชำนาญจะคอยดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งระหว่างนั้น คนไข้สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา เรียกว่าจับมือไปด้วยกันจนสุดทางจนกว่าผมใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์เต็มที่ ไม่มีทิ้งไว้กลางทางแน่นอน



“2024” ปีแห่งอิสระและความมั่นใจจากเส้นผม
หากจะตัดสินใจปลูกผมให้คุ้มค่าทั้งที นอกจากผลลัพธ์เส้นผมที่กลับมาหนาแน่น ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้ปลดล็อกตัวเองสู่อิสระในการจัดแต่งทรงผมได้ทุกสไตล์ หรือเลือกทรงที่สะท้อนบุคลิกในแบบที่คุณต้องการมากที่สุด โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องผมบางอีกต่อไป คืนความมั่นใจให้คุณก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

และหากคุณกำลังมองหาเทคนิคการปลูกผมรับเทรนด์เด่นแห่งปี 2024 นามนินขอนำเสนอเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาต่อยอดจนสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาผมตามหลักการแพทย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ได้มากกว่าที่เคย ...เลือกเทคนิค NEAT ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน...

ปลูกผมให้ดี เริ่มที่ “กราฟต์ผม”
กว่าจะถึงปลายทางของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์เป็นผมใหม่หนาแน่น เรียงตัวสวย เนียนเป็นธรรมชาติ ทราบหรือไม่ว่า จุดสตาร์ทของเส้นทางสู่ผมใหม่นั้น จะต้องตั้งต้นอยู่บนพื้นฐาน “กราฟต์ผมต้นทุน” ที่ดี ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะและคุณภาพของกราฟต์ผมไม่เหมือนกัน และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้การปลูกผมประสบความสำเร็จมากน้อยแตกต่างกันตามไปด้วย 

กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มของรากผมและเส้นผมที่อยู่รวมกันประมาณ 1-4 เส้นในรูขุมขนเดียว และคำว่ากราฟต์ผมต้นทุน ก็หมายถึงกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือ Safe Zone ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาได้ โดยในขั้นตอนการปลูกผม จะต้องย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณดังกล่าวออกมาเตรียมปลูกใหม่ทีละกราฟต์ โดยเลือกกราฟต์ผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด

ในความเป็นจริงแล้ว กราฟต์ผมต้นทุนของเรามีคุณภาพไม่เท่ากัน เนื่องมาจากสาเหตุหลายข้อ ดังนี้

  • กรรมพันธุ์ 
เป็นตัวกำหนดให้บางคนมีผมเส้นหนา หรือเส้นบาง หรือมีความหนาแน่นของผมแตกต่างกัน เช่นบางคนมีผม 1-2 เส้นใน 1 กราฟต์ ขณะที่บางคนมีผม 3-4 เส้นใน 1 กราฟต์ ซึ่งจะทำให้ผมดูหนาแน่นกว่า

  • วัย 
เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนว่าสุขภาพเส้นผมจะค่อย ๆ เริ่มเสื่อมถอยลง และมีโอกาสหลุดร่วงมากขึ้น นี่เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณหมอบอกว่า ไม่ควรรอจนสูงวัยแล้วจึงค่อยตัดสินใจมาปลูกผม เพราะทั้งคุณภาพและปริมาณของกราฟต์ผมต้นทุนอาจจะน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง

  • การดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบตามโภชนาการ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้สุขภาพผมแย่ลง ไม่คงทนแข็งแรง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง

  • แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะ
เป็นตัวการทำร้ายเส้นผมให้อ่อนแอ แห้ง แตกปลาย เปราะหักหรือหลุดร่วงง่ายกว่าที่ควร

  • โรคและความเจ็บป่วยต่าง ๆ
โรคบางประเภท รวมถึงการต้องกินยาจำเป็นบางชนิด ก็มีส่วนในการส่งผลข้างเคียงต่อเส้นผมเช่นกัน อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงมากขึ้นกว่าปกติ

ทั้งหมดนี้ ทำให้ลักษณะกราฟต์ผมของแต่ละคน มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ผมตรง ผมหยิก ผมเส้นเล็กบาง ผมเส้นหนาใหญ่ กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว หรือกราฟต์ผม 4 เส้น ซึ่งแพทย์จะต้องวิเคราะห์สภาพกราฟต์ผมต้นทุนเหล่านี้ เพื่อนำมาวางแผนการปลูกผมใหม่ และคำนวณว่าควรจะใช้กราฟต์ผมปริมาณเท่าไร เพื่อเติมเต็มส่วนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่นอีกครั้ง






ทำไมแพทย์จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางแผนและคำนวณกราฟต์ผม นั่นก็เป็นเพราะ กราฟต์ผมต้นทุนบนศีรษะของเรามีอยู่อย่างจำกัด หากจะปลูกผมใหม่ ควรใช้กราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone เท่านั้น เนื่องจากผมบริเวณนี้มีคุณสมบัติในการต้านฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วง เมื่อย้ายผมจากบริเวณนี้ไปปลูกใหม่ คุณสมบัติความคงทนแข็งแรงนี้ก็จะติดตามไปด้วย 


ดังนั้น การปลูกผมจึงไม่ใช่หัตถการที่ทำได้บ่อย ๆ ในชีวิตของคนคนหนึ่งอาจปลูกผมใหม่ได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง แพทย์จึงต้องวิเคราะห์ และคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และวางแผนไว้เผื่อในวันข้างหน้าหากจะต้องมีการปลูกผมซ้ำด้วย เนื่องจากผมในบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเคียงอาจเกิดภาวะผมร่วงและผมล้านต่อจากจุดเดิมที่เคยปลูกไว้ก็เป็นได้

แต่ไม่ว่ากราฟต์ผมต้นทุนของเราจะมีคุณภาพเป็นอย่างไร ก็สามารถลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดที่สุด โดยใช้กราฟต์ผมต้นทุนอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอแนะทางออกอื่น ๆ เช่น หากกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ไม่เพียงพอ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้กราฟต์ผมนอก Safe Zone (ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT) ร่วมด้วยได้ เพียงแต่ต้องดูแลเป็นพิเศษ รับประทานยา และรับบริการ Treatment อย่างสม่ำเสมอ และหลังจากเข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรใส่ใจดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทั้งผมใหม่ และผมเดิม มีความแข็งแรง คงทน อยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปแบบถาวร


ปลูกผมให้ดี เริ่มที่ “กราฟต์ผม”
กว่าจะถึงปลายทางของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์เป็นผมใหม่หนาแน่น เรียงตัวสวย เนียนเป็นธรรมชาติ ทราบหรือไม่ว่า จุดสตาร์ทของเส้นทางสู่ผมใหม่นั้น จะต้องตั้งต้นอยู่บนพื้นฐาน “กราฟต์ผมต้นทุน” ที่ดี ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะและคุณภาพของกราฟต์ผมไม่เหมือนกัน และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้การปลูกผมประสบความสำเร็จมากน้อยแตกต่างกันตามไปด้วย 

กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มของรากผมและเส้นผมที่อยู่รวมกันประมาณ 1-4 เส้นในรูขุมขนเดียว และคำว่ากราฟต์ผมต้นทุน ก็หมายถึงกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือ Safe Zone ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาได้ โดยในขั้นตอนการปลูกผม จะต้องย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณดังกล่าวออกมาเตรียมปลูกใหม่ทีละกราฟต์ โดยเลือกกราฟต์ผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด

ในความเป็นจริงแล้ว กราฟต์ผมต้นทุนของเรามีคุณภาพไม่เท่ากัน เนื่องมาจากสาเหตุหลายข้อ ดังนี้

  • กรรมพันธุ์ 
เป็นตัวกำหนดให้บางคนมีผมเส้นหนา หรือเส้นบาง หรือมีความหนาแน่นของผมแตกต่างกัน เช่นบางคนมีผม 1-2 เส้นใน 1 กราฟต์ ขณะที่บางคนมีผม 3-4 เส้นใน 1 กราฟต์ ซึ่งจะทำให้ผมดูหนาแน่นกว่า

  • วัย 
เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนว่าสุขภาพเส้นผมจะค่อย ๆ เริ่มเสื่อมถอยลง และมีโอกาสหลุดร่วงมากขึ้น นี่เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณหมอบอกว่า ไม่ควรรอจนสูงวัยแล้วจึงค่อยตัดสินใจมาปลูกผม เพราะทั้งคุณภาพและปริมาณของกราฟต์ผมต้นทุนอาจจะน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง

  • การดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบตามโภชนาการ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้สุขภาพผมแย่ลง ไม่คงทนแข็งแรง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง

  • แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะ
เป็นตัวการทำร้ายเส้นผมให้อ่อนแอ แห้ง แตกปลาย เปราะหักหรือหลุดร่วงง่ายกว่าที่ควร

  • โรคและความเจ็บป่วยต่าง ๆ
โรคบางประเภท รวมถึงการต้องกินยาจำเป็นบางชนิด ก็มีส่วนในการส่งผลข้างเคียงต่อเส้นผมเช่นกัน อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงมากขึ้นกว่าปกติ

ทั้งหมดนี้ ทำให้ลักษณะกราฟต์ผมของแต่ละคน มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ผมตรง ผมหยิก ผมเส้นเล็กบาง ผมเส้นหนาใหญ่ กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว หรือกราฟต์ผม 4 เส้น ซึ่งแพทย์จะต้องวิเคราะห์สภาพกราฟต์ผมต้นทุนเหล่านี้ เพื่อนำมาวางแผนการปลูกผมใหม่ และคำนวณว่าควรจะใช้กราฟต์ผมปริมาณเท่าไร เพื่อเติมเต็มส่วนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่นอีกครั้ง






ทำไมแพทย์จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางแผนและคำนวณกราฟต์ผม นั่นก็เป็นเพราะ กราฟต์ผมต้นทุนบนศีรษะของเรามีอยู่อย่างจำกัด หากจะปลูกผมใหม่ ควรใช้กราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone เท่านั้น เนื่องจากผมบริเวณนี้มีคุณสมบัติในการต้านฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วง เมื่อย้ายผมจากบริเวณนี้ไปปลูกใหม่ คุณสมบัติความคงทนแข็งแรงนี้ก็จะติดตามไปด้วย 


ดังนั้น การปลูกผมจึงไม่ใช่หัตถการที่ทำได้บ่อย ๆ ในชีวิตของคนคนหนึ่งอาจปลูกผมใหม่ได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง แพทย์จึงต้องวิเคราะห์ และคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และวางแผนไว้เผื่อในวันข้างหน้าหากจะต้องมีการปลูกผมซ้ำด้วย เนื่องจากผมในบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเคียงอาจเกิดภาวะผมร่วงและผมล้านต่อจากจุดเดิมที่เคยปลูกไว้ก็เป็นได้

แต่ไม่ว่ากราฟต์ผมต้นทุนของเราจะมีคุณภาพเป็นอย่างไร ก็สามารถลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดที่สุด โดยใช้กราฟต์ผมต้นทุนอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอแนะทางออกอื่น ๆ เช่น หากกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ไม่เพียงพอ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้กราฟต์ผมนอก Safe Zone (ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT) ร่วมด้วยได้ เพียงแต่ต้องดูแลเป็นพิเศษ รับประทานยา และรับบริการ Treatment อย่างสม่ำเสมอ และหลังจากเข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรใส่ใจดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทั้งผมใหม่ และผมเดิม มีความแข็งแรง คงทน อยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปแบบถาวร


ปลูกผมให้ดี เริ่มที่ “กราฟต์ผม”
กว่าจะถึงปลายทางของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์เป็นผมใหม่หนาแน่น เรียงตัวสวย เนียนเป็นธรรมชาติ ทราบหรือไม่ว่า จุดสตาร์ทของเส้นทางสู่ผมใหม่นั้น จะต้องตั้งต้นอยู่บนพื้นฐาน “กราฟต์ผมต้นทุน” ที่ดี ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะและคุณภาพของกราฟต์ผมไม่เหมือนกัน และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้การปลูกผมประสบความสำเร็จมากน้อยแตกต่างกันตามไปด้วย 

กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มของรากผมและเส้นผมที่อยู่รวมกันประมาณ 1-4 เส้นในรูขุมขนเดียว และคำว่ากราฟต์ผมต้นทุน ก็หมายถึงกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือ Safe Zone ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาได้ โดยในขั้นตอนการปลูกผม จะต้องย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณดังกล่าวออกมาเตรียมปลูกใหม่ทีละกราฟต์ โดยเลือกกราฟต์ผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด

ในความเป็นจริงแล้ว กราฟต์ผมต้นทุนของเรามีคุณภาพไม่เท่ากัน เนื่องมาจากสาเหตุหลายข้อ ดังนี้

  • กรรมพันธุ์ 
เป็นตัวกำหนดให้บางคนมีผมเส้นหนา หรือเส้นบาง หรือมีความหนาแน่นของผมแตกต่างกัน เช่นบางคนมีผม 1-2 เส้นใน 1 กราฟต์ ขณะที่บางคนมีผม 3-4 เส้นใน 1 กราฟต์ ซึ่งจะทำให้ผมดูหนาแน่นกว่า

  • วัย 
เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนว่าสุขภาพเส้นผมจะค่อย ๆ เริ่มเสื่อมถอยลง และมีโอกาสหลุดร่วงมากขึ้น นี่เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณหมอบอกว่า ไม่ควรรอจนสูงวัยแล้วจึงค่อยตัดสินใจมาปลูกผม เพราะทั้งคุณภาพและปริมาณของกราฟต์ผมต้นทุนอาจจะน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง

  • การดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบตามโภชนาการ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้สุขภาพผมแย่ลง ไม่คงทนแข็งแรง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง

  • แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะ
เป็นตัวการทำร้ายเส้นผมให้อ่อนแอ แห้ง แตกปลาย เปราะหักหรือหลุดร่วงง่ายกว่าที่ควร

  • โรคและความเจ็บป่วยต่าง ๆ
โรคบางประเภท รวมถึงการต้องกินยาจำเป็นบางชนิด ก็มีส่วนในการส่งผลข้างเคียงต่อเส้นผมเช่นกัน อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงมากขึ้นกว่าปกติ

ทั้งหมดนี้ ทำให้ลักษณะกราฟต์ผมของแต่ละคน มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ผมตรง ผมหยิก ผมเส้นเล็กบาง ผมเส้นหนาใหญ่ กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว หรือกราฟต์ผม 4 เส้น ซึ่งแพทย์จะต้องวิเคราะห์สภาพกราฟต์ผมต้นทุนเหล่านี้ เพื่อนำมาวางแผนการปลูกผมใหม่ และคำนวณว่าควรจะใช้กราฟต์ผมปริมาณเท่าไร เพื่อเติมเต็มส่วนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่นอีกครั้ง






ทำไมแพทย์จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางแผนและคำนวณกราฟต์ผม นั่นก็เป็นเพราะ กราฟต์ผมต้นทุนบนศีรษะของเรามีอยู่อย่างจำกัด หากจะปลูกผมใหม่ ควรใช้กราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone เท่านั้น เนื่องจากผมบริเวณนี้มีคุณสมบัติในการต้านฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วง เมื่อย้ายผมจากบริเวณนี้ไปปลูกใหม่ คุณสมบัติความคงทนแข็งแรงนี้ก็จะติดตามไปด้วย 


ดังนั้น การปลูกผมจึงไม่ใช่หัตถการที่ทำได้บ่อย ๆ ในชีวิตของคนคนหนึ่งอาจปลูกผมใหม่ได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง แพทย์จึงต้องวิเคราะห์ และคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และวางแผนไว้เผื่อในวันข้างหน้าหากจะต้องมีการปลูกผมซ้ำด้วย เนื่องจากผมในบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเคียงอาจเกิดภาวะผมร่วงและผมล้านต่อจากจุดเดิมที่เคยปลูกไว้ก็เป็นได้

แต่ไม่ว่ากราฟต์ผมต้นทุนของเราจะมีคุณภาพเป็นอย่างไร ก็สามารถลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดที่สุด โดยใช้กราฟต์ผมต้นทุนอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอแนะทางออกอื่น ๆ เช่น หากกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ไม่เพียงพอ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้กราฟต์ผมนอก Safe Zone (ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT) ร่วมด้วยได้ เพียงแต่ต้องดูแลเป็นพิเศษ รับประทานยา และรับบริการ Treatment อย่างสม่ำเสมอ และหลังจากเข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรใส่ใจดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทั้งผมใหม่ และผมเดิม มีความแข็งแรง คงทน อยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปแบบถาวร


ปลูกผมให้ดี เริ่มที่ “กราฟต์ผม”
กว่าจะถึงปลายทางของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์เป็นผมใหม่หนาแน่น เรียงตัวสวย เนียนเป็นธรรมชาติ ทราบหรือไม่ว่า จุดสตาร์ทของเส้นทางสู่ผมใหม่นั้น จะต้องตั้งต้นอยู่บนพื้นฐาน “กราฟต์ผมต้นทุน” ที่ดี ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะและคุณภาพของกราฟต์ผมไม่เหมือนกัน และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้การปลูกผมประสบความสำเร็จมากน้อยแตกต่างกันตามไปด้วย 

กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มของรากผมและเส้นผมที่อยู่รวมกันประมาณ 1-4 เส้นในรูขุมขนเดียว และคำว่ากราฟต์ผมต้นทุน ก็หมายถึงกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือ Safe Zone ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาได้ โดยในขั้นตอนการปลูกผม จะต้องย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณดังกล่าวออกมาเตรียมปลูกใหม่ทีละกราฟต์ โดยเลือกกราฟต์ผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด

ในความเป็นจริงแล้ว กราฟต์ผมต้นทุนของเรามีคุณภาพไม่เท่ากัน เนื่องมาจากสาเหตุหลายข้อ ดังนี้

  • กรรมพันธุ์ 
เป็นตัวกำหนดให้บางคนมีผมเส้นหนา หรือเส้นบาง หรือมีความหนาแน่นของผมแตกต่างกัน เช่นบางคนมีผม 1-2 เส้นใน 1 กราฟต์ ขณะที่บางคนมีผม 3-4 เส้นใน 1 กราฟต์ ซึ่งจะทำให้ผมดูหนาแน่นกว่า

  • วัย 
เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนว่าสุขภาพเส้นผมจะค่อย ๆ เริ่มเสื่อมถอยลง และมีโอกาสหลุดร่วงมากขึ้น นี่เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณหมอบอกว่า ไม่ควรรอจนสูงวัยแล้วจึงค่อยตัดสินใจมาปลูกผม เพราะทั้งคุณภาพและปริมาณของกราฟต์ผมต้นทุนอาจจะน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง

  • การดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบตามโภชนาการ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้สุขภาพผมแย่ลง ไม่คงทนแข็งแรง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง

  • แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะ
เป็นตัวการทำร้ายเส้นผมให้อ่อนแอ แห้ง แตกปลาย เปราะหักหรือหลุดร่วงง่ายกว่าที่ควร

  • โรคและความเจ็บป่วยต่าง ๆ
โรคบางประเภท รวมถึงการต้องกินยาจำเป็นบางชนิด ก็มีส่วนในการส่งผลข้างเคียงต่อเส้นผมเช่นกัน อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงมากขึ้นกว่าปกติ

ทั้งหมดนี้ ทำให้ลักษณะกราฟต์ผมของแต่ละคน มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ผมตรง ผมหยิก ผมเส้นเล็กบาง ผมเส้นหนาใหญ่ กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว หรือกราฟต์ผม 4 เส้น ซึ่งแพทย์จะต้องวิเคราะห์สภาพกราฟต์ผมต้นทุนเหล่านี้ เพื่อนำมาวางแผนการปลูกผมใหม่ และคำนวณว่าควรจะใช้กราฟต์ผมปริมาณเท่าไร เพื่อเติมเต็มส่วนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่นอีกครั้ง






ทำไมแพทย์จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางแผนและคำนวณกราฟต์ผม นั่นก็เป็นเพราะ กราฟต์ผมต้นทุนบนศีรษะของเรามีอยู่อย่างจำกัด หากจะปลูกผมใหม่ ควรใช้กราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone เท่านั้น เนื่องจากผมบริเวณนี้มีคุณสมบัติในการต้านฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วง เมื่อย้ายผมจากบริเวณนี้ไปปลูกใหม่ คุณสมบัติความคงทนแข็งแรงนี้ก็จะติดตามไปด้วย 


ดังนั้น การปลูกผมจึงไม่ใช่หัตถการที่ทำได้บ่อย ๆ ในชีวิตของคนคนหนึ่งอาจปลูกผมใหม่ได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง แพทย์จึงต้องวิเคราะห์ และคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และวางแผนไว้เผื่อในวันข้างหน้าหากจะต้องมีการปลูกผมซ้ำด้วย เนื่องจากผมในบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเคียงอาจเกิดภาวะผมร่วงและผมล้านต่อจากจุดเดิมที่เคยปลูกไว้ก็เป็นได้

แต่ไม่ว่ากราฟต์ผมต้นทุนของเราจะมีคุณภาพเป็นอย่างไร ก็สามารถลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดที่สุด โดยใช้กราฟต์ผมต้นทุนอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอแนะทางออกอื่น ๆ เช่น หากกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ไม่เพียงพอ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้กราฟต์ผมนอก Safe Zone (ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT) ร่วมด้วยได้ เพียงแต่ต้องดูแลเป็นพิเศษ รับประทานยา และรับบริการ Treatment อย่างสม่ำเสมอ และหลังจากเข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรใส่ใจดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทั้งผมใหม่ และผมเดิม มีความแข็งแรง คงทน อยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปแบบถาวร


บุหรี่ไฟฟ้า ภัยเงียบของคนรักผม
“บุหรี่” คือเจ้าของฉายา ฆาตกรผ่อนส่ง ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวว่า การสูบบุหรี่ 1 ซอง ทำให้ชีวิตสั้นลง 2 ชั่วโมง 20 นาที และการสูบบุหรี่เพียงมวนเดียว ก็ทำให้ชีวิตสั้นลงไป 7 นาที เนื่องจากสารพิษในบุหรี่นั้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ หลายโรค รวมทั้งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ ส่วนของหนังศีรษะและเส้นผม 

ในช่วงหลังมานี้ เราจึงเริ่มเห็นเทรนด์การใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” แทนบุหรี่ทั่วไปแบบเดิม ซึ่งถ้าไม่นับข้อดีในแง่ของการหยุดส่งควันบุหรี่กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมารบกวนคนรอบข้างแล้ว ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า บุหรี่ไฟฟ้า ควรจะมาทดแทนบุหรี่ทั่วไปหรือไม่ เป็นอันตรายน้อยลง หรือมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน แล้วจะสามารถช่วยในการเลิกบุหรี่ได้จริงหรือ อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยก็ยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ซื้อขาย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การมาถึงของบุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ ๆ ในแวดวงของคนรักเส้นผม ว่าหากการสูบบุหรี่แบบเดิมมีส่วนทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงและผมบางได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น บุหรี่ไฟฟ้า จะเป็นอันตรายต่อเส้นผมของเรามากน้อยแค่ไหน ผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผม ซึ่งคุณหมอมักจะขอให้งดการสูบบุหรี่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะสามารถเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนได้หรือไม่ 

...มาทำความเข้าใจบุหรี่ทั้ง 2 แบบ รวมถึงผลลัพธ์ต่อเส้นผมของเราไปพร้อม ๆ กัน...


บุหรี่ทั่วไป VS บุหรี่ไฟฟ้า

เราคงคุ้นเคยกับภาพของบุหรี่ทั่วไป ที่ประกอบด้วยกระดาษ ใบยาสูบ และก้นกรอง เมื่อจุดบุหรี่แล้ว จะเกิดการเผาไหม้ ซึ่งส่วนที่เป็นอันตรายที่สุดของบุหรี่ ก็จะอยู่ที่ “ควันบุหรี่” นั่นเอง เพราะเต็มไปด้วยสารเคมีหลายพันชนิด บ้างเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมาได้หลายประเภท 

กระบวนการเผาไหม้ของบุหรี่ ยังทำให้ผู้สูบได้รับอันตรายจากสารบางตัว เช่น ทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคมะเร็งอีกด้วย


ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้า จะมีหลักการใช้งานแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สำหรับสูบบุหรี่ที่ไม่ได้ใช้การเผาไหม้ แต่อาศัยกลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ Atomizer ที่ทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ รวมถึงน้ำยา ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดควัน ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการเผาไหม้ของทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำยาระเหยเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไป  สารประกอบที่เป็นอันตรายบางชนิดก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยตรงได้เช่นกัน


มีสารอะไรอยู่ในบุหรี่ ?

สำหรับบุหรี่ทั่วไป หากเกิดการเผาไหม้แล้ว จะทำให้เกิดสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิดเลยทีเดียว ในบรรดาสารเหล่านั้น มีหลายร้อยชนิดที่อาจส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย และมี 42 ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ยังมีสารพิษอื่น ๆ ที่ประกอบอยู่ในบุหรี่มวนเล็ก ๆ 1 มวน ตัวอย่างเช่น

  • นิโคติน (Nicotine) ซึ่งเป็นสารหลักที่เราจะพูดถึงกันในหัวข้อถัดไป
  • ทาร์ (Tar) หรือน้ำมันดิน จะไปจับอยู่ที่เนื้อปอด ทำให้เยื่อบุหลอดลมทำงานได้ไม่เต็มที่
  • คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เป็นก๊าซแบบเดียวกับที่ปล่อยจากท่อไอเสียรถยนต์ จะไปขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้เหนื่อยง่าย หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • ไฮโดรเจนไดออกไซด์ (Hydrogen dioxide) ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogen dioxide) ทำลายเยื่อบุหลอดลมจุดสำคัญ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองได้
  • แอมโมเนีย (Ammonia) ออกฤทธิ์ระคายเคือง ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ

และในบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงมีนิโคตินเป็นสารประกอบหลักเช่นเดิม รวมไปถึงสารอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น

  • โพรโพลีนไกลคอล ทำให้เกิดอาการไอ
  • กลีเซอรีน รวมถึงสารแต่งกลิ่นและรส แม้จะเป็นสารเคมีที่สามารถใช้กับอาหารได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเปลี่ยนรูปเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไปแล้ว ยังไม่มีการยืนยันว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่น เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ดวงตา และปอด โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง

นอกจากนั้น ยังพบสารประกอบในไอของบุหรี่ไฟฟ้าอีกหลายชนิด ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก สารหนู ฟอร์มาลีน และเบนซีน เป็นต้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่นโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง



ทำความรู้จัก “นิโคติน”

เราได้ยินกันจนคุ้นหูว่า นิโคติน คือสารพิษตัวร้ายในบุหรี่ วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักนิโคตินกันมากขึ้น นิโคตินถือเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด ทำให้ผู้สูบบุหรี่อยากกลับมาสูบซ้ำ ๆ โดยสมองจะเกิดการเสพติดหลังได้รับนิโคตินอย่างเร็วที่สุดภายใน 7 วินาทีเท่านั้น (นั่นจึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีสารเสพติดอย่างนิโคตินเป็นสารประกอบหลัก จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่)

นิโคตินนั้นเรียกได้ว่ามีฤทธิ์แรงมากที่สุดในบรรดาสารต่าง ๆ ในควันบุหรี่ เป็นสารคล้ายน้ำมัน ไม่มีสี หากเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร้อยละ 95 ของนิโคตินจะไปจับตัวรวมกันอยู่ปอด ส่วนที่เหลืออาจจะไปเกาะที่ริมฝีปาก และบางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทั้งกระตุ้น กด และกล่อมระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มการหลั่งสารเอพิเนฟรีน และสารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็งปอด ช่องปาก หลอดอาหาร และตับอ่อน รวมไปถึงโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งยังกระตุ้นการหลั่งคอร์ติซอล ที่ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น นำไปสู่โรคเบาหวานอีกด้วย 



“นิโคติน” อันตรายแฝงต่อเส้นผม

นิโคติน ซึ่งเป็นสารตัวหลักทั้งในบุหรี่ทั่วไปและในบุหรี่ไฟฟ้า จะออกฤทธิ์ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือดทั่วร่างกาย หรือที่เรียกว่า Vasoconstriction ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมอง รวมถึงเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผม เมื่อรากผมได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาก็คือ รากผมจะอ่อนแอลง ไม่คงทนแข็งแรงเหมือนปกติ ทำให้เส้นผมเปราะขาด หลุดร่วงง่าย

การสูบบุหรี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ซึ่งงานวิจัยจากหลาย ๆ แหล่งก็ให้ข้อสรุปตรงกันว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ได้มากกว่า และเร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่





“นิโคติน” ศัตรูของผมปลูกใหม่

เมื่อนิโคตินเป็นอันตรายต่อเส้นผมของคนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณหมอจะขอให้ผู้เข้ารับการปลูกผมระมัดระวังเรื่องการสูบบุหรี่เป็นพิเศษ เพราะเส้นผมปลูกใหม่นั้นบอบบาง เสี่ยงต่อการหลุดร่วงมากกว่าเส้นผมทั่วไปหลายเท่า แม้ว่าจะปัจจุบันจะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดถึงผลกระทบของนิโคตินต่อการงอกของผมปลูกใหม่ แต่เป็นที่แน่ชัดว่า การสูบบุหรี่จะทำให้โอกาสรอดของกราฟต์ผมปลูกใหม่ลดลง หรือทำให้ผมปลูกใหม่ขึ้นช้า เกิดเป็นเส้นผมที่อ่อนแอ ไม่คงทนแข็งแรง และมีขนาดเส้นเล็กบางกว่าที่ควร

นอกจากนั้น การที่นิโคตินไปทำให้เส้นเลือดหดตัว หนังศีรษะที่อาจมีแผลหลงเหลืออยู่หลังการทำหัตถการปลูกผม ก็จะได้รับสารอาหารและออกซิเจนน้อยลง ส่งผลให้แผลยิ่งหายช้า และอาจมีส่วนทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร



คำแนะนำจากคุณหมอ

คุณหมอจะแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ให้งดการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ทั่วไป และบุหรี่ไฟฟ้า ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการปลูกผม เพื่อเตรียมสภาพของหนังศีรษะและเซลล์รากผมให้พร้อมสำหรับการปลูกผมใหม่อย่างเต็มที่ และควรงดการสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์หลังปลูกผมไปแล้วด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเส้นผมปลูกใหม่ให้มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากใครสามารถเลิกบุหรี่ในระยะยาวได้ ก็จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมเดิม และเพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างคงทนถาวรให้กับเส้นผมปลูกใหม่ จนสามารถอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราตามวงจรธรรมชาติได้นานขึ้นด้วย

บุหรี่ไฟฟ้า ภัยเงียบของคนรักผม
“บุหรี่” คือเจ้าของฉายา ฆาตกรผ่อนส่ง ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวว่า การสูบบุหรี่ 1 ซอง ทำให้ชีวิตสั้นลง 2 ชั่วโมง 20 นาที และการสูบบุหรี่เพียงมวนเดียว ก็ทำให้ชีวิตสั้นลงไป 7 นาที เนื่องจากสารพิษในบุหรี่นั้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ หลายโรค รวมทั้งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ ส่วนของหนังศีรษะและเส้นผม 

ในช่วงหลังมานี้ เราจึงเริ่มเห็นเทรนด์การใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” แทนบุหรี่ทั่วไปแบบเดิม ซึ่งถ้าไม่นับข้อดีในแง่ของการหยุดส่งควันบุหรี่กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมารบกวนคนรอบข้างแล้ว ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า บุหรี่ไฟฟ้า ควรจะมาทดแทนบุหรี่ทั่วไปหรือไม่ เป็นอันตรายน้อยลง หรือมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน แล้วจะสามารถช่วยในการเลิกบุหรี่ได้จริงหรือ อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยก็ยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ซื้อขาย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การมาถึงของบุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ ๆ ในแวดวงของคนรักเส้นผม ว่าหากการสูบบุหรี่แบบเดิมมีส่วนทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงและผมบางได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น บุหรี่ไฟฟ้า จะเป็นอันตรายต่อเส้นผมของเรามากน้อยแค่ไหน ผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผม ซึ่งคุณหมอมักจะขอให้งดการสูบบุหรี่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะสามารถเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนได้หรือไม่ 

...มาทำความเข้าใจบุหรี่ทั้ง 2 แบบ รวมถึงผลลัพธ์ต่อเส้นผมของเราไปพร้อม ๆ กัน...


บุหรี่ทั่วไป VS บุหรี่ไฟฟ้า

เราคงคุ้นเคยกับภาพของบุหรี่ทั่วไป ที่ประกอบด้วยกระดาษ ใบยาสูบ และก้นกรอง เมื่อจุดบุหรี่แล้ว จะเกิดการเผาไหม้ ซึ่งส่วนที่เป็นอันตรายที่สุดของบุหรี่ ก็จะอยู่ที่ “ควันบุหรี่” นั่นเอง เพราะเต็มไปด้วยสารเคมีหลายพันชนิด บ้างเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมาได้หลายประเภท 

กระบวนการเผาไหม้ของบุหรี่ ยังทำให้ผู้สูบได้รับอันตรายจากสารบางตัว เช่น ทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคมะเร็งอีกด้วย


ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้า จะมีหลักการใช้งานแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สำหรับสูบบุหรี่ที่ไม่ได้ใช้การเผาไหม้ แต่อาศัยกลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ Atomizer ที่ทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ รวมถึงน้ำยา ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดควัน ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการเผาไหม้ของทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำยาระเหยเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไป  สารประกอบที่เป็นอันตรายบางชนิดก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยตรงได้เช่นกัน


มีสารอะไรอยู่ในบุหรี่ ?

สำหรับบุหรี่ทั่วไป หากเกิดการเผาไหม้แล้ว จะทำให้เกิดสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิดเลยทีเดียว ในบรรดาสารเหล่านั้น มีหลายร้อยชนิดที่อาจส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย และมี 42 ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ยังมีสารพิษอื่น ๆ ที่ประกอบอยู่ในบุหรี่มวนเล็ก ๆ 1 มวน ตัวอย่างเช่น

  • นิโคติน (Nicotine) ซึ่งเป็นสารหลักที่เราจะพูดถึงกันในหัวข้อถัดไป
  • ทาร์ (Tar) หรือน้ำมันดิน จะไปจับอยู่ที่เนื้อปอด ทำให้เยื่อบุหลอดลมทำงานได้ไม่เต็มที่
  • คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เป็นก๊าซแบบเดียวกับที่ปล่อยจากท่อไอเสียรถยนต์ จะไปขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้เหนื่อยง่าย หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • ไฮโดรเจนไดออกไซด์ (Hydrogen dioxide) ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogen dioxide) ทำลายเยื่อบุหลอดลมจุดสำคัญ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองได้
  • แอมโมเนีย (Ammonia) ออกฤทธิ์ระคายเคือง ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ

และในบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงมีนิโคตินเป็นสารประกอบหลักเช่นเดิม รวมไปถึงสารอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น

  • โพรโพลีนไกลคอล ทำให้เกิดอาการไอ
  • กลีเซอรีน รวมถึงสารแต่งกลิ่นและรส แม้จะเป็นสารเคมีที่สามารถใช้กับอาหารได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเปลี่ยนรูปเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไปแล้ว ยังไม่มีการยืนยันว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่น เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ดวงตา และปอด โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง

นอกจากนั้น ยังพบสารประกอบในไอของบุหรี่ไฟฟ้าอีกหลายชนิด ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก สารหนู ฟอร์มาลีน และเบนซีน เป็นต้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่นโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง



ทำความรู้จัก “นิโคติน”

เราได้ยินกันจนคุ้นหูว่า นิโคติน คือสารพิษตัวร้ายในบุหรี่ วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักนิโคตินกันมากขึ้น นิโคตินถือเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด ทำให้ผู้สูบบุหรี่อยากกลับมาสูบซ้ำ ๆ โดยสมองจะเกิดการเสพติดหลังได้รับนิโคตินอย่างเร็วที่สุดภายใน 7 วินาทีเท่านั้น (นั่นจึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีสารเสพติดอย่างนิโคตินเป็นสารประกอบหลัก จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่)

นิโคตินนั้นเรียกได้ว่ามีฤทธิ์แรงมากที่สุดในบรรดาสารต่าง ๆ ในควันบุหรี่ เป็นสารคล้ายน้ำมัน ไม่มีสี หากเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร้อยละ 95 ของนิโคตินจะไปจับตัวรวมกันอยู่ปอด ส่วนที่เหลืออาจจะไปเกาะที่ริมฝีปาก และบางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทั้งกระตุ้น กด และกล่อมระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มการหลั่งสารเอพิเนฟรีน และสารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็งปอด ช่องปาก หลอดอาหาร และตับอ่อน รวมไปถึงโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งยังกระตุ้นการหลั่งคอร์ติซอล ที่ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น นำไปสู่โรคเบาหวานอีกด้วย 



“นิโคติน” อันตรายแฝงต่อเส้นผม

นิโคติน ซึ่งเป็นสารตัวหลักทั้งในบุหรี่ทั่วไปและในบุหรี่ไฟฟ้า จะออกฤทธิ์ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือดทั่วร่างกาย หรือที่เรียกว่า Vasoconstriction ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมอง รวมถึงเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผม เมื่อรากผมได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาก็คือ รากผมจะอ่อนแอลง ไม่คงทนแข็งแรงเหมือนปกติ ทำให้เส้นผมเปราะขาด หลุดร่วงง่าย

การสูบบุหรี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ซึ่งงานวิจัยจากหลาย ๆ แหล่งก็ให้ข้อสรุปตรงกันว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ได้มากกว่า และเร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่





“นิโคติน” ศัตรูของผมปลูกใหม่

เมื่อนิโคตินเป็นอันตรายต่อเส้นผมของคนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณหมอจะขอให้ผู้เข้ารับการปลูกผมระมัดระวังเรื่องการสูบบุหรี่เป็นพิเศษ เพราะเส้นผมปลูกใหม่นั้นบอบบาง เสี่ยงต่อการหลุดร่วงมากกว่าเส้นผมทั่วไปหลายเท่า แม้ว่าจะปัจจุบันจะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดถึงผลกระทบของนิโคตินต่อการงอกของผมปลูกใหม่ แต่เป็นที่แน่ชัดว่า การสูบบุหรี่จะทำให้โอกาสรอดของกราฟต์ผมปลูกใหม่ลดลง หรือทำให้ผมปลูกใหม่ขึ้นช้า เกิดเป็นเส้นผมที่อ่อนแอ ไม่คงทนแข็งแรง และมีขนาดเส้นเล็กบางกว่าที่ควร

นอกจากนั้น การที่นิโคตินไปทำให้เส้นเลือดหดตัว หนังศีรษะที่อาจมีแผลหลงเหลืออยู่หลังการทำหัตถการปลูกผม ก็จะได้รับสารอาหารและออกซิเจนน้อยลง ส่งผลให้แผลยิ่งหายช้า และอาจมีส่วนทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร



คำแนะนำจากคุณหมอ

คุณหมอจะแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ให้งดการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ทั่วไป และบุหรี่ไฟฟ้า ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการปลูกผม เพื่อเตรียมสภาพของหนังศีรษะและเซลล์รากผมให้พร้อมสำหรับการปลูกผมใหม่อย่างเต็มที่ และควรงดการสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์หลังปลูกผมไปแล้วด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเส้นผมปลูกใหม่ให้มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากใครสามารถเลิกบุหรี่ในระยะยาวได้ ก็จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมเดิม และเพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างคงทนถาวรให้กับเส้นผมปลูกใหม่ จนสามารถอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราตามวงจรธรรมชาติได้นานขึ้นด้วย

บุหรี่ไฟฟ้า ภัยเงียบของคนรักผม
“บุหรี่” คือเจ้าของฉายา ฆาตกรผ่อนส่ง ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวว่า การสูบบุหรี่ 1 ซอง ทำให้ชีวิตสั้นลง 2 ชั่วโมง 20 นาที และการสูบบุหรี่เพียงมวนเดียว ก็ทำให้ชีวิตสั้นลงไป 7 นาที เนื่องจากสารพิษในบุหรี่นั้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ หลายโรค รวมทั้งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ ส่วนของหนังศีรษะและเส้นผม 

ในช่วงหลังมานี้ เราจึงเริ่มเห็นเทรนด์การใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” แทนบุหรี่ทั่วไปแบบเดิม ซึ่งถ้าไม่นับข้อดีในแง่ของการหยุดส่งควันบุหรี่กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมารบกวนคนรอบข้างแล้ว ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า บุหรี่ไฟฟ้า ควรจะมาทดแทนบุหรี่ทั่วไปหรือไม่ เป็นอันตรายน้อยลง หรือมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน แล้วจะสามารถช่วยในการเลิกบุหรี่ได้จริงหรือ อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยก็ยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ซื้อขาย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การมาถึงของบุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ ๆ ในแวดวงของคนรักเส้นผม ว่าหากการสูบบุหรี่แบบเดิมมีส่วนทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงและผมบางได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น บุหรี่ไฟฟ้า จะเป็นอันตรายต่อเส้นผมของเรามากน้อยแค่ไหน ผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผม ซึ่งคุณหมอมักจะขอให้งดการสูบบุหรี่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะสามารถเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนได้หรือไม่ 

...มาทำความเข้าใจบุหรี่ทั้ง 2 แบบ รวมถึงผลลัพธ์ต่อเส้นผมของเราไปพร้อม ๆ กัน...


บุหรี่ทั่วไป VS บุหรี่ไฟฟ้า

เราคงคุ้นเคยกับภาพของบุหรี่ทั่วไป ที่ประกอบด้วยกระดาษ ใบยาสูบ และก้นกรอง เมื่อจุดบุหรี่แล้ว จะเกิดการเผาไหม้ ซึ่งส่วนที่เป็นอันตรายที่สุดของบุหรี่ ก็จะอยู่ที่ “ควันบุหรี่” นั่นเอง เพราะเต็มไปด้วยสารเคมีหลายพันชนิด บ้างเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมาได้หลายประเภท 

กระบวนการเผาไหม้ของบุหรี่ ยังทำให้ผู้สูบได้รับอันตรายจากสารบางตัว เช่น ทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคมะเร็งอีกด้วย


ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้า จะมีหลักการใช้งานแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สำหรับสูบบุหรี่ที่ไม่ได้ใช้การเผาไหม้ แต่อาศัยกลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ Atomizer ที่ทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ รวมถึงน้ำยา ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดควัน ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการเผาไหม้ของทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำยาระเหยเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไป  สารประกอบที่เป็นอันตรายบางชนิดก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยตรงได้เช่นกัน


มีสารอะไรอยู่ในบุหรี่ ?

สำหรับบุหรี่ทั่วไป หากเกิดการเผาไหม้แล้ว จะทำให้เกิดสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิดเลยทีเดียว ในบรรดาสารเหล่านั้น มีหลายร้อยชนิดที่อาจส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย และมี 42 ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ยังมีสารพิษอื่น ๆ ที่ประกอบอยู่ในบุหรี่มวนเล็ก ๆ 1 มวน ตัวอย่างเช่น

  • นิโคติน (Nicotine) ซึ่งเป็นสารหลักที่เราจะพูดถึงกันในหัวข้อถัดไป
  • ทาร์ (Tar) หรือน้ำมันดิน จะไปจับอยู่ที่เนื้อปอด ทำให้เยื่อบุหลอดลมทำงานได้ไม่เต็มที่
  • คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เป็นก๊าซแบบเดียวกับที่ปล่อยจากท่อไอเสียรถยนต์ จะไปขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้เหนื่อยง่าย หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • ไฮโดรเจนไดออกไซด์ (Hydrogen dioxide) ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogen dioxide) ทำลายเยื่อบุหลอดลมจุดสำคัญ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองได้
  • แอมโมเนีย (Ammonia) ออกฤทธิ์ระคายเคือง ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ

และในบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงมีนิโคตินเป็นสารประกอบหลักเช่นเดิม รวมไปถึงสารอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น

  • โพรโพลีนไกลคอล ทำให้เกิดอาการไอ
  • กลีเซอรีน รวมถึงสารแต่งกลิ่นและรส แม้จะเป็นสารเคมีที่สามารถใช้กับอาหารได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเปลี่ยนรูปเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไปแล้ว ยังไม่มีการยืนยันว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่น เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ดวงตา และปอด โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง

นอกจากนั้น ยังพบสารประกอบในไอของบุหรี่ไฟฟ้าอีกหลายชนิด ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก สารหนู ฟอร์มาลีน และเบนซีน เป็นต้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่นโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง



ทำความรู้จัก “นิโคติน”

เราได้ยินกันจนคุ้นหูว่า นิโคติน คือสารพิษตัวร้ายในบุหรี่ วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักนิโคตินกันมากขึ้น นิโคตินถือเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด ทำให้ผู้สูบบุหรี่อยากกลับมาสูบซ้ำ ๆ โดยสมองจะเกิดการเสพติดหลังได้รับนิโคตินอย่างเร็วที่สุดภายใน 7 วินาทีเท่านั้น (นั่นจึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีสารเสพติดอย่างนิโคตินเป็นสารประกอบหลัก จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่)

นิโคตินนั้นเรียกได้ว่ามีฤทธิ์แรงมากที่สุดในบรรดาสารต่าง ๆ ในควันบุหรี่ เป็นสารคล้ายน้ำมัน ไม่มีสี หากเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร้อยละ 95 ของนิโคตินจะไปจับตัวรวมกันอยู่ปอด ส่วนที่เหลืออาจจะไปเกาะที่ริมฝีปาก และบางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทั้งกระตุ้น กด และกล่อมระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มการหลั่งสารเอพิเนฟรีน และสารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็งปอด ช่องปาก หลอดอาหาร และตับอ่อน รวมไปถึงโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งยังกระตุ้นการหลั่งคอร์ติซอล ที่ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น นำไปสู่โรคเบาหวานอีกด้วย 



“นิโคติน” อันตรายแฝงต่อเส้นผม

นิโคติน ซึ่งเป็นสารตัวหลักทั้งในบุหรี่ทั่วไปและในบุหรี่ไฟฟ้า จะออกฤทธิ์ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือดทั่วร่างกาย หรือที่เรียกว่า Vasoconstriction ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมอง รวมถึงเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผม เมื่อรากผมได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาก็คือ รากผมจะอ่อนแอลง ไม่คงทนแข็งแรงเหมือนปกติ ทำให้เส้นผมเปราะขาด หลุดร่วงง่าย

การสูบบุหรี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ซึ่งงานวิจัยจากหลาย ๆ แหล่งก็ให้ข้อสรุปตรงกันว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ได้มากกว่า และเร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่





“นิโคติน” ศัตรูของผมปลูกใหม่

เมื่อนิโคตินเป็นอันตรายต่อเส้นผมของคนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณหมอจะขอให้ผู้เข้ารับการปลูกผมระมัดระวังเรื่องการสูบบุหรี่เป็นพิเศษ เพราะเส้นผมปลูกใหม่นั้นบอบบาง เสี่ยงต่อการหลุดร่วงมากกว่าเส้นผมทั่วไปหลายเท่า แม้ว่าจะปัจจุบันจะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดถึงผลกระทบของนิโคตินต่อการงอกของผมปลูกใหม่ แต่เป็นที่แน่ชัดว่า การสูบบุหรี่จะทำให้โอกาสรอดของกราฟต์ผมปลูกใหม่ลดลง หรือทำให้ผมปลูกใหม่ขึ้นช้า เกิดเป็นเส้นผมที่อ่อนแอ ไม่คงทนแข็งแรง และมีขนาดเส้นเล็กบางกว่าที่ควร

นอกจากนั้น การที่นิโคตินไปทำให้เส้นเลือดหดตัว หนังศีรษะที่อาจมีแผลหลงเหลืออยู่หลังการทำหัตถการปลูกผม ก็จะได้รับสารอาหารและออกซิเจนน้อยลง ส่งผลให้แผลยิ่งหายช้า และอาจมีส่วนทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร



คำแนะนำจากคุณหมอ

คุณหมอจะแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ให้งดการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ทั่วไป และบุหรี่ไฟฟ้า ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการปลูกผม เพื่อเตรียมสภาพของหนังศีรษะและเซลล์รากผมให้พร้อมสำหรับการปลูกผมใหม่อย่างเต็มที่ และควรงดการสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์หลังปลูกผมไปแล้วด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเส้นผมปลูกใหม่ให้มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากใครสามารถเลิกบุหรี่ในระยะยาวได้ ก็จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมเดิม และเพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างคงทนถาวรให้กับเส้นผมปลูกใหม่ จนสามารถอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราตามวงจรธรรมชาติได้นานขึ้นด้วย

บุหรี่ไฟฟ้า ภัยเงียบของคนรักผม
“บุหรี่” คือเจ้าของฉายา ฆาตกรผ่อนส่ง ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวว่า การสูบบุหรี่ 1 ซอง ทำให้ชีวิตสั้นลง 2 ชั่วโมง 20 นาที และการสูบบุหรี่เพียงมวนเดียว ก็ทำให้ชีวิตสั้นลงไป 7 นาที เนื่องจากสารพิษในบุหรี่นั้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ หลายโรค รวมทั้งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ ส่วนของหนังศีรษะและเส้นผม 

ในช่วงหลังมานี้ เราจึงเริ่มเห็นเทรนด์การใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” แทนบุหรี่ทั่วไปแบบเดิม ซึ่งถ้าไม่นับข้อดีในแง่ของการหยุดส่งควันบุหรี่กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมารบกวนคนรอบข้างแล้ว ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า บุหรี่ไฟฟ้า ควรจะมาทดแทนบุหรี่ทั่วไปหรือไม่ เป็นอันตรายน้อยลง หรือมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน แล้วจะสามารถช่วยในการเลิกบุหรี่ได้จริงหรือ อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยก็ยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ซื้อขาย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การมาถึงของบุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ ๆ ในแวดวงของคนรักเส้นผม ว่าหากการสูบบุหรี่แบบเดิมมีส่วนทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงและผมบางได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น บุหรี่ไฟฟ้า จะเป็นอันตรายต่อเส้นผมของเรามากน้อยแค่ไหน ผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผม ซึ่งคุณหมอมักจะขอให้งดการสูบบุหรี่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะสามารถเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนได้หรือไม่ 

...มาทำความเข้าใจบุหรี่ทั้ง 2 แบบ รวมถึงผลลัพธ์ต่อเส้นผมของเราไปพร้อม ๆ กัน...


บุหรี่ทั่วไป VS บุหรี่ไฟฟ้า

เราคงคุ้นเคยกับภาพของบุหรี่ทั่วไป ที่ประกอบด้วยกระดาษ ใบยาสูบ และก้นกรอง เมื่อจุดบุหรี่แล้ว จะเกิดการเผาไหม้ ซึ่งส่วนที่เป็นอันตรายที่สุดของบุหรี่ ก็จะอยู่ที่ “ควันบุหรี่” นั่นเอง เพราะเต็มไปด้วยสารเคมีหลายพันชนิด บ้างเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมาได้หลายประเภท 

กระบวนการเผาไหม้ของบุหรี่ ยังทำให้ผู้สูบได้รับอันตรายจากสารบางตัว เช่น ทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคมะเร็งอีกด้วย


ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้า จะมีหลักการใช้งานแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สำหรับสูบบุหรี่ที่ไม่ได้ใช้การเผาไหม้ แต่อาศัยกลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ Atomizer ที่ทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ รวมถึงน้ำยา ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดควัน ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการเผาไหม้ของทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำยาระเหยเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไป  สารประกอบที่เป็นอันตรายบางชนิดก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยตรงได้เช่นกัน


มีสารอะไรอยู่ในบุหรี่ ?

สำหรับบุหรี่ทั่วไป หากเกิดการเผาไหม้แล้ว จะทำให้เกิดสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิดเลยทีเดียว ในบรรดาสารเหล่านั้น มีหลายร้อยชนิดที่อาจส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย และมี 42 ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ยังมีสารพิษอื่น ๆ ที่ประกอบอยู่ในบุหรี่มวนเล็ก ๆ 1 มวน ตัวอย่างเช่น

  • นิโคติน (Nicotine) ซึ่งเป็นสารหลักที่เราจะพูดถึงกันในหัวข้อถัดไป
  • ทาร์ (Tar) หรือน้ำมันดิน จะไปจับอยู่ที่เนื้อปอด ทำให้เยื่อบุหลอดลมทำงานได้ไม่เต็มที่
  • คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เป็นก๊าซแบบเดียวกับที่ปล่อยจากท่อไอเสียรถยนต์ จะไปขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้เหนื่อยง่าย หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • ไฮโดรเจนไดออกไซด์ (Hydrogen dioxide) ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogen dioxide) ทำลายเยื่อบุหลอดลมจุดสำคัญ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองได้
  • แอมโมเนีย (Ammonia) ออกฤทธิ์ระคายเคือง ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ

และในบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงมีนิโคตินเป็นสารประกอบหลักเช่นเดิม รวมไปถึงสารอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น

  • โพรโพลีนไกลคอล ทำให้เกิดอาการไอ
  • กลีเซอรีน รวมถึงสารแต่งกลิ่นและรส แม้จะเป็นสารเคมีที่สามารถใช้กับอาหารได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเปลี่ยนรูปเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไปแล้ว ยังไม่มีการยืนยันว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่น เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ดวงตา และปอด โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง

นอกจากนั้น ยังพบสารประกอบในไอของบุหรี่ไฟฟ้าอีกหลายชนิด ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก สารหนู ฟอร์มาลีน และเบนซีน เป็นต้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่นโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง



ทำความรู้จัก “นิโคติน”

เราได้ยินกันจนคุ้นหูว่า นิโคติน คือสารพิษตัวร้ายในบุหรี่ วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักนิโคตินกันมากขึ้น นิโคตินถือเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด ทำให้ผู้สูบบุหรี่อยากกลับมาสูบซ้ำ ๆ โดยสมองจะเกิดการเสพติดหลังได้รับนิโคตินอย่างเร็วที่สุดภายใน 7 วินาทีเท่านั้น (นั่นจึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีสารเสพติดอย่างนิโคตินเป็นสารประกอบหลัก จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่)

นิโคตินนั้นเรียกได้ว่ามีฤทธิ์แรงมากที่สุดในบรรดาสารต่าง ๆ ในควันบุหรี่ เป็นสารคล้ายน้ำมัน ไม่มีสี หากเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร้อยละ 95 ของนิโคตินจะไปจับตัวรวมกันอยู่ปอด ส่วนที่เหลืออาจจะไปเกาะที่ริมฝีปาก และบางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทั้งกระตุ้น กด และกล่อมระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มการหลั่งสารเอพิเนฟรีน และสารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็งปอด ช่องปาก หลอดอาหาร และตับอ่อน รวมไปถึงโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งยังกระตุ้นการหลั่งคอร์ติซอล ที่ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น นำไปสู่โรคเบาหวานอีกด้วย 



“นิโคติน” อันตรายแฝงต่อเส้นผม

นิโคติน ซึ่งเป็นสารตัวหลักทั้งในบุหรี่ทั่วไปและในบุหรี่ไฟฟ้า จะออกฤทธิ์ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือดทั่วร่างกาย หรือที่เรียกว่า Vasoconstriction ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมอง รวมถึงเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผม เมื่อรากผมได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาก็คือ รากผมจะอ่อนแอลง ไม่คงทนแข็งแรงเหมือนปกติ ทำให้เส้นผมเปราะขาด หลุดร่วงง่าย

การสูบบุหรี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ซึ่งงานวิจัยจากหลาย ๆ แหล่งก็ให้ข้อสรุปตรงกันว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ได้มากกว่า และเร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่





“นิโคติน” ศัตรูของผมปลูกใหม่

เมื่อนิโคตินเป็นอันตรายต่อเส้นผมของคนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณหมอจะขอให้ผู้เข้ารับการปลูกผมระมัดระวังเรื่องการสูบบุหรี่เป็นพิเศษ เพราะเส้นผมปลูกใหม่นั้นบอบบาง เสี่ยงต่อการหลุดร่วงมากกว่าเส้นผมทั่วไปหลายเท่า แม้ว่าจะปัจจุบันจะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดถึงผลกระทบของนิโคตินต่อการงอกของผมปลูกใหม่ แต่เป็นที่แน่ชัดว่า การสูบบุหรี่จะทำให้โอกาสรอดของกราฟต์ผมปลูกใหม่ลดลง หรือทำให้ผมปลูกใหม่ขึ้นช้า เกิดเป็นเส้นผมที่อ่อนแอ ไม่คงทนแข็งแรง และมีขนาดเส้นเล็กบางกว่าที่ควร

นอกจากนั้น การที่นิโคตินไปทำให้เส้นเลือดหดตัว หนังศีรษะที่อาจมีแผลหลงเหลืออยู่หลังการทำหัตถการปลูกผม ก็จะได้รับสารอาหารและออกซิเจนน้อยลง ส่งผลให้แผลยิ่งหายช้า และอาจมีส่วนทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร



คำแนะนำจากคุณหมอ

คุณหมอจะแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ให้งดการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ทั่วไป และบุหรี่ไฟฟ้า ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการปลูกผม เพื่อเตรียมสภาพของหนังศีรษะและเซลล์รากผมให้พร้อมสำหรับการปลูกผมใหม่อย่างเต็มที่ และควรงดการสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์หลังปลูกผมไปแล้วด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเส้นผมปลูกใหม่ให้มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากใครสามารถเลิกบุหรี่ในระยะยาวได้ ก็จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมเดิม และเพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างคงทนถาวรให้กับเส้นผมปลูกใหม่ จนสามารถอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราตามวงจรธรรมชาติได้นานขึ้นด้วย

บุหรี่ไฟฟ้า ภัยเงียบของคนรักผม
“บุหรี่” คือเจ้าของฉายา ฆาตกรผ่อนส่ง ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวว่า การสูบบุหรี่ 1 ซอง ทำให้ชีวิตสั้นลง 2 ชั่วโมง 20 นาที และการสูบบุหรี่เพียงมวนเดียว ก็ทำให้ชีวิตสั้นลงไป 7 นาที เนื่องจากสารพิษในบุหรี่นั้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ หลายโรค รวมทั้งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ ส่วนของหนังศีรษะและเส้นผม 

ในช่วงหลังมานี้ เราจึงเริ่มเห็นเทรนด์การใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” แทนบุหรี่ทั่วไปแบบเดิม ซึ่งถ้าไม่นับข้อดีในแง่ของการหยุดส่งควันบุหรี่กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมารบกวนคนรอบข้างแล้ว ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า บุหรี่ไฟฟ้า ควรจะมาทดแทนบุหรี่ทั่วไปหรือไม่ เป็นอันตรายน้อยลง หรือมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน แล้วจะสามารถช่วยในการเลิกบุหรี่ได้จริงหรือ อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยก็ยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ซื้อขาย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การมาถึงของบุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ ๆ ในแวดวงของคนรักเส้นผม ว่าหากการสูบบุหรี่แบบเดิมมีส่วนทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงและผมบางได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น บุหรี่ไฟฟ้า จะเป็นอันตรายต่อเส้นผมของเรามากน้อยแค่ไหน ผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผม ซึ่งคุณหมอมักจะขอให้งดการสูบบุหรี่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะสามารถเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนได้หรือไม่ 

...มาทำความเข้าใจบุหรี่ทั้ง 2 แบบ รวมถึงผลลัพธ์ต่อเส้นผมของเราไปพร้อม ๆ กัน...


บุหรี่ทั่วไป VS บุหรี่ไฟฟ้า

เราคงคุ้นเคยกับภาพของบุหรี่ทั่วไป ที่ประกอบด้วยกระดาษ ใบยาสูบ และก้นกรอง เมื่อจุดบุหรี่แล้ว จะเกิดการเผาไหม้ ซึ่งส่วนที่เป็นอันตรายที่สุดของบุหรี่ ก็จะอยู่ที่ “ควันบุหรี่” นั่นเอง เพราะเต็มไปด้วยสารเคมีหลายพันชนิด บ้างเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมาได้หลายประเภท 

กระบวนการเผาไหม้ของบุหรี่ ยังทำให้ผู้สูบได้รับอันตรายจากสารบางตัว เช่น ทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคมะเร็งอีกด้วย


ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้า จะมีหลักการใช้งานแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สำหรับสูบบุหรี่ที่ไม่ได้ใช้การเผาไหม้ แต่อาศัยกลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ Atomizer ที่ทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ รวมถึงน้ำยา ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดควัน ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการเผาไหม้ของทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำยาระเหยเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไป  สารประกอบที่เป็นอันตรายบางชนิดก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยตรงได้เช่นกัน


มีสารอะไรอยู่ในบุหรี่ ?

สำหรับบุหรี่ทั่วไป หากเกิดการเผาไหม้แล้ว จะทำให้เกิดสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิดเลยทีเดียว ในบรรดาสารเหล่านั้น มีหลายร้อยชนิดที่อาจส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย และมี 42 ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ยังมีสารพิษอื่น ๆ ที่ประกอบอยู่ในบุหรี่มวนเล็ก ๆ 1 มวน ตัวอย่างเช่น

  • นิโคติน (Nicotine) ซึ่งเป็นสารหลักที่เราจะพูดถึงกันในหัวข้อถัดไป
  • ทาร์ (Tar) หรือน้ำมันดิน จะไปจับอยู่ที่เนื้อปอด ทำให้เยื่อบุหลอดลมทำงานได้ไม่เต็มที่
  • คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เป็นก๊าซแบบเดียวกับที่ปล่อยจากท่อไอเสียรถยนต์ จะไปขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้เหนื่อยง่าย หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • ไฮโดรเจนไดออกไซด์ (Hydrogen dioxide) ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogen dioxide) ทำลายเยื่อบุหลอดลมจุดสำคัญ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองได้
  • แอมโมเนีย (Ammonia) ออกฤทธิ์ระคายเคือง ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ

และในบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงมีนิโคตินเป็นสารประกอบหลักเช่นเดิม รวมไปถึงสารอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น

  • โพรโพลีนไกลคอล ทำให้เกิดอาการไอ
  • กลีเซอรีน รวมถึงสารแต่งกลิ่นและรส แม้จะเป็นสารเคมีที่สามารถใช้กับอาหารได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเปลี่ยนรูปเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไปแล้ว ยังไม่มีการยืนยันว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่น เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ดวงตา และปอด โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง

นอกจากนั้น ยังพบสารประกอบในไอของบุหรี่ไฟฟ้าอีกหลายชนิด ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก สารหนู ฟอร์มาลีน และเบนซีน เป็นต้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่นโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง



ทำความรู้จัก “นิโคติน”

เราได้ยินกันจนคุ้นหูว่า นิโคติน คือสารพิษตัวร้ายในบุหรี่ วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักนิโคตินกันมากขึ้น นิโคตินถือเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด ทำให้ผู้สูบบุหรี่อยากกลับมาสูบซ้ำ ๆ โดยสมองจะเกิดการเสพติดหลังได้รับนิโคตินอย่างเร็วที่สุดภายใน 7 วินาทีเท่านั้น (นั่นจึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีสารเสพติดอย่างนิโคตินเป็นสารประกอบหลัก จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่)

นิโคตินนั้นเรียกได้ว่ามีฤทธิ์แรงมากที่สุดในบรรดาสารต่าง ๆ ในควันบุหรี่ เป็นสารคล้ายน้ำมัน ไม่มีสี หากเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร้อยละ 95 ของนิโคตินจะไปจับตัวรวมกันอยู่ปอด ส่วนที่เหลืออาจจะไปเกาะที่ริมฝีปาก และบางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทั้งกระตุ้น กด และกล่อมระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มการหลั่งสารเอพิเนฟรีน และสารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็งปอด ช่องปาก หลอดอาหาร และตับอ่อน รวมไปถึงโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งยังกระตุ้นการหลั่งคอร์ติซอล ที่ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น นำไปสู่โรคเบาหวานอีกด้วย 



“นิโคติน” อันตรายแฝงต่อเส้นผม

นิโคติน ซึ่งเป็นสารตัวหลักทั้งในบุหรี่ทั่วไปและในบุหรี่ไฟฟ้า จะออกฤทธิ์ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือดทั่วร่างกาย หรือที่เรียกว่า Vasoconstriction ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมอง รวมถึงเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผม เมื่อรากผมได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาก็คือ รากผมจะอ่อนแอลง ไม่คงทนแข็งแรงเหมือนปกติ ทำให้เส้นผมเปราะขาด หลุดร่วงง่าย

การสูบบุหรี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ซึ่งงานวิจัยจากหลาย ๆ แหล่งก็ให้ข้อสรุปตรงกันว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ได้มากกว่า และเร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่





“นิโคติน” ศัตรูของผมปลูกใหม่

เมื่อนิโคตินเป็นอันตรายต่อเส้นผมของคนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณหมอจะขอให้ผู้เข้ารับการปลูกผมระมัดระวังเรื่องการสูบบุหรี่เป็นพิเศษ เพราะเส้นผมปลูกใหม่นั้นบอบบาง เสี่ยงต่อการหลุดร่วงมากกว่าเส้นผมทั่วไปหลายเท่า แม้ว่าจะปัจจุบันจะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดถึงผลกระทบของนิโคตินต่อการงอกของผมปลูกใหม่ แต่เป็นที่แน่ชัดว่า การสูบบุหรี่จะทำให้โอกาสรอดของกราฟต์ผมปลูกใหม่ลดลง หรือทำให้ผมปลูกใหม่ขึ้นช้า เกิดเป็นเส้นผมที่อ่อนแอ ไม่คงทนแข็งแรง และมีขนาดเส้นเล็กบางกว่าที่ควร

นอกจากนั้น การที่นิโคตินไปทำให้เส้นเลือดหดตัว หนังศีรษะที่อาจมีแผลหลงเหลืออยู่หลังการทำหัตถการปลูกผม ก็จะได้รับสารอาหารและออกซิเจนน้อยลง ส่งผลให้แผลยิ่งหายช้า และอาจมีส่วนทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร



คำแนะนำจากคุณหมอ

คุณหมอจะแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ให้งดการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ทั่วไป และบุหรี่ไฟฟ้า ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการปลูกผม เพื่อเตรียมสภาพของหนังศีรษะและเซลล์รากผมให้พร้อมสำหรับการปลูกผมใหม่อย่างเต็มที่ และควรงดการสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์หลังปลูกผมไปแล้วด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเส้นผมปลูกใหม่ให้มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากใครสามารถเลิกบุหรี่ในระยะยาวได้ ก็จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมเดิม และเพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างคงทนถาวรให้กับเส้นผมปลูกใหม่ จนสามารถอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราตามวงจรธรรมชาติได้นานขึ้นด้วย

ชุบชีวิต คืนเส้นผม ด้วย PHB
นวัตกรรมบำรุงผมขั้นสุด PHB ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผมให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ PHB เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ PHB ได้เช่นกัน

PHB Treatmentฟื้นฟูปัญหาผมบาง
ในระยะเริ่มต้นบำรุงสู่หนังศีรษะเพื่อให้ตรงเข้าลึกถึงเซลล์รากผม
:: ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกของผมใหม่
:: บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี
:: เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา
:: รับบริการพร้อมกับ Treatment อื่นๆได้
:: ฟื้นฟูให้ผมหนาและแข็งแรงขึ้น สะดวกสบาย ไม่ต้องพักฟื้น











ชุบชีวิต คืนเส้นผม ด้วย PHB
นวัตกรรมบำรุงผมขั้นสุด PHB ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผมให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ PHB เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ PHB ได้เช่นกัน

PHB Treatmentฟื้นฟูปัญหาผมบาง
ในระยะเริ่มต้นบำรุงสู่หนังศีรษะเพื่อให้ตรงเข้าลึกถึงเซลล์รากผม
:: ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกของผมใหม่
:: บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี
:: เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา
:: รับบริการพร้อมกับ Treatment อื่นๆได้
:: ฟื้นฟูให้ผมหนาและแข็งแรงขึ้น สะดวกสบาย ไม่ต้องพักฟื้น











ชุบชีวิต คืนเส้นผม ด้วย PHB
นวัตกรรมบำรุงผมขั้นสุด PHB ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผมให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ PHB เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ PHB ได้เช่นกัน

PHB Treatmentฟื้นฟูปัญหาผมบาง
ในระยะเริ่มต้นบำรุงสู่หนังศีรษะเพื่อให้ตรงเข้าลึกถึงเซลล์รากผม
:: ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกของผมใหม่
:: บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี
:: เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา
:: รับบริการพร้อมกับ Treatment อื่นๆได้
:: ฟื้นฟูให้ผมหนาและแข็งแรงขึ้น สะดวกสบาย ไม่ต้องพักฟื้น











“เส้นผม” ชีวิตจะเสียศูนย์ถ้าปล่อยให้สูญเสีย
ปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนระเบิดเวลา ยิ่งรอยิ่งรุนแรง แก้ไขได้ยาก หรือในที่สุดอาจต้องปล่อยให้ปัญหาระเบิดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เมื่อใดที่สังเกตได้ว่าเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นผม เสียงนับถอยหลังของระเบิดเวลาจะดังขึ้นทันที เริ่มด้วยความสงสัย กังวล ตามมาด้วยความพยายามปกปิด หวาดระแวง สูญเสียความมั่นใจ บุคลิกภาพเปลี่ยนไป หากยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป   



ก่อนหน้านี้การปลูกผมยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งวิธีการที่ซับซ้อน และน่ากลัว การดูแลหลังการปลูกผมก็มีขั้นตอนมาก ยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน กระทบชีวิตประจำวันแทบไม่ต่างกับการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไกลตัว ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมจริงๆ ถึงขั้น “อุทิศตน” จึงจะเข้าถึงการปลูกผมได้

แต่ในปัจจุบัน การปลูกผมพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านเทคนิคและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปลูกผม ดังที่ พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจน จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT และต่อยอดไปถึงการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง



การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้การปลูกผมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่กระทบกับกิจวัตรประจำวัน ผลลัพธ์จากการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่สัมผัสได้คือ

  • กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบโดยแพทย์ตามหลัก Golden Ratio เสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น
  • การปลูกผมด้วยมือแพทย์ทุกเส้น จึงมั่นใจได้ทั้งความหนาแน่นและทิศทางของผมที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิคการเจาะนำผมออกจากด้านหลังทีละเส้นแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผม ไม่ทิ้งรอยแผล 
  • อุปกรณ์ที่ใช้ปลูกผมมีขนาดเล็กมาก ปลูกผมได้ละเอียด แม่นยำ แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ช้ำบวม ไม่ต้องพักฟื้นหลังการปลูกผม ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ดูแลหลังการปลูกผมต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์





เมื่อการปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจและตัวตนของคุณได้อีก เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่เลือกปลูกผมเทคนิค NEAT  ต่างได้สัมผัสกับความรู้สึกดีเป็นพิเศษแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น

หยุดวงจรระเบิดเวลาของปัญหาเส้นผมได้ทันที อยู่ที่การตัดสินใจของตัวคุณเอง         
   

“เส้นผม” ชีวิตจะเสียศูนย์ถ้าปล่อยให้สูญเสีย
ปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนระเบิดเวลา ยิ่งรอยิ่งรุนแรง แก้ไขได้ยาก หรือในที่สุดอาจต้องปล่อยให้ปัญหาระเบิดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เมื่อใดที่สังเกตได้ว่าเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นผม เสียงนับถอยหลังของระเบิดเวลาจะดังขึ้นทันที เริ่มด้วยความสงสัย กังวล ตามมาด้วยความพยายามปกปิด หวาดระแวง สูญเสียความมั่นใจ บุคลิกภาพเปลี่ยนไป หากยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป   



ก่อนหน้านี้การปลูกผมยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งวิธีการที่ซับซ้อน และน่ากลัว การดูแลหลังการปลูกผมก็มีขั้นตอนมาก ยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน กระทบชีวิตประจำวันแทบไม่ต่างกับการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไกลตัว ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมจริงๆ ถึงขั้น “อุทิศตน” จึงจะเข้าถึงการปลูกผมได้

แต่ในปัจจุบัน การปลูกผมพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านเทคนิคและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปลูกผม ดังที่ พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจน จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT และต่อยอดไปถึงการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง



การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้การปลูกผมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่กระทบกับกิจวัตรประจำวัน ผลลัพธ์จากการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่สัมผัสได้คือ

  • กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบโดยแพทย์ตามหลัก Golden Ratio เสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น
  • การปลูกผมด้วยมือแพทย์ทุกเส้น จึงมั่นใจได้ทั้งความหนาแน่นและทิศทางของผมที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิคการเจาะนำผมออกจากด้านหลังทีละเส้นแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผม ไม่ทิ้งรอยแผล 
  • อุปกรณ์ที่ใช้ปลูกผมมีขนาดเล็กมาก ปลูกผมได้ละเอียด แม่นยำ แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ช้ำบวม ไม่ต้องพักฟื้นหลังการปลูกผม ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ดูแลหลังการปลูกผมต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์





เมื่อการปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจและตัวตนของคุณได้อีก เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่เลือกปลูกผมเทคนิค NEAT  ต่างได้สัมผัสกับความรู้สึกดีเป็นพิเศษแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น

หยุดวงจรระเบิดเวลาของปัญหาเส้นผมได้ทันที อยู่ที่การตัดสินใจของตัวคุณเอง         
   

“เส้นผม” ชีวิตจะเสียศูนย์ถ้าปล่อยให้สูญเสีย
ปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนระเบิดเวลา ยิ่งรอยิ่งรุนแรง แก้ไขได้ยาก หรือในที่สุดอาจต้องปล่อยให้ปัญหาระเบิดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เมื่อใดที่สังเกตได้ว่าเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นผม เสียงนับถอยหลังของระเบิดเวลาจะดังขึ้นทันที เริ่มด้วยความสงสัย กังวล ตามมาด้วยความพยายามปกปิด หวาดระแวง สูญเสียความมั่นใจ บุคลิกภาพเปลี่ยนไป หากยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป   



ก่อนหน้านี้การปลูกผมยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งวิธีการที่ซับซ้อน และน่ากลัว การดูแลหลังการปลูกผมก็มีขั้นตอนมาก ยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน กระทบชีวิตประจำวันแทบไม่ต่างกับการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไกลตัว ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมจริงๆ ถึงขั้น “อุทิศตน” จึงจะเข้าถึงการปลูกผมได้

แต่ในปัจจุบัน การปลูกผมพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านเทคนิคและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปลูกผม ดังที่ พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจน จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT และต่อยอดไปถึงการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง



การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้การปลูกผมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่กระทบกับกิจวัตรประจำวัน ผลลัพธ์จากการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่สัมผัสได้คือ

  • กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบโดยแพทย์ตามหลัก Golden Ratio เสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น
  • การปลูกผมด้วยมือแพทย์ทุกเส้น จึงมั่นใจได้ทั้งความหนาแน่นและทิศทางของผมที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิคการเจาะนำผมออกจากด้านหลังทีละเส้นแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผม ไม่ทิ้งรอยแผล 
  • อุปกรณ์ที่ใช้ปลูกผมมีขนาดเล็กมาก ปลูกผมได้ละเอียด แม่นยำ แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ช้ำบวม ไม่ต้องพักฟื้นหลังการปลูกผม ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ดูแลหลังการปลูกผมต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์





เมื่อการปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจและตัวตนของคุณได้อีก เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่เลือกปลูกผมเทคนิค NEAT  ต่างได้สัมผัสกับความรู้สึกดีเป็นพิเศษแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น

หยุดวงจรระเบิดเวลาของปัญหาเส้นผมได้ทันที อยู่ที่การตัดสินใจของตัวคุณเอง         
   

“เส้นผม” ชีวิตจะเสียศูนย์ถ้าปล่อยให้สูญเสีย
ปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนระเบิดเวลา ยิ่งรอยิ่งรุนแรง แก้ไขได้ยาก หรือในที่สุดอาจต้องปล่อยให้ปัญหาระเบิดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เมื่อใดที่สังเกตได้ว่าเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นผม เสียงนับถอยหลังของระเบิดเวลาจะดังขึ้นทันที เริ่มด้วยความสงสัย กังวล ตามมาด้วยความพยายามปกปิด หวาดระแวง สูญเสียความมั่นใจ บุคลิกภาพเปลี่ยนไป หากยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป   



ก่อนหน้านี้การปลูกผมยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งวิธีการที่ซับซ้อน และน่ากลัว การดูแลหลังการปลูกผมก็มีขั้นตอนมาก ยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน กระทบชีวิตประจำวันแทบไม่ต่างกับการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไกลตัว ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมจริงๆ ถึงขั้น “อุทิศตน” จึงจะเข้าถึงการปลูกผมได้

แต่ในปัจจุบัน การปลูกผมพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านเทคนิคและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปลูกผม ดังที่ พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจน จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT และต่อยอดไปถึงการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง



การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้การปลูกผมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่กระทบกับกิจวัตรประจำวัน ผลลัพธ์จากการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่สัมผัสได้คือ

  • กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบโดยแพทย์ตามหลัก Golden Ratio เสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น
  • การปลูกผมด้วยมือแพทย์ทุกเส้น จึงมั่นใจได้ทั้งความหนาแน่นและทิศทางของผมที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิคการเจาะนำผมออกจากด้านหลังทีละเส้นแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผม ไม่ทิ้งรอยแผล 
  • อุปกรณ์ที่ใช้ปลูกผมมีขนาดเล็กมาก ปลูกผมได้ละเอียด แม่นยำ แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ช้ำบวม ไม่ต้องพักฟื้นหลังการปลูกผม ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ดูแลหลังการปลูกผมต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์





เมื่อการปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจและตัวตนของคุณได้อีก เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่เลือกปลูกผมเทคนิค NEAT  ต่างได้สัมผัสกับความรู้สึกดีเป็นพิเศษแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น

หยุดวงจรระเบิดเวลาของปัญหาเส้นผมได้ทันที อยู่ที่การตัดสินใจของตัวคุณเอง         
   

“เส้นผม” ชีวิตจะเสียศูนย์ถ้าปล่อยให้สูญเสีย
ปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนระเบิดเวลา ยิ่งรอยิ่งรุนแรง แก้ไขได้ยาก หรือในที่สุดอาจต้องปล่อยให้ปัญหาระเบิดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เมื่อใดที่สังเกตได้ว่าเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นผม เสียงนับถอยหลังของระเบิดเวลาจะดังขึ้นทันที เริ่มด้วยความสงสัย กังวล ตามมาด้วยความพยายามปกปิด หวาดระแวง สูญเสียความมั่นใจ บุคลิกภาพเปลี่ยนไป หากยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป   



ก่อนหน้านี้การปลูกผมยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งวิธีการที่ซับซ้อน และน่ากลัว การดูแลหลังการปลูกผมก็มีขั้นตอนมาก ยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน กระทบชีวิตประจำวันแทบไม่ต่างกับการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไกลตัว ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมจริงๆ ถึงขั้น “อุทิศตน” จึงจะเข้าถึงการปลูกผมได้

แต่ในปัจจุบัน การปลูกผมพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านเทคนิคและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปลูกผม ดังที่ พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจน จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT และต่อยอดไปถึงการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง



การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้การปลูกผมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่กระทบกับกิจวัตรประจำวัน ผลลัพธ์จากการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่สัมผัสได้คือ

  • กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบโดยแพทย์ตามหลัก Golden Ratio เสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น
  • การปลูกผมด้วยมือแพทย์ทุกเส้น จึงมั่นใจได้ทั้งความหนาแน่นและทิศทางของผมที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิคการเจาะนำผมออกจากด้านหลังทีละเส้นแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผม ไม่ทิ้งรอยแผล 
  • อุปกรณ์ที่ใช้ปลูกผมมีขนาดเล็กมาก ปลูกผมได้ละเอียด แม่นยำ แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ช้ำบวม ไม่ต้องพักฟื้นหลังการปลูกผม ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ดูแลหลังการปลูกผมต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์





เมื่อการปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจและตัวตนของคุณได้อีก เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่เลือกปลูกผมเทคนิค NEAT  ต่างได้สัมผัสกับความรู้สึกดีเป็นพิเศษแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น

หยุดวงจรระเบิดเวลาของปัญหาเส้นผมได้ทันที อยู่ที่การตัดสินใจของตัวคุณเอง         
   

5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม
การปลูกผม น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลาย ๆ คน เพราะถือเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่เรื่องของตัวเงิน แต่ยังมีใบหน้าและเส้นผมของเราเองเป็นเดิมพัน!! เราจึงมักได้ยินบ่อย ๆ ว่า ก่อนปลูกผม ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่นามนินอยากฝากถึงคนรักผม คนที่กำลังตัดสินใจเรื่องการปลูกผม หรือคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมด้วยเช่นกัน 

และนี่คือ 5 Facts สำคัญ ที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนเข้ารับการปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต


Fact No.1
การปลูกผม โอกาสเพียงครั้งเดียวที่ไม่ควรปล่อยให้พลาด

การปลูกผมไม่เหมือนการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ ที่มีโอกาสแก้ไขซ้ำได้เป็นครั้งที่  3 4 5 หรือบ่อยครั้งเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีสิ้นสุด เพราะการปลูกผม จะต้องใช้ผมของเจ้าตัวเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมตรงไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นผมจาก Safe Zone บริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนั่นเอง

มาทำความเข้าใจหลักการปลูกผมง่าย ๆ กันก่อน เคยลองสังเกตมั้ยว่า ในคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะผมล้าน ส่วนของผมที่มักจะเหลืออยู่กับหนังศีรษะของเราได้นานที่สุด ก็คือผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่าผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone นั่นเป็นเพราะผมตรงนั้นมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ตัวการสำคัญที่ทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย แพทย์จึงต้องเลือกใช้ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ย้ายออกมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง เพื่อเสริมเติมความหนาแน่น ที่พิเศษก็คือ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่แล้ว แต่คุณสมบัติความทนทานไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะยังคงอยู่กับผมส่วนนี้ไปตลอด 


ถึงตรงนี้ คุณผู้ชายคงโล่งใจกันไปเป็นแถว ๆ ว่าเรามีตัวช่วยชั้นดีอยู่บนศีรษะของเรานี่เอง แต่ยัง!! ยังไม่จบแค่นั้น ธรรมชาติยังให้โจทย์ใหญ่ท้าทายพวกเรา ด้วยการจำกัดพื้นที่ของ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไว้เพียงไม่มาก นั่นหมายความว่า ผมต้นทุนที่เราพอจะพึ่งพาได้ในยามปลูกผม มีอยู่ในปริมาณจำกัด ทำให้เรามีโอกาสปลูกผมใหม่กันได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น เพราะผมต้นทุนมีน้อย และแพทย์ก็ไม่สามารถย้ายออกมาใช้ได้ทั้งหมด จะต้องคงเหลือไว้เพื่อไม่ให้ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยดูบางจนผิดธรรมชาติด้วย ยิ่งใครที่อายุมากขึ้น ผมต้นทุนก็ยิ่งน้อยลงไปตามกาลเวลา ทำให้การจัดการปัญหาผมบางยิ่งยากขึ้นไปอีก บางคนปลูกได้เพียงครั้งเดียว ผมต้นทุนก็หมดแล้ว บางคนตัดสินใจมาพบแพทย์ช้าเกินไปจนผมต้นทุนเหลือไม่พอปลูกในครั้งแรกด้วยซ้ำ 

ดังนั้น การศึกษาข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเลือกตัดสินใจ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อไม่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิต


Fact No.2
กราฟต์ผม ศัพท์เทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้

ในข้อแรก เราพูดถึงการย้ายผมต้นทุนออกจาก Safe Zone เพื่อมาปลูกใหม่ ขอขยายความอีกนิดว่า ในการปลูกผม เราไม่ได้ย้ายผมออกทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่ย้ายออกทีละ 1 กราฟต์ผม คำว่ากราฟต์ผมนั้นก็หมายถึงกอผมที่มีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น และใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะก็จะมีกราฟต์ผม 1 กราฟต์ 

ทำไมเราต้องรู้จักกราฟต์ผม นั่นก็เพราะคุณหมอจะวิเคราะห์ปัญหาผมของเรา และสภาพผมต้นทุน ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ที่เหมาะสม ว่าควรย้ายกราฟต์ผมออกมาเท่าไหร่ และจะปลูกอย่างไรให้หนาแน่นเหมาะสมกับพื้นที่ โดยมีหลักอยู่ว่า คุณหมอจะปลูกผมใหม่ประมาณ 55-60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นความหนาแน่นที่กำลังดี ใกล้เคียงกับผมจริง แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่น้อยเกินไปจนผมยังดูเหมือนบางอยู่ และไม่มากเกินไปจนผมใหม่เบียดแย่งสารอาหารกัน จนอาจนำไปสู่การหลุดร่วงได้ง่าย 


ที่สำคัญ เราจะได้ทำความเข้าใจ และลองประเมินกราฟต์ผมที่ควรใช้ในการปลูกเบื้องต้นด้วยตนเอง จะช่วยให้เราสามารถวางแผนร่วมกับคุณหมอได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการย้ายกราฟต์ผมในปริมาณนั้น ๆ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คุ้มราคาอย่างแท้จริง


Fact No.3
กระบวนการปลูกผม การเดินทางร่วมกันระหว่างหมอกับคนไข้

การปลูกผมเต็มไปด้วยรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมากมาย หากลองทำความเข้าใจก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ขณะเดียวกันก็เข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการออกแบบการรักษาของคุณหมอ รวมไปถึงรับรู้ถึงบทบาทของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องให้ความร่วมมือกันตลอดกระบวนการปลูกผม


ก่อนปลูกผม คุณหมอจะรับฟังปัญหาเส้นผมของคนไข้ เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง จากนั้นจึงประเมินและคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ในการปลูกผมใหม่ ตามมาด้วยการออกแบบกรอบหน้า หรือ Hairline โดยใช้สัดส่วนความงาม Golden Ratio เพื่อเติมเต็มแนวไรผมบริเวณหน้าผาก และเสริมให้ใบหน้าดูหวานละมุน อ่อนเยาว์ หรือคมเข้มสมาร์ทขึ้น

ในวันทำหัตถการปลูกผม ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องตัดผมหรือโกนผม และใช้เทคนิคขั้นบันได หมายถึงการเจาะย้ายกราฟต์ออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกัน เพื่อซ่อนรอยแผลได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะนำกราฟต์ผมแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที และตัดแต่งกราฟต์ผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก จากนั้นคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมให้ด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ๆ จนได้ความหนาแน่นของเส้นผมที่เต็มแน่นกำลังดี 


และจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม คือขั้นตอนการดูแลติดตามผลหลังปลูก ซึ่งคุณหมอจะคอยตรวจการเจริญเติบโตของเส้นผมทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง เพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่มีอัตราการรอดได้มากที่สุด เนื่องจากผมปลูกใหม่จะใช้เวลา 1 ปีตามวงจรธรรมชาติ จึงจะแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ ตรงนี้เองที่คนไข้จะต้องให้ความร่วมมือในการทะนุถนอมและบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้น เส้นผมก็มีโอกาสหลุดร่วง จนกลับไปมีอาการผมบางซ้ำอีกก็เป็นได้


Fact No.4
สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องปลูกผมด้วยแพทย์

สำคัญแน่นอน เพราะการปลูกผมต้องประยุกต์ใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองเชิงศิลป์ ในการออกแบบการรักษาและออกแบบความงามไปพร้อม ๆ กัน งานนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริงเท่านั้น จึงจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นผมเพียงพอ 

และในขณะที่ทำหัตถการปลูกผมนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นตามจำนวนกราฟต์ที่คำนวณไว้ ซึ่งจะหนาแน่นกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป การคัดเลือกเส้นผมที่มีขนาด ความหนาบาง และความโค้ง ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เพราะผมบริเวณต่าง ๆ อย่างเช่นตรงกลางศีรษะ หรือแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ย่อมมีลักษณะที่ต่างกัน ซึ่งแพทย์จะต้องมีความละเอียดอ่อนตรงจุดนี้


นอกจากนั้น แพทย์จะต้องปักกราฟต์ผมโดยเรียงให้ได้ทิศทางและองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะทิศทางผมเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ในช่วงแรก ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเสียก่อนจึงจะเห็น และถ้าชี้ผิดทิศทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ก็จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก 

และสิ่งที่แพทย์ต้องควบคุมยังรวมไปถึงระยะความลึกในการปักกราฟต์ผมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารากผมจะเชื่อมต่อกับชั้นหนังศีรษะอย่างดี สามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผลว่า ทำไมแพทย์จึงควรลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ แบบที่ใครก็ทำแทนไม่ได้นั่นเอง


Fact No.5
อุปกรณ์ปลูกผมที่ล้ำสมัยและได้มาตรฐาน 

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ชำนาญก็ยังต้องการผู้ช่วยมือหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็คืออุปกรณ์ในการปลูกผมต่าง ๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อคงสภาพของกราฟต์ผมไว้ได้มากที่สุด และอุปกรณ์เด่นที่ขาดไม่ได้ ก็คือปากกาปลูกผม หรือ Implanter Pen สำหรับปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ลงในพื้นที่ที่ต้องการ 


โดย Implanter Pen จะช่วยถนอมรากผมไม่ให้บอบช้ำ ต่างจากการใช้ Forceps หรือคีมคีบ ซึ่งเป็นวิธีปลูกผมที่ใช้กันในสมัยก่อน ทำให้อัตราการอยู่รอดของเส้นผมสูงขึ้น แพทย์เองก็สามารถปลูกผมได้อย่างละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และควบคุมทิศทาง องศา ตลอดจนระยะความลึกในการปลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งยังลดอาการเจ็บหรือบวมซึ่งเป็นผลข้างเคียงในคนไข้บางรายได้อีกด้วย

อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การปลูกผมประสบความสำเร็จได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า หากจะตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต นอกเหนือจากเรื่องของราคาแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอะไรร่วมด้วยอีกบ้าง อย่าลืมว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต โดยเรามีโอกาสปลูกผมเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อดูแลเส้นผมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ

5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม
การปลูกผม น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลาย ๆ คน เพราะถือเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่เรื่องของตัวเงิน แต่ยังมีใบหน้าและเส้นผมของเราเองเป็นเดิมพัน!! เราจึงมักได้ยินบ่อย ๆ ว่า ก่อนปลูกผม ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่นามนินอยากฝากถึงคนรักผม คนที่กำลังตัดสินใจเรื่องการปลูกผม หรือคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมด้วยเช่นกัน 

และนี่คือ 5 Facts สำคัญ ที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนเข้ารับการปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต


Fact No.1
การปลูกผม โอกาสเพียงครั้งเดียวที่ไม่ควรปล่อยให้พลาด

การปลูกผมไม่เหมือนการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ ที่มีโอกาสแก้ไขซ้ำได้เป็นครั้งที่  3 4 5 หรือบ่อยครั้งเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีสิ้นสุด เพราะการปลูกผม จะต้องใช้ผมของเจ้าตัวเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมตรงไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นผมจาก Safe Zone บริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนั่นเอง

มาทำความเข้าใจหลักการปลูกผมง่าย ๆ กันก่อน เคยลองสังเกตมั้ยว่า ในคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะผมล้าน ส่วนของผมที่มักจะเหลืออยู่กับหนังศีรษะของเราได้นานที่สุด ก็คือผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่าผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone นั่นเป็นเพราะผมตรงนั้นมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ตัวการสำคัญที่ทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย แพทย์จึงต้องเลือกใช้ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ย้ายออกมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง เพื่อเสริมเติมความหนาแน่น ที่พิเศษก็คือ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่แล้ว แต่คุณสมบัติความทนทานไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะยังคงอยู่กับผมส่วนนี้ไปตลอด 


ถึงตรงนี้ คุณผู้ชายคงโล่งใจกันไปเป็นแถว ๆ ว่าเรามีตัวช่วยชั้นดีอยู่บนศีรษะของเรานี่เอง แต่ยัง!! ยังไม่จบแค่นั้น ธรรมชาติยังให้โจทย์ใหญ่ท้าทายพวกเรา ด้วยการจำกัดพื้นที่ของ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไว้เพียงไม่มาก นั่นหมายความว่า ผมต้นทุนที่เราพอจะพึ่งพาได้ในยามปลูกผม มีอยู่ในปริมาณจำกัด ทำให้เรามีโอกาสปลูกผมใหม่กันได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น เพราะผมต้นทุนมีน้อย และแพทย์ก็ไม่สามารถย้ายออกมาใช้ได้ทั้งหมด จะต้องคงเหลือไว้เพื่อไม่ให้ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยดูบางจนผิดธรรมชาติด้วย ยิ่งใครที่อายุมากขึ้น ผมต้นทุนก็ยิ่งน้อยลงไปตามกาลเวลา ทำให้การจัดการปัญหาผมบางยิ่งยากขึ้นไปอีก บางคนปลูกได้เพียงครั้งเดียว ผมต้นทุนก็หมดแล้ว บางคนตัดสินใจมาพบแพทย์ช้าเกินไปจนผมต้นทุนเหลือไม่พอปลูกในครั้งแรกด้วยซ้ำ 

ดังนั้น การศึกษาข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเลือกตัดสินใจ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อไม่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิต


Fact No.2
กราฟต์ผม ศัพท์เทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้

ในข้อแรก เราพูดถึงการย้ายผมต้นทุนออกจาก Safe Zone เพื่อมาปลูกใหม่ ขอขยายความอีกนิดว่า ในการปลูกผม เราไม่ได้ย้ายผมออกทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่ย้ายออกทีละ 1 กราฟต์ผม คำว่ากราฟต์ผมนั้นก็หมายถึงกอผมที่มีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น และใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะก็จะมีกราฟต์ผม 1 กราฟต์ 

ทำไมเราต้องรู้จักกราฟต์ผม นั่นก็เพราะคุณหมอจะวิเคราะห์ปัญหาผมของเรา และสภาพผมต้นทุน ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ที่เหมาะสม ว่าควรย้ายกราฟต์ผมออกมาเท่าไหร่ และจะปลูกอย่างไรให้หนาแน่นเหมาะสมกับพื้นที่ โดยมีหลักอยู่ว่า คุณหมอจะปลูกผมใหม่ประมาณ 55-60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นความหนาแน่นที่กำลังดี ใกล้เคียงกับผมจริง แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่น้อยเกินไปจนผมยังดูเหมือนบางอยู่ และไม่มากเกินไปจนผมใหม่เบียดแย่งสารอาหารกัน จนอาจนำไปสู่การหลุดร่วงได้ง่าย 


ที่สำคัญ เราจะได้ทำความเข้าใจ และลองประเมินกราฟต์ผมที่ควรใช้ในการปลูกเบื้องต้นด้วยตนเอง จะช่วยให้เราสามารถวางแผนร่วมกับคุณหมอได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการย้ายกราฟต์ผมในปริมาณนั้น ๆ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คุ้มราคาอย่างแท้จริง


Fact No.3
กระบวนการปลูกผม การเดินทางร่วมกันระหว่างหมอกับคนไข้

การปลูกผมเต็มไปด้วยรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมากมาย หากลองทำความเข้าใจก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ขณะเดียวกันก็เข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการออกแบบการรักษาของคุณหมอ รวมไปถึงรับรู้ถึงบทบาทของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องให้ความร่วมมือกันตลอดกระบวนการปลูกผม


ก่อนปลูกผม คุณหมอจะรับฟังปัญหาเส้นผมของคนไข้ เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง จากนั้นจึงประเมินและคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ในการปลูกผมใหม่ ตามมาด้วยการออกแบบกรอบหน้า หรือ Hairline โดยใช้สัดส่วนความงาม Golden Ratio เพื่อเติมเต็มแนวไรผมบริเวณหน้าผาก และเสริมให้ใบหน้าดูหวานละมุน อ่อนเยาว์ หรือคมเข้มสมาร์ทขึ้น

ในวันทำหัตถการปลูกผม ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องตัดผมหรือโกนผม และใช้เทคนิคขั้นบันได หมายถึงการเจาะย้ายกราฟต์ออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกัน เพื่อซ่อนรอยแผลได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะนำกราฟต์ผมแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที และตัดแต่งกราฟต์ผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก จากนั้นคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมให้ด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ๆ จนได้ความหนาแน่นของเส้นผมที่เต็มแน่นกำลังดี 


และจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม คือขั้นตอนการดูแลติดตามผลหลังปลูก ซึ่งคุณหมอจะคอยตรวจการเจริญเติบโตของเส้นผมทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง เพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่มีอัตราการรอดได้มากที่สุด เนื่องจากผมปลูกใหม่จะใช้เวลา 1 ปีตามวงจรธรรมชาติ จึงจะแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ ตรงนี้เองที่คนไข้จะต้องให้ความร่วมมือในการทะนุถนอมและบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้น เส้นผมก็มีโอกาสหลุดร่วง จนกลับไปมีอาการผมบางซ้ำอีกก็เป็นได้


Fact No.4
สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องปลูกผมด้วยแพทย์

สำคัญแน่นอน เพราะการปลูกผมต้องประยุกต์ใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองเชิงศิลป์ ในการออกแบบการรักษาและออกแบบความงามไปพร้อม ๆ กัน งานนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริงเท่านั้น จึงจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นผมเพียงพอ 

และในขณะที่ทำหัตถการปลูกผมนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นตามจำนวนกราฟต์ที่คำนวณไว้ ซึ่งจะหนาแน่นกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป การคัดเลือกเส้นผมที่มีขนาด ความหนาบาง และความโค้ง ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เพราะผมบริเวณต่าง ๆ อย่างเช่นตรงกลางศีรษะ หรือแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ย่อมมีลักษณะที่ต่างกัน ซึ่งแพทย์จะต้องมีความละเอียดอ่อนตรงจุดนี้


นอกจากนั้น แพทย์จะต้องปักกราฟต์ผมโดยเรียงให้ได้ทิศทางและองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะทิศทางผมเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ในช่วงแรก ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเสียก่อนจึงจะเห็น และถ้าชี้ผิดทิศทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ก็จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก 

และสิ่งที่แพทย์ต้องควบคุมยังรวมไปถึงระยะความลึกในการปักกราฟต์ผมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารากผมจะเชื่อมต่อกับชั้นหนังศีรษะอย่างดี สามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผลว่า ทำไมแพทย์จึงควรลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ แบบที่ใครก็ทำแทนไม่ได้นั่นเอง


Fact No.5
อุปกรณ์ปลูกผมที่ล้ำสมัยและได้มาตรฐาน 

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ชำนาญก็ยังต้องการผู้ช่วยมือหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็คืออุปกรณ์ในการปลูกผมต่าง ๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อคงสภาพของกราฟต์ผมไว้ได้มากที่สุด และอุปกรณ์เด่นที่ขาดไม่ได้ ก็คือปากกาปลูกผม หรือ Implanter Pen สำหรับปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ลงในพื้นที่ที่ต้องการ 


โดย Implanter Pen จะช่วยถนอมรากผมไม่ให้บอบช้ำ ต่างจากการใช้ Forceps หรือคีมคีบ ซึ่งเป็นวิธีปลูกผมที่ใช้กันในสมัยก่อน ทำให้อัตราการอยู่รอดของเส้นผมสูงขึ้น แพทย์เองก็สามารถปลูกผมได้อย่างละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และควบคุมทิศทาง องศา ตลอดจนระยะความลึกในการปลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งยังลดอาการเจ็บหรือบวมซึ่งเป็นผลข้างเคียงในคนไข้บางรายได้อีกด้วย

อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การปลูกผมประสบความสำเร็จได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า หากจะตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต นอกเหนือจากเรื่องของราคาแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอะไรร่วมด้วยอีกบ้าง อย่าลืมว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต โดยเรามีโอกาสปลูกผมเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อดูแลเส้นผมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ

5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม
การปลูกผม น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลาย ๆ คน เพราะถือเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่เรื่องของตัวเงิน แต่ยังมีใบหน้าและเส้นผมของเราเองเป็นเดิมพัน!! เราจึงมักได้ยินบ่อย ๆ ว่า ก่อนปลูกผม ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่นามนินอยากฝากถึงคนรักผม คนที่กำลังตัดสินใจเรื่องการปลูกผม หรือคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมด้วยเช่นกัน 

และนี่คือ 5 Facts สำคัญ ที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนเข้ารับการปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต


Fact No.1
การปลูกผม โอกาสเพียงครั้งเดียวที่ไม่ควรปล่อยให้พลาด

การปลูกผมไม่เหมือนการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ ที่มีโอกาสแก้ไขซ้ำได้เป็นครั้งที่  3 4 5 หรือบ่อยครั้งเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีสิ้นสุด เพราะการปลูกผม จะต้องใช้ผมของเจ้าตัวเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมตรงไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นผมจาก Safe Zone บริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนั่นเอง

มาทำความเข้าใจหลักการปลูกผมง่าย ๆ กันก่อน เคยลองสังเกตมั้ยว่า ในคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะผมล้าน ส่วนของผมที่มักจะเหลืออยู่กับหนังศีรษะของเราได้นานที่สุด ก็คือผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่าผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone นั่นเป็นเพราะผมตรงนั้นมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ตัวการสำคัญที่ทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย แพทย์จึงต้องเลือกใช้ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ย้ายออกมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง เพื่อเสริมเติมความหนาแน่น ที่พิเศษก็คือ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่แล้ว แต่คุณสมบัติความทนทานไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะยังคงอยู่กับผมส่วนนี้ไปตลอด 


ถึงตรงนี้ คุณผู้ชายคงโล่งใจกันไปเป็นแถว ๆ ว่าเรามีตัวช่วยชั้นดีอยู่บนศีรษะของเรานี่เอง แต่ยัง!! ยังไม่จบแค่นั้น ธรรมชาติยังให้โจทย์ใหญ่ท้าทายพวกเรา ด้วยการจำกัดพื้นที่ของ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไว้เพียงไม่มาก นั่นหมายความว่า ผมต้นทุนที่เราพอจะพึ่งพาได้ในยามปลูกผม มีอยู่ในปริมาณจำกัด ทำให้เรามีโอกาสปลูกผมใหม่กันได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น เพราะผมต้นทุนมีน้อย และแพทย์ก็ไม่สามารถย้ายออกมาใช้ได้ทั้งหมด จะต้องคงเหลือไว้เพื่อไม่ให้ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยดูบางจนผิดธรรมชาติด้วย ยิ่งใครที่อายุมากขึ้น ผมต้นทุนก็ยิ่งน้อยลงไปตามกาลเวลา ทำให้การจัดการปัญหาผมบางยิ่งยากขึ้นไปอีก บางคนปลูกได้เพียงครั้งเดียว ผมต้นทุนก็หมดแล้ว บางคนตัดสินใจมาพบแพทย์ช้าเกินไปจนผมต้นทุนเหลือไม่พอปลูกในครั้งแรกด้วยซ้ำ 

ดังนั้น การศึกษาข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเลือกตัดสินใจ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อไม่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิต


Fact No.2
กราฟต์ผม ศัพท์เทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้

ในข้อแรก เราพูดถึงการย้ายผมต้นทุนออกจาก Safe Zone เพื่อมาปลูกใหม่ ขอขยายความอีกนิดว่า ในการปลูกผม เราไม่ได้ย้ายผมออกทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่ย้ายออกทีละ 1 กราฟต์ผม คำว่ากราฟต์ผมนั้นก็หมายถึงกอผมที่มีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น และใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะก็จะมีกราฟต์ผม 1 กราฟต์ 

ทำไมเราต้องรู้จักกราฟต์ผม นั่นก็เพราะคุณหมอจะวิเคราะห์ปัญหาผมของเรา และสภาพผมต้นทุน ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ที่เหมาะสม ว่าควรย้ายกราฟต์ผมออกมาเท่าไหร่ และจะปลูกอย่างไรให้หนาแน่นเหมาะสมกับพื้นที่ โดยมีหลักอยู่ว่า คุณหมอจะปลูกผมใหม่ประมาณ 55-60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นความหนาแน่นที่กำลังดี ใกล้เคียงกับผมจริง แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่น้อยเกินไปจนผมยังดูเหมือนบางอยู่ และไม่มากเกินไปจนผมใหม่เบียดแย่งสารอาหารกัน จนอาจนำไปสู่การหลุดร่วงได้ง่าย 


ที่สำคัญ เราจะได้ทำความเข้าใจ และลองประเมินกราฟต์ผมที่ควรใช้ในการปลูกเบื้องต้นด้วยตนเอง จะช่วยให้เราสามารถวางแผนร่วมกับคุณหมอได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการย้ายกราฟต์ผมในปริมาณนั้น ๆ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คุ้มราคาอย่างแท้จริง


Fact No.3
กระบวนการปลูกผม การเดินทางร่วมกันระหว่างหมอกับคนไข้

การปลูกผมเต็มไปด้วยรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมากมาย หากลองทำความเข้าใจก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ขณะเดียวกันก็เข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการออกแบบการรักษาของคุณหมอ รวมไปถึงรับรู้ถึงบทบาทของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องให้ความร่วมมือกันตลอดกระบวนการปลูกผม


ก่อนปลูกผม คุณหมอจะรับฟังปัญหาเส้นผมของคนไข้ เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง จากนั้นจึงประเมินและคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ในการปลูกผมใหม่ ตามมาด้วยการออกแบบกรอบหน้า หรือ Hairline โดยใช้สัดส่วนความงาม Golden Ratio เพื่อเติมเต็มแนวไรผมบริเวณหน้าผาก และเสริมให้ใบหน้าดูหวานละมุน อ่อนเยาว์ หรือคมเข้มสมาร์ทขึ้น

ในวันทำหัตถการปลูกผม ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องตัดผมหรือโกนผม และใช้เทคนิคขั้นบันได หมายถึงการเจาะย้ายกราฟต์ออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกัน เพื่อซ่อนรอยแผลได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะนำกราฟต์ผมแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที และตัดแต่งกราฟต์ผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก จากนั้นคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมให้ด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ๆ จนได้ความหนาแน่นของเส้นผมที่เต็มแน่นกำลังดี 


และจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม คือขั้นตอนการดูแลติดตามผลหลังปลูก ซึ่งคุณหมอจะคอยตรวจการเจริญเติบโตของเส้นผมทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง เพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่มีอัตราการรอดได้มากที่สุด เนื่องจากผมปลูกใหม่จะใช้เวลา 1 ปีตามวงจรธรรมชาติ จึงจะแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ ตรงนี้เองที่คนไข้จะต้องให้ความร่วมมือในการทะนุถนอมและบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้น เส้นผมก็มีโอกาสหลุดร่วง จนกลับไปมีอาการผมบางซ้ำอีกก็เป็นได้


Fact No.4
สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องปลูกผมด้วยแพทย์

สำคัญแน่นอน เพราะการปลูกผมต้องประยุกต์ใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองเชิงศิลป์ ในการออกแบบการรักษาและออกแบบความงามไปพร้อม ๆ กัน งานนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริงเท่านั้น จึงจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นผมเพียงพอ 

และในขณะที่ทำหัตถการปลูกผมนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นตามจำนวนกราฟต์ที่คำนวณไว้ ซึ่งจะหนาแน่นกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป การคัดเลือกเส้นผมที่มีขนาด ความหนาบาง และความโค้ง ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เพราะผมบริเวณต่าง ๆ อย่างเช่นตรงกลางศีรษะ หรือแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ย่อมมีลักษณะที่ต่างกัน ซึ่งแพทย์จะต้องมีความละเอียดอ่อนตรงจุดนี้


นอกจากนั้น แพทย์จะต้องปักกราฟต์ผมโดยเรียงให้ได้ทิศทางและองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะทิศทางผมเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ในช่วงแรก ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเสียก่อนจึงจะเห็น และถ้าชี้ผิดทิศทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ก็จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก 

และสิ่งที่แพทย์ต้องควบคุมยังรวมไปถึงระยะความลึกในการปักกราฟต์ผมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารากผมจะเชื่อมต่อกับชั้นหนังศีรษะอย่างดี สามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผลว่า ทำไมแพทย์จึงควรลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ แบบที่ใครก็ทำแทนไม่ได้นั่นเอง


Fact No.5
อุปกรณ์ปลูกผมที่ล้ำสมัยและได้มาตรฐาน 

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ชำนาญก็ยังต้องการผู้ช่วยมือหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็คืออุปกรณ์ในการปลูกผมต่าง ๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อคงสภาพของกราฟต์ผมไว้ได้มากที่สุด และอุปกรณ์เด่นที่ขาดไม่ได้ ก็คือปากกาปลูกผม หรือ Implanter Pen สำหรับปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ลงในพื้นที่ที่ต้องการ 


โดย Implanter Pen จะช่วยถนอมรากผมไม่ให้บอบช้ำ ต่างจากการใช้ Forceps หรือคีมคีบ ซึ่งเป็นวิธีปลูกผมที่ใช้กันในสมัยก่อน ทำให้อัตราการอยู่รอดของเส้นผมสูงขึ้น แพทย์เองก็สามารถปลูกผมได้อย่างละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และควบคุมทิศทาง องศา ตลอดจนระยะความลึกในการปลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งยังลดอาการเจ็บหรือบวมซึ่งเป็นผลข้างเคียงในคนไข้บางรายได้อีกด้วย

อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การปลูกผมประสบความสำเร็จได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า หากจะตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต นอกเหนือจากเรื่องของราคาแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอะไรร่วมด้วยอีกบ้าง อย่าลืมว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต โดยเรามีโอกาสปลูกผมเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อดูแลเส้นผมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ

5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม
การปลูกผม น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลาย ๆ คน เพราะถือเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่เรื่องของตัวเงิน แต่ยังมีใบหน้าและเส้นผมของเราเองเป็นเดิมพัน!! เราจึงมักได้ยินบ่อย ๆ ว่า ก่อนปลูกผม ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่นามนินอยากฝากถึงคนรักผม คนที่กำลังตัดสินใจเรื่องการปลูกผม หรือคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมด้วยเช่นกัน 

และนี่คือ 5 Facts สำคัญ ที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนเข้ารับการปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต


Fact No.1
การปลูกผม โอกาสเพียงครั้งเดียวที่ไม่ควรปล่อยให้พลาด

การปลูกผมไม่เหมือนการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ ที่มีโอกาสแก้ไขซ้ำได้เป็นครั้งที่  3 4 5 หรือบ่อยครั้งเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีสิ้นสุด เพราะการปลูกผม จะต้องใช้ผมของเจ้าตัวเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมตรงไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นผมจาก Safe Zone บริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนั่นเอง

มาทำความเข้าใจหลักการปลูกผมง่าย ๆ กันก่อน เคยลองสังเกตมั้ยว่า ในคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะผมล้าน ส่วนของผมที่มักจะเหลืออยู่กับหนังศีรษะของเราได้นานที่สุด ก็คือผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่าผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone นั่นเป็นเพราะผมตรงนั้นมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ตัวการสำคัญที่ทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย แพทย์จึงต้องเลือกใช้ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ย้ายออกมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง เพื่อเสริมเติมความหนาแน่น ที่พิเศษก็คือ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่แล้ว แต่คุณสมบัติความทนทานไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะยังคงอยู่กับผมส่วนนี้ไปตลอด 


ถึงตรงนี้ คุณผู้ชายคงโล่งใจกันไปเป็นแถว ๆ ว่าเรามีตัวช่วยชั้นดีอยู่บนศีรษะของเรานี่เอง แต่ยัง!! ยังไม่จบแค่นั้น ธรรมชาติยังให้โจทย์ใหญ่ท้าทายพวกเรา ด้วยการจำกัดพื้นที่ของ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไว้เพียงไม่มาก นั่นหมายความว่า ผมต้นทุนที่เราพอจะพึ่งพาได้ในยามปลูกผม มีอยู่ในปริมาณจำกัด ทำให้เรามีโอกาสปลูกผมใหม่กันได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น เพราะผมต้นทุนมีน้อย และแพทย์ก็ไม่สามารถย้ายออกมาใช้ได้ทั้งหมด จะต้องคงเหลือไว้เพื่อไม่ให้ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยดูบางจนผิดธรรมชาติด้วย ยิ่งใครที่อายุมากขึ้น ผมต้นทุนก็ยิ่งน้อยลงไปตามกาลเวลา ทำให้การจัดการปัญหาผมบางยิ่งยากขึ้นไปอีก บางคนปลูกได้เพียงครั้งเดียว ผมต้นทุนก็หมดแล้ว บางคนตัดสินใจมาพบแพทย์ช้าเกินไปจนผมต้นทุนเหลือไม่พอปลูกในครั้งแรกด้วยซ้ำ 

ดังนั้น การศึกษาข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเลือกตัดสินใจ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อไม่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิต


Fact No.2
กราฟต์ผม ศัพท์เทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้

ในข้อแรก เราพูดถึงการย้ายผมต้นทุนออกจาก Safe Zone เพื่อมาปลูกใหม่ ขอขยายความอีกนิดว่า ในการปลูกผม เราไม่ได้ย้ายผมออกทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่ย้ายออกทีละ 1 กราฟต์ผม คำว่ากราฟต์ผมนั้นก็หมายถึงกอผมที่มีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น และใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะก็จะมีกราฟต์ผม 1 กราฟต์ 

ทำไมเราต้องรู้จักกราฟต์ผม นั่นก็เพราะคุณหมอจะวิเคราะห์ปัญหาผมของเรา และสภาพผมต้นทุน ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ที่เหมาะสม ว่าควรย้ายกราฟต์ผมออกมาเท่าไหร่ และจะปลูกอย่างไรให้หนาแน่นเหมาะสมกับพื้นที่ โดยมีหลักอยู่ว่า คุณหมอจะปลูกผมใหม่ประมาณ 55-60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นความหนาแน่นที่กำลังดี ใกล้เคียงกับผมจริง แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่น้อยเกินไปจนผมยังดูเหมือนบางอยู่ และไม่มากเกินไปจนผมใหม่เบียดแย่งสารอาหารกัน จนอาจนำไปสู่การหลุดร่วงได้ง่าย 


ที่สำคัญ เราจะได้ทำความเข้าใจ และลองประเมินกราฟต์ผมที่ควรใช้ในการปลูกเบื้องต้นด้วยตนเอง จะช่วยให้เราสามารถวางแผนร่วมกับคุณหมอได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการย้ายกราฟต์ผมในปริมาณนั้น ๆ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คุ้มราคาอย่างแท้จริง


Fact No.3
กระบวนการปลูกผม การเดินทางร่วมกันระหว่างหมอกับคนไข้

การปลูกผมเต็มไปด้วยรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมากมาย หากลองทำความเข้าใจก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ขณะเดียวกันก็เข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการออกแบบการรักษาของคุณหมอ รวมไปถึงรับรู้ถึงบทบาทของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องให้ความร่วมมือกันตลอดกระบวนการปลูกผม


ก่อนปลูกผม คุณหมอจะรับฟังปัญหาเส้นผมของคนไข้ เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง จากนั้นจึงประเมินและคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ในการปลูกผมใหม่ ตามมาด้วยการออกแบบกรอบหน้า หรือ Hairline โดยใช้สัดส่วนความงาม Golden Ratio เพื่อเติมเต็มแนวไรผมบริเวณหน้าผาก และเสริมให้ใบหน้าดูหวานละมุน อ่อนเยาว์ หรือคมเข้มสมาร์ทขึ้น

ในวันทำหัตถการปลูกผม ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องตัดผมหรือโกนผม และใช้เทคนิคขั้นบันได หมายถึงการเจาะย้ายกราฟต์ออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกัน เพื่อซ่อนรอยแผลได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะนำกราฟต์ผมแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที และตัดแต่งกราฟต์ผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก จากนั้นคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมให้ด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ๆ จนได้ความหนาแน่นของเส้นผมที่เต็มแน่นกำลังดี 


และจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม คือขั้นตอนการดูแลติดตามผลหลังปลูก ซึ่งคุณหมอจะคอยตรวจการเจริญเติบโตของเส้นผมทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง เพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่มีอัตราการรอดได้มากที่สุด เนื่องจากผมปลูกใหม่จะใช้เวลา 1 ปีตามวงจรธรรมชาติ จึงจะแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ ตรงนี้เองที่คนไข้จะต้องให้ความร่วมมือในการทะนุถนอมและบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้น เส้นผมก็มีโอกาสหลุดร่วง จนกลับไปมีอาการผมบางซ้ำอีกก็เป็นได้


Fact No.4
สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องปลูกผมด้วยแพทย์

สำคัญแน่นอน เพราะการปลูกผมต้องประยุกต์ใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองเชิงศิลป์ ในการออกแบบการรักษาและออกแบบความงามไปพร้อม ๆ กัน งานนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริงเท่านั้น จึงจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นผมเพียงพอ 

และในขณะที่ทำหัตถการปลูกผมนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นตามจำนวนกราฟต์ที่คำนวณไว้ ซึ่งจะหนาแน่นกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป การคัดเลือกเส้นผมที่มีขนาด ความหนาบาง และความโค้ง ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เพราะผมบริเวณต่าง ๆ อย่างเช่นตรงกลางศีรษะ หรือแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ย่อมมีลักษณะที่ต่างกัน ซึ่งแพทย์จะต้องมีความละเอียดอ่อนตรงจุดนี้


นอกจากนั้น แพทย์จะต้องปักกราฟต์ผมโดยเรียงให้ได้ทิศทางและองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะทิศทางผมเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ในช่วงแรก ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเสียก่อนจึงจะเห็น และถ้าชี้ผิดทิศทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ก็จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก 

และสิ่งที่แพทย์ต้องควบคุมยังรวมไปถึงระยะความลึกในการปักกราฟต์ผมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารากผมจะเชื่อมต่อกับชั้นหนังศีรษะอย่างดี สามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผลว่า ทำไมแพทย์จึงควรลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ แบบที่ใครก็ทำแทนไม่ได้นั่นเอง


Fact No.5
อุปกรณ์ปลูกผมที่ล้ำสมัยและได้มาตรฐาน 

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ชำนาญก็ยังต้องการผู้ช่วยมือหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็คืออุปกรณ์ในการปลูกผมต่าง ๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อคงสภาพของกราฟต์ผมไว้ได้มากที่สุด และอุปกรณ์เด่นที่ขาดไม่ได้ ก็คือปากกาปลูกผม หรือ Implanter Pen สำหรับปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ลงในพื้นที่ที่ต้องการ 


โดย Implanter Pen จะช่วยถนอมรากผมไม่ให้บอบช้ำ ต่างจากการใช้ Forceps หรือคีมคีบ ซึ่งเป็นวิธีปลูกผมที่ใช้กันในสมัยก่อน ทำให้อัตราการอยู่รอดของเส้นผมสูงขึ้น แพทย์เองก็สามารถปลูกผมได้อย่างละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และควบคุมทิศทาง องศา ตลอดจนระยะความลึกในการปลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งยังลดอาการเจ็บหรือบวมซึ่งเป็นผลข้างเคียงในคนไข้บางรายได้อีกด้วย

อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การปลูกผมประสบความสำเร็จได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า หากจะตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต นอกเหนือจากเรื่องของราคาแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอะไรร่วมด้วยอีกบ้าง อย่าลืมว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต โดยเรามีโอกาสปลูกผมเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อดูแลเส้นผมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ

5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม
การปลูกผม น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลาย ๆ คน เพราะถือเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่เรื่องของตัวเงิน แต่ยังมีใบหน้าและเส้นผมของเราเองเป็นเดิมพัน!! เราจึงมักได้ยินบ่อย ๆ ว่า ก่อนปลูกผม ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่นามนินอยากฝากถึงคนรักผม คนที่กำลังตัดสินใจเรื่องการปลูกผม หรือคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมด้วยเช่นกัน 

และนี่คือ 5 Facts สำคัญ ที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนเข้ารับการปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต


Fact No.1
การปลูกผม โอกาสเพียงครั้งเดียวที่ไม่ควรปล่อยให้พลาด

การปลูกผมไม่เหมือนการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ ที่มีโอกาสแก้ไขซ้ำได้เป็นครั้งที่  3 4 5 หรือบ่อยครั้งเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีสิ้นสุด เพราะการปลูกผม จะต้องใช้ผมของเจ้าตัวเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมตรงไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นผมจาก Safe Zone บริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนั่นเอง

มาทำความเข้าใจหลักการปลูกผมง่าย ๆ กันก่อน เคยลองสังเกตมั้ยว่า ในคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะผมล้าน ส่วนของผมที่มักจะเหลืออยู่กับหนังศีรษะของเราได้นานที่สุด ก็คือผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่าผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone นั่นเป็นเพราะผมตรงนั้นมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ตัวการสำคัญที่ทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย แพทย์จึงต้องเลือกใช้ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ย้ายออกมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง เพื่อเสริมเติมความหนาแน่น ที่พิเศษก็คือ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่แล้ว แต่คุณสมบัติความทนทานไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะยังคงอยู่กับผมส่วนนี้ไปตลอด 


ถึงตรงนี้ คุณผู้ชายคงโล่งใจกันไปเป็นแถว ๆ ว่าเรามีตัวช่วยชั้นดีอยู่บนศีรษะของเรานี่เอง แต่ยัง!! ยังไม่จบแค่นั้น ธรรมชาติยังให้โจทย์ใหญ่ท้าทายพวกเรา ด้วยการจำกัดพื้นที่ของ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไว้เพียงไม่มาก นั่นหมายความว่า ผมต้นทุนที่เราพอจะพึ่งพาได้ในยามปลูกผม มีอยู่ในปริมาณจำกัด ทำให้เรามีโอกาสปลูกผมใหม่กันได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น เพราะผมต้นทุนมีน้อย และแพทย์ก็ไม่สามารถย้ายออกมาใช้ได้ทั้งหมด จะต้องคงเหลือไว้เพื่อไม่ให้ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยดูบางจนผิดธรรมชาติด้วย ยิ่งใครที่อายุมากขึ้น ผมต้นทุนก็ยิ่งน้อยลงไปตามกาลเวลา ทำให้การจัดการปัญหาผมบางยิ่งยากขึ้นไปอีก บางคนปลูกได้เพียงครั้งเดียว ผมต้นทุนก็หมดแล้ว บางคนตัดสินใจมาพบแพทย์ช้าเกินไปจนผมต้นทุนเหลือไม่พอปลูกในครั้งแรกด้วยซ้ำ 

ดังนั้น การศึกษาข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเลือกตัดสินใจ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อไม่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิต


Fact No.2
กราฟต์ผม ศัพท์เทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้

ในข้อแรก เราพูดถึงการย้ายผมต้นทุนออกจาก Safe Zone เพื่อมาปลูกใหม่ ขอขยายความอีกนิดว่า ในการปลูกผม เราไม่ได้ย้ายผมออกทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่ย้ายออกทีละ 1 กราฟต์ผม คำว่ากราฟต์ผมนั้นก็หมายถึงกอผมที่มีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น และใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะก็จะมีกราฟต์ผม 1 กราฟต์ 

ทำไมเราต้องรู้จักกราฟต์ผม นั่นก็เพราะคุณหมอจะวิเคราะห์ปัญหาผมของเรา และสภาพผมต้นทุน ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ที่เหมาะสม ว่าควรย้ายกราฟต์ผมออกมาเท่าไหร่ และจะปลูกอย่างไรให้หนาแน่นเหมาะสมกับพื้นที่ โดยมีหลักอยู่ว่า คุณหมอจะปลูกผมใหม่ประมาณ 55-60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นความหนาแน่นที่กำลังดี ใกล้เคียงกับผมจริง แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่น้อยเกินไปจนผมยังดูเหมือนบางอยู่ และไม่มากเกินไปจนผมใหม่เบียดแย่งสารอาหารกัน จนอาจนำไปสู่การหลุดร่วงได้ง่าย 


ที่สำคัญ เราจะได้ทำความเข้าใจ และลองประเมินกราฟต์ผมที่ควรใช้ในการปลูกเบื้องต้นด้วยตนเอง จะช่วยให้เราสามารถวางแผนร่วมกับคุณหมอได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการย้ายกราฟต์ผมในปริมาณนั้น ๆ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คุ้มราคาอย่างแท้จริง


Fact No.3
กระบวนการปลูกผม การเดินทางร่วมกันระหว่างหมอกับคนไข้

การปลูกผมเต็มไปด้วยรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมากมาย หากลองทำความเข้าใจก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ขณะเดียวกันก็เข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการออกแบบการรักษาของคุณหมอ รวมไปถึงรับรู้ถึงบทบาทของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องให้ความร่วมมือกันตลอดกระบวนการปลูกผม


ก่อนปลูกผม คุณหมอจะรับฟังปัญหาเส้นผมของคนไข้ เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง จากนั้นจึงประเมินและคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ในการปลูกผมใหม่ ตามมาด้วยการออกแบบกรอบหน้า หรือ Hairline โดยใช้สัดส่วนความงาม Golden Ratio เพื่อเติมเต็มแนวไรผมบริเวณหน้าผาก และเสริมให้ใบหน้าดูหวานละมุน อ่อนเยาว์ หรือคมเข้มสมาร์ทขึ้น

ในวันทำหัตถการปลูกผม ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องตัดผมหรือโกนผม และใช้เทคนิคขั้นบันได หมายถึงการเจาะย้ายกราฟต์ออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกัน เพื่อซ่อนรอยแผลได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะนำกราฟต์ผมแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที และตัดแต่งกราฟต์ผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก จากนั้นคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมให้ด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ๆ จนได้ความหนาแน่นของเส้นผมที่เต็มแน่นกำลังดี 


และจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม คือขั้นตอนการดูแลติดตามผลหลังปลูก ซึ่งคุณหมอจะคอยตรวจการเจริญเติบโตของเส้นผมทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง เพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่มีอัตราการรอดได้มากที่สุด เนื่องจากผมปลูกใหม่จะใช้เวลา 1 ปีตามวงจรธรรมชาติ จึงจะแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ ตรงนี้เองที่คนไข้จะต้องให้ความร่วมมือในการทะนุถนอมและบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้น เส้นผมก็มีโอกาสหลุดร่วง จนกลับไปมีอาการผมบางซ้ำอีกก็เป็นได้


Fact No.4
สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องปลูกผมด้วยแพทย์

สำคัญแน่นอน เพราะการปลูกผมต้องประยุกต์ใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองเชิงศิลป์ ในการออกแบบการรักษาและออกแบบความงามไปพร้อม ๆ กัน งานนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริงเท่านั้น จึงจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นผมเพียงพอ 

และในขณะที่ทำหัตถการปลูกผมนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นตามจำนวนกราฟต์ที่คำนวณไว้ ซึ่งจะหนาแน่นกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป การคัดเลือกเส้นผมที่มีขนาด ความหนาบาง และความโค้ง ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เพราะผมบริเวณต่าง ๆ อย่างเช่นตรงกลางศีรษะ หรือแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ย่อมมีลักษณะที่ต่างกัน ซึ่งแพทย์จะต้องมีความละเอียดอ่อนตรงจุดนี้


นอกจากนั้น แพทย์จะต้องปักกราฟต์ผมโดยเรียงให้ได้ทิศทางและองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะทิศทางผมเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ในช่วงแรก ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเสียก่อนจึงจะเห็น และถ้าชี้ผิดทิศทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ก็จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก 

และสิ่งที่แพทย์ต้องควบคุมยังรวมไปถึงระยะความลึกในการปักกราฟต์ผมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารากผมจะเชื่อมต่อกับชั้นหนังศีรษะอย่างดี สามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผลว่า ทำไมแพทย์จึงควรลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ แบบที่ใครก็ทำแทนไม่ได้นั่นเอง


Fact No.5
อุปกรณ์ปลูกผมที่ล้ำสมัยและได้มาตรฐาน 

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ชำนาญก็ยังต้องการผู้ช่วยมือหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็คืออุปกรณ์ในการปลูกผมต่าง ๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อคงสภาพของกราฟต์ผมไว้ได้มากที่สุด และอุปกรณ์เด่นที่ขาดไม่ได้ ก็คือปากกาปลูกผม หรือ Implanter Pen สำหรับปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ลงในพื้นที่ที่ต้องการ 


โดย Implanter Pen จะช่วยถนอมรากผมไม่ให้บอบช้ำ ต่างจากการใช้ Forceps หรือคีมคีบ ซึ่งเป็นวิธีปลูกผมที่ใช้กันในสมัยก่อน ทำให้อัตราการอยู่รอดของเส้นผมสูงขึ้น แพทย์เองก็สามารถปลูกผมได้อย่างละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และควบคุมทิศทาง องศา ตลอดจนระยะความลึกในการปลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งยังลดอาการเจ็บหรือบวมซึ่งเป็นผลข้างเคียงในคนไข้บางรายได้อีกด้วย

อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การปลูกผมประสบความสำเร็จได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า หากจะตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต นอกเหนือจากเรื่องของราคาแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอะไรร่วมด้วยอีกบ้าง อย่าลืมว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต โดยเรามีโอกาสปลูกผมเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อดูแลเส้นผมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ

ปลูกผมใหม่ ในวัย 50+
ไม่ใช่แค่วัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว แต่คนทุกวัย ก็อยากจะมีรูปลักษณ์ที่ชวนมองหรือบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกรักตนเองและมั่นใจในตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” เป็นปัจจัยความงามข้อหนึ่ง ที่เปรียบเหมือนเครื่องประดับตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยเสริมความมั่นใจในทุก ๆ วันของการใช้ชีวิต แต่เมื่อเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีไม่ได้คงทนยาวนานพอที่จะอยู่กับเราไปตลอด หลายคนจึงพบปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านเมื่ออายุมากขึ้น 


หากคุณหรือคนในครอบครัว ที่อยู่ในวัย 50+ และกำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมล้านหรือผมบางกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จนกังวลว่า ปัญหาหนักขนาดนี้ จะยังปลูกผมใหม่ได้อยู่ไหม สิ่งแรกที่คุณควรทำอย่างไม่ต้องลังเลใจ ก็คือการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอผู้ชำนาญด้านเส้นผม


เพราะคุณหมอคือคนเดียวที่ช่วยวิเคราะห์สภาพปัญหาผม สำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะประเมินความเป็นไปได้ และออกแบบแนวทางการรักษา เพื่อคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้มากที่สุด และนี่ก็คือแนวทางการแก้ปัญหาผมสำหรับคนวัย 50+ ที่แม้ว่าจะมีต้นทุนผมสุขภาพดีไม่มากเท่ากับคนในวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังมีทางออกหลายรูปแบบที่คุณหมอแนะนำเช่นกัน


1 ปลูกผมถาวร

สำหรับแนวทางนี้ คนไข้ในวัย 50+ ส่วนใหญ่จะมีความกังวลใจ เนื่องจากปัญหาผมบางในวัยนี้มักจะขยายเป็นวงกว้าง นั่นหมายความว่าคนไข้ต้องการกราฟต์ผมสำหรับการปลูกใหม่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการย้ายมาปลูกใหม่ ก็อาจเหลือจำนวนน้อยลง หรือมีความอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นของเจ้าของเส้นผมเอง


อย่างไรก็ตาม คุณหมอจะช่วยประเมินการใช้กราฟต์ผมที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยแก้ปัญหาผมบางให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนั้นก็จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้กราฟต์ผมที่นอกเหนือไปจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาช่วยเสริมด้วยอีกส่วนหนึ่ง 

ที่สำคัญ คุณหมอจะช่วยออกแบบการปลูกผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรูปลักษณ์ หรือบุคลิกภาพ ภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ได้ในที่สุด


2 Premium Hair Booster

อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณหมอมักแนะนำให้กับคนไข้ไม่ว่าอยู่ในวัยไหนก็ตาม ก็คือการเข้ารับบริการ Treatment บำรุงล้ำลึก ที่คัดสรรโดยนามนิน เพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ โดย Premium Hair Booster เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยลดอาการผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พร้อมกับฟื้นบำรุงให้เส้นผมที่อ่อนแอ ลีบบาง มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และแข็งแรงยิ่งขึ้นจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร ตลอดจนมลภาวะหรือสารเคมี

Premium Hair Booster พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมของนามนิน อาศัยพลังบำรุงขั้นสุดจากอนุภาคไซส์จิ๋วที่เล็กระดับนาโน หรือเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งแยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า 

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเพิ่มพลังบูสต์เต็มขั้น ด้วยวิตามินสูตรเฉพาะ เพื่อทำงานร่วมกับอนุภาคบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สะดวกสบาย เพียงฉีดสารบำรุงเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่ยังมีรูขุมขนอยู่ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ โดยไม่ทิ้งรอยแผลหรืออาการเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์เห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีความปลอดภัยสูงสำหรับคนทุกวัย แม้ในวัย 50+ ก็ตาม


3 ปลูกผมเทคนิค NEAT + Premium Hair Booster

สำหรับบางกรณีที่มีปัญหาเส้นผมในระดับค่อนข้างรุนแรง คุณหมออาจแนะนำให้เข้ารับการปลูกผมร่วมกับ Treatment ด้วย เพื่อเสริมบำรุงเส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากความแข็งแรงของเส้นผมเดิมก็จะส่งผลดีต่อเส้นผมใหม่ด้วยนั่นเอง 

หากคนไข้ให้ความสนใจเลือกวิธีนี้ หรือคุณหมอมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งคุณหมอและคนไข้จะร่วมกันออกแบบการรักษา ว่าควรจะฉีดบำรุงด้วย Premium Booster ก่อน เพื่อเสริมให้ผมแข็งแรง แล้วจึงค่อยเข้ารับการปลูกผม หรือในอีกกรณีหนึ่ง สามารถที่จะเข้ารับการปลูกผมใหม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงฉีดบำรุงตามระยะที่คุณหมอกำหนด ซึ่งมีคนไข้ของนามนินที่เคยเข้ารับบริการด้วยสูตรผสมนี้ และกลับบ้านไปด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


ทั้งนี้ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผม รวมถึงความต้องการของผู้เข้ารับบริการเอง ซึ่งคุณหมอจะเปิดใจคุยกับคนไข้อย่างตรงไปตรงมา ถึงความเป็นไปได้จริงในการรักษา ดังนั้น ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จึงเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อทำความเข้าใจปัญหา และร่วมกันหาทางฟื้นฟูดูแลเส้นผม 

...เพราะไม่มีคำว่าสูงวัยเกินไป สำหรับการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการกลับมาดูแลตัวเองให้ดูดีอีกครั้ง...

ปลูกผมใหม่ ในวัย 50+
ไม่ใช่แค่วัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว แต่คนทุกวัย ก็อยากจะมีรูปลักษณ์ที่ชวนมองหรือบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกรักตนเองและมั่นใจในตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” เป็นปัจจัยความงามข้อหนึ่ง ที่เปรียบเหมือนเครื่องประดับตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยเสริมความมั่นใจในทุก ๆ วันของการใช้ชีวิต แต่เมื่อเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีไม่ได้คงทนยาวนานพอที่จะอยู่กับเราไปตลอด หลายคนจึงพบปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านเมื่ออายุมากขึ้น 


หากคุณหรือคนในครอบครัว ที่อยู่ในวัย 50+ และกำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมล้านหรือผมบางกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จนกังวลว่า ปัญหาหนักขนาดนี้ จะยังปลูกผมใหม่ได้อยู่ไหม สิ่งแรกที่คุณควรทำอย่างไม่ต้องลังเลใจ ก็คือการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอผู้ชำนาญด้านเส้นผม


เพราะคุณหมอคือคนเดียวที่ช่วยวิเคราะห์สภาพปัญหาผม สำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะประเมินความเป็นไปได้ และออกแบบแนวทางการรักษา เพื่อคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้มากที่สุด และนี่ก็คือแนวทางการแก้ปัญหาผมสำหรับคนวัย 50+ ที่แม้ว่าจะมีต้นทุนผมสุขภาพดีไม่มากเท่ากับคนในวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังมีทางออกหลายรูปแบบที่คุณหมอแนะนำเช่นกัน


1 ปลูกผมถาวร

สำหรับแนวทางนี้ คนไข้ในวัย 50+ ส่วนใหญ่จะมีความกังวลใจ เนื่องจากปัญหาผมบางในวัยนี้มักจะขยายเป็นวงกว้าง นั่นหมายความว่าคนไข้ต้องการกราฟต์ผมสำหรับการปลูกใหม่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการย้ายมาปลูกใหม่ ก็อาจเหลือจำนวนน้อยลง หรือมีความอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นของเจ้าของเส้นผมเอง


อย่างไรก็ตาม คุณหมอจะช่วยประเมินการใช้กราฟต์ผมที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยแก้ปัญหาผมบางให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนั้นก็จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้กราฟต์ผมที่นอกเหนือไปจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาช่วยเสริมด้วยอีกส่วนหนึ่ง 

ที่สำคัญ คุณหมอจะช่วยออกแบบการปลูกผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรูปลักษณ์ หรือบุคลิกภาพ ภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ได้ในที่สุด


2 Premium Hair Booster

อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณหมอมักแนะนำให้กับคนไข้ไม่ว่าอยู่ในวัยไหนก็ตาม ก็คือการเข้ารับบริการ Treatment บำรุงล้ำลึก ที่คัดสรรโดยนามนิน เพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ โดย Premium Hair Booster เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยลดอาการผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พร้อมกับฟื้นบำรุงให้เส้นผมที่อ่อนแอ ลีบบาง มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และแข็งแรงยิ่งขึ้นจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร ตลอดจนมลภาวะหรือสารเคมี

Premium Hair Booster พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมของนามนิน อาศัยพลังบำรุงขั้นสุดจากอนุภาคไซส์จิ๋วที่เล็กระดับนาโน หรือเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งแยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า 

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเพิ่มพลังบูสต์เต็มขั้น ด้วยวิตามินสูตรเฉพาะ เพื่อทำงานร่วมกับอนุภาคบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สะดวกสบาย เพียงฉีดสารบำรุงเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่ยังมีรูขุมขนอยู่ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ โดยไม่ทิ้งรอยแผลหรืออาการเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์เห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีความปลอดภัยสูงสำหรับคนทุกวัย แม้ในวัย 50+ ก็ตาม


3 ปลูกผมเทคนิค NEAT + Premium Hair Booster

สำหรับบางกรณีที่มีปัญหาเส้นผมในระดับค่อนข้างรุนแรง คุณหมออาจแนะนำให้เข้ารับการปลูกผมร่วมกับ Treatment ด้วย เพื่อเสริมบำรุงเส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากความแข็งแรงของเส้นผมเดิมก็จะส่งผลดีต่อเส้นผมใหม่ด้วยนั่นเอง 

หากคนไข้ให้ความสนใจเลือกวิธีนี้ หรือคุณหมอมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งคุณหมอและคนไข้จะร่วมกันออกแบบการรักษา ว่าควรจะฉีดบำรุงด้วย Premium Booster ก่อน เพื่อเสริมให้ผมแข็งแรง แล้วจึงค่อยเข้ารับการปลูกผม หรือในอีกกรณีหนึ่ง สามารถที่จะเข้ารับการปลูกผมใหม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงฉีดบำรุงตามระยะที่คุณหมอกำหนด ซึ่งมีคนไข้ของนามนินที่เคยเข้ารับบริการด้วยสูตรผสมนี้ และกลับบ้านไปด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


ทั้งนี้ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผม รวมถึงความต้องการของผู้เข้ารับบริการเอง ซึ่งคุณหมอจะเปิดใจคุยกับคนไข้อย่างตรงไปตรงมา ถึงความเป็นไปได้จริงในการรักษา ดังนั้น ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จึงเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อทำความเข้าใจปัญหา และร่วมกันหาทางฟื้นฟูดูแลเส้นผม 

...เพราะไม่มีคำว่าสูงวัยเกินไป สำหรับการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการกลับมาดูแลตัวเองให้ดูดีอีกครั้ง...

ปลูกผมใหม่ ในวัย 50+
ไม่ใช่แค่วัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว แต่คนทุกวัย ก็อยากจะมีรูปลักษณ์ที่ชวนมองหรือบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกรักตนเองและมั่นใจในตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” เป็นปัจจัยความงามข้อหนึ่ง ที่เปรียบเหมือนเครื่องประดับตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยเสริมความมั่นใจในทุก ๆ วันของการใช้ชีวิต แต่เมื่อเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีไม่ได้คงทนยาวนานพอที่จะอยู่กับเราไปตลอด หลายคนจึงพบปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านเมื่ออายุมากขึ้น 


หากคุณหรือคนในครอบครัว ที่อยู่ในวัย 50+ และกำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมล้านหรือผมบางกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จนกังวลว่า ปัญหาหนักขนาดนี้ จะยังปลูกผมใหม่ได้อยู่ไหม สิ่งแรกที่คุณควรทำอย่างไม่ต้องลังเลใจ ก็คือการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอผู้ชำนาญด้านเส้นผม


เพราะคุณหมอคือคนเดียวที่ช่วยวิเคราะห์สภาพปัญหาผม สำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะประเมินความเป็นไปได้ และออกแบบแนวทางการรักษา เพื่อคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้มากที่สุด และนี่ก็คือแนวทางการแก้ปัญหาผมสำหรับคนวัย 50+ ที่แม้ว่าจะมีต้นทุนผมสุขภาพดีไม่มากเท่ากับคนในวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังมีทางออกหลายรูปแบบที่คุณหมอแนะนำเช่นกัน


1 ปลูกผมถาวร

สำหรับแนวทางนี้ คนไข้ในวัย 50+ ส่วนใหญ่จะมีความกังวลใจ เนื่องจากปัญหาผมบางในวัยนี้มักจะขยายเป็นวงกว้าง นั่นหมายความว่าคนไข้ต้องการกราฟต์ผมสำหรับการปลูกใหม่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการย้ายมาปลูกใหม่ ก็อาจเหลือจำนวนน้อยลง หรือมีความอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นของเจ้าของเส้นผมเอง


อย่างไรก็ตาม คุณหมอจะช่วยประเมินการใช้กราฟต์ผมที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยแก้ปัญหาผมบางให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนั้นก็จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้กราฟต์ผมที่นอกเหนือไปจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาช่วยเสริมด้วยอีกส่วนหนึ่ง 

ที่สำคัญ คุณหมอจะช่วยออกแบบการปลูกผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรูปลักษณ์ หรือบุคลิกภาพ ภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ได้ในที่สุด


2 Premium Hair Booster

อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณหมอมักแนะนำให้กับคนไข้ไม่ว่าอยู่ในวัยไหนก็ตาม ก็คือการเข้ารับบริการ Treatment บำรุงล้ำลึก ที่คัดสรรโดยนามนิน เพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ โดย Premium Hair Booster เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยลดอาการผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พร้อมกับฟื้นบำรุงให้เส้นผมที่อ่อนแอ ลีบบาง มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และแข็งแรงยิ่งขึ้นจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร ตลอดจนมลภาวะหรือสารเคมี

Premium Hair Booster พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมของนามนิน อาศัยพลังบำรุงขั้นสุดจากอนุภาคไซส์จิ๋วที่เล็กระดับนาโน หรือเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งแยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า 

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเพิ่มพลังบูสต์เต็มขั้น ด้วยวิตามินสูตรเฉพาะ เพื่อทำงานร่วมกับอนุภาคบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สะดวกสบาย เพียงฉีดสารบำรุงเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่ยังมีรูขุมขนอยู่ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ โดยไม่ทิ้งรอยแผลหรืออาการเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์เห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีความปลอดภัยสูงสำหรับคนทุกวัย แม้ในวัย 50+ ก็ตาม


3 ปลูกผมเทคนิค NEAT + Premium Hair Booster

สำหรับบางกรณีที่มีปัญหาเส้นผมในระดับค่อนข้างรุนแรง คุณหมออาจแนะนำให้เข้ารับการปลูกผมร่วมกับ Treatment ด้วย เพื่อเสริมบำรุงเส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากความแข็งแรงของเส้นผมเดิมก็จะส่งผลดีต่อเส้นผมใหม่ด้วยนั่นเอง 

หากคนไข้ให้ความสนใจเลือกวิธีนี้ หรือคุณหมอมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งคุณหมอและคนไข้จะร่วมกันออกแบบการรักษา ว่าควรจะฉีดบำรุงด้วย Premium Booster ก่อน เพื่อเสริมให้ผมแข็งแรง แล้วจึงค่อยเข้ารับการปลูกผม หรือในอีกกรณีหนึ่ง สามารถที่จะเข้ารับการปลูกผมใหม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงฉีดบำรุงตามระยะที่คุณหมอกำหนด ซึ่งมีคนไข้ของนามนินที่เคยเข้ารับบริการด้วยสูตรผสมนี้ และกลับบ้านไปด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


ทั้งนี้ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผม รวมถึงความต้องการของผู้เข้ารับบริการเอง ซึ่งคุณหมอจะเปิดใจคุยกับคนไข้อย่างตรงไปตรงมา ถึงความเป็นไปได้จริงในการรักษา ดังนั้น ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จึงเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อทำความเข้าใจปัญหา และร่วมกันหาทางฟื้นฟูดูแลเส้นผม 

...เพราะไม่มีคำว่าสูงวัยเกินไป สำหรับการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการกลับมาดูแลตัวเองให้ดูดีอีกครั้ง...

ปลูกผมใหม่ ในวัย 50+
ไม่ใช่แค่วัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว แต่คนทุกวัย ก็อยากจะมีรูปลักษณ์ที่ชวนมองหรือบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกรักตนเองและมั่นใจในตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” เป็นปัจจัยความงามข้อหนึ่ง ที่เปรียบเหมือนเครื่องประดับตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยเสริมความมั่นใจในทุก ๆ วันของการใช้ชีวิต แต่เมื่อเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีไม่ได้คงทนยาวนานพอที่จะอยู่กับเราไปตลอด หลายคนจึงพบปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านเมื่ออายุมากขึ้น 


หากคุณหรือคนในครอบครัว ที่อยู่ในวัย 50+ และกำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมล้านหรือผมบางกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จนกังวลว่า ปัญหาหนักขนาดนี้ จะยังปลูกผมใหม่ได้อยู่ไหม สิ่งแรกที่คุณควรทำอย่างไม่ต้องลังเลใจ ก็คือการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอผู้ชำนาญด้านเส้นผม


เพราะคุณหมอคือคนเดียวที่ช่วยวิเคราะห์สภาพปัญหาผม สำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะประเมินความเป็นไปได้ และออกแบบแนวทางการรักษา เพื่อคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้มากที่สุด และนี่ก็คือแนวทางการแก้ปัญหาผมสำหรับคนวัย 50+ ที่แม้ว่าจะมีต้นทุนผมสุขภาพดีไม่มากเท่ากับคนในวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังมีทางออกหลายรูปแบบที่คุณหมอแนะนำเช่นกัน


1 ปลูกผมถาวร

สำหรับแนวทางนี้ คนไข้ในวัย 50+ ส่วนใหญ่จะมีความกังวลใจ เนื่องจากปัญหาผมบางในวัยนี้มักจะขยายเป็นวงกว้าง นั่นหมายความว่าคนไข้ต้องการกราฟต์ผมสำหรับการปลูกใหม่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการย้ายมาปลูกใหม่ ก็อาจเหลือจำนวนน้อยลง หรือมีความอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นของเจ้าของเส้นผมเอง


อย่างไรก็ตาม คุณหมอจะช่วยประเมินการใช้กราฟต์ผมที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยแก้ปัญหาผมบางให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนั้นก็จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้กราฟต์ผมที่นอกเหนือไปจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาช่วยเสริมด้วยอีกส่วนหนึ่ง 

ที่สำคัญ คุณหมอจะช่วยออกแบบการปลูกผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรูปลักษณ์ หรือบุคลิกภาพ ภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ได้ในที่สุด


2 Premium Hair Booster

อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณหมอมักแนะนำให้กับคนไข้ไม่ว่าอยู่ในวัยไหนก็ตาม ก็คือการเข้ารับบริการ Treatment บำรุงล้ำลึก ที่คัดสรรโดยนามนิน เพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ โดย Premium Hair Booster เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยลดอาการผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พร้อมกับฟื้นบำรุงให้เส้นผมที่อ่อนแอ ลีบบาง มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และแข็งแรงยิ่งขึ้นจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร ตลอดจนมลภาวะหรือสารเคมี

Premium Hair Booster พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมของนามนิน อาศัยพลังบำรุงขั้นสุดจากอนุภาคไซส์จิ๋วที่เล็กระดับนาโน หรือเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งแยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า 

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเพิ่มพลังบูสต์เต็มขั้น ด้วยวิตามินสูตรเฉพาะ เพื่อทำงานร่วมกับอนุภาคบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สะดวกสบาย เพียงฉีดสารบำรุงเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่ยังมีรูขุมขนอยู่ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ โดยไม่ทิ้งรอยแผลหรืออาการเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์เห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีความปลอดภัยสูงสำหรับคนทุกวัย แม้ในวัย 50+ ก็ตาม


3 ปลูกผมเทคนิค NEAT + Premium Hair Booster

สำหรับบางกรณีที่มีปัญหาเส้นผมในระดับค่อนข้างรุนแรง คุณหมออาจแนะนำให้เข้ารับการปลูกผมร่วมกับ Treatment ด้วย เพื่อเสริมบำรุงเส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากความแข็งแรงของเส้นผมเดิมก็จะส่งผลดีต่อเส้นผมใหม่ด้วยนั่นเอง 

หากคนไข้ให้ความสนใจเลือกวิธีนี้ หรือคุณหมอมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งคุณหมอและคนไข้จะร่วมกันออกแบบการรักษา ว่าควรจะฉีดบำรุงด้วย Premium Booster ก่อน เพื่อเสริมให้ผมแข็งแรง แล้วจึงค่อยเข้ารับการปลูกผม หรือในอีกกรณีหนึ่ง สามารถที่จะเข้ารับการปลูกผมใหม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงฉีดบำรุงตามระยะที่คุณหมอกำหนด ซึ่งมีคนไข้ของนามนินที่เคยเข้ารับบริการด้วยสูตรผสมนี้ และกลับบ้านไปด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


ทั้งนี้ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผม รวมถึงความต้องการของผู้เข้ารับบริการเอง ซึ่งคุณหมอจะเปิดใจคุยกับคนไข้อย่างตรงไปตรงมา ถึงความเป็นไปได้จริงในการรักษา ดังนั้น ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จึงเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อทำความเข้าใจปัญหา และร่วมกันหาทางฟื้นฟูดูแลเส้นผม 

...เพราะไม่มีคำว่าสูงวัยเกินไป สำหรับการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการกลับมาดูแลตัวเองให้ดูดีอีกครั้ง...

คุณแม่มือใหม่ ทำไมผมร่วงหลังคลอด?
โลกของคุณแม่มือใหม่ ไม่ได้สวยงามชวนฝันเหมือนในละครโทรทัศน์ ไหนจะต้องรับบทบาทคุณแม่ดูแลเจ้าตัวเล็ก 24 ชั่วโมง อดหลับอดนอน รับมือกับความเครียดสารพัดเรื่อง คุณแม่หลายคนยังต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ต้องพยายามดูแลตัวเองทั้งที่ในแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลา ทั้งยังต้องมาเจอกับปัญหาอย่างเช่น “ภาวะผมร่วงหลังคลอด” ที่ทำเอาคุณแม่หลายคนเสียขวัญเพราะผมร่วงในแต่ละวันเป็นร้อย ๆ เส้น!! จนเกิดคำถามมากมายว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า ผมจะร่วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  มีวิธีช่วยหยุดอาการผมร่วงได้หรือไม่ 

...คำตอบอยู่ในอีกไม่กี่บรรทัดข้างล่างนี้แล้ว มาทำความเข้าใจภาวะผมร่วงหลังคลอดของเหล่าคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย...


ผมร่วงหลังคลอด ...ผิดปกติหรือไม่...

ภาวะผมร่วงหลังคลอด ไม่ใช่อาการผิดปกติ หรืออาจเป็นอันตรายแต่อย่างใด ตามสถิติแล้ว จะมีคุณแม่ถึงประมาณร้อยละ 50 ที่ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังคลอด และผมที่ร่วงเป็นหลักร้อยเส้นนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ปริมาณส่วนน้อยเพียงร้อยละ 5-15 ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะเท่านั้นเอง และโดยปกติผมของคนเราก็อาจร่วงได้ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากจนเกินไป


คุณแม่มือใหม่ ...ทำไมจึงผมร่วง...

นอกจากปัจจัยอย่างเช่นความเครียด ความกังวลในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลแล้ว สาเหตุหลักของภาวะผมร่วงหลังคลอด ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกายของคุณแม่นั่นเอง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของเส้นผมกันก่อน ประกอบไปด้วย 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะงอกของเส้นผม (Anagenic Phase)
  • ระยะพักของเส้นผม (Catagen Phase)
  • ระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase)

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงขึ้น และสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้เอง จะไปกระตุ้นให้เส้นผมเกือบทั้งศีรษะเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่อยู่ในระยะพัก (Catagen Phase) และเตรียมหลุดร่วง ผลที่ตามมาก็คือ จากเดิมก่อนตั้งครรภ์ที่คุณแม่เคยผมร่วงตามธรรมชาติวันละ 70-100 เส้น กลายเป็นว่าพอตั้งครรภ์แล้ว ผมจะหลุดร่วงน้อยลง แลดูหนาดกดำขึ้นตลอด 9 เดือน 

แต่พอคลอดแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมจำนวนมากที่เคยอยู่ในระยะเจริญเติบโตเพราะฮอร์โมนเลี้ยงระดับไว้ จึงหยุดการเจริญเติบโตอย่างกะทันหัน พากันเข้าสู่ระยะพัก (Catagen Phase) ตามมาด้วยระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase) ทำให้ผมร่วงพร้อม ๆ กันมากกว่าปกติ นับเป็นร้อย ๆ เส้นอย่างที่เราเห็น บางครั้งอาจร่วงมากถึง 400-500 เส้นต่อวันทีเดียว ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะ Telogen Effluvium แบบเฉียบพลันนั่นเอง


นานแค่ไหน ...กว่าผมจะหยุดร่วง...

โดยเฉลี่ยแล้ว คุณแม่มือใหม่มักจะมีอาการผมร่วงหนักประมาณ 3 เดือน ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด และในช่วงเดือนที่ 6-12 ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระดับปกติ ภาวะ Telogen Effluvium จะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งผมเริ่มหยุดร่วงมากผิดปกติในที่สุด ดังนั้น หลังคลอดไปแล้ว 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมของคุณแม่ก็จะกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม


ชวนคุณแม่ ...ดูแลเส้นผมหลังคลอด...

แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ชั่วคราว แต่ระหว่างที่ผมร่วงเยอะ ๆ นั้นก็คงจะทำให้คุณแม่จิตตกและเครียดกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเราจะหยุดอาการผมร่วงไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธีที่จะช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพผม รวมถึงมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพผมของคุณแม่อ่อนแอลงไปกว่าเดิม 

  • เริ่มจากขั้นตอนการสระเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และสามารถนวดหนังศีรษะเบา ๆ ระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น

  • เสริมด้วยการใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผมตั้งแต่ช่วงกลางผมถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก แต่ระวังอย่าชโลมครีมนวดบริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพราะจะยิ่งเพิ่มความมันให้กับหนังศีรษะ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่งทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

  • เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่างเช่นการหวีผม ก็สามารถส่งผลต่อความทนทานแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน ขอแนะนำให้หวีผมอย่างเบามือ เพราะยิ่งหวีแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผมจะขาดหลุดร่วง และการหวีผมบ่อย ๆ  ยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผมยิ่งร่วงมากขึ้นได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรหวีผม สัมผัสเส้นผม หรือรบกวนหนังศีรษะระหว่างวันบ่อยจนเกินไปนั่นเอง

เราอาจจะเห็นคุณแม่มือใหม่หลายคนเตรียมตัวด้วยการตัดผมสั้น เพราะดูแลง่าย โอกาสหลุดร่วงน้อย และช่วยให้ไม่ต้องมัดผมบ่อย ๆ เพราะการมัดผมเท่ากับเป็นการดึงผมให้ตึงขึ้น ทั้งที่โคนผมมีความอ่อนแออยู่แล้ว จึงอาจหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิมอีก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการไดร์เพื่อเป่าผมให้แห้ง การหนีบผม หรือการดัดผม เพราะจะยิ่งทำให้เส้นผมบางลง ทางที่ดีควรเว้นการจัดแต่งทรงผมที่ต้องใช้ความร้อนสูงไปสักระยะ 

  • อาหารก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบำรุงผมเช่นเดียวกัน โดยหลักการง่าย ๆ คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไบโอติน หรือโอเมก้า 3 เป็นต้น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ



Premium Hair Booster ...นวัตกรรมลดผมร่วงจากนามนิน

และถ้าคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหา Treatment บำรุงผมชั้นลึก เพื่อผมสุขภาพดีจากภายใน นามนินขอแนะนำ นวัตกรรม Premium Hair Booster ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน - แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม ด้วยพลังบำรุงจาก Exosome อนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีขนาดของอนุภาคเพียง 30 – 100 นาโนเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ในการทำงานร่วมกับ Exosome เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นวัตกรรมนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ ได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ 

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบบางมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์การฟื้นฟูภาวะผมร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการโดนทำร้ายจากสารเคมีอีกด้วย 



อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณแม่สังเกตว่า แม้เมื่อผ่านไปแล้ว 1 ปี ผมยังคงหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน กรณีนี้ขอแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และวางแผนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมแบบเฉพาะบุคคลร่วมกัน

คุณแม่มือใหม่ ทำไมผมร่วงหลังคลอด?
โลกของคุณแม่มือใหม่ ไม่ได้สวยงามชวนฝันเหมือนในละครโทรทัศน์ ไหนจะต้องรับบทบาทคุณแม่ดูแลเจ้าตัวเล็ก 24 ชั่วโมง อดหลับอดนอน รับมือกับความเครียดสารพัดเรื่อง คุณแม่หลายคนยังต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ต้องพยายามดูแลตัวเองทั้งที่ในแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลา ทั้งยังต้องมาเจอกับปัญหาอย่างเช่น “ภาวะผมร่วงหลังคลอด” ที่ทำเอาคุณแม่หลายคนเสียขวัญเพราะผมร่วงในแต่ละวันเป็นร้อย ๆ เส้น!! จนเกิดคำถามมากมายว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า ผมจะร่วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  มีวิธีช่วยหยุดอาการผมร่วงได้หรือไม่ 

...คำตอบอยู่ในอีกไม่กี่บรรทัดข้างล่างนี้แล้ว มาทำความเข้าใจภาวะผมร่วงหลังคลอดของเหล่าคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย...


ผมร่วงหลังคลอด ...ผิดปกติหรือไม่...

ภาวะผมร่วงหลังคลอด ไม่ใช่อาการผิดปกติ หรืออาจเป็นอันตรายแต่อย่างใด ตามสถิติแล้ว จะมีคุณแม่ถึงประมาณร้อยละ 50 ที่ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังคลอด และผมที่ร่วงเป็นหลักร้อยเส้นนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ปริมาณส่วนน้อยเพียงร้อยละ 5-15 ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะเท่านั้นเอง และโดยปกติผมของคนเราก็อาจร่วงได้ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากจนเกินไป


คุณแม่มือใหม่ ...ทำไมจึงผมร่วง...

นอกจากปัจจัยอย่างเช่นความเครียด ความกังวลในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลแล้ว สาเหตุหลักของภาวะผมร่วงหลังคลอด ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกายของคุณแม่นั่นเอง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของเส้นผมกันก่อน ประกอบไปด้วย 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะงอกของเส้นผม (Anagenic Phase)
  • ระยะพักของเส้นผม (Catagen Phase)
  • ระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase)

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงขึ้น และสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้เอง จะไปกระตุ้นให้เส้นผมเกือบทั้งศีรษะเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่อยู่ในระยะพัก (Catagen Phase) และเตรียมหลุดร่วง ผลที่ตามมาก็คือ จากเดิมก่อนตั้งครรภ์ที่คุณแม่เคยผมร่วงตามธรรมชาติวันละ 70-100 เส้น กลายเป็นว่าพอตั้งครรภ์แล้ว ผมจะหลุดร่วงน้อยลง แลดูหนาดกดำขึ้นตลอด 9 เดือน 

แต่พอคลอดแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมจำนวนมากที่เคยอยู่ในระยะเจริญเติบโตเพราะฮอร์โมนเลี้ยงระดับไว้ จึงหยุดการเจริญเติบโตอย่างกะทันหัน พากันเข้าสู่ระยะพัก (Catagen Phase) ตามมาด้วยระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase) ทำให้ผมร่วงพร้อม ๆ กันมากกว่าปกติ นับเป็นร้อย ๆ เส้นอย่างที่เราเห็น บางครั้งอาจร่วงมากถึง 400-500 เส้นต่อวันทีเดียว ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะ Telogen Effluvium แบบเฉียบพลันนั่นเอง


นานแค่ไหน ...กว่าผมจะหยุดร่วง...

โดยเฉลี่ยแล้ว คุณแม่มือใหม่มักจะมีอาการผมร่วงหนักประมาณ 3 เดือน ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด และในช่วงเดือนที่ 6-12 ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระดับปกติ ภาวะ Telogen Effluvium จะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งผมเริ่มหยุดร่วงมากผิดปกติในที่สุด ดังนั้น หลังคลอดไปแล้ว 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมของคุณแม่ก็จะกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม


ชวนคุณแม่ ...ดูแลเส้นผมหลังคลอด...

แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ชั่วคราว แต่ระหว่างที่ผมร่วงเยอะ ๆ นั้นก็คงจะทำให้คุณแม่จิตตกและเครียดกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเราจะหยุดอาการผมร่วงไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธีที่จะช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพผม รวมถึงมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพผมของคุณแม่อ่อนแอลงไปกว่าเดิม 

  • เริ่มจากขั้นตอนการสระเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และสามารถนวดหนังศีรษะเบา ๆ ระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น

  • เสริมด้วยการใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผมตั้งแต่ช่วงกลางผมถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก แต่ระวังอย่าชโลมครีมนวดบริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพราะจะยิ่งเพิ่มความมันให้กับหนังศีรษะ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่งทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

  • เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่างเช่นการหวีผม ก็สามารถส่งผลต่อความทนทานแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน ขอแนะนำให้หวีผมอย่างเบามือ เพราะยิ่งหวีแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผมจะขาดหลุดร่วง และการหวีผมบ่อย ๆ  ยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผมยิ่งร่วงมากขึ้นได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรหวีผม สัมผัสเส้นผม หรือรบกวนหนังศีรษะระหว่างวันบ่อยจนเกินไปนั่นเอง

เราอาจจะเห็นคุณแม่มือใหม่หลายคนเตรียมตัวด้วยการตัดผมสั้น เพราะดูแลง่าย โอกาสหลุดร่วงน้อย และช่วยให้ไม่ต้องมัดผมบ่อย ๆ เพราะการมัดผมเท่ากับเป็นการดึงผมให้ตึงขึ้น ทั้งที่โคนผมมีความอ่อนแออยู่แล้ว จึงอาจหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิมอีก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการไดร์เพื่อเป่าผมให้แห้ง การหนีบผม หรือการดัดผม เพราะจะยิ่งทำให้เส้นผมบางลง ทางที่ดีควรเว้นการจัดแต่งทรงผมที่ต้องใช้ความร้อนสูงไปสักระยะ 

  • อาหารก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบำรุงผมเช่นเดียวกัน โดยหลักการง่าย ๆ คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไบโอติน หรือโอเมก้า 3 เป็นต้น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ



Premium Hair Booster ...นวัตกรรมลดผมร่วงจากนามนิน

และถ้าคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหา Treatment บำรุงผมชั้นลึก เพื่อผมสุขภาพดีจากภายใน นามนินขอแนะนำ นวัตกรรม Premium Hair Booster ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน - แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม ด้วยพลังบำรุงจาก Exosome อนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีขนาดของอนุภาคเพียง 30 – 100 นาโนเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ในการทำงานร่วมกับ Exosome เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นวัตกรรมนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ ได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ 

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบบางมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์การฟื้นฟูภาวะผมร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการโดนทำร้ายจากสารเคมีอีกด้วย 



อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณแม่สังเกตว่า แม้เมื่อผ่านไปแล้ว 1 ปี ผมยังคงหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน กรณีนี้ขอแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และวางแผนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมแบบเฉพาะบุคคลร่วมกัน

คุณแม่มือใหม่ ทำไมผมร่วงหลังคลอด?
โลกของคุณแม่มือใหม่ ไม่ได้สวยงามชวนฝันเหมือนในละครโทรทัศน์ ไหนจะต้องรับบทบาทคุณแม่ดูแลเจ้าตัวเล็ก 24 ชั่วโมง อดหลับอดนอน รับมือกับความเครียดสารพัดเรื่อง คุณแม่หลายคนยังต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ต้องพยายามดูแลตัวเองทั้งที่ในแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลา ทั้งยังต้องมาเจอกับปัญหาอย่างเช่น “ภาวะผมร่วงหลังคลอด” ที่ทำเอาคุณแม่หลายคนเสียขวัญเพราะผมร่วงในแต่ละวันเป็นร้อย ๆ เส้น!! จนเกิดคำถามมากมายว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า ผมจะร่วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  มีวิธีช่วยหยุดอาการผมร่วงได้หรือไม่ 

...คำตอบอยู่ในอีกไม่กี่บรรทัดข้างล่างนี้แล้ว มาทำความเข้าใจภาวะผมร่วงหลังคลอดของเหล่าคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย...


ผมร่วงหลังคลอด ...ผิดปกติหรือไม่...

ภาวะผมร่วงหลังคลอด ไม่ใช่อาการผิดปกติ หรืออาจเป็นอันตรายแต่อย่างใด ตามสถิติแล้ว จะมีคุณแม่ถึงประมาณร้อยละ 50 ที่ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังคลอด และผมที่ร่วงเป็นหลักร้อยเส้นนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ปริมาณส่วนน้อยเพียงร้อยละ 5-15 ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะเท่านั้นเอง และโดยปกติผมของคนเราก็อาจร่วงได้ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากจนเกินไป


คุณแม่มือใหม่ ...ทำไมจึงผมร่วง...

นอกจากปัจจัยอย่างเช่นความเครียด ความกังวลในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลแล้ว สาเหตุหลักของภาวะผมร่วงหลังคลอด ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกายของคุณแม่นั่นเอง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของเส้นผมกันก่อน ประกอบไปด้วย 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะงอกของเส้นผม (Anagenic Phase)
  • ระยะพักของเส้นผม (Catagen Phase)
  • ระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase)

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงขึ้น และสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้เอง จะไปกระตุ้นให้เส้นผมเกือบทั้งศีรษะเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่อยู่ในระยะพัก (Catagen Phase) และเตรียมหลุดร่วง ผลที่ตามมาก็คือ จากเดิมก่อนตั้งครรภ์ที่คุณแม่เคยผมร่วงตามธรรมชาติวันละ 70-100 เส้น กลายเป็นว่าพอตั้งครรภ์แล้ว ผมจะหลุดร่วงน้อยลง แลดูหนาดกดำขึ้นตลอด 9 เดือน 

แต่พอคลอดแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมจำนวนมากที่เคยอยู่ในระยะเจริญเติบโตเพราะฮอร์โมนเลี้ยงระดับไว้ จึงหยุดการเจริญเติบโตอย่างกะทันหัน พากันเข้าสู่ระยะพัก (Catagen Phase) ตามมาด้วยระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase) ทำให้ผมร่วงพร้อม ๆ กันมากกว่าปกติ นับเป็นร้อย ๆ เส้นอย่างที่เราเห็น บางครั้งอาจร่วงมากถึง 400-500 เส้นต่อวันทีเดียว ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะ Telogen Effluvium แบบเฉียบพลันนั่นเอง


นานแค่ไหน ...กว่าผมจะหยุดร่วง...

โดยเฉลี่ยแล้ว คุณแม่มือใหม่มักจะมีอาการผมร่วงหนักประมาณ 3 เดือน ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด และในช่วงเดือนที่ 6-12 ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระดับปกติ ภาวะ Telogen Effluvium จะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งผมเริ่มหยุดร่วงมากผิดปกติในที่สุด ดังนั้น หลังคลอดไปแล้ว 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมของคุณแม่ก็จะกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม


ชวนคุณแม่ ...ดูแลเส้นผมหลังคลอด...

แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ชั่วคราว แต่ระหว่างที่ผมร่วงเยอะ ๆ นั้นก็คงจะทำให้คุณแม่จิตตกและเครียดกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเราจะหยุดอาการผมร่วงไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธีที่จะช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพผม รวมถึงมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพผมของคุณแม่อ่อนแอลงไปกว่าเดิม 

  • เริ่มจากขั้นตอนการสระเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และสามารถนวดหนังศีรษะเบา ๆ ระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น

  • เสริมด้วยการใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผมตั้งแต่ช่วงกลางผมถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก แต่ระวังอย่าชโลมครีมนวดบริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพราะจะยิ่งเพิ่มความมันให้กับหนังศีรษะ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่งทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

  • เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่างเช่นการหวีผม ก็สามารถส่งผลต่อความทนทานแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน ขอแนะนำให้หวีผมอย่างเบามือ เพราะยิ่งหวีแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผมจะขาดหลุดร่วง และการหวีผมบ่อย ๆ  ยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผมยิ่งร่วงมากขึ้นได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรหวีผม สัมผัสเส้นผม หรือรบกวนหนังศีรษะระหว่างวันบ่อยจนเกินไปนั่นเอง

เราอาจจะเห็นคุณแม่มือใหม่หลายคนเตรียมตัวด้วยการตัดผมสั้น เพราะดูแลง่าย โอกาสหลุดร่วงน้อย และช่วยให้ไม่ต้องมัดผมบ่อย ๆ เพราะการมัดผมเท่ากับเป็นการดึงผมให้ตึงขึ้น ทั้งที่โคนผมมีความอ่อนแออยู่แล้ว จึงอาจหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิมอีก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการไดร์เพื่อเป่าผมให้แห้ง การหนีบผม หรือการดัดผม เพราะจะยิ่งทำให้เส้นผมบางลง ทางที่ดีควรเว้นการจัดแต่งทรงผมที่ต้องใช้ความร้อนสูงไปสักระยะ 

  • อาหารก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบำรุงผมเช่นเดียวกัน โดยหลักการง่าย ๆ คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไบโอติน หรือโอเมก้า 3 เป็นต้น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ



Premium Hair Booster ...นวัตกรรมลดผมร่วงจากนามนิน

และถ้าคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหา Treatment บำรุงผมชั้นลึก เพื่อผมสุขภาพดีจากภายใน นามนินขอแนะนำ นวัตกรรม Premium Hair Booster ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน - แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม ด้วยพลังบำรุงจาก Exosome อนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีขนาดของอนุภาคเพียง 30 – 100 นาโนเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ในการทำงานร่วมกับ Exosome เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นวัตกรรมนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ ได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ 

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบบางมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์การฟื้นฟูภาวะผมร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการโดนทำร้ายจากสารเคมีอีกด้วย 



อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณแม่สังเกตว่า แม้เมื่อผ่านไปแล้ว 1 ปี ผมยังคงหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน กรณีนี้ขอแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และวางแผนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมแบบเฉพาะบุคคลร่วมกัน

คุณแม่มือใหม่ ทำไมผมร่วงหลังคลอด?
โลกของคุณแม่มือใหม่ ไม่ได้สวยงามชวนฝันเหมือนในละครโทรทัศน์ ไหนจะต้องรับบทบาทคุณแม่ดูแลเจ้าตัวเล็ก 24 ชั่วโมง อดหลับอดนอน รับมือกับความเครียดสารพัดเรื่อง คุณแม่หลายคนยังต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ต้องพยายามดูแลตัวเองทั้งที่ในแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลา ทั้งยังต้องมาเจอกับปัญหาอย่างเช่น “ภาวะผมร่วงหลังคลอด” ที่ทำเอาคุณแม่หลายคนเสียขวัญเพราะผมร่วงในแต่ละวันเป็นร้อย ๆ เส้น!! จนเกิดคำถามมากมายว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า ผมจะร่วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  มีวิธีช่วยหยุดอาการผมร่วงได้หรือไม่ 

...คำตอบอยู่ในอีกไม่กี่บรรทัดข้างล่างนี้แล้ว มาทำความเข้าใจภาวะผมร่วงหลังคลอดของเหล่าคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย...


ผมร่วงหลังคลอด ...ผิดปกติหรือไม่...

ภาวะผมร่วงหลังคลอด ไม่ใช่อาการผิดปกติ หรืออาจเป็นอันตรายแต่อย่างใด ตามสถิติแล้ว จะมีคุณแม่ถึงประมาณร้อยละ 50 ที่ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังคลอด และผมที่ร่วงเป็นหลักร้อยเส้นนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ปริมาณส่วนน้อยเพียงร้อยละ 5-15 ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะเท่านั้นเอง และโดยปกติผมของคนเราก็อาจร่วงได้ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากจนเกินไป


คุณแม่มือใหม่ ...ทำไมจึงผมร่วง...

นอกจากปัจจัยอย่างเช่นความเครียด ความกังวลในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลแล้ว สาเหตุหลักของภาวะผมร่วงหลังคลอด ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกายของคุณแม่นั่นเอง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของเส้นผมกันก่อน ประกอบไปด้วย 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะงอกของเส้นผม (Anagenic Phase)
  • ระยะพักของเส้นผม (Catagen Phase)
  • ระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase)

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงขึ้น และสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้เอง จะไปกระตุ้นให้เส้นผมเกือบทั้งศีรษะเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่อยู่ในระยะพัก (Catagen Phase) และเตรียมหลุดร่วง ผลที่ตามมาก็คือ จากเดิมก่อนตั้งครรภ์ที่คุณแม่เคยผมร่วงตามธรรมชาติวันละ 70-100 เส้น กลายเป็นว่าพอตั้งครรภ์แล้ว ผมจะหลุดร่วงน้อยลง แลดูหนาดกดำขึ้นตลอด 9 เดือน 

แต่พอคลอดแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมจำนวนมากที่เคยอยู่ในระยะเจริญเติบโตเพราะฮอร์โมนเลี้ยงระดับไว้ จึงหยุดการเจริญเติบโตอย่างกะทันหัน พากันเข้าสู่ระยะพัก (Catagen Phase) ตามมาด้วยระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase) ทำให้ผมร่วงพร้อม ๆ กันมากกว่าปกติ นับเป็นร้อย ๆ เส้นอย่างที่เราเห็น บางครั้งอาจร่วงมากถึง 400-500 เส้นต่อวันทีเดียว ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะ Telogen Effluvium แบบเฉียบพลันนั่นเอง


นานแค่ไหน ...กว่าผมจะหยุดร่วง...

โดยเฉลี่ยแล้ว คุณแม่มือใหม่มักจะมีอาการผมร่วงหนักประมาณ 3 เดือน ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด และในช่วงเดือนที่ 6-12 ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระดับปกติ ภาวะ Telogen Effluvium จะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งผมเริ่มหยุดร่วงมากผิดปกติในที่สุด ดังนั้น หลังคลอดไปแล้ว 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมของคุณแม่ก็จะกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม


ชวนคุณแม่ ...ดูแลเส้นผมหลังคลอด...

แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ชั่วคราว แต่ระหว่างที่ผมร่วงเยอะ ๆ นั้นก็คงจะทำให้คุณแม่จิตตกและเครียดกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเราจะหยุดอาการผมร่วงไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธีที่จะช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพผม รวมถึงมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพผมของคุณแม่อ่อนแอลงไปกว่าเดิม 

  • เริ่มจากขั้นตอนการสระเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และสามารถนวดหนังศีรษะเบา ๆ ระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น

  • เสริมด้วยการใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผมตั้งแต่ช่วงกลางผมถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก แต่ระวังอย่าชโลมครีมนวดบริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพราะจะยิ่งเพิ่มความมันให้กับหนังศีรษะ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่งทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

  • เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่างเช่นการหวีผม ก็สามารถส่งผลต่อความทนทานแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน ขอแนะนำให้หวีผมอย่างเบามือ เพราะยิ่งหวีแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผมจะขาดหลุดร่วง และการหวีผมบ่อย ๆ  ยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผมยิ่งร่วงมากขึ้นได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรหวีผม สัมผัสเส้นผม หรือรบกวนหนังศีรษะระหว่างวันบ่อยจนเกินไปนั่นเอง

เราอาจจะเห็นคุณแม่มือใหม่หลายคนเตรียมตัวด้วยการตัดผมสั้น เพราะดูแลง่าย โอกาสหลุดร่วงน้อย และช่วยให้ไม่ต้องมัดผมบ่อย ๆ เพราะการมัดผมเท่ากับเป็นการดึงผมให้ตึงขึ้น ทั้งที่โคนผมมีความอ่อนแออยู่แล้ว จึงอาจหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิมอีก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการไดร์เพื่อเป่าผมให้แห้ง การหนีบผม หรือการดัดผม เพราะจะยิ่งทำให้เส้นผมบางลง ทางที่ดีควรเว้นการจัดแต่งทรงผมที่ต้องใช้ความร้อนสูงไปสักระยะ 

  • อาหารก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบำรุงผมเช่นเดียวกัน โดยหลักการง่าย ๆ คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไบโอติน หรือโอเมก้า 3 เป็นต้น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ



Premium Hair Booster ...นวัตกรรมลดผมร่วงจากนามนิน

และถ้าคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหา Treatment บำรุงผมชั้นลึก เพื่อผมสุขภาพดีจากภายใน นามนินขอแนะนำ นวัตกรรม Premium Hair Booster ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน - แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม ด้วยพลังบำรุงจาก Exosome อนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีขนาดของอนุภาคเพียง 30 – 100 นาโนเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ในการทำงานร่วมกับ Exosome เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นวัตกรรมนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ ได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ 

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบบางมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์การฟื้นฟูภาวะผมร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการโดนทำร้ายจากสารเคมีอีกด้วย 



อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณแม่สังเกตว่า แม้เมื่อผ่านไปแล้ว 1 ปี ผมยังคงหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน กรณีนี้ขอแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และวางแผนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมแบบเฉพาะบุคคลร่วมกัน

คุณแม่มือใหม่ ทำไมผมร่วงหลังคลอด?
โลกของคุณแม่มือใหม่ ไม่ได้สวยงามชวนฝันเหมือนในละครโทรทัศน์ ไหนจะต้องรับบทบาทคุณแม่ดูแลเจ้าตัวเล็ก 24 ชั่วโมง อดหลับอดนอน รับมือกับความเครียดสารพัดเรื่อง คุณแม่หลายคนยังต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ต้องพยายามดูแลตัวเองทั้งที่ในแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลา ทั้งยังต้องมาเจอกับปัญหาอย่างเช่น “ภาวะผมร่วงหลังคลอด” ที่ทำเอาคุณแม่หลายคนเสียขวัญเพราะผมร่วงในแต่ละวันเป็นร้อย ๆ เส้น!! จนเกิดคำถามมากมายว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า ผมจะร่วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  มีวิธีช่วยหยุดอาการผมร่วงได้หรือไม่ 

...คำตอบอยู่ในอีกไม่กี่บรรทัดข้างล่างนี้แล้ว มาทำความเข้าใจภาวะผมร่วงหลังคลอดของเหล่าคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย...


ผมร่วงหลังคลอด ...ผิดปกติหรือไม่...

ภาวะผมร่วงหลังคลอด ไม่ใช่อาการผิดปกติ หรืออาจเป็นอันตรายแต่อย่างใด ตามสถิติแล้ว จะมีคุณแม่ถึงประมาณร้อยละ 50 ที่ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังคลอด และผมที่ร่วงเป็นหลักร้อยเส้นนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ปริมาณส่วนน้อยเพียงร้อยละ 5-15 ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะเท่านั้นเอง และโดยปกติผมของคนเราก็อาจร่วงได้ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากจนเกินไป


คุณแม่มือใหม่ ...ทำไมจึงผมร่วง...

นอกจากปัจจัยอย่างเช่นความเครียด ความกังวลในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลแล้ว สาเหตุหลักของภาวะผมร่วงหลังคลอด ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกายของคุณแม่นั่นเอง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของเส้นผมกันก่อน ประกอบไปด้วย 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะงอกของเส้นผม (Anagenic Phase)
  • ระยะพักของเส้นผม (Catagen Phase)
  • ระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase)

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงขึ้น และสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้เอง จะไปกระตุ้นให้เส้นผมเกือบทั้งศีรษะเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่อยู่ในระยะพัก (Catagen Phase) และเตรียมหลุดร่วง ผลที่ตามมาก็คือ จากเดิมก่อนตั้งครรภ์ที่คุณแม่เคยผมร่วงตามธรรมชาติวันละ 70-100 เส้น กลายเป็นว่าพอตั้งครรภ์แล้ว ผมจะหลุดร่วงน้อยลง แลดูหนาดกดำขึ้นตลอด 9 เดือน 

แต่พอคลอดแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมจำนวนมากที่เคยอยู่ในระยะเจริญเติบโตเพราะฮอร์โมนเลี้ยงระดับไว้ จึงหยุดการเจริญเติบโตอย่างกะทันหัน พากันเข้าสู่ระยะพัก (Catagen Phase) ตามมาด้วยระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase) ทำให้ผมร่วงพร้อม ๆ กันมากกว่าปกติ นับเป็นร้อย ๆ เส้นอย่างที่เราเห็น บางครั้งอาจร่วงมากถึง 400-500 เส้นต่อวันทีเดียว ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะ Telogen Effluvium แบบเฉียบพลันนั่นเอง


นานแค่ไหน ...กว่าผมจะหยุดร่วง...

โดยเฉลี่ยแล้ว คุณแม่มือใหม่มักจะมีอาการผมร่วงหนักประมาณ 3 เดือน ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด และในช่วงเดือนที่ 6-12 ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระดับปกติ ภาวะ Telogen Effluvium จะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งผมเริ่มหยุดร่วงมากผิดปกติในที่สุด ดังนั้น หลังคลอดไปแล้ว 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมของคุณแม่ก็จะกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม


ชวนคุณแม่ ...ดูแลเส้นผมหลังคลอด...

แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ชั่วคราว แต่ระหว่างที่ผมร่วงเยอะ ๆ นั้นก็คงจะทำให้คุณแม่จิตตกและเครียดกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเราจะหยุดอาการผมร่วงไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธีที่จะช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพผม รวมถึงมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพผมของคุณแม่อ่อนแอลงไปกว่าเดิม 

  • เริ่มจากขั้นตอนการสระเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และสามารถนวดหนังศีรษะเบา ๆ ระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น

  • เสริมด้วยการใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผมตั้งแต่ช่วงกลางผมถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก แต่ระวังอย่าชโลมครีมนวดบริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพราะจะยิ่งเพิ่มความมันให้กับหนังศีรษะ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่งทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

  • เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่างเช่นการหวีผม ก็สามารถส่งผลต่อความทนทานแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน ขอแนะนำให้หวีผมอย่างเบามือ เพราะยิ่งหวีแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผมจะขาดหลุดร่วง และการหวีผมบ่อย ๆ  ยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผมยิ่งร่วงมากขึ้นได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรหวีผม สัมผัสเส้นผม หรือรบกวนหนังศีรษะระหว่างวันบ่อยจนเกินไปนั่นเอง

เราอาจจะเห็นคุณแม่มือใหม่หลายคนเตรียมตัวด้วยการตัดผมสั้น เพราะดูแลง่าย โอกาสหลุดร่วงน้อย และช่วยให้ไม่ต้องมัดผมบ่อย ๆ เพราะการมัดผมเท่ากับเป็นการดึงผมให้ตึงขึ้น ทั้งที่โคนผมมีความอ่อนแออยู่แล้ว จึงอาจหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิมอีก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการไดร์เพื่อเป่าผมให้แห้ง การหนีบผม หรือการดัดผม เพราะจะยิ่งทำให้เส้นผมบางลง ทางที่ดีควรเว้นการจัดแต่งทรงผมที่ต้องใช้ความร้อนสูงไปสักระยะ 

  • อาหารก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบำรุงผมเช่นเดียวกัน โดยหลักการง่าย ๆ คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไบโอติน หรือโอเมก้า 3 เป็นต้น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ



Premium Hair Booster ...นวัตกรรมลดผมร่วงจากนามนิน

และถ้าคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหา Treatment บำรุงผมชั้นลึก เพื่อผมสุขภาพดีจากภายใน นามนินขอแนะนำ นวัตกรรม Premium Hair Booster ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน - แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม ด้วยพลังบำรุงจาก Exosome อนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีขนาดของอนุภาคเพียง 30 – 100 นาโนเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ในการทำงานร่วมกับ Exosome เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นวัตกรรมนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ ได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ 

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบบางมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์การฟื้นฟูภาวะผมร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการโดนทำร้ายจากสารเคมีอีกด้วย 



อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณแม่สังเกตว่า แม้เมื่อผ่านไปแล้ว 1 ปี ผมยังคงหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน กรณีนี้ขอแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และวางแผนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมแบบเฉพาะบุคคลร่วมกัน

คุณแม่มือใหม่ ทำไมผมร่วงหลังคลอด?
โลกของคุณแม่มือใหม่ ไม่ได้สวยงามชวนฝันเหมือนในละครโทรทัศน์ ไหนจะต้องรับบทบาทคุณแม่ดูแลเจ้าตัวเล็ก 24 ชั่วโมง อดหลับอดนอน รับมือกับความเครียดสารพัดเรื่อง คุณแม่หลายคนยังต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ต้องพยายามดูแลตัวเองทั้งที่ในแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลา ทั้งยังต้องมาเจอกับปัญหาอย่างเช่น “ภาวะผมร่วงหลังคลอด” ที่ทำเอาคุณแม่หลายคนเสียขวัญเพราะผมร่วงในแต่ละวันเป็นร้อย ๆ เส้น!! จนเกิดคำถามมากมายว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า ผมจะร่วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  มีวิธีช่วยหยุดอาการผมร่วงได้หรือไม่ 

...คำตอบอยู่ในอีกไม่กี่บรรทัดข้างล่างนี้แล้ว มาทำความเข้าใจภาวะผมร่วงหลังคลอดของเหล่าคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย...


ผมร่วงหลังคลอด ...ผิดปกติหรือไม่...

ภาวะผมร่วงหลังคลอด ไม่ใช่อาการผิดปกติ หรืออาจเป็นอันตรายแต่อย่างใด ตามสถิติแล้ว จะมีคุณแม่ถึงประมาณร้อยละ 50 ที่ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังคลอด และผมที่ร่วงเป็นหลักร้อยเส้นนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ปริมาณส่วนน้อยเพียงร้อยละ 5-15 ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะเท่านั้นเอง และโดยปกติผมของคนเราก็อาจร่วงได้ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากจนเกินไป


คุณแม่มือใหม่ ...ทำไมจึงผมร่วง...

นอกจากปัจจัยอย่างเช่นความเครียด ความกังวลในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลแล้ว สาเหตุหลักของภาวะผมร่วงหลังคลอด ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกายของคุณแม่นั่นเอง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของเส้นผมกันก่อน ประกอบไปด้วย 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะงอกของเส้นผม (Anagenic Phase)
  • ระยะพักของเส้นผม (Catagen Phase)
  • ระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase)

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงขึ้น และสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้เอง จะไปกระตุ้นให้เส้นผมเกือบทั้งศีรษะเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่อยู่ในระยะพัก (Catagen Phase) และเตรียมหลุดร่วง ผลที่ตามมาก็คือ จากเดิมก่อนตั้งครรภ์ที่คุณแม่เคยผมร่วงตามธรรมชาติวันละ 70-100 เส้น กลายเป็นว่าพอตั้งครรภ์แล้ว ผมจะหลุดร่วงน้อยลง แลดูหนาดกดำขึ้นตลอด 9 เดือน 

แต่พอคลอดแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมจำนวนมากที่เคยอยู่ในระยะเจริญเติบโตเพราะฮอร์โมนเลี้ยงระดับไว้ จึงหยุดการเจริญเติบโตอย่างกะทันหัน พากันเข้าสู่ระยะพัก (Catagen Phase) ตามมาด้วยระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase) ทำให้ผมร่วงพร้อม ๆ กันมากกว่าปกติ นับเป็นร้อย ๆ เส้นอย่างที่เราเห็น บางครั้งอาจร่วงมากถึง 400-500 เส้นต่อวันทีเดียว ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะ Telogen Effluvium แบบเฉียบพลันนั่นเอง


นานแค่ไหน ...กว่าผมจะหยุดร่วง...

โดยเฉลี่ยแล้ว คุณแม่มือใหม่มักจะมีอาการผมร่วงหนักประมาณ 3 เดือน ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด และในช่วงเดือนที่ 6-12 ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระดับปกติ ภาวะ Telogen Effluvium จะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งผมเริ่มหยุดร่วงมากผิดปกติในที่สุด ดังนั้น หลังคลอดไปแล้ว 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมของคุณแม่ก็จะกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม


ชวนคุณแม่ ...ดูแลเส้นผมหลังคลอด...

แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ชั่วคราว แต่ระหว่างที่ผมร่วงเยอะ ๆ นั้นก็คงจะทำให้คุณแม่จิตตกและเครียดกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเราจะหยุดอาการผมร่วงไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธีที่จะช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพผม รวมถึงมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพผมของคุณแม่อ่อนแอลงไปกว่าเดิม 

  • เริ่มจากขั้นตอนการสระเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และสามารถนวดหนังศีรษะเบา ๆ ระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น

  • เสริมด้วยการใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผมตั้งแต่ช่วงกลางผมถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก แต่ระวังอย่าชโลมครีมนวดบริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพราะจะยิ่งเพิ่มความมันให้กับหนังศีรษะ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่งทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

  • เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่างเช่นการหวีผม ก็สามารถส่งผลต่อความทนทานแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน ขอแนะนำให้หวีผมอย่างเบามือ เพราะยิ่งหวีแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผมจะขาดหลุดร่วง และการหวีผมบ่อย ๆ  ยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผมยิ่งร่วงมากขึ้นได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรหวีผม สัมผัสเส้นผม หรือรบกวนหนังศีรษะระหว่างวันบ่อยจนเกินไปนั่นเอง

เราอาจจะเห็นคุณแม่มือใหม่หลายคนเตรียมตัวด้วยการตัดผมสั้น เพราะดูแลง่าย โอกาสหลุดร่วงน้อย และช่วยให้ไม่ต้องมัดผมบ่อย ๆ เพราะการมัดผมเท่ากับเป็นการดึงผมให้ตึงขึ้น ทั้งที่โคนผมมีความอ่อนแออยู่แล้ว จึงอาจหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิมอีก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการไดร์เพื่อเป่าผมให้แห้ง การหนีบผม หรือการดัดผม เพราะจะยิ่งทำให้เส้นผมบางลง ทางที่ดีควรเว้นการจัดแต่งทรงผมที่ต้องใช้ความร้อนสูงไปสักระยะ 

  • อาหารก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบำรุงผมเช่นเดียวกัน โดยหลักการง่าย ๆ คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไบโอติน หรือโอเมก้า 3 เป็นต้น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ



Premium Hair Booster ...นวัตกรรมลดผมร่วงจากนามนิน

และถ้าคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหา Treatment บำรุงผมชั้นลึก เพื่อผมสุขภาพดีจากภายใน นามนินขอแนะนำ นวัตกรรม Premium Hair Booster ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน - แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม ด้วยพลังบำรุงจาก Exosome อนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีขนาดของอนุภาคเพียง 30 – 100 นาโนเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ในการทำงานร่วมกับ Exosome เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นวัตกรรมนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ ได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ 

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบบางมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์การฟื้นฟูภาวะผมร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการโดนทำร้ายจากสารเคมีอีกด้วย 



อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณแม่สังเกตว่า แม้เมื่อผ่านไปแล้ว 1 ปี ผมยังคงหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน กรณีนี้ขอแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และวางแผนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมแบบเฉพาะบุคคลร่วมกัน

ภาวะ “เครียด” ตัวการ “ผมร่วง”
ในแต่ละวัน เราต้องเจอกับปัญหาน่าหนักใจสารพัดเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ และเมื่อเครียดแล้ว ผลต่อเนื่องที่ตามมายังกระทบทั้งในด้านของจิตใจและร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการผมร่วง” ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่า เครียดจนผมร่วง เป็นแค่คำเปรียบเปรย หรือว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดผมร่วงได้จริง ๆ


และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการผมร่วง ก็คือภาวะเครียดตามที่พูดกันนั่นเอง เพราะเส้นผมของเรานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และฮอร์โมนของร่างกาย และความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกเล่น ๆ ว่าฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในทุก ๆ ส่วน รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาการผมร่วงจากความเครียดออกเป็น 3 แบบ

Telogen Effluvium 
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดจากความเจ็บป่วยและความเครียดทางอารมณ์ รากผมจะเข้าสู่ช่วงระยะพักตัว หยุดการสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งระยะต่อไปก็คือระยะเตรียมหลุดร่วง ดังนั้น พอเราหวีผมหรือสระผม ก็จะพบว่าเส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ 2-3 เท่า

Alopecia Areata
ในรูปแบบนี้ ความเครียดจะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทบไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น และอาจกลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านเลยก็เป็นได้

Trichotillomania
กรณีนี้ ความเครียดอาจไม่ได้ส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง แต่ไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการจับผม ดึงผม ม้วนผม หรือแกะเกาหนังศีรษะ และทำบ่อย ๆ เข้าโดยไม่รู้ตัว จนผมเริ่มร่วงและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหานี้อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคลายกังวลร่วมด้วย

นอกจากนั้น ความเครียดยังส่งผลข้างเคียง ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ระดับภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะผมร่วงในที่สุด

เมื่อสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดเกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับความเครียดได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินสำคัญต่าง ๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง จากตัวช่วยที่คัดสรรโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง 

โดยนามนินขอแนะนำ 
Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE 
เซรั่มกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ 100% 


VITA H 
วิตามินรวมตัวท็อปเพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก 
ทั้งยังสามารถเข้ารับบริการ Treatment คุณภาพจากนามนิน 


Namnin Perfect Hair Treatment
โปรแกรมบำรุงกึ่งสปาเพื่อการผ่อนคลายและดูแลเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและสร้างผมสุขภาพดีจากภายใน


Premium Hair Booster
นวัตกรรมคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผม ด้วยการผสานพลังบำรุงจากอนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนที่ชื่อ Exosome เสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน




แต่ถ้าลองจัดการกับต้นตอความเครียดแล้ว และเสริมการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะในแบบต่าง ๆ แล้ว สังเกตพบว่าผมยังคงหลุดร่วงต่อเนื่องอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดที่สุดนั่นเอง

ภาวะ “เครียด” ตัวการ “ผมร่วง”
ในแต่ละวัน เราต้องเจอกับปัญหาน่าหนักใจสารพัดเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ และเมื่อเครียดแล้ว ผลต่อเนื่องที่ตามมายังกระทบทั้งในด้านของจิตใจและร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการผมร่วง” ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่า เครียดจนผมร่วง เป็นแค่คำเปรียบเปรย หรือว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดผมร่วงได้จริง ๆ


และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการผมร่วง ก็คือภาวะเครียดตามที่พูดกันนั่นเอง เพราะเส้นผมของเรานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และฮอร์โมนของร่างกาย และความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกเล่น ๆ ว่าฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในทุก ๆ ส่วน รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาการผมร่วงจากความเครียดออกเป็น 3 แบบ

Telogen Effluvium 
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดจากความเจ็บป่วยและความเครียดทางอารมณ์ รากผมจะเข้าสู่ช่วงระยะพักตัว หยุดการสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งระยะต่อไปก็คือระยะเตรียมหลุดร่วง ดังนั้น พอเราหวีผมหรือสระผม ก็จะพบว่าเส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ 2-3 เท่า

Alopecia Areata
ในรูปแบบนี้ ความเครียดจะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทบไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น และอาจกลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านเลยก็เป็นได้

Trichotillomania
กรณีนี้ ความเครียดอาจไม่ได้ส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง แต่ไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการจับผม ดึงผม ม้วนผม หรือแกะเกาหนังศีรษะ และทำบ่อย ๆ เข้าโดยไม่รู้ตัว จนผมเริ่มร่วงและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหานี้อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคลายกังวลร่วมด้วย

นอกจากนั้น ความเครียดยังส่งผลข้างเคียง ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ระดับภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะผมร่วงในที่สุด

เมื่อสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดเกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับความเครียดได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินสำคัญต่าง ๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง จากตัวช่วยที่คัดสรรโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง 

โดยนามนินขอแนะนำ 
Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE 
เซรั่มกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ 100% 


VITA H 
วิตามินรวมตัวท็อปเพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก 
ทั้งยังสามารถเข้ารับบริการ Treatment คุณภาพจากนามนิน 


Namnin Perfect Hair Treatment
โปรแกรมบำรุงกึ่งสปาเพื่อการผ่อนคลายและดูแลเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและสร้างผมสุขภาพดีจากภายใน


Premium Hair Booster
นวัตกรรมคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผม ด้วยการผสานพลังบำรุงจากอนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนที่ชื่อ Exosome เสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน




แต่ถ้าลองจัดการกับต้นตอความเครียดแล้ว และเสริมการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะในแบบต่าง ๆ แล้ว สังเกตพบว่าผมยังคงหลุดร่วงต่อเนื่องอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดที่สุดนั่นเอง

ภาวะ “เครียด” ตัวการ “ผมร่วง”
ในแต่ละวัน เราต้องเจอกับปัญหาน่าหนักใจสารพัดเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ และเมื่อเครียดแล้ว ผลต่อเนื่องที่ตามมายังกระทบทั้งในด้านของจิตใจและร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการผมร่วง” ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่า เครียดจนผมร่วง เป็นแค่คำเปรียบเปรย หรือว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดผมร่วงได้จริง ๆ


และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการผมร่วง ก็คือภาวะเครียดตามที่พูดกันนั่นเอง เพราะเส้นผมของเรานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และฮอร์โมนของร่างกาย และความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกเล่น ๆ ว่าฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในทุก ๆ ส่วน รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาการผมร่วงจากความเครียดออกเป็น 3 แบบ

Telogen Effluvium 
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดจากความเจ็บป่วยและความเครียดทางอารมณ์ รากผมจะเข้าสู่ช่วงระยะพักตัว หยุดการสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งระยะต่อไปก็คือระยะเตรียมหลุดร่วง ดังนั้น พอเราหวีผมหรือสระผม ก็จะพบว่าเส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ 2-3 เท่า

Alopecia Areata
ในรูปแบบนี้ ความเครียดจะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทบไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น และอาจกลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านเลยก็เป็นได้

Trichotillomania
กรณีนี้ ความเครียดอาจไม่ได้ส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง แต่ไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการจับผม ดึงผม ม้วนผม หรือแกะเกาหนังศีรษะ และทำบ่อย ๆ เข้าโดยไม่รู้ตัว จนผมเริ่มร่วงและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหานี้อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคลายกังวลร่วมด้วย

นอกจากนั้น ความเครียดยังส่งผลข้างเคียง ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ระดับภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะผมร่วงในที่สุด

เมื่อสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดเกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับความเครียดได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินสำคัญต่าง ๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง จากตัวช่วยที่คัดสรรโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง 

โดยนามนินขอแนะนำ 
Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE 
เซรั่มกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ 100% 


VITA H 
วิตามินรวมตัวท็อปเพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก 
ทั้งยังสามารถเข้ารับบริการ Treatment คุณภาพจากนามนิน 


Namnin Perfect Hair Treatment
โปรแกรมบำรุงกึ่งสปาเพื่อการผ่อนคลายและดูแลเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและสร้างผมสุขภาพดีจากภายใน


Premium Hair Booster
นวัตกรรมคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผม ด้วยการผสานพลังบำรุงจากอนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนที่ชื่อ Exosome เสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน




แต่ถ้าลองจัดการกับต้นตอความเครียดแล้ว และเสริมการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะในแบบต่าง ๆ แล้ว สังเกตพบว่าผมยังคงหลุดร่วงต่อเนื่องอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดที่สุดนั่นเอง

ภาวะ “เครียด” ตัวการ “ผมร่วง”
ในแต่ละวัน เราต้องเจอกับปัญหาน่าหนักใจสารพัดเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ และเมื่อเครียดแล้ว ผลต่อเนื่องที่ตามมายังกระทบทั้งในด้านของจิตใจและร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการผมร่วง” ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่า เครียดจนผมร่วง เป็นแค่คำเปรียบเปรย หรือว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดผมร่วงได้จริง ๆ


และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการผมร่วง ก็คือภาวะเครียดตามที่พูดกันนั่นเอง เพราะเส้นผมของเรานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และฮอร์โมนของร่างกาย และความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกเล่น ๆ ว่าฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในทุก ๆ ส่วน รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาการผมร่วงจากความเครียดออกเป็น 3 แบบ

Telogen Effluvium 
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดจากความเจ็บป่วยและความเครียดทางอารมณ์ รากผมจะเข้าสู่ช่วงระยะพักตัว หยุดการสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งระยะต่อไปก็คือระยะเตรียมหลุดร่วง ดังนั้น พอเราหวีผมหรือสระผม ก็จะพบว่าเส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ 2-3 เท่า

Alopecia Areata
ในรูปแบบนี้ ความเครียดจะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทบไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น และอาจกลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านเลยก็เป็นได้

Trichotillomania
กรณีนี้ ความเครียดอาจไม่ได้ส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง แต่ไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการจับผม ดึงผม ม้วนผม หรือแกะเกาหนังศีรษะ และทำบ่อย ๆ เข้าโดยไม่รู้ตัว จนผมเริ่มร่วงและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหานี้อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคลายกังวลร่วมด้วย

นอกจากนั้น ความเครียดยังส่งผลข้างเคียง ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ระดับภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะผมร่วงในที่สุด

เมื่อสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดเกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับความเครียดได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินสำคัญต่าง ๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง จากตัวช่วยที่คัดสรรโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง 

โดยนามนินขอแนะนำ 
Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE 
เซรั่มกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ 100% 


VITA H 
วิตามินรวมตัวท็อปเพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก 
ทั้งยังสามารถเข้ารับบริการ Treatment คุณภาพจากนามนิน 


Namnin Perfect Hair Treatment
โปรแกรมบำรุงกึ่งสปาเพื่อการผ่อนคลายและดูแลเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและสร้างผมสุขภาพดีจากภายใน


Premium Hair Booster
นวัตกรรมคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผม ด้วยการผสานพลังบำรุงจากอนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนที่ชื่อ Exosome เสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน




แต่ถ้าลองจัดการกับต้นตอความเครียดแล้ว และเสริมการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะในแบบต่าง ๆ แล้ว สังเกตพบว่าผมยังคงหลุดร่วงต่อเนื่องอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดที่สุดนั่นเอง

ภาวะ “เครียด” ตัวการ “ผมร่วง”
ในแต่ละวัน เราต้องเจอกับปัญหาน่าหนักใจสารพัดเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ และเมื่อเครียดแล้ว ผลต่อเนื่องที่ตามมายังกระทบทั้งในด้านของจิตใจและร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการผมร่วง” ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่า เครียดจนผมร่วง เป็นแค่คำเปรียบเปรย หรือว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดผมร่วงได้จริง ๆ


และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการผมร่วง ก็คือภาวะเครียดตามที่พูดกันนั่นเอง เพราะเส้นผมของเรานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และฮอร์โมนของร่างกาย และความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกเล่น ๆ ว่าฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในทุก ๆ ส่วน รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาการผมร่วงจากความเครียดออกเป็น 3 แบบ

Telogen Effluvium 
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดจากความเจ็บป่วยและความเครียดทางอารมณ์ รากผมจะเข้าสู่ช่วงระยะพักตัว หยุดการสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งระยะต่อไปก็คือระยะเตรียมหลุดร่วง ดังนั้น พอเราหวีผมหรือสระผม ก็จะพบว่าเส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ 2-3 เท่า

Alopecia Areata
ในรูปแบบนี้ ความเครียดจะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทบไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น และอาจกลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านเลยก็เป็นได้

Trichotillomania
กรณีนี้ ความเครียดอาจไม่ได้ส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง แต่ไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการจับผม ดึงผม ม้วนผม หรือแกะเกาหนังศีรษะ และทำบ่อย ๆ เข้าโดยไม่รู้ตัว จนผมเริ่มร่วงและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหานี้อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคลายกังวลร่วมด้วย

นอกจากนั้น ความเครียดยังส่งผลข้างเคียง ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ระดับภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะผมร่วงในที่สุด

เมื่อสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดเกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับความเครียดได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินสำคัญต่าง ๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง จากตัวช่วยที่คัดสรรโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง 

โดยนามนินขอแนะนำ 
Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE 
เซรั่มกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ 100% 


VITA H 
วิตามินรวมตัวท็อปเพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก 
ทั้งยังสามารถเข้ารับบริการ Treatment คุณภาพจากนามนิน 


Namnin Perfect Hair Treatment
โปรแกรมบำรุงกึ่งสปาเพื่อการผ่อนคลายและดูแลเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและสร้างผมสุขภาพดีจากภายใน


Premium Hair Booster
นวัตกรรมคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผม ด้วยการผสานพลังบำรุงจากอนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนที่ชื่อ Exosome เสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน




แต่ถ้าลองจัดการกับต้นตอความเครียดแล้ว และเสริมการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะในแบบต่าง ๆ แล้ว สังเกตพบว่าผมยังคงหลุดร่วงต่อเนื่องอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดที่สุดนั่นเอง

ภาวะ “เครียด” ตัวการ “ผมร่วง”
ในแต่ละวัน เราต้องเจอกับปัญหาน่าหนักใจสารพัดเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ และเมื่อเครียดแล้ว ผลต่อเนื่องที่ตามมายังกระทบทั้งในด้านของจิตใจและร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการผมร่วง” ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่า เครียดจนผมร่วง เป็นแค่คำเปรียบเปรย หรือว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดผมร่วงได้จริง ๆ


และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการผมร่วง ก็คือภาวะเครียดตามที่พูดกันนั่นเอง เพราะเส้นผมของเรานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และฮอร์โมนของร่างกาย และความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกเล่น ๆ ว่าฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในทุก ๆ ส่วน รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาการผมร่วงจากความเครียดออกเป็น 3 แบบ

Telogen Effluvium 
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดจากความเจ็บป่วยและความเครียดทางอารมณ์ รากผมจะเข้าสู่ช่วงระยะพักตัว หยุดการสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งระยะต่อไปก็คือระยะเตรียมหลุดร่วง ดังนั้น พอเราหวีผมหรือสระผม ก็จะพบว่าเส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ 2-3 เท่า

Alopecia Areata
ในรูปแบบนี้ ความเครียดจะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทบไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น และอาจกลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านเลยก็เป็นได้

Trichotillomania
กรณีนี้ ความเครียดอาจไม่ได้ส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง แต่ไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการจับผม ดึงผม ม้วนผม หรือแกะเกาหนังศีรษะ และทำบ่อย ๆ เข้าโดยไม่รู้ตัว จนผมเริ่มร่วงและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหานี้อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคลายกังวลร่วมด้วย

นอกจากนั้น ความเครียดยังส่งผลข้างเคียง ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ระดับภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะผมร่วงในที่สุด

เมื่อสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดเกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับความเครียดได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินสำคัญต่าง ๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง จากตัวช่วยที่คัดสรรโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง 

โดยนามนินขอแนะนำ 
Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE 
เซรั่มกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ 100% 


VITA H 
วิตามินรวมตัวท็อปเพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก 
ทั้งยังสามารถเข้ารับบริการ Treatment คุณภาพจากนามนิน 


Namnin Perfect Hair Treatment
โปรแกรมบำรุงกึ่งสปาเพื่อการผ่อนคลายและดูแลเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและสร้างผมสุขภาพดีจากภายใน


Premium Hair Booster
นวัตกรรมคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผม ด้วยการผสานพลังบำรุงจากอนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนที่ชื่อ Exosome เสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน




แต่ถ้าลองจัดการกับต้นตอความเครียดแล้ว และเสริมการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะในแบบต่าง ๆ แล้ว สังเกตพบว่าผมยังคงหลุดร่วงต่อเนื่องอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดที่สุดนั่นเอง

หยุด “ผมมัน” ด้วยการดูแลอย่างอ่อนโยน
        “ผมมัน” เกิดจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะผลิตไขมันตามธรรมชาติที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมามากเกินไป ซึ่งโดยปกติ ซีบัม จะเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เส้นผมและหนังศีรษะ แต่หากเมื่อใดที่มีมากเกินความจำเป็น ก็จะกลายเป็นสาเหตุของผมมันนั่นเองค่ะ

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไป อาทิ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน หรือแม้กระทั่งช่วงตั้งครรภ์ และบางส่วนเกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง เช่น การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมน้อยเกินไป สระผมไม่ถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับเส้นผม หรือขาดการบำรุงดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ปัญหาผมมันไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะบุคลิกภาพเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะอื่นๆตามมา ทั้งรูขุมขนอุดตัน สิวหรือเซบเดิร์ม และเป็นสาเหตุของผมร่วงได้
นามนินมีทริคง่ายๆที่รับรองว่าใครๆก็ทำตามได้ เพื่อแก้ปัญหาผมมันกวนใจค่ะ

การสระผมอย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แชมพูสำหรับผมมันโดยเฉพาะ เน้นการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความชุ่มชื้นมากเกินไป ใช้แชมพูในปริมาณที่เหมาะสมทำความสะอาดบริเวณรากผมและหนังศีรษะ นวดอย่างเบามือจากโคนจรดปลายผม และล้างออกให้สะอาด ไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง การใช้ครีมนวดผม ควรชะโลมครีมนวดเฉพาะเส้นผม ไม่ให้สัมผัสหนังศีรษะโดยตรง เพราะการใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสมหรือล้างออกไม่หมดจะทำให้ผมมันเร็วขึ้น
เว้นระยะเวลาการสระผมอย่างเหมาะสม ไม่บ่อยเกินไปหรือทิ้งระยะนานเกินไป หากเคยสระผมทุกวันแล้วรู้สึกว่าผมมัน ก็ลองปรับเป็นสระผมวันเว้นวัน รวมถึงลองเปลี่ยนแชมพูและครีมนวดที่ช่วยลดความมันของเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย



การรักษาความสะอาดของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น หวี ผ้าขนหนู หมวกคลุมผม โดยเฉพาะหวีที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจเป็นแหล่งสะสมของน้ำมันหรือสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เป็นสาเหตุของผมมันและสกปรกได้
การบำรุงและดูแลเส้นผมอย่างอ่อนโยน มีทั้งที่ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ในขั้นตอนของการสระผม หวีผม จัดแต่งทรงผม และการดูแลเส้นผมในระหว่างวัน เพียงลดความรุนแรงลง และไม่เกา ดึง ลูบผม เสยผมมากเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไปได้ แต่หากต้องการการดูแลที่ล้ำลึก อ่อนโยนจากผู้เชี่ยวชาญ นามนินขอแนะนำ Namnin Perfect Hair Treatment ที่ผสานการศาสตร์การนวดหนังศีรษะและการทรีทเม้นท์ผมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างอ่อนโยนและล้ำลึก



     Namnin Perfect Hair Treatment คือโปรแกรม Treatment กึ่งสปาแบบครบวงจร ผสานศาสตร์การนวดบำรุงหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ร่วมกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ทำความสะอาดผมได้อย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความมันให้แก่เส้นผม หลังเข้ารับบริการให้ความรู้สึกสะอาด เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม



ในขั้นตอนแรก ผู้เชี่ยวชาญจะนวดศีรษะด้วย Organic Oil  ช่วยชะล้างสิ่งตกค้าง คราบไขมันและฝุ่นละอองบนหนังศีรษะ สะอาด อ่อนโยน ผ่อนคลาย จากนั้นสระผมด้วย Mojelim Elixir Shampoo นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของเกาหลี ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเงางาม และนวดผมด้วย Mojelim Elixir Treatment ที่อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ลดอาการแห้งเสีย เส้นผมมีน้ำหนัก เงางาม



ขั้นตอนสุดท้าย ซับผมให้แห้งหมาดและนวดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเซรั่ม NEAT HAIRNUE Elixir Hair Serum ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ปรับสมดุล ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พิถีพิถันแม้กระทั่งการเป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็นบริเวณหนังศีรษะและใช้ลมอุ่นๆบริเวณปลายผม และปิดท้ายด้วยการลงเซรั่มบำรุงปลายผม

หากลองเข้ารับบริการแล้วประทับใจ ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปใช้ดูแลตนเองต่อที่บ้านได้ เพื่อเส้นผมและหนังศีรษะจะได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่ผมมันมาก มีรังแค รูขุมขนอุดตัน หรือเป็นเซบเดิร์มร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุดโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาผมร่วง ผมบางที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ 

หยุด “ผมมัน” ด้วยการดูแลอย่างอ่อนโยน
        “ผมมัน” เกิดจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะผลิตไขมันตามธรรมชาติที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมามากเกินไป ซึ่งโดยปกติ ซีบัม จะเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เส้นผมและหนังศีรษะ แต่หากเมื่อใดที่มีมากเกินความจำเป็น ก็จะกลายเป็นสาเหตุของผมมันนั่นเองค่ะ

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไป อาทิ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน หรือแม้กระทั่งช่วงตั้งครรภ์ และบางส่วนเกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง เช่น การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมน้อยเกินไป สระผมไม่ถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับเส้นผม หรือขาดการบำรุงดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ปัญหาผมมันไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะบุคลิกภาพเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะอื่นๆตามมา ทั้งรูขุมขนอุดตัน สิวหรือเซบเดิร์ม และเป็นสาเหตุของผมร่วงได้
นามนินมีทริคง่ายๆที่รับรองว่าใครๆก็ทำตามได้ เพื่อแก้ปัญหาผมมันกวนใจค่ะ

การสระผมอย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แชมพูสำหรับผมมันโดยเฉพาะ เน้นการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความชุ่มชื้นมากเกินไป ใช้แชมพูในปริมาณที่เหมาะสมทำความสะอาดบริเวณรากผมและหนังศีรษะ นวดอย่างเบามือจากโคนจรดปลายผม และล้างออกให้สะอาด ไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง การใช้ครีมนวดผม ควรชะโลมครีมนวดเฉพาะเส้นผม ไม่ให้สัมผัสหนังศีรษะโดยตรง เพราะการใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสมหรือล้างออกไม่หมดจะทำให้ผมมันเร็วขึ้น
เว้นระยะเวลาการสระผมอย่างเหมาะสม ไม่บ่อยเกินไปหรือทิ้งระยะนานเกินไป หากเคยสระผมทุกวันแล้วรู้สึกว่าผมมัน ก็ลองปรับเป็นสระผมวันเว้นวัน รวมถึงลองเปลี่ยนแชมพูและครีมนวดที่ช่วยลดความมันของเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย



การรักษาความสะอาดของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น หวี ผ้าขนหนู หมวกคลุมผม โดยเฉพาะหวีที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจเป็นแหล่งสะสมของน้ำมันหรือสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เป็นสาเหตุของผมมันและสกปรกได้
การบำรุงและดูแลเส้นผมอย่างอ่อนโยน มีทั้งที่ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ในขั้นตอนของการสระผม หวีผม จัดแต่งทรงผม และการดูแลเส้นผมในระหว่างวัน เพียงลดความรุนแรงลง และไม่เกา ดึง ลูบผม เสยผมมากเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไปได้ แต่หากต้องการการดูแลที่ล้ำลึก อ่อนโยนจากผู้เชี่ยวชาญ นามนินขอแนะนำ Namnin Perfect Hair Treatment ที่ผสานการศาสตร์การนวดหนังศีรษะและการทรีทเม้นท์ผมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างอ่อนโยนและล้ำลึก



     Namnin Perfect Hair Treatment คือโปรแกรม Treatment กึ่งสปาแบบครบวงจร ผสานศาสตร์การนวดบำรุงหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ร่วมกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ทำความสะอาดผมได้อย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความมันให้แก่เส้นผม หลังเข้ารับบริการให้ความรู้สึกสะอาด เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม



ในขั้นตอนแรก ผู้เชี่ยวชาญจะนวดศีรษะด้วย Organic Oil  ช่วยชะล้างสิ่งตกค้าง คราบไขมันและฝุ่นละอองบนหนังศีรษะ สะอาด อ่อนโยน ผ่อนคลาย จากนั้นสระผมด้วย Mojelim Elixir Shampoo นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของเกาหลี ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเงางาม และนวดผมด้วย Mojelim Elixir Treatment ที่อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ลดอาการแห้งเสีย เส้นผมมีน้ำหนัก เงางาม



ขั้นตอนสุดท้าย ซับผมให้แห้งหมาดและนวดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเซรั่ม NEAT HAIRNUE Elixir Hair Serum ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ปรับสมดุล ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พิถีพิถันแม้กระทั่งการเป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็นบริเวณหนังศีรษะและใช้ลมอุ่นๆบริเวณปลายผม และปิดท้ายด้วยการลงเซรั่มบำรุงปลายผม

หากลองเข้ารับบริการแล้วประทับใจ ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปใช้ดูแลตนเองต่อที่บ้านได้ เพื่อเส้นผมและหนังศีรษะจะได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่ผมมันมาก มีรังแค รูขุมขนอุดตัน หรือเป็นเซบเดิร์มร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุดโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาผมร่วง ผมบางที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ 

หยุด “ผมมัน” ด้วยการดูแลอย่างอ่อนโยน
        “ผมมัน” เกิดจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะผลิตไขมันตามธรรมชาติที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมามากเกินไป ซึ่งโดยปกติ ซีบัม จะเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เส้นผมและหนังศีรษะ แต่หากเมื่อใดที่มีมากเกินความจำเป็น ก็จะกลายเป็นสาเหตุของผมมันนั่นเองค่ะ

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไป อาทิ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน หรือแม้กระทั่งช่วงตั้งครรภ์ และบางส่วนเกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง เช่น การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมน้อยเกินไป สระผมไม่ถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับเส้นผม หรือขาดการบำรุงดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ปัญหาผมมันไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะบุคลิกภาพเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะอื่นๆตามมา ทั้งรูขุมขนอุดตัน สิวหรือเซบเดิร์ม และเป็นสาเหตุของผมร่วงได้
นามนินมีทริคง่ายๆที่รับรองว่าใครๆก็ทำตามได้ เพื่อแก้ปัญหาผมมันกวนใจค่ะ

การสระผมอย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แชมพูสำหรับผมมันโดยเฉพาะ เน้นการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความชุ่มชื้นมากเกินไป ใช้แชมพูในปริมาณที่เหมาะสมทำความสะอาดบริเวณรากผมและหนังศีรษะ นวดอย่างเบามือจากโคนจรดปลายผม และล้างออกให้สะอาด ไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง การใช้ครีมนวดผม ควรชะโลมครีมนวดเฉพาะเส้นผม ไม่ให้สัมผัสหนังศีรษะโดยตรง เพราะการใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสมหรือล้างออกไม่หมดจะทำให้ผมมันเร็วขึ้น
เว้นระยะเวลาการสระผมอย่างเหมาะสม ไม่บ่อยเกินไปหรือทิ้งระยะนานเกินไป หากเคยสระผมทุกวันแล้วรู้สึกว่าผมมัน ก็ลองปรับเป็นสระผมวันเว้นวัน รวมถึงลองเปลี่ยนแชมพูและครีมนวดที่ช่วยลดความมันของเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย



การรักษาความสะอาดของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น หวี ผ้าขนหนู หมวกคลุมผม โดยเฉพาะหวีที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจเป็นแหล่งสะสมของน้ำมันหรือสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เป็นสาเหตุของผมมันและสกปรกได้
การบำรุงและดูแลเส้นผมอย่างอ่อนโยน มีทั้งที่ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ในขั้นตอนของการสระผม หวีผม จัดแต่งทรงผม และการดูแลเส้นผมในระหว่างวัน เพียงลดความรุนแรงลง และไม่เกา ดึง ลูบผม เสยผมมากเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไปได้ แต่หากต้องการการดูแลที่ล้ำลึก อ่อนโยนจากผู้เชี่ยวชาญ นามนินขอแนะนำ Namnin Perfect Hair Treatment ที่ผสานการศาสตร์การนวดหนังศีรษะและการทรีทเม้นท์ผมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างอ่อนโยนและล้ำลึก



     Namnin Perfect Hair Treatment คือโปรแกรม Treatment กึ่งสปาแบบครบวงจร ผสานศาสตร์การนวดบำรุงหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ร่วมกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ทำความสะอาดผมได้อย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความมันให้แก่เส้นผม หลังเข้ารับบริการให้ความรู้สึกสะอาด เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม



ในขั้นตอนแรก ผู้เชี่ยวชาญจะนวดศีรษะด้วย Organic Oil  ช่วยชะล้างสิ่งตกค้าง คราบไขมันและฝุ่นละอองบนหนังศีรษะ สะอาด อ่อนโยน ผ่อนคลาย จากนั้นสระผมด้วย Mojelim Elixir Shampoo นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของเกาหลี ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเงางาม และนวดผมด้วย Mojelim Elixir Treatment ที่อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ลดอาการแห้งเสีย เส้นผมมีน้ำหนัก เงางาม



ขั้นตอนสุดท้าย ซับผมให้แห้งหมาดและนวดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเซรั่ม NEAT HAIRNUE Elixir Hair Serum ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ปรับสมดุล ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พิถีพิถันแม้กระทั่งการเป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็นบริเวณหนังศีรษะและใช้ลมอุ่นๆบริเวณปลายผม และปิดท้ายด้วยการลงเซรั่มบำรุงปลายผม

หากลองเข้ารับบริการแล้วประทับใจ ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปใช้ดูแลตนเองต่อที่บ้านได้ เพื่อเส้นผมและหนังศีรษะจะได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่ผมมันมาก มีรังแค รูขุมขนอุดตัน หรือเป็นเซบเดิร์มร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุดโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาผมร่วง ผมบางที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ 

หยุด “ผมมัน” ด้วยการดูแลอย่างอ่อนโยน
        “ผมมัน” เกิดจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะผลิตไขมันตามธรรมชาติที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมามากเกินไป ซึ่งโดยปกติ ซีบัม จะเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เส้นผมและหนังศีรษะ แต่หากเมื่อใดที่มีมากเกินความจำเป็น ก็จะกลายเป็นสาเหตุของผมมันนั่นเองค่ะ

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไป อาทิ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน หรือแม้กระทั่งช่วงตั้งครรภ์ และบางส่วนเกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง เช่น การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมน้อยเกินไป สระผมไม่ถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับเส้นผม หรือขาดการบำรุงดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ปัญหาผมมันไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะบุคลิกภาพเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะอื่นๆตามมา ทั้งรูขุมขนอุดตัน สิวหรือเซบเดิร์ม และเป็นสาเหตุของผมร่วงได้
นามนินมีทริคง่ายๆที่รับรองว่าใครๆก็ทำตามได้ เพื่อแก้ปัญหาผมมันกวนใจค่ะ

การสระผมอย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แชมพูสำหรับผมมันโดยเฉพาะ เน้นการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความชุ่มชื้นมากเกินไป ใช้แชมพูในปริมาณที่เหมาะสมทำความสะอาดบริเวณรากผมและหนังศีรษะ นวดอย่างเบามือจากโคนจรดปลายผม และล้างออกให้สะอาด ไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง การใช้ครีมนวดผม ควรชะโลมครีมนวดเฉพาะเส้นผม ไม่ให้สัมผัสหนังศีรษะโดยตรง เพราะการใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสมหรือล้างออกไม่หมดจะทำให้ผมมันเร็วขึ้น
เว้นระยะเวลาการสระผมอย่างเหมาะสม ไม่บ่อยเกินไปหรือทิ้งระยะนานเกินไป หากเคยสระผมทุกวันแล้วรู้สึกว่าผมมัน ก็ลองปรับเป็นสระผมวันเว้นวัน รวมถึงลองเปลี่ยนแชมพูและครีมนวดที่ช่วยลดความมันของเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย



การรักษาความสะอาดของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น หวี ผ้าขนหนู หมวกคลุมผม โดยเฉพาะหวีที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจเป็นแหล่งสะสมของน้ำมันหรือสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เป็นสาเหตุของผมมันและสกปรกได้
การบำรุงและดูแลเส้นผมอย่างอ่อนโยน มีทั้งที่ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ในขั้นตอนของการสระผม หวีผม จัดแต่งทรงผม และการดูแลเส้นผมในระหว่างวัน เพียงลดความรุนแรงลง และไม่เกา ดึง ลูบผม เสยผมมากเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไปได้ แต่หากต้องการการดูแลที่ล้ำลึก อ่อนโยนจากผู้เชี่ยวชาญ นามนินขอแนะนำ Namnin Perfect Hair Treatment ที่ผสานการศาสตร์การนวดหนังศีรษะและการทรีทเม้นท์ผมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างอ่อนโยนและล้ำลึก



     Namnin Perfect Hair Treatment คือโปรแกรม Treatment กึ่งสปาแบบครบวงจร ผสานศาสตร์การนวดบำรุงหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ร่วมกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ทำความสะอาดผมได้อย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความมันให้แก่เส้นผม หลังเข้ารับบริการให้ความรู้สึกสะอาด เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม



ในขั้นตอนแรก ผู้เชี่ยวชาญจะนวดศีรษะด้วย Organic Oil  ช่วยชะล้างสิ่งตกค้าง คราบไขมันและฝุ่นละอองบนหนังศีรษะ สะอาด อ่อนโยน ผ่อนคลาย จากนั้นสระผมด้วย Mojelim Elixir Shampoo นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของเกาหลี ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเงางาม และนวดผมด้วย Mojelim Elixir Treatment ที่อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ลดอาการแห้งเสีย เส้นผมมีน้ำหนัก เงางาม



ขั้นตอนสุดท้าย ซับผมให้แห้งหมาดและนวดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเซรั่ม NEAT HAIRNUE Elixir Hair Serum ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ปรับสมดุล ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พิถีพิถันแม้กระทั่งการเป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็นบริเวณหนังศีรษะและใช้ลมอุ่นๆบริเวณปลายผม และปิดท้ายด้วยการลงเซรั่มบำรุงปลายผม

หากลองเข้ารับบริการแล้วประทับใจ ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปใช้ดูแลตนเองต่อที่บ้านได้ เพื่อเส้นผมและหนังศีรษะจะได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่ผมมันมาก มีรังแค รูขุมขนอุดตัน หรือเป็นเซบเดิร์มร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุดโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาผมร่วง ผมบางที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ 

หยุด “ผมมัน” ด้วยการดูแลอย่างอ่อนโยน
        “ผมมัน” เกิดจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะผลิตไขมันตามธรรมชาติที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมามากเกินไป ซึ่งโดยปกติ ซีบัม จะเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เส้นผมและหนังศีรษะ แต่หากเมื่อใดที่มีมากเกินความจำเป็น ก็จะกลายเป็นสาเหตุของผมมันนั่นเองค่ะ

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไป อาทิ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน หรือแม้กระทั่งช่วงตั้งครรภ์ และบางส่วนเกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง เช่น การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมน้อยเกินไป สระผมไม่ถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับเส้นผม หรือขาดการบำรุงดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ปัญหาผมมันไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะบุคลิกภาพเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะอื่นๆตามมา ทั้งรูขุมขนอุดตัน สิวหรือเซบเดิร์ม และเป็นสาเหตุของผมร่วงได้
นามนินมีทริคง่ายๆที่รับรองว่าใครๆก็ทำตามได้ เพื่อแก้ปัญหาผมมันกวนใจค่ะ

การสระผมอย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แชมพูสำหรับผมมันโดยเฉพาะ เน้นการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความชุ่มชื้นมากเกินไป ใช้แชมพูในปริมาณที่เหมาะสมทำความสะอาดบริเวณรากผมและหนังศีรษะ นวดอย่างเบามือจากโคนจรดปลายผม และล้างออกให้สะอาด ไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง การใช้ครีมนวดผม ควรชะโลมครีมนวดเฉพาะเส้นผม ไม่ให้สัมผัสหนังศีรษะโดยตรง เพราะการใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสมหรือล้างออกไม่หมดจะทำให้ผมมันเร็วขึ้น
เว้นระยะเวลาการสระผมอย่างเหมาะสม ไม่บ่อยเกินไปหรือทิ้งระยะนานเกินไป หากเคยสระผมทุกวันแล้วรู้สึกว่าผมมัน ก็ลองปรับเป็นสระผมวันเว้นวัน รวมถึงลองเปลี่ยนแชมพูและครีมนวดที่ช่วยลดความมันของเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย



การรักษาความสะอาดของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น หวี ผ้าขนหนู หมวกคลุมผม โดยเฉพาะหวีที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจเป็นแหล่งสะสมของน้ำมันหรือสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เป็นสาเหตุของผมมันและสกปรกได้
การบำรุงและดูแลเส้นผมอย่างอ่อนโยน มีทั้งที่ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ในขั้นตอนของการสระผม หวีผม จัดแต่งทรงผม และการดูแลเส้นผมในระหว่างวัน เพียงลดความรุนแรงลง และไม่เกา ดึง ลูบผม เสยผมมากเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไปได้ แต่หากต้องการการดูแลที่ล้ำลึก อ่อนโยนจากผู้เชี่ยวชาญ นามนินขอแนะนำ Namnin Perfect Hair Treatment ที่ผสานการศาสตร์การนวดหนังศีรษะและการทรีทเม้นท์ผมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างอ่อนโยนและล้ำลึก



     Namnin Perfect Hair Treatment คือโปรแกรม Treatment กึ่งสปาแบบครบวงจร ผสานศาสตร์การนวดบำรุงหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ร่วมกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ทำความสะอาดผมได้อย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความมันให้แก่เส้นผม หลังเข้ารับบริการให้ความรู้สึกสะอาด เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม



ในขั้นตอนแรก ผู้เชี่ยวชาญจะนวดศีรษะด้วย Organic Oil  ช่วยชะล้างสิ่งตกค้าง คราบไขมันและฝุ่นละอองบนหนังศีรษะ สะอาด อ่อนโยน ผ่อนคลาย จากนั้นสระผมด้วย Mojelim Elixir Shampoo นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของเกาหลี ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเงางาม และนวดผมด้วย Mojelim Elixir Treatment ที่อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ลดอาการแห้งเสีย เส้นผมมีน้ำหนัก เงางาม



ขั้นตอนสุดท้าย ซับผมให้แห้งหมาดและนวดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเซรั่ม NEAT HAIRNUE Elixir Hair Serum ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ปรับสมดุล ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พิถีพิถันแม้กระทั่งการเป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็นบริเวณหนังศีรษะและใช้ลมอุ่นๆบริเวณปลายผม และปิดท้ายด้วยการลงเซรั่มบำรุงปลายผม

หากลองเข้ารับบริการแล้วประทับใจ ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปใช้ดูแลตนเองต่อที่บ้านได้ เพื่อเส้นผมและหนังศีรษะจะได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่ผมมันมาก มีรังแค รูขุมขนอุดตัน หรือเป็นเซบเดิร์มร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุดโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาผมร่วง ผมบางที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ 

หยุด “ผมมัน” ด้วยการดูแลอย่างอ่อนโยน
        “ผมมัน” เกิดจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะผลิตไขมันตามธรรมชาติที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมามากเกินไป ซึ่งโดยปกติ ซีบัม จะเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เส้นผมและหนังศีรษะ แต่หากเมื่อใดที่มีมากเกินความจำเป็น ก็จะกลายเป็นสาเหตุของผมมันนั่นเองค่ะ

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไป อาทิ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน หรือแม้กระทั่งช่วงตั้งครรภ์ และบางส่วนเกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง เช่น การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมน้อยเกินไป สระผมไม่ถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับเส้นผม หรือขาดการบำรุงดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ปัญหาผมมันไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะบุคลิกภาพเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะอื่นๆตามมา ทั้งรูขุมขนอุดตัน สิวหรือเซบเดิร์ม และเป็นสาเหตุของผมร่วงได้
นามนินมีทริคง่ายๆที่รับรองว่าใครๆก็ทำตามได้ เพื่อแก้ปัญหาผมมันกวนใจค่ะ

การสระผมอย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แชมพูสำหรับผมมันโดยเฉพาะ เน้นการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความชุ่มชื้นมากเกินไป ใช้แชมพูในปริมาณที่เหมาะสมทำความสะอาดบริเวณรากผมและหนังศีรษะ นวดอย่างเบามือจากโคนจรดปลายผม และล้างออกให้สะอาด ไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง การใช้ครีมนวดผม ควรชะโลมครีมนวดเฉพาะเส้นผม ไม่ให้สัมผัสหนังศีรษะโดยตรง เพราะการใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสมหรือล้างออกไม่หมดจะทำให้ผมมันเร็วขึ้น
เว้นระยะเวลาการสระผมอย่างเหมาะสม ไม่บ่อยเกินไปหรือทิ้งระยะนานเกินไป หากเคยสระผมทุกวันแล้วรู้สึกว่าผมมัน ก็ลองปรับเป็นสระผมวันเว้นวัน รวมถึงลองเปลี่ยนแชมพูและครีมนวดที่ช่วยลดความมันของเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย



การรักษาความสะอาดของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น หวี ผ้าขนหนู หมวกคลุมผม โดยเฉพาะหวีที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจเป็นแหล่งสะสมของน้ำมันหรือสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เป็นสาเหตุของผมมันและสกปรกได้
การบำรุงและดูแลเส้นผมอย่างอ่อนโยน มีทั้งที่ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ในขั้นตอนของการสระผม หวีผม จัดแต่งทรงผม และการดูแลเส้นผมในระหว่างวัน เพียงลดความรุนแรงลง และไม่เกา ดึง ลูบผม เสยผมมากเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไปได้ แต่หากต้องการการดูแลที่ล้ำลึก อ่อนโยนจากผู้เชี่ยวชาญ นามนินขอแนะนำ Namnin Perfect Hair Treatment ที่ผสานการศาสตร์การนวดหนังศีรษะและการทรีทเม้นท์ผมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างอ่อนโยนและล้ำลึก



     Namnin Perfect Hair Treatment คือโปรแกรม Treatment กึ่งสปาแบบครบวงจร ผสานศาสตร์การนวดบำรุงหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ร่วมกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ทำความสะอาดผมได้อย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความมันให้แก่เส้นผม หลังเข้ารับบริการให้ความรู้สึกสะอาด เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม



ในขั้นตอนแรก ผู้เชี่ยวชาญจะนวดศีรษะด้วย Organic Oil  ช่วยชะล้างสิ่งตกค้าง คราบไขมันและฝุ่นละอองบนหนังศีรษะ สะอาด อ่อนโยน ผ่อนคลาย จากนั้นสระผมด้วย Mojelim Elixir Shampoo นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของเกาหลี ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเงางาม และนวดผมด้วย Mojelim Elixir Treatment ที่อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ลดอาการแห้งเสีย เส้นผมมีน้ำหนัก เงางาม



ขั้นตอนสุดท้าย ซับผมให้แห้งหมาดและนวดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเซรั่ม NEAT HAIRNUE Elixir Hair Serum ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ปรับสมดุล ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พิถีพิถันแม้กระทั่งการเป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็นบริเวณหนังศีรษะและใช้ลมอุ่นๆบริเวณปลายผม และปิดท้ายด้วยการลงเซรั่มบำรุงปลายผม

หากลองเข้ารับบริการแล้วประทับใจ ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปใช้ดูแลตนเองต่อที่บ้านได้ เพื่อเส้นผมและหนังศีรษะจะได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่ผมมันมาก มีรังแค รูขุมขนอุดตัน หรือเป็นเซบเดิร์มร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุดโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาผมร่วง ผมบางที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ 

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

เช็คสัญญาณเตือน “ผมบาง ผมล้าน”
โดยทั่วไปแล้ว อาการผมร่วง ผมบาง จนไปสู่ภาวะล้าน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อเรายังอายุน้อย ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถสังเกตพบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่ระยะที่อาการยังไม่รุนแรง และหากสังเกตพบเร็ว บวกกับพาตนเองเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมได้เร็ว แน่นอนว่า โอกาสในการรักษา หรือการเข้ารับบริการปลูกผมใหม่ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นได้เหมือนเดิม ก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งยังมีโอกาสวางแผนป้องกันอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้นด้วย

...มารู้จักกับสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเช็คสถานะเส้นผมของตนเอง ว่าเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วหรือยัง...

1
ผมร่วง ถือเป็นภาวะปกติของร่างกาย โดยในทุก ๆ วัน เส้นผมที่มาถึงระยะสิ้นสุดของวงจรชีวิตผมแล้ว จะหลุดร่วงไป ประมาณ 70 – 100 เส้นต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณผมทั้งศีรษะที่มีอยู่ 90,000 – 140,000 เส้น ก็นับว่าเป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าลองสังเกตที่หวี หมอน หรือพื้นห้องน้ำ แล้วรู้สึกว่าผมร่วงในจำนวนที่มากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าเราอาจจะเริ่มมีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแล้ว

2
ทุกเช้าที่เราส่องกระจก ลองสังเกตแนวผมบริเวณหน้าผากเสียหน่อย ว่าเริ่มถอยร่นลึกเข้าไป จนเห็นพื้นที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยัง เราอาจจะลองวัดระยะจากกลางหว่างคิ้ว ตรงขึ้นไปจนถึงจุดกึ่งกลางของแนวไรผม ซึ่งไม่ควรจะกว้างเกินกว่า 6.5 เซนติเมตร

ที่สำคัญ ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดแนวผมรูป M Shape เนื่องจากอาการผมบางจะเกิดบริเวณขมับสองข้างก่อนเพื่อน ถ้าเราลองวัดระยะเฉียงจากหัวคิ้วออกไปถึงแนวผมบริเวณขมับที่อยู่ข้างเดียวกัน โดยวัดถึงจุดที่เว้าลึกเป็นรูปตัว M เข้าไปมากที่สุด หากมีระยะห่างเกิน 8 เซนติเมตร ก็เรียกได้ว่าอาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน



3
ผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยมากแล้วมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะขยายกลายเป็นอาการผมล้าน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่า ผู้ชายชาวเอเชียจะพบอาการผมบางกลางศีรษะมากกว่าแนวผมด้านหน้า 



4
ผมค่อย ๆ บางลงพร้อม ๆ กันทั่วทั้งศีรษะ กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะรูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางนั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกคนได้แบบฟรีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งรูปแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 


5
ขณะที่หวีผม หรือจัดแต่งทรงผม อย่าลืมให้ความสำคัญกับรอยแสกผมกลางศีรษะ ที่อาจจะเริ่มขยายกว้าง จนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสังเกตอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ซึ่งถ้ารอยแสกนั้นมีระยะห่างเกิน 1 เซนติเมตร ถือว่าเริ่มมีอาการผมบางแล้วล่ะ 


6
ผมยาวช้าลง เมื่อเทียบกับในอดีต โดยปกติแล้ว ผมของคนเราจะยาวขึ้นปีละ 6 นิ้ว แต่ถ้าใครสังเกตได้ว่า เข้าร้านตัดผมครั้งนี้ ดูเหมือนใช้เวลานานขึ้นกว่าผมจะยาวเท่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของต่อมรากผมอาจจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายขึ้นไปตามวัย


และสุดท้าย สัญญาณเตือนผมร่วง ผมบาง อาจมาในรูปแบบเสียงทักถามด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว ซึ่งอาจสังเกตเห็นความปกติของเส้นผมได้ง่ายกว่าตัวเราเอง อย่าลืมลองเช็คซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ เพื่อจะได้เริ่มต้นดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่พลาดโอกาสคืนความหนาแน่นและแข็งแรงของเส้นผมให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะสายเกินไปนั่นเอง

เช็คสัญญาณเตือน “ผมบาง ผมล้าน”
โดยทั่วไปแล้ว อาการผมร่วง ผมบาง จนไปสู่ภาวะล้าน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อเรายังอายุน้อย ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถสังเกตพบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่ระยะที่อาการยังไม่รุนแรง และหากสังเกตพบเร็ว บวกกับพาตนเองเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมได้เร็ว แน่นอนว่า โอกาสในการรักษา หรือการเข้ารับบริการปลูกผมใหม่ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นได้เหมือนเดิม ก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งยังมีโอกาสวางแผนป้องกันอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้นด้วย

...มารู้จักกับสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเช็คสถานะเส้นผมของตนเอง ว่าเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วหรือยัง...

1
ผมร่วง ถือเป็นภาวะปกติของร่างกาย โดยในทุก ๆ วัน เส้นผมที่มาถึงระยะสิ้นสุดของวงจรชีวิตผมแล้ว จะหลุดร่วงไป ประมาณ 70 – 100 เส้นต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณผมทั้งศีรษะที่มีอยู่ 90,000 – 140,000 เส้น ก็นับว่าเป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าลองสังเกตที่หวี หมอน หรือพื้นห้องน้ำ แล้วรู้สึกว่าผมร่วงในจำนวนที่มากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าเราอาจจะเริ่มมีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแล้ว

2
ทุกเช้าที่เราส่องกระจก ลองสังเกตแนวผมบริเวณหน้าผากเสียหน่อย ว่าเริ่มถอยร่นลึกเข้าไป จนเห็นพื้นที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยัง เราอาจจะลองวัดระยะจากกลางหว่างคิ้ว ตรงขึ้นไปจนถึงจุดกึ่งกลางของแนวไรผม ซึ่งไม่ควรจะกว้างเกินกว่า 6.5 เซนติเมตร

ที่สำคัญ ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดแนวผมรูป M Shape เนื่องจากอาการผมบางจะเกิดบริเวณขมับสองข้างก่อนเพื่อน ถ้าเราลองวัดระยะเฉียงจากหัวคิ้วออกไปถึงแนวผมบริเวณขมับที่อยู่ข้างเดียวกัน โดยวัดถึงจุดที่เว้าลึกเป็นรูปตัว M เข้าไปมากที่สุด หากมีระยะห่างเกิน 8 เซนติเมตร ก็เรียกได้ว่าอาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน



3
ผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยมากแล้วมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะขยายกลายเป็นอาการผมล้าน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่า ผู้ชายชาวเอเชียจะพบอาการผมบางกลางศีรษะมากกว่าแนวผมด้านหน้า 



4
ผมค่อย ๆ บางลงพร้อม ๆ กันทั่วทั้งศีรษะ กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะรูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางนั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกคนได้แบบฟรีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งรูปแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 


5
ขณะที่หวีผม หรือจัดแต่งทรงผม อย่าลืมให้ความสำคัญกับรอยแสกผมกลางศีรษะ ที่อาจจะเริ่มขยายกว้าง จนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสังเกตอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ซึ่งถ้ารอยแสกนั้นมีระยะห่างเกิน 1 เซนติเมตร ถือว่าเริ่มมีอาการผมบางแล้วล่ะ 


6
ผมยาวช้าลง เมื่อเทียบกับในอดีต โดยปกติแล้ว ผมของคนเราจะยาวขึ้นปีละ 6 นิ้ว แต่ถ้าใครสังเกตได้ว่า เข้าร้านตัดผมครั้งนี้ ดูเหมือนใช้เวลานานขึ้นกว่าผมจะยาวเท่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของต่อมรากผมอาจจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายขึ้นไปตามวัย


และสุดท้าย สัญญาณเตือนผมร่วง ผมบาง อาจมาในรูปแบบเสียงทักถามด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว ซึ่งอาจสังเกตเห็นความปกติของเส้นผมได้ง่ายกว่าตัวเราเอง อย่าลืมลองเช็คซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ เพื่อจะได้เริ่มต้นดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่พลาดโอกาสคืนความหนาแน่นและแข็งแรงของเส้นผมให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะสายเกินไปนั่นเอง

เช็คสัญญาณเตือน “ผมบาง ผมล้าน”
โดยทั่วไปแล้ว อาการผมร่วง ผมบาง จนไปสู่ภาวะล้าน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อเรายังอายุน้อย ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถสังเกตพบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่ระยะที่อาการยังไม่รุนแรง และหากสังเกตพบเร็ว บวกกับพาตนเองเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมได้เร็ว แน่นอนว่า โอกาสในการรักษา หรือการเข้ารับบริการปลูกผมใหม่ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นได้เหมือนเดิม ก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งยังมีโอกาสวางแผนป้องกันอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้นด้วย

...มารู้จักกับสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเช็คสถานะเส้นผมของตนเอง ว่าเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วหรือยัง...

1
ผมร่วง ถือเป็นภาวะปกติของร่างกาย โดยในทุก ๆ วัน เส้นผมที่มาถึงระยะสิ้นสุดของวงจรชีวิตผมแล้ว จะหลุดร่วงไป ประมาณ 70 – 100 เส้นต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณผมทั้งศีรษะที่มีอยู่ 90,000 – 140,000 เส้น ก็นับว่าเป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าลองสังเกตที่หวี หมอน หรือพื้นห้องน้ำ แล้วรู้สึกว่าผมร่วงในจำนวนที่มากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าเราอาจจะเริ่มมีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแล้ว

2
ทุกเช้าที่เราส่องกระจก ลองสังเกตแนวผมบริเวณหน้าผากเสียหน่อย ว่าเริ่มถอยร่นลึกเข้าไป จนเห็นพื้นที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยัง เราอาจจะลองวัดระยะจากกลางหว่างคิ้ว ตรงขึ้นไปจนถึงจุดกึ่งกลางของแนวไรผม ซึ่งไม่ควรจะกว้างเกินกว่า 6.5 เซนติเมตร

ที่สำคัญ ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดแนวผมรูป M Shape เนื่องจากอาการผมบางจะเกิดบริเวณขมับสองข้างก่อนเพื่อน ถ้าเราลองวัดระยะเฉียงจากหัวคิ้วออกไปถึงแนวผมบริเวณขมับที่อยู่ข้างเดียวกัน โดยวัดถึงจุดที่เว้าลึกเป็นรูปตัว M เข้าไปมากที่สุด หากมีระยะห่างเกิน 8 เซนติเมตร ก็เรียกได้ว่าอาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน



3
ผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยมากแล้วมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะขยายกลายเป็นอาการผมล้าน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่า ผู้ชายชาวเอเชียจะพบอาการผมบางกลางศีรษะมากกว่าแนวผมด้านหน้า 



4
ผมค่อย ๆ บางลงพร้อม ๆ กันทั่วทั้งศีรษะ กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะรูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางนั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกคนได้แบบฟรีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งรูปแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 


5
ขณะที่หวีผม หรือจัดแต่งทรงผม อย่าลืมให้ความสำคัญกับรอยแสกผมกลางศีรษะ ที่อาจจะเริ่มขยายกว้าง จนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสังเกตอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ซึ่งถ้ารอยแสกนั้นมีระยะห่างเกิน 1 เซนติเมตร ถือว่าเริ่มมีอาการผมบางแล้วล่ะ 


6
ผมยาวช้าลง เมื่อเทียบกับในอดีต โดยปกติแล้ว ผมของคนเราจะยาวขึ้นปีละ 6 นิ้ว แต่ถ้าใครสังเกตได้ว่า เข้าร้านตัดผมครั้งนี้ ดูเหมือนใช้เวลานานขึ้นกว่าผมจะยาวเท่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของต่อมรากผมอาจจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายขึ้นไปตามวัย


และสุดท้าย สัญญาณเตือนผมร่วง ผมบาง อาจมาในรูปแบบเสียงทักถามด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว ซึ่งอาจสังเกตเห็นความปกติของเส้นผมได้ง่ายกว่าตัวเราเอง อย่าลืมลองเช็คซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ เพื่อจะได้เริ่มต้นดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่พลาดโอกาสคืนความหนาแน่นและแข็งแรงของเส้นผมให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะสายเกินไปนั่นเอง

เช็คสัญญาณเตือน “ผมบาง ผมล้าน”
โดยทั่วไปแล้ว อาการผมร่วง ผมบาง จนไปสู่ภาวะล้าน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อเรายังอายุน้อย ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถสังเกตพบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่ระยะที่อาการยังไม่รุนแรง และหากสังเกตพบเร็ว บวกกับพาตนเองเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมได้เร็ว แน่นอนว่า โอกาสในการรักษา หรือการเข้ารับบริการปลูกผมใหม่ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นได้เหมือนเดิม ก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งยังมีโอกาสวางแผนป้องกันอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้นด้วย

...มารู้จักกับสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเช็คสถานะเส้นผมของตนเอง ว่าเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วหรือยัง...

1
ผมร่วง ถือเป็นภาวะปกติของร่างกาย โดยในทุก ๆ วัน เส้นผมที่มาถึงระยะสิ้นสุดของวงจรชีวิตผมแล้ว จะหลุดร่วงไป ประมาณ 70 – 100 เส้นต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณผมทั้งศีรษะที่มีอยู่ 90,000 – 140,000 เส้น ก็นับว่าเป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าลองสังเกตที่หวี หมอน หรือพื้นห้องน้ำ แล้วรู้สึกว่าผมร่วงในจำนวนที่มากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าเราอาจจะเริ่มมีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแล้ว

2
ทุกเช้าที่เราส่องกระจก ลองสังเกตแนวผมบริเวณหน้าผากเสียหน่อย ว่าเริ่มถอยร่นลึกเข้าไป จนเห็นพื้นที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยัง เราอาจจะลองวัดระยะจากกลางหว่างคิ้ว ตรงขึ้นไปจนถึงจุดกึ่งกลางของแนวไรผม ซึ่งไม่ควรจะกว้างเกินกว่า 6.5 เซนติเมตร

ที่สำคัญ ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดแนวผมรูป M Shape เนื่องจากอาการผมบางจะเกิดบริเวณขมับสองข้างก่อนเพื่อน ถ้าเราลองวัดระยะเฉียงจากหัวคิ้วออกไปถึงแนวผมบริเวณขมับที่อยู่ข้างเดียวกัน โดยวัดถึงจุดที่เว้าลึกเป็นรูปตัว M เข้าไปมากที่สุด หากมีระยะห่างเกิน 8 เซนติเมตร ก็เรียกได้ว่าอาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน



3
ผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยมากแล้วมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะขยายกลายเป็นอาการผมล้าน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่า ผู้ชายชาวเอเชียจะพบอาการผมบางกลางศีรษะมากกว่าแนวผมด้านหน้า 



4
ผมค่อย ๆ บางลงพร้อม ๆ กันทั่วทั้งศีรษะ กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะรูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางนั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกคนได้แบบฟรีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งรูปแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 


5
ขณะที่หวีผม หรือจัดแต่งทรงผม อย่าลืมให้ความสำคัญกับรอยแสกผมกลางศีรษะ ที่อาจจะเริ่มขยายกว้าง จนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสังเกตอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ซึ่งถ้ารอยแสกนั้นมีระยะห่างเกิน 1 เซนติเมตร ถือว่าเริ่มมีอาการผมบางแล้วล่ะ 


6
ผมยาวช้าลง เมื่อเทียบกับในอดีต โดยปกติแล้ว ผมของคนเราจะยาวขึ้นปีละ 6 นิ้ว แต่ถ้าใครสังเกตได้ว่า เข้าร้านตัดผมครั้งนี้ ดูเหมือนใช้เวลานานขึ้นกว่าผมจะยาวเท่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของต่อมรากผมอาจจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายขึ้นไปตามวัย


และสุดท้าย สัญญาณเตือนผมร่วง ผมบาง อาจมาในรูปแบบเสียงทักถามด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว ซึ่งอาจสังเกตเห็นความปกติของเส้นผมได้ง่ายกว่าตัวเราเอง อย่าลืมลองเช็คซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ เพื่อจะได้เริ่มต้นดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่พลาดโอกาสคืนความหนาแน่นและแข็งแรงของเส้นผมให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะสายเกินไปนั่นเอง

เช็คสัญญาณเตือน “ผมบาง ผมล้าน”
โดยทั่วไปแล้ว อาการผมร่วง ผมบาง จนไปสู่ภาวะล้าน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อเรายังอายุน้อย ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถสังเกตพบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่ระยะที่อาการยังไม่รุนแรง และหากสังเกตพบเร็ว บวกกับพาตนเองเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมได้เร็ว แน่นอนว่า โอกาสในการรักษา หรือการเข้ารับบริการปลูกผมใหม่ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นได้เหมือนเดิม ก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งยังมีโอกาสวางแผนป้องกันอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้นด้วย

...มารู้จักกับสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเช็คสถานะเส้นผมของตนเอง ว่าเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วหรือยัง...

1
ผมร่วง ถือเป็นภาวะปกติของร่างกาย โดยในทุก ๆ วัน เส้นผมที่มาถึงระยะสิ้นสุดของวงจรชีวิตผมแล้ว จะหลุดร่วงไป ประมาณ 70 – 100 เส้นต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณผมทั้งศีรษะที่มีอยู่ 90,000 – 140,000 เส้น ก็นับว่าเป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าลองสังเกตที่หวี หมอน หรือพื้นห้องน้ำ แล้วรู้สึกว่าผมร่วงในจำนวนที่มากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าเราอาจจะเริ่มมีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแล้ว

2
ทุกเช้าที่เราส่องกระจก ลองสังเกตแนวผมบริเวณหน้าผากเสียหน่อย ว่าเริ่มถอยร่นลึกเข้าไป จนเห็นพื้นที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยัง เราอาจจะลองวัดระยะจากกลางหว่างคิ้ว ตรงขึ้นไปจนถึงจุดกึ่งกลางของแนวไรผม ซึ่งไม่ควรจะกว้างเกินกว่า 6.5 เซนติเมตร

ที่สำคัญ ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดแนวผมรูป M Shape เนื่องจากอาการผมบางจะเกิดบริเวณขมับสองข้างก่อนเพื่อน ถ้าเราลองวัดระยะเฉียงจากหัวคิ้วออกไปถึงแนวผมบริเวณขมับที่อยู่ข้างเดียวกัน โดยวัดถึงจุดที่เว้าลึกเป็นรูปตัว M เข้าไปมากที่สุด หากมีระยะห่างเกิน 8 เซนติเมตร ก็เรียกได้ว่าอาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน



3
ผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยมากแล้วมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะขยายกลายเป็นอาการผมล้าน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่า ผู้ชายชาวเอเชียจะพบอาการผมบางกลางศีรษะมากกว่าแนวผมด้านหน้า 



4
ผมค่อย ๆ บางลงพร้อม ๆ กันทั่วทั้งศีรษะ กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะรูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางนั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกคนได้แบบฟรีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งรูปแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 


5
ขณะที่หวีผม หรือจัดแต่งทรงผม อย่าลืมให้ความสำคัญกับรอยแสกผมกลางศีรษะ ที่อาจจะเริ่มขยายกว้าง จนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสังเกตอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ซึ่งถ้ารอยแสกนั้นมีระยะห่างเกิน 1 เซนติเมตร ถือว่าเริ่มมีอาการผมบางแล้วล่ะ 


6
ผมยาวช้าลง เมื่อเทียบกับในอดีต โดยปกติแล้ว ผมของคนเราจะยาวขึ้นปีละ 6 นิ้ว แต่ถ้าใครสังเกตได้ว่า เข้าร้านตัดผมครั้งนี้ ดูเหมือนใช้เวลานานขึ้นกว่าผมจะยาวเท่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของต่อมรากผมอาจจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายขึ้นไปตามวัย


และสุดท้าย สัญญาณเตือนผมร่วง ผมบาง อาจมาในรูปแบบเสียงทักถามด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว ซึ่งอาจสังเกตเห็นความปกติของเส้นผมได้ง่ายกว่าตัวเราเอง อย่าลืมลองเช็คซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ เพื่อจะได้เริ่มต้นดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่พลาดโอกาสคืนความหนาแน่นและแข็งแรงของเส้นผมให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะสายเกินไปนั่นเอง

เช็คสัญญาณเตือน “ผมบาง ผมล้าน”
โดยทั่วไปแล้ว อาการผมร่วง ผมบาง จนไปสู่ภาวะล้าน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อเรายังอายุน้อย ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถสังเกตพบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่ระยะที่อาการยังไม่รุนแรง และหากสังเกตพบเร็ว บวกกับพาตนเองเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมได้เร็ว แน่นอนว่า โอกาสในการรักษา หรือการเข้ารับบริการปลูกผมใหม่ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นได้เหมือนเดิม ก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งยังมีโอกาสวางแผนป้องกันอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้นด้วย

...มารู้จักกับสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเช็คสถานะเส้นผมของตนเอง ว่าเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วหรือยัง...

1
ผมร่วง ถือเป็นภาวะปกติของร่างกาย โดยในทุก ๆ วัน เส้นผมที่มาถึงระยะสิ้นสุดของวงจรชีวิตผมแล้ว จะหลุดร่วงไป ประมาณ 70 – 100 เส้นต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณผมทั้งศีรษะที่มีอยู่ 90,000 – 140,000 เส้น ก็นับว่าเป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าลองสังเกตที่หวี หมอน หรือพื้นห้องน้ำ แล้วรู้สึกว่าผมร่วงในจำนวนที่มากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าเราอาจจะเริ่มมีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแล้ว

2
ทุกเช้าที่เราส่องกระจก ลองสังเกตแนวผมบริเวณหน้าผากเสียหน่อย ว่าเริ่มถอยร่นลึกเข้าไป จนเห็นพื้นที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยัง เราอาจจะลองวัดระยะจากกลางหว่างคิ้ว ตรงขึ้นไปจนถึงจุดกึ่งกลางของแนวไรผม ซึ่งไม่ควรจะกว้างเกินกว่า 6.5 เซนติเมตร

ที่สำคัญ ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดแนวผมรูป M Shape เนื่องจากอาการผมบางจะเกิดบริเวณขมับสองข้างก่อนเพื่อน ถ้าเราลองวัดระยะเฉียงจากหัวคิ้วออกไปถึงแนวผมบริเวณขมับที่อยู่ข้างเดียวกัน โดยวัดถึงจุดที่เว้าลึกเป็นรูปตัว M เข้าไปมากที่สุด หากมีระยะห่างเกิน 8 เซนติเมตร ก็เรียกได้ว่าอาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน



3
ผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยมากแล้วมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะขยายกลายเป็นอาการผมล้าน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่า ผู้ชายชาวเอเชียจะพบอาการผมบางกลางศีรษะมากกว่าแนวผมด้านหน้า 



4
ผมค่อย ๆ บางลงพร้อม ๆ กันทั่วทั้งศีรษะ กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะรูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางนั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกคนได้แบบฟรีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งรูปแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 


5
ขณะที่หวีผม หรือจัดแต่งทรงผม อย่าลืมให้ความสำคัญกับรอยแสกผมกลางศีรษะ ที่อาจจะเริ่มขยายกว้าง จนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสังเกตอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ซึ่งถ้ารอยแสกนั้นมีระยะห่างเกิน 1 เซนติเมตร ถือว่าเริ่มมีอาการผมบางแล้วล่ะ 


6
ผมยาวช้าลง เมื่อเทียบกับในอดีต โดยปกติแล้ว ผมของคนเราจะยาวขึ้นปีละ 6 นิ้ว แต่ถ้าใครสังเกตได้ว่า เข้าร้านตัดผมครั้งนี้ ดูเหมือนใช้เวลานานขึ้นกว่าผมจะยาวเท่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของต่อมรากผมอาจจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายขึ้นไปตามวัย


และสุดท้าย สัญญาณเตือนผมร่วง ผมบาง อาจมาในรูปแบบเสียงทักถามด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว ซึ่งอาจสังเกตเห็นความปกติของเส้นผมได้ง่ายกว่าตัวเราเอง อย่าลืมลองเช็คซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ เพื่อจะได้เริ่มต้นดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่พลาดโอกาสคืนความหนาแน่นและแข็งแรงของเส้นผมให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะสายเกินไปนั่นเอง

บำรุงผมขั้นสุด ด้วย PHB
นอกจากบริการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค โดยคุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น (คุณหมอนิน) แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก ยังมีบริการบำรุงผมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า PHB ซึ่งคุณหมอนินเป็นผู้พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวช่วยในการ Boost ผมให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีได้อีกครั้ง

โปรแกรม PHB เหมาะสำหรับใคร
การบำรุงผมขั้นสุด โปรแกรม PHB ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม 

ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ โปรแกรม PHB เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ โปรแกรม PHB ได้เช่นกัน



บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
โปรแกรม PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผนึกกำลัง สารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน และวิตามินต่าง ๆ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของนามนิน พุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของรากผมอย่างตรงจุด  ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างผมใหม่ให้แข็งแรง สัมผัสประสบการณ์การฟื้นฟูบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...

ปลอดภัย ใช้ชีวิตได้ปกติ
โปรแกรม PHB  มีความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบาย ด้วยเช่นกัน เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อตรงเข้าซ่อมแซมรากผมที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างรากผมใหม่ โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการใช้ชีวิตได้ปกติ 

รู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
โปรแกรม PHB  จะไปช่วยเสริมสร้างและยับยั้งกลไกการอักเสบต่าง ๆ  รวมถึงชะลอความเสื่อม ดูแลรากผมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนี้

  • อาการผมร่วง เริ่มลดลง
  • รากผมเริ่มกลับมางอกใหม่ ทำให้เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นมา
  • เส้นผมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นขึ้น
  • เส้นผมที่ดูอ่อนแอ ขาดการบำรุง เริ่มแข็งแรง ดกดำ เงางาม สุขภาพดี 

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำควรรับบริการ อย่างน้อย 3 ครั้ง 

โปรแกรม PHB เป็น การบำรุงดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุดด้วยสูตรเฉพาะของนามนิน และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นฟื้นฟูผมสุขภาพดีจากภายใน ด้วยความใส่ใจของคุณหมอนิน ... คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การฟื้นบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...















บำรุงผมขั้นสุด ด้วย PHB
นอกจากบริการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค โดยคุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น (คุณหมอนิน) แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก ยังมีบริการบำรุงผมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า PHB ซึ่งคุณหมอนินเป็นผู้พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวช่วยในการ Boost ผมให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีได้อีกครั้ง

โปรแกรม PHB เหมาะสำหรับใคร
การบำรุงผมขั้นสุด โปรแกรม PHB ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม 

ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ โปรแกรม PHB เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ โปรแกรม PHB ได้เช่นกัน



บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
โปรแกรม PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผนึกกำลัง สารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน และวิตามินต่าง ๆ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของนามนิน พุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของรากผมอย่างตรงจุด  ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างผมใหม่ให้แข็งแรง สัมผัสประสบการณ์การฟื้นฟูบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...

ปลอดภัย ใช้ชีวิตได้ปกติ
โปรแกรม PHB  มีความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบาย ด้วยเช่นกัน เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อตรงเข้าซ่อมแซมรากผมที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างรากผมใหม่ โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการใช้ชีวิตได้ปกติ 

รู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
โปรแกรม PHB  จะไปช่วยเสริมสร้างและยับยั้งกลไกการอักเสบต่าง ๆ  รวมถึงชะลอความเสื่อม ดูแลรากผมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนี้

  • อาการผมร่วง เริ่มลดลง
  • รากผมเริ่มกลับมางอกใหม่ ทำให้เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นมา
  • เส้นผมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นขึ้น
  • เส้นผมที่ดูอ่อนแอ ขาดการบำรุง เริ่มแข็งแรง ดกดำ เงางาม สุขภาพดี 

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำควรรับบริการ อย่างน้อย 3 ครั้ง 

โปรแกรม PHB เป็น การบำรุงดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุดด้วยสูตรเฉพาะของนามนิน และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นฟื้นฟูผมสุขภาพดีจากภายใน ด้วยความใส่ใจของคุณหมอนิน ... คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การฟื้นบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...















บำรุงผมขั้นสุด ด้วย PHB
นอกจากบริการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค โดยคุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น (คุณหมอนิน) แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก ยังมีบริการบำรุงผมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า PHB ซึ่งคุณหมอนินเป็นผู้พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวช่วยในการ Boost ผมให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีได้อีกครั้ง

โปรแกรม PHB เหมาะสำหรับใคร
การบำรุงผมขั้นสุด โปรแกรม PHB ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม 

ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ โปรแกรม PHB เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ โปรแกรม PHB ได้เช่นกัน



บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
โปรแกรม PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผนึกกำลัง สารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน และวิตามินต่าง ๆ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของนามนิน พุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของรากผมอย่างตรงจุด  ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างผมใหม่ให้แข็งแรง สัมผัสประสบการณ์การฟื้นฟูบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...

ปลอดภัย ใช้ชีวิตได้ปกติ
โปรแกรม PHB  มีความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบาย ด้วยเช่นกัน เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อตรงเข้าซ่อมแซมรากผมที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างรากผมใหม่ โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการใช้ชีวิตได้ปกติ 

รู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
โปรแกรม PHB  จะไปช่วยเสริมสร้างและยับยั้งกลไกการอักเสบต่าง ๆ  รวมถึงชะลอความเสื่อม ดูแลรากผมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนี้

  • อาการผมร่วง เริ่มลดลง
  • รากผมเริ่มกลับมางอกใหม่ ทำให้เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นมา
  • เส้นผมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นขึ้น
  • เส้นผมที่ดูอ่อนแอ ขาดการบำรุง เริ่มแข็งแรง ดกดำ เงางาม สุขภาพดี 

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำควรรับบริการ อย่างน้อย 3 ครั้ง 

โปรแกรม PHB เป็น การบำรุงดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุดด้วยสูตรเฉพาะของนามนิน และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นฟื้นฟูผมสุขภาพดีจากภายใน ด้วยความใส่ใจของคุณหมอนิน ... คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การฟื้นบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...















บำรุงผมขั้นสุด ด้วย PHB
นอกจากบริการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค โดยคุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น (คุณหมอนิน) แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก ยังมีบริการบำรุงผมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า PHB ซึ่งคุณหมอนินเป็นผู้พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวช่วยในการ Boost ผมให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีได้อีกครั้ง

โปรแกรม PHB เหมาะสำหรับใคร
การบำรุงผมขั้นสุด โปรแกรม PHB ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม 

ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ โปรแกรม PHB เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ โปรแกรม PHB ได้เช่นกัน



บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
โปรแกรม PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผนึกกำลัง สารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน และวิตามินต่าง ๆ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของนามนิน พุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของรากผมอย่างตรงจุด  ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างผมใหม่ให้แข็งแรง สัมผัสประสบการณ์การฟื้นฟูบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...

ปลอดภัย ใช้ชีวิตได้ปกติ
โปรแกรม PHB  มีความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบาย ด้วยเช่นกัน เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อตรงเข้าซ่อมแซมรากผมที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างรากผมใหม่ โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการใช้ชีวิตได้ปกติ 

รู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
โปรแกรม PHB  จะไปช่วยเสริมสร้างและยับยั้งกลไกการอักเสบต่าง ๆ  รวมถึงชะลอความเสื่อม ดูแลรากผมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนี้

  • อาการผมร่วง เริ่มลดลง
  • รากผมเริ่มกลับมางอกใหม่ ทำให้เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นมา
  • เส้นผมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นขึ้น
  • เส้นผมที่ดูอ่อนแอ ขาดการบำรุง เริ่มแข็งแรง ดกดำ เงางาม สุขภาพดี 

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำควรรับบริการ อย่างน้อย 3 ครั้ง 

โปรแกรม PHB เป็น การบำรุงดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุดด้วยสูตรเฉพาะของนามนิน และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นฟื้นฟูผมสุขภาพดีจากภายใน ด้วยความใส่ใจของคุณหมอนิน ... คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การฟื้นบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...















บำรุงผมขั้นสุด ด้วย PHB
นอกจากบริการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค โดยคุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น (คุณหมอนิน) แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก ยังมีบริการบำรุงผมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า PHB ซึ่งคุณหมอนินเป็นผู้พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวช่วยในการ Boost ผมให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีได้อีกครั้ง

โปรแกรม PHB เหมาะสำหรับใคร
การบำรุงผมขั้นสุด โปรแกรม PHB ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม 

ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ โปรแกรม PHB เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ โปรแกรม PHB ได้เช่นกัน



บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ
โปรแกรม PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผนึกกำลัง สารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน และวิตามินต่าง ๆ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของนามนิน พุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของรากผมอย่างตรงจุด  ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างผมใหม่ให้แข็งแรง สัมผัสประสบการณ์การฟื้นฟูบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...

ปลอดภัย ใช้ชีวิตได้ปกติ
โปรแกรม PHB  มีความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบาย ด้วยเช่นกัน เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อตรงเข้าซ่อมแซมรากผมที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างรากผมใหม่ โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการใช้ชีวิตได้ปกติ 

รู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
โปรแกรม PHB  จะไปช่วยเสริมสร้างและยับยั้งกลไกการอักเสบต่าง ๆ  รวมถึงชะลอความเสื่อม ดูแลรากผมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนี้

  • อาการผมร่วง เริ่มลดลง
  • รากผมเริ่มกลับมางอกใหม่ ทำให้เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นมา
  • เส้นผมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นขึ้น
  • เส้นผมที่ดูอ่อนแอ ขาดการบำรุง เริ่มแข็งแรง ดกดำ เงางาม สุขภาพดี 

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำควรรับบริการ อย่างน้อย 3 ครั้ง 

โปรแกรม PHB เป็น การบำรุงดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุดด้วยสูตรเฉพาะของนามนิน และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นฟื้นฟูผมสุขภาพดีจากภายใน ด้วยความใส่ใจของคุณหมอนิน ... คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การฟื้นบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...















ปลูกผมใหม่ ทำไมต้องแคร์ “ผมต้นทุน”
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ก็คงจะได้ยินคำว่า “ผมต้นทุน” บ่อย ๆ แน่ ๆ ...แล้วทำไมต้องแคร์ผมต้นทุนขนาดนั้น... มาเจาะลึกความสำคัญของผมต้นทุนกันให้มากขึ้น เพื่อให้เราวางแผนการรักษาภาวะผมร่วงและผมบางร่วมกับแพทย์ผู้ชำนาญได้ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง

เส้นผม ...เรื่องใหญ่ ใกล้ตัว...
เส้นผมของคนเรามีลักษณะแตกต่างกัน โดยปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้บางคนมีเส้นผมเล็กไม่ค่อยมีน้ำหนัก ขณะที่บางคนมีเส้นผมหนา หยิกฟู จัดทรงยาก ขณะเดียวกัน การที่ต่อมน้ำมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาน้อยหรือมาก ก็ทำให้เกิดผมแห้งหรือผมมัน อีกทั้งหากใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผมแตกปลายได้ด้วย

ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความหนาแน่นของเส้นผม บางคนมีผมดกหนา บางคนมีผมบาง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจาก “กราฟต์ผม” ด้วย กราฟต์ผมหรือกอผม คือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะ อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้นในกราฟต์ผมเดียว ซึ่งตรงนี้เองมีส่วนที่ทำให้คนเรามีผมต้นทุนที่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้มากหรือน้อยไม่เท่ากัน



ผมต้นทุน คืออะไร
ผมต้นทุน ก็คือผมบริเวณ Safe Zone ที่อยู่ด้านหลังท้ายทอย คุณสมบัติพิเศษของผมที่ขึ้นบริเวณนี้ ก็คือความสามารถในการต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งโดยปกติแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่งอกขึ้นมามีลักษณะเส้นสั้นและบาง อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนเป็นสาเหตุให้หลาย ๆ คนเกิดภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านได้

ดังนั้น ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยจึงมีความแข็งแรง ยากที่จะหลุดร่วงก่อนเวลา และเป็นผมในส่วนที่แพทย์ผู้ชำนาญเลือกนำมาใช้ในการปลูกผมใหม่ เพราะแม้จะย้ายมาปลูกบนพื้นที่ใหม่ในบริเวณใดก็ตาม คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายนี้ จะยังอยู่ไปตลอดวงจรชีวิตของเส้นผมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอยนี้ มีปริมาณจำกัด หมดแล้วหมดเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีปริมาณไม่เท่ากัน เพราะอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วว่า ในกราฟต์ผมหนึ่งอาจมีผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น บางคนที่มีเส้นผมเพียง 1 หรือ 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ นั่นแปลว่ามีผมต้นทุนที่นำไปปลูกใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ทำให้การปลูกผมใหม่ของแต่ละคน มีข้อจำกัด ไม่อาจปลูกได้ตามใจหรือปลูกกี่ครั้งก็ได้แบบที่หลายคนเคยเข้าใจ


ใช้ผมต้นทุนอย่างไร ให้เหมาะสม
ถ้าอย่างนั้นแล้ว แพทย์ผู้ชำนาญจะมีวิธีการวิเคราะห์ และบริหารจัดการผมต้นทุนของผู้เข้ารับบริการปลูกผมอย่างไร ในขั้นตอนแรก ๆ ของการปลูกผม แพทย์จะต้องประเมินพื้นที่ปลูกผมใหม่ ว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมากน้อยเท่าไร แล้วมาดูปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่คนไข้มี ก่อนจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่จะใช้ในการปลูกผมใหม่ให้ เหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมขึ้นใหม่มาทดแทนได้อีก


ดังนั้น แพทย์จึงต้องถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกในปริมาณที่เหมาะสม เพียงพอที่จะเติมเต็มความหนาแน่นและแก้ปัญหาผมบางในพื้นที่ปลูกใหม่ หรือหากยังมีกราฟต์ผมต้นทุนเหลือแม้ปลูกครบแล้ว แพทย์ก็จะทำการปลูกแทรกให้โดยไม่ทิ้งกราฟต์ผมต้นทุนให้เสียเปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ถอนย้ายออกมามากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ผมด้านหลังบางลงจนจัดทรงผมเพื่อปกปิดได้ยาก ที่สำคัญ แพทย์อาจต้องเหลือผมต้นทุนไว้สำหรับการปลูกในครั้งต่อไป ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะผมร่วงผมบางต่อในบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย

ผมต้นทุน จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการวางแผนปลูกผมของแพทย์ และต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ถี่ถ้วน รอบคอบ โดยผู้เข้ารับบริการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจในขั้นตอนและเทคนิคการปลูกผม รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อช่วยกันใช้ทรัพยากรเส้นผมที่มีอยู่จำกัดนั้น ให้คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผมใหม่ ทำไมต้องแคร์ “ผมต้นทุน”
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ก็คงจะได้ยินคำว่า “ผมต้นทุน” บ่อย ๆ แน่ ๆ ...แล้วทำไมต้องแคร์ผมต้นทุนขนาดนั้น... มาเจาะลึกความสำคัญของผมต้นทุนกันให้มากขึ้น เพื่อให้เราวางแผนการรักษาภาวะผมร่วงและผมบางร่วมกับแพทย์ผู้ชำนาญได้ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง

เส้นผม ...เรื่องใหญ่ ใกล้ตัว...
เส้นผมของคนเรามีลักษณะแตกต่างกัน โดยปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้บางคนมีเส้นผมเล็กไม่ค่อยมีน้ำหนัก ขณะที่บางคนมีเส้นผมหนา หยิกฟู จัดทรงยาก ขณะเดียวกัน การที่ต่อมน้ำมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาน้อยหรือมาก ก็ทำให้เกิดผมแห้งหรือผมมัน อีกทั้งหากใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผมแตกปลายได้ด้วย

ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความหนาแน่นของเส้นผม บางคนมีผมดกหนา บางคนมีผมบาง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจาก “กราฟต์ผม” ด้วย กราฟต์ผมหรือกอผม คือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะ อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้นในกราฟต์ผมเดียว ซึ่งตรงนี้เองมีส่วนที่ทำให้คนเรามีผมต้นทุนที่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้มากหรือน้อยไม่เท่ากัน



ผมต้นทุน คืออะไร
ผมต้นทุน ก็คือผมบริเวณ Safe Zone ที่อยู่ด้านหลังท้ายทอย คุณสมบัติพิเศษของผมที่ขึ้นบริเวณนี้ ก็คือความสามารถในการต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งโดยปกติแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่งอกขึ้นมามีลักษณะเส้นสั้นและบาง อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนเป็นสาเหตุให้หลาย ๆ คนเกิดภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านได้

ดังนั้น ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยจึงมีความแข็งแรง ยากที่จะหลุดร่วงก่อนเวลา และเป็นผมในส่วนที่แพทย์ผู้ชำนาญเลือกนำมาใช้ในการปลูกผมใหม่ เพราะแม้จะย้ายมาปลูกบนพื้นที่ใหม่ในบริเวณใดก็ตาม คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายนี้ จะยังอยู่ไปตลอดวงจรชีวิตของเส้นผมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอยนี้ มีปริมาณจำกัด หมดแล้วหมดเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีปริมาณไม่เท่ากัน เพราะอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วว่า ในกราฟต์ผมหนึ่งอาจมีผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น บางคนที่มีเส้นผมเพียง 1 หรือ 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ นั่นแปลว่ามีผมต้นทุนที่นำไปปลูกใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ทำให้การปลูกผมใหม่ของแต่ละคน มีข้อจำกัด ไม่อาจปลูกได้ตามใจหรือปลูกกี่ครั้งก็ได้แบบที่หลายคนเคยเข้าใจ


ใช้ผมต้นทุนอย่างไร ให้เหมาะสม
ถ้าอย่างนั้นแล้ว แพทย์ผู้ชำนาญจะมีวิธีการวิเคราะห์ และบริหารจัดการผมต้นทุนของผู้เข้ารับบริการปลูกผมอย่างไร ในขั้นตอนแรก ๆ ของการปลูกผม แพทย์จะต้องประเมินพื้นที่ปลูกผมใหม่ ว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมากน้อยเท่าไร แล้วมาดูปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่คนไข้มี ก่อนจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่จะใช้ในการปลูกผมใหม่ให้ เหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมขึ้นใหม่มาทดแทนได้อีก


ดังนั้น แพทย์จึงต้องถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกในปริมาณที่เหมาะสม เพียงพอที่จะเติมเต็มความหนาแน่นและแก้ปัญหาผมบางในพื้นที่ปลูกใหม่ หรือหากยังมีกราฟต์ผมต้นทุนเหลือแม้ปลูกครบแล้ว แพทย์ก็จะทำการปลูกแทรกให้โดยไม่ทิ้งกราฟต์ผมต้นทุนให้เสียเปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ถอนย้ายออกมามากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ผมด้านหลังบางลงจนจัดทรงผมเพื่อปกปิดได้ยาก ที่สำคัญ แพทย์อาจต้องเหลือผมต้นทุนไว้สำหรับการปลูกในครั้งต่อไป ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะผมร่วงผมบางต่อในบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย

ผมต้นทุน จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการวางแผนปลูกผมของแพทย์ และต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ถี่ถ้วน รอบคอบ โดยผู้เข้ารับบริการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจในขั้นตอนและเทคนิคการปลูกผม รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อช่วยกันใช้ทรัพยากรเส้นผมที่มีอยู่จำกัดนั้น ให้คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผมใหม่ ทำไมต้องแคร์ “ผมต้นทุน”
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ก็คงจะได้ยินคำว่า “ผมต้นทุน” บ่อย ๆ แน่ ๆ ...แล้วทำไมต้องแคร์ผมต้นทุนขนาดนั้น... มาเจาะลึกความสำคัญของผมต้นทุนกันให้มากขึ้น เพื่อให้เราวางแผนการรักษาภาวะผมร่วงและผมบางร่วมกับแพทย์ผู้ชำนาญได้ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง

เส้นผม ...เรื่องใหญ่ ใกล้ตัว...
เส้นผมของคนเรามีลักษณะแตกต่างกัน โดยปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้บางคนมีเส้นผมเล็กไม่ค่อยมีน้ำหนัก ขณะที่บางคนมีเส้นผมหนา หยิกฟู จัดทรงยาก ขณะเดียวกัน การที่ต่อมน้ำมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาน้อยหรือมาก ก็ทำให้เกิดผมแห้งหรือผมมัน อีกทั้งหากใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผมแตกปลายได้ด้วย

ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความหนาแน่นของเส้นผม บางคนมีผมดกหนา บางคนมีผมบาง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจาก “กราฟต์ผม” ด้วย กราฟต์ผมหรือกอผม คือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะ อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้นในกราฟต์ผมเดียว ซึ่งตรงนี้เองมีส่วนที่ทำให้คนเรามีผมต้นทุนที่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้มากหรือน้อยไม่เท่ากัน



ผมต้นทุน คืออะไร
ผมต้นทุน ก็คือผมบริเวณ Safe Zone ที่อยู่ด้านหลังท้ายทอย คุณสมบัติพิเศษของผมที่ขึ้นบริเวณนี้ ก็คือความสามารถในการต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งโดยปกติแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่งอกขึ้นมามีลักษณะเส้นสั้นและบาง อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนเป็นสาเหตุให้หลาย ๆ คนเกิดภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านได้

ดังนั้น ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยจึงมีความแข็งแรง ยากที่จะหลุดร่วงก่อนเวลา และเป็นผมในส่วนที่แพทย์ผู้ชำนาญเลือกนำมาใช้ในการปลูกผมใหม่ เพราะแม้จะย้ายมาปลูกบนพื้นที่ใหม่ในบริเวณใดก็ตาม คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายนี้ จะยังอยู่ไปตลอดวงจรชีวิตของเส้นผมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอยนี้ มีปริมาณจำกัด หมดแล้วหมดเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีปริมาณไม่เท่ากัน เพราะอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วว่า ในกราฟต์ผมหนึ่งอาจมีผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น บางคนที่มีเส้นผมเพียง 1 หรือ 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ นั่นแปลว่ามีผมต้นทุนที่นำไปปลูกใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ทำให้การปลูกผมใหม่ของแต่ละคน มีข้อจำกัด ไม่อาจปลูกได้ตามใจหรือปลูกกี่ครั้งก็ได้แบบที่หลายคนเคยเข้าใจ


ใช้ผมต้นทุนอย่างไร ให้เหมาะสม
ถ้าอย่างนั้นแล้ว แพทย์ผู้ชำนาญจะมีวิธีการวิเคราะห์ และบริหารจัดการผมต้นทุนของผู้เข้ารับบริการปลูกผมอย่างไร ในขั้นตอนแรก ๆ ของการปลูกผม แพทย์จะต้องประเมินพื้นที่ปลูกผมใหม่ ว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมากน้อยเท่าไร แล้วมาดูปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่คนไข้มี ก่อนจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่จะใช้ในการปลูกผมใหม่ให้ เหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมขึ้นใหม่มาทดแทนได้อีก


ดังนั้น แพทย์จึงต้องถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกในปริมาณที่เหมาะสม เพียงพอที่จะเติมเต็มความหนาแน่นและแก้ปัญหาผมบางในพื้นที่ปลูกใหม่ หรือหากยังมีกราฟต์ผมต้นทุนเหลือแม้ปลูกครบแล้ว แพทย์ก็จะทำการปลูกแทรกให้โดยไม่ทิ้งกราฟต์ผมต้นทุนให้เสียเปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ถอนย้ายออกมามากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ผมด้านหลังบางลงจนจัดทรงผมเพื่อปกปิดได้ยาก ที่สำคัญ แพทย์อาจต้องเหลือผมต้นทุนไว้สำหรับการปลูกในครั้งต่อไป ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะผมร่วงผมบางต่อในบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย

ผมต้นทุน จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการวางแผนปลูกผมของแพทย์ และต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ถี่ถ้วน รอบคอบ โดยผู้เข้ารับบริการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจในขั้นตอนและเทคนิคการปลูกผม รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อช่วยกันใช้ทรัพยากรเส้นผมที่มีอยู่จำกัดนั้น ให้คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผมใหม่ ทำไมต้องแคร์ “ผมต้นทุน”
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ก็คงจะได้ยินคำว่า “ผมต้นทุน” บ่อย ๆ แน่ ๆ ...แล้วทำไมต้องแคร์ผมต้นทุนขนาดนั้น... มาเจาะลึกความสำคัญของผมต้นทุนกันให้มากขึ้น เพื่อให้เราวางแผนการรักษาภาวะผมร่วงและผมบางร่วมกับแพทย์ผู้ชำนาญได้ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง

เส้นผม ...เรื่องใหญ่ ใกล้ตัว...
เส้นผมของคนเรามีลักษณะแตกต่างกัน โดยปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้บางคนมีเส้นผมเล็กไม่ค่อยมีน้ำหนัก ขณะที่บางคนมีเส้นผมหนา หยิกฟู จัดทรงยาก ขณะเดียวกัน การที่ต่อมน้ำมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาน้อยหรือมาก ก็ทำให้เกิดผมแห้งหรือผมมัน อีกทั้งหากใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผมแตกปลายได้ด้วย

ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความหนาแน่นของเส้นผม บางคนมีผมดกหนา บางคนมีผมบาง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจาก “กราฟต์ผม” ด้วย กราฟต์ผมหรือกอผม คือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะ อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้นในกราฟต์ผมเดียว ซึ่งตรงนี้เองมีส่วนที่ทำให้คนเรามีผมต้นทุนที่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้มากหรือน้อยไม่เท่ากัน



ผมต้นทุน คืออะไร
ผมต้นทุน ก็คือผมบริเวณ Safe Zone ที่อยู่ด้านหลังท้ายทอย คุณสมบัติพิเศษของผมที่ขึ้นบริเวณนี้ ก็คือความสามารถในการต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งโดยปกติแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่งอกขึ้นมามีลักษณะเส้นสั้นและบาง อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนเป็นสาเหตุให้หลาย ๆ คนเกิดภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านได้

ดังนั้น ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยจึงมีความแข็งแรง ยากที่จะหลุดร่วงก่อนเวลา และเป็นผมในส่วนที่แพทย์ผู้ชำนาญเลือกนำมาใช้ในการปลูกผมใหม่ เพราะแม้จะย้ายมาปลูกบนพื้นที่ใหม่ในบริเวณใดก็ตาม คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายนี้ จะยังอยู่ไปตลอดวงจรชีวิตของเส้นผมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอยนี้ มีปริมาณจำกัด หมดแล้วหมดเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีปริมาณไม่เท่ากัน เพราะอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วว่า ในกราฟต์ผมหนึ่งอาจมีผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น บางคนที่มีเส้นผมเพียง 1 หรือ 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ นั่นแปลว่ามีผมต้นทุนที่นำไปปลูกใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ทำให้การปลูกผมใหม่ของแต่ละคน มีข้อจำกัด ไม่อาจปลูกได้ตามใจหรือปลูกกี่ครั้งก็ได้แบบที่หลายคนเคยเข้าใจ


ใช้ผมต้นทุนอย่างไร ให้เหมาะสม
ถ้าอย่างนั้นแล้ว แพทย์ผู้ชำนาญจะมีวิธีการวิเคราะห์ และบริหารจัดการผมต้นทุนของผู้เข้ารับบริการปลูกผมอย่างไร ในขั้นตอนแรก ๆ ของการปลูกผม แพทย์จะต้องประเมินพื้นที่ปลูกผมใหม่ ว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมากน้อยเท่าไร แล้วมาดูปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่คนไข้มี ก่อนจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่จะใช้ในการปลูกผมใหม่ให้ เหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมขึ้นใหม่มาทดแทนได้อีก


ดังนั้น แพทย์จึงต้องถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกในปริมาณที่เหมาะสม เพียงพอที่จะเติมเต็มความหนาแน่นและแก้ปัญหาผมบางในพื้นที่ปลูกใหม่ หรือหากยังมีกราฟต์ผมต้นทุนเหลือแม้ปลูกครบแล้ว แพทย์ก็จะทำการปลูกแทรกให้โดยไม่ทิ้งกราฟต์ผมต้นทุนให้เสียเปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ถอนย้ายออกมามากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ผมด้านหลังบางลงจนจัดทรงผมเพื่อปกปิดได้ยาก ที่สำคัญ แพทย์อาจต้องเหลือผมต้นทุนไว้สำหรับการปลูกในครั้งต่อไป ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะผมร่วงผมบางต่อในบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย

ผมต้นทุน จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการวางแผนปลูกผมของแพทย์ และต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ถี่ถ้วน รอบคอบ โดยผู้เข้ารับบริการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจในขั้นตอนและเทคนิคการปลูกผม รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อช่วยกันใช้ทรัพยากรเส้นผมที่มีอยู่จำกัดนั้น ให้คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผมใหม่ ทำไมต้องแคร์ “ผมต้นทุน”
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ก็คงจะได้ยินคำว่า “ผมต้นทุน” บ่อย ๆ แน่ ๆ ...แล้วทำไมต้องแคร์ผมต้นทุนขนาดนั้น... มาเจาะลึกความสำคัญของผมต้นทุนกันให้มากขึ้น เพื่อให้เราวางแผนการรักษาภาวะผมร่วงและผมบางร่วมกับแพทย์ผู้ชำนาญได้ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง

เส้นผม ...เรื่องใหญ่ ใกล้ตัว...
เส้นผมของคนเรามีลักษณะแตกต่างกัน โดยปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้บางคนมีเส้นผมเล็กไม่ค่อยมีน้ำหนัก ขณะที่บางคนมีเส้นผมหนา หยิกฟู จัดทรงยาก ขณะเดียวกัน การที่ต่อมน้ำมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาน้อยหรือมาก ก็ทำให้เกิดผมแห้งหรือผมมัน อีกทั้งหากใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผมแตกปลายได้ด้วย

ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความหนาแน่นของเส้นผม บางคนมีผมดกหนา บางคนมีผมบาง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจาก “กราฟต์ผม” ด้วย กราฟต์ผมหรือกอผม คือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะ อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้นในกราฟต์ผมเดียว ซึ่งตรงนี้เองมีส่วนที่ทำให้คนเรามีผมต้นทุนที่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้มากหรือน้อยไม่เท่ากัน



ผมต้นทุน คืออะไร
ผมต้นทุน ก็คือผมบริเวณ Safe Zone ที่อยู่ด้านหลังท้ายทอย คุณสมบัติพิเศษของผมที่ขึ้นบริเวณนี้ ก็คือความสามารถในการต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งโดยปกติแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่งอกขึ้นมามีลักษณะเส้นสั้นและบาง อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนเป็นสาเหตุให้หลาย ๆ คนเกิดภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านได้

ดังนั้น ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยจึงมีความแข็งแรง ยากที่จะหลุดร่วงก่อนเวลา และเป็นผมในส่วนที่แพทย์ผู้ชำนาญเลือกนำมาใช้ในการปลูกผมใหม่ เพราะแม้จะย้ายมาปลูกบนพื้นที่ใหม่ในบริเวณใดก็ตาม คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายนี้ จะยังอยู่ไปตลอดวงจรชีวิตของเส้นผมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอยนี้ มีปริมาณจำกัด หมดแล้วหมดเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีปริมาณไม่เท่ากัน เพราะอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วว่า ในกราฟต์ผมหนึ่งอาจมีผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น บางคนที่มีเส้นผมเพียง 1 หรือ 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ นั่นแปลว่ามีผมต้นทุนที่นำไปปลูกใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ทำให้การปลูกผมใหม่ของแต่ละคน มีข้อจำกัด ไม่อาจปลูกได้ตามใจหรือปลูกกี่ครั้งก็ได้แบบที่หลายคนเคยเข้าใจ


ใช้ผมต้นทุนอย่างไร ให้เหมาะสม
ถ้าอย่างนั้นแล้ว แพทย์ผู้ชำนาญจะมีวิธีการวิเคราะห์ และบริหารจัดการผมต้นทุนของผู้เข้ารับบริการปลูกผมอย่างไร ในขั้นตอนแรก ๆ ของการปลูกผม แพทย์จะต้องประเมินพื้นที่ปลูกผมใหม่ ว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมากน้อยเท่าไร แล้วมาดูปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่คนไข้มี ก่อนจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่จะใช้ในการปลูกผมใหม่ให้ เหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมขึ้นใหม่มาทดแทนได้อีก


ดังนั้น แพทย์จึงต้องถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกในปริมาณที่เหมาะสม เพียงพอที่จะเติมเต็มความหนาแน่นและแก้ปัญหาผมบางในพื้นที่ปลูกใหม่ หรือหากยังมีกราฟต์ผมต้นทุนเหลือแม้ปลูกครบแล้ว แพทย์ก็จะทำการปลูกแทรกให้โดยไม่ทิ้งกราฟต์ผมต้นทุนให้เสียเปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ถอนย้ายออกมามากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ผมด้านหลังบางลงจนจัดทรงผมเพื่อปกปิดได้ยาก ที่สำคัญ แพทย์อาจต้องเหลือผมต้นทุนไว้สำหรับการปลูกในครั้งต่อไป ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะผมร่วงผมบางต่อในบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย

ผมต้นทุน จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการวางแผนปลูกผมของแพทย์ และต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ถี่ถ้วน รอบคอบ โดยผู้เข้ารับบริการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจในขั้นตอนและเทคนิคการปลูกผม รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อช่วยกันใช้ทรัพยากรเส้นผมที่มีอยู่จำกัดนั้น ให้คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผมใหม่ ทำไมต้องแคร์ “ผมต้นทุน”
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ก็คงจะได้ยินคำว่า “ผมต้นทุน” บ่อย ๆ แน่ ๆ ...แล้วทำไมต้องแคร์ผมต้นทุนขนาดนั้น... มาเจาะลึกความสำคัญของผมต้นทุนกันให้มากขึ้น เพื่อให้เราวางแผนการรักษาภาวะผมร่วงและผมบางร่วมกับแพทย์ผู้ชำนาญได้ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง

เส้นผม ...เรื่องใหญ่ ใกล้ตัว...
เส้นผมของคนเรามีลักษณะแตกต่างกัน โดยปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้บางคนมีเส้นผมเล็กไม่ค่อยมีน้ำหนัก ขณะที่บางคนมีเส้นผมหนา หยิกฟู จัดทรงยาก ขณะเดียวกัน การที่ต่อมน้ำมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาน้อยหรือมาก ก็ทำให้เกิดผมแห้งหรือผมมัน อีกทั้งหากใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผมแตกปลายได้ด้วย

ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความหนาแน่นของเส้นผม บางคนมีผมดกหนา บางคนมีผมบาง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจาก “กราฟต์ผม” ด้วย กราฟต์ผมหรือกอผม คือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะ อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้นในกราฟต์ผมเดียว ซึ่งตรงนี้เองมีส่วนที่ทำให้คนเรามีผมต้นทุนที่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้มากหรือน้อยไม่เท่ากัน



ผมต้นทุน คืออะไร
ผมต้นทุน ก็คือผมบริเวณ Safe Zone ที่อยู่ด้านหลังท้ายทอย คุณสมบัติพิเศษของผมที่ขึ้นบริเวณนี้ ก็คือความสามารถในการต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งโดยปกติแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่งอกขึ้นมามีลักษณะเส้นสั้นและบาง อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนเป็นสาเหตุให้หลาย ๆ คนเกิดภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านได้

ดังนั้น ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยจึงมีความแข็งแรง ยากที่จะหลุดร่วงก่อนเวลา และเป็นผมในส่วนที่แพทย์ผู้ชำนาญเลือกนำมาใช้ในการปลูกผมใหม่ เพราะแม้จะย้ายมาปลูกบนพื้นที่ใหม่ในบริเวณใดก็ตาม คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายนี้ จะยังอยู่ไปตลอดวงจรชีวิตของเส้นผมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอยนี้ มีปริมาณจำกัด หมดแล้วหมดเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีปริมาณไม่เท่ากัน เพราะอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วว่า ในกราฟต์ผมหนึ่งอาจมีผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น บางคนที่มีเส้นผมเพียง 1 หรือ 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ นั่นแปลว่ามีผมต้นทุนที่นำไปปลูกใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ทำให้การปลูกผมใหม่ของแต่ละคน มีข้อจำกัด ไม่อาจปลูกได้ตามใจหรือปลูกกี่ครั้งก็ได้แบบที่หลายคนเคยเข้าใจ


ใช้ผมต้นทุนอย่างไร ให้เหมาะสม
ถ้าอย่างนั้นแล้ว แพทย์ผู้ชำนาญจะมีวิธีการวิเคราะห์ และบริหารจัดการผมต้นทุนของผู้เข้ารับบริการปลูกผมอย่างไร ในขั้นตอนแรก ๆ ของการปลูกผม แพทย์จะต้องประเมินพื้นที่ปลูกผมใหม่ ว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมากน้อยเท่าไร แล้วมาดูปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่คนไข้มี ก่อนจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่จะใช้ในการปลูกผมใหม่ให้ เหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมขึ้นใหม่มาทดแทนได้อีก


ดังนั้น แพทย์จึงต้องถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกในปริมาณที่เหมาะสม เพียงพอที่จะเติมเต็มความหนาแน่นและแก้ปัญหาผมบางในพื้นที่ปลูกใหม่ หรือหากยังมีกราฟต์ผมต้นทุนเหลือแม้ปลูกครบแล้ว แพทย์ก็จะทำการปลูกแทรกให้โดยไม่ทิ้งกราฟต์ผมต้นทุนให้เสียเปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ถอนย้ายออกมามากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ผมด้านหลังบางลงจนจัดทรงผมเพื่อปกปิดได้ยาก ที่สำคัญ แพทย์อาจต้องเหลือผมต้นทุนไว้สำหรับการปลูกในครั้งต่อไป ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะผมร่วงผมบางต่อในบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย

ผมต้นทุน จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการวางแผนปลูกผมของแพทย์ และต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ถี่ถ้วน รอบคอบ โดยผู้เข้ารับบริการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจในขั้นตอนและเทคนิคการปลูกผม รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อช่วยกันใช้ทรัพยากรเส้นผมที่มีอยู่จำกัดนั้น ให้คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผมด้วยแพทย์เส้นแรกถึงเส้นสุดท้าย
ในบรรดาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผมให้การปลูกผมแต่ละครั้งประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจสำคัญในการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ก็คือตัว “แพทย์” ผู้ดูแลการปลูกผมในทุกขั้นตอน 

ทำไมการปลูกผม จึงเป็นหัตถการที่ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แต่ต้องอาศัยบุคลากรผู้มีความชำนาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ และทำไมคุณจึงไม่ควรเสี่ยงมองข้ามความสำคัญของเส้นผมเส้นเล็ก ๆ แต่ควรเลือกวางใจที่จะจบปัญหาเส้นผมกับแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ...ไปหาคำตอบพร้อมกันกับนามนินในบทความนี้ได้เลย...


ปลูกผม 
ศาสตร์และศิลป์อันละเอียดอ่อน

อย่างที่นามนินย้ำเสมอมาว่า การปลูกผมเป็นศาสตร์และศิลป์ เพราะนี่คือหนึ่งในศาสตร์ด้านการแพทย์ที่มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อเนื่องมายาวนาน และแม้ว่าปัจจุบัน วิทยาการที่ก้าวหน้าจะทำให้ขั้นตอนการปลูกผมมีความทันสมัยมากขึ้น และคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมเองก็ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ทักษะความชำนาญของแพทย์ ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกผมไม่เปลี่ยนแปลง 

ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้ว ผมก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย มีความหลากหลาย และมีความซับซ้อนไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ จึงต้องมีแพทย์ที่ศึกษาด้านเส้นผมแบบเฉพาะทาง อีกทั้งในปัจจุบันเทรนด์การดูแลเส้นผมยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนเกือบทุกเพศทุกวัยเริ่มหันมาเลือกแนวทางการปลูกผมเพื่อรักษาภาวะผมร่วงและผมบางกันมากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายหรือผู้สูงวัยเท่านั้นเหมือนแต่ก่อน เราจึงเห็นโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในหลาย ๆ ประเทศ เร่งพัฒนาเทคนิคการปลูกผม พร้อมทั้งฝึกฝนและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในวงการแพทย์ผู้ชำนาญอย่างกว้างขวาง เพื่อยกระดับทักษะของแพทย์ให้สามารถดำเนินขั้นตอนการรักษาที่ล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในทุก ๆ ขั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ศาสตร์การปลูกผม จึงเป็นศาสตร์การแพทย์มาแรงที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย

ขณะเดียวกัน การปลูกผม ก็ไม่เพียงต้องการทักษะทางการแพทย์อย่างเดียว แต่ยังต้องการมุมมองเชิงศิลป์ หรือความเข้าใจในเรื่องของความงามเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากเส้นผมมีความเกี่ยวเนื่องกับรูปลักษณ์ของเราทุกคน และรูปลักษณ์ที่ว่านี้ ก็มีความหมายและความสำคัญในฐานะเครื่องสะท้อนบุคลิกภาพ ตัวตน ไปจนถึงการได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจ ความภูมิใจ หรือความสุขจากภายในด้วย 

การรักษาภาวะผมร่วงและผมบาง จึงไม่เพียงเป็นการรักษาอาการผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะเท่านั้น แต่ยังเป็นศิลปะในการเสริมรูปลักษณ์ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์ด้านความงามนั่นเอง



ความต้องการของคนไข้
หัวใจของการรักษา

ในการให้บริการปลูกผมนั้น นามนินจะยึดหลักคนไข้เป็นศูนย์กลางเสมอ ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ โดยแพทย์จะรับฟังปัญหาและเสียงความต้องการของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาให้ตอบโจทย์คนไข้ และตอบโจทย์วิชาการด้านการแพทย์ไปพร้อม ๆ กัน 

ที่สำคัญ แพทย์ยังเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีรูปแบบปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ ตรงกันข้าม แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้ และดูแลได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และสำหรับคนไข้ที่จำเป็นต้องปลูกผมบริเวณหน้าผาก แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอิงหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการปรับหรือเสริมมิติความงามให้กับรูปหน้าคนไข้ เพื่อเปลี่ยนให้มีความหวานละมุน หรือคมเข้มสมาร์ทยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้คนไข้ เหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งด้วย




ผมต้นทุน
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าอาการผมบางหรือผมล้านจะรุนแรงแค่ไหน การปลูกผมก็ช่วยได้แบบ 100% หรือเข้าใจไปว่าเราสามารถปลูกผมซ้ำได้บ่อย ๆ แต่ทราบหรือไม่ว่า ความท้าทายข้อหนึ่งของการปลูกผมใหม่ ก็คือการที่คนไข้ต้องใช้ “ผมต้นทุน” จากพื้นที่ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถใช้ผมของคนอื่นได้ และไม่สามารถใช้ผมจากบริเวณอื่น เนื่องจากผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone เป็นจุดเดียวที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละคนยังมีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากัน “กราฟต์ผม” ในที่นี้หมายถึงกอผมที่เส้นผมมาอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น ซึ่งบางคนอาจมีเส้นผมเพียง 1-2 เส้นต่อกราฟต์ ไม่หนาแน่นเหมือนคนอื่น ๆ

นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีปริมาณผมต้นทุนอยู่เพียงจำกัด และอาจปลูกซ้ำได้ไม่เกิน 1-2 ครั้งเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในกรณีคนไข้เข้าสู่ภาวะผมล้านที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเนื่องจากไม่ได้รีบมารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็ไม่แน่ว่าจะเหลือผมต้นทุนในปริมาณเพียงพอที่จะปลูกใหม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด 

ตรงนี้เอง แพทย์ผู้ชำนาญจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการทำหน้าที่วิเคราะห์สภาพปัญหาผมร่วงผมบางว่ารุนแรงแค่ไหน ต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนจำนวนเท่าไหร่ในการปลูกใหม่ รวมถึงประเมินผมต้นทุนที่คนไข้มี ว่าเพียงพอหรือไม่ และควรจะบริหารจัดการอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้คำนวณปริมาณผมต้นทุนที่จะเจาะย้ายออกให้คุ้มค่ามากที่สุด 

โดยแพทย์ต้องคำนึงว่า เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกมาแล้ว จะต้องแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีอาการผมบางได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน ด้านหลังท้ายทอยก็ยังต้องเหลือเส้นผมอยู่หนาแน่นเพียงพอที่คนไข้จะไม่ต้องคอยระวังปกปิดร่องรอยการหายไปของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินได้พัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อกระจายจุดที่จะต้องเจาะย้ายออกให้เว้นระยะห่างกันเป็นแถบ ๆ เทคนิคนี้จะทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับผมด้านหลัง และสามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระตามต้องการ



ปลูกผมด้วยแพทย์
ตัวจริงเสียงจริง

และในขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการลงมือปลูกผมนั้น  แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ บวกกับศิลปะในการปักกราฟต์ผม ผสานกับความประณีต ละเอียดอ่อน และใส่ใจอย่างที่สุดในทุก ๆ ขั้น ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผมที่ย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย ให้มีขนาด ความหนาบาง และความโค้งของเส้นผมเหมาะกับพื้นที่ที่จะปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมโดยคำนึงถึงทิศทางและองศาของเส้นผมเดิม เพื่อความกลมกลืน ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางหลังจากปลูกไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก

แพทย์ยังต้องเฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง สามารถคืนความหนาแน่นให้พื้นที่ที่มีปัญหาผมบางได้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่นเบียดกันเกินไปจนเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของกราฟต์ผม นอกจากนั้น ยังต้องระวังระยะความลึกในการปักกราฟต์ให้พอดี เพื่อให้เส้นเลือดสามารถลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างเต็มที่

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ ตั้งแต่กราฟต์แรก ไปจนถึงกราฟต์สุดท้ายด้วยตัวเองทั้งหมด คนไข้จึงวางใจได้ในความใส่ใจทุก ๆ กราฟต์ ระดับเส้นต่อเส้นจริง ๆ



ดูแลหลังปลูก
ตลอด 1 ปีเต็ม

การเดินทางของแพทย์และคนไข้ยังไม่สิ้นสุด เพราะหลังทำหัตถการปลูกผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะและเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปี แพทย์จึงยังคอยดูแลติดตามผลและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีเต็ม 

พร้อมกันนั้นก็เตรียมคัดสรรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผมต่าง ๆ ที่ทั้งอ่อนโยนกับเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงช่วยดูแลเสริมเกราะป้องกันให้เส้นผมแข็งแรงจากภายใน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมบริการ Treatment รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดบำรุง หรือแบบฉายแสง Low Light บริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการทำงานของรากผมลึกถึงระดับเซลล์ ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด


ทั้งทักษะความสามารถของแพทย์ผู้ชำนาญ รวมถึงความใส่ใจตั้งแต่กราฟต์ผมแรกไปจนถึงกราฟต์ผมสุดท้าย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หัตถการปลูกผมของนามนินประสบความสำเร็จ โดยยึดเอาความสุขของคนไข้เจ้าของเส้นผมเป็นหลักอันดับหนึ่งเสมอมา


ปลูกผมด้วยแพทย์เส้นแรกถึงเส้นสุดท้าย
ในบรรดาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผมให้การปลูกผมแต่ละครั้งประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจสำคัญในการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ก็คือตัว “แพทย์” ผู้ดูแลการปลูกผมในทุกขั้นตอน 

ทำไมการปลูกผม จึงเป็นหัตถการที่ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แต่ต้องอาศัยบุคลากรผู้มีความชำนาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ และทำไมคุณจึงไม่ควรเสี่ยงมองข้ามความสำคัญของเส้นผมเส้นเล็ก ๆ แต่ควรเลือกวางใจที่จะจบปัญหาเส้นผมกับแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ...ไปหาคำตอบพร้อมกันกับนามนินในบทความนี้ได้เลย...


ปลูกผม 
ศาสตร์และศิลป์อันละเอียดอ่อน

อย่างที่นามนินย้ำเสมอมาว่า การปลูกผมเป็นศาสตร์และศิลป์ เพราะนี่คือหนึ่งในศาสตร์ด้านการแพทย์ที่มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อเนื่องมายาวนาน และแม้ว่าปัจจุบัน วิทยาการที่ก้าวหน้าจะทำให้ขั้นตอนการปลูกผมมีความทันสมัยมากขึ้น และคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมเองก็ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ทักษะความชำนาญของแพทย์ ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกผมไม่เปลี่ยนแปลง 

ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้ว ผมก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย มีความหลากหลาย และมีความซับซ้อนไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ จึงต้องมีแพทย์ที่ศึกษาด้านเส้นผมแบบเฉพาะทาง อีกทั้งในปัจจุบันเทรนด์การดูแลเส้นผมยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนเกือบทุกเพศทุกวัยเริ่มหันมาเลือกแนวทางการปลูกผมเพื่อรักษาภาวะผมร่วงและผมบางกันมากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายหรือผู้สูงวัยเท่านั้นเหมือนแต่ก่อน เราจึงเห็นโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในหลาย ๆ ประเทศ เร่งพัฒนาเทคนิคการปลูกผม พร้อมทั้งฝึกฝนและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในวงการแพทย์ผู้ชำนาญอย่างกว้างขวาง เพื่อยกระดับทักษะของแพทย์ให้สามารถดำเนินขั้นตอนการรักษาที่ล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในทุก ๆ ขั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ศาสตร์การปลูกผม จึงเป็นศาสตร์การแพทย์มาแรงที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย

ขณะเดียวกัน การปลูกผม ก็ไม่เพียงต้องการทักษะทางการแพทย์อย่างเดียว แต่ยังต้องการมุมมองเชิงศิลป์ หรือความเข้าใจในเรื่องของความงามเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากเส้นผมมีความเกี่ยวเนื่องกับรูปลักษณ์ของเราทุกคน และรูปลักษณ์ที่ว่านี้ ก็มีความหมายและความสำคัญในฐานะเครื่องสะท้อนบุคลิกภาพ ตัวตน ไปจนถึงการได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจ ความภูมิใจ หรือความสุขจากภายในด้วย 

การรักษาภาวะผมร่วงและผมบาง จึงไม่เพียงเป็นการรักษาอาการผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะเท่านั้น แต่ยังเป็นศิลปะในการเสริมรูปลักษณ์ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์ด้านความงามนั่นเอง



ความต้องการของคนไข้
หัวใจของการรักษา

ในการให้บริการปลูกผมนั้น นามนินจะยึดหลักคนไข้เป็นศูนย์กลางเสมอ ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ โดยแพทย์จะรับฟังปัญหาและเสียงความต้องการของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาให้ตอบโจทย์คนไข้ และตอบโจทย์วิชาการด้านการแพทย์ไปพร้อม ๆ กัน 

ที่สำคัญ แพทย์ยังเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีรูปแบบปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ ตรงกันข้าม แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้ และดูแลได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และสำหรับคนไข้ที่จำเป็นต้องปลูกผมบริเวณหน้าผาก แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอิงหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการปรับหรือเสริมมิติความงามให้กับรูปหน้าคนไข้ เพื่อเปลี่ยนให้มีความหวานละมุน หรือคมเข้มสมาร์ทยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้คนไข้ เหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งด้วย




ผมต้นทุน
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าอาการผมบางหรือผมล้านจะรุนแรงแค่ไหน การปลูกผมก็ช่วยได้แบบ 100% หรือเข้าใจไปว่าเราสามารถปลูกผมซ้ำได้บ่อย ๆ แต่ทราบหรือไม่ว่า ความท้าทายข้อหนึ่งของการปลูกผมใหม่ ก็คือการที่คนไข้ต้องใช้ “ผมต้นทุน” จากพื้นที่ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถใช้ผมของคนอื่นได้ และไม่สามารถใช้ผมจากบริเวณอื่น เนื่องจากผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone เป็นจุดเดียวที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละคนยังมีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากัน “กราฟต์ผม” ในที่นี้หมายถึงกอผมที่เส้นผมมาอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น ซึ่งบางคนอาจมีเส้นผมเพียง 1-2 เส้นต่อกราฟต์ ไม่หนาแน่นเหมือนคนอื่น ๆ

นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีปริมาณผมต้นทุนอยู่เพียงจำกัด และอาจปลูกซ้ำได้ไม่เกิน 1-2 ครั้งเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในกรณีคนไข้เข้าสู่ภาวะผมล้านที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเนื่องจากไม่ได้รีบมารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็ไม่แน่ว่าจะเหลือผมต้นทุนในปริมาณเพียงพอที่จะปลูกใหม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด 

ตรงนี้เอง แพทย์ผู้ชำนาญจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการทำหน้าที่วิเคราะห์สภาพปัญหาผมร่วงผมบางว่ารุนแรงแค่ไหน ต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนจำนวนเท่าไหร่ในการปลูกใหม่ รวมถึงประเมินผมต้นทุนที่คนไข้มี ว่าเพียงพอหรือไม่ และควรจะบริหารจัดการอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้คำนวณปริมาณผมต้นทุนที่จะเจาะย้ายออกให้คุ้มค่ามากที่สุด 

โดยแพทย์ต้องคำนึงว่า เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกมาแล้ว จะต้องแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีอาการผมบางได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน ด้านหลังท้ายทอยก็ยังต้องเหลือเส้นผมอยู่หนาแน่นเพียงพอที่คนไข้จะไม่ต้องคอยระวังปกปิดร่องรอยการหายไปของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินได้พัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อกระจายจุดที่จะต้องเจาะย้ายออกให้เว้นระยะห่างกันเป็นแถบ ๆ เทคนิคนี้จะทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับผมด้านหลัง และสามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระตามต้องการ



ปลูกผมด้วยแพทย์
ตัวจริงเสียงจริง

และในขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการลงมือปลูกผมนั้น  แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ บวกกับศิลปะในการปักกราฟต์ผม ผสานกับความประณีต ละเอียดอ่อน และใส่ใจอย่างที่สุดในทุก ๆ ขั้น ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผมที่ย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย ให้มีขนาด ความหนาบาง และความโค้งของเส้นผมเหมาะกับพื้นที่ที่จะปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมโดยคำนึงถึงทิศทางและองศาของเส้นผมเดิม เพื่อความกลมกลืน ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางหลังจากปลูกไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก

แพทย์ยังต้องเฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง สามารถคืนความหนาแน่นให้พื้นที่ที่มีปัญหาผมบางได้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่นเบียดกันเกินไปจนเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของกราฟต์ผม นอกจากนั้น ยังต้องระวังระยะความลึกในการปักกราฟต์ให้พอดี เพื่อให้เส้นเลือดสามารถลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างเต็มที่

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ ตั้งแต่กราฟต์แรก ไปจนถึงกราฟต์สุดท้ายด้วยตัวเองทั้งหมด คนไข้จึงวางใจได้ในความใส่ใจทุก ๆ กราฟต์ ระดับเส้นต่อเส้นจริง ๆ



ดูแลหลังปลูก
ตลอด 1 ปีเต็ม

การเดินทางของแพทย์และคนไข้ยังไม่สิ้นสุด เพราะหลังทำหัตถการปลูกผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะและเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปี แพทย์จึงยังคอยดูแลติดตามผลและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีเต็ม 

พร้อมกันนั้นก็เตรียมคัดสรรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผมต่าง ๆ ที่ทั้งอ่อนโยนกับเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงช่วยดูแลเสริมเกราะป้องกันให้เส้นผมแข็งแรงจากภายใน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมบริการ Treatment รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดบำรุง หรือแบบฉายแสง Low Light บริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการทำงานของรากผมลึกถึงระดับเซลล์ ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด


ทั้งทักษะความสามารถของแพทย์ผู้ชำนาญ รวมถึงความใส่ใจตั้งแต่กราฟต์ผมแรกไปจนถึงกราฟต์ผมสุดท้าย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หัตถการปลูกผมของนามนินประสบความสำเร็จ โดยยึดเอาความสุขของคนไข้เจ้าของเส้นผมเป็นหลักอันดับหนึ่งเสมอมา


ปลูกผมด้วยแพทย์เส้นแรกถึงเส้นสุดท้าย
ในบรรดาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผมให้การปลูกผมแต่ละครั้งประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจสำคัญในการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ก็คือตัว “แพทย์” ผู้ดูแลการปลูกผมในทุกขั้นตอน 

ทำไมการปลูกผม จึงเป็นหัตถการที่ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แต่ต้องอาศัยบุคลากรผู้มีความชำนาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ และทำไมคุณจึงไม่ควรเสี่ยงมองข้ามความสำคัญของเส้นผมเส้นเล็ก ๆ แต่ควรเลือกวางใจที่จะจบปัญหาเส้นผมกับแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ...ไปหาคำตอบพร้อมกันกับนามนินในบทความนี้ได้เลย...


ปลูกผม 
ศาสตร์และศิลป์อันละเอียดอ่อน

อย่างที่นามนินย้ำเสมอมาว่า การปลูกผมเป็นศาสตร์และศิลป์ เพราะนี่คือหนึ่งในศาสตร์ด้านการแพทย์ที่มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อเนื่องมายาวนาน และแม้ว่าปัจจุบัน วิทยาการที่ก้าวหน้าจะทำให้ขั้นตอนการปลูกผมมีความทันสมัยมากขึ้น และคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมเองก็ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ทักษะความชำนาญของแพทย์ ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกผมไม่เปลี่ยนแปลง 

ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้ว ผมก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย มีความหลากหลาย และมีความซับซ้อนไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ จึงต้องมีแพทย์ที่ศึกษาด้านเส้นผมแบบเฉพาะทาง อีกทั้งในปัจจุบันเทรนด์การดูแลเส้นผมยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนเกือบทุกเพศทุกวัยเริ่มหันมาเลือกแนวทางการปลูกผมเพื่อรักษาภาวะผมร่วงและผมบางกันมากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายหรือผู้สูงวัยเท่านั้นเหมือนแต่ก่อน เราจึงเห็นโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในหลาย ๆ ประเทศ เร่งพัฒนาเทคนิคการปลูกผม พร้อมทั้งฝึกฝนและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในวงการแพทย์ผู้ชำนาญอย่างกว้างขวาง เพื่อยกระดับทักษะของแพทย์ให้สามารถดำเนินขั้นตอนการรักษาที่ล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในทุก ๆ ขั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ศาสตร์การปลูกผม จึงเป็นศาสตร์การแพทย์มาแรงที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย

ขณะเดียวกัน การปลูกผม ก็ไม่เพียงต้องการทักษะทางการแพทย์อย่างเดียว แต่ยังต้องการมุมมองเชิงศิลป์ หรือความเข้าใจในเรื่องของความงามเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากเส้นผมมีความเกี่ยวเนื่องกับรูปลักษณ์ของเราทุกคน และรูปลักษณ์ที่ว่านี้ ก็มีความหมายและความสำคัญในฐานะเครื่องสะท้อนบุคลิกภาพ ตัวตน ไปจนถึงการได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจ ความภูมิใจ หรือความสุขจากภายในด้วย 

การรักษาภาวะผมร่วงและผมบาง จึงไม่เพียงเป็นการรักษาอาการผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะเท่านั้น แต่ยังเป็นศิลปะในการเสริมรูปลักษณ์ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์ด้านความงามนั่นเอง



ความต้องการของคนไข้
หัวใจของการรักษา

ในการให้บริการปลูกผมนั้น นามนินจะยึดหลักคนไข้เป็นศูนย์กลางเสมอ ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ โดยแพทย์จะรับฟังปัญหาและเสียงความต้องการของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาให้ตอบโจทย์คนไข้ และตอบโจทย์วิชาการด้านการแพทย์ไปพร้อม ๆ กัน 

ที่สำคัญ แพทย์ยังเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีรูปแบบปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ ตรงกันข้าม แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้ และดูแลได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และสำหรับคนไข้ที่จำเป็นต้องปลูกผมบริเวณหน้าผาก แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอิงหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการปรับหรือเสริมมิติความงามให้กับรูปหน้าคนไข้ เพื่อเปลี่ยนให้มีความหวานละมุน หรือคมเข้มสมาร์ทยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้คนไข้ เหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งด้วย




ผมต้นทุน
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าอาการผมบางหรือผมล้านจะรุนแรงแค่ไหน การปลูกผมก็ช่วยได้แบบ 100% หรือเข้าใจไปว่าเราสามารถปลูกผมซ้ำได้บ่อย ๆ แต่ทราบหรือไม่ว่า ความท้าทายข้อหนึ่งของการปลูกผมใหม่ ก็คือการที่คนไข้ต้องใช้ “ผมต้นทุน” จากพื้นที่ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถใช้ผมของคนอื่นได้ และไม่สามารถใช้ผมจากบริเวณอื่น เนื่องจากผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone เป็นจุดเดียวที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละคนยังมีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากัน “กราฟต์ผม” ในที่นี้หมายถึงกอผมที่เส้นผมมาอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น ซึ่งบางคนอาจมีเส้นผมเพียง 1-2 เส้นต่อกราฟต์ ไม่หนาแน่นเหมือนคนอื่น ๆ

นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีปริมาณผมต้นทุนอยู่เพียงจำกัด และอาจปลูกซ้ำได้ไม่เกิน 1-2 ครั้งเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในกรณีคนไข้เข้าสู่ภาวะผมล้านที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเนื่องจากไม่ได้รีบมารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็ไม่แน่ว่าจะเหลือผมต้นทุนในปริมาณเพียงพอที่จะปลูกใหม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด 

ตรงนี้เอง แพทย์ผู้ชำนาญจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการทำหน้าที่วิเคราะห์สภาพปัญหาผมร่วงผมบางว่ารุนแรงแค่ไหน ต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนจำนวนเท่าไหร่ในการปลูกใหม่ รวมถึงประเมินผมต้นทุนที่คนไข้มี ว่าเพียงพอหรือไม่ และควรจะบริหารจัดการอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้คำนวณปริมาณผมต้นทุนที่จะเจาะย้ายออกให้คุ้มค่ามากที่สุด 

โดยแพทย์ต้องคำนึงว่า เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกมาแล้ว จะต้องแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีอาการผมบางได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน ด้านหลังท้ายทอยก็ยังต้องเหลือเส้นผมอยู่หนาแน่นเพียงพอที่คนไข้จะไม่ต้องคอยระวังปกปิดร่องรอยการหายไปของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินได้พัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อกระจายจุดที่จะต้องเจาะย้ายออกให้เว้นระยะห่างกันเป็นแถบ ๆ เทคนิคนี้จะทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับผมด้านหลัง และสามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระตามต้องการ



ปลูกผมด้วยแพทย์
ตัวจริงเสียงจริง

และในขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการลงมือปลูกผมนั้น  แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ บวกกับศิลปะในการปักกราฟต์ผม ผสานกับความประณีต ละเอียดอ่อน และใส่ใจอย่างที่สุดในทุก ๆ ขั้น ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผมที่ย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย ให้มีขนาด ความหนาบาง และความโค้งของเส้นผมเหมาะกับพื้นที่ที่จะปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมโดยคำนึงถึงทิศทางและองศาของเส้นผมเดิม เพื่อความกลมกลืน ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางหลังจากปลูกไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก

แพทย์ยังต้องเฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง สามารถคืนความหนาแน่นให้พื้นที่ที่มีปัญหาผมบางได้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่นเบียดกันเกินไปจนเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของกราฟต์ผม นอกจากนั้น ยังต้องระวังระยะความลึกในการปักกราฟต์ให้พอดี เพื่อให้เส้นเลือดสามารถลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างเต็มที่

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ ตั้งแต่กราฟต์แรก ไปจนถึงกราฟต์สุดท้ายด้วยตัวเองทั้งหมด คนไข้จึงวางใจได้ในความใส่ใจทุก ๆ กราฟต์ ระดับเส้นต่อเส้นจริง ๆ



ดูแลหลังปลูก
ตลอด 1 ปีเต็ม

การเดินทางของแพทย์และคนไข้ยังไม่สิ้นสุด เพราะหลังทำหัตถการปลูกผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะและเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปี แพทย์จึงยังคอยดูแลติดตามผลและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีเต็ม 

พร้อมกันนั้นก็เตรียมคัดสรรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผมต่าง ๆ ที่ทั้งอ่อนโยนกับเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงช่วยดูแลเสริมเกราะป้องกันให้เส้นผมแข็งแรงจากภายใน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมบริการ Treatment รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดบำรุง หรือแบบฉายแสง Low Light บริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการทำงานของรากผมลึกถึงระดับเซลล์ ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด


ทั้งทักษะความสามารถของแพทย์ผู้ชำนาญ รวมถึงความใส่ใจตั้งแต่กราฟต์ผมแรกไปจนถึงกราฟต์ผมสุดท้าย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หัตถการปลูกผมของนามนินประสบความสำเร็จ โดยยึดเอาความสุขของคนไข้เจ้าของเส้นผมเป็นหลักอันดับหนึ่งเสมอมา


ปลูกผมด้วยแพทย์เส้นแรกถึงเส้นสุดท้าย
ในบรรดาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผมให้การปลูกผมแต่ละครั้งประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจสำคัญในการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ก็คือตัว “แพทย์” ผู้ดูแลการปลูกผมในทุกขั้นตอน 

ทำไมการปลูกผม จึงเป็นหัตถการที่ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แต่ต้องอาศัยบุคลากรผู้มีความชำนาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ และทำไมคุณจึงไม่ควรเสี่ยงมองข้ามความสำคัญของเส้นผมเส้นเล็ก ๆ แต่ควรเลือกวางใจที่จะจบปัญหาเส้นผมกับแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ...ไปหาคำตอบพร้อมกันกับนามนินในบทความนี้ได้เลย...


ปลูกผม 
ศาสตร์และศิลป์อันละเอียดอ่อน

อย่างที่นามนินย้ำเสมอมาว่า การปลูกผมเป็นศาสตร์และศิลป์ เพราะนี่คือหนึ่งในศาสตร์ด้านการแพทย์ที่มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อเนื่องมายาวนาน และแม้ว่าปัจจุบัน วิทยาการที่ก้าวหน้าจะทำให้ขั้นตอนการปลูกผมมีความทันสมัยมากขึ้น และคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมเองก็ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ทักษะความชำนาญของแพทย์ ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกผมไม่เปลี่ยนแปลง 

ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้ว ผมก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย มีความหลากหลาย และมีความซับซ้อนไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ จึงต้องมีแพทย์ที่ศึกษาด้านเส้นผมแบบเฉพาะทาง อีกทั้งในปัจจุบันเทรนด์การดูแลเส้นผมยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนเกือบทุกเพศทุกวัยเริ่มหันมาเลือกแนวทางการปลูกผมเพื่อรักษาภาวะผมร่วงและผมบางกันมากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายหรือผู้สูงวัยเท่านั้นเหมือนแต่ก่อน เราจึงเห็นโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในหลาย ๆ ประเทศ เร่งพัฒนาเทคนิคการปลูกผม พร้อมทั้งฝึกฝนและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในวงการแพทย์ผู้ชำนาญอย่างกว้างขวาง เพื่อยกระดับทักษะของแพทย์ให้สามารถดำเนินขั้นตอนการรักษาที่ล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในทุก ๆ ขั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ศาสตร์การปลูกผม จึงเป็นศาสตร์การแพทย์มาแรงที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย

ขณะเดียวกัน การปลูกผม ก็ไม่เพียงต้องการทักษะทางการแพทย์อย่างเดียว แต่ยังต้องการมุมมองเชิงศิลป์ หรือความเข้าใจในเรื่องของความงามเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากเส้นผมมีความเกี่ยวเนื่องกับรูปลักษณ์ของเราทุกคน และรูปลักษณ์ที่ว่านี้ ก็มีความหมายและความสำคัญในฐานะเครื่องสะท้อนบุคลิกภาพ ตัวตน ไปจนถึงการได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจ ความภูมิใจ หรือความสุขจากภายในด้วย 

การรักษาภาวะผมร่วงและผมบาง จึงไม่เพียงเป็นการรักษาอาการผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะเท่านั้น แต่ยังเป็นศิลปะในการเสริมรูปลักษณ์ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์ด้านความงามนั่นเอง



ความต้องการของคนไข้
หัวใจของการรักษา

ในการให้บริการปลูกผมนั้น นามนินจะยึดหลักคนไข้เป็นศูนย์กลางเสมอ ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ โดยแพทย์จะรับฟังปัญหาและเสียงความต้องการของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาให้ตอบโจทย์คนไข้ และตอบโจทย์วิชาการด้านการแพทย์ไปพร้อม ๆ กัน 

ที่สำคัญ แพทย์ยังเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีรูปแบบปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ ตรงกันข้าม แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้ และดูแลได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และสำหรับคนไข้ที่จำเป็นต้องปลูกผมบริเวณหน้าผาก แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอิงหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการปรับหรือเสริมมิติความงามให้กับรูปหน้าคนไข้ เพื่อเปลี่ยนให้มีความหวานละมุน หรือคมเข้มสมาร์ทยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้คนไข้ เหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งด้วย




ผมต้นทุน
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าอาการผมบางหรือผมล้านจะรุนแรงแค่ไหน การปลูกผมก็ช่วยได้แบบ 100% หรือเข้าใจไปว่าเราสามารถปลูกผมซ้ำได้บ่อย ๆ แต่ทราบหรือไม่ว่า ความท้าทายข้อหนึ่งของการปลูกผมใหม่ ก็คือการที่คนไข้ต้องใช้ “ผมต้นทุน” จากพื้นที่ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถใช้ผมของคนอื่นได้ และไม่สามารถใช้ผมจากบริเวณอื่น เนื่องจากผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone เป็นจุดเดียวที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละคนยังมีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากัน “กราฟต์ผม” ในที่นี้หมายถึงกอผมที่เส้นผมมาอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น ซึ่งบางคนอาจมีเส้นผมเพียง 1-2 เส้นต่อกราฟต์ ไม่หนาแน่นเหมือนคนอื่น ๆ

นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีปริมาณผมต้นทุนอยู่เพียงจำกัด และอาจปลูกซ้ำได้ไม่เกิน 1-2 ครั้งเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในกรณีคนไข้เข้าสู่ภาวะผมล้านที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเนื่องจากไม่ได้รีบมารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็ไม่แน่ว่าจะเหลือผมต้นทุนในปริมาณเพียงพอที่จะปลูกใหม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด 

ตรงนี้เอง แพทย์ผู้ชำนาญจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการทำหน้าที่วิเคราะห์สภาพปัญหาผมร่วงผมบางว่ารุนแรงแค่ไหน ต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนจำนวนเท่าไหร่ในการปลูกใหม่ รวมถึงประเมินผมต้นทุนที่คนไข้มี ว่าเพียงพอหรือไม่ และควรจะบริหารจัดการอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้คำนวณปริมาณผมต้นทุนที่จะเจาะย้ายออกให้คุ้มค่ามากที่สุด 

โดยแพทย์ต้องคำนึงว่า เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกมาแล้ว จะต้องแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีอาการผมบางได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน ด้านหลังท้ายทอยก็ยังต้องเหลือเส้นผมอยู่หนาแน่นเพียงพอที่คนไข้จะไม่ต้องคอยระวังปกปิดร่องรอยการหายไปของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินได้พัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อกระจายจุดที่จะต้องเจาะย้ายออกให้เว้นระยะห่างกันเป็นแถบ ๆ เทคนิคนี้จะทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับผมด้านหลัง และสามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระตามต้องการ



ปลูกผมด้วยแพทย์
ตัวจริงเสียงจริง

และในขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการลงมือปลูกผมนั้น  แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ บวกกับศิลปะในการปักกราฟต์ผม ผสานกับความประณีต ละเอียดอ่อน และใส่ใจอย่างที่สุดในทุก ๆ ขั้น ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผมที่ย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย ให้มีขนาด ความหนาบาง และความโค้งของเส้นผมเหมาะกับพื้นที่ที่จะปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมโดยคำนึงถึงทิศทางและองศาของเส้นผมเดิม เพื่อความกลมกลืน ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางหลังจากปลูกไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก

แพทย์ยังต้องเฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง สามารถคืนความหนาแน่นให้พื้นที่ที่มีปัญหาผมบางได้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่นเบียดกันเกินไปจนเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของกราฟต์ผม นอกจากนั้น ยังต้องระวังระยะความลึกในการปักกราฟต์ให้พอดี เพื่อให้เส้นเลือดสามารถลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างเต็มที่

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ ตั้งแต่กราฟต์แรก ไปจนถึงกราฟต์สุดท้ายด้วยตัวเองทั้งหมด คนไข้จึงวางใจได้ในความใส่ใจทุก ๆ กราฟต์ ระดับเส้นต่อเส้นจริง ๆ



ดูแลหลังปลูก
ตลอด 1 ปีเต็ม

การเดินทางของแพทย์และคนไข้ยังไม่สิ้นสุด เพราะหลังทำหัตถการปลูกผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะและเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปี แพทย์จึงยังคอยดูแลติดตามผลและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีเต็ม 

พร้อมกันนั้นก็เตรียมคัดสรรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผมต่าง ๆ ที่ทั้งอ่อนโยนกับเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงช่วยดูแลเสริมเกราะป้องกันให้เส้นผมแข็งแรงจากภายใน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมบริการ Treatment รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดบำรุง หรือแบบฉายแสง Low Light บริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการทำงานของรากผมลึกถึงระดับเซลล์ ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด


ทั้งทักษะความสามารถของแพทย์ผู้ชำนาญ รวมถึงความใส่ใจตั้งแต่กราฟต์ผมแรกไปจนถึงกราฟต์ผมสุดท้าย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หัตถการปลูกผมของนามนินประสบความสำเร็จ โดยยึดเอาความสุขของคนไข้เจ้าของเส้นผมเป็นหลักอันดับหนึ่งเสมอมา


ปลูกผมด้วยแพทย์เส้นแรกถึงเส้นสุดท้าย
ในบรรดาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผมให้การปลูกผมแต่ละครั้งประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจสำคัญในการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ก็คือตัว “แพทย์” ผู้ดูแลการปลูกผมในทุกขั้นตอน 

ทำไมการปลูกผม จึงเป็นหัตถการที่ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แต่ต้องอาศัยบุคลากรผู้มีความชำนาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ และทำไมคุณจึงไม่ควรเสี่ยงมองข้ามความสำคัญของเส้นผมเส้นเล็ก ๆ แต่ควรเลือกวางใจที่จะจบปัญหาเส้นผมกับแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ...ไปหาคำตอบพร้อมกันกับนามนินในบทความนี้ได้เลย...


ปลูกผม 
ศาสตร์และศิลป์อันละเอียดอ่อน

อย่างที่นามนินย้ำเสมอมาว่า การปลูกผมเป็นศาสตร์และศิลป์ เพราะนี่คือหนึ่งในศาสตร์ด้านการแพทย์ที่มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อเนื่องมายาวนาน และแม้ว่าปัจจุบัน วิทยาการที่ก้าวหน้าจะทำให้ขั้นตอนการปลูกผมมีความทันสมัยมากขึ้น และคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมเองก็ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ทักษะความชำนาญของแพทย์ ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกผมไม่เปลี่ยนแปลง 

ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้ว ผมก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย มีความหลากหลาย และมีความซับซ้อนไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ จึงต้องมีแพทย์ที่ศึกษาด้านเส้นผมแบบเฉพาะทาง อีกทั้งในปัจจุบันเทรนด์การดูแลเส้นผมยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนเกือบทุกเพศทุกวัยเริ่มหันมาเลือกแนวทางการปลูกผมเพื่อรักษาภาวะผมร่วงและผมบางกันมากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายหรือผู้สูงวัยเท่านั้นเหมือนแต่ก่อน เราจึงเห็นโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในหลาย ๆ ประเทศ เร่งพัฒนาเทคนิคการปลูกผม พร้อมทั้งฝึกฝนและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในวงการแพทย์ผู้ชำนาญอย่างกว้างขวาง เพื่อยกระดับทักษะของแพทย์ให้สามารถดำเนินขั้นตอนการรักษาที่ล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในทุก ๆ ขั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ศาสตร์การปลูกผม จึงเป็นศาสตร์การแพทย์มาแรงที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย

ขณะเดียวกัน การปลูกผม ก็ไม่เพียงต้องการทักษะทางการแพทย์อย่างเดียว แต่ยังต้องการมุมมองเชิงศิลป์ หรือความเข้าใจในเรื่องของความงามเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากเส้นผมมีความเกี่ยวเนื่องกับรูปลักษณ์ของเราทุกคน และรูปลักษณ์ที่ว่านี้ ก็มีความหมายและความสำคัญในฐานะเครื่องสะท้อนบุคลิกภาพ ตัวตน ไปจนถึงการได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจ ความภูมิใจ หรือความสุขจากภายในด้วย 

การรักษาภาวะผมร่วงและผมบาง จึงไม่เพียงเป็นการรักษาอาการผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะเท่านั้น แต่ยังเป็นศิลปะในการเสริมรูปลักษณ์ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์ด้านความงามนั่นเอง



ความต้องการของคนไข้
หัวใจของการรักษา

ในการให้บริการปลูกผมนั้น นามนินจะยึดหลักคนไข้เป็นศูนย์กลางเสมอ ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ โดยแพทย์จะรับฟังปัญหาและเสียงความต้องการของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาให้ตอบโจทย์คนไข้ และตอบโจทย์วิชาการด้านการแพทย์ไปพร้อม ๆ กัน 

ที่สำคัญ แพทย์ยังเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีรูปแบบปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ ตรงกันข้าม แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้ และดูแลได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และสำหรับคนไข้ที่จำเป็นต้องปลูกผมบริเวณหน้าผาก แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอิงหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการปรับหรือเสริมมิติความงามให้กับรูปหน้าคนไข้ เพื่อเปลี่ยนให้มีความหวานละมุน หรือคมเข้มสมาร์ทยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้คนไข้ เหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งด้วย




ผมต้นทุน
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าอาการผมบางหรือผมล้านจะรุนแรงแค่ไหน การปลูกผมก็ช่วยได้แบบ 100% หรือเข้าใจไปว่าเราสามารถปลูกผมซ้ำได้บ่อย ๆ แต่ทราบหรือไม่ว่า ความท้าทายข้อหนึ่งของการปลูกผมใหม่ ก็คือการที่คนไข้ต้องใช้ “ผมต้นทุน” จากพื้นที่ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถใช้ผมของคนอื่นได้ และไม่สามารถใช้ผมจากบริเวณอื่น เนื่องจากผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone เป็นจุดเดียวที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละคนยังมีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากัน “กราฟต์ผม” ในที่นี้หมายถึงกอผมที่เส้นผมมาอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น ซึ่งบางคนอาจมีเส้นผมเพียง 1-2 เส้นต่อกราฟต์ ไม่หนาแน่นเหมือนคนอื่น ๆ

นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีปริมาณผมต้นทุนอยู่เพียงจำกัด และอาจปลูกซ้ำได้ไม่เกิน 1-2 ครั้งเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในกรณีคนไข้เข้าสู่ภาวะผมล้านที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเนื่องจากไม่ได้รีบมารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็ไม่แน่ว่าจะเหลือผมต้นทุนในปริมาณเพียงพอที่จะปลูกใหม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด 

ตรงนี้เอง แพทย์ผู้ชำนาญจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการทำหน้าที่วิเคราะห์สภาพปัญหาผมร่วงผมบางว่ารุนแรงแค่ไหน ต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนจำนวนเท่าไหร่ในการปลูกใหม่ รวมถึงประเมินผมต้นทุนที่คนไข้มี ว่าเพียงพอหรือไม่ และควรจะบริหารจัดการอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้คำนวณปริมาณผมต้นทุนที่จะเจาะย้ายออกให้คุ้มค่ามากที่สุด 

โดยแพทย์ต้องคำนึงว่า เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกมาแล้ว จะต้องแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีอาการผมบางได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน ด้านหลังท้ายทอยก็ยังต้องเหลือเส้นผมอยู่หนาแน่นเพียงพอที่คนไข้จะไม่ต้องคอยระวังปกปิดร่องรอยการหายไปของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินได้พัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อกระจายจุดที่จะต้องเจาะย้ายออกให้เว้นระยะห่างกันเป็นแถบ ๆ เทคนิคนี้จะทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับผมด้านหลัง และสามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระตามต้องการ



ปลูกผมด้วยแพทย์
ตัวจริงเสียงจริง

และในขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการลงมือปลูกผมนั้น  แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ บวกกับศิลปะในการปักกราฟต์ผม ผสานกับความประณีต ละเอียดอ่อน และใส่ใจอย่างที่สุดในทุก ๆ ขั้น ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผมที่ย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย ให้มีขนาด ความหนาบาง และความโค้งของเส้นผมเหมาะกับพื้นที่ที่จะปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมโดยคำนึงถึงทิศทางและองศาของเส้นผมเดิม เพื่อความกลมกลืน ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางหลังจากปลูกไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก

แพทย์ยังต้องเฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง สามารถคืนความหนาแน่นให้พื้นที่ที่มีปัญหาผมบางได้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่นเบียดกันเกินไปจนเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของกราฟต์ผม นอกจากนั้น ยังต้องระวังระยะความลึกในการปักกราฟต์ให้พอดี เพื่อให้เส้นเลือดสามารถลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างเต็มที่

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ ตั้งแต่กราฟต์แรก ไปจนถึงกราฟต์สุดท้ายด้วยตัวเองทั้งหมด คนไข้จึงวางใจได้ในความใส่ใจทุก ๆ กราฟต์ ระดับเส้นต่อเส้นจริง ๆ



ดูแลหลังปลูก
ตลอด 1 ปีเต็ม

การเดินทางของแพทย์และคนไข้ยังไม่สิ้นสุด เพราะหลังทำหัตถการปลูกผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะและเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปี แพทย์จึงยังคอยดูแลติดตามผลและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีเต็ม 

พร้อมกันนั้นก็เตรียมคัดสรรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผมต่าง ๆ ที่ทั้งอ่อนโยนกับเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงช่วยดูแลเสริมเกราะป้องกันให้เส้นผมแข็งแรงจากภายใน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมบริการ Treatment รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดบำรุง หรือแบบฉายแสง Low Light บริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการทำงานของรากผมลึกถึงระดับเซลล์ ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด


ทั้งทักษะความสามารถของแพทย์ผู้ชำนาญ รวมถึงความใส่ใจตั้งแต่กราฟต์ผมแรกไปจนถึงกราฟต์ผมสุดท้าย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หัตถการปลูกผมของนามนินประสบความสำเร็จ โดยยึดเอาความสุขของคนไข้เจ้าของเส้นผมเป็นหลักอันดับหนึ่งเสมอมา


ADVANCE HAND-ON HAIR TRANSPLANT TRAINING
หลักสูตรอบรมด้านการปลูกผมขั้นสูง 2 วัน กับแพทย์หญิงนิล นามทองต้น ด้วยเทคนิค Micrograft Forceps FUE โดยเป็นกลุ่มขนาดเล็กเพียง 6 คน เจาะลึกทฤษฎีตามหลักการแพทย์ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเตรียมเครื่องมือทำหัตถการ การออกแบบแนวผมด้านหน้า รวมถึงเทคนิคการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาเตรียมสภาพให้พร้อม และปลูกบนพื้นที่ใหม่ให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด พร้อมเข้าชม Live Demonstration การปลูกผมให้ผู้เข้ารับบริการในห้องหัตถการจริง รวมถึงฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์ปลูกผม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและเติมเต็มประสบการณ์การปลูกผมแบบครบทุกขั้นตอน











ADVANCE HAND-ON HAIR TRANSPLANT TRAINING
หลักสูตรอบรมด้านการปลูกผมขั้นสูง 2 วัน กับแพทย์หญิงนิล นามทองต้น ด้วยเทคนิค Micrograft Forceps FUE โดยเป็นกลุ่มขนาดเล็กเพียง 6 คน เจาะลึกทฤษฎีตามหลักการแพทย์ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเตรียมเครื่องมือทำหัตถการ การออกแบบแนวผมด้านหน้า รวมถึงเทคนิคการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาเตรียมสภาพให้พร้อม และปลูกบนพื้นที่ใหม่ให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด พร้อมเข้าชม Live Demonstration การปลูกผมให้ผู้เข้ารับบริการในห้องหัตถการจริง รวมถึงฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์ปลูกผม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและเติมเต็มประสบการณ์การปลูกผมแบบครบทุกขั้นตอน











ADVANCE HAND-ON HAIR TRANSPLANT TRAINING
หลักสูตรอบรมด้านการปลูกผมขั้นสูง 2 วัน กับแพทย์หญิงนิล นามทองต้น ด้วยเทคนิค Micrograft Forceps FUE โดยเป็นกลุ่มขนาดเล็กเพียง 6 คน เจาะลึกทฤษฎีตามหลักการแพทย์ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเตรียมเครื่องมือทำหัตถการ การออกแบบแนวผมด้านหน้า รวมถึงเทคนิคการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาเตรียมสภาพให้พร้อม และปลูกบนพื้นที่ใหม่ให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด พร้อมเข้าชม Live Demonstration การปลูกผมให้ผู้เข้ารับบริการในห้องหัตถการจริง รวมถึงฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์ปลูกผม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและเติมเต็มประสบการณ์การปลูกผมแบบครบทุกขั้นตอน











“นามนิน” เติมเต็มเส้นผม เติมเต็มหัวใจ
“เส้นผม” เส้นเล็กๆเบาๆ แต่กลับมีอิทธิพลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น ผมร่วง ผมบาง หน้าผากกว้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างมาก เริ่มด้วยความวิตกกังวลในบุคลิกภาพของตนเอง กลัวจะดูแก่กว่าวัย ดูสุขภาพไม่แข็งแรง สะท้อนถึงความละเลยในการดูแลตนเอง จนกลายเป็นสูญเสียความมั่นใจ และอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆในชีวิตไป




       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง มีอยู่หลายวิธี แต่การปลูกผมเป็นทางออกที่ถาวรที่สุด และก็เป็นทางออกที่ต้องพิจารณาเลือกให้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต อาจจะมีคำถามว่าทำไมถึงดูเป็นเรื่องซีเรียสขนาดนั้น เราจึงรวบรวมหลักการและข้อจำกัดของการปลูกผมมาให้ลองพิจารณากันในบทความนี้ แล้วจะได้คำตอบค่ะ ว่าต้องซีเรียสเพราะอะไร

การปลูกผมถาวรมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้ผมของตนเองมาปลูกและต้องเป็นผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังหรือที่เรียกกันว่า Safe Zone เท่านั้น เพราะผมบริเวณนี้เป็นจุดเดียวที่แข็งแรง มีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วง โดยเฉพาะในเพศชายที่มักพบปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีข้อจำกัดคือ หากเจาะนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว ผมจุดนั้นจะไม่ขึ้นมาใหม่อีก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ “ใช้แล้วหมดไป” ผมต้นทุนทุกเส้นจึงเป็นทรัพยากรทรงคุณค่าที่แพทย์ต้องบริหารให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ




       ดังนั้น หากเกิดความผิดพลาดขึ้นในการปลูกผมครั้งแรก เช่น ปลูกผมผิดทิศทางจากผมเดิม ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด เพราะแก้ไขไม่ได้ คุณต้องอยู่กับเส้นผมที่ไร้ทิศทางนั้นไปตลอดชีวิตค่ะ แต่หากไม่โชคร้ายขนาดนั้น ก็อาจจะผิดพลาดตรงเส้นผมใหม่ที่ปลูกไม่หนาแน่น ปลูกผมไม่ขึ้น หรือมีรอยแผลเป็นที่ต้องคอยปกปิดจากการย้ายผมด้านหลังอย่างไม่ระมัดระวัง หากโชคดีขึ้นมาอีกนิดอาจพบความผิดพลาดสถานเบาที่สุดคือ ปลูกผมออกมาแล้วผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่เชื่อเถอะค่ะ ไม่มีใครอยากเจอปัญหาไม่ว่าจะหนักหรือเบาแบบนี้แน่นอน เพราะการปลูกผมเพื่อแก้ไขนั้นยากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ต้องการ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนผมที่เหลือน้อยลงนั่นเองค่ะ

การแก้ปัญหาผมร่วงผมบางที่ดีที่สุดคือ เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นศาสตร์ขั้นสูงเกินกว่าที่คนเราทั่วไปจะเข้าใจและแก้ปัญหาเองแบบง่ายๆได้


เมื่อเริ่มต้นได้ถูกทางแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเหตุผลสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่หากการตัดสินใจนั้นมาจากการพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ได้อาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะคำว่า “ราคาคุ้มค่า” ไม่ได้หมายความว่า “ราคาถูก” เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาที่คุ้มค่าของการปลูกผมนั้นหมายถึงคุณภาพในการให้บริการ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ การดูแลที่จะมอบความมั่นใจ สบายใจ และความอุ่นใจให้กับผู้รับบริการ และสำคัญที่สุดคือ เส้นผมใหม่ที่จะอยู่กับคุณและเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปตลอด ดังนั้น หากใช้เกณฑ์เรื่องราคาในการตัดสินใจ ขอให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของคำว่า “ราคาสมเหตุสมผล” จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นค่ะ




การปลูกผมเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ มีเดิมพันด้วย “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปตลอดกาล ทีมแพทย์ของ “นามนิน” พร้อมให้คุณได้ก้าวเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ด้วยมาตรฐานและเทคนิคขั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เราจะนำความมั่นใจที่คุณเคยสูญเสียไปกลับมาให้มากยิ่งกว่าเดิม คุณจะสัมผัสกับความสุขได้มากกว่าที่เคย และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตได้เปล่งประกายด้วยตัวของคุณเอง

           ปลูกผมที่นามนิน นอกจากได้เส้นผมใหม่แล้ว ยังได้กำไรเป็นความสุขในการชีวิต ที่รับรองว่าคุ้มค่าการลงทุนแน่นอนค่ะ          

“นามนิน” เติมเต็มเส้นผม เติมเต็มหัวใจ
“เส้นผม” เส้นเล็กๆเบาๆ แต่กลับมีอิทธิพลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น ผมร่วง ผมบาง หน้าผากกว้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างมาก เริ่มด้วยความวิตกกังวลในบุคลิกภาพของตนเอง กลัวจะดูแก่กว่าวัย ดูสุขภาพไม่แข็งแรง สะท้อนถึงความละเลยในการดูแลตนเอง จนกลายเป็นสูญเสียความมั่นใจ และอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆในชีวิตไป




       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง มีอยู่หลายวิธี แต่การปลูกผมเป็นทางออกที่ถาวรที่สุด และก็เป็นทางออกที่ต้องพิจารณาเลือกให้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต อาจจะมีคำถามว่าทำไมถึงดูเป็นเรื่องซีเรียสขนาดนั้น เราจึงรวบรวมหลักการและข้อจำกัดของการปลูกผมมาให้ลองพิจารณากันในบทความนี้ แล้วจะได้คำตอบค่ะ ว่าต้องซีเรียสเพราะอะไร

การปลูกผมถาวรมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้ผมของตนเองมาปลูกและต้องเป็นผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังหรือที่เรียกกันว่า Safe Zone เท่านั้น เพราะผมบริเวณนี้เป็นจุดเดียวที่แข็งแรง มีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วง โดยเฉพาะในเพศชายที่มักพบปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีข้อจำกัดคือ หากเจาะนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว ผมจุดนั้นจะไม่ขึ้นมาใหม่อีก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ “ใช้แล้วหมดไป” ผมต้นทุนทุกเส้นจึงเป็นทรัพยากรทรงคุณค่าที่แพทย์ต้องบริหารให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ




       ดังนั้น หากเกิดความผิดพลาดขึ้นในการปลูกผมครั้งแรก เช่น ปลูกผมผิดทิศทางจากผมเดิม ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด เพราะแก้ไขไม่ได้ คุณต้องอยู่กับเส้นผมที่ไร้ทิศทางนั้นไปตลอดชีวิตค่ะ แต่หากไม่โชคร้ายขนาดนั้น ก็อาจจะผิดพลาดตรงเส้นผมใหม่ที่ปลูกไม่หนาแน่น ปลูกผมไม่ขึ้น หรือมีรอยแผลเป็นที่ต้องคอยปกปิดจากการย้ายผมด้านหลังอย่างไม่ระมัดระวัง หากโชคดีขึ้นมาอีกนิดอาจพบความผิดพลาดสถานเบาที่สุดคือ ปลูกผมออกมาแล้วผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่เชื่อเถอะค่ะ ไม่มีใครอยากเจอปัญหาไม่ว่าจะหนักหรือเบาแบบนี้แน่นอน เพราะการปลูกผมเพื่อแก้ไขนั้นยากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ต้องการ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนผมที่เหลือน้อยลงนั่นเองค่ะ

การแก้ปัญหาผมร่วงผมบางที่ดีที่สุดคือ เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นศาสตร์ขั้นสูงเกินกว่าที่คนเราทั่วไปจะเข้าใจและแก้ปัญหาเองแบบง่ายๆได้


เมื่อเริ่มต้นได้ถูกทางแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเหตุผลสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่หากการตัดสินใจนั้นมาจากการพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ได้อาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะคำว่า “ราคาคุ้มค่า” ไม่ได้หมายความว่า “ราคาถูก” เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาที่คุ้มค่าของการปลูกผมนั้นหมายถึงคุณภาพในการให้บริการ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ การดูแลที่จะมอบความมั่นใจ สบายใจ และความอุ่นใจให้กับผู้รับบริการ และสำคัญที่สุดคือ เส้นผมใหม่ที่จะอยู่กับคุณและเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปตลอด ดังนั้น หากใช้เกณฑ์เรื่องราคาในการตัดสินใจ ขอให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของคำว่า “ราคาสมเหตุสมผล” จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นค่ะ




การปลูกผมเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ มีเดิมพันด้วย “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปตลอดกาล ทีมแพทย์ของ “นามนิน” พร้อมให้คุณได้ก้าวเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ด้วยมาตรฐานและเทคนิคขั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เราจะนำความมั่นใจที่คุณเคยสูญเสียไปกลับมาให้มากยิ่งกว่าเดิม คุณจะสัมผัสกับความสุขได้มากกว่าที่เคย และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตได้เปล่งประกายด้วยตัวของคุณเอง

           ปลูกผมที่นามนิน นอกจากได้เส้นผมใหม่แล้ว ยังได้กำไรเป็นความสุขในการชีวิต ที่รับรองว่าคุ้มค่าการลงทุนแน่นอนค่ะ          

“นามนิน” เติมเต็มเส้นผม เติมเต็มหัวใจ
“เส้นผม” เส้นเล็กๆเบาๆ แต่กลับมีอิทธิพลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น ผมร่วง ผมบาง หน้าผากกว้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างมาก เริ่มด้วยความวิตกกังวลในบุคลิกภาพของตนเอง กลัวจะดูแก่กว่าวัย ดูสุขภาพไม่แข็งแรง สะท้อนถึงความละเลยในการดูแลตนเอง จนกลายเป็นสูญเสียความมั่นใจ และอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆในชีวิตไป




       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง มีอยู่หลายวิธี แต่การปลูกผมเป็นทางออกที่ถาวรที่สุด และก็เป็นทางออกที่ต้องพิจารณาเลือกให้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต อาจจะมีคำถามว่าทำไมถึงดูเป็นเรื่องซีเรียสขนาดนั้น เราจึงรวบรวมหลักการและข้อจำกัดของการปลูกผมมาให้ลองพิจารณากันในบทความนี้ แล้วจะได้คำตอบค่ะ ว่าต้องซีเรียสเพราะอะไร

การปลูกผมถาวรมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้ผมของตนเองมาปลูกและต้องเป็นผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังหรือที่เรียกกันว่า Safe Zone เท่านั้น เพราะผมบริเวณนี้เป็นจุดเดียวที่แข็งแรง มีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วง โดยเฉพาะในเพศชายที่มักพบปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีข้อจำกัดคือ หากเจาะนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว ผมจุดนั้นจะไม่ขึ้นมาใหม่อีก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ “ใช้แล้วหมดไป” ผมต้นทุนทุกเส้นจึงเป็นทรัพยากรทรงคุณค่าที่แพทย์ต้องบริหารให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ




       ดังนั้น หากเกิดความผิดพลาดขึ้นในการปลูกผมครั้งแรก เช่น ปลูกผมผิดทิศทางจากผมเดิม ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด เพราะแก้ไขไม่ได้ คุณต้องอยู่กับเส้นผมที่ไร้ทิศทางนั้นไปตลอดชีวิตค่ะ แต่หากไม่โชคร้ายขนาดนั้น ก็อาจจะผิดพลาดตรงเส้นผมใหม่ที่ปลูกไม่หนาแน่น ปลูกผมไม่ขึ้น หรือมีรอยแผลเป็นที่ต้องคอยปกปิดจากการย้ายผมด้านหลังอย่างไม่ระมัดระวัง หากโชคดีขึ้นมาอีกนิดอาจพบความผิดพลาดสถานเบาที่สุดคือ ปลูกผมออกมาแล้วผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่เชื่อเถอะค่ะ ไม่มีใครอยากเจอปัญหาไม่ว่าจะหนักหรือเบาแบบนี้แน่นอน เพราะการปลูกผมเพื่อแก้ไขนั้นยากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ต้องการ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนผมที่เหลือน้อยลงนั่นเองค่ะ

การแก้ปัญหาผมร่วงผมบางที่ดีที่สุดคือ เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นศาสตร์ขั้นสูงเกินกว่าที่คนเราทั่วไปจะเข้าใจและแก้ปัญหาเองแบบง่ายๆได้


เมื่อเริ่มต้นได้ถูกทางแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเหตุผลสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่หากการตัดสินใจนั้นมาจากการพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ได้อาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะคำว่า “ราคาคุ้มค่า” ไม่ได้หมายความว่า “ราคาถูก” เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาที่คุ้มค่าของการปลูกผมนั้นหมายถึงคุณภาพในการให้บริการ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ การดูแลที่จะมอบความมั่นใจ สบายใจ และความอุ่นใจให้กับผู้รับบริการ และสำคัญที่สุดคือ เส้นผมใหม่ที่จะอยู่กับคุณและเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปตลอด ดังนั้น หากใช้เกณฑ์เรื่องราคาในการตัดสินใจ ขอให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของคำว่า “ราคาสมเหตุสมผล” จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นค่ะ




การปลูกผมเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ มีเดิมพันด้วย “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปตลอดกาล ทีมแพทย์ของ “นามนิน” พร้อมให้คุณได้ก้าวเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ด้วยมาตรฐานและเทคนิคขั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เราจะนำความมั่นใจที่คุณเคยสูญเสียไปกลับมาให้มากยิ่งกว่าเดิม คุณจะสัมผัสกับความสุขได้มากกว่าที่เคย และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตได้เปล่งประกายด้วยตัวของคุณเอง

           ปลูกผมที่นามนิน นอกจากได้เส้นผมใหม่แล้ว ยังได้กำไรเป็นความสุขในการชีวิต ที่รับรองว่าคุ้มค่าการลงทุนแน่นอนค่ะ          

“นามนิน” เติมเต็มเส้นผม เติมเต็มหัวใจ
“เส้นผม” เส้นเล็กๆเบาๆ แต่กลับมีอิทธิพลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น ผมร่วง ผมบาง หน้าผากกว้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างมาก เริ่มด้วยความวิตกกังวลในบุคลิกภาพของตนเอง กลัวจะดูแก่กว่าวัย ดูสุขภาพไม่แข็งแรง สะท้อนถึงความละเลยในการดูแลตนเอง จนกลายเป็นสูญเสียความมั่นใจ และอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆในชีวิตไป




       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง มีอยู่หลายวิธี แต่การปลูกผมเป็นทางออกที่ถาวรที่สุด และก็เป็นทางออกที่ต้องพิจารณาเลือกให้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต อาจจะมีคำถามว่าทำไมถึงดูเป็นเรื่องซีเรียสขนาดนั้น เราจึงรวบรวมหลักการและข้อจำกัดของการปลูกผมมาให้ลองพิจารณากันในบทความนี้ แล้วจะได้คำตอบค่ะ ว่าต้องซีเรียสเพราะอะไร

การปลูกผมถาวรมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้ผมของตนเองมาปลูกและต้องเป็นผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังหรือที่เรียกกันว่า Safe Zone เท่านั้น เพราะผมบริเวณนี้เป็นจุดเดียวที่แข็งแรง มีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วง โดยเฉพาะในเพศชายที่มักพบปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีข้อจำกัดคือ หากเจาะนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว ผมจุดนั้นจะไม่ขึ้นมาใหม่อีก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ “ใช้แล้วหมดไป” ผมต้นทุนทุกเส้นจึงเป็นทรัพยากรทรงคุณค่าที่แพทย์ต้องบริหารให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ




       ดังนั้น หากเกิดความผิดพลาดขึ้นในการปลูกผมครั้งแรก เช่น ปลูกผมผิดทิศทางจากผมเดิม ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด เพราะแก้ไขไม่ได้ คุณต้องอยู่กับเส้นผมที่ไร้ทิศทางนั้นไปตลอดชีวิตค่ะ แต่หากไม่โชคร้ายขนาดนั้น ก็อาจจะผิดพลาดตรงเส้นผมใหม่ที่ปลูกไม่หนาแน่น ปลูกผมไม่ขึ้น หรือมีรอยแผลเป็นที่ต้องคอยปกปิดจากการย้ายผมด้านหลังอย่างไม่ระมัดระวัง หากโชคดีขึ้นมาอีกนิดอาจพบความผิดพลาดสถานเบาที่สุดคือ ปลูกผมออกมาแล้วผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่เชื่อเถอะค่ะ ไม่มีใครอยากเจอปัญหาไม่ว่าจะหนักหรือเบาแบบนี้แน่นอน เพราะการปลูกผมเพื่อแก้ไขนั้นยากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ต้องการ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนผมที่เหลือน้อยลงนั่นเองค่ะ

การแก้ปัญหาผมร่วงผมบางที่ดีที่สุดคือ เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นศาสตร์ขั้นสูงเกินกว่าที่คนเราทั่วไปจะเข้าใจและแก้ปัญหาเองแบบง่ายๆได้


เมื่อเริ่มต้นได้ถูกทางแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเหตุผลสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่หากการตัดสินใจนั้นมาจากการพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ได้อาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะคำว่า “ราคาคุ้มค่า” ไม่ได้หมายความว่า “ราคาถูก” เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาที่คุ้มค่าของการปลูกผมนั้นหมายถึงคุณภาพในการให้บริการ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ การดูแลที่จะมอบความมั่นใจ สบายใจ และความอุ่นใจให้กับผู้รับบริการ และสำคัญที่สุดคือ เส้นผมใหม่ที่จะอยู่กับคุณและเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปตลอด ดังนั้น หากใช้เกณฑ์เรื่องราคาในการตัดสินใจ ขอให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของคำว่า “ราคาสมเหตุสมผล” จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นค่ะ




การปลูกผมเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ มีเดิมพันด้วย “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปตลอดกาล ทีมแพทย์ของ “นามนิน” พร้อมให้คุณได้ก้าวเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ด้วยมาตรฐานและเทคนิคขั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เราจะนำความมั่นใจที่คุณเคยสูญเสียไปกลับมาให้มากยิ่งกว่าเดิม คุณจะสัมผัสกับความสุขได้มากกว่าที่เคย และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตได้เปล่งประกายด้วยตัวของคุณเอง

           ปลูกผมที่นามนิน นอกจากได้เส้นผมใหม่แล้ว ยังได้กำไรเป็นความสุขในการชีวิต ที่รับรองว่าคุ้มค่าการลงทุนแน่นอนค่ะ          

5 เส้นทางฟื้นฟูผม
...คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 5... เพราะนามนินรู้ใจคนรักผมเช่นคุณ จึงออกแบบเส้นทางฟื้นฟูสู่ผมสุขภาพดี ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณถึง 5 เส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจทุกครั้งที่ต้องออกไปพบปะผู้คน รวมไปถึงใครที่ต้องการบำรุงผมให้กลับมาแข็งแรงจากภายใน นี่คือเส้นทางเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง ...แล้วเส้นทางสายไหนกันนะ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณมากที่สุด...

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่อยากจบปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างถาวร
นามนินแนะนำ : ปลูกผมเทคนิค NEAT

NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางแบบถาวร เริ่มตั้งแต่การพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ วิเคราะห์และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีที่จะเจาะย้ายออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง รวมถึงออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อเสริมให้ใบหน้าได้รูปและปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น


เทคนิค NEAT คือเทคนิคที่เพิ่มความใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องโกนผม แต่อาศัยเครื่องมือขนาดเล็ก และเสริมด้วยเทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลด้านหลัง ก่อนจะนำกราฟต์ผมที่ได้มาคัดตัดแต่งและแช่ในน้ำยารักษาสภาพผม เพื่อให้พร้อมสำหรับการนำไปปลูกใหม่

ที่สำคัญ แพทย์ผู้ชำนาญจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้เองด้วยความละเอียดแบบเส้นต่อเส้น โดยเลือกขนาด ความหนาบาง และองศาความโค้งของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ลงอย่างประณีตและแม่นยำทีละเส้นด้วย Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร โดยคำนึงถึงทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับผมเดิม ระยะความลึกที่พอดี และความหนาแน่นที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเจริญเติบโตต่อเนื่องโดยไม่หลุดร่วงง่าย แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมอบบริการดูแลหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์แบบ

ถ้าคุณส่องกระจกแล้วพบว่าผมเริ่มบาง แต่ยังไม่อยากปลูกผม
นามนินแนะนำ: Premium Hair Booster Treatment 


นี่คือ Booster เสริมพลังการฟื้นฟูเส้นผมที่พัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดดเด่นด้วยการดึงเอาคุณประโยชน์ของ Exosome ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลนับพันชนิดและโปรตีนอีกหลายประเภทที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด ขนาดอนุภาคเล็กระดับนาโน มาช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน ให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง และสามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

Booster ตัวท็อปนี้ยังมาพร้อมกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ที่จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผม และลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม จึงเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งมีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น และยังไม่ต้องการเข้ารับบริการปลูกผมแบบถาวร ก็สามารถบูสต์ผมสุขภาพดีได้ด้วยวิธีการที่สะดวกสบายเพียงใช้การฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงหลังการฉีด

Premium Hair Booster Treatment มาพร้อมผลลัพธ์ที่คุณต้องร้องว้าว!! เพราะไม่เพียงฟื้นคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่เคยอ่อนแอขาดการบำรุง และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม ดูสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก นั่นคือลดอาการผมขาดหลุดร่วงลงภายใน 3-7 วัน จากนั้น สามารถสังเกตเห็นการงอกขึ้นใหม่ของเส้นผมได้ภายใน 1-3 เดือน ทั้งยังช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น แลดูหนาแน่นขึ้นภายใน 2-4 เดือน


ถ้าคุณอยากอัพเลเวลความมั่นใจ ด้วยการปกปิดผมขาวอย่างแนบเนียน
นามนินแนะนำ: Namnin Natural Hair Color Treatment

ผมขาว อาจทำให้หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจทั้งในด้านของรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความอ่อนเยาว์ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียกคืนความมั่นใจเหล่านั้นกลับมาใหม่ ด้วยโปรแกรมปิดผมขาวจากสารสกัดธรรมชาติ 100% Namnin Natural Hair Color Treatment ซึ่งพัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลเส้นผม เพื่อให้ได้สูตรที่มีความอ่อนโยน ปลอดภัย จากคุณค่าของธัญพืชและสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ปราศจากแอมโมเนีย เฮนน่า และสารเคมีอันตรายที่อาจทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ

นับ 1 2 3 สู่ผลลัพธ์การปกปิดผมขาวได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ กับ Namnin Natural Hair Color Treatment เพียงเริ่มจากการย้อมผมด้วยสารบำรุงออร์แกนิก 100% สูตรผสมน้ำในขั้นตอนแรก ตามมาด้วยการสระทำความสะอาดเส้นผม ด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูลดการหลุดร่วง ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงเสริมการบำรุงอีกระดับด้วยผลิตภัณฑ์ Treatment เข้มข้น ที่นามนินคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี หมดกังวลเรื่องผมขาว และก้าวออกไปใช้ชีวิตในสไตล์ของคุณเองได้อย่างแท้จริง

ถ้าคุณอยากดูแลเส้นผมด้วยตัวเองที่บ้านอย่างง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์เต็มร้อย
นามนินแนะนำ: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากนามนิน

ดูแลผมให้ครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่นามนินเลือกสรรมาเป็นพิเศษเพื่อมอบการฟื้นฟูบำรุงให้เส้นผมและหนังศีรษะคุณอย่างต่อเนื่อง 


Shampoo Mojelim Elixir
ผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี ทำความสะอาดผมอย่างล้ำลึก บำรุงเส้นผม และลดการหลุดร่วง พร้อมรักษาสมดุลความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน ที่สำคัญ ทุกส่วนผสมผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง 

Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงเส้นผมให้เงางามสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ทั้งยังลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย

ถ้าคุณอยากบอกรักผม ด้วยพลังการฟื้นบำรุงขั้นสุด
นามนินแนะนำ: VITAH รวมคุณค่าวิตามินสูตรเฉพาะ


เมื่อแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ลงมือค้นคว้าและคัดสรรตัวช่วยการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก จนกลายเป็น VITAH วิตามินรวมสูตรเฉพาะ ที่ผสานคุณค่าและประโยชน์จากสารอาหารผม พร้อมตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเต็มที่ ทั้งยังรวมเอาสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ เสริมทัพการบำรุงเพื่อคนรักผมเช่นคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
  • Rice Bran and Cactus Extract
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนโดยธรรมชาติ ลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
  • D-Biotin 
  • ทำหน้าที่เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง
  • Zinc Gluconate 
  • ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต
  • Iron Amino Acid Chelate 
  • ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • Vitamin B Premix 
  • บำรุงเส้นผมให้กลับสู่ภาวะสุขภาพดี


และนี่ก็คือ 5 เส้นทางพื้นฟูผมสุขภาพดี ซึ่งคุณสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อตัดสินใจเลือกบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการในการดูแลเส้นผมได้อย่างตรงจุด 

5 เส้นทางฟื้นฟูผม
...คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 5... เพราะนามนินรู้ใจคนรักผมเช่นคุณ จึงออกแบบเส้นทางฟื้นฟูสู่ผมสุขภาพดี ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณถึง 5 เส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจทุกครั้งที่ต้องออกไปพบปะผู้คน รวมไปถึงใครที่ต้องการบำรุงผมให้กลับมาแข็งแรงจากภายใน นี่คือเส้นทางเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง ...แล้วเส้นทางสายไหนกันนะ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณมากที่สุด...

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่อยากจบปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างถาวร
นามนินแนะนำ : ปลูกผมเทคนิค NEAT

NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางแบบถาวร เริ่มตั้งแต่การพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ วิเคราะห์และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีที่จะเจาะย้ายออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง รวมถึงออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อเสริมให้ใบหน้าได้รูปและปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น


เทคนิค NEAT คือเทคนิคที่เพิ่มความใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องโกนผม แต่อาศัยเครื่องมือขนาดเล็ก และเสริมด้วยเทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลด้านหลัง ก่อนจะนำกราฟต์ผมที่ได้มาคัดตัดแต่งและแช่ในน้ำยารักษาสภาพผม เพื่อให้พร้อมสำหรับการนำไปปลูกใหม่

ที่สำคัญ แพทย์ผู้ชำนาญจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้เองด้วยความละเอียดแบบเส้นต่อเส้น โดยเลือกขนาด ความหนาบาง และองศาความโค้งของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ลงอย่างประณีตและแม่นยำทีละเส้นด้วย Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร โดยคำนึงถึงทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับผมเดิม ระยะความลึกที่พอดี และความหนาแน่นที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเจริญเติบโตต่อเนื่องโดยไม่หลุดร่วงง่าย แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมอบบริการดูแลหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์แบบ

ถ้าคุณส่องกระจกแล้วพบว่าผมเริ่มบาง แต่ยังไม่อยากปลูกผม
นามนินแนะนำ: Premium Hair Booster Treatment 


นี่คือ Booster เสริมพลังการฟื้นฟูเส้นผมที่พัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดดเด่นด้วยการดึงเอาคุณประโยชน์ของ Exosome ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลนับพันชนิดและโปรตีนอีกหลายประเภทที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด ขนาดอนุภาคเล็กระดับนาโน มาช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน ให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง และสามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

Booster ตัวท็อปนี้ยังมาพร้อมกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ที่จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผม และลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม จึงเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งมีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น และยังไม่ต้องการเข้ารับบริการปลูกผมแบบถาวร ก็สามารถบูสต์ผมสุขภาพดีได้ด้วยวิธีการที่สะดวกสบายเพียงใช้การฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงหลังการฉีด

Premium Hair Booster Treatment มาพร้อมผลลัพธ์ที่คุณต้องร้องว้าว!! เพราะไม่เพียงฟื้นคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่เคยอ่อนแอขาดการบำรุง และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม ดูสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก นั่นคือลดอาการผมขาดหลุดร่วงลงภายใน 3-7 วัน จากนั้น สามารถสังเกตเห็นการงอกขึ้นใหม่ของเส้นผมได้ภายใน 1-3 เดือน ทั้งยังช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น แลดูหนาแน่นขึ้นภายใน 2-4 เดือน


ถ้าคุณอยากอัพเลเวลความมั่นใจ ด้วยการปกปิดผมขาวอย่างแนบเนียน
นามนินแนะนำ: Namnin Natural Hair Color Treatment

ผมขาว อาจทำให้หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจทั้งในด้านของรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความอ่อนเยาว์ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียกคืนความมั่นใจเหล่านั้นกลับมาใหม่ ด้วยโปรแกรมปิดผมขาวจากสารสกัดธรรมชาติ 100% Namnin Natural Hair Color Treatment ซึ่งพัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลเส้นผม เพื่อให้ได้สูตรที่มีความอ่อนโยน ปลอดภัย จากคุณค่าของธัญพืชและสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ปราศจากแอมโมเนีย เฮนน่า และสารเคมีอันตรายที่อาจทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ

นับ 1 2 3 สู่ผลลัพธ์การปกปิดผมขาวได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ กับ Namnin Natural Hair Color Treatment เพียงเริ่มจากการย้อมผมด้วยสารบำรุงออร์แกนิก 100% สูตรผสมน้ำในขั้นตอนแรก ตามมาด้วยการสระทำความสะอาดเส้นผม ด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูลดการหลุดร่วง ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงเสริมการบำรุงอีกระดับด้วยผลิตภัณฑ์ Treatment เข้มข้น ที่นามนินคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี หมดกังวลเรื่องผมขาว และก้าวออกไปใช้ชีวิตในสไตล์ของคุณเองได้อย่างแท้จริง

ถ้าคุณอยากดูแลเส้นผมด้วยตัวเองที่บ้านอย่างง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์เต็มร้อย
นามนินแนะนำ: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากนามนิน

ดูแลผมให้ครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่นามนินเลือกสรรมาเป็นพิเศษเพื่อมอบการฟื้นฟูบำรุงให้เส้นผมและหนังศีรษะคุณอย่างต่อเนื่อง 


Shampoo Mojelim Elixir
ผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี ทำความสะอาดผมอย่างล้ำลึก บำรุงเส้นผม และลดการหลุดร่วง พร้อมรักษาสมดุลความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน ที่สำคัญ ทุกส่วนผสมผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง 

Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงเส้นผมให้เงางามสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ทั้งยังลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย

ถ้าคุณอยากบอกรักผม ด้วยพลังการฟื้นบำรุงขั้นสุด
นามนินแนะนำ: VITAH รวมคุณค่าวิตามินสูตรเฉพาะ


เมื่อแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ลงมือค้นคว้าและคัดสรรตัวช่วยการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก จนกลายเป็น VITAH วิตามินรวมสูตรเฉพาะ ที่ผสานคุณค่าและประโยชน์จากสารอาหารผม พร้อมตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเต็มที่ ทั้งยังรวมเอาสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ เสริมทัพการบำรุงเพื่อคนรักผมเช่นคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
  • Rice Bran and Cactus Extract
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนโดยธรรมชาติ ลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
  • D-Biotin 
  • ทำหน้าที่เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง
  • Zinc Gluconate 
  • ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต
  • Iron Amino Acid Chelate 
  • ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • Vitamin B Premix 
  • บำรุงเส้นผมให้กลับสู่ภาวะสุขภาพดี


และนี่ก็คือ 5 เส้นทางพื้นฟูผมสุขภาพดี ซึ่งคุณสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อตัดสินใจเลือกบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการในการดูแลเส้นผมได้อย่างตรงจุด 

5 เส้นทางฟื้นฟูผม
...คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 5... เพราะนามนินรู้ใจคนรักผมเช่นคุณ จึงออกแบบเส้นทางฟื้นฟูสู่ผมสุขภาพดี ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณถึง 5 เส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจทุกครั้งที่ต้องออกไปพบปะผู้คน รวมไปถึงใครที่ต้องการบำรุงผมให้กลับมาแข็งแรงจากภายใน นี่คือเส้นทางเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง ...แล้วเส้นทางสายไหนกันนะ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณมากที่สุด...

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่อยากจบปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างถาวร
นามนินแนะนำ : ปลูกผมเทคนิค NEAT

NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางแบบถาวร เริ่มตั้งแต่การพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ วิเคราะห์และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีที่จะเจาะย้ายออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง รวมถึงออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อเสริมให้ใบหน้าได้รูปและปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น


เทคนิค NEAT คือเทคนิคที่เพิ่มความใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องโกนผม แต่อาศัยเครื่องมือขนาดเล็ก และเสริมด้วยเทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลด้านหลัง ก่อนจะนำกราฟต์ผมที่ได้มาคัดตัดแต่งและแช่ในน้ำยารักษาสภาพผม เพื่อให้พร้อมสำหรับการนำไปปลูกใหม่

ที่สำคัญ แพทย์ผู้ชำนาญจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้เองด้วยความละเอียดแบบเส้นต่อเส้น โดยเลือกขนาด ความหนาบาง และองศาความโค้งของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ลงอย่างประณีตและแม่นยำทีละเส้นด้วย Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร โดยคำนึงถึงทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับผมเดิม ระยะความลึกที่พอดี และความหนาแน่นที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเจริญเติบโตต่อเนื่องโดยไม่หลุดร่วงง่าย แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมอบบริการดูแลหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์แบบ

ถ้าคุณส่องกระจกแล้วพบว่าผมเริ่มบาง แต่ยังไม่อยากปลูกผม
นามนินแนะนำ: Premium Hair Booster Treatment 


นี่คือ Booster เสริมพลังการฟื้นฟูเส้นผมที่พัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดดเด่นด้วยการดึงเอาคุณประโยชน์ของ Exosome ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลนับพันชนิดและโปรตีนอีกหลายประเภทที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด ขนาดอนุภาคเล็กระดับนาโน มาช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน ให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง และสามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

Booster ตัวท็อปนี้ยังมาพร้อมกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ที่จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผม และลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม จึงเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งมีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น และยังไม่ต้องการเข้ารับบริการปลูกผมแบบถาวร ก็สามารถบูสต์ผมสุขภาพดีได้ด้วยวิธีการที่สะดวกสบายเพียงใช้การฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงหลังการฉีด

Premium Hair Booster Treatment มาพร้อมผลลัพธ์ที่คุณต้องร้องว้าว!! เพราะไม่เพียงฟื้นคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่เคยอ่อนแอขาดการบำรุง และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม ดูสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก นั่นคือลดอาการผมขาดหลุดร่วงลงภายใน 3-7 วัน จากนั้น สามารถสังเกตเห็นการงอกขึ้นใหม่ของเส้นผมได้ภายใน 1-3 เดือน ทั้งยังช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น แลดูหนาแน่นขึ้นภายใน 2-4 เดือน


ถ้าคุณอยากอัพเลเวลความมั่นใจ ด้วยการปกปิดผมขาวอย่างแนบเนียน
นามนินแนะนำ: Namnin Natural Hair Color Treatment

ผมขาว อาจทำให้หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจทั้งในด้านของรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความอ่อนเยาว์ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียกคืนความมั่นใจเหล่านั้นกลับมาใหม่ ด้วยโปรแกรมปิดผมขาวจากสารสกัดธรรมชาติ 100% Namnin Natural Hair Color Treatment ซึ่งพัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลเส้นผม เพื่อให้ได้สูตรที่มีความอ่อนโยน ปลอดภัย จากคุณค่าของธัญพืชและสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ปราศจากแอมโมเนีย เฮนน่า และสารเคมีอันตรายที่อาจทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ

นับ 1 2 3 สู่ผลลัพธ์การปกปิดผมขาวได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ กับ Namnin Natural Hair Color Treatment เพียงเริ่มจากการย้อมผมด้วยสารบำรุงออร์แกนิก 100% สูตรผสมน้ำในขั้นตอนแรก ตามมาด้วยการสระทำความสะอาดเส้นผม ด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูลดการหลุดร่วง ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงเสริมการบำรุงอีกระดับด้วยผลิตภัณฑ์ Treatment เข้มข้น ที่นามนินคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี หมดกังวลเรื่องผมขาว และก้าวออกไปใช้ชีวิตในสไตล์ของคุณเองได้อย่างแท้จริง

ถ้าคุณอยากดูแลเส้นผมด้วยตัวเองที่บ้านอย่างง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์เต็มร้อย
นามนินแนะนำ: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากนามนิน

ดูแลผมให้ครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่นามนินเลือกสรรมาเป็นพิเศษเพื่อมอบการฟื้นฟูบำรุงให้เส้นผมและหนังศีรษะคุณอย่างต่อเนื่อง 


Shampoo Mojelim Elixir
ผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี ทำความสะอาดผมอย่างล้ำลึก บำรุงเส้นผม และลดการหลุดร่วง พร้อมรักษาสมดุลความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน ที่สำคัญ ทุกส่วนผสมผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง 

Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงเส้นผมให้เงางามสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ทั้งยังลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย

ถ้าคุณอยากบอกรักผม ด้วยพลังการฟื้นบำรุงขั้นสุด
นามนินแนะนำ: VITAH รวมคุณค่าวิตามินสูตรเฉพาะ


เมื่อแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ลงมือค้นคว้าและคัดสรรตัวช่วยการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก จนกลายเป็น VITAH วิตามินรวมสูตรเฉพาะ ที่ผสานคุณค่าและประโยชน์จากสารอาหารผม พร้อมตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเต็มที่ ทั้งยังรวมเอาสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ เสริมทัพการบำรุงเพื่อคนรักผมเช่นคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
  • Rice Bran and Cactus Extract
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนโดยธรรมชาติ ลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
  • D-Biotin 
  • ทำหน้าที่เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง
  • Zinc Gluconate 
  • ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต
  • Iron Amino Acid Chelate 
  • ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • Vitamin B Premix 
  • บำรุงเส้นผมให้กลับสู่ภาวะสุขภาพดี


และนี่ก็คือ 5 เส้นทางพื้นฟูผมสุขภาพดี ซึ่งคุณสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อตัดสินใจเลือกบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการในการดูแลเส้นผมได้อย่างตรงจุด 

5 เส้นทางฟื้นฟูผม
...คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 5... เพราะนามนินรู้ใจคนรักผมเช่นคุณ จึงออกแบบเส้นทางฟื้นฟูสู่ผมสุขภาพดี ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณถึง 5 เส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจทุกครั้งที่ต้องออกไปพบปะผู้คน รวมไปถึงใครที่ต้องการบำรุงผมให้กลับมาแข็งแรงจากภายใน นี่คือเส้นทางเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง ...แล้วเส้นทางสายไหนกันนะ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณมากที่สุด...

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่อยากจบปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างถาวร
นามนินแนะนำ : ปลูกผมเทคนิค NEAT

NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางแบบถาวร เริ่มตั้งแต่การพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ วิเคราะห์และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีที่จะเจาะย้ายออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง รวมถึงออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อเสริมให้ใบหน้าได้รูปและปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น


เทคนิค NEAT คือเทคนิคที่เพิ่มความใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องโกนผม แต่อาศัยเครื่องมือขนาดเล็ก และเสริมด้วยเทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลด้านหลัง ก่อนจะนำกราฟต์ผมที่ได้มาคัดตัดแต่งและแช่ในน้ำยารักษาสภาพผม เพื่อให้พร้อมสำหรับการนำไปปลูกใหม่

ที่สำคัญ แพทย์ผู้ชำนาญจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้เองด้วยความละเอียดแบบเส้นต่อเส้น โดยเลือกขนาด ความหนาบาง และองศาความโค้งของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ลงอย่างประณีตและแม่นยำทีละเส้นด้วย Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร โดยคำนึงถึงทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับผมเดิม ระยะความลึกที่พอดี และความหนาแน่นที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเจริญเติบโตต่อเนื่องโดยไม่หลุดร่วงง่าย แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมอบบริการดูแลหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์แบบ

ถ้าคุณส่องกระจกแล้วพบว่าผมเริ่มบาง แต่ยังไม่อยากปลูกผม
นามนินแนะนำ: Premium Hair Booster Treatment 


นี่คือ Booster เสริมพลังการฟื้นฟูเส้นผมที่พัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดดเด่นด้วยการดึงเอาคุณประโยชน์ของ Exosome ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลนับพันชนิดและโปรตีนอีกหลายประเภทที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด ขนาดอนุภาคเล็กระดับนาโน มาช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน ให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง และสามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

Booster ตัวท็อปนี้ยังมาพร้อมกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ที่จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผม และลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม จึงเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งมีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น และยังไม่ต้องการเข้ารับบริการปลูกผมแบบถาวร ก็สามารถบูสต์ผมสุขภาพดีได้ด้วยวิธีการที่สะดวกสบายเพียงใช้การฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงหลังการฉีด

Premium Hair Booster Treatment มาพร้อมผลลัพธ์ที่คุณต้องร้องว้าว!! เพราะไม่เพียงฟื้นคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่เคยอ่อนแอขาดการบำรุง และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม ดูสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก นั่นคือลดอาการผมขาดหลุดร่วงลงภายใน 3-7 วัน จากนั้น สามารถสังเกตเห็นการงอกขึ้นใหม่ของเส้นผมได้ภายใน 1-3 เดือน ทั้งยังช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น แลดูหนาแน่นขึ้นภายใน 2-4 เดือน


ถ้าคุณอยากอัพเลเวลความมั่นใจ ด้วยการปกปิดผมขาวอย่างแนบเนียน
นามนินแนะนำ: Namnin Natural Hair Color Treatment

ผมขาว อาจทำให้หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจทั้งในด้านของรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความอ่อนเยาว์ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียกคืนความมั่นใจเหล่านั้นกลับมาใหม่ ด้วยโปรแกรมปิดผมขาวจากสารสกัดธรรมชาติ 100% Namnin Natural Hair Color Treatment ซึ่งพัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลเส้นผม เพื่อให้ได้สูตรที่มีความอ่อนโยน ปลอดภัย จากคุณค่าของธัญพืชและสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ปราศจากแอมโมเนีย เฮนน่า และสารเคมีอันตรายที่อาจทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ

นับ 1 2 3 สู่ผลลัพธ์การปกปิดผมขาวได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ กับ Namnin Natural Hair Color Treatment เพียงเริ่มจากการย้อมผมด้วยสารบำรุงออร์แกนิก 100% สูตรผสมน้ำในขั้นตอนแรก ตามมาด้วยการสระทำความสะอาดเส้นผม ด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูลดการหลุดร่วง ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงเสริมการบำรุงอีกระดับด้วยผลิตภัณฑ์ Treatment เข้มข้น ที่นามนินคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี หมดกังวลเรื่องผมขาว และก้าวออกไปใช้ชีวิตในสไตล์ของคุณเองได้อย่างแท้จริง

ถ้าคุณอยากดูแลเส้นผมด้วยตัวเองที่บ้านอย่างง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์เต็มร้อย
นามนินแนะนำ: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากนามนิน

ดูแลผมให้ครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่นามนินเลือกสรรมาเป็นพิเศษเพื่อมอบการฟื้นฟูบำรุงให้เส้นผมและหนังศีรษะคุณอย่างต่อเนื่อง 


Shampoo Mojelim Elixir
ผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี ทำความสะอาดผมอย่างล้ำลึก บำรุงเส้นผม และลดการหลุดร่วง พร้อมรักษาสมดุลความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน ที่สำคัญ ทุกส่วนผสมผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง 

Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงเส้นผมให้เงางามสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ทั้งยังลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย

ถ้าคุณอยากบอกรักผม ด้วยพลังการฟื้นบำรุงขั้นสุด
นามนินแนะนำ: VITAH รวมคุณค่าวิตามินสูตรเฉพาะ


เมื่อแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ลงมือค้นคว้าและคัดสรรตัวช่วยการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก จนกลายเป็น VITAH วิตามินรวมสูตรเฉพาะ ที่ผสานคุณค่าและประโยชน์จากสารอาหารผม พร้อมตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเต็มที่ ทั้งยังรวมเอาสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ เสริมทัพการบำรุงเพื่อคนรักผมเช่นคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
  • Rice Bran and Cactus Extract
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนโดยธรรมชาติ ลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
  • D-Biotin 
  • ทำหน้าที่เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง
  • Zinc Gluconate 
  • ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต
  • Iron Amino Acid Chelate 
  • ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • Vitamin B Premix 
  • บำรุงเส้นผมให้กลับสู่ภาวะสุขภาพดี


และนี่ก็คือ 5 เส้นทางพื้นฟูผมสุขภาพดี ซึ่งคุณสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อตัดสินใจเลือกบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการในการดูแลเส้นผมได้อย่างตรงจุด 

5 เส้นทางฟื้นฟูผม
...คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 5... เพราะนามนินรู้ใจคนรักผมเช่นคุณ จึงออกแบบเส้นทางฟื้นฟูสู่ผมสุขภาพดี ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณถึง 5 เส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจทุกครั้งที่ต้องออกไปพบปะผู้คน รวมไปถึงใครที่ต้องการบำรุงผมให้กลับมาแข็งแรงจากภายใน นี่คือเส้นทางเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง ...แล้วเส้นทางสายไหนกันนะ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณมากที่สุด...

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่อยากจบปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างถาวร
นามนินแนะนำ : ปลูกผมเทคนิค NEAT

NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางแบบถาวร เริ่มตั้งแต่การพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ วิเคราะห์และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีที่จะเจาะย้ายออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง รวมถึงออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อเสริมให้ใบหน้าได้รูปและปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น


เทคนิค NEAT คือเทคนิคที่เพิ่มความใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องโกนผม แต่อาศัยเครื่องมือขนาดเล็ก และเสริมด้วยเทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลด้านหลัง ก่อนจะนำกราฟต์ผมที่ได้มาคัดตัดแต่งและแช่ในน้ำยารักษาสภาพผม เพื่อให้พร้อมสำหรับการนำไปปลูกใหม่

ที่สำคัญ แพทย์ผู้ชำนาญจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้เองด้วยความละเอียดแบบเส้นต่อเส้น โดยเลือกขนาด ความหนาบาง และองศาความโค้งของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ลงอย่างประณีตและแม่นยำทีละเส้นด้วย Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร โดยคำนึงถึงทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับผมเดิม ระยะความลึกที่พอดี และความหนาแน่นที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเจริญเติบโตต่อเนื่องโดยไม่หลุดร่วงง่าย แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมอบบริการดูแลหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์แบบ

ถ้าคุณส่องกระจกแล้วพบว่าผมเริ่มบาง แต่ยังไม่อยากปลูกผม
นามนินแนะนำ: Premium Hair Booster Treatment 


นี่คือ Booster เสริมพลังการฟื้นฟูเส้นผมที่พัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดดเด่นด้วยการดึงเอาคุณประโยชน์ของ Exosome ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลนับพันชนิดและโปรตีนอีกหลายประเภทที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด ขนาดอนุภาคเล็กระดับนาโน มาช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน ให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง และสามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

Booster ตัวท็อปนี้ยังมาพร้อมกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ที่จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผม และลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม จึงเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งมีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น และยังไม่ต้องการเข้ารับบริการปลูกผมแบบถาวร ก็สามารถบูสต์ผมสุขภาพดีได้ด้วยวิธีการที่สะดวกสบายเพียงใช้การฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงหลังการฉีด

Premium Hair Booster Treatment มาพร้อมผลลัพธ์ที่คุณต้องร้องว้าว!! เพราะไม่เพียงฟื้นคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่เคยอ่อนแอขาดการบำรุง และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม ดูสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก นั่นคือลดอาการผมขาดหลุดร่วงลงภายใน 3-7 วัน จากนั้น สามารถสังเกตเห็นการงอกขึ้นใหม่ของเส้นผมได้ภายใน 1-3 เดือน ทั้งยังช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น แลดูหนาแน่นขึ้นภายใน 2-4 เดือน


ถ้าคุณอยากอัพเลเวลความมั่นใจ ด้วยการปกปิดผมขาวอย่างแนบเนียน
นามนินแนะนำ: Namnin Natural Hair Color Treatment

ผมขาว อาจทำให้หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจทั้งในด้านของรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความอ่อนเยาว์ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียกคืนความมั่นใจเหล่านั้นกลับมาใหม่ ด้วยโปรแกรมปิดผมขาวจากสารสกัดธรรมชาติ 100% Namnin Natural Hair Color Treatment ซึ่งพัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลเส้นผม เพื่อให้ได้สูตรที่มีความอ่อนโยน ปลอดภัย จากคุณค่าของธัญพืชและสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ปราศจากแอมโมเนีย เฮนน่า และสารเคมีอันตรายที่อาจทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ

นับ 1 2 3 สู่ผลลัพธ์การปกปิดผมขาวได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ กับ Namnin Natural Hair Color Treatment เพียงเริ่มจากการย้อมผมด้วยสารบำรุงออร์แกนิก 100% สูตรผสมน้ำในขั้นตอนแรก ตามมาด้วยการสระทำความสะอาดเส้นผม ด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูลดการหลุดร่วง ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงเสริมการบำรุงอีกระดับด้วยผลิตภัณฑ์ Treatment เข้มข้น ที่นามนินคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี หมดกังวลเรื่องผมขาว และก้าวออกไปใช้ชีวิตในสไตล์ของคุณเองได้อย่างแท้จริง

ถ้าคุณอยากดูแลเส้นผมด้วยตัวเองที่บ้านอย่างง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์เต็มร้อย
นามนินแนะนำ: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากนามนิน

ดูแลผมให้ครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่นามนินเลือกสรรมาเป็นพิเศษเพื่อมอบการฟื้นฟูบำรุงให้เส้นผมและหนังศีรษะคุณอย่างต่อเนื่อง 


Shampoo Mojelim Elixir
ผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี ทำความสะอาดผมอย่างล้ำลึก บำรุงเส้นผม และลดการหลุดร่วง พร้อมรักษาสมดุลความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน ที่สำคัญ ทุกส่วนผสมผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง 

Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงเส้นผมให้เงางามสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ทั้งยังลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย

ถ้าคุณอยากบอกรักผม ด้วยพลังการฟื้นบำรุงขั้นสุด
นามนินแนะนำ: VITAH รวมคุณค่าวิตามินสูตรเฉพาะ


เมื่อแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ลงมือค้นคว้าและคัดสรรตัวช่วยการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก จนกลายเป็น VITAH วิตามินรวมสูตรเฉพาะ ที่ผสานคุณค่าและประโยชน์จากสารอาหารผม พร้อมตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเต็มที่ ทั้งยังรวมเอาสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ เสริมทัพการบำรุงเพื่อคนรักผมเช่นคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
  • Rice Bran and Cactus Extract
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนโดยธรรมชาติ ลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
  • D-Biotin 
  • ทำหน้าที่เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง
  • Zinc Gluconate 
  • ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต
  • Iron Amino Acid Chelate 
  • ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • Vitamin B Premix 
  • บำรุงเส้นผมให้กลับสู่ภาวะสุขภาพดี


และนี่ก็คือ 5 เส้นทางพื้นฟูผมสุขภาพดี ซึ่งคุณสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อตัดสินใจเลือกบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการในการดูแลเส้นผมได้อย่างตรงจุด 

“ปลูกผม” เลือกให้ดี เลี่ยง 4 ผลลัพธ์ผมพัง
เชื่อว่าสำหรับหลาย ๆ คน กว่าจะเดินมาถึงจุดที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมในที่สุดนั้น คงจะต้องผ่านการศึกษาข้อมูล คิดทบทวน และเลือกแนวทางรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด เนื่องจากการปลูกผม เป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลงทุนในแง่ของตัวเงินแล้ว ยังเป็นการลงทุนนำ “ผมต้นทุนสุขภาพดี” ที่แต่ละคนมีอยู่อย่างจำกัด มาต่อยอดในการปลูกผมใหม่เพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมร่วงและผมบาง ตลอดจนแก้ปัญหาเส้นผมในมิติอื่น ๆ ด้วย ยิ่งสำหรับใครก็ตามที่มีผมต้นทุนค่อนข้างน้อย หรือมีปัญหาผมค่อนข้างรุนแรง อาจจะมีโอกาสปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นตลอดชีวิต เส้นผมของเราจึงมีคุณค่าในแบบที่ตีออกมาเป็นตัวเงินแทบไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม คุณหมอยังคงเจอประสบการณ์การรักษาคนไข้ในหลาย ๆ เคส ที่เกิดจากการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกโดยยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านเพียงพอ บางคนเลือกพิจารณาที่ราคา มากกว่าความคุ้มค่า บางคนได้รับการปลูกผมโดยบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ผู้ชำนาญ และบางคนไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังปลูกผม 

วันนี้ นามนินรวบรวม 4 ผลลัพธ์ผมพัง จากการปลูกผมที่ไม่ได้คุณภาพ เพื่อที่เราจะได้หลีกเลี่ยง และเลือกแนวทางการปลูกผมที่จะคืนความมั่นใจให้กับเราได้อย่างแท้จริง


ผมต้นทุนถูกใช้ไม่คุ้มค่า

ผมต้นทุน หมายถึงผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติมหัศจรรย์ในการต่อต้านฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร นั่นหมายความว่า ผมจากด้านหลังท้ายทอยนี้ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ๆ ก็จะยังคงความทนทาน แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย คุณหมอจึงเลือกเจาะย้ายผมบริเวณนี้ออกมาทำการรักษาให้คนไข้  

อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนของเรามีอยู่ในปริมาณที่จำกัด คุณหมอจึงต้องวิเคราะห์ผมต้นทุนที่มีอยู่ ร่วมกับพื้นที่ผมที่ต้องการปลูกใหม่ เพื่อคำนวณหาจำนวนผมต้นทุนที่จะต้องเจาะย้ายออกให้มีความเหมาะสม ไม่น้อยเกินจนแก้ปัญหาผมบางไม่ได้ และไม่มากเกินจนผมด้านหลังเหลือน้อย ทั้งยังต้องวางแผนเผื่อสำหรับการปลูกครั้งต่อไปในอนาคต ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าอาจจะมีภาวะผมร่วงผมบางเพิ่มขึ้นตามอายุด้วย

ดังนั้น ถ้าหากไม่มีการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี ก็อาจเกิดการใช้ผมต้นทุนมากไปโดยเสียเปล่า ไม่คุ้มค่า และคนไข้อาจจะไม่เหลือผมต้นทุนเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าก็เป็นได้



ผมด้านหลังเว้าแหว่งไม่เรียบร้อย

ในการเจาะย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยนั้น คุณหมอแต่ละท่านก็มีเทคนิคที่แตกต่างกันไป การโกนผมด้านหลังเพื่อเจาะย้ายผมต้นทุนออก (ซึ่งทำให้คนไข้พบปัญหาเรื่องการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวันอย่างมาก) อาจจะลดน้อยลงแล้วก็จริงในปัจจุบัน แต่คนไข้หลายคนก็ยังคงมาปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 พร้อมกับปัญหาผมด้านหลังที่เว้าแหว่ง กระจัดกระจายเป็นหย่อม ๆ ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีความเป็นระเบียบ ทำให้ต้องคอยระวังเรื่องผมด้านหลัง ไม่สามารถทำผมได้หลากหลายสไตล์ ทั้งที่คุณหมอผู้ชำนาญจะสามารถเจาะย้ายผมออกและคงเหลือผมให้กระจายตัวและเรียงตัวอยู่ในแนวที่สวยงามได้ จนคนไข้ไม่ต้องกังวล และสามารถโชว์ผมด้านหลังได้เต็มที่



ผมปลูกใหม่ชี้ผิดทิศทาง

นี่ก็เป็นปัญหาที่คุณหมอพบเจออยู่บ่อย ๆ เช่นกัน นั่นคือผมของคนไข้ที่ได้รับการปลูกใหม่จากสถานบริการที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อยาวขึ้น กลับชี้ในทิศทางที่ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งพบได้ทั้งในบริเวณหน้าผาก และตรงกลางศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณขวัญกลางศีรษะที่แต่ละคนจะมีรูปแบบการเรียงตัววนเป็นวงกลมของเส้นผมแตกต่างกัน หากมีผมที่ชี้ผิดทิศทาง จะสังเกตเห็นได้ง่ายเป็นพิเศษ ส่งผลให้เส้นผมดูไม่เป็นธรรมชาติ 


ความมั่นใจเหลือศูนย์

และไม่ว่าจะเป็นการที่ผมชี้ผิดทิศผิดทาง การต้องระวังทรงผมเพื่อปกปิดความไม่เรียบร้อยของของผมด้านหลัง รวมถึงการถูกจำกัดให้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระ ทั้งหมดนี้ จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องยาก และค่อย ๆ ลดทอนบุคลิกภาพตลอดจนความมั่นใจของเจ้าของเส้นผมในที่สุด


เห็นภาพผลลัพธ์ผมพัง ที่เรายกตัวอย่างมาไว้ในที่นี้แล้ว หวังว่าหลาย ๆ คนจะใส่ใจในการเลือกปลูกผมมากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ได้ในการปลูกซ้ำครั้งที่สอง (เช่นในกรณีที่ผมต้นทุนหมดแล้ว หรือผมชี้ผิดทิศผิดทาง) ดังนั้น หากจะตัดสินใจปลูกผม ควรเลือกให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก โดยเน้นที่ความคุ้มค่าเหนือกว่าราคา เพื่อไม่ให้เส้นผมต้นทุนของเราถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า และเพื่อให้การปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ ช่วยเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ

“ปลูกผม” เลือกให้ดี เลี่ยง 4 ผลลัพธ์ผมพัง
เชื่อว่าสำหรับหลาย ๆ คน กว่าจะเดินมาถึงจุดที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมในที่สุดนั้น คงจะต้องผ่านการศึกษาข้อมูล คิดทบทวน และเลือกแนวทางรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด เนื่องจากการปลูกผม เป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลงทุนในแง่ของตัวเงินแล้ว ยังเป็นการลงทุนนำ “ผมต้นทุนสุขภาพดี” ที่แต่ละคนมีอยู่อย่างจำกัด มาต่อยอดในการปลูกผมใหม่เพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมร่วงและผมบาง ตลอดจนแก้ปัญหาเส้นผมในมิติอื่น ๆ ด้วย ยิ่งสำหรับใครก็ตามที่มีผมต้นทุนค่อนข้างน้อย หรือมีปัญหาผมค่อนข้างรุนแรง อาจจะมีโอกาสปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นตลอดชีวิต เส้นผมของเราจึงมีคุณค่าในแบบที่ตีออกมาเป็นตัวเงินแทบไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม คุณหมอยังคงเจอประสบการณ์การรักษาคนไข้ในหลาย ๆ เคส ที่เกิดจากการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกโดยยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านเพียงพอ บางคนเลือกพิจารณาที่ราคา มากกว่าความคุ้มค่า บางคนได้รับการปลูกผมโดยบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ผู้ชำนาญ และบางคนไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังปลูกผม 

วันนี้ นามนินรวบรวม 4 ผลลัพธ์ผมพัง จากการปลูกผมที่ไม่ได้คุณภาพ เพื่อที่เราจะได้หลีกเลี่ยง และเลือกแนวทางการปลูกผมที่จะคืนความมั่นใจให้กับเราได้อย่างแท้จริง


ผมต้นทุนถูกใช้ไม่คุ้มค่า

ผมต้นทุน หมายถึงผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติมหัศจรรย์ในการต่อต้านฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร นั่นหมายความว่า ผมจากด้านหลังท้ายทอยนี้ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ๆ ก็จะยังคงความทนทาน แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย คุณหมอจึงเลือกเจาะย้ายผมบริเวณนี้ออกมาทำการรักษาให้คนไข้  

อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนของเรามีอยู่ในปริมาณที่จำกัด คุณหมอจึงต้องวิเคราะห์ผมต้นทุนที่มีอยู่ ร่วมกับพื้นที่ผมที่ต้องการปลูกใหม่ เพื่อคำนวณหาจำนวนผมต้นทุนที่จะต้องเจาะย้ายออกให้มีความเหมาะสม ไม่น้อยเกินจนแก้ปัญหาผมบางไม่ได้ และไม่มากเกินจนผมด้านหลังเหลือน้อย ทั้งยังต้องวางแผนเผื่อสำหรับการปลูกครั้งต่อไปในอนาคต ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าอาจจะมีภาวะผมร่วงผมบางเพิ่มขึ้นตามอายุด้วย

ดังนั้น ถ้าหากไม่มีการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี ก็อาจเกิดการใช้ผมต้นทุนมากไปโดยเสียเปล่า ไม่คุ้มค่า และคนไข้อาจจะไม่เหลือผมต้นทุนเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าก็เป็นได้



ผมด้านหลังเว้าแหว่งไม่เรียบร้อย

ในการเจาะย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยนั้น คุณหมอแต่ละท่านก็มีเทคนิคที่แตกต่างกันไป การโกนผมด้านหลังเพื่อเจาะย้ายผมต้นทุนออก (ซึ่งทำให้คนไข้พบปัญหาเรื่องการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวันอย่างมาก) อาจจะลดน้อยลงแล้วก็จริงในปัจจุบัน แต่คนไข้หลายคนก็ยังคงมาปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 พร้อมกับปัญหาผมด้านหลังที่เว้าแหว่ง กระจัดกระจายเป็นหย่อม ๆ ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีความเป็นระเบียบ ทำให้ต้องคอยระวังเรื่องผมด้านหลัง ไม่สามารถทำผมได้หลากหลายสไตล์ ทั้งที่คุณหมอผู้ชำนาญจะสามารถเจาะย้ายผมออกและคงเหลือผมให้กระจายตัวและเรียงตัวอยู่ในแนวที่สวยงามได้ จนคนไข้ไม่ต้องกังวล และสามารถโชว์ผมด้านหลังได้เต็มที่



ผมปลูกใหม่ชี้ผิดทิศทาง

นี่ก็เป็นปัญหาที่คุณหมอพบเจออยู่บ่อย ๆ เช่นกัน นั่นคือผมของคนไข้ที่ได้รับการปลูกใหม่จากสถานบริการที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อยาวขึ้น กลับชี้ในทิศทางที่ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งพบได้ทั้งในบริเวณหน้าผาก และตรงกลางศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณขวัญกลางศีรษะที่แต่ละคนจะมีรูปแบบการเรียงตัววนเป็นวงกลมของเส้นผมแตกต่างกัน หากมีผมที่ชี้ผิดทิศทาง จะสังเกตเห็นได้ง่ายเป็นพิเศษ ส่งผลให้เส้นผมดูไม่เป็นธรรมชาติ 


ความมั่นใจเหลือศูนย์

และไม่ว่าจะเป็นการที่ผมชี้ผิดทิศผิดทาง การต้องระวังทรงผมเพื่อปกปิดความไม่เรียบร้อยของของผมด้านหลัง รวมถึงการถูกจำกัดให้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระ ทั้งหมดนี้ จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องยาก และค่อย ๆ ลดทอนบุคลิกภาพตลอดจนความมั่นใจของเจ้าของเส้นผมในที่สุด


เห็นภาพผลลัพธ์ผมพัง ที่เรายกตัวอย่างมาไว้ในที่นี้แล้ว หวังว่าหลาย ๆ คนจะใส่ใจในการเลือกปลูกผมมากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ได้ในการปลูกซ้ำครั้งที่สอง (เช่นในกรณีที่ผมต้นทุนหมดแล้ว หรือผมชี้ผิดทิศผิดทาง) ดังนั้น หากจะตัดสินใจปลูกผม ควรเลือกให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก โดยเน้นที่ความคุ้มค่าเหนือกว่าราคา เพื่อไม่ให้เส้นผมต้นทุนของเราถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า และเพื่อให้การปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ ช่วยเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ

“ปลูกผม” เลือกให้ดี เลี่ยง 4 ผลลัพธ์ผมพัง
เชื่อว่าสำหรับหลาย ๆ คน กว่าจะเดินมาถึงจุดที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมในที่สุดนั้น คงจะต้องผ่านการศึกษาข้อมูล คิดทบทวน และเลือกแนวทางรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด เนื่องจากการปลูกผม เป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลงทุนในแง่ของตัวเงินแล้ว ยังเป็นการลงทุนนำ “ผมต้นทุนสุขภาพดี” ที่แต่ละคนมีอยู่อย่างจำกัด มาต่อยอดในการปลูกผมใหม่เพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมร่วงและผมบาง ตลอดจนแก้ปัญหาเส้นผมในมิติอื่น ๆ ด้วย ยิ่งสำหรับใครก็ตามที่มีผมต้นทุนค่อนข้างน้อย หรือมีปัญหาผมค่อนข้างรุนแรง อาจจะมีโอกาสปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นตลอดชีวิต เส้นผมของเราจึงมีคุณค่าในแบบที่ตีออกมาเป็นตัวเงินแทบไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม คุณหมอยังคงเจอประสบการณ์การรักษาคนไข้ในหลาย ๆ เคส ที่เกิดจากการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกโดยยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านเพียงพอ บางคนเลือกพิจารณาที่ราคา มากกว่าความคุ้มค่า บางคนได้รับการปลูกผมโดยบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ผู้ชำนาญ และบางคนไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังปลูกผม 

วันนี้ นามนินรวบรวม 4 ผลลัพธ์ผมพัง จากการปลูกผมที่ไม่ได้คุณภาพ เพื่อที่เราจะได้หลีกเลี่ยง และเลือกแนวทางการปลูกผมที่จะคืนความมั่นใจให้กับเราได้อย่างแท้จริง


ผมต้นทุนถูกใช้ไม่คุ้มค่า

ผมต้นทุน หมายถึงผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติมหัศจรรย์ในการต่อต้านฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร นั่นหมายความว่า ผมจากด้านหลังท้ายทอยนี้ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ๆ ก็จะยังคงความทนทาน แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย คุณหมอจึงเลือกเจาะย้ายผมบริเวณนี้ออกมาทำการรักษาให้คนไข้  

อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนของเรามีอยู่ในปริมาณที่จำกัด คุณหมอจึงต้องวิเคราะห์ผมต้นทุนที่มีอยู่ ร่วมกับพื้นที่ผมที่ต้องการปลูกใหม่ เพื่อคำนวณหาจำนวนผมต้นทุนที่จะต้องเจาะย้ายออกให้มีความเหมาะสม ไม่น้อยเกินจนแก้ปัญหาผมบางไม่ได้ และไม่มากเกินจนผมด้านหลังเหลือน้อย ทั้งยังต้องวางแผนเผื่อสำหรับการปลูกครั้งต่อไปในอนาคต ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าอาจจะมีภาวะผมร่วงผมบางเพิ่มขึ้นตามอายุด้วย

ดังนั้น ถ้าหากไม่มีการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี ก็อาจเกิดการใช้ผมต้นทุนมากไปโดยเสียเปล่า ไม่คุ้มค่า และคนไข้อาจจะไม่เหลือผมต้นทุนเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าก็เป็นได้



ผมด้านหลังเว้าแหว่งไม่เรียบร้อย

ในการเจาะย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยนั้น คุณหมอแต่ละท่านก็มีเทคนิคที่แตกต่างกันไป การโกนผมด้านหลังเพื่อเจาะย้ายผมต้นทุนออก (ซึ่งทำให้คนไข้พบปัญหาเรื่องการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวันอย่างมาก) อาจจะลดน้อยลงแล้วก็จริงในปัจจุบัน แต่คนไข้หลายคนก็ยังคงมาปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 พร้อมกับปัญหาผมด้านหลังที่เว้าแหว่ง กระจัดกระจายเป็นหย่อม ๆ ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีความเป็นระเบียบ ทำให้ต้องคอยระวังเรื่องผมด้านหลัง ไม่สามารถทำผมได้หลากหลายสไตล์ ทั้งที่คุณหมอผู้ชำนาญจะสามารถเจาะย้ายผมออกและคงเหลือผมให้กระจายตัวและเรียงตัวอยู่ในแนวที่สวยงามได้ จนคนไข้ไม่ต้องกังวล และสามารถโชว์ผมด้านหลังได้เต็มที่



ผมปลูกใหม่ชี้ผิดทิศทาง

นี่ก็เป็นปัญหาที่คุณหมอพบเจออยู่บ่อย ๆ เช่นกัน นั่นคือผมของคนไข้ที่ได้รับการปลูกใหม่จากสถานบริการที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อยาวขึ้น กลับชี้ในทิศทางที่ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งพบได้ทั้งในบริเวณหน้าผาก และตรงกลางศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณขวัญกลางศีรษะที่แต่ละคนจะมีรูปแบบการเรียงตัววนเป็นวงกลมของเส้นผมแตกต่างกัน หากมีผมที่ชี้ผิดทิศทาง จะสังเกตเห็นได้ง่ายเป็นพิเศษ ส่งผลให้เส้นผมดูไม่เป็นธรรมชาติ 


ความมั่นใจเหลือศูนย์

และไม่ว่าจะเป็นการที่ผมชี้ผิดทิศผิดทาง การต้องระวังทรงผมเพื่อปกปิดความไม่เรียบร้อยของของผมด้านหลัง รวมถึงการถูกจำกัดให้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระ ทั้งหมดนี้ จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องยาก และค่อย ๆ ลดทอนบุคลิกภาพตลอดจนความมั่นใจของเจ้าของเส้นผมในที่สุด


เห็นภาพผลลัพธ์ผมพัง ที่เรายกตัวอย่างมาไว้ในที่นี้แล้ว หวังว่าหลาย ๆ คนจะใส่ใจในการเลือกปลูกผมมากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ได้ในการปลูกซ้ำครั้งที่สอง (เช่นในกรณีที่ผมต้นทุนหมดแล้ว หรือผมชี้ผิดทิศผิดทาง) ดังนั้น หากจะตัดสินใจปลูกผม ควรเลือกให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก โดยเน้นที่ความคุ้มค่าเหนือกว่าราคา เพื่อไม่ให้เส้นผมต้นทุนของเราถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า และเพื่อให้การปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ ช่วยเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ

“ปลูกผม” เลือกให้ดี เลี่ยง 4 ผลลัพธ์ผมพัง
เชื่อว่าสำหรับหลาย ๆ คน กว่าจะเดินมาถึงจุดที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมในที่สุดนั้น คงจะต้องผ่านการศึกษาข้อมูล คิดทบทวน และเลือกแนวทางรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด เนื่องจากการปลูกผม เป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการลงทุนในแง่ของตัวเงินแล้ว ยังเป็นการลงทุนนำ “ผมต้นทุนสุขภาพดี” ที่แต่ละคนมีอยู่อย่างจำกัด มาต่อยอดในการปลูกผมใหม่เพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมร่วงและผมบาง ตลอดจนแก้ปัญหาเส้นผมในมิติอื่น ๆ ด้วย ยิ่งสำหรับใครก็ตามที่มีผมต้นทุนค่อนข้างน้อย หรือมีปัญหาผมค่อนข้างรุนแรง อาจจะมีโอกาสปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นตลอดชีวิต เส้นผมของเราจึงมีคุณค่าในแบบที่ตีออกมาเป็นตัวเงินแทบไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม คุณหมอยังคงเจอประสบการณ์การรักษาคนไข้ในหลาย ๆ เคส ที่เกิดจากการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกโดยยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านเพียงพอ บางคนเลือกพิจารณาที่ราคา มากกว่าความคุ้มค่า บางคนได้รับการปลูกผมโดยบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์ผู้ชำนาญ และบางคนไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังปลูกผม 

วันนี้ นามนินรวบรวม 4 ผลลัพธ์ผมพัง จากการปลูกผมที่ไม่ได้คุณภาพ เพื่อที่เราจะได้หลีกเลี่ยง และเลือกแนวทางการปลูกผมที่จะคืนความมั่นใจให้กับเราได้อย่างแท้จริง


ผมต้นทุนถูกใช้ไม่คุ้มค่า

ผมต้นทุน หมายถึงผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติมหัศจรรย์ในการต่อต้านฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร นั่นหมายความว่า ผมจากด้านหลังท้ายทอยนี้ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ๆ ก็จะยังคงความทนทาน แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย คุณหมอจึงเลือกเจาะย้ายผมบริเวณนี้ออกมาทำการรักษาให้คนไข้  

อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนของเรามีอยู่ในปริมาณที่จำกัด คุณหมอจึงต้องวิเคราะห์ผมต้นทุนที่มีอยู่ ร่วมกับพื้นที่ผมที่ต้องการปลูกใหม่ เพื่อคำนวณหาจำนวนผมต้นทุนที่จะต้องเจาะย้ายออกให้มีความเหมาะสม ไม่น้อยเกินจนแก้ปัญหาผมบางไม่ได้ และไม่มากเกินจนผมด้านหลังเหลือน้อย ทั้งยังต้องวางแผนเผื่อสำหรับการปลูกครั้งต่อไปในอนาคต ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าอาจจะมีภาวะผมร่วงผมบางเพิ่มขึ้นตามอายุด้วย

ดังนั้น ถ้าหากไม่มีการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี ก็อาจเกิดการใช้ผมต้นทุนมากไปโดยเสียเปล่า ไม่คุ้มค่า และคนไข้อาจจะไม่เหลือผมต้นทุนเก็บไว้ใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้าก็เป็นได้



ผมด้านหลังเว้าแหว่งไม่เรียบร้อย

ในการเจาะย้ายผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยนั้น คุณหมอแต่ละท่านก็มีเทคนิคที่แตกต่างกันไป การโกนผมด้านหลังเพื่อเจาะย้ายผมต้นทุนออก (ซึ่งทำให้คนไข้พบปัญหาเรื่องการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวันอย่างมาก) อาจจะลดน้อยลงแล้วก็จริงในปัจจุบัน แต่คนไข้หลายคนก็ยังคงมาปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 พร้อมกับปัญหาผมด้านหลังที่เว้าแหว่ง กระจัดกระจายเป็นหย่อม ๆ ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีความเป็นระเบียบ ทำให้ต้องคอยระวังเรื่องผมด้านหลัง ไม่สามารถทำผมได้หลากหลายสไตล์ ทั้งที่คุณหมอผู้ชำนาญจะสามารถเจาะย้ายผมออกและคงเหลือผมให้กระจายตัวและเรียงตัวอยู่ในแนวที่สวยงามได้ จนคนไข้ไม่ต้องกังวล และสามารถโชว์ผมด้านหลังได้เต็มที่



ผมปลูกใหม่ชี้ผิดทิศทาง

นี่ก็เป็นปัญหาที่คุณหมอพบเจออยู่บ่อย ๆ เช่นกัน นั่นคือผมของคนไข้ที่ได้รับการปลูกใหม่จากสถานบริการที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อยาวขึ้น กลับชี้ในทิศทางที่ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งพบได้ทั้งในบริเวณหน้าผาก และตรงกลางศีรษะ โดยเฉพาะบริเวณขวัญกลางศีรษะที่แต่ละคนจะมีรูปแบบการเรียงตัววนเป็นวงกลมของเส้นผมแตกต่างกัน หากมีผมที่ชี้ผิดทิศทาง จะสังเกตเห็นได้ง่ายเป็นพิเศษ ส่งผลให้เส้นผมดูไม่เป็นธรรมชาติ 


ความมั่นใจเหลือศูนย์

และไม่ว่าจะเป็นการที่ผมชี้ผิดทิศผิดทาง การต้องระวังทรงผมเพื่อปกปิดความไม่เรียบร้อยของของผมด้านหลัง รวมถึงการถูกจำกัดให้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระ ทั้งหมดนี้ จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องยาก และค่อย ๆ ลดทอนบุคลิกภาพตลอดจนความมั่นใจของเจ้าของเส้นผมในที่สุด


เห็นภาพผลลัพธ์ผมพัง ที่เรายกตัวอย่างมาไว้ในที่นี้แล้ว หวังว่าหลาย ๆ คนจะใส่ใจในการเลือกปลูกผมมากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ได้ในการปลูกซ้ำครั้งที่สอง (เช่นในกรณีที่ผมต้นทุนหมดแล้ว หรือผมชี้ผิดทิศผิดทาง) ดังนั้น หากจะตัดสินใจปลูกผม ควรเลือกให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก โดยเน้นที่ความคุ้มค่าเหนือกว่าราคา เพื่อไม่ให้เส้นผมต้นทุนของเราถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า และเพื่อให้การปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ ช่วยเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ

Namnin Anti Thinning Hair Program
นามนิน เปิดนวัตกรรมการดูแลเส้นผมในระดับ Premium สำหรับคนรักเส้นผมตัวจริง ด้วย Namnin Anti Thinning Hair Program โปรแกรมฟื้นฟูเส้นผม พิชิตผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและการดูแลเส้นผมของนามนิน คัดสรรทั้งบริการและผลิตภัณฑ์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าจะผสานพลังเข้าบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ กระตุ้นการทำงานของเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม และมีสุขภาพดีกว่าที่เคย

Namnin Anti Thinning Hair Program ประกอบไปด้วย
PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผสานกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ซึ่งจะผนึกกำลังกันพุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมอย่างตรงจุด ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างเซลล์ผมใหม่ เสริมให้เส้นผมแข็งแรง มอบผลลัพธ์ผมสุขภาพดีขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก



ทรีทเม้นท์ฉายแสง LLLT กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดบริเวณรากผม โดยการฉายแสงเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ Low Level Laser Therapy ลงบนหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมงอกใหม่ได้รวดเร็วขึ้น เส้นผมหนาแน่นขึ้น และแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ลดอาการอักเสบต่างๆได้


ทรีทเม้นท์ผลักวิตามินลดการหลุดร่วงของเส้นผม ที่ผลักคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อเส้นผมให้ลงลึกถึงเซลล์รากผม เสริมให้ผมแข็งแรง ฟื้นวงจรชีวิตของเส้นผมให้สมบูรณ์ สัมผัสได้ถึงพลังการบำรุงที่ล้ำลึกและเปี่ยมประสิทธิภาพได้หลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง



เซรั่มบำรุงรากผม Elixir Hair Serum เซรั่มที่มีส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อุดมไปด้วยคุณค่าในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึก อาทิ Baicapil สารสกัดจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี, BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์และเมล็ดข้าวฟ่าง, Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า, Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด และ Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ด้วยส่วนผสมเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดรังแคและอาการคันศีรษะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว


VITA H วิตามินสำหรับการบำรุงเส้นผมโดยเฉพาะ สกัดจากรำข้าว สารสกัดจากกระบองเพชร D-Biotin, Zinc Gluconate, Iron Amino Acid Chelate, Vitamin B Premix เสริมความแข็งแรงให้เส้นผม ผมหนาแน่น ดกดำและเงางามขึ้น


Namnin Anti Thinning Hair Program คือศาสตร์ของการบำรุงแบบ Premium ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการฉีดลงหนังศีรษะเพื่อตรงเข้าบำรุงเซลล์รากผม ทรีทเม้นท์เสริมความแข็งแรงให้เส้นผมตลอดทั้งเส้น พร้อมมอบการดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์และวิตามินที่นำกลับไปดูแลตัวเองได้ต่อแบบง่ายๆที่บ้าน ผู้ที่รักเส้นผมตัวจริงจึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เปิดโลกใบใหม่ของการดูแลผมทุกเส้นอย่างล้ำลึก เพื่อผมสวย สุขภาพดีในระยะยาวได้ที่ “นามนิน คลินิก” นามนิน ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล และพร้อมให้บริการค่ะ

Namnin Anti Thinning Hair Program
นามนิน เปิดนวัตกรรมการดูแลเส้นผมในระดับ Premium สำหรับคนรักเส้นผมตัวจริง ด้วย Namnin Anti Thinning Hair Program โปรแกรมฟื้นฟูเส้นผม พิชิตผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและการดูแลเส้นผมของนามนิน คัดสรรทั้งบริการและผลิตภัณฑ์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าจะผสานพลังเข้าบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ กระตุ้นการทำงานของเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม และมีสุขภาพดีกว่าที่เคย

Namnin Anti Thinning Hair Program ประกอบไปด้วย
PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผสานกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ซึ่งจะผนึกกำลังกันพุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมอย่างตรงจุด ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างเซลล์ผมใหม่ เสริมให้เส้นผมแข็งแรง มอบผลลัพธ์ผมสุขภาพดีขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก



ทรีทเม้นท์ฉายแสง LLLT กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดบริเวณรากผม โดยการฉายแสงเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ Low Level Laser Therapy ลงบนหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมงอกใหม่ได้รวดเร็วขึ้น เส้นผมหนาแน่นขึ้น และแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ลดอาการอักเสบต่างๆได้


ทรีทเม้นท์ผลักวิตามินลดการหลุดร่วงของเส้นผม ที่ผลักคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อเส้นผมให้ลงลึกถึงเซลล์รากผม เสริมให้ผมแข็งแรง ฟื้นวงจรชีวิตของเส้นผมให้สมบูรณ์ สัมผัสได้ถึงพลังการบำรุงที่ล้ำลึกและเปี่ยมประสิทธิภาพได้หลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง



เซรั่มบำรุงรากผม Elixir Hair Serum เซรั่มที่มีส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อุดมไปด้วยคุณค่าในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึก อาทิ Baicapil สารสกัดจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี, BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์และเมล็ดข้าวฟ่าง, Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า, Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด และ Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ด้วยส่วนผสมเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดรังแคและอาการคันศีรษะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว


VITA H วิตามินสำหรับการบำรุงเส้นผมโดยเฉพาะ สกัดจากรำข้าว สารสกัดจากกระบองเพชร D-Biotin, Zinc Gluconate, Iron Amino Acid Chelate, Vitamin B Premix เสริมความแข็งแรงให้เส้นผม ผมหนาแน่น ดกดำและเงางามขึ้น


Namnin Anti Thinning Hair Program คือศาสตร์ของการบำรุงแบบ Premium ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการฉีดลงหนังศีรษะเพื่อตรงเข้าบำรุงเซลล์รากผม ทรีทเม้นท์เสริมความแข็งแรงให้เส้นผมตลอดทั้งเส้น พร้อมมอบการดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์และวิตามินที่นำกลับไปดูแลตัวเองได้ต่อแบบง่ายๆที่บ้าน ผู้ที่รักเส้นผมตัวจริงจึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เปิดโลกใบใหม่ของการดูแลผมทุกเส้นอย่างล้ำลึก เพื่อผมสวย สุขภาพดีในระยะยาวได้ที่ “นามนิน คลินิก” นามนิน ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล และพร้อมให้บริการค่ะ

Namnin Anti Thinning Hair Program
นามนิน เปิดนวัตกรรมการดูแลเส้นผมในระดับ Premium สำหรับคนรักเส้นผมตัวจริง ด้วย Namnin Anti Thinning Hair Program โปรแกรมฟื้นฟูเส้นผม พิชิตผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและการดูแลเส้นผมของนามนิน คัดสรรทั้งบริการและผลิตภัณฑ์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าจะผสานพลังเข้าบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ กระตุ้นการทำงานของเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม และมีสุขภาพดีกว่าที่เคย

Namnin Anti Thinning Hair Program ประกอบไปด้วย
PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผสานกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ซึ่งจะผนึกกำลังกันพุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมอย่างตรงจุด ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างเซลล์ผมใหม่ เสริมให้เส้นผมแข็งแรง มอบผลลัพธ์ผมสุขภาพดีขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก



ทรีทเม้นท์ฉายแสง LLLT กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดบริเวณรากผม โดยการฉายแสงเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ Low Level Laser Therapy ลงบนหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมงอกใหม่ได้รวดเร็วขึ้น เส้นผมหนาแน่นขึ้น และแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ลดอาการอักเสบต่างๆได้


ทรีทเม้นท์ผลักวิตามินลดการหลุดร่วงของเส้นผม ที่ผลักคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อเส้นผมให้ลงลึกถึงเซลล์รากผม เสริมให้ผมแข็งแรง ฟื้นวงจรชีวิตของเส้นผมให้สมบูรณ์ สัมผัสได้ถึงพลังการบำรุงที่ล้ำลึกและเปี่ยมประสิทธิภาพได้หลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง



เซรั่มบำรุงรากผม Elixir Hair Serum เซรั่มที่มีส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อุดมไปด้วยคุณค่าในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึก อาทิ Baicapil สารสกัดจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี, BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์และเมล็ดข้าวฟ่าง, Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า, Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด และ Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ด้วยส่วนผสมเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดรังแคและอาการคันศีรษะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว


VITA H วิตามินสำหรับการบำรุงเส้นผมโดยเฉพาะ สกัดจากรำข้าว สารสกัดจากกระบองเพชร D-Biotin, Zinc Gluconate, Iron Amino Acid Chelate, Vitamin B Premix เสริมความแข็งแรงให้เส้นผม ผมหนาแน่น ดกดำและเงางามขึ้น


Namnin Anti Thinning Hair Program คือศาสตร์ของการบำรุงแบบ Premium ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการฉีดลงหนังศีรษะเพื่อตรงเข้าบำรุงเซลล์รากผม ทรีทเม้นท์เสริมความแข็งแรงให้เส้นผมตลอดทั้งเส้น พร้อมมอบการดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์และวิตามินที่นำกลับไปดูแลตัวเองได้ต่อแบบง่ายๆที่บ้าน ผู้ที่รักเส้นผมตัวจริงจึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เปิดโลกใบใหม่ของการดูแลผมทุกเส้นอย่างล้ำลึก เพื่อผมสวย สุขภาพดีในระยะยาวได้ที่ “นามนิน คลินิก” นามนิน ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล และพร้อมให้บริการค่ะ

Namnin Anti Thinning Hair Program
นามนิน เปิดนวัตกรรมการดูแลเส้นผมในระดับ Premium สำหรับคนรักเส้นผมตัวจริง ด้วย Namnin Anti Thinning Hair Program โปรแกรมฟื้นฟูเส้นผม พิชิตผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและการดูแลเส้นผมของนามนิน คัดสรรทั้งบริการและผลิตภัณฑ์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าจะผสานพลังเข้าบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ กระตุ้นการทำงานของเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม และมีสุขภาพดีกว่าที่เคย

Namnin Anti Thinning Hair Program ประกอบไปด้วย
PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผสานกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ซึ่งจะผนึกกำลังกันพุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมอย่างตรงจุด ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างเซลล์ผมใหม่ เสริมให้เส้นผมแข็งแรง มอบผลลัพธ์ผมสุขภาพดีขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก



ทรีทเม้นท์ฉายแสง LLLT กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดบริเวณรากผม โดยการฉายแสงเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ Low Level Laser Therapy ลงบนหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมงอกใหม่ได้รวดเร็วขึ้น เส้นผมหนาแน่นขึ้น และแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ลดอาการอักเสบต่างๆได้


ทรีทเม้นท์ผลักวิตามินลดการหลุดร่วงของเส้นผม ที่ผลักคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อเส้นผมให้ลงลึกถึงเซลล์รากผม เสริมให้ผมแข็งแรง ฟื้นวงจรชีวิตของเส้นผมให้สมบูรณ์ สัมผัสได้ถึงพลังการบำรุงที่ล้ำลึกและเปี่ยมประสิทธิภาพได้หลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง



เซรั่มบำรุงรากผม Elixir Hair Serum เซรั่มที่มีส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อุดมไปด้วยคุณค่าในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึก อาทิ Baicapil สารสกัดจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี, BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์และเมล็ดข้าวฟ่าง, Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า, Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด และ Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ด้วยส่วนผสมเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดรังแคและอาการคันศีรษะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว


VITA H วิตามินสำหรับการบำรุงเส้นผมโดยเฉพาะ สกัดจากรำข้าว สารสกัดจากกระบองเพชร D-Biotin, Zinc Gluconate, Iron Amino Acid Chelate, Vitamin B Premix เสริมความแข็งแรงให้เส้นผม ผมหนาแน่น ดกดำและเงางามขึ้น


Namnin Anti Thinning Hair Program คือศาสตร์ของการบำรุงแบบ Premium ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการฉีดลงหนังศีรษะเพื่อตรงเข้าบำรุงเซลล์รากผม ทรีทเม้นท์เสริมความแข็งแรงให้เส้นผมตลอดทั้งเส้น พร้อมมอบการดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์และวิตามินที่นำกลับไปดูแลตัวเองได้ต่อแบบง่ายๆที่บ้าน ผู้ที่รักเส้นผมตัวจริงจึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เปิดโลกใบใหม่ของการดูแลผมทุกเส้นอย่างล้ำลึก เพื่อผมสวย สุขภาพดีในระยะยาวได้ที่ “นามนิน คลินิก” นามนิน ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล และพร้อมให้บริการค่ะ

Namnin Anti Thinning Hair Program
นามนิน เปิดนวัตกรรมการดูแลเส้นผมในระดับ Premium สำหรับคนรักเส้นผมตัวจริง ด้วย Namnin Anti Thinning Hair Program โปรแกรมฟื้นฟูเส้นผม พิชิตผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและการดูแลเส้นผมของนามนิน คัดสรรทั้งบริการและผลิตภัณฑ์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าจะผสานพลังเข้าบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึกในระดับเซลล์ กระตุ้นการทำงานของเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม และมีสุขภาพดีกว่าที่เคย

Namnin Anti Thinning Hair Program ประกอบไปด้วย
PHB การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผสานกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ซึ่งจะผนึกกำลังกันพุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมอย่างตรงจุด ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างเซลล์ผมใหม่ เสริมให้เส้นผมแข็งแรง มอบผลลัพธ์ผมสุขภาพดีขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก



ทรีทเม้นท์ฉายแสง LLLT กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดบริเวณรากผม โดยการฉายแสงเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ Low Level Laser Therapy ลงบนหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมงอกใหม่ได้รวดเร็วขึ้น เส้นผมหนาแน่นขึ้น และแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ลดอาการอักเสบต่างๆได้


ทรีทเม้นท์ผลักวิตามินลดการหลุดร่วงของเส้นผม ที่ผลักคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อเส้นผมให้ลงลึกถึงเซลล์รากผม เสริมให้ผมแข็งแรง ฟื้นวงจรชีวิตของเส้นผมให้สมบูรณ์ สัมผัสได้ถึงพลังการบำรุงที่ล้ำลึกและเปี่ยมประสิทธิภาพได้หลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง



เซรั่มบำรุงรากผม Elixir Hair Serum เซรั่มที่มีส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ 100% อุดมไปด้วยคุณค่าในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึก อาทิ Baicapil สารสกัดจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี, BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์และเมล็ดข้าวฟ่าง, Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า, Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด และ Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ด้วยส่วนผสมเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม ลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดรังแคและอาการคันศีรษะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว


VITA H วิตามินสำหรับการบำรุงเส้นผมโดยเฉพาะ สกัดจากรำข้าว สารสกัดจากกระบองเพชร D-Biotin, Zinc Gluconate, Iron Amino Acid Chelate, Vitamin B Premix เสริมความแข็งแรงให้เส้นผม ผมหนาแน่น ดกดำและเงางามขึ้น


Namnin Anti Thinning Hair Program คือศาสตร์ของการบำรุงแบบ Premium ที่ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการฉีดลงหนังศีรษะเพื่อตรงเข้าบำรุงเซลล์รากผม ทรีทเม้นท์เสริมความแข็งแรงให้เส้นผมตลอดทั้งเส้น พร้อมมอบการดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์และวิตามินที่นำกลับไปดูแลตัวเองได้ต่อแบบง่ายๆที่บ้าน ผู้ที่รักเส้นผมตัวจริงจึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เปิดโลกใบใหม่ของการดูแลผมทุกเส้นอย่างล้ำลึก เพื่อผมสวย สุขภาพดีในระยะยาวได้ที่ “นามนิน คลินิก” นามนิน ยินดีให้คำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล และพร้อมให้บริการค่ะ

ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่
ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่

...จะตัดสินใจ “ปลูกผม” ดีมั้ย...
...อยาก “ปลูกผม” จะเริ่มต้นอย่างไรดี...

สำหรับใครที่กำลังหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ เราขอชวนมา “เริ่มต้น” เส้นทางสู่ผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น สุขภาพดีไปด้วยกัน คือเริ่มจากการทำความรู้จักกับการปลูกผมให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อให้พอเห็นภาพของขั้นตอนต่าง ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น และเข้าใจถึงข้อจำกัด รวมถึงปัจจัยที่จะทำให้การปลูกผมประสบความสำเร็จ ที่สำคัญ จะได้เห็นแนวทางว่า ทั้งเจ้าของเส้นผมและคุณหมอ จะทำงานร่วมกันในภารกิจการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ครั้งนี้อย่างไร 

แน่นอนว่าข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ หรือเลือกแนวทางการปลูกได้อย่างมั่นใจและตอบโจทย์มากขึ้น


1
“ปลูกผม” ปลูกอย่างไร?

อย่าเพิ่งถามคำถามข้อต่อไป ถ้าคุณยังไม่เข้าใจหลักการเบื้องต้นง่าย ๆ ของการปลูกผม เป็นต้นว่า การปลูกผมนั้นจะใช้ผมของเราเองจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย ย้ายมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา ...มาลองสำรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้กันอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจโจทย์ความท้าทายของการปลูกผมในคนไข้แต่ละเคสมากขึ้น และเข้าใจด้วยว่า ทำไมคุณจึงต้องการแพทย์ผู้คอยให้คำปรึกษาตั้งแต่ก้าวแรก


  • ต้องเป็นผมจากด้านหลังท้ายทอยเท่านั้น
เพราะผมด้านหลังท้ายทอย เป็นผมต้นทุนที่เรียกได้ว่าแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต้านฮอร์โมน DHT ที่ทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย ซึ่งแม้จะย้ายผมเหล่านี้ไปปลูกในพื้นที่ใหม่ แต่คุณสมบัติความแข็งแรงนี้จะยังอยู่กับเส้นผมไปจนตลอดชีวิต

  • ผมต้นทุนมีอยู่ในปริมาณที่จำกัด 
นี่เป็นโจทย์ข้อใหญ่ทีเดียว เพราะผมต้นทุนไม่ได้มีโปรโมชั่น unlimited ที่จะดึงออกมาใช้เท่าไหร่ก็ได้ไม่มีวันหมด และยิ่งอายุมากขึ้น ผมต้นทุนที่มีคุณภาพดีเพียงพอก็อาจมีจำนวนน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งแต่ละเคสก็มาด้วยระดับความรุนแรงของปัญหาที่ต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบาง บางคนเริ่มเข้าสู่ภาวะผมล้านและต้องการผมต้นทุนมาปลูกใหม่ในปริมาณที่มากกว่า ขณะที่ในบางเคส คุณหมออาจต้องช่วยวางแผนระยะยาวเผื่อในกรณีต้องนำผมต้นทุนมาปลูกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ด้วย

ดังนั้น การวิเคราะห์ผมต้นทุนจึงต้องผ่านการคำนวณเพื่อนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

  • 3 ขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย
ในห้องหัตถการนั้น ขั้นแรก หลังจากวิเคราะห์สภาพปัญหาและคำนวณปริมาณผมต้นทุนที่ต้องใช้แล้ว จะเป็นการเจาะนำกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยกราฟต์ผม หมายถึงกอผมที่มีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น 


และเมื่อได้กราฟต์ผมมาแล้ว จะต้องผ่านการตรวจสอบ คัดแยก ตัดแต่ง เพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสำหรับพื้นที่ปลูก เพราะบริเวณแนวไรผมต้องการผมเส้นเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณกลางศีรษะก็ต้องการผมเส้นใหญ่และหนากว่า จึงจะดูเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนสุดท้าย คือการนำกราฟต์ผมที่แช่น้ำยาคงสภาพไว้ มาปักลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ๆ โดยคุณหมอจะพิถีพิถันในการจัดเรียงกราฟต์ผมให้เนียนสวย เพื่อให้แนวผมใหม่กับผมเก่ากลมกลืนดูเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ผิดทิศผิดทาง สามารถจัดแต่งทรงผมทุกสไตล์ได้อย่างมั่นใจเต็มที่


2
เพราะ “เทคนิค” ที่แตกต่าง เท่ากับผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ที่นามนิน คุณหมอพัฒนาเทคนิคการปลูกผมของนามนินขึ้น ภายใต้ชื่อ N /E /A /T  ซึ่งแต่ละตัวอักษร มีความหมายที่บ่งบอกถึงความชำนาญของคุณหมอและความโดดเด่นไม่เหมือนใครของแนวทางการปลูกผมที่นี่ 


หมายถึง ทักษะด้านการปลูกผมโดยเฉพาะของแพทย์ ซึ่งคุณหมอนินไม่เคยหยุดเติมเต็มความรู้ด้านการปลูกผมเพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวทันวิทยาการต่าง ๆ มากขึ้น ที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็ม

หมายถึง การออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Exclusive เฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนไข้แต่ละคนมีปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกัน การปลูกผมจึงไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ต้อง Tailor-made ให้ตอบโจทย์แต่ละคนได้ตรงจุดที่สุด

หมายถึงการปลูกผมที่คุณมั่นใจได้มีความพิถีพิถันในการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

​T 
หมายถึง เทคนิคการปลูกผมที่คุณหมอเลือกนำมาใช้ และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์ความงามและความสะดวกสบายของคนไข้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น
เทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า 
เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ทั้งยังซ่อนแผลได้เนียนกริบจนแทบไม่ต้องปกปิด 
เทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุกเส้น โดยคำนึงถึงขนาด ความหนาบาง ความโค้งของเส้นผม รวมถึงองศาและทิศทางการเรียงตัว เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งยังรวมถึงการเลือกนำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมชั้นนำจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ จนคุณไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถลุกขึ้นทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกทันที


3
ปลูกผมใหม่ ทำไมต้อง “ดูแล 1 ปีเต็ม”


การปลูกผมใหม่ อาจเป็นเหมือนทางลัดในการนำวิทยาการทางการแพทย์มาช่วยเติมเต็มผมให้หนาแน่นขึ้นได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม เส้นผมยังคงต้องเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนั่นหมายถึงระยะเวลา 18 เดือน ผมจึงจะขึ้นและงอกยาวอย่างสมบูรณ์

นามนินจึงออกแบบการดูแลติดตามผลต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม โดยคุณหมอจะให้คำแนะนำ และคอยตอบคำถามเพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ พร้อมทั้งนัดเข้ามาตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ ในระยะสำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม ซึ่งจะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตร
  • หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตเต็มที่

ที่สำคัญ นามนิคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลังปลูกให้เป็นพิเศษ เพื่อให้คนไข้สามารถกลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้ง่าย ๆ และแนะนำการรับประทานยาสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรม รวมถึงจัดเตรียมโปรแกรม Treatment เพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึกในช่วงระยะการเติบโตของเส้นผมที่เหมาะสม ได้แก่ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฟื้นฟูเซลล์รากผมด้วยการฉายแสงกระตุ้น และ PHB Treatment ที่ช่วยบำรุงผมจากภายในและวิตามินเข้มข้นสูตรของนามนิน

4
“ความคุ้มค่า” ที่คุณคู่ควร

สุดท้ายแล้ว ตัวเลขราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจปลูกผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากราคาแล้ว เราขอชวนให้คุณคำนึงถึง “ความคุ้มค่า” ด้วย เป็นต้นว่า บริการปลูกผมนี้ ดูแลโดยแพทย์และทีมสหวิชาชีพอย่างใกล้ชิดหรือไม่ แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ทุกกราฟต์หรือเปล่า ที่สำคัญ ปัญหาผมของเราเองอยู่ในระดับที่รุนแรงมากน้อยแค่ไหน และแนวทางการแก้ปัญหาจากคุณหมอ มีความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเราบนมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างไร

 
ทั้งหมดนี้ คือรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับการไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากคนเราสามารถปลูกผมได้ไม่เกิน 1 – 3 ครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของปัญหาผม และจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่มีจำกัดอย่างที่ได้อธิบายไปช่วงต้น ไม่เพียงเท่านั้น จุดละเอียดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เช่นการปักกราฟต์ผมแน่นชิดกันเกินไป อาจเป็นสาเหตุให้กราฟต์ผมหลุดได้ง่ายขึ้น หรือหากไม่มีความประณีตมากพอในการปักกราฟต์ผมตามทิศทางผมเดิม กว่าจะรู้ตัวว่าผมชี้ผิดทิศทางไม่เป็นธรรมชาติ ก็เมื่อผมยาวขึ้นประมาณหนึ่งแล้ว และจะไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าลองทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็ควรเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อให้เห็นทิศทางการรักษาที่ชัดเจนขึ้น และถือเป็นด่านสุดท้ายที่สำคัญจริง ๆ ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยปรับบุคลิกภาพ เสริมความมั่นใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

.

ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่
ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่

...จะตัดสินใจ “ปลูกผม” ดีมั้ย...
...อยาก “ปลูกผม” จะเริ่มต้นอย่างไรดี...

สำหรับใครที่กำลังหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ เราขอชวนมา “เริ่มต้น” เส้นทางสู่ผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น สุขภาพดีไปด้วยกัน คือเริ่มจากการทำความรู้จักกับการปลูกผมให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อให้พอเห็นภาพของขั้นตอนต่าง ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น และเข้าใจถึงข้อจำกัด รวมถึงปัจจัยที่จะทำให้การปลูกผมประสบความสำเร็จ ที่สำคัญ จะได้เห็นแนวทางว่า ทั้งเจ้าของเส้นผมและคุณหมอ จะทำงานร่วมกันในภารกิจการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ครั้งนี้อย่างไร 

แน่นอนว่าข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ หรือเลือกแนวทางการปลูกได้อย่างมั่นใจและตอบโจทย์มากขึ้น


1
“ปลูกผม” ปลูกอย่างไร?

อย่าเพิ่งถามคำถามข้อต่อไป ถ้าคุณยังไม่เข้าใจหลักการเบื้องต้นง่าย ๆ ของการปลูกผม เป็นต้นว่า การปลูกผมนั้นจะใช้ผมของเราเองจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย ย้ายมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา ...มาลองสำรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้กันอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจโจทย์ความท้าทายของการปลูกผมในคนไข้แต่ละเคสมากขึ้น และเข้าใจด้วยว่า ทำไมคุณจึงต้องการแพทย์ผู้คอยให้คำปรึกษาตั้งแต่ก้าวแรก


  • ต้องเป็นผมจากด้านหลังท้ายทอยเท่านั้น
เพราะผมด้านหลังท้ายทอย เป็นผมต้นทุนที่เรียกได้ว่าแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต้านฮอร์โมน DHT ที่ทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย ซึ่งแม้จะย้ายผมเหล่านี้ไปปลูกในพื้นที่ใหม่ แต่คุณสมบัติความแข็งแรงนี้จะยังอยู่กับเส้นผมไปจนตลอดชีวิต

  • ผมต้นทุนมีอยู่ในปริมาณที่จำกัด 
นี่เป็นโจทย์ข้อใหญ่ทีเดียว เพราะผมต้นทุนไม่ได้มีโปรโมชั่น unlimited ที่จะดึงออกมาใช้เท่าไหร่ก็ได้ไม่มีวันหมด และยิ่งอายุมากขึ้น ผมต้นทุนที่มีคุณภาพดีเพียงพอก็อาจมีจำนวนน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งแต่ละเคสก็มาด้วยระดับความรุนแรงของปัญหาที่ต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบาง บางคนเริ่มเข้าสู่ภาวะผมล้านและต้องการผมต้นทุนมาปลูกใหม่ในปริมาณที่มากกว่า ขณะที่ในบางเคส คุณหมออาจต้องช่วยวางแผนระยะยาวเผื่อในกรณีต้องนำผมต้นทุนมาปลูกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ด้วย

ดังนั้น การวิเคราะห์ผมต้นทุนจึงต้องผ่านการคำนวณเพื่อนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

  • 3 ขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย
ในห้องหัตถการนั้น ขั้นแรก หลังจากวิเคราะห์สภาพปัญหาและคำนวณปริมาณผมต้นทุนที่ต้องใช้แล้ว จะเป็นการเจาะนำกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยกราฟต์ผม หมายถึงกอผมที่มีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น 


และเมื่อได้กราฟต์ผมมาแล้ว จะต้องผ่านการตรวจสอบ คัดแยก ตัดแต่ง เพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสำหรับพื้นที่ปลูก เพราะบริเวณแนวไรผมต้องการผมเส้นเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณกลางศีรษะก็ต้องการผมเส้นใหญ่และหนากว่า จึงจะดูเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนสุดท้าย คือการนำกราฟต์ผมที่แช่น้ำยาคงสภาพไว้ มาปักลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ๆ โดยคุณหมอจะพิถีพิถันในการจัดเรียงกราฟต์ผมให้เนียนสวย เพื่อให้แนวผมใหม่กับผมเก่ากลมกลืนดูเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ผิดทิศผิดทาง สามารถจัดแต่งทรงผมทุกสไตล์ได้อย่างมั่นใจเต็มที่


2
เพราะ “เทคนิค” ที่แตกต่าง เท่ากับผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ที่นามนิน คุณหมอพัฒนาเทคนิคการปลูกผมของนามนินขึ้น ภายใต้ชื่อ N /E /A /T  ซึ่งแต่ละตัวอักษร มีความหมายที่บ่งบอกถึงความชำนาญของคุณหมอและความโดดเด่นไม่เหมือนใครของแนวทางการปลูกผมที่นี่ 


หมายถึง ทักษะด้านการปลูกผมโดยเฉพาะของแพทย์ ซึ่งคุณหมอนินไม่เคยหยุดเติมเต็มความรู้ด้านการปลูกผมเพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวทันวิทยาการต่าง ๆ มากขึ้น ที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็ม

หมายถึง การออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Exclusive เฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนไข้แต่ละคนมีปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกัน การปลูกผมจึงไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ต้อง Tailor-made ให้ตอบโจทย์แต่ละคนได้ตรงจุดที่สุด

หมายถึงการปลูกผมที่คุณมั่นใจได้มีความพิถีพิถันในการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

​T 
หมายถึง เทคนิคการปลูกผมที่คุณหมอเลือกนำมาใช้ และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์ความงามและความสะดวกสบายของคนไข้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น
เทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า 
เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ทั้งยังซ่อนแผลได้เนียนกริบจนแทบไม่ต้องปกปิด 
เทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุกเส้น โดยคำนึงถึงขนาด ความหนาบาง ความโค้งของเส้นผม รวมถึงองศาและทิศทางการเรียงตัว เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งยังรวมถึงการเลือกนำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมชั้นนำจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ จนคุณไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถลุกขึ้นทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกทันที


3
ปลูกผมใหม่ ทำไมต้อง “ดูแล 1 ปีเต็ม”


การปลูกผมใหม่ อาจเป็นเหมือนทางลัดในการนำวิทยาการทางการแพทย์มาช่วยเติมเต็มผมให้หนาแน่นขึ้นได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม เส้นผมยังคงต้องเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนั่นหมายถึงระยะเวลา 18 เดือน ผมจึงจะขึ้นและงอกยาวอย่างสมบูรณ์

นามนินจึงออกแบบการดูแลติดตามผลต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม โดยคุณหมอจะให้คำแนะนำ และคอยตอบคำถามเพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ พร้อมทั้งนัดเข้ามาตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ ในระยะสำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม ซึ่งจะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตร
  • หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตเต็มที่

ที่สำคัญ นามนิคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลังปลูกให้เป็นพิเศษ เพื่อให้คนไข้สามารถกลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้ง่าย ๆ และแนะนำการรับประทานยาสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรม รวมถึงจัดเตรียมโปรแกรม Treatment เพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึกในช่วงระยะการเติบโตของเส้นผมที่เหมาะสม ได้แก่ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฟื้นฟูเซลล์รากผมด้วยการฉายแสงกระตุ้น และ PHB Treatment ที่ช่วยบำรุงผมจากภายในและวิตามินเข้มข้นสูตรของนามนิน

4
“ความคุ้มค่า” ที่คุณคู่ควร

สุดท้ายแล้ว ตัวเลขราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจปลูกผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากราคาแล้ว เราขอชวนให้คุณคำนึงถึง “ความคุ้มค่า” ด้วย เป็นต้นว่า บริการปลูกผมนี้ ดูแลโดยแพทย์และทีมสหวิชาชีพอย่างใกล้ชิดหรือไม่ แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ทุกกราฟต์หรือเปล่า ที่สำคัญ ปัญหาผมของเราเองอยู่ในระดับที่รุนแรงมากน้อยแค่ไหน และแนวทางการแก้ปัญหาจากคุณหมอ มีความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเราบนมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างไร

 
ทั้งหมดนี้ คือรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับการไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากคนเราสามารถปลูกผมได้ไม่เกิน 1 – 3 ครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของปัญหาผม และจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่มีจำกัดอย่างที่ได้อธิบายไปช่วงต้น ไม่เพียงเท่านั้น จุดละเอียดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เช่นการปักกราฟต์ผมแน่นชิดกันเกินไป อาจเป็นสาเหตุให้กราฟต์ผมหลุดได้ง่ายขึ้น หรือหากไม่มีความประณีตมากพอในการปักกราฟต์ผมตามทิศทางผมเดิม กว่าจะรู้ตัวว่าผมชี้ผิดทิศทางไม่เป็นธรรมชาติ ก็เมื่อผมยาวขึ้นประมาณหนึ่งแล้ว และจะไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าลองทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็ควรเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อให้เห็นทิศทางการรักษาที่ชัดเจนขึ้น และถือเป็นด่านสุดท้ายที่สำคัญจริง ๆ ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยปรับบุคลิกภาพ เสริมความมั่นใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

.

ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่
ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่

...จะตัดสินใจ “ปลูกผม” ดีมั้ย...
...อยาก “ปลูกผม” จะเริ่มต้นอย่างไรดี...

สำหรับใครที่กำลังหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ เราขอชวนมา “เริ่มต้น” เส้นทางสู่ผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น สุขภาพดีไปด้วยกัน คือเริ่มจากการทำความรู้จักกับการปลูกผมให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อให้พอเห็นภาพของขั้นตอนต่าง ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น และเข้าใจถึงข้อจำกัด รวมถึงปัจจัยที่จะทำให้การปลูกผมประสบความสำเร็จ ที่สำคัญ จะได้เห็นแนวทางว่า ทั้งเจ้าของเส้นผมและคุณหมอ จะทำงานร่วมกันในภารกิจการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ครั้งนี้อย่างไร 

แน่นอนว่าข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ หรือเลือกแนวทางการปลูกได้อย่างมั่นใจและตอบโจทย์มากขึ้น


1
“ปลูกผม” ปลูกอย่างไร?

อย่าเพิ่งถามคำถามข้อต่อไป ถ้าคุณยังไม่เข้าใจหลักการเบื้องต้นง่าย ๆ ของการปลูกผม เป็นต้นว่า การปลูกผมนั้นจะใช้ผมของเราเองจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย ย้ายมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา ...มาลองสำรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้กันอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจโจทย์ความท้าทายของการปลูกผมในคนไข้แต่ละเคสมากขึ้น และเข้าใจด้วยว่า ทำไมคุณจึงต้องการแพทย์ผู้คอยให้คำปรึกษาตั้งแต่ก้าวแรก


  • ต้องเป็นผมจากด้านหลังท้ายทอยเท่านั้น
เพราะผมด้านหลังท้ายทอย เป็นผมต้นทุนที่เรียกได้ว่าแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต้านฮอร์โมน DHT ที่ทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย ซึ่งแม้จะย้ายผมเหล่านี้ไปปลูกในพื้นที่ใหม่ แต่คุณสมบัติความแข็งแรงนี้จะยังอยู่กับเส้นผมไปจนตลอดชีวิต

  • ผมต้นทุนมีอยู่ในปริมาณที่จำกัด 
นี่เป็นโจทย์ข้อใหญ่ทีเดียว เพราะผมต้นทุนไม่ได้มีโปรโมชั่น unlimited ที่จะดึงออกมาใช้เท่าไหร่ก็ได้ไม่มีวันหมด และยิ่งอายุมากขึ้น ผมต้นทุนที่มีคุณภาพดีเพียงพอก็อาจมีจำนวนน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งแต่ละเคสก็มาด้วยระดับความรุนแรงของปัญหาที่ต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบาง บางคนเริ่มเข้าสู่ภาวะผมล้านและต้องการผมต้นทุนมาปลูกใหม่ในปริมาณที่มากกว่า ขณะที่ในบางเคส คุณหมออาจต้องช่วยวางแผนระยะยาวเผื่อในกรณีต้องนำผมต้นทุนมาปลูกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ด้วย

ดังนั้น การวิเคราะห์ผมต้นทุนจึงต้องผ่านการคำนวณเพื่อนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

  • 3 ขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย
ในห้องหัตถการนั้น ขั้นแรก หลังจากวิเคราะห์สภาพปัญหาและคำนวณปริมาณผมต้นทุนที่ต้องใช้แล้ว จะเป็นการเจาะนำกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยกราฟต์ผม หมายถึงกอผมที่มีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น 


และเมื่อได้กราฟต์ผมมาแล้ว จะต้องผ่านการตรวจสอบ คัดแยก ตัดแต่ง เพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสำหรับพื้นที่ปลูก เพราะบริเวณแนวไรผมต้องการผมเส้นเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณกลางศีรษะก็ต้องการผมเส้นใหญ่และหนากว่า จึงจะดูเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนสุดท้าย คือการนำกราฟต์ผมที่แช่น้ำยาคงสภาพไว้ มาปักลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ๆ โดยคุณหมอจะพิถีพิถันในการจัดเรียงกราฟต์ผมให้เนียนสวย เพื่อให้แนวผมใหม่กับผมเก่ากลมกลืนดูเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ผิดทิศผิดทาง สามารถจัดแต่งทรงผมทุกสไตล์ได้อย่างมั่นใจเต็มที่


2
เพราะ “เทคนิค” ที่แตกต่าง เท่ากับผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ที่นามนิน คุณหมอพัฒนาเทคนิคการปลูกผมของนามนินขึ้น ภายใต้ชื่อ N /E /A /T  ซึ่งแต่ละตัวอักษร มีความหมายที่บ่งบอกถึงความชำนาญของคุณหมอและความโดดเด่นไม่เหมือนใครของแนวทางการปลูกผมที่นี่ 


หมายถึง ทักษะด้านการปลูกผมโดยเฉพาะของแพทย์ ซึ่งคุณหมอนินไม่เคยหยุดเติมเต็มความรู้ด้านการปลูกผมเพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวทันวิทยาการต่าง ๆ มากขึ้น ที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็ม

หมายถึง การออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Exclusive เฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนไข้แต่ละคนมีปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกัน การปลูกผมจึงไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ต้อง Tailor-made ให้ตอบโจทย์แต่ละคนได้ตรงจุดที่สุด

หมายถึงการปลูกผมที่คุณมั่นใจได้มีความพิถีพิถันในการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

​T 
หมายถึง เทคนิคการปลูกผมที่คุณหมอเลือกนำมาใช้ และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์ความงามและความสะดวกสบายของคนไข้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น
เทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า 
เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ทั้งยังซ่อนแผลได้เนียนกริบจนแทบไม่ต้องปกปิด 
เทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุกเส้น โดยคำนึงถึงขนาด ความหนาบาง ความโค้งของเส้นผม รวมถึงองศาและทิศทางการเรียงตัว เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งยังรวมถึงการเลือกนำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมชั้นนำจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ จนคุณไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถลุกขึ้นทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกทันที


3
ปลูกผมใหม่ ทำไมต้อง “ดูแล 1 ปีเต็ม”


การปลูกผมใหม่ อาจเป็นเหมือนทางลัดในการนำวิทยาการทางการแพทย์มาช่วยเติมเต็มผมให้หนาแน่นขึ้นได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม เส้นผมยังคงต้องเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนั่นหมายถึงระยะเวลา 18 เดือน ผมจึงจะขึ้นและงอกยาวอย่างสมบูรณ์

นามนินจึงออกแบบการดูแลติดตามผลต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม โดยคุณหมอจะให้คำแนะนำ และคอยตอบคำถามเพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ พร้อมทั้งนัดเข้ามาตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ ในระยะสำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม ซึ่งจะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตร
  • หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตเต็มที่

ที่สำคัญ นามนิคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลังปลูกให้เป็นพิเศษ เพื่อให้คนไข้สามารถกลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้ง่าย ๆ และแนะนำการรับประทานยาสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรม รวมถึงจัดเตรียมโปรแกรม Treatment เพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึกในช่วงระยะการเติบโตของเส้นผมที่เหมาะสม ได้แก่ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฟื้นฟูเซลล์รากผมด้วยการฉายแสงกระตุ้น และ PHB Treatment ที่ช่วยบำรุงผมจากภายในและวิตามินเข้มข้นสูตรของนามนิน

4
“ความคุ้มค่า” ที่คุณคู่ควร

สุดท้ายแล้ว ตัวเลขราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจปลูกผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากราคาแล้ว เราขอชวนให้คุณคำนึงถึง “ความคุ้มค่า” ด้วย เป็นต้นว่า บริการปลูกผมนี้ ดูแลโดยแพทย์และทีมสหวิชาชีพอย่างใกล้ชิดหรือไม่ แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ทุกกราฟต์หรือเปล่า ที่สำคัญ ปัญหาผมของเราเองอยู่ในระดับที่รุนแรงมากน้อยแค่ไหน และแนวทางการแก้ปัญหาจากคุณหมอ มีความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเราบนมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างไร

 
ทั้งหมดนี้ คือรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับการไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากคนเราสามารถปลูกผมได้ไม่เกิน 1 – 3 ครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของปัญหาผม และจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่มีจำกัดอย่างที่ได้อธิบายไปช่วงต้น ไม่เพียงเท่านั้น จุดละเอียดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เช่นการปักกราฟต์ผมแน่นชิดกันเกินไป อาจเป็นสาเหตุให้กราฟต์ผมหลุดได้ง่ายขึ้น หรือหากไม่มีความประณีตมากพอในการปักกราฟต์ผมตามทิศทางผมเดิม กว่าจะรู้ตัวว่าผมชี้ผิดทิศทางไม่เป็นธรรมชาติ ก็เมื่อผมยาวขึ้นประมาณหนึ่งแล้ว และจะไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าลองทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็ควรเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อให้เห็นทิศทางการรักษาที่ชัดเจนขึ้น และถือเป็นด่านสุดท้ายที่สำคัญจริง ๆ ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยปรับบุคลิกภาพ เสริมความมั่นใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

.

ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่
ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่

...จะตัดสินใจ “ปลูกผม” ดีมั้ย...
...อยาก “ปลูกผม” จะเริ่มต้นอย่างไรดี...

สำหรับใครที่กำลังหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ เราขอชวนมา “เริ่มต้น” เส้นทางสู่ผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น สุขภาพดีไปด้วยกัน คือเริ่มจากการทำความรู้จักกับการปลูกผมให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อให้พอเห็นภาพของขั้นตอนต่าง ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น และเข้าใจถึงข้อจำกัด รวมถึงปัจจัยที่จะทำให้การปลูกผมประสบความสำเร็จ ที่สำคัญ จะได้เห็นแนวทางว่า ทั้งเจ้าของเส้นผมและคุณหมอ จะทำงานร่วมกันในภารกิจการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ครั้งนี้อย่างไร 

แน่นอนว่าข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ หรือเลือกแนวทางการปลูกได้อย่างมั่นใจและตอบโจทย์มากขึ้น


1
“ปลูกผม” ปลูกอย่างไร?

อย่าเพิ่งถามคำถามข้อต่อไป ถ้าคุณยังไม่เข้าใจหลักการเบื้องต้นง่าย ๆ ของการปลูกผม เป็นต้นว่า การปลูกผมนั้นจะใช้ผมของเราเองจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย ย้ายมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา ...มาลองสำรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้กันอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจโจทย์ความท้าทายของการปลูกผมในคนไข้แต่ละเคสมากขึ้น และเข้าใจด้วยว่า ทำไมคุณจึงต้องการแพทย์ผู้คอยให้คำปรึกษาตั้งแต่ก้าวแรก


  • ต้องเป็นผมจากด้านหลังท้ายทอยเท่านั้น
เพราะผมด้านหลังท้ายทอย เป็นผมต้นทุนที่เรียกได้ว่าแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต้านฮอร์โมน DHT ที่ทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย ซึ่งแม้จะย้ายผมเหล่านี้ไปปลูกในพื้นที่ใหม่ แต่คุณสมบัติความแข็งแรงนี้จะยังอยู่กับเส้นผมไปจนตลอดชีวิต

  • ผมต้นทุนมีอยู่ในปริมาณที่จำกัด 
นี่เป็นโจทย์ข้อใหญ่ทีเดียว เพราะผมต้นทุนไม่ได้มีโปรโมชั่น unlimited ที่จะดึงออกมาใช้เท่าไหร่ก็ได้ไม่มีวันหมด และยิ่งอายุมากขึ้น ผมต้นทุนที่มีคุณภาพดีเพียงพอก็อาจมีจำนวนน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งแต่ละเคสก็มาด้วยระดับความรุนแรงของปัญหาที่ต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบาง บางคนเริ่มเข้าสู่ภาวะผมล้านและต้องการผมต้นทุนมาปลูกใหม่ในปริมาณที่มากกว่า ขณะที่ในบางเคส คุณหมออาจต้องช่วยวางแผนระยะยาวเผื่อในกรณีต้องนำผมต้นทุนมาปลูกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ด้วย

ดังนั้น การวิเคราะห์ผมต้นทุนจึงต้องผ่านการคำนวณเพื่อนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

  • 3 ขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย
ในห้องหัตถการนั้น ขั้นแรก หลังจากวิเคราะห์สภาพปัญหาและคำนวณปริมาณผมต้นทุนที่ต้องใช้แล้ว จะเป็นการเจาะนำกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยกราฟต์ผม หมายถึงกอผมที่มีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น 


และเมื่อได้กราฟต์ผมมาแล้ว จะต้องผ่านการตรวจสอบ คัดแยก ตัดแต่ง เพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสำหรับพื้นที่ปลูก เพราะบริเวณแนวไรผมต้องการผมเส้นเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณกลางศีรษะก็ต้องการผมเส้นใหญ่และหนากว่า จึงจะดูเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนสุดท้าย คือการนำกราฟต์ผมที่แช่น้ำยาคงสภาพไว้ มาปักลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ๆ โดยคุณหมอจะพิถีพิถันในการจัดเรียงกราฟต์ผมให้เนียนสวย เพื่อให้แนวผมใหม่กับผมเก่ากลมกลืนดูเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ผิดทิศผิดทาง สามารถจัดแต่งทรงผมทุกสไตล์ได้อย่างมั่นใจเต็มที่


2
เพราะ “เทคนิค” ที่แตกต่าง เท่ากับผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ที่นามนิน คุณหมอพัฒนาเทคนิคการปลูกผมของนามนินขึ้น ภายใต้ชื่อ N /E /A /T  ซึ่งแต่ละตัวอักษร มีความหมายที่บ่งบอกถึงความชำนาญของคุณหมอและความโดดเด่นไม่เหมือนใครของแนวทางการปลูกผมที่นี่ 


หมายถึง ทักษะด้านการปลูกผมโดยเฉพาะของแพทย์ ซึ่งคุณหมอนินไม่เคยหยุดเติมเต็มความรู้ด้านการปลูกผมเพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวทันวิทยาการต่าง ๆ มากขึ้น ที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็ม

หมายถึง การออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Exclusive เฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนไข้แต่ละคนมีปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกัน การปลูกผมจึงไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ต้อง Tailor-made ให้ตอบโจทย์แต่ละคนได้ตรงจุดที่สุด

หมายถึงการปลูกผมที่คุณมั่นใจได้มีความพิถีพิถันในการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

​T 
หมายถึง เทคนิคการปลูกผมที่คุณหมอเลือกนำมาใช้ และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์ความงามและความสะดวกสบายของคนไข้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น
เทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า 
เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ทั้งยังซ่อนแผลได้เนียนกริบจนแทบไม่ต้องปกปิด 
เทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุกเส้น โดยคำนึงถึงขนาด ความหนาบาง ความโค้งของเส้นผม รวมถึงองศาและทิศทางการเรียงตัว เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งยังรวมถึงการเลือกนำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมชั้นนำจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ จนคุณไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถลุกขึ้นทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกทันที


3
ปลูกผมใหม่ ทำไมต้อง “ดูแล 1 ปีเต็ม”


การปลูกผมใหม่ อาจเป็นเหมือนทางลัดในการนำวิทยาการทางการแพทย์มาช่วยเติมเต็มผมให้หนาแน่นขึ้นได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม เส้นผมยังคงต้องเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนั่นหมายถึงระยะเวลา 18 เดือน ผมจึงจะขึ้นและงอกยาวอย่างสมบูรณ์

นามนินจึงออกแบบการดูแลติดตามผลต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม โดยคุณหมอจะให้คำแนะนำ และคอยตอบคำถามเพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ พร้อมทั้งนัดเข้ามาตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ ในระยะสำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม ซึ่งจะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตร
  • หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตเต็มที่

ที่สำคัญ นามนิคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลังปลูกให้เป็นพิเศษ เพื่อให้คนไข้สามารถกลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้ง่าย ๆ และแนะนำการรับประทานยาสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรม รวมถึงจัดเตรียมโปรแกรม Treatment เพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึกในช่วงระยะการเติบโตของเส้นผมที่เหมาะสม ได้แก่ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฟื้นฟูเซลล์รากผมด้วยการฉายแสงกระตุ้น และ PHB Treatment ที่ช่วยบำรุงผมจากภายในและวิตามินเข้มข้นสูตรของนามนิน

4
“ความคุ้มค่า” ที่คุณคู่ควร

สุดท้ายแล้ว ตัวเลขราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจปลูกผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากราคาแล้ว เราขอชวนให้คุณคำนึงถึง “ความคุ้มค่า” ด้วย เป็นต้นว่า บริการปลูกผมนี้ ดูแลโดยแพทย์และทีมสหวิชาชีพอย่างใกล้ชิดหรือไม่ แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ทุกกราฟต์หรือเปล่า ที่สำคัญ ปัญหาผมของเราเองอยู่ในระดับที่รุนแรงมากน้อยแค่ไหน และแนวทางการแก้ปัญหาจากคุณหมอ มีความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเราบนมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างไร

 
ทั้งหมดนี้ คือรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับการไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากคนเราสามารถปลูกผมได้ไม่เกิน 1 – 3 ครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของปัญหาผม และจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่มีจำกัดอย่างที่ได้อธิบายไปช่วงต้น ไม่เพียงเท่านั้น จุดละเอียดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เช่นการปักกราฟต์ผมแน่นชิดกันเกินไป อาจเป็นสาเหตุให้กราฟต์ผมหลุดได้ง่ายขึ้น หรือหากไม่มีความประณีตมากพอในการปักกราฟต์ผมตามทิศทางผมเดิม กว่าจะรู้ตัวว่าผมชี้ผิดทิศทางไม่เป็นธรรมชาติ ก็เมื่อผมยาวขึ้นประมาณหนึ่งแล้ว และจะไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าลองทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็ควรเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อให้เห็นทิศทางการรักษาที่ชัดเจนขึ้น และถือเป็นด่านสุดท้ายที่สำคัญจริง ๆ ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยปรับบุคลิกภาพ เสริมความมั่นใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

.

“ผมบาง” รักษาจบ ครบทุกมิติ
ภาวะผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำให้หมดความมั่นใจในรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมถึงความอ่อนเยาว์ชวนมอง สาเหตุของปัญหาผมเหล่านี้ มีที่มาค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด พฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ การขาดสารอาหาร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง และตัวการสำคัญอย่าง “พันธุกรรม” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ที่พบได้มากถึงร้อยละ 90 จากบรรดาสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา

ที่นามนิน คนไข้สามารถเข้ามาพบและพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนในเบื้องต้น เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของภาวะผมร่วงและผมบางที่กำลังเผชิญอยู่ และสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง ครบทุกมิติการดูแลรักษาบนมาตรฐานการแพทย์ เป็นต้นว่า หากพบว่าโรคใดโรคหนึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาผม แพทย์จะแนะนำให้รักษาโรคก่อน เพื่อเป็นการชะลอหรือหยุดการหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติม จากนั้นจึงเริ่มแก้ไขปัญหาผมเพื่อเติมเต็มผมในจุดที่ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดีกว่าที่เคย

ทั้งนี้ นามนินขอนำเสนอโปรแกรมการรักษาที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของเส้นผมได้อย่างตรงจุด 


ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT
NEAT คือชื่อของเทคนิคที่แพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาขึ้น จนกลายเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความชำนาญด้านการปลูกผมของแพทย์ ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่คนไข้เองทุกกราฟต์ ด้วยความใส่ใจและละเอียดประณีตระดับเส้นต่อเส้น ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกันไปของคนไข้ เรียกได้ว่า เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ โดยทั้งหมดอยู่บนมาตรฐานคุณภาพระดับสากล ภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถันของแพทย์

ความโดดเด่นอีกข้อหนึ่ง ยังเป็นเรื่องของเทคนิคที่นามนินต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายและเป้าหมายความงามของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันได ที่สามารถซ่อนแผลได้เนียนกริบ และเทคนิคการปลูกผมแทรก ที่แพทย์จะคำนึงถึงขนาดและความหนาบางของเส้นผม ความโค้งของเส้นผม ในการเลือกกราฟต์ผมมาปักใหม่ และยังปักกราฟต์ผมให้ได้องศาและทิศทางที่เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม จนได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 


Premium Hair Booster Treatment
เป็นนวัตกรรมบำรุงผมชั้นลึก ที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาภาวะผมบางอยู่ในระยะเริ่มต้น อาศัยพลังการฟื้นฟูดูแลจาก Exosome สารชีวโมเลกุลจากสเต็มเซลล์ที่มีขนาดเล็กระดับนาโน จึงตรงเข้าบูสต์เซลล์ผมให้เกิดการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ผสานพลังกันกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม เพื่อช่วยลดอาการผมร่วง และเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผมจากภายใน คนไข้ยังสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ผมสวยและหนาแน่นขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก 

Hair Growth Treatment
อีกหนึ่งนวัตกรรมฟื้นคืนวงจรชีวิตเส้นผมถึงระดับเซลล์ พร้อมการันตีความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor จากเกล็ดเลือดที่เก็บจากตัวผู้เข้ารับบริการเอง โดยนำเลือดที่เก็บจากข้อพับแขน มาแยกชั้นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร ตลอดขั้นตอนการให้บริการจะไม่มีการเติมสารเคมีใด ๆ และไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด เพราะแพทย์จะฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น ที่เสริมด้วยวิตามินมากคุณประโยชน์ เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง แล้วปล่อยให้ Growth Factor และวิตามิน จับมือกันทำงานในการตรงเข้าบำรุงหนังศีรษะ ซ่อมแซมและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง พร้อมกระตุ้นเซลล์รากผมให้สร้างเส้นผมใหม่ที่จะไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป


ทั้ง Premium Hair Booster Treatment และ Hair Growth Treatment นับเป็นส่วนหนึ่งของ Namnin Anti Thinning Hair Program หรือโปรแกรมเพื่อการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงและผมบาง ที่นามนินออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับบริการในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการเข้ารับการปลูกผม ก็สามารถรับมือกับปัญหาผมร่วงและผมบางด้วย Treatment เหล่านี้อย่างได้ผลเช่นกัน

ที่สำคัญ แผนการรักษาเหล่านี้ จะเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์ผู้ชำนาญกับคนไข้เจ้าของเส้นผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบสนองความต้องการของคนไข้ได้อย่างตรงจุดตรงใจ และตอบโจทย์การรักษาตามมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ



“ผมบาง” รักษาจบ ครบทุกมิติ
ภาวะผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำให้หมดความมั่นใจในรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมถึงความอ่อนเยาว์ชวนมอง สาเหตุของปัญหาผมเหล่านี้ มีที่มาค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด พฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ การขาดสารอาหาร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง และตัวการสำคัญอย่าง “พันธุกรรม” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ที่พบได้มากถึงร้อยละ 90 จากบรรดาสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา

ที่นามนิน คนไข้สามารถเข้ามาพบและพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนในเบื้องต้น เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของภาวะผมร่วงและผมบางที่กำลังเผชิญอยู่ และสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง ครบทุกมิติการดูแลรักษาบนมาตรฐานการแพทย์ เป็นต้นว่า หากพบว่าโรคใดโรคหนึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาผม แพทย์จะแนะนำให้รักษาโรคก่อน เพื่อเป็นการชะลอหรือหยุดการหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติม จากนั้นจึงเริ่มแก้ไขปัญหาผมเพื่อเติมเต็มผมในจุดที่ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดีกว่าที่เคย

ทั้งนี้ นามนินขอนำเสนอโปรแกรมการรักษาที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของเส้นผมได้อย่างตรงจุด 


ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT
NEAT คือชื่อของเทคนิคที่แพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาขึ้น จนกลายเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความชำนาญด้านการปลูกผมของแพทย์ ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่คนไข้เองทุกกราฟต์ ด้วยความใส่ใจและละเอียดประณีตระดับเส้นต่อเส้น ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกันไปของคนไข้ เรียกได้ว่า เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ โดยทั้งหมดอยู่บนมาตรฐานคุณภาพระดับสากล ภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถันของแพทย์

ความโดดเด่นอีกข้อหนึ่ง ยังเป็นเรื่องของเทคนิคที่นามนินต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายและเป้าหมายความงามของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันได ที่สามารถซ่อนแผลได้เนียนกริบ และเทคนิคการปลูกผมแทรก ที่แพทย์จะคำนึงถึงขนาดและความหนาบางของเส้นผม ความโค้งของเส้นผม ในการเลือกกราฟต์ผมมาปักใหม่ และยังปักกราฟต์ผมให้ได้องศาและทิศทางที่เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม จนได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 


Premium Hair Booster Treatment
เป็นนวัตกรรมบำรุงผมชั้นลึก ที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาภาวะผมบางอยู่ในระยะเริ่มต้น อาศัยพลังการฟื้นฟูดูแลจาก Exosome สารชีวโมเลกุลจากสเต็มเซลล์ที่มีขนาดเล็กระดับนาโน จึงตรงเข้าบูสต์เซลล์ผมให้เกิดการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ผสานพลังกันกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม เพื่อช่วยลดอาการผมร่วง และเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผมจากภายใน คนไข้ยังสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ผมสวยและหนาแน่นขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก 

Hair Growth Treatment
อีกหนึ่งนวัตกรรมฟื้นคืนวงจรชีวิตเส้นผมถึงระดับเซลล์ พร้อมการันตีความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor จากเกล็ดเลือดที่เก็บจากตัวผู้เข้ารับบริการเอง โดยนำเลือดที่เก็บจากข้อพับแขน มาแยกชั้นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร ตลอดขั้นตอนการให้บริการจะไม่มีการเติมสารเคมีใด ๆ และไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด เพราะแพทย์จะฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น ที่เสริมด้วยวิตามินมากคุณประโยชน์ เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง แล้วปล่อยให้ Growth Factor และวิตามิน จับมือกันทำงานในการตรงเข้าบำรุงหนังศีรษะ ซ่อมแซมและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง พร้อมกระตุ้นเซลล์รากผมให้สร้างเส้นผมใหม่ที่จะไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป


ทั้ง Premium Hair Booster Treatment และ Hair Growth Treatment นับเป็นส่วนหนึ่งของ Namnin Anti Thinning Hair Program หรือโปรแกรมเพื่อการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงและผมบาง ที่นามนินออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับบริการในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการเข้ารับการปลูกผม ก็สามารถรับมือกับปัญหาผมร่วงและผมบางด้วย Treatment เหล่านี้อย่างได้ผลเช่นกัน

ที่สำคัญ แผนการรักษาเหล่านี้ จะเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์ผู้ชำนาญกับคนไข้เจ้าของเส้นผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบสนองความต้องการของคนไข้ได้อย่างตรงจุดตรงใจ และตอบโจทย์การรักษาตามมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ



“ผมบาง” รักษาจบ ครบทุกมิติ
ภาวะผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำให้หมดความมั่นใจในรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมถึงความอ่อนเยาว์ชวนมอง สาเหตุของปัญหาผมเหล่านี้ มีที่มาค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด พฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ การขาดสารอาหาร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง และตัวการสำคัญอย่าง “พันธุกรรม” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ที่พบได้มากถึงร้อยละ 90 จากบรรดาสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา

ที่นามนิน คนไข้สามารถเข้ามาพบและพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนในเบื้องต้น เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของภาวะผมร่วงและผมบางที่กำลังเผชิญอยู่ และสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง ครบทุกมิติการดูแลรักษาบนมาตรฐานการแพทย์ เป็นต้นว่า หากพบว่าโรคใดโรคหนึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาผม แพทย์จะแนะนำให้รักษาโรคก่อน เพื่อเป็นการชะลอหรือหยุดการหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติม จากนั้นจึงเริ่มแก้ไขปัญหาผมเพื่อเติมเต็มผมในจุดที่ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดีกว่าที่เคย

ทั้งนี้ นามนินขอนำเสนอโปรแกรมการรักษาที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของเส้นผมได้อย่างตรงจุด 


ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT
NEAT คือชื่อของเทคนิคที่แพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาขึ้น จนกลายเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความชำนาญด้านการปลูกผมของแพทย์ ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่คนไข้เองทุกกราฟต์ ด้วยความใส่ใจและละเอียดประณีตระดับเส้นต่อเส้น ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกันไปของคนไข้ เรียกได้ว่า เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ โดยทั้งหมดอยู่บนมาตรฐานคุณภาพระดับสากล ภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถันของแพทย์

ความโดดเด่นอีกข้อหนึ่ง ยังเป็นเรื่องของเทคนิคที่นามนินต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายและเป้าหมายความงามของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันได ที่สามารถซ่อนแผลได้เนียนกริบ และเทคนิคการปลูกผมแทรก ที่แพทย์จะคำนึงถึงขนาดและความหนาบางของเส้นผม ความโค้งของเส้นผม ในการเลือกกราฟต์ผมมาปักใหม่ และยังปักกราฟต์ผมให้ได้องศาและทิศทางที่เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม จนได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 


Premium Hair Booster Treatment
เป็นนวัตกรรมบำรุงผมชั้นลึก ที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาภาวะผมบางอยู่ในระยะเริ่มต้น อาศัยพลังการฟื้นฟูดูแลจาก Exosome สารชีวโมเลกุลจากสเต็มเซลล์ที่มีขนาดเล็กระดับนาโน จึงตรงเข้าบูสต์เซลล์ผมให้เกิดการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ผสานพลังกันกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม เพื่อช่วยลดอาการผมร่วง และเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผมจากภายใน คนไข้ยังสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ผมสวยและหนาแน่นขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก 

Hair Growth Treatment
อีกหนึ่งนวัตกรรมฟื้นคืนวงจรชีวิตเส้นผมถึงระดับเซลล์ พร้อมการันตีความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor จากเกล็ดเลือดที่เก็บจากตัวผู้เข้ารับบริการเอง โดยนำเลือดที่เก็บจากข้อพับแขน มาแยกชั้นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร ตลอดขั้นตอนการให้บริการจะไม่มีการเติมสารเคมีใด ๆ และไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด เพราะแพทย์จะฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น ที่เสริมด้วยวิตามินมากคุณประโยชน์ เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง แล้วปล่อยให้ Growth Factor และวิตามิน จับมือกันทำงานในการตรงเข้าบำรุงหนังศีรษะ ซ่อมแซมและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง พร้อมกระตุ้นเซลล์รากผมให้สร้างเส้นผมใหม่ที่จะไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป


ทั้ง Premium Hair Booster Treatment และ Hair Growth Treatment นับเป็นส่วนหนึ่งของ Namnin Anti Thinning Hair Program หรือโปรแกรมเพื่อการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงและผมบาง ที่นามนินออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับบริการในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการเข้ารับการปลูกผม ก็สามารถรับมือกับปัญหาผมร่วงและผมบางด้วย Treatment เหล่านี้อย่างได้ผลเช่นกัน

ที่สำคัญ แผนการรักษาเหล่านี้ จะเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์ผู้ชำนาญกับคนไข้เจ้าของเส้นผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบสนองความต้องการของคนไข้ได้อย่างตรงจุดตรงใจ และตอบโจทย์การรักษาตามมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ



“ผมบาง” รักษาจบ ครบทุกมิติ
ภาวะผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำให้หมดความมั่นใจในรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมถึงความอ่อนเยาว์ชวนมอง สาเหตุของปัญหาผมเหล่านี้ มีที่มาค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด พฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ การขาดสารอาหาร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง และตัวการสำคัญอย่าง “พันธุกรรม” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ที่พบได้มากถึงร้อยละ 90 จากบรรดาสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา

ที่นามนิน คนไข้สามารถเข้ามาพบและพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนในเบื้องต้น เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของภาวะผมร่วงและผมบางที่กำลังเผชิญอยู่ และสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง ครบทุกมิติการดูแลรักษาบนมาตรฐานการแพทย์ เป็นต้นว่า หากพบว่าโรคใดโรคหนึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาผม แพทย์จะแนะนำให้รักษาโรคก่อน เพื่อเป็นการชะลอหรือหยุดการหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติม จากนั้นจึงเริ่มแก้ไขปัญหาผมเพื่อเติมเต็มผมในจุดที่ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดีกว่าที่เคย

ทั้งนี้ นามนินขอนำเสนอโปรแกรมการรักษาที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของเส้นผมได้อย่างตรงจุด 


ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT
NEAT คือชื่อของเทคนิคที่แพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาขึ้น จนกลายเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความชำนาญด้านการปลูกผมของแพทย์ ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่คนไข้เองทุกกราฟต์ ด้วยความใส่ใจและละเอียดประณีตระดับเส้นต่อเส้น ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกันไปของคนไข้ เรียกได้ว่า เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ โดยทั้งหมดอยู่บนมาตรฐานคุณภาพระดับสากล ภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถันของแพทย์

ความโดดเด่นอีกข้อหนึ่ง ยังเป็นเรื่องของเทคนิคที่นามนินต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายและเป้าหมายความงามของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันได ที่สามารถซ่อนแผลได้เนียนกริบ และเทคนิคการปลูกผมแทรก ที่แพทย์จะคำนึงถึงขนาดและความหนาบางของเส้นผม ความโค้งของเส้นผม ในการเลือกกราฟต์ผมมาปักใหม่ และยังปักกราฟต์ผมให้ได้องศาและทิศทางที่เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม จนได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 


Premium Hair Booster Treatment
เป็นนวัตกรรมบำรุงผมชั้นลึก ที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาภาวะผมบางอยู่ในระยะเริ่มต้น อาศัยพลังการฟื้นฟูดูแลจาก Exosome สารชีวโมเลกุลจากสเต็มเซลล์ที่มีขนาดเล็กระดับนาโน จึงตรงเข้าบูสต์เซลล์ผมให้เกิดการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ผสานพลังกันกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม เพื่อช่วยลดอาการผมร่วง และเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผมจากภายใน คนไข้ยังสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ผมสวยและหนาแน่นขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก 

Hair Growth Treatment
อีกหนึ่งนวัตกรรมฟื้นคืนวงจรชีวิตเส้นผมถึงระดับเซลล์ พร้อมการันตีความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor จากเกล็ดเลือดที่เก็บจากตัวผู้เข้ารับบริการเอง โดยนำเลือดที่เก็บจากข้อพับแขน มาแยกชั้นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร ตลอดขั้นตอนการให้บริการจะไม่มีการเติมสารเคมีใด ๆ และไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด เพราะแพทย์จะฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น ที่เสริมด้วยวิตามินมากคุณประโยชน์ เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง แล้วปล่อยให้ Growth Factor และวิตามิน จับมือกันทำงานในการตรงเข้าบำรุงหนังศีรษะ ซ่อมแซมและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง พร้อมกระตุ้นเซลล์รากผมให้สร้างเส้นผมใหม่ที่จะไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป


ทั้ง Premium Hair Booster Treatment และ Hair Growth Treatment นับเป็นส่วนหนึ่งของ Namnin Anti Thinning Hair Program หรือโปรแกรมเพื่อการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงและผมบาง ที่นามนินออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับบริการในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการเข้ารับการปลูกผม ก็สามารถรับมือกับปัญหาผมร่วงและผมบางด้วย Treatment เหล่านี้อย่างได้ผลเช่นกัน

ที่สำคัญ แผนการรักษาเหล่านี้ จะเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์ผู้ชำนาญกับคนไข้เจ้าของเส้นผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบสนองความต้องการของคนไข้ได้อย่างตรงจุดตรงใจ และตอบโจทย์การรักษาตามมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ



เตรียมเส้นผม รับหน้าร้อน
“เรากำลังเข้าสู่ฤดูร้อน(ที่สุด)” เตรียมตัวรับมือกับแสงแดดที่เจิดจ้ากันหรือยังคะ ถึงเราจะพยายามหลบเลี่ยงขนาดไหน เจ้ารังสี UV ที่เข้มข้นกว่าปกติในหน้าร้อนก็ยังส่งผลกระทบกับเส้นผมของเราได้อยู่ดีค่ะ 

รังสี UVA จะทำลายเม็ดสีเมลานิน หากตากแดดนานๆ เป็นประจำ สีผมจะจางลง ส่วนรังสี UVB จะทำลายโปรตีนในเส้นผมและทำลายลึกถึงรากผม ทำให้เส้นผมอ่อนแอ หยาบกระด้าง เปราะ หักและหลุดร่วงง่ายขึ้น ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ทางที่ดีที่สุด ก็มาเตรียมเส้นผมให้แข็งแรงพร้อมรับหน้าร้อนกันเถอะค่ะ


เริ่มจาก เช็คผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ใช้อยู่ว่าสามารถปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ได้หรือไม่ เพราะเส้นผมต้องแข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อต่อสู้กับแสงแดด ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยและมีคุณสมบัติช่วยให้รากผมแข็งแรงขึ้น ซึ่ง “MOJELIM ELIXIR SHAMPOO” จากนามนิน มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง นุ่มสลวยขึ้น ลดการหลุดร่วง และยังให้ความรู้สึกสะอาด สดชื่นเป็นพิเศษหลังการสระผมอีกด้วย จะร้อน เหนอะหนะแค่ไหน ก็เอาอยู่ค่ะ และผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่เป็นมาตรฐานแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic agent มั่นใจ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แน่นอน


อีกหนึ่ง Item สำหรับหน้าร้อนที่แนะนำคือ Elixir Hair Serum เซรั่มบำรุงเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยอาจารย์หมอนิน ส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี มะกรูด ฯลฯ จึงช่วยเสริมความแข็งแรงได้ถึงรากผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะที่มักจะมาพร้อมเหงื่อที่มากขึ้นได้ด้วยค่ะ


เสริมความแข็งแรงให้เส้นผมอีกระดับด้วยทรีทเม้นท์ที่ตรงเข้าบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึก อาทิ Hair Growth Treatment ที่เน้นกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมด้วยการฉีด Growth Factor ที่สกัดมาจากเซลล์ของตัวคุณเอง ผสานกับวิตามินเข้มข้นลงบนหนังศีรษะ เพื่อให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น หรือจะเป็น Premium Hair Booster การฉีดสารสกัดที่มีสารชีวโมเลกุลโปรตีนกว่าร้อยชนิดลงบนหนังศีรษะ เพื่อบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ในรากผม ลดการหลุดร่วง ช่วยให้เส้นผมดกดำและเงางามขึ้น


แต่หากใครเป็นสายสปาหรืออโรมาแบบเบาๆ แนะนำตัวนี้ค่ะ Namnin Hair Spa ที่เป็นลูกผสมระหว่าง “ทรีทเม้นท์” กับ “สปา” ที่นามนินได้นำศาสตร์การนวดมากระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ และบำรุงเส้นผมโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะเพื่อการดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม ในช่วงเวลา 60 นาทีของการทำทรีทเม้นท์นั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความผ่อนคลายและได้ดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นไปพร้อมๆกันด้วยค่ะ

ไม่ว่าแสงแดดหน้าร้อนนี้จะรุนแรงขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัวแล้วค่ะ ถ้าผมแข็งแรงตั้งแต่รากจรดปลาย อะไรก็ทำอันตรายเส้นผมคุณไม่ได้ และสำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง ผมแห้งกระด้าง หรือผมไม่นุ่มสลวยเงางาม นามนิน คลินิก ก็ยินดีให้คำปรึกษาและออกแบบการดูแลที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคลค่ะ
รีบทักนามนิน เพื่อผมสุดสตรองในหน้าร้อนนี้นะคะ 

เตรียมเส้นผม รับหน้าร้อน
“เรากำลังเข้าสู่ฤดูร้อน(ที่สุด)” เตรียมตัวรับมือกับแสงแดดที่เจิดจ้ากันหรือยังคะ ถึงเราจะพยายามหลบเลี่ยงขนาดไหน เจ้ารังสี UV ที่เข้มข้นกว่าปกติในหน้าร้อนก็ยังส่งผลกระทบกับเส้นผมของเราได้อยู่ดีค่ะ 

รังสี UVA จะทำลายเม็ดสีเมลานิน หากตากแดดนานๆ เป็นประจำ สีผมจะจางลง ส่วนรังสี UVB จะทำลายโปรตีนในเส้นผมและทำลายลึกถึงรากผม ทำให้เส้นผมอ่อนแอ หยาบกระด้าง เปราะ หักและหลุดร่วงง่ายขึ้น ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ทางที่ดีที่สุด ก็มาเตรียมเส้นผมให้แข็งแรงพร้อมรับหน้าร้อนกันเถอะค่ะ


เริ่มจาก เช็คผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ใช้อยู่ว่าสามารถปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ได้หรือไม่ เพราะเส้นผมต้องแข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อต่อสู้กับแสงแดด ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยและมีคุณสมบัติช่วยให้รากผมแข็งแรงขึ้น ซึ่ง “MOJELIM ELIXIR SHAMPOO” จากนามนิน มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง นุ่มสลวยขึ้น ลดการหลุดร่วง และยังให้ความรู้สึกสะอาด สดชื่นเป็นพิเศษหลังการสระผมอีกด้วย จะร้อน เหนอะหนะแค่ไหน ก็เอาอยู่ค่ะ และผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่เป็นมาตรฐานแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic agent มั่นใจ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แน่นอน


อีกหนึ่ง Item สำหรับหน้าร้อนที่แนะนำคือ Elixir Hair Serum เซรั่มบำรุงเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยอาจารย์หมอนิน ส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี มะกรูด ฯลฯ จึงช่วยเสริมความแข็งแรงได้ถึงรากผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะที่มักจะมาพร้อมเหงื่อที่มากขึ้นได้ด้วยค่ะ


เสริมความแข็งแรงให้เส้นผมอีกระดับด้วยทรีทเม้นท์ที่ตรงเข้าบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึก อาทิ Hair Growth Treatment ที่เน้นกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมด้วยการฉีด Growth Factor ที่สกัดมาจากเซลล์ของตัวคุณเอง ผสานกับวิตามินเข้มข้นลงบนหนังศีรษะ เพื่อให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น หรือจะเป็น Premium Hair Booster การฉีดสารสกัดที่มีสารชีวโมเลกุลโปรตีนกว่าร้อยชนิดลงบนหนังศีรษะ เพื่อบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ในรากผม ลดการหลุดร่วง ช่วยให้เส้นผมดกดำและเงางามขึ้น


แต่หากใครเป็นสายสปาหรืออโรมาแบบเบาๆ แนะนำตัวนี้ค่ะ Namnin Hair Spa ที่เป็นลูกผสมระหว่าง “ทรีทเม้นท์” กับ “สปา” ที่นามนินได้นำศาสตร์การนวดมากระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ และบำรุงเส้นผมโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะเพื่อการดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม ในช่วงเวลา 60 นาทีของการทำทรีทเม้นท์นั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความผ่อนคลายและได้ดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นไปพร้อมๆกันด้วยค่ะ

ไม่ว่าแสงแดดหน้าร้อนนี้จะรุนแรงขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัวแล้วค่ะ ถ้าผมแข็งแรงตั้งแต่รากจรดปลาย อะไรก็ทำอันตรายเส้นผมคุณไม่ได้ และสำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง ผมแห้งกระด้าง หรือผมไม่นุ่มสลวยเงางาม นามนิน คลินิก ก็ยินดีให้คำปรึกษาและออกแบบการดูแลที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคลค่ะ
รีบทักนามนิน เพื่อผมสุดสตรองในหน้าร้อนนี้นะคะ 

เตรียมเส้นผม รับหน้าร้อน
“เรากำลังเข้าสู่ฤดูร้อน(ที่สุด)” เตรียมตัวรับมือกับแสงแดดที่เจิดจ้ากันหรือยังคะ ถึงเราจะพยายามหลบเลี่ยงขนาดไหน เจ้ารังสี UV ที่เข้มข้นกว่าปกติในหน้าร้อนก็ยังส่งผลกระทบกับเส้นผมของเราได้อยู่ดีค่ะ 

รังสี UVA จะทำลายเม็ดสีเมลานิน หากตากแดดนานๆ เป็นประจำ สีผมจะจางลง ส่วนรังสี UVB จะทำลายโปรตีนในเส้นผมและทำลายลึกถึงรากผม ทำให้เส้นผมอ่อนแอ หยาบกระด้าง เปราะ หักและหลุดร่วงง่ายขึ้น ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ทางที่ดีที่สุด ก็มาเตรียมเส้นผมให้แข็งแรงพร้อมรับหน้าร้อนกันเถอะค่ะ


เริ่มจาก เช็คผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ใช้อยู่ว่าสามารถปกป้องเส้นผมจากรังสี UV ได้หรือไม่ เพราะเส้นผมต้องแข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อต่อสู้กับแสงแดด ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยและมีคุณสมบัติช่วยให้รากผมแข็งแรงขึ้น ซึ่ง “MOJELIM ELIXIR SHAMPOO” จากนามนิน มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง นุ่มสลวยขึ้น ลดการหลุดร่วง และยังให้ความรู้สึกสะอาด สดชื่นเป็นพิเศษหลังการสระผมอีกด้วย จะร้อน เหนอะหนะแค่ไหน ก็เอาอยู่ค่ะ และผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่เป็นมาตรฐานแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic agent มั่นใจ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แน่นอน


อีกหนึ่ง Item สำหรับหน้าร้อนที่แนะนำคือ Elixir Hair Serum เซรั่มบำรุงเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยอาจารย์หมอนิน ส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น สารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี มะกรูด ฯลฯ จึงช่วยเสริมความแข็งแรงได้ถึงรากผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะที่มักจะมาพร้อมเหงื่อที่มากขึ้นได้ด้วยค่ะ


เสริมความแข็งแรงให้เส้นผมอีกระดับด้วยทรีทเม้นท์ที่ตรงเข้าบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึก อาทิ Hair Growth Treatment ที่เน้นกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมด้วยการฉีด Growth Factor ที่สกัดมาจากเซลล์ของตัวคุณเอง ผสานกับวิตามินเข้มข้นลงบนหนังศีรษะ เพื่อให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น หรือจะเป็น Premium Hair Booster การฉีดสารสกัดที่มีสารชีวโมเลกุลโปรตีนกว่าร้อยชนิดลงบนหนังศีรษะ เพื่อบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ในรากผม ลดการหลุดร่วง ช่วยให้เส้นผมดกดำและเงางามขึ้น


แต่หากใครเป็นสายสปาหรืออโรมาแบบเบาๆ แนะนำตัวนี้ค่ะ Namnin Hair Spa ที่เป็นลูกผสมระหว่าง “ทรีทเม้นท์” กับ “สปา” ที่นามนินได้นำศาสตร์การนวดมากระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ และบำรุงเส้นผมโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาโดยเฉพาะเพื่อการดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม ในช่วงเวลา 60 นาทีของการทำทรีทเม้นท์นั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความผ่อนคลายและได้ดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นไปพร้อมๆกันด้วยค่ะ

ไม่ว่าแสงแดดหน้าร้อนนี้จะรุนแรงขนาดไหนก็ไม่ต้องกลัวแล้วค่ะ ถ้าผมแข็งแรงตั้งแต่รากจรดปลาย อะไรก็ทำอันตรายเส้นผมคุณไม่ได้ และสำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง ผมแห้งกระด้าง หรือผมไม่นุ่มสลวยเงางาม นามนิน คลินิก ก็ยินดีให้คำปรึกษาและออกแบบการดูแลที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคลค่ะ
รีบทักนามนิน เพื่อผมสุดสตรองในหน้าร้อนนี้นะคะ 

เส้นผมสวย ชีวิตเปล่งประกาย
“เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่งของร่างกาย เพราะเส้นผมสามารถบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ ตัวตน จนไปถึงสไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ชัดเจนไม่ต่างไปจากเสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่ในแต่ละวัน

   โดยเฉพาะในผู้หญิง ที่จะมีความผูกพันกับเส้นผมอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ช่วงอายุ 8-11 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้การเข้าสู่สังคม เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนและผู้คนรอบตัว สิ่งแรกๆ ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคือ การใส่ใจที่จะดูแลตัวเองทั้งด้านความสะอาดและความสวยงาม เช่น การแต่งกายและทรงผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความมั่นใจเป็นอย่างมาก เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ในหลายๆ ครั้ง “เส้นผม” ก็สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดีกว่าคำพูด การไว้ผมยาว ตัดผมสั้น ดัดผม ทำสีผม หรือแม้แต่การเลือกทำผมทรงต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีความหมายและมีตัวตนซ่อนอยู่ในนั้น

       “นามนิน คลินิก” โดย พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงไร จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมที่จะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง จนบั่นทอนสภาพจิตใจ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

       การปลูกผมเทคนิค NEAT คือจุดที่ศาสตร์และศิลป์มาบรรจบกันอย่างลงตัว เริ่มที่แพทย์จะประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่โดยใช้หลัก Golden Ratio “สัดส่วนทองคำ” ในการออกแบบ เพื่อให้กรอบหน้าใหม่นั้นรับกับสัดส่วนของใบหน้าที่สุด
เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้มั่นใจว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะเป็นไปอย่างที่คาดหวัง แพทย์จึงเป็นผู้ปลูกผมทุกกราฟต์ให้ด้วยตัวเอง คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละเส้นโดยวิเคราะห์ทั้งความหนาแน่นและทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นตัวกำหนดว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากเป็นการปลูกผม NEAT ของนามนิน ที่เป็นจุดศูนย์รวมของเทคนิคโดดเด่น เครื่องมือทันสมัย และฝีมือการปลูกผมระดับอาจารย์แพทย์ ก็มั่นใจได้ว่า เส้นผมใหม่นั้นจะสวยงาม สมบูรณ์ คุ้มค่าการรอคอยแน่นอน

       รักตัวเองก็ต้องดูแลความรู้สึกตัวเอง อย่าปล่อยให้ปัญหาเส้นผมบั่นทอนจิตใจ ในเมื่อมี “นามนิน” ที่พร้อมจะเติมเต็มความมั่นใจกลับคืนให้คุณอยู่เสมอ What are you waiting for? มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “เส้นผม” เพราะ NEAT จะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตตามมาอีกมากมายค่ะ

เส้นผมสวย ชีวิตเปล่งประกาย
“เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่งของร่างกาย เพราะเส้นผมสามารถบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ ตัวตน จนไปถึงสไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ชัดเจนไม่ต่างไปจากเสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่ในแต่ละวัน

   โดยเฉพาะในผู้หญิง ที่จะมีความผูกพันกับเส้นผมอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ช่วงอายุ 8-11 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้การเข้าสู่สังคม เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนและผู้คนรอบตัว สิ่งแรกๆ ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคือ การใส่ใจที่จะดูแลตัวเองทั้งด้านความสะอาดและความสวยงาม เช่น การแต่งกายและทรงผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความมั่นใจเป็นอย่างมาก เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ในหลายๆ ครั้ง “เส้นผม” ก็สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดีกว่าคำพูด การไว้ผมยาว ตัดผมสั้น ดัดผม ทำสีผม หรือแม้แต่การเลือกทำผมทรงต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีความหมายและมีตัวตนซ่อนอยู่ในนั้น

       “นามนิน คลินิก” โดย พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงไร จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมที่จะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง จนบั่นทอนสภาพจิตใจ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

       การปลูกผมเทคนิค NEAT คือจุดที่ศาสตร์และศิลป์มาบรรจบกันอย่างลงตัว เริ่มที่แพทย์จะประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่โดยใช้หลัก Golden Ratio “สัดส่วนทองคำ” ในการออกแบบ เพื่อให้กรอบหน้าใหม่นั้นรับกับสัดส่วนของใบหน้าที่สุด
เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้มั่นใจว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะเป็นไปอย่างที่คาดหวัง แพทย์จึงเป็นผู้ปลูกผมทุกกราฟต์ให้ด้วยตัวเอง คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละเส้นโดยวิเคราะห์ทั้งความหนาแน่นและทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นตัวกำหนดว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากเป็นการปลูกผม NEAT ของนามนิน ที่เป็นจุดศูนย์รวมของเทคนิคโดดเด่น เครื่องมือทันสมัย และฝีมือการปลูกผมระดับอาจารย์แพทย์ ก็มั่นใจได้ว่า เส้นผมใหม่นั้นจะสวยงาม สมบูรณ์ คุ้มค่าการรอคอยแน่นอน

       รักตัวเองก็ต้องดูแลความรู้สึกตัวเอง อย่าปล่อยให้ปัญหาเส้นผมบั่นทอนจิตใจ ในเมื่อมี “นามนิน” ที่พร้อมจะเติมเต็มความมั่นใจกลับคืนให้คุณอยู่เสมอ What are you waiting for? มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “เส้นผม” เพราะ NEAT จะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตตามมาอีกมากมายค่ะ

เส้นผมสวย ชีวิตเปล่งประกาย
“เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่งของร่างกาย เพราะเส้นผมสามารถบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ ตัวตน จนไปถึงสไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ชัดเจนไม่ต่างไปจากเสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่ในแต่ละวัน

   โดยเฉพาะในผู้หญิง ที่จะมีความผูกพันกับเส้นผมอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ช่วงอายุ 8-11 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้การเข้าสู่สังคม เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนและผู้คนรอบตัว สิ่งแรกๆ ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคือ การใส่ใจที่จะดูแลตัวเองทั้งด้านความสะอาดและความสวยงาม เช่น การแต่งกายและทรงผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความมั่นใจเป็นอย่างมาก เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ในหลายๆ ครั้ง “เส้นผม” ก็สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดีกว่าคำพูด การไว้ผมยาว ตัดผมสั้น ดัดผม ทำสีผม หรือแม้แต่การเลือกทำผมทรงต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีความหมายและมีตัวตนซ่อนอยู่ในนั้น

       “นามนิน คลินิก” โดย พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงไร จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมที่จะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง จนบั่นทอนสภาพจิตใจ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

       การปลูกผมเทคนิค NEAT คือจุดที่ศาสตร์และศิลป์มาบรรจบกันอย่างลงตัว เริ่มที่แพทย์จะประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่โดยใช้หลัก Golden Ratio “สัดส่วนทองคำ” ในการออกแบบ เพื่อให้กรอบหน้าใหม่นั้นรับกับสัดส่วนของใบหน้าที่สุด
เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้มั่นใจว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะเป็นไปอย่างที่คาดหวัง แพทย์จึงเป็นผู้ปลูกผมทุกกราฟต์ให้ด้วยตัวเอง คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละเส้นโดยวิเคราะห์ทั้งความหนาแน่นและทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นตัวกำหนดว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากเป็นการปลูกผม NEAT ของนามนิน ที่เป็นจุดศูนย์รวมของเทคนิคโดดเด่น เครื่องมือทันสมัย และฝีมือการปลูกผมระดับอาจารย์แพทย์ ก็มั่นใจได้ว่า เส้นผมใหม่นั้นจะสวยงาม สมบูรณ์ คุ้มค่าการรอคอยแน่นอน

       รักตัวเองก็ต้องดูแลความรู้สึกตัวเอง อย่าปล่อยให้ปัญหาเส้นผมบั่นทอนจิตใจ ในเมื่อมี “นามนิน” ที่พร้อมจะเติมเต็มความมั่นใจกลับคืนให้คุณอยู่เสมอ What are you waiting for? มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “เส้นผม” เพราะ NEAT จะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตตามมาอีกมากมายค่ะ

เส้นผมสวย ชีวิตเปล่งประกาย
“เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่งของร่างกาย เพราะเส้นผมสามารถบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ ตัวตน จนไปถึงสไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ชัดเจนไม่ต่างไปจากเสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่ในแต่ละวัน

   โดยเฉพาะในผู้หญิง ที่จะมีความผูกพันกับเส้นผมอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ช่วงอายุ 8-11 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้การเข้าสู่สังคม เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนและผู้คนรอบตัว สิ่งแรกๆ ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคือ การใส่ใจที่จะดูแลตัวเองทั้งด้านความสะอาดและความสวยงาม เช่น การแต่งกายและทรงผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความมั่นใจเป็นอย่างมาก เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ในหลายๆ ครั้ง “เส้นผม” ก็สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดีกว่าคำพูด การไว้ผมยาว ตัดผมสั้น ดัดผม ทำสีผม หรือแม้แต่การเลือกทำผมทรงต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีความหมายและมีตัวตนซ่อนอยู่ในนั้น

       “นามนิน คลินิก” โดย พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงไร จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมที่จะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง จนบั่นทอนสภาพจิตใจ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

       การปลูกผมเทคนิค NEAT คือจุดที่ศาสตร์และศิลป์มาบรรจบกันอย่างลงตัว เริ่มที่แพทย์จะประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่โดยใช้หลัก Golden Ratio “สัดส่วนทองคำ” ในการออกแบบ เพื่อให้กรอบหน้าใหม่นั้นรับกับสัดส่วนของใบหน้าที่สุด
เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้มั่นใจว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะเป็นไปอย่างที่คาดหวัง แพทย์จึงเป็นผู้ปลูกผมทุกกราฟต์ให้ด้วยตัวเอง คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละเส้นโดยวิเคราะห์ทั้งความหนาแน่นและทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นตัวกำหนดว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากเป็นการปลูกผม NEAT ของนามนิน ที่เป็นจุดศูนย์รวมของเทคนิคโดดเด่น เครื่องมือทันสมัย และฝีมือการปลูกผมระดับอาจารย์แพทย์ ก็มั่นใจได้ว่า เส้นผมใหม่นั้นจะสวยงาม สมบูรณ์ คุ้มค่าการรอคอยแน่นอน

       รักตัวเองก็ต้องดูแลความรู้สึกตัวเอง อย่าปล่อยให้ปัญหาเส้นผมบั่นทอนจิตใจ ในเมื่อมี “นามนิน” ที่พร้อมจะเติมเต็มความมั่นใจกลับคืนให้คุณอยู่เสมอ What are you waiting for? มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “เส้นผม” เพราะ NEAT จะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตตามมาอีกมากมายค่ะ

ดูแล“ผมใหม่” สวยปังหลังปลูก
หลังเข้ารับบริการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็คือช่วงเวลาแห่งการอดทนรอคอย และทะนุถนอมดูแลเพื่อให้ผมใหม่ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ จนเป็นเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อครบเวลา 1 ปี แต่การจะไปถึงผลลัพธ์ผมสวยแบบนั้นได้ นอกจากทักษะการปลูกผมระดับสูงและความใส่ใจจากแพทย์แล้ว หัวใจสำคัญที่สุด ก็คือการดูแลผมใหม่หลังปลูก ไม่ให้หลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร และก็คงไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าตัว “เจ้าของเส้นผม” เอง 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะที่นามนิน คุณหมอจะเป็นผู้คอยดูแลติดตามผล ให้คำแนะนำและตอบคำถามทุกข้อสงสัย ตลอดระยะการเติบโต 1 ปีของเส้นผมใหม่ จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะได้พบกับตัวเองคนใหม่ที่ปลายทางอย่างแน่นอน

หลังปลูกผม 1 วัน
เราจะเริ่มเห็นตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ ซึ่งแม้ว่าเราจะสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด แต่ผมใหม่ก็ยังต้องการการดูแลและระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะกราฟต์ผมเพิ่งเริ่มเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ จึงมีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดได้ง่าย ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผลเล็ก ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรสัมผัส แคะ แกะ หรือเกาเป็นอันขาด หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ งดกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อ และระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระแทกบริเวณศีรษะ อย่างเช่นเวลาเข้าออกจากรถยนต์ เป็นต้น รวมถึงควรจัดท่านอนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้กราฟต์ผมหลุดระหว่างหลับโดยไม่ได้ตั้งใจ 

คุณหมอจะนัดมาสระผมให้ในวันรุ่งขึ้นหลังปลูกผม เพื่อทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างอ่อนโยนและปลอดภัย พร้อมทั้งจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมด้วยตัวเองอย่างง่าย ๆ ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ลดอาการคันและช่วยบำรุงเส้นผมแบบครบเซ็ต 

ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูกผม
นี่คือช่วงที่เส้นเลือดฝอยใต้หนังศีรษะกำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่คุณหมอเพิ่งปลูกไว้ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เติบโต ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่กราฟต์ผมใหม่อาจจะหลุดร่วงได้มากที่สุด ซึ่งถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ฟันธงเลยว่า ผมใหม่ของเรามีโอกาสรอดสูงแน่นอน

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้คุณหมอจึงมักจะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการงดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่น ปั่นจักรยาน โยคะ หรือยกเวทเทรนนิ่ง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งจะส่งผลให้ความดันเลือดสูงและหลอดเลือดขยายตัวจนเกิดเลือดออกบริเวณผมปลูกใหม่ได้ งดการว่ายน้ำและหลีกเลี่ยงการทำสปาหรือซาวน่า ที่สำคัญ ระวังไม่ให้เส้นผมและหนังศีรษะซึ่งยังไม่แข็งแรงเพียงพอ สัมผัสกับความร้อนหรือสารเคมี เช่นการดัด ย้อม หรือทำสีผม และหากจำเป็นต้องรับประทานยาหรืออาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากยาบางตัวอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด หากเกิดอาการเลือดออกบริเวณแผล รากผมอาจถูกดันหลุดออกก็เป็นได้


ทั้งนี้ เมื่อครบ 2 สัปดาห์แรก เส้นผมจะเริ่มยาวขึ้นเล็กน้อยแล้ว และรากผมก็เริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ คุณหมอจะแนะนำให้เข้ามารับบริการ LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฉายแสงสีแดงคลื่นความถี่ต่ำที่มีความปลอดภัย เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม พร้อมทั้งเพิ่มพลังบำรุงด้วย Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับบริการเอง เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย

ช่วง 1-2 เดือนหลังปลูกผม
ถ้าคุณหมอไม่บอกให้เตรียมตัวไว้ก่อน หลาย ๆ คนก็คงจะตกใจแน่ ๆ เพราะเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึง 80% เลยทีเดียว ภาวะ Shock Loss เช่นนี้ เป็นผลจากปรากฏการณ์ Graft Shedding ซึ่งโดยปกติแล้ว ผมใหม่จะหลุดร่วงตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม และเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมใหม่งอกขึ้นมาประมาณ 1-2 เดือน 

อย่างไรก็ตาม รากผมที่คุณหมอปลูกไว้ยังอยู่เหมือนเดิม เราจึงไม่ต้องกังวลใจไป เพียงแค่รอให้ถึงช่วงเดือนที่ 4 ของการปลูกผม เมื่อรากผมพ้นจากระยะพัก เข้าสู่ระยะเจริญ เส้นผมก็จะงอกกลับมาใหม่เต็มที่ในเวอร์ชันที่แข็งแรงกว่าเก่า พร้อมเติบโตต่อโดยไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

ช่วง 6 เดือน – 1 ปีหลังปลูกผม
หลังจากผ่านช่วง 6 เดือนไปแล้ว เส้นผมใหม่ยาวขึ้นมากกว่า 60% ซึ่งเราสามารถจัดแต่งทรงผมสวยได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเรียงตัวในทิศทางที่กลมกลืนกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อครบ 1 ปี ผมใหม่ก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์แบบเต็มร้อย 

ทั้งนี้ คุณหมอจะนัดมาตรวจติดตามผลทุกระยะ ซึ่งผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองที่เหมาะสมกับระยะการเติบโตของเส้นผมในช่วงนั้น ๆ และยังสามารถสอบถามได้ทางโทรศัพท์ หรือ LINE @namninclinic ได้สะดวกสบายสุด ๆ 

ดูแล“ผมใหม่” สวยปังหลังปลูก
หลังเข้ารับบริการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็คือช่วงเวลาแห่งการอดทนรอคอย และทะนุถนอมดูแลเพื่อให้ผมใหม่ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ จนเป็นเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อครบเวลา 1 ปี แต่การจะไปถึงผลลัพธ์ผมสวยแบบนั้นได้ นอกจากทักษะการปลูกผมระดับสูงและความใส่ใจจากแพทย์แล้ว หัวใจสำคัญที่สุด ก็คือการดูแลผมใหม่หลังปลูก ไม่ให้หลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร และก็คงไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าตัว “เจ้าของเส้นผม” เอง 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะที่นามนิน คุณหมอจะเป็นผู้คอยดูแลติดตามผล ให้คำแนะนำและตอบคำถามทุกข้อสงสัย ตลอดระยะการเติบโต 1 ปีของเส้นผมใหม่ จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะได้พบกับตัวเองคนใหม่ที่ปลายทางอย่างแน่นอน

หลังปลูกผม 1 วัน
เราจะเริ่มเห็นตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ ซึ่งแม้ว่าเราจะสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด แต่ผมใหม่ก็ยังต้องการการดูแลและระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะกราฟต์ผมเพิ่งเริ่มเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ จึงมีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดได้ง่าย ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผลเล็ก ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรสัมผัส แคะ แกะ หรือเกาเป็นอันขาด หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ งดกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อ และระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระแทกบริเวณศีรษะ อย่างเช่นเวลาเข้าออกจากรถยนต์ เป็นต้น รวมถึงควรจัดท่านอนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้กราฟต์ผมหลุดระหว่างหลับโดยไม่ได้ตั้งใจ 

คุณหมอจะนัดมาสระผมให้ในวันรุ่งขึ้นหลังปลูกผม เพื่อทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างอ่อนโยนและปลอดภัย พร้อมทั้งจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมด้วยตัวเองอย่างง่าย ๆ ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ลดอาการคันและช่วยบำรุงเส้นผมแบบครบเซ็ต 

ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูกผม
นี่คือช่วงที่เส้นเลือดฝอยใต้หนังศีรษะกำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่คุณหมอเพิ่งปลูกไว้ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เติบโต ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่กราฟต์ผมใหม่อาจจะหลุดร่วงได้มากที่สุด ซึ่งถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ฟันธงเลยว่า ผมใหม่ของเรามีโอกาสรอดสูงแน่นอน

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้คุณหมอจึงมักจะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการงดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่น ปั่นจักรยาน โยคะ หรือยกเวทเทรนนิ่ง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งจะส่งผลให้ความดันเลือดสูงและหลอดเลือดขยายตัวจนเกิดเลือดออกบริเวณผมปลูกใหม่ได้ งดการว่ายน้ำและหลีกเลี่ยงการทำสปาหรือซาวน่า ที่สำคัญ ระวังไม่ให้เส้นผมและหนังศีรษะซึ่งยังไม่แข็งแรงเพียงพอ สัมผัสกับความร้อนหรือสารเคมี เช่นการดัด ย้อม หรือทำสีผม และหากจำเป็นต้องรับประทานยาหรืออาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากยาบางตัวอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด หากเกิดอาการเลือดออกบริเวณแผล รากผมอาจถูกดันหลุดออกก็เป็นได้


ทั้งนี้ เมื่อครบ 2 สัปดาห์แรก เส้นผมจะเริ่มยาวขึ้นเล็กน้อยแล้ว และรากผมก็เริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ คุณหมอจะแนะนำให้เข้ามารับบริการ LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฉายแสงสีแดงคลื่นความถี่ต่ำที่มีความปลอดภัย เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม พร้อมทั้งเพิ่มพลังบำรุงด้วย Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับบริการเอง เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย

ช่วง 1-2 เดือนหลังปลูกผม
ถ้าคุณหมอไม่บอกให้เตรียมตัวไว้ก่อน หลาย ๆ คนก็คงจะตกใจแน่ ๆ เพราะเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึง 80% เลยทีเดียว ภาวะ Shock Loss เช่นนี้ เป็นผลจากปรากฏการณ์ Graft Shedding ซึ่งโดยปกติแล้ว ผมใหม่จะหลุดร่วงตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม และเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมใหม่งอกขึ้นมาประมาณ 1-2 เดือน 

อย่างไรก็ตาม รากผมที่คุณหมอปลูกไว้ยังอยู่เหมือนเดิม เราจึงไม่ต้องกังวลใจไป เพียงแค่รอให้ถึงช่วงเดือนที่ 4 ของการปลูกผม เมื่อรากผมพ้นจากระยะพัก เข้าสู่ระยะเจริญ เส้นผมก็จะงอกกลับมาใหม่เต็มที่ในเวอร์ชันที่แข็งแรงกว่าเก่า พร้อมเติบโตต่อโดยไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

ช่วง 6 เดือน – 1 ปีหลังปลูกผม
หลังจากผ่านช่วง 6 เดือนไปแล้ว เส้นผมใหม่ยาวขึ้นมากกว่า 60% ซึ่งเราสามารถจัดแต่งทรงผมสวยได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเรียงตัวในทิศทางที่กลมกลืนกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อครบ 1 ปี ผมใหม่ก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์แบบเต็มร้อย 

ทั้งนี้ คุณหมอจะนัดมาตรวจติดตามผลทุกระยะ ซึ่งผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองที่เหมาะสมกับระยะการเติบโตของเส้นผมในช่วงนั้น ๆ และยังสามารถสอบถามได้ทางโทรศัพท์ หรือ LINE @namninclinic ได้สะดวกสบายสุด ๆ 

ดูแล“ผมใหม่” สวยปังหลังปลูก
หลังเข้ารับบริการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็คือช่วงเวลาแห่งการอดทนรอคอย และทะนุถนอมดูแลเพื่อให้ผมใหม่ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ จนเป็นเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อครบเวลา 1 ปี แต่การจะไปถึงผลลัพธ์ผมสวยแบบนั้นได้ นอกจากทักษะการปลูกผมระดับสูงและความใส่ใจจากแพทย์แล้ว หัวใจสำคัญที่สุด ก็คือการดูแลผมใหม่หลังปลูก ไม่ให้หลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร และก็คงไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าตัว “เจ้าของเส้นผม” เอง 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะที่นามนิน คุณหมอจะเป็นผู้คอยดูแลติดตามผล ให้คำแนะนำและตอบคำถามทุกข้อสงสัย ตลอดระยะการเติบโต 1 ปีของเส้นผมใหม่ จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะได้พบกับตัวเองคนใหม่ที่ปลายทางอย่างแน่นอน

หลังปลูกผม 1 วัน
เราจะเริ่มเห็นตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ ซึ่งแม้ว่าเราจะสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด แต่ผมใหม่ก็ยังต้องการการดูแลและระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะกราฟต์ผมเพิ่งเริ่มเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ จึงมีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดได้ง่าย ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผลเล็ก ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรสัมผัส แคะ แกะ หรือเกาเป็นอันขาด หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ งดกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อ และระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระแทกบริเวณศีรษะ อย่างเช่นเวลาเข้าออกจากรถยนต์ เป็นต้น รวมถึงควรจัดท่านอนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้กราฟต์ผมหลุดระหว่างหลับโดยไม่ได้ตั้งใจ 

คุณหมอจะนัดมาสระผมให้ในวันรุ่งขึ้นหลังปลูกผม เพื่อทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างอ่อนโยนและปลอดภัย พร้อมทั้งจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมด้วยตัวเองอย่างง่าย ๆ ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ลดอาการคันและช่วยบำรุงเส้นผมแบบครบเซ็ต 

ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูกผม
นี่คือช่วงที่เส้นเลือดฝอยใต้หนังศีรษะกำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่คุณหมอเพิ่งปลูกไว้ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เติบโต ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่กราฟต์ผมใหม่อาจจะหลุดร่วงได้มากที่สุด ซึ่งถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ฟันธงเลยว่า ผมใหม่ของเรามีโอกาสรอดสูงแน่นอน

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้คุณหมอจึงมักจะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการงดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่น ปั่นจักรยาน โยคะ หรือยกเวทเทรนนิ่ง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งจะส่งผลให้ความดันเลือดสูงและหลอดเลือดขยายตัวจนเกิดเลือดออกบริเวณผมปลูกใหม่ได้ งดการว่ายน้ำและหลีกเลี่ยงการทำสปาหรือซาวน่า ที่สำคัญ ระวังไม่ให้เส้นผมและหนังศีรษะซึ่งยังไม่แข็งแรงเพียงพอ สัมผัสกับความร้อนหรือสารเคมี เช่นการดัด ย้อม หรือทำสีผม และหากจำเป็นต้องรับประทานยาหรืออาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากยาบางตัวอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด หากเกิดอาการเลือดออกบริเวณแผล รากผมอาจถูกดันหลุดออกก็เป็นได้


ทั้งนี้ เมื่อครบ 2 สัปดาห์แรก เส้นผมจะเริ่มยาวขึ้นเล็กน้อยแล้ว และรากผมก็เริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ คุณหมอจะแนะนำให้เข้ามารับบริการ LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฉายแสงสีแดงคลื่นความถี่ต่ำที่มีความปลอดภัย เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม พร้อมทั้งเพิ่มพลังบำรุงด้วย Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับบริการเอง เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย

ช่วง 1-2 เดือนหลังปลูกผม
ถ้าคุณหมอไม่บอกให้เตรียมตัวไว้ก่อน หลาย ๆ คนก็คงจะตกใจแน่ ๆ เพราะเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึง 80% เลยทีเดียว ภาวะ Shock Loss เช่นนี้ เป็นผลจากปรากฏการณ์ Graft Shedding ซึ่งโดยปกติแล้ว ผมใหม่จะหลุดร่วงตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม และเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมใหม่งอกขึ้นมาประมาณ 1-2 เดือน 

อย่างไรก็ตาม รากผมที่คุณหมอปลูกไว้ยังอยู่เหมือนเดิม เราจึงไม่ต้องกังวลใจไป เพียงแค่รอให้ถึงช่วงเดือนที่ 4 ของการปลูกผม เมื่อรากผมพ้นจากระยะพัก เข้าสู่ระยะเจริญ เส้นผมก็จะงอกกลับมาใหม่เต็มที่ในเวอร์ชันที่แข็งแรงกว่าเก่า พร้อมเติบโตต่อโดยไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

ช่วง 6 เดือน – 1 ปีหลังปลูกผม
หลังจากผ่านช่วง 6 เดือนไปแล้ว เส้นผมใหม่ยาวขึ้นมากกว่า 60% ซึ่งเราสามารถจัดแต่งทรงผมสวยได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเรียงตัวในทิศทางที่กลมกลืนกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อครบ 1 ปี ผมใหม่ก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์แบบเต็มร้อย 

ทั้งนี้ คุณหมอจะนัดมาตรวจติดตามผลทุกระยะ ซึ่งผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองที่เหมาะสมกับระยะการเติบโตของเส้นผมในช่วงนั้น ๆ และยังสามารถสอบถามได้ทางโทรศัพท์ หรือ LINE @namninclinic ได้สะดวกสบายสุด ๆ 

ดูแล“ผมใหม่” สวยปังหลังปลูก
หลังเข้ารับบริการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็คือช่วงเวลาแห่งการอดทนรอคอย และทะนุถนอมดูแลเพื่อให้ผมใหม่ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ จนเป็นเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อครบเวลา 1 ปี แต่การจะไปถึงผลลัพธ์ผมสวยแบบนั้นได้ นอกจากทักษะการปลูกผมระดับสูงและความใส่ใจจากแพทย์แล้ว หัวใจสำคัญที่สุด ก็คือการดูแลผมใหม่หลังปลูก ไม่ให้หลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร และก็คงไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าตัว “เจ้าของเส้นผม” เอง 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะที่นามนิน คุณหมอจะเป็นผู้คอยดูแลติดตามผล ให้คำแนะนำและตอบคำถามทุกข้อสงสัย ตลอดระยะการเติบโต 1 ปีของเส้นผมใหม่ จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะได้พบกับตัวเองคนใหม่ที่ปลายทางอย่างแน่นอน

หลังปลูกผม 1 วัน
เราจะเริ่มเห็นตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ ซึ่งแม้ว่าเราจะสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด แต่ผมใหม่ก็ยังต้องการการดูแลและระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะกราฟต์ผมเพิ่งเริ่มเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ จึงมีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดได้ง่าย ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผลเล็ก ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรสัมผัส แคะ แกะ หรือเกาเป็นอันขาด หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ งดกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อ และระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระแทกบริเวณศีรษะ อย่างเช่นเวลาเข้าออกจากรถยนต์ เป็นต้น รวมถึงควรจัดท่านอนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้กราฟต์ผมหลุดระหว่างหลับโดยไม่ได้ตั้งใจ 

คุณหมอจะนัดมาสระผมให้ในวันรุ่งขึ้นหลังปลูกผม เพื่อทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างอ่อนโยนและปลอดภัย พร้อมทั้งจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมด้วยตัวเองอย่างง่าย ๆ ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ลดอาการคันและช่วยบำรุงเส้นผมแบบครบเซ็ต 

ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูกผม
นี่คือช่วงที่เส้นเลือดฝอยใต้หนังศีรษะกำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่คุณหมอเพิ่งปลูกไว้ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เติบโต ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่กราฟต์ผมใหม่อาจจะหลุดร่วงได้มากที่สุด ซึ่งถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ฟันธงเลยว่า ผมใหม่ของเรามีโอกาสรอดสูงแน่นอน

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้คุณหมอจึงมักจะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการงดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่น ปั่นจักรยาน โยคะ หรือยกเวทเทรนนิ่ง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งจะส่งผลให้ความดันเลือดสูงและหลอดเลือดขยายตัวจนเกิดเลือดออกบริเวณผมปลูกใหม่ได้ งดการว่ายน้ำและหลีกเลี่ยงการทำสปาหรือซาวน่า ที่สำคัญ ระวังไม่ให้เส้นผมและหนังศีรษะซึ่งยังไม่แข็งแรงเพียงพอ สัมผัสกับความร้อนหรือสารเคมี เช่นการดัด ย้อม หรือทำสีผม และหากจำเป็นต้องรับประทานยาหรืออาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากยาบางตัวอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด หากเกิดอาการเลือดออกบริเวณแผล รากผมอาจถูกดันหลุดออกก็เป็นได้


ทั้งนี้ เมื่อครบ 2 สัปดาห์แรก เส้นผมจะเริ่มยาวขึ้นเล็กน้อยแล้ว และรากผมก็เริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ คุณหมอจะแนะนำให้เข้ามารับบริการ LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฉายแสงสีแดงคลื่นความถี่ต่ำที่มีความปลอดภัย เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม พร้อมทั้งเพิ่มพลังบำรุงด้วย Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับบริการเอง เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย

ช่วง 1-2 เดือนหลังปลูกผม
ถ้าคุณหมอไม่บอกให้เตรียมตัวไว้ก่อน หลาย ๆ คนก็คงจะตกใจแน่ ๆ เพราะเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึง 80% เลยทีเดียว ภาวะ Shock Loss เช่นนี้ เป็นผลจากปรากฏการณ์ Graft Shedding ซึ่งโดยปกติแล้ว ผมใหม่จะหลุดร่วงตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม และเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมใหม่งอกขึ้นมาประมาณ 1-2 เดือน 

อย่างไรก็ตาม รากผมที่คุณหมอปลูกไว้ยังอยู่เหมือนเดิม เราจึงไม่ต้องกังวลใจไป เพียงแค่รอให้ถึงช่วงเดือนที่ 4 ของการปลูกผม เมื่อรากผมพ้นจากระยะพัก เข้าสู่ระยะเจริญ เส้นผมก็จะงอกกลับมาใหม่เต็มที่ในเวอร์ชันที่แข็งแรงกว่าเก่า พร้อมเติบโตต่อโดยไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

ช่วง 6 เดือน – 1 ปีหลังปลูกผม
หลังจากผ่านช่วง 6 เดือนไปแล้ว เส้นผมใหม่ยาวขึ้นมากกว่า 60% ซึ่งเราสามารถจัดแต่งทรงผมสวยได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเรียงตัวในทิศทางที่กลมกลืนกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อครบ 1 ปี ผมใหม่ก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์แบบเต็มร้อย 

ทั้งนี้ คุณหมอจะนัดมาตรวจติดตามผลทุกระยะ ซึ่งผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองที่เหมาะสมกับระยะการเติบโตของเส้นผมในช่วงนั้น ๆ และยังสามารถสอบถามได้ทางโทรศัพท์ หรือ LINE @namninclinic ได้สะดวกสบายสุด ๆ 

1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


แกะสูตรคำนวณกราฟต์ สำหรับมือใหม่อยากปลูกผม
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่เริ่มสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คุณจะต้องได้ยินได้เห็นคำว่า “กราฟต์ผม” อยู่บ่อย ๆ อย่างแน่นอน 

วันนี้ เราจึงรวบรวมเรื่องน่ารู้ของกราฟต์ผม ที่แพทย์อยากบอกกับคนไข้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมินกราฟต์ผมที่เหมาะสมในการปลูกใหม่ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับกระเป๋าสตางค์ของคุณโดยตรงอีกด้วย เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งนี้จะคุ้มค่าสมราคาแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการคำนวณกราฟต์ผมบนพื้นฐานปัจจัยต่าง ๆ ด้วยนั่นเอง 

...มาเจาะลึกเบื้องหลังการทำงานของแพทย์กับกราฟต์ผมแบบครบทุกมิติไปพร้อม ๆ กันเลย...



กราฟต์ผมคืออะไร
ทราบหรือไม่ว่า ในการย้ายผมแข็งแรงจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง แพทย์ไม่ได้ย้ายเส้นผมออกมาทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่นำออกมาทีละ “กราฟต์ผม” 

“กราฟต์ผม” หรือ Hair Graft นี้ อาจจะเรียกว่ากอผมก็ได้ เพราะเป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันเป็นกระจุกหรือเป็นกอ แต่ละคนอาจมีจำนวนเส้นผมใน 1 กราฟต์ ได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น โดยทั่วไป กราฟต์ เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้เรียกเนื้อเยื่อที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งนำออกมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมบริเวณอื่น ๆ หรือถ้าใครเคยได้ยินชื่อเทคนิคอย่าง FUT และ FUE ตัว F นั้นก็ย่อมาจากคำว่า Follicular Unit ซึ่งเป็นศัพท์อีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกกราฟต์ผมแบบเป็นทางการได้เช่นกัน

ว่าแต่ทำไมต้องนำกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเซลล์รากผมในบริเวณนั้นมีความต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมของเราชะลอการเจริญเติบโตและหยุดการสร้างใหม่ จนส่งผลให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้านได้ในที่สุด แพทย์จึงเลือกนำ “ผมต้นทุน” ในบริเวณนั้นมาปลูกใหม่ เพราะไม่ว่าจะย้ายไปปลูกที่ไหน คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะอยู่กับเส้นผมเหล่านั้นแบบถาวรตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผมเลยทีเดียว

ทำไมต้องประเมินกราฟต์ผม
หลายคนอาจดีใจเมื่อได้ยินว่า คนเรามีผมต้นทุนคุณสมบัติมหัศจรรย์ที่สามารถต้านทานการหลุดร่วงแบบถาวรได้ เหมือนมีอะไหล่สำรองเก็บไว้ด้านหลังศีรษะ แต่คำถามสำคัญก็คือ ปัญหาผมร่วงผมบางของเรา ต้องการผมต้นทุนมาช่วยมากน้อยแค่ไหน แล้วผมต้นทุนที่เรามี จะเพียงพอแก้ปัญหาให้เราได้อย่างสมบูรณ์แบบมั้ย

นั่นจึงเป็นที่มาของการประเมินกราฟต์ผม โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ ในการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ของคนไข้แบบเฉพาะบุคคลหรือ Tailor-made เนื่องจากคนไข้มาด้วยปัญหาและเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกันเลยสักคน เพื่อคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องใช้ให้ตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้มากที่สุด

รู้จักปัจจัยในการประเมินกราฟต์ผม




ผมต้นทุนด้านหลัง 
แต่ละคนมีผมต้นทุนบริเวณ Doner Area หรือช่วงท้ายทอยด้านหลังศีรษะไม่เท่ากัน ใครที่มีผมหนาแน่นปริมาณมาก ก็พอจะวางใจได้ว่าสามารถย้ายไปปลูกพื้นที่อื่น ๆ ได้เยอะ แต่บางคนที่มีผมต้นทุนอยู่น้อย แพทย์ก็จะต้องช่วยวางแผนการใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่เหมาะสม เพราะอย่าลืมว่า หลังย้ายกราฟต์ผมออกแล้ว เราจะต้องเหลือผมด้านหลังไว้ ไม่ให้ดูบางจนเกินไปด้วย

นอกจากปริมาณผมต้นทุนแล้ว คุณภาพก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน แพทย์ต้องวิเคราะห์ด้วยว่า ผมต้นทุนมีความแข็งแรงแค่ไหน มีขนาดหนาหรือบางอย่างไร และใน 1 กราฟต์ผม มีเส้นผมอยู่กี่เส้น ซึ่งบางคนอาจมีผมหนา และมีถึง 4 เส้น ขณะที่บางคนอาจมีผมเส้นบาง และมีเพียง 1-2 เส้นเท่านั้น นั่นหมายความเราจะต้องใช้กราฟต์ผมในการปลูกใหม่จำนวนมากขึ้นนั่นเอง



พื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง
สำรวจความพร้อมของผมต้นทุนกันแล้ว ก็มาวิเคราะห์ความรุนแรงของปัญหาผมในบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่ หรือ Recipient Area กันบ้าง บางคนเพิ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะผมบางเพียงเล็กน้อยหรือเป็นหย่อมเล็ก ๆ  ขณะที่บางคนอาจเริ่มมีภาวะผมล้าน หรือกินพื้นที่กว้างจนเห็นได้ชัดแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องประเมินบริเวณที่จะปลูกใหม่ด้วย ว่าเป็นการปลูกบริเวณหน้าผากเพื่อเติมกรอบหน้า หรือเป็นการปลูกตรงกลางศีรษะซึ่งก็มีอาการผมบางอยู่หลายระดับ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการจำนวนกราฟต์ผมและความหนาแน่นในการปลูกใหม่ไม่เท่ากัน

ความหนาแน่นของเส้นผม
เคยสงสัยมั้ยว่า ในพื้นที่ 1 ตาราเซนติเมตร มีกราฟต์ผมอยู่ปริมาณเท่าไหร่ คำตอบก็จะแตกต่างกันไปตามความหนาแน่นของเส้นผมตามธรรมชาติของแต่ละคน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80 -100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร 

ซึ่งโดยทั่วไป การปลูกผมใหม่สามารถปลูกเพียงร้อยละ 60-80 ของปริมาณกราฟต์ทั่วไป ก็ถือว่าเพียงพอ แต่ก็ต้องขึ้นกับลักษณะของปัญหาผมด้วย เช่น หากคนไข้มีภาวะศีรษะล้านจนไม่มีผมเหลืออยู่เลย ก็อาจต้องปักกราฟต์ผมแบบเต็มจำนวนเมื่อเทียบกับปริมาณปกติ แต่หากคนไข้เพียงต้องการเติมผมที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น อาจจะปักกราฟต์ผมเพียงร้อยละ 50 หรือน้อยกว่านั้นเมื่อเทียบกับปริมาณปกติก็ได้

ทั้งนี้ แพทย์จะช่วยประเมินแผนการรักษาระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรามีผมต้นทุนค่อนข้างจำกัด อาจจะปลูกผมได้ไม่หนาแน่นเต็มที่ หรือหากมองถึงอนาคตว่าอาจต้องมีการปลูกผมซ้ำหรือเพิ่มเติมจากปัญหาผมร่วงในบริเวณใหม่ ๆ ก็จำเป็นต้องเก็บสำรองผมต้นทุนไว้เผื่อเช่นกัน


เทคนิคที่ใช้ปลูกผม
ด้วยข้อจำกัดที่แตกต่างกันของเทคนิคการปลูกผมแต่ละแบบ จึงเอื้อให้แพทย์สามารถปลูกผมใหม่ได้ในปริมาณความหนาแน่นที่ต่างกันตามไปด้วย หากเป็นเทคนิค FUE แบบเดิม จะสามารถปลูกได้ประมาณ 30-40 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร เพราะเป็นการใช้เข็มเจาะและใช้คีมคีบกราฟต์ผมลงมาปลูก ทำให้หนังศีรษะเกิดอาการตึงชั่วขณะ ซึ่งหากปลูกผมหนาแน่นเกินไป กราฟต์ผมโดยรอบที่ปลูกไว้แล้วจะถูกดันหลุดออกมาได้ง่าย 

แต่สำหรับเทคนิค NEAT ของนามนิน เป็นการพัฒนาจากเทคนิค FUE แบบ DHI ใช้ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ 0.60 มม.นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถเจาะและปักกราฟต์ผมลงไปในหนังศีรษะได้พร้อมกันในครั้งเดียว ทำให้หนังศีรษะไม่ตึงมาก แพทย์จึงปลูกผมแทรกเพื่อเติมความหนาแน่นได้มากถึง 55-60 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร

สูตรคำนวณกราฟต์ผม 
ปลูกแบบไหนให้คุ้มค่า
จุดที่คนไข้หลายคนกังวล ก็คงหนีไม่พ้นค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ว่าจะต้องลงทุนเท่าไหร่ แล้วจะคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้มาหรือไม่ และนี่คือสูตรคำนวณค่าใช้จ่ายที่คุณหมอใช้กันจริง ๆ

ค่าใช้จ่าย = ราคาต่อกราฟต์ผม (ขึ้นอยู่กับเทคนิค) x จำนวนกราฟต์ผมที่ต้องใช้

แม้ว่าสูตรคำนวณจะดูง่าย แต่เมื่อต้องประเมินร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เล่าให้ฟังไปแล้ว ก็นับว่าเป็นโจทย์ที่มีความซับซ้อนมากทีเดียว เพราะเมื่อคนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผมหรือข้อจำกัดของผมต้นทุนต่างกันแบบไม่ซ้ำ แพทย์จึงต้องเจอโจทย์ท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น การที่คนไข้เข้ามาพบและปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเอง จะช่วยให้แพทย์ประเมินและวิเคราะห์ได้แม่นยำขึ้น และสามารถออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์การรักษา รวมถึงตรงใจอย่างที่คนไข้ต้องการไปพร้อม ๆ กัน

เติมกราฟต์ผมใหม่ 
ทำไมต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน วิเคราะห์ และคำนวณการจัดสรรกราฟต์ผมในการนำมาปลูกใหม่ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ในระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ แพทย์จะต้องควบคุมดูแล รวมถึงลงมือทำหัตถการเอง เพื่อให้กราฟต์ผมต้นทุนถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง


เริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งแพทย์ของนามนินคิดค้นเทคนิคแบบขั้นบันได ที่ช่วยซ่อนแผลขนาดเล็กได้อย่างแนบเนียน จากนั้นจึงเป็นการคงคุณภาพของกราฟต์ผมระหว่างรอการปลูกใหม่ โดยต้องรักษาสภาพของกราฟต์ผมไว้ในน้ำยาสำหรับแช่กราฟต์โดยเฉพาะ คงความชุ่มชื้นและอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพื่อให้เซลล์มีอัตราการเผาผลาญต่ำ จนสามารถช่วยยืดอายุของเซลล์แม้จะอยู่ภายนอกร่างกาย อีกทั้งยังต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับการนำไปปลูกใหม่โดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์จะคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม โดยแบ่งจำนวนเส้นผมในกราฟต์ พร้อมเลือกขนาดและความหนาบางให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูก เช่นบริเวณไรผมที่หน้าผากจะต้องการกราฟต์ผมเดี่ยวที่มีผมเส้นเดียวขนาดเล็กบาง เพื่อความเป็นธรรมชาตินั่นเอง

เมื่อกราฟต์ผมได้รับการตัดแต่งเรียบร้อย แพทย์จะใช้ Implanter ขนาดเล็กปักกราฟต์ผมลงใหม่ ใช้ความละเอียดพิถีพิถัน วางทิศทางและองศาผมให้กลมกลืน ระยะความหนาแน่นที่พอดี และระยะความลึกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น

จบคอร์สทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” ฉบับเร่งรัดกับนามนิมแล้ว เท่านี้ คุณก็สามารถพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ด้วยความเข้าใจมากขึ้น รวมถึงตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่ใช่และตอบโจทย์ได้ง่ายขึ้น เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม

แกะสูตรคำนวณกราฟต์ สำหรับมือใหม่อยากปลูกผม
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่เริ่มสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คุณจะต้องได้ยินได้เห็นคำว่า “กราฟต์ผม” อยู่บ่อย ๆ อย่างแน่นอน 

วันนี้ เราจึงรวบรวมเรื่องน่ารู้ของกราฟต์ผม ที่แพทย์อยากบอกกับคนไข้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมินกราฟต์ผมที่เหมาะสมในการปลูกใหม่ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับกระเป๋าสตางค์ของคุณโดยตรงอีกด้วย เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งนี้จะคุ้มค่าสมราคาแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการคำนวณกราฟต์ผมบนพื้นฐานปัจจัยต่าง ๆ ด้วยนั่นเอง 

...มาเจาะลึกเบื้องหลังการทำงานของแพทย์กับกราฟต์ผมแบบครบทุกมิติไปพร้อม ๆ กันเลย...



กราฟต์ผมคืออะไร
ทราบหรือไม่ว่า ในการย้ายผมแข็งแรงจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง แพทย์ไม่ได้ย้ายเส้นผมออกมาทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่นำออกมาทีละ “กราฟต์ผม” 

“กราฟต์ผม” หรือ Hair Graft นี้ อาจจะเรียกว่ากอผมก็ได้ เพราะเป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันเป็นกระจุกหรือเป็นกอ แต่ละคนอาจมีจำนวนเส้นผมใน 1 กราฟต์ ได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น โดยทั่วไป กราฟต์ เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้เรียกเนื้อเยื่อที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งนำออกมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมบริเวณอื่น ๆ หรือถ้าใครเคยได้ยินชื่อเทคนิคอย่าง FUT และ FUE ตัว F นั้นก็ย่อมาจากคำว่า Follicular Unit ซึ่งเป็นศัพท์อีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกกราฟต์ผมแบบเป็นทางการได้เช่นกัน

ว่าแต่ทำไมต้องนำกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเซลล์รากผมในบริเวณนั้นมีความต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมของเราชะลอการเจริญเติบโตและหยุดการสร้างใหม่ จนส่งผลให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้านได้ในที่สุด แพทย์จึงเลือกนำ “ผมต้นทุน” ในบริเวณนั้นมาปลูกใหม่ เพราะไม่ว่าจะย้ายไปปลูกที่ไหน คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะอยู่กับเส้นผมเหล่านั้นแบบถาวรตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผมเลยทีเดียว

ทำไมต้องประเมินกราฟต์ผม
หลายคนอาจดีใจเมื่อได้ยินว่า คนเรามีผมต้นทุนคุณสมบัติมหัศจรรย์ที่สามารถต้านทานการหลุดร่วงแบบถาวรได้ เหมือนมีอะไหล่สำรองเก็บไว้ด้านหลังศีรษะ แต่คำถามสำคัญก็คือ ปัญหาผมร่วงผมบางของเรา ต้องการผมต้นทุนมาช่วยมากน้อยแค่ไหน แล้วผมต้นทุนที่เรามี จะเพียงพอแก้ปัญหาให้เราได้อย่างสมบูรณ์แบบมั้ย

นั่นจึงเป็นที่มาของการประเมินกราฟต์ผม โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ ในการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ของคนไข้แบบเฉพาะบุคคลหรือ Tailor-made เนื่องจากคนไข้มาด้วยปัญหาและเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกันเลยสักคน เพื่อคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องใช้ให้ตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้มากที่สุด

รู้จักปัจจัยในการประเมินกราฟต์ผม




ผมต้นทุนด้านหลัง 
แต่ละคนมีผมต้นทุนบริเวณ Doner Area หรือช่วงท้ายทอยด้านหลังศีรษะไม่เท่ากัน ใครที่มีผมหนาแน่นปริมาณมาก ก็พอจะวางใจได้ว่าสามารถย้ายไปปลูกพื้นที่อื่น ๆ ได้เยอะ แต่บางคนที่มีผมต้นทุนอยู่น้อย แพทย์ก็จะต้องช่วยวางแผนการใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่เหมาะสม เพราะอย่าลืมว่า หลังย้ายกราฟต์ผมออกแล้ว เราจะต้องเหลือผมด้านหลังไว้ ไม่ให้ดูบางจนเกินไปด้วย

นอกจากปริมาณผมต้นทุนแล้ว คุณภาพก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน แพทย์ต้องวิเคราะห์ด้วยว่า ผมต้นทุนมีความแข็งแรงแค่ไหน มีขนาดหนาหรือบางอย่างไร และใน 1 กราฟต์ผม มีเส้นผมอยู่กี่เส้น ซึ่งบางคนอาจมีผมหนา และมีถึง 4 เส้น ขณะที่บางคนอาจมีผมเส้นบาง และมีเพียง 1-2 เส้นเท่านั้น นั่นหมายความเราจะต้องใช้กราฟต์ผมในการปลูกใหม่จำนวนมากขึ้นนั่นเอง



พื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง
สำรวจความพร้อมของผมต้นทุนกันแล้ว ก็มาวิเคราะห์ความรุนแรงของปัญหาผมในบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่ หรือ Recipient Area กันบ้าง บางคนเพิ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะผมบางเพียงเล็กน้อยหรือเป็นหย่อมเล็ก ๆ  ขณะที่บางคนอาจเริ่มมีภาวะผมล้าน หรือกินพื้นที่กว้างจนเห็นได้ชัดแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องประเมินบริเวณที่จะปลูกใหม่ด้วย ว่าเป็นการปลูกบริเวณหน้าผากเพื่อเติมกรอบหน้า หรือเป็นการปลูกตรงกลางศีรษะซึ่งก็มีอาการผมบางอยู่หลายระดับ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการจำนวนกราฟต์ผมและความหนาแน่นในการปลูกใหม่ไม่เท่ากัน

ความหนาแน่นของเส้นผม
เคยสงสัยมั้ยว่า ในพื้นที่ 1 ตาราเซนติเมตร มีกราฟต์ผมอยู่ปริมาณเท่าไหร่ คำตอบก็จะแตกต่างกันไปตามความหนาแน่นของเส้นผมตามธรรมชาติของแต่ละคน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80 -100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร 

ซึ่งโดยทั่วไป การปลูกผมใหม่สามารถปลูกเพียงร้อยละ 60-80 ของปริมาณกราฟต์ทั่วไป ก็ถือว่าเพียงพอ แต่ก็ต้องขึ้นกับลักษณะของปัญหาผมด้วย เช่น หากคนไข้มีภาวะศีรษะล้านจนไม่มีผมเหลืออยู่เลย ก็อาจต้องปักกราฟต์ผมแบบเต็มจำนวนเมื่อเทียบกับปริมาณปกติ แต่หากคนไข้เพียงต้องการเติมผมที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น อาจจะปักกราฟต์ผมเพียงร้อยละ 50 หรือน้อยกว่านั้นเมื่อเทียบกับปริมาณปกติก็ได้

ทั้งนี้ แพทย์จะช่วยประเมินแผนการรักษาระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรามีผมต้นทุนค่อนข้างจำกัด อาจจะปลูกผมได้ไม่หนาแน่นเต็มที่ หรือหากมองถึงอนาคตว่าอาจต้องมีการปลูกผมซ้ำหรือเพิ่มเติมจากปัญหาผมร่วงในบริเวณใหม่ ๆ ก็จำเป็นต้องเก็บสำรองผมต้นทุนไว้เผื่อเช่นกัน


เทคนิคที่ใช้ปลูกผม
ด้วยข้อจำกัดที่แตกต่างกันของเทคนิคการปลูกผมแต่ละแบบ จึงเอื้อให้แพทย์สามารถปลูกผมใหม่ได้ในปริมาณความหนาแน่นที่ต่างกันตามไปด้วย หากเป็นเทคนิค FUE แบบเดิม จะสามารถปลูกได้ประมาณ 30-40 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร เพราะเป็นการใช้เข็มเจาะและใช้คีมคีบกราฟต์ผมลงมาปลูก ทำให้หนังศีรษะเกิดอาการตึงชั่วขณะ ซึ่งหากปลูกผมหนาแน่นเกินไป กราฟต์ผมโดยรอบที่ปลูกไว้แล้วจะถูกดันหลุดออกมาได้ง่าย 

แต่สำหรับเทคนิค NEAT ของนามนิน เป็นการพัฒนาจากเทคนิค FUE แบบ DHI ใช้ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ 0.60 มม.นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถเจาะและปักกราฟต์ผมลงไปในหนังศีรษะได้พร้อมกันในครั้งเดียว ทำให้หนังศีรษะไม่ตึงมาก แพทย์จึงปลูกผมแทรกเพื่อเติมความหนาแน่นได้มากถึง 55-60 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร

สูตรคำนวณกราฟต์ผม 
ปลูกแบบไหนให้คุ้มค่า
จุดที่คนไข้หลายคนกังวล ก็คงหนีไม่พ้นค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ว่าจะต้องลงทุนเท่าไหร่ แล้วจะคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้มาหรือไม่ และนี่คือสูตรคำนวณค่าใช้จ่ายที่คุณหมอใช้กันจริง ๆ

ค่าใช้จ่าย = ราคาต่อกราฟต์ผม (ขึ้นอยู่กับเทคนิค) x จำนวนกราฟต์ผมที่ต้องใช้

แม้ว่าสูตรคำนวณจะดูง่าย แต่เมื่อต้องประเมินร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เล่าให้ฟังไปแล้ว ก็นับว่าเป็นโจทย์ที่มีความซับซ้อนมากทีเดียว เพราะเมื่อคนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผมหรือข้อจำกัดของผมต้นทุนต่างกันแบบไม่ซ้ำ แพทย์จึงต้องเจอโจทย์ท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น การที่คนไข้เข้ามาพบและปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเอง จะช่วยให้แพทย์ประเมินและวิเคราะห์ได้แม่นยำขึ้น และสามารถออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์การรักษา รวมถึงตรงใจอย่างที่คนไข้ต้องการไปพร้อม ๆ กัน

เติมกราฟต์ผมใหม่ 
ทำไมต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน วิเคราะห์ และคำนวณการจัดสรรกราฟต์ผมในการนำมาปลูกใหม่ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ในระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ แพทย์จะต้องควบคุมดูแล รวมถึงลงมือทำหัตถการเอง เพื่อให้กราฟต์ผมต้นทุนถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง


เริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งแพทย์ของนามนินคิดค้นเทคนิคแบบขั้นบันได ที่ช่วยซ่อนแผลขนาดเล็กได้อย่างแนบเนียน จากนั้นจึงเป็นการคงคุณภาพของกราฟต์ผมระหว่างรอการปลูกใหม่ โดยต้องรักษาสภาพของกราฟต์ผมไว้ในน้ำยาสำหรับแช่กราฟต์โดยเฉพาะ คงความชุ่มชื้นและอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพื่อให้เซลล์มีอัตราการเผาผลาญต่ำ จนสามารถช่วยยืดอายุของเซลล์แม้จะอยู่ภายนอกร่างกาย อีกทั้งยังต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับการนำไปปลูกใหม่โดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์จะคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม โดยแบ่งจำนวนเส้นผมในกราฟต์ พร้อมเลือกขนาดและความหนาบางให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูก เช่นบริเวณไรผมที่หน้าผากจะต้องการกราฟต์ผมเดี่ยวที่มีผมเส้นเดียวขนาดเล็กบาง เพื่อความเป็นธรรมชาตินั่นเอง

เมื่อกราฟต์ผมได้รับการตัดแต่งเรียบร้อย แพทย์จะใช้ Implanter ขนาดเล็กปักกราฟต์ผมลงใหม่ ใช้ความละเอียดพิถีพิถัน วางทิศทางและองศาผมให้กลมกลืน ระยะความหนาแน่นที่พอดี และระยะความลึกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น

จบคอร์สทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” ฉบับเร่งรัดกับนามนิมแล้ว เท่านี้ คุณก็สามารถพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ด้วยความเข้าใจมากขึ้น รวมถึงตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่ใช่และตอบโจทย์ได้ง่ายขึ้น เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม

แกะสูตรคำนวณกราฟต์ สำหรับมือใหม่อยากปลูกผม
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่เริ่มสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คุณจะต้องได้ยินได้เห็นคำว่า “กราฟต์ผม” อยู่บ่อย ๆ อย่างแน่นอน 

วันนี้ เราจึงรวบรวมเรื่องน่ารู้ของกราฟต์ผม ที่แพทย์อยากบอกกับคนไข้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมินกราฟต์ผมที่เหมาะสมในการปลูกใหม่ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับกระเป๋าสตางค์ของคุณโดยตรงอีกด้วย เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งนี้จะคุ้มค่าสมราคาแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการคำนวณกราฟต์ผมบนพื้นฐานปัจจัยต่าง ๆ ด้วยนั่นเอง 

...มาเจาะลึกเบื้องหลังการทำงานของแพทย์กับกราฟต์ผมแบบครบทุกมิติไปพร้อม ๆ กันเลย...



กราฟต์ผมคืออะไร
ทราบหรือไม่ว่า ในการย้ายผมแข็งแรงจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง แพทย์ไม่ได้ย้ายเส้นผมออกมาทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่นำออกมาทีละ “กราฟต์ผม” 

“กราฟต์ผม” หรือ Hair Graft นี้ อาจจะเรียกว่ากอผมก็ได้ เพราะเป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันเป็นกระจุกหรือเป็นกอ แต่ละคนอาจมีจำนวนเส้นผมใน 1 กราฟต์ ได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น โดยทั่วไป กราฟต์ เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้เรียกเนื้อเยื่อที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งนำออกมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมบริเวณอื่น ๆ หรือถ้าใครเคยได้ยินชื่อเทคนิคอย่าง FUT และ FUE ตัว F นั้นก็ย่อมาจากคำว่า Follicular Unit ซึ่งเป็นศัพท์อีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกกราฟต์ผมแบบเป็นทางการได้เช่นกัน

ว่าแต่ทำไมต้องนำกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเซลล์รากผมในบริเวณนั้นมีความต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมของเราชะลอการเจริญเติบโตและหยุดการสร้างใหม่ จนส่งผลให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้านได้ในที่สุด แพทย์จึงเลือกนำ “ผมต้นทุน” ในบริเวณนั้นมาปลูกใหม่ เพราะไม่ว่าจะย้ายไปปลูกที่ไหน คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะอยู่กับเส้นผมเหล่านั้นแบบถาวรตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผมเลยทีเดียว

ทำไมต้องประเมินกราฟต์ผม
หลายคนอาจดีใจเมื่อได้ยินว่า คนเรามีผมต้นทุนคุณสมบัติมหัศจรรย์ที่สามารถต้านทานการหลุดร่วงแบบถาวรได้ เหมือนมีอะไหล่สำรองเก็บไว้ด้านหลังศีรษะ แต่คำถามสำคัญก็คือ ปัญหาผมร่วงผมบางของเรา ต้องการผมต้นทุนมาช่วยมากน้อยแค่ไหน แล้วผมต้นทุนที่เรามี จะเพียงพอแก้ปัญหาให้เราได้อย่างสมบูรณ์แบบมั้ย

นั่นจึงเป็นที่มาของการประเมินกราฟต์ผม โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ ในการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ของคนไข้แบบเฉพาะบุคคลหรือ Tailor-made เนื่องจากคนไข้มาด้วยปัญหาและเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกันเลยสักคน เพื่อคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องใช้ให้ตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้มากที่สุด

รู้จักปัจจัยในการประเมินกราฟต์ผม




ผมต้นทุนด้านหลัง 
แต่ละคนมีผมต้นทุนบริเวณ Doner Area หรือช่วงท้ายทอยด้านหลังศีรษะไม่เท่ากัน ใครที่มีผมหนาแน่นปริมาณมาก ก็พอจะวางใจได้ว่าสามารถย้ายไปปลูกพื้นที่อื่น ๆ ได้เยอะ แต่บางคนที่มีผมต้นทุนอยู่น้อย แพทย์ก็จะต้องช่วยวางแผนการใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่เหมาะสม เพราะอย่าลืมว่า หลังย้ายกราฟต์ผมออกแล้ว เราจะต้องเหลือผมด้านหลังไว้ ไม่ให้ดูบางจนเกินไปด้วย

นอกจากปริมาณผมต้นทุนแล้ว คุณภาพก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน แพทย์ต้องวิเคราะห์ด้วยว่า ผมต้นทุนมีความแข็งแรงแค่ไหน มีขนาดหนาหรือบางอย่างไร และใน 1 กราฟต์ผม มีเส้นผมอยู่กี่เส้น ซึ่งบางคนอาจมีผมหนา และมีถึง 4 เส้น ขณะที่บางคนอาจมีผมเส้นบาง และมีเพียง 1-2 เส้นเท่านั้น นั่นหมายความเราจะต้องใช้กราฟต์ผมในการปลูกใหม่จำนวนมากขึ้นนั่นเอง



พื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง
สำรวจความพร้อมของผมต้นทุนกันแล้ว ก็มาวิเคราะห์ความรุนแรงของปัญหาผมในบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่ หรือ Recipient Area กันบ้าง บางคนเพิ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะผมบางเพียงเล็กน้อยหรือเป็นหย่อมเล็ก ๆ  ขณะที่บางคนอาจเริ่มมีภาวะผมล้าน หรือกินพื้นที่กว้างจนเห็นได้ชัดแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องประเมินบริเวณที่จะปลูกใหม่ด้วย ว่าเป็นการปลูกบริเวณหน้าผากเพื่อเติมกรอบหน้า หรือเป็นการปลูกตรงกลางศีรษะซึ่งก็มีอาการผมบางอยู่หลายระดับ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการจำนวนกราฟต์ผมและความหนาแน่นในการปลูกใหม่ไม่เท่ากัน

ความหนาแน่นของเส้นผม
เคยสงสัยมั้ยว่า ในพื้นที่ 1 ตาราเซนติเมตร มีกราฟต์ผมอยู่ปริมาณเท่าไหร่ คำตอบก็จะแตกต่างกันไปตามความหนาแน่นของเส้นผมตามธรรมชาติของแต่ละคน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80 -100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร 

ซึ่งโดยทั่วไป การปลูกผมใหม่สามารถปลูกเพียงร้อยละ 60-80 ของปริมาณกราฟต์ทั่วไป ก็ถือว่าเพียงพอ แต่ก็ต้องขึ้นกับลักษณะของปัญหาผมด้วย เช่น หากคนไข้มีภาวะศีรษะล้านจนไม่มีผมเหลืออยู่เลย ก็อาจต้องปักกราฟต์ผมแบบเต็มจำนวนเมื่อเทียบกับปริมาณปกติ แต่หากคนไข้เพียงต้องการเติมผมที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น อาจจะปักกราฟต์ผมเพียงร้อยละ 50 หรือน้อยกว่านั้นเมื่อเทียบกับปริมาณปกติก็ได้

ทั้งนี้ แพทย์จะช่วยประเมินแผนการรักษาระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรามีผมต้นทุนค่อนข้างจำกัด อาจจะปลูกผมได้ไม่หนาแน่นเต็มที่ หรือหากมองถึงอนาคตว่าอาจต้องมีการปลูกผมซ้ำหรือเพิ่มเติมจากปัญหาผมร่วงในบริเวณใหม่ ๆ ก็จำเป็นต้องเก็บสำรองผมต้นทุนไว้เผื่อเช่นกัน


เทคนิคที่ใช้ปลูกผม
ด้วยข้อจำกัดที่แตกต่างกันของเทคนิคการปลูกผมแต่ละแบบ จึงเอื้อให้แพทย์สามารถปลูกผมใหม่ได้ในปริมาณความหนาแน่นที่ต่างกันตามไปด้วย หากเป็นเทคนิค FUE แบบเดิม จะสามารถปลูกได้ประมาณ 30-40 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร เพราะเป็นการใช้เข็มเจาะและใช้คีมคีบกราฟต์ผมลงมาปลูก ทำให้หนังศีรษะเกิดอาการตึงชั่วขณะ ซึ่งหากปลูกผมหนาแน่นเกินไป กราฟต์ผมโดยรอบที่ปลูกไว้แล้วจะถูกดันหลุดออกมาได้ง่าย 

แต่สำหรับเทคนิค NEAT ของนามนิน เป็นการพัฒนาจากเทคนิค FUE แบบ DHI ใช้ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ 0.60 มม.นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถเจาะและปักกราฟต์ผมลงไปในหนังศีรษะได้พร้อมกันในครั้งเดียว ทำให้หนังศีรษะไม่ตึงมาก แพทย์จึงปลูกผมแทรกเพื่อเติมความหนาแน่นได้มากถึง 55-60 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร

สูตรคำนวณกราฟต์ผม 
ปลูกแบบไหนให้คุ้มค่า
จุดที่คนไข้หลายคนกังวล ก็คงหนีไม่พ้นค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ว่าจะต้องลงทุนเท่าไหร่ แล้วจะคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้มาหรือไม่ และนี่คือสูตรคำนวณค่าใช้จ่ายที่คุณหมอใช้กันจริง ๆ

ค่าใช้จ่าย = ราคาต่อกราฟต์ผม (ขึ้นอยู่กับเทคนิค) x จำนวนกราฟต์ผมที่ต้องใช้

แม้ว่าสูตรคำนวณจะดูง่าย แต่เมื่อต้องประเมินร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เล่าให้ฟังไปแล้ว ก็นับว่าเป็นโจทย์ที่มีความซับซ้อนมากทีเดียว เพราะเมื่อคนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผมหรือข้อจำกัดของผมต้นทุนต่างกันแบบไม่ซ้ำ แพทย์จึงต้องเจอโจทย์ท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น การที่คนไข้เข้ามาพบและปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเอง จะช่วยให้แพทย์ประเมินและวิเคราะห์ได้แม่นยำขึ้น และสามารถออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์การรักษา รวมถึงตรงใจอย่างที่คนไข้ต้องการไปพร้อม ๆ กัน

เติมกราฟต์ผมใหม่ 
ทำไมต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน วิเคราะห์ และคำนวณการจัดสรรกราฟต์ผมในการนำมาปลูกใหม่ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ในระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ แพทย์จะต้องควบคุมดูแล รวมถึงลงมือทำหัตถการเอง เพื่อให้กราฟต์ผมต้นทุนถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง


เริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งแพทย์ของนามนินคิดค้นเทคนิคแบบขั้นบันได ที่ช่วยซ่อนแผลขนาดเล็กได้อย่างแนบเนียน จากนั้นจึงเป็นการคงคุณภาพของกราฟต์ผมระหว่างรอการปลูกใหม่ โดยต้องรักษาสภาพของกราฟต์ผมไว้ในน้ำยาสำหรับแช่กราฟต์โดยเฉพาะ คงความชุ่มชื้นและอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพื่อให้เซลล์มีอัตราการเผาผลาญต่ำ จนสามารถช่วยยืดอายุของเซลล์แม้จะอยู่ภายนอกร่างกาย อีกทั้งยังต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับการนำไปปลูกใหม่โดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์จะคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม โดยแบ่งจำนวนเส้นผมในกราฟต์ พร้อมเลือกขนาดและความหนาบางให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูก เช่นบริเวณไรผมที่หน้าผากจะต้องการกราฟต์ผมเดี่ยวที่มีผมเส้นเดียวขนาดเล็กบาง เพื่อความเป็นธรรมชาตินั่นเอง

เมื่อกราฟต์ผมได้รับการตัดแต่งเรียบร้อย แพทย์จะใช้ Implanter ขนาดเล็กปักกราฟต์ผมลงใหม่ ใช้ความละเอียดพิถีพิถัน วางทิศทางและองศาผมให้กลมกลืน ระยะความหนาแน่นที่พอดี และระยะความลึกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น

จบคอร์สทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” ฉบับเร่งรัดกับนามนิมแล้ว เท่านี้ คุณก็สามารถพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ด้วยความเข้าใจมากขึ้น รวมถึงตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่ใช่และตอบโจทย์ได้ง่ายขึ้น เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม

NEAT ความพิเศษที่รอให้คุณพิสูจน์
หลาย ๆ คนที่ก้าวเข้ามารับการรักษาปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงกับนามนิน อาจจะต้องสะดุดหูกับชื่อเทคนิค NEAT ว่าเป็นเทคนิคแบบไหน มีความโดดเด่นอย่างไร ทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในวงการปลูกผมปัจจุบัน ชื่อเทคนิคที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุด ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งดูจะเป็นเทคนิคที่แพร่หลายรวมทั้งได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้น ๆ ทั่วโลก 

FUE หรือ Follicular Hair Extraction คือการปลูกผมถาวรด้วยวิธีย้ายรากผมของคนไข้เอง จากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดเหมือนวิธีการในอดีตซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาว ที่สำคัญ ผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังของคนเรานั้นมีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT อันเป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ ก็จะยังคงจุดเด่นเรื่องความคงทนแข็งแรง สามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติของวงจรเส้นผมไปตลอดชีวิตของคนเราเลยทีเดียว

และ NEAT ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ในขั้นสูง ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น เนื่องจากมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเทคนิค FUE โดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม จนทำให้เกิดเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะช่วยเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุดของคนไข้ ตั้งแต่ในช่วงก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก นำไปสู่ผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรง ซึ่งจะอยู่คู่กับคนไข้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า เป็นความพิเศษเฉพาะตัวของ NEAT ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน

โดยทั่วไป เครื่องมือเลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการวัดสัดส่วนใบหน้าเพื่อออกแบบ Hairline หรือแนวผมใหม่ก่อนทำการปลูกผม แต่ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือวาดเส้น Hairline ด้วยตัวเอง อาศัยประสบการณ์ ทักษะ ผสมผสานกับมุมมองเชิงศิลปะ โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาผมแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด บนพื้นฐานของ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อคืนความงดงามอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของเส้นผม

ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับการย้ายผมออกจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังด้วยวิธีการโกน แต่แพทย์ของนามนินเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้ซึ่งต้องคอยระแวงระวังปกปิดร่องรอยหลังการปลูก จนอาจทำให้คนไข้จัดทรงผมได้เพียงไม่กี่แบบ สำหรับนามนิน แพทย์ได้คิดค้น เทคนิคการนำผมออกแบบขั้นบันได สลับกันเป็นแถบเล็ก ๆ โดยไม่ต้องโกน แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายรากผมออกมาแทน ทำให้คนไข้สามารถจัดทรงผมได้ไม่จำกัดสไตล์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผยรอยหลังปลูกให้ใครเห็น

แม้ว่านามนินจะใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับการทำหัตถการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป แต่ขนาด Implanter ที่นามนินเลือกนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เจาะย้ายรากผมให้กับคนไข้นั้น เป็น Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่า Implanter ขนาด 0.8 มิลลิเมตรที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงทิ้งไว้เพียงรอยปลูกขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีเลือดออก และยังลดปัญหาแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว ๆ หลังปลูกผม ทำให้คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ และสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

Implanter ขนาดเล็กพิเศษของนามนิน ยังช่วยให้แพทย์สามารถ ปลูกผมตามทิศทางองศาได้แม่นยำ กว่าการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับความละเอียด ประณีต และความใส่ใจของแพทย์ที่เข้าใจทิศทางเส้นผมและมีทักษะในการปักกราฟต์ผมขั้นสูงแล้ว คนไข้จึงมั่นใจได้ว่า เส้นผมปลูกใหม่จะเรียงตัวกันในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ที่สำคัญ นามนินทำหัตถการปลูกผมด้วยแพทย์ทุกเส้น ขณะที่การปลูกผมแบบ FUE ทั่วไปอาจใช้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาช่วย แต่นามนินให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปักกราฟต์ผมซึ่งต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น เพื่อให้สามารถปักกราฟต์ผมได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งทิศทาง องศา ความลึก ความหนาแน่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมปลูกใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย

มาลองพิสูจน์ความพิเศษเหนือระดับของเทคนิค NEAT ได้ เพียงเริ่มก้าวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ
NEAT ความพิเศษที่รอให้คุณพิสูจน์
หลาย ๆ คนที่ก้าวเข้ามารับการรักษาปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงกับนามนิน อาจจะต้องสะดุดหูกับชื่อเทคนิค NEAT ว่าเป็นเทคนิคแบบไหน มีความโดดเด่นอย่างไร ทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในวงการปลูกผมปัจจุบัน ชื่อเทคนิคที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุด ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งดูจะเป็นเทคนิคที่แพร่หลายรวมทั้งได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้น ๆ ทั่วโลก 

FUE หรือ Follicular Hair Extraction คือการปลูกผมถาวรด้วยวิธีย้ายรากผมของคนไข้เอง จากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดเหมือนวิธีการในอดีตซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาว ที่สำคัญ ผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังของคนเรานั้นมีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT อันเป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ ก็จะยังคงจุดเด่นเรื่องความคงทนแข็งแรง สามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติของวงจรเส้นผมไปตลอดชีวิตของคนเราเลยทีเดียว

และ NEAT ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ในขั้นสูง ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น เนื่องจากมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเทคนิค FUE โดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม จนทำให้เกิดเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะช่วยเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุดของคนไข้ ตั้งแต่ในช่วงก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก นำไปสู่ผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรง ซึ่งจะอยู่คู่กับคนไข้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า เป็นความพิเศษเฉพาะตัวของ NEAT ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน

โดยทั่วไป เครื่องมือเลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการวัดสัดส่วนใบหน้าเพื่อออกแบบ Hairline หรือแนวผมใหม่ก่อนทำการปลูกผม แต่ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือวาดเส้น Hairline ด้วยตัวเอง อาศัยประสบการณ์ ทักษะ ผสมผสานกับมุมมองเชิงศิลปะ โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาผมแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด บนพื้นฐานของ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อคืนความงดงามอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของเส้นผม

ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับการย้ายผมออกจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังด้วยวิธีการโกน แต่แพทย์ของนามนินเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้ซึ่งต้องคอยระแวงระวังปกปิดร่องรอยหลังการปลูก จนอาจทำให้คนไข้จัดทรงผมได้เพียงไม่กี่แบบ สำหรับนามนิน แพทย์ได้คิดค้น เทคนิคการนำผมออกแบบขั้นบันได สลับกันเป็นแถบเล็ก ๆ โดยไม่ต้องโกน แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายรากผมออกมาแทน ทำให้คนไข้สามารถจัดทรงผมได้ไม่จำกัดสไตล์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผยรอยหลังปลูกให้ใครเห็น

แม้ว่านามนินจะใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับการทำหัตถการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป แต่ขนาด Implanter ที่นามนินเลือกนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เจาะย้ายรากผมให้กับคนไข้นั้น เป็น Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่า Implanter ขนาด 0.8 มิลลิเมตรที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงทิ้งไว้เพียงรอยปลูกขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีเลือดออก และยังลดปัญหาแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว ๆ หลังปลูกผม ทำให้คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ และสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

Implanter ขนาดเล็กพิเศษของนามนิน ยังช่วยให้แพทย์สามารถ ปลูกผมตามทิศทางองศาได้แม่นยำ กว่าการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับความละเอียด ประณีต และความใส่ใจของแพทย์ที่เข้าใจทิศทางเส้นผมและมีทักษะในการปักกราฟต์ผมขั้นสูงแล้ว คนไข้จึงมั่นใจได้ว่า เส้นผมปลูกใหม่จะเรียงตัวกันในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ที่สำคัญ นามนินทำหัตถการปลูกผมด้วยแพทย์ทุกเส้น ขณะที่การปลูกผมแบบ FUE ทั่วไปอาจใช้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาช่วย แต่นามนินให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปักกราฟต์ผมซึ่งต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น เพื่อให้สามารถปักกราฟต์ผมได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งทิศทาง องศา ความลึก ความหนาแน่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมปลูกใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย

มาลองพิสูจน์ความพิเศษเหนือระดับของเทคนิค NEAT ได้ เพียงเริ่มก้าวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ
NEAT ความพิเศษที่รอให้คุณพิสูจน์
หลาย ๆ คนที่ก้าวเข้ามารับการรักษาปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงกับนามนิน อาจจะต้องสะดุดหูกับชื่อเทคนิค NEAT ว่าเป็นเทคนิคแบบไหน มีความโดดเด่นอย่างไร ทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในวงการปลูกผมปัจจุบัน ชื่อเทคนิคที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุด ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งดูจะเป็นเทคนิคที่แพร่หลายรวมทั้งได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้น ๆ ทั่วโลก 

FUE หรือ Follicular Hair Extraction คือการปลูกผมถาวรด้วยวิธีย้ายรากผมของคนไข้เอง จากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดเหมือนวิธีการในอดีตซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาว ที่สำคัญ ผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังของคนเรานั้นมีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT อันเป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ ก็จะยังคงจุดเด่นเรื่องความคงทนแข็งแรง สามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติของวงจรเส้นผมไปตลอดชีวิตของคนเราเลยทีเดียว

และ NEAT ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ในขั้นสูง ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น เนื่องจากมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเทคนิค FUE โดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม จนทำให้เกิดเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะช่วยเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุดของคนไข้ ตั้งแต่ในช่วงก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก นำไปสู่ผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรง ซึ่งจะอยู่คู่กับคนไข้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า เป็นความพิเศษเฉพาะตัวของ NEAT ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน

โดยทั่วไป เครื่องมือเลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการวัดสัดส่วนใบหน้าเพื่อออกแบบ Hairline หรือแนวผมใหม่ก่อนทำการปลูกผม แต่ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือวาดเส้น Hairline ด้วยตัวเอง อาศัยประสบการณ์ ทักษะ ผสมผสานกับมุมมองเชิงศิลปะ โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาผมแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด บนพื้นฐานของ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อคืนความงดงามอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของเส้นผม

ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับการย้ายผมออกจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังด้วยวิธีการโกน แต่แพทย์ของนามนินเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้ซึ่งต้องคอยระแวงระวังปกปิดร่องรอยหลังการปลูก จนอาจทำให้คนไข้จัดทรงผมได้เพียงไม่กี่แบบ สำหรับนามนิน แพทย์ได้คิดค้น เทคนิคการนำผมออกแบบขั้นบันได สลับกันเป็นแถบเล็ก ๆ โดยไม่ต้องโกน แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายรากผมออกมาแทน ทำให้คนไข้สามารถจัดทรงผมได้ไม่จำกัดสไตล์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผยรอยหลังปลูกให้ใครเห็น

แม้ว่านามนินจะใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับการทำหัตถการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป แต่ขนาด Implanter ที่นามนินเลือกนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เจาะย้ายรากผมให้กับคนไข้นั้น เป็น Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่า Implanter ขนาด 0.8 มิลลิเมตรที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงทิ้งไว้เพียงรอยปลูกขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีเลือดออก และยังลดปัญหาแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว ๆ หลังปลูกผม ทำให้คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ และสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

Implanter ขนาดเล็กพิเศษของนามนิน ยังช่วยให้แพทย์สามารถ ปลูกผมตามทิศทางองศาได้แม่นยำ กว่าการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับความละเอียด ประณีต และความใส่ใจของแพทย์ที่เข้าใจทิศทางเส้นผมและมีทักษะในการปักกราฟต์ผมขั้นสูงแล้ว คนไข้จึงมั่นใจได้ว่า เส้นผมปลูกใหม่จะเรียงตัวกันในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ที่สำคัญ นามนินทำหัตถการปลูกผมด้วยแพทย์ทุกเส้น ขณะที่การปลูกผมแบบ FUE ทั่วไปอาจใช้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาช่วย แต่นามนินให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปักกราฟต์ผมซึ่งต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น เพื่อให้สามารถปักกราฟต์ผมได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งทิศทาง องศา ความลึก ความหนาแน่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมปลูกใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย

มาลองพิสูจน์ความพิเศษเหนือระดับของเทคนิค NEAT ได้ เพียงเริ่มก้าวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ
NEAT ความพิเศษที่รอให้คุณพิสูจน์
หลาย ๆ คนที่ก้าวเข้ามารับการรักษาปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงกับนามนิน อาจจะต้องสะดุดหูกับชื่อเทคนิค NEAT ว่าเป็นเทคนิคแบบไหน มีความโดดเด่นอย่างไร ทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในวงการปลูกผมปัจจุบัน ชื่อเทคนิคที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุด ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งดูจะเป็นเทคนิคที่แพร่หลายรวมทั้งได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้น ๆ ทั่วโลก 

FUE หรือ Follicular Hair Extraction คือการปลูกผมถาวรด้วยวิธีย้ายรากผมของคนไข้เอง จากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดเหมือนวิธีการในอดีตซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาว ที่สำคัญ ผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังของคนเรานั้นมีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT อันเป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ ก็จะยังคงจุดเด่นเรื่องความคงทนแข็งแรง สามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติของวงจรเส้นผมไปตลอดชีวิตของคนเราเลยทีเดียว

และ NEAT ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ในขั้นสูง ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น เนื่องจากมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเทคนิค FUE โดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม จนทำให้เกิดเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะช่วยเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุดของคนไข้ ตั้งแต่ในช่วงก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก นำไปสู่ผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรง ซึ่งจะอยู่คู่กับคนไข้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า เป็นความพิเศษเฉพาะตัวของ NEAT ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน

โดยทั่วไป เครื่องมือเลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการวัดสัดส่วนใบหน้าเพื่อออกแบบ Hairline หรือแนวผมใหม่ก่อนทำการปลูกผม แต่ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือวาดเส้น Hairline ด้วยตัวเอง อาศัยประสบการณ์ ทักษะ ผสมผสานกับมุมมองเชิงศิลปะ โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาผมแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด บนพื้นฐานของ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อคืนความงดงามอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของเส้นผม

ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับการย้ายผมออกจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังด้วยวิธีการโกน แต่แพทย์ของนามนินเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้ซึ่งต้องคอยระแวงระวังปกปิดร่องรอยหลังการปลูก จนอาจทำให้คนไข้จัดทรงผมได้เพียงไม่กี่แบบ สำหรับนามนิน แพทย์ได้คิดค้น เทคนิคการนำผมออกแบบขั้นบันได สลับกันเป็นแถบเล็ก ๆ โดยไม่ต้องโกน แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายรากผมออกมาแทน ทำให้คนไข้สามารถจัดทรงผมได้ไม่จำกัดสไตล์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผยรอยหลังปลูกให้ใครเห็น

แม้ว่านามนินจะใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับการทำหัตถการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป แต่ขนาด Implanter ที่นามนินเลือกนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เจาะย้ายรากผมให้กับคนไข้นั้น เป็น Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่า Implanter ขนาด 0.8 มิลลิเมตรที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงทิ้งไว้เพียงรอยปลูกขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีเลือดออก และยังลดปัญหาแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว ๆ หลังปลูกผม ทำให้คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ และสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

Implanter ขนาดเล็กพิเศษของนามนิน ยังช่วยให้แพทย์สามารถ ปลูกผมตามทิศทางองศาได้แม่นยำ กว่าการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับความละเอียด ประณีต และความใส่ใจของแพทย์ที่เข้าใจทิศทางเส้นผมและมีทักษะในการปักกราฟต์ผมขั้นสูงแล้ว คนไข้จึงมั่นใจได้ว่า เส้นผมปลูกใหม่จะเรียงตัวกันในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ที่สำคัญ นามนินทำหัตถการปลูกผมด้วยแพทย์ทุกเส้น ขณะที่การปลูกผมแบบ FUE ทั่วไปอาจใช้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาช่วย แต่นามนินให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปักกราฟต์ผมซึ่งต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น เพื่อให้สามารถปักกราฟต์ผมได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งทิศทาง องศา ความลึก ความหนาแน่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมปลูกใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย

มาลองพิสูจน์ความพิเศษเหนือระดับของเทคนิค NEAT ได้ เพียงเริ่มก้าวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ
NEAT ความพิเศษที่รอให้คุณพิสูจน์
หลาย ๆ คนที่ก้าวเข้ามารับการรักษาปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงกับนามนิน อาจจะต้องสะดุดหูกับชื่อเทคนิค NEAT ว่าเป็นเทคนิคแบบไหน มีความโดดเด่นอย่างไร ทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในวงการปลูกผมปัจจุบัน ชื่อเทคนิคที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุด ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งดูจะเป็นเทคนิคที่แพร่หลายรวมทั้งได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้น ๆ ทั่วโลก 

FUE หรือ Follicular Hair Extraction คือการปลูกผมถาวรด้วยวิธีย้ายรากผมของคนไข้เอง จากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดเหมือนวิธีการในอดีตซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาว ที่สำคัญ ผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังของคนเรานั้นมีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT อันเป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ ก็จะยังคงจุดเด่นเรื่องความคงทนแข็งแรง สามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติของวงจรเส้นผมไปตลอดชีวิตของคนเราเลยทีเดียว

และ NEAT ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ในขั้นสูง ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น เนื่องจากมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเทคนิค FUE โดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม จนทำให้เกิดเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะช่วยเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุดของคนไข้ ตั้งแต่ในช่วงก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก นำไปสู่ผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรง ซึ่งจะอยู่คู่กับคนไข้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า เป็นความพิเศษเฉพาะตัวของ NEAT ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน

โดยทั่วไป เครื่องมือเลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการวัดสัดส่วนใบหน้าเพื่อออกแบบ Hairline หรือแนวผมใหม่ก่อนทำการปลูกผม แต่ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือวาดเส้น Hairline ด้วยตัวเอง อาศัยประสบการณ์ ทักษะ ผสมผสานกับมุมมองเชิงศิลปะ โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาผมแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด บนพื้นฐานของ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อคืนความงดงามอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของเส้นผม

ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับการย้ายผมออกจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังด้วยวิธีการโกน แต่แพทย์ของนามนินเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้ซึ่งต้องคอยระแวงระวังปกปิดร่องรอยหลังการปลูก จนอาจทำให้คนไข้จัดทรงผมได้เพียงไม่กี่แบบ สำหรับนามนิน แพทย์ได้คิดค้น เทคนิคการนำผมออกแบบขั้นบันได สลับกันเป็นแถบเล็ก ๆ โดยไม่ต้องโกน แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายรากผมออกมาแทน ทำให้คนไข้สามารถจัดทรงผมได้ไม่จำกัดสไตล์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผยรอยหลังปลูกให้ใครเห็น

แม้ว่านามนินจะใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับการทำหัตถการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป แต่ขนาด Implanter ที่นามนินเลือกนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เจาะย้ายรากผมให้กับคนไข้นั้น เป็น Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่า Implanter ขนาด 0.8 มิลลิเมตรที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงทิ้งไว้เพียงรอยปลูกขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีเลือดออก และยังลดปัญหาแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว ๆ หลังปลูกผม ทำให้คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ และสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

Implanter ขนาดเล็กพิเศษของนามนิน ยังช่วยให้แพทย์สามารถ ปลูกผมตามทิศทางองศาได้แม่นยำ กว่าการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับความละเอียด ประณีต และความใส่ใจของแพทย์ที่เข้าใจทิศทางเส้นผมและมีทักษะในการปักกราฟต์ผมขั้นสูงแล้ว คนไข้จึงมั่นใจได้ว่า เส้นผมปลูกใหม่จะเรียงตัวกันในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ที่สำคัญ นามนินทำหัตถการปลูกผมด้วยแพทย์ทุกเส้น ขณะที่การปลูกผมแบบ FUE ทั่วไปอาจใช้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาช่วย แต่นามนินให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปักกราฟต์ผมซึ่งต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น เพื่อให้สามารถปักกราฟต์ผมได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งทิศทาง องศา ความลึก ความหนาแน่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมปลูกใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย

มาลองพิสูจน์ความพิเศษเหนือระดับของเทคนิค NEAT ได้ เพียงเริ่มก้าวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ
ไขข้อข้องใจ ภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม คนไข้อาจจะพบเจอภาวะที่หลากหลายและแตกต่างกันไป เช่น ผมร่วง ผมหยิก หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ในบทความนี้ นามนิน คลินิก จะชวนมาทำความเข้าใจกับภาวะ “ผมหงอกหลังการปลูกผม”ว่ามีสาเหตุจากอะไร และจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพื่อผู้ที่สนใจการปลูกผมถาวรจะได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นและช่วยคลายความกังวล หากผู้ใดพบเจอกับภาวะนี้อยู่ค่ะ

ผมหงอกหลังการปลูกผม เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรก เกิดจากกระบวนการปลูกผม เพราะในขั้นตอนการเจาะหนังศีรษะเพื่อนำกราฟท์ผมจากบริเวณท้ายทอยไปใช้นั้นทำให้เกิดแผลขนาดเล็กๆ หลายจุด ทำให้เซลล์ในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นที่รากผมฝังตัวอยู่นั้นเกิดความเครียดและหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้เซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินนั้นหยุดทำงานไปด้วย ทำให้เกิดผมหงอกได้ สามารถพบได้ทั้งบริเวณผมที่ย้ายมาปลูกและผมบริเวณใกล้เคียงจุดที่เจาะนำกราฟท์ผมออกไป ทั้งนี้ ผมหงอกในลักษณะนี้เป็นอาการข้างเคียงที่อาจพบได้ในคนไข้บางรายและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

สาเหตุที่สอง เกิดได้จากการที่จำเป็นต้องเจาะนำกราฟท์ผมหงอกมาปลูก อาจจะเป็นเพราะคนไข้มีผมดำไม่เพียงพอต่อการปลูกผมหรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ผมที่ย้ายมาปลูกก็จะกลายเป็นผมหงอกตามธรรมชาติเดิมของเส้นผม นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หากผู้ใดเริ่มพบปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่อยากให้รอจนสายเกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็วค่ะ 
หากมีผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นเกิดขึ้นมาจากสาเหตุแรก อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อเซลล์ต่างๆ ปรับตัวได้และกลับมาทำงานตามปกติ ผมหงอกจะค่อยๆ หายไป หากแพทย์ไม่ได้ตรวจพบว่าเกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ก็สามารถย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกได้ค่ะ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีส่วนผสมของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเส้นผมและหนังศีรษะ 

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงและลักษณะอาการข้างเคียงหลังการปลูกผมของแต่ละคนนั้นจะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนตายตัว “นามนิน คลีนิก” เข้าใจถึงสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการปลูกผมว่าอาจมีความกังวล ความเครียด และความคาดหวังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล จึงมีการดูแลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม และพร้อมให้คำปรึกษาหากคนไข้มีความกังวลกับภาวะใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังการปลูกผม การได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคลายความกังวลให้คนไข้และจับมือกันเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่รอคอยได้อย่างอุ่นใจที่สุด

เพราะสำหรับนามนิน คลินิก ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเปิดใจเดินเข้ามาปรึกษาแพทย์ นั่นหมายถึง คุณกับแพทย์เป็นทีมเดียวกันแล้วค่ะ “ทีมนามนิน”

ไขข้อข้องใจ ภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม คนไข้อาจจะพบเจอภาวะที่หลากหลายและแตกต่างกันไป เช่น ผมร่วง ผมหยิก หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ในบทความนี้ นามนิน คลินิก จะชวนมาทำความเข้าใจกับภาวะ “ผมหงอกหลังการปลูกผม”ว่ามีสาเหตุจากอะไร และจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพื่อผู้ที่สนใจการปลูกผมถาวรจะได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นและช่วยคลายความกังวล หากผู้ใดพบเจอกับภาวะนี้อยู่ค่ะ

ผมหงอกหลังการปลูกผม เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรก เกิดจากกระบวนการปลูกผม เพราะในขั้นตอนการเจาะหนังศีรษะเพื่อนำกราฟท์ผมจากบริเวณท้ายทอยไปใช้นั้นทำให้เกิดแผลขนาดเล็กๆ หลายจุด ทำให้เซลล์ในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นที่รากผมฝังตัวอยู่นั้นเกิดความเครียดและหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้เซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินนั้นหยุดทำงานไปด้วย ทำให้เกิดผมหงอกได้ สามารถพบได้ทั้งบริเวณผมที่ย้ายมาปลูกและผมบริเวณใกล้เคียงจุดที่เจาะนำกราฟท์ผมออกไป ทั้งนี้ ผมหงอกในลักษณะนี้เป็นอาการข้างเคียงที่อาจพบได้ในคนไข้บางรายและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

สาเหตุที่สอง เกิดได้จากการที่จำเป็นต้องเจาะนำกราฟท์ผมหงอกมาปลูก อาจจะเป็นเพราะคนไข้มีผมดำไม่เพียงพอต่อการปลูกผมหรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ผมที่ย้ายมาปลูกก็จะกลายเป็นผมหงอกตามธรรมชาติเดิมของเส้นผม นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หากผู้ใดเริ่มพบปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่อยากให้รอจนสายเกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็วค่ะ 
หากมีผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นเกิดขึ้นมาจากสาเหตุแรก อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อเซลล์ต่างๆ ปรับตัวได้และกลับมาทำงานตามปกติ ผมหงอกจะค่อยๆ หายไป หากแพทย์ไม่ได้ตรวจพบว่าเกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ก็สามารถย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกได้ค่ะ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีส่วนผสมของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเส้นผมและหนังศีรษะ 

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงและลักษณะอาการข้างเคียงหลังการปลูกผมของแต่ละคนนั้นจะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนตายตัว “นามนิน คลีนิก” เข้าใจถึงสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการปลูกผมว่าอาจมีความกังวล ความเครียด และความคาดหวังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล จึงมีการดูแลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม และพร้อมให้คำปรึกษาหากคนไข้มีความกังวลกับภาวะใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังการปลูกผม การได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคลายความกังวลให้คนไข้และจับมือกันเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่รอคอยได้อย่างอุ่นใจที่สุด

เพราะสำหรับนามนิน คลินิก ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเปิดใจเดินเข้ามาปรึกษาแพทย์ นั่นหมายถึง คุณกับแพทย์เป็นทีมเดียวกันแล้วค่ะ “ทีมนามนิน”

ไขข้อข้องใจ ภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม คนไข้อาจจะพบเจอภาวะที่หลากหลายและแตกต่างกันไป เช่น ผมร่วง ผมหยิก หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ในบทความนี้ นามนิน คลินิก จะชวนมาทำความเข้าใจกับภาวะ “ผมหงอกหลังการปลูกผม”ว่ามีสาเหตุจากอะไร และจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพื่อผู้ที่สนใจการปลูกผมถาวรจะได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นและช่วยคลายความกังวล หากผู้ใดพบเจอกับภาวะนี้อยู่ค่ะ

ผมหงอกหลังการปลูกผม เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรก เกิดจากกระบวนการปลูกผม เพราะในขั้นตอนการเจาะหนังศีรษะเพื่อนำกราฟท์ผมจากบริเวณท้ายทอยไปใช้นั้นทำให้เกิดแผลขนาดเล็กๆ หลายจุด ทำให้เซลล์ในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นที่รากผมฝังตัวอยู่นั้นเกิดความเครียดและหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้เซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินนั้นหยุดทำงานไปด้วย ทำให้เกิดผมหงอกได้ สามารถพบได้ทั้งบริเวณผมที่ย้ายมาปลูกและผมบริเวณใกล้เคียงจุดที่เจาะนำกราฟท์ผมออกไป ทั้งนี้ ผมหงอกในลักษณะนี้เป็นอาการข้างเคียงที่อาจพบได้ในคนไข้บางรายและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

สาเหตุที่สอง เกิดได้จากการที่จำเป็นต้องเจาะนำกราฟท์ผมหงอกมาปลูก อาจจะเป็นเพราะคนไข้มีผมดำไม่เพียงพอต่อการปลูกผมหรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ผมที่ย้ายมาปลูกก็จะกลายเป็นผมหงอกตามธรรมชาติเดิมของเส้นผม นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หากผู้ใดเริ่มพบปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่อยากให้รอจนสายเกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็วค่ะ 
หากมีผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นเกิดขึ้นมาจากสาเหตุแรก อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อเซลล์ต่างๆ ปรับตัวได้และกลับมาทำงานตามปกติ ผมหงอกจะค่อยๆ หายไป หากแพทย์ไม่ได้ตรวจพบว่าเกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ก็สามารถย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกได้ค่ะ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีส่วนผสมของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเส้นผมและหนังศีรษะ 

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงและลักษณะอาการข้างเคียงหลังการปลูกผมของแต่ละคนนั้นจะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนตายตัว “นามนิน คลีนิก” เข้าใจถึงสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการปลูกผมว่าอาจมีความกังวล ความเครียด และความคาดหวังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล จึงมีการดูแลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม และพร้อมให้คำปรึกษาหากคนไข้มีความกังวลกับภาวะใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังการปลูกผม การได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคลายความกังวลให้คนไข้และจับมือกันเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่รอคอยได้อย่างอุ่นใจที่สุด

เพราะสำหรับนามนิน คลินิก ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเปิดใจเดินเข้ามาปรึกษาแพทย์ นั่นหมายถึง คุณกับแพทย์เป็นทีมเดียวกันแล้วค่ะ “ทีมนามนิน”

ไขข้อข้องใจ ภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม คนไข้อาจจะพบเจอภาวะที่หลากหลายและแตกต่างกันไป เช่น ผมร่วง ผมหยิก หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ในบทความนี้ นามนิน คลินิก จะชวนมาทำความเข้าใจกับภาวะ “ผมหงอกหลังการปลูกผม”ว่ามีสาเหตุจากอะไร และจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพื่อผู้ที่สนใจการปลูกผมถาวรจะได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นและช่วยคลายความกังวล หากผู้ใดพบเจอกับภาวะนี้อยู่ค่ะ

ผมหงอกหลังการปลูกผม เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรก เกิดจากกระบวนการปลูกผม เพราะในขั้นตอนการเจาะหนังศีรษะเพื่อนำกราฟท์ผมจากบริเวณท้ายทอยไปใช้นั้นทำให้เกิดแผลขนาดเล็กๆ หลายจุด ทำให้เซลล์ในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นที่รากผมฝังตัวอยู่นั้นเกิดความเครียดและหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้เซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินนั้นหยุดทำงานไปด้วย ทำให้เกิดผมหงอกได้ สามารถพบได้ทั้งบริเวณผมที่ย้ายมาปลูกและผมบริเวณใกล้เคียงจุดที่เจาะนำกราฟท์ผมออกไป ทั้งนี้ ผมหงอกในลักษณะนี้เป็นอาการข้างเคียงที่อาจพบได้ในคนไข้บางรายและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

สาเหตุที่สอง เกิดได้จากการที่จำเป็นต้องเจาะนำกราฟท์ผมหงอกมาปลูก อาจจะเป็นเพราะคนไข้มีผมดำไม่เพียงพอต่อการปลูกผมหรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ผมที่ย้ายมาปลูกก็จะกลายเป็นผมหงอกตามธรรมชาติเดิมของเส้นผม นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หากผู้ใดเริ่มพบปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่อยากให้รอจนสายเกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็วค่ะ 
หากมีผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นเกิดขึ้นมาจากสาเหตุแรก อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อเซลล์ต่างๆ ปรับตัวได้และกลับมาทำงานตามปกติ ผมหงอกจะค่อยๆ หายไป หากแพทย์ไม่ได้ตรวจพบว่าเกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ก็สามารถย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกได้ค่ะ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีส่วนผสมของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเส้นผมและหนังศีรษะ 

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงและลักษณะอาการข้างเคียงหลังการปลูกผมของแต่ละคนนั้นจะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนตายตัว “นามนิน คลีนิก” เข้าใจถึงสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการปลูกผมว่าอาจมีความกังวล ความเครียด และความคาดหวังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล จึงมีการดูแลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม และพร้อมให้คำปรึกษาหากคนไข้มีความกังวลกับภาวะใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังการปลูกผม การได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคลายความกังวลให้คนไข้และจับมือกันเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่รอคอยได้อย่างอุ่นใจที่สุด

เพราะสำหรับนามนิน คลินิก ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเปิดใจเดินเข้ามาปรึกษาแพทย์ นั่นหมายถึง คุณกับแพทย์เป็นทีมเดียวกันแล้วค่ะ “ทีมนามนิน”

ไขข้อข้องใจ ภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม คนไข้อาจจะพบเจอภาวะที่หลากหลายและแตกต่างกันไป เช่น ผมร่วง ผมหยิก หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ในบทความนี้ นามนิน คลินิก จะชวนมาทำความเข้าใจกับภาวะ “ผมหงอกหลังการปลูกผม”ว่ามีสาเหตุจากอะไร และจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพื่อผู้ที่สนใจการปลูกผมถาวรจะได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นและช่วยคลายความกังวล หากผู้ใดพบเจอกับภาวะนี้อยู่ค่ะ

ผมหงอกหลังการปลูกผม เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรก เกิดจากกระบวนการปลูกผม เพราะในขั้นตอนการเจาะหนังศีรษะเพื่อนำกราฟท์ผมจากบริเวณท้ายทอยไปใช้นั้นทำให้เกิดแผลขนาดเล็กๆ หลายจุด ทำให้เซลล์ในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นที่รากผมฝังตัวอยู่นั้นเกิดความเครียดและหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้เซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินนั้นหยุดทำงานไปด้วย ทำให้เกิดผมหงอกได้ สามารถพบได้ทั้งบริเวณผมที่ย้ายมาปลูกและผมบริเวณใกล้เคียงจุดที่เจาะนำกราฟท์ผมออกไป ทั้งนี้ ผมหงอกในลักษณะนี้เป็นอาการข้างเคียงที่อาจพบได้ในคนไข้บางรายและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

สาเหตุที่สอง เกิดได้จากการที่จำเป็นต้องเจาะนำกราฟท์ผมหงอกมาปลูก อาจจะเป็นเพราะคนไข้มีผมดำไม่เพียงพอต่อการปลูกผมหรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ผมที่ย้ายมาปลูกก็จะกลายเป็นผมหงอกตามธรรมชาติเดิมของเส้นผม นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หากผู้ใดเริ่มพบปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่อยากให้รอจนสายเกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็วค่ะ 
หากมีผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นเกิดขึ้นมาจากสาเหตุแรก อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อเซลล์ต่างๆ ปรับตัวได้และกลับมาทำงานตามปกติ ผมหงอกจะค่อยๆ หายไป หากแพทย์ไม่ได้ตรวจพบว่าเกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ก็สามารถย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกได้ค่ะ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีส่วนผสมของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเส้นผมและหนังศีรษะ 

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงและลักษณะอาการข้างเคียงหลังการปลูกผมของแต่ละคนนั้นจะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนตายตัว “นามนิน คลีนิก” เข้าใจถึงสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการปลูกผมว่าอาจมีความกังวล ความเครียด และความคาดหวังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล จึงมีการดูแลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม และพร้อมให้คำปรึกษาหากคนไข้มีความกังวลกับภาวะใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังการปลูกผม การได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคลายความกังวลให้คนไข้และจับมือกันเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่รอคอยได้อย่างอุ่นใจที่สุด

เพราะสำหรับนามนิน คลินิก ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเปิดใจเดินเข้ามาปรึกษาแพทย์ นั่นหมายถึง คุณกับแพทย์เป็นทีมเดียวกันแล้วค่ะ “ทีมนามนิน”

Tip ดูแลเส้นผมรับลมหนาว
แม้ว่าลมหนาวปลายปีจะมาเยือนเมืองไทยแค่เบา ๆ เหมือนกลัวมนุษย์เมืองร้อนอย่างเราจะหนาวกันจนทนไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้น อุณหภูมิที่ลดลง และความชื้นในอากาศที่ลดลง ก็ทำให้สภาพอากาศแห้งขึ้น และส่งผลต่อเส้นผมของเราได้เหมือนกัน

สังเกตมั้ยว่า หน้าหนาวทีไร เส้นผมของเรามักจะดูแห้งเสีย กระด้าง ชี้ฟู จัดทรงยาก ไม่เงางาม ทั้งยังหลุดร่วงง่ายกว่าในฤดูอื่น ๆ นั่นก็เป็นเพราะหนังศีรษะของเราทั้งแห้งและขาดความชุ่มชื้นไปตามสภาพอากาศ หรือหากบางคนมีน้ำมันเคลือบเส้นผมอยู่มากเกินไป ก็จะทำให้ผมลีบแบน และทิ้งตัวติดศีรษะจนแทบหมดความมั่นใจเลยก็เป็นได้

เราจึงขอชวนคุณมาดูแลเส้นผมรับลมหนาว เพื่ออวดผมสวยสุขภาพดีแม้ในช่วงปลายปีที่อากาศเปลี่ยนแปลง ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  • ข้อแรก ง่ายจริง ๆ นะ แค่ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย รวมถึงหนังศีรษะและเส้นผมด้วย

  • เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารอาหารพวกโปรตีนหรือไขมันที่มีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยบำรุงผมของเราได้อีกทาง

  • ถ้าใครรู้ตัวว่ามีผมแตกปลาย หมั่นคอยเล็มออกบ่อย ๆ จะดีกว่า เพื่อไม่ให้ผมแห้งเสีย และชี้ฟูยิ่งกว่าเดิมในหน้าหนาว

  • ส่วนใครที่มักจะสระผมเป็นประจำทุกวัน ฟังทางนี้ การสระผมบ่อย ๆ จะเป็นชะล้างน้ำมันบนหนังศีรษะออกไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและขาดความชุ่มชื้นมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนผมมันอยู่แล้ว การสระผมบ่อย ๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นอีก ดังนั้น ลองปรับกิจวัตรการสระผม โดยสระเท่าที่จำเป็นก็พอ

  • การสระผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ก็มีผลเหมือนกันนะ เพราะจะทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะเปิดออก และเสี่ยงต่อการอุดตัน จนอาจทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเส้นผมได้ไม่เต็มที่ เส้นผมจึงอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าไม่หนาวจนเกินไป สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติน่าจะดีต่อสุขภาพผมมากกว่า

  • นอกจากน้ำร้อนแล้ว ลมร้อนจากไดร์เป่าผม รวมถึงความร้อนจากการหนีบผมหรือการจัดแต่งทรงผมอื่น ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ทั้งนี้ เราอาจจะใช้น้ำมันที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลายด้วยความร้อน ชโลมให้ทั่วก่อน หรือเปลี่ยนมาใช้ไดร์เป่าผมลมอุ่นหรือลมธรรมดาก็ได้เหมือนกัน

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะที่ได้คุณภาพ เหมาะกับสภาพผม สามารถช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้น หรือเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม ซึ่งนอกจากแชมพูแล้ว ก็ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ โดยชโลมเฉพาะบริเวณปลายผม เพื่อป้องกันผมแตกปลาย และหลีกเลี่ยงบริเวณหนังศีรษะ เพื่อไม่ให้ผมมันมากขึ้น 

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เติมน้ำมันให้ผม เช่น น้ำมันมะกอกสกัดเย็น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้หมักผมกันโดยทั่วไป หรือการทำ Treatment ผม เพื่อปกป้องผมจากอากาศแห้งและเย็น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย

หากใครกำลังมองหา Treatment บำรุงผมแบบครบเครื่อง นามนินขอแนะนำบริการใหม่ Namnin Perfect Hair Treatment ที่เราออกแบบให้เป็น Treatment กึ่งสปา เริ่มจากการนวดบำรุงหนังศรีษะด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาตินำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อาศัยศาสตร์การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ตามมาด้วยการทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer ที่นำเข้าจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะบำรุงด้วยเซรั่มทิ้งท้ายอีกขั้น เพื่อให้ผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย เรียกได้ว่าเป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลเส้นผมแบบจบครบทุกมิติใน Treatment เดียว เพื่อให้เส้นผมของคุณพร้อมสู้สภาพอากาศได้ทุกฤดูกาล

Tip ดูแลเส้นผมรับลมหนาว
แม้ว่าลมหนาวปลายปีจะมาเยือนเมืองไทยแค่เบา ๆ เหมือนกลัวมนุษย์เมืองร้อนอย่างเราจะหนาวกันจนทนไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้น อุณหภูมิที่ลดลง และความชื้นในอากาศที่ลดลง ก็ทำให้สภาพอากาศแห้งขึ้น และส่งผลต่อเส้นผมของเราได้เหมือนกัน

สังเกตมั้ยว่า หน้าหนาวทีไร เส้นผมของเรามักจะดูแห้งเสีย กระด้าง ชี้ฟู จัดทรงยาก ไม่เงางาม ทั้งยังหลุดร่วงง่ายกว่าในฤดูอื่น ๆ นั่นก็เป็นเพราะหนังศีรษะของเราทั้งแห้งและขาดความชุ่มชื้นไปตามสภาพอากาศ หรือหากบางคนมีน้ำมันเคลือบเส้นผมอยู่มากเกินไป ก็จะทำให้ผมลีบแบน และทิ้งตัวติดศีรษะจนแทบหมดความมั่นใจเลยก็เป็นได้

เราจึงขอชวนคุณมาดูแลเส้นผมรับลมหนาว เพื่ออวดผมสวยสุขภาพดีแม้ในช่วงปลายปีที่อากาศเปลี่ยนแปลง ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  • ข้อแรก ง่ายจริง ๆ นะ แค่ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย รวมถึงหนังศีรษะและเส้นผมด้วย

  • เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารอาหารพวกโปรตีนหรือไขมันที่มีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยบำรุงผมของเราได้อีกทาง

  • ถ้าใครรู้ตัวว่ามีผมแตกปลาย หมั่นคอยเล็มออกบ่อย ๆ จะดีกว่า เพื่อไม่ให้ผมแห้งเสีย และชี้ฟูยิ่งกว่าเดิมในหน้าหนาว

  • ส่วนใครที่มักจะสระผมเป็นประจำทุกวัน ฟังทางนี้ การสระผมบ่อย ๆ จะเป็นชะล้างน้ำมันบนหนังศีรษะออกไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและขาดความชุ่มชื้นมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนผมมันอยู่แล้ว การสระผมบ่อย ๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นอีก ดังนั้น ลองปรับกิจวัตรการสระผม โดยสระเท่าที่จำเป็นก็พอ

  • การสระผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ก็มีผลเหมือนกันนะ เพราะจะทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะเปิดออก และเสี่ยงต่อการอุดตัน จนอาจทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเส้นผมได้ไม่เต็มที่ เส้นผมจึงอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าไม่หนาวจนเกินไป สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติน่าจะดีต่อสุขภาพผมมากกว่า

  • นอกจากน้ำร้อนแล้ว ลมร้อนจากไดร์เป่าผม รวมถึงความร้อนจากการหนีบผมหรือการจัดแต่งทรงผมอื่น ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ทั้งนี้ เราอาจจะใช้น้ำมันที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลายด้วยความร้อน ชโลมให้ทั่วก่อน หรือเปลี่ยนมาใช้ไดร์เป่าผมลมอุ่นหรือลมธรรมดาก็ได้เหมือนกัน

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะที่ได้คุณภาพ เหมาะกับสภาพผม สามารถช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้น หรือเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม ซึ่งนอกจากแชมพูแล้ว ก็ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ โดยชโลมเฉพาะบริเวณปลายผม เพื่อป้องกันผมแตกปลาย และหลีกเลี่ยงบริเวณหนังศีรษะ เพื่อไม่ให้ผมมันมากขึ้น 

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เติมน้ำมันให้ผม เช่น น้ำมันมะกอกสกัดเย็น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้หมักผมกันโดยทั่วไป หรือการทำ Treatment ผม เพื่อปกป้องผมจากอากาศแห้งและเย็น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย

หากใครกำลังมองหา Treatment บำรุงผมแบบครบเครื่อง นามนินขอแนะนำบริการใหม่ Namnin Perfect Hair Treatment ที่เราออกแบบให้เป็น Treatment กึ่งสปา เริ่มจากการนวดบำรุงหนังศรีษะด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาตินำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อาศัยศาสตร์การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ตามมาด้วยการทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer ที่นำเข้าจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะบำรุงด้วยเซรั่มทิ้งท้ายอีกขั้น เพื่อให้ผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย เรียกได้ว่าเป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลเส้นผมแบบจบครบทุกมิติใน Treatment เดียว เพื่อให้เส้นผมของคุณพร้อมสู้สภาพอากาศได้ทุกฤดูกาล

Tip ดูแลเส้นผมรับลมหนาว
แม้ว่าลมหนาวปลายปีจะมาเยือนเมืองไทยแค่เบา ๆ เหมือนกลัวมนุษย์เมืองร้อนอย่างเราจะหนาวกันจนทนไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้น อุณหภูมิที่ลดลง และความชื้นในอากาศที่ลดลง ก็ทำให้สภาพอากาศแห้งขึ้น และส่งผลต่อเส้นผมของเราได้เหมือนกัน

สังเกตมั้ยว่า หน้าหนาวทีไร เส้นผมของเรามักจะดูแห้งเสีย กระด้าง ชี้ฟู จัดทรงยาก ไม่เงางาม ทั้งยังหลุดร่วงง่ายกว่าในฤดูอื่น ๆ นั่นก็เป็นเพราะหนังศีรษะของเราทั้งแห้งและขาดความชุ่มชื้นไปตามสภาพอากาศ หรือหากบางคนมีน้ำมันเคลือบเส้นผมอยู่มากเกินไป ก็จะทำให้ผมลีบแบน และทิ้งตัวติดศีรษะจนแทบหมดความมั่นใจเลยก็เป็นได้

เราจึงขอชวนคุณมาดูแลเส้นผมรับลมหนาว เพื่ออวดผมสวยสุขภาพดีแม้ในช่วงปลายปีที่อากาศเปลี่ยนแปลง ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  • ข้อแรก ง่ายจริง ๆ นะ แค่ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย รวมถึงหนังศีรษะและเส้นผมด้วย

  • เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารอาหารพวกโปรตีนหรือไขมันที่มีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยบำรุงผมของเราได้อีกทาง

  • ถ้าใครรู้ตัวว่ามีผมแตกปลาย หมั่นคอยเล็มออกบ่อย ๆ จะดีกว่า เพื่อไม่ให้ผมแห้งเสีย และชี้ฟูยิ่งกว่าเดิมในหน้าหนาว

  • ส่วนใครที่มักจะสระผมเป็นประจำทุกวัน ฟังทางนี้ การสระผมบ่อย ๆ จะเป็นชะล้างน้ำมันบนหนังศีรษะออกไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและขาดความชุ่มชื้นมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนผมมันอยู่แล้ว การสระผมบ่อย ๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นอีก ดังนั้น ลองปรับกิจวัตรการสระผม โดยสระเท่าที่จำเป็นก็พอ

  • การสระผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ก็มีผลเหมือนกันนะ เพราะจะทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะเปิดออก และเสี่ยงต่อการอุดตัน จนอาจทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเส้นผมได้ไม่เต็มที่ เส้นผมจึงอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าไม่หนาวจนเกินไป สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติน่าจะดีต่อสุขภาพผมมากกว่า

  • นอกจากน้ำร้อนแล้ว ลมร้อนจากไดร์เป่าผม รวมถึงความร้อนจากการหนีบผมหรือการจัดแต่งทรงผมอื่น ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ทั้งนี้ เราอาจจะใช้น้ำมันที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลายด้วยความร้อน ชโลมให้ทั่วก่อน หรือเปลี่ยนมาใช้ไดร์เป่าผมลมอุ่นหรือลมธรรมดาก็ได้เหมือนกัน

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะที่ได้คุณภาพ เหมาะกับสภาพผม สามารถช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้น หรือเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม ซึ่งนอกจากแชมพูแล้ว ก็ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ โดยชโลมเฉพาะบริเวณปลายผม เพื่อป้องกันผมแตกปลาย และหลีกเลี่ยงบริเวณหนังศีรษะ เพื่อไม่ให้ผมมันมากขึ้น 

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เติมน้ำมันให้ผม เช่น น้ำมันมะกอกสกัดเย็น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้หมักผมกันโดยทั่วไป หรือการทำ Treatment ผม เพื่อปกป้องผมจากอากาศแห้งและเย็น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย

หากใครกำลังมองหา Treatment บำรุงผมแบบครบเครื่อง นามนินขอแนะนำบริการใหม่ Namnin Perfect Hair Treatment ที่เราออกแบบให้เป็น Treatment กึ่งสปา เริ่มจากการนวดบำรุงหนังศรีษะด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาตินำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อาศัยศาสตร์การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ตามมาด้วยการทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer ที่นำเข้าจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะบำรุงด้วยเซรั่มทิ้งท้ายอีกขั้น เพื่อให้ผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย เรียกได้ว่าเป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลเส้นผมแบบจบครบทุกมิติใน Treatment เดียว เพื่อให้เส้นผมของคุณพร้อมสู้สภาพอากาศได้ทุกฤดูกาล

Tip ดูแลเส้นผมรับลมหนาว
แม้ว่าลมหนาวปลายปีจะมาเยือนเมืองไทยแค่เบา ๆ เหมือนกลัวมนุษย์เมืองร้อนอย่างเราจะหนาวกันจนทนไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้น อุณหภูมิที่ลดลง และความชื้นในอากาศที่ลดลง ก็ทำให้สภาพอากาศแห้งขึ้น และส่งผลต่อเส้นผมของเราได้เหมือนกัน

สังเกตมั้ยว่า หน้าหนาวทีไร เส้นผมของเรามักจะดูแห้งเสีย กระด้าง ชี้ฟู จัดทรงยาก ไม่เงางาม ทั้งยังหลุดร่วงง่ายกว่าในฤดูอื่น ๆ นั่นก็เป็นเพราะหนังศีรษะของเราทั้งแห้งและขาดความชุ่มชื้นไปตามสภาพอากาศ หรือหากบางคนมีน้ำมันเคลือบเส้นผมอยู่มากเกินไป ก็จะทำให้ผมลีบแบน และทิ้งตัวติดศีรษะจนแทบหมดความมั่นใจเลยก็เป็นได้

เราจึงขอชวนคุณมาดูแลเส้นผมรับลมหนาว เพื่ออวดผมสวยสุขภาพดีแม้ในช่วงปลายปีที่อากาศเปลี่ยนแปลง ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  • ข้อแรก ง่ายจริง ๆ นะ แค่ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย รวมถึงหนังศีรษะและเส้นผมด้วย

  • เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารอาหารพวกโปรตีนหรือไขมันที่มีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยบำรุงผมของเราได้อีกทาง

  • ถ้าใครรู้ตัวว่ามีผมแตกปลาย หมั่นคอยเล็มออกบ่อย ๆ จะดีกว่า เพื่อไม่ให้ผมแห้งเสีย และชี้ฟูยิ่งกว่าเดิมในหน้าหนาว

  • ส่วนใครที่มักจะสระผมเป็นประจำทุกวัน ฟังทางนี้ การสระผมบ่อย ๆ จะเป็นชะล้างน้ำมันบนหนังศีรษะออกไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและขาดความชุ่มชื้นมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนผมมันอยู่แล้ว การสระผมบ่อย ๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นอีก ดังนั้น ลองปรับกิจวัตรการสระผม โดยสระเท่าที่จำเป็นก็พอ

  • การสระผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ก็มีผลเหมือนกันนะ เพราะจะทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะเปิดออก และเสี่ยงต่อการอุดตัน จนอาจทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเส้นผมได้ไม่เต็มที่ เส้นผมจึงอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าไม่หนาวจนเกินไป สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติน่าจะดีต่อสุขภาพผมมากกว่า

  • นอกจากน้ำร้อนแล้ว ลมร้อนจากไดร์เป่าผม รวมถึงความร้อนจากการหนีบผมหรือการจัดแต่งทรงผมอื่น ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ทั้งนี้ เราอาจจะใช้น้ำมันที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลายด้วยความร้อน ชโลมให้ทั่วก่อน หรือเปลี่ยนมาใช้ไดร์เป่าผมลมอุ่นหรือลมธรรมดาก็ได้เหมือนกัน

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะที่ได้คุณภาพ เหมาะกับสภาพผม สามารถช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้น หรือเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม ซึ่งนอกจากแชมพูแล้ว ก็ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ โดยชโลมเฉพาะบริเวณปลายผม เพื่อป้องกันผมแตกปลาย และหลีกเลี่ยงบริเวณหนังศีรษะ เพื่อไม่ให้ผมมันมากขึ้น 

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เติมน้ำมันให้ผม เช่น น้ำมันมะกอกสกัดเย็น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้หมักผมกันโดยทั่วไป หรือการทำ Treatment ผม เพื่อปกป้องผมจากอากาศแห้งและเย็น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย

หากใครกำลังมองหา Treatment บำรุงผมแบบครบเครื่อง นามนินขอแนะนำบริการใหม่ Namnin Perfect Hair Treatment ที่เราออกแบบให้เป็น Treatment กึ่งสปา เริ่มจากการนวดบำรุงหนังศรีษะด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาตินำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อาศัยศาสตร์การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ตามมาด้วยการทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer ที่นำเข้าจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะบำรุงด้วยเซรั่มทิ้งท้ายอีกขั้น เพื่อให้ผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย เรียกได้ว่าเป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลเส้นผมแบบจบครบทุกมิติใน Treatment เดียว เพื่อให้เส้นผมของคุณพร้อมสู้สภาพอากาศได้ทุกฤดูกาล

เปิดเส้นทางความสำเร็จ สู่ปีที่ 4 ของ “นามนิน คลินิก”
“นามนิน คลินิก” ยังคงเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ด้วยเทคนิคสุดประณีตที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว ซึ่งประยุกต์ทั้งศาสตร์การแพทย์และศิลปะความงามเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งยังมอบบริการที่ตอบโจทย์ความสำเร็จในการรักษาและความพึงพอใจของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่ขวบปีที่ 4 อย่างมั่นคง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาด “บริการปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และสามารถขยายฐานผู้ใช้บริการไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากเทรนด์การปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ รวมไปถึงกลุ่มผู้หญิง เนื่องมาจากความสำเร็จในการเปลี่ยนภาพจำเก่า ๆ ของการปลูกผม จากที่เคยเป็นปัญหาของผู้ชาย คนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง กลายมาเป็นศาสตร์ความงามที่ไม่ว่าใครก็เข้าถึงได้ เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น ที่สำคัญ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วยังช่วยลบภาพจำที่ค่อนข้างน่ากลัวของหัตถการการปลูกผม แทนที่ด้วยคำบอกเล่าถึงประสบการณ์สบาย ๆ ที่น่าประทับใจ แทบไม่ต่างจากการเข้าคลินิกเสริมความงามที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมืองในตอนนี้




“นามนิน” ก็คือหนึ่งในชื่อของคลินิกปลูกผมที่กำลังมาแรง และเป็นชื่อที่อยู่ในใจอันดับต้น ๆ ของผู้เข้ารับบริการปลูกผม เนื่องจากความตั้งใจที่ชัดเจนของแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน ซึ่งเป็นผู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าในการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง และอยู่เบื้องหลังในการวางรากฐานและบทบาทของแบรนด์ “นามนิน” ในฐานะผู้ให้บริการปลูกผมด้วย “ความใส่ใจ” พร้อมเติมความละเอียดประณีตลงไปในทุก ๆ ขั้นตอน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง และออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสต่อเคส เพื่อตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ 


ที่สำคัญ คุณหมอนินยังอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมจากทั้งในและต่างประเทศ มาพัฒนาเทคนิคการปลูกผมที่ทันสมัยและได้ประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้คนไข้ได้มากกว่าเดิม ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” ความพิเศษของเทคนิค NEAT ไม่ใช่แค่ชื่อช่วยจำ แต่มีความหมายที่แฝงอยู่ในทุกตัวอักษร 


“ N แทนความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน
E แทนแนวทางการรักษาที่ออกแบบสุด Exclusive เฉพาะบุคคล 
A แทนเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงระดับ Advance ที่วางใจได้ในผลลัพธ์การรักษา 
T แทน Technology เครื่องมือทันสมัย ประสานกับ 
Technique เฉพาะตัวของคุณหมอนินที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง”


นอกจากความสำเร็จของเทคนิค NEAT “นามนิน คลินิก” ยังพัฒนาการให้บริการทุก ๆ มิติ โดยเน้นให้บุคลากรผู้ช่วยแพทย์ต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นในการทำหัตถการปลูกผม ขณะที่บุคลากรประจำคลินิกทุกคนต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันในการดูแลและให้คำแนะนำแก่คนไข้ด้วยความใส่ใจ กระทั่งสามารถเปลี่ยนคลินิกแห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความอุ่นใจ ที่คนไข้สามารถบอกเล่าปัญหาและขอคำปรึกษาได้เสมอ อีกทั้งแพทย์ยังเลือกสรรผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดเส้นผมที่ได้มาตรฐานเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาในระยะยาว


จุดแข็งของ “นามนิน” โดยเฉพาะการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกเส้นนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นให้กับวงการปลูกผมในประเทศไทย ซึ่ง “นามนิน” เองพยายามสื่อสารมาตลอดว่า หัวใจสำคัญของกระบวนการปลูกผม คือขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่ลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา โดยคำนึงถึงทิศทางองศา ความลึก ความหนาแน่นที่เหมาะสม เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เติมเต็มส่วนที่บางให้กลับหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ และมั่นใจได้ว่าเส้นผมใหม่จะเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง ไม่หลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร การปลูกผมจึงเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์อย่างไม่มีใครแทนที่ได้


ไม่เพียงเท่านั้น “นามนิน” ยังยึดมั่นในการทำการสื่อการการตลาดด้วย “กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว หรือ White Ocean Strategy” ซึ่งเน้นการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของจริยธรรม ความเป็นจริง และความรับผิดชอบต่อสังคม “นามนิน” เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการปลูกผม ที่เน้นการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจในศาสตร์การปลูกผม แบ่งปันสู่กลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางต่าง ๆ เสมอมา ดังจะเห็นได้จากการเลือกใช้สื่อหลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น การสื่อสารไปยังกลุ่มวัยกลางคนผ่านสื่อวิทยุ การสื่อสารไปยังกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ๆ ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายและกำลังรับมือกับปัญหาเส้นผมแบบเดียวกัน ผ่านสื่อออนไลน์และเหล่า Influencers ที่น่าเชื่อถือ รวมไปถึงการสื่อสารผ่านหนังสั้นเพื่อสะท้อนมุมมองและคำสัญญาจากแบรนด์ เพื่อตอกย้ำถึงคุณค่าของบริการปลูกผมจาก “นามนิน


ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” ไม่เพียงเริ่มต้นด้วยการต่อยอด “คอร์สสอนปลูกผม” ที่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของคุณหมอนิน ในฐานะ “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” ท่านอื่น ๆ โดยตรงเท่านั้น แต่ผู้มาใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติยังได้สัมผัสประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้น กับบริการที่ครบวงจรแบบ Hair Medical Center ที่พหลโยธิน 34 รองรับการบริการด้านการดูแลเส้นผมตั้งแต่ก่อนปลูกผม ให้บริการปลูกผม และดูแลฟื้นฟูเส้นผม ด้วยความ “ใส่ใจ” ในทุก ๆ ขั้นตอนตลอดเส้นทางการรักษา เพื่อเปลี่ยนทุกคนที่ก้าวเข้ามาใช้บริการ ให้กลายเป็น “คนใหม่” ที่สามารถปลดล็อกตนเองสู่อิสระและความมั่นใจในการใช้ชีวิต สัมผัสประสบการณ์การดูแลเส้นผม การปลูกผมแบบไม่ต้องลางาน ได้ที่ https://www.facebook.com/namninclinic  หรือ www.namnin.com  สอบถามรายละเอียด Line@Namninclinic หรือโทร.093-093-5639

Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม
Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม 
หัวใจของนามนินคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายขึ้น จุดมุ่งหมายคือ เมื่อก้าวเข้ามาที่นามนิน คลินิก คุณจะได้รับกลับไปมากกว่าการรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อตอบโจทย์ด้านอื่นด้วย ทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบาย และการดูแลเส้นผมในระยะยาว

Elixir Hair Serum ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก NEAT HAIR NUE เป็นนวัตกรรมการดูแลเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม คุณหมอได้คัดสรรส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ  100% เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่าไม่แพ้ ไม่มีผลข้างเคียง คุณหมอนินเป็นผู้ทดลองใช้ด้วยตัวเองและมั่นใจว่าเห็นผลจริง
ส่วนผสมหลักในเซรั่มเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่คัดสรรมาเพื่อบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกประกอบไปด้วย

1. Baicapil นวัตกรรมจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด คือ Scutellaria Bicalensis ที่อุดมไปด้วยสาร Baicalin ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมและยืดระยะเวลาการงอกของต่อมรากผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง

2. BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์อบแห้งและเมล็ดข้าวฟ่าง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดการเกิดรังแค บำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ป้องกันการอักเสบต่างๆ

3. Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า มีแร่ธาตุและสารอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ป้องกันผมร่วง ให้ความชุ่มชื่นและปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม

4. Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด สมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติเด่นชัดมากในการบำรุงผม ช่วยให้เซลล์รากผมแข็งแรง ผมไม่หลุดร่วงง่าย ผมนุ่มลื่น เงางาม ชะลอการเกิดผมหงอก ลดอาการคันศีรษะและเกิดรังแค

5. Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รากผมและเส้นผมแข็งแรงขึ้น ผมดกดำเงางามและป้องกันผมหงอกก่อนวัย เป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการยอมรับกันมายาวนาน

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงเป็นเซรั่มที่กระตุ้นการงอกของเส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะได้ เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมร่วง ผมบาง และผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว

วิธีการใช้ก็สะดวกสบายมาก หลังจากสระผมแล้วเช็ดให้หมาด หยดเซรั่มบนหนังศีรษะให้ทั่ว นวดเบาๆ 2-3 นาที เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและช่วยให้โทนิคซึมเข้าสู่รากผมได้ดีขึ้น ไม่ต้องล้างออก ควรใช้ทุกครั้งหลังสระผม และควรใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

เพราะผลงานของ “นามนิน” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยความใส่ใจในทุกปัญหาเส้นผม ผนวกกับความตั้งใจที่จะพัฒนาการดูแลรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้าคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการดูแลเส้นผม NEAT HAIR NUE  ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง รวมถึงเพิ่มศักยภาพการให้บริการ Hair Treatment เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้น ถ้าคุณรักผม นามนิน พร้อมให้บริการและดูแลผมทุกเส้นของคุณด้วยความใส่ใจเสมอ
          

Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม
Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม 
หัวใจของนามนินคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายขึ้น จุดมุ่งหมายคือ เมื่อก้าวเข้ามาที่นามนิน คลินิก คุณจะได้รับกลับไปมากกว่าการรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อตอบโจทย์ด้านอื่นด้วย ทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบาย และการดูแลเส้นผมในระยะยาว

Elixir Hair Serum ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก NEAT HAIR NUE เป็นนวัตกรรมการดูแลเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม คุณหมอได้คัดสรรส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ  100% เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่าไม่แพ้ ไม่มีผลข้างเคียง คุณหมอนินเป็นผู้ทดลองใช้ด้วยตัวเองและมั่นใจว่าเห็นผลจริง
ส่วนผสมหลักในเซรั่มเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่คัดสรรมาเพื่อบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกประกอบไปด้วย

1. Baicapil นวัตกรรมจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด คือ Scutellaria Bicalensis ที่อุดมไปด้วยสาร Baicalin ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมและยืดระยะเวลาการงอกของต่อมรากผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง

2. BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์อบแห้งและเมล็ดข้าวฟ่าง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดการเกิดรังแค บำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ป้องกันการอักเสบต่างๆ

3. Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า มีแร่ธาตุและสารอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ป้องกันผมร่วง ให้ความชุ่มชื่นและปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม

4. Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด สมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติเด่นชัดมากในการบำรุงผม ช่วยให้เซลล์รากผมแข็งแรง ผมไม่หลุดร่วงง่าย ผมนุ่มลื่น เงางาม ชะลอการเกิดผมหงอก ลดอาการคันศีรษะและเกิดรังแค

5. Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รากผมและเส้นผมแข็งแรงขึ้น ผมดกดำเงางามและป้องกันผมหงอกก่อนวัย เป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการยอมรับกันมายาวนาน

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงเป็นเซรั่มที่กระตุ้นการงอกของเส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะได้ เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมร่วง ผมบาง และผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว

วิธีการใช้ก็สะดวกสบายมาก หลังจากสระผมแล้วเช็ดให้หมาด หยดเซรั่มบนหนังศีรษะให้ทั่ว นวดเบาๆ 2-3 นาที เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและช่วยให้โทนิคซึมเข้าสู่รากผมได้ดีขึ้น ไม่ต้องล้างออก ควรใช้ทุกครั้งหลังสระผม และควรใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

เพราะผลงานของ “นามนิน” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยความใส่ใจในทุกปัญหาเส้นผม ผนวกกับความตั้งใจที่จะพัฒนาการดูแลรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้าคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการดูแลเส้นผม NEAT HAIR NUE  ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง รวมถึงเพิ่มศักยภาพการให้บริการ Hair Treatment เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้น ถ้าคุณรักผม นามนิน พร้อมให้บริการและดูแลผมทุกเส้นของคุณด้วยความใส่ใจเสมอ
          

Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม
Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม 
หัวใจของนามนินคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายขึ้น จุดมุ่งหมายคือ เมื่อก้าวเข้ามาที่นามนิน คลินิก คุณจะได้รับกลับไปมากกว่าการรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อตอบโจทย์ด้านอื่นด้วย ทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบาย และการดูแลเส้นผมในระยะยาว

Elixir Hair Serum ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก NEAT HAIR NUE เป็นนวัตกรรมการดูแลเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม คุณหมอได้คัดสรรส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ  100% เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่าไม่แพ้ ไม่มีผลข้างเคียง คุณหมอนินเป็นผู้ทดลองใช้ด้วยตัวเองและมั่นใจว่าเห็นผลจริง
ส่วนผสมหลักในเซรั่มเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่คัดสรรมาเพื่อบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกประกอบไปด้วย

1. Baicapil นวัตกรรมจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด คือ Scutellaria Bicalensis ที่อุดมไปด้วยสาร Baicalin ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมและยืดระยะเวลาการงอกของต่อมรากผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง

2. BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์อบแห้งและเมล็ดข้าวฟ่าง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดการเกิดรังแค บำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ป้องกันการอักเสบต่างๆ

3. Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า มีแร่ธาตุและสารอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ป้องกันผมร่วง ให้ความชุ่มชื่นและปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม

4. Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด สมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติเด่นชัดมากในการบำรุงผม ช่วยให้เซลล์รากผมแข็งแรง ผมไม่หลุดร่วงง่าย ผมนุ่มลื่น เงางาม ชะลอการเกิดผมหงอก ลดอาการคันศีรษะและเกิดรังแค

5. Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รากผมและเส้นผมแข็งแรงขึ้น ผมดกดำเงางามและป้องกันผมหงอกก่อนวัย เป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการยอมรับกันมายาวนาน

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงเป็นเซรั่มที่กระตุ้นการงอกของเส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะได้ เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมร่วง ผมบาง และผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว

วิธีการใช้ก็สะดวกสบายมาก หลังจากสระผมแล้วเช็ดให้หมาด หยดเซรั่มบนหนังศีรษะให้ทั่ว นวดเบาๆ 2-3 นาที เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและช่วยให้โทนิคซึมเข้าสู่รากผมได้ดีขึ้น ไม่ต้องล้างออก ควรใช้ทุกครั้งหลังสระผม และควรใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

เพราะผลงานของ “นามนิน” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยความใส่ใจในทุกปัญหาเส้นผม ผนวกกับความตั้งใจที่จะพัฒนาการดูแลรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้าคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการดูแลเส้นผม NEAT HAIR NUE  ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง รวมถึงเพิ่มศักยภาพการให้บริการ Hair Treatment เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้น ถ้าคุณรักผม นามนิน พร้อมให้บริการและดูแลผมทุกเส้นของคุณด้วยความใส่ใจเสมอ
          

Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม
Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม 
หัวใจของนามนินคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายขึ้น จุดมุ่งหมายคือ เมื่อก้าวเข้ามาที่นามนิน คลินิก คุณจะได้รับกลับไปมากกว่าการรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อตอบโจทย์ด้านอื่นด้วย ทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบาย และการดูแลเส้นผมในระยะยาว

Elixir Hair Serum ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก NEAT HAIR NUE เป็นนวัตกรรมการดูแลเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม คุณหมอได้คัดสรรส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ  100% เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่าไม่แพ้ ไม่มีผลข้างเคียง คุณหมอนินเป็นผู้ทดลองใช้ด้วยตัวเองและมั่นใจว่าเห็นผลจริง
ส่วนผสมหลักในเซรั่มเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่คัดสรรมาเพื่อบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกประกอบไปด้วย

1. Baicapil นวัตกรรมจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด คือ Scutellaria Bicalensis ที่อุดมไปด้วยสาร Baicalin ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมและยืดระยะเวลาการงอกของต่อมรากผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง

2. BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์อบแห้งและเมล็ดข้าวฟ่าง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดการเกิดรังแค บำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ป้องกันการอักเสบต่างๆ

3. Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า มีแร่ธาตุและสารอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ป้องกันผมร่วง ให้ความชุ่มชื่นและปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม

4. Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด สมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติเด่นชัดมากในการบำรุงผม ช่วยให้เซลล์รากผมแข็งแรง ผมไม่หลุดร่วงง่าย ผมนุ่มลื่น เงางาม ชะลอการเกิดผมหงอก ลดอาการคันศีรษะและเกิดรังแค

5. Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รากผมและเส้นผมแข็งแรงขึ้น ผมดกดำเงางามและป้องกันผมหงอกก่อนวัย เป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการยอมรับกันมายาวนาน

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงเป็นเซรั่มที่กระตุ้นการงอกของเส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะได้ เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมร่วง ผมบาง และผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว

วิธีการใช้ก็สะดวกสบายมาก หลังจากสระผมแล้วเช็ดให้หมาด หยดเซรั่มบนหนังศีรษะให้ทั่ว นวดเบาๆ 2-3 นาที เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและช่วยให้โทนิคซึมเข้าสู่รากผมได้ดีขึ้น ไม่ต้องล้างออก ควรใช้ทุกครั้งหลังสระผม และควรใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

เพราะผลงานของ “นามนิน” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยความใส่ใจในทุกปัญหาเส้นผม ผนวกกับความตั้งใจที่จะพัฒนาการดูแลรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้าคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการดูแลเส้นผม NEAT HAIR NUE  ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง รวมถึงเพิ่มศักยภาพการให้บริการ Hair Treatment เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้น ถ้าคุณรักผม นามนิน พร้อมให้บริการและดูแลผมทุกเส้นของคุณด้วยความใส่ใจเสมอ
          

คู่มือปลูกผมฉบับย่อ จาก “นามนิน”
“นามนิน” ขอนำเสนอ “คู่มือปลูกผมฉบับย่อ” สำหรับใครก็ตามที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะปลูกผมดีหรือไม่ หรือปลูกผมด้วยวิธีไหน รวมไปถึงคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมใหม่ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจหลักการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการปลูกผม และเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ซึ่งจะมีแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย


ขั้นตอนก่อนปลูกผม

1
ผู้ที่สนใจเข้ารับการปลูกผม ติดต่อนัดหมายกับทางคลินิก เพื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรง


2
เมื่อถึงวันนัดหมาย แพทย์จะให้เวลากับคนไข้อย่างเต็มที่ ทั้งตอบคำถามต่าง ๆ เพื่อคลายข้อสงสัย อธิบายขั้นตอนการรักษาตามลำดับเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คนไข้มองเห็นภาพรวมของคำว่า “การปลูกผม” ได้ชัดขึ้น ที่สำคัญ แพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก ก่อนจะออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของคนไข้มากที่สุด เนื่องจากคนไข้แต่ละคนมีปัญหาผม มีความต้องการ และมีข้อจำกัดในการทำงานหรือการใช้ชีวิตที่ต่างกัน แพทย์จึงต้องใช้เวลาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยให้แนวทางการรักษาที่จะเป็นไปหลังจากนี้ เกิดขึ้นจากการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจเมื่อถึงปลายทาง


‘การรักษาโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง แทนที่จะมุ่งรักษาตามสูตรสำเร็จทางการแพทย์อย่างเดียวนั้น เป็นไปตามหลักที่เรียกว่า Customer Centric ซึ่งนามนินเองก็นำหลักการนี้มาใช้ เพื่อให้แนวทางการรักษานั้น ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้จริง’


3
นัดหมายวันที่คนไข้สะดวกเข้ารับการปลูกผม โดยจะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมจบภายใน 1 วัน



ขั้นตอนในวันปลูกผม

4
เริ่มต้นปฏิบัติการเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ด้วยการออกแบบ Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การลากเส้นใหม่ตามใจแพทย์ แต่เป็นการออกแบบจากความต้องการของคนไข้ ประกอบกับหลักสัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า นอกจากจะเติมเต็มเส้นผมให้ดูหนาแน่น เพื่อแก้ปัญหาผมร่นขึ้นสูงบริเวณหน้าผากแล้ว Hairline ใหม่ยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้เจ้าของเส้นผม เติมความหวานละมุนให้ใบหน้าของคุณผู้หญิง ขณะเดียวกันก็เติมความสมาร์ทคมเข้มให้กับใบหน้าของคุณผู้ชาย เรื่องของ Hairline จึงเป็นมากกว่าแค่ขั้นตอนหนึ่งของการปลูกผมทั่วไป แต่ยังเป็นการใช้มุมมองความงามเชิงศิลป์ เพื่อเรียกคืนความมั่นใจให้กับคนไข้หลังปลูกผมด้วย


‘สัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า รู้จักกันในชื่อ สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio เป็นทฤษฎีด้านความงามที่จับเอาหลักคณิตศาสตร์โดย Leonardo Fibonacci มาประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยให้สามารถออกแบบรูปหน้าได้สวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สัดส่วนทองคำยังนำถูกไปใช้อย่างกว้างขวางในวงการศิลปะและการออกแบบทั่วไป’


5
หลังจากวาดเส้น Hairline ใหม่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเป็นผู้เตรียมตัดแต่งทรงผมด้านหลังท้ายทอยของคนไข้ หลายคนอาจเคยได้ยินว่า ต้องมีการโกนผมก่อนลงมือปลูกผมใหม่ด้วย แต่เทคนิคการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปมาก และที่สำคัญ ยังออกแบบมาเพื่อเอื้อให้คนไข้ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ดังนั้น ผมของคนไข้จึงจะได้รับการตัดแต่งอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องโกนผมทิ้ง ช่วยให้คนไข้ยังสามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างอิสระหลังปลูกผม ไม่ต้องคอยระวังซ่อนแผลจนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจ


6
ขอต้อนรับเข้าสู่ห้องหัตถการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะได้รับคำแนะนำให้สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ติดกระดุมหน้าเพื่อให้ถอดได้สะดวก โดยในขั้นตอนนี้ คนไข้จะได้รับการเตรียมให้อยู่ท่านอนที่สบายที่สุด ก่อนจะเริ่มนำกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องผ่าตัด เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออกมา

ที่นามนิน แพทย์ยังใช้เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได โดยนำกราฟต์ผมออกเป็นแถบ ๆ สลับกัน และใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกแบบกระจาย เพื่อให้รอยแผลได้รับการซ่อนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องพยายามปกปิดรอยแผลด้านหลังเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้วนั่นเอง


‘กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มเส้นผมที่มาอยู่รวมกัน กราฟต์ผมแต่ละกราฟต์อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ต่างกันไปในแต่ละคน และเหตุผลที่ต้องใช้กราฟต์ผมบริเวณท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ก็เพราะผมบริเวณนี้มีความแข็งแรง ต้านทานฮอร์โมนที่ทำให้ผมหลุดร่วงง่าย และแม้จะย้ายไปปลูกใหม่ คุณสมบัตินี้ก็จะยังอยู่ไปตลอดวงจรของเส้นผม’


7
กราฟต์ผมของคนไข้ จะได้รับการดูแลอย่างดี โดยแช่ไว้ในน้ำยารักษากราฟต์ผมคุณภาพเยี่ยม ซึ่งผู้ช่วยแพทย์จะค่อย ๆ แยกและตัดแต่งกราฟต์ผม ให้ได้จำนวนเส้นผมในกราฟต์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปลูกใหม่ เนื่องจากผมบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา จะมีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผมบริเวณกลางศีรษะ จะเป็นผมเส้นใหญ่ หนา และมีจำนวน 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม ขณะที่ผมบริเวณแนวหน้าผาก จะเป็นผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเพียง 1 – 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผมเท่านั้น


8
ในระหว่างที่ผู้ช่วยแพทย์กำลังตัดแต่งกราฟต์ผมนั่นเอง ก็ได้เวลาพักรับประทานอาหารกลางวันของคนไข้ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของวันนี้


9
แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเอง โดยลงมือปักกราฟต์ผมใหม่เองทุกกราฟต์ ซึ่งเหตุผลที่ขั้นตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเท่านั้น ก็เป็นเพราะว่า การปักกราฟต์ผมใหม่ เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน และมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ส่งผลต่อความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ให้ต้องคำนึงถึงมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

การเลือกกราฟต์ผม ให้มีจำนวนเส้นผม และขนาดความหนาบางของเส้นผม ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก  ความหนาแน่นของกราฟต์ผมที่ปลูกใหม่ ไม่ควรแน่นเกินไปจนอาจทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงง่าย แต่ก็ไม่ควรบางเกินไปจนดูเหมือนปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ต้องกระจายระยะปักกราฟต์ให้เกิดความพอดี ทิศทางผม แพทย์จะค่อย ๆ ปักกราฟต์ผมใหม่ให้เรียงตัวไปตามทิศทางผมเดิม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ 

องศาผม เพราะผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งในแบบของตัวเอง แพทย์จึงต้องเลือกเส้นผมที่มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูกด้วย
ความลึกของกราฟต์ผม ข้อนี้จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อของรากผมกับเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ซึ่งมีส่วนต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่โดยตรง


‘ทิศทางและองศาผม เป็นปัจจัยสำคัญที่แพทย์จะใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากหากปลูกผมผิดทิศทาง จะทำให้ผมที่งอกขึ้นใหม่ชี้ไปมาย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ก็ต่อเมื่อปลูกไปแล้วระยะหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขด้วยการปลูกใหม่ได้อีกแล้ว’


ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ในขั้นตอนนี้ ก็คือ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมใหม่ได้อย่างแม่นยำ ละเอียด ประณีต และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็กหลังปลูก ทั้งยังช่วยให้เลือดออกน้อย ลดอาการเจ็บ และทำให้แผลหายไวขึ้นโดยแทบไม่ต้องพักฟื้น


10
เมื่อปักกราฟต์ผมเรียบร้อยแล้ว คนไข้จะได้รับการดูแลทำความสะอาดเส้นผม เริ่มตั้งแต่การสระผมอย่างอ่อนโยนที่สุด ตรวจลักษณะและความเรียบร้อยของแผล ก่อนจะเป่าผม และจัดทรงผมที่ดูดีให้กับคนไข้ เพื่อให้สามารถกลับออกไปทำกิจวัตรประจำวันต่อ หรือกลับบ้านได้อย่างสบายใจ 


ขั้นตอนหลังปลูกผม

11
วันรุ่งขึ้น แพทย์จะนัดคนไข้เข้ามาทำความสะอาดผมอีกครั้ง เพื่อแนะนำวิธีการสระผมที่ถูกต้อง พร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมในช่วงแรก โดยเตรียมชุด Namnin Hair Care ที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ไว้ให้ เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลเส้นผมปลูกใหม่เบื้องต้นได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน


12
เพราะการปลูกผมไม่ได้จบลงแค่ในห้องหัตถการ แต่ยังหมายถึงการติดตามดูแลเส้นผมใหม่ไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ผมสวยหนาแน่นอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ดังนั้น ในอีก 1 ปีต่อจากนี้ แพทย์จะยังคอยนัดหมายติดตามผลและให้คำแนะนำกับคนไข้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเสริมบริการ Treatment บำรุงเส้นผมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง นับเป็นเส้นทางการรักษาที่อาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ซึ่งแพทย์และคนไข้จะต้องจับมือทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่ก้าวออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวคุณได้อย่างมั่นใจจริง ๆ


‘การรักษาที่อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นหัวใจหลักของเทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินพัฒนาขึ้น ภายใต้ชื่อ NEAT หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งผสานทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองความงามเชิงศิลป์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์การรักษา และโจทย์ความสุขของคนไข้ไปพร้อม ๆ กันได้ในที่สุด’ 


คู่มือปลูกผมฉบับย่อ จาก “นามนิน”
“นามนิน” ขอนำเสนอ “คู่มือปลูกผมฉบับย่อ” สำหรับใครก็ตามที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะปลูกผมดีหรือไม่ หรือปลูกผมด้วยวิธีไหน รวมไปถึงคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมใหม่ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจหลักการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการปลูกผม และเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ซึ่งจะมีแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย


ขั้นตอนก่อนปลูกผม

1
ผู้ที่สนใจเข้ารับการปลูกผม ติดต่อนัดหมายกับทางคลินิก เพื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรง


2
เมื่อถึงวันนัดหมาย แพทย์จะให้เวลากับคนไข้อย่างเต็มที่ ทั้งตอบคำถามต่าง ๆ เพื่อคลายข้อสงสัย อธิบายขั้นตอนการรักษาตามลำดับเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คนไข้มองเห็นภาพรวมของคำว่า “การปลูกผม” ได้ชัดขึ้น ที่สำคัญ แพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก ก่อนจะออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของคนไข้มากที่สุด เนื่องจากคนไข้แต่ละคนมีปัญหาผม มีความต้องการ และมีข้อจำกัดในการทำงานหรือการใช้ชีวิตที่ต่างกัน แพทย์จึงต้องใช้เวลาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยให้แนวทางการรักษาที่จะเป็นไปหลังจากนี้ เกิดขึ้นจากการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจเมื่อถึงปลายทาง


‘การรักษาโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง แทนที่จะมุ่งรักษาตามสูตรสำเร็จทางการแพทย์อย่างเดียวนั้น เป็นไปตามหลักที่เรียกว่า Customer Centric ซึ่งนามนินเองก็นำหลักการนี้มาใช้ เพื่อให้แนวทางการรักษานั้น ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้จริง’


3
นัดหมายวันที่คนไข้สะดวกเข้ารับการปลูกผม โดยจะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมจบภายใน 1 วัน



ขั้นตอนในวันปลูกผม

4
เริ่มต้นปฏิบัติการเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ด้วยการออกแบบ Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การลากเส้นใหม่ตามใจแพทย์ แต่เป็นการออกแบบจากความต้องการของคนไข้ ประกอบกับหลักสัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า นอกจากจะเติมเต็มเส้นผมให้ดูหนาแน่น เพื่อแก้ปัญหาผมร่นขึ้นสูงบริเวณหน้าผากแล้ว Hairline ใหม่ยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้เจ้าของเส้นผม เติมความหวานละมุนให้ใบหน้าของคุณผู้หญิง ขณะเดียวกันก็เติมความสมาร์ทคมเข้มให้กับใบหน้าของคุณผู้ชาย เรื่องของ Hairline จึงเป็นมากกว่าแค่ขั้นตอนหนึ่งของการปลูกผมทั่วไป แต่ยังเป็นการใช้มุมมองความงามเชิงศิลป์ เพื่อเรียกคืนความมั่นใจให้กับคนไข้หลังปลูกผมด้วย


‘สัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า รู้จักกันในชื่อ สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio เป็นทฤษฎีด้านความงามที่จับเอาหลักคณิตศาสตร์โดย Leonardo Fibonacci มาประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยให้สามารถออกแบบรูปหน้าได้สวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สัดส่วนทองคำยังนำถูกไปใช้อย่างกว้างขวางในวงการศิลปะและการออกแบบทั่วไป’


5
หลังจากวาดเส้น Hairline ใหม่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเป็นผู้เตรียมตัดแต่งทรงผมด้านหลังท้ายทอยของคนไข้ หลายคนอาจเคยได้ยินว่า ต้องมีการโกนผมก่อนลงมือปลูกผมใหม่ด้วย แต่เทคนิคการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปมาก และที่สำคัญ ยังออกแบบมาเพื่อเอื้อให้คนไข้ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ดังนั้น ผมของคนไข้จึงจะได้รับการตัดแต่งอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องโกนผมทิ้ง ช่วยให้คนไข้ยังสามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างอิสระหลังปลูกผม ไม่ต้องคอยระวังซ่อนแผลจนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจ


6
ขอต้อนรับเข้าสู่ห้องหัตถการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะได้รับคำแนะนำให้สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ติดกระดุมหน้าเพื่อให้ถอดได้สะดวก โดยในขั้นตอนนี้ คนไข้จะได้รับการเตรียมให้อยู่ท่านอนที่สบายที่สุด ก่อนจะเริ่มนำกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องผ่าตัด เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออกมา

ที่นามนิน แพทย์ยังใช้เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได โดยนำกราฟต์ผมออกเป็นแถบ ๆ สลับกัน และใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกแบบกระจาย เพื่อให้รอยแผลได้รับการซ่อนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องพยายามปกปิดรอยแผลด้านหลังเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้วนั่นเอง


‘กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มเส้นผมที่มาอยู่รวมกัน กราฟต์ผมแต่ละกราฟต์อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ต่างกันไปในแต่ละคน และเหตุผลที่ต้องใช้กราฟต์ผมบริเวณท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ก็เพราะผมบริเวณนี้มีความแข็งแรง ต้านทานฮอร์โมนที่ทำให้ผมหลุดร่วงง่าย และแม้จะย้ายไปปลูกใหม่ คุณสมบัตินี้ก็จะยังอยู่ไปตลอดวงจรของเส้นผม’


7
กราฟต์ผมของคนไข้ จะได้รับการดูแลอย่างดี โดยแช่ไว้ในน้ำยารักษากราฟต์ผมคุณภาพเยี่ยม ซึ่งผู้ช่วยแพทย์จะค่อย ๆ แยกและตัดแต่งกราฟต์ผม ให้ได้จำนวนเส้นผมในกราฟต์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปลูกใหม่ เนื่องจากผมบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา จะมีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผมบริเวณกลางศีรษะ จะเป็นผมเส้นใหญ่ หนา และมีจำนวน 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม ขณะที่ผมบริเวณแนวหน้าผาก จะเป็นผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเพียง 1 – 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผมเท่านั้น


8
ในระหว่างที่ผู้ช่วยแพทย์กำลังตัดแต่งกราฟต์ผมนั่นเอง ก็ได้เวลาพักรับประทานอาหารกลางวันของคนไข้ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของวันนี้


9
แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเอง โดยลงมือปักกราฟต์ผมใหม่เองทุกกราฟต์ ซึ่งเหตุผลที่ขั้นตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเท่านั้น ก็เป็นเพราะว่า การปักกราฟต์ผมใหม่ เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน และมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ส่งผลต่อความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ให้ต้องคำนึงถึงมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

การเลือกกราฟต์ผม ให้มีจำนวนเส้นผม และขนาดความหนาบางของเส้นผม ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก  ความหนาแน่นของกราฟต์ผมที่ปลูกใหม่ ไม่ควรแน่นเกินไปจนอาจทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงง่าย แต่ก็ไม่ควรบางเกินไปจนดูเหมือนปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ต้องกระจายระยะปักกราฟต์ให้เกิดความพอดี ทิศทางผม แพทย์จะค่อย ๆ ปักกราฟต์ผมใหม่ให้เรียงตัวไปตามทิศทางผมเดิม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ 

องศาผม เพราะผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งในแบบของตัวเอง แพทย์จึงต้องเลือกเส้นผมที่มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูกด้วย
ความลึกของกราฟต์ผม ข้อนี้จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อของรากผมกับเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ซึ่งมีส่วนต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่โดยตรง


‘ทิศทางและองศาผม เป็นปัจจัยสำคัญที่แพทย์จะใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากหากปลูกผมผิดทิศทาง จะทำให้ผมที่งอกขึ้นใหม่ชี้ไปมาย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ก็ต่อเมื่อปลูกไปแล้วระยะหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขด้วยการปลูกใหม่ได้อีกแล้ว’


ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ในขั้นตอนนี้ ก็คือ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมใหม่ได้อย่างแม่นยำ ละเอียด ประณีต และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็กหลังปลูก ทั้งยังช่วยให้เลือดออกน้อย ลดอาการเจ็บ และทำให้แผลหายไวขึ้นโดยแทบไม่ต้องพักฟื้น


10
เมื่อปักกราฟต์ผมเรียบร้อยแล้ว คนไข้จะได้รับการดูแลทำความสะอาดเส้นผม เริ่มตั้งแต่การสระผมอย่างอ่อนโยนที่สุด ตรวจลักษณะและความเรียบร้อยของแผล ก่อนจะเป่าผม และจัดทรงผมที่ดูดีให้กับคนไข้ เพื่อให้สามารถกลับออกไปทำกิจวัตรประจำวันต่อ หรือกลับบ้านได้อย่างสบายใจ 


ขั้นตอนหลังปลูกผม

11
วันรุ่งขึ้น แพทย์จะนัดคนไข้เข้ามาทำความสะอาดผมอีกครั้ง เพื่อแนะนำวิธีการสระผมที่ถูกต้อง พร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมในช่วงแรก โดยเตรียมชุด Namnin Hair Care ที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ไว้ให้ เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลเส้นผมปลูกใหม่เบื้องต้นได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน


12
เพราะการปลูกผมไม่ได้จบลงแค่ในห้องหัตถการ แต่ยังหมายถึงการติดตามดูแลเส้นผมใหม่ไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ผมสวยหนาแน่นอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ดังนั้น ในอีก 1 ปีต่อจากนี้ แพทย์จะยังคอยนัดหมายติดตามผลและให้คำแนะนำกับคนไข้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเสริมบริการ Treatment บำรุงเส้นผมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง นับเป็นเส้นทางการรักษาที่อาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ซึ่งแพทย์และคนไข้จะต้องจับมือทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่ก้าวออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวคุณได้อย่างมั่นใจจริง ๆ


‘การรักษาที่อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นหัวใจหลักของเทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินพัฒนาขึ้น ภายใต้ชื่อ NEAT หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งผสานทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองความงามเชิงศิลป์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์การรักษา และโจทย์ความสุขของคนไข้ไปพร้อม ๆ กันได้ในที่สุด’ 


คู่มือปลูกผมฉบับย่อ จาก “นามนิน”
“นามนิน” ขอนำเสนอ “คู่มือปลูกผมฉบับย่อ” สำหรับใครก็ตามที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะปลูกผมดีหรือไม่ หรือปลูกผมด้วยวิธีไหน รวมไปถึงคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมใหม่ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจหลักการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการปลูกผม และเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ซึ่งจะมีแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย


ขั้นตอนก่อนปลูกผม

1
ผู้ที่สนใจเข้ารับการปลูกผม ติดต่อนัดหมายกับทางคลินิก เพื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรง


2
เมื่อถึงวันนัดหมาย แพทย์จะให้เวลากับคนไข้อย่างเต็มที่ ทั้งตอบคำถามต่าง ๆ เพื่อคลายข้อสงสัย อธิบายขั้นตอนการรักษาตามลำดับเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คนไข้มองเห็นภาพรวมของคำว่า “การปลูกผม” ได้ชัดขึ้น ที่สำคัญ แพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก ก่อนจะออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของคนไข้มากที่สุด เนื่องจากคนไข้แต่ละคนมีปัญหาผม มีความต้องการ และมีข้อจำกัดในการทำงานหรือการใช้ชีวิตที่ต่างกัน แพทย์จึงต้องใช้เวลาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยให้แนวทางการรักษาที่จะเป็นไปหลังจากนี้ เกิดขึ้นจากการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจเมื่อถึงปลายทาง


‘การรักษาโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง แทนที่จะมุ่งรักษาตามสูตรสำเร็จทางการแพทย์อย่างเดียวนั้น เป็นไปตามหลักที่เรียกว่า Customer Centric ซึ่งนามนินเองก็นำหลักการนี้มาใช้ เพื่อให้แนวทางการรักษานั้น ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้จริง’


3
นัดหมายวันที่คนไข้สะดวกเข้ารับการปลูกผม โดยจะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมจบภายใน 1 วัน



ขั้นตอนในวันปลูกผม

4
เริ่มต้นปฏิบัติการเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ด้วยการออกแบบ Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การลากเส้นใหม่ตามใจแพทย์ แต่เป็นการออกแบบจากความต้องการของคนไข้ ประกอบกับหลักสัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า นอกจากจะเติมเต็มเส้นผมให้ดูหนาแน่น เพื่อแก้ปัญหาผมร่นขึ้นสูงบริเวณหน้าผากแล้ว Hairline ใหม่ยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้เจ้าของเส้นผม เติมความหวานละมุนให้ใบหน้าของคุณผู้หญิง ขณะเดียวกันก็เติมความสมาร์ทคมเข้มให้กับใบหน้าของคุณผู้ชาย เรื่องของ Hairline จึงเป็นมากกว่าแค่ขั้นตอนหนึ่งของการปลูกผมทั่วไป แต่ยังเป็นการใช้มุมมองความงามเชิงศิลป์ เพื่อเรียกคืนความมั่นใจให้กับคนไข้หลังปลูกผมด้วย


‘สัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า รู้จักกันในชื่อ สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio เป็นทฤษฎีด้านความงามที่จับเอาหลักคณิตศาสตร์โดย Leonardo Fibonacci มาประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยให้สามารถออกแบบรูปหน้าได้สวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สัดส่วนทองคำยังนำถูกไปใช้อย่างกว้างขวางในวงการศิลปะและการออกแบบทั่วไป’


5
หลังจากวาดเส้น Hairline ใหม่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเป็นผู้เตรียมตัดแต่งทรงผมด้านหลังท้ายทอยของคนไข้ หลายคนอาจเคยได้ยินว่า ต้องมีการโกนผมก่อนลงมือปลูกผมใหม่ด้วย แต่เทคนิคการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปมาก และที่สำคัญ ยังออกแบบมาเพื่อเอื้อให้คนไข้ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ดังนั้น ผมของคนไข้จึงจะได้รับการตัดแต่งอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องโกนผมทิ้ง ช่วยให้คนไข้ยังสามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างอิสระหลังปลูกผม ไม่ต้องคอยระวังซ่อนแผลจนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจ


6
ขอต้อนรับเข้าสู่ห้องหัตถการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะได้รับคำแนะนำให้สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ติดกระดุมหน้าเพื่อให้ถอดได้สะดวก โดยในขั้นตอนนี้ คนไข้จะได้รับการเตรียมให้อยู่ท่านอนที่สบายที่สุด ก่อนจะเริ่มนำกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องผ่าตัด เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออกมา

ที่นามนิน แพทย์ยังใช้เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได โดยนำกราฟต์ผมออกเป็นแถบ ๆ สลับกัน และใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกแบบกระจาย เพื่อให้รอยแผลได้รับการซ่อนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องพยายามปกปิดรอยแผลด้านหลังเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้วนั่นเอง


‘กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มเส้นผมที่มาอยู่รวมกัน กราฟต์ผมแต่ละกราฟต์อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ต่างกันไปในแต่ละคน และเหตุผลที่ต้องใช้กราฟต์ผมบริเวณท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ก็เพราะผมบริเวณนี้มีความแข็งแรง ต้านทานฮอร์โมนที่ทำให้ผมหลุดร่วงง่าย และแม้จะย้ายไปปลูกใหม่ คุณสมบัตินี้ก็จะยังอยู่ไปตลอดวงจรของเส้นผม’


7
กราฟต์ผมของคนไข้ จะได้รับการดูแลอย่างดี โดยแช่ไว้ในน้ำยารักษากราฟต์ผมคุณภาพเยี่ยม ซึ่งผู้ช่วยแพทย์จะค่อย ๆ แยกและตัดแต่งกราฟต์ผม ให้ได้จำนวนเส้นผมในกราฟต์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปลูกใหม่ เนื่องจากผมบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา จะมีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผมบริเวณกลางศีรษะ จะเป็นผมเส้นใหญ่ หนา และมีจำนวน 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม ขณะที่ผมบริเวณแนวหน้าผาก จะเป็นผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเพียง 1 – 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผมเท่านั้น


8
ในระหว่างที่ผู้ช่วยแพทย์กำลังตัดแต่งกราฟต์ผมนั่นเอง ก็ได้เวลาพักรับประทานอาหารกลางวันของคนไข้ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของวันนี้


9
แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเอง โดยลงมือปักกราฟต์ผมใหม่เองทุกกราฟต์ ซึ่งเหตุผลที่ขั้นตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเท่านั้น ก็เป็นเพราะว่า การปักกราฟต์ผมใหม่ เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน และมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ส่งผลต่อความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ให้ต้องคำนึงถึงมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

การเลือกกราฟต์ผม ให้มีจำนวนเส้นผม และขนาดความหนาบางของเส้นผม ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก  ความหนาแน่นของกราฟต์ผมที่ปลูกใหม่ ไม่ควรแน่นเกินไปจนอาจทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงง่าย แต่ก็ไม่ควรบางเกินไปจนดูเหมือนปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ต้องกระจายระยะปักกราฟต์ให้เกิดความพอดี ทิศทางผม แพทย์จะค่อย ๆ ปักกราฟต์ผมใหม่ให้เรียงตัวไปตามทิศทางผมเดิม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ 

องศาผม เพราะผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งในแบบของตัวเอง แพทย์จึงต้องเลือกเส้นผมที่มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูกด้วย
ความลึกของกราฟต์ผม ข้อนี้จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อของรากผมกับเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ซึ่งมีส่วนต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่โดยตรง


‘ทิศทางและองศาผม เป็นปัจจัยสำคัญที่แพทย์จะใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากหากปลูกผมผิดทิศทาง จะทำให้ผมที่งอกขึ้นใหม่ชี้ไปมาย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ก็ต่อเมื่อปลูกไปแล้วระยะหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขด้วยการปลูกใหม่ได้อีกแล้ว’


ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ในขั้นตอนนี้ ก็คือ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมใหม่ได้อย่างแม่นยำ ละเอียด ประณีต และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็กหลังปลูก ทั้งยังช่วยให้เลือดออกน้อย ลดอาการเจ็บ และทำให้แผลหายไวขึ้นโดยแทบไม่ต้องพักฟื้น


10
เมื่อปักกราฟต์ผมเรียบร้อยแล้ว คนไข้จะได้รับการดูแลทำความสะอาดเส้นผม เริ่มตั้งแต่การสระผมอย่างอ่อนโยนที่สุด ตรวจลักษณะและความเรียบร้อยของแผล ก่อนจะเป่าผม และจัดทรงผมที่ดูดีให้กับคนไข้ เพื่อให้สามารถกลับออกไปทำกิจวัตรประจำวันต่อ หรือกลับบ้านได้อย่างสบายใจ 


ขั้นตอนหลังปลูกผม

11
วันรุ่งขึ้น แพทย์จะนัดคนไข้เข้ามาทำความสะอาดผมอีกครั้ง เพื่อแนะนำวิธีการสระผมที่ถูกต้อง พร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมในช่วงแรก โดยเตรียมชุด Namnin Hair Care ที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ไว้ให้ เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลเส้นผมปลูกใหม่เบื้องต้นได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน


12
เพราะการปลูกผมไม่ได้จบลงแค่ในห้องหัตถการ แต่ยังหมายถึงการติดตามดูแลเส้นผมใหม่ไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ผมสวยหนาแน่นอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ดังนั้น ในอีก 1 ปีต่อจากนี้ แพทย์จะยังคอยนัดหมายติดตามผลและให้คำแนะนำกับคนไข้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเสริมบริการ Treatment บำรุงเส้นผมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง นับเป็นเส้นทางการรักษาที่อาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ซึ่งแพทย์และคนไข้จะต้องจับมือทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่ก้าวออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวคุณได้อย่างมั่นใจจริง ๆ


‘การรักษาที่อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นหัวใจหลักของเทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินพัฒนาขึ้น ภายใต้ชื่อ NEAT หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งผสานทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองความงามเชิงศิลป์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์การรักษา และโจทย์ความสุขของคนไข้ไปพร้อม ๆ กันได้ในที่สุด’ 


คู่มือปลูกผมฉบับย่อ จาก “นามนิน”
“นามนิน” ขอนำเสนอ “คู่มือปลูกผมฉบับย่อ” สำหรับใครก็ตามที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะปลูกผมดีหรือไม่ หรือปลูกผมด้วยวิธีไหน รวมไปถึงคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมใหม่ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจหลักการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการปลูกผม และเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ซึ่งจะมีแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย


ขั้นตอนก่อนปลูกผม

1
ผู้ที่สนใจเข้ารับการปลูกผม ติดต่อนัดหมายกับทางคลินิก เพื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรง


2
เมื่อถึงวันนัดหมาย แพทย์จะให้เวลากับคนไข้อย่างเต็มที่ ทั้งตอบคำถามต่าง ๆ เพื่อคลายข้อสงสัย อธิบายขั้นตอนการรักษาตามลำดับเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คนไข้มองเห็นภาพรวมของคำว่า “การปลูกผม” ได้ชัดขึ้น ที่สำคัญ แพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก ก่อนจะออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของคนไข้มากที่สุด เนื่องจากคนไข้แต่ละคนมีปัญหาผม มีความต้องการ และมีข้อจำกัดในการทำงานหรือการใช้ชีวิตที่ต่างกัน แพทย์จึงต้องใช้เวลาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยให้แนวทางการรักษาที่จะเป็นไปหลังจากนี้ เกิดขึ้นจากการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจเมื่อถึงปลายทาง


‘การรักษาโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง แทนที่จะมุ่งรักษาตามสูตรสำเร็จทางการแพทย์อย่างเดียวนั้น เป็นไปตามหลักที่เรียกว่า Customer Centric ซึ่งนามนินเองก็นำหลักการนี้มาใช้ เพื่อให้แนวทางการรักษานั้น ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้จริง’


3
นัดหมายวันที่คนไข้สะดวกเข้ารับการปลูกผม โดยจะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมจบภายใน 1 วัน



ขั้นตอนในวันปลูกผม

4
เริ่มต้นปฏิบัติการเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ด้วยการออกแบบ Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การลากเส้นใหม่ตามใจแพทย์ แต่เป็นการออกแบบจากความต้องการของคนไข้ ประกอบกับหลักสัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า นอกจากจะเติมเต็มเส้นผมให้ดูหนาแน่น เพื่อแก้ปัญหาผมร่นขึ้นสูงบริเวณหน้าผากแล้ว Hairline ใหม่ยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้เจ้าของเส้นผม เติมความหวานละมุนให้ใบหน้าของคุณผู้หญิง ขณะเดียวกันก็เติมความสมาร์ทคมเข้มให้กับใบหน้าของคุณผู้ชาย เรื่องของ Hairline จึงเป็นมากกว่าแค่ขั้นตอนหนึ่งของการปลูกผมทั่วไป แต่ยังเป็นการใช้มุมมองความงามเชิงศิลป์ เพื่อเรียกคืนความมั่นใจให้กับคนไข้หลังปลูกผมด้วย


‘สัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า รู้จักกันในชื่อ สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio เป็นทฤษฎีด้านความงามที่จับเอาหลักคณิตศาสตร์โดย Leonardo Fibonacci มาประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยให้สามารถออกแบบรูปหน้าได้สวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สัดส่วนทองคำยังนำถูกไปใช้อย่างกว้างขวางในวงการศิลปะและการออกแบบทั่วไป’


5
หลังจากวาดเส้น Hairline ใหม่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเป็นผู้เตรียมตัดแต่งทรงผมด้านหลังท้ายทอยของคนไข้ หลายคนอาจเคยได้ยินว่า ต้องมีการโกนผมก่อนลงมือปลูกผมใหม่ด้วย แต่เทคนิคการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปมาก และที่สำคัญ ยังออกแบบมาเพื่อเอื้อให้คนไข้ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ดังนั้น ผมของคนไข้จึงจะได้รับการตัดแต่งอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องโกนผมทิ้ง ช่วยให้คนไข้ยังสามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างอิสระหลังปลูกผม ไม่ต้องคอยระวังซ่อนแผลจนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจ


6
ขอต้อนรับเข้าสู่ห้องหัตถการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะได้รับคำแนะนำให้สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ติดกระดุมหน้าเพื่อให้ถอดได้สะดวก โดยในขั้นตอนนี้ คนไข้จะได้รับการเตรียมให้อยู่ท่านอนที่สบายที่สุด ก่อนจะเริ่มนำกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องผ่าตัด เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออกมา

ที่นามนิน แพทย์ยังใช้เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได โดยนำกราฟต์ผมออกเป็นแถบ ๆ สลับกัน และใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกแบบกระจาย เพื่อให้รอยแผลได้รับการซ่อนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องพยายามปกปิดรอยแผลด้านหลังเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้วนั่นเอง


‘กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มเส้นผมที่มาอยู่รวมกัน กราฟต์ผมแต่ละกราฟต์อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ต่างกันไปในแต่ละคน และเหตุผลที่ต้องใช้กราฟต์ผมบริเวณท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ก็เพราะผมบริเวณนี้มีความแข็งแรง ต้านทานฮอร์โมนที่ทำให้ผมหลุดร่วงง่าย และแม้จะย้ายไปปลูกใหม่ คุณสมบัตินี้ก็จะยังอยู่ไปตลอดวงจรของเส้นผม’


7
กราฟต์ผมของคนไข้ จะได้รับการดูแลอย่างดี โดยแช่ไว้ในน้ำยารักษากราฟต์ผมคุณภาพเยี่ยม ซึ่งผู้ช่วยแพทย์จะค่อย ๆ แยกและตัดแต่งกราฟต์ผม ให้ได้จำนวนเส้นผมในกราฟต์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปลูกใหม่ เนื่องจากผมบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา จะมีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผมบริเวณกลางศีรษะ จะเป็นผมเส้นใหญ่ หนา และมีจำนวน 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม ขณะที่ผมบริเวณแนวหน้าผาก จะเป็นผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเพียง 1 – 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผมเท่านั้น


8
ในระหว่างที่ผู้ช่วยแพทย์กำลังตัดแต่งกราฟต์ผมนั่นเอง ก็ได้เวลาพักรับประทานอาหารกลางวันของคนไข้ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของวันนี้


9
แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเอง โดยลงมือปักกราฟต์ผมใหม่เองทุกกราฟต์ ซึ่งเหตุผลที่ขั้นตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเท่านั้น ก็เป็นเพราะว่า การปักกราฟต์ผมใหม่ เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน และมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ส่งผลต่อความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ให้ต้องคำนึงถึงมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

การเลือกกราฟต์ผม ให้มีจำนวนเส้นผม และขนาดความหนาบางของเส้นผม ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก  ความหนาแน่นของกราฟต์ผมที่ปลูกใหม่ ไม่ควรแน่นเกินไปจนอาจทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงง่าย แต่ก็ไม่ควรบางเกินไปจนดูเหมือนปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ต้องกระจายระยะปักกราฟต์ให้เกิดความพอดี ทิศทางผม แพทย์จะค่อย ๆ ปักกราฟต์ผมใหม่ให้เรียงตัวไปตามทิศทางผมเดิม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ 

องศาผม เพราะผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งในแบบของตัวเอง แพทย์จึงต้องเลือกเส้นผมที่มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูกด้วย
ความลึกของกราฟต์ผม ข้อนี้จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อของรากผมกับเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ซึ่งมีส่วนต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่โดยตรง


‘ทิศทางและองศาผม เป็นปัจจัยสำคัญที่แพทย์จะใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากหากปลูกผมผิดทิศทาง จะทำให้ผมที่งอกขึ้นใหม่ชี้ไปมาย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ก็ต่อเมื่อปลูกไปแล้วระยะหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขด้วยการปลูกใหม่ได้อีกแล้ว’


ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ในขั้นตอนนี้ ก็คือ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมใหม่ได้อย่างแม่นยำ ละเอียด ประณีต และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็กหลังปลูก ทั้งยังช่วยให้เลือดออกน้อย ลดอาการเจ็บ และทำให้แผลหายไวขึ้นโดยแทบไม่ต้องพักฟื้น


10
เมื่อปักกราฟต์ผมเรียบร้อยแล้ว คนไข้จะได้รับการดูแลทำความสะอาดเส้นผม เริ่มตั้งแต่การสระผมอย่างอ่อนโยนที่สุด ตรวจลักษณะและความเรียบร้อยของแผล ก่อนจะเป่าผม และจัดทรงผมที่ดูดีให้กับคนไข้ เพื่อให้สามารถกลับออกไปทำกิจวัตรประจำวันต่อ หรือกลับบ้านได้อย่างสบายใจ 


ขั้นตอนหลังปลูกผม

11
วันรุ่งขึ้น แพทย์จะนัดคนไข้เข้ามาทำความสะอาดผมอีกครั้ง เพื่อแนะนำวิธีการสระผมที่ถูกต้อง พร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมในช่วงแรก โดยเตรียมชุด Namnin Hair Care ที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ไว้ให้ เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลเส้นผมปลูกใหม่เบื้องต้นได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน


12
เพราะการปลูกผมไม่ได้จบลงแค่ในห้องหัตถการ แต่ยังหมายถึงการติดตามดูแลเส้นผมใหม่ไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ผมสวยหนาแน่นอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ดังนั้น ในอีก 1 ปีต่อจากนี้ แพทย์จะยังคอยนัดหมายติดตามผลและให้คำแนะนำกับคนไข้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเสริมบริการ Treatment บำรุงเส้นผมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง นับเป็นเส้นทางการรักษาที่อาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ซึ่งแพทย์และคนไข้จะต้องจับมือทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่ก้าวออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวคุณได้อย่างมั่นใจจริง ๆ


‘การรักษาที่อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นหัวใจหลักของเทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินพัฒนาขึ้น ภายใต้ชื่อ NEAT หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งผสานทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองความงามเชิงศิลป์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์การรักษา และโจทย์ความสุขของคนไข้ไปพร้อม ๆ กันได้ในที่สุด’ 


Namnin Perfect Hair Treatment
Treatment ใหม่แต่เล่นใหญ่ครบเครื่องจากนามนิน ภายใต้ชื่อ Namnin Perfect Hair Treatment พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ ในรูปแบบของคอร์ส “Treatment กึ่งสปา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แบบไม่มีใครเหมือน 

Namnin Perfect Hair Treatment เป็นบริการนวดบำรุงหนังศีรษะครบทุกขั้นตอน โดยนำศาสตร์การนวดมาใช้ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเร่งการงอกของผมใหม่ พร้อมทำความสะอาดเส้นผมอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์ที่ได้จึงช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย ทั้งยังช่วยอาการปวดศีรษะจากไมเกรน รวมถึงความเมื่อยล้าจากการทำงานด้วย

สำหรับขั้นตอนเข้ารับบริการ Namnin Perfect Hair Treatment จะใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที หลังจากผู้เข้ารับบริการเตรียมตัวพร้อม คลุมผ้าที่ขา ประคบหน้าผากและรองต้นคอด้วยผ้าขนอุ่นเรียบร้อยแล้ว 

นวดบำรุงหนังศีรษะ

  • เริ่มต้นด้วยการหยด Organic Oil ประมาณ 10-15 หยด แล้วนวดหนังศีรษะให้ทั่ว โดย Organic Oil ที่ใช้ เป็นสารสกัดธรรมชาติ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมคุณสมบัติในการทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก โดยเฉพาะสิ่งตกค้าง คราบไขมัน ฝุ่นละออง และสารเคมีบนหนังศีรษะ จะถูกชะล้างออกอย่างง่ายดาย ไม่ให้หลงเหลือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างเส้นผมใหม่ ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เส้นผมแลดูสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ตามมาด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ประมาณ 4-5 มิลลิลิตร แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ รวมไปถึงบริเวณขมับ และต้นคอด้วย สำหรับน้ำมะพร้าวสกัดเย็นนี้ จะช่วยลดแบคทีเรียบนหนังศีรษะ ลดการสร้างสะเก็ด การสร้างรังแค และช่วยให้เส้นผมมีการกักเก็บโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผมมากขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ ขณะเดียวกันก็ยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพ

  • จากนั้น เป็นการสระผมด้วยแชมพู Mojelim Elixer ซึ่งเป็นแชมพูที่จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม 

  • บำรุงอีกขั้นด้วยครีมนวด Mojelim Elixer Treatment ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เพื่อลดอาการผมแห้งเสีย

  • โดยแชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ปรับสมดุลทั้งหนังศีรษะ ส่งผลให้เส้นผมมีความเงางาม และมีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม

บำรุงอีกขั้นเพื่อสุขภาพผมที่ดียิ่งขึ้น

  • หลังซับผมจนแห้งหมาด ๆ แล้ว จะเป็นการลงเซรั่มบำรุงผม NEAT HAIRNUE Elixer Hair Serum ซึ่งผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยใช้ประมาณ 5 – 10 หยด นวดให้ทั่วศีรษะ เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษในการลดการอักเสบของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี 

  • เป่าผมให้แห้ง โดยใช้ลมเย็นเท่านั้นในบริเวณหนังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูกผม ขณะที่บริเวณปลายผมสามารถใช้ลมอุ่นได้

  • เสริมการบำรุงอีกระดับด้วยการลงเซรั่มช่วงปลายผมให้กับผู้เข้ารับบริการ

Namnin Perfect Hair Treatment จึงเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่จากนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ทางการรักษาของแพทย์และความต้องการของคนไข้ เรียกได้ว่าเป็น Treatment ที่มีความโดดเด่นในด้านความครบเครื่องและครอบคลุมทุกมิติของการดูแลเส้นผม และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความก้าวหน้าของนามนิน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Medical Hair Center ในอนาคตอันใกล้

Namnin Perfect Hair Treatment
Treatment ใหม่แต่เล่นใหญ่ครบเครื่องจากนามนิน ภายใต้ชื่อ Namnin Perfect Hair Treatment พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ ในรูปแบบของคอร์ส “Treatment กึ่งสปา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แบบไม่มีใครเหมือน 

Namnin Perfect Hair Treatment เป็นบริการนวดบำรุงหนังศีรษะครบทุกขั้นตอน โดยนำศาสตร์การนวดมาใช้ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเร่งการงอกของผมใหม่ พร้อมทำความสะอาดเส้นผมอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์ที่ได้จึงช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย ทั้งยังช่วยอาการปวดศีรษะจากไมเกรน รวมถึงความเมื่อยล้าจากการทำงานด้วย

สำหรับขั้นตอนเข้ารับบริการ Namnin Perfect Hair Treatment จะใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที หลังจากผู้เข้ารับบริการเตรียมตัวพร้อม คลุมผ้าที่ขา ประคบหน้าผากและรองต้นคอด้วยผ้าขนอุ่นเรียบร้อยแล้ว 

นวดบำรุงหนังศีรษะ

  • เริ่มต้นด้วยการหยด Organic Oil ประมาณ 10-15 หยด แล้วนวดหนังศีรษะให้ทั่ว โดย Organic Oil ที่ใช้ เป็นสารสกัดธรรมชาติ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมคุณสมบัติในการทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก โดยเฉพาะสิ่งตกค้าง คราบไขมัน ฝุ่นละออง และสารเคมีบนหนังศีรษะ จะถูกชะล้างออกอย่างง่ายดาย ไม่ให้หลงเหลือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างเส้นผมใหม่ ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เส้นผมแลดูสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ตามมาด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ประมาณ 4-5 มิลลิลิตร แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ รวมไปถึงบริเวณขมับ และต้นคอด้วย สำหรับน้ำมะพร้าวสกัดเย็นนี้ จะช่วยลดแบคทีเรียบนหนังศีรษะ ลดการสร้างสะเก็ด การสร้างรังแค และช่วยให้เส้นผมมีการกักเก็บโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผมมากขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ ขณะเดียวกันก็ยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพ

  • จากนั้น เป็นการสระผมด้วยแชมพู Mojelim Elixer ซึ่งเป็นแชมพูที่จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม 

  • บำรุงอีกขั้นด้วยครีมนวด Mojelim Elixer Treatment ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เพื่อลดอาการผมแห้งเสีย

  • โดยแชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ปรับสมดุลทั้งหนังศีรษะ ส่งผลให้เส้นผมมีความเงางาม และมีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม

บำรุงอีกขั้นเพื่อสุขภาพผมที่ดียิ่งขึ้น

  • หลังซับผมจนแห้งหมาด ๆ แล้ว จะเป็นการลงเซรั่มบำรุงผม NEAT HAIRNUE Elixer Hair Serum ซึ่งผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยใช้ประมาณ 5 – 10 หยด นวดให้ทั่วศีรษะ เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษในการลดการอักเสบของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี 

  • เป่าผมให้แห้ง โดยใช้ลมเย็นเท่านั้นในบริเวณหนังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูกผม ขณะที่บริเวณปลายผมสามารถใช้ลมอุ่นได้

  • เสริมการบำรุงอีกระดับด้วยการลงเซรั่มช่วงปลายผมให้กับผู้เข้ารับบริการ

Namnin Perfect Hair Treatment จึงเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่จากนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ทางการรักษาของแพทย์และความต้องการของคนไข้ เรียกได้ว่าเป็น Treatment ที่มีความโดดเด่นในด้านความครบเครื่องและครอบคลุมทุกมิติของการดูแลเส้นผม และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความก้าวหน้าของนามนิน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Medical Hair Center ในอนาคตอันใกล้

Namnin Perfect Hair Treatment
Treatment ใหม่แต่เล่นใหญ่ครบเครื่องจากนามนิน ภายใต้ชื่อ Namnin Perfect Hair Treatment พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ ในรูปแบบของคอร์ส “Treatment กึ่งสปา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แบบไม่มีใครเหมือน 

Namnin Perfect Hair Treatment เป็นบริการนวดบำรุงหนังศีรษะครบทุกขั้นตอน โดยนำศาสตร์การนวดมาใช้ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเร่งการงอกของผมใหม่ พร้อมทำความสะอาดเส้นผมอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์ที่ได้จึงช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย ทั้งยังช่วยอาการปวดศีรษะจากไมเกรน รวมถึงความเมื่อยล้าจากการทำงานด้วย

สำหรับขั้นตอนเข้ารับบริการ Namnin Perfect Hair Treatment จะใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที หลังจากผู้เข้ารับบริการเตรียมตัวพร้อม คลุมผ้าที่ขา ประคบหน้าผากและรองต้นคอด้วยผ้าขนอุ่นเรียบร้อยแล้ว 

นวดบำรุงหนังศีรษะ

  • เริ่มต้นด้วยการหยด Organic Oil ประมาณ 10-15 หยด แล้วนวดหนังศีรษะให้ทั่ว โดย Organic Oil ที่ใช้ เป็นสารสกัดธรรมชาติ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมคุณสมบัติในการทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก โดยเฉพาะสิ่งตกค้าง คราบไขมัน ฝุ่นละออง และสารเคมีบนหนังศีรษะ จะถูกชะล้างออกอย่างง่ายดาย ไม่ให้หลงเหลือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างเส้นผมใหม่ ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เส้นผมแลดูสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ตามมาด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ประมาณ 4-5 มิลลิลิตร แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ รวมไปถึงบริเวณขมับ และต้นคอด้วย สำหรับน้ำมะพร้าวสกัดเย็นนี้ จะช่วยลดแบคทีเรียบนหนังศีรษะ ลดการสร้างสะเก็ด การสร้างรังแค และช่วยให้เส้นผมมีการกักเก็บโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผมมากขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ ขณะเดียวกันก็ยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพ

  • จากนั้น เป็นการสระผมด้วยแชมพู Mojelim Elixer ซึ่งเป็นแชมพูที่จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม 

  • บำรุงอีกขั้นด้วยครีมนวด Mojelim Elixer Treatment ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เพื่อลดอาการผมแห้งเสีย

  • โดยแชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ปรับสมดุลทั้งหนังศีรษะ ส่งผลให้เส้นผมมีความเงางาม และมีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม

บำรุงอีกขั้นเพื่อสุขภาพผมที่ดียิ่งขึ้น

  • หลังซับผมจนแห้งหมาด ๆ แล้ว จะเป็นการลงเซรั่มบำรุงผม NEAT HAIRNUE Elixer Hair Serum ซึ่งผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยใช้ประมาณ 5 – 10 หยด นวดให้ทั่วศีรษะ เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษในการลดการอักเสบของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี 

  • เป่าผมให้แห้ง โดยใช้ลมเย็นเท่านั้นในบริเวณหนังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูกผม ขณะที่บริเวณปลายผมสามารถใช้ลมอุ่นได้

  • เสริมการบำรุงอีกระดับด้วยการลงเซรั่มช่วงปลายผมให้กับผู้เข้ารับบริการ

Namnin Perfect Hair Treatment จึงเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่จากนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ทางการรักษาของแพทย์และความต้องการของคนไข้ เรียกได้ว่าเป็น Treatment ที่มีความโดดเด่นในด้านความครบเครื่องและครอบคลุมทุกมิติของการดูแลเส้นผม และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความก้าวหน้าของนามนิน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Medical Hair Center ในอนาคตอันใกล้

Namnin Perfect Hair Treatment
Treatment ใหม่แต่เล่นใหญ่ครบเครื่องจากนามนิน ภายใต้ชื่อ Namnin Perfect Hair Treatment พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ ในรูปแบบของคอร์ส “Treatment กึ่งสปา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แบบไม่มีใครเหมือน 

Namnin Perfect Hair Treatment เป็นบริการนวดบำรุงหนังศีรษะครบทุกขั้นตอน โดยนำศาสตร์การนวดมาใช้ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเร่งการงอกของผมใหม่ พร้อมทำความสะอาดเส้นผมอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์ที่ได้จึงช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย ทั้งยังช่วยอาการปวดศีรษะจากไมเกรน รวมถึงความเมื่อยล้าจากการทำงานด้วย

สำหรับขั้นตอนเข้ารับบริการ Namnin Perfect Hair Treatment จะใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที หลังจากผู้เข้ารับบริการเตรียมตัวพร้อม คลุมผ้าที่ขา ประคบหน้าผากและรองต้นคอด้วยผ้าขนอุ่นเรียบร้อยแล้ว 

นวดบำรุงหนังศีรษะ

  • เริ่มต้นด้วยการหยด Organic Oil ประมาณ 10-15 หยด แล้วนวดหนังศีรษะให้ทั่ว โดย Organic Oil ที่ใช้ เป็นสารสกัดธรรมชาติ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมคุณสมบัติในการทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก โดยเฉพาะสิ่งตกค้าง คราบไขมัน ฝุ่นละออง และสารเคมีบนหนังศีรษะ จะถูกชะล้างออกอย่างง่ายดาย ไม่ให้หลงเหลือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างเส้นผมใหม่ ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เส้นผมแลดูสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ตามมาด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ประมาณ 4-5 มิลลิลิตร แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ รวมไปถึงบริเวณขมับ และต้นคอด้วย สำหรับน้ำมะพร้าวสกัดเย็นนี้ จะช่วยลดแบคทีเรียบนหนังศีรษะ ลดการสร้างสะเก็ด การสร้างรังแค และช่วยให้เส้นผมมีการกักเก็บโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผมมากขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ ขณะเดียวกันก็ยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพ

  • จากนั้น เป็นการสระผมด้วยแชมพู Mojelim Elixer ซึ่งเป็นแชมพูที่จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม 

  • บำรุงอีกขั้นด้วยครีมนวด Mojelim Elixer Treatment ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เพื่อลดอาการผมแห้งเสีย

  • โดยแชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ปรับสมดุลทั้งหนังศีรษะ ส่งผลให้เส้นผมมีความเงางาม และมีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม

บำรุงอีกขั้นเพื่อสุขภาพผมที่ดียิ่งขึ้น

  • หลังซับผมจนแห้งหมาด ๆ แล้ว จะเป็นการลงเซรั่มบำรุงผม NEAT HAIRNUE Elixer Hair Serum ซึ่งผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยใช้ประมาณ 5 – 10 หยด นวดให้ทั่วศีรษะ เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษในการลดการอักเสบของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี 

  • เป่าผมให้แห้ง โดยใช้ลมเย็นเท่านั้นในบริเวณหนังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูกผม ขณะที่บริเวณปลายผมสามารถใช้ลมอุ่นได้

  • เสริมการบำรุงอีกระดับด้วยการลงเซรั่มช่วงปลายผมให้กับผู้เข้ารับบริการ

Namnin Perfect Hair Treatment จึงเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่จากนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ทางการรักษาของแพทย์และความต้องการของคนไข้ เรียกได้ว่าเป็น Treatment ที่มีความโดดเด่นในด้านความครบเครื่องและครอบคลุมทุกมิติของการดูแลเส้นผม และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความก้าวหน้าของนามนิน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Medical Hair Center ในอนาคตอันใกล้

Namnin Perfect Hair Treatment
Treatment ใหม่แต่เล่นใหญ่ครบเครื่องจากนามนิน ภายใต้ชื่อ Namnin Perfect Hair Treatment พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ ในรูปแบบของคอร์ส “Treatment กึ่งสปา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แบบไม่มีใครเหมือน 

Namnin Perfect Hair Treatment เป็นบริการนวดบำรุงหนังศีรษะครบทุกขั้นตอน โดยนำศาสตร์การนวดมาใช้ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเร่งการงอกของผมใหม่ พร้อมทำความสะอาดเส้นผมอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์ที่ได้จึงช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย ทั้งยังช่วยอาการปวดศีรษะจากไมเกรน รวมถึงความเมื่อยล้าจากการทำงานด้วย

สำหรับขั้นตอนเข้ารับบริการ Namnin Perfect Hair Treatment จะใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที หลังจากผู้เข้ารับบริการเตรียมตัวพร้อม คลุมผ้าที่ขา ประคบหน้าผากและรองต้นคอด้วยผ้าขนอุ่นเรียบร้อยแล้ว 

นวดบำรุงหนังศีรษะ

  • เริ่มต้นด้วยการหยด Organic Oil ประมาณ 10-15 หยด แล้วนวดหนังศีรษะให้ทั่ว โดย Organic Oil ที่ใช้ เป็นสารสกัดธรรมชาติ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมคุณสมบัติในการทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก โดยเฉพาะสิ่งตกค้าง คราบไขมัน ฝุ่นละออง และสารเคมีบนหนังศีรษะ จะถูกชะล้างออกอย่างง่ายดาย ไม่ให้หลงเหลือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างเส้นผมใหม่ ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เส้นผมแลดูสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ตามมาด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ประมาณ 4-5 มิลลิลิตร แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ รวมไปถึงบริเวณขมับ และต้นคอด้วย สำหรับน้ำมะพร้าวสกัดเย็นนี้ จะช่วยลดแบคทีเรียบนหนังศีรษะ ลดการสร้างสะเก็ด การสร้างรังแค และช่วยให้เส้นผมมีการกักเก็บโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผมมากขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ ขณะเดียวกันก็ยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพ

  • จากนั้น เป็นการสระผมด้วยแชมพู Mojelim Elixer ซึ่งเป็นแชมพูที่จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม 

  • บำรุงอีกขั้นด้วยครีมนวด Mojelim Elixer Treatment ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เพื่อลดอาการผมแห้งเสีย

  • โดยแชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ปรับสมดุลทั้งหนังศีรษะ ส่งผลให้เส้นผมมีความเงางาม และมีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม

บำรุงอีกขั้นเพื่อสุขภาพผมที่ดียิ่งขึ้น

  • หลังซับผมจนแห้งหมาด ๆ แล้ว จะเป็นการลงเซรั่มบำรุงผม NEAT HAIRNUE Elixer Hair Serum ซึ่งผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยใช้ประมาณ 5 – 10 หยด นวดให้ทั่วศีรษะ เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษในการลดการอักเสบของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี 

  • เป่าผมให้แห้ง โดยใช้ลมเย็นเท่านั้นในบริเวณหนังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูกผม ขณะที่บริเวณปลายผมสามารถใช้ลมอุ่นได้

  • เสริมการบำรุงอีกระดับด้วยการลงเซรั่มช่วงปลายผมให้กับผู้เข้ารับบริการ

Namnin Perfect Hair Treatment จึงเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่จากนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ทางการรักษาของแพทย์และความต้องการของคนไข้ เรียกได้ว่าเป็น Treatment ที่มีความโดดเด่นในด้านความครบเครื่องและครอบคลุมทุกมิติของการดูแลเส้นผม และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความก้าวหน้าของนามนิน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Medical Hair Center ในอนาคตอันใกล้

Namnin Perfect Hair Treatment
Treatment ใหม่แต่เล่นใหญ่ครบเครื่องจากนามนิน ภายใต้ชื่อ Namnin Perfect Hair Treatment พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ ในรูปแบบของคอร์ส “Treatment กึ่งสปา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แบบไม่มีใครเหมือน 

Namnin Perfect Hair Treatment เป็นบริการนวดบำรุงหนังศีรษะครบทุกขั้นตอน โดยนำศาสตร์การนวดมาใช้ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเร่งการงอกของผมใหม่ พร้อมทำความสะอาดเส้นผมอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์ที่ได้จึงช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย ทั้งยังช่วยอาการปวดศีรษะจากไมเกรน รวมถึงความเมื่อยล้าจากการทำงานด้วย

สำหรับขั้นตอนเข้ารับบริการ Namnin Perfect Hair Treatment จะใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที หลังจากผู้เข้ารับบริการเตรียมตัวพร้อม คลุมผ้าที่ขา ประคบหน้าผากและรองต้นคอด้วยผ้าขนอุ่นเรียบร้อยแล้ว 

นวดบำรุงหนังศีรษะ

  • เริ่มต้นด้วยการหยด Organic Oil ประมาณ 10-15 หยด แล้วนวดหนังศีรษะให้ทั่ว โดย Organic Oil ที่ใช้ เป็นสารสกัดธรรมชาติ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมคุณสมบัติในการทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก โดยเฉพาะสิ่งตกค้าง คราบไขมัน ฝุ่นละออง และสารเคมีบนหนังศีรษะ จะถูกชะล้างออกอย่างง่ายดาย ไม่ให้หลงเหลือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างเส้นผมใหม่ ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เส้นผมแลดูสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ตามมาด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ประมาณ 4-5 มิลลิลิตร แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ รวมไปถึงบริเวณขมับ และต้นคอด้วย สำหรับน้ำมะพร้าวสกัดเย็นนี้ จะช่วยลดแบคทีเรียบนหนังศีรษะ ลดการสร้างสะเก็ด การสร้างรังแค และช่วยให้เส้นผมมีการกักเก็บโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผมมากขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ ขณะเดียวกันก็ยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพ

  • จากนั้น เป็นการสระผมด้วยแชมพู Mojelim Elixer ซึ่งเป็นแชมพูที่จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม 

  • บำรุงอีกขั้นด้วยครีมนวด Mojelim Elixer Treatment ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เพื่อลดอาการผมแห้งเสีย

  • โดยแชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ปรับสมดุลทั้งหนังศีรษะ ส่งผลให้เส้นผมมีความเงางาม และมีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม

บำรุงอีกขั้นเพื่อสุขภาพผมที่ดียิ่งขึ้น

  • หลังซับผมจนแห้งหมาด ๆ แล้ว จะเป็นการลงเซรั่มบำรุงผม NEAT HAIRNUE Elixer Hair Serum ซึ่งผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยใช้ประมาณ 5 – 10 หยด นวดให้ทั่วศีรษะ เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษในการลดการอักเสบของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี 

  • เป่าผมให้แห้ง โดยใช้ลมเย็นเท่านั้นในบริเวณหนังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูกผม ขณะที่บริเวณปลายผมสามารถใช้ลมอุ่นได้

  • เสริมการบำรุงอีกระดับด้วยการลงเซรั่มช่วงปลายผมให้กับผู้เข้ารับบริการ

Namnin Perfect Hair Treatment จึงเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่จากนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ทางการรักษาของแพทย์และความต้องการของคนไข้ เรียกได้ว่าเป็น Treatment ที่มีความโดดเด่นในด้านความครบเครื่องและครอบคลุมทุกมิติของการดูแลเส้นผม และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความก้าวหน้าของนามนิน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Medical Hair Center ในอนาคตอันใกล้

#ทีมนามนิน ทีมแห่งความใส่ใจ
Namnin is not a place, it’s a people
..เมื่อ “นามนิน” ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือผู้คน...

ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาเยี่ยมเยือนคลินิกนามนิน จะเห็นบุคลากรมากมายหลายชีวิต ที่มีบทบาทการทำงานต่าง ๆ กันไป แน่นอนว่า เรามักจะได้ยินชื่อของคุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคลินิกนามินอยู่บ่อย ๆ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของคนไข้ภายใต้การนำของคุณหมอนินนั้น ยังมีบุคลากร #ทีมนามนิน อีกหลายคนทีเดียว ที่มีส่วนร่วมในเส้นทางแห่งความใส่ใจเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ อันเป็นเป้าหมายและความตั้งใจร่วมกันของทุกคนที่นี่

โดยทั่วไป ในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ มักจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ ฝ่ายมาจับมือทำงานร่วมกัน ซึ่งเราเรียกว่า Multidisciplinary Teamwork หรือการดูแลแบบ “สหวิชาชีพ” เพราะเมื่อองค์ความรู้ ทักษะ หรือแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือทางด้านสุขภาพหรือการแพทย์เพิ่มมากขึ้น บุคลากรเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถลงมือปฏิบัติได้ครอบคลุมทุกมิติ ต้องอาศัยความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลาย ๆ คนมาช่วยกัน เพื่อให้เกิดการดูแลคนไข้แบบผสมผสาน และแบบองค์รวม ตอบโจทย์เป้าหมายสุขภาพ ซึ่งหมายรวมทั้งสุขภาวะด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมด้วยนั่นเอง

ตัวอย่างของโรงพยาบาลหนึ่ง ๆ อาจมีทั้งแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักรังสีเทคนิค นักโภชนาการ พยาบาลหอผู้ป่วย และพยาบาลชุมชน มาร่วมกันดูแลคนไข้หนึ่งคน ภายใต้วัตถุประสงค์ทางการรักษาเดียวกัน และเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง โดยบุคลากรในทีมจะสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น วางแผน และทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการรักษา รวมถึงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการรักษา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไข ความต้องการ หรือสถานการณ์ของคนไข้แต่ละคน 

สำหรับ #ทีมนามนิน นอกจากแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมแล้ว ยังมีทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมในกระบวนการรักษาตลอดเส้นทางแห่งความใส่ใจ เช่น ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ให้บริการ Treatment  ตลอดจนฝ่ายดูแลและบริการลูกค้า ภายใต้การกำกับอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ละเอียด ซับซ้อน และมีขั้นตอนมากมาย ในขั้นตอนบางอย่างจึงเป็นหน้าที่ของทีมสหวิชาชีพในการช่วยแพทย์ทำงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่า ทุกคนผ่านการคัดเลือกและฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี 

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักอย่างขั้นตอนการปลูกผมใหม่ บทบาทนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณหมอนิน ผู้นำของทีม ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น แบบเส้นต่อเส้นเลยทีเดียว เนื่องจากต้องอาศัยทักษะชั้นสูงในการปักกราฟต์ผมใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันในขั้นตอนเดียว

  • ขนาดของเส้นผม 
จะต้องเลือกความหนาบางของเส้นผม ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก มักจะเป็นผมเส้นเล็กบาง ไม่ใช่ผมเส้นหนาและใหญ่

  • จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 
จะต้องเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก ควรใช้กราฟต์ผมที่มีผมเส้นเดี่ยว และในบริเวณลึกเข้าไป จึงใช้กราฟต์ผมที่มีผมจำนวน 2 – 4 เส้น ตามลำดับ

  • องศาความโค้งของเส้นผม 
ทราบมั้ยว่า ผมแต่ละเส้นยังมีองศาความโค้งไม่เท่ากันด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ของแพทย์อีกเช่นกันที่จะต้องเลือกผมที่มีความโค้งมากน้อยให้เข้ากับบริเวณที่จะปลูกใหม่

  • ทิศทางของเส้นผม 
โดยแพทย์ต้องวางทิศทางผมให้เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือเหมาะกับผมในบริเวณนั้น ๆ ไม่อย่างนั้น เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น อาจจะเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่ชี้ผิดทิศผิดทาง แลดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งยากจะแก้ไขในภายหลัง

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ผม 
แพทย์ยังต้องประมาณความลึกในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้พอดี เพื่อให้รากผมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นเลือดต่าง ๆ และลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

  • ความหนาแน่นในการปลูก 
ปลูกให้แน่นที่สุด ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการปลูกผม ปลูกให้หนาแน่นกำลังดี ไม่บางหรือแน่นเกินไปต่างหาก จะทำให้ผมปลูกใหม่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่หลุดร่วงง่ายอีกด้วย

  • Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ 
ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ แพทย์และคนไข้จะได้ร่วมกันวางแผนการรักษา และออกแบบกรอบหน้าใหม่ ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมนี้เอง ที่แพทย์จะเป็นผู้เนรมิตกรอบหน้าใหม่ ให้ออกมาดูสวย เป็นธรรมชาติ และขับบุคลิกของคนไข้ให้โดดเด่นขึ้นได้จริง ๆ 

หลังจากจบขั้นตอนการปลูกผม คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอนิน และ #ทีมนามนิน อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่าง ๆ รวมถึงให้บริการ Treatment เพื่อเส้นผม ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่ของคนไข้จะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด

#ทีมนามนิน ทีมแห่งความใส่ใจ
Namnin is not a place, it’s a people
..เมื่อ “นามนิน” ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือผู้คน...

ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาเยี่ยมเยือนคลินิกนามนิน จะเห็นบุคลากรมากมายหลายชีวิต ที่มีบทบาทการทำงานต่าง ๆ กันไป แน่นอนว่า เรามักจะได้ยินชื่อของคุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคลินิกนามินอยู่บ่อย ๆ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของคนไข้ภายใต้การนำของคุณหมอนินนั้น ยังมีบุคลากร #ทีมนามนิน อีกหลายคนทีเดียว ที่มีส่วนร่วมในเส้นทางแห่งความใส่ใจเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ อันเป็นเป้าหมายและความตั้งใจร่วมกันของทุกคนที่นี่

โดยทั่วไป ในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ มักจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ ฝ่ายมาจับมือทำงานร่วมกัน ซึ่งเราเรียกว่า Multidisciplinary Teamwork หรือการดูแลแบบ “สหวิชาชีพ” เพราะเมื่อองค์ความรู้ ทักษะ หรือแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือทางด้านสุขภาพหรือการแพทย์เพิ่มมากขึ้น บุคลากรเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถลงมือปฏิบัติได้ครอบคลุมทุกมิติ ต้องอาศัยความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลาย ๆ คนมาช่วยกัน เพื่อให้เกิดการดูแลคนไข้แบบผสมผสาน และแบบองค์รวม ตอบโจทย์เป้าหมายสุขภาพ ซึ่งหมายรวมทั้งสุขภาวะด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมด้วยนั่นเอง

ตัวอย่างของโรงพยาบาลหนึ่ง ๆ อาจมีทั้งแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักรังสีเทคนิค นักโภชนาการ พยาบาลหอผู้ป่วย และพยาบาลชุมชน มาร่วมกันดูแลคนไข้หนึ่งคน ภายใต้วัตถุประสงค์ทางการรักษาเดียวกัน และเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง โดยบุคลากรในทีมจะสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น วางแผน และทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการรักษา รวมถึงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการรักษา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไข ความต้องการ หรือสถานการณ์ของคนไข้แต่ละคน 

สำหรับ #ทีมนามนิน นอกจากแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมแล้ว ยังมีทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมในกระบวนการรักษาตลอดเส้นทางแห่งความใส่ใจ เช่น ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ให้บริการ Treatment  ตลอดจนฝ่ายดูแลและบริการลูกค้า ภายใต้การกำกับอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ละเอียด ซับซ้อน และมีขั้นตอนมากมาย ในขั้นตอนบางอย่างจึงเป็นหน้าที่ของทีมสหวิชาชีพในการช่วยแพทย์ทำงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่า ทุกคนผ่านการคัดเลือกและฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี 

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักอย่างขั้นตอนการปลูกผมใหม่ บทบาทนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณหมอนิน ผู้นำของทีม ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น แบบเส้นต่อเส้นเลยทีเดียว เนื่องจากต้องอาศัยทักษะชั้นสูงในการปักกราฟต์ผมใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันในขั้นตอนเดียว

  • ขนาดของเส้นผม 
จะต้องเลือกความหนาบางของเส้นผม ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก มักจะเป็นผมเส้นเล็กบาง ไม่ใช่ผมเส้นหนาและใหญ่

  • จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 
จะต้องเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก ควรใช้กราฟต์ผมที่มีผมเส้นเดี่ยว และในบริเวณลึกเข้าไป จึงใช้กราฟต์ผมที่มีผมจำนวน 2 – 4 เส้น ตามลำดับ

  • องศาความโค้งของเส้นผม 
ทราบมั้ยว่า ผมแต่ละเส้นยังมีองศาความโค้งไม่เท่ากันด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ของแพทย์อีกเช่นกันที่จะต้องเลือกผมที่มีความโค้งมากน้อยให้เข้ากับบริเวณที่จะปลูกใหม่

  • ทิศทางของเส้นผม 
โดยแพทย์ต้องวางทิศทางผมให้เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือเหมาะกับผมในบริเวณนั้น ๆ ไม่อย่างนั้น เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น อาจจะเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่ชี้ผิดทิศผิดทาง แลดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งยากจะแก้ไขในภายหลัง

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ผม 
แพทย์ยังต้องประมาณความลึกในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้พอดี เพื่อให้รากผมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นเลือดต่าง ๆ และลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

  • ความหนาแน่นในการปลูก 
ปลูกให้แน่นที่สุด ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการปลูกผม ปลูกให้หนาแน่นกำลังดี ไม่บางหรือแน่นเกินไปต่างหาก จะทำให้ผมปลูกใหม่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่หลุดร่วงง่ายอีกด้วย

  • Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ 
ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ แพทย์และคนไข้จะได้ร่วมกันวางแผนการรักษา และออกแบบกรอบหน้าใหม่ ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมนี้เอง ที่แพทย์จะเป็นผู้เนรมิตกรอบหน้าใหม่ ให้ออกมาดูสวย เป็นธรรมชาติ และขับบุคลิกของคนไข้ให้โดดเด่นขึ้นได้จริง ๆ 

หลังจากจบขั้นตอนการปลูกผม คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอนิน และ #ทีมนามนิน อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่าง ๆ รวมถึงให้บริการ Treatment เพื่อเส้นผม ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่ของคนไข้จะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด

#ทีมนามนิน ทีมแห่งความใส่ใจ
Namnin is not a place, it’s a people
..เมื่อ “นามนิน” ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือผู้คน...

ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาเยี่ยมเยือนคลินิกนามนิน จะเห็นบุคลากรมากมายหลายชีวิต ที่มีบทบาทการทำงานต่าง ๆ กันไป แน่นอนว่า เรามักจะได้ยินชื่อของคุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคลินิกนามินอยู่บ่อย ๆ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของคนไข้ภายใต้การนำของคุณหมอนินนั้น ยังมีบุคลากร #ทีมนามนิน อีกหลายคนทีเดียว ที่มีส่วนร่วมในเส้นทางแห่งความใส่ใจเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ อันเป็นเป้าหมายและความตั้งใจร่วมกันของทุกคนที่นี่

โดยทั่วไป ในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ มักจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ ฝ่ายมาจับมือทำงานร่วมกัน ซึ่งเราเรียกว่า Multidisciplinary Teamwork หรือการดูแลแบบ “สหวิชาชีพ” เพราะเมื่อองค์ความรู้ ทักษะ หรือแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือทางด้านสุขภาพหรือการแพทย์เพิ่มมากขึ้น บุคลากรเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถลงมือปฏิบัติได้ครอบคลุมทุกมิติ ต้องอาศัยความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลาย ๆ คนมาช่วยกัน เพื่อให้เกิดการดูแลคนไข้แบบผสมผสาน และแบบองค์รวม ตอบโจทย์เป้าหมายสุขภาพ ซึ่งหมายรวมทั้งสุขภาวะด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมด้วยนั่นเอง

ตัวอย่างของโรงพยาบาลหนึ่ง ๆ อาจมีทั้งแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักรังสีเทคนิค นักโภชนาการ พยาบาลหอผู้ป่วย และพยาบาลชุมชน มาร่วมกันดูแลคนไข้หนึ่งคน ภายใต้วัตถุประสงค์ทางการรักษาเดียวกัน และเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง โดยบุคลากรในทีมจะสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น วางแผน และทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการรักษา รวมถึงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการรักษา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไข ความต้องการ หรือสถานการณ์ของคนไข้แต่ละคน 

สำหรับ #ทีมนามนิน นอกจากแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมแล้ว ยังมีทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมในกระบวนการรักษาตลอดเส้นทางแห่งความใส่ใจ เช่น ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ให้บริการ Treatment  ตลอดจนฝ่ายดูแลและบริการลูกค้า ภายใต้การกำกับอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ละเอียด ซับซ้อน และมีขั้นตอนมากมาย ในขั้นตอนบางอย่างจึงเป็นหน้าที่ของทีมสหวิชาชีพในการช่วยแพทย์ทำงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่า ทุกคนผ่านการคัดเลือกและฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี 

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักอย่างขั้นตอนการปลูกผมใหม่ บทบาทนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณหมอนิน ผู้นำของทีม ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น แบบเส้นต่อเส้นเลยทีเดียว เนื่องจากต้องอาศัยทักษะชั้นสูงในการปักกราฟต์ผมใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันในขั้นตอนเดียว

  • ขนาดของเส้นผม 
จะต้องเลือกความหนาบางของเส้นผม ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก มักจะเป็นผมเส้นเล็กบาง ไม่ใช่ผมเส้นหนาและใหญ่

  • จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 
จะต้องเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก ควรใช้กราฟต์ผมที่มีผมเส้นเดี่ยว และในบริเวณลึกเข้าไป จึงใช้กราฟต์ผมที่มีผมจำนวน 2 – 4 เส้น ตามลำดับ

  • องศาความโค้งของเส้นผม 
ทราบมั้ยว่า ผมแต่ละเส้นยังมีองศาความโค้งไม่เท่ากันด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ของแพทย์อีกเช่นกันที่จะต้องเลือกผมที่มีความโค้งมากน้อยให้เข้ากับบริเวณที่จะปลูกใหม่

  • ทิศทางของเส้นผม 
โดยแพทย์ต้องวางทิศทางผมให้เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือเหมาะกับผมในบริเวณนั้น ๆ ไม่อย่างนั้น เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น อาจจะเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่ชี้ผิดทิศผิดทาง แลดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งยากจะแก้ไขในภายหลัง

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ผม 
แพทย์ยังต้องประมาณความลึกในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้พอดี เพื่อให้รากผมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นเลือดต่าง ๆ และลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

  • ความหนาแน่นในการปลูก 
ปลูกให้แน่นที่สุด ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการปลูกผม ปลูกให้หนาแน่นกำลังดี ไม่บางหรือแน่นเกินไปต่างหาก จะทำให้ผมปลูกใหม่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่หลุดร่วงง่ายอีกด้วย

  • Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ 
ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ แพทย์และคนไข้จะได้ร่วมกันวางแผนการรักษา และออกแบบกรอบหน้าใหม่ ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมนี้เอง ที่แพทย์จะเป็นผู้เนรมิตกรอบหน้าใหม่ ให้ออกมาดูสวย เป็นธรรมชาติ และขับบุคลิกของคนไข้ให้โดดเด่นขึ้นได้จริง ๆ 

หลังจากจบขั้นตอนการปลูกผม คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอนิน และ #ทีมนามนิน อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่าง ๆ รวมถึงให้บริการ Treatment เพื่อเส้นผม ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่ของคนไข้จะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด

#ทีมนามนิน ทีมแห่งความใส่ใจ
Namnin is not a place, it’s a people
..เมื่อ “นามนิน” ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือผู้คน...

ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาเยี่ยมเยือนคลินิกนามนิน จะเห็นบุคลากรมากมายหลายชีวิต ที่มีบทบาทการทำงานต่าง ๆ กันไป แน่นอนว่า เรามักจะได้ยินชื่อของคุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคลินิกนามินอยู่บ่อย ๆ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของคนไข้ภายใต้การนำของคุณหมอนินนั้น ยังมีบุคลากร #ทีมนามนิน อีกหลายคนทีเดียว ที่มีส่วนร่วมในเส้นทางแห่งความใส่ใจเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ อันเป็นเป้าหมายและความตั้งใจร่วมกันของทุกคนที่นี่

โดยทั่วไป ในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ มักจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ ฝ่ายมาจับมือทำงานร่วมกัน ซึ่งเราเรียกว่า Multidisciplinary Teamwork หรือการดูแลแบบ “สหวิชาชีพ” เพราะเมื่อองค์ความรู้ ทักษะ หรือแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือทางด้านสุขภาพหรือการแพทย์เพิ่มมากขึ้น บุคลากรเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถลงมือปฏิบัติได้ครอบคลุมทุกมิติ ต้องอาศัยความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลาย ๆ คนมาช่วยกัน เพื่อให้เกิดการดูแลคนไข้แบบผสมผสาน และแบบองค์รวม ตอบโจทย์เป้าหมายสุขภาพ ซึ่งหมายรวมทั้งสุขภาวะด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมด้วยนั่นเอง

ตัวอย่างของโรงพยาบาลหนึ่ง ๆ อาจมีทั้งแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักรังสีเทคนิค นักโภชนาการ พยาบาลหอผู้ป่วย และพยาบาลชุมชน มาร่วมกันดูแลคนไข้หนึ่งคน ภายใต้วัตถุประสงค์ทางการรักษาเดียวกัน และเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง โดยบุคลากรในทีมจะสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น วางแผน และทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการรักษา รวมถึงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการรักษา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไข ความต้องการ หรือสถานการณ์ของคนไข้แต่ละคน 

สำหรับ #ทีมนามนิน นอกจากแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมแล้ว ยังมีทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมในกระบวนการรักษาตลอดเส้นทางแห่งความใส่ใจ เช่น ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ให้บริการ Treatment  ตลอดจนฝ่ายดูแลและบริการลูกค้า ภายใต้การกำกับอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ละเอียด ซับซ้อน และมีขั้นตอนมากมาย ในขั้นตอนบางอย่างจึงเป็นหน้าที่ของทีมสหวิชาชีพในการช่วยแพทย์ทำงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่า ทุกคนผ่านการคัดเลือกและฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี 

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักอย่างขั้นตอนการปลูกผมใหม่ บทบาทนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณหมอนิน ผู้นำของทีม ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น แบบเส้นต่อเส้นเลยทีเดียว เนื่องจากต้องอาศัยทักษะชั้นสูงในการปักกราฟต์ผมใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันในขั้นตอนเดียว

  • ขนาดของเส้นผม 
จะต้องเลือกความหนาบางของเส้นผม ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก มักจะเป็นผมเส้นเล็กบาง ไม่ใช่ผมเส้นหนาและใหญ่

  • จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 
จะต้องเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก ควรใช้กราฟต์ผมที่มีผมเส้นเดี่ยว และในบริเวณลึกเข้าไป จึงใช้กราฟต์ผมที่มีผมจำนวน 2 – 4 เส้น ตามลำดับ

  • องศาความโค้งของเส้นผม 
ทราบมั้ยว่า ผมแต่ละเส้นยังมีองศาความโค้งไม่เท่ากันด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ของแพทย์อีกเช่นกันที่จะต้องเลือกผมที่มีความโค้งมากน้อยให้เข้ากับบริเวณที่จะปลูกใหม่

  • ทิศทางของเส้นผม 
โดยแพทย์ต้องวางทิศทางผมให้เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือเหมาะกับผมในบริเวณนั้น ๆ ไม่อย่างนั้น เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น อาจจะเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่ชี้ผิดทิศผิดทาง แลดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งยากจะแก้ไขในภายหลัง

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ผม 
แพทย์ยังต้องประมาณความลึกในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้พอดี เพื่อให้รากผมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นเลือดต่าง ๆ และลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

  • ความหนาแน่นในการปลูก 
ปลูกให้แน่นที่สุด ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการปลูกผม ปลูกให้หนาแน่นกำลังดี ไม่บางหรือแน่นเกินไปต่างหาก จะทำให้ผมปลูกใหม่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่หลุดร่วงง่ายอีกด้วย

  • Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ 
ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ แพทย์และคนไข้จะได้ร่วมกันวางแผนการรักษา และออกแบบกรอบหน้าใหม่ ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมนี้เอง ที่แพทย์จะเป็นผู้เนรมิตกรอบหน้าใหม่ ให้ออกมาดูสวย เป็นธรรมชาติ และขับบุคลิกของคนไข้ให้โดดเด่นขึ้นได้จริง ๆ 

หลังจากจบขั้นตอนการปลูกผม คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอนิน และ #ทีมนามนิน อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่าง ๆ รวมถึงให้บริการ Treatment เพื่อเส้นผม ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่ของคนไข้จะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด

นามนิน ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ Hair Medical Center
“บริการปลูกผม” ตลาดใหญ่มาแรงระดับโลก

ประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามด้านเส้นผมของโลก ?

ผลการวิจัยเผยว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา ตัวเลขมูลค่าตลาด “การปลูกผม” ทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 106,062 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2027 ตัวเลขดังกล่าวอาจทะยานสูงขึ้นแตะ 136,508 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตของตลาดเฉลี่ยต่อปีถึง 3.6% เช่นเดียวกับตลาด “ผลิตภัณฑ์บำรุงและลดการหลุดร่วงของเส้นผม” ที่จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่ 3.83% โดยจะเห็นภาพการเติบโตชัดเจนที่สุดในภูมิภาคเอเชียนี่เอง (กรุงเทพธุรกิจ, 2565)

แน่นอนว่า ประเทศไทย ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กที่กำลังทวีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสำหรับตลาด Hair Care หรือผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการดูแลเส้นโดยรวมของประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทนั้น บริการปลูกผมครองสัดส่วนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว (กรุงเทพธุรกิจ, 2563) สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของคลินิกปลูกผมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แม้วันนี้ ตลาดปลูกผมไทยอาจยังตามหลังประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่น แต่การพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมคนไทย ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงความเป็นเลิศด้านการให้บริการ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ก็ส่งให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงเพียงพอที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ในการยกระดับวงการปลูกผม เพื่อรองรับการเป็น Medical Hub of Hair Transplantation ของภูมิภาคเอเชียในอนาคต


สำรวจปัจจัยความเติบโต ของเทรนด์ “ปลูกผม” ในประเทศไทย 

การที่ตลาด “ปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยข้อแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของคนไทยเอง ในปัจจุบัน คนไทยรวมถึงคนทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้เทรนด์สุขภาพยังคงเป็นกระแสระดับท็อปต่อเนื่องยาวนานหลายปี เราจึงเห็นผู้คนลุกขึ้นมาค้นคว้าศึกษาข้อมูล ปรับวิถีชีวิตใหม่ เพิ่มมูลค่าการใช้จ่าย และเพิ่มเวลาให้กับการดูแลตัวเองมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย การดูแลสัดส่วนและรูปร่าง รวมไปถึงการจัดการกับปัญหาสุขภาพเส้นผมด้วย

นอกจากสุขภาพแล้ว ผู้คนก็ยังใส่ใจเรื่องบุคลิกภาพด้วยเช่นกัน ทั้งยังตระหนักมากขึ้นว่า เส้นผมคือเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี นำมาสู่ภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสายตาของคนรอบข้าง และยังสะท้อนความเป็นตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจในตัวเองลงง่าย ๆ เมื่อเผชิญกับปัญหาเส้นผม ซึ่งการขังตัวเองไว้กับความรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในทุกครั้งที่ส่องกระจกนั้น ทำให้หลายคนไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ จนอาจพลาดโอกาสสำคัญต่าง ๆ ไป ดังนั้น คนจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะหันกลับมาดูแลเส้นผม ไม่ต่างจากการดูแลร่างกายส่วนอื่น ๆ 

ที่สำคัญ ภาพจำของคำว่า การปลูกผม ก็เริ่มเปลี่ยนไป ที่ผ่านมา คนมักจะติดภาพว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง แต่ปัจจุบันเทรนด์การปลูกผมเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากสถิติโดยทั่วไป คนในวัย 25 – 35 ปี ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ถึง 25% ขณะเดียวกัน คนในวัยต่ำกว่า 25 ปี ก็เริ่มกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มต้นปลูกผมเพื่อดูแลจัดการปัญหาแต่เนิ่น ๆ กันมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ภาพจำเก่า ๆ ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะผู้หญิงเริ่มเข้ามารับบริการปลูกผมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20% 

สำหรับปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่ง ก็คือเทคนิคการปลูกผม ที่ส่งผลต่อประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ เนื่องจากในอดีต การปลูกผมอาจไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์นัก คนไข้ต้องเผชิญความยากลำบากจากการรักษา ตั้งแต่การโกนผมด้านหลังทั้งหมดเพื่อ “ผ่าตัด” ย้ายกราฟต์ผมออก อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ ยังทิ้งรอยแผลน่ากลัวไว้พร้อมกับอาการเจ็บและบวมช้ำ ทำให้คนไข้ต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน ทั้งยังเกิดข้อจำกัดในการทำผมทรงต่าง ๆ เพราะต้องคอยระวังปกปิดรอยแผลจากการปลูกผม จนกระทบต่อความมั่นใจ และการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน

แต่ทุกวันนี้ นวัตกรรมการปลูกผมได้รับการพัฒนาขึ้นจนสามารถลบภาพประสบการณ์แย่ ๆ ที่กล่าวมาได้เกือบทั้งหมด เนื่องจากเทคนิคการปลูกผมและแนวทางการักษาที่ก้าวหน้ามากขึ้นในทุก ๆ มิติ ที่ “นามนิน” คนไข้ที่เข้ารับการปลูกผมจะได้สัมผัสความประทับใจจากบริการปลูกผมที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” โดยนำทั้ง “ศาสตร์” การแพทย์ด้านเส้นผม มาผสานกับ “ศิลปะ” การสร้างสรรค์ความงาม เพื่อมอบผลลัพธ์การปลูกผมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเส้นผมและเติมเต็มความมั่นใจให้กับคนไข้ได้อย่างแท้จริง


เทคนิค NEAT ยังมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร 

N - Namnin
หมายถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ที่ไม่เคยหยุดศึกษา พัฒนา และต่อยอดองค์ความรู้ จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับคนไข้ ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง แบบเส้นต่อเส้น

E - Exclusive
หมายถึงการที่แพทย์เข้าใจในลักษณะปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันของคนไข้ ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรการรักษาแบบเดียวกันได้ทุกคน ดังนั้น จึงต้องออกแบบแนวทางการรักษา “เฉพาะบุคคล” เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ เช่นเดียวกับการวัดตัวตัดเสื้อแบบ Tailor-Made เลยก็ว่าได้

A - Advanced
หมายถึงเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง ที่คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินเอง เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

T - Technique
หมายถึงเทคนิคเสริมและองค์ประกอบต่าง ๆ ตลอดกระบวนการรักษา รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์การปลูกผมที่คนไข้พึงพอใจ ทั้งยังช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ จึงช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ให้กลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ โดยเทคนิคใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คนไข้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ ลดอาการเจ็บ บวมช้ำ เลือดออกน้อย ทิ้งรอยแผลขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็น และแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที ไม่เพียงเท่านั้น เทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังแบบขั้นบันได ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดรอยแผลอีกต่อไป สามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างใจทุกสไตล์ ซึ่งเท่ากับอิสระในการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย


ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ “นามนิน”

หลังก้าวผ่าน 3 ปีแห่งความใส่ใจในปัญหาเส้นผมทุกมิติของคนไข้ และความตั้งใจที่จะพัฒนาเทคนิคการปลูกผมให้เหนือมาตรฐานขึ้นไปอย่างไม่มีวันหยุด ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” จะไม่ใช่แค่ในบทบาทของ “คลินิก” แต่คือการเติบโตขึ้นไปเป็น Hair Medical Center ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมอย่างครบวงจร ที่ไม่เพียงให้บริการด้านการรักษาและดูแลเส้นผม แต่ยังนำเสนอคอร์สปลูกผมสุด Exclusive ที่นำเอาความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน รวมเอาไว้ในคอสร์สนี้อย่างเข้มข้น สอนและถ่ายทอดจาก “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” โดยเฉพาะ รวมถึงการเป็นศูนย์รวมบริการ Treatment และผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมที่พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจในมิติอื่น ๆ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพการให้บริการของนามนินเสมอมา

และสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป ก็คือคำสัญญาจากนามนิน ที่จะ “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” ตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาพบแพทย์เพื่อพูดคุย ปรึกษา บอกเล่าปัญหาและความต้องการของตัวเอง ก่อนจะร่วมกันวางแผนเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปีเต็ม และแพทย์เริ่มลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้แบบเส้นต่อเส้น ตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งการอดทน รอคอย และถนอมดูแลเส้นผมใหม่ โดยมีแพทย์คอยติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด จนถึงวันที่คนไข้ได้ปลดล็อกตัวเองไปสู่การเป็น “คนใหม่” ได้สำเร็จ ซึ่ง “นามนิน” หวังว่าจะได้เห็นภาพความสุขแบบนี้ ในขวบปีที่ 4 ตลอดจนปีต่อ ๆ ไปข้างหน้า

.
#NEATคือศาสตร์และศิลป์

นามนิน ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ Hair Medical Center
“บริการปลูกผม” ตลาดใหญ่มาแรงระดับโลก

ประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามด้านเส้นผมของโลก ?

ผลการวิจัยเผยว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา ตัวเลขมูลค่าตลาด “การปลูกผม” ทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 106,062 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2027 ตัวเลขดังกล่าวอาจทะยานสูงขึ้นแตะ 136,508 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตของตลาดเฉลี่ยต่อปีถึง 3.6% เช่นเดียวกับตลาด “ผลิตภัณฑ์บำรุงและลดการหลุดร่วงของเส้นผม” ที่จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่ 3.83% โดยจะเห็นภาพการเติบโตชัดเจนที่สุดในภูมิภาคเอเชียนี่เอง (กรุงเทพธุรกิจ, 2565)

แน่นอนว่า ประเทศไทย ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กที่กำลังทวีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสำหรับตลาด Hair Care หรือผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการดูแลเส้นโดยรวมของประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทนั้น บริการปลูกผมครองสัดส่วนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว (กรุงเทพธุรกิจ, 2563) สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของคลินิกปลูกผมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แม้วันนี้ ตลาดปลูกผมไทยอาจยังตามหลังประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่น แต่การพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมคนไทย ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงความเป็นเลิศด้านการให้บริการ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ก็ส่งให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงเพียงพอที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ในการยกระดับวงการปลูกผม เพื่อรองรับการเป็น Medical Hub of Hair Transplantation ของภูมิภาคเอเชียในอนาคต


สำรวจปัจจัยความเติบโต ของเทรนด์ “ปลูกผม” ในประเทศไทย 

การที่ตลาด “ปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยข้อแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของคนไทยเอง ในปัจจุบัน คนไทยรวมถึงคนทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้เทรนด์สุขภาพยังคงเป็นกระแสระดับท็อปต่อเนื่องยาวนานหลายปี เราจึงเห็นผู้คนลุกขึ้นมาค้นคว้าศึกษาข้อมูล ปรับวิถีชีวิตใหม่ เพิ่มมูลค่าการใช้จ่าย และเพิ่มเวลาให้กับการดูแลตัวเองมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย การดูแลสัดส่วนและรูปร่าง รวมไปถึงการจัดการกับปัญหาสุขภาพเส้นผมด้วย

นอกจากสุขภาพแล้ว ผู้คนก็ยังใส่ใจเรื่องบุคลิกภาพด้วยเช่นกัน ทั้งยังตระหนักมากขึ้นว่า เส้นผมคือเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี นำมาสู่ภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสายตาของคนรอบข้าง และยังสะท้อนความเป็นตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจในตัวเองลงง่าย ๆ เมื่อเผชิญกับปัญหาเส้นผม ซึ่งการขังตัวเองไว้กับความรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในทุกครั้งที่ส่องกระจกนั้น ทำให้หลายคนไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ จนอาจพลาดโอกาสสำคัญต่าง ๆ ไป ดังนั้น คนจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะหันกลับมาดูแลเส้นผม ไม่ต่างจากการดูแลร่างกายส่วนอื่น ๆ 

ที่สำคัญ ภาพจำของคำว่า การปลูกผม ก็เริ่มเปลี่ยนไป ที่ผ่านมา คนมักจะติดภาพว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง แต่ปัจจุบันเทรนด์การปลูกผมเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากสถิติโดยทั่วไป คนในวัย 25 – 35 ปี ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ถึง 25% ขณะเดียวกัน คนในวัยต่ำกว่า 25 ปี ก็เริ่มกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มต้นปลูกผมเพื่อดูแลจัดการปัญหาแต่เนิ่น ๆ กันมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ภาพจำเก่า ๆ ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะผู้หญิงเริ่มเข้ามารับบริการปลูกผมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20% 

สำหรับปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่ง ก็คือเทคนิคการปลูกผม ที่ส่งผลต่อประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ เนื่องจากในอดีต การปลูกผมอาจไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์นัก คนไข้ต้องเผชิญความยากลำบากจากการรักษา ตั้งแต่การโกนผมด้านหลังทั้งหมดเพื่อ “ผ่าตัด” ย้ายกราฟต์ผมออก อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ ยังทิ้งรอยแผลน่ากลัวไว้พร้อมกับอาการเจ็บและบวมช้ำ ทำให้คนไข้ต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน ทั้งยังเกิดข้อจำกัดในการทำผมทรงต่าง ๆ เพราะต้องคอยระวังปกปิดรอยแผลจากการปลูกผม จนกระทบต่อความมั่นใจ และการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน

แต่ทุกวันนี้ นวัตกรรมการปลูกผมได้รับการพัฒนาขึ้นจนสามารถลบภาพประสบการณ์แย่ ๆ ที่กล่าวมาได้เกือบทั้งหมด เนื่องจากเทคนิคการปลูกผมและแนวทางการักษาที่ก้าวหน้ามากขึ้นในทุก ๆ มิติ ที่ “นามนิน” คนไข้ที่เข้ารับการปลูกผมจะได้สัมผัสความประทับใจจากบริการปลูกผมที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” โดยนำทั้ง “ศาสตร์” การแพทย์ด้านเส้นผม มาผสานกับ “ศิลปะ” การสร้างสรรค์ความงาม เพื่อมอบผลลัพธ์การปลูกผมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเส้นผมและเติมเต็มความมั่นใจให้กับคนไข้ได้อย่างแท้จริง


เทคนิค NEAT ยังมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร 

N - Namnin
หมายถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ที่ไม่เคยหยุดศึกษา พัฒนา และต่อยอดองค์ความรู้ จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับคนไข้ ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง แบบเส้นต่อเส้น

E - Exclusive
หมายถึงการที่แพทย์เข้าใจในลักษณะปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันของคนไข้ ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรการรักษาแบบเดียวกันได้ทุกคน ดังนั้น จึงต้องออกแบบแนวทางการรักษา “เฉพาะบุคคล” เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ เช่นเดียวกับการวัดตัวตัดเสื้อแบบ Tailor-Made เลยก็ว่าได้

A - Advanced
หมายถึงเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง ที่คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินเอง เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

T - Technique
หมายถึงเทคนิคเสริมและองค์ประกอบต่าง ๆ ตลอดกระบวนการรักษา รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์การปลูกผมที่คนไข้พึงพอใจ ทั้งยังช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ จึงช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ให้กลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ โดยเทคนิคใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คนไข้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ ลดอาการเจ็บ บวมช้ำ เลือดออกน้อย ทิ้งรอยแผลขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็น และแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที ไม่เพียงเท่านั้น เทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังแบบขั้นบันได ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดรอยแผลอีกต่อไป สามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างใจทุกสไตล์ ซึ่งเท่ากับอิสระในการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย


ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ “นามนิน”

หลังก้าวผ่าน 3 ปีแห่งความใส่ใจในปัญหาเส้นผมทุกมิติของคนไข้ และความตั้งใจที่จะพัฒนาเทคนิคการปลูกผมให้เหนือมาตรฐานขึ้นไปอย่างไม่มีวันหยุด ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” จะไม่ใช่แค่ในบทบาทของ “คลินิก” แต่คือการเติบโตขึ้นไปเป็น Hair Medical Center ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมอย่างครบวงจร ที่ไม่เพียงให้บริการด้านการรักษาและดูแลเส้นผม แต่ยังนำเสนอคอร์สปลูกผมสุด Exclusive ที่นำเอาความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน รวมเอาไว้ในคอสร์สนี้อย่างเข้มข้น สอนและถ่ายทอดจาก “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” โดยเฉพาะ รวมถึงการเป็นศูนย์รวมบริการ Treatment และผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมที่พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจในมิติอื่น ๆ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพการให้บริการของนามนินเสมอมา

และสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป ก็คือคำสัญญาจากนามนิน ที่จะ “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” ตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาพบแพทย์เพื่อพูดคุย ปรึกษา บอกเล่าปัญหาและความต้องการของตัวเอง ก่อนจะร่วมกันวางแผนเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปีเต็ม และแพทย์เริ่มลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้แบบเส้นต่อเส้น ตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งการอดทน รอคอย และถนอมดูแลเส้นผมใหม่ โดยมีแพทย์คอยติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด จนถึงวันที่คนไข้ได้ปลดล็อกตัวเองไปสู่การเป็น “คนใหม่” ได้สำเร็จ ซึ่ง “นามนิน” หวังว่าจะได้เห็นภาพความสุขแบบนี้ ในขวบปีที่ 4 ตลอดจนปีต่อ ๆ ไปข้างหน้า

.
#NEATคือศาสตร์และศิลป์

นามนิน ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ Hair Medical Center
“บริการปลูกผม” ตลาดใหญ่มาแรงระดับโลก

ประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามด้านเส้นผมของโลก ?

ผลการวิจัยเผยว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา ตัวเลขมูลค่าตลาด “การปลูกผม” ทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 106,062 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2027 ตัวเลขดังกล่าวอาจทะยานสูงขึ้นแตะ 136,508 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตของตลาดเฉลี่ยต่อปีถึง 3.6% เช่นเดียวกับตลาด “ผลิตภัณฑ์บำรุงและลดการหลุดร่วงของเส้นผม” ที่จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่ 3.83% โดยจะเห็นภาพการเติบโตชัดเจนที่สุดในภูมิภาคเอเชียนี่เอง (กรุงเทพธุรกิจ, 2565)

แน่นอนว่า ประเทศไทย ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กที่กำลังทวีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสำหรับตลาด Hair Care หรือผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการดูแลเส้นโดยรวมของประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทนั้น บริการปลูกผมครองสัดส่วนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว (กรุงเทพธุรกิจ, 2563) สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของคลินิกปลูกผมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แม้วันนี้ ตลาดปลูกผมไทยอาจยังตามหลังประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่น แต่การพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมคนไทย ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงความเป็นเลิศด้านการให้บริการ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ก็ส่งให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงเพียงพอที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ในการยกระดับวงการปลูกผม เพื่อรองรับการเป็น Medical Hub of Hair Transplantation ของภูมิภาคเอเชียในอนาคต


สำรวจปัจจัยความเติบโต ของเทรนด์ “ปลูกผม” ในประเทศไทย 

การที่ตลาด “ปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยข้อแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของคนไทยเอง ในปัจจุบัน คนไทยรวมถึงคนทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้เทรนด์สุขภาพยังคงเป็นกระแสระดับท็อปต่อเนื่องยาวนานหลายปี เราจึงเห็นผู้คนลุกขึ้นมาค้นคว้าศึกษาข้อมูล ปรับวิถีชีวิตใหม่ เพิ่มมูลค่าการใช้จ่าย และเพิ่มเวลาให้กับการดูแลตัวเองมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย การดูแลสัดส่วนและรูปร่าง รวมไปถึงการจัดการกับปัญหาสุขภาพเส้นผมด้วย

นอกจากสุขภาพแล้ว ผู้คนก็ยังใส่ใจเรื่องบุคลิกภาพด้วยเช่นกัน ทั้งยังตระหนักมากขึ้นว่า เส้นผมคือเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี นำมาสู่ภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสายตาของคนรอบข้าง และยังสะท้อนความเป็นตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจในตัวเองลงง่าย ๆ เมื่อเผชิญกับปัญหาเส้นผม ซึ่งการขังตัวเองไว้กับความรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในทุกครั้งที่ส่องกระจกนั้น ทำให้หลายคนไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ จนอาจพลาดโอกาสสำคัญต่าง ๆ ไป ดังนั้น คนจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะหันกลับมาดูแลเส้นผม ไม่ต่างจากการดูแลร่างกายส่วนอื่น ๆ 

ที่สำคัญ ภาพจำของคำว่า การปลูกผม ก็เริ่มเปลี่ยนไป ที่ผ่านมา คนมักจะติดภาพว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง แต่ปัจจุบันเทรนด์การปลูกผมเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากสถิติโดยทั่วไป คนในวัย 25 – 35 ปี ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ถึง 25% ขณะเดียวกัน คนในวัยต่ำกว่า 25 ปี ก็เริ่มกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มต้นปลูกผมเพื่อดูแลจัดการปัญหาแต่เนิ่น ๆ กันมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ภาพจำเก่า ๆ ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะผู้หญิงเริ่มเข้ามารับบริการปลูกผมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20% 

สำหรับปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่ง ก็คือเทคนิคการปลูกผม ที่ส่งผลต่อประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ เนื่องจากในอดีต การปลูกผมอาจไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์นัก คนไข้ต้องเผชิญความยากลำบากจากการรักษา ตั้งแต่การโกนผมด้านหลังทั้งหมดเพื่อ “ผ่าตัด” ย้ายกราฟต์ผมออก อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ ยังทิ้งรอยแผลน่ากลัวไว้พร้อมกับอาการเจ็บและบวมช้ำ ทำให้คนไข้ต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน ทั้งยังเกิดข้อจำกัดในการทำผมทรงต่าง ๆ เพราะต้องคอยระวังปกปิดรอยแผลจากการปลูกผม จนกระทบต่อความมั่นใจ และการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน

แต่ทุกวันนี้ นวัตกรรมการปลูกผมได้รับการพัฒนาขึ้นจนสามารถลบภาพประสบการณ์แย่ ๆ ที่กล่าวมาได้เกือบทั้งหมด เนื่องจากเทคนิคการปลูกผมและแนวทางการักษาที่ก้าวหน้ามากขึ้นในทุก ๆ มิติ ที่ “นามนิน” คนไข้ที่เข้ารับการปลูกผมจะได้สัมผัสความประทับใจจากบริการปลูกผมที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” โดยนำทั้ง “ศาสตร์” การแพทย์ด้านเส้นผม มาผสานกับ “ศิลปะ” การสร้างสรรค์ความงาม เพื่อมอบผลลัพธ์การปลูกผมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเส้นผมและเติมเต็มความมั่นใจให้กับคนไข้ได้อย่างแท้จริง


เทคนิค NEAT ยังมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร 

N - Namnin
หมายถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ที่ไม่เคยหยุดศึกษา พัฒนา และต่อยอดองค์ความรู้ จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับคนไข้ ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง แบบเส้นต่อเส้น

E - Exclusive
หมายถึงการที่แพทย์เข้าใจในลักษณะปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันของคนไข้ ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรการรักษาแบบเดียวกันได้ทุกคน ดังนั้น จึงต้องออกแบบแนวทางการรักษา “เฉพาะบุคคล” เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ เช่นเดียวกับการวัดตัวตัดเสื้อแบบ Tailor-Made เลยก็ว่าได้

A - Advanced
หมายถึงเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง ที่คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินเอง เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

T - Technique
หมายถึงเทคนิคเสริมและองค์ประกอบต่าง ๆ ตลอดกระบวนการรักษา รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์การปลูกผมที่คนไข้พึงพอใจ ทั้งยังช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ จึงช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ให้กลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ โดยเทคนิคใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คนไข้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ ลดอาการเจ็บ บวมช้ำ เลือดออกน้อย ทิ้งรอยแผลขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็น และแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที ไม่เพียงเท่านั้น เทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังแบบขั้นบันได ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดรอยแผลอีกต่อไป สามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างใจทุกสไตล์ ซึ่งเท่ากับอิสระในการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย


ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ “นามนิน”

หลังก้าวผ่าน 3 ปีแห่งความใส่ใจในปัญหาเส้นผมทุกมิติของคนไข้ และความตั้งใจที่จะพัฒนาเทคนิคการปลูกผมให้เหนือมาตรฐานขึ้นไปอย่างไม่มีวันหยุด ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” จะไม่ใช่แค่ในบทบาทของ “คลินิก” แต่คือการเติบโตขึ้นไปเป็น Hair Medical Center ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมอย่างครบวงจร ที่ไม่เพียงให้บริการด้านการรักษาและดูแลเส้นผม แต่ยังนำเสนอคอร์สปลูกผมสุด Exclusive ที่นำเอาความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน รวมเอาไว้ในคอสร์สนี้อย่างเข้มข้น สอนและถ่ายทอดจาก “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” โดยเฉพาะ รวมถึงการเป็นศูนย์รวมบริการ Treatment และผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมที่พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจในมิติอื่น ๆ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพการให้บริการของนามนินเสมอมา

และสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป ก็คือคำสัญญาจากนามนิน ที่จะ “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” ตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาพบแพทย์เพื่อพูดคุย ปรึกษา บอกเล่าปัญหาและความต้องการของตัวเอง ก่อนจะร่วมกันวางแผนเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปีเต็ม และแพทย์เริ่มลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้แบบเส้นต่อเส้น ตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งการอดทน รอคอย และถนอมดูแลเส้นผมใหม่ โดยมีแพทย์คอยติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด จนถึงวันที่คนไข้ได้ปลดล็อกตัวเองไปสู่การเป็น “คนใหม่” ได้สำเร็จ ซึ่ง “นามนิน” หวังว่าจะได้เห็นภาพความสุขแบบนี้ ในขวบปีที่ 4 ตลอดจนปีต่อ ๆ ไปข้างหน้า

.
#NEATคือศาสตร์และศิลป์

นามนิน ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ Hair Medical Center
“บริการปลูกผม” ตลาดใหญ่มาแรงระดับโลก

ประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามด้านเส้นผมของโลก ?

ผลการวิจัยเผยว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา ตัวเลขมูลค่าตลาด “การปลูกผม” ทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 106,062 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2027 ตัวเลขดังกล่าวอาจทะยานสูงขึ้นแตะ 136,508 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตของตลาดเฉลี่ยต่อปีถึง 3.6% เช่นเดียวกับตลาด “ผลิตภัณฑ์บำรุงและลดการหลุดร่วงของเส้นผม” ที่จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่ 3.83% โดยจะเห็นภาพการเติบโตชัดเจนที่สุดในภูมิภาคเอเชียนี่เอง (กรุงเทพธุรกิจ, 2565)

แน่นอนว่า ประเทศไทย ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กที่กำลังทวีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสำหรับตลาด Hair Care หรือผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการดูแลเส้นโดยรวมของประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทนั้น บริการปลูกผมครองสัดส่วนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว (กรุงเทพธุรกิจ, 2563) สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของคลินิกปลูกผมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แม้วันนี้ ตลาดปลูกผมไทยอาจยังตามหลังประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่น แต่การพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมคนไทย ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงความเป็นเลิศด้านการให้บริการ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ก็ส่งให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงเพียงพอที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ในการยกระดับวงการปลูกผม เพื่อรองรับการเป็น Medical Hub of Hair Transplantation ของภูมิภาคเอเชียในอนาคต


สำรวจปัจจัยความเติบโต ของเทรนด์ “ปลูกผม” ในประเทศไทย 

การที่ตลาด “ปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยข้อแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของคนไทยเอง ในปัจจุบัน คนไทยรวมถึงคนทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้เทรนด์สุขภาพยังคงเป็นกระแสระดับท็อปต่อเนื่องยาวนานหลายปี เราจึงเห็นผู้คนลุกขึ้นมาค้นคว้าศึกษาข้อมูล ปรับวิถีชีวิตใหม่ เพิ่มมูลค่าการใช้จ่าย และเพิ่มเวลาให้กับการดูแลตัวเองมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย การดูแลสัดส่วนและรูปร่าง รวมไปถึงการจัดการกับปัญหาสุขภาพเส้นผมด้วย

นอกจากสุขภาพแล้ว ผู้คนก็ยังใส่ใจเรื่องบุคลิกภาพด้วยเช่นกัน ทั้งยังตระหนักมากขึ้นว่า เส้นผมคือเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี นำมาสู่ภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสายตาของคนรอบข้าง และยังสะท้อนความเป็นตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจในตัวเองลงง่าย ๆ เมื่อเผชิญกับปัญหาเส้นผม ซึ่งการขังตัวเองไว้กับความรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในทุกครั้งที่ส่องกระจกนั้น ทำให้หลายคนไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ จนอาจพลาดโอกาสสำคัญต่าง ๆ ไป ดังนั้น คนจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะหันกลับมาดูแลเส้นผม ไม่ต่างจากการดูแลร่างกายส่วนอื่น ๆ 

ที่สำคัญ ภาพจำของคำว่า การปลูกผม ก็เริ่มเปลี่ยนไป ที่ผ่านมา คนมักจะติดภาพว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง แต่ปัจจุบันเทรนด์การปลูกผมเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากสถิติโดยทั่วไป คนในวัย 25 – 35 ปี ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ถึง 25% ขณะเดียวกัน คนในวัยต่ำกว่า 25 ปี ก็เริ่มกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มต้นปลูกผมเพื่อดูแลจัดการปัญหาแต่เนิ่น ๆ กันมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ภาพจำเก่า ๆ ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะผู้หญิงเริ่มเข้ามารับบริการปลูกผมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20% 

สำหรับปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่ง ก็คือเทคนิคการปลูกผม ที่ส่งผลต่อประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ เนื่องจากในอดีต การปลูกผมอาจไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์นัก คนไข้ต้องเผชิญความยากลำบากจากการรักษา ตั้งแต่การโกนผมด้านหลังทั้งหมดเพื่อ “ผ่าตัด” ย้ายกราฟต์ผมออก อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ ยังทิ้งรอยแผลน่ากลัวไว้พร้อมกับอาการเจ็บและบวมช้ำ ทำให้คนไข้ต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน ทั้งยังเกิดข้อจำกัดในการทำผมทรงต่าง ๆ เพราะต้องคอยระวังปกปิดรอยแผลจากการปลูกผม จนกระทบต่อความมั่นใจ และการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน

แต่ทุกวันนี้ นวัตกรรมการปลูกผมได้รับการพัฒนาขึ้นจนสามารถลบภาพประสบการณ์แย่ ๆ ที่กล่าวมาได้เกือบทั้งหมด เนื่องจากเทคนิคการปลูกผมและแนวทางการักษาที่ก้าวหน้ามากขึ้นในทุก ๆ มิติ ที่ “นามนิน” คนไข้ที่เข้ารับการปลูกผมจะได้สัมผัสความประทับใจจากบริการปลูกผมที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” โดยนำทั้ง “ศาสตร์” การแพทย์ด้านเส้นผม มาผสานกับ “ศิลปะ” การสร้างสรรค์ความงาม เพื่อมอบผลลัพธ์การปลูกผมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเส้นผมและเติมเต็มความมั่นใจให้กับคนไข้ได้อย่างแท้จริง


เทคนิค NEAT ยังมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร 

N - Namnin
หมายถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ที่ไม่เคยหยุดศึกษา พัฒนา และต่อยอดองค์ความรู้ จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับคนไข้ ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง แบบเส้นต่อเส้น

E - Exclusive
หมายถึงการที่แพทย์เข้าใจในลักษณะปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันของคนไข้ ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรการรักษาแบบเดียวกันได้ทุกคน ดังนั้น จึงต้องออกแบบแนวทางการรักษา “เฉพาะบุคคล” เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ เช่นเดียวกับการวัดตัวตัดเสื้อแบบ Tailor-Made เลยก็ว่าได้

A - Advanced
หมายถึงเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง ที่คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินเอง เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

T - Technique
หมายถึงเทคนิคเสริมและองค์ประกอบต่าง ๆ ตลอดกระบวนการรักษา รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์การปลูกผมที่คนไข้พึงพอใจ ทั้งยังช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ จึงช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ให้กลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ โดยเทคนิคใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คนไข้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ ลดอาการเจ็บ บวมช้ำ เลือดออกน้อย ทิ้งรอยแผลขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็น และแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที ไม่เพียงเท่านั้น เทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังแบบขั้นบันได ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดรอยแผลอีกต่อไป สามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างใจทุกสไตล์ ซึ่งเท่ากับอิสระในการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย


ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ “นามนิน”

หลังก้าวผ่าน 3 ปีแห่งความใส่ใจในปัญหาเส้นผมทุกมิติของคนไข้ และความตั้งใจที่จะพัฒนาเทคนิคการปลูกผมให้เหนือมาตรฐานขึ้นไปอย่างไม่มีวันหยุด ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” จะไม่ใช่แค่ในบทบาทของ “คลินิก” แต่คือการเติบโตขึ้นไปเป็น Hair Medical Center ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมอย่างครบวงจร ที่ไม่เพียงให้บริการด้านการรักษาและดูแลเส้นผม แต่ยังนำเสนอคอร์สปลูกผมสุด Exclusive ที่นำเอาความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน รวมเอาไว้ในคอสร์สนี้อย่างเข้มข้น สอนและถ่ายทอดจาก “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” โดยเฉพาะ รวมถึงการเป็นศูนย์รวมบริการ Treatment และผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมที่พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจในมิติอื่น ๆ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพการให้บริการของนามนินเสมอมา

และสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป ก็คือคำสัญญาจากนามนิน ที่จะ “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” ตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาพบแพทย์เพื่อพูดคุย ปรึกษา บอกเล่าปัญหาและความต้องการของตัวเอง ก่อนจะร่วมกันวางแผนเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปีเต็ม และแพทย์เริ่มลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้แบบเส้นต่อเส้น ตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งการอดทน รอคอย และถนอมดูแลเส้นผมใหม่ โดยมีแพทย์คอยติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด จนถึงวันที่คนไข้ได้ปลดล็อกตัวเองไปสู่การเป็น “คนใหม่” ได้สำเร็จ ซึ่ง “นามนิน” หวังว่าจะได้เห็นภาพความสุขแบบนี้ ในขวบปีที่ 4 ตลอดจนปีต่อ ๆ ไปข้างหน้า

.
#NEATคือศาสตร์และศิลป์

NEAT ความคุ้มค่าของการปลูกผม
การปลูกผมแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขกี่ครั้งก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะการปลูกผมมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้เส้นผมที่แข็งแรงของตัวคุณเองมาปลูกเท่านั้น และจุดที่มีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุดคือ บริเวณท้ายทอย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Safe Zone เป็นผมที่อยู่ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะ มีผมประมาณ 12,500 กราฟท์เท่านั้น จากผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟท์ 

ทำไมต้องเป็นผมจากท้ายทอย? นั่นเพราะผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากรากผมบริเวณนี้ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง รากผมอ่อนแอ เส้นผมบางและสั้นลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านในที่สุด และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมบาง เส้นผมก็จะทนต่อการหลุดร่วงได้ดีขึ้นตามคุณสมบัติเดิมที่ติดมากับรากผม



ในขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะประเมินปัญหาก่อนว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด แล้วจึงจะคำนวณปริมาณกราฟท์ผมที่ต้องใช้ให้เหมาะสมที่สุดก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ โดยมีหลักที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องย้ายเส้นผมออกโดยเว้นระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ เลือกนำผมออกมาใช้เป็นบางส่วน ไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเกินไปเพื่อคงความเป็นธรรมชาติ และหากเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น อาจจะต้องใช้ผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขอีกในอนาคต 


จากเหตุผลที่กราฟท์ผมจาก Safe Zone มีอยู่จำกัด หากบริเวณที่ต้องการปลูกมีมากกว่าผมที่ใช้ได้ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผมบางหลายจุด ทั้งแนวผมด้านหน้าและกลางศีรษะ อาจจำเป็นต้องใช้ผมจากบริเวณอื่นนอกจาก safe zone มาปลูกด้วย แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะพบปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคนผมที่ร่วงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะเส้นผมจากบริเวณอื่นจะมีปฏิกิริยากับฮอร์โมน DHT มากกว่าผมบริเวณท้ายทอย


ด้วยสาเหตุที่ต้นทุนของผมที่แข็งแรงนั้นมีปริมาณจำกัดดังที่กล่าวมา เราจึงสามารถปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น จึงต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการปลูกผมและเทคนิคต่างๆให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจเลือกการปลูกผมครั้งแรกที่ผลลัพธ์ “คุ้มค่า” กับคุณที่สุด
N / E / A / T (Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique) คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงของนามนิน ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด แต่ละตัวอักษรบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม 


N-Namnin ดูแลและปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาแล้ว แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ทุกเส้นด้วยตัวเอง ดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 1 ปีของการปลูกผม จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


E-Exclusive การปลูกผมที่ออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน การแก้ปัญหาให้ตรงจุดจึงต้องวางแผนใหม่ทุกครั้ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้   


A-Advanced คุณภาพการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


T-Technique คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเฉพาะของนามนินในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบแนวผมใหม่ที่ยึดหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่แนวผมจะรับกับทุกรูปหน้าทั้งชายและหญิง เทคนิคการเจาะนำผมออกด้านหลังแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ไม่เห็นรอยแผล ผมไม่เว้าแหว่ง ยังคงความเป็นธรรมชาติตามเดิม โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน เลือกและปลูกเองทีละเส้น เน้นความเหมาะสมทั้งด้านความหนาบางของเส้นผม ระยะห่างของผมแต่ละกราฟท์ ทิศทางของผมแต่ละเส้นที่ต้องจัดวางให้ใกล้เคียงกับผมเดิม ปลูกแซมเลยแนวไรผมเข้าไปเพื่อความกลมกลืน 


ด้วยเทคนิคต่างๆเหล่านี้ ทำให้การปลูกผมที่นามนินนั้นตอบโจทย์ทั้งความงามและความสะดวกสบายอย่างที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการปลูกผมทันที และยังมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี ของการปลูกผม เพราะหลังจากการปลูกผม คนไข้จะต้องพบเจอกับภาวะที่หลากหลายจึงควรได้รับคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


ก่อนการตัดสินใจปลูกผม คุณควรใช้สิทธิ์ “เลือก” ในสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเลือกของคุณนั้น “ถูกต้อง” ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นดี ผลลัพธ์ดีแน่นอนค่ะ

NEAT ความคุ้มค่าของการปลูกผม
การปลูกผมแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขกี่ครั้งก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะการปลูกผมมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้เส้นผมที่แข็งแรงของตัวคุณเองมาปลูกเท่านั้น และจุดที่มีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุดคือ บริเวณท้ายทอย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Safe Zone เป็นผมที่อยู่ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะ มีผมประมาณ 12,500 กราฟท์เท่านั้น จากผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟท์ 

ทำไมต้องเป็นผมจากท้ายทอย? นั่นเพราะผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากรากผมบริเวณนี้ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง รากผมอ่อนแอ เส้นผมบางและสั้นลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านในที่สุด และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมบาง เส้นผมก็จะทนต่อการหลุดร่วงได้ดีขึ้นตามคุณสมบัติเดิมที่ติดมากับรากผม



ในขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะประเมินปัญหาก่อนว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด แล้วจึงจะคำนวณปริมาณกราฟท์ผมที่ต้องใช้ให้เหมาะสมที่สุดก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ โดยมีหลักที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องย้ายเส้นผมออกโดยเว้นระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ เลือกนำผมออกมาใช้เป็นบางส่วน ไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเกินไปเพื่อคงความเป็นธรรมชาติ และหากเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น อาจจะต้องใช้ผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขอีกในอนาคต 


จากเหตุผลที่กราฟท์ผมจาก Safe Zone มีอยู่จำกัด หากบริเวณที่ต้องการปลูกมีมากกว่าผมที่ใช้ได้ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผมบางหลายจุด ทั้งแนวผมด้านหน้าและกลางศีรษะ อาจจำเป็นต้องใช้ผมจากบริเวณอื่นนอกจาก safe zone มาปลูกด้วย แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะพบปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคนผมที่ร่วงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะเส้นผมจากบริเวณอื่นจะมีปฏิกิริยากับฮอร์โมน DHT มากกว่าผมบริเวณท้ายทอย


ด้วยสาเหตุที่ต้นทุนของผมที่แข็งแรงนั้นมีปริมาณจำกัดดังที่กล่าวมา เราจึงสามารถปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น จึงต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการปลูกผมและเทคนิคต่างๆให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจเลือกการปลูกผมครั้งแรกที่ผลลัพธ์ “คุ้มค่า” กับคุณที่สุด
N / E / A / T (Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique) คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงของนามนิน ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด แต่ละตัวอักษรบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม 


N-Namnin ดูแลและปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาแล้ว แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ทุกเส้นด้วยตัวเอง ดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 1 ปีของการปลูกผม จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


E-Exclusive การปลูกผมที่ออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน การแก้ปัญหาให้ตรงจุดจึงต้องวางแผนใหม่ทุกครั้ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้   


A-Advanced คุณภาพการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


T-Technique คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเฉพาะของนามนินในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบแนวผมใหม่ที่ยึดหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่แนวผมจะรับกับทุกรูปหน้าทั้งชายและหญิง เทคนิคการเจาะนำผมออกด้านหลังแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ไม่เห็นรอยแผล ผมไม่เว้าแหว่ง ยังคงความเป็นธรรมชาติตามเดิม โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน เลือกและปลูกเองทีละเส้น เน้นความเหมาะสมทั้งด้านความหนาบางของเส้นผม ระยะห่างของผมแต่ละกราฟท์ ทิศทางของผมแต่ละเส้นที่ต้องจัดวางให้ใกล้เคียงกับผมเดิม ปลูกแซมเลยแนวไรผมเข้าไปเพื่อความกลมกลืน 


ด้วยเทคนิคต่างๆเหล่านี้ ทำให้การปลูกผมที่นามนินนั้นตอบโจทย์ทั้งความงามและความสะดวกสบายอย่างที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการปลูกผมทันที และยังมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี ของการปลูกผม เพราะหลังจากการปลูกผม คนไข้จะต้องพบเจอกับภาวะที่หลากหลายจึงควรได้รับคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


ก่อนการตัดสินใจปลูกผม คุณควรใช้สิทธิ์ “เลือก” ในสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเลือกของคุณนั้น “ถูกต้อง” ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นดี ผลลัพธ์ดีแน่นอนค่ะ

NEAT ความคุ้มค่าของการปลูกผม
การปลูกผมแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขกี่ครั้งก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะการปลูกผมมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้เส้นผมที่แข็งแรงของตัวคุณเองมาปลูกเท่านั้น และจุดที่มีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุดคือ บริเวณท้ายทอย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Safe Zone เป็นผมที่อยู่ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะ มีผมประมาณ 12,500 กราฟท์เท่านั้น จากผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟท์ 

ทำไมต้องเป็นผมจากท้ายทอย? นั่นเพราะผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากรากผมบริเวณนี้ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง รากผมอ่อนแอ เส้นผมบางและสั้นลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านในที่สุด และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมบาง เส้นผมก็จะทนต่อการหลุดร่วงได้ดีขึ้นตามคุณสมบัติเดิมที่ติดมากับรากผม



ในขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะประเมินปัญหาก่อนว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด แล้วจึงจะคำนวณปริมาณกราฟท์ผมที่ต้องใช้ให้เหมาะสมที่สุดก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ โดยมีหลักที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องย้ายเส้นผมออกโดยเว้นระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ เลือกนำผมออกมาใช้เป็นบางส่วน ไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเกินไปเพื่อคงความเป็นธรรมชาติ และหากเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น อาจจะต้องใช้ผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขอีกในอนาคต 


จากเหตุผลที่กราฟท์ผมจาก Safe Zone มีอยู่จำกัด หากบริเวณที่ต้องการปลูกมีมากกว่าผมที่ใช้ได้ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผมบางหลายจุด ทั้งแนวผมด้านหน้าและกลางศีรษะ อาจจำเป็นต้องใช้ผมจากบริเวณอื่นนอกจาก safe zone มาปลูกด้วย แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะพบปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคนผมที่ร่วงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะเส้นผมจากบริเวณอื่นจะมีปฏิกิริยากับฮอร์โมน DHT มากกว่าผมบริเวณท้ายทอย


ด้วยสาเหตุที่ต้นทุนของผมที่แข็งแรงนั้นมีปริมาณจำกัดดังที่กล่าวมา เราจึงสามารถปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น จึงต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการปลูกผมและเทคนิคต่างๆให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจเลือกการปลูกผมครั้งแรกที่ผลลัพธ์ “คุ้มค่า” กับคุณที่สุด
N / E / A / T (Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique) คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงของนามนิน ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด แต่ละตัวอักษรบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม 


N-Namnin ดูแลและปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาแล้ว แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ทุกเส้นด้วยตัวเอง ดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 1 ปีของการปลูกผม จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


E-Exclusive การปลูกผมที่ออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน การแก้ปัญหาให้ตรงจุดจึงต้องวางแผนใหม่ทุกครั้ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้   


A-Advanced คุณภาพการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


T-Technique คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเฉพาะของนามนินในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบแนวผมใหม่ที่ยึดหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่แนวผมจะรับกับทุกรูปหน้าทั้งชายและหญิง เทคนิคการเจาะนำผมออกด้านหลังแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ไม่เห็นรอยแผล ผมไม่เว้าแหว่ง ยังคงความเป็นธรรมชาติตามเดิม โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน เลือกและปลูกเองทีละเส้น เน้นความเหมาะสมทั้งด้านความหนาบางของเส้นผม ระยะห่างของผมแต่ละกราฟท์ ทิศทางของผมแต่ละเส้นที่ต้องจัดวางให้ใกล้เคียงกับผมเดิม ปลูกแซมเลยแนวไรผมเข้าไปเพื่อความกลมกลืน 


ด้วยเทคนิคต่างๆเหล่านี้ ทำให้การปลูกผมที่นามนินนั้นตอบโจทย์ทั้งความงามและความสะดวกสบายอย่างที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการปลูกผมทันที และยังมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี ของการปลูกผม เพราะหลังจากการปลูกผม คนไข้จะต้องพบเจอกับภาวะที่หลากหลายจึงควรได้รับคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


ก่อนการตัดสินใจปลูกผม คุณควรใช้สิทธิ์ “เลือก” ในสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเลือกของคุณนั้น “ถูกต้อง” ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นดี ผลลัพธ์ดีแน่นอนค่ะ

NEAT ความคุ้มค่าของการปลูกผม
การปลูกผมแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขกี่ครั้งก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะการปลูกผมมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้เส้นผมที่แข็งแรงของตัวคุณเองมาปลูกเท่านั้น และจุดที่มีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุดคือ บริเวณท้ายทอย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Safe Zone เป็นผมที่อยู่ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะ มีผมประมาณ 12,500 กราฟท์เท่านั้น จากผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟท์ 

ทำไมต้องเป็นผมจากท้ายทอย? นั่นเพราะผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากรากผมบริเวณนี้ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง รากผมอ่อนแอ เส้นผมบางและสั้นลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านในที่สุด และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมบาง เส้นผมก็จะทนต่อการหลุดร่วงได้ดีขึ้นตามคุณสมบัติเดิมที่ติดมากับรากผม



ในขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะประเมินปัญหาก่อนว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด แล้วจึงจะคำนวณปริมาณกราฟท์ผมที่ต้องใช้ให้เหมาะสมที่สุดก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ โดยมีหลักที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องย้ายเส้นผมออกโดยเว้นระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ เลือกนำผมออกมาใช้เป็นบางส่วน ไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเกินไปเพื่อคงความเป็นธรรมชาติ และหากเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น อาจจะต้องใช้ผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขอีกในอนาคต 


จากเหตุผลที่กราฟท์ผมจาก Safe Zone มีอยู่จำกัด หากบริเวณที่ต้องการปลูกมีมากกว่าผมที่ใช้ได้ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผมบางหลายจุด ทั้งแนวผมด้านหน้าและกลางศีรษะ อาจจำเป็นต้องใช้ผมจากบริเวณอื่นนอกจาก safe zone มาปลูกด้วย แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะพบปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคนผมที่ร่วงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะเส้นผมจากบริเวณอื่นจะมีปฏิกิริยากับฮอร์โมน DHT มากกว่าผมบริเวณท้ายทอย


ด้วยสาเหตุที่ต้นทุนของผมที่แข็งแรงนั้นมีปริมาณจำกัดดังที่กล่าวมา เราจึงสามารถปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น จึงต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการปลูกผมและเทคนิคต่างๆให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจเลือกการปลูกผมครั้งแรกที่ผลลัพธ์ “คุ้มค่า” กับคุณที่สุด
N / E / A / T (Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique) คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงของนามนิน ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด แต่ละตัวอักษรบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม 


N-Namnin ดูแลและปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาแล้ว แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ทุกเส้นด้วยตัวเอง ดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 1 ปีของการปลูกผม จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


E-Exclusive การปลูกผมที่ออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน การแก้ปัญหาให้ตรงจุดจึงต้องวางแผนใหม่ทุกครั้ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้   


A-Advanced คุณภาพการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


T-Technique คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเฉพาะของนามนินในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบแนวผมใหม่ที่ยึดหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่แนวผมจะรับกับทุกรูปหน้าทั้งชายและหญิง เทคนิคการเจาะนำผมออกด้านหลังแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ไม่เห็นรอยแผล ผมไม่เว้าแหว่ง ยังคงความเป็นธรรมชาติตามเดิม โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน เลือกและปลูกเองทีละเส้น เน้นความเหมาะสมทั้งด้านความหนาบางของเส้นผม ระยะห่างของผมแต่ละกราฟท์ ทิศทางของผมแต่ละเส้นที่ต้องจัดวางให้ใกล้เคียงกับผมเดิม ปลูกแซมเลยแนวไรผมเข้าไปเพื่อความกลมกลืน 


ด้วยเทคนิคต่างๆเหล่านี้ ทำให้การปลูกผมที่นามนินนั้นตอบโจทย์ทั้งความงามและความสะดวกสบายอย่างที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการปลูกผมทันที และยังมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี ของการปลูกผม เพราะหลังจากการปลูกผม คนไข้จะต้องพบเจอกับภาวะที่หลากหลายจึงควรได้รับคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


ก่อนการตัดสินใจปลูกผม คุณควรใช้สิทธิ์ “เลือก” ในสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเลือกของคุณนั้น “ถูกต้อง” ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นดี ผลลัพธ์ดีแน่นอนค่ะ

NEAT ความคุ้มค่าของการปลูกผม
การปลูกผมแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขกี่ครั้งก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะการปลูกผมมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้เส้นผมที่แข็งแรงของตัวคุณเองมาปลูกเท่านั้น และจุดที่มีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุดคือ บริเวณท้ายทอย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Safe Zone เป็นผมที่อยู่ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะ มีผมประมาณ 12,500 กราฟท์เท่านั้น จากผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟท์ 

ทำไมต้องเป็นผมจากท้ายทอย? นั่นเพราะผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากรากผมบริเวณนี้ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง รากผมอ่อนแอ เส้นผมบางและสั้นลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านในที่สุด และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมบาง เส้นผมก็จะทนต่อการหลุดร่วงได้ดีขึ้นตามคุณสมบัติเดิมที่ติดมากับรากผม



ในขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะประเมินปัญหาก่อนว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด แล้วจึงจะคำนวณปริมาณกราฟท์ผมที่ต้องใช้ให้เหมาะสมที่สุดก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ โดยมีหลักที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องย้ายเส้นผมออกโดยเว้นระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ เลือกนำผมออกมาใช้เป็นบางส่วน ไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเกินไปเพื่อคงความเป็นธรรมชาติ และหากเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น อาจจะต้องใช้ผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขอีกในอนาคต 


จากเหตุผลที่กราฟท์ผมจาก Safe Zone มีอยู่จำกัด หากบริเวณที่ต้องการปลูกมีมากกว่าผมที่ใช้ได้ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผมบางหลายจุด ทั้งแนวผมด้านหน้าและกลางศีรษะ อาจจำเป็นต้องใช้ผมจากบริเวณอื่นนอกจาก safe zone มาปลูกด้วย แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะพบปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคนผมที่ร่วงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะเส้นผมจากบริเวณอื่นจะมีปฏิกิริยากับฮอร์โมน DHT มากกว่าผมบริเวณท้ายทอย


ด้วยสาเหตุที่ต้นทุนของผมที่แข็งแรงนั้นมีปริมาณจำกัดดังที่กล่าวมา เราจึงสามารถปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น จึงต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการปลูกผมและเทคนิคต่างๆให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจเลือกการปลูกผมครั้งแรกที่ผลลัพธ์ “คุ้มค่า” กับคุณที่สุด
N / E / A / T (Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique) คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงของนามนิน ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด แต่ละตัวอักษรบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม 


N-Namnin ดูแลและปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาแล้ว แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ทุกเส้นด้วยตัวเอง ดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 1 ปีของการปลูกผม จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


E-Exclusive การปลูกผมที่ออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน การแก้ปัญหาให้ตรงจุดจึงต้องวางแผนใหม่ทุกครั้ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้   


A-Advanced คุณภาพการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


T-Technique คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเฉพาะของนามนินในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบแนวผมใหม่ที่ยึดหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่แนวผมจะรับกับทุกรูปหน้าทั้งชายและหญิง เทคนิคการเจาะนำผมออกด้านหลังแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ไม่เห็นรอยแผล ผมไม่เว้าแหว่ง ยังคงความเป็นธรรมชาติตามเดิม โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน เลือกและปลูกเองทีละเส้น เน้นความเหมาะสมทั้งด้านความหนาบางของเส้นผม ระยะห่างของผมแต่ละกราฟท์ ทิศทางของผมแต่ละเส้นที่ต้องจัดวางให้ใกล้เคียงกับผมเดิม ปลูกแซมเลยแนวไรผมเข้าไปเพื่อความกลมกลืน 


ด้วยเทคนิคต่างๆเหล่านี้ ทำให้การปลูกผมที่นามนินนั้นตอบโจทย์ทั้งความงามและความสะดวกสบายอย่างที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการปลูกผมทันที และยังมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี ของการปลูกผม เพราะหลังจากการปลูกผม คนไข้จะต้องพบเจอกับภาวะที่หลากหลายจึงควรได้รับคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


ก่อนการตัดสินใจปลูกผม คุณควรใช้สิทธิ์ “เลือก” ในสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเลือกของคุณนั้น “ถูกต้อง” ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นดี ผลลัพธ์ดีแน่นอนค่ะ

NEAT ความคุ้มค่าของการปลูกผม
การปลูกผมแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขกี่ครั้งก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะการปลูกผมมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้เส้นผมที่แข็งแรงของตัวคุณเองมาปลูกเท่านั้น และจุดที่มีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุดคือ บริเวณท้ายทอย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Safe Zone เป็นผมที่อยู่ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะ มีผมประมาณ 12,500 กราฟท์เท่านั้น จากผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟท์ 

ทำไมต้องเป็นผมจากท้ายทอย? นั่นเพราะผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากรากผมบริเวณนี้ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง รากผมอ่อนแอ เส้นผมบางและสั้นลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านในที่สุด และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมบาง เส้นผมก็จะทนต่อการหลุดร่วงได้ดีขึ้นตามคุณสมบัติเดิมที่ติดมากับรากผม



ในขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะประเมินปัญหาก่อนว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด แล้วจึงจะคำนวณปริมาณกราฟท์ผมที่ต้องใช้ให้เหมาะสมที่สุดก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ โดยมีหลักที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องย้ายเส้นผมออกโดยเว้นระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ เลือกนำผมออกมาใช้เป็นบางส่วน ไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเกินไปเพื่อคงความเป็นธรรมชาติ และหากเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น อาจจะต้องใช้ผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขอีกในอนาคต 


จากเหตุผลที่กราฟท์ผมจาก Safe Zone มีอยู่จำกัด หากบริเวณที่ต้องการปลูกมีมากกว่าผมที่ใช้ได้ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผมบางหลายจุด ทั้งแนวผมด้านหน้าและกลางศีรษะ อาจจำเป็นต้องใช้ผมจากบริเวณอื่นนอกจาก safe zone มาปลูกด้วย แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะพบปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคนผมที่ร่วงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะเส้นผมจากบริเวณอื่นจะมีปฏิกิริยากับฮอร์โมน DHT มากกว่าผมบริเวณท้ายทอย


ด้วยสาเหตุที่ต้นทุนของผมที่แข็งแรงนั้นมีปริมาณจำกัดดังที่กล่าวมา เราจึงสามารถปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น จึงต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการปลูกผมและเทคนิคต่างๆให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจเลือกการปลูกผมครั้งแรกที่ผลลัพธ์ “คุ้มค่า” กับคุณที่สุด
N / E / A / T (Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique) คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงของนามนิน ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด แต่ละตัวอักษรบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม 


N-Namnin ดูแลและปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาแล้ว แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ทุกเส้นด้วยตัวเอง ดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 1 ปีของการปลูกผม จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


E-Exclusive การปลูกผมที่ออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน การแก้ปัญหาให้ตรงจุดจึงต้องวางแผนใหม่ทุกครั้ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้   


A-Advanced คุณภาพการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


T-Technique คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเฉพาะของนามนินในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบแนวผมใหม่ที่ยึดหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่แนวผมจะรับกับทุกรูปหน้าทั้งชายและหญิง เทคนิคการเจาะนำผมออกด้านหลังแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ไม่เห็นรอยแผล ผมไม่เว้าแหว่ง ยังคงความเป็นธรรมชาติตามเดิม โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน เลือกและปลูกเองทีละเส้น เน้นความเหมาะสมทั้งด้านความหนาบางของเส้นผม ระยะห่างของผมแต่ละกราฟท์ ทิศทางของผมแต่ละเส้นที่ต้องจัดวางให้ใกล้เคียงกับผมเดิม ปลูกแซมเลยแนวไรผมเข้าไปเพื่อความกลมกลืน 


ด้วยเทคนิคต่างๆเหล่านี้ ทำให้การปลูกผมที่นามนินนั้นตอบโจทย์ทั้งความงามและความสะดวกสบายอย่างที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการปลูกผมทันที และยังมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี ของการปลูกผม เพราะหลังจากการปลูกผม คนไข้จะต้องพบเจอกับภาวะที่หลากหลายจึงควรได้รับคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


ก่อนการตัดสินใจปลูกผม คุณควรใช้สิทธิ์ “เลือก” ในสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเลือกของคุณนั้น “ถูกต้อง” ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นดี ผลลัพธ์ดีแน่นอนค่ะ

ปลูกผมเสริมรูปหน้าสวย ด้วยเทคนิค NEAT
ปัญหาผมบางไม่ได้มีแต่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็พบเจอกับปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ความรุนแรงอาจจะน้อยกว่าแต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจและรบกวนจิตใจได้ไม่น้อยทีเดียว ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกแก้ปัญหาระยะยาวด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งการปลูกผมของผู้ชายและผู้หญิงก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน มาดูกันค่ะว่าการปลูกผมให้สวยดูเป็นธรรมชาติในผู้หญิงมีเทคนิคอะไรบ้าง


เริ่มด้วยปัญหาผมบางที่พบบ่อยในผู้หญิงกันก่อน หากผมบริเวณรอยแสกกลางศีรษะบางกว่าส่วนอื่น เรียกว่า “ผมบางแบบต้นคริสมาสต์” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเจอปัญหา “ผมบางทั่วศีรษะ” ที่ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อย เพราะผมดูบางทั่วทั้งศีรษะ จะทำผมทรงไหนก็ยาก อีกปัญหาหนึ่งที่พบได้คือ ผมบริเวณด้านหน้าร่นขึ้นไปแบบตัว M ซึ่งทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม ปัญหาเหล่านี้ล้วนทำให้สูญเสียความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง   
การปลูกผมให้สวยและดูเป็นธรรมชาติเริ่มด้วยการสำรวจรูปหน้าและแนวผมเดิมก่อน ผู้หญิงมีรูปหน้าที่แตกต่างกับผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีใบหน้ารูปไข่ รูปหัวใจและรูปทรงกลม แนวผมโค้งมนหรือเป็นทรงหัวใจ ขั้นตอนแรก แพทย์จะออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้รับกับรูปหน้า โดยเน้นความชอบของคนไข้เป็นหลัก เพียงแต่ปรับให้สวยงามขึ้นตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ แนวผมของผู้หญิงจะโค้งเพื่อให้รับกับรูปหน้าหรือเป็นทรงหัวใจ มีรอยหยักตรงกลาง อาจจะมีริ้วไรผมบางๆ เพื่อเพิ่มความละมุนของใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น


เทคนิคที่แพทย์ใช้ในการปลูกผมของผู้หญิงคือ การปลูกไล่ระดับความหนาบางและจำนวนของเส้นผมในแต่ละกราฟท์ ปลูกผมแต่ละเส้นลงในตำแหน่งที่เหมาะสม กราฟท์ผมเดี่ยวจะอยู่ด้านล่างเพื่อเป็นไรผมบางๆ และปลูกไล่ระดับความหนาขึ้นไปเรื่อยๆ และปลูกแทรกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ การจัดวางทิศทางของเส้นผมเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะหลังจากปลูกผมไปแล้ว ทิศทางของเส้นผมจะแก้ไขไม่ได้ แพทย์จึงต้องลงมือปลูกผมแต่ละเส้นด้วยตัวเอง เพื่อกำหนดทิศทางและความหนาแน่นให้สวยงามและเหมาะสมที่สุด


ความพิเศษของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ การใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิม ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล ตอบโจทย์ของผู้หญิงมากๆ และใช้ Implanter ขนาดเล็กในการปลูกผม ไม่เจ็บ มีเลือดออกน้อย แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้นทันที

หลังจากการปลูกผม แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคุณจะต้องผ่านช่วงเวลาที่หลากหลาย บางคนอาจจะพบกับภาวะ Shock Loss ภายหลังการปลูกผม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะหลุดร่วงของเส้นผม อาจเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ ผมร่วงทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่ระยะพักเพื่อเตรียมงอกขึ้นมาใหม่ บางคนโชคดีที่ผมไม่ร่วงเลยและยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะมีผมใหม่ขึ้นเป็นตอสั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวงจรปกติของเส้นผมหลังการปลูกผม ภายในเวลา 4 เดือน เส้นผมใหม่ก็จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แพทย์จะอธิบายถึงภาวะที่คนไข้อาจต้องพบเจอทั้งหมดหลังการปลูกผมให้เข้าใจ จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ

แพทย์จะนัดหมายให้เข้ามา follow up ผลการรักษาเป็นระยะ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกช่วงเวลาหลังการปลูกผม ทั้งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและการเข้ารับทรีทเมนท์ เช่น Hair Growth Treatment หรือ LLLT เพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมให้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้สัมผัสกับเส้นผมใหม่ที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดในอีก 18 เดือน

ไม่ว่าคุณจะปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง หรือปรับรูปหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สิ่งที่สำคัญคือควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนการตัดสินใจ ผู้ที่ให้ข้อมูลได้ชัดเจนที่สุดคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะปัญหา ความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน  การปลูกผมจึงต้องออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นรายบุคคล ไม่มีใครเหมือนใคร การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ “ตรงจุด” และได้ผลลัพธ์ “ตรงใจ” ที่สุด  

ปลูกผมเสริมรูปหน้าสวย ด้วยเทคนิค NEAT
ปัญหาผมบางไม่ได้มีแต่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็พบเจอกับปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ความรุนแรงอาจจะน้อยกว่าแต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจและรบกวนจิตใจได้ไม่น้อยทีเดียว ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกแก้ปัญหาระยะยาวด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งการปลูกผมของผู้ชายและผู้หญิงก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน มาดูกันค่ะว่าการปลูกผมให้สวยดูเป็นธรรมชาติในผู้หญิงมีเทคนิคอะไรบ้าง


เริ่มด้วยปัญหาผมบางที่พบบ่อยในผู้หญิงกันก่อน หากผมบริเวณรอยแสกกลางศีรษะบางกว่าส่วนอื่น เรียกว่า “ผมบางแบบต้นคริสมาสต์” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเจอปัญหา “ผมบางทั่วศีรษะ” ที่ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อย เพราะผมดูบางทั่วทั้งศีรษะ จะทำผมทรงไหนก็ยาก อีกปัญหาหนึ่งที่พบได้คือ ผมบริเวณด้านหน้าร่นขึ้นไปแบบตัว M ซึ่งทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม ปัญหาเหล่านี้ล้วนทำให้สูญเสียความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง   
การปลูกผมให้สวยและดูเป็นธรรมชาติเริ่มด้วยการสำรวจรูปหน้าและแนวผมเดิมก่อน ผู้หญิงมีรูปหน้าที่แตกต่างกับผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีใบหน้ารูปไข่ รูปหัวใจและรูปทรงกลม แนวผมโค้งมนหรือเป็นทรงหัวใจ ขั้นตอนแรก แพทย์จะออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้รับกับรูปหน้า โดยเน้นความชอบของคนไข้เป็นหลัก เพียงแต่ปรับให้สวยงามขึ้นตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ แนวผมของผู้หญิงจะโค้งเพื่อให้รับกับรูปหน้าหรือเป็นทรงหัวใจ มีรอยหยักตรงกลาง อาจจะมีริ้วไรผมบางๆ เพื่อเพิ่มความละมุนของใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น


เทคนิคที่แพทย์ใช้ในการปลูกผมของผู้หญิงคือ การปลูกไล่ระดับความหนาบางและจำนวนของเส้นผมในแต่ละกราฟท์ ปลูกผมแต่ละเส้นลงในตำแหน่งที่เหมาะสม กราฟท์ผมเดี่ยวจะอยู่ด้านล่างเพื่อเป็นไรผมบางๆ และปลูกไล่ระดับความหนาขึ้นไปเรื่อยๆ และปลูกแทรกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ การจัดวางทิศทางของเส้นผมเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะหลังจากปลูกผมไปแล้ว ทิศทางของเส้นผมจะแก้ไขไม่ได้ แพทย์จึงต้องลงมือปลูกผมแต่ละเส้นด้วยตัวเอง เพื่อกำหนดทิศทางและความหนาแน่นให้สวยงามและเหมาะสมที่สุด


ความพิเศษของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ การใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิม ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล ตอบโจทย์ของผู้หญิงมากๆ และใช้ Implanter ขนาดเล็กในการปลูกผม ไม่เจ็บ มีเลือดออกน้อย แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้นทันที

หลังจากการปลูกผม แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคุณจะต้องผ่านช่วงเวลาที่หลากหลาย บางคนอาจจะพบกับภาวะ Shock Loss ภายหลังการปลูกผม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะหลุดร่วงของเส้นผม อาจเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ ผมร่วงทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่ระยะพักเพื่อเตรียมงอกขึ้นมาใหม่ บางคนโชคดีที่ผมไม่ร่วงเลยและยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะมีผมใหม่ขึ้นเป็นตอสั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวงจรปกติของเส้นผมหลังการปลูกผม ภายในเวลา 4 เดือน เส้นผมใหม่ก็จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แพทย์จะอธิบายถึงภาวะที่คนไข้อาจต้องพบเจอทั้งหมดหลังการปลูกผมให้เข้าใจ จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ

แพทย์จะนัดหมายให้เข้ามา follow up ผลการรักษาเป็นระยะ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกช่วงเวลาหลังการปลูกผม ทั้งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและการเข้ารับทรีทเมนท์ เช่น Hair Growth Treatment หรือ LLLT เพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมให้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้สัมผัสกับเส้นผมใหม่ที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดในอีก 18 เดือน

ไม่ว่าคุณจะปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง หรือปรับรูปหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สิ่งที่สำคัญคือควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนการตัดสินใจ ผู้ที่ให้ข้อมูลได้ชัดเจนที่สุดคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะปัญหา ความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน  การปลูกผมจึงต้องออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นรายบุคคล ไม่มีใครเหมือนใคร การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ “ตรงจุด” และได้ผลลัพธ์ “ตรงใจ” ที่สุด  

ปลูกผมเสริมรูปหน้าสวย ด้วยเทคนิค NEAT
ปัญหาผมบางไม่ได้มีแต่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็พบเจอกับปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ความรุนแรงอาจจะน้อยกว่าแต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจและรบกวนจิตใจได้ไม่น้อยทีเดียว ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกแก้ปัญหาระยะยาวด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งการปลูกผมของผู้ชายและผู้หญิงก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน มาดูกันค่ะว่าการปลูกผมให้สวยดูเป็นธรรมชาติในผู้หญิงมีเทคนิคอะไรบ้าง


เริ่มด้วยปัญหาผมบางที่พบบ่อยในผู้หญิงกันก่อน หากผมบริเวณรอยแสกกลางศีรษะบางกว่าส่วนอื่น เรียกว่า “ผมบางแบบต้นคริสมาสต์” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเจอปัญหา “ผมบางทั่วศีรษะ” ที่ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อย เพราะผมดูบางทั่วทั้งศีรษะ จะทำผมทรงไหนก็ยาก อีกปัญหาหนึ่งที่พบได้คือ ผมบริเวณด้านหน้าร่นขึ้นไปแบบตัว M ซึ่งทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม ปัญหาเหล่านี้ล้วนทำให้สูญเสียความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง   
การปลูกผมให้สวยและดูเป็นธรรมชาติเริ่มด้วยการสำรวจรูปหน้าและแนวผมเดิมก่อน ผู้หญิงมีรูปหน้าที่แตกต่างกับผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีใบหน้ารูปไข่ รูปหัวใจและรูปทรงกลม แนวผมโค้งมนหรือเป็นทรงหัวใจ ขั้นตอนแรก แพทย์จะออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้รับกับรูปหน้า โดยเน้นความชอบของคนไข้เป็นหลัก เพียงแต่ปรับให้สวยงามขึ้นตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ แนวผมของผู้หญิงจะโค้งเพื่อให้รับกับรูปหน้าหรือเป็นทรงหัวใจ มีรอยหยักตรงกลาง อาจจะมีริ้วไรผมบางๆ เพื่อเพิ่มความละมุนของใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น


เทคนิคที่แพทย์ใช้ในการปลูกผมของผู้หญิงคือ การปลูกไล่ระดับความหนาบางและจำนวนของเส้นผมในแต่ละกราฟท์ ปลูกผมแต่ละเส้นลงในตำแหน่งที่เหมาะสม กราฟท์ผมเดี่ยวจะอยู่ด้านล่างเพื่อเป็นไรผมบางๆ และปลูกไล่ระดับความหนาขึ้นไปเรื่อยๆ และปลูกแทรกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ การจัดวางทิศทางของเส้นผมเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะหลังจากปลูกผมไปแล้ว ทิศทางของเส้นผมจะแก้ไขไม่ได้ แพทย์จึงต้องลงมือปลูกผมแต่ละเส้นด้วยตัวเอง เพื่อกำหนดทิศทางและความหนาแน่นให้สวยงามและเหมาะสมที่สุด


ความพิเศษของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ การใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิม ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล ตอบโจทย์ของผู้หญิงมากๆ และใช้ Implanter ขนาดเล็กในการปลูกผม ไม่เจ็บ มีเลือดออกน้อย แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้นทันที

หลังจากการปลูกผม แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคุณจะต้องผ่านช่วงเวลาที่หลากหลาย บางคนอาจจะพบกับภาวะ Shock Loss ภายหลังการปลูกผม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะหลุดร่วงของเส้นผม อาจเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ ผมร่วงทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่ระยะพักเพื่อเตรียมงอกขึ้นมาใหม่ บางคนโชคดีที่ผมไม่ร่วงเลยและยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะมีผมใหม่ขึ้นเป็นตอสั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวงจรปกติของเส้นผมหลังการปลูกผม ภายในเวลา 4 เดือน เส้นผมใหม่ก็จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แพทย์จะอธิบายถึงภาวะที่คนไข้อาจต้องพบเจอทั้งหมดหลังการปลูกผมให้เข้าใจ จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ

แพทย์จะนัดหมายให้เข้ามา follow up ผลการรักษาเป็นระยะ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกช่วงเวลาหลังการปลูกผม ทั้งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและการเข้ารับทรีทเมนท์ เช่น Hair Growth Treatment หรือ LLLT เพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมให้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้สัมผัสกับเส้นผมใหม่ที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดในอีก 18 เดือน

ไม่ว่าคุณจะปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง หรือปรับรูปหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สิ่งที่สำคัญคือควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนการตัดสินใจ ผู้ที่ให้ข้อมูลได้ชัดเจนที่สุดคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะปัญหา ความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน  การปลูกผมจึงต้องออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นรายบุคคล ไม่มีใครเหมือนใคร การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ “ตรงจุด” และได้ผลลัพธ์ “ตรงใจ” ที่สุด  

ปลูกผมเสริมรูปหน้าสวย ด้วยเทคนิค NEAT
ปัญหาผมบางไม่ได้มีแต่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็พบเจอกับปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ความรุนแรงอาจจะน้อยกว่าแต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจและรบกวนจิตใจได้ไม่น้อยทีเดียว ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกแก้ปัญหาระยะยาวด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งการปลูกผมของผู้ชายและผู้หญิงก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน มาดูกันค่ะว่าการปลูกผมให้สวยดูเป็นธรรมชาติในผู้หญิงมีเทคนิคอะไรบ้าง


เริ่มด้วยปัญหาผมบางที่พบบ่อยในผู้หญิงกันก่อน หากผมบริเวณรอยแสกกลางศีรษะบางกว่าส่วนอื่น เรียกว่า “ผมบางแบบต้นคริสมาสต์” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเจอปัญหา “ผมบางทั่วศีรษะ” ที่ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อย เพราะผมดูบางทั่วทั้งศีรษะ จะทำผมทรงไหนก็ยาก อีกปัญหาหนึ่งที่พบได้คือ ผมบริเวณด้านหน้าร่นขึ้นไปแบบตัว M ซึ่งทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม ปัญหาเหล่านี้ล้วนทำให้สูญเสียความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง   
การปลูกผมให้สวยและดูเป็นธรรมชาติเริ่มด้วยการสำรวจรูปหน้าและแนวผมเดิมก่อน ผู้หญิงมีรูปหน้าที่แตกต่างกับผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีใบหน้ารูปไข่ รูปหัวใจและรูปทรงกลม แนวผมโค้งมนหรือเป็นทรงหัวใจ ขั้นตอนแรก แพทย์จะออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้รับกับรูปหน้า โดยเน้นความชอบของคนไข้เป็นหลัก เพียงแต่ปรับให้สวยงามขึ้นตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ แนวผมของผู้หญิงจะโค้งเพื่อให้รับกับรูปหน้าหรือเป็นทรงหัวใจ มีรอยหยักตรงกลาง อาจจะมีริ้วไรผมบางๆ เพื่อเพิ่มความละมุนของใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น


เทคนิคที่แพทย์ใช้ในการปลูกผมของผู้หญิงคือ การปลูกไล่ระดับความหนาบางและจำนวนของเส้นผมในแต่ละกราฟท์ ปลูกผมแต่ละเส้นลงในตำแหน่งที่เหมาะสม กราฟท์ผมเดี่ยวจะอยู่ด้านล่างเพื่อเป็นไรผมบางๆ และปลูกไล่ระดับความหนาขึ้นไปเรื่อยๆ และปลูกแทรกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ การจัดวางทิศทางของเส้นผมเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะหลังจากปลูกผมไปแล้ว ทิศทางของเส้นผมจะแก้ไขไม่ได้ แพทย์จึงต้องลงมือปลูกผมแต่ละเส้นด้วยตัวเอง เพื่อกำหนดทิศทางและความหนาแน่นให้สวยงามและเหมาะสมที่สุด


ความพิเศษของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ การใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิม ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล ตอบโจทย์ของผู้หญิงมากๆ และใช้ Implanter ขนาดเล็กในการปลูกผม ไม่เจ็บ มีเลือดออกน้อย แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้นทันที

หลังจากการปลูกผม แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคุณจะต้องผ่านช่วงเวลาที่หลากหลาย บางคนอาจจะพบกับภาวะ Shock Loss ภายหลังการปลูกผม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะหลุดร่วงของเส้นผม อาจเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ ผมร่วงทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่ระยะพักเพื่อเตรียมงอกขึ้นมาใหม่ บางคนโชคดีที่ผมไม่ร่วงเลยและยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะมีผมใหม่ขึ้นเป็นตอสั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวงจรปกติของเส้นผมหลังการปลูกผม ภายในเวลา 4 เดือน เส้นผมใหม่ก็จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แพทย์จะอธิบายถึงภาวะที่คนไข้อาจต้องพบเจอทั้งหมดหลังการปลูกผมให้เข้าใจ จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ

แพทย์จะนัดหมายให้เข้ามา follow up ผลการรักษาเป็นระยะ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกช่วงเวลาหลังการปลูกผม ทั้งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและการเข้ารับทรีทเมนท์ เช่น Hair Growth Treatment หรือ LLLT เพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมให้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้สัมผัสกับเส้นผมใหม่ที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดในอีก 18 เดือน

ไม่ว่าคุณจะปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง หรือปรับรูปหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สิ่งที่สำคัญคือควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนการตัดสินใจ ผู้ที่ให้ข้อมูลได้ชัดเจนที่สุดคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะปัญหา ความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน  การปลูกผมจึงต้องออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นรายบุคคล ไม่มีใครเหมือนใคร การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ “ตรงจุด” และได้ผลลัพธ์ “ตรงใจ” ที่สุด  

ปลูกผมเสริมรูปหน้าสวย ด้วยเทคนิค NEAT
ปัญหาผมบางไม่ได้มีแต่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็พบเจอกับปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ความรุนแรงอาจจะน้อยกว่าแต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจและรบกวนจิตใจได้ไม่น้อยทีเดียว ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกแก้ปัญหาระยะยาวด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งการปลูกผมของผู้ชายและผู้หญิงก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน มาดูกันค่ะว่าการปลูกผมให้สวยดูเป็นธรรมชาติในผู้หญิงมีเทคนิคอะไรบ้าง


เริ่มด้วยปัญหาผมบางที่พบบ่อยในผู้หญิงกันก่อน หากผมบริเวณรอยแสกกลางศีรษะบางกว่าส่วนอื่น เรียกว่า “ผมบางแบบต้นคริสมาสต์” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเจอปัญหา “ผมบางทั่วศีรษะ” ที่ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อย เพราะผมดูบางทั่วทั้งศีรษะ จะทำผมทรงไหนก็ยาก อีกปัญหาหนึ่งที่พบได้คือ ผมบริเวณด้านหน้าร่นขึ้นไปแบบตัว M ซึ่งทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม ปัญหาเหล่านี้ล้วนทำให้สูญเสียความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง   
การปลูกผมให้สวยและดูเป็นธรรมชาติเริ่มด้วยการสำรวจรูปหน้าและแนวผมเดิมก่อน ผู้หญิงมีรูปหน้าที่แตกต่างกับผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีใบหน้ารูปไข่ รูปหัวใจและรูปทรงกลม แนวผมโค้งมนหรือเป็นทรงหัวใจ ขั้นตอนแรก แพทย์จะออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้รับกับรูปหน้า โดยเน้นความชอบของคนไข้เป็นหลัก เพียงแต่ปรับให้สวยงามขึ้นตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ แนวผมของผู้หญิงจะโค้งเพื่อให้รับกับรูปหน้าหรือเป็นทรงหัวใจ มีรอยหยักตรงกลาง อาจจะมีริ้วไรผมบางๆ เพื่อเพิ่มความละมุนของใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น


เทคนิคที่แพทย์ใช้ในการปลูกผมของผู้หญิงคือ การปลูกไล่ระดับความหนาบางและจำนวนของเส้นผมในแต่ละกราฟท์ ปลูกผมแต่ละเส้นลงในตำแหน่งที่เหมาะสม กราฟท์ผมเดี่ยวจะอยู่ด้านล่างเพื่อเป็นไรผมบางๆ และปลูกไล่ระดับความหนาขึ้นไปเรื่อยๆ และปลูกแทรกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ การจัดวางทิศทางของเส้นผมเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะหลังจากปลูกผมไปแล้ว ทิศทางของเส้นผมจะแก้ไขไม่ได้ แพทย์จึงต้องลงมือปลูกผมแต่ละเส้นด้วยตัวเอง เพื่อกำหนดทิศทางและความหนาแน่นให้สวยงามและเหมาะสมที่สุด


ความพิเศษของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ การใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิม ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล ตอบโจทย์ของผู้หญิงมากๆ และใช้ Implanter ขนาดเล็กในการปลูกผม ไม่เจ็บ มีเลือดออกน้อย แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้นทันที

หลังจากการปลูกผม แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคุณจะต้องผ่านช่วงเวลาที่หลากหลาย บางคนอาจจะพบกับภาวะ Shock Loss ภายหลังการปลูกผม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะหลุดร่วงของเส้นผม อาจเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ ผมร่วงทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่ระยะพักเพื่อเตรียมงอกขึ้นมาใหม่ บางคนโชคดีที่ผมไม่ร่วงเลยและยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะมีผมใหม่ขึ้นเป็นตอสั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวงจรปกติของเส้นผมหลังการปลูกผม ภายในเวลา 4 เดือน เส้นผมใหม่ก็จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แพทย์จะอธิบายถึงภาวะที่คนไข้อาจต้องพบเจอทั้งหมดหลังการปลูกผมให้เข้าใจ จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ

แพทย์จะนัดหมายให้เข้ามา follow up ผลการรักษาเป็นระยะ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกช่วงเวลาหลังการปลูกผม ทั้งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและการเข้ารับทรีทเมนท์ เช่น Hair Growth Treatment หรือ LLLT เพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมให้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้สัมผัสกับเส้นผมใหม่ที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดในอีก 18 เดือน

ไม่ว่าคุณจะปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง หรือปรับรูปหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สิ่งที่สำคัญคือควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนการตัดสินใจ ผู้ที่ให้ข้อมูลได้ชัดเจนที่สุดคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะปัญหา ความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน  การปลูกผมจึงต้องออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นรายบุคคล ไม่มีใครเหมือนใคร การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ “ตรงจุด” และได้ผลลัพธ์ “ตรงใจ” ที่สุด  

ปลูกผม “ผิด” ทิศทางและองศา
เส้นผมที่เราเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาเหมือน ๆ กันไปหมดนั้น ที่จริงแล้ว แต่ละเส้นมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลย 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เส้นผมบนหนังศีรษะแต่ละส่วนของเรา จะเรียงตัวไปใน “ทิศทาง” ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ ขณะเดียวกัน ผมแต่ละเส้นก็ยังมี “องศาความโค้ง” มากน้อยไม่เท่ากันด้วย 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทิศทางและองศาผมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีความสำคัญอย่างไร เราอาจต้องลองนึกภาพว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในการปลูกผมใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราสนใจแต่ความหนาแน่นของผม จนลืมใส่ใจเรื่องการปลูกผมตามทิศทางและองศาไป...



นี่คือภาพตัวอย่างของผลลัพธ์จากการปลูกผมที่มองข้ามเรื่องทิศทางและองศา จะเห็นได้ว่าเส้นผมใหม่ชี้ผิดทิศผิดทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม จนดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาเส้นผมผิดทิศนี้ เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ก็คงจะทำให้เจ้าของเส้นผมไม่กล้าปล่อยผม หรือหากจะจัดแต่งทรงผม ก็คงจำกัดอยู่แค่ทรงเดียวหรือไม่กี่ทรงเท่านั้น ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมเพื่อเสริมบุคลิกภาพได้ตามใจ

ที่สำคัญ ทิศทางและองศาของผมปลูกใหม่ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นผลหลังปลูกได้ทันที เพราะในช่วงแรก เราจะเห็นเพียงตอผมขนาดสั้น ๆ ก่อน จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 – 12 เดือนแล้วนั่นล่ะ ผมจึงจะยาวพอให้เห็นว่าทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือออกมาแบบผิดทิศผิดทางหรือไม่

และที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ก็คือปัญหาเส้นผมที่ชี้ไปมาและย้อนแย้งกับทิศทางที่ถูกต้อง เป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าปลูกแล้วปลูกเลย หรือแก้ไขได้ยากมาก ๆ นั่นหมายความว่า เราจะต้องอยู่กับเส้นผมผิดทิศแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต!!

ดังนั้น การปลูกผมตามทิศทางและองศา จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงทักษะ ฝีมือ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ทำการปลูกผมได้เป็นอย่างดี เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้คัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกผมใหม่ และปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

นอกจากทิศทางและองศาผมแล้ว แพทย์ยังต้องคัดเลือกขนาดของเส้นผมด้วย ตัวอย่างเช่น เส้นผมเล็กและบาง จะเหมาะกับการปลูกใหม่ตามไรผมบริเวณหน้าผาก ส่วนในบริเวณที่ลึกเข้ามา จะเหมาะกับผมเส้นเดี่ยว และกราฟต์ผมที่มีผมอยู่ร่วมกัน 2 – 4 เส้นตามลำดับ จึงจะใกล้เคียงกับเส้นผมเดิมตามธรรมชาติมากที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสมในการปักกราฟต์ผม เพื่อให้ผมใหม่ได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือดต่าง ๆ ที่มาหล่อเลี้ยง ทำให้เส้นผมเติบโต แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ แพทย์จะค่อย ๆ คัดแยกและปักกราฟต์ผมที่มีจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ ทีละเส้น ทีละเส้น จนอาจเรียกได้ว่า นี่คืองานคราฟท์ หรืองานฝีมือสุดประณีตกลางห้องหัตถการปลูกผมเลยก็ว่าได้ 

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลการปลูกผม หรือกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ปัญหาผม ด้วยการปลูกผมที่ตอบโจทย์มากที่สุด ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการปลูกผมตามทิศทางและองศา ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูก เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกันกลมกลืนเป็นธรรมชาติ และให้เจ้าของเส้นผมได้อวดผมสวยในทุก ๆ สไตล์ได้อย่างอิสระและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คุ้มค่ากับการลงทุนปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง

ปลูกผม “ผิด” ทิศทางและองศา
เส้นผมที่เราเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาเหมือน ๆ กันไปหมดนั้น ที่จริงแล้ว แต่ละเส้นมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลย 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เส้นผมบนหนังศีรษะแต่ละส่วนของเรา จะเรียงตัวไปใน “ทิศทาง” ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ ขณะเดียวกัน ผมแต่ละเส้นก็ยังมี “องศาความโค้ง” มากน้อยไม่เท่ากันด้วย 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทิศทางและองศาผมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีความสำคัญอย่างไร เราอาจต้องลองนึกภาพว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในการปลูกผมใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราสนใจแต่ความหนาแน่นของผม จนลืมใส่ใจเรื่องการปลูกผมตามทิศทางและองศาไป...



นี่คือภาพตัวอย่างของผลลัพธ์จากการปลูกผมที่มองข้ามเรื่องทิศทางและองศา จะเห็นได้ว่าเส้นผมใหม่ชี้ผิดทิศผิดทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม จนดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาเส้นผมผิดทิศนี้ เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ก็คงจะทำให้เจ้าของเส้นผมไม่กล้าปล่อยผม หรือหากจะจัดแต่งทรงผม ก็คงจำกัดอยู่แค่ทรงเดียวหรือไม่กี่ทรงเท่านั้น ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมเพื่อเสริมบุคลิกภาพได้ตามใจ

ที่สำคัญ ทิศทางและองศาของผมปลูกใหม่ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นผลหลังปลูกได้ทันที เพราะในช่วงแรก เราจะเห็นเพียงตอผมขนาดสั้น ๆ ก่อน จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 – 12 เดือนแล้วนั่นล่ะ ผมจึงจะยาวพอให้เห็นว่าทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือออกมาแบบผิดทิศผิดทางหรือไม่

และที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ก็คือปัญหาเส้นผมที่ชี้ไปมาและย้อนแย้งกับทิศทางที่ถูกต้อง เป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าปลูกแล้วปลูกเลย หรือแก้ไขได้ยากมาก ๆ นั่นหมายความว่า เราจะต้องอยู่กับเส้นผมผิดทิศแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต!!

ดังนั้น การปลูกผมตามทิศทางและองศา จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงทักษะ ฝีมือ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ทำการปลูกผมได้เป็นอย่างดี เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้คัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกผมใหม่ และปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

นอกจากทิศทางและองศาผมแล้ว แพทย์ยังต้องคัดเลือกขนาดของเส้นผมด้วย ตัวอย่างเช่น เส้นผมเล็กและบาง จะเหมาะกับการปลูกใหม่ตามไรผมบริเวณหน้าผาก ส่วนในบริเวณที่ลึกเข้ามา จะเหมาะกับผมเส้นเดี่ยว และกราฟต์ผมที่มีผมอยู่ร่วมกัน 2 – 4 เส้นตามลำดับ จึงจะใกล้เคียงกับเส้นผมเดิมตามธรรมชาติมากที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสมในการปักกราฟต์ผม เพื่อให้ผมใหม่ได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือดต่าง ๆ ที่มาหล่อเลี้ยง ทำให้เส้นผมเติบโต แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ แพทย์จะค่อย ๆ คัดแยกและปักกราฟต์ผมที่มีจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ ทีละเส้น ทีละเส้น จนอาจเรียกได้ว่า นี่คืองานคราฟท์ หรืองานฝีมือสุดประณีตกลางห้องหัตถการปลูกผมเลยก็ว่าได้ 

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลการปลูกผม หรือกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ปัญหาผม ด้วยการปลูกผมที่ตอบโจทย์มากที่สุด ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการปลูกผมตามทิศทางและองศา ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูก เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกันกลมกลืนเป็นธรรมชาติ และให้เจ้าของเส้นผมได้อวดผมสวยในทุก ๆ สไตล์ได้อย่างอิสระและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คุ้มค่ากับการลงทุนปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง

ปลูกผม “ผิด” ทิศทางและองศา
เส้นผมที่เราเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาเหมือน ๆ กันไปหมดนั้น ที่จริงแล้ว แต่ละเส้นมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลย 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เส้นผมบนหนังศีรษะแต่ละส่วนของเรา จะเรียงตัวไปใน “ทิศทาง” ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ ขณะเดียวกัน ผมแต่ละเส้นก็ยังมี “องศาความโค้ง” มากน้อยไม่เท่ากันด้วย 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทิศทางและองศาผมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีความสำคัญอย่างไร เราอาจต้องลองนึกภาพว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในการปลูกผมใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราสนใจแต่ความหนาแน่นของผม จนลืมใส่ใจเรื่องการปลูกผมตามทิศทางและองศาไป...



นี่คือภาพตัวอย่างของผลลัพธ์จากการปลูกผมที่มองข้ามเรื่องทิศทางและองศา จะเห็นได้ว่าเส้นผมใหม่ชี้ผิดทิศผิดทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม จนดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาเส้นผมผิดทิศนี้ เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ก็คงจะทำให้เจ้าของเส้นผมไม่กล้าปล่อยผม หรือหากจะจัดแต่งทรงผม ก็คงจำกัดอยู่แค่ทรงเดียวหรือไม่กี่ทรงเท่านั้น ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมเพื่อเสริมบุคลิกภาพได้ตามใจ

ที่สำคัญ ทิศทางและองศาของผมปลูกใหม่ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นผลหลังปลูกได้ทันที เพราะในช่วงแรก เราจะเห็นเพียงตอผมขนาดสั้น ๆ ก่อน จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 – 12 เดือนแล้วนั่นล่ะ ผมจึงจะยาวพอให้เห็นว่าทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือออกมาแบบผิดทิศผิดทางหรือไม่

และที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ก็คือปัญหาเส้นผมที่ชี้ไปมาและย้อนแย้งกับทิศทางที่ถูกต้อง เป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าปลูกแล้วปลูกเลย หรือแก้ไขได้ยากมาก ๆ นั่นหมายความว่า เราจะต้องอยู่กับเส้นผมผิดทิศแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต!!

ดังนั้น การปลูกผมตามทิศทางและองศา จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงทักษะ ฝีมือ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ทำการปลูกผมได้เป็นอย่างดี เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้คัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกผมใหม่ และปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

นอกจากทิศทางและองศาผมแล้ว แพทย์ยังต้องคัดเลือกขนาดของเส้นผมด้วย ตัวอย่างเช่น เส้นผมเล็กและบาง จะเหมาะกับการปลูกใหม่ตามไรผมบริเวณหน้าผาก ส่วนในบริเวณที่ลึกเข้ามา จะเหมาะกับผมเส้นเดี่ยว และกราฟต์ผมที่มีผมอยู่ร่วมกัน 2 – 4 เส้นตามลำดับ จึงจะใกล้เคียงกับเส้นผมเดิมตามธรรมชาติมากที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสมในการปักกราฟต์ผม เพื่อให้ผมใหม่ได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือดต่าง ๆ ที่มาหล่อเลี้ยง ทำให้เส้นผมเติบโต แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ แพทย์จะค่อย ๆ คัดแยกและปักกราฟต์ผมที่มีจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ ทีละเส้น ทีละเส้น จนอาจเรียกได้ว่า นี่คืองานคราฟท์ หรืองานฝีมือสุดประณีตกลางห้องหัตถการปลูกผมเลยก็ว่าได้ 

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลการปลูกผม หรือกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ปัญหาผม ด้วยการปลูกผมที่ตอบโจทย์มากที่สุด ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการปลูกผมตามทิศทางและองศา ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูก เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกันกลมกลืนเป็นธรรมชาติ และให้เจ้าของเส้นผมได้อวดผมสวยในทุก ๆ สไตล์ได้อย่างอิสระและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คุ้มค่ากับการลงทุนปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง

ปลูกผม “ผิด” ทิศทางและองศา
เส้นผมที่เราเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาเหมือน ๆ กันไปหมดนั้น ที่จริงแล้ว แต่ละเส้นมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลย 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เส้นผมบนหนังศีรษะแต่ละส่วนของเรา จะเรียงตัวไปใน “ทิศทาง” ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ ขณะเดียวกัน ผมแต่ละเส้นก็ยังมี “องศาความโค้ง” มากน้อยไม่เท่ากันด้วย 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทิศทางและองศาผมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีความสำคัญอย่างไร เราอาจต้องลองนึกภาพว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในการปลูกผมใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราสนใจแต่ความหนาแน่นของผม จนลืมใส่ใจเรื่องการปลูกผมตามทิศทางและองศาไป...



นี่คือภาพตัวอย่างของผลลัพธ์จากการปลูกผมที่มองข้ามเรื่องทิศทางและองศา จะเห็นได้ว่าเส้นผมใหม่ชี้ผิดทิศผิดทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม จนดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาเส้นผมผิดทิศนี้ เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ก็คงจะทำให้เจ้าของเส้นผมไม่กล้าปล่อยผม หรือหากจะจัดแต่งทรงผม ก็คงจำกัดอยู่แค่ทรงเดียวหรือไม่กี่ทรงเท่านั้น ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมเพื่อเสริมบุคลิกภาพได้ตามใจ

ที่สำคัญ ทิศทางและองศาของผมปลูกใหม่ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นผลหลังปลูกได้ทันที เพราะในช่วงแรก เราจะเห็นเพียงตอผมขนาดสั้น ๆ ก่อน จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 – 12 เดือนแล้วนั่นล่ะ ผมจึงจะยาวพอให้เห็นว่าทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือออกมาแบบผิดทิศผิดทางหรือไม่

และที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ก็คือปัญหาเส้นผมที่ชี้ไปมาและย้อนแย้งกับทิศทางที่ถูกต้อง เป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าปลูกแล้วปลูกเลย หรือแก้ไขได้ยากมาก ๆ นั่นหมายความว่า เราจะต้องอยู่กับเส้นผมผิดทิศแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต!!

ดังนั้น การปลูกผมตามทิศทางและองศา จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงทักษะ ฝีมือ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ทำการปลูกผมได้เป็นอย่างดี เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้คัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกผมใหม่ และปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

นอกจากทิศทางและองศาผมแล้ว แพทย์ยังต้องคัดเลือกขนาดของเส้นผมด้วย ตัวอย่างเช่น เส้นผมเล็กและบาง จะเหมาะกับการปลูกใหม่ตามไรผมบริเวณหน้าผาก ส่วนในบริเวณที่ลึกเข้ามา จะเหมาะกับผมเส้นเดี่ยว และกราฟต์ผมที่มีผมอยู่ร่วมกัน 2 – 4 เส้นตามลำดับ จึงจะใกล้เคียงกับเส้นผมเดิมตามธรรมชาติมากที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสมในการปักกราฟต์ผม เพื่อให้ผมใหม่ได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือดต่าง ๆ ที่มาหล่อเลี้ยง ทำให้เส้นผมเติบโต แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ แพทย์จะค่อย ๆ คัดแยกและปักกราฟต์ผมที่มีจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ ทีละเส้น ทีละเส้น จนอาจเรียกได้ว่า นี่คืองานคราฟท์ หรืองานฝีมือสุดประณีตกลางห้องหัตถการปลูกผมเลยก็ว่าได้ 

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลการปลูกผม หรือกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ปัญหาผม ด้วยการปลูกผมที่ตอบโจทย์มากที่สุด ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการปลูกผมตามทิศทางและองศา ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูก เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกันกลมกลืนเป็นธรรมชาติ และให้เจ้าของเส้นผมได้อวดผมสวยในทุก ๆ สไตล์ได้อย่างอิสระและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คุ้มค่ากับการลงทุนปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง

ปลูกผม “ผิด” ทิศทางและองศา
เส้นผมที่เราเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาเหมือน ๆ กันไปหมดนั้น ที่จริงแล้ว แต่ละเส้นมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลย 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เส้นผมบนหนังศีรษะแต่ละส่วนของเรา จะเรียงตัวไปใน “ทิศทาง” ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ ขณะเดียวกัน ผมแต่ละเส้นก็ยังมี “องศาความโค้ง” มากน้อยไม่เท่ากันด้วย 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทิศทางและองศาผมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีความสำคัญอย่างไร เราอาจต้องลองนึกภาพว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในการปลูกผมใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราสนใจแต่ความหนาแน่นของผม จนลืมใส่ใจเรื่องการปลูกผมตามทิศทางและองศาไป...



นี่คือภาพตัวอย่างของผลลัพธ์จากการปลูกผมที่มองข้ามเรื่องทิศทางและองศา จะเห็นได้ว่าเส้นผมใหม่ชี้ผิดทิศผิดทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม จนดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาเส้นผมผิดทิศนี้ เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ก็คงจะทำให้เจ้าของเส้นผมไม่กล้าปล่อยผม หรือหากจะจัดแต่งทรงผม ก็คงจำกัดอยู่แค่ทรงเดียวหรือไม่กี่ทรงเท่านั้น ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมเพื่อเสริมบุคลิกภาพได้ตามใจ

ที่สำคัญ ทิศทางและองศาของผมปลูกใหม่ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นผลหลังปลูกได้ทันที เพราะในช่วงแรก เราจะเห็นเพียงตอผมขนาดสั้น ๆ ก่อน จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 – 12 เดือนแล้วนั่นล่ะ ผมจึงจะยาวพอให้เห็นว่าทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือออกมาแบบผิดทิศผิดทางหรือไม่

และที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ก็คือปัญหาเส้นผมที่ชี้ไปมาและย้อนแย้งกับทิศทางที่ถูกต้อง เป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าปลูกแล้วปลูกเลย หรือแก้ไขได้ยากมาก ๆ นั่นหมายความว่า เราจะต้องอยู่กับเส้นผมผิดทิศแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต!!

ดังนั้น การปลูกผมตามทิศทางและองศา จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงทักษะ ฝีมือ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ทำการปลูกผมได้เป็นอย่างดี เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้คัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกผมใหม่ และปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

นอกจากทิศทางและองศาผมแล้ว แพทย์ยังต้องคัดเลือกขนาดของเส้นผมด้วย ตัวอย่างเช่น เส้นผมเล็กและบาง จะเหมาะกับการปลูกใหม่ตามไรผมบริเวณหน้าผาก ส่วนในบริเวณที่ลึกเข้ามา จะเหมาะกับผมเส้นเดี่ยว และกราฟต์ผมที่มีผมอยู่ร่วมกัน 2 – 4 เส้นตามลำดับ จึงจะใกล้เคียงกับเส้นผมเดิมตามธรรมชาติมากที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสมในการปักกราฟต์ผม เพื่อให้ผมใหม่ได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือดต่าง ๆ ที่มาหล่อเลี้ยง ทำให้เส้นผมเติบโต แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ แพทย์จะค่อย ๆ คัดแยกและปักกราฟต์ผมที่มีจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ ทีละเส้น ทีละเส้น จนอาจเรียกได้ว่า นี่คืองานคราฟท์ หรืองานฝีมือสุดประณีตกลางห้องหัตถการปลูกผมเลยก็ว่าได้ 

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลการปลูกผม หรือกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ปัญหาผม ด้วยการปลูกผมที่ตอบโจทย์มากที่สุด ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการปลูกผมตามทิศทางและองศา ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูก เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกันกลมกลืนเป็นธรรมชาติ และให้เจ้าของเส้นผมได้อวดผมสวยในทุก ๆ สไตล์ได้อย่างอิสระและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คุ้มค่ากับการลงทุนปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง

NEAT พลังแห่ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique (NEAT) คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเส้นผม ผู้สั่งสมประสบการณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “การปลูกผม” เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” 

นั่นหมายความว่า การปลูกผมให้คนไข้แต่ละคนนั้น ต้องผสานทั้งศาตสร์ความรู้ด้านวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เข้ากับมุมมองด้านศิลปะความงามเชิงสร้างสรรค์ เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ทรงพลังในการแก้ปัญหาเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และยังสามารถคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี ให้เจ้าของเส้นผมได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญของ NEAT เทคนิคสุดประณีตจากนามนิน ที่จะมาเติมเต็มภาพผลลัพธ์ผมใหม่ของคุณและผู้คนอีกมากมาย ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด


วางแผนการปลูก “เฉพาะบุคคล”
ก้าวแรกของการรักษา คือการพบปะพูดคุยกันระหว่างคนไข้และแพทย์ ซึ่งแพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนจะตรวจสอบสภาพปัญหาผม เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่เป็นไปได้และให้ประสิทธิภาพดีที่สุดร่วมกัน 

รวมถึงการประเมินกราฟต์ผม ว่าคนไข้มีผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่แข็งแรงพร้อมนำไปปลูกใหม่มากน้อยแค่ไหน และปัญหาผมของคนไข้นั้น ต้องการกราฟต์ผมไปช่วยเติมเต็มในปริมาณเท่าใด เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะนำมาปลูกใหม่ให้เหมาะสมและลงตัว โดยแพทย์ไม่ลืมที่จะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการปลูกผมใหม่อย่างละเอียด เพื่อให้คนไข้เข้าใจกระบวนการรักษาและสามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังช่วยออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ให้ดูหวานละมุนขึ้น ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น หรือดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองของใบหน้า เพื่อเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจของคนไข้อีกด้วย

ที่สำคัญ การวางแผนการปลูกผมใหม่ของแพทย์แต่ละครั้ง จะเป็นการออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเฉพาะบุคคล หรือเคสต่อเคส เพราะนามนินตระหนักดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผม มีข้อจำกัด และมีเป้าหมายความต้องการที่ต่างกัน ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว แพทย์จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จที่ซ้ำ ๆ กันในการรักษา แต่จะต้องเริ่มต้นทำความรู้จักคนไข้ ทำความเข้าใจสภาพปัญหา และคิดใหม่ทุก ๆ ครั้งว่าจะเลือกแนวทางการรักษาแบบใด ปรับรายละเอียดตรงส่วนไหน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ให้ได้มากที่สุด 


ปลูกผมโดยแพทย์ “เส้นต่อเส้น”
ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกครั้ง เพราะนี่คือหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความละเอียดอ่อนอย่างที่สุด 

และคำว่าปลูกผม “เส้นต่อเส้น” ก็ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจสำคัญของการปลูกผม ก็คือการนำกราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย มาสังเกตขนาด ความหนาบาง องศาความโค้ง จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ และลงมือคัดแยกให้เหมาะกับบริเวณที่จะนำไปปลูกใหม่

จากนั้น จะเป็นการนำกราฟต์ผม ค่อย ๆ ปลูกลงในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้เอง แพทย์จะต้องอาศัยทักษะขั้นสูง ในการปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเชื่อมต่อเส้นเลือดฝอยบริเวณรากผม ทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่จะต้องกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางจนดูไม่เป็นธรรมชาติ รวมไปถึงความหนาแน่นของผมใหม่ที่จะต้องระวังไม่ให้ดูแน่นจนเบียดกันเกินไป หรือดูบางและห่างกันจนเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเติบโตต่อได้อย่างแข็งแรง ซึ่งคนไข้จะมั่นใจได้ว่า กราฟต์ผมจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ที่ปลูกใหม่นั้น เป็นผลลัพธ์จากความใส่ใจของแพทย์ทุกกราฟต์จริง ๆ 


Customer Centric เมื่อ “คนไข้” มาเป็นที่หนึ่ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไข้หลายต่อหลายคนสะท้อนเสียงยืนยันกลับมาว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษแค่ไหนจากนามนิน ก็คือการที่แพทย์ยึดหลัก Customer Centric หรือการยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางของการรักษา 

ที่นี่ แพทย์จะทำความรู้จักคนไข้ให้ชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่ม หลาย ๆ ครั้งในการพูดคุยปรึกษากันระหว่างแพทย์กับคนไข้ แพทย์ไม่เพียงวินิจฉัยเฉพาะอาการของโรคหรือปัญหาเส้นผมที่เห็นตรงหน้า แต่ยังลงลึกถึงพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนไข้กำลังเผชิญ เพื่อให้เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา รวมไปถึงการรับฟังเสียงความต้องการของคนไข้ด้วย

เพราะทั้งหมดนั้น คือหัวใจที่จะทำให้แพทย์ออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ได้อย่างตอบโจทย์และเหมาะสมมากที่สุดนั่นเอง


เลือก “อุปกรณ์” และ “เทคนิค” ที่ดีที่สุด
ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ ก็คืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้า หรือ Implanter ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ได้อย่างปลอดภัย เพิ่มความแม่นยำทั้งในเรื่องของระยะห่างระหว่างแต่ละกราฟต์ผม ระยะความลึก รวมถึงทิศทางองศาผม 

ขนาดของหัวเจาะที่เล็กพิเศษนั้น ยังช่วยลดผลข้างเคียง อย่างเช่นอาการเจ็บและบวมจากการปลูกผม และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ดูแลง่าย จนคนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหรือลางาน หลังปลูกผมเสร็จแล้วสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ทันที 

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยเอื้อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได เนื่องจากแพทย์เข้าใจว่า คนไข้หลังปลูกผมส่วนใหญ่ จะต้องกังวลใจและคอยระมัดระวังในการปกปิดรอยแผลด้านหลังท้ายทอย ที่เกิดจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และอาจทำให้คนไข้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมหลากหลายสไตล์ได้ดังใจ แพทย์จึงใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกันแบบขั้นบันได เพื่อช่วยซ่อนแผลเล็ก ๆ เหล่านี้ไว้ใต้ผมเดิมที่เหลืออยู่อย่างแนบเนียนและกลมกลืน ไม่ว่าจะปล่อยผมหรือทำผมทรงอะไรก็ตาม


แนะนำ “การดูแลหลังปลูก”
...ปลูกผมจบ ใครว่าจบ... ทราบมั้ยว่า ความสำเร็จของการปลูกผม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคนไข้เจ้าของเส้นผมเองด้วย เพราะคนไข้คือคนสำคัญที่จะต้องหมั่นคอยดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่หลังปลูก ให้เติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง 

แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะแพทย์ได้เตรียมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์สระผมสูตรอ่อนโยน และผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ที่แพทย์เลือกสรรแล้วว่า สามารถลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ขณะเดียวกัน แพทย์ยังเตรียม Treatment หลังปลูกผม เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Growth Factor บริเวณหนังศีรษะเพื่อเน้นการบำรุงรากผมเป็นพิเศษ และการฉายเลเซอร์ LLLT หรือ Low-Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบำรุงด้วยแสงที่ออกแบบมาเพื่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ


ติดตามผลใกล้ชิด “ตลอด 1 ปีเต็ม”
และสุดท้าย ก็คือความใส่ใจระดับเต็มร้อยจากแพทย์ ที่จะอยู่เคียงข้างคนไข้ตลอดเส้นทางการรักษา ซึ่งยาวนานถึง 1 ปีเต็ม เพราะแม้ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแค่ไหนในการปลูกผม แต่หลังจากนั้น ก็ต้องปล่อยให้เส้นผมได้เติบโตตามระยะและวงจรของเขาเองตามธรรมชาติ โดยแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องทุกระยะ และให้คำปรึกษาพร้อมตอบข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังการปลูกผมเดือนแรก ๆ อาจเกิดภาะ Shock loss หรือการหลุดร่วงของเส้นผมจำนวนมากเป็นปกติ ซึ่งคนไข้ที่ไม่ทราบมาก่อนมักจะตกใจ แต่ที่นามนิน แพทย์จะอธิบายให้คนเข้าใจและเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และสำหรับผมที่หลุดร่วงไปนั้น สุดท้ายแล้วก็จะงอกขึ้นใหม่ กลายเป็นผมที่แข็งแรงและเติบโตต่อไปอย่างดีในที่สุด 


ทั้งหมดนี้ ก็คือพลังของเทคนิค NEAT ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อมอบประสบการณ์การรักษาสุดประณีตและพิเศษ ให้คนไข้ของนามนินสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจาก “เส้นผม” ของคุณเอง

NEAT พลังแห่ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique (NEAT) คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเส้นผม ผู้สั่งสมประสบการณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “การปลูกผม” เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” 

นั่นหมายความว่า การปลูกผมให้คนไข้แต่ละคนนั้น ต้องผสานทั้งศาตสร์ความรู้ด้านวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เข้ากับมุมมองด้านศิลปะความงามเชิงสร้างสรรค์ เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ทรงพลังในการแก้ปัญหาเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และยังสามารถคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี ให้เจ้าของเส้นผมได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญของ NEAT เทคนิคสุดประณีตจากนามนิน ที่จะมาเติมเต็มภาพผลลัพธ์ผมใหม่ของคุณและผู้คนอีกมากมาย ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด


วางแผนการปลูก “เฉพาะบุคคล”
ก้าวแรกของการรักษา คือการพบปะพูดคุยกันระหว่างคนไข้และแพทย์ ซึ่งแพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนจะตรวจสอบสภาพปัญหาผม เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่เป็นไปได้และให้ประสิทธิภาพดีที่สุดร่วมกัน 

รวมถึงการประเมินกราฟต์ผม ว่าคนไข้มีผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่แข็งแรงพร้อมนำไปปลูกใหม่มากน้อยแค่ไหน และปัญหาผมของคนไข้นั้น ต้องการกราฟต์ผมไปช่วยเติมเต็มในปริมาณเท่าใด เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะนำมาปลูกใหม่ให้เหมาะสมและลงตัว โดยแพทย์ไม่ลืมที่จะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการปลูกผมใหม่อย่างละเอียด เพื่อให้คนไข้เข้าใจกระบวนการรักษาและสามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังช่วยออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ให้ดูหวานละมุนขึ้น ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น หรือดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองของใบหน้า เพื่อเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจของคนไข้อีกด้วย

ที่สำคัญ การวางแผนการปลูกผมใหม่ของแพทย์แต่ละครั้ง จะเป็นการออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเฉพาะบุคคล หรือเคสต่อเคส เพราะนามนินตระหนักดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผม มีข้อจำกัด และมีเป้าหมายความต้องการที่ต่างกัน ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว แพทย์จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จที่ซ้ำ ๆ กันในการรักษา แต่จะต้องเริ่มต้นทำความรู้จักคนไข้ ทำความเข้าใจสภาพปัญหา และคิดใหม่ทุก ๆ ครั้งว่าจะเลือกแนวทางการรักษาแบบใด ปรับรายละเอียดตรงส่วนไหน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ให้ได้มากที่สุด 


ปลูกผมโดยแพทย์ “เส้นต่อเส้น”
ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกครั้ง เพราะนี่คือหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความละเอียดอ่อนอย่างที่สุด 

และคำว่าปลูกผม “เส้นต่อเส้น” ก็ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจสำคัญของการปลูกผม ก็คือการนำกราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย มาสังเกตขนาด ความหนาบาง องศาความโค้ง จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ และลงมือคัดแยกให้เหมาะกับบริเวณที่จะนำไปปลูกใหม่

จากนั้น จะเป็นการนำกราฟต์ผม ค่อย ๆ ปลูกลงในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้เอง แพทย์จะต้องอาศัยทักษะขั้นสูง ในการปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเชื่อมต่อเส้นเลือดฝอยบริเวณรากผม ทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่จะต้องกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางจนดูไม่เป็นธรรมชาติ รวมไปถึงความหนาแน่นของผมใหม่ที่จะต้องระวังไม่ให้ดูแน่นจนเบียดกันเกินไป หรือดูบางและห่างกันจนเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเติบโตต่อได้อย่างแข็งแรง ซึ่งคนไข้จะมั่นใจได้ว่า กราฟต์ผมจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ที่ปลูกใหม่นั้น เป็นผลลัพธ์จากความใส่ใจของแพทย์ทุกกราฟต์จริง ๆ 


Customer Centric เมื่อ “คนไข้” มาเป็นที่หนึ่ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไข้หลายต่อหลายคนสะท้อนเสียงยืนยันกลับมาว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษแค่ไหนจากนามนิน ก็คือการที่แพทย์ยึดหลัก Customer Centric หรือการยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางของการรักษา 

ที่นี่ แพทย์จะทำความรู้จักคนไข้ให้ชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่ม หลาย ๆ ครั้งในการพูดคุยปรึกษากันระหว่างแพทย์กับคนไข้ แพทย์ไม่เพียงวินิจฉัยเฉพาะอาการของโรคหรือปัญหาเส้นผมที่เห็นตรงหน้า แต่ยังลงลึกถึงพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนไข้กำลังเผชิญ เพื่อให้เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา รวมไปถึงการรับฟังเสียงความต้องการของคนไข้ด้วย

เพราะทั้งหมดนั้น คือหัวใจที่จะทำให้แพทย์ออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ได้อย่างตอบโจทย์และเหมาะสมมากที่สุดนั่นเอง


เลือก “อุปกรณ์” และ “เทคนิค” ที่ดีที่สุด
ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ ก็คืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้า หรือ Implanter ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ได้อย่างปลอดภัย เพิ่มความแม่นยำทั้งในเรื่องของระยะห่างระหว่างแต่ละกราฟต์ผม ระยะความลึก รวมถึงทิศทางองศาผม 

ขนาดของหัวเจาะที่เล็กพิเศษนั้น ยังช่วยลดผลข้างเคียง อย่างเช่นอาการเจ็บและบวมจากการปลูกผม และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ดูแลง่าย จนคนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหรือลางาน หลังปลูกผมเสร็จแล้วสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ทันที 

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยเอื้อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได เนื่องจากแพทย์เข้าใจว่า คนไข้หลังปลูกผมส่วนใหญ่ จะต้องกังวลใจและคอยระมัดระวังในการปกปิดรอยแผลด้านหลังท้ายทอย ที่เกิดจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และอาจทำให้คนไข้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมหลากหลายสไตล์ได้ดังใจ แพทย์จึงใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกันแบบขั้นบันได เพื่อช่วยซ่อนแผลเล็ก ๆ เหล่านี้ไว้ใต้ผมเดิมที่เหลืออยู่อย่างแนบเนียนและกลมกลืน ไม่ว่าจะปล่อยผมหรือทำผมทรงอะไรก็ตาม


แนะนำ “การดูแลหลังปลูก”
...ปลูกผมจบ ใครว่าจบ... ทราบมั้ยว่า ความสำเร็จของการปลูกผม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคนไข้เจ้าของเส้นผมเองด้วย เพราะคนไข้คือคนสำคัญที่จะต้องหมั่นคอยดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่หลังปลูก ให้เติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง 

แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะแพทย์ได้เตรียมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์สระผมสูตรอ่อนโยน และผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ที่แพทย์เลือกสรรแล้วว่า สามารถลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ขณะเดียวกัน แพทย์ยังเตรียม Treatment หลังปลูกผม เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Growth Factor บริเวณหนังศีรษะเพื่อเน้นการบำรุงรากผมเป็นพิเศษ และการฉายเลเซอร์ LLLT หรือ Low-Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบำรุงด้วยแสงที่ออกแบบมาเพื่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ


ติดตามผลใกล้ชิด “ตลอด 1 ปีเต็ม”
และสุดท้าย ก็คือความใส่ใจระดับเต็มร้อยจากแพทย์ ที่จะอยู่เคียงข้างคนไข้ตลอดเส้นทางการรักษา ซึ่งยาวนานถึง 1 ปีเต็ม เพราะแม้ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแค่ไหนในการปลูกผม แต่หลังจากนั้น ก็ต้องปล่อยให้เส้นผมได้เติบโตตามระยะและวงจรของเขาเองตามธรรมชาติ โดยแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องทุกระยะ และให้คำปรึกษาพร้อมตอบข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังการปลูกผมเดือนแรก ๆ อาจเกิดภาะ Shock loss หรือการหลุดร่วงของเส้นผมจำนวนมากเป็นปกติ ซึ่งคนไข้ที่ไม่ทราบมาก่อนมักจะตกใจ แต่ที่นามนิน แพทย์จะอธิบายให้คนเข้าใจและเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และสำหรับผมที่หลุดร่วงไปนั้น สุดท้ายแล้วก็จะงอกขึ้นใหม่ กลายเป็นผมที่แข็งแรงและเติบโตต่อไปอย่างดีในที่สุด 


ทั้งหมดนี้ ก็คือพลังของเทคนิค NEAT ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อมอบประสบการณ์การรักษาสุดประณีตและพิเศษ ให้คนไข้ของนามนินสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจาก “เส้นผม” ของคุณเอง

NEAT พลังแห่ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique (NEAT) คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเส้นผม ผู้สั่งสมประสบการณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “การปลูกผม” เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” 

นั่นหมายความว่า การปลูกผมให้คนไข้แต่ละคนนั้น ต้องผสานทั้งศาตสร์ความรู้ด้านวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เข้ากับมุมมองด้านศิลปะความงามเชิงสร้างสรรค์ เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ทรงพลังในการแก้ปัญหาเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และยังสามารถคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี ให้เจ้าของเส้นผมได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญของ NEAT เทคนิคสุดประณีตจากนามนิน ที่จะมาเติมเต็มภาพผลลัพธ์ผมใหม่ของคุณและผู้คนอีกมากมาย ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด


วางแผนการปลูก “เฉพาะบุคคล”
ก้าวแรกของการรักษา คือการพบปะพูดคุยกันระหว่างคนไข้และแพทย์ ซึ่งแพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนจะตรวจสอบสภาพปัญหาผม เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่เป็นไปได้และให้ประสิทธิภาพดีที่สุดร่วมกัน 

รวมถึงการประเมินกราฟต์ผม ว่าคนไข้มีผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่แข็งแรงพร้อมนำไปปลูกใหม่มากน้อยแค่ไหน และปัญหาผมของคนไข้นั้น ต้องการกราฟต์ผมไปช่วยเติมเต็มในปริมาณเท่าใด เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะนำมาปลูกใหม่ให้เหมาะสมและลงตัว โดยแพทย์ไม่ลืมที่จะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการปลูกผมใหม่อย่างละเอียด เพื่อให้คนไข้เข้าใจกระบวนการรักษาและสามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังช่วยออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ให้ดูหวานละมุนขึ้น ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น หรือดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองของใบหน้า เพื่อเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจของคนไข้อีกด้วย

ที่สำคัญ การวางแผนการปลูกผมใหม่ของแพทย์แต่ละครั้ง จะเป็นการออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเฉพาะบุคคล หรือเคสต่อเคส เพราะนามนินตระหนักดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผม มีข้อจำกัด และมีเป้าหมายความต้องการที่ต่างกัน ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว แพทย์จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จที่ซ้ำ ๆ กันในการรักษา แต่จะต้องเริ่มต้นทำความรู้จักคนไข้ ทำความเข้าใจสภาพปัญหา และคิดใหม่ทุก ๆ ครั้งว่าจะเลือกแนวทางการรักษาแบบใด ปรับรายละเอียดตรงส่วนไหน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ให้ได้มากที่สุด 


ปลูกผมโดยแพทย์ “เส้นต่อเส้น”
ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกครั้ง เพราะนี่คือหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความละเอียดอ่อนอย่างที่สุด 

และคำว่าปลูกผม “เส้นต่อเส้น” ก็ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจสำคัญของการปลูกผม ก็คือการนำกราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย มาสังเกตขนาด ความหนาบาง องศาความโค้ง จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ และลงมือคัดแยกให้เหมาะกับบริเวณที่จะนำไปปลูกใหม่

จากนั้น จะเป็นการนำกราฟต์ผม ค่อย ๆ ปลูกลงในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้เอง แพทย์จะต้องอาศัยทักษะขั้นสูง ในการปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเชื่อมต่อเส้นเลือดฝอยบริเวณรากผม ทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่จะต้องกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางจนดูไม่เป็นธรรมชาติ รวมไปถึงความหนาแน่นของผมใหม่ที่จะต้องระวังไม่ให้ดูแน่นจนเบียดกันเกินไป หรือดูบางและห่างกันจนเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเติบโตต่อได้อย่างแข็งแรง ซึ่งคนไข้จะมั่นใจได้ว่า กราฟต์ผมจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ที่ปลูกใหม่นั้น เป็นผลลัพธ์จากความใส่ใจของแพทย์ทุกกราฟต์จริง ๆ 


Customer Centric เมื่อ “คนไข้” มาเป็นที่หนึ่ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไข้หลายต่อหลายคนสะท้อนเสียงยืนยันกลับมาว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษแค่ไหนจากนามนิน ก็คือการที่แพทย์ยึดหลัก Customer Centric หรือการยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางของการรักษา 

ที่นี่ แพทย์จะทำความรู้จักคนไข้ให้ชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่ม หลาย ๆ ครั้งในการพูดคุยปรึกษากันระหว่างแพทย์กับคนไข้ แพทย์ไม่เพียงวินิจฉัยเฉพาะอาการของโรคหรือปัญหาเส้นผมที่เห็นตรงหน้า แต่ยังลงลึกถึงพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนไข้กำลังเผชิญ เพื่อให้เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา รวมไปถึงการรับฟังเสียงความต้องการของคนไข้ด้วย

เพราะทั้งหมดนั้น คือหัวใจที่จะทำให้แพทย์ออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ได้อย่างตอบโจทย์และเหมาะสมมากที่สุดนั่นเอง


เลือก “อุปกรณ์” และ “เทคนิค” ที่ดีที่สุด
ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ ก็คืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้า หรือ Implanter ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ได้อย่างปลอดภัย เพิ่มความแม่นยำทั้งในเรื่องของระยะห่างระหว่างแต่ละกราฟต์ผม ระยะความลึก รวมถึงทิศทางองศาผม 

ขนาดของหัวเจาะที่เล็กพิเศษนั้น ยังช่วยลดผลข้างเคียง อย่างเช่นอาการเจ็บและบวมจากการปลูกผม และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ดูแลง่าย จนคนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหรือลางาน หลังปลูกผมเสร็จแล้วสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ทันที 

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยเอื้อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได เนื่องจากแพทย์เข้าใจว่า คนไข้หลังปลูกผมส่วนใหญ่ จะต้องกังวลใจและคอยระมัดระวังในการปกปิดรอยแผลด้านหลังท้ายทอย ที่เกิดจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และอาจทำให้คนไข้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมหลากหลายสไตล์ได้ดังใจ แพทย์จึงใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกันแบบขั้นบันได เพื่อช่วยซ่อนแผลเล็ก ๆ เหล่านี้ไว้ใต้ผมเดิมที่เหลืออยู่อย่างแนบเนียนและกลมกลืน ไม่ว่าจะปล่อยผมหรือทำผมทรงอะไรก็ตาม


แนะนำ “การดูแลหลังปลูก”
...ปลูกผมจบ ใครว่าจบ... ทราบมั้ยว่า ความสำเร็จของการปลูกผม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคนไข้เจ้าของเส้นผมเองด้วย เพราะคนไข้คือคนสำคัญที่จะต้องหมั่นคอยดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่หลังปลูก ให้เติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง 

แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะแพทย์ได้เตรียมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์สระผมสูตรอ่อนโยน และผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ที่แพทย์เลือกสรรแล้วว่า สามารถลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ขณะเดียวกัน แพทย์ยังเตรียม Treatment หลังปลูกผม เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Growth Factor บริเวณหนังศีรษะเพื่อเน้นการบำรุงรากผมเป็นพิเศษ และการฉายเลเซอร์ LLLT หรือ Low-Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบำรุงด้วยแสงที่ออกแบบมาเพื่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ


ติดตามผลใกล้ชิด “ตลอด 1 ปีเต็ม”
และสุดท้าย ก็คือความใส่ใจระดับเต็มร้อยจากแพทย์ ที่จะอยู่เคียงข้างคนไข้ตลอดเส้นทางการรักษา ซึ่งยาวนานถึง 1 ปีเต็ม เพราะแม้ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแค่ไหนในการปลูกผม แต่หลังจากนั้น ก็ต้องปล่อยให้เส้นผมได้เติบโตตามระยะและวงจรของเขาเองตามธรรมชาติ โดยแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องทุกระยะ และให้คำปรึกษาพร้อมตอบข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังการปลูกผมเดือนแรก ๆ อาจเกิดภาะ Shock loss หรือการหลุดร่วงของเส้นผมจำนวนมากเป็นปกติ ซึ่งคนไข้ที่ไม่ทราบมาก่อนมักจะตกใจ แต่ที่นามนิน แพทย์จะอธิบายให้คนเข้าใจและเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และสำหรับผมที่หลุดร่วงไปนั้น สุดท้ายแล้วก็จะงอกขึ้นใหม่ กลายเป็นผมที่แข็งแรงและเติบโตต่อไปอย่างดีในที่สุด 


ทั้งหมดนี้ ก็คือพลังของเทคนิค NEAT ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อมอบประสบการณ์การรักษาสุดประณีตและพิเศษ ให้คนไข้ของนามนินสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจาก “เส้นผม” ของคุณเอง

NEAT พลังแห่ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique (NEAT) คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเส้นผม ผู้สั่งสมประสบการณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “การปลูกผม” เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” 

นั่นหมายความว่า การปลูกผมให้คนไข้แต่ละคนนั้น ต้องผสานทั้งศาตสร์ความรู้ด้านวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เข้ากับมุมมองด้านศิลปะความงามเชิงสร้างสรรค์ เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ทรงพลังในการแก้ปัญหาเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และยังสามารถคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี ให้เจ้าของเส้นผมได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญของ NEAT เทคนิคสุดประณีตจากนามนิน ที่จะมาเติมเต็มภาพผลลัพธ์ผมใหม่ของคุณและผู้คนอีกมากมาย ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด


วางแผนการปลูก “เฉพาะบุคคล”
ก้าวแรกของการรักษา คือการพบปะพูดคุยกันระหว่างคนไข้และแพทย์ ซึ่งแพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนจะตรวจสอบสภาพปัญหาผม เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่เป็นไปได้และให้ประสิทธิภาพดีที่สุดร่วมกัน 

รวมถึงการประเมินกราฟต์ผม ว่าคนไข้มีผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่แข็งแรงพร้อมนำไปปลูกใหม่มากน้อยแค่ไหน และปัญหาผมของคนไข้นั้น ต้องการกราฟต์ผมไปช่วยเติมเต็มในปริมาณเท่าใด เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะนำมาปลูกใหม่ให้เหมาะสมและลงตัว โดยแพทย์ไม่ลืมที่จะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการปลูกผมใหม่อย่างละเอียด เพื่อให้คนไข้เข้าใจกระบวนการรักษาและสามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังช่วยออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ให้ดูหวานละมุนขึ้น ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น หรือดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองของใบหน้า เพื่อเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจของคนไข้อีกด้วย

ที่สำคัญ การวางแผนการปลูกผมใหม่ของแพทย์แต่ละครั้ง จะเป็นการออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเฉพาะบุคคล หรือเคสต่อเคส เพราะนามนินตระหนักดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผม มีข้อจำกัด และมีเป้าหมายความต้องการที่ต่างกัน ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว แพทย์จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จที่ซ้ำ ๆ กันในการรักษา แต่จะต้องเริ่มต้นทำความรู้จักคนไข้ ทำความเข้าใจสภาพปัญหา และคิดใหม่ทุก ๆ ครั้งว่าจะเลือกแนวทางการรักษาแบบใด ปรับรายละเอียดตรงส่วนไหน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ให้ได้มากที่สุด 


ปลูกผมโดยแพทย์ “เส้นต่อเส้น”
ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกครั้ง เพราะนี่คือหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความละเอียดอ่อนอย่างที่สุด 

และคำว่าปลูกผม “เส้นต่อเส้น” ก็ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจสำคัญของการปลูกผม ก็คือการนำกราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย มาสังเกตขนาด ความหนาบาง องศาความโค้ง จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ และลงมือคัดแยกให้เหมาะกับบริเวณที่จะนำไปปลูกใหม่

จากนั้น จะเป็นการนำกราฟต์ผม ค่อย ๆ ปลูกลงในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้เอง แพทย์จะต้องอาศัยทักษะขั้นสูง ในการปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเชื่อมต่อเส้นเลือดฝอยบริเวณรากผม ทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่จะต้องกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางจนดูไม่เป็นธรรมชาติ รวมไปถึงความหนาแน่นของผมใหม่ที่จะต้องระวังไม่ให้ดูแน่นจนเบียดกันเกินไป หรือดูบางและห่างกันจนเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเติบโตต่อได้อย่างแข็งแรง ซึ่งคนไข้จะมั่นใจได้ว่า กราฟต์ผมจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ที่ปลูกใหม่นั้น เป็นผลลัพธ์จากความใส่ใจของแพทย์ทุกกราฟต์จริง ๆ 


Customer Centric เมื่อ “คนไข้” มาเป็นที่หนึ่ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไข้หลายต่อหลายคนสะท้อนเสียงยืนยันกลับมาว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษแค่ไหนจากนามนิน ก็คือการที่แพทย์ยึดหลัก Customer Centric หรือการยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางของการรักษา 

ที่นี่ แพทย์จะทำความรู้จักคนไข้ให้ชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่ม หลาย ๆ ครั้งในการพูดคุยปรึกษากันระหว่างแพทย์กับคนไข้ แพทย์ไม่เพียงวินิจฉัยเฉพาะอาการของโรคหรือปัญหาเส้นผมที่เห็นตรงหน้า แต่ยังลงลึกถึงพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนไข้กำลังเผชิญ เพื่อให้เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา รวมไปถึงการรับฟังเสียงความต้องการของคนไข้ด้วย

เพราะทั้งหมดนั้น คือหัวใจที่จะทำให้แพทย์ออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ได้อย่างตอบโจทย์และเหมาะสมมากที่สุดนั่นเอง


เลือก “อุปกรณ์” และ “เทคนิค” ที่ดีที่สุด
ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ ก็คืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้า หรือ Implanter ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ได้อย่างปลอดภัย เพิ่มความแม่นยำทั้งในเรื่องของระยะห่างระหว่างแต่ละกราฟต์ผม ระยะความลึก รวมถึงทิศทางองศาผม 

ขนาดของหัวเจาะที่เล็กพิเศษนั้น ยังช่วยลดผลข้างเคียง อย่างเช่นอาการเจ็บและบวมจากการปลูกผม และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ดูแลง่าย จนคนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหรือลางาน หลังปลูกผมเสร็จแล้วสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ทันที 

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยเอื้อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได เนื่องจากแพทย์เข้าใจว่า คนไข้หลังปลูกผมส่วนใหญ่ จะต้องกังวลใจและคอยระมัดระวังในการปกปิดรอยแผลด้านหลังท้ายทอย ที่เกิดจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และอาจทำให้คนไข้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมหลากหลายสไตล์ได้ดังใจ แพทย์จึงใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกันแบบขั้นบันได เพื่อช่วยซ่อนแผลเล็ก ๆ เหล่านี้ไว้ใต้ผมเดิมที่เหลืออยู่อย่างแนบเนียนและกลมกลืน ไม่ว่าจะปล่อยผมหรือทำผมทรงอะไรก็ตาม


แนะนำ “การดูแลหลังปลูก”
...ปลูกผมจบ ใครว่าจบ... ทราบมั้ยว่า ความสำเร็จของการปลูกผม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคนไข้เจ้าของเส้นผมเองด้วย เพราะคนไข้คือคนสำคัญที่จะต้องหมั่นคอยดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่หลังปลูก ให้เติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง 

แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะแพทย์ได้เตรียมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์สระผมสูตรอ่อนโยน และผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ที่แพทย์เลือกสรรแล้วว่า สามารถลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ขณะเดียวกัน แพทย์ยังเตรียม Treatment หลังปลูกผม เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Growth Factor บริเวณหนังศีรษะเพื่อเน้นการบำรุงรากผมเป็นพิเศษ และการฉายเลเซอร์ LLLT หรือ Low-Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบำรุงด้วยแสงที่ออกแบบมาเพื่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ


ติดตามผลใกล้ชิด “ตลอด 1 ปีเต็ม”
และสุดท้าย ก็คือความใส่ใจระดับเต็มร้อยจากแพทย์ ที่จะอยู่เคียงข้างคนไข้ตลอดเส้นทางการรักษา ซึ่งยาวนานถึง 1 ปีเต็ม เพราะแม้ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแค่ไหนในการปลูกผม แต่หลังจากนั้น ก็ต้องปล่อยให้เส้นผมได้เติบโตตามระยะและวงจรของเขาเองตามธรรมชาติ โดยแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องทุกระยะ และให้คำปรึกษาพร้อมตอบข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังการปลูกผมเดือนแรก ๆ อาจเกิดภาะ Shock loss หรือการหลุดร่วงของเส้นผมจำนวนมากเป็นปกติ ซึ่งคนไข้ที่ไม่ทราบมาก่อนมักจะตกใจ แต่ที่นามนิน แพทย์จะอธิบายให้คนเข้าใจและเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และสำหรับผมที่หลุดร่วงไปนั้น สุดท้ายแล้วก็จะงอกขึ้นใหม่ กลายเป็นผมที่แข็งแรงและเติบโตต่อไปอย่างดีในที่สุด 


ทั้งหมดนี้ ก็คือพลังของเทคนิค NEAT ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อมอบประสบการณ์การรักษาสุดประณีตและพิเศษ ให้คนไข้ของนามนินสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจาก “เส้นผม” ของคุณเอง

NEAT พลังแห่ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique (NEAT) คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเส้นผม ผู้สั่งสมประสบการณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “การปลูกผม” เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” 

นั่นหมายความว่า การปลูกผมให้คนไข้แต่ละคนนั้น ต้องผสานทั้งศาตสร์ความรู้ด้านวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เข้ากับมุมมองด้านศิลปะความงามเชิงสร้างสรรค์ เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ทรงพลังในการแก้ปัญหาเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และยังสามารถคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี ให้เจ้าของเส้นผมได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญของ NEAT เทคนิคสุดประณีตจากนามนิน ที่จะมาเติมเต็มภาพผลลัพธ์ผมใหม่ของคุณและผู้คนอีกมากมาย ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด


วางแผนการปลูก “เฉพาะบุคคล”
ก้าวแรกของการรักษา คือการพบปะพูดคุยกันระหว่างคนไข้และแพทย์ ซึ่งแพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนจะตรวจสอบสภาพปัญหาผม เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่เป็นไปได้และให้ประสิทธิภาพดีที่สุดร่วมกัน 

รวมถึงการประเมินกราฟต์ผม ว่าคนไข้มีผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่แข็งแรงพร้อมนำไปปลูกใหม่มากน้อยแค่ไหน และปัญหาผมของคนไข้นั้น ต้องการกราฟต์ผมไปช่วยเติมเต็มในปริมาณเท่าใด เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะนำมาปลูกใหม่ให้เหมาะสมและลงตัว โดยแพทย์ไม่ลืมที่จะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการปลูกผมใหม่อย่างละเอียด เพื่อให้คนไข้เข้าใจกระบวนการรักษาและสามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังช่วยออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ให้ดูหวานละมุนขึ้น ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น หรือดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองของใบหน้า เพื่อเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจของคนไข้อีกด้วย

ที่สำคัญ การวางแผนการปลูกผมใหม่ของแพทย์แต่ละครั้ง จะเป็นการออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเฉพาะบุคคล หรือเคสต่อเคส เพราะนามนินตระหนักดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผม มีข้อจำกัด และมีเป้าหมายความต้องการที่ต่างกัน ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว แพทย์จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จที่ซ้ำ ๆ กันในการรักษา แต่จะต้องเริ่มต้นทำความรู้จักคนไข้ ทำความเข้าใจสภาพปัญหา และคิดใหม่ทุก ๆ ครั้งว่าจะเลือกแนวทางการรักษาแบบใด ปรับรายละเอียดตรงส่วนไหน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ให้ได้มากที่สุด 


ปลูกผมโดยแพทย์ “เส้นต่อเส้น”
ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกครั้ง เพราะนี่คือหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความละเอียดอ่อนอย่างที่สุด 

และคำว่าปลูกผม “เส้นต่อเส้น” ก็ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจสำคัญของการปลูกผม ก็คือการนำกราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย มาสังเกตขนาด ความหนาบาง องศาความโค้ง จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ และลงมือคัดแยกให้เหมาะกับบริเวณที่จะนำไปปลูกใหม่

จากนั้น จะเป็นการนำกราฟต์ผม ค่อย ๆ ปลูกลงในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้เอง แพทย์จะต้องอาศัยทักษะขั้นสูง ในการปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเชื่อมต่อเส้นเลือดฝอยบริเวณรากผม ทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่จะต้องกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางจนดูไม่เป็นธรรมชาติ รวมไปถึงความหนาแน่นของผมใหม่ที่จะต้องระวังไม่ให้ดูแน่นจนเบียดกันเกินไป หรือดูบางและห่างกันจนเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเติบโตต่อได้อย่างแข็งแรง ซึ่งคนไข้จะมั่นใจได้ว่า กราฟต์ผมจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ที่ปลูกใหม่นั้น เป็นผลลัพธ์จากความใส่ใจของแพทย์ทุกกราฟต์จริง ๆ 


Customer Centric เมื่อ “คนไข้” มาเป็นที่หนึ่ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไข้หลายต่อหลายคนสะท้อนเสียงยืนยันกลับมาว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษแค่ไหนจากนามนิน ก็คือการที่แพทย์ยึดหลัก Customer Centric หรือการยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางของการรักษา 

ที่นี่ แพทย์จะทำความรู้จักคนไข้ให้ชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่ม หลาย ๆ ครั้งในการพูดคุยปรึกษากันระหว่างแพทย์กับคนไข้ แพทย์ไม่เพียงวินิจฉัยเฉพาะอาการของโรคหรือปัญหาเส้นผมที่เห็นตรงหน้า แต่ยังลงลึกถึงพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนไข้กำลังเผชิญ เพื่อให้เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา รวมไปถึงการรับฟังเสียงความต้องการของคนไข้ด้วย

เพราะทั้งหมดนั้น คือหัวใจที่จะทำให้แพทย์ออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ได้อย่างตอบโจทย์และเหมาะสมมากที่สุดนั่นเอง


เลือก “อุปกรณ์” และ “เทคนิค” ที่ดีที่สุด
ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ ก็คืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้า หรือ Implanter ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ได้อย่างปลอดภัย เพิ่มความแม่นยำทั้งในเรื่องของระยะห่างระหว่างแต่ละกราฟต์ผม ระยะความลึก รวมถึงทิศทางองศาผม 

ขนาดของหัวเจาะที่เล็กพิเศษนั้น ยังช่วยลดผลข้างเคียง อย่างเช่นอาการเจ็บและบวมจากการปลูกผม และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ดูแลง่าย จนคนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหรือลางาน หลังปลูกผมเสร็จแล้วสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ทันที 

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยเอื้อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได เนื่องจากแพทย์เข้าใจว่า คนไข้หลังปลูกผมส่วนใหญ่ จะต้องกังวลใจและคอยระมัดระวังในการปกปิดรอยแผลด้านหลังท้ายทอย ที่เกิดจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และอาจทำให้คนไข้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมหลากหลายสไตล์ได้ดังใจ แพทย์จึงใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกันแบบขั้นบันได เพื่อช่วยซ่อนแผลเล็ก ๆ เหล่านี้ไว้ใต้ผมเดิมที่เหลืออยู่อย่างแนบเนียนและกลมกลืน ไม่ว่าจะปล่อยผมหรือทำผมทรงอะไรก็ตาม


แนะนำ “การดูแลหลังปลูก”
...ปลูกผมจบ ใครว่าจบ... ทราบมั้ยว่า ความสำเร็จของการปลูกผม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคนไข้เจ้าของเส้นผมเองด้วย เพราะคนไข้คือคนสำคัญที่จะต้องหมั่นคอยดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่หลังปลูก ให้เติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง 

แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะแพทย์ได้เตรียมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์สระผมสูตรอ่อนโยน และผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ที่แพทย์เลือกสรรแล้วว่า สามารถลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ขณะเดียวกัน แพทย์ยังเตรียม Treatment หลังปลูกผม เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Growth Factor บริเวณหนังศีรษะเพื่อเน้นการบำรุงรากผมเป็นพิเศษ และการฉายเลเซอร์ LLLT หรือ Low-Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบำรุงด้วยแสงที่ออกแบบมาเพื่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ


ติดตามผลใกล้ชิด “ตลอด 1 ปีเต็ม”
และสุดท้าย ก็คือความใส่ใจระดับเต็มร้อยจากแพทย์ ที่จะอยู่เคียงข้างคนไข้ตลอดเส้นทางการรักษา ซึ่งยาวนานถึง 1 ปีเต็ม เพราะแม้ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแค่ไหนในการปลูกผม แต่หลังจากนั้น ก็ต้องปล่อยให้เส้นผมได้เติบโตตามระยะและวงจรของเขาเองตามธรรมชาติ โดยแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องทุกระยะ และให้คำปรึกษาพร้อมตอบข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังการปลูกผมเดือนแรก ๆ อาจเกิดภาะ Shock loss หรือการหลุดร่วงของเส้นผมจำนวนมากเป็นปกติ ซึ่งคนไข้ที่ไม่ทราบมาก่อนมักจะตกใจ แต่ที่นามนิน แพทย์จะอธิบายให้คนเข้าใจและเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และสำหรับผมที่หลุดร่วงไปนั้น สุดท้ายแล้วก็จะงอกขึ้นใหม่ กลายเป็นผมที่แข็งแรงและเติบโตต่อไปอย่างดีในที่สุด 


ทั้งหมดนี้ ก็คือพลังของเทคนิค NEAT ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อมอบประสบการณ์การรักษาสุดประณีตและพิเศษ ให้คนไข้ของนามนินสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจาก “เส้นผม” ของคุณเอง

เคลียร์ 4 ข้อสงสัย “ปลูกผมครั้งที่ 2”
คำว่า “การปลูกผมครั้งที่ 2” น่าจะชวนให้หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยในใจอยู่ไม่น้อย ว่าการปลูกผมแค่ครั้งเดียวไม่เพียงพอหรืออย่างไร ทำไมจึงต้องปลูกเพิ่มอีกครั้งด้วย การปลูกผมครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างไร แล้วตัวเราเองจำเป็นจะต้องปลูกผมถึง 2 ครั้งหรือไม่ 

...มาเคลียร์ 4 คำถามคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ไปพร้อม ๆ กันได้เลย...

1. ทำไมต้องปลูกผมครั้งที่ 2 ??

การปลูกผม เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ ไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะปลูกผมให้จบในครั้งแรกครั้งเดียว แต่บางครั้งก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมอีกเป็นครั้งที่ 2 อย่างเช่น

ปลูกผมครั้งแรกผ่านไปแล้ว แต่ยังดูผมบางอยู่เลย



ความผิดพลาดจากการปลูกผมครั้งแรกที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือคำนวณและวางแผนการปลูกอย่างไม่รอบคอบนัก อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ปลูกผมแล้วยังรู้สึกว่าผมบาง หรือที่เรามักได้ยินกันว่าปลูกผมไม่ติดนั่นเอง

และในบางกรณีอาจเป็นตัวคนไข้เองที่ดูแลสุขภาพเส้นผมหลังปลูกด้วยความใส่ใจน้อยเกินไป ไม่ได้รับประทานยาหลังปลูกผมครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง เผลอทำพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ผมใหม่หลุดร่วงก่อนเวลาอันควรในปริมาณมาก เช่น ปล่อยให้บริเวณผมปลูกใหม่ถูกกระทบกระเทือน ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือใช้ความร้อนกับเส้นผม โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ซึ่งรากผมยังไม่ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แทนที่ผมจะแลดูหนาแน่นสุขภาพดีขึ้น กลับยังดูบาง จนไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับเจ้าของเส้นผมได้ ดังนั้น การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้ได้ดีทีเดียว

ปลูกผมครั้งแรกไปแล้วนะ แต่ก็ยังเกิดภาวะผมล้านต่อ!!

ในบางครั้ง การปลูกผมใหม่อาจไม่สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางทั่วทั้งศีรษะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากปัจจัยทางชีวภาพของร่างกายเราเอง ทำให้แม้ว่าจะปลูกผมใหม่ไปแล้ว รวมทั้งดูแลสุขภาพผมอย่างดีแล้ว ก็ยังเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง และผมล้านตามมาหลังจากนั้นได้

ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง เกิดจากลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดสู่กันในครอบครัว ร่วมกับปัจจัยจากฮอร์โมนเพศ โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) จะถูกเจ้าเอนไซม์ที่มีชื่อว่า 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เปลี่ยนให้เป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมที่เกิดขึ้นใหม่ มีรากผมอ่อนแอ มีลักษณะของเส้นผมที่บางและสั้น จนหลุดร่วงได้เร็วกว่าที่ควร 




อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า อาการผมร่วงและผมบางมักเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากหรือกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยมักจะหลงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้าย นั่นเป็นเพราะรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง ทนทานต่อฮอร์โมน DHT มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ในการปลูกผมใหม่ แพทย์จึงต้องเลือกนำผมจากบริเวณท้ายทอยนี่เอง ย้ายมาปลูกทดแทนใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยคุณสมบัติด้านฮอร์โมน DHT จะยังคงติดมากับรากผมเหล่านี้ด้วย ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนเส้นผมเก่า 

ถึงแม้เราจะมั่นใจได้ว่า ผมปลูกใหม่จะมีความแข็งแรงและสามารถอยู่กับเราได้ไปตลอดชีวิต แต่อย่าลืมว่าเราทำการปลูกผมใหม่เฉพาะในบางจุดของศีรษะเท่านั้น ดังนั้น ในส่วนที่เป็นผมเดิม ก็จะยังคงได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายอยู่ นี่เองที่เป็นสาเหตุของภาวะผมล้านต่อแม้จะทำการปลูกผมใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

จริงอยู่ที่ว่า การดูแลบำรุงเส้นผมอย่างดี และการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม ก็สามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมลงได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า มีภาวะผมร่วงและผมบางจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ แพทย์อาจให้คำแนะนำในการปลูกผมเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเติมผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่พอใจทรงผมเดิมจากการปลูกครั้งแรก

ความชอบและความพึงพอใจ เป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรู้สึกยังไม่มั่นใจเต็มร้อยกับทรงผมที่เกิดจากการปลูกผมใหม่ในครั้งแรก หรือต้องการเปลี่ยนบุคลิกเพื่อเป้าหมายในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ในกรณีนี้ การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ก็เป็นทางออกที่สามารถช่วยได้เช่นกัน


2. การปลูกผมครั้งที่ 2 มีข้อจำกัดอย่างไร ??

จำนวนกราฟต์ผมที่พร้อมสำหรับการปลูกใหม่ อาจไม่เพียงพอ


อย่างที่ทราบแล้วว่า แพทย์จะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย เพื่อนำมาปลูกทดแทนในบริเวณที่ผมบาง อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมคุณภาพดีแบบนี้มีอยู่เพียงจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกและใช้กราฟต์ผมบางส่วนไปเรียบร้อยแล้ว จึงจำเป็นต้องประเมินอีกครั้งว่า กราฟต์ผมคุณภาพดีที่ยังเหลืออยู่ จะมีจำนวนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาผมในครั้งที่ 2 ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่

พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ อาจกินบริเวณกว้าง

ยิ่งถ้าปัญหาผมบางกินพื้นที่ค่อนขว้างกว้าง หรือมีหลายจุด ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเหลืออยู่จากการปลูกผมครั้งแรก จะมีจำนวนไม่เพียงพอ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการวางแผนการปลูกผมใหม่ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยบริหารจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ให้เหมาะสมกับลักษณะหรือระดับความรุนแรงของปัญหาผม รวมถึงพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ส่งผลให้การปลูกผมครั้งที่ 2 บนข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถที่จะประสบความสำเร็จอีกครั้งก็เป็นได้

รอยแผลจากการปลูกครั้งแรก 

หนังศีรษะที่หลงเหลือรอยแผลจากการปลูกผมครั้งแรก ก็เป็นข้อจำกัดอีกข้อหนึ่งที่อาจทำให้ผมใหม่ปลูกติดยากขึ้น หลุดร่วงง่ายขึ้น ดังนั้น การเลือกแนวทางการรักษาที่ทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดตั้งการปลูกผมครั้งแรก ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้การปลูกผมครั้งที่ 2 มีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเช่นกัน


3. สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ??

หลายคนคิดว่า การปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยจัดการกับปัญหาผมบาง และเติมผมให้แลดูหนาแน่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปลูกผมซ้ำหลังจากที่เคยปลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีข้อจำกัดอย่างที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถการันตีได้ว่าการปลูกผมจะประสบความสำเร็จเต็มร้อยอย่างที่คิดภาพไว้ 

ขณะเดียวกัน คนไข้บางคนก็มีปัญหากับทิศทางเส้นผมหลังจากทำการปลูกใหม่ในครั้งแรก ซึ่งผมใหม่อาจจะเรียงตัวแบบย้อนแย้งหรือชี้ผิดทิศผิดทางไปจากเส้นผมเดิม ทำให้ดูไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ อยากจะจัดแต่งทรงผมก็ทำได้แค่เฉพาะบางทรงเท่านั้น คนไข้ที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ก็คาดหวังว่าการปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยแก้ไขเรื่องทิศทางเส้นผมได้ ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะทิศทางของเส้นผม เมื่อปลูกลงไปแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 

ดังนั้น ทิศทางของเส้นผมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกครั้งแรก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เส้นผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งต่างกัน พื้นที่ปลูกผมแต่ละบริเวณก็มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมต่างกัน แพทย์จึงต้องคัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และค่อย ๆ ปลูกโดยปักกราฟต์ผมให้ได้ทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนสามารถจัดแต่งทรงผมได้อิสระทุกสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมยาวขึ้นแล้วและยิ่งเห็นทิศทางของเส้นผมชัดเจน ซึ่งคนไข้จะต้องอยู่กับเส้นผมในทิศทางเช่นนั้นไปจนตลอดชีวิต


4. ทำอย่างไรหากไม่อยากเสี่ยงปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 ??

เพราะการปลูกผมครั้งที่ 2 มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเต็มร้อยอย่างที่คาดหวังไว้ และคนเราก็คงไม่สามารถปลูกผมได้บ่อย ๆ หลายคนปลูกได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้นเอง เนื่องจากจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยมีจำกัด ดังนั้น คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ให้ความสำคัญกับการเลือกแนวทางรักษาที่น่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด รวมไปถึงความใส่ใจในการดูแลเส้นผมหลังปลูก รับประทานยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการปลูกผมครั้งแรกออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด

และสำหรับบางคนที่มีปัญหาภาวะผมร่วง ผมบาง อยู่ในระดับรุนแรง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมต้นทุน และประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี พร้อมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับเจ้าของเส้นผมได้อีกครั้ง


เคลียร์ 4 ข้อสงสัย “ปลูกผมครั้งที่ 2”
คำว่า “การปลูกผมครั้งที่ 2” น่าจะชวนให้หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยในใจอยู่ไม่น้อย ว่าการปลูกผมแค่ครั้งเดียวไม่เพียงพอหรืออย่างไร ทำไมจึงต้องปลูกเพิ่มอีกครั้งด้วย การปลูกผมครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างไร แล้วตัวเราเองจำเป็นจะต้องปลูกผมถึง 2 ครั้งหรือไม่ 

...มาเคลียร์ 4 คำถามคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ไปพร้อม ๆ กันได้เลย...

1. ทำไมต้องปลูกผมครั้งที่ 2 ??

การปลูกผม เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ ไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะปลูกผมให้จบในครั้งแรกครั้งเดียว แต่บางครั้งก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมอีกเป็นครั้งที่ 2 อย่างเช่น

ปลูกผมครั้งแรกผ่านไปแล้ว แต่ยังดูผมบางอยู่เลย



ความผิดพลาดจากการปลูกผมครั้งแรกที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือคำนวณและวางแผนการปลูกอย่างไม่รอบคอบนัก อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ปลูกผมแล้วยังรู้สึกว่าผมบาง หรือที่เรามักได้ยินกันว่าปลูกผมไม่ติดนั่นเอง

และในบางกรณีอาจเป็นตัวคนไข้เองที่ดูแลสุขภาพเส้นผมหลังปลูกด้วยความใส่ใจน้อยเกินไป ไม่ได้รับประทานยาหลังปลูกผมครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง เผลอทำพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ผมใหม่หลุดร่วงก่อนเวลาอันควรในปริมาณมาก เช่น ปล่อยให้บริเวณผมปลูกใหม่ถูกกระทบกระเทือน ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือใช้ความร้อนกับเส้นผม โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ซึ่งรากผมยังไม่ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แทนที่ผมจะแลดูหนาแน่นสุขภาพดีขึ้น กลับยังดูบาง จนไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับเจ้าของเส้นผมได้ ดังนั้น การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้ได้ดีทีเดียว

ปลูกผมครั้งแรกไปแล้วนะ แต่ก็ยังเกิดภาวะผมล้านต่อ!!

ในบางครั้ง การปลูกผมใหม่อาจไม่สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางทั่วทั้งศีรษะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากปัจจัยทางชีวภาพของร่างกายเราเอง ทำให้แม้ว่าจะปลูกผมใหม่ไปแล้ว รวมทั้งดูแลสุขภาพผมอย่างดีแล้ว ก็ยังเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง และผมล้านตามมาหลังจากนั้นได้

ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง เกิดจากลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดสู่กันในครอบครัว ร่วมกับปัจจัยจากฮอร์โมนเพศ โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) จะถูกเจ้าเอนไซม์ที่มีชื่อว่า 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เปลี่ยนให้เป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมที่เกิดขึ้นใหม่ มีรากผมอ่อนแอ มีลักษณะของเส้นผมที่บางและสั้น จนหลุดร่วงได้เร็วกว่าที่ควร 




อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า อาการผมร่วงและผมบางมักเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากหรือกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยมักจะหลงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้าย นั่นเป็นเพราะรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง ทนทานต่อฮอร์โมน DHT มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ในการปลูกผมใหม่ แพทย์จึงต้องเลือกนำผมจากบริเวณท้ายทอยนี่เอง ย้ายมาปลูกทดแทนใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยคุณสมบัติด้านฮอร์โมน DHT จะยังคงติดมากับรากผมเหล่านี้ด้วย ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนเส้นผมเก่า 

ถึงแม้เราจะมั่นใจได้ว่า ผมปลูกใหม่จะมีความแข็งแรงและสามารถอยู่กับเราได้ไปตลอดชีวิต แต่อย่าลืมว่าเราทำการปลูกผมใหม่เฉพาะในบางจุดของศีรษะเท่านั้น ดังนั้น ในส่วนที่เป็นผมเดิม ก็จะยังคงได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายอยู่ นี่เองที่เป็นสาเหตุของภาวะผมล้านต่อแม้จะทำการปลูกผมใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

จริงอยู่ที่ว่า การดูแลบำรุงเส้นผมอย่างดี และการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม ก็สามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมลงได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า มีภาวะผมร่วงและผมบางจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ แพทย์อาจให้คำแนะนำในการปลูกผมเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเติมผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่พอใจทรงผมเดิมจากการปลูกครั้งแรก

ความชอบและความพึงพอใจ เป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรู้สึกยังไม่มั่นใจเต็มร้อยกับทรงผมที่เกิดจากการปลูกผมใหม่ในครั้งแรก หรือต้องการเปลี่ยนบุคลิกเพื่อเป้าหมายในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ในกรณีนี้ การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ก็เป็นทางออกที่สามารถช่วยได้เช่นกัน


2. การปลูกผมครั้งที่ 2 มีข้อจำกัดอย่างไร ??

จำนวนกราฟต์ผมที่พร้อมสำหรับการปลูกใหม่ อาจไม่เพียงพอ


อย่างที่ทราบแล้วว่า แพทย์จะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย เพื่อนำมาปลูกทดแทนในบริเวณที่ผมบาง อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมคุณภาพดีแบบนี้มีอยู่เพียงจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกและใช้กราฟต์ผมบางส่วนไปเรียบร้อยแล้ว จึงจำเป็นต้องประเมินอีกครั้งว่า กราฟต์ผมคุณภาพดีที่ยังเหลืออยู่ จะมีจำนวนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาผมในครั้งที่ 2 ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่

พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ อาจกินบริเวณกว้าง

ยิ่งถ้าปัญหาผมบางกินพื้นที่ค่อนขว้างกว้าง หรือมีหลายจุด ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเหลืออยู่จากการปลูกผมครั้งแรก จะมีจำนวนไม่เพียงพอ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการวางแผนการปลูกผมใหม่ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยบริหารจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ให้เหมาะสมกับลักษณะหรือระดับความรุนแรงของปัญหาผม รวมถึงพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ส่งผลให้การปลูกผมครั้งที่ 2 บนข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถที่จะประสบความสำเร็จอีกครั้งก็เป็นได้

รอยแผลจากการปลูกครั้งแรก 

หนังศีรษะที่หลงเหลือรอยแผลจากการปลูกผมครั้งแรก ก็เป็นข้อจำกัดอีกข้อหนึ่งที่อาจทำให้ผมใหม่ปลูกติดยากขึ้น หลุดร่วงง่ายขึ้น ดังนั้น การเลือกแนวทางการรักษาที่ทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดตั้งการปลูกผมครั้งแรก ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้การปลูกผมครั้งที่ 2 มีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเช่นกัน


3. สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ??

หลายคนคิดว่า การปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยจัดการกับปัญหาผมบาง และเติมผมให้แลดูหนาแน่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปลูกผมซ้ำหลังจากที่เคยปลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีข้อจำกัดอย่างที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถการันตีได้ว่าการปลูกผมจะประสบความสำเร็จเต็มร้อยอย่างที่คิดภาพไว้ 

ขณะเดียวกัน คนไข้บางคนก็มีปัญหากับทิศทางเส้นผมหลังจากทำการปลูกใหม่ในครั้งแรก ซึ่งผมใหม่อาจจะเรียงตัวแบบย้อนแย้งหรือชี้ผิดทิศผิดทางไปจากเส้นผมเดิม ทำให้ดูไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ อยากจะจัดแต่งทรงผมก็ทำได้แค่เฉพาะบางทรงเท่านั้น คนไข้ที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ก็คาดหวังว่าการปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยแก้ไขเรื่องทิศทางเส้นผมได้ ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะทิศทางของเส้นผม เมื่อปลูกลงไปแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 

ดังนั้น ทิศทางของเส้นผมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกครั้งแรก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เส้นผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งต่างกัน พื้นที่ปลูกผมแต่ละบริเวณก็มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมต่างกัน แพทย์จึงต้องคัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และค่อย ๆ ปลูกโดยปักกราฟต์ผมให้ได้ทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนสามารถจัดแต่งทรงผมได้อิสระทุกสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมยาวขึ้นแล้วและยิ่งเห็นทิศทางของเส้นผมชัดเจน ซึ่งคนไข้จะต้องอยู่กับเส้นผมในทิศทางเช่นนั้นไปจนตลอดชีวิต


4. ทำอย่างไรหากไม่อยากเสี่ยงปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 ??

เพราะการปลูกผมครั้งที่ 2 มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเต็มร้อยอย่างที่คาดหวังไว้ และคนเราก็คงไม่สามารถปลูกผมได้บ่อย ๆ หลายคนปลูกได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้นเอง เนื่องจากจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยมีจำกัด ดังนั้น คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ให้ความสำคัญกับการเลือกแนวทางรักษาที่น่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด รวมไปถึงความใส่ใจในการดูแลเส้นผมหลังปลูก รับประทานยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการปลูกผมครั้งแรกออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด

และสำหรับบางคนที่มีปัญหาภาวะผมร่วง ผมบาง อยู่ในระดับรุนแรง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมต้นทุน และประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี พร้อมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับเจ้าของเส้นผมได้อีกครั้ง


เคลียร์ 4 ข้อสงสัย “ปลูกผมครั้งที่ 2”
คำว่า “การปลูกผมครั้งที่ 2” น่าจะชวนให้หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยในใจอยู่ไม่น้อย ว่าการปลูกผมแค่ครั้งเดียวไม่เพียงพอหรืออย่างไร ทำไมจึงต้องปลูกเพิ่มอีกครั้งด้วย การปลูกผมครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างไร แล้วตัวเราเองจำเป็นจะต้องปลูกผมถึง 2 ครั้งหรือไม่ 

...มาเคลียร์ 4 คำถามคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ไปพร้อม ๆ กันได้เลย...

1. ทำไมต้องปลูกผมครั้งที่ 2 ??

การปลูกผม เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ ไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะปลูกผมให้จบในครั้งแรกครั้งเดียว แต่บางครั้งก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมอีกเป็นครั้งที่ 2 อย่างเช่น

ปลูกผมครั้งแรกผ่านไปแล้ว แต่ยังดูผมบางอยู่เลย



ความผิดพลาดจากการปลูกผมครั้งแรกที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือคำนวณและวางแผนการปลูกอย่างไม่รอบคอบนัก อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ปลูกผมแล้วยังรู้สึกว่าผมบาง หรือที่เรามักได้ยินกันว่าปลูกผมไม่ติดนั่นเอง

และในบางกรณีอาจเป็นตัวคนไข้เองที่ดูแลสุขภาพเส้นผมหลังปลูกด้วยความใส่ใจน้อยเกินไป ไม่ได้รับประทานยาหลังปลูกผมครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง เผลอทำพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ผมใหม่หลุดร่วงก่อนเวลาอันควรในปริมาณมาก เช่น ปล่อยให้บริเวณผมปลูกใหม่ถูกกระทบกระเทือน ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือใช้ความร้อนกับเส้นผม โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ซึ่งรากผมยังไม่ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แทนที่ผมจะแลดูหนาแน่นสุขภาพดีขึ้น กลับยังดูบาง จนไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับเจ้าของเส้นผมได้ ดังนั้น การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้ได้ดีทีเดียว

ปลูกผมครั้งแรกไปแล้วนะ แต่ก็ยังเกิดภาวะผมล้านต่อ!!

ในบางครั้ง การปลูกผมใหม่อาจไม่สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางทั่วทั้งศีรษะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากปัจจัยทางชีวภาพของร่างกายเราเอง ทำให้แม้ว่าจะปลูกผมใหม่ไปแล้ว รวมทั้งดูแลสุขภาพผมอย่างดีแล้ว ก็ยังเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง และผมล้านตามมาหลังจากนั้นได้

ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง เกิดจากลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดสู่กันในครอบครัว ร่วมกับปัจจัยจากฮอร์โมนเพศ โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) จะถูกเจ้าเอนไซม์ที่มีชื่อว่า 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เปลี่ยนให้เป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมที่เกิดขึ้นใหม่ มีรากผมอ่อนแอ มีลักษณะของเส้นผมที่บางและสั้น จนหลุดร่วงได้เร็วกว่าที่ควร 




อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า อาการผมร่วงและผมบางมักเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากหรือกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยมักจะหลงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้าย นั่นเป็นเพราะรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง ทนทานต่อฮอร์โมน DHT มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ในการปลูกผมใหม่ แพทย์จึงต้องเลือกนำผมจากบริเวณท้ายทอยนี่เอง ย้ายมาปลูกทดแทนใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยคุณสมบัติด้านฮอร์โมน DHT จะยังคงติดมากับรากผมเหล่านี้ด้วย ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนเส้นผมเก่า 

ถึงแม้เราจะมั่นใจได้ว่า ผมปลูกใหม่จะมีความแข็งแรงและสามารถอยู่กับเราได้ไปตลอดชีวิต แต่อย่าลืมว่าเราทำการปลูกผมใหม่เฉพาะในบางจุดของศีรษะเท่านั้น ดังนั้น ในส่วนที่เป็นผมเดิม ก็จะยังคงได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายอยู่ นี่เองที่เป็นสาเหตุของภาวะผมล้านต่อแม้จะทำการปลูกผมใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

จริงอยู่ที่ว่า การดูแลบำรุงเส้นผมอย่างดี และการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม ก็สามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมลงได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า มีภาวะผมร่วงและผมบางจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ แพทย์อาจให้คำแนะนำในการปลูกผมเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเติมผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่พอใจทรงผมเดิมจากการปลูกครั้งแรก

ความชอบและความพึงพอใจ เป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรู้สึกยังไม่มั่นใจเต็มร้อยกับทรงผมที่เกิดจากการปลูกผมใหม่ในครั้งแรก หรือต้องการเปลี่ยนบุคลิกเพื่อเป้าหมายในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ในกรณีนี้ การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ก็เป็นทางออกที่สามารถช่วยได้เช่นกัน


2. การปลูกผมครั้งที่ 2 มีข้อจำกัดอย่างไร ??

จำนวนกราฟต์ผมที่พร้อมสำหรับการปลูกใหม่ อาจไม่เพียงพอ


อย่างที่ทราบแล้วว่า แพทย์จะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย เพื่อนำมาปลูกทดแทนในบริเวณที่ผมบาง อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมคุณภาพดีแบบนี้มีอยู่เพียงจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกและใช้กราฟต์ผมบางส่วนไปเรียบร้อยแล้ว จึงจำเป็นต้องประเมินอีกครั้งว่า กราฟต์ผมคุณภาพดีที่ยังเหลืออยู่ จะมีจำนวนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาผมในครั้งที่ 2 ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่

พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ อาจกินบริเวณกว้าง

ยิ่งถ้าปัญหาผมบางกินพื้นที่ค่อนขว้างกว้าง หรือมีหลายจุด ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเหลืออยู่จากการปลูกผมครั้งแรก จะมีจำนวนไม่เพียงพอ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการวางแผนการปลูกผมใหม่ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยบริหารจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ให้เหมาะสมกับลักษณะหรือระดับความรุนแรงของปัญหาผม รวมถึงพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ส่งผลให้การปลูกผมครั้งที่ 2 บนข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถที่จะประสบความสำเร็จอีกครั้งก็เป็นได้

รอยแผลจากการปลูกครั้งแรก 

หนังศีรษะที่หลงเหลือรอยแผลจากการปลูกผมครั้งแรก ก็เป็นข้อจำกัดอีกข้อหนึ่งที่อาจทำให้ผมใหม่ปลูกติดยากขึ้น หลุดร่วงง่ายขึ้น ดังนั้น การเลือกแนวทางการรักษาที่ทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดตั้งการปลูกผมครั้งแรก ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้การปลูกผมครั้งที่ 2 มีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเช่นกัน


3. สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ??

หลายคนคิดว่า การปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยจัดการกับปัญหาผมบาง และเติมผมให้แลดูหนาแน่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปลูกผมซ้ำหลังจากที่เคยปลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีข้อจำกัดอย่างที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถการันตีได้ว่าการปลูกผมจะประสบความสำเร็จเต็มร้อยอย่างที่คิดภาพไว้ 

ขณะเดียวกัน คนไข้บางคนก็มีปัญหากับทิศทางเส้นผมหลังจากทำการปลูกใหม่ในครั้งแรก ซึ่งผมใหม่อาจจะเรียงตัวแบบย้อนแย้งหรือชี้ผิดทิศผิดทางไปจากเส้นผมเดิม ทำให้ดูไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ อยากจะจัดแต่งทรงผมก็ทำได้แค่เฉพาะบางทรงเท่านั้น คนไข้ที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ก็คาดหวังว่าการปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยแก้ไขเรื่องทิศทางเส้นผมได้ ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะทิศทางของเส้นผม เมื่อปลูกลงไปแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 

ดังนั้น ทิศทางของเส้นผมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกครั้งแรก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เส้นผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งต่างกัน พื้นที่ปลูกผมแต่ละบริเวณก็มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมต่างกัน แพทย์จึงต้องคัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และค่อย ๆ ปลูกโดยปักกราฟต์ผมให้ได้ทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนสามารถจัดแต่งทรงผมได้อิสระทุกสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมยาวขึ้นแล้วและยิ่งเห็นทิศทางของเส้นผมชัดเจน ซึ่งคนไข้จะต้องอยู่กับเส้นผมในทิศทางเช่นนั้นไปจนตลอดชีวิต


4. ทำอย่างไรหากไม่อยากเสี่ยงปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 ??

เพราะการปลูกผมครั้งที่ 2 มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเต็มร้อยอย่างที่คาดหวังไว้ และคนเราก็คงไม่สามารถปลูกผมได้บ่อย ๆ หลายคนปลูกได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้นเอง เนื่องจากจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยมีจำกัด ดังนั้น คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ให้ความสำคัญกับการเลือกแนวทางรักษาที่น่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด รวมไปถึงความใส่ใจในการดูแลเส้นผมหลังปลูก รับประทานยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการปลูกผมครั้งแรกออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด

และสำหรับบางคนที่มีปัญหาภาวะผมร่วง ผมบาง อยู่ในระดับรุนแรง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมต้นทุน และประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี พร้อมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับเจ้าของเส้นผมได้อีกครั้ง


เคลียร์ 4 ข้อสงสัย “ปลูกผมครั้งที่ 2”
คำว่า “การปลูกผมครั้งที่ 2” น่าจะชวนให้หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยในใจอยู่ไม่น้อย ว่าการปลูกผมแค่ครั้งเดียวไม่เพียงพอหรืออย่างไร ทำไมจึงต้องปลูกเพิ่มอีกครั้งด้วย การปลูกผมครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างไร แล้วตัวเราเองจำเป็นจะต้องปลูกผมถึง 2 ครั้งหรือไม่ 

...มาเคลียร์ 4 คำถามคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ไปพร้อม ๆ กันได้เลย...

1. ทำไมต้องปลูกผมครั้งที่ 2 ??

การปลูกผม เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ ไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะปลูกผมให้จบในครั้งแรกครั้งเดียว แต่บางครั้งก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมอีกเป็นครั้งที่ 2 อย่างเช่น

ปลูกผมครั้งแรกผ่านไปแล้ว แต่ยังดูผมบางอยู่เลย



ความผิดพลาดจากการปลูกผมครั้งแรกที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือคำนวณและวางแผนการปลูกอย่างไม่รอบคอบนัก อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ปลูกผมแล้วยังรู้สึกว่าผมบาง หรือที่เรามักได้ยินกันว่าปลูกผมไม่ติดนั่นเอง

และในบางกรณีอาจเป็นตัวคนไข้เองที่ดูแลสุขภาพเส้นผมหลังปลูกด้วยความใส่ใจน้อยเกินไป ไม่ได้รับประทานยาหลังปลูกผมครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง เผลอทำพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ผมใหม่หลุดร่วงก่อนเวลาอันควรในปริมาณมาก เช่น ปล่อยให้บริเวณผมปลูกใหม่ถูกกระทบกระเทือน ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือใช้ความร้อนกับเส้นผม โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ซึ่งรากผมยังไม่ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แทนที่ผมจะแลดูหนาแน่นสุขภาพดีขึ้น กลับยังดูบาง จนไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับเจ้าของเส้นผมได้ ดังนั้น การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้ได้ดีทีเดียว

ปลูกผมครั้งแรกไปแล้วนะ แต่ก็ยังเกิดภาวะผมล้านต่อ!!

ในบางครั้ง การปลูกผมใหม่อาจไม่สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางทั่วทั้งศีรษะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากปัจจัยทางชีวภาพของร่างกายเราเอง ทำให้แม้ว่าจะปลูกผมใหม่ไปแล้ว รวมทั้งดูแลสุขภาพผมอย่างดีแล้ว ก็ยังเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง และผมล้านตามมาหลังจากนั้นได้

ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง เกิดจากลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดสู่กันในครอบครัว ร่วมกับปัจจัยจากฮอร์โมนเพศ โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) จะถูกเจ้าเอนไซม์ที่มีชื่อว่า 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เปลี่ยนให้เป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมที่เกิดขึ้นใหม่ มีรากผมอ่อนแอ มีลักษณะของเส้นผมที่บางและสั้น จนหลุดร่วงได้เร็วกว่าที่ควร 




อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า อาการผมร่วงและผมบางมักเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากหรือกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยมักจะหลงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้าย นั่นเป็นเพราะรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง ทนทานต่อฮอร์โมน DHT มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ในการปลูกผมใหม่ แพทย์จึงต้องเลือกนำผมจากบริเวณท้ายทอยนี่เอง ย้ายมาปลูกทดแทนใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยคุณสมบัติด้านฮอร์โมน DHT จะยังคงติดมากับรากผมเหล่านี้ด้วย ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนเส้นผมเก่า 

ถึงแม้เราจะมั่นใจได้ว่า ผมปลูกใหม่จะมีความแข็งแรงและสามารถอยู่กับเราได้ไปตลอดชีวิต แต่อย่าลืมว่าเราทำการปลูกผมใหม่เฉพาะในบางจุดของศีรษะเท่านั้น ดังนั้น ในส่วนที่เป็นผมเดิม ก็จะยังคงได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายอยู่ นี่เองที่เป็นสาเหตุของภาวะผมล้านต่อแม้จะทำการปลูกผมใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

จริงอยู่ที่ว่า การดูแลบำรุงเส้นผมอย่างดี และการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม ก็สามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมลงได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า มีภาวะผมร่วงและผมบางจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ แพทย์อาจให้คำแนะนำในการปลูกผมเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเติมผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่พอใจทรงผมเดิมจากการปลูกครั้งแรก

ความชอบและความพึงพอใจ เป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรู้สึกยังไม่มั่นใจเต็มร้อยกับทรงผมที่เกิดจากการปลูกผมใหม่ในครั้งแรก หรือต้องการเปลี่ยนบุคลิกเพื่อเป้าหมายในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ในกรณีนี้ การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ก็เป็นทางออกที่สามารถช่วยได้เช่นกัน


2. การปลูกผมครั้งที่ 2 มีข้อจำกัดอย่างไร ??

จำนวนกราฟต์ผมที่พร้อมสำหรับการปลูกใหม่ อาจไม่เพียงพอ


อย่างที่ทราบแล้วว่า แพทย์จะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย เพื่อนำมาปลูกทดแทนในบริเวณที่ผมบาง อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมคุณภาพดีแบบนี้มีอยู่เพียงจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกและใช้กราฟต์ผมบางส่วนไปเรียบร้อยแล้ว จึงจำเป็นต้องประเมินอีกครั้งว่า กราฟต์ผมคุณภาพดีที่ยังเหลืออยู่ จะมีจำนวนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาผมในครั้งที่ 2 ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่

พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ อาจกินบริเวณกว้าง

ยิ่งถ้าปัญหาผมบางกินพื้นที่ค่อนขว้างกว้าง หรือมีหลายจุด ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเหลืออยู่จากการปลูกผมครั้งแรก จะมีจำนวนไม่เพียงพอ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการวางแผนการปลูกผมใหม่ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยบริหารจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ให้เหมาะสมกับลักษณะหรือระดับความรุนแรงของปัญหาผม รวมถึงพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ส่งผลให้การปลูกผมครั้งที่ 2 บนข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถที่จะประสบความสำเร็จอีกครั้งก็เป็นได้

รอยแผลจากการปลูกครั้งแรก 

หนังศีรษะที่หลงเหลือรอยแผลจากการปลูกผมครั้งแรก ก็เป็นข้อจำกัดอีกข้อหนึ่งที่อาจทำให้ผมใหม่ปลูกติดยากขึ้น หลุดร่วงง่ายขึ้น ดังนั้น การเลือกแนวทางการรักษาที่ทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดตั้งการปลูกผมครั้งแรก ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้การปลูกผมครั้งที่ 2 มีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเช่นกัน


3. สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ??

หลายคนคิดว่า การปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยจัดการกับปัญหาผมบาง และเติมผมให้แลดูหนาแน่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปลูกผมซ้ำหลังจากที่เคยปลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีข้อจำกัดอย่างที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถการันตีได้ว่าการปลูกผมจะประสบความสำเร็จเต็มร้อยอย่างที่คิดภาพไว้ 

ขณะเดียวกัน คนไข้บางคนก็มีปัญหากับทิศทางเส้นผมหลังจากทำการปลูกใหม่ในครั้งแรก ซึ่งผมใหม่อาจจะเรียงตัวแบบย้อนแย้งหรือชี้ผิดทิศผิดทางไปจากเส้นผมเดิม ทำให้ดูไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ อยากจะจัดแต่งทรงผมก็ทำได้แค่เฉพาะบางทรงเท่านั้น คนไข้ที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ก็คาดหวังว่าการปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยแก้ไขเรื่องทิศทางเส้นผมได้ ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะทิศทางของเส้นผม เมื่อปลูกลงไปแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 

ดังนั้น ทิศทางของเส้นผมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกครั้งแรก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เส้นผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งต่างกัน พื้นที่ปลูกผมแต่ละบริเวณก็มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมต่างกัน แพทย์จึงต้องคัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และค่อย ๆ ปลูกโดยปักกราฟต์ผมให้ได้ทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนสามารถจัดแต่งทรงผมได้อิสระทุกสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมยาวขึ้นแล้วและยิ่งเห็นทิศทางของเส้นผมชัดเจน ซึ่งคนไข้จะต้องอยู่กับเส้นผมในทิศทางเช่นนั้นไปจนตลอดชีวิต


4. ทำอย่างไรหากไม่อยากเสี่ยงปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 ??

เพราะการปลูกผมครั้งที่ 2 มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเต็มร้อยอย่างที่คาดหวังไว้ และคนเราก็คงไม่สามารถปลูกผมได้บ่อย ๆ หลายคนปลูกได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้นเอง เนื่องจากจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยมีจำกัด ดังนั้น คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ให้ความสำคัญกับการเลือกแนวทางรักษาที่น่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด รวมไปถึงความใส่ใจในการดูแลเส้นผมหลังปลูก รับประทานยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการปลูกผมครั้งแรกออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด

และสำหรับบางคนที่มีปัญหาภาวะผมร่วง ผมบาง อยู่ในระดับรุนแรง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมต้นทุน และประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี พร้อมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับเจ้าของเส้นผมได้อีกครั้ง


เคลียร์ 4 ข้อสงสัย “ปลูกผมครั้งที่ 2”
คำว่า “การปลูกผมครั้งที่ 2” น่าจะชวนให้หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยในใจอยู่ไม่น้อย ว่าการปลูกผมแค่ครั้งเดียวไม่เพียงพอหรืออย่างไร ทำไมจึงต้องปลูกเพิ่มอีกครั้งด้วย การปลูกผมครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างไร แล้วตัวเราเองจำเป็นจะต้องปลูกผมถึง 2 ครั้งหรือไม่ 

...มาเคลียร์ 4 คำถามคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ไปพร้อม ๆ กันได้เลย...

1. ทำไมต้องปลูกผมครั้งที่ 2 ??

การปลูกผม เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ ไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะปลูกผมให้จบในครั้งแรกครั้งเดียว แต่บางครั้งก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมอีกเป็นครั้งที่ 2 อย่างเช่น

ปลูกผมครั้งแรกผ่านไปแล้ว แต่ยังดูผมบางอยู่เลย



ความผิดพลาดจากการปลูกผมครั้งแรกที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือคำนวณและวางแผนการปลูกอย่างไม่รอบคอบนัก อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ปลูกผมแล้วยังรู้สึกว่าผมบาง หรือที่เรามักได้ยินกันว่าปลูกผมไม่ติดนั่นเอง

และในบางกรณีอาจเป็นตัวคนไข้เองที่ดูแลสุขภาพเส้นผมหลังปลูกด้วยความใส่ใจน้อยเกินไป ไม่ได้รับประทานยาหลังปลูกผมครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง เผลอทำพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ผมใหม่หลุดร่วงก่อนเวลาอันควรในปริมาณมาก เช่น ปล่อยให้บริเวณผมปลูกใหม่ถูกกระทบกระเทือน ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือใช้ความร้อนกับเส้นผม โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ซึ่งรากผมยังไม่ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แทนที่ผมจะแลดูหนาแน่นสุขภาพดีขึ้น กลับยังดูบาง จนไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับเจ้าของเส้นผมได้ ดังนั้น การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้ได้ดีทีเดียว

ปลูกผมครั้งแรกไปแล้วนะ แต่ก็ยังเกิดภาวะผมล้านต่อ!!

ในบางครั้ง การปลูกผมใหม่อาจไม่สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางทั่วทั้งศีรษะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากปัจจัยทางชีวภาพของร่างกายเราเอง ทำให้แม้ว่าจะปลูกผมใหม่ไปแล้ว รวมทั้งดูแลสุขภาพผมอย่างดีแล้ว ก็ยังเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง และผมล้านตามมาหลังจากนั้นได้

ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง เกิดจากลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดสู่กันในครอบครัว ร่วมกับปัจจัยจากฮอร์โมนเพศ โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) จะถูกเจ้าเอนไซม์ที่มีชื่อว่า 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เปลี่ยนให้เป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมที่เกิดขึ้นใหม่ มีรากผมอ่อนแอ มีลักษณะของเส้นผมที่บางและสั้น จนหลุดร่วงได้เร็วกว่าที่ควร 




อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า อาการผมร่วงและผมบางมักเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากหรือกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยมักจะหลงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้าย นั่นเป็นเพราะรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง ทนทานต่อฮอร์โมน DHT มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ในการปลูกผมใหม่ แพทย์จึงต้องเลือกนำผมจากบริเวณท้ายทอยนี่เอง ย้ายมาปลูกทดแทนใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยคุณสมบัติด้านฮอร์โมน DHT จะยังคงติดมากับรากผมเหล่านี้ด้วย ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนเส้นผมเก่า 

ถึงแม้เราจะมั่นใจได้ว่า ผมปลูกใหม่จะมีความแข็งแรงและสามารถอยู่กับเราได้ไปตลอดชีวิต แต่อย่าลืมว่าเราทำการปลูกผมใหม่เฉพาะในบางจุดของศีรษะเท่านั้น ดังนั้น ในส่วนที่เป็นผมเดิม ก็จะยังคงได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายอยู่ นี่เองที่เป็นสาเหตุของภาวะผมล้านต่อแม้จะทำการปลูกผมใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

จริงอยู่ที่ว่า การดูแลบำรุงเส้นผมอย่างดี และการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม ก็สามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมลงได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า มีภาวะผมร่วงและผมบางจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ แพทย์อาจให้คำแนะนำในการปลูกผมเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเติมผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่พอใจทรงผมเดิมจากการปลูกครั้งแรก

ความชอบและความพึงพอใจ เป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรู้สึกยังไม่มั่นใจเต็มร้อยกับทรงผมที่เกิดจากการปลูกผมใหม่ในครั้งแรก หรือต้องการเปลี่ยนบุคลิกเพื่อเป้าหมายในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ในกรณีนี้ การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ก็เป็นทางออกที่สามารถช่วยได้เช่นกัน


2. การปลูกผมครั้งที่ 2 มีข้อจำกัดอย่างไร ??

จำนวนกราฟต์ผมที่พร้อมสำหรับการปลูกใหม่ อาจไม่เพียงพอ


อย่างที่ทราบแล้วว่า แพทย์จะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย เพื่อนำมาปลูกทดแทนในบริเวณที่ผมบาง อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมคุณภาพดีแบบนี้มีอยู่เพียงจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกและใช้กราฟต์ผมบางส่วนไปเรียบร้อยแล้ว จึงจำเป็นต้องประเมินอีกครั้งว่า กราฟต์ผมคุณภาพดีที่ยังเหลืออยู่ จะมีจำนวนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาผมในครั้งที่ 2 ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่

พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ อาจกินบริเวณกว้าง

ยิ่งถ้าปัญหาผมบางกินพื้นที่ค่อนขว้างกว้าง หรือมีหลายจุด ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเหลืออยู่จากการปลูกผมครั้งแรก จะมีจำนวนไม่เพียงพอ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการวางแผนการปลูกผมใหม่ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยบริหารจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ให้เหมาะสมกับลักษณะหรือระดับความรุนแรงของปัญหาผม รวมถึงพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ส่งผลให้การปลูกผมครั้งที่ 2 บนข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถที่จะประสบความสำเร็จอีกครั้งก็เป็นได้

รอยแผลจากการปลูกครั้งแรก 

หนังศีรษะที่หลงเหลือรอยแผลจากการปลูกผมครั้งแรก ก็เป็นข้อจำกัดอีกข้อหนึ่งที่อาจทำให้ผมใหม่ปลูกติดยากขึ้น หลุดร่วงง่ายขึ้น ดังนั้น การเลือกแนวทางการรักษาที่ทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดตั้งการปลูกผมครั้งแรก ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้การปลูกผมครั้งที่ 2 มีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเช่นกัน


3. สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ??

หลายคนคิดว่า การปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยจัดการกับปัญหาผมบาง และเติมผมให้แลดูหนาแน่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปลูกผมซ้ำหลังจากที่เคยปลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีข้อจำกัดอย่างที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถการันตีได้ว่าการปลูกผมจะประสบความสำเร็จเต็มร้อยอย่างที่คิดภาพไว้ 

ขณะเดียวกัน คนไข้บางคนก็มีปัญหากับทิศทางเส้นผมหลังจากทำการปลูกใหม่ในครั้งแรก ซึ่งผมใหม่อาจจะเรียงตัวแบบย้อนแย้งหรือชี้ผิดทิศผิดทางไปจากเส้นผมเดิม ทำให้ดูไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ อยากจะจัดแต่งทรงผมก็ทำได้แค่เฉพาะบางทรงเท่านั้น คนไข้ที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ก็คาดหวังว่าการปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยแก้ไขเรื่องทิศทางเส้นผมได้ ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะทิศทางของเส้นผม เมื่อปลูกลงไปแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 

ดังนั้น ทิศทางของเส้นผมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกครั้งแรก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เส้นผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งต่างกัน พื้นที่ปลูกผมแต่ละบริเวณก็มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมต่างกัน แพทย์จึงต้องคัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และค่อย ๆ ปลูกโดยปักกราฟต์ผมให้ได้ทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนสามารถจัดแต่งทรงผมได้อิสระทุกสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมยาวขึ้นแล้วและยิ่งเห็นทิศทางของเส้นผมชัดเจน ซึ่งคนไข้จะต้องอยู่กับเส้นผมในทิศทางเช่นนั้นไปจนตลอดชีวิต


4. ทำอย่างไรหากไม่อยากเสี่ยงปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 ??

เพราะการปลูกผมครั้งที่ 2 มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเต็มร้อยอย่างที่คาดหวังไว้ และคนเราก็คงไม่สามารถปลูกผมได้บ่อย ๆ หลายคนปลูกได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้นเอง เนื่องจากจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยมีจำกัด ดังนั้น คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ให้ความสำคัญกับการเลือกแนวทางรักษาที่น่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด รวมไปถึงความใส่ใจในการดูแลเส้นผมหลังปลูก รับประทานยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการปลูกผมครั้งแรกออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด

และสำหรับบางคนที่มีปัญหาภาวะผมร่วง ผมบาง อยู่ในระดับรุนแรง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมต้นทุน และประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี พร้อมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับเจ้าของเส้นผมได้อีกครั้ง


NEAT ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ
การปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน พัฒนามาจากเทคนิค FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำกราฟท์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟท์ ข้อดีคือจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ ในบริเวณที่นำกราฟท์ผมออกมาเท่านั้น ซึ่งเทคนิค FUE เป็นการปลูกมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เพราะโดดเด่นด้านความสวยงาม สะดวกสบายต่อคนไข้และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

อีกเทคนิคหนึ่งที่นามนินได้นำมาปรับใช้คือ DHI หรือ Direct Hair Implantation คือการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟท์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากวิธีดั้งเดิมคือการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟท์ผมมาปักลงไปทีละกราฟท์ ซึ่งใช้เวลามากและมีโอกาสที่รากผมจะเสียหายได้ 

ในขณะที่เทคนิค DHI แพทย์จะปักกราฟท์ผมได้ละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และแพทย์ยังสามารถควบคุมความลึกในการฝังรากผม ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย เป็นวิธีการปลูกผมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นามนิน จึงได้คัดสรรจุดเด่นของเทคนิค FUE และ DHI มาพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อจนเกิดเป็น NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced hair transplant Technique เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทุกขั้นตอน

เริ่มต้นด้วยการออกแบบ Hairline ใหม่ให้เข้ากับรูปหน้า เพื่อปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น จากนั้นใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิมโดยไม่ต้องผ่าตัด แพทย์จะวางแนวผมและตัดผมให้คนไข้ด้วยตนเอง ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล 

ขั้นตอนต่อมาคือการปลูกผมลงในบริเวณที่กำหนดไว้ ซึ่งแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่ด้วยตัวเองทุกกราฟท์ด้วยเทคนิค DHI แต่เหนือกว่าด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ในการปลูกผมหรือ Implanter Pen ให้มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละกราฟท์โดยคำนึงถึงความเหมาะสมตามขนาดความหนาและบางของเส้นผม ควบคุมระยะห่างให้เหมาะสม วางทิศทางและองศาของการปักผมแต่ละกราฟท์ให้กลมกลืนไปกับผมเดิม และปลูกแซมผมเลยแนวไรผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด มอบความสะดวกสบายและผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการรอคอย ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย 

หลังการปลูกผม คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ชีวิตไม่สะดุด ไม่ต้องพักฟื้นหรือต้องคอยปกปิดรอยแผลเป็นใดๆ ได้เส้นผมใหม่ที่เป็นธรรมชาติทั้งความหนาแน่นและทิศทางของเส้นผม พร้อมเปิดรับสิ่งดีๆในชีวิตที่กำลังจะตามมาแน่นอน

เพราะ "หัวใจการปลูกผมของนามนิน" คือการเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน การทำงานในทุกขั้นตอนจึงสะท้อนถึงความใส่ใจและความพิถีพิถันเฉพาะตัวของแพทย์อย่างชัดเจน นำทุกปัญหาและความต้องการคนไข้มาใช้เป็นศูนย์กลางของการทำงาน รับฟัง วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเฉพาะเป็นรายบุคคล ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีของการปลูกผม เพื่อมอบเส้นผมใหม่ที่เปรียบเสมือนชีวิตใหม่ให้คนไข้ได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นใจและมีความสุขที่สุด  

NEAT ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ
การปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน พัฒนามาจากเทคนิค FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำกราฟท์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟท์ ข้อดีคือจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ ในบริเวณที่นำกราฟท์ผมออกมาเท่านั้น ซึ่งเทคนิค FUE เป็นการปลูกมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เพราะโดดเด่นด้านความสวยงาม สะดวกสบายต่อคนไข้และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

อีกเทคนิคหนึ่งที่นามนินได้นำมาปรับใช้คือ DHI หรือ Direct Hair Implantation คือการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟท์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากวิธีดั้งเดิมคือการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟท์ผมมาปักลงไปทีละกราฟท์ ซึ่งใช้เวลามากและมีโอกาสที่รากผมจะเสียหายได้ 

ในขณะที่เทคนิค DHI แพทย์จะปักกราฟท์ผมได้ละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และแพทย์ยังสามารถควบคุมความลึกในการฝังรากผม ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย เป็นวิธีการปลูกผมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นามนิน จึงได้คัดสรรจุดเด่นของเทคนิค FUE และ DHI มาพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อจนเกิดเป็น NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced hair transplant Technique เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทุกขั้นตอน

เริ่มต้นด้วยการออกแบบ Hairline ใหม่ให้เข้ากับรูปหน้า เพื่อปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น จากนั้นใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิมโดยไม่ต้องผ่าตัด แพทย์จะวางแนวผมและตัดผมให้คนไข้ด้วยตนเอง ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล 

ขั้นตอนต่อมาคือการปลูกผมลงในบริเวณที่กำหนดไว้ ซึ่งแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่ด้วยตัวเองทุกกราฟท์ด้วยเทคนิค DHI แต่เหนือกว่าด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ในการปลูกผมหรือ Implanter Pen ให้มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละกราฟท์โดยคำนึงถึงความเหมาะสมตามขนาดความหนาและบางของเส้นผม ควบคุมระยะห่างให้เหมาะสม วางทิศทางและองศาของการปักผมแต่ละกราฟท์ให้กลมกลืนไปกับผมเดิม และปลูกแซมผมเลยแนวไรผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด มอบความสะดวกสบายและผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการรอคอย ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย 

หลังการปลูกผม คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ชีวิตไม่สะดุด ไม่ต้องพักฟื้นหรือต้องคอยปกปิดรอยแผลเป็นใดๆ ได้เส้นผมใหม่ที่เป็นธรรมชาติทั้งความหนาแน่นและทิศทางของเส้นผม พร้อมเปิดรับสิ่งดีๆในชีวิตที่กำลังจะตามมาแน่นอน

เพราะ "หัวใจการปลูกผมของนามนิน" คือการเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน การทำงานในทุกขั้นตอนจึงสะท้อนถึงความใส่ใจและความพิถีพิถันเฉพาะตัวของแพทย์อย่างชัดเจน นำทุกปัญหาและความต้องการคนไข้มาใช้เป็นศูนย์กลางของการทำงาน รับฟัง วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเฉพาะเป็นรายบุคคล ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีของการปลูกผม เพื่อมอบเส้นผมใหม่ที่เปรียบเสมือนชีวิตใหม่ให้คนไข้ได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นใจและมีความสุขที่สุด  

NEAT ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ
การปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน พัฒนามาจากเทคนิค FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำกราฟท์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟท์ ข้อดีคือจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ ในบริเวณที่นำกราฟท์ผมออกมาเท่านั้น ซึ่งเทคนิค FUE เป็นการปลูกมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เพราะโดดเด่นด้านความสวยงาม สะดวกสบายต่อคนไข้และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

อีกเทคนิคหนึ่งที่นามนินได้นำมาปรับใช้คือ DHI หรือ Direct Hair Implantation คือการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟท์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากวิธีดั้งเดิมคือการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟท์ผมมาปักลงไปทีละกราฟท์ ซึ่งใช้เวลามากและมีโอกาสที่รากผมจะเสียหายได้ 

ในขณะที่เทคนิค DHI แพทย์จะปักกราฟท์ผมได้ละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และแพทย์ยังสามารถควบคุมความลึกในการฝังรากผม ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย เป็นวิธีการปลูกผมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นามนิน จึงได้คัดสรรจุดเด่นของเทคนิค FUE และ DHI มาพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อจนเกิดเป็น NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced hair transplant Technique เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทุกขั้นตอน

เริ่มต้นด้วยการออกแบบ Hairline ใหม่ให้เข้ากับรูปหน้า เพื่อปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น จากนั้นใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิมโดยไม่ต้องผ่าตัด แพทย์จะวางแนวผมและตัดผมให้คนไข้ด้วยตนเอง ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล 

ขั้นตอนต่อมาคือการปลูกผมลงในบริเวณที่กำหนดไว้ ซึ่งแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่ด้วยตัวเองทุกกราฟท์ด้วยเทคนิค DHI แต่เหนือกว่าด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ในการปลูกผมหรือ Implanter Pen ให้มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละกราฟท์โดยคำนึงถึงความเหมาะสมตามขนาดความหนาและบางของเส้นผม ควบคุมระยะห่างให้เหมาะสม วางทิศทางและองศาของการปักผมแต่ละกราฟท์ให้กลมกลืนไปกับผมเดิม และปลูกแซมผมเลยแนวไรผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด มอบความสะดวกสบายและผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการรอคอย ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย 

หลังการปลูกผม คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ชีวิตไม่สะดุด ไม่ต้องพักฟื้นหรือต้องคอยปกปิดรอยแผลเป็นใดๆ ได้เส้นผมใหม่ที่เป็นธรรมชาติทั้งความหนาแน่นและทิศทางของเส้นผม พร้อมเปิดรับสิ่งดีๆในชีวิตที่กำลังจะตามมาแน่นอน

เพราะ "หัวใจการปลูกผมของนามนิน" คือการเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน การทำงานในทุกขั้นตอนจึงสะท้อนถึงความใส่ใจและความพิถีพิถันเฉพาะตัวของแพทย์อย่างชัดเจน นำทุกปัญหาและความต้องการคนไข้มาใช้เป็นศูนย์กลางของการทำงาน รับฟัง วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเฉพาะเป็นรายบุคคล ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีของการปลูกผม เพื่อมอบเส้นผมใหม่ที่เปรียบเสมือนชีวิตใหม่ให้คนไข้ได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นใจและมีความสุขที่สุด  

NEAT ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ
การปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน พัฒนามาจากเทคนิค FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำกราฟท์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟท์ ข้อดีคือจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ ในบริเวณที่นำกราฟท์ผมออกมาเท่านั้น ซึ่งเทคนิค FUE เป็นการปลูกมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เพราะโดดเด่นด้านความสวยงาม สะดวกสบายต่อคนไข้และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

อีกเทคนิคหนึ่งที่นามนินได้นำมาปรับใช้คือ DHI หรือ Direct Hair Implantation คือการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟท์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากวิธีดั้งเดิมคือการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟท์ผมมาปักลงไปทีละกราฟท์ ซึ่งใช้เวลามากและมีโอกาสที่รากผมจะเสียหายได้ 

ในขณะที่เทคนิค DHI แพทย์จะปักกราฟท์ผมได้ละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และแพทย์ยังสามารถควบคุมความลึกในการฝังรากผม ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย เป็นวิธีการปลูกผมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นามนิน จึงได้คัดสรรจุดเด่นของเทคนิค FUE และ DHI มาพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อจนเกิดเป็น NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced hair transplant Technique เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทุกขั้นตอน

เริ่มต้นด้วยการออกแบบ Hairline ใหม่ให้เข้ากับรูปหน้า เพื่อปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น จากนั้นใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิมโดยไม่ต้องผ่าตัด แพทย์จะวางแนวผมและตัดผมให้คนไข้ด้วยตนเอง ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล 

ขั้นตอนต่อมาคือการปลูกผมลงในบริเวณที่กำหนดไว้ ซึ่งแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่ด้วยตัวเองทุกกราฟท์ด้วยเทคนิค DHI แต่เหนือกว่าด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ในการปลูกผมหรือ Implanter Pen ให้มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละกราฟท์โดยคำนึงถึงความเหมาะสมตามขนาดความหนาและบางของเส้นผม ควบคุมระยะห่างให้เหมาะสม วางทิศทางและองศาของการปักผมแต่ละกราฟท์ให้กลมกลืนไปกับผมเดิม และปลูกแซมผมเลยแนวไรผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด มอบความสะดวกสบายและผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการรอคอย ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย 

หลังการปลูกผม คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ชีวิตไม่สะดุด ไม่ต้องพักฟื้นหรือต้องคอยปกปิดรอยแผลเป็นใดๆ ได้เส้นผมใหม่ที่เป็นธรรมชาติทั้งความหนาแน่นและทิศทางของเส้นผม พร้อมเปิดรับสิ่งดีๆในชีวิตที่กำลังจะตามมาแน่นอน

เพราะ "หัวใจการปลูกผมของนามนิน" คือการเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน การทำงานในทุกขั้นตอนจึงสะท้อนถึงความใส่ใจและความพิถีพิถันเฉพาะตัวของแพทย์อย่างชัดเจน นำทุกปัญหาและความต้องการคนไข้มาใช้เป็นศูนย์กลางของการทำงาน รับฟัง วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเฉพาะเป็นรายบุคคล ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีของการปลูกผม เพื่อมอบเส้นผมใหม่ที่เปรียบเสมือนชีวิตใหม่ให้คนไข้ได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นใจและมีความสุขที่สุด  

NEAT ความลงตัวที่สมบูรณ์แบบ
การปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน พัฒนามาจากเทคนิค FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำกราฟท์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟท์ ข้อดีคือจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ ในบริเวณที่นำกราฟท์ผมออกมาเท่านั้น ซึ่งเทคนิค FUE เป็นการปลูกมาตรฐานสากลที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เพราะโดดเด่นด้านความสวยงาม สะดวกสบายต่อคนไข้และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

อีกเทคนิคหนึ่งที่นามนินได้นำมาปรับใช้คือ DHI หรือ Direct Hair Implantation คือการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟท์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากวิธีดั้งเดิมคือการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟท์ผมมาปักลงไปทีละกราฟท์ ซึ่งใช้เวลามากและมีโอกาสที่รากผมจะเสียหายได้ 

ในขณะที่เทคนิค DHI แพทย์จะปักกราฟท์ผมได้ละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และแพทย์ยังสามารถควบคุมความลึกในการฝังรากผม ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย เป็นวิธีการปลูกผมที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นามนิน จึงได้คัดสรรจุดเด่นของเทคนิค FUE และ DHI มาพัฒนาและสร้างสรรค์ต่อจนเกิดเป็น NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced hair transplant Technique เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในทุกขั้นตอน

เริ่มต้นด้วยการออกแบบ Hairline ใหม่ให้เข้ากับรูปหน้า เพื่อปรับแต่งกรอบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น จากนั้นใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิมโดยไม่ต้องผ่าตัด แพทย์จะวางแนวผมและตัดผมให้คนไข้ด้วยตนเอง ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล 

ขั้นตอนต่อมาคือการปลูกผมลงในบริเวณที่กำหนดไว้ ซึ่งแพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่ด้วยตัวเองทุกกราฟท์ด้วยเทคนิค DHI แต่เหนือกว่าด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ในการปลูกผมหรือ Implanter Pen ให้มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละกราฟท์โดยคำนึงถึงความเหมาะสมตามขนาดความหนาและบางของเส้นผม ควบคุมระยะห่างให้เหมาะสม วางทิศทางและองศาของการปักผมแต่ละกราฟท์ให้กลมกลืนไปกับผมเดิม และปลูกแซมผมเลยแนวไรผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด มอบความสะดวกสบายและผลลัพธ์ที่คุ้มค่าการรอคอย ด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์และเครื่องมือที่ทันสมัย 

หลังการปลูกผม คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ชีวิตไม่สะดุด ไม่ต้องพักฟื้นหรือต้องคอยปกปิดรอยแผลเป็นใดๆ ได้เส้นผมใหม่ที่เป็นธรรมชาติทั้งความหนาแน่นและทิศทางของเส้นผม พร้อมเปิดรับสิ่งดีๆในชีวิตที่กำลังจะตามมาแน่นอน

เพราะ "หัวใจการปลูกผมของนามนิน" คือการเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกด้าน การทำงานในทุกขั้นตอนจึงสะท้อนถึงความใส่ใจและความพิถีพิถันเฉพาะตัวของแพทย์อย่างชัดเจน นำทุกปัญหาและความต้องการคนไข้มาใช้เป็นศูนย์กลางของการทำงาน รับฟัง วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเฉพาะเป็นรายบุคคล ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีของการปลูกผม เพื่อมอบเส้นผมใหม่ที่เปรียบเสมือนชีวิตใหม่ให้คนไข้ได้ก้าวต่อไปอย่างมั่นใจและมีความสุขที่สุด  

ปลูกผมผิดทิศ ชีวิตเปลี่ยน
ความสำเร็จของการปลูกผมสำหรับคนทั่วไป ก็คือการเติมผมบริเวณที่บางให้หายไป ให้กลับมาดูหนาแน่นได้อีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของมาตรฐานการปลูกผม เพราะเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นมาก!!

ทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังของผมปลูกใหม่ที่ไม่เพียงหนาแน่นสม่ำเสมอ แต่ยังเรียงตัวสวย “แลดูเป็นธรรมชาติ” นั้น คือทักษะความชำนาญ และความประณีตใส่ใจแบบสุด ๆ ของแพทย์ ในการ “ปลูกผมตามทิศทางองศา” ให้สอดคล้องลงตัวกับสภาพศีรษะและเส้นผมของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

ทำไม “ทิศทางเส้นผม” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะศีรษะบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา มี “ทิศทางการเรียงตัว“ ของเส้นผมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ เป็นต้น ขณะเดียวกัน เส้นผมของคนเราก็มีควา

แตกต่างทั้งในเรื่องของขนาด ความหนา และแน่นอนว่ารวมไปถึง “องศาความโค้ง” ของเส้นผมด้วย 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า แพทย์จะคัดเลือกผมที่มีองศาความโค้งแบบไหน นำไปปลูกลงใหม่ในบริเวณใด ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าผมใหม่หลังปลูกของเรา ชี้ไปคนละทิศละทาง ไม่กลมกลืนไปกับเส้นผมธรรมชาติเดิม จะเป็นอย่างไร 

ที่สำคัญ เราจะยังมองไม่เห็นผลลัพธ์ทิศทางเส้นผมชัดเจนเท่าไหร่ในวันแรก ๆ แต่จะไปเห็นอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและผมเริ่มยาวขึ้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว นั่นหมายความว่าเราอาจต้องอยู่กับผมที่ผิดทิศผิดทางเช่นนั้นไปตลอดชีวิต

“ทิศทางเส้นผม” โจทย์สุดท้าทายของแพทย์
ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นโจทย์อันท้าทายสำหรับแพทย์ ที่จะต้องลงมือปลูกผมท่ามกลางปัจจัยอีกมากมายให้ต้องคำนึงถึง ตลอดการทำหัตถการปลูกผม ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของคนไข้

ทิศทางและองศา 
แพทย์จะเป็นผู้ควบคุมทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม รวมถึงองศาการจัดวาง ให้เหมาะสมกับกลุ่มเส้นผมในแต่ละบริเวณ ช่วยให้ผมปลูกใหม่ดูแนบเนียน กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้เทคนิค “ปลูกผมแทรก” เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะต้องปักเส้นผมใหม่ แทรกเติมลงไประหว่างผมเดิม หากทิศทางเส้นผมใหม่ย้อนแย้งหรือผิดทิศทางไปจากเส้นผมเดิม ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นผมเรียงตัวแบบไม่เป็นธรรมชาติ

ความลึก 
แพทย์ยังต้องคำนึงถึงระดับความลึกในการปักเส้นผมใหม่ ให้ได้ระยะที่พอเหมาะพอดี เพื่อให้เส้นเลือดต่าง ๆ บริเวณรากผม สามารถเชื่อมต่อและทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมใหม่ให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

ขนาด
หากเราลองสังเกตจะเห็นว่า ผมในแต่ละบริเวณบนศีรษะของเรา มีขนาดไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณแนวผมด้านหน้า ซึ่งแพทย์จะต้องค่อย ๆ ปลูกผมใหม่ไล่เรียงจากเส้นผมเล็กบางบริเวณไรผม ตามด้วยเส้นผมเดี่ยว จนถึงเส้นผมที่อยู่รวมกลุ่มเป็นกอผมขนาด 3 – 4 เส้น ตามลำดับ เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติของเส้นผมมากที่สุด

วิธีการปลูกแบบเส้นต่อเส้น
เชื่อหรือไม่ว่า แพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผม แบบเส้นต่อเส้น ตั้งแต่การคัดแยกเส้นผมที่เจาะย้ายออกมาจากด้านหลังท้ายทอย โดยแบ่งตามขนาดเส้นเล็กใหญ่ ความหนาบาง จำนวนเส้นผมต่อกอผม รวมถึงองศาความโค้งของเส้นผมด้วย จากนั้นจึงนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ทีละเส้น ซึ่งต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนตลอดขั้นตอน

เพราะอย่างนี้เอง แพทย์จึงให้ความสำคัญกับการจัดวาง “ทิศทางผม” ในทุก ๆ เส้นที่แพทย์ตั้งใจปลูกลงไป เพื่อเรียกคืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผม ด้วยผลลัพธ์ผมสวย กลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงสุขภาพผมแข็งแรง ซึ่งจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต 

ปลูกผมผิดทิศ ชีวิตเปลี่ยน
ความสำเร็จของการปลูกผมสำหรับคนทั่วไป ก็คือการเติมผมบริเวณที่บางให้หายไป ให้กลับมาดูหนาแน่นได้อีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของมาตรฐานการปลูกผม เพราะเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นมาก!!

ทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังของผมปลูกใหม่ที่ไม่เพียงหนาแน่นสม่ำเสมอ แต่ยังเรียงตัวสวย “แลดูเป็นธรรมชาติ” นั้น คือทักษะความชำนาญ และความประณีตใส่ใจแบบสุด ๆ ของแพทย์ ในการ “ปลูกผมตามทิศทางองศา” ให้สอดคล้องลงตัวกับสภาพศีรษะและเส้นผมของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

ทำไม “ทิศทางเส้นผม” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะศีรษะบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา มี “ทิศทางการเรียงตัว“ ของเส้นผมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ เป็นต้น ขณะเดียวกัน เส้นผมของคนเราก็มีควา

แตกต่างทั้งในเรื่องของขนาด ความหนา และแน่นอนว่ารวมไปถึง “องศาความโค้ง” ของเส้นผมด้วย 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า แพทย์จะคัดเลือกผมที่มีองศาความโค้งแบบไหน นำไปปลูกลงใหม่ในบริเวณใด ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าผมใหม่หลังปลูกของเรา ชี้ไปคนละทิศละทาง ไม่กลมกลืนไปกับเส้นผมธรรมชาติเดิม จะเป็นอย่างไร 

ที่สำคัญ เราจะยังมองไม่เห็นผลลัพธ์ทิศทางเส้นผมชัดเจนเท่าไหร่ในวันแรก ๆ แต่จะไปเห็นอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและผมเริ่มยาวขึ้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว นั่นหมายความว่าเราอาจต้องอยู่กับผมที่ผิดทิศผิดทางเช่นนั้นไปตลอดชีวิต

“ทิศทางเส้นผม” โจทย์สุดท้าทายของแพทย์
ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นโจทย์อันท้าทายสำหรับแพทย์ ที่จะต้องลงมือปลูกผมท่ามกลางปัจจัยอีกมากมายให้ต้องคำนึงถึง ตลอดการทำหัตถการปลูกผม ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของคนไข้

ทิศทางและองศา 
แพทย์จะเป็นผู้ควบคุมทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม รวมถึงองศาการจัดวาง ให้เหมาะสมกับกลุ่มเส้นผมในแต่ละบริเวณ ช่วยให้ผมปลูกใหม่ดูแนบเนียน กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้เทคนิค “ปลูกผมแทรก” เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะต้องปักเส้นผมใหม่ แทรกเติมลงไประหว่างผมเดิม หากทิศทางเส้นผมใหม่ย้อนแย้งหรือผิดทิศทางไปจากเส้นผมเดิม ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นผมเรียงตัวแบบไม่เป็นธรรมชาติ

ความลึก 
แพทย์ยังต้องคำนึงถึงระดับความลึกในการปักเส้นผมใหม่ ให้ได้ระยะที่พอเหมาะพอดี เพื่อให้เส้นเลือดต่าง ๆ บริเวณรากผม สามารถเชื่อมต่อและทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมใหม่ให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

ขนาด
หากเราลองสังเกตจะเห็นว่า ผมในแต่ละบริเวณบนศีรษะของเรา มีขนาดไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณแนวผมด้านหน้า ซึ่งแพทย์จะต้องค่อย ๆ ปลูกผมใหม่ไล่เรียงจากเส้นผมเล็กบางบริเวณไรผม ตามด้วยเส้นผมเดี่ยว จนถึงเส้นผมที่อยู่รวมกลุ่มเป็นกอผมขนาด 3 – 4 เส้น ตามลำดับ เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติของเส้นผมมากที่สุด

วิธีการปลูกแบบเส้นต่อเส้น
เชื่อหรือไม่ว่า แพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผม แบบเส้นต่อเส้น ตั้งแต่การคัดแยกเส้นผมที่เจาะย้ายออกมาจากด้านหลังท้ายทอย โดยแบ่งตามขนาดเส้นเล็กใหญ่ ความหนาบาง จำนวนเส้นผมต่อกอผม รวมถึงองศาความโค้งของเส้นผมด้วย จากนั้นจึงนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ทีละเส้น ซึ่งต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนตลอดขั้นตอน

เพราะอย่างนี้เอง แพทย์จึงให้ความสำคัญกับการจัดวาง “ทิศทางผม” ในทุก ๆ เส้นที่แพทย์ตั้งใจปลูกลงไป เพื่อเรียกคืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผม ด้วยผลลัพธ์ผมสวย กลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงสุขภาพผมแข็งแรง ซึ่งจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต 

ปลูกผมผิดทิศ ชีวิตเปลี่ยน
ความสำเร็จของการปลูกผมสำหรับคนทั่วไป ก็คือการเติมผมบริเวณที่บางให้หายไป ให้กลับมาดูหนาแน่นได้อีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของมาตรฐานการปลูกผม เพราะเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นมาก!!

ทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังของผมปลูกใหม่ที่ไม่เพียงหนาแน่นสม่ำเสมอ แต่ยังเรียงตัวสวย “แลดูเป็นธรรมชาติ” นั้น คือทักษะความชำนาญ และความประณีตใส่ใจแบบสุด ๆ ของแพทย์ ในการ “ปลูกผมตามทิศทางองศา” ให้สอดคล้องลงตัวกับสภาพศีรษะและเส้นผมของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

ทำไม “ทิศทางเส้นผม” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะศีรษะบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา มี “ทิศทางการเรียงตัว“ ของเส้นผมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ เป็นต้น ขณะเดียวกัน เส้นผมของคนเราก็มีควา

แตกต่างทั้งในเรื่องของขนาด ความหนา และแน่นอนว่ารวมไปถึง “องศาความโค้ง” ของเส้นผมด้วย 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า แพทย์จะคัดเลือกผมที่มีองศาความโค้งแบบไหน นำไปปลูกลงใหม่ในบริเวณใด ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าผมใหม่หลังปลูกของเรา ชี้ไปคนละทิศละทาง ไม่กลมกลืนไปกับเส้นผมธรรมชาติเดิม จะเป็นอย่างไร 

ที่สำคัญ เราจะยังมองไม่เห็นผลลัพธ์ทิศทางเส้นผมชัดเจนเท่าไหร่ในวันแรก ๆ แต่จะไปเห็นอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและผมเริ่มยาวขึ้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว นั่นหมายความว่าเราอาจต้องอยู่กับผมที่ผิดทิศผิดทางเช่นนั้นไปตลอดชีวิต

“ทิศทางเส้นผม” โจทย์สุดท้าทายของแพทย์
ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นโจทย์อันท้าทายสำหรับแพทย์ ที่จะต้องลงมือปลูกผมท่ามกลางปัจจัยอีกมากมายให้ต้องคำนึงถึง ตลอดการทำหัตถการปลูกผม ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของคนไข้

ทิศทางและองศา 
แพทย์จะเป็นผู้ควบคุมทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม รวมถึงองศาการจัดวาง ให้เหมาะสมกับกลุ่มเส้นผมในแต่ละบริเวณ ช่วยให้ผมปลูกใหม่ดูแนบเนียน กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้เทคนิค “ปลูกผมแทรก” เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะต้องปักเส้นผมใหม่ แทรกเติมลงไประหว่างผมเดิม หากทิศทางเส้นผมใหม่ย้อนแย้งหรือผิดทิศทางไปจากเส้นผมเดิม ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นผมเรียงตัวแบบไม่เป็นธรรมชาติ

ความลึก 
แพทย์ยังต้องคำนึงถึงระดับความลึกในการปักเส้นผมใหม่ ให้ได้ระยะที่พอเหมาะพอดี เพื่อให้เส้นเลือดต่าง ๆ บริเวณรากผม สามารถเชื่อมต่อและทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมใหม่ให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

ขนาด
หากเราลองสังเกตจะเห็นว่า ผมในแต่ละบริเวณบนศีรษะของเรา มีขนาดไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณแนวผมด้านหน้า ซึ่งแพทย์จะต้องค่อย ๆ ปลูกผมใหม่ไล่เรียงจากเส้นผมเล็กบางบริเวณไรผม ตามด้วยเส้นผมเดี่ยว จนถึงเส้นผมที่อยู่รวมกลุ่มเป็นกอผมขนาด 3 – 4 เส้น ตามลำดับ เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติของเส้นผมมากที่สุด

วิธีการปลูกแบบเส้นต่อเส้น
เชื่อหรือไม่ว่า แพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผม แบบเส้นต่อเส้น ตั้งแต่การคัดแยกเส้นผมที่เจาะย้ายออกมาจากด้านหลังท้ายทอย โดยแบ่งตามขนาดเส้นเล็กใหญ่ ความหนาบาง จำนวนเส้นผมต่อกอผม รวมถึงองศาความโค้งของเส้นผมด้วย จากนั้นจึงนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ทีละเส้น ซึ่งต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนตลอดขั้นตอน

เพราะอย่างนี้เอง แพทย์จึงให้ความสำคัญกับการจัดวาง “ทิศทางผม” ในทุก ๆ เส้นที่แพทย์ตั้งใจปลูกลงไป เพื่อเรียกคืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผม ด้วยผลลัพธ์ผมสวย กลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงสุขภาพผมแข็งแรง ซึ่งจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต 

ปลูกผมผิดทิศ ชีวิตเปลี่ยน
ความสำเร็จของการปลูกผมสำหรับคนทั่วไป ก็คือการเติมผมบริเวณที่บางให้หายไป ให้กลับมาดูหนาแน่นได้อีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของมาตรฐานการปลูกผม เพราะเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นมาก!!

ทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังของผมปลูกใหม่ที่ไม่เพียงหนาแน่นสม่ำเสมอ แต่ยังเรียงตัวสวย “แลดูเป็นธรรมชาติ” นั้น คือทักษะความชำนาญ และความประณีตใส่ใจแบบสุด ๆ ของแพทย์ ในการ “ปลูกผมตามทิศทางองศา” ให้สอดคล้องลงตัวกับสภาพศีรษะและเส้นผมของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

ทำไม “ทิศทางเส้นผม” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะศีรษะบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา มี “ทิศทางการเรียงตัว“ ของเส้นผมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ เป็นต้น ขณะเดียวกัน เส้นผมของคนเราก็มีควา

แตกต่างทั้งในเรื่องของขนาด ความหนา และแน่นอนว่ารวมไปถึง “องศาความโค้ง” ของเส้นผมด้วย 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า แพทย์จะคัดเลือกผมที่มีองศาความโค้งแบบไหน นำไปปลูกลงใหม่ในบริเวณใด ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าผมใหม่หลังปลูกของเรา ชี้ไปคนละทิศละทาง ไม่กลมกลืนไปกับเส้นผมธรรมชาติเดิม จะเป็นอย่างไร 

ที่สำคัญ เราจะยังมองไม่เห็นผลลัพธ์ทิศทางเส้นผมชัดเจนเท่าไหร่ในวันแรก ๆ แต่จะไปเห็นอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและผมเริ่มยาวขึ้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว นั่นหมายความว่าเราอาจต้องอยู่กับผมที่ผิดทิศผิดทางเช่นนั้นไปตลอดชีวิต

“ทิศทางเส้นผม” โจทย์สุดท้าทายของแพทย์
ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นโจทย์อันท้าทายสำหรับแพทย์ ที่จะต้องลงมือปลูกผมท่ามกลางปัจจัยอีกมากมายให้ต้องคำนึงถึง ตลอดการทำหัตถการปลูกผม ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของคนไข้

ทิศทางและองศา 
แพทย์จะเป็นผู้ควบคุมทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม รวมถึงองศาการจัดวาง ให้เหมาะสมกับกลุ่มเส้นผมในแต่ละบริเวณ ช่วยให้ผมปลูกใหม่ดูแนบเนียน กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้เทคนิค “ปลูกผมแทรก” เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะต้องปักเส้นผมใหม่ แทรกเติมลงไประหว่างผมเดิม หากทิศทางเส้นผมใหม่ย้อนแย้งหรือผิดทิศทางไปจากเส้นผมเดิม ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นผมเรียงตัวแบบไม่เป็นธรรมชาติ

ความลึก 
แพทย์ยังต้องคำนึงถึงระดับความลึกในการปักเส้นผมใหม่ ให้ได้ระยะที่พอเหมาะพอดี เพื่อให้เส้นเลือดต่าง ๆ บริเวณรากผม สามารถเชื่อมต่อและทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมใหม่ให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

ขนาด
หากเราลองสังเกตจะเห็นว่า ผมในแต่ละบริเวณบนศีรษะของเรา มีขนาดไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณแนวผมด้านหน้า ซึ่งแพทย์จะต้องค่อย ๆ ปลูกผมใหม่ไล่เรียงจากเส้นผมเล็กบางบริเวณไรผม ตามด้วยเส้นผมเดี่ยว จนถึงเส้นผมที่อยู่รวมกลุ่มเป็นกอผมขนาด 3 – 4 เส้น ตามลำดับ เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติของเส้นผมมากที่สุด

วิธีการปลูกแบบเส้นต่อเส้น
เชื่อหรือไม่ว่า แพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผม แบบเส้นต่อเส้น ตั้งแต่การคัดแยกเส้นผมที่เจาะย้ายออกมาจากด้านหลังท้ายทอย โดยแบ่งตามขนาดเส้นเล็กใหญ่ ความหนาบาง จำนวนเส้นผมต่อกอผม รวมถึงองศาความโค้งของเส้นผมด้วย จากนั้นจึงนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ทีละเส้น ซึ่งต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนตลอดขั้นตอน

เพราะอย่างนี้เอง แพทย์จึงให้ความสำคัญกับการจัดวาง “ทิศทางผม” ในทุก ๆ เส้นที่แพทย์ตั้งใจปลูกลงไป เพื่อเรียกคืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผม ด้วยผลลัพธ์ผมสวย กลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงสุขภาพผมแข็งแรง ซึ่งจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต 

ปลูกผมผิดทิศ ชีวิตเปลี่ยน
ความสำเร็จของการปลูกผมสำหรับคนทั่วไป ก็คือการเติมผมบริเวณที่บางให้หายไป ให้กลับมาดูหนาแน่นได้อีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของมาตรฐานการปลูกผม เพราะเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นมาก!!

ทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังของผมปลูกใหม่ที่ไม่เพียงหนาแน่นสม่ำเสมอ แต่ยังเรียงตัวสวย “แลดูเป็นธรรมชาติ” นั้น คือทักษะความชำนาญ และความประณีตใส่ใจแบบสุด ๆ ของแพทย์ ในการ “ปลูกผมตามทิศทางองศา” ให้สอดคล้องลงตัวกับสภาพศีรษะและเส้นผมของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

ทำไม “ทิศทางเส้นผม” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะศีรษะบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา มี “ทิศทางการเรียงตัว“ ของเส้นผมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ เป็นต้น ขณะเดียวกัน เส้นผมของคนเราก็มีควา

แตกต่างทั้งในเรื่องของขนาด ความหนา และแน่นอนว่ารวมไปถึง “องศาความโค้ง” ของเส้นผมด้วย 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า แพทย์จะคัดเลือกผมที่มีองศาความโค้งแบบไหน นำไปปลูกลงใหม่ในบริเวณใด ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าผมใหม่หลังปลูกของเรา ชี้ไปคนละทิศละทาง ไม่กลมกลืนไปกับเส้นผมธรรมชาติเดิม จะเป็นอย่างไร 

ที่สำคัญ เราจะยังมองไม่เห็นผลลัพธ์ทิศทางเส้นผมชัดเจนเท่าไหร่ในวันแรก ๆ แต่จะไปเห็นอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและผมเริ่มยาวขึ้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว นั่นหมายความว่าเราอาจต้องอยู่กับผมที่ผิดทิศผิดทางเช่นนั้นไปตลอดชีวิต

“ทิศทางเส้นผม” โจทย์สุดท้าทายของแพทย์
ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นโจทย์อันท้าทายสำหรับแพทย์ ที่จะต้องลงมือปลูกผมท่ามกลางปัจจัยอีกมากมายให้ต้องคำนึงถึง ตลอดการทำหัตถการปลูกผม ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของคนไข้

ทิศทางและองศา 
แพทย์จะเป็นผู้ควบคุมทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม รวมถึงองศาการจัดวาง ให้เหมาะสมกับกลุ่มเส้นผมในแต่ละบริเวณ ช่วยให้ผมปลูกใหม่ดูแนบเนียน กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้เทคนิค “ปลูกผมแทรก” เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะต้องปักเส้นผมใหม่ แทรกเติมลงไประหว่างผมเดิม หากทิศทางเส้นผมใหม่ย้อนแย้งหรือผิดทิศทางไปจากเส้นผมเดิม ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นผมเรียงตัวแบบไม่เป็นธรรมชาติ

ความลึก 
แพทย์ยังต้องคำนึงถึงระดับความลึกในการปักเส้นผมใหม่ ให้ได้ระยะที่พอเหมาะพอดี เพื่อให้เส้นเลือดต่าง ๆ บริเวณรากผม สามารถเชื่อมต่อและทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมใหม่ให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

ขนาด
หากเราลองสังเกตจะเห็นว่า ผมในแต่ละบริเวณบนศีรษะของเรา มีขนาดไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณแนวผมด้านหน้า ซึ่งแพทย์จะต้องค่อย ๆ ปลูกผมใหม่ไล่เรียงจากเส้นผมเล็กบางบริเวณไรผม ตามด้วยเส้นผมเดี่ยว จนถึงเส้นผมที่อยู่รวมกลุ่มเป็นกอผมขนาด 3 – 4 เส้น ตามลำดับ เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติของเส้นผมมากที่สุด

วิธีการปลูกแบบเส้นต่อเส้น
เชื่อหรือไม่ว่า แพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผม แบบเส้นต่อเส้น ตั้งแต่การคัดแยกเส้นผมที่เจาะย้ายออกมาจากด้านหลังท้ายทอย โดยแบ่งตามขนาดเส้นเล็กใหญ่ ความหนาบาง จำนวนเส้นผมต่อกอผม รวมถึงองศาความโค้งของเส้นผมด้วย จากนั้นจึงนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ทีละเส้น ซึ่งต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนตลอดขั้นตอน

เพราะอย่างนี้เอง แพทย์จึงให้ความสำคัญกับการจัดวาง “ทิศทางผม” ในทุก ๆ เส้นที่แพทย์ตั้งใจปลูกลงไป เพื่อเรียกคืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผม ด้วยผลลัพธ์ผมสวย กลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงสุขภาพผมแข็งแรง ซึ่งจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต 

เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


ปลูกผมฝีมือ “หมอ” เส้น-ต่อ-เส้น
ปลูกผม “เส้น-ต่อ-เส้น” ด้วยมือของคุณหมอเอง ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเลยสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมตัวจริง เพราะเสียงจากคนไข้มากมายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผมใหม่ของพวกเขาผ่านมือ “คุณหมอ” มาแล้วทุกเส้น!! โดยคุณหมอเป็นผู้ลงมือคัดเลือก ตัดแต่ง และปักกราฟต์ผมใหม่นับพันกราฟต์อย่างตั้งใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ผมบางให้กลับมาหนาแน่นดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เพื่อเติมเต็มตัวตนให้เจ้าของเส้นผมได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้เต็มที่อีกครั้งด้วย

และความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของคุณหมอ ก็ไม่ได้มอบให้คนไข้แค่เพียง 1 วันในห้องหัตถการปลูกผมเท่านั้น แต่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาอันยาวนาน ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย 

ใส่ใจใน “ศาสตร์” ผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้ที่รอบรู้และแม่นยำใน “ศาสตร์การปลูกผม” มากกว่าใคร ยิ่งเมื่อบวกกับทักษะและประสบการณ์ที่แพทย์สั่งสมจากการทำงานและการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจะมั่นใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาเส้นผมนั้นเป็นไปตามหลักวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้แล้ว แนวทางการรักษายังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ “เฉพาะบุคคล” อีกด้วย


เพราะการปลูกผมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แพทย์จึงต้องนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบปัญหาเส้นผมของคนไข้ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน นับเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องแก้โจทย์ต่างจากเดิมทุกครั้งที่ลงนั่งรับฟังและพูดคุยกับคนไข้ เรียกได้ว่า คิดใหม่แบบ “เคสต่อเคส”

ทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการของคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันไปตามเพศและวัย ทั้งลักษณะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก ผมบางเป็นวงจากกลางศีรษะ หรือผมบางจากบริเวณรอยแสก ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ แพทย์จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสุขภาพผมและหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมเส้นบาง ลีบเล็กกว่าที่ควร หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากคนในครอบครัว ฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำร้ายเส้นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ และส่งผลให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วย ที่สำคัญ แพทย์ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงจะไม่ลืมคำนึงถึงความต้องการของคนไข้ เพราะเส้นผมบนศีรษะส่งผลถึงการสะท้อนตัวตนและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนไข้ด้วย แพทย์จึงควรทำความเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว รวมถึงทรงผมใหม่ที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ออกมาได้มากที่สุด ตามนิยามความงามของคนไข้เอง


วางแผนและคำนวณการใช้กราฟต์ผม
กราฟต์ผมต้นทุน หมายถึงผมที่มีคุณภาพและแข็งแรงเพียงพอที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร กราฟต์ผมต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณท้ายทอยด้านหลังไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนของแต่ละคนนั้นจะมีปริมาณและคุณภาพไม่เท่ากัน และในบางกรณี หากคนไข้มาปรึกษาแพทย์เมื่ออาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว จำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลืออยู่ก็อาจไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่ต้องการปลูกผมซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น แพทย์จึงต้องนำปัจจัยนี้มาคำนวณร่วมด้วยในการวางแผนใช้กราฟต์ต้นทุนเพื่อปลูกผมใหม่แบบเฉพาะบุคคลนั่นเอง

เลือกเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม
แพทย์ยังต้องเลือกเทคนิคต่าง ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เทคนิคการซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได หรือเทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง และต้องการเติมความหนาแน่นให้กับผมบริเวณนั้น เป็นต้น


วางแผนการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กับการปลูกผม
นอกจากการปลูกผมใหม่แล้ว การแก้ปัญหาเส้นผมในภาพรวมอาจต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม การดูแลเอาใจใส่และบำรุงเส้นผมให้มากขึ้น การรับประทานยา ตลอดจนการเข้ารับบริการเสริมต่าง ๆ เช่น การฉีด Growth hormone หรือการฉายแสงเลเซอร์ LLLT เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย

ใส่ใจในความงามเชิง “ศิลป์”
เพราะการปลูกผมคือศาสตร์และศิลป์ ความสำเร็จของการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง ต้องมาพร้อมกับความพึงพอใจในด้าน “ความงาม” ด้วย แพทย์จึงไม่เพียงเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์เส้นผม แต่ยังต้องมีมุมมองเชิงศิลป์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความงามของคนไข้เจ้าของเส้นผมได้


ดังนั้น แพทย์จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอาศัยพื้นฐานของสัดส่วนความงาม golden ratio เพื่อปรับโครงหน้าคืนความอ่อนวัยให้กับคนไข้ โดยปรับให้ใบหน้าของคุณผู้ชายมีความคมเข้ม กรอบหน้าชัด แลดูสมาร์ทยิ่งขึ้น และสำหรับคุณผู้หญิงก็ปรับให้มีความหวานละมุนชวนมอง และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทำการปลูกผม แพทย์จะต้องอาศัยศิลปะในการไล่ลำดับความหนาแน่นของเส้นผมให้เข้ากับบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณไรผมด้านหน้า ต้องการเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไป จะต้องการเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเรียงตัวหนาแน่นขึ้น ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมที่ได้จากท้ายทอยด้านหลังมาคัดแยกคุณภาพและขนาด และเลือกปลูกใหม่ให้เหมาะสมกลมกลืนกับเส้นผมเดิมในบริเวณนั้น ๆ

นอกจากขนาดของเส้นผมและความหนาแน่นแล้ว แพทย์ยังใส่ใจเรื่องทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ซึ่งจะต้องควบคุมให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม และวางตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่า การแก้ปัญหาเส้นผมให้คนไข้ แทบไม่ต่างจากการสร้างงานฝีมือของช่างศิลป์ หรือการสร้างผลงานศิลปะของแพทย์เอง


ใส่ใจในทุก “เส้นผม”
หลังจากคัดแยก แบ่ง และตัดแต่งกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ให้มีความเรียบร้อยและพร้อมที่จะนำไปปลูกใหม่แล้ว แพทย์จะลงมือปลูกผมแบบ “เส้น-ต่อ-เส้น” โดยอาศัยความละเอียด ประณีต ในการปักผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่บางเกินไป และไม่หนาแน่นเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ ควบคุมทิศทางและองศาให้กลมกลืนกับเส้นผมเดิม รวมถึงปักเส้นผมให้ได้ความลึกที่พอดี เพื่อให้สามารถรับสารอาหารที่ลำเลียงมาเลี้ยงเส้นผมได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งหมดนี้ ต้องค่อย ๆ ปลูกทีละเส้น ทีละเส้น และอาศัยทักษะจากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา จนเกิดความเชี่ยวชาญ แม่นยำ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ ศิลป์ และความใส่ใจ ไว้ในขั้นตอนเดียว

ใส่ใจตลอด “เส้นทางสู่คุณคนใหม่”
และความใส่ใจยังไม่จบลงแค่ในวันปลูกผม เพราะจากนี้คือการปล่อยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลและบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ต้องระมัดระวังเส้นผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ หรือช่วง shock loss ที่เส้นผมใหม่จะหลุดร่วงออกตามธรรมชาติ ก่อนจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ตามเดิม รวมทั้งคอยติดตามผลและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมสวยสุขภาพดี คุ้มค่ากับเวลาที่อดทนรอคอย บนเส้นทางที่จะเปลี่ยนคุณไปสู่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมตัวจริง

ปลูกผมฝีมือ “หมอ” เส้น-ต่อ-เส้น
ปลูกผม “เส้น-ต่อ-เส้น” ด้วยมือของคุณหมอเอง ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเลยสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมตัวจริง เพราะเสียงจากคนไข้มากมายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผมใหม่ของพวกเขาผ่านมือ “คุณหมอ” มาแล้วทุกเส้น!! โดยคุณหมอเป็นผู้ลงมือคัดเลือก ตัดแต่ง และปักกราฟต์ผมใหม่นับพันกราฟต์อย่างตั้งใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ผมบางให้กลับมาหนาแน่นดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เพื่อเติมเต็มตัวตนให้เจ้าของเส้นผมได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้เต็มที่อีกครั้งด้วย

และความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของคุณหมอ ก็ไม่ได้มอบให้คนไข้แค่เพียง 1 วันในห้องหัตถการปลูกผมเท่านั้น แต่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาอันยาวนาน ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย 

ใส่ใจใน “ศาสตร์” ผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้ที่รอบรู้และแม่นยำใน “ศาสตร์การปลูกผม” มากกว่าใคร ยิ่งเมื่อบวกกับทักษะและประสบการณ์ที่แพทย์สั่งสมจากการทำงานและการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจะมั่นใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาเส้นผมนั้นเป็นไปตามหลักวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้แล้ว แนวทางการรักษายังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ “เฉพาะบุคคล” อีกด้วย


เพราะการปลูกผมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แพทย์จึงต้องนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบปัญหาเส้นผมของคนไข้ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน นับเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องแก้โจทย์ต่างจากเดิมทุกครั้งที่ลงนั่งรับฟังและพูดคุยกับคนไข้ เรียกได้ว่า คิดใหม่แบบ “เคสต่อเคส”

ทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการของคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันไปตามเพศและวัย ทั้งลักษณะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก ผมบางเป็นวงจากกลางศีรษะ หรือผมบางจากบริเวณรอยแสก ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ แพทย์จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสุขภาพผมและหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมเส้นบาง ลีบเล็กกว่าที่ควร หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากคนในครอบครัว ฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำร้ายเส้นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ และส่งผลให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วย ที่สำคัญ แพทย์ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงจะไม่ลืมคำนึงถึงความต้องการของคนไข้ เพราะเส้นผมบนศีรษะส่งผลถึงการสะท้อนตัวตนและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนไข้ด้วย แพทย์จึงควรทำความเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว รวมถึงทรงผมใหม่ที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ออกมาได้มากที่สุด ตามนิยามความงามของคนไข้เอง


วางแผนและคำนวณการใช้กราฟต์ผม
กราฟต์ผมต้นทุน หมายถึงผมที่มีคุณภาพและแข็งแรงเพียงพอที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร กราฟต์ผมต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณท้ายทอยด้านหลังไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนของแต่ละคนนั้นจะมีปริมาณและคุณภาพไม่เท่ากัน และในบางกรณี หากคนไข้มาปรึกษาแพทย์เมื่ออาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว จำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลืออยู่ก็อาจไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่ต้องการปลูกผมซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น แพทย์จึงต้องนำปัจจัยนี้มาคำนวณร่วมด้วยในการวางแผนใช้กราฟต์ต้นทุนเพื่อปลูกผมใหม่แบบเฉพาะบุคคลนั่นเอง

เลือกเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม
แพทย์ยังต้องเลือกเทคนิคต่าง ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เทคนิคการซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได หรือเทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง และต้องการเติมความหนาแน่นให้กับผมบริเวณนั้น เป็นต้น


วางแผนการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กับการปลูกผม
นอกจากการปลูกผมใหม่แล้ว การแก้ปัญหาเส้นผมในภาพรวมอาจต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม การดูแลเอาใจใส่และบำรุงเส้นผมให้มากขึ้น การรับประทานยา ตลอดจนการเข้ารับบริการเสริมต่าง ๆ เช่น การฉีด Growth hormone หรือการฉายแสงเลเซอร์ LLLT เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย

ใส่ใจในความงามเชิง “ศิลป์”
เพราะการปลูกผมคือศาสตร์และศิลป์ ความสำเร็จของการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง ต้องมาพร้อมกับความพึงพอใจในด้าน “ความงาม” ด้วย แพทย์จึงไม่เพียงเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์เส้นผม แต่ยังต้องมีมุมมองเชิงศิลป์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความงามของคนไข้เจ้าของเส้นผมได้


ดังนั้น แพทย์จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอาศัยพื้นฐานของสัดส่วนความงาม golden ratio เพื่อปรับโครงหน้าคืนความอ่อนวัยให้กับคนไข้ โดยปรับให้ใบหน้าของคุณผู้ชายมีความคมเข้ม กรอบหน้าชัด แลดูสมาร์ทยิ่งขึ้น และสำหรับคุณผู้หญิงก็ปรับให้มีความหวานละมุนชวนมอง และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทำการปลูกผม แพทย์จะต้องอาศัยศิลปะในการไล่ลำดับความหนาแน่นของเส้นผมให้เข้ากับบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณไรผมด้านหน้า ต้องการเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไป จะต้องการเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเรียงตัวหนาแน่นขึ้น ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมที่ได้จากท้ายทอยด้านหลังมาคัดแยกคุณภาพและขนาด และเลือกปลูกใหม่ให้เหมาะสมกลมกลืนกับเส้นผมเดิมในบริเวณนั้น ๆ

นอกจากขนาดของเส้นผมและความหนาแน่นแล้ว แพทย์ยังใส่ใจเรื่องทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ซึ่งจะต้องควบคุมให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม และวางตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่า การแก้ปัญหาเส้นผมให้คนไข้ แทบไม่ต่างจากการสร้างงานฝีมือของช่างศิลป์ หรือการสร้างผลงานศิลปะของแพทย์เอง


ใส่ใจในทุก “เส้นผม”
หลังจากคัดแยก แบ่ง และตัดแต่งกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ให้มีความเรียบร้อยและพร้อมที่จะนำไปปลูกใหม่แล้ว แพทย์จะลงมือปลูกผมแบบ “เส้น-ต่อ-เส้น” โดยอาศัยความละเอียด ประณีต ในการปักผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่บางเกินไป และไม่หนาแน่นเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ ควบคุมทิศทางและองศาให้กลมกลืนกับเส้นผมเดิม รวมถึงปักเส้นผมให้ได้ความลึกที่พอดี เพื่อให้สามารถรับสารอาหารที่ลำเลียงมาเลี้ยงเส้นผมได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งหมดนี้ ต้องค่อย ๆ ปลูกทีละเส้น ทีละเส้น และอาศัยทักษะจากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา จนเกิดความเชี่ยวชาญ แม่นยำ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ ศิลป์ และความใส่ใจ ไว้ในขั้นตอนเดียว

ใส่ใจตลอด “เส้นทางสู่คุณคนใหม่”
และความใส่ใจยังไม่จบลงแค่ในวันปลูกผม เพราะจากนี้คือการปล่อยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลและบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ต้องระมัดระวังเส้นผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ หรือช่วง shock loss ที่เส้นผมใหม่จะหลุดร่วงออกตามธรรมชาติ ก่อนจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ตามเดิม รวมทั้งคอยติดตามผลและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมสวยสุขภาพดี คุ้มค่ากับเวลาที่อดทนรอคอย บนเส้นทางที่จะเปลี่ยนคุณไปสู่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมตัวจริง

ปลูกผมฝีมือ “หมอ” เส้น-ต่อ-เส้น
ปลูกผม “เส้น-ต่อ-เส้น” ด้วยมือของคุณหมอเอง ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเลยสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมตัวจริง เพราะเสียงจากคนไข้มากมายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผมใหม่ของพวกเขาผ่านมือ “คุณหมอ” มาแล้วทุกเส้น!! โดยคุณหมอเป็นผู้ลงมือคัดเลือก ตัดแต่ง และปักกราฟต์ผมใหม่นับพันกราฟต์อย่างตั้งใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ผมบางให้กลับมาหนาแน่นดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เพื่อเติมเต็มตัวตนให้เจ้าของเส้นผมได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้เต็มที่อีกครั้งด้วย

และความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของคุณหมอ ก็ไม่ได้มอบให้คนไข้แค่เพียง 1 วันในห้องหัตถการปลูกผมเท่านั้น แต่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาอันยาวนาน ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย 

ใส่ใจใน “ศาสตร์” ผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้ที่รอบรู้และแม่นยำใน “ศาสตร์การปลูกผม” มากกว่าใคร ยิ่งเมื่อบวกกับทักษะและประสบการณ์ที่แพทย์สั่งสมจากการทำงานและการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจะมั่นใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาเส้นผมนั้นเป็นไปตามหลักวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้แล้ว แนวทางการรักษายังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ “เฉพาะบุคคล” อีกด้วย


เพราะการปลูกผมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แพทย์จึงต้องนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบปัญหาเส้นผมของคนไข้ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน นับเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องแก้โจทย์ต่างจากเดิมทุกครั้งที่ลงนั่งรับฟังและพูดคุยกับคนไข้ เรียกได้ว่า คิดใหม่แบบ “เคสต่อเคส”

ทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการของคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันไปตามเพศและวัย ทั้งลักษณะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก ผมบางเป็นวงจากกลางศีรษะ หรือผมบางจากบริเวณรอยแสก ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ แพทย์จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสุขภาพผมและหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมเส้นบาง ลีบเล็กกว่าที่ควร หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากคนในครอบครัว ฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำร้ายเส้นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ และส่งผลให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วย ที่สำคัญ แพทย์ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงจะไม่ลืมคำนึงถึงความต้องการของคนไข้ เพราะเส้นผมบนศีรษะส่งผลถึงการสะท้อนตัวตนและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนไข้ด้วย แพทย์จึงควรทำความเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว รวมถึงทรงผมใหม่ที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ออกมาได้มากที่สุด ตามนิยามความงามของคนไข้เอง


วางแผนและคำนวณการใช้กราฟต์ผม
กราฟต์ผมต้นทุน หมายถึงผมที่มีคุณภาพและแข็งแรงเพียงพอที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร กราฟต์ผมต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณท้ายทอยด้านหลังไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนของแต่ละคนนั้นจะมีปริมาณและคุณภาพไม่เท่ากัน และในบางกรณี หากคนไข้มาปรึกษาแพทย์เมื่ออาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว จำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลืออยู่ก็อาจไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่ต้องการปลูกผมซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น แพทย์จึงต้องนำปัจจัยนี้มาคำนวณร่วมด้วยในการวางแผนใช้กราฟต์ต้นทุนเพื่อปลูกผมใหม่แบบเฉพาะบุคคลนั่นเอง

เลือกเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม
แพทย์ยังต้องเลือกเทคนิคต่าง ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เทคนิคการซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได หรือเทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง และต้องการเติมความหนาแน่นให้กับผมบริเวณนั้น เป็นต้น


วางแผนการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กับการปลูกผม
นอกจากการปลูกผมใหม่แล้ว การแก้ปัญหาเส้นผมในภาพรวมอาจต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม การดูแลเอาใจใส่และบำรุงเส้นผมให้มากขึ้น การรับประทานยา ตลอดจนการเข้ารับบริการเสริมต่าง ๆ เช่น การฉีด Growth hormone หรือการฉายแสงเลเซอร์ LLLT เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย

ใส่ใจในความงามเชิง “ศิลป์”
เพราะการปลูกผมคือศาสตร์และศิลป์ ความสำเร็จของการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง ต้องมาพร้อมกับความพึงพอใจในด้าน “ความงาม” ด้วย แพทย์จึงไม่เพียงเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์เส้นผม แต่ยังต้องมีมุมมองเชิงศิลป์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความงามของคนไข้เจ้าของเส้นผมได้


ดังนั้น แพทย์จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอาศัยพื้นฐานของสัดส่วนความงาม golden ratio เพื่อปรับโครงหน้าคืนความอ่อนวัยให้กับคนไข้ โดยปรับให้ใบหน้าของคุณผู้ชายมีความคมเข้ม กรอบหน้าชัด แลดูสมาร์ทยิ่งขึ้น และสำหรับคุณผู้หญิงก็ปรับให้มีความหวานละมุนชวนมอง และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทำการปลูกผม แพทย์จะต้องอาศัยศิลปะในการไล่ลำดับความหนาแน่นของเส้นผมให้เข้ากับบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณไรผมด้านหน้า ต้องการเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไป จะต้องการเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเรียงตัวหนาแน่นขึ้น ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมที่ได้จากท้ายทอยด้านหลังมาคัดแยกคุณภาพและขนาด และเลือกปลูกใหม่ให้เหมาะสมกลมกลืนกับเส้นผมเดิมในบริเวณนั้น ๆ

นอกจากขนาดของเส้นผมและความหนาแน่นแล้ว แพทย์ยังใส่ใจเรื่องทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ซึ่งจะต้องควบคุมให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม และวางตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่า การแก้ปัญหาเส้นผมให้คนไข้ แทบไม่ต่างจากการสร้างงานฝีมือของช่างศิลป์ หรือการสร้างผลงานศิลปะของแพทย์เอง


ใส่ใจในทุก “เส้นผม”
หลังจากคัดแยก แบ่ง และตัดแต่งกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ให้มีความเรียบร้อยและพร้อมที่จะนำไปปลูกใหม่แล้ว แพทย์จะลงมือปลูกผมแบบ “เส้น-ต่อ-เส้น” โดยอาศัยความละเอียด ประณีต ในการปักผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่บางเกินไป และไม่หนาแน่นเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ ควบคุมทิศทางและองศาให้กลมกลืนกับเส้นผมเดิม รวมถึงปักเส้นผมให้ได้ความลึกที่พอดี เพื่อให้สามารถรับสารอาหารที่ลำเลียงมาเลี้ยงเส้นผมได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งหมดนี้ ต้องค่อย ๆ ปลูกทีละเส้น ทีละเส้น และอาศัยทักษะจากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา จนเกิดความเชี่ยวชาญ แม่นยำ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ ศิลป์ และความใส่ใจ ไว้ในขั้นตอนเดียว

ใส่ใจตลอด “เส้นทางสู่คุณคนใหม่”
และความใส่ใจยังไม่จบลงแค่ในวันปลูกผม เพราะจากนี้คือการปล่อยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลและบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ต้องระมัดระวังเส้นผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ หรือช่วง shock loss ที่เส้นผมใหม่จะหลุดร่วงออกตามธรรมชาติ ก่อนจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ตามเดิม รวมทั้งคอยติดตามผลและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมสวยสุขภาพดี คุ้มค่ากับเวลาที่อดทนรอคอย บนเส้นทางที่จะเปลี่ยนคุณไปสู่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมตัวจริง

ปลูกผมฝีมือ “หมอ” เส้น-ต่อ-เส้น
ปลูกผม “เส้น-ต่อ-เส้น” ด้วยมือของคุณหมอเอง ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเลยสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมตัวจริง เพราะเสียงจากคนไข้มากมายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผมใหม่ของพวกเขาผ่านมือ “คุณหมอ” มาแล้วทุกเส้น!! โดยคุณหมอเป็นผู้ลงมือคัดเลือก ตัดแต่ง และปักกราฟต์ผมใหม่นับพันกราฟต์อย่างตั้งใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ผมบางให้กลับมาหนาแน่นดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เพื่อเติมเต็มตัวตนให้เจ้าของเส้นผมได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้เต็มที่อีกครั้งด้วย

และความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของคุณหมอ ก็ไม่ได้มอบให้คนไข้แค่เพียง 1 วันในห้องหัตถการปลูกผมเท่านั้น แต่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาอันยาวนาน ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย 

ใส่ใจใน “ศาสตร์” ผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้ที่รอบรู้และแม่นยำใน “ศาสตร์การปลูกผม” มากกว่าใคร ยิ่งเมื่อบวกกับทักษะและประสบการณ์ที่แพทย์สั่งสมจากการทำงานและการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจะมั่นใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาเส้นผมนั้นเป็นไปตามหลักวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้แล้ว แนวทางการรักษายังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ “เฉพาะบุคคล” อีกด้วย


เพราะการปลูกผมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แพทย์จึงต้องนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบปัญหาเส้นผมของคนไข้ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน นับเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องแก้โจทย์ต่างจากเดิมทุกครั้งที่ลงนั่งรับฟังและพูดคุยกับคนไข้ เรียกได้ว่า คิดใหม่แบบ “เคสต่อเคส”

ทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการของคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันไปตามเพศและวัย ทั้งลักษณะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก ผมบางเป็นวงจากกลางศีรษะ หรือผมบางจากบริเวณรอยแสก ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ แพทย์จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสุขภาพผมและหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมเส้นบาง ลีบเล็กกว่าที่ควร หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากคนในครอบครัว ฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำร้ายเส้นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ และส่งผลให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วย ที่สำคัญ แพทย์ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงจะไม่ลืมคำนึงถึงความต้องการของคนไข้ เพราะเส้นผมบนศีรษะส่งผลถึงการสะท้อนตัวตนและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนไข้ด้วย แพทย์จึงควรทำความเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว รวมถึงทรงผมใหม่ที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ออกมาได้มากที่สุด ตามนิยามความงามของคนไข้เอง


วางแผนและคำนวณการใช้กราฟต์ผม
กราฟต์ผมต้นทุน หมายถึงผมที่มีคุณภาพและแข็งแรงเพียงพอที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร กราฟต์ผมต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณท้ายทอยด้านหลังไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนของแต่ละคนนั้นจะมีปริมาณและคุณภาพไม่เท่ากัน และในบางกรณี หากคนไข้มาปรึกษาแพทย์เมื่ออาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว จำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลืออยู่ก็อาจไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่ต้องการปลูกผมซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น แพทย์จึงต้องนำปัจจัยนี้มาคำนวณร่วมด้วยในการวางแผนใช้กราฟต์ต้นทุนเพื่อปลูกผมใหม่แบบเฉพาะบุคคลนั่นเอง

เลือกเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม
แพทย์ยังต้องเลือกเทคนิคต่าง ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เทคนิคการซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได หรือเทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง และต้องการเติมความหนาแน่นให้กับผมบริเวณนั้น เป็นต้น


วางแผนการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กับการปลูกผม
นอกจากการปลูกผมใหม่แล้ว การแก้ปัญหาเส้นผมในภาพรวมอาจต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม การดูแลเอาใจใส่และบำรุงเส้นผมให้มากขึ้น การรับประทานยา ตลอดจนการเข้ารับบริการเสริมต่าง ๆ เช่น การฉีด Growth hormone หรือการฉายแสงเลเซอร์ LLLT เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย

ใส่ใจในความงามเชิง “ศิลป์”
เพราะการปลูกผมคือศาสตร์และศิลป์ ความสำเร็จของการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง ต้องมาพร้อมกับความพึงพอใจในด้าน “ความงาม” ด้วย แพทย์จึงไม่เพียงเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์เส้นผม แต่ยังต้องมีมุมมองเชิงศิลป์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความงามของคนไข้เจ้าของเส้นผมได้


ดังนั้น แพทย์จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอาศัยพื้นฐานของสัดส่วนความงาม golden ratio เพื่อปรับโครงหน้าคืนความอ่อนวัยให้กับคนไข้ โดยปรับให้ใบหน้าของคุณผู้ชายมีความคมเข้ม กรอบหน้าชัด แลดูสมาร์ทยิ่งขึ้น และสำหรับคุณผู้หญิงก็ปรับให้มีความหวานละมุนชวนมอง และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทำการปลูกผม แพทย์จะต้องอาศัยศิลปะในการไล่ลำดับความหนาแน่นของเส้นผมให้เข้ากับบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณไรผมด้านหน้า ต้องการเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไป จะต้องการเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเรียงตัวหนาแน่นขึ้น ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมที่ได้จากท้ายทอยด้านหลังมาคัดแยกคุณภาพและขนาด และเลือกปลูกใหม่ให้เหมาะสมกลมกลืนกับเส้นผมเดิมในบริเวณนั้น ๆ

นอกจากขนาดของเส้นผมและความหนาแน่นแล้ว แพทย์ยังใส่ใจเรื่องทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ซึ่งจะต้องควบคุมให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม และวางตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่า การแก้ปัญหาเส้นผมให้คนไข้ แทบไม่ต่างจากการสร้างงานฝีมือของช่างศิลป์ หรือการสร้างผลงานศิลปะของแพทย์เอง


ใส่ใจในทุก “เส้นผม”
หลังจากคัดแยก แบ่ง และตัดแต่งกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ให้มีความเรียบร้อยและพร้อมที่จะนำไปปลูกใหม่แล้ว แพทย์จะลงมือปลูกผมแบบ “เส้น-ต่อ-เส้น” โดยอาศัยความละเอียด ประณีต ในการปักผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่บางเกินไป และไม่หนาแน่นเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ ควบคุมทิศทางและองศาให้กลมกลืนกับเส้นผมเดิม รวมถึงปักเส้นผมให้ได้ความลึกที่พอดี เพื่อให้สามารถรับสารอาหารที่ลำเลียงมาเลี้ยงเส้นผมได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งหมดนี้ ต้องค่อย ๆ ปลูกทีละเส้น ทีละเส้น และอาศัยทักษะจากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา จนเกิดความเชี่ยวชาญ แม่นยำ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ ศิลป์ และความใส่ใจ ไว้ในขั้นตอนเดียว

ใส่ใจตลอด “เส้นทางสู่คุณคนใหม่”
และความใส่ใจยังไม่จบลงแค่ในวันปลูกผม เพราะจากนี้คือการปล่อยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลและบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ต้องระมัดระวังเส้นผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ หรือช่วง shock loss ที่เส้นผมใหม่จะหลุดร่วงออกตามธรรมชาติ ก่อนจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ตามเดิม รวมทั้งคอยติดตามผลและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมสวยสุขภาพดี คุ้มค่ากับเวลาที่อดทนรอคอย บนเส้นทางที่จะเปลี่ยนคุณไปสู่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมตัวจริง

ปลูกผมฝีมือ “หมอ” เส้น-ต่อ-เส้น
ปลูกผม “เส้น-ต่อ-เส้น” ด้วยมือของคุณหมอเอง ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเลยสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมตัวจริง เพราะเสียงจากคนไข้มากมายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผมใหม่ของพวกเขาผ่านมือ “คุณหมอ” มาแล้วทุกเส้น!! โดยคุณหมอเป็นผู้ลงมือคัดเลือก ตัดแต่ง และปักกราฟต์ผมใหม่นับพันกราฟต์อย่างตั้งใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ผมบางให้กลับมาหนาแน่นดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เพื่อเติมเต็มตัวตนให้เจ้าของเส้นผมได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้เต็มที่อีกครั้งด้วย

และความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของคุณหมอ ก็ไม่ได้มอบให้คนไข้แค่เพียง 1 วันในห้องหัตถการปลูกผมเท่านั้น แต่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาอันยาวนาน ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย 

ใส่ใจใน “ศาสตร์” ผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้ที่รอบรู้และแม่นยำใน “ศาสตร์การปลูกผม” มากกว่าใคร ยิ่งเมื่อบวกกับทักษะและประสบการณ์ที่แพทย์สั่งสมจากการทำงานและการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจะมั่นใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาเส้นผมนั้นเป็นไปตามหลักวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้แล้ว แนวทางการรักษายังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ “เฉพาะบุคคล” อีกด้วย


เพราะการปลูกผมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แพทย์จึงต้องนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบปัญหาเส้นผมของคนไข้ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน นับเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องแก้โจทย์ต่างจากเดิมทุกครั้งที่ลงนั่งรับฟังและพูดคุยกับคนไข้ เรียกได้ว่า คิดใหม่แบบ “เคสต่อเคส”

ทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการของคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันไปตามเพศและวัย ทั้งลักษณะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก ผมบางเป็นวงจากกลางศีรษะ หรือผมบางจากบริเวณรอยแสก ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ แพทย์จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสุขภาพผมและหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมเส้นบาง ลีบเล็กกว่าที่ควร หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากคนในครอบครัว ฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำร้ายเส้นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ และส่งผลให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วย ที่สำคัญ แพทย์ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงจะไม่ลืมคำนึงถึงความต้องการของคนไข้ เพราะเส้นผมบนศีรษะส่งผลถึงการสะท้อนตัวตนและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนไข้ด้วย แพทย์จึงควรทำความเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว รวมถึงทรงผมใหม่ที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ออกมาได้มากที่สุด ตามนิยามความงามของคนไข้เอง


วางแผนและคำนวณการใช้กราฟต์ผม
กราฟต์ผมต้นทุน หมายถึงผมที่มีคุณภาพและแข็งแรงเพียงพอที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร กราฟต์ผมต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณท้ายทอยด้านหลังไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนของแต่ละคนนั้นจะมีปริมาณและคุณภาพไม่เท่ากัน และในบางกรณี หากคนไข้มาปรึกษาแพทย์เมื่ออาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว จำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลืออยู่ก็อาจไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่ต้องการปลูกผมซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น แพทย์จึงต้องนำปัจจัยนี้มาคำนวณร่วมด้วยในการวางแผนใช้กราฟต์ต้นทุนเพื่อปลูกผมใหม่แบบเฉพาะบุคคลนั่นเอง

เลือกเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม
แพทย์ยังต้องเลือกเทคนิคต่าง ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เทคนิคการซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได หรือเทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง และต้องการเติมความหนาแน่นให้กับผมบริเวณนั้น เป็นต้น


วางแผนการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กับการปลูกผม
นอกจากการปลูกผมใหม่แล้ว การแก้ปัญหาเส้นผมในภาพรวมอาจต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม การดูแลเอาใจใส่และบำรุงเส้นผมให้มากขึ้น การรับประทานยา ตลอดจนการเข้ารับบริการเสริมต่าง ๆ เช่น การฉีด Growth hormone หรือการฉายแสงเลเซอร์ LLLT เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย

ใส่ใจในความงามเชิง “ศิลป์”
เพราะการปลูกผมคือศาสตร์และศิลป์ ความสำเร็จของการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง ต้องมาพร้อมกับความพึงพอใจในด้าน “ความงาม” ด้วย แพทย์จึงไม่เพียงเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์เส้นผม แต่ยังต้องมีมุมมองเชิงศิลป์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความงามของคนไข้เจ้าของเส้นผมได้


ดังนั้น แพทย์จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอาศัยพื้นฐานของสัดส่วนความงาม golden ratio เพื่อปรับโครงหน้าคืนความอ่อนวัยให้กับคนไข้ โดยปรับให้ใบหน้าของคุณผู้ชายมีความคมเข้ม กรอบหน้าชัด แลดูสมาร์ทยิ่งขึ้น และสำหรับคุณผู้หญิงก็ปรับให้มีความหวานละมุนชวนมอง และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทำการปลูกผม แพทย์จะต้องอาศัยศิลปะในการไล่ลำดับความหนาแน่นของเส้นผมให้เข้ากับบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณไรผมด้านหน้า ต้องการเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไป จะต้องการเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเรียงตัวหนาแน่นขึ้น ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมที่ได้จากท้ายทอยด้านหลังมาคัดแยกคุณภาพและขนาด และเลือกปลูกใหม่ให้เหมาะสมกลมกลืนกับเส้นผมเดิมในบริเวณนั้น ๆ

นอกจากขนาดของเส้นผมและความหนาแน่นแล้ว แพทย์ยังใส่ใจเรื่องทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ซึ่งจะต้องควบคุมให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม และวางตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่า การแก้ปัญหาเส้นผมให้คนไข้ แทบไม่ต่างจากการสร้างงานฝีมือของช่างศิลป์ หรือการสร้างผลงานศิลปะของแพทย์เอง


ใส่ใจในทุก “เส้นผม”
หลังจากคัดแยก แบ่ง และตัดแต่งกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ให้มีความเรียบร้อยและพร้อมที่จะนำไปปลูกใหม่แล้ว แพทย์จะลงมือปลูกผมแบบ “เส้น-ต่อ-เส้น” โดยอาศัยความละเอียด ประณีต ในการปักผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่บางเกินไป และไม่หนาแน่นเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ ควบคุมทิศทางและองศาให้กลมกลืนกับเส้นผมเดิม รวมถึงปักเส้นผมให้ได้ความลึกที่พอดี เพื่อให้สามารถรับสารอาหารที่ลำเลียงมาเลี้ยงเส้นผมได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งหมดนี้ ต้องค่อย ๆ ปลูกทีละเส้น ทีละเส้น และอาศัยทักษะจากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา จนเกิดความเชี่ยวชาญ แม่นยำ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ ศิลป์ และความใส่ใจ ไว้ในขั้นตอนเดียว

ใส่ใจตลอด “เส้นทางสู่คุณคนใหม่”
และความใส่ใจยังไม่จบลงแค่ในวันปลูกผม เพราะจากนี้คือการปล่อยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลและบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ต้องระมัดระวังเส้นผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ หรือช่วง shock loss ที่เส้นผมใหม่จะหลุดร่วงออกตามธรรมชาติ ก่อนจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ตามเดิม รวมทั้งคอยติดตามผลและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมสวยสุขภาพดี คุ้มค่ากับเวลาที่อดทนรอคอย บนเส้นทางที่จะเปลี่ยนคุณไปสู่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมตัวจริง

ปลูกผมเสริมขวัญ
เราทุกคนมีขวัญบนศีรษะติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด คนส่วนใหญ่จะมีเพียงขวัญเดียว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีมากกว่า 1 ขวัญขึ้นไป ขวัญมีลักษณะเป็นก้นหอย หมุนเป็นวงไปทางซ้ายหรือทางขวา ขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของแต่คน

รูปแบบการหมุนของขวัญบนศีรษะ จะเป็นตัวบอกทิศทางเส้นผมได้คร่าวๆ ว่าเส้นผมจะไปในทิศทางตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา โดยสังเกตจากผมบริเวณรอบๆ ต่อเนื่องจนมาถึงบริเวณหน้าผาก จะเห็นบริเวณโคนผมว่าองศาไปในทิศทางใด และยังอาจสังเกตตัวเองได้อีกว่าเวลาปัดผม การปัดข้างซ้ายหรือข้างขวาปัดไปได้ง่ายและดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน

จริงๆแล้วขวัญบนศีรษะไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับบางคน รูปแบบหรือลักษณะของขวัญก็อาจจะสร้างปัญหาและความวิตกกังวลให้พอสมควร ลองมาดูกันว่าคุณมีปัญหาแบบนี้บ้างหรือไม่

ผมบริเวณรอบๆขวัญขึ้นไร้ทิศทาง ไม่เรียงเส้น จนต้องเรียกว่า “ชี้โด่ชี้เด่” พยายามหวีผมปิดแล้วก็ยังปิดไม่มิด สร้างความรำคาญใจให้พอสมควรทีเดียว บางคนมี 2-3 ขวัญ และบางครั้งก็อยู่ในบริเวณที่ไม่ควรจะอยู่ เช่น ด้านหน้าศีรษะ หน้าผากหรือขมับ อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องทิศทางของเส้นผม และบริเวณขวัญจะดูเหมือนผมบางเป็นหย่อมๆ ซึ่งทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


ปัญหาที่พบได้บ่อยและพบตั้งแต่อายุยังน้อยคือผมบริเวณขวัญบางลงเรื่อยๆ และขยายวงกว้างขึ้นจนอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ลักษณะที่พบได้คือ ผมบางเป็นรูปตัว O บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งหากใครรู้สึกว่ากำลังเจอกับปัญหานี้ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ควรต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไรในเมื่อขวัญก็ต้องอยู่บนศีรษะเราไปตลอดชีวิต คำตอบคือ การปลูกผมช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่มีจุดเด่นคือสามารถปลูกผมทีละเส้นแทรกเข้าไปในช่องว่างได้ เพื่อเสริมความหนาแน่นของเส้นผม ในกรณีที่ต้องปลูกผมบริเวณขวัญตรงกลางศีรษะเช่นนี้ แพทย์จะออกแบบทิศทางของเส้นผมให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับขวัญ ไม่ว่าจะไปตามเข็มนาฬิกา หรือ ทวนเข็มนาฬิกา เพื่อให้ผมแนบเนียนไปกับผมเดิมและดูเป็นธรรมชาติ



ที่นามนินมีมาตรฐานที่โดดเด่นคือ แพทย์จะประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล หากมาพบแพทย์ตอนที่ปัญหายังไม่รุนแรง แพทย์ก็จะแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้ก่อน แต่หากผมบางรุนแรงมาก และต้องทำการปลูกผมถาวร แพทย์ก็จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นให้คนไข้ด้วยตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดของศีรษะ ไม่ควรรอจนปัญหาขยายวงกว้างมากเกินไป การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากที่สุด  


ปลูกผมเสริมขวัญ
เราทุกคนมีขวัญบนศีรษะติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด คนส่วนใหญ่จะมีเพียงขวัญเดียว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีมากกว่า 1 ขวัญขึ้นไป ขวัญมีลักษณะเป็นก้นหอย หมุนเป็นวงไปทางซ้ายหรือทางขวา ขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของแต่คน

รูปแบบการหมุนของขวัญบนศีรษะ จะเป็นตัวบอกทิศทางเส้นผมได้คร่าวๆ ว่าเส้นผมจะไปในทิศทางตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา โดยสังเกตจากผมบริเวณรอบๆ ต่อเนื่องจนมาถึงบริเวณหน้าผาก จะเห็นบริเวณโคนผมว่าองศาไปในทิศทางใด และยังอาจสังเกตตัวเองได้อีกว่าเวลาปัดผม การปัดข้างซ้ายหรือข้างขวาปัดไปได้ง่ายและดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน

จริงๆแล้วขวัญบนศีรษะไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับบางคน รูปแบบหรือลักษณะของขวัญก็อาจจะสร้างปัญหาและความวิตกกังวลให้พอสมควร ลองมาดูกันว่าคุณมีปัญหาแบบนี้บ้างหรือไม่

ผมบริเวณรอบๆขวัญขึ้นไร้ทิศทาง ไม่เรียงเส้น จนต้องเรียกว่า “ชี้โด่ชี้เด่” พยายามหวีผมปิดแล้วก็ยังปิดไม่มิด สร้างความรำคาญใจให้พอสมควรทีเดียว บางคนมี 2-3 ขวัญ และบางครั้งก็อยู่ในบริเวณที่ไม่ควรจะอยู่ เช่น ด้านหน้าศีรษะ หน้าผากหรือขมับ อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องทิศทางของเส้นผม และบริเวณขวัญจะดูเหมือนผมบางเป็นหย่อมๆ ซึ่งทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


ปัญหาที่พบได้บ่อยและพบตั้งแต่อายุยังน้อยคือผมบริเวณขวัญบางลงเรื่อยๆ และขยายวงกว้างขึ้นจนอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ลักษณะที่พบได้คือ ผมบางเป็นรูปตัว O บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งหากใครรู้สึกว่ากำลังเจอกับปัญหานี้ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ควรต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไรในเมื่อขวัญก็ต้องอยู่บนศีรษะเราไปตลอดชีวิต คำตอบคือ การปลูกผมช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่มีจุดเด่นคือสามารถปลูกผมทีละเส้นแทรกเข้าไปในช่องว่างได้ เพื่อเสริมความหนาแน่นของเส้นผม ในกรณีที่ต้องปลูกผมบริเวณขวัญตรงกลางศีรษะเช่นนี้ แพทย์จะออกแบบทิศทางของเส้นผมให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับขวัญ ไม่ว่าจะไปตามเข็มนาฬิกา หรือ ทวนเข็มนาฬิกา เพื่อให้ผมแนบเนียนไปกับผมเดิมและดูเป็นธรรมชาติ



ที่นามนินมีมาตรฐานที่โดดเด่นคือ แพทย์จะประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล หากมาพบแพทย์ตอนที่ปัญหายังไม่รุนแรง แพทย์ก็จะแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้ก่อน แต่หากผมบางรุนแรงมาก และต้องทำการปลูกผมถาวร แพทย์ก็จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นให้คนไข้ด้วยตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดของศีรษะ ไม่ควรรอจนปัญหาขยายวงกว้างมากเกินไป การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากที่สุด  


ปลูกผมเสริมขวัญ
เราทุกคนมีขวัญบนศีรษะติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด คนส่วนใหญ่จะมีเพียงขวัญเดียว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีมากกว่า 1 ขวัญขึ้นไป ขวัญมีลักษณะเป็นก้นหอย หมุนเป็นวงไปทางซ้ายหรือทางขวา ขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของแต่คน

รูปแบบการหมุนของขวัญบนศีรษะ จะเป็นตัวบอกทิศทางเส้นผมได้คร่าวๆ ว่าเส้นผมจะไปในทิศทางตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา โดยสังเกตจากผมบริเวณรอบๆ ต่อเนื่องจนมาถึงบริเวณหน้าผาก จะเห็นบริเวณโคนผมว่าองศาไปในทิศทางใด และยังอาจสังเกตตัวเองได้อีกว่าเวลาปัดผม การปัดข้างซ้ายหรือข้างขวาปัดไปได้ง่ายและดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน

จริงๆแล้วขวัญบนศีรษะไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับบางคน รูปแบบหรือลักษณะของขวัญก็อาจจะสร้างปัญหาและความวิตกกังวลให้พอสมควร ลองมาดูกันว่าคุณมีปัญหาแบบนี้บ้างหรือไม่

ผมบริเวณรอบๆขวัญขึ้นไร้ทิศทาง ไม่เรียงเส้น จนต้องเรียกว่า “ชี้โด่ชี้เด่” พยายามหวีผมปิดแล้วก็ยังปิดไม่มิด สร้างความรำคาญใจให้พอสมควรทีเดียว บางคนมี 2-3 ขวัญ และบางครั้งก็อยู่ในบริเวณที่ไม่ควรจะอยู่ เช่น ด้านหน้าศีรษะ หน้าผากหรือขมับ อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องทิศทางของเส้นผม และบริเวณขวัญจะดูเหมือนผมบางเป็นหย่อมๆ ซึ่งทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


ปัญหาที่พบได้บ่อยและพบตั้งแต่อายุยังน้อยคือผมบริเวณขวัญบางลงเรื่อยๆ และขยายวงกว้างขึ้นจนอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ลักษณะที่พบได้คือ ผมบางเป็นรูปตัว O บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งหากใครรู้สึกว่ากำลังเจอกับปัญหานี้ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ควรต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไรในเมื่อขวัญก็ต้องอยู่บนศีรษะเราไปตลอดชีวิต คำตอบคือ การปลูกผมช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่มีจุดเด่นคือสามารถปลูกผมทีละเส้นแทรกเข้าไปในช่องว่างได้ เพื่อเสริมความหนาแน่นของเส้นผม ในกรณีที่ต้องปลูกผมบริเวณขวัญตรงกลางศีรษะเช่นนี้ แพทย์จะออกแบบทิศทางของเส้นผมให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับขวัญ ไม่ว่าจะไปตามเข็มนาฬิกา หรือ ทวนเข็มนาฬิกา เพื่อให้ผมแนบเนียนไปกับผมเดิมและดูเป็นธรรมชาติ



ที่นามนินมีมาตรฐานที่โดดเด่นคือ แพทย์จะประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล หากมาพบแพทย์ตอนที่ปัญหายังไม่รุนแรง แพทย์ก็จะแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้ก่อน แต่หากผมบางรุนแรงมาก และต้องทำการปลูกผมถาวร แพทย์ก็จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นให้คนไข้ด้วยตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดของศีรษะ ไม่ควรรอจนปัญหาขยายวงกว้างมากเกินไป การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากที่สุด  


ปลูกผมเสริมขวัญ
เราทุกคนมีขวัญบนศีรษะติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด คนส่วนใหญ่จะมีเพียงขวัญเดียว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีมากกว่า 1 ขวัญขึ้นไป ขวัญมีลักษณะเป็นก้นหอย หมุนเป็นวงไปทางซ้ายหรือทางขวา ขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของแต่คน

รูปแบบการหมุนของขวัญบนศีรษะ จะเป็นตัวบอกทิศทางเส้นผมได้คร่าวๆ ว่าเส้นผมจะไปในทิศทางตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา โดยสังเกตจากผมบริเวณรอบๆ ต่อเนื่องจนมาถึงบริเวณหน้าผาก จะเห็นบริเวณโคนผมว่าองศาไปในทิศทางใด และยังอาจสังเกตตัวเองได้อีกว่าเวลาปัดผม การปัดข้างซ้ายหรือข้างขวาปัดไปได้ง่ายและดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน

จริงๆแล้วขวัญบนศีรษะไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับบางคน รูปแบบหรือลักษณะของขวัญก็อาจจะสร้างปัญหาและความวิตกกังวลให้พอสมควร ลองมาดูกันว่าคุณมีปัญหาแบบนี้บ้างหรือไม่

ผมบริเวณรอบๆขวัญขึ้นไร้ทิศทาง ไม่เรียงเส้น จนต้องเรียกว่า “ชี้โด่ชี้เด่” พยายามหวีผมปิดแล้วก็ยังปิดไม่มิด สร้างความรำคาญใจให้พอสมควรทีเดียว บางคนมี 2-3 ขวัญ และบางครั้งก็อยู่ในบริเวณที่ไม่ควรจะอยู่ เช่น ด้านหน้าศีรษะ หน้าผากหรือขมับ อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องทิศทางของเส้นผม และบริเวณขวัญจะดูเหมือนผมบางเป็นหย่อมๆ ซึ่งทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


ปัญหาที่พบได้บ่อยและพบตั้งแต่อายุยังน้อยคือผมบริเวณขวัญบางลงเรื่อยๆ และขยายวงกว้างขึ้นจนอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ลักษณะที่พบได้คือ ผมบางเป็นรูปตัว O บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งหากใครรู้สึกว่ากำลังเจอกับปัญหานี้ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ควรต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไรในเมื่อขวัญก็ต้องอยู่บนศีรษะเราไปตลอดชีวิต คำตอบคือ การปลูกผมช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่มีจุดเด่นคือสามารถปลูกผมทีละเส้นแทรกเข้าไปในช่องว่างได้ เพื่อเสริมความหนาแน่นของเส้นผม ในกรณีที่ต้องปลูกผมบริเวณขวัญตรงกลางศีรษะเช่นนี้ แพทย์จะออกแบบทิศทางของเส้นผมให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับขวัญ ไม่ว่าจะไปตามเข็มนาฬิกา หรือ ทวนเข็มนาฬิกา เพื่อให้ผมแนบเนียนไปกับผมเดิมและดูเป็นธรรมชาติ



ที่นามนินมีมาตรฐานที่โดดเด่นคือ แพทย์จะประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล หากมาพบแพทย์ตอนที่ปัญหายังไม่รุนแรง แพทย์ก็จะแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้ก่อน แต่หากผมบางรุนแรงมาก และต้องทำการปลูกผมถาวร แพทย์ก็จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นให้คนไข้ด้วยตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดของศีรษะ ไม่ควรรอจนปัญหาขยายวงกว้างมากเกินไป การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากที่สุด  


“ผมร่วง ผมบาง” รักษาแบบไหนดี
ปัญหาผมร่วงและบางมีหลายรูปแบบและหลายระดับความรุนแรง การจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด จึงควรประเมินให้ถูกต้องก่อนว่าภาวะผมร่วงและบางอยู่ในระดับใด สามารถรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง เช่น การกินยา ทำทรีทเมนต์ หรือการปลูกผมถาวร

ผมร่วงและบางระดับเริ่มต้น ผมจะยังบางไม่มากนัก รูขุมขนบนหนังศีรษะยังเปิดอยู่ เซลล์รากผมยังทำงาน การแก้ปัญหาผมร่วงที่ยังอยู่ในระดับนี้สามารถรักษาได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้ยาในกลุ่มไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) มีทั้งแบบกิน และแบบทาภายนอก โดยตัวยาจะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นมีขนาดใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมแข็งแรงขึ้น ผมหลุดร่วงน้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นเป็นลำดับ

แต่ผลของการใช้ยาขึ้นอยู่กับความมีวินัยและความอดทนของผู้รับการรักษาด้วย เพราะใช้เวลานานต้องใช้ยาในปริมาณที่ถูกต้องและต่อเนื่องและถ้าเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนผมไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้แล้ว การใช้ยาก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกัน และข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร



การทำทรีทเมนต์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการรักษาผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้น เพราะสะดวกสบาย ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลชัดเจนด้วยการเข้ารับบริการเพียงไม่กี่ครั้ง ทรีทเมนต์ที่ได้รับความนิยมมี 2 วิธี วิธีแรกคือ Hair Growth Treatment  เป็นนวัตกรรมการนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์ จากนั้นนำ Growth factor ที่ได้มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้น


อีกวิธีหนึ่งคือ การฟื้นฟูผมด้วยแสง LLLT (Low Level Laser Therapy) คือการฉายเลเซอร์จากคลื่นแสงความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 620-660 นาโนเมตร เป็นแสงสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงบนหนังศีรษะ ช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ผิวหนัง  ออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ จึงมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ตามปกติ นำไปสู่การสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายและเส้นผมหนาขึ้น


Hair Growth Treatment และ LLLT เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ และที่สำคัญ การทำทรีทเมนต์ทั้ง 2 แบบนี้ นอกจากจะรักษาภาวะผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้นได้แล้ว ยังมีประสิทธิภาพดีมากกับผู้ที่ได้รับการปลูกผมมาใหม่ๆอีกด้วย ช่วยให้แผลหายเร็ว เส้นผมใหม่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้น  

สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วงและบางระดับที่รุนแรงขึ้น ผมร่วงรุนแรงและบางมากจนเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น รูขุมขนไม่ทำงาน ผมร่วงไปแล้วไม่มีผมขึ้นใหม่ การใช้ยาหรือทรีทเมนต์เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาจะตัดสินใจเลือก

ที่นามนินมีการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบางอย่างครอบคลุม ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา หากแพทย์ประเมินแล้วว่าปัญหายังไม่รุนแรงมากนัก ก็จะแนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาหรือทำทรีทเมนต์ก่อน แต่หากปัญหารุนแรงขึ้น นามนินก็มีการปลูกผมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว คือ เทคนิค NEAT ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ทุกด้านของการปลูกผมถาวร ทั้งนวัตกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัย ดูแลและรักษาด้วยความเชี่ยวชาญ เหนือกว่าด้วยความใส่ใจและฝีมือที่ไม่เป็นรองใครของคุณหมอนิน คนไข้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายหลังการปลูกผม และที่สำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้นั้นมากกว่าการสัมผัสเส้นผมใหม่ที่สวยเป็นธรรมชาติด้วยตาเห็นเพียงอย่างเดียว แต่สัมผัสถึงความรู้สึกดีได้จากภายใน เมื่อรู้สึกมีความสุขและมั่นใจ ตัวตนใหม่ที่โดดเด่นก็จะสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน

อย่าใช้คำว่า “ไม่เป็นไร รอก่อน” กับปัญหาผมร่วงผมบาง เพราะมันอาจไม่ได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ลึกๆแล้วมันส่งผลกระทบด้านจิตใจ ผู้ที่รู้สึกว่าผมร่วงมากผิดปกติควรหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ และไม่ต้องลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเองโดยเร็วที่สุด 

“ผมร่วง ผมบาง” รักษาแบบไหนดี
ปัญหาผมร่วงและบางมีหลายรูปแบบและหลายระดับความรุนแรง การจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด จึงควรประเมินให้ถูกต้องก่อนว่าภาวะผมร่วงและบางอยู่ในระดับใด สามารถรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง เช่น การกินยา ทำทรีทเมนต์ หรือการปลูกผมถาวร

ผมร่วงและบางระดับเริ่มต้น ผมจะยังบางไม่มากนัก รูขุมขนบนหนังศีรษะยังเปิดอยู่ เซลล์รากผมยังทำงาน การแก้ปัญหาผมร่วงที่ยังอยู่ในระดับนี้สามารถรักษาได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้ยาในกลุ่มไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) มีทั้งแบบกิน และแบบทาภายนอก โดยตัวยาจะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นมีขนาดใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมแข็งแรงขึ้น ผมหลุดร่วงน้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นเป็นลำดับ

แต่ผลของการใช้ยาขึ้นอยู่กับความมีวินัยและความอดทนของผู้รับการรักษาด้วย เพราะใช้เวลานานต้องใช้ยาในปริมาณที่ถูกต้องและต่อเนื่องและถ้าเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนผมไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้แล้ว การใช้ยาก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกัน และข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร



การทำทรีทเมนต์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการรักษาผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้น เพราะสะดวกสบาย ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลชัดเจนด้วยการเข้ารับบริการเพียงไม่กี่ครั้ง ทรีทเมนต์ที่ได้รับความนิยมมี 2 วิธี วิธีแรกคือ Hair Growth Treatment  เป็นนวัตกรรมการนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์ จากนั้นนำ Growth factor ที่ได้มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้น


อีกวิธีหนึ่งคือ การฟื้นฟูผมด้วยแสง LLLT (Low Level Laser Therapy) คือการฉายเลเซอร์จากคลื่นแสงความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 620-660 นาโนเมตร เป็นแสงสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงบนหนังศีรษะ ช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ผิวหนัง  ออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ จึงมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ตามปกติ นำไปสู่การสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายและเส้นผมหนาขึ้น


Hair Growth Treatment และ LLLT เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ และที่สำคัญ การทำทรีทเมนต์ทั้ง 2 แบบนี้ นอกจากจะรักษาภาวะผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้นได้แล้ว ยังมีประสิทธิภาพดีมากกับผู้ที่ได้รับการปลูกผมมาใหม่ๆอีกด้วย ช่วยให้แผลหายเร็ว เส้นผมใหม่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้น  

สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วงและบางระดับที่รุนแรงขึ้น ผมร่วงรุนแรงและบางมากจนเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น รูขุมขนไม่ทำงาน ผมร่วงไปแล้วไม่มีผมขึ้นใหม่ การใช้ยาหรือทรีทเมนต์เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาจะตัดสินใจเลือก

ที่นามนินมีการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบางอย่างครอบคลุม ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา หากแพทย์ประเมินแล้วว่าปัญหายังไม่รุนแรงมากนัก ก็จะแนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาหรือทำทรีทเมนต์ก่อน แต่หากปัญหารุนแรงขึ้น นามนินก็มีการปลูกผมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว คือ เทคนิค NEAT ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ทุกด้านของการปลูกผมถาวร ทั้งนวัตกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัย ดูแลและรักษาด้วยความเชี่ยวชาญ เหนือกว่าด้วยความใส่ใจและฝีมือที่ไม่เป็นรองใครของคุณหมอนิน คนไข้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายหลังการปลูกผม และที่สำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้นั้นมากกว่าการสัมผัสเส้นผมใหม่ที่สวยเป็นธรรมชาติด้วยตาเห็นเพียงอย่างเดียว แต่สัมผัสถึงความรู้สึกดีได้จากภายใน เมื่อรู้สึกมีความสุขและมั่นใจ ตัวตนใหม่ที่โดดเด่นก็จะสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน

อย่าใช้คำว่า “ไม่เป็นไร รอก่อน” กับปัญหาผมร่วงผมบาง เพราะมันอาจไม่ได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ลึกๆแล้วมันส่งผลกระทบด้านจิตใจ ผู้ที่รู้สึกว่าผมร่วงมากผิดปกติควรหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ และไม่ต้องลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเองโดยเร็วที่สุด 

“ผมร่วง ผมบาง” รักษาแบบไหนดี
ปัญหาผมร่วงและบางมีหลายรูปแบบและหลายระดับความรุนแรง การจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด จึงควรประเมินให้ถูกต้องก่อนว่าภาวะผมร่วงและบางอยู่ในระดับใด สามารถรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง เช่น การกินยา ทำทรีทเมนต์ หรือการปลูกผมถาวร

ผมร่วงและบางระดับเริ่มต้น ผมจะยังบางไม่มากนัก รูขุมขนบนหนังศีรษะยังเปิดอยู่ เซลล์รากผมยังทำงาน การแก้ปัญหาผมร่วงที่ยังอยู่ในระดับนี้สามารถรักษาได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้ยาในกลุ่มไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) มีทั้งแบบกิน และแบบทาภายนอก โดยตัวยาจะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นมีขนาดใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมแข็งแรงขึ้น ผมหลุดร่วงน้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นเป็นลำดับ

แต่ผลของการใช้ยาขึ้นอยู่กับความมีวินัยและความอดทนของผู้รับการรักษาด้วย เพราะใช้เวลานานต้องใช้ยาในปริมาณที่ถูกต้องและต่อเนื่องและถ้าเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนผมไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้แล้ว การใช้ยาก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกัน และข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร



การทำทรีทเมนต์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการรักษาผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้น เพราะสะดวกสบาย ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลชัดเจนด้วยการเข้ารับบริการเพียงไม่กี่ครั้ง ทรีทเมนต์ที่ได้รับความนิยมมี 2 วิธี วิธีแรกคือ Hair Growth Treatment  เป็นนวัตกรรมการนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์ จากนั้นนำ Growth factor ที่ได้มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้น


อีกวิธีหนึ่งคือ การฟื้นฟูผมด้วยแสง LLLT (Low Level Laser Therapy) คือการฉายเลเซอร์จากคลื่นแสงความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 620-660 นาโนเมตร เป็นแสงสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงบนหนังศีรษะ ช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ผิวหนัง  ออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ จึงมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ตามปกติ นำไปสู่การสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายและเส้นผมหนาขึ้น


Hair Growth Treatment และ LLLT เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ และที่สำคัญ การทำทรีทเมนต์ทั้ง 2 แบบนี้ นอกจากจะรักษาภาวะผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้นได้แล้ว ยังมีประสิทธิภาพดีมากกับผู้ที่ได้รับการปลูกผมมาใหม่ๆอีกด้วย ช่วยให้แผลหายเร็ว เส้นผมใหม่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้น  

สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วงและบางระดับที่รุนแรงขึ้น ผมร่วงรุนแรงและบางมากจนเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น รูขุมขนไม่ทำงาน ผมร่วงไปแล้วไม่มีผมขึ้นใหม่ การใช้ยาหรือทรีทเมนต์เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาจะตัดสินใจเลือก

ที่นามนินมีการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบางอย่างครอบคลุม ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา หากแพทย์ประเมินแล้วว่าปัญหายังไม่รุนแรงมากนัก ก็จะแนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาหรือทำทรีทเมนต์ก่อน แต่หากปัญหารุนแรงขึ้น นามนินก็มีการปลูกผมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว คือ เทคนิค NEAT ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ทุกด้านของการปลูกผมถาวร ทั้งนวัตกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัย ดูแลและรักษาด้วยความเชี่ยวชาญ เหนือกว่าด้วยความใส่ใจและฝีมือที่ไม่เป็นรองใครของคุณหมอนิน คนไข้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายหลังการปลูกผม และที่สำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้นั้นมากกว่าการสัมผัสเส้นผมใหม่ที่สวยเป็นธรรมชาติด้วยตาเห็นเพียงอย่างเดียว แต่สัมผัสถึงความรู้สึกดีได้จากภายใน เมื่อรู้สึกมีความสุขและมั่นใจ ตัวตนใหม่ที่โดดเด่นก็จะสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน

อย่าใช้คำว่า “ไม่เป็นไร รอก่อน” กับปัญหาผมร่วงผมบาง เพราะมันอาจไม่ได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ลึกๆแล้วมันส่งผลกระทบด้านจิตใจ ผู้ที่รู้สึกว่าผมร่วงมากผิดปกติควรหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ และไม่ต้องลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเองโดยเร็วที่สุด 

“ผมร่วง ผมบาง” รักษาแบบไหนดี
ปัญหาผมร่วงและบางมีหลายรูปแบบและหลายระดับความรุนแรง การจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด จึงควรประเมินให้ถูกต้องก่อนว่าภาวะผมร่วงและบางอยู่ในระดับใด สามารถรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง เช่น การกินยา ทำทรีทเมนต์ หรือการปลูกผมถาวร

ผมร่วงและบางระดับเริ่มต้น ผมจะยังบางไม่มากนัก รูขุมขนบนหนังศีรษะยังเปิดอยู่ เซลล์รากผมยังทำงาน การแก้ปัญหาผมร่วงที่ยังอยู่ในระดับนี้สามารถรักษาได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้ยาในกลุ่มไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) มีทั้งแบบกิน และแบบทาภายนอก โดยตัวยาจะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นมีขนาดใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมแข็งแรงขึ้น ผมหลุดร่วงน้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นเป็นลำดับ

แต่ผลของการใช้ยาขึ้นอยู่กับความมีวินัยและความอดทนของผู้รับการรักษาด้วย เพราะใช้เวลานานต้องใช้ยาในปริมาณที่ถูกต้องและต่อเนื่องและถ้าเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนผมไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้แล้ว การใช้ยาก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกัน และข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร



การทำทรีทเมนต์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการรักษาผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้น เพราะสะดวกสบาย ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลชัดเจนด้วยการเข้ารับบริการเพียงไม่กี่ครั้ง ทรีทเมนต์ที่ได้รับความนิยมมี 2 วิธี วิธีแรกคือ Hair Growth Treatment  เป็นนวัตกรรมการนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์ จากนั้นนำ Growth factor ที่ได้มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้น


อีกวิธีหนึ่งคือ การฟื้นฟูผมด้วยแสง LLLT (Low Level Laser Therapy) คือการฉายเลเซอร์จากคลื่นแสงความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 620-660 นาโนเมตร เป็นแสงสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงบนหนังศีรษะ ช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ผิวหนัง  ออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ จึงมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ตามปกติ นำไปสู่การสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายและเส้นผมหนาขึ้น


Hair Growth Treatment และ LLLT เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ และที่สำคัญ การทำทรีทเมนต์ทั้ง 2 แบบนี้ นอกจากจะรักษาภาวะผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้นได้แล้ว ยังมีประสิทธิภาพดีมากกับผู้ที่ได้รับการปลูกผมมาใหม่ๆอีกด้วย ช่วยให้แผลหายเร็ว เส้นผมใหม่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้น  

สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วงและบางระดับที่รุนแรงขึ้น ผมร่วงรุนแรงและบางมากจนเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น รูขุมขนไม่ทำงาน ผมร่วงไปแล้วไม่มีผมขึ้นใหม่ การใช้ยาหรือทรีทเมนต์เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาจะตัดสินใจเลือก

ที่นามนินมีการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบางอย่างครอบคลุม ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา หากแพทย์ประเมินแล้วว่าปัญหายังไม่รุนแรงมากนัก ก็จะแนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาหรือทำทรีทเมนต์ก่อน แต่หากปัญหารุนแรงขึ้น นามนินก็มีการปลูกผมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว คือ เทคนิค NEAT ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ทุกด้านของการปลูกผมถาวร ทั้งนวัตกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัย ดูแลและรักษาด้วยความเชี่ยวชาญ เหนือกว่าด้วยความใส่ใจและฝีมือที่ไม่เป็นรองใครของคุณหมอนิน คนไข้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายหลังการปลูกผม และที่สำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้นั้นมากกว่าการสัมผัสเส้นผมใหม่ที่สวยเป็นธรรมชาติด้วยตาเห็นเพียงอย่างเดียว แต่สัมผัสถึงความรู้สึกดีได้จากภายใน เมื่อรู้สึกมีความสุขและมั่นใจ ตัวตนใหม่ที่โดดเด่นก็จะสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน

อย่าใช้คำว่า “ไม่เป็นไร รอก่อน” กับปัญหาผมร่วงผมบาง เพราะมันอาจไม่ได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ลึกๆแล้วมันส่งผลกระทบด้านจิตใจ ผู้ที่รู้สึกว่าผมร่วงมากผิดปกติควรหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ และไม่ต้องลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเองโดยเร็วที่สุด 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ปลูกผม“ครั้งแรก”เลือกให้ดีที่สุด
“ปลูกผมครั้งแรก” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่พอควรสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อคุณตอบคำถามแรกของตัวเองได้แล้วว่า จะลองปลูกผมดีหรือไม่ คำถามต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกปลูกผมครั้งแรกอย่างไรให้ “ดีที่สุด”

นี่เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการการปลูกผมแบบถาวร ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เวลาไปกับการศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นถูกต้องแล้ว!! การเลือกปลูกผมครั้งแรกที่ไหนและอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ง่าย และไม่ควรง่ายด้วย!! เพราะการปลูกผมครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เส้นผมบนศีรษะของคุณจะเป็นอย่างไรทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกผมครั้งแรกนี่เอง 

ทำไมเราจึงย้ำหลายครั้งถึง “ความสำคัญ” ของการ “ปลูกผมครั้งแรก” ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม ไม่ใช่การนำเส้นผมจากใครที่ไหนก็ได้มาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของเรา แต่จะต้องเป็นผมจากร่างกายของเราเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมทั่วทั้งศีรษะที่จะนำมาปลูกใหม่ได้ แต่จะต้องเป็นผมจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะเท่านั้น อย่าลืมลองจินตนาการเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า แต่ละคนมีปัญหาสุขภาพผม รวมถึงอาการผมร่วงและผมบางรุนแรงไม่เท่ากัน “ทรัพยากรผมต้นทุน” ที่จะสามารถนำไปปลูกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละคน จึงมากน้อยต่างกันตามไปด้วย 



เมื่อทรัพยากรผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ของคนเรามีอยู่อย่างจำกัด การบริหารจัดการผมต้นทุนเพื่อนำมาปลูกใหม่อย่างรอบคอบและเหมาะสมตั้งแต่การปลูกครั้งแรก จึงเป็นหัวใจของการรักษา ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด และต้อง “เลือก” แนวทางการรักษาที่ใช่ ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

มาทำความเข้าใจธรรมชาติของผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone กันอีกสักนิด Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม ซึ่งผมมีความแข็งแรง ไม่ลีบแบน เรียงตัวค่อนข้างหนาแน่น และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดย Safe Zone คือพื้นที่ผมบริเวณท้ายทอย ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว สังเกตง่าย ๆ ว่า คุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงและผมล้าน มักจะหลงเหลือผมตรงท้ายทอยด้านหลังอยู่เป็นบริเวณสุดท้ายนั่นเอง 

เหตุผลที่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมในบริเวณอื่น ๆ นั้น ก็เพราะรากผมบริเวณนี้ ไม่ ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะของเรามีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน แบบที่เราพบได้ทั่ว ๆ ไป 

โชคดีที่ DHT ไม่สามารถทำลายรากผมบริเวณ Safe Zone ได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปทำลายได้ช้ากว่าบริเวณอื่น เราจึงยังเหลือเส้นผมคุณภาพดีที่สามารถนำไปปลูกแบบถาวรในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ ทั้งยังคงคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT ไม่ว่าจะย้ายไปปลูกใหม่ยังส่วนไหนก็ตามอีกด้วย ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เติบโต หลุดร่วง และงอกใหม่ได้ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากเราลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์ จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟต์โดยประมาณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่เหมาะสมที่สุด ก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ ซึ่งจะต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อย้ายเส้นผมออกจากบริเวณ Safe Zone แล้ว บริเวณนั้นจะต้องไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเสียจนดูบางเกินไป ที่สำคัญ ยังต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะต้องพึ่งพาผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ อีกทั้งถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการปลูกผมครั้งแรก การแก้ไขอาจเป็นเรื่องยาก และแน่นอนว่าคงไม่ได้ผลดีเท่าเดิม 

ดังนั้นแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกผมครั้งแรก เนื่องจากทรัพยากรผมต้นทุนที่มีอยู่จำกัด ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด รวมถึงหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่า ปลูกผมที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน แพทย์ก็คงใช้หลักการและเทคนิคไม่ต่างกัน ทำให้หลายคนใช้ปัจจัยด้านตัวเลขค่ารักษาเป็นตัวตัดสิน แต่ที่จริงแล้ว การปลูกผมครั้งแรกให้ดีที่สุดนั้น มีปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามมากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางการปลูกผมมาไว้ให้ตรงนี้แล้ว


1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ถ้าใครคิดว่าปลูกผมที่ไหนก็เหมือนกัน เราขอชวนให้ลองคิดใหม่ เพราะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพผมแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน จะดีแค่ไหนหากเราได้แก้ปัญหาผมกับแพทย์ที่รู้ลึก รู้จริง แพทย์ที่เข้าใจว่าปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ที่มองเห็นความแตกต่างของปัญหาเหล่านั้น และสามารถวิเคราะห์หรือออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ แบบไม่มีซ้ำกัน

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ควรยกให้คนไข้เป็นศูนย์กลางในการรักษา โดยเริ่มต้นจากการรับฟังปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และในการปลูกผมยังเป็นผู้ที่ลงมือปลูกเส้นต่อเส้นด้วยตนเอง   ยังสามารถตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้และเรียกคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันกลับมาได้ด้วย


2. เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม

นอกจากฝีมือหรือความชำนาญของแพทย์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปลูกผมเช่นกัน เราจึงควรมองหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ เครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีขนาดเล็กพิเศษจนสามารถช่วยให้แพทย์ลงมือปลูกผมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางทิศทางและองศาผม การประมาณความลึกในการปัก การกระจายกราฟต์ผมให้หนาแน่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี


3. วิธีการและเทคนิคในการปลูกผม

การปลูกผมถาวร แบบ FUT หรือ FUE นั้น อาจจะมีหลักการทั่วไปที่ไม่แตกต่างกันนักในแพทย์แต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอย อาจทำให้คนไข้ต้องคอยกังวลกับการปกปิดรอยแผลด้านหลัง ซึ่งเทคนิคการซ่อนแผลของแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ขณะเดียวกัน การปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ผมบาง อาจทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างเส้นผมใหม่และเก่าค่อนข้างชัดเจน ซึ่งแพทย์ก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการปลูกผมให้กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกได้เช่นกัน 


4. ความใส่ใจในการรักษา

นี่อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเส้นทางการรักษา ลองมองหาสถานบริการหรือแพทย์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลเส้นผมของเราอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการพูดคุยก่อนออกแบบวิธีการรักษา หรือการดูแลติดตามผลหลังการปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการปลูกนั้น แพทย์ที่ใส่ใจจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองอย่างประณีตทุก ๆ เส้น เพื่อควบคุมคุณภาพการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมพร้อมให้คนไข้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันดังเดิมได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุดด้วย


5. การดูแลหลังการปลูกผม

นอกเหนือจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามารับการปลูกผม รวมถึงให้ข้อมูลที่ชัดเจนตลอดการรักษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัยและความกังวลใจของคนไข้แล้ว เราควรพิจารณาถึงบริการดูแลหลังการปลูกผมด้วย เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องอาศัยเวลาถึง 1 ปีเต็มเพื่อให้เส้นผมเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในระหว่าง 1 ปีนั้น คนไข้ควรได้รับคำแนะนำ การเอาใจใส่ และการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเตรียมบริการ Treatment กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยและช่วยเสริมให้เกิดผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น แข็งแรงสมบูรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ Checklists สำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการปลูกผม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี และอยู่คู่กับหนังศีรษะของคุณไปได้อีกยาวนาน 

ปลูกผม“ครั้งแรก”เลือกให้ดีที่สุด
“ปลูกผมครั้งแรก” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่พอควรสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อคุณตอบคำถามแรกของตัวเองได้แล้วว่า จะลองปลูกผมดีหรือไม่ คำถามต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกปลูกผมครั้งแรกอย่างไรให้ “ดีที่สุด”

นี่เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการการปลูกผมแบบถาวร ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เวลาไปกับการศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นถูกต้องแล้ว!! การเลือกปลูกผมครั้งแรกที่ไหนและอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ง่าย และไม่ควรง่ายด้วย!! เพราะการปลูกผมครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เส้นผมบนศีรษะของคุณจะเป็นอย่างไรทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกผมครั้งแรกนี่เอง 

ทำไมเราจึงย้ำหลายครั้งถึง “ความสำคัญ” ของการ “ปลูกผมครั้งแรก” ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม ไม่ใช่การนำเส้นผมจากใครที่ไหนก็ได้มาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของเรา แต่จะต้องเป็นผมจากร่างกายของเราเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมทั่วทั้งศีรษะที่จะนำมาปลูกใหม่ได้ แต่จะต้องเป็นผมจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะเท่านั้น อย่าลืมลองจินตนาการเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า แต่ละคนมีปัญหาสุขภาพผม รวมถึงอาการผมร่วงและผมบางรุนแรงไม่เท่ากัน “ทรัพยากรผมต้นทุน” ที่จะสามารถนำไปปลูกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละคน จึงมากน้อยต่างกันตามไปด้วย 



เมื่อทรัพยากรผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ของคนเรามีอยู่อย่างจำกัด การบริหารจัดการผมต้นทุนเพื่อนำมาปลูกใหม่อย่างรอบคอบและเหมาะสมตั้งแต่การปลูกครั้งแรก จึงเป็นหัวใจของการรักษา ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด และต้อง “เลือก” แนวทางการรักษาที่ใช่ ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

มาทำความเข้าใจธรรมชาติของผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone กันอีกสักนิด Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม ซึ่งผมมีความแข็งแรง ไม่ลีบแบน เรียงตัวค่อนข้างหนาแน่น และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดย Safe Zone คือพื้นที่ผมบริเวณท้ายทอย ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว สังเกตง่าย ๆ ว่า คุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงและผมล้าน มักจะหลงเหลือผมตรงท้ายทอยด้านหลังอยู่เป็นบริเวณสุดท้ายนั่นเอง 

เหตุผลที่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมในบริเวณอื่น ๆ นั้น ก็เพราะรากผมบริเวณนี้ ไม่ ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะของเรามีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน แบบที่เราพบได้ทั่ว ๆ ไป 

โชคดีที่ DHT ไม่สามารถทำลายรากผมบริเวณ Safe Zone ได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปทำลายได้ช้ากว่าบริเวณอื่น เราจึงยังเหลือเส้นผมคุณภาพดีที่สามารถนำไปปลูกแบบถาวรในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ ทั้งยังคงคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT ไม่ว่าจะย้ายไปปลูกใหม่ยังส่วนไหนก็ตามอีกด้วย ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เติบโต หลุดร่วง และงอกใหม่ได้ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากเราลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์ จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟต์โดยประมาณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่เหมาะสมที่สุด ก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ ซึ่งจะต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อย้ายเส้นผมออกจากบริเวณ Safe Zone แล้ว บริเวณนั้นจะต้องไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเสียจนดูบางเกินไป ที่สำคัญ ยังต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะต้องพึ่งพาผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ อีกทั้งถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการปลูกผมครั้งแรก การแก้ไขอาจเป็นเรื่องยาก และแน่นอนว่าคงไม่ได้ผลดีเท่าเดิม 

ดังนั้นแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกผมครั้งแรก เนื่องจากทรัพยากรผมต้นทุนที่มีอยู่จำกัด ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด รวมถึงหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่า ปลูกผมที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน แพทย์ก็คงใช้หลักการและเทคนิคไม่ต่างกัน ทำให้หลายคนใช้ปัจจัยด้านตัวเลขค่ารักษาเป็นตัวตัดสิน แต่ที่จริงแล้ว การปลูกผมครั้งแรกให้ดีที่สุดนั้น มีปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามมากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางการปลูกผมมาไว้ให้ตรงนี้แล้ว


1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ถ้าใครคิดว่าปลูกผมที่ไหนก็เหมือนกัน เราขอชวนให้ลองคิดใหม่ เพราะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพผมแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน จะดีแค่ไหนหากเราได้แก้ปัญหาผมกับแพทย์ที่รู้ลึก รู้จริง แพทย์ที่เข้าใจว่าปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ที่มองเห็นความแตกต่างของปัญหาเหล่านั้น และสามารถวิเคราะห์หรือออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ แบบไม่มีซ้ำกัน

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ควรยกให้คนไข้เป็นศูนย์กลางในการรักษา โดยเริ่มต้นจากการรับฟังปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และในการปลูกผมยังเป็นผู้ที่ลงมือปลูกเส้นต่อเส้นด้วยตนเอง   ยังสามารถตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้และเรียกคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันกลับมาได้ด้วย


2. เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม

นอกจากฝีมือหรือความชำนาญของแพทย์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปลูกผมเช่นกัน เราจึงควรมองหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ เครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีขนาดเล็กพิเศษจนสามารถช่วยให้แพทย์ลงมือปลูกผมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางทิศทางและองศาผม การประมาณความลึกในการปัก การกระจายกราฟต์ผมให้หนาแน่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี


3. วิธีการและเทคนิคในการปลูกผม

การปลูกผมถาวร แบบ FUT หรือ FUE นั้น อาจจะมีหลักการทั่วไปที่ไม่แตกต่างกันนักในแพทย์แต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอย อาจทำให้คนไข้ต้องคอยกังวลกับการปกปิดรอยแผลด้านหลัง ซึ่งเทคนิคการซ่อนแผลของแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ขณะเดียวกัน การปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ผมบาง อาจทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างเส้นผมใหม่และเก่าค่อนข้างชัดเจน ซึ่งแพทย์ก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการปลูกผมให้กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกได้เช่นกัน 


4. ความใส่ใจในการรักษา

นี่อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเส้นทางการรักษา ลองมองหาสถานบริการหรือแพทย์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลเส้นผมของเราอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการพูดคุยก่อนออกแบบวิธีการรักษา หรือการดูแลติดตามผลหลังการปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการปลูกนั้น แพทย์ที่ใส่ใจจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองอย่างประณีตทุก ๆ เส้น เพื่อควบคุมคุณภาพการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมพร้อมให้คนไข้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันดังเดิมได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุดด้วย


5. การดูแลหลังการปลูกผม

นอกเหนือจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามารับการปลูกผม รวมถึงให้ข้อมูลที่ชัดเจนตลอดการรักษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัยและความกังวลใจของคนไข้แล้ว เราควรพิจารณาถึงบริการดูแลหลังการปลูกผมด้วย เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องอาศัยเวลาถึง 1 ปีเต็มเพื่อให้เส้นผมเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในระหว่าง 1 ปีนั้น คนไข้ควรได้รับคำแนะนำ การเอาใจใส่ และการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเตรียมบริการ Treatment กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยและช่วยเสริมให้เกิดผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น แข็งแรงสมบูรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ Checklists สำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการปลูกผม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี และอยู่คู่กับหนังศีรษะของคุณไปได้อีกยาวนาน 

ปลูกผม“ครั้งแรก”เลือกให้ดีที่สุด
“ปลูกผมครั้งแรก” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่พอควรสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อคุณตอบคำถามแรกของตัวเองได้แล้วว่า จะลองปลูกผมดีหรือไม่ คำถามต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกปลูกผมครั้งแรกอย่างไรให้ “ดีที่สุด”

นี่เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการการปลูกผมแบบถาวร ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เวลาไปกับการศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นถูกต้องแล้ว!! การเลือกปลูกผมครั้งแรกที่ไหนและอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ง่าย และไม่ควรง่ายด้วย!! เพราะการปลูกผมครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เส้นผมบนศีรษะของคุณจะเป็นอย่างไรทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกผมครั้งแรกนี่เอง 

ทำไมเราจึงย้ำหลายครั้งถึง “ความสำคัญ” ของการ “ปลูกผมครั้งแรก” ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม ไม่ใช่การนำเส้นผมจากใครที่ไหนก็ได้มาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของเรา แต่จะต้องเป็นผมจากร่างกายของเราเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมทั่วทั้งศีรษะที่จะนำมาปลูกใหม่ได้ แต่จะต้องเป็นผมจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะเท่านั้น อย่าลืมลองจินตนาการเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า แต่ละคนมีปัญหาสุขภาพผม รวมถึงอาการผมร่วงและผมบางรุนแรงไม่เท่ากัน “ทรัพยากรผมต้นทุน” ที่จะสามารถนำไปปลูกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละคน จึงมากน้อยต่างกันตามไปด้วย 



เมื่อทรัพยากรผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ของคนเรามีอยู่อย่างจำกัด การบริหารจัดการผมต้นทุนเพื่อนำมาปลูกใหม่อย่างรอบคอบและเหมาะสมตั้งแต่การปลูกครั้งแรก จึงเป็นหัวใจของการรักษา ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด และต้อง “เลือก” แนวทางการรักษาที่ใช่ ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

มาทำความเข้าใจธรรมชาติของผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone กันอีกสักนิด Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม ซึ่งผมมีความแข็งแรง ไม่ลีบแบน เรียงตัวค่อนข้างหนาแน่น และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดย Safe Zone คือพื้นที่ผมบริเวณท้ายทอย ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว สังเกตง่าย ๆ ว่า คุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงและผมล้าน มักจะหลงเหลือผมตรงท้ายทอยด้านหลังอยู่เป็นบริเวณสุดท้ายนั่นเอง 

เหตุผลที่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมในบริเวณอื่น ๆ นั้น ก็เพราะรากผมบริเวณนี้ ไม่ ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะของเรามีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน แบบที่เราพบได้ทั่ว ๆ ไป 

โชคดีที่ DHT ไม่สามารถทำลายรากผมบริเวณ Safe Zone ได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปทำลายได้ช้ากว่าบริเวณอื่น เราจึงยังเหลือเส้นผมคุณภาพดีที่สามารถนำไปปลูกแบบถาวรในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ ทั้งยังคงคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT ไม่ว่าจะย้ายไปปลูกใหม่ยังส่วนไหนก็ตามอีกด้วย ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เติบโต หลุดร่วง และงอกใหม่ได้ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากเราลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์ จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟต์โดยประมาณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่เหมาะสมที่สุด ก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ ซึ่งจะต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อย้ายเส้นผมออกจากบริเวณ Safe Zone แล้ว บริเวณนั้นจะต้องไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเสียจนดูบางเกินไป ที่สำคัญ ยังต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะต้องพึ่งพาผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ อีกทั้งถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการปลูกผมครั้งแรก การแก้ไขอาจเป็นเรื่องยาก และแน่นอนว่าคงไม่ได้ผลดีเท่าเดิม 

ดังนั้นแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกผมครั้งแรก เนื่องจากทรัพยากรผมต้นทุนที่มีอยู่จำกัด ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด รวมถึงหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่า ปลูกผมที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน แพทย์ก็คงใช้หลักการและเทคนิคไม่ต่างกัน ทำให้หลายคนใช้ปัจจัยด้านตัวเลขค่ารักษาเป็นตัวตัดสิน แต่ที่จริงแล้ว การปลูกผมครั้งแรกให้ดีที่สุดนั้น มีปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามมากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางการปลูกผมมาไว้ให้ตรงนี้แล้ว


1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ถ้าใครคิดว่าปลูกผมที่ไหนก็เหมือนกัน เราขอชวนให้ลองคิดใหม่ เพราะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพผมแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน จะดีแค่ไหนหากเราได้แก้ปัญหาผมกับแพทย์ที่รู้ลึก รู้จริง แพทย์ที่เข้าใจว่าปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ที่มองเห็นความแตกต่างของปัญหาเหล่านั้น และสามารถวิเคราะห์หรือออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ แบบไม่มีซ้ำกัน

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ควรยกให้คนไข้เป็นศูนย์กลางในการรักษา โดยเริ่มต้นจากการรับฟังปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และในการปลูกผมยังเป็นผู้ที่ลงมือปลูกเส้นต่อเส้นด้วยตนเอง   ยังสามารถตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้และเรียกคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันกลับมาได้ด้วย


2. เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม

นอกจากฝีมือหรือความชำนาญของแพทย์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปลูกผมเช่นกัน เราจึงควรมองหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ เครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีขนาดเล็กพิเศษจนสามารถช่วยให้แพทย์ลงมือปลูกผมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางทิศทางและองศาผม การประมาณความลึกในการปัก การกระจายกราฟต์ผมให้หนาแน่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี


3. วิธีการและเทคนิคในการปลูกผม

การปลูกผมถาวร แบบ FUT หรือ FUE นั้น อาจจะมีหลักการทั่วไปที่ไม่แตกต่างกันนักในแพทย์แต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอย อาจทำให้คนไข้ต้องคอยกังวลกับการปกปิดรอยแผลด้านหลัง ซึ่งเทคนิคการซ่อนแผลของแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ขณะเดียวกัน การปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ผมบาง อาจทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างเส้นผมใหม่และเก่าค่อนข้างชัดเจน ซึ่งแพทย์ก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการปลูกผมให้กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกได้เช่นกัน 


4. ความใส่ใจในการรักษา

นี่อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเส้นทางการรักษา ลองมองหาสถานบริการหรือแพทย์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลเส้นผมของเราอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการพูดคุยก่อนออกแบบวิธีการรักษา หรือการดูแลติดตามผลหลังการปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการปลูกนั้น แพทย์ที่ใส่ใจจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองอย่างประณีตทุก ๆ เส้น เพื่อควบคุมคุณภาพการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมพร้อมให้คนไข้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันดังเดิมได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุดด้วย


5. การดูแลหลังการปลูกผม

นอกเหนือจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามารับการปลูกผม รวมถึงให้ข้อมูลที่ชัดเจนตลอดการรักษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัยและความกังวลใจของคนไข้แล้ว เราควรพิจารณาถึงบริการดูแลหลังการปลูกผมด้วย เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องอาศัยเวลาถึง 1 ปีเต็มเพื่อให้เส้นผมเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในระหว่าง 1 ปีนั้น คนไข้ควรได้รับคำแนะนำ การเอาใจใส่ และการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเตรียมบริการ Treatment กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยและช่วยเสริมให้เกิดผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น แข็งแรงสมบูรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ Checklists สำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการปลูกผม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี และอยู่คู่กับหนังศีรษะของคุณไปได้อีกยาวนาน 

ปลูกผม“ครั้งแรก”เลือกให้ดีที่สุด
“ปลูกผมครั้งแรก” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่พอควรสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อคุณตอบคำถามแรกของตัวเองได้แล้วว่า จะลองปลูกผมดีหรือไม่ คำถามต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกปลูกผมครั้งแรกอย่างไรให้ “ดีที่สุด”

นี่เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการการปลูกผมแบบถาวร ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เวลาไปกับการศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นถูกต้องแล้ว!! การเลือกปลูกผมครั้งแรกที่ไหนและอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ง่าย และไม่ควรง่ายด้วย!! เพราะการปลูกผมครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เส้นผมบนศีรษะของคุณจะเป็นอย่างไรทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกผมครั้งแรกนี่เอง 

ทำไมเราจึงย้ำหลายครั้งถึง “ความสำคัญ” ของการ “ปลูกผมครั้งแรก” ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม ไม่ใช่การนำเส้นผมจากใครที่ไหนก็ได้มาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของเรา แต่จะต้องเป็นผมจากร่างกายของเราเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมทั่วทั้งศีรษะที่จะนำมาปลูกใหม่ได้ แต่จะต้องเป็นผมจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะเท่านั้น อย่าลืมลองจินตนาการเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า แต่ละคนมีปัญหาสุขภาพผม รวมถึงอาการผมร่วงและผมบางรุนแรงไม่เท่ากัน “ทรัพยากรผมต้นทุน” ที่จะสามารถนำไปปลูกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละคน จึงมากน้อยต่างกันตามไปด้วย 



เมื่อทรัพยากรผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ของคนเรามีอยู่อย่างจำกัด การบริหารจัดการผมต้นทุนเพื่อนำมาปลูกใหม่อย่างรอบคอบและเหมาะสมตั้งแต่การปลูกครั้งแรก จึงเป็นหัวใจของการรักษา ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด และต้อง “เลือก” แนวทางการรักษาที่ใช่ ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

มาทำความเข้าใจธรรมชาติของผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone กันอีกสักนิด Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม ซึ่งผมมีความแข็งแรง ไม่ลีบแบน เรียงตัวค่อนข้างหนาแน่น และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดย Safe Zone คือพื้นที่ผมบริเวณท้ายทอย ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว สังเกตง่าย ๆ ว่า คุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงและผมล้าน มักจะหลงเหลือผมตรงท้ายทอยด้านหลังอยู่เป็นบริเวณสุดท้ายนั่นเอง 

เหตุผลที่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมในบริเวณอื่น ๆ นั้น ก็เพราะรากผมบริเวณนี้ ไม่ ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะของเรามีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน แบบที่เราพบได้ทั่ว ๆ ไป 

โชคดีที่ DHT ไม่สามารถทำลายรากผมบริเวณ Safe Zone ได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปทำลายได้ช้ากว่าบริเวณอื่น เราจึงยังเหลือเส้นผมคุณภาพดีที่สามารถนำไปปลูกแบบถาวรในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ ทั้งยังคงคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT ไม่ว่าจะย้ายไปปลูกใหม่ยังส่วนไหนก็ตามอีกด้วย ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เติบโต หลุดร่วง และงอกใหม่ได้ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากเราลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์ จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟต์โดยประมาณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่เหมาะสมที่สุด ก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ ซึ่งจะต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อย้ายเส้นผมออกจากบริเวณ Safe Zone แล้ว บริเวณนั้นจะต้องไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเสียจนดูบางเกินไป ที่สำคัญ ยังต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะต้องพึ่งพาผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ อีกทั้งถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการปลูกผมครั้งแรก การแก้ไขอาจเป็นเรื่องยาก และแน่นอนว่าคงไม่ได้ผลดีเท่าเดิม 

ดังนั้นแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกผมครั้งแรก เนื่องจากทรัพยากรผมต้นทุนที่มีอยู่จำกัด ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด รวมถึงหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่า ปลูกผมที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน แพทย์ก็คงใช้หลักการและเทคนิคไม่ต่างกัน ทำให้หลายคนใช้ปัจจัยด้านตัวเลขค่ารักษาเป็นตัวตัดสิน แต่ที่จริงแล้ว การปลูกผมครั้งแรกให้ดีที่สุดนั้น มีปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามมากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางการปลูกผมมาไว้ให้ตรงนี้แล้ว


1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ถ้าใครคิดว่าปลูกผมที่ไหนก็เหมือนกัน เราขอชวนให้ลองคิดใหม่ เพราะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพผมแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน จะดีแค่ไหนหากเราได้แก้ปัญหาผมกับแพทย์ที่รู้ลึก รู้จริง แพทย์ที่เข้าใจว่าปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ที่มองเห็นความแตกต่างของปัญหาเหล่านั้น และสามารถวิเคราะห์หรือออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ แบบไม่มีซ้ำกัน

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ควรยกให้คนไข้เป็นศูนย์กลางในการรักษา โดยเริ่มต้นจากการรับฟังปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และในการปลูกผมยังเป็นผู้ที่ลงมือปลูกเส้นต่อเส้นด้วยตนเอง   ยังสามารถตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้และเรียกคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันกลับมาได้ด้วย


2. เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม

นอกจากฝีมือหรือความชำนาญของแพทย์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปลูกผมเช่นกัน เราจึงควรมองหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ เครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีขนาดเล็กพิเศษจนสามารถช่วยให้แพทย์ลงมือปลูกผมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางทิศทางและองศาผม การประมาณความลึกในการปัก การกระจายกราฟต์ผมให้หนาแน่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี


3. วิธีการและเทคนิคในการปลูกผม

การปลูกผมถาวร แบบ FUT หรือ FUE นั้น อาจจะมีหลักการทั่วไปที่ไม่แตกต่างกันนักในแพทย์แต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอย อาจทำให้คนไข้ต้องคอยกังวลกับการปกปิดรอยแผลด้านหลัง ซึ่งเทคนิคการซ่อนแผลของแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ขณะเดียวกัน การปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ผมบาง อาจทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างเส้นผมใหม่และเก่าค่อนข้างชัดเจน ซึ่งแพทย์ก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการปลูกผมให้กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกได้เช่นกัน 


4. ความใส่ใจในการรักษา

นี่อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเส้นทางการรักษา ลองมองหาสถานบริการหรือแพทย์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลเส้นผมของเราอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการพูดคุยก่อนออกแบบวิธีการรักษา หรือการดูแลติดตามผลหลังการปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการปลูกนั้น แพทย์ที่ใส่ใจจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองอย่างประณีตทุก ๆ เส้น เพื่อควบคุมคุณภาพการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมพร้อมให้คนไข้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันดังเดิมได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุดด้วย


5. การดูแลหลังการปลูกผม

นอกเหนือจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามารับการปลูกผม รวมถึงให้ข้อมูลที่ชัดเจนตลอดการรักษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัยและความกังวลใจของคนไข้แล้ว เราควรพิจารณาถึงบริการดูแลหลังการปลูกผมด้วย เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องอาศัยเวลาถึง 1 ปีเต็มเพื่อให้เส้นผมเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในระหว่าง 1 ปีนั้น คนไข้ควรได้รับคำแนะนำ การเอาใจใส่ และการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเตรียมบริการ Treatment กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยและช่วยเสริมให้เกิดผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น แข็งแรงสมบูรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ Checklists สำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการปลูกผม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี และอยู่คู่กับหนังศีรษะของคุณไปได้อีกยาวนาน 

หัวใจของนามนิน พัฒนาต่อเนื่อง
ความทุ่มเท ใส่ใจ และไม่เคยหยุดพัฒนาของนามนิน
ถ้าพูดถึง “การปลูกผม” เมื่อหลายปีก่อนจะหมายถึงการผ่าตัดในรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยง ต้องพักฟื้นนาน ทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ และบางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็กลับไม่เป็นที่น่าพอใจเสียอีก แต่ในปัจจุบันการปลูกผมมีวิวัฒนาการขึ้นมาก มีเทคนิคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

เทคนิค NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมของนามนิน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ของแพทย์ด้านการปลูกผม พญ.นิล นามทองต้น โดดเด่นด้วยนวัตกรรมจากต่างประเทศและผลลัพธ์หลังการรักษาที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าเทคนิค FUE หรือการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมโดยทั่วไป สามารถแก้ปัญหาให้กับคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านได้ในเทคนิคเดียว

คุณหมอนินใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT  เพื่อยกระดับมาตรฐานการปลูกผมให้สูงขึ้น มีความปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงามแล้ว  เทคนิค NEAT ยังเหนือกว่าด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งที่นามนิน คุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ด้วยเทคนิคการปลูกผมของคุณหมอนินได้รับการยอมรับจากแพทย์อีกหลายท่านทั่วประเทศ ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ด้วยตนเองที่นามนินแล้วก็ตาม คุณหมอนินก็ยังไม่หยุดการพัฒนาคุณภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมไปถึงการดูแลหลังการรักษา เช่น PHB ,  Hair treatment และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้พัฒนาที่ทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาปรับใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อความทุ่มเทและใส่ใจของคุณหมอได้สะท้อนและส่งต่อผ่านเทคนิคการปลูกผม ประกอบกับการรักษาที่ประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงเกิดเป็นคุณค่าที่แตกต่าง ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ จนในหลายๆครั้ง คุณหมอนินก็เป็นแพทย์ผู้ที่เปลี่ยนชีวิตใหม่ด้วย “เส้นผม” ให้กับคนไข้ได้จริงๆ

หัวใจของนามนิน พัฒนาต่อเนื่อง
ความทุ่มเท ใส่ใจ และไม่เคยหยุดพัฒนาของนามนิน
ถ้าพูดถึง “การปลูกผม” เมื่อหลายปีก่อนจะหมายถึงการผ่าตัดในรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยง ต้องพักฟื้นนาน ทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ และบางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็กลับไม่เป็นที่น่าพอใจเสียอีก แต่ในปัจจุบันการปลูกผมมีวิวัฒนาการขึ้นมาก มีเทคนิคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

เทคนิค NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมของนามนิน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ของแพทย์ด้านการปลูกผม พญ.นิล นามทองต้น โดดเด่นด้วยนวัตกรรมจากต่างประเทศและผลลัพธ์หลังการรักษาที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าเทคนิค FUE หรือการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมโดยทั่วไป สามารถแก้ปัญหาให้กับคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านได้ในเทคนิคเดียว

คุณหมอนินใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT  เพื่อยกระดับมาตรฐานการปลูกผมให้สูงขึ้น มีความปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงามแล้ว  เทคนิค NEAT ยังเหนือกว่าด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งที่นามนิน คุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ด้วยเทคนิคการปลูกผมของคุณหมอนินได้รับการยอมรับจากแพทย์อีกหลายท่านทั่วประเทศ ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ด้วยตนเองที่นามนินแล้วก็ตาม คุณหมอนินก็ยังไม่หยุดการพัฒนาคุณภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมไปถึงการดูแลหลังการรักษา เช่น PHB ,  Hair treatment และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้พัฒนาที่ทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาปรับใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อความทุ่มเทและใส่ใจของคุณหมอได้สะท้อนและส่งต่อผ่านเทคนิคการปลูกผม ประกอบกับการรักษาที่ประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงเกิดเป็นคุณค่าที่แตกต่าง ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ จนในหลายๆครั้ง คุณหมอนินก็เป็นแพทย์ผู้ที่เปลี่ยนชีวิตใหม่ด้วย “เส้นผม” ให้กับคนไข้ได้จริงๆ

หัวใจของนามนิน พัฒนาต่อเนื่อง
ความทุ่มเท ใส่ใจ และไม่เคยหยุดพัฒนาของนามนิน
ถ้าพูดถึง “การปลูกผม” เมื่อหลายปีก่อนจะหมายถึงการผ่าตัดในรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยง ต้องพักฟื้นนาน ทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ และบางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็กลับไม่เป็นที่น่าพอใจเสียอีก แต่ในปัจจุบันการปลูกผมมีวิวัฒนาการขึ้นมาก มีเทคนิคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

เทคนิค NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมของนามนิน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ของแพทย์ด้านการปลูกผม พญ.นิล นามทองต้น โดดเด่นด้วยนวัตกรรมจากต่างประเทศและผลลัพธ์หลังการรักษาที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าเทคนิค FUE หรือการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมโดยทั่วไป สามารถแก้ปัญหาให้กับคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านได้ในเทคนิคเดียว

คุณหมอนินใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT  เพื่อยกระดับมาตรฐานการปลูกผมให้สูงขึ้น มีความปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงามแล้ว  เทคนิค NEAT ยังเหนือกว่าด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งที่นามนิน คุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ด้วยเทคนิคการปลูกผมของคุณหมอนินได้รับการยอมรับจากแพทย์อีกหลายท่านทั่วประเทศ ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ด้วยตนเองที่นามนินแล้วก็ตาม คุณหมอนินก็ยังไม่หยุดการพัฒนาคุณภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมไปถึงการดูแลหลังการรักษา เช่น PHB ,  Hair treatment และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้พัฒนาที่ทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาปรับใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อความทุ่มเทและใส่ใจของคุณหมอได้สะท้อนและส่งต่อผ่านเทคนิคการปลูกผม ประกอบกับการรักษาที่ประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงเกิดเป็นคุณค่าที่แตกต่าง ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ จนในหลายๆครั้ง คุณหมอนินก็เป็นแพทย์ผู้ที่เปลี่ยนชีวิตใหม่ด้วย “เส้นผม” ให้กับคนไข้ได้จริงๆ

หัวใจของนามนิน พัฒนาต่อเนื่อง
ความทุ่มเท ใส่ใจ และไม่เคยหยุดพัฒนาของนามนิน
ถ้าพูดถึง “การปลูกผม” เมื่อหลายปีก่อนจะหมายถึงการผ่าตัดในรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยง ต้องพักฟื้นนาน ทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ และบางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็กลับไม่เป็นที่น่าพอใจเสียอีก แต่ในปัจจุบันการปลูกผมมีวิวัฒนาการขึ้นมาก มีเทคนิคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

เทคนิค NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมของนามนิน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ของแพทย์ด้านการปลูกผม พญ.นิล นามทองต้น โดดเด่นด้วยนวัตกรรมจากต่างประเทศและผลลัพธ์หลังการรักษาที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าเทคนิค FUE หรือการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมโดยทั่วไป สามารถแก้ปัญหาให้กับคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านได้ในเทคนิคเดียว

คุณหมอนินใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT  เพื่อยกระดับมาตรฐานการปลูกผมให้สูงขึ้น มีความปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงามแล้ว  เทคนิค NEAT ยังเหนือกว่าด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งที่นามนิน คุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ด้วยเทคนิคการปลูกผมของคุณหมอนินได้รับการยอมรับจากแพทย์อีกหลายท่านทั่วประเทศ ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ด้วยตนเองที่นามนินแล้วก็ตาม คุณหมอนินก็ยังไม่หยุดการพัฒนาคุณภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมไปถึงการดูแลหลังการรักษา เช่น PHB ,  Hair treatment และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้พัฒนาที่ทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาปรับใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อความทุ่มเทและใส่ใจของคุณหมอได้สะท้อนและส่งต่อผ่านเทคนิคการปลูกผม ประกอบกับการรักษาที่ประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงเกิดเป็นคุณค่าที่แตกต่าง ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ จนในหลายๆครั้ง คุณหมอนินก็เป็นแพทย์ผู้ที่เปลี่ยนชีวิตใหม่ด้วย “เส้นผม” ให้กับคนไข้ได้จริงๆ

ปลูกผม ความคุ้มค่าคือหัวใจ
สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

ปลูกผม = การลงทุนครั้งใหญ่
“ความคุ้มค่า” คือหัวใจ ไม่ใช่ที่ “ราคา”

สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

แต่คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่เสียเงิน แพง แค่ไหน”

คำถามสำคัญน่าจะเป็น
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า หรือไม่” 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโปรแกรมการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผมที่ใช่ เราขอแนะนำว่า “ราคา” อาจไม่ใช่ปัจจัยข้อใหญ่ที่สุด แต่ราคาควรเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา “ความคุ้มค่า” ว่าสำหรับค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไปนั้น เราได้คลินิกปลูกผมที่สามารถมอบคุณภาพการรักษาที่ดีแค่ไหน 

ที่นามนิน เราตระหนักดีว่าการปลูกผมถาวร คือการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวสำหรับคนไข้ ซึ่งคุณภาพและความคุ้มค่าจะต้องมาเป็นที่หนึ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิค NEAT ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ในทุกมิติ 

NEAT 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

NEAT คือ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ของการแก้ปัญหาเส้นผมที่มาผนวกรวมกัน โดยมีความหมายที่ผ่านการคิดและออกแบบมาแล้วอย่างตั้งใจ


N แทนแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมของนามนิน ผู้ไม่เคยหยุดพัฒนาและเติมเต็มประสบการณ์การรักษาของตัวเอง


E แทนความชำนาญของแพทย์ในการคิด วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาในแต่ละครั้งแบบเฉพาะบุคคลเท่านั้น


A แทนนวัตกรรมการปลูกผมถาวรขั้นสูงของนามนิน ที่มีแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น


T แทนเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์คิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบกับอุปกรณ์ทันสมัย ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

จะเห็นได้ว่า นามนินเลือกนำศาสตร์การแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มาสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปะการรักษาที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนไข้เฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ขั้นตอน และอุปกรณ์การปลูกผมที่เอื้อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำสูงสุดในการรักษา บวกกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นามนิน คนไข้คือศูนย์กลางในการรักษา ซึ่งทั้งแพทย์และคนไข้จะเป็นผู้วางแผนการแก้ปัญหาเส้นผมตั้งแต่ต้นจนจบร่วมกัน 


นอกจากเทคนิค NEAT ซึ่งคนไข้ ๆ หลาย ๆ คนยกให้เป็นที่สุดของความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาเส้นผมแล้ว นามนินยังเตรียมความพร้อมในด้านบริการต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปี และนี่คือส่วนหนึ่งของเครื่องพิสูจน์ความคุ้มค่าในการเลือกรักษาและดูแลเส้นผมที่นามนิน

คุณภาพของอุปกรณ์การรักษา ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์

เครื่องมือที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เลือกนำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น จะต้องได้มาตรฐาน และช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์ใช้ในการปักกราฟต์ผมใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา Implanter ตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ทำให้แพทย์สามารถควบคุมการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวางทิศทางและองศา เพื่อให้ผมเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมชุดเก่าอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการประเมินความลึกในการปัก เพื่อให้ผมสามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงรากผม และเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยในการกระจายกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสมพอดี ไม่หนาแน่นเกินไป และไม่บางจนเกินไป ที่สำคัญ ยังทำให้แผลที่เกิดจากการปลูกผมใหม่มีขนาดเล็กมาก จึงช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี

หลังปลูกผมทันที ช่วงเวลาที่ต้องการการเอาใจใส่

ช่วงเวลาหลังปลูกผมใหม่ ๆ นั้น รากผมใหม่กำลังค่อย ๆ ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเส้นผม อีกทั้งยังมีแผลขนาดเล็กที่ต้องคอยดูแล นี่คือช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนใด ๆ กับหนังศีรษะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กราฟต์ผมใหม่ได้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง 



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้ โดยนอกจากการให้คำแนะนำและข้อควรระวังต่าง ๆ แล้ว แพทย์ยังลงมือทำความสะอาดผมหลังปลูกให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง และตรวจผลลัพธ์ความเรียบร้อยของกราฟต์ผมใหม่ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้กับคนไข้ทุกคน ประกอบไปด้วยสเปรย์สระผม สเปรย์ลดอาการคัน และเซรั่มบำรุงผม เพื่อลดความเสี่ยงในการหลุดร่วงของผมปลูกใหม่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่คนไข้ไปหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาลองใช้เอง

Treatment หลังปลูก เพื่อการดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในบริการ Treatment หลังปลูกผมจากนามนิน ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรักษาที่นำเอา Growth Factor จากเซลล์ของตัวคนไข้เอง ผสานเข้ากับคุณค่าจากกับวิตามินเข้มข้น ฉีดเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการการดูแล เช่นเดียวกับการฉีดยาทั่วไป เพื่อช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผม ให้สามารถกำเนิดผมใหม่ที่มีความแข็งแรง ไม่ลีบบาง รวมทั้งบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดโอกาสผมหลุดร่วงได้ และช่วยให้แผลหลังการปลูกผมหายเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การนำสาร Growth Factor ที่แยกออกมาจากเลือดของตัวคนไข้เองมาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ ติดเชื้อ หรืออาการไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย


เมื่อร่างกายตอบรับผลการรักษาได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง วิธีการนี้ยังปราศจากการใช้สารเคมี และไม่มีการผ่าตัดที่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ Hair Growth Treatment จึงเป็นบริการ Treatment ที่มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญ คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเลือกสรรเทคโนโลยี LED Light Therapy เป็นส่วนหนึ่งของบริการคุณภาพหลังปลูกผม โดยจะเป็นการใช้หลอด LED จำนวนมาก ฉายลำแสงเพื่อบำรุงหนังศีรษะและรากผมอย่างทั่วถึง เป็นการกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้น และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมเกิดใหม่ ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงยืดหยุ่น และชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม ซึ่งลำแสงสีแดงและสีเหลืองที่ใช้การรักษานั้น มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์กันมานานแล้ว และเป็นลำแสงชนิดเดียวกับที่เราได้รับจากดวงอาทิตย์ตามธรรมชาตินั่นเอง

LED Light Therapy มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ในส่วนของคนไข้เองก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงครั้งละ 15 – 20 นาทีเท่านั้น นับเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมจากภายใน ให้คืนความแข็งแรงสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยให้ผมปลูกใหม่สามารถอยู่คงทนไปได้ตลอดวงจรชีวิตของเส้นผม

หนึ่งปีแห่งการติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว

การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องใช้เวลาดูแลและเฝ้าติดตามผลลัพธ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม เนื่องจากเส้นผมมีวงจรการเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการงอกขึ้นเป็นตอผมสั้น ๆ ในช่วงหลังจากสองสัปดาห์แรก ผ่านช่วง Shock Loss ที่เส้นผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติหลังจากปลูกผมไปแล้ว 1 เดือน ก่อนที่ผมจะกลับงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4 – 6 และเข้าสู่ระยะการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอจนครบ 1 ปีเต็ม จึงจะเห็นผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น และแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ 

ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะติดตามความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมคนไข้อย่างใกล้ชิด และนัดคนไข้เข้ามาติดตามอาการและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเสียงยืนยันจากคนไข้หลาย ๆ คน บอกกับเราว่า เมื่อเวลาผ่านไป จากแพทย์ กลายเป็นเพื่อนที่ปรึกษาคู่ใจเรื่องเส้นผมเลยก็มี เพราะที่นามนิน แพทย์และคนไข้จะเปิดใจพูดคุย รับฟังกัน และช่วยเหลือกันตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของการพิจารณาความคุ้มค่าในการปลูกผม ที่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “ความใส่ใจ” จากแพทย์ ประเมินออกมาเป็นตัวเลขราคาไม่ได้ และการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ “คุณคนใหม่” ได้สำเร็จ ก็คือรางวัลชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว สำหรับการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณเอง

ปลูกผม ความคุ้มค่าคือหัวใจ
สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

ปลูกผม = การลงทุนครั้งใหญ่
“ความคุ้มค่า” คือหัวใจ ไม่ใช่ที่ “ราคา”

สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

แต่คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่เสียเงิน แพง แค่ไหน”

คำถามสำคัญน่าจะเป็น
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า หรือไม่” 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโปรแกรมการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผมที่ใช่ เราขอแนะนำว่า “ราคา” อาจไม่ใช่ปัจจัยข้อใหญ่ที่สุด แต่ราคาควรเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา “ความคุ้มค่า” ว่าสำหรับค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไปนั้น เราได้คลินิกปลูกผมที่สามารถมอบคุณภาพการรักษาที่ดีแค่ไหน 

ที่นามนิน เราตระหนักดีว่าการปลูกผมถาวร คือการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวสำหรับคนไข้ ซึ่งคุณภาพและความคุ้มค่าจะต้องมาเป็นที่หนึ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิค NEAT ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ในทุกมิติ 

NEAT 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

NEAT คือ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ของการแก้ปัญหาเส้นผมที่มาผนวกรวมกัน โดยมีความหมายที่ผ่านการคิดและออกแบบมาแล้วอย่างตั้งใจ


N แทนแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมของนามนิน ผู้ไม่เคยหยุดพัฒนาและเติมเต็มประสบการณ์การรักษาของตัวเอง


E แทนความชำนาญของแพทย์ในการคิด วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาในแต่ละครั้งแบบเฉพาะบุคคลเท่านั้น


A แทนนวัตกรรมการปลูกผมถาวรขั้นสูงของนามนิน ที่มีแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น


T แทนเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์คิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบกับอุปกรณ์ทันสมัย ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

จะเห็นได้ว่า นามนินเลือกนำศาสตร์การแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มาสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปะการรักษาที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนไข้เฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ขั้นตอน และอุปกรณ์การปลูกผมที่เอื้อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำสูงสุดในการรักษา บวกกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นามนิน คนไข้คือศูนย์กลางในการรักษา ซึ่งทั้งแพทย์และคนไข้จะเป็นผู้วางแผนการแก้ปัญหาเส้นผมตั้งแต่ต้นจนจบร่วมกัน 


นอกจากเทคนิค NEAT ซึ่งคนไข้ ๆ หลาย ๆ คนยกให้เป็นที่สุดของความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาเส้นผมแล้ว นามนินยังเตรียมความพร้อมในด้านบริการต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปี และนี่คือส่วนหนึ่งของเครื่องพิสูจน์ความคุ้มค่าในการเลือกรักษาและดูแลเส้นผมที่นามนิน

คุณภาพของอุปกรณ์การรักษา ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์

เครื่องมือที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เลือกนำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น จะต้องได้มาตรฐาน และช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์ใช้ในการปักกราฟต์ผมใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา Implanter ตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ทำให้แพทย์สามารถควบคุมการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวางทิศทางและองศา เพื่อให้ผมเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมชุดเก่าอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการประเมินความลึกในการปัก เพื่อให้ผมสามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงรากผม และเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยในการกระจายกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสมพอดี ไม่หนาแน่นเกินไป และไม่บางจนเกินไป ที่สำคัญ ยังทำให้แผลที่เกิดจากการปลูกผมใหม่มีขนาดเล็กมาก จึงช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี

หลังปลูกผมทันที ช่วงเวลาที่ต้องการการเอาใจใส่

ช่วงเวลาหลังปลูกผมใหม่ ๆ นั้น รากผมใหม่กำลังค่อย ๆ ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเส้นผม อีกทั้งยังมีแผลขนาดเล็กที่ต้องคอยดูแล นี่คือช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนใด ๆ กับหนังศีรษะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กราฟต์ผมใหม่ได้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง 



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้ โดยนอกจากการให้คำแนะนำและข้อควรระวังต่าง ๆ แล้ว แพทย์ยังลงมือทำความสะอาดผมหลังปลูกให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง และตรวจผลลัพธ์ความเรียบร้อยของกราฟต์ผมใหม่ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้กับคนไข้ทุกคน ประกอบไปด้วยสเปรย์สระผม สเปรย์ลดอาการคัน และเซรั่มบำรุงผม เพื่อลดความเสี่ยงในการหลุดร่วงของผมปลูกใหม่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่คนไข้ไปหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาลองใช้เอง

Treatment หลังปลูก เพื่อการดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในบริการ Treatment หลังปลูกผมจากนามนิน ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรักษาที่นำเอา Growth Factor จากเซลล์ของตัวคนไข้เอง ผสานเข้ากับคุณค่าจากกับวิตามินเข้มข้น ฉีดเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการการดูแล เช่นเดียวกับการฉีดยาทั่วไป เพื่อช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผม ให้สามารถกำเนิดผมใหม่ที่มีความแข็งแรง ไม่ลีบบาง รวมทั้งบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดโอกาสผมหลุดร่วงได้ และช่วยให้แผลหลังการปลูกผมหายเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การนำสาร Growth Factor ที่แยกออกมาจากเลือดของตัวคนไข้เองมาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ ติดเชื้อ หรืออาการไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย


เมื่อร่างกายตอบรับผลการรักษาได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง วิธีการนี้ยังปราศจากการใช้สารเคมี และไม่มีการผ่าตัดที่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ Hair Growth Treatment จึงเป็นบริการ Treatment ที่มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญ คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเลือกสรรเทคโนโลยี LED Light Therapy เป็นส่วนหนึ่งของบริการคุณภาพหลังปลูกผม โดยจะเป็นการใช้หลอด LED จำนวนมาก ฉายลำแสงเพื่อบำรุงหนังศีรษะและรากผมอย่างทั่วถึง เป็นการกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้น และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมเกิดใหม่ ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงยืดหยุ่น และชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม ซึ่งลำแสงสีแดงและสีเหลืองที่ใช้การรักษานั้น มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์กันมานานแล้ว และเป็นลำแสงชนิดเดียวกับที่เราได้รับจากดวงอาทิตย์ตามธรรมชาตินั่นเอง

LED Light Therapy มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ในส่วนของคนไข้เองก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงครั้งละ 15 – 20 นาทีเท่านั้น นับเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมจากภายใน ให้คืนความแข็งแรงสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยให้ผมปลูกใหม่สามารถอยู่คงทนไปได้ตลอดวงจรชีวิตของเส้นผม

หนึ่งปีแห่งการติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว

การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องใช้เวลาดูแลและเฝ้าติดตามผลลัพธ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม เนื่องจากเส้นผมมีวงจรการเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการงอกขึ้นเป็นตอผมสั้น ๆ ในช่วงหลังจากสองสัปดาห์แรก ผ่านช่วง Shock Loss ที่เส้นผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติหลังจากปลูกผมไปแล้ว 1 เดือน ก่อนที่ผมจะกลับงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4 – 6 และเข้าสู่ระยะการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอจนครบ 1 ปีเต็ม จึงจะเห็นผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น และแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ 

ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะติดตามความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมคนไข้อย่างใกล้ชิด และนัดคนไข้เข้ามาติดตามอาการและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเสียงยืนยันจากคนไข้หลาย ๆ คน บอกกับเราว่า เมื่อเวลาผ่านไป จากแพทย์ กลายเป็นเพื่อนที่ปรึกษาคู่ใจเรื่องเส้นผมเลยก็มี เพราะที่นามนิน แพทย์และคนไข้จะเปิดใจพูดคุย รับฟังกัน และช่วยเหลือกันตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของการพิจารณาความคุ้มค่าในการปลูกผม ที่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “ความใส่ใจ” จากแพทย์ ประเมินออกมาเป็นตัวเลขราคาไม่ได้ และการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ “คุณคนใหม่” ได้สำเร็จ ก็คือรางวัลชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว สำหรับการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณเอง

ปลูกผม ความคุ้มค่าคือหัวใจ
สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

ปลูกผม = การลงทุนครั้งใหญ่
“ความคุ้มค่า” คือหัวใจ ไม่ใช่ที่ “ราคา”

สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

แต่คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่เสียเงิน แพง แค่ไหน”

คำถามสำคัญน่าจะเป็น
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า หรือไม่” 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโปรแกรมการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผมที่ใช่ เราขอแนะนำว่า “ราคา” อาจไม่ใช่ปัจจัยข้อใหญ่ที่สุด แต่ราคาควรเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา “ความคุ้มค่า” ว่าสำหรับค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไปนั้น เราได้คลินิกปลูกผมที่สามารถมอบคุณภาพการรักษาที่ดีแค่ไหน 

ที่นามนิน เราตระหนักดีว่าการปลูกผมถาวร คือการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวสำหรับคนไข้ ซึ่งคุณภาพและความคุ้มค่าจะต้องมาเป็นที่หนึ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิค NEAT ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ในทุกมิติ 

NEAT 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

NEAT คือ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ของการแก้ปัญหาเส้นผมที่มาผนวกรวมกัน โดยมีความหมายที่ผ่านการคิดและออกแบบมาแล้วอย่างตั้งใจ


N แทนแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมของนามนิน ผู้ไม่เคยหยุดพัฒนาและเติมเต็มประสบการณ์การรักษาของตัวเอง


E แทนความชำนาญของแพทย์ในการคิด วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาในแต่ละครั้งแบบเฉพาะบุคคลเท่านั้น


A แทนนวัตกรรมการปลูกผมถาวรขั้นสูงของนามนิน ที่มีแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น


T แทนเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์คิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบกับอุปกรณ์ทันสมัย ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

จะเห็นได้ว่า นามนินเลือกนำศาสตร์การแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มาสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปะการรักษาที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนไข้เฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ขั้นตอน และอุปกรณ์การปลูกผมที่เอื้อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำสูงสุดในการรักษา บวกกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นามนิน คนไข้คือศูนย์กลางในการรักษา ซึ่งทั้งแพทย์และคนไข้จะเป็นผู้วางแผนการแก้ปัญหาเส้นผมตั้งแต่ต้นจนจบร่วมกัน 


นอกจากเทคนิค NEAT ซึ่งคนไข้ ๆ หลาย ๆ คนยกให้เป็นที่สุดของความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาเส้นผมแล้ว นามนินยังเตรียมความพร้อมในด้านบริการต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปี และนี่คือส่วนหนึ่งของเครื่องพิสูจน์ความคุ้มค่าในการเลือกรักษาและดูแลเส้นผมที่นามนิน

คุณภาพของอุปกรณ์การรักษา ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์

เครื่องมือที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เลือกนำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น จะต้องได้มาตรฐาน และช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์ใช้ในการปักกราฟต์ผมใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา Implanter ตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ทำให้แพทย์สามารถควบคุมการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวางทิศทางและองศา เพื่อให้ผมเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมชุดเก่าอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการประเมินความลึกในการปัก เพื่อให้ผมสามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงรากผม และเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยในการกระจายกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสมพอดี ไม่หนาแน่นเกินไป และไม่บางจนเกินไป ที่สำคัญ ยังทำให้แผลที่เกิดจากการปลูกผมใหม่มีขนาดเล็กมาก จึงช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี

หลังปลูกผมทันที ช่วงเวลาที่ต้องการการเอาใจใส่

ช่วงเวลาหลังปลูกผมใหม่ ๆ นั้น รากผมใหม่กำลังค่อย ๆ ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเส้นผม อีกทั้งยังมีแผลขนาดเล็กที่ต้องคอยดูแล นี่คือช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนใด ๆ กับหนังศีรษะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กราฟต์ผมใหม่ได้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง 



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้ โดยนอกจากการให้คำแนะนำและข้อควรระวังต่าง ๆ แล้ว แพทย์ยังลงมือทำความสะอาดผมหลังปลูกให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง และตรวจผลลัพธ์ความเรียบร้อยของกราฟต์ผมใหม่ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้กับคนไข้ทุกคน ประกอบไปด้วยสเปรย์สระผม สเปรย์ลดอาการคัน และเซรั่มบำรุงผม เพื่อลดความเสี่ยงในการหลุดร่วงของผมปลูกใหม่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่คนไข้ไปหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาลองใช้เอง

Treatment หลังปลูก เพื่อการดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในบริการ Treatment หลังปลูกผมจากนามนิน ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรักษาที่นำเอา Growth Factor จากเซลล์ของตัวคนไข้เอง ผสานเข้ากับคุณค่าจากกับวิตามินเข้มข้น ฉีดเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการการดูแล เช่นเดียวกับการฉีดยาทั่วไป เพื่อช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผม ให้สามารถกำเนิดผมใหม่ที่มีความแข็งแรง ไม่ลีบบาง รวมทั้งบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดโอกาสผมหลุดร่วงได้ และช่วยให้แผลหลังการปลูกผมหายเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การนำสาร Growth Factor ที่แยกออกมาจากเลือดของตัวคนไข้เองมาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ ติดเชื้อ หรืออาการไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย


เมื่อร่างกายตอบรับผลการรักษาได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง วิธีการนี้ยังปราศจากการใช้สารเคมี และไม่มีการผ่าตัดที่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ Hair Growth Treatment จึงเป็นบริการ Treatment ที่มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญ คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเลือกสรรเทคโนโลยี LED Light Therapy เป็นส่วนหนึ่งของบริการคุณภาพหลังปลูกผม โดยจะเป็นการใช้หลอด LED จำนวนมาก ฉายลำแสงเพื่อบำรุงหนังศีรษะและรากผมอย่างทั่วถึง เป็นการกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้น และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมเกิดใหม่ ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงยืดหยุ่น และชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม ซึ่งลำแสงสีแดงและสีเหลืองที่ใช้การรักษานั้น มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์กันมานานแล้ว และเป็นลำแสงชนิดเดียวกับที่เราได้รับจากดวงอาทิตย์ตามธรรมชาตินั่นเอง

LED Light Therapy มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ในส่วนของคนไข้เองก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงครั้งละ 15 – 20 นาทีเท่านั้น นับเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมจากภายใน ให้คืนความแข็งแรงสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยให้ผมปลูกใหม่สามารถอยู่คงทนไปได้ตลอดวงจรชีวิตของเส้นผม

หนึ่งปีแห่งการติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว

การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องใช้เวลาดูแลและเฝ้าติดตามผลลัพธ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม เนื่องจากเส้นผมมีวงจรการเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการงอกขึ้นเป็นตอผมสั้น ๆ ในช่วงหลังจากสองสัปดาห์แรก ผ่านช่วง Shock Loss ที่เส้นผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติหลังจากปลูกผมไปแล้ว 1 เดือน ก่อนที่ผมจะกลับงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4 – 6 และเข้าสู่ระยะการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอจนครบ 1 ปีเต็ม จึงจะเห็นผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น และแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ 

ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะติดตามความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมคนไข้อย่างใกล้ชิด และนัดคนไข้เข้ามาติดตามอาการและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเสียงยืนยันจากคนไข้หลาย ๆ คน บอกกับเราว่า เมื่อเวลาผ่านไป จากแพทย์ กลายเป็นเพื่อนที่ปรึกษาคู่ใจเรื่องเส้นผมเลยก็มี เพราะที่นามนิน แพทย์และคนไข้จะเปิดใจพูดคุย รับฟังกัน และช่วยเหลือกันตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของการพิจารณาความคุ้มค่าในการปลูกผม ที่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “ความใส่ใจ” จากแพทย์ ประเมินออกมาเป็นตัวเลขราคาไม่ได้ และการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ “คุณคนใหม่” ได้สำเร็จ ก็คือรางวัลชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว สำหรับการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณเอง

ปลูกผม ความคุ้มค่าคือหัวใจ
สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

ปลูกผม = การลงทุนครั้งใหญ่
“ความคุ้มค่า” คือหัวใจ ไม่ใช่ที่ “ราคา”

สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

แต่คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่เสียเงิน แพง แค่ไหน”

คำถามสำคัญน่าจะเป็น
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า หรือไม่” 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโปรแกรมการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผมที่ใช่ เราขอแนะนำว่า “ราคา” อาจไม่ใช่ปัจจัยข้อใหญ่ที่สุด แต่ราคาควรเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา “ความคุ้มค่า” ว่าสำหรับค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไปนั้น เราได้คลินิกปลูกผมที่สามารถมอบคุณภาพการรักษาที่ดีแค่ไหน 

ที่นามนิน เราตระหนักดีว่าการปลูกผมถาวร คือการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวสำหรับคนไข้ ซึ่งคุณภาพและความคุ้มค่าจะต้องมาเป็นที่หนึ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิค NEAT ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ในทุกมิติ 

NEAT 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

NEAT คือ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ของการแก้ปัญหาเส้นผมที่มาผนวกรวมกัน โดยมีความหมายที่ผ่านการคิดและออกแบบมาแล้วอย่างตั้งใจ


N แทนแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมของนามนิน ผู้ไม่เคยหยุดพัฒนาและเติมเต็มประสบการณ์การรักษาของตัวเอง


E แทนความชำนาญของแพทย์ในการคิด วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาในแต่ละครั้งแบบเฉพาะบุคคลเท่านั้น


A แทนนวัตกรรมการปลูกผมถาวรขั้นสูงของนามนิน ที่มีแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น


T แทนเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์คิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบกับอุปกรณ์ทันสมัย ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

จะเห็นได้ว่า นามนินเลือกนำศาสตร์การแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มาสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปะการรักษาที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนไข้เฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ขั้นตอน และอุปกรณ์การปลูกผมที่เอื้อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำสูงสุดในการรักษา บวกกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นามนิน คนไข้คือศูนย์กลางในการรักษา ซึ่งทั้งแพทย์และคนไข้จะเป็นผู้วางแผนการแก้ปัญหาเส้นผมตั้งแต่ต้นจนจบร่วมกัน 


นอกจากเทคนิค NEAT ซึ่งคนไข้ ๆ หลาย ๆ คนยกให้เป็นที่สุดของความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาเส้นผมแล้ว นามนินยังเตรียมความพร้อมในด้านบริการต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปี และนี่คือส่วนหนึ่งของเครื่องพิสูจน์ความคุ้มค่าในการเลือกรักษาและดูแลเส้นผมที่นามนิน

คุณภาพของอุปกรณ์การรักษา ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์

เครื่องมือที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เลือกนำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น จะต้องได้มาตรฐาน และช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์ใช้ในการปักกราฟต์ผมใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา Implanter ตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ทำให้แพทย์สามารถควบคุมการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวางทิศทางและองศา เพื่อให้ผมเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมชุดเก่าอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการประเมินความลึกในการปัก เพื่อให้ผมสามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงรากผม และเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยในการกระจายกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสมพอดี ไม่หนาแน่นเกินไป และไม่บางจนเกินไป ที่สำคัญ ยังทำให้แผลที่เกิดจากการปลูกผมใหม่มีขนาดเล็กมาก จึงช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี

หลังปลูกผมทันที ช่วงเวลาที่ต้องการการเอาใจใส่

ช่วงเวลาหลังปลูกผมใหม่ ๆ นั้น รากผมใหม่กำลังค่อย ๆ ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเส้นผม อีกทั้งยังมีแผลขนาดเล็กที่ต้องคอยดูแล นี่คือช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนใด ๆ กับหนังศีรษะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กราฟต์ผมใหม่ได้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง 



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้ โดยนอกจากการให้คำแนะนำและข้อควรระวังต่าง ๆ แล้ว แพทย์ยังลงมือทำความสะอาดผมหลังปลูกให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง และตรวจผลลัพธ์ความเรียบร้อยของกราฟต์ผมใหม่ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้กับคนไข้ทุกคน ประกอบไปด้วยสเปรย์สระผม สเปรย์ลดอาการคัน และเซรั่มบำรุงผม เพื่อลดความเสี่ยงในการหลุดร่วงของผมปลูกใหม่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่คนไข้ไปหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาลองใช้เอง

Treatment หลังปลูก เพื่อการดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในบริการ Treatment หลังปลูกผมจากนามนิน ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรักษาที่นำเอา Growth Factor จากเซลล์ของตัวคนไข้เอง ผสานเข้ากับคุณค่าจากกับวิตามินเข้มข้น ฉีดเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการการดูแล เช่นเดียวกับการฉีดยาทั่วไป เพื่อช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผม ให้สามารถกำเนิดผมใหม่ที่มีความแข็งแรง ไม่ลีบบาง รวมทั้งบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดโอกาสผมหลุดร่วงได้ และช่วยให้แผลหลังการปลูกผมหายเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การนำสาร Growth Factor ที่แยกออกมาจากเลือดของตัวคนไข้เองมาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ ติดเชื้อ หรืออาการไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย


เมื่อร่างกายตอบรับผลการรักษาได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง วิธีการนี้ยังปราศจากการใช้สารเคมี และไม่มีการผ่าตัดที่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ Hair Growth Treatment จึงเป็นบริการ Treatment ที่มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญ คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเลือกสรรเทคโนโลยี LED Light Therapy เป็นส่วนหนึ่งของบริการคุณภาพหลังปลูกผม โดยจะเป็นการใช้หลอด LED จำนวนมาก ฉายลำแสงเพื่อบำรุงหนังศีรษะและรากผมอย่างทั่วถึง เป็นการกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้น และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมเกิดใหม่ ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงยืดหยุ่น และชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม ซึ่งลำแสงสีแดงและสีเหลืองที่ใช้การรักษานั้น มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์กันมานานแล้ว และเป็นลำแสงชนิดเดียวกับที่เราได้รับจากดวงอาทิตย์ตามธรรมชาตินั่นเอง

LED Light Therapy มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ในส่วนของคนไข้เองก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงครั้งละ 15 – 20 นาทีเท่านั้น นับเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมจากภายใน ให้คืนความแข็งแรงสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยให้ผมปลูกใหม่สามารถอยู่คงทนไปได้ตลอดวงจรชีวิตของเส้นผม

หนึ่งปีแห่งการติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว

การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องใช้เวลาดูแลและเฝ้าติดตามผลลัพธ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม เนื่องจากเส้นผมมีวงจรการเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการงอกขึ้นเป็นตอผมสั้น ๆ ในช่วงหลังจากสองสัปดาห์แรก ผ่านช่วง Shock Loss ที่เส้นผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติหลังจากปลูกผมไปแล้ว 1 เดือน ก่อนที่ผมจะกลับงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4 – 6 และเข้าสู่ระยะการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอจนครบ 1 ปีเต็ม จึงจะเห็นผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น และแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ 

ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะติดตามความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมคนไข้อย่างใกล้ชิด และนัดคนไข้เข้ามาติดตามอาการและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเสียงยืนยันจากคนไข้หลาย ๆ คน บอกกับเราว่า เมื่อเวลาผ่านไป จากแพทย์ กลายเป็นเพื่อนที่ปรึกษาคู่ใจเรื่องเส้นผมเลยก็มี เพราะที่นามนิน แพทย์และคนไข้จะเปิดใจพูดคุย รับฟังกัน และช่วยเหลือกันตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของการพิจารณาความคุ้มค่าในการปลูกผม ที่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “ความใส่ใจ” จากแพทย์ ประเมินออกมาเป็นตัวเลขราคาไม่ได้ และการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ “คุณคนใหม่” ได้สำเร็จ ก็คือรางวัลชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว สำหรับการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณเอง

Easy Step นับถอยหลังสู่คุณคนใหม่
การปลูกผมใหม่อาจจะเคยเป็นภาพที่น่ากลัวหรือน่ากังวลใจสำหรับใครหลายๆ คน แต่ทุกวันนี้ เทคนิคใหม่ๆ บวกกับความทันสมัยของเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้มากประสบการณ์ ได้เปลี่ยนให้การปลูกผมกลายเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ และไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

เมื่อคนไข้วางใจที่จะฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคุณหมอแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงแค่การทำความเข้าใจขั้นตอนการปลูกผม และการเตรียมดูแลตนเองเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง 

ต่อไปนี้คือ Step ง่ายๆ สำหรับการเตรียมความพร้อมเข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินที่เราขอรวบรวมไว้จบครบทุกขั้นตอนในที่เดียว ...มาเดินตาม Step สบายๆ สู่เส้นทางผมสวยที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ไปพร้อมๆ กัน

1st Step - ก่อนปลูกผม

นามนินมอบประสบการณ์ปลูกผมแบบสบายใจไร้กังวลตั้งแต่ Step แรก เริ่มจากมาพบพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาเส้นผมร่วมกัน ในขั้นตอนนี้ ขอแนะนำให้คนไข้บอกเล่าปัญหาและความต้องการให้คุณหมอทราบอย่างตรงไปตรงมา มีความกังวลใจเรื่องอะไร มีข้อสงสัยตรงไหน หรืออยากไว้ผมทรงใดหลังจากปลูกผม ก็สามารถบอกกับคุณหมอได้เลย

จากนั้นคุณหมอจะประเมินแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและตอบโจทย์ตรงใจคนไข้มากที่สุด โดยคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องนำออกจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกยังพื้นที่ที่ต้องการ ทั้งยังออกแบบกรอบหน้าหรือ Hairline ใหม่ ตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้รับกับสัดส่วนใบหน้า และเพิ่มความคมเข้มหรือความหวานละมุนให้คนไข้ดูสมาร์ทหรืออ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นหลังปลูกผมอีกด้วย

ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวันเข้ารับการปลูกผม ตามแนวทางเหล่านี้
  • แจ้งโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาให้คุณหมอทราบ รวมถึงแจ้งรายละเอียดการใช้ยาตลอดจนวิตามินอาหารเสริมที่รับประทานอยู่เป็นประจำ
  • งดยาหรือวิตามินบางชนิดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์ ตัวอย่างเช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
  • งดสูบบุหรี่ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนปลูกผม 1 วัน



2nd Step - วันปลูกผม

ไม่ต้องตื่นเต้นหรือกังวลใจ เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Step ง่ายๆ ที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องเครียดเลย คุณหมอจะเป็นผู้ดูแลการรักษาอย่างใกล้ชิดตลอดวัน ขอเพียงคนไข้เตรียมตัวมาเล็กๆน้อยๆ ในวันปลูกผม เพื่อให้ตัวคนไข้เองได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดในวันสำคัญวันนี้
  • เริ่มจากนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารเช้าเบาๆ ได้ตามปกติ แต่ขอให้งดดื่มชาหรือกาแฟ เพื่อหลีกเลี่ยงคาเฟอีน
  • คนไข้สามารถรับประทานยาสำหรับโรคเบาหวานหรือความดันได้ตามปกติ
  • สระผมให้สะอาดตามคำแนะนำของแพทย์
  • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แนะนำเป็นเสื้อกระดุมหน้าที่สามารถถอดได้ง่าย เพื่อไม่ให้กระทบกับหนังศีรษะหลังการปลูกผม

ในวันปลูกผมนี้เอง คุณหมอจะเริ่มฉีดยาชาที่หนังศีรษะ และเจาะนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได แล้วนำมาปลูกใหม่ยังพื้นที่ที่ต้องการ โดยใช้ Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและหายเร็ว ซึ่งเสียงจากคนไข้หลายๆ คนยืนยันว่าไม่เจ็บเลย หรือเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


3rd Step - หลังปลูกผมใหม่ๆ

Step ที่สาม เราขอแนะนำข้อปฏิบัติหรือข้อควรระวังต่างๆช่วงหลังปลูกผมใหม่ๆซึ่งความเป็นจริงแล้ว ในการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน คนไข้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนกราฟต์ผมใหม่เท่านั้น 

  • ข้อแรก อย่าลืมรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่  3 – 5 วัน
หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ปลูกผมใหม่ เพราะจะทำให้กราฟต์ผมมีโอกาสหลุดได้ ส่วนสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้น จะหลุดออกไปเองได้ตามธรรมชาติภายใน 2 สัปดาห์
  • สระผมได้เองตามคำแนะนำของแพทย์ โดยใช้น้ำที่อุณหภูมิห้องใช้แชมพูอ่อนๆหรือแชมพูที่แพทย์แนะนำ สระเบาๆ โดยไม่ต้องขยี้ ซึ่งคนไข้สามารถสระผมเช่นนี้ได้ทุกวัน
  • ระวังการกระทบกระเทือนศีรษะระหว่างชีวิตประจำวัน เช่นขณะขึ้นลงจากรถ เพราะจะมีผลต่อกราฟต์ผมที่เพิ่งปลูกไป
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน สารเคมีต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เส้นผมโดนแสงแดดโดยตรง
  • คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรงดออกกำลังกายหนัก ๆ รวมถึงซาวน่า หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 เดือน
  • สามารถรับประทานอาหารต่างๆ ได้ตามปกติ
  • หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สามารถใช้ได้หลังปลูกผม 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงการย้อมผม โกรกผม หรือดัดผม เป็นเวลา 1 เดือน



4th Step - หนึ่งขวบปีหลังปลูกผม

Step ที่สี่ เรียกได้ว่าเป็น Step สุดท้ายที่อาจจะกินเวลายาวนานสักหน่อย เพราะแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่เราก็จำเป็นต้องให้เวลาเส้นผมได้ค่อยๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งรับรองว่าเป็นการรอคอยที่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมสวย ที่พร้อมจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่แน่นอน

และเนื่องจากเส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลง คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอไปอีก 1 ปีเต็มๆ โดยคุณหมอจะนัดคนไข้เข้ามาติดตามผลรักษาเป็นระยะๆ พร้อมให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเส้นผมก็มีจังหวะการเติบโตตามระยะต่างๆ ดังนี้

  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 1 สัปดาห์ คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ความยาวประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตร งอกขึ้นมาจากหนังศีรษะ
  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่เพิ่งงอกใหม่ จะหลุดร่วงตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • ในช่วงเดือนที่ 4 - 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • และเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี ...ดีใจด้วย คุณมาถึงเส้นชัยแล้ว... เพราะเส้นผมจะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ แลดูหนาแน่น และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

คุณหมอยังฝากคำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับช่วงเวลาสำคัญๆตลอด 1 ปี ซึ่งถ้าคนไข้ได้รับทราบข้อมูลทำความเข้าใจและเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็จะยิ่งทำให้ทุก Step การปลูกผมเป็นไปอย่างราบรื่น 



2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ช่วงเวลาวัดใจ!!
ช่วงเวลาชี้ชะตาสำหรับผมปลูกใหม่ ว่าจะร่วงหรือรอด ก็ขึ้นอยู่กับช่วง 2 สัปดาห์นี้นี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่ที่อยู่ใต้หนังศีรษะ กำลังค่อย ๆ เชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไป เพื่อจะได้ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง

ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผล ซึ่งหากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ เผลอไปสัมผัส แกะ เกา หรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหนังศีรษะ ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกมาได้ นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องการเกิดสิวหรืออาการรากผมอักเสบที่เป็นสาเหตุการหลุดร่วงของเส้นผมด้วยเช่นกัน

ผมใหม่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ!!
เมื่อผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปได้ นั่นหมายความว่า รากผมของเรากำลังเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จังหวะนี้เอง ที่คุณหมอแนะนำให้เข้ามารับบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม

อีกหนึ่งการบำรุงที่สำคัญก็คือ Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของคนไข้เอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินต่าง ๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม ทั้งยังลดการหลุดร่วงของเส้นผมอีกด้วย 

รู้ทันปรากฏการณ์ Graft Shedding !!
เมื่อถึงระยะ 2 - 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม หลายๆ คนที่เคยปลูกผมอาจจะรู้สึกช็อกไปกับอาการ Graft Shedding เนื่องจากเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึงประมาณร้อยละ 80 ทีเดียว ก่อนจะเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมขึ้นใหม่อีกประมาณ 1 - 2 เดือน 

แต่คุณหมอบอกว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนั่นเป็นอาการหลุดร่วงของเส้นผมในวงจรการเติบโตโดยปกติทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่สำคัญรากผมที่คุณหมอปลูกไว้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพื่อเตรียมที่จะงอกเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่าในช่วงเดือนที่ 4 ต่อไป

และหลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป ผลลัพธ์การปลูกผมจะเริ่มปรากฏให้คนไข้ได้ชื่นใจ สังเกตได้เลยว่าเส้นผมขึ้นใหม่จะมีความหนากว่าเดิม แข็งแรง แลดูหนาแน่น มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี เส้นผมจะสมบูรณ์เต็มที่และรากผมก็จะคงอยู่อย่างถาวร 

หวังว่า Easy Step เหล่านี้ จะช่วยให้มือใหม่ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมทุกคน พอจะมองเห็นภาพรวมของขั้นตอนการปลูกผม รวมถึงเข้าใจข้อปฏิบัติและคำแนะนำต่างๆ มากขึ้น ซึ่งคุณหมอเองตั้งใจออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ขึ้นมา เพื่อให้คนไข้สะดวกสบายและได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการปลูกผม 

มาลองพิสูจน์ความใส่ใจของคุณหมอ และเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ด้วยผมสวยสุขภาพดี ได้ที่นามนิน

Easy Step นับถอยหลังสู่คุณคนใหม่
การปลูกผมใหม่อาจจะเคยเป็นภาพที่น่ากลัวหรือน่ากังวลใจสำหรับใครหลายๆ คน แต่ทุกวันนี้ เทคนิคใหม่ๆ บวกกับความทันสมัยของเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้มากประสบการณ์ ได้เปลี่ยนให้การปลูกผมกลายเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ และไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

เมื่อคนไข้วางใจที่จะฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคุณหมอแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงแค่การทำความเข้าใจขั้นตอนการปลูกผม และการเตรียมดูแลตนเองเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง 

ต่อไปนี้คือ Step ง่ายๆ สำหรับการเตรียมความพร้อมเข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินที่เราขอรวบรวมไว้จบครบทุกขั้นตอนในที่เดียว ...มาเดินตาม Step สบายๆ สู่เส้นทางผมสวยที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ไปพร้อมๆ กัน

1st Step - ก่อนปลูกผม

นามนินมอบประสบการณ์ปลูกผมแบบสบายใจไร้กังวลตั้งแต่ Step แรก เริ่มจากมาพบพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาเส้นผมร่วมกัน ในขั้นตอนนี้ ขอแนะนำให้คนไข้บอกเล่าปัญหาและความต้องการให้คุณหมอทราบอย่างตรงไปตรงมา มีความกังวลใจเรื่องอะไร มีข้อสงสัยตรงไหน หรืออยากไว้ผมทรงใดหลังจากปลูกผม ก็สามารถบอกกับคุณหมอได้เลย

จากนั้นคุณหมอจะประเมินแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและตอบโจทย์ตรงใจคนไข้มากที่สุด โดยคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องนำออกจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกยังพื้นที่ที่ต้องการ ทั้งยังออกแบบกรอบหน้าหรือ Hairline ใหม่ ตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้รับกับสัดส่วนใบหน้า และเพิ่มความคมเข้มหรือความหวานละมุนให้คนไข้ดูสมาร์ทหรืออ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นหลังปลูกผมอีกด้วย

ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวันเข้ารับการปลูกผม ตามแนวทางเหล่านี้
  • แจ้งโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาให้คุณหมอทราบ รวมถึงแจ้งรายละเอียดการใช้ยาตลอดจนวิตามินอาหารเสริมที่รับประทานอยู่เป็นประจำ
  • งดยาหรือวิตามินบางชนิดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์ ตัวอย่างเช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
  • งดสูบบุหรี่ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนปลูกผม 1 วัน



2nd Step - วันปลูกผม

ไม่ต้องตื่นเต้นหรือกังวลใจ เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Step ง่ายๆ ที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องเครียดเลย คุณหมอจะเป็นผู้ดูแลการรักษาอย่างใกล้ชิดตลอดวัน ขอเพียงคนไข้เตรียมตัวมาเล็กๆน้อยๆ ในวันปลูกผม เพื่อให้ตัวคนไข้เองได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดในวันสำคัญวันนี้
  • เริ่มจากนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารเช้าเบาๆ ได้ตามปกติ แต่ขอให้งดดื่มชาหรือกาแฟ เพื่อหลีกเลี่ยงคาเฟอีน
  • คนไข้สามารถรับประทานยาสำหรับโรคเบาหวานหรือความดันได้ตามปกติ
  • สระผมให้สะอาดตามคำแนะนำของแพทย์
  • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แนะนำเป็นเสื้อกระดุมหน้าที่สามารถถอดได้ง่าย เพื่อไม่ให้กระทบกับหนังศีรษะหลังการปลูกผม

ในวันปลูกผมนี้เอง คุณหมอจะเริ่มฉีดยาชาที่หนังศีรษะ และเจาะนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได แล้วนำมาปลูกใหม่ยังพื้นที่ที่ต้องการ โดยใช้ Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและหายเร็ว ซึ่งเสียงจากคนไข้หลายๆ คนยืนยันว่าไม่เจ็บเลย หรือเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


3rd Step - หลังปลูกผมใหม่ๆ

Step ที่สาม เราขอแนะนำข้อปฏิบัติหรือข้อควรระวังต่างๆช่วงหลังปลูกผมใหม่ๆซึ่งความเป็นจริงแล้ว ในการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน คนไข้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนกราฟต์ผมใหม่เท่านั้น 

  • ข้อแรก อย่าลืมรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่  3 – 5 วัน
หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ปลูกผมใหม่ เพราะจะทำให้กราฟต์ผมมีโอกาสหลุดได้ ส่วนสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้น จะหลุดออกไปเองได้ตามธรรมชาติภายใน 2 สัปดาห์
  • สระผมได้เองตามคำแนะนำของแพทย์ โดยใช้น้ำที่อุณหภูมิห้องใช้แชมพูอ่อนๆหรือแชมพูที่แพทย์แนะนำ สระเบาๆ โดยไม่ต้องขยี้ ซึ่งคนไข้สามารถสระผมเช่นนี้ได้ทุกวัน
  • ระวังการกระทบกระเทือนศีรษะระหว่างชีวิตประจำวัน เช่นขณะขึ้นลงจากรถ เพราะจะมีผลต่อกราฟต์ผมที่เพิ่งปลูกไป
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน สารเคมีต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เส้นผมโดนแสงแดดโดยตรง
  • คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรงดออกกำลังกายหนัก ๆ รวมถึงซาวน่า หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 เดือน
  • สามารถรับประทานอาหารต่างๆ ได้ตามปกติ
  • หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สามารถใช้ได้หลังปลูกผม 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงการย้อมผม โกรกผม หรือดัดผม เป็นเวลา 1 เดือน



4th Step - หนึ่งขวบปีหลังปลูกผม

Step ที่สี่ เรียกได้ว่าเป็น Step สุดท้ายที่อาจจะกินเวลายาวนานสักหน่อย เพราะแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่เราก็จำเป็นต้องให้เวลาเส้นผมได้ค่อยๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งรับรองว่าเป็นการรอคอยที่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมสวย ที่พร้อมจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่แน่นอน

และเนื่องจากเส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลง คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอไปอีก 1 ปีเต็มๆ โดยคุณหมอจะนัดคนไข้เข้ามาติดตามผลรักษาเป็นระยะๆ พร้อมให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเส้นผมก็มีจังหวะการเติบโตตามระยะต่างๆ ดังนี้

  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 1 สัปดาห์ คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ความยาวประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตร งอกขึ้นมาจากหนังศีรษะ
  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่เพิ่งงอกใหม่ จะหลุดร่วงตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • ในช่วงเดือนที่ 4 - 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • และเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี ...ดีใจด้วย คุณมาถึงเส้นชัยแล้ว... เพราะเส้นผมจะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ แลดูหนาแน่น และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

คุณหมอยังฝากคำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับช่วงเวลาสำคัญๆตลอด 1 ปี ซึ่งถ้าคนไข้ได้รับทราบข้อมูลทำความเข้าใจและเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็จะยิ่งทำให้ทุก Step การปลูกผมเป็นไปอย่างราบรื่น 



2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ช่วงเวลาวัดใจ!!
ช่วงเวลาชี้ชะตาสำหรับผมปลูกใหม่ ว่าจะร่วงหรือรอด ก็ขึ้นอยู่กับช่วง 2 สัปดาห์นี้นี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่ที่อยู่ใต้หนังศีรษะ กำลังค่อย ๆ เชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไป เพื่อจะได้ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง

ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผล ซึ่งหากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ เผลอไปสัมผัส แกะ เกา หรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหนังศีรษะ ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกมาได้ นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องการเกิดสิวหรืออาการรากผมอักเสบที่เป็นสาเหตุการหลุดร่วงของเส้นผมด้วยเช่นกัน

ผมใหม่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ!!
เมื่อผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปได้ นั่นหมายความว่า รากผมของเรากำลังเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จังหวะนี้เอง ที่คุณหมอแนะนำให้เข้ามารับบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม

อีกหนึ่งการบำรุงที่สำคัญก็คือ Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของคนไข้เอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินต่าง ๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม ทั้งยังลดการหลุดร่วงของเส้นผมอีกด้วย 

รู้ทันปรากฏการณ์ Graft Shedding !!
เมื่อถึงระยะ 2 - 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม หลายๆ คนที่เคยปลูกผมอาจจะรู้สึกช็อกไปกับอาการ Graft Shedding เนื่องจากเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึงประมาณร้อยละ 80 ทีเดียว ก่อนจะเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมขึ้นใหม่อีกประมาณ 1 - 2 เดือน 

แต่คุณหมอบอกว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนั่นเป็นอาการหลุดร่วงของเส้นผมในวงจรการเติบโตโดยปกติทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่สำคัญรากผมที่คุณหมอปลูกไว้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพื่อเตรียมที่จะงอกเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่าในช่วงเดือนที่ 4 ต่อไป

และหลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป ผลลัพธ์การปลูกผมจะเริ่มปรากฏให้คนไข้ได้ชื่นใจ สังเกตได้เลยว่าเส้นผมขึ้นใหม่จะมีความหนากว่าเดิม แข็งแรง แลดูหนาแน่น มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี เส้นผมจะสมบูรณ์เต็มที่และรากผมก็จะคงอยู่อย่างถาวร 

หวังว่า Easy Step เหล่านี้ จะช่วยให้มือใหม่ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมทุกคน พอจะมองเห็นภาพรวมของขั้นตอนการปลูกผม รวมถึงเข้าใจข้อปฏิบัติและคำแนะนำต่างๆ มากขึ้น ซึ่งคุณหมอเองตั้งใจออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ขึ้นมา เพื่อให้คนไข้สะดวกสบายและได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการปลูกผม 

มาลองพิสูจน์ความใส่ใจของคุณหมอ และเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ด้วยผมสวยสุขภาพดี ได้ที่นามนิน

Easy Step นับถอยหลังสู่คุณคนใหม่
การปลูกผมใหม่อาจจะเคยเป็นภาพที่น่ากลัวหรือน่ากังวลใจสำหรับใครหลายๆ คน แต่ทุกวันนี้ เทคนิคใหม่ๆ บวกกับความทันสมัยของเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้มากประสบการณ์ ได้เปลี่ยนให้การปลูกผมกลายเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ และไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

เมื่อคนไข้วางใจที่จะฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคุณหมอแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงแค่การทำความเข้าใจขั้นตอนการปลูกผม และการเตรียมดูแลตนเองเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง 

ต่อไปนี้คือ Step ง่ายๆ สำหรับการเตรียมความพร้อมเข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินที่เราขอรวบรวมไว้จบครบทุกขั้นตอนในที่เดียว ...มาเดินตาม Step สบายๆ สู่เส้นทางผมสวยที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ไปพร้อมๆ กัน

1st Step - ก่อนปลูกผม

นามนินมอบประสบการณ์ปลูกผมแบบสบายใจไร้กังวลตั้งแต่ Step แรก เริ่มจากมาพบพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาเส้นผมร่วมกัน ในขั้นตอนนี้ ขอแนะนำให้คนไข้บอกเล่าปัญหาและความต้องการให้คุณหมอทราบอย่างตรงไปตรงมา มีความกังวลใจเรื่องอะไร มีข้อสงสัยตรงไหน หรืออยากไว้ผมทรงใดหลังจากปลูกผม ก็สามารถบอกกับคุณหมอได้เลย

จากนั้นคุณหมอจะประเมินแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและตอบโจทย์ตรงใจคนไข้มากที่สุด โดยคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องนำออกจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกยังพื้นที่ที่ต้องการ ทั้งยังออกแบบกรอบหน้าหรือ Hairline ใหม่ ตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้รับกับสัดส่วนใบหน้า และเพิ่มความคมเข้มหรือความหวานละมุนให้คนไข้ดูสมาร์ทหรืออ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นหลังปลูกผมอีกด้วย

ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวันเข้ารับการปลูกผม ตามแนวทางเหล่านี้
  • แจ้งโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาให้คุณหมอทราบ รวมถึงแจ้งรายละเอียดการใช้ยาตลอดจนวิตามินอาหารเสริมที่รับประทานอยู่เป็นประจำ
  • งดยาหรือวิตามินบางชนิดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์ ตัวอย่างเช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
  • งดสูบบุหรี่ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนปลูกผม 1 วัน



2nd Step - วันปลูกผม

ไม่ต้องตื่นเต้นหรือกังวลใจ เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Step ง่ายๆ ที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องเครียดเลย คุณหมอจะเป็นผู้ดูแลการรักษาอย่างใกล้ชิดตลอดวัน ขอเพียงคนไข้เตรียมตัวมาเล็กๆน้อยๆ ในวันปลูกผม เพื่อให้ตัวคนไข้เองได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดในวันสำคัญวันนี้
  • เริ่มจากนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารเช้าเบาๆ ได้ตามปกติ แต่ขอให้งดดื่มชาหรือกาแฟ เพื่อหลีกเลี่ยงคาเฟอีน
  • คนไข้สามารถรับประทานยาสำหรับโรคเบาหวานหรือความดันได้ตามปกติ
  • สระผมให้สะอาดตามคำแนะนำของแพทย์
  • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แนะนำเป็นเสื้อกระดุมหน้าที่สามารถถอดได้ง่าย เพื่อไม่ให้กระทบกับหนังศีรษะหลังการปลูกผม

ในวันปลูกผมนี้เอง คุณหมอจะเริ่มฉีดยาชาที่หนังศีรษะ และเจาะนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได แล้วนำมาปลูกใหม่ยังพื้นที่ที่ต้องการ โดยใช้ Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและหายเร็ว ซึ่งเสียงจากคนไข้หลายๆ คนยืนยันว่าไม่เจ็บเลย หรือเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


3rd Step - หลังปลูกผมใหม่ๆ

Step ที่สาม เราขอแนะนำข้อปฏิบัติหรือข้อควรระวังต่างๆช่วงหลังปลูกผมใหม่ๆซึ่งความเป็นจริงแล้ว ในการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน คนไข้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนกราฟต์ผมใหม่เท่านั้น 

  • ข้อแรก อย่าลืมรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่  3 – 5 วัน
หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ปลูกผมใหม่ เพราะจะทำให้กราฟต์ผมมีโอกาสหลุดได้ ส่วนสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้น จะหลุดออกไปเองได้ตามธรรมชาติภายใน 2 สัปดาห์
  • สระผมได้เองตามคำแนะนำของแพทย์ โดยใช้น้ำที่อุณหภูมิห้องใช้แชมพูอ่อนๆหรือแชมพูที่แพทย์แนะนำ สระเบาๆ โดยไม่ต้องขยี้ ซึ่งคนไข้สามารถสระผมเช่นนี้ได้ทุกวัน
  • ระวังการกระทบกระเทือนศีรษะระหว่างชีวิตประจำวัน เช่นขณะขึ้นลงจากรถ เพราะจะมีผลต่อกราฟต์ผมที่เพิ่งปลูกไป
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน สารเคมีต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เส้นผมโดนแสงแดดโดยตรง
  • คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรงดออกกำลังกายหนัก ๆ รวมถึงซาวน่า หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 เดือน
  • สามารถรับประทานอาหารต่างๆ ได้ตามปกติ
  • หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สามารถใช้ได้หลังปลูกผม 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงการย้อมผม โกรกผม หรือดัดผม เป็นเวลา 1 เดือน



4th Step - หนึ่งขวบปีหลังปลูกผม

Step ที่สี่ เรียกได้ว่าเป็น Step สุดท้ายที่อาจจะกินเวลายาวนานสักหน่อย เพราะแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่เราก็จำเป็นต้องให้เวลาเส้นผมได้ค่อยๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งรับรองว่าเป็นการรอคอยที่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมสวย ที่พร้อมจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่แน่นอน

และเนื่องจากเส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลง คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอไปอีก 1 ปีเต็มๆ โดยคุณหมอจะนัดคนไข้เข้ามาติดตามผลรักษาเป็นระยะๆ พร้อมให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเส้นผมก็มีจังหวะการเติบโตตามระยะต่างๆ ดังนี้

  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 1 สัปดาห์ คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ความยาวประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตร งอกขึ้นมาจากหนังศีรษะ
  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่เพิ่งงอกใหม่ จะหลุดร่วงตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • ในช่วงเดือนที่ 4 - 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • และเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี ...ดีใจด้วย คุณมาถึงเส้นชัยแล้ว... เพราะเส้นผมจะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ แลดูหนาแน่น และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

คุณหมอยังฝากคำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับช่วงเวลาสำคัญๆตลอด 1 ปี ซึ่งถ้าคนไข้ได้รับทราบข้อมูลทำความเข้าใจและเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็จะยิ่งทำให้ทุก Step การปลูกผมเป็นไปอย่างราบรื่น 



2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ช่วงเวลาวัดใจ!!
ช่วงเวลาชี้ชะตาสำหรับผมปลูกใหม่ ว่าจะร่วงหรือรอด ก็ขึ้นอยู่กับช่วง 2 สัปดาห์นี้นี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่ที่อยู่ใต้หนังศีรษะ กำลังค่อย ๆ เชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไป เพื่อจะได้ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง

ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผล ซึ่งหากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ เผลอไปสัมผัส แกะ เกา หรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหนังศีรษะ ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกมาได้ นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องการเกิดสิวหรืออาการรากผมอักเสบที่เป็นสาเหตุการหลุดร่วงของเส้นผมด้วยเช่นกัน

ผมใหม่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ!!
เมื่อผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปได้ นั่นหมายความว่า รากผมของเรากำลังเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จังหวะนี้เอง ที่คุณหมอแนะนำให้เข้ามารับบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม

อีกหนึ่งการบำรุงที่สำคัญก็คือ Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของคนไข้เอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินต่าง ๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม ทั้งยังลดการหลุดร่วงของเส้นผมอีกด้วย 

รู้ทันปรากฏการณ์ Graft Shedding !!
เมื่อถึงระยะ 2 - 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม หลายๆ คนที่เคยปลูกผมอาจจะรู้สึกช็อกไปกับอาการ Graft Shedding เนื่องจากเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึงประมาณร้อยละ 80 ทีเดียว ก่อนจะเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมขึ้นใหม่อีกประมาณ 1 - 2 เดือน 

แต่คุณหมอบอกว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนั่นเป็นอาการหลุดร่วงของเส้นผมในวงจรการเติบโตโดยปกติทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่สำคัญรากผมที่คุณหมอปลูกไว้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพื่อเตรียมที่จะงอกเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่าในช่วงเดือนที่ 4 ต่อไป

และหลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป ผลลัพธ์การปลูกผมจะเริ่มปรากฏให้คนไข้ได้ชื่นใจ สังเกตได้เลยว่าเส้นผมขึ้นใหม่จะมีความหนากว่าเดิม แข็งแรง แลดูหนาแน่น มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี เส้นผมจะสมบูรณ์เต็มที่และรากผมก็จะคงอยู่อย่างถาวร 

หวังว่า Easy Step เหล่านี้ จะช่วยให้มือใหม่ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมทุกคน พอจะมองเห็นภาพรวมของขั้นตอนการปลูกผม รวมถึงเข้าใจข้อปฏิบัติและคำแนะนำต่างๆ มากขึ้น ซึ่งคุณหมอเองตั้งใจออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ขึ้นมา เพื่อให้คนไข้สะดวกสบายและได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการปลูกผม 

มาลองพิสูจน์ความใส่ใจของคุณหมอ และเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ด้วยผมสวยสุขภาพดี ได้ที่นามนิน

Easy Step นับถอยหลังสู่คุณคนใหม่
การปลูกผมใหม่อาจจะเคยเป็นภาพที่น่ากลัวหรือน่ากังวลใจสำหรับใครหลายๆ คน แต่ทุกวันนี้ เทคนิคใหม่ๆ บวกกับความทันสมัยของเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้มากประสบการณ์ ได้เปลี่ยนให้การปลูกผมกลายเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ และไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

เมื่อคนไข้วางใจที่จะฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคุณหมอแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงแค่การทำความเข้าใจขั้นตอนการปลูกผม และการเตรียมดูแลตนเองเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง 

ต่อไปนี้คือ Step ง่ายๆ สำหรับการเตรียมความพร้อมเข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินที่เราขอรวบรวมไว้จบครบทุกขั้นตอนในที่เดียว ...มาเดินตาม Step สบายๆ สู่เส้นทางผมสวยที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ไปพร้อมๆ กัน

1st Step - ก่อนปลูกผม

นามนินมอบประสบการณ์ปลูกผมแบบสบายใจไร้กังวลตั้งแต่ Step แรก เริ่มจากมาพบพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาเส้นผมร่วมกัน ในขั้นตอนนี้ ขอแนะนำให้คนไข้บอกเล่าปัญหาและความต้องการให้คุณหมอทราบอย่างตรงไปตรงมา มีความกังวลใจเรื่องอะไร มีข้อสงสัยตรงไหน หรืออยากไว้ผมทรงใดหลังจากปลูกผม ก็สามารถบอกกับคุณหมอได้เลย

จากนั้นคุณหมอจะประเมินแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและตอบโจทย์ตรงใจคนไข้มากที่สุด โดยคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องนำออกจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกยังพื้นที่ที่ต้องการ ทั้งยังออกแบบกรอบหน้าหรือ Hairline ใหม่ ตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้รับกับสัดส่วนใบหน้า และเพิ่มความคมเข้มหรือความหวานละมุนให้คนไข้ดูสมาร์ทหรืออ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นหลังปลูกผมอีกด้วย

ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวันเข้ารับการปลูกผม ตามแนวทางเหล่านี้
  • แจ้งโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาให้คุณหมอทราบ รวมถึงแจ้งรายละเอียดการใช้ยาตลอดจนวิตามินอาหารเสริมที่รับประทานอยู่เป็นประจำ
  • งดยาหรือวิตามินบางชนิดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์ ตัวอย่างเช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
  • งดสูบบุหรี่ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนปลูกผม 1 วัน



2nd Step - วันปลูกผม

ไม่ต้องตื่นเต้นหรือกังวลใจ เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Step ง่ายๆ ที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องเครียดเลย คุณหมอจะเป็นผู้ดูแลการรักษาอย่างใกล้ชิดตลอดวัน ขอเพียงคนไข้เตรียมตัวมาเล็กๆน้อยๆ ในวันปลูกผม เพื่อให้ตัวคนไข้เองได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดในวันสำคัญวันนี้
  • เริ่มจากนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารเช้าเบาๆ ได้ตามปกติ แต่ขอให้งดดื่มชาหรือกาแฟ เพื่อหลีกเลี่ยงคาเฟอีน
  • คนไข้สามารถรับประทานยาสำหรับโรคเบาหวานหรือความดันได้ตามปกติ
  • สระผมให้สะอาดตามคำแนะนำของแพทย์
  • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แนะนำเป็นเสื้อกระดุมหน้าที่สามารถถอดได้ง่าย เพื่อไม่ให้กระทบกับหนังศีรษะหลังการปลูกผม

ในวันปลูกผมนี้เอง คุณหมอจะเริ่มฉีดยาชาที่หนังศีรษะ และเจาะนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได แล้วนำมาปลูกใหม่ยังพื้นที่ที่ต้องการ โดยใช้ Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและหายเร็ว ซึ่งเสียงจากคนไข้หลายๆ คนยืนยันว่าไม่เจ็บเลย หรือเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


3rd Step - หลังปลูกผมใหม่ๆ

Step ที่สาม เราขอแนะนำข้อปฏิบัติหรือข้อควรระวังต่างๆช่วงหลังปลูกผมใหม่ๆซึ่งความเป็นจริงแล้ว ในการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน คนไข้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนกราฟต์ผมใหม่เท่านั้น 

  • ข้อแรก อย่าลืมรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่  3 – 5 วัน
หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ปลูกผมใหม่ เพราะจะทำให้กราฟต์ผมมีโอกาสหลุดได้ ส่วนสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้น จะหลุดออกไปเองได้ตามธรรมชาติภายใน 2 สัปดาห์
  • สระผมได้เองตามคำแนะนำของแพทย์ โดยใช้น้ำที่อุณหภูมิห้องใช้แชมพูอ่อนๆหรือแชมพูที่แพทย์แนะนำ สระเบาๆ โดยไม่ต้องขยี้ ซึ่งคนไข้สามารถสระผมเช่นนี้ได้ทุกวัน
  • ระวังการกระทบกระเทือนศีรษะระหว่างชีวิตประจำวัน เช่นขณะขึ้นลงจากรถ เพราะจะมีผลต่อกราฟต์ผมที่เพิ่งปลูกไป
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน สารเคมีต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เส้นผมโดนแสงแดดโดยตรง
  • คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรงดออกกำลังกายหนัก ๆ รวมถึงซาวน่า หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 เดือน
  • สามารถรับประทานอาหารต่างๆ ได้ตามปกติ
  • หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สามารถใช้ได้หลังปลูกผม 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงการย้อมผม โกรกผม หรือดัดผม เป็นเวลา 1 เดือน



4th Step - หนึ่งขวบปีหลังปลูกผม

Step ที่สี่ เรียกได้ว่าเป็น Step สุดท้ายที่อาจจะกินเวลายาวนานสักหน่อย เพราะแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่เราก็จำเป็นต้องให้เวลาเส้นผมได้ค่อยๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งรับรองว่าเป็นการรอคอยที่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมสวย ที่พร้อมจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่แน่นอน

และเนื่องจากเส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลง คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอไปอีก 1 ปีเต็มๆ โดยคุณหมอจะนัดคนไข้เข้ามาติดตามผลรักษาเป็นระยะๆ พร้อมให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเส้นผมก็มีจังหวะการเติบโตตามระยะต่างๆ ดังนี้

  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 1 สัปดาห์ คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ความยาวประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตร งอกขึ้นมาจากหนังศีรษะ
  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่เพิ่งงอกใหม่ จะหลุดร่วงตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • ในช่วงเดือนที่ 4 - 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • และเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี ...ดีใจด้วย คุณมาถึงเส้นชัยแล้ว... เพราะเส้นผมจะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ แลดูหนาแน่น และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

คุณหมอยังฝากคำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับช่วงเวลาสำคัญๆตลอด 1 ปี ซึ่งถ้าคนไข้ได้รับทราบข้อมูลทำความเข้าใจและเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็จะยิ่งทำให้ทุก Step การปลูกผมเป็นไปอย่างราบรื่น 



2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ช่วงเวลาวัดใจ!!
ช่วงเวลาชี้ชะตาสำหรับผมปลูกใหม่ ว่าจะร่วงหรือรอด ก็ขึ้นอยู่กับช่วง 2 สัปดาห์นี้นี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่ที่อยู่ใต้หนังศีรษะ กำลังค่อย ๆ เชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไป เพื่อจะได้ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง

ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผล ซึ่งหากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ เผลอไปสัมผัส แกะ เกา หรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหนังศีรษะ ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกมาได้ นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องการเกิดสิวหรืออาการรากผมอักเสบที่เป็นสาเหตุการหลุดร่วงของเส้นผมด้วยเช่นกัน

ผมใหม่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ!!
เมื่อผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปได้ นั่นหมายความว่า รากผมของเรากำลังเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จังหวะนี้เอง ที่คุณหมอแนะนำให้เข้ามารับบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม

อีกหนึ่งการบำรุงที่สำคัญก็คือ Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของคนไข้เอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินต่าง ๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม ทั้งยังลดการหลุดร่วงของเส้นผมอีกด้วย 

รู้ทันปรากฏการณ์ Graft Shedding !!
เมื่อถึงระยะ 2 - 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม หลายๆ คนที่เคยปลูกผมอาจจะรู้สึกช็อกไปกับอาการ Graft Shedding เนื่องจากเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึงประมาณร้อยละ 80 ทีเดียว ก่อนจะเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมขึ้นใหม่อีกประมาณ 1 - 2 เดือน 

แต่คุณหมอบอกว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนั่นเป็นอาการหลุดร่วงของเส้นผมในวงจรการเติบโตโดยปกติทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่สำคัญรากผมที่คุณหมอปลูกไว้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพื่อเตรียมที่จะงอกเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่าในช่วงเดือนที่ 4 ต่อไป

และหลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป ผลลัพธ์การปลูกผมจะเริ่มปรากฏให้คนไข้ได้ชื่นใจ สังเกตได้เลยว่าเส้นผมขึ้นใหม่จะมีความหนากว่าเดิม แข็งแรง แลดูหนาแน่น มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี เส้นผมจะสมบูรณ์เต็มที่และรากผมก็จะคงอยู่อย่างถาวร 

หวังว่า Easy Step เหล่านี้ จะช่วยให้มือใหม่ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมทุกคน พอจะมองเห็นภาพรวมของขั้นตอนการปลูกผม รวมถึงเข้าใจข้อปฏิบัติและคำแนะนำต่างๆ มากขึ้น ซึ่งคุณหมอเองตั้งใจออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ขึ้นมา เพื่อให้คนไข้สะดวกสบายและได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการปลูกผม 

มาลองพิสูจน์ความใส่ใจของคุณหมอ และเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ด้วยผมสวยสุขภาพดี ได้ที่นามนิน

Hair Growth Treatment เพื่อผมแข็งแรงในระดับเซลล์
Hair Growth Treatment เป็นนวัตกรรมการรักษาและบำรุงผมที่เน้นการกระตุ้นให้เซลล์รากผมทำงานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย วิธีการคือ การนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดแดง จากนั้นนำ Growth factor มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะของนามนินแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้นได้



สำหรับผู้ที่ทำการปลูกผม แพทย์จะให้ทำ Hair Growth Treatment หลังการปลูกผม เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย ฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับสมบูรณ์ และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบางไม่มากและรูขุมขนบนศีรษะยังเปิดอยู่ แพทย์อาจจะประเมินว่ายังไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวร การฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะด้วยการทำ Hair Growth Treatment ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ 




เทคนิค Hair Growth Treatment เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่อ่อนโยนในช่วงสัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงระมัดระวังในการออกกำลังกาย เท่านี้ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเปี่ยมประสิทธิภาพได้ภายหลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง

Hair Growth Treatment เพื่อผมแข็งแรงในระดับเซลล์
Hair Growth Treatment เป็นนวัตกรรมการรักษาและบำรุงผมที่เน้นการกระตุ้นให้เซลล์รากผมทำงานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย วิธีการคือ การนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดแดง จากนั้นนำ Growth factor มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะของนามนินแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้นได้



สำหรับผู้ที่ทำการปลูกผม แพทย์จะให้ทำ Hair Growth Treatment หลังการปลูกผม เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย ฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับสมบูรณ์ และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบางไม่มากและรูขุมขนบนศีรษะยังเปิดอยู่ แพทย์อาจจะประเมินว่ายังไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวร การฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะด้วยการทำ Hair Growth Treatment ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ 




เทคนิค Hair Growth Treatment เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่อ่อนโยนในช่วงสัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงระมัดระวังในการออกกำลังกาย เท่านี้ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเปี่ยมประสิทธิภาพได้ภายหลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง

Hair Growth Treatment เพื่อผมแข็งแรงในระดับเซลล์
Hair Growth Treatment เป็นนวัตกรรมการรักษาและบำรุงผมที่เน้นการกระตุ้นให้เซลล์รากผมทำงานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย วิธีการคือ การนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดแดง จากนั้นนำ Growth factor มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะของนามนินแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้นได้



สำหรับผู้ที่ทำการปลูกผม แพทย์จะให้ทำ Hair Growth Treatment หลังการปลูกผม เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย ฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับสมบูรณ์ และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบางไม่มากและรูขุมขนบนศีรษะยังเปิดอยู่ แพทย์อาจจะประเมินว่ายังไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวร การฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะด้วยการทำ Hair Growth Treatment ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ 




เทคนิค Hair Growth Treatment เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่อ่อนโยนในช่วงสัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงระมัดระวังในการออกกำลังกาย เท่านี้ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเปี่ยมประสิทธิภาพได้ภายหลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง

Hair Growth Treatment เพื่อผมแข็งแรงในระดับเซลล์
Hair Growth Treatment เป็นนวัตกรรมการรักษาและบำรุงผมที่เน้นการกระตุ้นให้เซลล์รากผมทำงานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย วิธีการคือ การนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเซลล์เม็ดเลือดแดง จากนั้นนำ Growth factor มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะของนามนินแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้นได้



สำหรับผู้ที่ทำการปลูกผม แพทย์จะให้ทำ Hair Growth Treatment หลังการปลูกผม เนื่องจากจะช่วยกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผมใหม่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย ฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับสมบูรณ์ และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบางไม่มากและรูขุมขนบนศีรษะยังเปิดอยู่ แพทย์อาจจะประเมินว่ายังไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยการปลูกผมถาวร การฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะด้วยการทำ Hair Growth Treatment ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ 




เทคนิค Hair Growth Treatment เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมที่อ่อนโยนในช่วงสัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงระมัดระวังในการออกกำลังกาย เท่านี้ก็จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเปี่ยมประสิทธิภาพได้ภายหลังการทำทรีทเม้นท์เพียงไม่กี่ครั้ง

รู้จัก “เซลล์รากผม” ปัจจัยสู่ผมใหม่ที่ได้คุณภาพ
ศาสตร์การปลูกผมนั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะลองทำความเข้าใจในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลังสนใจศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม หรือกำลังจะเข้ารับปลูกผมนั้น การทำความรู้จักกับ “ผม” ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการรักษาได้ชัดเจน 

วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงระดับ “เซลล์รากผม” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสามารถชี้วัดผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมของแต่ละคนได้ หากใครมีเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ ก็เท่ากับมีต้นทุนที่ดีในการปลูกผมใหม่ให้ได้คุณภาพนั่นเอง

“รากผม” คือส่วนที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหนังศีรษะ โดยใน 1 รากผม จะประกอบด้วยต่อมรากผมประมาณ 5 ล้านต่อม และต่อมรากผมแต่ละต่อมนั้น จะมีปุ่มปลายแหลม 1 ปุ่ม ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นประสาทและเส้นเลือด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการแบ่งเซลล์รากผมเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ดังนั้น เซลล์รากผมที่แข็งแรง จึงส่งผลให้เส้นผมของเราอยู่คงทนไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ

ว่าแต่ว่า ในการปลูกผม ทำไมแพทย์จึงต้องโฟกัสที่คุณภาพเซลล์รากผมด้านหลังด้วยล่ะ 

นั่นก็เป็นเพราะว่า บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะไปจนถึงหลังใบหูของเรา คือส่วนของ “Safe zone” หรือโซนที่เส้นผมมีความแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดยคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด แพทย์จึงเลือกนำผมจากโซนนี้ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา

และถ้าใครสงสัยว่า ทำไมผมในโซนนี้จึงแข็งแรงกว่าโซนอื่น ก็ต้องอธิบายก่อนว่า บริเวณหนังศีรษะของเรา มีเจ้าฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมจนเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้เส้นผมหลุดร่วงในปริมาณมาก อีกทั้งเส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็เล็กบางและอ่อนแอ นับเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผมร่วงไปจนถึงผมล้านเลยทีเดียว 

แต่โชคดีที่ผมบริเวณ Safe zone นั้น ไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT จึงรอดจากการถูกทำลาย ที่สำคัญ ถ้าย้ายผมจากส่วนนี้ไปปลูกยังพื้นที่ใหม่เช่นด้านหน้าหรือกลางศีรษะ คุณสมบัติต้านอิทธิพลของ DHT ก็จะยังติดตัวไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมบริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นผมส่วนที่แพทย์จะต้องประเมินคุณภาพและปริมาณทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

ปกติแล้ว เวลาที่แพทย์เจาะนำผมด้านหลังออกมา จะอยู่ในรูปของ “กราฟต์ผม” หมายถึงกอผม หรือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้นภายในรูขุมขนเดียว ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งนี้ คุณภาพของกราฟต์ผมนั้น จะเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ปลูกผม เมื่อแพทย์เจาะนำกราฟต์ผมออกมาเรียบร้อยแล้ว 

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผมอยู่เพียง 1 – 2 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก การปลูกผมใหม่ให้ดูหนาแน่นก็อาจเป็นไปได้ยาก ในกรณีพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่กินบริเวณเป็นวงกว้าง

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผม 3 – 4 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ก็อาจเรียกได้ว่า เรามีกราฟต์ผมที่ได้คุณภาพ เมื่อย้ายไปปลูกใหม่ จะสามารถปลูกได้หนาแน่นถึง 60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว 





หลังจากนั้น กราฟต์ผมที่แพทย์เจาะออกมา จะได้รับการคัดแยกและตกแต่ง เพื่อให้เหมาะสมกับการนำไปปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ กัน ดังนี้

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียงผม 1 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่บริเวณไรผมด้านหน้า ซึ่งต้องการผมขนาดเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้มีขนาด 2 – 4 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ลึกเข้าไป ซึ่งผมเรียงตัวหนาแน่นกว่า จึงต้องการผมเส้นใหญ่ขึ้น เพื่อความกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม

เพราะอย่างนี้เอง คุณภาพของกราฟต์ผม หรือเซลล์รากผม บริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่สวย แข็งแรง สุขภาพดี และพร้อมเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจเต็มร้อยได้อีกครั้ง


รู้จัก “เซลล์รากผม” ปัจจัยสู่ผมใหม่ที่ได้คุณภาพ
ศาสตร์การปลูกผมนั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะลองทำความเข้าใจในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลังสนใจศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม หรือกำลังจะเข้ารับปลูกผมนั้น การทำความรู้จักกับ “ผม” ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการรักษาได้ชัดเจน 

วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงระดับ “เซลล์รากผม” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสามารถชี้วัดผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมของแต่ละคนได้ หากใครมีเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ ก็เท่ากับมีต้นทุนที่ดีในการปลูกผมใหม่ให้ได้คุณภาพนั่นเอง

“รากผม” คือส่วนที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหนังศีรษะ โดยใน 1 รากผม จะประกอบด้วยต่อมรากผมประมาณ 5 ล้านต่อม และต่อมรากผมแต่ละต่อมนั้น จะมีปุ่มปลายแหลม 1 ปุ่ม ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นประสาทและเส้นเลือด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการแบ่งเซลล์รากผมเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ดังนั้น เซลล์รากผมที่แข็งแรง จึงส่งผลให้เส้นผมของเราอยู่คงทนไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ

ว่าแต่ว่า ในการปลูกผม ทำไมแพทย์จึงต้องโฟกัสที่คุณภาพเซลล์รากผมด้านหลังด้วยล่ะ 

นั่นก็เป็นเพราะว่า บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะไปจนถึงหลังใบหูของเรา คือส่วนของ “Safe zone” หรือโซนที่เส้นผมมีความแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดยคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด แพทย์จึงเลือกนำผมจากโซนนี้ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา

และถ้าใครสงสัยว่า ทำไมผมในโซนนี้จึงแข็งแรงกว่าโซนอื่น ก็ต้องอธิบายก่อนว่า บริเวณหนังศีรษะของเรา มีเจ้าฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมจนเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้เส้นผมหลุดร่วงในปริมาณมาก อีกทั้งเส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็เล็กบางและอ่อนแอ นับเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผมร่วงไปจนถึงผมล้านเลยทีเดียว 

แต่โชคดีที่ผมบริเวณ Safe zone นั้น ไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT จึงรอดจากการถูกทำลาย ที่สำคัญ ถ้าย้ายผมจากส่วนนี้ไปปลูกยังพื้นที่ใหม่เช่นด้านหน้าหรือกลางศีรษะ คุณสมบัติต้านอิทธิพลของ DHT ก็จะยังติดตัวไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมบริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นผมส่วนที่แพทย์จะต้องประเมินคุณภาพและปริมาณทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

ปกติแล้ว เวลาที่แพทย์เจาะนำผมด้านหลังออกมา จะอยู่ในรูปของ “กราฟต์ผม” หมายถึงกอผม หรือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้นภายในรูขุมขนเดียว ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งนี้ คุณภาพของกราฟต์ผมนั้น จะเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ปลูกผม เมื่อแพทย์เจาะนำกราฟต์ผมออกมาเรียบร้อยแล้ว 

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผมอยู่เพียง 1 – 2 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก การปลูกผมใหม่ให้ดูหนาแน่นก็อาจเป็นไปได้ยาก ในกรณีพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่กินบริเวณเป็นวงกว้าง

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผม 3 – 4 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ก็อาจเรียกได้ว่า เรามีกราฟต์ผมที่ได้คุณภาพ เมื่อย้ายไปปลูกใหม่ จะสามารถปลูกได้หนาแน่นถึง 60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว 





หลังจากนั้น กราฟต์ผมที่แพทย์เจาะออกมา จะได้รับการคัดแยกและตกแต่ง เพื่อให้เหมาะสมกับการนำไปปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ กัน ดังนี้

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียงผม 1 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่บริเวณไรผมด้านหน้า ซึ่งต้องการผมขนาดเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้มีขนาด 2 – 4 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ลึกเข้าไป ซึ่งผมเรียงตัวหนาแน่นกว่า จึงต้องการผมเส้นใหญ่ขึ้น เพื่อความกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม

เพราะอย่างนี้เอง คุณภาพของกราฟต์ผม หรือเซลล์รากผม บริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่สวย แข็งแรง สุขภาพดี และพร้อมเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจเต็มร้อยได้อีกครั้ง


รู้จัก “เซลล์รากผม” ปัจจัยสู่ผมใหม่ที่ได้คุณภาพ
ศาสตร์การปลูกผมนั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะลองทำความเข้าใจในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลังสนใจศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม หรือกำลังจะเข้ารับปลูกผมนั้น การทำความรู้จักกับ “ผม” ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการรักษาได้ชัดเจน 

วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงระดับ “เซลล์รากผม” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสามารถชี้วัดผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมของแต่ละคนได้ หากใครมีเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ ก็เท่ากับมีต้นทุนที่ดีในการปลูกผมใหม่ให้ได้คุณภาพนั่นเอง

“รากผม” คือส่วนที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหนังศีรษะ โดยใน 1 รากผม จะประกอบด้วยต่อมรากผมประมาณ 5 ล้านต่อม และต่อมรากผมแต่ละต่อมนั้น จะมีปุ่มปลายแหลม 1 ปุ่ม ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นประสาทและเส้นเลือด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการแบ่งเซลล์รากผมเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ดังนั้น เซลล์รากผมที่แข็งแรง จึงส่งผลให้เส้นผมของเราอยู่คงทนไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ

ว่าแต่ว่า ในการปลูกผม ทำไมแพทย์จึงต้องโฟกัสที่คุณภาพเซลล์รากผมด้านหลังด้วยล่ะ 

นั่นก็เป็นเพราะว่า บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะไปจนถึงหลังใบหูของเรา คือส่วนของ “Safe zone” หรือโซนที่เส้นผมมีความแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดยคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด แพทย์จึงเลือกนำผมจากโซนนี้ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา

และถ้าใครสงสัยว่า ทำไมผมในโซนนี้จึงแข็งแรงกว่าโซนอื่น ก็ต้องอธิบายก่อนว่า บริเวณหนังศีรษะของเรา มีเจ้าฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมจนเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้เส้นผมหลุดร่วงในปริมาณมาก อีกทั้งเส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็เล็กบางและอ่อนแอ นับเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผมร่วงไปจนถึงผมล้านเลยทีเดียว 

แต่โชคดีที่ผมบริเวณ Safe zone นั้น ไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT จึงรอดจากการถูกทำลาย ที่สำคัญ ถ้าย้ายผมจากส่วนนี้ไปปลูกยังพื้นที่ใหม่เช่นด้านหน้าหรือกลางศีรษะ คุณสมบัติต้านอิทธิพลของ DHT ก็จะยังติดตัวไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมบริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นผมส่วนที่แพทย์จะต้องประเมินคุณภาพและปริมาณทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

ปกติแล้ว เวลาที่แพทย์เจาะนำผมด้านหลังออกมา จะอยู่ในรูปของ “กราฟต์ผม” หมายถึงกอผม หรือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้นภายในรูขุมขนเดียว ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งนี้ คุณภาพของกราฟต์ผมนั้น จะเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ปลูกผม เมื่อแพทย์เจาะนำกราฟต์ผมออกมาเรียบร้อยแล้ว 

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผมอยู่เพียง 1 – 2 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก การปลูกผมใหม่ให้ดูหนาแน่นก็อาจเป็นไปได้ยาก ในกรณีพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่กินบริเวณเป็นวงกว้าง

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผม 3 – 4 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ก็อาจเรียกได้ว่า เรามีกราฟต์ผมที่ได้คุณภาพ เมื่อย้ายไปปลูกใหม่ จะสามารถปลูกได้หนาแน่นถึง 60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว 





หลังจากนั้น กราฟต์ผมที่แพทย์เจาะออกมา จะได้รับการคัดแยกและตกแต่ง เพื่อให้เหมาะสมกับการนำไปปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ กัน ดังนี้

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียงผม 1 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่บริเวณไรผมด้านหน้า ซึ่งต้องการผมขนาดเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้มีขนาด 2 – 4 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ลึกเข้าไป ซึ่งผมเรียงตัวหนาแน่นกว่า จึงต้องการผมเส้นใหญ่ขึ้น เพื่อความกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม

เพราะอย่างนี้เอง คุณภาพของกราฟต์ผม หรือเซลล์รากผม บริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่สวย แข็งแรง สุขภาพดี และพร้อมเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจเต็มร้อยได้อีกครั้ง


รู้จัก “เซลล์รากผม” ปัจจัยสู่ผมใหม่ที่ได้คุณภาพ
ศาสตร์การปลูกผมนั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะลองทำความเข้าใจในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลังสนใจศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม หรือกำลังจะเข้ารับปลูกผมนั้น การทำความรู้จักกับ “ผม” ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการรักษาได้ชัดเจน 

วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงระดับ “เซลล์รากผม” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสามารถชี้วัดผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมของแต่ละคนได้ หากใครมีเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ ก็เท่ากับมีต้นทุนที่ดีในการปลูกผมใหม่ให้ได้คุณภาพนั่นเอง

“รากผม” คือส่วนที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหนังศีรษะ โดยใน 1 รากผม จะประกอบด้วยต่อมรากผมประมาณ 5 ล้านต่อม และต่อมรากผมแต่ละต่อมนั้น จะมีปุ่มปลายแหลม 1 ปุ่ม ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นประสาทและเส้นเลือด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการแบ่งเซลล์รากผมเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ดังนั้น เซลล์รากผมที่แข็งแรง จึงส่งผลให้เส้นผมของเราอยู่คงทนไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ

ว่าแต่ว่า ในการปลูกผม ทำไมแพทย์จึงต้องโฟกัสที่คุณภาพเซลล์รากผมด้านหลังด้วยล่ะ 

นั่นก็เป็นเพราะว่า บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะไปจนถึงหลังใบหูของเรา คือส่วนของ “Safe zone” หรือโซนที่เส้นผมมีความแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดยคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด แพทย์จึงเลือกนำผมจากโซนนี้ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา

และถ้าใครสงสัยว่า ทำไมผมในโซนนี้จึงแข็งแรงกว่าโซนอื่น ก็ต้องอธิบายก่อนว่า บริเวณหนังศีรษะของเรา มีเจ้าฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมจนเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้เส้นผมหลุดร่วงในปริมาณมาก อีกทั้งเส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็เล็กบางและอ่อนแอ นับเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผมร่วงไปจนถึงผมล้านเลยทีเดียว 

แต่โชคดีที่ผมบริเวณ Safe zone นั้น ไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT จึงรอดจากการถูกทำลาย ที่สำคัญ ถ้าย้ายผมจากส่วนนี้ไปปลูกยังพื้นที่ใหม่เช่นด้านหน้าหรือกลางศีรษะ คุณสมบัติต้านอิทธิพลของ DHT ก็จะยังติดตัวไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมบริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นผมส่วนที่แพทย์จะต้องประเมินคุณภาพและปริมาณทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

ปกติแล้ว เวลาที่แพทย์เจาะนำผมด้านหลังออกมา จะอยู่ในรูปของ “กราฟต์ผม” หมายถึงกอผม หรือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้นภายในรูขุมขนเดียว ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งนี้ คุณภาพของกราฟต์ผมนั้น จะเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ปลูกผม เมื่อแพทย์เจาะนำกราฟต์ผมออกมาเรียบร้อยแล้ว 

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผมอยู่เพียง 1 – 2 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก การปลูกผมใหม่ให้ดูหนาแน่นก็อาจเป็นไปได้ยาก ในกรณีพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่กินบริเวณเป็นวงกว้าง

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผม 3 – 4 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ก็อาจเรียกได้ว่า เรามีกราฟต์ผมที่ได้คุณภาพ เมื่อย้ายไปปลูกใหม่ จะสามารถปลูกได้หนาแน่นถึง 60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว 





หลังจากนั้น กราฟต์ผมที่แพทย์เจาะออกมา จะได้รับการคัดแยกและตกแต่ง เพื่อให้เหมาะสมกับการนำไปปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ กัน ดังนี้

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียงผม 1 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่บริเวณไรผมด้านหน้า ซึ่งต้องการผมขนาดเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้มีขนาด 2 – 4 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ลึกเข้าไป ซึ่งผมเรียงตัวหนาแน่นกว่า จึงต้องการผมเส้นใหญ่ขึ้น เพื่อความกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม

เพราะอย่างนี้เอง คุณภาพของกราฟต์ผม หรือเซลล์รากผม บริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่สวย แข็งแรง สุขภาพดี และพร้อมเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจเต็มร้อยได้อีกครั้ง


New Hairline, New You จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวยของผู้หญิง
ในโลกที่เต็มไปด้วยนิยามความสวยที่หลากหลาย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากดูดีในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งนอกจากการหมั่นคอยดูแลสุขภาพกายและใจ หรือการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช่ในแบบของเราเองแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” หรือทรงผม ก็เป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยสื่อสารความสวยในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับคุณผู้หญิง 

ส่วนของเส้นผมที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ Hairline หรือแนวไรผม ที่ทำหน้าที่เป็นกรอบหน้าให้กับเจ้าของเส้นผมด้วย Hairline สำคัญขนาดไหน ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม จึงวางขั้นตอนการออกแบบ Hairline ให้เป็นจุดสตาร์ทขั้นแรก ๆ ในการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผม 

...มาสำรวจเส้นทางสู่ผมสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน...

ปัญหาผมแบบไหน กวนใจคุณผู้หญิง
แม้ว่าภาวะผมร่วงและผมบางในผู้หญิง จะเกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกับผู้ชาย แต่ก็จะมีรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่าง เริ่มจากรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งมักเริ่มจากรอยแสกเล็ก ๆ และค่อย ๆ กว้างขึ้นจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน เกิดจากการที่สัดส่วนของเส้นผมงอกขึ้นใหม่ มีปริมาณน้อยกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่หลุดร่วงออกไป อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจะมีโอกาสผมล้านทั้งศีรษะอย่างชัดเจนแบบผู้ชายได้น้อย เนื่องจากปัจจัยฮอร์โมนในร่างกาย

อีกรูปแบบหนึ่งของอาการที่พบเห็นได้บ่อย และสร้างความกังวลให้กับคุณผู้หญิงไม่น้อย คือการที่แนวผมด้านหน้าถอยร่นขึ้นไปจนทำให้หน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายรูปตัว M ทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 

ออกแบบ Hairline จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวย
ในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา แพทย์จะรับฟังความต้องการของคนไข้ ทำความเข้าใจลักษณะของปัญหาผม และพิจารณาถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการปลูกผมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนอกจากต้องประเมินพื้นที่ปลูก และคำณวนจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องนำออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาแล้ว แพทย์ยังลงมือออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ให้กับคนไข้ด้วย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญทีเดียว เพราะ Hairline ที่ใช่ อาจเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในทันที!!




วิเคราะห์กรอบหน้า
ในการออกแบบ Hairline ใหม่นั้น แพทย์จะเริ่มจากการวิเคราะห์กรอบหน้าของคนไข้ก่อน โดยศึกษากล้ามเนื้อใบหน้าแต่ละส่วน และสังเกตทุกรายละเอียดความงามเฉพาะตัวของแต่คน จากนั้นจึงร่างเส้น Hairline ใหม่ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า โดยนำหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองมาช่วยในการออกแบบ ซึ่งต้องคำนึงถึงเพศ วัย และทรงผมเดิมของคนไข้ด้วย 

นี่จึงเป็นขั้นตอนที่แพทย์ต้องอาศัยมุมมองทางศิลปะในการออกแบบ เพื่อให้ได้เส้น Hairline ที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคล สามารถสะท้อนตัวตนและความงามที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณเท่านั้น




วิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม
Hairline คือแนวไรผม หรือกลุ่มของกอผมที่เรียงตัวกันตามแนวกรอบใบหน้า หากลองสังเกตจะพบว่า ไรผมของคนเรามักจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งลักษณะของเส้นผมแต่ละแนวได้ดังนี้

แนวที่ 1 เส้นผมบาง หรือ Fine follicle ที่อยู่ด้านนอกสุด 
แนวที่ 2 เส้นผมเดี่ยว หรือ Single follicle ที่อยู่แนวลึกเข้ามา
แนวที่ 3 กอผมที่มีหลายเส้น หรือ Multiple follicles ซึ่งอยู่ด้านในสุด 

Hairline ใหม่ = คุณคนใหม่
หลังจากแพทย์วิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะลงมือร่างเส้น Hairline ใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่แตกต่างกันสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย 

กล่าวคือ  ขณะที่แพทย์ออกแบบเส้น Hairline สำหรับผู้ชาย โดยเน้นหน้าผากกว้างและสูงเป็นทรงเหลี่ยม ส่วนแนวผมด้านข้างปรับเป็นมุมแหลมหรือรูปตัววี และเลือกปลูกผมเส้นใหญ่แข็งแรง เพื่อขับกรอบหน้าคุณผู้ชายให้ดูคมเข้มโดดเด่น เสริมลุคสมาร์ทน่ามอง 

สำหรับคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบวงกรอบหน้าให้ดูโค้งมน หวานละมุน และไล่ระดับความหนาบางของเส้นผม จนคุณผู้หญิงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น สดใสขึ้น ส่งให้รูปลักษณ์และบุคลิกภาพดีขึ้น จนเรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้ในที่สุด





ใส่ใจในเส้นผมปลูกใหม่ทุก ๆ เส้น
และเมื่อถึงเวลาปลูกผมใหม่ ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันละเมียดละไม และใส่ใจแบบสุด ๆ เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่า เส้นผมแต่ละบริเวณ แต่ละตำแหน่ง มีขนาดและความหนาแน่นไม่เท่ากัน กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ ในการปลูกผมใหม่ให้แลดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ต่างจากผมเดิมของคนไข้

ถึงตรงนี้ การทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของแพทย์ได้ดีขึ้น กราฟต์ผม หรือกอผม เป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน กราฟต์ผมของเราจะถูกประเมินโดยแพทย์ตั้งแต่ในขั้นตอนแรก ว่ามีปริมาณและความหนาแน่นมากน้อยแค่ไหน เพื่อวางแผนการปลูกผมให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งผมปลูกใหม่อาจมีความหนาแน่นได้ถึง 60 – 70 ตารางเซนติเมตร

เมื่อแพทย์ทำการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ให้ได้เส้นผมที่แข็งแรง ตามขนาด และทิศทางที่ต้องการ เช่น หากเป็นผมบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไป ซึ่งเรียงตัวกันค่อนข้างหนาแน่น แพทย์สามารถใช้กราฟต์ผมที่มีขนาด 2 – 4 เส้น เพื่อความกลมกลืนกับเส้นผมเดิม 

แต่หากเป็นแนวไรผมด้านหน้า ที่แพทย์วาดเส้น Hairline ให้ใหม่ ก็อาจจำเป็นต้องแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียง 1 – 2 เส้นเท่านั้น โดยเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบาง เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะปลูกลงไป ตามที่แพทย์ได้วิเคราะห์โครงสร้างเส้นผมเอาไว้นั่นเอง

ปลายทางผลลัพธ์ผมสวยเป็นธรรมชาติ
เมื่อสตาร์ทด้วยการออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างเส้นผมอย่างถูกต้อง ปลายทางผลลัพธ์ที่ได้ จึงเกิดเป็นผมสวย สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณรอคอย โดยสังเกตลักษณะของเส้นผมได้ดังนี้ 

  • ขนาดของเส้นผมใหม่ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ทั้งในบริเวณที่เส้นผมมีขนาดเล็กบาง หรือบริเวณที่เส้นผมหนา
  • ความหนาแน่นของผมใหม่ มีความหนาแน่นกำลังดี อยู่ที่ 60 – 70 ตารางเซนติเมตร ไม่แน่นหรือบางจนเกินไป
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวเป็นทิศทางเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • องศาของเส้นผมใหม่ มีการวางตัว หรือเอนตัวในระดับองศาเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • ความลึกของเส้นผมใหม่ ความลึกที่เหมาะสมจะช่วยการันตีว่า ผมใหม่จะได้รับสารอาหารที่ลำเลียงมากับเส้นเลือด และส่งต่อมายังรากผมได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผมใหม่เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความใส่ใจของแพทย์ อย่างเช่นที่นามนิน นอกจากออกแบบ Hairline ใหม่แล้ว แพทย์จะเป็นผู้บรรจงปลูกผมด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ทีละกราฟต์ ทั้งยังเลือกใช้เครื่องมือมากประสิทธิภาพที่นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter ที่มีเส้นรอบวงของหัวเข็มขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์ค่อย ๆ ปักผมได้ละเอียด หนาแน่น ควบคุมความลึกในการปักได้อย่างแม่นยำ วางองศาในการปัก และเรียงทิศทางได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเหลือไว้เพียงแผลขนาดเล็กจิ๋ว เลือดออกน้อย ดูแลง่าย ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และพร้อมออกไปใช้ชีวิตได้ทันที

แน่นอนว่า นามนิน จะมอบประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษสุดให้คุณตั้งแต่จุดสตาร์ท และนำคุณส่งถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจและยิ้มให้กับตัวเองรวมถึงคนรอบข้างได้กว้างกว่าเดิม



New Hairline, New You จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวยของผู้หญิง
ในโลกที่เต็มไปด้วยนิยามความสวยที่หลากหลาย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากดูดีในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งนอกจากการหมั่นคอยดูแลสุขภาพกายและใจ หรือการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช่ในแบบของเราเองแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” หรือทรงผม ก็เป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยสื่อสารความสวยในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับคุณผู้หญิง 

ส่วนของเส้นผมที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ Hairline หรือแนวไรผม ที่ทำหน้าที่เป็นกรอบหน้าให้กับเจ้าของเส้นผมด้วย Hairline สำคัญขนาดไหน ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม จึงวางขั้นตอนการออกแบบ Hairline ให้เป็นจุดสตาร์ทขั้นแรก ๆ ในการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผม 

...มาสำรวจเส้นทางสู่ผมสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน...

ปัญหาผมแบบไหน กวนใจคุณผู้หญิง
แม้ว่าภาวะผมร่วงและผมบางในผู้หญิง จะเกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกับผู้ชาย แต่ก็จะมีรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่าง เริ่มจากรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งมักเริ่มจากรอยแสกเล็ก ๆ และค่อย ๆ กว้างขึ้นจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน เกิดจากการที่สัดส่วนของเส้นผมงอกขึ้นใหม่ มีปริมาณน้อยกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่หลุดร่วงออกไป อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจะมีโอกาสผมล้านทั้งศีรษะอย่างชัดเจนแบบผู้ชายได้น้อย เนื่องจากปัจจัยฮอร์โมนในร่างกาย

อีกรูปแบบหนึ่งของอาการที่พบเห็นได้บ่อย และสร้างความกังวลให้กับคุณผู้หญิงไม่น้อย คือการที่แนวผมด้านหน้าถอยร่นขึ้นไปจนทำให้หน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายรูปตัว M ทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 

ออกแบบ Hairline จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวย
ในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา แพทย์จะรับฟังความต้องการของคนไข้ ทำความเข้าใจลักษณะของปัญหาผม และพิจารณาถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการปลูกผมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนอกจากต้องประเมินพื้นที่ปลูก และคำณวนจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องนำออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาแล้ว แพทย์ยังลงมือออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ให้กับคนไข้ด้วย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญทีเดียว เพราะ Hairline ที่ใช่ อาจเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในทันที!!




วิเคราะห์กรอบหน้า
ในการออกแบบ Hairline ใหม่นั้น แพทย์จะเริ่มจากการวิเคราะห์กรอบหน้าของคนไข้ก่อน โดยศึกษากล้ามเนื้อใบหน้าแต่ละส่วน และสังเกตทุกรายละเอียดความงามเฉพาะตัวของแต่คน จากนั้นจึงร่างเส้น Hairline ใหม่ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า โดยนำหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองมาช่วยในการออกแบบ ซึ่งต้องคำนึงถึงเพศ วัย และทรงผมเดิมของคนไข้ด้วย 

นี่จึงเป็นขั้นตอนที่แพทย์ต้องอาศัยมุมมองทางศิลปะในการออกแบบ เพื่อให้ได้เส้น Hairline ที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคล สามารถสะท้อนตัวตนและความงามที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณเท่านั้น




วิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม
Hairline คือแนวไรผม หรือกลุ่มของกอผมที่เรียงตัวกันตามแนวกรอบใบหน้า หากลองสังเกตจะพบว่า ไรผมของคนเรามักจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งลักษณะของเส้นผมแต่ละแนวได้ดังนี้

แนวที่ 1 เส้นผมบาง หรือ Fine follicle ที่อยู่ด้านนอกสุด 
แนวที่ 2 เส้นผมเดี่ยว หรือ Single follicle ที่อยู่แนวลึกเข้ามา
แนวที่ 3 กอผมที่มีหลายเส้น หรือ Multiple follicles ซึ่งอยู่ด้านในสุด 

Hairline ใหม่ = คุณคนใหม่
หลังจากแพทย์วิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะลงมือร่างเส้น Hairline ใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่แตกต่างกันสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย 

กล่าวคือ  ขณะที่แพทย์ออกแบบเส้น Hairline สำหรับผู้ชาย โดยเน้นหน้าผากกว้างและสูงเป็นทรงเหลี่ยม ส่วนแนวผมด้านข้างปรับเป็นมุมแหลมหรือรูปตัววี และเลือกปลูกผมเส้นใหญ่แข็งแรง เพื่อขับกรอบหน้าคุณผู้ชายให้ดูคมเข้มโดดเด่น เสริมลุคสมาร์ทน่ามอง 

สำหรับคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบวงกรอบหน้าให้ดูโค้งมน หวานละมุน และไล่ระดับความหนาบางของเส้นผม จนคุณผู้หญิงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น สดใสขึ้น ส่งให้รูปลักษณ์และบุคลิกภาพดีขึ้น จนเรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้ในที่สุด





ใส่ใจในเส้นผมปลูกใหม่ทุก ๆ เส้น
และเมื่อถึงเวลาปลูกผมใหม่ ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันละเมียดละไม และใส่ใจแบบสุด ๆ เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่า เส้นผมแต่ละบริเวณ แต่ละตำแหน่ง มีขนาดและความหนาแน่นไม่เท่ากัน กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ ในการปลูกผมใหม่ให้แลดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ต่างจากผมเดิมของคนไข้

ถึงตรงนี้ การทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของแพทย์ได้ดีขึ้น กราฟต์ผม หรือกอผม เป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน กราฟต์ผมของเราจะถูกประเมินโดยแพทย์ตั้งแต่ในขั้นตอนแรก ว่ามีปริมาณและความหนาแน่นมากน้อยแค่ไหน เพื่อวางแผนการปลูกผมให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งผมปลูกใหม่อาจมีความหนาแน่นได้ถึง 60 – 70 ตารางเซนติเมตร

เมื่อแพทย์ทำการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ให้ได้เส้นผมที่แข็งแรง ตามขนาด และทิศทางที่ต้องการ เช่น หากเป็นผมบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไป ซึ่งเรียงตัวกันค่อนข้างหนาแน่น แพทย์สามารถใช้กราฟต์ผมที่มีขนาด 2 – 4 เส้น เพื่อความกลมกลืนกับเส้นผมเดิม 

แต่หากเป็นแนวไรผมด้านหน้า ที่แพทย์วาดเส้น Hairline ให้ใหม่ ก็อาจจำเป็นต้องแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียง 1 – 2 เส้นเท่านั้น โดยเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบาง เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะปลูกลงไป ตามที่แพทย์ได้วิเคราะห์โครงสร้างเส้นผมเอาไว้นั่นเอง

ปลายทางผลลัพธ์ผมสวยเป็นธรรมชาติ
เมื่อสตาร์ทด้วยการออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างเส้นผมอย่างถูกต้อง ปลายทางผลลัพธ์ที่ได้ จึงเกิดเป็นผมสวย สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณรอคอย โดยสังเกตลักษณะของเส้นผมได้ดังนี้ 

  • ขนาดของเส้นผมใหม่ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ทั้งในบริเวณที่เส้นผมมีขนาดเล็กบาง หรือบริเวณที่เส้นผมหนา
  • ความหนาแน่นของผมใหม่ มีความหนาแน่นกำลังดี อยู่ที่ 60 – 70 ตารางเซนติเมตร ไม่แน่นหรือบางจนเกินไป
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวเป็นทิศทางเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • องศาของเส้นผมใหม่ มีการวางตัว หรือเอนตัวในระดับองศาเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • ความลึกของเส้นผมใหม่ ความลึกที่เหมาะสมจะช่วยการันตีว่า ผมใหม่จะได้รับสารอาหารที่ลำเลียงมากับเส้นเลือด และส่งต่อมายังรากผมได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผมใหม่เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความใส่ใจของแพทย์ อย่างเช่นที่นามนิน นอกจากออกแบบ Hairline ใหม่แล้ว แพทย์จะเป็นผู้บรรจงปลูกผมด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ทีละกราฟต์ ทั้งยังเลือกใช้เครื่องมือมากประสิทธิภาพที่นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter ที่มีเส้นรอบวงของหัวเข็มขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์ค่อย ๆ ปักผมได้ละเอียด หนาแน่น ควบคุมความลึกในการปักได้อย่างแม่นยำ วางองศาในการปัก และเรียงทิศทางได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเหลือไว้เพียงแผลขนาดเล็กจิ๋ว เลือดออกน้อย ดูแลง่าย ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และพร้อมออกไปใช้ชีวิตได้ทันที

แน่นอนว่า นามนิน จะมอบประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษสุดให้คุณตั้งแต่จุดสตาร์ท และนำคุณส่งถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจและยิ้มให้กับตัวเองรวมถึงคนรอบข้างได้กว้างกว่าเดิม



New Hairline, New You จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวยของผู้หญิง
ในโลกที่เต็มไปด้วยนิยามความสวยที่หลากหลาย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากดูดีในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งนอกจากการหมั่นคอยดูแลสุขภาพกายและใจ หรือการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช่ในแบบของเราเองแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” หรือทรงผม ก็เป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยสื่อสารความสวยในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับคุณผู้หญิง 

ส่วนของเส้นผมที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ Hairline หรือแนวไรผม ที่ทำหน้าที่เป็นกรอบหน้าให้กับเจ้าของเส้นผมด้วย Hairline สำคัญขนาดไหน ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม จึงวางขั้นตอนการออกแบบ Hairline ให้เป็นจุดสตาร์ทขั้นแรก ๆ ในการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผม 

...มาสำรวจเส้นทางสู่ผมสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน...

ปัญหาผมแบบไหน กวนใจคุณผู้หญิง
แม้ว่าภาวะผมร่วงและผมบางในผู้หญิง จะเกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกับผู้ชาย แต่ก็จะมีรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่าง เริ่มจากรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งมักเริ่มจากรอยแสกเล็ก ๆ และค่อย ๆ กว้างขึ้นจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน เกิดจากการที่สัดส่วนของเส้นผมงอกขึ้นใหม่ มีปริมาณน้อยกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่หลุดร่วงออกไป อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจะมีโอกาสผมล้านทั้งศีรษะอย่างชัดเจนแบบผู้ชายได้น้อย เนื่องจากปัจจัยฮอร์โมนในร่างกาย

อีกรูปแบบหนึ่งของอาการที่พบเห็นได้บ่อย และสร้างความกังวลให้กับคุณผู้หญิงไม่น้อย คือการที่แนวผมด้านหน้าถอยร่นขึ้นไปจนทำให้หน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายรูปตัว M ทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 

ออกแบบ Hairline จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวย
ในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา แพทย์จะรับฟังความต้องการของคนไข้ ทำความเข้าใจลักษณะของปัญหาผม และพิจารณาถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการปลูกผมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนอกจากต้องประเมินพื้นที่ปลูก และคำณวนจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องนำออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาแล้ว แพทย์ยังลงมือออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ให้กับคนไข้ด้วย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญทีเดียว เพราะ Hairline ที่ใช่ อาจเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในทันที!!




วิเคราะห์กรอบหน้า
ในการออกแบบ Hairline ใหม่นั้น แพทย์จะเริ่มจากการวิเคราะห์กรอบหน้าของคนไข้ก่อน โดยศึกษากล้ามเนื้อใบหน้าแต่ละส่วน และสังเกตทุกรายละเอียดความงามเฉพาะตัวของแต่คน จากนั้นจึงร่างเส้น Hairline ใหม่ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า โดยนำหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองมาช่วยในการออกแบบ ซึ่งต้องคำนึงถึงเพศ วัย และทรงผมเดิมของคนไข้ด้วย 

นี่จึงเป็นขั้นตอนที่แพทย์ต้องอาศัยมุมมองทางศิลปะในการออกแบบ เพื่อให้ได้เส้น Hairline ที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคล สามารถสะท้อนตัวตนและความงามที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณเท่านั้น




วิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม
Hairline คือแนวไรผม หรือกลุ่มของกอผมที่เรียงตัวกันตามแนวกรอบใบหน้า หากลองสังเกตจะพบว่า ไรผมของคนเรามักจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งลักษณะของเส้นผมแต่ละแนวได้ดังนี้

แนวที่ 1 เส้นผมบาง หรือ Fine follicle ที่อยู่ด้านนอกสุด 
แนวที่ 2 เส้นผมเดี่ยว หรือ Single follicle ที่อยู่แนวลึกเข้ามา
แนวที่ 3 กอผมที่มีหลายเส้น หรือ Multiple follicles ซึ่งอยู่ด้านในสุด 

Hairline ใหม่ = คุณคนใหม่
หลังจากแพทย์วิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะลงมือร่างเส้น Hairline ใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่แตกต่างกันสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย 

กล่าวคือ  ขณะที่แพทย์ออกแบบเส้น Hairline สำหรับผู้ชาย โดยเน้นหน้าผากกว้างและสูงเป็นทรงเหลี่ยม ส่วนแนวผมด้านข้างปรับเป็นมุมแหลมหรือรูปตัววี และเลือกปลูกผมเส้นใหญ่แข็งแรง เพื่อขับกรอบหน้าคุณผู้ชายให้ดูคมเข้มโดดเด่น เสริมลุคสมาร์ทน่ามอง 

สำหรับคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบวงกรอบหน้าให้ดูโค้งมน หวานละมุน และไล่ระดับความหนาบางของเส้นผม จนคุณผู้หญิงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น สดใสขึ้น ส่งให้รูปลักษณ์และบุคลิกภาพดีขึ้น จนเรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้ในที่สุด





ใส่ใจในเส้นผมปลูกใหม่ทุก ๆ เส้น
และเมื่อถึงเวลาปลูกผมใหม่ ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันละเมียดละไม และใส่ใจแบบสุด ๆ เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่า เส้นผมแต่ละบริเวณ แต่ละตำแหน่ง มีขนาดและความหนาแน่นไม่เท่ากัน กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ ในการปลูกผมใหม่ให้แลดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ต่างจากผมเดิมของคนไข้

ถึงตรงนี้ การทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของแพทย์ได้ดีขึ้น กราฟต์ผม หรือกอผม เป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน กราฟต์ผมของเราจะถูกประเมินโดยแพทย์ตั้งแต่ในขั้นตอนแรก ว่ามีปริมาณและความหนาแน่นมากน้อยแค่ไหน เพื่อวางแผนการปลูกผมให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งผมปลูกใหม่อาจมีความหนาแน่นได้ถึง 60 – 70 ตารางเซนติเมตร

เมื่อแพทย์ทำการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ให้ได้เส้นผมที่แข็งแรง ตามขนาด และทิศทางที่ต้องการ เช่น หากเป็นผมบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไป ซึ่งเรียงตัวกันค่อนข้างหนาแน่น แพทย์สามารถใช้กราฟต์ผมที่มีขนาด 2 – 4 เส้น เพื่อความกลมกลืนกับเส้นผมเดิม 

แต่หากเป็นแนวไรผมด้านหน้า ที่แพทย์วาดเส้น Hairline ให้ใหม่ ก็อาจจำเป็นต้องแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียง 1 – 2 เส้นเท่านั้น โดยเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบาง เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะปลูกลงไป ตามที่แพทย์ได้วิเคราะห์โครงสร้างเส้นผมเอาไว้นั่นเอง

ปลายทางผลลัพธ์ผมสวยเป็นธรรมชาติ
เมื่อสตาร์ทด้วยการออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างเส้นผมอย่างถูกต้อง ปลายทางผลลัพธ์ที่ได้ จึงเกิดเป็นผมสวย สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณรอคอย โดยสังเกตลักษณะของเส้นผมได้ดังนี้ 

  • ขนาดของเส้นผมใหม่ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ทั้งในบริเวณที่เส้นผมมีขนาดเล็กบาง หรือบริเวณที่เส้นผมหนา
  • ความหนาแน่นของผมใหม่ มีความหนาแน่นกำลังดี อยู่ที่ 60 – 70 ตารางเซนติเมตร ไม่แน่นหรือบางจนเกินไป
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวเป็นทิศทางเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • องศาของเส้นผมใหม่ มีการวางตัว หรือเอนตัวในระดับองศาเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • ความลึกของเส้นผมใหม่ ความลึกที่เหมาะสมจะช่วยการันตีว่า ผมใหม่จะได้รับสารอาหารที่ลำเลียงมากับเส้นเลือด และส่งต่อมายังรากผมได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผมใหม่เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความใส่ใจของแพทย์ อย่างเช่นที่นามนิน นอกจากออกแบบ Hairline ใหม่แล้ว แพทย์จะเป็นผู้บรรจงปลูกผมด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ทีละกราฟต์ ทั้งยังเลือกใช้เครื่องมือมากประสิทธิภาพที่นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter ที่มีเส้นรอบวงของหัวเข็มขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์ค่อย ๆ ปักผมได้ละเอียด หนาแน่น ควบคุมความลึกในการปักได้อย่างแม่นยำ วางองศาในการปัก และเรียงทิศทางได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเหลือไว้เพียงแผลขนาดเล็กจิ๋ว เลือดออกน้อย ดูแลง่าย ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และพร้อมออกไปใช้ชีวิตได้ทันที

แน่นอนว่า นามนิน จะมอบประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษสุดให้คุณตั้งแต่จุดสตาร์ท และนำคุณส่งถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจและยิ้มให้กับตัวเองรวมถึงคนรอบข้างได้กว้างกว่าเดิม



New Hairline, New You จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวยของผู้หญิง
ในโลกที่เต็มไปด้วยนิยามความสวยที่หลากหลาย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากดูดีในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งนอกจากการหมั่นคอยดูแลสุขภาพกายและใจ หรือการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช่ในแบบของเราเองแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” หรือทรงผม ก็เป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยสื่อสารความสวยในสไตล์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับคุณผู้หญิง 

ส่วนของเส้นผมที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ Hairline หรือแนวไรผม ที่ทำหน้าที่เป็นกรอบหน้าให้กับเจ้าของเส้นผมด้วย Hairline สำคัญขนาดไหน ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม จึงวางขั้นตอนการออกแบบ Hairline ให้เป็นจุดสตาร์ทขั้นแรก ๆ ในการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผม 

...มาสำรวจเส้นทางสู่ผมสวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน...

ปัญหาผมแบบไหน กวนใจคุณผู้หญิง
แม้ว่าภาวะผมร่วงและผมบางในผู้หญิง จะเกิดจากการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้เช่นเดียวกับผู้ชาย แต่ก็จะมีรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่าง เริ่มจากรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งมักเริ่มจากรอยแสกเล็ก ๆ และค่อย ๆ กว้างขึ้นจนเห็นหนังศีรษะชัดเจน เกิดจากการที่สัดส่วนของเส้นผมงอกขึ้นใหม่ มีปริมาณน้อยกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่หลุดร่วงออกไป อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจะมีโอกาสผมล้านทั้งศีรษะอย่างชัดเจนแบบผู้ชายได้น้อย เนื่องจากปัจจัยฮอร์โมนในร่างกาย

อีกรูปแบบหนึ่งของอาการที่พบเห็นได้บ่อย และสร้างความกังวลให้กับคุณผู้หญิงไม่น้อย คือการที่แนวผมด้านหน้าถอยร่นขึ้นไปจนทำให้หน้าผากกว้าง ลักษณะคล้ายรูปตัว M ทำให้หลาย ๆ คนสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 

ออกแบบ Hairline จุดสตาร์ททุกสไตล์ความสวย
ในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา แพทย์จะรับฟังความต้องการของคนไข้ ทำความเข้าใจลักษณะของปัญหาผม และพิจารณาถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการปลูกผมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนอกจากต้องประเมินพื้นที่ปลูก และคำณวนจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องนำออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาแล้ว แพทย์ยังลงมือออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ให้กับคนไข้ด้วย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญทีเดียว เพราะ Hairline ที่ใช่ อาจเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในทันที!!




วิเคราะห์กรอบหน้า
ในการออกแบบ Hairline ใหม่นั้น แพทย์จะเริ่มจากการวิเคราะห์กรอบหน้าของคนไข้ก่อน โดยศึกษากล้ามเนื้อใบหน้าแต่ละส่วน และสังเกตทุกรายละเอียดความงามเฉพาะตัวของแต่คน จากนั้นจึงร่างเส้น Hairline ใหม่ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า โดยนำหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองมาช่วยในการออกแบบ ซึ่งต้องคำนึงถึงเพศ วัย และทรงผมเดิมของคนไข้ด้วย 

นี่จึงเป็นขั้นตอนที่แพทย์ต้องอาศัยมุมมองทางศิลปะในการออกแบบ เพื่อให้ได้เส้น Hairline ที่เหมาะสมเฉพาะแต่ละบุคคล สามารถสะท้อนตัวตนและความงามที่บ่งบอกถึงความเป็นคุณเท่านั้น




วิเคราะห์โครงสร้างของเส้นผม
Hairline คือแนวไรผม หรือกลุ่มของกอผมที่เรียงตัวกันตามแนวกรอบใบหน้า หากลองสังเกตจะพบว่า ไรผมของคนเรามักจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ไล่ระดับความหนาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งลักษณะของเส้นผมแต่ละแนวได้ดังนี้

แนวที่ 1 เส้นผมบาง หรือ Fine follicle ที่อยู่ด้านนอกสุด 
แนวที่ 2 เส้นผมเดี่ยว หรือ Single follicle ที่อยู่แนวลึกเข้ามา
แนวที่ 3 กอผมที่มีหลายเส้น หรือ Multiple follicles ซึ่งอยู่ด้านในสุด 

Hairline ใหม่ = คุณคนใหม่
หลังจากแพทย์วิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะลงมือร่างเส้น Hairline ใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่แตกต่างกันสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย 

กล่าวคือ  ขณะที่แพทย์ออกแบบเส้น Hairline สำหรับผู้ชาย โดยเน้นหน้าผากกว้างและสูงเป็นทรงเหลี่ยม ส่วนแนวผมด้านข้างปรับเป็นมุมแหลมหรือรูปตัววี และเลือกปลูกผมเส้นใหญ่แข็งแรง เพื่อขับกรอบหน้าคุณผู้ชายให้ดูคมเข้มโดดเด่น เสริมลุคสมาร์ทน่ามอง 

สำหรับคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบวงกรอบหน้าให้ดูโค้งมน หวานละมุน และไล่ระดับความหนาบางของเส้นผม จนคุณผู้หญิงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น สดใสขึ้น ส่งให้รูปลักษณ์และบุคลิกภาพดีขึ้น จนเรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้ในที่สุด





ใส่ใจในเส้นผมปลูกใหม่ทุก ๆ เส้น
และเมื่อถึงเวลาปลูกผมใหม่ ขั้นตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันละเมียดละไม และใส่ใจแบบสุด ๆ เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่า เส้นผมแต่ละบริเวณ แต่ละตำแหน่ง มีขนาดและความหนาแน่นไม่เท่ากัน กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับแพทย์ ในการปลูกผมใหม่ให้แลดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ต่างจากผมเดิมของคนไข้

ถึงตรงนี้ การทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” จะช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของแพทย์ได้ดีขึ้น กราฟต์ผม หรือกอผม เป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน กราฟต์ผมของเราจะถูกประเมินโดยแพทย์ตั้งแต่ในขั้นตอนแรก ว่ามีปริมาณและความหนาแน่นมากน้อยแค่ไหน เพื่อวางแผนการปลูกผมให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งผมปลูกใหม่อาจมีความหนาแน่นได้ถึง 60 – 70 ตารางเซนติเมตร

เมื่อแพทย์ทำการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยก ให้ได้เส้นผมที่แข็งแรง ตามขนาด และทิศทางที่ต้องการ เช่น หากเป็นผมบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไป ซึ่งเรียงตัวกันค่อนข้างหนาแน่น แพทย์สามารถใช้กราฟต์ผมที่มีขนาด 2 – 4 เส้น เพื่อความกลมกลืนกับเส้นผมเดิม 

แต่หากเป็นแนวไรผมด้านหน้า ที่แพทย์วาดเส้น Hairline ให้ใหม่ ก็อาจจำเป็นต้องแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียง 1 – 2 เส้นเท่านั้น โดยเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบาง เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะปลูกลงไป ตามที่แพทย์ได้วิเคราะห์โครงสร้างเส้นผมเอาไว้นั่นเอง

ปลายทางผลลัพธ์ผมสวยเป็นธรรมชาติ
เมื่อสตาร์ทด้วยการออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างเส้นผมอย่างถูกต้อง ปลายทางผลลัพธ์ที่ได้ จึงเกิดเป็นผมสวย สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณรอคอย โดยสังเกตลักษณะของเส้นผมได้ดังนี้ 

  • ขนาดของเส้นผมใหม่ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ทั้งในบริเวณที่เส้นผมมีขนาดเล็กบาง หรือบริเวณที่เส้นผมหนา
  • ความหนาแน่นของผมใหม่ มีความหนาแน่นกำลังดี อยู่ที่ 60 – 70 ตารางเซนติเมตร ไม่แน่นหรือบางจนเกินไป
  • ทิศทางของเส้นผมใหม่ เรียงตัวเป็นทิศทางเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • องศาของเส้นผมใหม่ มีการวางตัว หรือเอนตัวในระดับองศาเดียวกันกับเส้นผมเดิม
  • ความลึกของเส้นผมใหม่ ความลึกที่เหมาะสมจะช่วยการันตีว่า ผมใหม่จะได้รับสารอาหารที่ลำเลียงมากับเส้นเลือด และส่งต่อมายังรากผมได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผมใหม่เติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรง

ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความใส่ใจของแพทย์ อย่างเช่นที่นามนิน นอกจากออกแบบ Hairline ใหม่แล้ว แพทย์จะเป็นผู้บรรจงปลูกผมด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ทีละกราฟต์ ทั้งยังเลือกใช้เครื่องมือมากประสิทธิภาพที่นำเข้าจากต่างประเทศ นั่นคือ Implanter ที่มีเส้นรอบวงของหัวเข็มขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์ค่อย ๆ ปักผมได้ละเอียด หนาแน่น ควบคุมความลึกในการปักได้อย่างแม่นยำ วางองศาในการปัก และเรียงทิศทางได้อย่างเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเหลือไว้เพียงแผลขนาดเล็กจิ๋ว เลือดออกน้อย ดูแลง่าย ทำให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้น และพร้อมออกไปใช้ชีวิตได้ทันที

แน่นอนว่า นามนิน จะมอบประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษสุดให้คุณตั้งแต่จุดสตาร์ท และนำคุณส่งถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจและยิ้มให้กับตัวเองรวมถึงคนรอบข้างได้กว้างกว่าเดิม



ปลูกผมถาวร เริ่มเร็วผลลัพธ์ดี
สิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบคือ “การรักษาด้วยการปลูกผมถาวรต้องใช้เส้นผมของตัวคนไข้เองเท่านั้น” นี่จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมจึงควรพบแพทย์ทันทีหากเริ่มประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง เพราะหากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่ผมร่วงตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การจะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มบริเวณเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด หากคุณกำลังประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และกำลังมองหาวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ




ที่นามนิน คลินิก ตระหนักดีว่า “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผม ว่าเป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตน ยิ่งไปกว่านั้น การปลูกผมยังเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องประกอบไปด้วยหลักวิชาเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย การปลูกผมไม่ควรส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้รับบริการ และยังต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ด้านความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ด้วย แพทย์จะประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะกับลักษณะปัญหาของผู้ที่ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแต่ละคนให้มากที่สุด โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก หลังจากการประเมินปัญหาแล้ว แพทย์จะอธิบายข้อมูลอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาถึงขั้นตอนการรักษาและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์การรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้นำข้อมูลทั้งหมดไปตัดสินใจเอง โดยไม่มีการชี้นำหรือบังคับใดๆทั้งสิ้น และแพทย์จะเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตนเอง 





ที่นามนิน ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ที่สวยงามรับกับโครงหน้า การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก ไม่เจ็บขณะทำการปลูกผม และฟื้นตัวได้ไว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผมที่ขึ้นใหม่ดูหนาและกลมกลืนไปกับผมเดิม รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้มีองศาและทิศทางเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความใส่ใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ดังนั้นหากคุณกำลังหาวิธีดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้องและรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่าปล่อยให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้ ด้วยการตัดสินใจของตัวคุณเอง


ปลูกผมถาวร เริ่มเร็วผลลัพธ์ดี
สิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบคือ “การรักษาด้วยการปลูกผมถาวรต้องใช้เส้นผมของตัวคนไข้เองเท่านั้น” นี่จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมจึงควรพบแพทย์ทันทีหากเริ่มประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง เพราะหากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่ผมร่วงตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การจะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มบริเวณเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด หากคุณกำลังประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และกำลังมองหาวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ




ที่นามนิน คลินิก ตระหนักดีว่า “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผม ว่าเป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตน ยิ่งไปกว่านั้น การปลูกผมยังเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องประกอบไปด้วยหลักวิชาเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย การปลูกผมไม่ควรส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้รับบริการ และยังต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ด้านความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ด้วย แพทย์จะประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะกับลักษณะปัญหาของผู้ที่ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแต่ละคนให้มากที่สุด โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก หลังจากการประเมินปัญหาแล้ว แพทย์จะอธิบายข้อมูลอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาถึงขั้นตอนการรักษาและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์การรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้นำข้อมูลทั้งหมดไปตัดสินใจเอง โดยไม่มีการชี้นำหรือบังคับใดๆทั้งสิ้น และแพทย์จะเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตนเอง 





ที่นามนิน ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ที่สวยงามรับกับโครงหน้า การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก ไม่เจ็บขณะทำการปลูกผม และฟื้นตัวได้ไว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผมที่ขึ้นใหม่ดูหนาและกลมกลืนไปกับผมเดิม รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้มีองศาและทิศทางเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความใส่ใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ดังนั้นหากคุณกำลังหาวิธีดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้องและรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่าปล่อยให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้ ด้วยการตัดสินใจของตัวคุณเอง


ปลูกผมถาวร เริ่มเร็วผลลัพธ์ดี
สิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบคือ “การรักษาด้วยการปลูกผมถาวรต้องใช้เส้นผมของตัวคนไข้เองเท่านั้น” นี่จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมจึงควรพบแพทย์ทันทีหากเริ่มประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง เพราะหากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่ผมร่วงตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การจะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มบริเวณเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด หากคุณกำลังประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และกำลังมองหาวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ




ที่นามนิน คลินิก ตระหนักดีว่า “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผม ว่าเป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตน ยิ่งไปกว่านั้น การปลูกผมยังเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องประกอบไปด้วยหลักวิชาเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย การปลูกผมไม่ควรส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้รับบริการ และยังต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ด้านความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ด้วย แพทย์จะประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะกับลักษณะปัญหาของผู้ที่ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแต่ละคนให้มากที่สุด โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก หลังจากการประเมินปัญหาแล้ว แพทย์จะอธิบายข้อมูลอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาถึงขั้นตอนการรักษาและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์การรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้นำข้อมูลทั้งหมดไปตัดสินใจเอง โดยไม่มีการชี้นำหรือบังคับใดๆทั้งสิ้น และแพทย์จะเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตนเอง 





ที่นามนิน ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ที่สวยงามรับกับโครงหน้า การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก ไม่เจ็บขณะทำการปลูกผม และฟื้นตัวได้ไว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผมที่ขึ้นใหม่ดูหนาและกลมกลืนไปกับผมเดิม รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้มีองศาและทิศทางเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความใส่ใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ดังนั้นหากคุณกำลังหาวิธีดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้องและรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่าปล่อยให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้ ด้วยการตัดสินใจของตัวคุณเอง


ปลูกผมถาวร เริ่มเร็วผลลัพธ์ดี
สิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบคือ “การรักษาด้วยการปลูกผมถาวรต้องใช้เส้นผมของตัวคนไข้เองเท่านั้น” นี่จึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมจึงควรพบแพทย์ทันทีหากเริ่มประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง เพราะหากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่ผมร่วงตั้งแต่หน้าผากไปจนถึงกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การจะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มบริเวณเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด หากคุณกำลังประสบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง และกำลังมองหาวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ




ที่นามนิน คลินิก ตระหนักดีว่า “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผม ว่าเป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตน ยิ่งไปกว่านั้น การปลูกผมยังเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องประกอบไปด้วยหลักวิชาเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย การปลูกผมไม่ควรส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้รับบริการ และยังต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ด้านความสวยงามและความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ด้วย แพทย์จะประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะกับลักษณะปัญหาของผู้ที่ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแต่ละคนให้มากที่สุด โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการเป็นลำดับแรก หลังจากการประเมินปัญหาแล้ว แพทย์จะอธิบายข้อมูลอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาถึงขั้นตอนการรักษาและความเป็นไปได้ของผลลัพธ์การรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้นำข้อมูลทั้งหมดไปตัดสินใจเอง โดยไม่มีการชี้นำหรือบังคับใดๆทั้งสิ้น และแพทย์จะเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตนเอง 





ที่นามนิน ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ที่สวยงามรับกับโครงหน้า การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก ไม่เจ็บขณะทำการปลูกผม และฟื้นตัวได้ไว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผมที่ขึ้นใหม่ดูหนาและกลมกลืนไปกับผมเดิม รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้มีองศาและทิศทางเป็นไปในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความใส่ใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ดังนั้นหากคุณกำลังหาวิธีดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้องและรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่าปล่อยให้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้ ด้วยการตัดสินใจของตัวคุณเอง


ทำไมผู้ชายเสี่ยง “ผมล้าน” มากกว่าผู้หญิง
"ไม่ใช่คำสาปหรือความลำเอียงของพระเจ้า แต่เรื่องของเส้นผมบนศีรษะของคนเรา เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล้วน ๆ"

วันนี้ เราจะเปิดบทเรียนชีววิทยาเล็ก ๆ ที่จะช่วยไขความลับระดับพันธุกรรม และตอบคำถามว่า ทำไมกันนะ ผู้ชายจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ “ผมล้าน” และ “ผมร่วง” มากกว่าผู้หญิง

ผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับในเพศผู้หรือเพศเมียของสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมี “ยีน” หรือ “หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม” ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ “เพศ” อยู่ 

หากยีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “โครโมโซมเพศ” โดยตรง (Sex-linked traits) เพศก็จะมีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ถ้ายีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “ออโตโซม” นั่นแปลว่า ไม่ใช่แค่เพศเท่านั้นที่มีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น อย่างเช่นฮอร์โมนในร่างกายด้วย ซึ่งจะพบได้ใน 2 รูปแบบต่อไปนี้

  • ลักษณะทางพันธุกรรมจำกัดเพศ หรือ Sex-limited traits
แม้ว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม แต่ลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกในเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การที่ผู้ชายมีหนวดเครา มีเสียงห้าว หรือการที่ผู้หญิงสามารถผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกได้ ซึ่งฮอร์โมนจะเป็นตัวควบคุมให้ลักษณะนี้เกิดเพียงแค่เฉพาะในผู้ชายหรือผู้หญิง

  • ลักษณะทางพันธุกรรมที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศ หรือ Sex-influenced traits
เช่นเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม และลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกได้ในทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราพบลักษณะเหล่านี้ได้มากในเพศหนึ่ง และพบได้น้อยในอีกเพศหนึ่ง 




ตัวอย่างที่ชัดเจนของที่สุดของรูปแบบนี้ ก็คือลักษณะ “ผมล้าน” ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสองเพศ แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากเพศชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มากกว่านั่นเอง และหากผู้หญิงคนไหนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในระดับสูง ก็จะเกิดอาการ “ผมล้าน” ได้มากกว่าปกติเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมล้านผ่านทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Androgenetic alopecia นั้น จะพบว่าเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่บริเวณหนังศีรษะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเอนไซม์ที่ว่านี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT 

เจ้าฮอร์โมน DHT นี่เอง คือตัวการที่ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะเล็กลง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ เส้นบางและสั้นลง จนหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ เป็นที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่พบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิงนั่นเอง








น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า ลักษณะผมล้าน เรียกได้ว่าเป็น Polygenic trait หรือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ และมีระดับการแสดงออกของอาการแตกต่างกันไปหลายระดับ เช่นสีตาของมนุษย์ เกิดจากการที่ยีนส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ตามีสีน้ำตาลเข้ม ไล่มาจนถึงสีน้ำตาลอ่อน รวมไปถึงตัวอย่างอื่น ๆ เช่นลักษณะสีผิว ลักษณะความสูง ตลอดจนสีของเมล็ดพืชหรือขนาดของผลไม้ด้วย ที่สำคัญ ยีนเหล่านี้ รวมถึงยีนผมล้าน อาจได้รับการถ่ายทอดมาจากฝั่งพ่อหรือแม่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรับมาจากฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว


การทำความเข้าใจที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ผ่านรหัสพันธุกรรมที่แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะช่วยให้การรับมือกับปัญหาเส้นผม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มรู้สึกกังวลจากอาการผมร่วงหรือผมบาง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้อาการรุนแรงขึ้น หรืออายุมากขึ้น เนื่องจากหากแพทย์มีโอกาสวินิจฉัยได้เร็ว ก็จะช่วยให้ทราบว่าคนไข้มีระดับความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะเกิดปัญหาผมล้านในอนาคต และรีบรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ผมสวยสุขภาพดีอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราไปนาน ๆ 



ทำไมผู้ชายเสี่ยง “ผมล้าน” มากกว่าผู้หญิง
"ไม่ใช่คำสาปหรือความลำเอียงของพระเจ้า แต่เรื่องของเส้นผมบนศีรษะของคนเรา เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล้วน ๆ"

วันนี้ เราจะเปิดบทเรียนชีววิทยาเล็ก ๆ ที่จะช่วยไขความลับระดับพันธุกรรม และตอบคำถามว่า ทำไมกันนะ ผู้ชายจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ “ผมล้าน” และ “ผมร่วง” มากกว่าผู้หญิง

ผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับในเพศผู้หรือเพศเมียของสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมี “ยีน” หรือ “หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม” ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ “เพศ” อยู่ 

หากยีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “โครโมโซมเพศ” โดยตรง (Sex-linked traits) เพศก็จะมีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ถ้ายีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “ออโตโซม” นั่นแปลว่า ไม่ใช่แค่เพศเท่านั้นที่มีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น อย่างเช่นฮอร์โมนในร่างกายด้วย ซึ่งจะพบได้ใน 2 รูปแบบต่อไปนี้

  • ลักษณะทางพันธุกรรมจำกัดเพศ หรือ Sex-limited traits
แม้ว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม แต่ลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกในเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การที่ผู้ชายมีหนวดเครา มีเสียงห้าว หรือการที่ผู้หญิงสามารถผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกได้ ซึ่งฮอร์โมนจะเป็นตัวควบคุมให้ลักษณะนี้เกิดเพียงแค่เฉพาะในผู้ชายหรือผู้หญิง

  • ลักษณะทางพันธุกรรมที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศ หรือ Sex-influenced traits
เช่นเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม และลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกได้ในทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราพบลักษณะเหล่านี้ได้มากในเพศหนึ่ง และพบได้น้อยในอีกเพศหนึ่ง 




ตัวอย่างที่ชัดเจนของที่สุดของรูปแบบนี้ ก็คือลักษณะ “ผมล้าน” ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสองเพศ แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากเพศชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มากกว่านั่นเอง และหากผู้หญิงคนไหนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในระดับสูง ก็จะเกิดอาการ “ผมล้าน” ได้มากกว่าปกติเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมล้านผ่านทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Androgenetic alopecia นั้น จะพบว่าเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่บริเวณหนังศีรษะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเอนไซม์ที่ว่านี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT 

เจ้าฮอร์โมน DHT นี่เอง คือตัวการที่ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะเล็กลง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ เส้นบางและสั้นลง จนหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ เป็นที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่พบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิงนั่นเอง








น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า ลักษณะผมล้าน เรียกได้ว่าเป็น Polygenic trait หรือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ และมีระดับการแสดงออกของอาการแตกต่างกันไปหลายระดับ เช่นสีตาของมนุษย์ เกิดจากการที่ยีนส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ตามีสีน้ำตาลเข้ม ไล่มาจนถึงสีน้ำตาลอ่อน รวมไปถึงตัวอย่างอื่น ๆ เช่นลักษณะสีผิว ลักษณะความสูง ตลอดจนสีของเมล็ดพืชหรือขนาดของผลไม้ด้วย ที่สำคัญ ยีนเหล่านี้ รวมถึงยีนผมล้าน อาจได้รับการถ่ายทอดมาจากฝั่งพ่อหรือแม่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรับมาจากฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว


การทำความเข้าใจที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ผ่านรหัสพันธุกรรมที่แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะช่วยให้การรับมือกับปัญหาเส้นผม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มรู้สึกกังวลจากอาการผมร่วงหรือผมบาง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้อาการรุนแรงขึ้น หรืออายุมากขึ้น เนื่องจากหากแพทย์มีโอกาสวินิจฉัยได้เร็ว ก็จะช่วยให้ทราบว่าคนไข้มีระดับความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะเกิดปัญหาผมล้านในอนาคต และรีบรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ผมสวยสุขภาพดีอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราไปนาน ๆ 



ทำไมผู้ชายเสี่ยง “ผมล้าน” มากกว่าผู้หญิง
"ไม่ใช่คำสาปหรือความลำเอียงของพระเจ้า แต่เรื่องของเส้นผมบนศีรษะของคนเรา เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล้วน ๆ"

วันนี้ เราจะเปิดบทเรียนชีววิทยาเล็ก ๆ ที่จะช่วยไขความลับระดับพันธุกรรม และตอบคำถามว่า ทำไมกันนะ ผู้ชายจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ “ผมล้าน” และ “ผมร่วง” มากกว่าผู้หญิง

ผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับในเพศผู้หรือเพศเมียของสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมี “ยีน” หรือ “หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม” ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ “เพศ” อยู่ 

หากยีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “โครโมโซมเพศ” โดยตรง (Sex-linked traits) เพศก็จะมีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ถ้ายีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “ออโตโซม” นั่นแปลว่า ไม่ใช่แค่เพศเท่านั้นที่มีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น อย่างเช่นฮอร์โมนในร่างกายด้วย ซึ่งจะพบได้ใน 2 รูปแบบต่อไปนี้

  • ลักษณะทางพันธุกรรมจำกัดเพศ หรือ Sex-limited traits
แม้ว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม แต่ลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกในเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การที่ผู้ชายมีหนวดเครา มีเสียงห้าว หรือการที่ผู้หญิงสามารถผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกได้ ซึ่งฮอร์โมนจะเป็นตัวควบคุมให้ลักษณะนี้เกิดเพียงแค่เฉพาะในผู้ชายหรือผู้หญิง

  • ลักษณะทางพันธุกรรมที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศ หรือ Sex-influenced traits
เช่นเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม และลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกได้ในทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราพบลักษณะเหล่านี้ได้มากในเพศหนึ่ง และพบได้น้อยในอีกเพศหนึ่ง 




ตัวอย่างที่ชัดเจนของที่สุดของรูปแบบนี้ ก็คือลักษณะ “ผมล้าน” ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสองเพศ แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากเพศชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มากกว่านั่นเอง และหากผู้หญิงคนไหนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในระดับสูง ก็จะเกิดอาการ “ผมล้าน” ได้มากกว่าปกติเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมล้านผ่านทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Androgenetic alopecia นั้น จะพบว่าเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่บริเวณหนังศีรษะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเอนไซม์ที่ว่านี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT 

เจ้าฮอร์โมน DHT นี่เอง คือตัวการที่ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะเล็กลง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ เส้นบางและสั้นลง จนหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ เป็นที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่พบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิงนั่นเอง








น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า ลักษณะผมล้าน เรียกได้ว่าเป็น Polygenic trait หรือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ และมีระดับการแสดงออกของอาการแตกต่างกันไปหลายระดับ เช่นสีตาของมนุษย์ เกิดจากการที่ยีนส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ตามีสีน้ำตาลเข้ม ไล่มาจนถึงสีน้ำตาลอ่อน รวมไปถึงตัวอย่างอื่น ๆ เช่นลักษณะสีผิว ลักษณะความสูง ตลอดจนสีของเมล็ดพืชหรือขนาดของผลไม้ด้วย ที่สำคัญ ยีนเหล่านี้ รวมถึงยีนผมล้าน อาจได้รับการถ่ายทอดมาจากฝั่งพ่อหรือแม่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรับมาจากฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว


การทำความเข้าใจที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ผ่านรหัสพันธุกรรมที่แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะช่วยให้การรับมือกับปัญหาเส้นผม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มรู้สึกกังวลจากอาการผมร่วงหรือผมบาง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้อาการรุนแรงขึ้น หรืออายุมากขึ้น เนื่องจากหากแพทย์มีโอกาสวินิจฉัยได้เร็ว ก็จะช่วยให้ทราบว่าคนไข้มีระดับความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะเกิดปัญหาผมล้านในอนาคต และรีบรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ผมสวยสุขภาพดีอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราไปนาน ๆ 



ทำไมผู้ชายเสี่ยง “ผมล้าน” มากกว่าผู้หญิง
"ไม่ใช่คำสาปหรือความลำเอียงของพระเจ้า แต่เรื่องของเส้นผมบนศีรษะของคนเรา เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล้วน ๆ"

วันนี้ เราจะเปิดบทเรียนชีววิทยาเล็ก ๆ ที่จะช่วยไขความลับระดับพันธุกรรม และตอบคำถามว่า ทำไมกันนะ ผู้ชายจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ “ผมล้าน” และ “ผมร่วง” มากกว่าผู้หญิง

ผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับในเพศผู้หรือเพศเมียของสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมี “ยีน” หรือ “หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม” ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ “เพศ” อยู่ 

หากยีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “โครโมโซมเพศ” โดยตรง (Sex-linked traits) เพศก็จะมีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ถ้ายีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “ออโตโซม” นั่นแปลว่า ไม่ใช่แค่เพศเท่านั้นที่มีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น อย่างเช่นฮอร์โมนในร่างกายด้วย ซึ่งจะพบได้ใน 2 รูปแบบต่อไปนี้

  • ลักษณะทางพันธุกรรมจำกัดเพศ หรือ Sex-limited traits
แม้ว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม แต่ลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกในเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การที่ผู้ชายมีหนวดเครา มีเสียงห้าว หรือการที่ผู้หญิงสามารถผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกได้ ซึ่งฮอร์โมนจะเป็นตัวควบคุมให้ลักษณะนี้เกิดเพียงแค่เฉพาะในผู้ชายหรือผู้หญิง

  • ลักษณะทางพันธุกรรมที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศ หรือ Sex-influenced traits
เช่นเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม และลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกได้ในทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราพบลักษณะเหล่านี้ได้มากในเพศหนึ่ง และพบได้น้อยในอีกเพศหนึ่ง 




ตัวอย่างที่ชัดเจนของที่สุดของรูปแบบนี้ ก็คือลักษณะ “ผมล้าน” ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสองเพศ แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากเพศชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มากกว่านั่นเอง และหากผู้หญิงคนไหนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในระดับสูง ก็จะเกิดอาการ “ผมล้าน” ได้มากกว่าปกติเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมล้านผ่านทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Androgenetic alopecia นั้น จะพบว่าเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่บริเวณหนังศีรษะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเอนไซม์ที่ว่านี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT 

เจ้าฮอร์โมน DHT นี่เอง คือตัวการที่ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะเล็กลง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ เส้นบางและสั้นลง จนหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ เป็นที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่พบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิงนั่นเอง








น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า ลักษณะผมล้าน เรียกได้ว่าเป็น Polygenic trait หรือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ และมีระดับการแสดงออกของอาการแตกต่างกันไปหลายระดับ เช่นสีตาของมนุษย์ เกิดจากการที่ยีนส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ตามีสีน้ำตาลเข้ม ไล่มาจนถึงสีน้ำตาลอ่อน รวมไปถึงตัวอย่างอื่น ๆ เช่นลักษณะสีผิว ลักษณะความสูง ตลอดจนสีของเมล็ดพืชหรือขนาดของผลไม้ด้วย ที่สำคัญ ยีนเหล่านี้ รวมถึงยีนผมล้าน อาจได้รับการถ่ายทอดมาจากฝั่งพ่อหรือแม่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรับมาจากฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว


การทำความเข้าใจที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ผ่านรหัสพันธุกรรมที่แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะช่วยให้การรับมือกับปัญหาเส้นผม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มรู้สึกกังวลจากอาการผมร่วงหรือผมบาง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้อาการรุนแรงขึ้น หรืออายุมากขึ้น เนื่องจากหากแพทย์มีโอกาสวินิจฉัยได้เร็ว ก็จะช่วยให้ทราบว่าคนไข้มีระดับความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะเกิดปัญหาผมล้านในอนาคต และรีบรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ผมสวยสุขภาพดีอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราไปนาน ๆ 



ทำไมผู้ชายเสี่ยง “ผมล้าน” มากกว่าผู้หญิง
"ไม่ใช่คำสาปหรือความลำเอียงของพระเจ้า แต่เรื่องของเส้นผมบนศีรษะของคนเรา เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติล้วน ๆ"

วันนี้ เราจะเปิดบทเรียนชีววิทยาเล็ก ๆ ที่จะช่วยไขความลับระดับพันธุกรรม และตอบคำถามว่า ทำไมกันนะ ผู้ชายจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการ “ผมล้าน” และ “ผมร่วง” มากกว่าผู้หญิง

ผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปที่แตกต่างกันเป็นปกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับในเพศผู้หรือเพศเมียของสัตว์ ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมี “ยีน” หรือ “หน่วยควบคุมลักษณะทางพันธุกรรม” ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ “เพศ” อยู่ 

หากยีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “โครโมโซมเพศ” โดยตรง (Sex-linked traits) เพศก็จะมีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ถ้ายีนเหล่านั้นมีตำแหน่งอยู่บน “ออโตโซม” นั่นแปลว่า ไม่ใช่แค่เพศเท่านั้นที่มีผลต่อการแสดงออกของยีน แต่ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น อย่างเช่นฮอร์โมนในร่างกายด้วย ซึ่งจะพบได้ใน 2 รูปแบบต่อไปนี้

  • ลักษณะทางพันธุกรรมจำกัดเพศ หรือ Sex-limited traits
แม้ว่าทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม แต่ลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกในเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การที่ผู้ชายมีหนวดเครา มีเสียงห้าว หรือการที่ผู้หญิงสามารถผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกได้ ซึ่งฮอร์โมนจะเป็นตัวควบคุมให้ลักษณะนี้เกิดเพียงแค่เฉพาะในผู้ชายหรือผู้หญิง

  • ลักษณะทางพันธุกรรมที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของเพศ หรือ Sex-influenced traits
เช่นเดียวกัน ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มียีนควบคุมลักษณะเช่นนี้อยู่บนออโตโซม และลักษณะดังกล่าวจะแสดงออกได้ในทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยมีฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราพบลักษณะเหล่านี้ได้มากในเพศหนึ่ง และพบได้น้อยในอีกเพศหนึ่ง 




ตัวอย่างที่ชัดเจนของที่สุดของรูปแบบนี้ ก็คือลักษณะ “ผมล้าน” ที่เกิดขึ้นได้ทั้งสองเพศ แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากเพศชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มากกว่านั่นเอง และหากผู้หญิงคนไหนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในระดับสูง ก็จะเกิดอาการ “ผมล้าน” ได้มากกว่าปกติเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมล้านผ่านทางพันธุกรรม หรือที่เรียกว่า Androgenetic alopecia นั้น จะพบว่าเอนไซม์ 5-alpha reductase ที่บริเวณหนังศีรษะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งเอนไซม์ที่ว่านี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT 

เจ้าฮอร์โมน DHT นี่เอง คือตัวการที่ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะเล็กลง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ เส้นบางและสั้นลง จนหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ เป็นที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่พบในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิงนั่นเอง








น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า ลักษณะผมล้าน เรียกได้ว่าเป็น Polygenic trait หรือเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนหลายคู่ และมีระดับการแสดงออกของอาการแตกต่างกันไปหลายระดับ เช่นสีตาของมนุษย์ เกิดจากการที่ยีนส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ตามีสีน้ำตาลเข้ม ไล่มาจนถึงสีน้ำตาลอ่อน รวมไปถึงตัวอย่างอื่น ๆ เช่นลักษณะสีผิว ลักษณะความสูง ตลอดจนสีของเมล็ดพืชหรือขนาดของผลไม้ด้วย ที่สำคัญ ยีนเหล่านี้ รวมถึงยีนผมล้าน อาจได้รับการถ่ายทอดมาจากฝั่งพ่อหรือแม่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรับมาจากฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว


การทำความเข้าใจที่มาของอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ผ่านรหัสพันธุกรรมที่แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น จะช่วยให้การรับมือกับปัญหาเส้นผม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มรู้สึกกังวลจากอาการผมร่วงหรือผมบาง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้อาการรุนแรงขึ้น หรืออายุมากขึ้น เนื่องจากหากแพทย์มีโอกาสวินิจฉัยได้เร็ว ก็จะช่วยให้ทราบว่าคนไข้มีระดับความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะเกิดปัญหาผมล้านในอนาคต และรีบรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ผมสวยสุขภาพดีอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราไปนาน ๆ 



สำรวจ Timeline เส้นผมใหม่หลังปลูกผม
การดูแลเส้นผมปลูกใหม่ ก็ไม่ต่างจากการเฝ้าดูแลต้นไม้ตั้งแต่แรกปลูกจนกระทั่งค่อย ๆ เติบโต ซึ่งต้องการทั้งความเอาใจใส่ และอาศัยความอดทนในการรอคอยเวลา เพราะแม้วิทยาการที่ล้ำหน้าในวันนี้ จะช่วยให้เราเอาชนะความร่วงโรยของร่างกาย ด้วยการปลูกผมใหม่เพื่อทดแทนและเติมเต็มในบริเวณที่ผมบางหรือเป็นปัญหาได้สำเร็จ แต่กว่าเส้นผมจะแข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่นั้น เรายังคงต้องปล่อยให้ “ธรรมชาติ” เป็นเหมือนวาทยกรประจำวงผู้คอยกำกับจังหวะการเติบโตของเส้นผมอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอด 1 ปีเต็ม ๆ

ใครที่กำลังสนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม และอยากเห็นภาพว่า เส้นผมของเราจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นแค่ไหน อย่างไร และมีช่วงไหนที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษบ้าง มาทำความเข้าใจ Timeline การเติบโตของเส้นผมตามวงจรธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน


หลังปลูกผมทันที
วันแรก เราจะเห็นเพียงตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ ซึ่งหากปลูกด้วยเทคนิค NEAT  หนังศีรษะจะมีอาการบวมแดงน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย 


เมื่อเข้าวันที่ 2-5 แผลขนาดเล็กจากการปลูกผมใหม่จะเริ่มตกสะเก็ด กระทั่ง 1 สัปดาห์ผ่านไป สะเก็ดแผลจะเริ่มร่วง รวมถึงไม่มีอาการบวมแดงอีกต่อไป และในวันที่ 10 ของการปลูกผม เราจะสังเกตเห็นผมใหม่ที่เริ่มยาวขึ้นประมาณ 2-4 มิลลิเมตร โดยยังเหลือสะเก็ดแผลอยู่เพียงเล็กน้อย


หลังปลูกผม 14 วัน
เป็นช่วงที่สะเก็ดแผลร่วงจนหมด และเริ่มมั่นใจได้ว่า เส้นผมของเราได้ไปต่อ!! เนื่องจากเซลล์รากผมใหม่เริ่มฝังตัวติดกับหนังศีรษะแล้วนั่นเอง



หลังปลูกผม 1-2 เดือน 
ช่วงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะตกใจเนื่องจากผมที่ปลูกใหม่เริ่มหลุดร่วงจนเกือบหมด ที่จริงแล้ว นี่คือปรากฏการณ์ Shock loss ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ โดยเส้นผมใหม่จะทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 ก่อนเข้าสู่ระยะพัก และหยุดการงอกใหม่ไปอีกประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติเพื่อให้รากผมที่ฝังตัวเรียบร้อยแล้วนั้น เตรียมงอกขึ้นเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าในช่วงเดือนต่อไป



หลังปลูกผม  3-4 เดือน
ผมปลูกใหม่ที่หลุดร่วงไป จะเริ่มทยอยงอกกลับขึ้นมาใหม่ โดยมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ 



หลังปลูกผม 6 เดือน
สังเกตได้ว่า เส้นผมของเราเริ่มยาวและแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม



หลังปลูกผม 1 ปี
ผมใหม่ขึ้นอย่างหนาแน่นถึงประมาณร้อยละ 95 และจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์เต็มร้อยภายในช่วง 1-2 ปี จนได้ผลลัพธ์แห่งการรอคอยเป็นผมสวยสุขภาพดีที่จะคงอยู่ต่อไปอย่างถาวร ไม่ต่างจากผมธรรมชาติแท้ ๆ ของเราเลย


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เส้นผมปลูกใหม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ นั่นคือช่วง 14 วันแรกหลังเข้ารับการปลูก ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นระยะชี้ชะตาเส้นผมใหม่ว่าจะรอดหรือร่วงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยซึ่งจะทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผม กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นช่วงที่เกล็ดเลือดเริ่มแข็งตัวเป็นสะเก็ดแผล ทำให้มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ ที่สำคัญ ในช่วงนี้ยังต้องระวังการเกิดสิว และการเกิดรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผลหลุดร่วงได้เช่นกัน


และเมื่อผ่านช่วง 2 สัปดาห์แรกไปเรียบร้อยแล้ว รากผมจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จากนี้ แพทย์อาจจะแนะนำให้เสริมการดูแลเส้นผมด้วยการฉายแสง LED Light Therapy ซึ่งเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม รวมถึงสามารถฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเอง ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การปลูกผม จึงไม่ต่างจากการตัดสินใจก้าวออกเดินทางครั้งใหม่ร่วมกันระหว่างผู้เข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องช่วยกันวางแผน และประคับประคองดูแลด้วยความใส่ใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเดินทางอันยาวไกลตลอด 1 ปีเต็ม ๆ นั้น กลายเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ และให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่คุ้มค่าสมกับการรอคอย

สำรวจ Timeline เส้นผมใหม่หลังปลูกผม
การดูแลเส้นผมปลูกใหม่ ก็ไม่ต่างจากการเฝ้าดูแลต้นไม้ตั้งแต่แรกปลูกจนกระทั่งค่อย ๆ เติบโต ซึ่งต้องการทั้งความเอาใจใส่ และอาศัยความอดทนในการรอคอยเวลา เพราะแม้วิทยาการที่ล้ำหน้าในวันนี้ จะช่วยให้เราเอาชนะความร่วงโรยของร่างกาย ด้วยการปลูกผมใหม่เพื่อทดแทนและเติมเต็มในบริเวณที่ผมบางหรือเป็นปัญหาได้สำเร็จ แต่กว่าเส้นผมจะแข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่นั้น เรายังคงต้องปล่อยให้ “ธรรมชาติ” เป็นเหมือนวาทยกรประจำวงผู้คอยกำกับจังหวะการเติบโตของเส้นผมอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอด 1 ปีเต็ม ๆ

ใครที่กำลังสนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม และอยากเห็นภาพว่า เส้นผมของเราจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นแค่ไหน อย่างไร และมีช่วงไหนที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษบ้าง มาทำความเข้าใจ Timeline การเติบโตของเส้นผมตามวงจรธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน


หลังปลูกผมทันที
วันแรก เราจะเห็นเพียงตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ ซึ่งหากปลูกด้วยเทคนิค NEAT  หนังศีรษะจะมีอาการบวมแดงน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย 


เมื่อเข้าวันที่ 2-5 แผลขนาดเล็กจากการปลูกผมใหม่จะเริ่มตกสะเก็ด กระทั่ง 1 สัปดาห์ผ่านไป สะเก็ดแผลจะเริ่มร่วง รวมถึงไม่มีอาการบวมแดงอีกต่อไป และในวันที่ 10 ของการปลูกผม เราจะสังเกตเห็นผมใหม่ที่เริ่มยาวขึ้นประมาณ 2-4 มิลลิเมตร โดยยังเหลือสะเก็ดแผลอยู่เพียงเล็กน้อย


หลังปลูกผม 14 วัน
เป็นช่วงที่สะเก็ดแผลร่วงจนหมด และเริ่มมั่นใจได้ว่า เส้นผมของเราได้ไปต่อ!! เนื่องจากเซลล์รากผมใหม่เริ่มฝังตัวติดกับหนังศีรษะแล้วนั่นเอง



หลังปลูกผม 1-2 เดือน 
ช่วงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะตกใจเนื่องจากผมที่ปลูกใหม่เริ่มหลุดร่วงจนเกือบหมด ที่จริงแล้ว นี่คือปรากฏการณ์ Shock loss ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ โดยเส้นผมใหม่จะทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 ก่อนเข้าสู่ระยะพัก และหยุดการงอกใหม่ไปอีกประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติเพื่อให้รากผมที่ฝังตัวเรียบร้อยแล้วนั้น เตรียมงอกขึ้นเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าในช่วงเดือนต่อไป



หลังปลูกผม  3-4 เดือน
ผมปลูกใหม่ที่หลุดร่วงไป จะเริ่มทยอยงอกกลับขึ้นมาใหม่ โดยมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ 



หลังปลูกผม 6 เดือน
สังเกตได้ว่า เส้นผมของเราเริ่มยาวและแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม



หลังปลูกผม 1 ปี
ผมใหม่ขึ้นอย่างหนาแน่นถึงประมาณร้อยละ 95 และจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์เต็มร้อยภายในช่วง 1-2 ปี จนได้ผลลัพธ์แห่งการรอคอยเป็นผมสวยสุขภาพดีที่จะคงอยู่ต่อไปอย่างถาวร ไม่ต่างจากผมธรรมชาติแท้ ๆ ของเราเลย


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เส้นผมปลูกใหม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ นั่นคือช่วง 14 วันแรกหลังเข้ารับการปลูก ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นระยะชี้ชะตาเส้นผมใหม่ว่าจะรอดหรือร่วงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยซึ่งจะทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผม กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นช่วงที่เกล็ดเลือดเริ่มแข็งตัวเป็นสะเก็ดแผล ทำให้มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ ที่สำคัญ ในช่วงนี้ยังต้องระวังการเกิดสิว และการเกิดรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผลหลุดร่วงได้เช่นกัน


และเมื่อผ่านช่วง 2 สัปดาห์แรกไปเรียบร้อยแล้ว รากผมจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จากนี้ แพทย์อาจจะแนะนำให้เสริมการดูแลเส้นผมด้วยการฉายแสง LED Light Therapy ซึ่งเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม รวมถึงสามารถฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเอง ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การปลูกผม จึงไม่ต่างจากการตัดสินใจก้าวออกเดินทางครั้งใหม่ร่วมกันระหว่างผู้เข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องช่วยกันวางแผน และประคับประคองดูแลด้วยความใส่ใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเดินทางอันยาวไกลตลอด 1 ปีเต็ม ๆ นั้น กลายเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ และให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่คุ้มค่าสมกับการรอคอย

สำรวจ Timeline เส้นผมใหม่หลังปลูกผม
การดูแลเส้นผมปลูกใหม่ ก็ไม่ต่างจากการเฝ้าดูแลต้นไม้ตั้งแต่แรกปลูกจนกระทั่งค่อย ๆ เติบโต ซึ่งต้องการทั้งความเอาใจใส่ และอาศัยความอดทนในการรอคอยเวลา เพราะแม้วิทยาการที่ล้ำหน้าในวันนี้ จะช่วยให้เราเอาชนะความร่วงโรยของร่างกาย ด้วยการปลูกผมใหม่เพื่อทดแทนและเติมเต็มในบริเวณที่ผมบางหรือเป็นปัญหาได้สำเร็จ แต่กว่าเส้นผมจะแข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่นั้น เรายังคงต้องปล่อยให้ “ธรรมชาติ” เป็นเหมือนวาทยกรประจำวงผู้คอยกำกับจังหวะการเติบโตของเส้นผมอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอด 1 ปีเต็ม ๆ

ใครที่กำลังสนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม และอยากเห็นภาพว่า เส้นผมของเราจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นแค่ไหน อย่างไร และมีช่วงไหนที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษบ้าง มาทำความเข้าใจ Timeline การเติบโตของเส้นผมตามวงจรธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน


หลังปลูกผมทันที
วันแรก เราจะเห็นเพียงตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ ซึ่งหากปลูกด้วยเทคนิค NEAT  หนังศีรษะจะมีอาการบวมแดงน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย 


เมื่อเข้าวันที่ 2-5 แผลขนาดเล็กจากการปลูกผมใหม่จะเริ่มตกสะเก็ด กระทั่ง 1 สัปดาห์ผ่านไป สะเก็ดแผลจะเริ่มร่วง รวมถึงไม่มีอาการบวมแดงอีกต่อไป และในวันที่ 10 ของการปลูกผม เราจะสังเกตเห็นผมใหม่ที่เริ่มยาวขึ้นประมาณ 2-4 มิลลิเมตร โดยยังเหลือสะเก็ดแผลอยู่เพียงเล็กน้อย


หลังปลูกผม 14 วัน
เป็นช่วงที่สะเก็ดแผลร่วงจนหมด และเริ่มมั่นใจได้ว่า เส้นผมของเราได้ไปต่อ!! เนื่องจากเซลล์รากผมใหม่เริ่มฝังตัวติดกับหนังศีรษะแล้วนั่นเอง



หลังปลูกผม 1-2 เดือน 
ช่วงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะตกใจเนื่องจากผมที่ปลูกใหม่เริ่มหลุดร่วงจนเกือบหมด ที่จริงแล้ว นี่คือปรากฏการณ์ Shock loss ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ โดยเส้นผมใหม่จะทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 ก่อนเข้าสู่ระยะพัก และหยุดการงอกใหม่ไปอีกประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติเพื่อให้รากผมที่ฝังตัวเรียบร้อยแล้วนั้น เตรียมงอกขึ้นเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าในช่วงเดือนต่อไป



หลังปลูกผม  3-4 เดือน
ผมปลูกใหม่ที่หลุดร่วงไป จะเริ่มทยอยงอกกลับขึ้นมาใหม่ โดยมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ 



หลังปลูกผม 6 เดือน
สังเกตได้ว่า เส้นผมของเราเริ่มยาวและแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม



หลังปลูกผม 1 ปี
ผมใหม่ขึ้นอย่างหนาแน่นถึงประมาณร้อยละ 95 และจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์เต็มร้อยภายในช่วง 1-2 ปี จนได้ผลลัพธ์แห่งการรอคอยเป็นผมสวยสุขภาพดีที่จะคงอยู่ต่อไปอย่างถาวร ไม่ต่างจากผมธรรมชาติแท้ ๆ ของเราเลย


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เส้นผมปลูกใหม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ นั่นคือช่วง 14 วันแรกหลังเข้ารับการปลูก ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นระยะชี้ชะตาเส้นผมใหม่ว่าจะรอดหรือร่วงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยซึ่งจะทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผม กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นช่วงที่เกล็ดเลือดเริ่มแข็งตัวเป็นสะเก็ดแผล ทำให้มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ ที่สำคัญ ในช่วงนี้ยังต้องระวังการเกิดสิว และการเกิดรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผลหลุดร่วงได้เช่นกัน


และเมื่อผ่านช่วง 2 สัปดาห์แรกไปเรียบร้อยแล้ว รากผมจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จากนี้ แพทย์อาจจะแนะนำให้เสริมการดูแลเส้นผมด้วยการฉายแสง LED Light Therapy ซึ่งเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม รวมถึงสามารถฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเอง ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การปลูกผม จึงไม่ต่างจากการตัดสินใจก้าวออกเดินทางครั้งใหม่ร่วมกันระหว่างผู้เข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องช่วยกันวางแผน และประคับประคองดูแลด้วยความใส่ใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเดินทางอันยาวไกลตลอด 1 ปีเต็ม ๆ นั้น กลายเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ และให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่คุ้มค่าสมกับการรอคอย

สำรวจ Timeline เส้นผมใหม่หลังปลูกผม
การดูแลเส้นผมปลูกใหม่ ก็ไม่ต่างจากการเฝ้าดูแลต้นไม้ตั้งแต่แรกปลูกจนกระทั่งค่อย ๆ เติบโต ซึ่งต้องการทั้งความเอาใจใส่ และอาศัยความอดทนในการรอคอยเวลา เพราะแม้วิทยาการที่ล้ำหน้าในวันนี้ จะช่วยให้เราเอาชนะความร่วงโรยของร่างกาย ด้วยการปลูกผมใหม่เพื่อทดแทนและเติมเต็มในบริเวณที่ผมบางหรือเป็นปัญหาได้สำเร็จ แต่กว่าเส้นผมจะแข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่นั้น เรายังคงต้องปล่อยให้ “ธรรมชาติ” เป็นเหมือนวาทยกรประจำวงผู้คอยกำกับจังหวะการเติบโตของเส้นผมอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอด 1 ปีเต็ม ๆ

ใครที่กำลังสนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม และอยากเห็นภาพว่า เส้นผมของเราจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นแค่ไหน อย่างไร และมีช่วงไหนที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษบ้าง มาทำความเข้าใจ Timeline การเติบโตของเส้นผมตามวงจรธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน


หลังปลูกผมทันที
วันแรก เราจะเห็นเพียงตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ ซึ่งหากปลูกด้วยเทคนิค NEAT  หนังศีรษะจะมีอาการบวมแดงน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย 


เมื่อเข้าวันที่ 2-5 แผลขนาดเล็กจากการปลูกผมใหม่จะเริ่มตกสะเก็ด กระทั่ง 1 สัปดาห์ผ่านไป สะเก็ดแผลจะเริ่มร่วง รวมถึงไม่มีอาการบวมแดงอีกต่อไป และในวันที่ 10 ของการปลูกผม เราจะสังเกตเห็นผมใหม่ที่เริ่มยาวขึ้นประมาณ 2-4 มิลลิเมตร โดยยังเหลือสะเก็ดแผลอยู่เพียงเล็กน้อย


หลังปลูกผม 14 วัน
เป็นช่วงที่สะเก็ดแผลร่วงจนหมด และเริ่มมั่นใจได้ว่า เส้นผมของเราได้ไปต่อ!! เนื่องจากเซลล์รากผมใหม่เริ่มฝังตัวติดกับหนังศีรษะแล้วนั่นเอง



หลังปลูกผม 1-2 เดือน 
ช่วงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะตกใจเนื่องจากผมที่ปลูกใหม่เริ่มหลุดร่วงจนเกือบหมด ที่จริงแล้ว นี่คือปรากฏการณ์ Shock loss ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ โดยเส้นผมใหม่จะทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 ก่อนเข้าสู่ระยะพัก และหยุดการงอกใหม่ไปอีกประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติเพื่อให้รากผมที่ฝังตัวเรียบร้อยแล้วนั้น เตรียมงอกขึ้นเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าในช่วงเดือนต่อไป



หลังปลูกผม  3-4 เดือน
ผมปลูกใหม่ที่หลุดร่วงไป จะเริ่มทยอยงอกกลับขึ้นมาใหม่ โดยมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ 



หลังปลูกผม 6 เดือน
สังเกตได้ว่า เส้นผมของเราเริ่มยาวและแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม



หลังปลูกผม 1 ปี
ผมใหม่ขึ้นอย่างหนาแน่นถึงประมาณร้อยละ 95 และจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์เต็มร้อยภายในช่วง 1-2 ปี จนได้ผลลัพธ์แห่งการรอคอยเป็นผมสวยสุขภาพดีที่จะคงอยู่ต่อไปอย่างถาวร ไม่ต่างจากผมธรรมชาติแท้ ๆ ของเราเลย


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เส้นผมปลูกใหม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ นั่นคือช่วง 14 วันแรกหลังเข้ารับการปลูก ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นระยะชี้ชะตาเส้นผมใหม่ว่าจะรอดหรือร่วงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยซึ่งจะทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผม กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นช่วงที่เกล็ดเลือดเริ่มแข็งตัวเป็นสะเก็ดแผล ทำให้มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ ที่สำคัญ ในช่วงนี้ยังต้องระวังการเกิดสิว และการเกิดรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผลหลุดร่วงได้เช่นกัน


และเมื่อผ่านช่วง 2 สัปดาห์แรกไปเรียบร้อยแล้ว รากผมจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จากนี้ แพทย์อาจจะแนะนำให้เสริมการดูแลเส้นผมด้วยการฉายแสง LED Light Therapy ซึ่งเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม รวมถึงสามารถฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเอง ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การปลูกผม จึงไม่ต่างจากการตัดสินใจก้าวออกเดินทางครั้งใหม่ร่วมกันระหว่างผู้เข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องช่วยกันวางแผน และประคับประคองดูแลด้วยความใส่ใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเดินทางอันยาวไกลตลอด 1 ปีเต็ม ๆ นั้น กลายเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ และให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่คุ้มค่าสมกับการรอคอย

FUE หรือ DHI เข้าใจก่อนปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการปลูกผมที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง และอาจจะกำลังหลงทางอยู่ท่ามกลางตัวย่อคำศัพท์สารพัดเทคนิคที่ท่วมท้นอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต ลองมาทำความเข้าใจตัวย่อคำศัพท์ที่เกี่ยวของกับการปลูกผมเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE กับ DHI ที่คนทั่วไปมักสับสนว่าเทคนิคไหนดีกว่ากัน

เฉลยตรงนี้เลยแล้วกันว่า เราไม่สามารถนำเทคนิค FUE หรือ DHI มาเปรียบเทียบแบบตรงตัวว่าเทคนิคไหนดีไปกว่ากันได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกอยู่ #ทีมFUE หรือเลือกอยู่ #ทีมDHI มีความเป็นไปได้มากว่าคุณอาจจะจับมืออยู่ทีมเดียวกันแล้วนั่นเอง!!

ทำไมจึงไม่ควรนำเทคนิค FUE และ DHI มาเปรียบเทียบกันแบบตรง ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่า FUE เป็นชื่อเรียก “เทคนิคการปลูกผม” ซึ่งเน้นที่รูปแบบการนำผมออกจากบริเวณ Donor Area ขณะที่ DHI นั้นเป็นชื่อที่อธิบายถึงลักษะการใช้ “เครื่องมือในการปักกราฟต์ผม” ดังนั้น คุณสามารถที่จะเลือกใช้เทคนิค FUE โดยใช้เครื่องมือแบบ DHI ก็เป็นได้

และหากคุณต้องการชั่งน้ำหนักหรือทางเลือกในการตัดสินใจ ลองจับคู่ศัพท์เทคนิคเหล่านี้ใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจความหมายของ FUE และ FUT ก่อน ทั้งสองคำนี้ เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมตามนิยามของ ISHRS หรือ International Society of Hair Restoration Surgeon ซึ่งแบ่งวิธีการปลูกผม ตามวิธีการนำผมออกจาก Donor Area ด้านหลังท้ายทอย

FUT หรือ Follicular Unit Transplant เป็นการผ่าตัดนำหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอยออกมาทั้งชิ้น แล้วจึงค่อยนำมาแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์

FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำกราฟต์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ 

เทคนิค FUT จึงเหมาะกับผู้ที่จำเป็นต้องนำกราฟต์ผมออกมาจาก Doner Area เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น แต่ก็มีข้อเสียคือรอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดยาวประมาณ 15 – 30 เซนติเมตร ทำให้ต้องไว้ผมยาวเพื่อปกปิดรอยแผล

ส่วนเทคนิค FUE นั้น แน่นอนว่าจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ กระจายทั่วบริเวณ Doner Area ด้านหลังศีรษะ ซึ่งหากมีการเจาะนำกราฟต์ผมออกมามากเกินไป ก็อาจทำให้ผมในบริเวณนั้นดูบางลงได้ แต่ไม่ต้องกังวลใจเพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ช่วยวิเคราะห์ว่าเทคนิคการปลูกผมแบบใดที่ตอบโจทย์ของคนไข้มากที่สุด

สำหรับ DHI นั้น ไม่ใช่ชื่อเทคนิคที่บัญญัติโดย ISHRS แต่เป็นคำที่บ่งบอกถึงลักษณะเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมใหม่ และไม่ว่าคุณจะเลือกเทคนิค FUE หรือ FUT ก็สามารถเลือกใช้วิธีการปักกราฟต์ผมใหม่แบบ DHI ได้ทั้งคู่ โดย DHI ย่อมาจาก Direct Hair Implantation หมายถึงการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟต์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่

คู่เปรียบเทียบที่เหมาะกับ DHI จึงน่าจะเป็นการใช้วิธีดั้งเดิมในการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟต์ผมมาปักลงไปทีละกราฟต์ ซึ่งมีโอกาสสร้างความเสียหายแก่รากผม ขณะเดียวกันการใช้ Implanter Pen ในเทคนิค DHI จะช่วยให้ปักกราฟต์ผมได้ละเอียด แม่นยำ และรวดเร็วกว่า ทั้งยังช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมความลึกในการปัก ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย จนอาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีการปักกราฟต์ผมใหม่ หรือ Graft placement ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะลงเอยกับเทคนิค FUE หรือ FUT ในการนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณก็สามารถเลือกใช้เทคนิค DHI ในการปักกราฟต์ผมเพื่อคืนความหนาแน่นในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ 

ซึ่งที่นามนิน เราได้เลือกสรรเทคนิคทั้ง FUE และ DHI มาพัฒนาด้วยประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จนเกิดเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กถึง 0.60 มม.เจาะย้ายกราฟท์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และยังเสริมด้วยเทคนิคแบบขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ได้แนบเนียนยิ่งกว่า 

จากนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่เองทีละกราฟต์ ด้วยเทคนิค DHI ซึ่งเป็นการใช้ Implanter Pen ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่แข็งแรง หนาแน่น เรียงตัวกลมกลืนเป็นธรรมชาติกับเส้นผมเดิม อีกทั้งยังลดอาการเจ็บระหว่างปลูกผม แผลเล็ก เลือดออกน้อย คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น 

ที่สำคัญ แพทย์ยังช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น จนคุณสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ พร้อมเปลี่ยนเป็นคุณคนใหม่ได้ทันที


FUE หรือ DHI เข้าใจก่อนปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการปลูกผมที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง และอาจจะกำลังหลงทางอยู่ท่ามกลางตัวย่อคำศัพท์สารพัดเทคนิคที่ท่วมท้นอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต ลองมาทำความเข้าใจตัวย่อคำศัพท์ที่เกี่ยวของกับการปลูกผมเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE กับ DHI ที่คนทั่วไปมักสับสนว่าเทคนิคไหนดีกว่ากัน

เฉลยตรงนี้เลยแล้วกันว่า เราไม่สามารถนำเทคนิค FUE หรือ DHI มาเปรียบเทียบแบบตรงตัวว่าเทคนิคไหนดีไปกว่ากันได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกอยู่ #ทีมFUE หรือเลือกอยู่ #ทีมDHI มีความเป็นไปได้มากว่าคุณอาจจะจับมืออยู่ทีมเดียวกันแล้วนั่นเอง!!

ทำไมจึงไม่ควรนำเทคนิค FUE และ DHI มาเปรียบเทียบกันแบบตรง ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่า FUE เป็นชื่อเรียก “เทคนิคการปลูกผม” ซึ่งเน้นที่รูปแบบการนำผมออกจากบริเวณ Donor Area ขณะที่ DHI นั้นเป็นชื่อที่อธิบายถึงลักษะการใช้ “เครื่องมือในการปักกราฟต์ผม” ดังนั้น คุณสามารถที่จะเลือกใช้เทคนิค FUE โดยใช้เครื่องมือแบบ DHI ก็เป็นได้

และหากคุณต้องการชั่งน้ำหนักหรือทางเลือกในการตัดสินใจ ลองจับคู่ศัพท์เทคนิคเหล่านี้ใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจความหมายของ FUE และ FUT ก่อน ทั้งสองคำนี้ เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมตามนิยามของ ISHRS หรือ International Society of Hair Restoration Surgeon ซึ่งแบ่งวิธีการปลูกผม ตามวิธีการนำผมออกจาก Donor Area ด้านหลังท้ายทอย

FUT หรือ Follicular Unit Transplant เป็นการผ่าตัดนำหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอยออกมาทั้งชิ้น แล้วจึงค่อยนำมาแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์

FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำกราฟต์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ 

เทคนิค FUT จึงเหมาะกับผู้ที่จำเป็นต้องนำกราฟต์ผมออกมาจาก Doner Area เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น แต่ก็มีข้อเสียคือรอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดยาวประมาณ 15 – 30 เซนติเมตร ทำให้ต้องไว้ผมยาวเพื่อปกปิดรอยแผล

ส่วนเทคนิค FUE นั้น แน่นอนว่าจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ กระจายทั่วบริเวณ Doner Area ด้านหลังศีรษะ ซึ่งหากมีการเจาะนำกราฟต์ผมออกมามากเกินไป ก็อาจทำให้ผมในบริเวณนั้นดูบางลงได้ แต่ไม่ต้องกังวลใจเพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ช่วยวิเคราะห์ว่าเทคนิคการปลูกผมแบบใดที่ตอบโจทย์ของคนไข้มากที่สุด

สำหรับ DHI นั้น ไม่ใช่ชื่อเทคนิคที่บัญญัติโดย ISHRS แต่เป็นคำที่บ่งบอกถึงลักษณะเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมใหม่ และไม่ว่าคุณจะเลือกเทคนิค FUE หรือ FUT ก็สามารถเลือกใช้วิธีการปักกราฟต์ผมใหม่แบบ DHI ได้ทั้งคู่ โดย DHI ย่อมาจาก Direct Hair Implantation หมายถึงการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟต์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่

คู่เปรียบเทียบที่เหมาะกับ DHI จึงน่าจะเป็นการใช้วิธีดั้งเดิมในการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟต์ผมมาปักลงไปทีละกราฟต์ ซึ่งมีโอกาสสร้างความเสียหายแก่รากผม ขณะเดียวกันการใช้ Implanter Pen ในเทคนิค DHI จะช่วยให้ปักกราฟต์ผมได้ละเอียด แม่นยำ และรวดเร็วกว่า ทั้งยังช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมความลึกในการปัก ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย จนอาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีการปักกราฟต์ผมใหม่ หรือ Graft placement ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะลงเอยกับเทคนิค FUE หรือ FUT ในการนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณก็สามารถเลือกใช้เทคนิค DHI ในการปักกราฟต์ผมเพื่อคืนความหนาแน่นในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ 

ซึ่งที่นามนิน เราได้เลือกสรรเทคนิคทั้ง FUE และ DHI มาพัฒนาด้วยประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จนเกิดเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กถึง 0.60 มม.เจาะย้ายกราฟท์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และยังเสริมด้วยเทคนิคแบบขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ได้แนบเนียนยิ่งกว่า 

จากนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่เองทีละกราฟต์ ด้วยเทคนิค DHI ซึ่งเป็นการใช้ Implanter Pen ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่แข็งแรง หนาแน่น เรียงตัวกลมกลืนเป็นธรรมชาติกับเส้นผมเดิม อีกทั้งยังลดอาการเจ็บระหว่างปลูกผม แผลเล็ก เลือดออกน้อย คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น 

ที่สำคัญ แพทย์ยังช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น จนคุณสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ พร้อมเปลี่ยนเป็นคุณคนใหม่ได้ทันที


FUE หรือ DHI เข้าใจก่อนปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการปลูกผมที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง และอาจจะกำลังหลงทางอยู่ท่ามกลางตัวย่อคำศัพท์สารพัดเทคนิคที่ท่วมท้นอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต ลองมาทำความเข้าใจตัวย่อคำศัพท์ที่เกี่ยวของกับการปลูกผมเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE กับ DHI ที่คนทั่วไปมักสับสนว่าเทคนิคไหนดีกว่ากัน

เฉลยตรงนี้เลยแล้วกันว่า เราไม่สามารถนำเทคนิค FUE หรือ DHI มาเปรียบเทียบแบบตรงตัวว่าเทคนิคไหนดีไปกว่ากันได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกอยู่ #ทีมFUE หรือเลือกอยู่ #ทีมDHI มีความเป็นไปได้มากว่าคุณอาจจะจับมืออยู่ทีมเดียวกันแล้วนั่นเอง!!

ทำไมจึงไม่ควรนำเทคนิค FUE และ DHI มาเปรียบเทียบกันแบบตรง ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่า FUE เป็นชื่อเรียก “เทคนิคการปลูกผม” ซึ่งเน้นที่รูปแบบการนำผมออกจากบริเวณ Donor Area ขณะที่ DHI นั้นเป็นชื่อที่อธิบายถึงลักษะการใช้ “เครื่องมือในการปักกราฟต์ผม” ดังนั้น คุณสามารถที่จะเลือกใช้เทคนิค FUE โดยใช้เครื่องมือแบบ DHI ก็เป็นได้

และหากคุณต้องการชั่งน้ำหนักหรือทางเลือกในการตัดสินใจ ลองจับคู่ศัพท์เทคนิคเหล่านี้ใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจความหมายของ FUE และ FUT ก่อน ทั้งสองคำนี้ เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมตามนิยามของ ISHRS หรือ International Society of Hair Restoration Surgeon ซึ่งแบ่งวิธีการปลูกผม ตามวิธีการนำผมออกจาก Donor Area ด้านหลังท้ายทอย

FUT หรือ Follicular Unit Transplant เป็นการผ่าตัดนำหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอยออกมาทั้งชิ้น แล้วจึงค่อยนำมาแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์

FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำกราฟต์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ 

เทคนิค FUT จึงเหมาะกับผู้ที่จำเป็นต้องนำกราฟต์ผมออกมาจาก Doner Area เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น แต่ก็มีข้อเสียคือรอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดยาวประมาณ 15 – 30 เซนติเมตร ทำให้ต้องไว้ผมยาวเพื่อปกปิดรอยแผล

ส่วนเทคนิค FUE นั้น แน่นอนว่าจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ กระจายทั่วบริเวณ Doner Area ด้านหลังศีรษะ ซึ่งหากมีการเจาะนำกราฟต์ผมออกมามากเกินไป ก็อาจทำให้ผมในบริเวณนั้นดูบางลงได้ แต่ไม่ต้องกังวลใจเพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ช่วยวิเคราะห์ว่าเทคนิคการปลูกผมแบบใดที่ตอบโจทย์ของคนไข้มากที่สุด

สำหรับ DHI นั้น ไม่ใช่ชื่อเทคนิคที่บัญญัติโดย ISHRS แต่เป็นคำที่บ่งบอกถึงลักษณะเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมใหม่ และไม่ว่าคุณจะเลือกเทคนิค FUE หรือ FUT ก็สามารถเลือกใช้วิธีการปักกราฟต์ผมใหม่แบบ DHI ได้ทั้งคู่ โดย DHI ย่อมาจาก Direct Hair Implantation หมายถึงการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟต์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่

คู่เปรียบเทียบที่เหมาะกับ DHI จึงน่าจะเป็นการใช้วิธีดั้งเดิมในการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟต์ผมมาปักลงไปทีละกราฟต์ ซึ่งมีโอกาสสร้างความเสียหายแก่รากผม ขณะเดียวกันการใช้ Implanter Pen ในเทคนิค DHI จะช่วยให้ปักกราฟต์ผมได้ละเอียด แม่นยำ และรวดเร็วกว่า ทั้งยังช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมความลึกในการปัก ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย จนอาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีการปักกราฟต์ผมใหม่ หรือ Graft placement ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะลงเอยกับเทคนิค FUE หรือ FUT ในการนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณก็สามารถเลือกใช้เทคนิค DHI ในการปักกราฟต์ผมเพื่อคืนความหนาแน่นในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ 

ซึ่งที่นามนิน เราได้เลือกสรรเทคนิคทั้ง FUE และ DHI มาพัฒนาด้วยประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จนเกิดเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กถึง 0.60 มม.เจาะย้ายกราฟท์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และยังเสริมด้วยเทคนิคแบบขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ได้แนบเนียนยิ่งกว่า 

จากนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่เองทีละกราฟต์ ด้วยเทคนิค DHI ซึ่งเป็นการใช้ Implanter Pen ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่แข็งแรง หนาแน่น เรียงตัวกลมกลืนเป็นธรรมชาติกับเส้นผมเดิม อีกทั้งยังลดอาการเจ็บระหว่างปลูกผม แผลเล็ก เลือดออกน้อย คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น 

ที่สำคัญ แพทย์ยังช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น จนคุณสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ พร้อมเปลี่ยนเป็นคุณคนใหม่ได้ทันที


FUE หรือ DHI เข้าใจก่อนปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจเลือกวิธีการปลูกผมที่ “ใช่” สำหรับตัวเอง และอาจจะกำลังหลงทางอยู่ท่ามกลางตัวย่อคำศัพท์สารพัดเทคนิคที่ท่วมท้นอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต ลองมาทำความเข้าใจตัวย่อคำศัพท์ที่เกี่ยวของกับการปลูกผมเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิค FUE กับ DHI ที่คนทั่วไปมักสับสนว่าเทคนิคไหนดีกว่ากัน

เฉลยตรงนี้เลยแล้วกันว่า เราไม่สามารถนำเทคนิค FUE หรือ DHI มาเปรียบเทียบแบบตรงตัวว่าเทคนิคไหนดีไปกว่ากันได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกอยู่ #ทีมFUE หรือเลือกอยู่ #ทีมDHI มีความเป็นไปได้มากว่าคุณอาจจะจับมืออยู่ทีมเดียวกันแล้วนั่นเอง!!

ทำไมจึงไม่ควรนำเทคนิค FUE และ DHI มาเปรียบเทียบกันแบบตรง ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่า FUE เป็นชื่อเรียก “เทคนิคการปลูกผม” ซึ่งเน้นที่รูปแบบการนำผมออกจากบริเวณ Donor Area ขณะที่ DHI นั้นเป็นชื่อที่อธิบายถึงลักษะการใช้ “เครื่องมือในการปักกราฟต์ผม” ดังนั้น คุณสามารถที่จะเลือกใช้เทคนิค FUE โดยใช้เครื่องมือแบบ DHI ก็เป็นได้

และหากคุณต้องการชั่งน้ำหนักหรือทางเลือกในการตัดสินใจ ลองจับคู่ศัพท์เทคนิคเหล่านี้ใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจความหมายของ FUE และ FUT ก่อน ทั้งสองคำนี้ เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมตามนิยามของ ISHRS หรือ International Society of Hair Restoration Surgeon ซึ่งแบ่งวิธีการปลูกผม ตามวิธีการนำผมออกจาก Donor Area ด้านหลังท้ายทอย

FUT หรือ Follicular Unit Transplant เป็นการผ่าตัดนำหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอยออกมาทั้งชิ้น แล้วจึงค่อยนำมาแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์

FUE หรือ Follicular Unit Excision เป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเพื่อนำกราฟต์ผมออกมาจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ 

เทคนิค FUT จึงเหมาะกับผู้ที่จำเป็นต้องนำกราฟต์ผมออกมาจาก Doner Area เป็นจำนวนมากในเวลาอันสั้น แต่ก็มีข้อเสียคือรอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดยาวประมาณ 15 – 30 เซนติเมตร ทำให้ต้องไว้ผมยาวเพื่อปกปิดรอยแผล

ส่วนเทคนิค FUE นั้น แน่นอนว่าจะทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก ๆ กระจายทั่วบริเวณ Doner Area ด้านหลังศีรษะ ซึ่งหากมีการเจาะนำกราฟต์ผมออกมามากเกินไป ก็อาจทำให้ผมในบริเวณนั้นดูบางลงได้ แต่ไม่ต้องกังวลใจเพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ช่วยวิเคราะห์ว่าเทคนิคการปลูกผมแบบใดที่ตอบโจทย์ของคนไข้มากที่สุด

สำหรับ DHI นั้น ไม่ใช่ชื่อเทคนิคที่บัญญัติโดย ISHRS แต่เป็นคำที่บ่งบอกถึงลักษณะเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมใหม่ และไม่ว่าคุณจะเลือกเทคนิค FUE หรือ FUT ก็สามารถเลือกใช้วิธีการปักกราฟต์ผมใหม่แบบ DHI ได้ทั้งคู่ โดย DHI ย่อมาจาก Direct Hair Implantation หมายถึงการใช้ Implanter Pen  หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ นำกราฟต์ผมปักลงไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่

คู่เปรียบเทียบที่เหมาะกับ DHI จึงน่าจะเป็นการใช้วิธีดั้งเดิมในการเจาะรูบนหนังศีรษะ แล้วนำ Forceps หรืออุปกรณ์คีมเล็ก ๆ คีบกราฟต์ผมมาปักลงไปทีละกราฟต์ ซึ่งมีโอกาสสร้างความเสียหายแก่รากผม ขณะเดียวกันการใช้ Implanter Pen ในเทคนิค DHI จะช่วยให้ปักกราฟต์ผมได้ละเอียด แม่นยำ และรวดเร็วกว่า ทั้งยังช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมความลึกในการปัก ตลอดจนทิศทางหรือองศาของเส้นผมใหม่ได้ดีขึ้นด้วย จนอาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีการปักกราฟต์ผมใหม่ หรือ Graft placement ที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะลงเอยกับเทคนิค FUE หรือ FUT ในการนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย คุณก็สามารถเลือกใช้เทคนิค DHI ในการปักกราฟต์ผมเพื่อคืนความหนาแน่นในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ 

ซึ่งที่นามนิน เราได้เลือกสรรเทคนิคทั้ง FUE และ DHI มาพัฒนาด้วยประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
จนเกิดเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กถึง 0.60 มม.เจาะย้ายกราฟท์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และยังเสริมด้วยเทคนิคแบบขั้นบันไดเพื่อซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ได้แนบเนียนยิ่งกว่า 

จากนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปักกราฟท์ผมใหม่เองทีละกราฟต์ ด้วยเทคนิค DHI ซึ่งเป็นการใช้ Implanter Pen ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่แข็งแรง หนาแน่น เรียงตัวกลมกลืนเป็นธรรมชาติกับเส้นผมเดิม อีกทั้งยังลดอาการเจ็บระหว่างปลูกผม แผลเล็ก เลือดออกน้อย คนไข้จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น 

ที่สำคัญ แพทย์ยังช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น จนคุณสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ พร้อมเปลี่ยนเป็นคุณคนใหม่ได้ทันที


คุณรัก “ผม” มั้ย เมื่อเส้นผมคือสิ่งชูใจ ความสุข และบุคลิกภาพ
สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว เส้นผมเป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่แสนธรรมดาของร่างกาย มีหลุดร่วง มีงอกขึ้นใหม่ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม แต่ในความธรรมดาที่แสนพิเศษนั้น เส้นผมกำลังทำหน้าที่ที่สำคัญ ไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเลยทีเดียว

เส้นผมที่ดูบอบบาง ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดปกป้องหนังศีรษะ ไม่ให้สูญเสียความร้อนภายใน หรือสัมผัสกับอากาศภายนอกที่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป แต่ยังเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ช่วยสร้างและเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี ช่วยบ่งบอกตัวตนที่มีความเฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร บางครั้งก็ช่วยเปลี่ยนลุคให้คนหนึ่งคนปรับสไตล์เป็นใครได้อีกหลายบทบาท ทั้งยังเป็นเครื่องสร้างความมั่นใจในการออกไปใช้ชีวิตและพบปะผู้คน หรือสำหรับบางคน การได้มองตัวเองในกระจกคนเดียว และได้เห็นผมสวยเงางามสุขภาพดี สะท้อนกลับมาพร้อมกับเงาในกระจกด้วย ก็ช่วยเยียวยาจิตใจและอารมณ์ให้รู้สึกดีขึ้นหรือ “รัก” ตัวเองมากขึ้นได้แล้ว 


จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนทุกเพศทุกวัยใจต่างก็พากันใจบางและอ่อนไหวเมื่อเป็นเรื่องของเส้นผม  ทำไมเด็ก ๆ จึงมีปัญหากับการบรรดากฎการไว้ทรงผมต่าง ๆ ในโรงเรียน (จากใจผู้เขียนที่เคยร้องไห้เพราะต้องตัดผมสั้นเท่าติ่งหู) เพราะผมที่ถูดตัดออกไปนั้นเท่ากับการสูญเสียตัวตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่กำลังเติบโตและก่อร่างสร้างตัวตนในสังคม และทำไมผู้ใหญ่จึงต้องหาทางปกปิดอาการผมบางกันแทบทุกวิถีทาง ก็เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ รวมถึงความอ่อนเยาว์ไม่ดูแก่เกินวัย ผู้ที่ประสบปัญหาจากภาวะผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะเริ่มล้านในบางคน ถึงกับเสียน้ำตาด้วยความดีใจ หลังจากที่เข้ารับการรักษาแล้ว เส้นผมงอกขึ้นใหม่จนแลดูหนาแน่นแข็งแรง เพราะเส้นผมไม่ใช่แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ของร่างกาย แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมได้ดังเดิม

น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยมาเข้าใจคุณค่าการมีอยู่ของเส้นผม ก็เมื่อวันที่เสียผมไปแล้วหรือเกิดปัญหากับเส้นผมขึ้นแล้วนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม วิทยาการการรักษาและเทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบัน ก็สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขอาการผมบาง เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจแล้วว่าเส้นผมมีความหมายกับการใช้ชีวิตมากแค่ไหน แต่อาจจะยังลังเลใจว่าจะเลือกวิธีการรักษาแบบไหนดี มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงของ “การปลูกผมถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด” ไปด้วยกัน

ไม่ต้องผ่าตัดแล้วใช้วิธีการอย่างไร... การปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ในปัจจุบัน จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กจิ๋วเจาะนำกราฟต์ผม หรือกลุ่มของเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เพื่อย้ายมาปลูกลงใหม่ ณ บริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งต่างจากวิธีการในอดีตที่ต้องทำการผ่าตัดหนังศีรษะ และทิ้งรอยแผลเอาไว้

แผลน่ากลัวแค่ไหน คนอื่นจะเห็นได้ง่ายหรือไม่... บอกลาความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแผลเป็นได้เลย เพราะการปลูกผมแบบย้ายเซลล์นั้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง ไม่ต้องกลัวว่าจะอายใคร โดยแพทย์จะใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได ขณะเดียวกันในบริเวณที่ปลูกผมลงไปใหม่ ก็ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษในการเจาะเพื่อปักกราฟต์ผม แผลที่เกิดขึ้นจึงมีขนาดเล็กมาก

ปลูกผมเสร็จแล้ว ไม่ต้องพักฟื้นจริงหรือ... หลังการปลูกผมแบบย้ายเซลล์ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตปกติได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้นหรือลางานในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากแทบไม่มีความเจ็บ และแผลก็มีขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยนั่นเอง





ทำไมจึงใช้ระยะเวลานานในการรักษา... หลังจากวันที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากเส้นผมมีระยะเวลาการหลุดร่วง เริ่มงอกใหม่ และเติบโตตามวงจรธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ 

ผลลัพธ์ผมใหม่ เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่... แน่นอนว่า เมื่อผมที่งอกขึ้นใหม่ เริ่มอวดความแข็งแรง สวยงาม แลดูสุขภาพดี ทั้งยังหนาแน่นแบบกำลังดี และเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาก็เหมือนได้อิสระครั้งใหม่ ปลดล็อกตัวเองจากปัญหากวนใจเรื่องเส้นผม และสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาทันทีหากพบว่าตนเองเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะผมร่วง ผมบาง โดยไม่ต้องรอให้อาการต่าง ๆ เด่นชัดมากขึ้น หรืออายุมากขึ้น เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราอาจจะเสียโอกาสเรียกคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาผมรุนแรงเกินกว่าการปลูกผมจะเยียวยาแก้ไขได้แล้ว 

คุณรัก “ผม” มั้ย เมื่อเส้นผมคือสิ่งชูใจ ความสุข และบุคลิกภาพ
สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว เส้นผมเป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่แสนธรรมดาของร่างกาย มีหลุดร่วง มีงอกขึ้นใหม่ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม แต่ในความธรรมดาที่แสนพิเศษนั้น เส้นผมกำลังทำหน้าที่ที่สำคัญ ไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเลยทีเดียว

เส้นผมที่ดูบอบบาง ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดปกป้องหนังศีรษะ ไม่ให้สูญเสียความร้อนภายใน หรือสัมผัสกับอากาศภายนอกที่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป แต่ยังเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ช่วยสร้างและเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี ช่วยบ่งบอกตัวตนที่มีความเฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร บางครั้งก็ช่วยเปลี่ยนลุคให้คนหนึ่งคนปรับสไตล์เป็นใครได้อีกหลายบทบาท ทั้งยังเป็นเครื่องสร้างความมั่นใจในการออกไปใช้ชีวิตและพบปะผู้คน หรือสำหรับบางคน การได้มองตัวเองในกระจกคนเดียว และได้เห็นผมสวยเงางามสุขภาพดี สะท้อนกลับมาพร้อมกับเงาในกระจกด้วย ก็ช่วยเยียวยาจิตใจและอารมณ์ให้รู้สึกดีขึ้นหรือ “รัก” ตัวเองมากขึ้นได้แล้ว 


จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนทุกเพศทุกวัยใจต่างก็พากันใจบางและอ่อนไหวเมื่อเป็นเรื่องของเส้นผม  ทำไมเด็ก ๆ จึงมีปัญหากับการบรรดากฎการไว้ทรงผมต่าง ๆ ในโรงเรียน (จากใจผู้เขียนที่เคยร้องไห้เพราะต้องตัดผมสั้นเท่าติ่งหู) เพราะผมที่ถูดตัดออกไปนั้นเท่ากับการสูญเสียตัวตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่กำลังเติบโตและก่อร่างสร้างตัวตนในสังคม และทำไมผู้ใหญ่จึงต้องหาทางปกปิดอาการผมบางกันแทบทุกวิถีทาง ก็เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ รวมถึงความอ่อนเยาว์ไม่ดูแก่เกินวัย ผู้ที่ประสบปัญหาจากภาวะผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะเริ่มล้านในบางคน ถึงกับเสียน้ำตาด้วยความดีใจ หลังจากที่เข้ารับการรักษาแล้ว เส้นผมงอกขึ้นใหม่จนแลดูหนาแน่นแข็งแรง เพราะเส้นผมไม่ใช่แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ของร่างกาย แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมได้ดังเดิม

น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยมาเข้าใจคุณค่าการมีอยู่ของเส้นผม ก็เมื่อวันที่เสียผมไปแล้วหรือเกิดปัญหากับเส้นผมขึ้นแล้วนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม วิทยาการการรักษาและเทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบัน ก็สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขอาการผมบาง เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจแล้วว่าเส้นผมมีความหมายกับการใช้ชีวิตมากแค่ไหน แต่อาจจะยังลังเลใจว่าจะเลือกวิธีการรักษาแบบไหนดี มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงของ “การปลูกผมถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด” ไปด้วยกัน

ไม่ต้องผ่าตัดแล้วใช้วิธีการอย่างไร... การปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ในปัจจุบัน จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กจิ๋วเจาะนำกราฟต์ผม หรือกลุ่มของเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เพื่อย้ายมาปลูกลงใหม่ ณ บริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งต่างจากวิธีการในอดีตที่ต้องทำการผ่าตัดหนังศีรษะ และทิ้งรอยแผลเอาไว้

แผลน่ากลัวแค่ไหน คนอื่นจะเห็นได้ง่ายหรือไม่... บอกลาความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแผลเป็นได้เลย เพราะการปลูกผมแบบย้ายเซลล์นั้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง ไม่ต้องกลัวว่าจะอายใคร โดยแพทย์จะใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได ขณะเดียวกันในบริเวณที่ปลูกผมลงไปใหม่ ก็ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษในการเจาะเพื่อปักกราฟต์ผม แผลที่เกิดขึ้นจึงมีขนาดเล็กมาก

ปลูกผมเสร็จแล้ว ไม่ต้องพักฟื้นจริงหรือ... หลังการปลูกผมแบบย้ายเซลล์ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตปกติได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้นหรือลางานในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากแทบไม่มีความเจ็บ และแผลก็มีขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยนั่นเอง





ทำไมจึงใช้ระยะเวลานานในการรักษา... หลังจากวันที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากเส้นผมมีระยะเวลาการหลุดร่วง เริ่มงอกใหม่ และเติบโตตามวงจรธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ 

ผลลัพธ์ผมใหม่ เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่... แน่นอนว่า เมื่อผมที่งอกขึ้นใหม่ เริ่มอวดความแข็งแรง สวยงาม แลดูสุขภาพดี ทั้งยังหนาแน่นแบบกำลังดี และเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาก็เหมือนได้อิสระครั้งใหม่ ปลดล็อกตัวเองจากปัญหากวนใจเรื่องเส้นผม และสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาทันทีหากพบว่าตนเองเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะผมร่วง ผมบาง โดยไม่ต้องรอให้อาการต่าง ๆ เด่นชัดมากขึ้น หรืออายุมากขึ้น เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราอาจจะเสียโอกาสเรียกคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาผมรุนแรงเกินกว่าการปลูกผมจะเยียวยาแก้ไขได้แล้ว 

คุณรัก “ผม” มั้ย เมื่อเส้นผมคือสิ่งชูใจ ความสุข และบุคลิกภาพ
สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว เส้นผมเป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่แสนธรรมดาของร่างกาย มีหลุดร่วง มีงอกขึ้นใหม่ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม แต่ในความธรรมดาที่แสนพิเศษนั้น เส้นผมกำลังทำหน้าที่ที่สำคัญ ไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเลยทีเดียว

เส้นผมที่ดูบอบบาง ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดปกป้องหนังศีรษะ ไม่ให้สูญเสียความร้อนภายใน หรือสัมผัสกับอากาศภายนอกที่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป แต่ยังเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ช่วยสร้างและเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี ช่วยบ่งบอกตัวตนที่มีความเฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร บางครั้งก็ช่วยเปลี่ยนลุคให้คนหนึ่งคนปรับสไตล์เป็นใครได้อีกหลายบทบาท ทั้งยังเป็นเครื่องสร้างความมั่นใจในการออกไปใช้ชีวิตและพบปะผู้คน หรือสำหรับบางคน การได้มองตัวเองในกระจกคนเดียว และได้เห็นผมสวยเงางามสุขภาพดี สะท้อนกลับมาพร้อมกับเงาในกระจกด้วย ก็ช่วยเยียวยาจิตใจและอารมณ์ให้รู้สึกดีขึ้นหรือ “รัก” ตัวเองมากขึ้นได้แล้ว 


จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนทุกเพศทุกวัยใจต่างก็พากันใจบางและอ่อนไหวเมื่อเป็นเรื่องของเส้นผม  ทำไมเด็ก ๆ จึงมีปัญหากับการบรรดากฎการไว้ทรงผมต่าง ๆ ในโรงเรียน (จากใจผู้เขียนที่เคยร้องไห้เพราะต้องตัดผมสั้นเท่าติ่งหู) เพราะผมที่ถูดตัดออกไปนั้นเท่ากับการสูญเสียตัวตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่กำลังเติบโตและก่อร่างสร้างตัวตนในสังคม และทำไมผู้ใหญ่จึงต้องหาทางปกปิดอาการผมบางกันแทบทุกวิถีทาง ก็เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ รวมถึงความอ่อนเยาว์ไม่ดูแก่เกินวัย ผู้ที่ประสบปัญหาจากภาวะผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะเริ่มล้านในบางคน ถึงกับเสียน้ำตาด้วยความดีใจ หลังจากที่เข้ารับการรักษาแล้ว เส้นผมงอกขึ้นใหม่จนแลดูหนาแน่นแข็งแรง เพราะเส้นผมไม่ใช่แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ของร่างกาย แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมได้ดังเดิม

น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยมาเข้าใจคุณค่าการมีอยู่ของเส้นผม ก็เมื่อวันที่เสียผมไปแล้วหรือเกิดปัญหากับเส้นผมขึ้นแล้วนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม วิทยาการการรักษาและเทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบัน ก็สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขอาการผมบาง เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจแล้วว่าเส้นผมมีความหมายกับการใช้ชีวิตมากแค่ไหน แต่อาจจะยังลังเลใจว่าจะเลือกวิธีการรักษาแบบไหนดี มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงของ “การปลูกผมถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด” ไปด้วยกัน

ไม่ต้องผ่าตัดแล้วใช้วิธีการอย่างไร... การปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ในปัจจุบัน จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กจิ๋วเจาะนำกราฟต์ผม หรือกลุ่มของเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เพื่อย้ายมาปลูกลงใหม่ ณ บริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งต่างจากวิธีการในอดีตที่ต้องทำการผ่าตัดหนังศีรษะ และทิ้งรอยแผลเอาไว้

แผลน่ากลัวแค่ไหน คนอื่นจะเห็นได้ง่ายหรือไม่... บอกลาความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแผลเป็นได้เลย เพราะการปลูกผมแบบย้ายเซลล์นั้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง ไม่ต้องกลัวว่าจะอายใคร โดยแพทย์จะใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได ขณะเดียวกันในบริเวณที่ปลูกผมลงไปใหม่ ก็ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษในการเจาะเพื่อปักกราฟต์ผม แผลที่เกิดขึ้นจึงมีขนาดเล็กมาก

ปลูกผมเสร็จแล้ว ไม่ต้องพักฟื้นจริงหรือ... หลังการปลูกผมแบบย้ายเซลล์ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตปกติได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้นหรือลางานในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากแทบไม่มีความเจ็บ และแผลก็มีขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยนั่นเอง





ทำไมจึงใช้ระยะเวลานานในการรักษา... หลังจากวันที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากเส้นผมมีระยะเวลาการหลุดร่วง เริ่มงอกใหม่ และเติบโตตามวงจรธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ 

ผลลัพธ์ผมใหม่ เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่... แน่นอนว่า เมื่อผมที่งอกขึ้นใหม่ เริ่มอวดความแข็งแรง สวยงาม แลดูสุขภาพดี ทั้งยังหนาแน่นแบบกำลังดี และเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาก็เหมือนได้อิสระครั้งใหม่ ปลดล็อกตัวเองจากปัญหากวนใจเรื่องเส้นผม และสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาทันทีหากพบว่าตนเองเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะผมร่วง ผมบาง โดยไม่ต้องรอให้อาการต่าง ๆ เด่นชัดมากขึ้น หรืออายุมากขึ้น เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราอาจจะเสียโอกาสเรียกคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาผมรุนแรงเกินกว่าการปลูกผมจะเยียวยาแก้ไขได้แล้ว 

คุณรัก “ผม” มั้ย เมื่อเส้นผมคือสิ่งชูใจ ความสุข และบุคลิกภาพ
สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว เส้นผมเป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่แสนธรรมดาของร่างกาย มีหลุดร่วง มีงอกขึ้นใหม่ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม แต่ในความธรรมดาที่แสนพิเศษนั้น เส้นผมกำลังทำหน้าที่ที่สำคัญ ไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเลยทีเดียว

เส้นผมที่ดูบอบบาง ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดปกป้องหนังศีรษะ ไม่ให้สูญเสียความร้อนภายใน หรือสัมผัสกับอากาศภายนอกที่ร้อนหรือหนาวเย็นจนเกินไป แต่ยังเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ช่วยสร้างและเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี ช่วยบ่งบอกตัวตนที่มีความเฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร บางครั้งก็ช่วยเปลี่ยนลุคให้คนหนึ่งคนปรับสไตล์เป็นใครได้อีกหลายบทบาท ทั้งยังเป็นเครื่องสร้างความมั่นใจในการออกไปใช้ชีวิตและพบปะผู้คน หรือสำหรับบางคน การได้มองตัวเองในกระจกคนเดียว และได้เห็นผมสวยเงางามสุขภาพดี สะท้อนกลับมาพร้อมกับเงาในกระจกด้วย ก็ช่วยเยียวยาจิตใจและอารมณ์ให้รู้สึกดีขึ้นหรือ “รัก” ตัวเองมากขึ้นได้แล้ว 


จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนทุกเพศทุกวัยใจต่างก็พากันใจบางและอ่อนไหวเมื่อเป็นเรื่องของเส้นผม  ทำไมเด็ก ๆ จึงมีปัญหากับการบรรดากฎการไว้ทรงผมต่าง ๆ ในโรงเรียน (จากใจผู้เขียนที่เคยร้องไห้เพราะต้องตัดผมสั้นเท่าติ่งหู) เพราะผมที่ถูดตัดออกไปนั้นเท่ากับการสูญเสียตัวตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยที่กำลังเติบโตและก่อร่างสร้างตัวตนในสังคม และทำไมผู้ใหญ่จึงต้องหาทางปกปิดอาการผมบางกันแทบทุกวิถีทาง ก็เพราะนั่นคือส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ รวมถึงความอ่อนเยาว์ไม่ดูแก่เกินวัย ผู้ที่ประสบปัญหาจากภาวะผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะเริ่มล้านในบางคน ถึงกับเสียน้ำตาด้วยความดีใจ หลังจากที่เข้ารับการรักษาแล้ว เส้นผมงอกขึ้นใหม่จนแลดูหนาแน่นแข็งแรง เพราะเส้นผมไม่ใช่แค่ตัวประกอบเล็ก ๆ ของร่างกาย แต่เป็นกุญแจสำคัญที่จะคืนความมั่นใจให้เจ้าของเส้นผมได้ดังเดิม

น่าเสียดายที่คนจำนวนไม่น้อยมาเข้าใจคุณค่าการมีอยู่ของเส้นผม ก็เมื่อวันที่เสียผมไปแล้วหรือเกิดปัญหากับเส้นผมขึ้นแล้วนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม วิทยาการการรักษาและเทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบัน ก็สามารถตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขอาการผมบาง เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจแล้วว่าเส้นผมมีความหมายกับการใช้ชีวิตมากแค่ไหน แต่อาจจะยังลังเลใจว่าจะเลือกวิธีการรักษาแบบไหนดี มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงของ “การปลูกผมถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด” ไปด้วยกัน

ไม่ต้องผ่าตัดแล้วใช้วิธีการอย่างไร... การปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ในปัจจุบัน จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กจิ๋วเจาะนำกราฟต์ผม หรือกลุ่มของเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เพื่อย้ายมาปลูกลงใหม่ ณ บริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งต่างจากวิธีการในอดีตที่ต้องทำการผ่าตัดหนังศีรษะ และทิ้งรอยแผลเอาไว้

แผลน่ากลัวแค่ไหน คนอื่นจะเห็นได้ง่ายหรือไม่... บอกลาความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแผลเป็นได้เลย เพราะการปลูกผมแบบย้ายเซลล์นั้น ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง ไม่ต้องกลัวว่าจะอายใคร โดยแพทย์จะใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได ขณะเดียวกันในบริเวณที่ปลูกผมลงไปใหม่ ก็ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษในการเจาะเพื่อปักกราฟต์ผม แผลที่เกิดขึ้นจึงมีขนาดเล็กมาก

ปลูกผมเสร็จแล้ว ไม่ต้องพักฟื้นจริงหรือ... หลังการปลูกผมแบบย้ายเซลล์ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตปกติได้เลยโดยไม่ต้องพักฟื้นหรือลางานในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากแทบไม่มีความเจ็บ และแผลก็มีขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ด้วยนั่นเอง





ทำไมจึงใช้ระยะเวลานานในการรักษา... หลังจากวันที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากเส้นผมมีระยะเวลาการหลุดร่วง เริ่มงอกใหม่ และเติบโตตามวงจรธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลลัพธ์การปลูกผมที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ 

ผลลัพธ์ผมใหม่ เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่... แน่นอนว่า เมื่อผมที่งอกขึ้นใหม่ เริ่มอวดความแข็งแรง สวยงาม แลดูสุขภาพดี ทั้งยังหนาแน่นแบบกำลังดี และเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาก็เหมือนได้อิสระครั้งใหม่ ปลดล็อกตัวเองจากปัญหากวนใจเรื่องเส้นผม และสามารถก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองเข้ามาปรึกษาทันทีหากพบว่าตนเองเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะผมร่วง ผมบาง โดยไม่ต้องรอให้อาการต่าง ๆ เด่นชัดมากขึ้น หรืออายุมากขึ้น เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราอาจจะเสียโอกาสเรียกคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาผมรุนแรงเกินกว่าการปลูกผมจะเยียวยาแก้ไขได้แล้ว 

ปลูกผมใหม่ ปลอดภัยกว่า ถ้าบอกลา “บุหรี่”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมักแนะนำให้ “งดการสูบบุหรี่” ในระหว่างช่วงที่กำลังเข้ารับการปลูกผม ...บุหรี่เป็นตัวร้ายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการปลูกผมใหม่จริงหรือ... แล้วการสูบบุหรี่นั้นส่งผลกระทบต่อเส้นผมได้อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจผลลัพธ์ของการสูบบุหรี่ต่อร่างกายของเรากัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บุหรี่และควันบุหรี่เป็นแหล่งรวมของสารต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นนิโคติน ทาร์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ รวมไปถึงสารโลหะหนักบางประเภท ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้สูบบุหรี่มีอาการเสพติด อยากสูบต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว สารเหล่านี้ยังส่งผลให้เส้นเลือดแดงทั่วร่างกายมีอาการหดตัว และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์นั้นยังไปเบียดเบียนพื้นที่สำหรับก๊าซออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง นั่นหมายความว่า ร่างกายจะลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง โอกาสที่จะเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายจึงเพิ่มมากขึ้น ตามมาด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน อวัยวะต่าง ๆ ก็จะเสื่อมโทรมเร็วขึ้น โดยรวมแล้ว ผู้สูบบุหรี่จึงมักจะดูแก่กว่าวัย ตามที่คนทั่วไปเข้าใจกันนั่นเอง

และส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่โดยตรง ก็คือเส้นผมและหนังศีรษะ ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นก็ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเกิดผมหลุดร่วงได้มากกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่สูบ และนี่คือคำตอบว่าสารต่าง ๆ ในบุหรี่ส่งผลต่อเส้นผมที่ควรได้รับการทะนุถนอมบำรุง มากแค่ไหน และอย่างไร

  • การสูบบุหรี่ จะไปรบกวนระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างที่ได้อธิบายไว้แล้ว ทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดอ่อนแอลง หรือทำให้เกิดเส้นเลือดตีบและอุดตัน ซึ่งจะทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเพียงพอ จนเกิดอาการผมหลุดร่วงได้ในที่สุด
  • โดยทั่วไป ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ผู้ชายมีอาการผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรมมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่อยู่บริเวณหนังศีรษะ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งมีผลทำให้รู้ขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมเกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สารในบุหรี่ถูกพบว่าเป็นตัวการเร่งการสร้างฮอร์โมน DHT ให้มีปริมาณมากขึ้น ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านอย่างชัดเจน
  • นอกจากนั้น สารในบุหรี่ยังทำลายเซลล์รากผมโดยตรง รวมถึงฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปลูกผม จำเป็นต้องเข้าใจว่า เส้นผมงอกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ให้เติบโต เมื่อสารในบุหรี่เป็นอุปสรรคต่อการลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปยังหนังศีรษะ เส้นผมเกิดใหม่จึงงอกได้ช้า หรือมีโอกาสอยู่รอดน้อยลง และมักจะหลุดร่วงไปก่อนเวลาอย่างน่าเสียดาย ขณะเดียวกัน สารในบุหรี่ยังรบกวนกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์เพื่อสมานแผลที่เกิดขึ้นหลังปลูกผม ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยการปลูกผมใหม่ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควร

ดังนั้น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จึงควรงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 วันก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดกลับมาเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มโอกาสความอยู่รอดของผมปลูกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังสร้างและเชื่อมต่อเส้นเลือดเล็ก ๆ เข้ากับเซลล์รากผมใหม่ภายใต้หนังศีรษะนั่นเอง

ที่สำคัญ ไม่เพียงแค่ผู้สูบบุหรี่เท่านั้น ที่ควรต้องปรับพฤติกรรมระหว่างเข้ารับการปลูกผม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ และมีโอกาสรับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ของการปลูกผมด้วยเช่นกัน
ปลูกผมใหม่ ปลอดภัยกว่า ถ้าบอกลา “บุหรี่”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมักแนะนำให้ “งดการสูบบุหรี่” ในระหว่างช่วงที่กำลังเข้ารับการปลูกผม ...บุหรี่เป็นตัวร้ายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการปลูกผมใหม่จริงหรือ... แล้วการสูบบุหรี่นั้นส่งผลกระทบต่อเส้นผมได้อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจผลลัพธ์ของการสูบบุหรี่ต่อร่างกายของเรากัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บุหรี่และควันบุหรี่เป็นแหล่งรวมของสารต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นนิโคติน ทาร์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ รวมไปถึงสารโลหะหนักบางประเภท ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้สูบบุหรี่มีอาการเสพติด อยากสูบต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว สารเหล่านี้ยังส่งผลให้เส้นเลือดแดงทั่วร่างกายมีอาการหดตัว และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์นั้นยังไปเบียดเบียนพื้นที่สำหรับก๊าซออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง นั่นหมายความว่า ร่างกายจะลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง โอกาสที่จะเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายจึงเพิ่มมากขึ้น ตามมาด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน อวัยวะต่าง ๆ ก็จะเสื่อมโทรมเร็วขึ้น โดยรวมแล้ว ผู้สูบบุหรี่จึงมักจะดูแก่กว่าวัย ตามที่คนทั่วไปเข้าใจกันนั่นเอง

และส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่โดยตรง ก็คือเส้นผมและหนังศีรษะ ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นก็ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเกิดผมหลุดร่วงได้มากกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่สูบ และนี่คือคำตอบว่าสารต่าง ๆ ในบุหรี่ส่งผลต่อเส้นผมที่ควรได้รับการทะนุถนอมบำรุง มากแค่ไหน และอย่างไร

  • การสูบบุหรี่ จะไปรบกวนระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างที่ได้อธิบายไว้แล้ว ทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดอ่อนแอลง หรือทำให้เกิดเส้นเลือดตีบและอุดตัน ซึ่งจะทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเพียงพอ จนเกิดอาการผมหลุดร่วงได้ในที่สุด
  • โดยทั่วไป ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ผู้ชายมีอาการผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรมมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่อยู่บริเวณหนังศีรษะ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งมีผลทำให้รู้ขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมเกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สารในบุหรี่ถูกพบว่าเป็นตัวการเร่งการสร้างฮอร์โมน DHT ให้มีปริมาณมากขึ้น ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านอย่างชัดเจน
  • นอกจากนั้น สารในบุหรี่ยังทำลายเซลล์รากผมโดยตรง รวมถึงฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปลูกผม จำเป็นต้องเข้าใจว่า เส้นผมงอกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ให้เติบโต เมื่อสารในบุหรี่เป็นอุปสรรคต่อการลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปยังหนังศีรษะ เส้นผมเกิดใหม่จึงงอกได้ช้า หรือมีโอกาสอยู่รอดน้อยลง และมักจะหลุดร่วงไปก่อนเวลาอย่างน่าเสียดาย ขณะเดียวกัน สารในบุหรี่ยังรบกวนกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์เพื่อสมานแผลที่เกิดขึ้นหลังปลูกผม ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยการปลูกผมใหม่ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควร

ดังนั้น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จึงควรงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 วันก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดกลับมาเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มโอกาสความอยู่รอดของผมปลูกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังสร้างและเชื่อมต่อเส้นเลือดเล็ก ๆ เข้ากับเซลล์รากผมใหม่ภายใต้หนังศีรษะนั่นเอง

ที่สำคัญ ไม่เพียงแค่ผู้สูบบุหรี่เท่านั้น ที่ควรต้องปรับพฤติกรรมระหว่างเข้ารับการปลูกผม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ และมีโอกาสรับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ของการปลูกผมด้วยเช่นกัน
ปลูกผมใหม่ ปลอดภัยกว่า ถ้าบอกลา “บุหรี่”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมักแนะนำให้ “งดการสูบบุหรี่” ในระหว่างช่วงที่กำลังเข้ารับการปลูกผม ...บุหรี่เป็นตัวร้ายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการปลูกผมใหม่จริงหรือ... แล้วการสูบบุหรี่นั้นส่งผลกระทบต่อเส้นผมได้อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจผลลัพธ์ของการสูบบุหรี่ต่อร่างกายของเรากัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บุหรี่และควันบุหรี่เป็นแหล่งรวมของสารต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นนิโคติน ทาร์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ รวมไปถึงสารโลหะหนักบางประเภท ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้สูบบุหรี่มีอาการเสพติด อยากสูบต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว สารเหล่านี้ยังส่งผลให้เส้นเลือดแดงทั่วร่างกายมีอาการหดตัว และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์นั้นยังไปเบียดเบียนพื้นที่สำหรับก๊าซออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง นั่นหมายความว่า ร่างกายจะลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง โอกาสที่จะเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายจึงเพิ่มมากขึ้น ตามมาด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน อวัยวะต่าง ๆ ก็จะเสื่อมโทรมเร็วขึ้น โดยรวมแล้ว ผู้สูบบุหรี่จึงมักจะดูแก่กว่าวัย ตามที่คนทั่วไปเข้าใจกันนั่นเอง

และส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่โดยตรง ก็คือเส้นผมและหนังศีรษะ ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นก็ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเกิดผมหลุดร่วงได้มากกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่สูบ และนี่คือคำตอบว่าสารต่าง ๆ ในบุหรี่ส่งผลต่อเส้นผมที่ควรได้รับการทะนุถนอมบำรุง มากแค่ไหน และอย่างไร

  • การสูบบุหรี่ จะไปรบกวนระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างที่ได้อธิบายไว้แล้ว ทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดอ่อนแอลง หรือทำให้เกิดเส้นเลือดตีบและอุดตัน ซึ่งจะทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเพียงพอ จนเกิดอาการผมหลุดร่วงได้ในที่สุด
  • โดยทั่วไป ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ผู้ชายมีอาการผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรมมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่อยู่บริเวณหนังศีรษะ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งมีผลทำให้รู้ขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมเกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สารในบุหรี่ถูกพบว่าเป็นตัวการเร่งการสร้างฮอร์โมน DHT ให้มีปริมาณมากขึ้น ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านอย่างชัดเจน
  • นอกจากนั้น สารในบุหรี่ยังทำลายเซลล์รากผมโดยตรง รวมถึงฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปลูกผม จำเป็นต้องเข้าใจว่า เส้นผมงอกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ให้เติบโต เมื่อสารในบุหรี่เป็นอุปสรรคต่อการลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปยังหนังศีรษะ เส้นผมเกิดใหม่จึงงอกได้ช้า หรือมีโอกาสอยู่รอดน้อยลง และมักจะหลุดร่วงไปก่อนเวลาอย่างน่าเสียดาย ขณะเดียวกัน สารในบุหรี่ยังรบกวนกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์เพื่อสมานแผลที่เกิดขึ้นหลังปลูกผม ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยการปลูกผมใหม่ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควร

ดังนั้น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จึงควรงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 วันก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดกลับมาเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มโอกาสความอยู่รอดของผมปลูกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังสร้างและเชื่อมต่อเส้นเลือดเล็ก ๆ เข้ากับเซลล์รากผมใหม่ภายใต้หนังศีรษะนั่นเอง

ที่สำคัญ ไม่เพียงแค่ผู้สูบบุหรี่เท่านั้น ที่ควรต้องปรับพฤติกรรมระหว่างเข้ารับการปลูกผม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ และมีโอกาสรับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ของการปลูกผมด้วยเช่นกัน
ปลูกผมใหม่ ปลอดภัยกว่า ถ้าบอกลา “บุหรี่”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมักแนะนำให้ “งดการสูบบุหรี่” ในระหว่างช่วงที่กำลังเข้ารับการปลูกผม ...บุหรี่เป็นตัวร้ายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการปลูกผมใหม่จริงหรือ... แล้วการสูบบุหรี่นั้นส่งผลกระทบต่อเส้นผมได้อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจผลลัพธ์ของการสูบบุหรี่ต่อร่างกายของเรากัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บุหรี่และควันบุหรี่เป็นแหล่งรวมของสารต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นนิโคติน ทาร์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ รวมไปถึงสารโลหะหนักบางประเภท ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้สูบบุหรี่มีอาการเสพติด อยากสูบต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว สารเหล่านี้ยังส่งผลให้เส้นเลือดแดงทั่วร่างกายมีอาการหดตัว และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์นั้นยังไปเบียดเบียนพื้นที่สำหรับก๊าซออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง นั่นหมายความว่า ร่างกายจะลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง โอกาสที่จะเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายจึงเพิ่มมากขึ้น ตามมาด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน อวัยวะต่าง ๆ ก็จะเสื่อมโทรมเร็วขึ้น โดยรวมแล้ว ผู้สูบบุหรี่จึงมักจะดูแก่กว่าวัย ตามที่คนทั่วไปเข้าใจกันนั่นเอง

และส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่โดยตรง ก็คือเส้นผมและหนังศีรษะ ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นก็ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเกิดผมหลุดร่วงได้มากกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่สูบ และนี่คือคำตอบว่าสารต่าง ๆ ในบุหรี่ส่งผลต่อเส้นผมที่ควรได้รับการทะนุถนอมบำรุง มากแค่ไหน และอย่างไร

  • การสูบบุหรี่ จะไปรบกวนระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างที่ได้อธิบายไว้แล้ว ทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดอ่อนแอลง หรือทำให้เกิดเส้นเลือดตีบและอุดตัน ซึ่งจะทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเพียงพอ จนเกิดอาการผมหลุดร่วงได้ในที่สุด
  • โดยทั่วไป ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ผู้ชายมีอาการผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรมมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่อยู่บริเวณหนังศีรษะ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งมีผลทำให้รู้ขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมเกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สารในบุหรี่ถูกพบว่าเป็นตัวการเร่งการสร้างฮอร์โมน DHT ให้มีปริมาณมากขึ้น ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านอย่างชัดเจน
  • นอกจากนั้น สารในบุหรี่ยังทำลายเซลล์รากผมโดยตรง รวมถึงฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปลูกผม จำเป็นต้องเข้าใจว่า เส้นผมงอกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ให้เติบโต เมื่อสารในบุหรี่เป็นอุปสรรคต่อการลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปยังหนังศีรษะ เส้นผมเกิดใหม่จึงงอกได้ช้า หรือมีโอกาสอยู่รอดน้อยลง และมักจะหลุดร่วงไปก่อนเวลาอย่างน่าเสียดาย ขณะเดียวกัน สารในบุหรี่ยังรบกวนกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์เพื่อสมานแผลที่เกิดขึ้นหลังปลูกผม ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยการปลูกผมใหม่ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควร

ดังนั้น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จึงควรงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 วันก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดกลับมาเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มโอกาสความอยู่รอดของผมปลูกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังสร้างและเชื่อมต่อเส้นเลือดเล็ก ๆ เข้ากับเซลล์รากผมใหม่ภายใต้หนังศีรษะนั่นเอง

ที่สำคัญ ไม่เพียงแค่ผู้สูบบุหรี่เท่านั้น ที่ควรต้องปรับพฤติกรรมระหว่างเข้ารับการปลูกผม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ และมีโอกาสรับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ของการปลูกผมด้วยเช่นกัน
“ผมบางหลายจุด” หยุดสัญญาณปัญหาใหญ่ก่อนสายเกินแก้
เราน่าจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า ...หากพบว่าผมเริ่มบาง ให้รีบปรึกษาแพทย์ ก่อนสายเกินไป... หลายคนอาจจะสงสัยว่า การรักษาอาการผมร่วงหรือผมบาง เป็นไปได้จริงหรือที่จะมีคำว่าสายเกินไป วันนี้ เราลองมาทำความเข้าใจข้อจำกัดของการแก้ปัญหาเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีอาการผมบางพร้อม ๆ กันหลายจุด ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น จนแม้วิธีการ “ปลูกผมแบบถาวร” ที่แทบจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรเป็น

อาการผมร่วงและผมบางที่พบในผู้ชายส่วนใหญ่ มักเกิดจากสาเหตุเกี่ยวกับลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แต่ละคนอาจจะมีรูปแบบของอาการที่แตกต่างกัน ลองสังเกตดูว่าผมของเราหรือคนใกล้ตัว กำลังเริ่มบอกลาจากศีรษะไปแบบไหน



รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผาก เว้าเข้าไปถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ ขยายออกมาเรื่อย ๆ หรืออย่างที่คนทั่วไปมักเรียกว่า ศีรษะล้านแบบไข่ดาว ซึ่งสุดท้าย อาจทำให้ศีรษะของเราเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอยได้ในที่สุด

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปคล้ายตัว M เป็นลักษะที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยทีเดียว ทั้งยังเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ประมาณ 17 – 18 ปีเท่านั้น

รูปแบบ O + M ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ และหน้าผากทั้งสองข้าง พร้อมกันในคราวเดียว


ในที่นี้ ลักษณะของผมร่วงและผมบางในรูปแบบ O + M อาจเรียกได้ว่าเป็นลักษณะที่น่ากังวลมากกว่ารูปแบบอื่น และทำการรักษาได้ยากที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลายจุดพร้อมกัน 


ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่มีอาการผมร่นขึ้นไปจากหน้าผากค่อนข้างสูง อีกทั้งผมยังร่วงหายไปจากกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การที่แพทย์จะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด 

ที่สำคัญ การปลูกผมใหม่ต้องอาศัยเส้นผมของคนไข้เองเท่านั้น นี่จึงกลายเป็นข้อจำกัดที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น หากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นได้อีกครั้ง ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง เริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และมาพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากขึ้น หรือรอให้เส้นผมหายไปอย่างชัดเจนเป็นบริเวณกว้างเสียก่อน โดยแพทย์จะช่วยประเมินอาการ พูดคุยซักถามเพื่อทราบความต้องการของคนไข้ และออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเฉลี่ยกราฟต์ผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในทุกจุดที่ผมเริ่มบาง หรือเลือกเน้นปลูกผมใหม่ในบางจุด และใช้การบำรุงฟื้นฟูช่วยในจุดที่เหลือควบคู่กันไป 

คนไข้จึงได้สัมผัสผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่น และเรียงตัวไปกับเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ พร้อมกับกรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบมาอย่างได้สัดส่วน เพราะอย่างนี้เอง การปลูกผมใหม่ จึงสามารถเปลี่ยนคุณเป็นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม


“ผมบางหลายจุด” หยุดสัญญาณปัญหาใหญ่ก่อนสายเกินแก้
เราน่าจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า ...หากพบว่าผมเริ่มบาง ให้รีบปรึกษาแพทย์ ก่อนสายเกินไป... หลายคนอาจจะสงสัยว่า การรักษาอาการผมร่วงหรือผมบาง เป็นไปได้จริงหรือที่จะมีคำว่าสายเกินไป วันนี้ เราลองมาทำความเข้าใจข้อจำกัดของการแก้ปัญหาเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีอาการผมบางพร้อม ๆ กันหลายจุด ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น จนแม้วิธีการ “ปลูกผมแบบถาวร” ที่แทบจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรเป็น

อาการผมร่วงและผมบางที่พบในผู้ชายส่วนใหญ่ มักเกิดจากสาเหตุเกี่ยวกับลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แต่ละคนอาจจะมีรูปแบบของอาการที่แตกต่างกัน ลองสังเกตดูว่าผมของเราหรือคนใกล้ตัว กำลังเริ่มบอกลาจากศีรษะไปแบบไหน



รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผาก เว้าเข้าไปถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ ขยายออกมาเรื่อย ๆ หรืออย่างที่คนทั่วไปมักเรียกว่า ศีรษะล้านแบบไข่ดาว ซึ่งสุดท้าย อาจทำให้ศีรษะของเราเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอยได้ในที่สุด

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปคล้ายตัว M เป็นลักษะที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยทีเดียว ทั้งยังเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ประมาณ 17 – 18 ปีเท่านั้น

รูปแบบ O + M ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ และหน้าผากทั้งสองข้าง พร้อมกันในคราวเดียว


ในที่นี้ ลักษณะของผมร่วงและผมบางในรูปแบบ O + M อาจเรียกได้ว่าเป็นลักษณะที่น่ากังวลมากกว่ารูปแบบอื่น และทำการรักษาได้ยากที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลายจุดพร้อมกัน 


ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่มีอาการผมร่นขึ้นไปจากหน้าผากค่อนข้างสูง อีกทั้งผมยังร่วงหายไปจากกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การที่แพทย์จะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด 

ที่สำคัญ การปลูกผมใหม่ต้องอาศัยเส้นผมของคนไข้เองเท่านั้น นี่จึงกลายเป็นข้อจำกัดที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น หากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นได้อีกครั้ง ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง เริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และมาพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากขึ้น หรือรอให้เส้นผมหายไปอย่างชัดเจนเป็นบริเวณกว้างเสียก่อน โดยแพทย์จะช่วยประเมินอาการ พูดคุยซักถามเพื่อทราบความต้องการของคนไข้ และออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเฉลี่ยกราฟต์ผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในทุกจุดที่ผมเริ่มบาง หรือเลือกเน้นปลูกผมใหม่ในบางจุด และใช้การบำรุงฟื้นฟูช่วยในจุดที่เหลือควบคู่กันไป 

คนไข้จึงได้สัมผัสผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่น และเรียงตัวไปกับเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ พร้อมกับกรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบมาอย่างได้สัดส่วน เพราะอย่างนี้เอง การปลูกผมใหม่ จึงสามารถเปลี่ยนคุณเป็นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม


“ผมบางหลายจุด” หยุดสัญญาณปัญหาใหญ่ก่อนสายเกินแก้
เราน่าจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า ...หากพบว่าผมเริ่มบาง ให้รีบปรึกษาแพทย์ ก่อนสายเกินไป... หลายคนอาจจะสงสัยว่า การรักษาอาการผมร่วงหรือผมบาง เป็นไปได้จริงหรือที่จะมีคำว่าสายเกินไป วันนี้ เราลองมาทำความเข้าใจข้อจำกัดของการแก้ปัญหาเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีอาการผมบางพร้อม ๆ กันหลายจุด ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น จนแม้วิธีการ “ปลูกผมแบบถาวร” ที่แทบจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรเป็น

อาการผมร่วงและผมบางที่พบในผู้ชายส่วนใหญ่ มักเกิดจากสาเหตุเกี่ยวกับลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แต่ละคนอาจจะมีรูปแบบของอาการที่แตกต่างกัน ลองสังเกตดูว่าผมของเราหรือคนใกล้ตัว กำลังเริ่มบอกลาจากศีรษะไปแบบไหน



รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผาก เว้าเข้าไปถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ ขยายออกมาเรื่อย ๆ หรืออย่างที่คนทั่วไปมักเรียกว่า ศีรษะล้านแบบไข่ดาว ซึ่งสุดท้าย อาจทำให้ศีรษะของเราเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอยได้ในที่สุด

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปคล้ายตัว M เป็นลักษะที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยทีเดียว ทั้งยังเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ประมาณ 17 – 18 ปีเท่านั้น

รูปแบบ O + M ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ และหน้าผากทั้งสองข้าง พร้อมกันในคราวเดียว


ในที่นี้ ลักษณะของผมร่วงและผมบางในรูปแบบ O + M อาจเรียกได้ว่าเป็นลักษณะที่น่ากังวลมากกว่ารูปแบบอื่น และทำการรักษาได้ยากที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลายจุดพร้อมกัน 


ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่มีอาการผมร่นขึ้นไปจากหน้าผากค่อนข้างสูง อีกทั้งผมยังร่วงหายไปจากกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การที่แพทย์จะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด 

ที่สำคัญ การปลูกผมใหม่ต้องอาศัยเส้นผมของคนไข้เองเท่านั้น นี่จึงกลายเป็นข้อจำกัดที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น หากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นได้อีกครั้ง ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง เริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และมาพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากขึ้น หรือรอให้เส้นผมหายไปอย่างชัดเจนเป็นบริเวณกว้างเสียก่อน โดยแพทย์จะช่วยประเมินอาการ พูดคุยซักถามเพื่อทราบความต้องการของคนไข้ และออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเฉลี่ยกราฟต์ผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในทุกจุดที่ผมเริ่มบาง หรือเลือกเน้นปลูกผมใหม่ในบางจุด และใช้การบำรุงฟื้นฟูช่วยในจุดที่เหลือควบคู่กันไป 

คนไข้จึงได้สัมผัสผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่น และเรียงตัวไปกับเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ พร้อมกับกรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบมาอย่างได้สัดส่วน เพราะอย่างนี้เอง การปลูกผมใหม่ จึงสามารถเปลี่ยนคุณเป็นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม


“ผมบางหลายจุด” หยุดสัญญาณปัญหาใหญ่ก่อนสายเกินแก้
เราน่าจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า ...หากพบว่าผมเริ่มบาง ให้รีบปรึกษาแพทย์ ก่อนสายเกินไป... หลายคนอาจจะสงสัยว่า การรักษาอาการผมร่วงหรือผมบาง เป็นไปได้จริงหรือที่จะมีคำว่าสายเกินไป วันนี้ เราลองมาทำความเข้าใจข้อจำกัดของการแก้ปัญหาเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีอาการผมบางพร้อม ๆ กันหลายจุด ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น จนแม้วิธีการ “ปลูกผมแบบถาวร” ที่แทบจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรเป็น

อาการผมร่วงและผมบางที่พบในผู้ชายส่วนใหญ่ มักเกิดจากสาเหตุเกี่ยวกับลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แต่ละคนอาจจะมีรูปแบบของอาการที่แตกต่างกัน ลองสังเกตดูว่าผมของเราหรือคนใกล้ตัว กำลังเริ่มบอกลาจากศีรษะไปแบบไหน



รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผาก เว้าเข้าไปถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ ขยายออกมาเรื่อย ๆ หรืออย่างที่คนทั่วไปมักเรียกว่า ศีรษะล้านแบบไข่ดาว ซึ่งสุดท้าย อาจทำให้ศีรษะของเราเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอยได้ในที่สุด

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปคล้ายตัว M เป็นลักษะที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยทีเดียว ทั้งยังเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ประมาณ 17 – 18 ปีเท่านั้น

รูปแบบ O + M ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ และหน้าผากทั้งสองข้าง พร้อมกันในคราวเดียว


ในที่นี้ ลักษณะของผมร่วงและผมบางในรูปแบบ O + M อาจเรียกได้ว่าเป็นลักษณะที่น่ากังวลมากกว่ารูปแบบอื่น และทำการรักษาได้ยากที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลายจุดพร้อมกัน 


ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่มีอาการผมร่นขึ้นไปจากหน้าผากค่อนข้างสูง อีกทั้งผมยังร่วงหายไปจากกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การที่แพทย์จะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด 

ที่สำคัญ การปลูกผมใหม่ต้องอาศัยเส้นผมของคนไข้เองเท่านั้น นี่จึงกลายเป็นข้อจำกัดที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น หากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นได้อีกครั้ง ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง เริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และมาพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากขึ้น หรือรอให้เส้นผมหายไปอย่างชัดเจนเป็นบริเวณกว้างเสียก่อน โดยแพทย์จะช่วยประเมินอาการ พูดคุยซักถามเพื่อทราบความต้องการของคนไข้ และออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเฉลี่ยกราฟต์ผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในทุกจุดที่ผมเริ่มบาง หรือเลือกเน้นปลูกผมใหม่ในบางจุด และใช้การบำรุงฟื้นฟูช่วยในจุดที่เหลือควบคู่กันไป 

คนไข้จึงได้สัมผัสผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่น และเรียงตัวไปกับเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ พร้อมกับกรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบมาอย่างได้สัดส่วน เพราะอย่างนี้เอง การปลูกผมใหม่ จึงสามารถเปลี่ยนคุณเป็นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม


10 เรื่องน่ารู้ของ “Safe Zone” สำหรับคนอยากปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังศึกษาหรือให้ความสนใจในเทคนิคการปลูกผมถาวร เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือภาวะผมล้านอยู่ล่ะก็ การทำความรู้จักกับลักษะหรือวงจรเส้นผม และการทำความเข้าใจธรรมชาติของเส้นผมและหนังศีรษะ จะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกผมของเรามากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นผมบริเวณที่เรียกกันว่า Safe Zone 

ว่าแต่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หมายถึงอะไร มีความสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมคนอยากปลูกผมต้องรู้จักคำคำนี้ ...ไปเคลียร์ข้อสงสัยผ่าน 12 คำถามน่ารู้พร้อม ๆ กัน...


1 Safe Zone คืออะไร

Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม หมายถึงบริเวณที่ผมของเรามีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด สังเกตได้ว่าผมในบริเวณนี้จะเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ขนาดของเส้นผมค่อนข้างใหญ่ ไม่ลีบแบน และดูสุขภาพดีเมื่อเทียบกับเส้นผมบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นลักษะทั่วไปโดยธรรมชาติของเส้นผมคนเรานั่นเอง นอกจากคำว่า Safe Zone แล้ว สามารถเรียกผมบริเวณนี้ว่า Sweet Spot ก็ได้เช่นกัน

2 Safe Zone อยู่ตรงไหน

คำถามต่อมาก็คือ แล้วบริเวณไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็น Safe Zone ของเส้นผม ถ้าเราลองสังเกตศีรษะของผู้ชายที่มีอาการผมล้าน จะพบว่า ผมบริเวณด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังนั้นจะหลุดร่วงหายไปก่อน  แต่จะยังคงเหลือผมอยู่ช่วงหนึ่งที่แข็งแรงไม่หลุดร่วงตามไปด้วย นั่นก็คือผมบริเวณท้ายทอยไปถึงหลังใบหูนั่นเอง บริเวณนี้เองที่เรียกว่า Safe Zone ซึ่งจะมีผลต่อการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านได้ในภายหลัง

3 เรามีพื้นที่ Safe Zone เยอะแค่ไหน

ผมบริเวณ Safe Zone ของคนเราโดยส่วนใหญ่กินพื้นที่จากเหนือหูด้านซ้ายไปยังเหนือหูด้านขวาเป็นความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร หรือราว 10 - 12 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 7 เซนติเมตร หรือราว 3 นิ้ว คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด 

ดังนั้น หากลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะประมาณ 50,000 กราฟต์ ก็จะได้เป็นตัวเลขกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณ Safe Zone อยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์นั่นเอง

4 ทำไมผมบริเวณ Safe Zone จึงแข็งแรงที่สุด

แน่นอนว่ามีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังความมหัศจรรย์ของเส้นผมบริเวณนี้ แต่ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมผมบริเวณนี้ถึงไม่หลุดร่วงล่ะ ...ลองมาหาคำตอบกันก่อนว่า แล้วทำไมผมบริเวณอื่นจึงได้หลุดร่วง...

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง ก็คือฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง จนเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมอ่อนแอ รวมถึงผมสั้นและบางลง ทำให้หลุดร่วงไวกว่ากำหนด เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง และภาวะผมล้านในที่สุด 

แต่ก็ต้องขอบคุณร่างกายของเราที่ออกแบบให้รากผมบริเวณ Safe Zone ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ฮอร์โมนชนิดนี้จึงไม่สามารถเข้าไปทำลายรากผม จนทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปได้ช้ากว่าบริเวณอื่น

อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีบริเวณ Safe Zone ของเส้นผมให้อุ่นใจ บางส่วนของผู้มีปัญหาเส้นผม อาจเจอกับอาการผมร่วงในลักษณะร่วงกระจายทั่วทั้งศีรษะ จนถึงขั้นรุนแรงที่สุดคือเหลือผมบริเวณ Safe Zone อยู่น้อยมาก หรือไม่เหลืออยู่เลย ซึ่งในกรณีนี้ การปลูกผมถาวรอาจไม่ใช่ทางออก ทั้งนี้ หากครอบครัวของเราเป็นโรคผมบางทางพันธุกรรม อาจจะลองสังเกตผู้ใหญ่ในบ้านว่ามีลักษณะของอาการผมร่วงหรือผมบางอย่างไร รุนแรงแค่ไหน เพราะนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะมีอาการผมร่วงและผมบางในระดับนั้น ๆ ในอนาคตเช่นกัน 

5 เส้นผมบริเวณ Safe Zone มีประโยชน์อย่างไร

ด้วยคุณสมบัติยืนหนึ่งในเรื่องความแข็งแรงทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT เป็นพิเศษ ดังนั้น เส้นผมบริเวณ Safe Zone จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการนำไปปลูกผมแบบถาวรในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง 

แนวทางการรักษาด้วยเทคนิคปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมนี้ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงแรก แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดหนังศีรษะจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีเส้นผมแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อย้ายมาปลูกใหม่ หรือที่เรียกว่า เทคนิคแบบ FUT แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถเก็บกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีข้อเสียของการทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องคอยไว้ผมที่ค่อนข้างยาวเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นนั้น

ต่อมา เทคนิคการปลูกผมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแบบ FUE ซึ่งแทนที่จะผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียงไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกมาจากบริเวณ Safe Zone แทน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก และสามารถนำกราฟต์ผมนั้น ไปปลูกต่อยังบริเวณที่มีปัญหาได้ ผู้เข้ารับการปลูกผมจึงไม่ต้องกังวลใจเรื่องแผลเป็นจากการผ่าตัด ทั้งยังลดอาการเจ็บ และสามารถฟื้นตัวได้เร็วหรือแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย

6 ปลูกผมใหม่ ...ปัจจัยที่จะชี้ว่ารอดหรือร่วง...

แม้ว่าผมบริเวณ Safe Zone จะเป็นผมที่แข็งแรงทนทาน และเหมาะกับการย้ายไปปลูกใหม่มากที่สุด แต่ผลลัพธ์ความสำเร็จของการปลูกผม ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น

  • ลักษณะของเส้นผม ทั้งความหนา ความยาว โครงสร้าง ผิวสัมผัส ลอนผม สีผม ตลอดจนทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพเส้นผมโดยรวม

  • การประเมินพื้นที่ปลูกผม รวมถึงการบริหารจัดการในการเจาะกราฟต์ผมออกจาก Safe Zone เพื่อไม่ให้บริเวณดังกล่าวเหลือเส้นผมอยู่น้อยจนดูบางเกินไป

  • การเลือกเจาะกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ที่ถูกต้อง เพราะกราฟต์ผมจากบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ใช่ Safe Zone จริง ๆ จะมีความอ่อนแอกว่า และมีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วง ทำให้ไม่สามารถคงผลลัพธ์ในระยะยาวได้

  • ความลึกที่เหมาะสมในการนำกราฟต์ผมปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการนำอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมใหม่

  • ความหนาแน่นที่เหมาะสมของกราฟต์ผมปลูกใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลูกให้ได้มากที่สุดหรือหนาแน่นที่สุด เพราะการปลูกผมที่ดีไม่ควรให้กราฟต์เรียงตัวชิดจนหนาแน่นเกินไป 

  • ขณะเดียวกัน วัยของผู้เข้ารับการปลูกผม ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งด้วย ผมบริเวณ Safe Zone ในวันที่เราอายุ 25 ปี เปรียบเทียบกับในวันที่เราอายุ 50 ปี ย่อมจะมีขนาดเล็กลง หรืออ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปลูกผมใหม่เช่นกัน

7 แล้วผมปลูกใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

น่าดีใจที่คุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ยังคงติดมากับกราฟต์ผมซึ่งย้ายมาจากบริเวณ Safe Zone ด้วย แม้ว่าจะนำมาปลูกลงในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม นั่นทำให้เส้นผมจากกราฟต์ผมเหล่านั้นสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

8 สามารถปลูกผมใหม่ได้กี่ครั้ง

ถ้าผมบริเวณ Safe Zone ของเรามีความหนาแน่นเพียงพอ เราสามารถเข้ารับการปลูกผมมากกว่า 1 ครั้งได้ และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกนำกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ออกไปใช้แต่พอดีเท่าที่จำเป็น เพราะใครจะรู้ว่า ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้น เราอาจต้องการความช่วยเหลือจากเส้นผมบริเวณ Safe Zone อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้

9 นำผมจากบริเวณอื่นมาใช้ในการปลูกผมได้หรือไม่

หากเราต้องการผลลัพธ์การปลูกผมที่จะอยู่คงทนไปตลอดชีวิตของเรา คำตอบก็คือ ผมส่วนอื่นนอกจากบริเวณ Safe Zone ไม่สามารถนำมาปลูกได้ เพราะมีความเสี่ยงในการหลุดร่วงสูง

อย่างไรก็ตาม นอกจากเส้นผมแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ขนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างเช่น เครา หน้าอก ท้อง หรือแม้กระทั่งแขนและขา ก็มีโอกาสที่จะนำมาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของผู้ชายได้ด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

10 ผู้หญิงมี Safe Zone เหมือนกันหรือไม่

ผู้หญิงก็มี Safe Zone เช่นกัน แต่มีปริมาณพื้นที่น้อยกว่า ในขณะที่ Safe Zone ของผู้ชายครอบคลุมทั้งท้ายทอยและเหนือหูทั้งสองข้าง ผู้หญิงจะมีพื้นที่ Safe Zone จำกัดกว่า โดยมีแค่เพียงบริเวณท้ายทอยเท่านั้น ทำให้มีปริมาณกราฟต์ผมที่แข็งแรงน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ปัญหาผมร่วงและผมบางของผู้หญิงก็มีลักษณะต่างจากผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงก็สามารถเข้ารับการปลูกผมถาวรได้เหมือนกัน โดยสามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมได้โดยไม่ต้องรอให้อายุมากขึ้นเสียก่อน เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เส้นผมอาจรอเราไม่ไหวและหลุดร่วงไปก่อนตามกาลเวลาก็เป็นได้ 

และนี่ก็คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Safe Zone ที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม และดูแลรักษาเส้นผมปลูกใหม่ให้คงอยู่ไปได้อีกนานแสนนาน ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผมอย่างแท้จริง


10 เรื่องน่ารู้ของ “Safe Zone” สำหรับคนอยากปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังศึกษาหรือให้ความสนใจในเทคนิคการปลูกผมถาวร เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือภาวะผมล้านอยู่ล่ะก็ การทำความรู้จักกับลักษะหรือวงจรเส้นผม และการทำความเข้าใจธรรมชาติของเส้นผมและหนังศีรษะ จะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกผมของเรามากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นผมบริเวณที่เรียกกันว่า Safe Zone 

ว่าแต่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หมายถึงอะไร มีความสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมคนอยากปลูกผมต้องรู้จักคำคำนี้ ...ไปเคลียร์ข้อสงสัยผ่าน 12 คำถามน่ารู้พร้อม ๆ กัน...


1 Safe Zone คืออะไร

Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม หมายถึงบริเวณที่ผมของเรามีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด สังเกตได้ว่าผมในบริเวณนี้จะเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ขนาดของเส้นผมค่อนข้างใหญ่ ไม่ลีบแบน และดูสุขภาพดีเมื่อเทียบกับเส้นผมบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นลักษะทั่วไปโดยธรรมชาติของเส้นผมคนเรานั่นเอง นอกจากคำว่า Safe Zone แล้ว สามารถเรียกผมบริเวณนี้ว่า Sweet Spot ก็ได้เช่นกัน

2 Safe Zone อยู่ตรงไหน

คำถามต่อมาก็คือ แล้วบริเวณไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็น Safe Zone ของเส้นผม ถ้าเราลองสังเกตศีรษะของผู้ชายที่มีอาการผมล้าน จะพบว่า ผมบริเวณด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังนั้นจะหลุดร่วงหายไปก่อน  แต่จะยังคงเหลือผมอยู่ช่วงหนึ่งที่แข็งแรงไม่หลุดร่วงตามไปด้วย นั่นก็คือผมบริเวณท้ายทอยไปถึงหลังใบหูนั่นเอง บริเวณนี้เองที่เรียกว่า Safe Zone ซึ่งจะมีผลต่อการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านได้ในภายหลัง

3 เรามีพื้นที่ Safe Zone เยอะแค่ไหน

ผมบริเวณ Safe Zone ของคนเราโดยส่วนใหญ่กินพื้นที่จากเหนือหูด้านซ้ายไปยังเหนือหูด้านขวาเป็นความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร หรือราว 10 - 12 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 7 เซนติเมตร หรือราว 3 นิ้ว คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด 

ดังนั้น หากลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะประมาณ 50,000 กราฟต์ ก็จะได้เป็นตัวเลขกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณ Safe Zone อยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์นั่นเอง

4 ทำไมผมบริเวณ Safe Zone จึงแข็งแรงที่สุด

แน่นอนว่ามีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังความมหัศจรรย์ของเส้นผมบริเวณนี้ แต่ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมผมบริเวณนี้ถึงไม่หลุดร่วงล่ะ ...ลองมาหาคำตอบกันก่อนว่า แล้วทำไมผมบริเวณอื่นจึงได้หลุดร่วง...

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง ก็คือฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง จนเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมอ่อนแอ รวมถึงผมสั้นและบางลง ทำให้หลุดร่วงไวกว่ากำหนด เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง และภาวะผมล้านในที่สุด 

แต่ก็ต้องขอบคุณร่างกายของเราที่ออกแบบให้รากผมบริเวณ Safe Zone ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ฮอร์โมนชนิดนี้จึงไม่สามารถเข้าไปทำลายรากผม จนทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปได้ช้ากว่าบริเวณอื่น

อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีบริเวณ Safe Zone ของเส้นผมให้อุ่นใจ บางส่วนของผู้มีปัญหาเส้นผม อาจเจอกับอาการผมร่วงในลักษณะร่วงกระจายทั่วทั้งศีรษะ จนถึงขั้นรุนแรงที่สุดคือเหลือผมบริเวณ Safe Zone อยู่น้อยมาก หรือไม่เหลืออยู่เลย ซึ่งในกรณีนี้ การปลูกผมถาวรอาจไม่ใช่ทางออก ทั้งนี้ หากครอบครัวของเราเป็นโรคผมบางทางพันธุกรรม อาจจะลองสังเกตผู้ใหญ่ในบ้านว่ามีลักษณะของอาการผมร่วงหรือผมบางอย่างไร รุนแรงแค่ไหน เพราะนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะมีอาการผมร่วงและผมบางในระดับนั้น ๆ ในอนาคตเช่นกัน 

5 เส้นผมบริเวณ Safe Zone มีประโยชน์อย่างไร

ด้วยคุณสมบัติยืนหนึ่งในเรื่องความแข็งแรงทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT เป็นพิเศษ ดังนั้น เส้นผมบริเวณ Safe Zone จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการนำไปปลูกผมแบบถาวรในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง 

แนวทางการรักษาด้วยเทคนิคปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมนี้ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงแรก แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดหนังศีรษะจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีเส้นผมแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อย้ายมาปลูกใหม่ หรือที่เรียกว่า เทคนิคแบบ FUT แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถเก็บกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีข้อเสียของการทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องคอยไว้ผมที่ค่อนข้างยาวเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นนั้น

ต่อมา เทคนิคการปลูกผมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแบบ FUE ซึ่งแทนที่จะผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียงไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกมาจากบริเวณ Safe Zone แทน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก และสามารถนำกราฟต์ผมนั้น ไปปลูกต่อยังบริเวณที่มีปัญหาได้ ผู้เข้ารับการปลูกผมจึงไม่ต้องกังวลใจเรื่องแผลเป็นจากการผ่าตัด ทั้งยังลดอาการเจ็บ และสามารถฟื้นตัวได้เร็วหรือแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย

6 ปลูกผมใหม่ ...ปัจจัยที่จะชี้ว่ารอดหรือร่วง...

แม้ว่าผมบริเวณ Safe Zone จะเป็นผมที่แข็งแรงทนทาน และเหมาะกับการย้ายไปปลูกใหม่มากที่สุด แต่ผลลัพธ์ความสำเร็จของการปลูกผม ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น

  • ลักษณะของเส้นผม ทั้งความหนา ความยาว โครงสร้าง ผิวสัมผัส ลอนผม สีผม ตลอดจนทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพเส้นผมโดยรวม

  • การประเมินพื้นที่ปลูกผม รวมถึงการบริหารจัดการในการเจาะกราฟต์ผมออกจาก Safe Zone เพื่อไม่ให้บริเวณดังกล่าวเหลือเส้นผมอยู่น้อยจนดูบางเกินไป

  • การเลือกเจาะกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ที่ถูกต้อง เพราะกราฟต์ผมจากบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ใช่ Safe Zone จริง ๆ จะมีความอ่อนแอกว่า และมีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วง ทำให้ไม่สามารถคงผลลัพธ์ในระยะยาวได้

  • ความลึกที่เหมาะสมในการนำกราฟต์ผมปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการนำอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมใหม่

  • ความหนาแน่นที่เหมาะสมของกราฟต์ผมปลูกใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลูกให้ได้มากที่สุดหรือหนาแน่นที่สุด เพราะการปลูกผมที่ดีไม่ควรให้กราฟต์เรียงตัวชิดจนหนาแน่นเกินไป 

  • ขณะเดียวกัน วัยของผู้เข้ารับการปลูกผม ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งด้วย ผมบริเวณ Safe Zone ในวันที่เราอายุ 25 ปี เปรียบเทียบกับในวันที่เราอายุ 50 ปี ย่อมจะมีขนาดเล็กลง หรืออ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปลูกผมใหม่เช่นกัน

7 แล้วผมปลูกใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

น่าดีใจที่คุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ยังคงติดมากับกราฟต์ผมซึ่งย้ายมาจากบริเวณ Safe Zone ด้วย แม้ว่าจะนำมาปลูกลงในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม นั่นทำให้เส้นผมจากกราฟต์ผมเหล่านั้นสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

8 สามารถปลูกผมใหม่ได้กี่ครั้ง

ถ้าผมบริเวณ Safe Zone ของเรามีความหนาแน่นเพียงพอ เราสามารถเข้ารับการปลูกผมมากกว่า 1 ครั้งได้ และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกนำกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ออกไปใช้แต่พอดีเท่าที่จำเป็น เพราะใครจะรู้ว่า ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้น เราอาจต้องการความช่วยเหลือจากเส้นผมบริเวณ Safe Zone อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้

9 นำผมจากบริเวณอื่นมาใช้ในการปลูกผมได้หรือไม่

หากเราต้องการผลลัพธ์การปลูกผมที่จะอยู่คงทนไปตลอดชีวิตของเรา คำตอบก็คือ ผมส่วนอื่นนอกจากบริเวณ Safe Zone ไม่สามารถนำมาปลูกได้ เพราะมีความเสี่ยงในการหลุดร่วงสูง

อย่างไรก็ตาม นอกจากเส้นผมแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ขนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างเช่น เครา หน้าอก ท้อง หรือแม้กระทั่งแขนและขา ก็มีโอกาสที่จะนำมาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของผู้ชายได้ด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

10 ผู้หญิงมี Safe Zone เหมือนกันหรือไม่

ผู้หญิงก็มี Safe Zone เช่นกัน แต่มีปริมาณพื้นที่น้อยกว่า ในขณะที่ Safe Zone ของผู้ชายครอบคลุมทั้งท้ายทอยและเหนือหูทั้งสองข้าง ผู้หญิงจะมีพื้นที่ Safe Zone จำกัดกว่า โดยมีแค่เพียงบริเวณท้ายทอยเท่านั้น ทำให้มีปริมาณกราฟต์ผมที่แข็งแรงน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ปัญหาผมร่วงและผมบางของผู้หญิงก็มีลักษณะต่างจากผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงก็สามารถเข้ารับการปลูกผมถาวรได้เหมือนกัน โดยสามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมได้โดยไม่ต้องรอให้อายุมากขึ้นเสียก่อน เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เส้นผมอาจรอเราไม่ไหวและหลุดร่วงไปก่อนตามกาลเวลาก็เป็นได้ 

และนี่ก็คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Safe Zone ที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม และดูแลรักษาเส้นผมปลูกใหม่ให้คงอยู่ไปได้อีกนานแสนนาน ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผมอย่างแท้จริง


10 เรื่องน่ารู้ของ “Safe Zone” สำหรับคนอยากปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังศึกษาหรือให้ความสนใจในเทคนิคการปลูกผมถาวร เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือภาวะผมล้านอยู่ล่ะก็ การทำความรู้จักกับลักษะหรือวงจรเส้นผม และการทำความเข้าใจธรรมชาติของเส้นผมและหนังศีรษะ จะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกผมของเรามากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นผมบริเวณที่เรียกกันว่า Safe Zone 

ว่าแต่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หมายถึงอะไร มีความสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมคนอยากปลูกผมต้องรู้จักคำคำนี้ ...ไปเคลียร์ข้อสงสัยผ่าน 12 คำถามน่ารู้พร้อม ๆ กัน...


1 Safe Zone คืออะไร

Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม หมายถึงบริเวณที่ผมของเรามีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด สังเกตได้ว่าผมในบริเวณนี้จะเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ขนาดของเส้นผมค่อนข้างใหญ่ ไม่ลีบแบน และดูสุขภาพดีเมื่อเทียบกับเส้นผมบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นลักษะทั่วไปโดยธรรมชาติของเส้นผมคนเรานั่นเอง นอกจากคำว่า Safe Zone แล้ว สามารถเรียกผมบริเวณนี้ว่า Sweet Spot ก็ได้เช่นกัน

2 Safe Zone อยู่ตรงไหน

คำถามต่อมาก็คือ แล้วบริเวณไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็น Safe Zone ของเส้นผม ถ้าเราลองสังเกตศีรษะของผู้ชายที่มีอาการผมล้าน จะพบว่า ผมบริเวณด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังนั้นจะหลุดร่วงหายไปก่อน  แต่จะยังคงเหลือผมอยู่ช่วงหนึ่งที่แข็งแรงไม่หลุดร่วงตามไปด้วย นั่นก็คือผมบริเวณท้ายทอยไปถึงหลังใบหูนั่นเอง บริเวณนี้เองที่เรียกว่า Safe Zone ซึ่งจะมีผลต่อการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านได้ในภายหลัง

3 เรามีพื้นที่ Safe Zone เยอะแค่ไหน

ผมบริเวณ Safe Zone ของคนเราโดยส่วนใหญ่กินพื้นที่จากเหนือหูด้านซ้ายไปยังเหนือหูด้านขวาเป็นความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร หรือราว 10 - 12 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 7 เซนติเมตร หรือราว 3 นิ้ว คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด 

ดังนั้น หากลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะประมาณ 50,000 กราฟต์ ก็จะได้เป็นตัวเลขกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณ Safe Zone อยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์นั่นเอง

4 ทำไมผมบริเวณ Safe Zone จึงแข็งแรงที่สุด

แน่นอนว่ามีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังความมหัศจรรย์ของเส้นผมบริเวณนี้ แต่ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมผมบริเวณนี้ถึงไม่หลุดร่วงล่ะ ...ลองมาหาคำตอบกันก่อนว่า แล้วทำไมผมบริเวณอื่นจึงได้หลุดร่วง...

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง ก็คือฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง จนเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมอ่อนแอ รวมถึงผมสั้นและบางลง ทำให้หลุดร่วงไวกว่ากำหนด เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง และภาวะผมล้านในที่สุด 

แต่ก็ต้องขอบคุณร่างกายของเราที่ออกแบบให้รากผมบริเวณ Safe Zone ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ฮอร์โมนชนิดนี้จึงไม่สามารถเข้าไปทำลายรากผม จนทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปได้ช้ากว่าบริเวณอื่น

อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีบริเวณ Safe Zone ของเส้นผมให้อุ่นใจ บางส่วนของผู้มีปัญหาเส้นผม อาจเจอกับอาการผมร่วงในลักษณะร่วงกระจายทั่วทั้งศีรษะ จนถึงขั้นรุนแรงที่สุดคือเหลือผมบริเวณ Safe Zone อยู่น้อยมาก หรือไม่เหลืออยู่เลย ซึ่งในกรณีนี้ การปลูกผมถาวรอาจไม่ใช่ทางออก ทั้งนี้ หากครอบครัวของเราเป็นโรคผมบางทางพันธุกรรม อาจจะลองสังเกตผู้ใหญ่ในบ้านว่ามีลักษณะของอาการผมร่วงหรือผมบางอย่างไร รุนแรงแค่ไหน เพราะนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะมีอาการผมร่วงและผมบางในระดับนั้น ๆ ในอนาคตเช่นกัน 

5 เส้นผมบริเวณ Safe Zone มีประโยชน์อย่างไร

ด้วยคุณสมบัติยืนหนึ่งในเรื่องความแข็งแรงทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT เป็นพิเศษ ดังนั้น เส้นผมบริเวณ Safe Zone จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการนำไปปลูกผมแบบถาวรในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง 

แนวทางการรักษาด้วยเทคนิคปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมนี้ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงแรก แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดหนังศีรษะจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีเส้นผมแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อย้ายมาปลูกใหม่ หรือที่เรียกว่า เทคนิคแบบ FUT แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถเก็บกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีข้อเสียของการทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องคอยไว้ผมที่ค่อนข้างยาวเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นนั้น

ต่อมา เทคนิคการปลูกผมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแบบ FUE ซึ่งแทนที่จะผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียงไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกมาจากบริเวณ Safe Zone แทน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก และสามารถนำกราฟต์ผมนั้น ไปปลูกต่อยังบริเวณที่มีปัญหาได้ ผู้เข้ารับการปลูกผมจึงไม่ต้องกังวลใจเรื่องแผลเป็นจากการผ่าตัด ทั้งยังลดอาการเจ็บ และสามารถฟื้นตัวได้เร็วหรือแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย

6 ปลูกผมใหม่ ...ปัจจัยที่จะชี้ว่ารอดหรือร่วง...

แม้ว่าผมบริเวณ Safe Zone จะเป็นผมที่แข็งแรงทนทาน และเหมาะกับการย้ายไปปลูกใหม่มากที่สุด แต่ผลลัพธ์ความสำเร็จของการปลูกผม ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น

  • ลักษณะของเส้นผม ทั้งความหนา ความยาว โครงสร้าง ผิวสัมผัส ลอนผม สีผม ตลอดจนทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพเส้นผมโดยรวม

  • การประเมินพื้นที่ปลูกผม รวมถึงการบริหารจัดการในการเจาะกราฟต์ผมออกจาก Safe Zone เพื่อไม่ให้บริเวณดังกล่าวเหลือเส้นผมอยู่น้อยจนดูบางเกินไป

  • การเลือกเจาะกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ที่ถูกต้อง เพราะกราฟต์ผมจากบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ใช่ Safe Zone จริง ๆ จะมีความอ่อนแอกว่า และมีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วง ทำให้ไม่สามารถคงผลลัพธ์ในระยะยาวได้

  • ความลึกที่เหมาะสมในการนำกราฟต์ผมปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการนำอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมใหม่

  • ความหนาแน่นที่เหมาะสมของกราฟต์ผมปลูกใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลูกให้ได้มากที่สุดหรือหนาแน่นที่สุด เพราะการปลูกผมที่ดีไม่ควรให้กราฟต์เรียงตัวชิดจนหนาแน่นเกินไป 

  • ขณะเดียวกัน วัยของผู้เข้ารับการปลูกผม ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งด้วย ผมบริเวณ Safe Zone ในวันที่เราอายุ 25 ปี เปรียบเทียบกับในวันที่เราอายุ 50 ปี ย่อมจะมีขนาดเล็กลง หรืออ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปลูกผมใหม่เช่นกัน

7 แล้วผมปลูกใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

น่าดีใจที่คุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ยังคงติดมากับกราฟต์ผมซึ่งย้ายมาจากบริเวณ Safe Zone ด้วย แม้ว่าจะนำมาปลูกลงในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม นั่นทำให้เส้นผมจากกราฟต์ผมเหล่านั้นสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

8 สามารถปลูกผมใหม่ได้กี่ครั้ง

ถ้าผมบริเวณ Safe Zone ของเรามีความหนาแน่นเพียงพอ เราสามารถเข้ารับการปลูกผมมากกว่า 1 ครั้งได้ และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกนำกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ออกไปใช้แต่พอดีเท่าที่จำเป็น เพราะใครจะรู้ว่า ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้น เราอาจต้องการความช่วยเหลือจากเส้นผมบริเวณ Safe Zone อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้

9 นำผมจากบริเวณอื่นมาใช้ในการปลูกผมได้หรือไม่

หากเราต้องการผลลัพธ์การปลูกผมที่จะอยู่คงทนไปตลอดชีวิตของเรา คำตอบก็คือ ผมส่วนอื่นนอกจากบริเวณ Safe Zone ไม่สามารถนำมาปลูกได้ เพราะมีความเสี่ยงในการหลุดร่วงสูง

อย่างไรก็ตาม นอกจากเส้นผมแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ขนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างเช่น เครา หน้าอก ท้อง หรือแม้กระทั่งแขนและขา ก็มีโอกาสที่จะนำมาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของผู้ชายได้ด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

10 ผู้หญิงมี Safe Zone เหมือนกันหรือไม่

ผู้หญิงก็มี Safe Zone เช่นกัน แต่มีปริมาณพื้นที่น้อยกว่า ในขณะที่ Safe Zone ของผู้ชายครอบคลุมทั้งท้ายทอยและเหนือหูทั้งสองข้าง ผู้หญิงจะมีพื้นที่ Safe Zone จำกัดกว่า โดยมีแค่เพียงบริเวณท้ายทอยเท่านั้น ทำให้มีปริมาณกราฟต์ผมที่แข็งแรงน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ปัญหาผมร่วงและผมบางของผู้หญิงก็มีลักษณะต่างจากผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงก็สามารถเข้ารับการปลูกผมถาวรได้เหมือนกัน โดยสามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมได้โดยไม่ต้องรอให้อายุมากขึ้นเสียก่อน เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เส้นผมอาจรอเราไม่ไหวและหลุดร่วงไปก่อนตามกาลเวลาก็เป็นได้ 

และนี่ก็คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Safe Zone ที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม และดูแลรักษาเส้นผมปลูกใหม่ให้คงอยู่ไปได้อีกนานแสนนาน ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผมอย่างแท้จริง


10 เรื่องน่ารู้ของ “Safe Zone” สำหรับคนอยากปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังศึกษาหรือให้ความสนใจในเทคนิคการปลูกผมถาวร เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือภาวะผมล้านอยู่ล่ะก็ การทำความรู้จักกับลักษะหรือวงจรเส้นผม และการทำความเข้าใจธรรมชาติของเส้นผมและหนังศีรษะ จะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกผมของเรามากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นผมบริเวณที่เรียกกันว่า Safe Zone 

ว่าแต่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หมายถึงอะไร มีความสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมคนอยากปลูกผมต้องรู้จักคำคำนี้ ...ไปเคลียร์ข้อสงสัยผ่าน 12 คำถามน่ารู้พร้อม ๆ กัน...


1 Safe Zone คืออะไร

Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม หมายถึงบริเวณที่ผมของเรามีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด สังเกตได้ว่าผมในบริเวณนี้จะเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ขนาดของเส้นผมค่อนข้างใหญ่ ไม่ลีบแบน และดูสุขภาพดีเมื่อเทียบกับเส้นผมบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นลักษะทั่วไปโดยธรรมชาติของเส้นผมคนเรานั่นเอง นอกจากคำว่า Safe Zone แล้ว สามารถเรียกผมบริเวณนี้ว่า Sweet Spot ก็ได้เช่นกัน

2 Safe Zone อยู่ตรงไหน

คำถามต่อมาก็คือ แล้วบริเวณไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็น Safe Zone ของเส้นผม ถ้าเราลองสังเกตศีรษะของผู้ชายที่มีอาการผมล้าน จะพบว่า ผมบริเวณด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังนั้นจะหลุดร่วงหายไปก่อน  แต่จะยังคงเหลือผมอยู่ช่วงหนึ่งที่แข็งแรงไม่หลุดร่วงตามไปด้วย นั่นก็คือผมบริเวณท้ายทอยไปถึงหลังใบหูนั่นเอง บริเวณนี้เองที่เรียกว่า Safe Zone ซึ่งจะมีผลต่อการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านได้ในภายหลัง

3 เรามีพื้นที่ Safe Zone เยอะแค่ไหน

ผมบริเวณ Safe Zone ของคนเราโดยส่วนใหญ่กินพื้นที่จากเหนือหูด้านซ้ายไปยังเหนือหูด้านขวาเป็นความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร หรือราว 10 - 12 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 7 เซนติเมตร หรือราว 3 นิ้ว คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด 

ดังนั้น หากลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะประมาณ 50,000 กราฟต์ ก็จะได้เป็นตัวเลขกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณ Safe Zone อยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์นั่นเอง

4 ทำไมผมบริเวณ Safe Zone จึงแข็งแรงที่สุด

แน่นอนว่ามีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังความมหัศจรรย์ของเส้นผมบริเวณนี้ แต่ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมผมบริเวณนี้ถึงไม่หลุดร่วงล่ะ ...ลองมาหาคำตอบกันก่อนว่า แล้วทำไมผมบริเวณอื่นจึงได้หลุดร่วง...

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง ก็คือฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง จนเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมอ่อนแอ รวมถึงผมสั้นและบางลง ทำให้หลุดร่วงไวกว่ากำหนด เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง และภาวะผมล้านในที่สุด 

แต่ก็ต้องขอบคุณร่างกายของเราที่ออกแบบให้รากผมบริเวณ Safe Zone ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ฮอร์โมนชนิดนี้จึงไม่สามารถเข้าไปทำลายรากผม จนทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปได้ช้ากว่าบริเวณอื่น

อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีบริเวณ Safe Zone ของเส้นผมให้อุ่นใจ บางส่วนของผู้มีปัญหาเส้นผม อาจเจอกับอาการผมร่วงในลักษณะร่วงกระจายทั่วทั้งศีรษะ จนถึงขั้นรุนแรงที่สุดคือเหลือผมบริเวณ Safe Zone อยู่น้อยมาก หรือไม่เหลืออยู่เลย ซึ่งในกรณีนี้ การปลูกผมถาวรอาจไม่ใช่ทางออก ทั้งนี้ หากครอบครัวของเราเป็นโรคผมบางทางพันธุกรรม อาจจะลองสังเกตผู้ใหญ่ในบ้านว่ามีลักษณะของอาการผมร่วงหรือผมบางอย่างไร รุนแรงแค่ไหน เพราะนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะมีอาการผมร่วงและผมบางในระดับนั้น ๆ ในอนาคตเช่นกัน 

5 เส้นผมบริเวณ Safe Zone มีประโยชน์อย่างไร

ด้วยคุณสมบัติยืนหนึ่งในเรื่องความแข็งแรงทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT เป็นพิเศษ ดังนั้น เส้นผมบริเวณ Safe Zone จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการนำไปปลูกผมแบบถาวรในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง 

แนวทางการรักษาด้วยเทคนิคปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมนี้ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงแรก แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดหนังศีรษะจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีเส้นผมแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อย้ายมาปลูกใหม่ หรือที่เรียกว่า เทคนิคแบบ FUT แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถเก็บกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีข้อเสียของการทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องคอยไว้ผมที่ค่อนข้างยาวเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นนั้น

ต่อมา เทคนิคการปลูกผมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแบบ FUE ซึ่งแทนที่จะผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียงไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกมาจากบริเวณ Safe Zone แทน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก และสามารถนำกราฟต์ผมนั้น ไปปลูกต่อยังบริเวณที่มีปัญหาได้ ผู้เข้ารับการปลูกผมจึงไม่ต้องกังวลใจเรื่องแผลเป็นจากการผ่าตัด ทั้งยังลดอาการเจ็บ และสามารถฟื้นตัวได้เร็วหรือแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย

6 ปลูกผมใหม่ ...ปัจจัยที่จะชี้ว่ารอดหรือร่วง...

แม้ว่าผมบริเวณ Safe Zone จะเป็นผมที่แข็งแรงทนทาน และเหมาะกับการย้ายไปปลูกใหม่มากที่สุด แต่ผลลัพธ์ความสำเร็จของการปลูกผม ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น

  • ลักษณะของเส้นผม ทั้งความหนา ความยาว โครงสร้าง ผิวสัมผัส ลอนผม สีผม ตลอดจนทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพเส้นผมโดยรวม

  • การประเมินพื้นที่ปลูกผม รวมถึงการบริหารจัดการในการเจาะกราฟต์ผมออกจาก Safe Zone เพื่อไม่ให้บริเวณดังกล่าวเหลือเส้นผมอยู่น้อยจนดูบางเกินไป

  • การเลือกเจาะกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ที่ถูกต้อง เพราะกราฟต์ผมจากบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ใช่ Safe Zone จริง ๆ จะมีความอ่อนแอกว่า และมีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วง ทำให้ไม่สามารถคงผลลัพธ์ในระยะยาวได้

  • ความลึกที่เหมาะสมในการนำกราฟต์ผมปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการนำอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมใหม่

  • ความหนาแน่นที่เหมาะสมของกราฟต์ผมปลูกใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลูกให้ได้มากที่สุดหรือหนาแน่นที่สุด เพราะการปลูกผมที่ดีไม่ควรให้กราฟต์เรียงตัวชิดจนหนาแน่นเกินไป 

  • ขณะเดียวกัน วัยของผู้เข้ารับการปลูกผม ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งด้วย ผมบริเวณ Safe Zone ในวันที่เราอายุ 25 ปี เปรียบเทียบกับในวันที่เราอายุ 50 ปี ย่อมจะมีขนาดเล็กลง หรืออ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปลูกผมใหม่เช่นกัน

7 แล้วผมปลูกใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

น่าดีใจที่คุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ยังคงติดมากับกราฟต์ผมซึ่งย้ายมาจากบริเวณ Safe Zone ด้วย แม้ว่าจะนำมาปลูกลงในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม นั่นทำให้เส้นผมจากกราฟต์ผมเหล่านั้นสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

8 สามารถปลูกผมใหม่ได้กี่ครั้ง

ถ้าผมบริเวณ Safe Zone ของเรามีความหนาแน่นเพียงพอ เราสามารถเข้ารับการปลูกผมมากกว่า 1 ครั้งได้ และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกนำกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ออกไปใช้แต่พอดีเท่าที่จำเป็น เพราะใครจะรู้ว่า ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้น เราอาจต้องการความช่วยเหลือจากเส้นผมบริเวณ Safe Zone อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้

9 นำผมจากบริเวณอื่นมาใช้ในการปลูกผมได้หรือไม่

หากเราต้องการผลลัพธ์การปลูกผมที่จะอยู่คงทนไปตลอดชีวิตของเรา คำตอบก็คือ ผมส่วนอื่นนอกจากบริเวณ Safe Zone ไม่สามารถนำมาปลูกได้ เพราะมีความเสี่ยงในการหลุดร่วงสูง

อย่างไรก็ตาม นอกจากเส้นผมแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ขนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างเช่น เครา หน้าอก ท้อง หรือแม้กระทั่งแขนและขา ก็มีโอกาสที่จะนำมาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของผู้ชายได้ด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

10 ผู้หญิงมี Safe Zone เหมือนกันหรือไม่

ผู้หญิงก็มี Safe Zone เช่นกัน แต่มีปริมาณพื้นที่น้อยกว่า ในขณะที่ Safe Zone ของผู้ชายครอบคลุมทั้งท้ายทอยและเหนือหูทั้งสองข้าง ผู้หญิงจะมีพื้นที่ Safe Zone จำกัดกว่า โดยมีแค่เพียงบริเวณท้ายทอยเท่านั้น ทำให้มีปริมาณกราฟต์ผมที่แข็งแรงน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ปัญหาผมร่วงและผมบางของผู้หญิงก็มีลักษณะต่างจากผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงก็สามารถเข้ารับการปลูกผมถาวรได้เหมือนกัน โดยสามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมได้โดยไม่ต้องรอให้อายุมากขึ้นเสียก่อน เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เส้นผมอาจรอเราไม่ไหวและหลุดร่วงไปก่อนตามกาลเวลาก็เป็นได้ 

และนี่ก็คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Safe Zone ที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม และดูแลรักษาเส้นผมปลูกใหม่ให้คงอยู่ไปได้อีกนานแสนนาน ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผมอย่างแท้จริง


10 เรื่องน่ารู้ของ “Safe Zone” สำหรับคนอยากปลูกผม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังศึกษาหรือให้ความสนใจในเทคนิคการปลูกผมถาวร เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือภาวะผมล้านอยู่ล่ะก็ การทำความรู้จักกับลักษะหรือวงจรเส้นผม และการทำความเข้าใจธรรมชาติของเส้นผมและหนังศีรษะ จะเป็นประโยชน์ต่อการปลูกผมของเรามากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นผมบริเวณที่เรียกกันว่า Safe Zone 

ว่าแต่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หมายถึงอะไร มีความสำคัญแค่ไหน แล้วทำไมคนอยากปลูกผมต้องรู้จักคำคำนี้ ...ไปเคลียร์ข้อสงสัยผ่าน 12 คำถามน่ารู้พร้อม ๆ กัน...


1 Safe Zone คืออะไร

Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม หมายถึงบริเวณที่ผมของเรามีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด สังเกตได้ว่าผมในบริเวณนี้จะเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ขนาดของเส้นผมค่อนข้างใหญ่ ไม่ลีบแบน และดูสุขภาพดีเมื่อเทียบกับเส้นผมบริเวณอื่น ๆ ของศีรษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นลักษะทั่วไปโดยธรรมชาติของเส้นผมคนเรานั่นเอง นอกจากคำว่า Safe Zone แล้ว สามารถเรียกผมบริเวณนี้ว่า Sweet Spot ก็ได้เช่นกัน

2 Safe Zone อยู่ตรงไหน

คำถามต่อมาก็คือ แล้วบริเวณไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็น Safe Zone ของเส้นผม ถ้าเราลองสังเกตศีรษะของผู้ชายที่มีอาการผมล้าน จะพบว่า ผมบริเวณด้านหน้าไปจนถึงด้านหลังนั้นจะหลุดร่วงหายไปก่อน  แต่จะยังคงเหลือผมอยู่ช่วงหนึ่งที่แข็งแรงไม่หลุดร่วงตามไปด้วย นั่นก็คือผมบริเวณท้ายทอยไปถึงหลังใบหูนั่นเอง บริเวณนี้เองที่เรียกว่า Safe Zone ซึ่งจะมีผลต่อการปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านได้ในภายหลัง

3 เรามีพื้นที่ Safe Zone เยอะแค่ไหน

ผมบริเวณ Safe Zone ของคนเราโดยส่วนใหญ่กินพื้นที่จากเหนือหูด้านซ้ายไปยังเหนือหูด้านขวาเป็นความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร หรือราว 10 - 12 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 7 เซนติเมตร หรือราว 3 นิ้ว คิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด 

ดังนั้น หากลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะประมาณ 50,000 กราฟต์ ก็จะได้เป็นตัวเลขกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณ Safe Zone อยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์นั่นเอง

4 ทำไมผมบริเวณ Safe Zone จึงแข็งแรงที่สุด

แน่นอนว่ามีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังความมหัศจรรย์ของเส้นผมบริเวณนี้ แต่ก่อนที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมผมบริเวณนี้ถึงไม่หลุดร่วงล่ะ ...ลองมาหาคำตอบกันก่อนว่า แล้วทำไมผมบริเวณอื่นจึงได้หลุดร่วง...

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เส้นผมหลุดร่วง ก็คือฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง จนเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมอ่อนแอ รวมถึงผมสั้นและบางลง ทำให้หลุดร่วงไวกว่ากำหนด เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง และภาวะผมล้านในที่สุด 

แต่ก็ต้องขอบคุณร่างกายของเราที่ออกแบบให้รากผมบริเวณ Safe Zone ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ฮอร์โมนชนิดนี้จึงไม่สามารถเข้าไปทำลายรากผม จนทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปได้ช้ากว่าบริเวณอื่น

อย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายก็คือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีบริเวณ Safe Zone ของเส้นผมให้อุ่นใจ บางส่วนของผู้มีปัญหาเส้นผม อาจเจอกับอาการผมร่วงในลักษณะร่วงกระจายทั่วทั้งศีรษะ จนถึงขั้นรุนแรงที่สุดคือเหลือผมบริเวณ Safe Zone อยู่น้อยมาก หรือไม่เหลืออยู่เลย ซึ่งในกรณีนี้ การปลูกผมถาวรอาจไม่ใช่ทางออก ทั้งนี้ หากครอบครัวของเราเป็นโรคผมบางทางพันธุกรรม อาจจะลองสังเกตผู้ใหญ่ในบ้านว่ามีลักษณะของอาการผมร่วงหรือผมบางอย่างไร รุนแรงแค่ไหน เพราะนั่นหมายถึงความเป็นไปได้ที่เราจะมีอาการผมร่วงและผมบางในระดับนั้น ๆ ในอนาคตเช่นกัน 

5 เส้นผมบริเวณ Safe Zone มีประโยชน์อย่างไร

ด้วยคุณสมบัติยืนหนึ่งในเรื่องความแข็งแรงทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT เป็นพิเศษ ดังนั้น เส้นผมบริเวณ Safe Zone จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการนำไปปลูกผมแบบถาวรในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง 

แนวทางการรักษาด้วยเทคนิคปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมนี้ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา โดยช่วงแรก แพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดหนังศีรษะจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีเส้นผมแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อย้ายมาปลูกใหม่ หรือที่เรียกว่า เทคนิคแบบ FUT แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถเก็บกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังมีข้อเสียของการทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ทำให้ผู้เข้ารับการปลูกผมต้องคอยไว้ผมที่ค่อนข้างยาวเพื่อปกปิดรอยแผลเป็นนั้น

ต่อมา เทคนิคการปลูกผมดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแบบ FUE ซึ่งแทนที่จะผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียงไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกมาจากบริเวณ Safe Zone แทน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก และสามารถนำกราฟต์ผมนั้น ไปปลูกต่อยังบริเวณที่มีปัญหาได้ ผู้เข้ารับการปลูกผมจึงไม่ต้องกังวลใจเรื่องแผลเป็นจากการผ่าตัด ทั้งยังลดอาการเจ็บ และสามารถฟื้นตัวได้เร็วหรือแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย

6 ปลูกผมใหม่ ...ปัจจัยที่จะชี้ว่ารอดหรือร่วง...

แม้ว่าผมบริเวณ Safe Zone จะเป็นผมที่แข็งแรงทนทาน และเหมาะกับการย้ายไปปลูกใหม่มากที่สุด แต่ผลลัพธ์ความสำเร็จของการปลูกผม ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น

  • ลักษณะของเส้นผม ทั้งความหนา ความยาว โครงสร้าง ผิวสัมผัส ลอนผม สีผม ตลอดจนทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพเส้นผมโดยรวม

  • การประเมินพื้นที่ปลูกผม รวมถึงการบริหารจัดการในการเจาะกราฟต์ผมออกจาก Safe Zone เพื่อไม่ให้บริเวณดังกล่าวเหลือเส้นผมอยู่น้อยจนดูบางเกินไป

  • การเลือกเจาะกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ที่ถูกต้อง เพราะกราฟต์ผมจากบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ใช่ Safe Zone จริง ๆ จะมีความอ่อนแอกว่า และมีความเสี่ยงที่จะหลุดร่วง ทำให้ไม่สามารถคงผลลัพธ์ในระยะยาวได้

  • ความลึกที่เหมาะสมในการนำกราฟต์ผมปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งจะส่งผลต่อการนำอาหารมาหล่อเลี้ยงรากผมใหม่

  • ความหนาแน่นที่เหมาะสมของกราฟต์ผมปลูกใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลูกให้ได้มากที่สุดหรือหนาแน่นที่สุด เพราะการปลูกผมที่ดีไม่ควรให้กราฟต์เรียงตัวชิดจนหนาแน่นเกินไป 

  • ขณะเดียวกัน วัยของผู้เข้ารับการปลูกผม ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งด้วย ผมบริเวณ Safe Zone ในวันที่เราอายุ 25 ปี เปรียบเทียบกับในวันที่เราอายุ 50 ปี ย่อมจะมีขนาดเล็กลง หรืออ่อนแอลงไปตามธรรมชาติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปลูกผมใหม่เช่นกัน

7 แล้วผมปลูกใหม่จะอยู่ได้นานแค่ไหน

น่าดีใจที่คุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ยังคงติดมากับกราฟต์ผมซึ่งย้ายมาจากบริเวณ Safe Zone ด้วย แม้ว่าจะนำมาปลูกลงในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม นั่นทำให้เส้นผมจากกราฟต์ผมเหล่านั้นสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

8 สามารถปลูกผมใหม่ได้กี่ครั้ง

ถ้าผมบริเวณ Safe Zone ของเรามีความหนาแน่นเพียงพอ เราสามารถเข้ารับการปลูกผมมากกว่า 1 ครั้งได้ และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกนำกราฟต์ผมจากบริเวณ Safe Zone ออกไปใช้แต่พอดีเท่าที่จำเป็น เพราะใครจะรู้ว่า ในอนาคตเมื่ออายุมากขึ้น เราอาจต้องการความช่วยเหลือจากเส้นผมบริเวณ Safe Zone อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้

9 นำผมจากบริเวณอื่นมาใช้ในการปลูกผมได้หรือไม่

หากเราต้องการผลลัพธ์การปลูกผมที่จะอยู่คงทนไปตลอดชีวิตของเรา คำตอบก็คือ ผมส่วนอื่นนอกจากบริเวณ Safe Zone ไม่สามารถนำมาปลูกได้ เพราะมีความเสี่ยงในการหลุดร่วงสูง

อย่างไรก็ตาม นอกจากเส้นผมแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ขนบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างเช่น เครา หน้าอก ท้อง หรือแม้กระทั่งแขนและขา ก็มีโอกาสที่จะนำมาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของผู้ชายได้ด้วย ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

10 ผู้หญิงมี Safe Zone เหมือนกันหรือไม่

ผู้หญิงก็มี Safe Zone เช่นกัน แต่มีปริมาณพื้นที่น้อยกว่า ในขณะที่ Safe Zone ของผู้ชายครอบคลุมทั้งท้ายทอยและเหนือหูทั้งสองข้าง ผู้หญิงจะมีพื้นที่ Safe Zone จำกัดกว่า โดยมีแค่เพียงบริเวณท้ายทอยเท่านั้น ทำให้มีปริมาณกราฟต์ผมที่แข็งแรงน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ปัญหาผมร่วงและผมบางของผู้หญิงก็มีลักษณะต่างจากผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงก็สามารถเข้ารับการปลูกผมถาวรได้เหมือนกัน โดยสามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมได้โดยไม่ต้องรอให้อายุมากขึ้นเสียก่อน เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เส้นผมอาจรอเราไม่ไหวและหลุดร่วงไปก่อนตามกาลเวลาก็เป็นได้ 

และนี่ก็คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Safe Zone ที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม และดูแลรักษาเส้นผมปลูกใหม่ให้คงอยู่ไปได้อีกนานแสนนาน ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของเส้นผมอย่างแท้จริง


เรื่องของควันจางๆ กับผมบางๆ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การสูบบุหรี่  ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเลยในทุกๆ ด้าน เพราะสารต่างๆ ที่อยู่ในบุหรี่เมื่อเข้าไปในร่างกายเราแล้วจะทำลายอวัยวะแทบทุกส่วน โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง หัวใจ และปอด และยังเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ ของโรคร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมโป่งพอง ไปจนถึงมะเร็ง ที่สำคัญสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผมยิ่งต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มากขึ้นด้วย

ผลกระทบจากการสูบบุหรี่กับการปลูกผม

ในการสูบบุหรี่แต่ละครั้งนั้น สารเคมีที่เข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะปิดกั้นไม่ให้เลือดได้รับออกซิเจน ทำให้ประสิทธิภาพการนำพาออกซิเจนไปยังปลายอวัยวะต่างๆ ลดน้อยลง แน่นอนว่าผู้ที่เพิ่งรับการปลูกผม จะมีแผลที่ต้องการการรักษาตัวจากร่างกาย เมื่อเส้นเลือดไม่แข็งแรงก็จะทำให้การสมานแผลเกิดขึ้นช้าลง ซ้ำร้ายเซลล์บริเวณนั้นก็ทำงานได้ไม่เต็มร้อย หรืออาจมีการตายลงของเซลล์กราฟผมที่เราปลูก ทำให้การงอกใหม่ของเส้นผมทำได้น้อยกว่าปกติ ผลลัพธ์ของเส้นผมที่คาดการณ์ไว้ก็อาจไม่ดีตามที่คิด ไหนๆ เราก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นแล้ว เราก็ควรต้องให้ความสำคัญในจุดนี้ให้มาก จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง


เตรียมพร้อม เพื่อผมใหม่ที่ดูดี
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ต้องเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบคือ ควรงดการสูบบุหรี่ให้ได้อย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้เลือดมีการสะสมออกซิเจน และคงระดับไว้เพื่อให้เส้นเลือดมีความแข็งแรง จนถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นเลือดเหล่านั้นพร้อมเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำ ออกซิเจน รวมถึงสารอาหารสำคัญไปยังจุดที่เราทำการย้ายเซลล์รากผม และเมื่อเราทำการปลูกผมเสร็จแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ไปอีกไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงนาทีทองของการปลูกผม และยังช่วยทำให้แผลของเราสมานตัวเร็วขึ้น รากผมแข็งแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเท่ากับว่าเราได้ผลลัพธ์ของผมชุดใหม่ที่ดูดีมากด้วยเช่นกัน

เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรระวัง

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขอแนะนำแถมเอาไว้ให้สำหรับสิงห์อมควันทั้งหลาย เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปในร่างกายนั้น จะมีผลต่อเส้นเลือดโดยตรง เพราะทำให้เลือดออกง่าย โอกาสของแผลอักเสบก็จะมีมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผมต้องใส่ดอกจันให้ตัวเองชัดๆ เลยว่า อยากได้ผมขึ้นดี ได้ผลลัพธ์แบบเกินคาด และกลับมาเป็นคนใหม่ที่ดูอ่อนกว่าวัย ควรอดใจงดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่า  “รู้งี้เชื่อหมอดีกว่า”

เรื่องของควันจางๆ กับผมบางๆ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การสูบบุหรี่  ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเลยในทุกๆ ด้าน เพราะสารต่างๆ ที่อยู่ในบุหรี่เมื่อเข้าไปในร่างกายเราแล้วจะทำลายอวัยวะแทบทุกส่วน โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง หัวใจ และปอด และยังเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ ของโรคร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมโป่งพอง ไปจนถึงมะเร็ง ที่สำคัญสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผมยิ่งต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มากขึ้นด้วย

ผลกระทบจากการสูบบุหรี่กับการปลูกผม

ในการสูบบุหรี่แต่ละครั้งนั้น สารเคมีที่เข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะปิดกั้นไม่ให้เลือดได้รับออกซิเจน ทำให้ประสิทธิภาพการนำพาออกซิเจนไปยังปลายอวัยวะต่างๆ ลดน้อยลง แน่นอนว่าผู้ที่เพิ่งรับการปลูกผม จะมีแผลที่ต้องการการรักษาตัวจากร่างกาย เมื่อเส้นเลือดไม่แข็งแรงก็จะทำให้การสมานแผลเกิดขึ้นช้าลง ซ้ำร้ายเซลล์บริเวณนั้นก็ทำงานได้ไม่เต็มร้อย หรืออาจมีการตายลงของเซลล์กราฟผมที่เราปลูก ทำให้การงอกใหม่ของเส้นผมทำได้น้อยกว่าปกติ ผลลัพธ์ของเส้นผมที่คาดการณ์ไว้ก็อาจไม่ดีตามที่คิด ไหนๆ เราก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นแล้ว เราก็ควรต้องให้ความสำคัญในจุดนี้ให้มาก จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง


เตรียมพร้อม เพื่อผมใหม่ที่ดูดี
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ต้องเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบคือ ควรงดการสูบบุหรี่ให้ได้อย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้เลือดมีการสะสมออกซิเจน และคงระดับไว้เพื่อให้เส้นเลือดมีความแข็งแรง จนถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นเลือดเหล่านั้นพร้อมเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำ ออกซิเจน รวมถึงสารอาหารสำคัญไปยังจุดที่เราทำการย้ายเซลล์รากผม และเมื่อเราทำการปลูกผมเสร็จแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ไปอีกไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงนาทีทองของการปลูกผม และยังช่วยทำให้แผลของเราสมานตัวเร็วขึ้น รากผมแข็งแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเท่ากับว่าเราได้ผลลัพธ์ของผมชุดใหม่ที่ดูดีมากด้วยเช่นกัน

เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรระวัง

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขอแนะนำแถมเอาไว้ให้สำหรับสิงห์อมควันทั้งหลาย เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปในร่างกายนั้น จะมีผลต่อเส้นเลือดโดยตรง เพราะทำให้เลือดออกง่าย โอกาสของแผลอักเสบก็จะมีมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผมต้องใส่ดอกจันให้ตัวเองชัดๆ เลยว่า อยากได้ผมขึ้นดี ได้ผลลัพธ์แบบเกินคาด และกลับมาเป็นคนใหม่ที่ดูอ่อนกว่าวัย ควรอดใจงดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่า  “รู้งี้เชื่อหมอดีกว่า”

เรื่องของควันจางๆ กับผมบางๆ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การสูบบุหรี่  ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเลยในทุกๆ ด้าน เพราะสารต่างๆ ที่อยู่ในบุหรี่เมื่อเข้าไปในร่างกายเราแล้วจะทำลายอวัยวะแทบทุกส่วน โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง หัวใจ และปอด และยังเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ ของโรคร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมโป่งพอง ไปจนถึงมะเร็ง ที่สำคัญสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผมยิ่งต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มากขึ้นด้วย

ผลกระทบจากการสูบบุหรี่กับการปลูกผม

ในการสูบบุหรี่แต่ละครั้งนั้น สารเคมีที่เข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะปิดกั้นไม่ให้เลือดได้รับออกซิเจน ทำให้ประสิทธิภาพการนำพาออกซิเจนไปยังปลายอวัยวะต่างๆ ลดน้อยลง แน่นอนว่าผู้ที่เพิ่งรับการปลูกผม จะมีแผลที่ต้องการการรักษาตัวจากร่างกาย เมื่อเส้นเลือดไม่แข็งแรงก็จะทำให้การสมานแผลเกิดขึ้นช้าลง ซ้ำร้ายเซลล์บริเวณนั้นก็ทำงานได้ไม่เต็มร้อย หรืออาจมีการตายลงของเซลล์กราฟผมที่เราปลูก ทำให้การงอกใหม่ของเส้นผมทำได้น้อยกว่าปกติ ผลลัพธ์ของเส้นผมที่คาดการณ์ไว้ก็อาจไม่ดีตามที่คิด ไหนๆ เราก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นแล้ว เราก็ควรต้องให้ความสำคัญในจุดนี้ให้มาก จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง


เตรียมพร้อม เพื่อผมใหม่ที่ดูดี
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ต้องเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบคือ ควรงดการสูบบุหรี่ให้ได้อย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้เลือดมีการสะสมออกซิเจน และคงระดับไว้เพื่อให้เส้นเลือดมีความแข็งแรง จนถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นเลือดเหล่านั้นพร้อมเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำ ออกซิเจน รวมถึงสารอาหารสำคัญไปยังจุดที่เราทำการย้ายเซลล์รากผม และเมื่อเราทำการปลูกผมเสร็จแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ไปอีกไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงนาทีทองของการปลูกผม และยังช่วยทำให้แผลของเราสมานตัวเร็วขึ้น รากผมแข็งแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเท่ากับว่าเราได้ผลลัพธ์ของผมชุดใหม่ที่ดูดีมากด้วยเช่นกัน

เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรระวัง

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขอแนะนำแถมเอาไว้ให้สำหรับสิงห์อมควันทั้งหลาย เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปในร่างกายนั้น จะมีผลต่อเส้นเลือดโดยตรง เพราะทำให้เลือดออกง่าย โอกาสของแผลอักเสบก็จะมีมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผมต้องใส่ดอกจันให้ตัวเองชัดๆ เลยว่า อยากได้ผมขึ้นดี ได้ผลลัพธ์แบบเกินคาด และกลับมาเป็นคนใหม่ที่ดูอ่อนกว่าวัย ควรอดใจงดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่า  “รู้งี้เชื่อหมอดีกว่า”

เรื่องของควันจางๆ กับผมบางๆ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การสูบบุหรี่  ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเลยในทุกๆ ด้าน เพราะสารต่างๆ ที่อยู่ในบุหรี่เมื่อเข้าไปในร่างกายเราแล้วจะทำลายอวัยวะแทบทุกส่วน โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง หัวใจ และปอด และยังเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ ของโรคร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมโป่งพอง ไปจนถึงมะเร็ง ที่สำคัญสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผมยิ่งต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มากขึ้นด้วย

ผลกระทบจากการสูบบุหรี่กับการปลูกผม

ในการสูบบุหรี่แต่ละครั้งนั้น สารเคมีที่เข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะปิดกั้นไม่ให้เลือดได้รับออกซิเจน ทำให้ประสิทธิภาพการนำพาออกซิเจนไปยังปลายอวัยวะต่างๆ ลดน้อยลง แน่นอนว่าผู้ที่เพิ่งรับการปลูกผม จะมีแผลที่ต้องการการรักษาตัวจากร่างกาย เมื่อเส้นเลือดไม่แข็งแรงก็จะทำให้การสมานแผลเกิดขึ้นช้าลง ซ้ำร้ายเซลล์บริเวณนั้นก็ทำงานได้ไม่เต็มร้อย หรืออาจมีการตายลงของเซลล์กราฟผมที่เราปลูก ทำให้การงอกใหม่ของเส้นผมทำได้น้อยกว่าปกติ ผลลัพธ์ของเส้นผมที่คาดการณ์ไว้ก็อาจไม่ดีตามที่คิด ไหนๆ เราก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นแล้ว เราก็ควรต้องให้ความสำคัญในจุดนี้ให้มาก จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง


เตรียมพร้อม เพื่อผมใหม่ที่ดูดี
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ต้องเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบคือ ควรงดการสูบบุหรี่ให้ได้อย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้เลือดมีการสะสมออกซิเจน และคงระดับไว้เพื่อให้เส้นเลือดมีความแข็งแรง จนถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นเลือดเหล่านั้นพร้อมเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำ ออกซิเจน รวมถึงสารอาหารสำคัญไปยังจุดที่เราทำการย้ายเซลล์รากผม และเมื่อเราทำการปลูกผมเสร็จแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ไปอีกไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงนาทีทองของการปลูกผม และยังช่วยทำให้แผลของเราสมานตัวเร็วขึ้น รากผมแข็งแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเท่ากับว่าเราได้ผลลัพธ์ของผมชุดใหม่ที่ดูดีมากด้วยเช่นกัน

เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรระวัง

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขอแนะนำแถมเอาไว้ให้สำหรับสิงห์อมควันทั้งหลาย เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปในร่างกายนั้น จะมีผลต่อเส้นเลือดโดยตรง เพราะทำให้เลือดออกง่าย โอกาสของแผลอักเสบก็จะมีมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผมต้องใส่ดอกจันให้ตัวเองชัดๆ เลยว่า อยากได้ผมขึ้นดี ได้ผลลัพธ์แบบเกินคาด และกลับมาเป็นคนใหม่ที่ดูอ่อนกว่าวัย ควรอดใจงดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่า  “รู้งี้เชื่อหมอดีกว่า”

เปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT
เส้นผม มีคุณค่าและความหมายสำหรับใครแต่ละคน ในแบบที่แตกต่างกันออกไป
...ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับใบหน้า ที่ช่วยแต่งเติมความงามอย่างเป็นธรรมชาติ
...สร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่น
...บ่งบอกอัตลักษณ์และตัวตนของเจ้าของเส้นผม ในสไตล์เฉพาะตัวที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
...มอบความมั่นใจ ให้ผู้คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

นามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณค่าและความหมายของเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ภาวะผมร่น ผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงเป็นความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ ของร่างกาย แต่ยังส่งผลลึกถึงระดับจิตใจ ความเครียด ความเชื่อมั่นในตัวเอง ตลอดจนการใช้ชีวิตในสังคมด้วย 

นั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งนามนิน นำองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเส้นผมมาคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาเส้นผม และคืนรอยยิ้มอันมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยน “คุณ” เป็น “คนใหม่” ด้วยมาตรฐานและความใส่ใจในการให้บริการจากนามนิน ผ่านเทคนิคที่มีชื่อว่า NEAT 


เบื้องหลังชื่อเทคนิค NEAT 
ที่คิดมาแบบประณีต เพื่อคุณคนใหม่


แนวคิดที่ว่าการปลูกผม เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องเดินควบคู่กันไปอย่างสมดุล คือแนวคิดที่แฝงอยู่เบื้องหลังการออกแบบเทคนิค NEAT 


ในแง่ของศาสตร์เชิงการแพทย์ “N / E / A / T” ย่อมาจาก Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งทุกขั้นตอนการปลูกผมจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง เติบโตอย่างมั่นคง การันตีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้ารับบริการ




ขณะเดียวกัน ในแง่ของศิลปะการปลูกผม NEAT ยังสื่อความหมายถึงความประณีต พิถีพิถัน ในการที่แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการปลูกผม โดยคำนึงถึงความสวยงาม ความพึงพอใจ และอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในผู้เข้ารับบริการแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ความงามที่แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ราวกับเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของเทคนิค NEAT ซึ่งผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ด้วยการเปิดทางให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำงานควบคู่ไปกับความต้องการของผู้ประสบปัญหาผมเอง ทั้งยังสร้างแนวทางการรักษาที่พิถีพิถันแฝงความอ่อนโยนละเมียดละไม แต่ก็เป็นไปด้วยความละเอียดหนักแน่นแม่นยำในหลักวิชาทางการแพทย์ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา ที่ไม่มองข้ามคุณค่าความงามของมนุษย์ 

เทคนิค NEAT จึงเป็นชื่อและสัญลักษณ์ที่ผู้เข้ารับบริการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน ต่างมั่นใจและเชื่อใจ

NEAT เทคนิคการปลูกผมขั้นสูง
เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน

NEAT คือเทคนิคการปลูกผมถาวรขั้นสูง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงเป็นพิเศษจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน เทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเหมือนการปลูกผมในอดีต เนื่องจากแพทย์จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กในการเจาะนำกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ และใช้เทคนิคการซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ใต้เส้นผมของผู้เข้ารับบริการอย่างแนบเนียน

จากนั้น แพทย์จะนำกราฟต์ผมมาบรรจงปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความละเอียดอ่อน คำนึงถึงการวางทิศทางเส้นผมให้กลมกลืนไปกับผมเก่า โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร หรือที่เรียกว่า Implanter ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กมาก ลดอาการเจ็บและบวม สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหลังปลูกผมได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น 

เทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์เส้นผมสวย แข็งแรง หนาแน่น แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงมีอัตราการเติบโตและการอยู่รอดสูง ซึ่งแพทย์จะช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ เพื่อใบหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นด้วย คุณจึงก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

เปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT
เส้นผม มีคุณค่าและความหมายสำหรับใครแต่ละคน ในแบบที่แตกต่างกันออกไป
...ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับใบหน้า ที่ช่วยแต่งเติมความงามอย่างเป็นธรรมชาติ
...สร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่น
...บ่งบอกอัตลักษณ์และตัวตนของเจ้าของเส้นผม ในสไตล์เฉพาะตัวที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
...มอบความมั่นใจ ให้ผู้คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

นามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณค่าและความหมายของเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ภาวะผมร่น ผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงเป็นความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ ของร่างกาย แต่ยังส่งผลลึกถึงระดับจิตใจ ความเครียด ความเชื่อมั่นในตัวเอง ตลอดจนการใช้ชีวิตในสังคมด้วย 

นั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งนามนิน นำองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเส้นผมมาคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาเส้นผม และคืนรอยยิ้มอันมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยน “คุณ” เป็น “คนใหม่” ด้วยมาตรฐานและความใส่ใจในการให้บริการจากนามนิน ผ่านเทคนิคที่มีชื่อว่า NEAT 


เบื้องหลังชื่อเทคนิค NEAT 
ที่คิดมาแบบประณีต เพื่อคุณคนใหม่


แนวคิดที่ว่าการปลูกผม เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องเดินควบคู่กันไปอย่างสมดุล คือแนวคิดที่แฝงอยู่เบื้องหลังการออกแบบเทคนิค NEAT 


ในแง่ของศาสตร์เชิงการแพทย์ “N / E / A / T” ย่อมาจาก Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งทุกขั้นตอนการปลูกผมจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง เติบโตอย่างมั่นคง การันตีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้ารับบริการ




ขณะเดียวกัน ในแง่ของศิลปะการปลูกผม NEAT ยังสื่อความหมายถึงความประณีต พิถีพิถัน ในการที่แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการปลูกผม โดยคำนึงถึงความสวยงาม ความพึงพอใจ และอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในผู้เข้ารับบริการแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ความงามที่แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ราวกับเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของเทคนิค NEAT ซึ่งผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ด้วยการเปิดทางให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำงานควบคู่ไปกับความต้องการของผู้ประสบปัญหาผมเอง ทั้งยังสร้างแนวทางการรักษาที่พิถีพิถันแฝงความอ่อนโยนละเมียดละไม แต่ก็เป็นไปด้วยความละเอียดหนักแน่นแม่นยำในหลักวิชาทางการแพทย์ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา ที่ไม่มองข้ามคุณค่าความงามของมนุษย์ 

เทคนิค NEAT จึงเป็นชื่อและสัญลักษณ์ที่ผู้เข้ารับบริการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน ต่างมั่นใจและเชื่อใจ

NEAT เทคนิคการปลูกผมขั้นสูง
เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน

NEAT คือเทคนิคการปลูกผมถาวรขั้นสูง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงเป็นพิเศษจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน เทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเหมือนการปลูกผมในอดีต เนื่องจากแพทย์จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กในการเจาะนำกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ และใช้เทคนิคการซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ใต้เส้นผมของผู้เข้ารับบริการอย่างแนบเนียน

จากนั้น แพทย์จะนำกราฟต์ผมมาบรรจงปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความละเอียดอ่อน คำนึงถึงการวางทิศทางเส้นผมให้กลมกลืนไปกับผมเก่า โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร หรือที่เรียกว่า Implanter ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กมาก ลดอาการเจ็บและบวม สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหลังปลูกผมได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น 

เทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์เส้นผมสวย แข็งแรง หนาแน่น แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงมีอัตราการเติบโตและการอยู่รอดสูง ซึ่งแพทย์จะช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ เพื่อใบหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นด้วย คุณจึงก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

เปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT
เส้นผม มีคุณค่าและความหมายสำหรับใครแต่ละคน ในแบบที่แตกต่างกันออกไป
...ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับใบหน้า ที่ช่วยแต่งเติมความงามอย่างเป็นธรรมชาติ
...สร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่น
...บ่งบอกอัตลักษณ์และตัวตนของเจ้าของเส้นผม ในสไตล์เฉพาะตัวที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
...มอบความมั่นใจ ให้ผู้คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

นามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณค่าและความหมายของเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ภาวะผมร่น ผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงเป็นความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ ของร่างกาย แต่ยังส่งผลลึกถึงระดับจิตใจ ความเครียด ความเชื่อมั่นในตัวเอง ตลอดจนการใช้ชีวิตในสังคมด้วย 

นั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งนามนิน นำองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเส้นผมมาคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาเส้นผม และคืนรอยยิ้มอันมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยน “คุณ” เป็น “คนใหม่” ด้วยมาตรฐานและความใส่ใจในการให้บริการจากนามนิน ผ่านเทคนิคที่มีชื่อว่า NEAT 


เบื้องหลังชื่อเทคนิค NEAT 
ที่คิดมาแบบประณีต เพื่อคุณคนใหม่


แนวคิดที่ว่าการปลูกผม เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องเดินควบคู่กันไปอย่างสมดุล คือแนวคิดที่แฝงอยู่เบื้องหลังการออกแบบเทคนิค NEAT 


ในแง่ของศาสตร์เชิงการแพทย์ “N / E / A / T” ย่อมาจาก Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งทุกขั้นตอนการปลูกผมจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง เติบโตอย่างมั่นคง การันตีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้ารับบริการ




ขณะเดียวกัน ในแง่ของศิลปะการปลูกผม NEAT ยังสื่อความหมายถึงความประณีต พิถีพิถัน ในการที่แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการปลูกผม โดยคำนึงถึงความสวยงาม ความพึงพอใจ และอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในผู้เข้ารับบริการแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ความงามที่แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ราวกับเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของเทคนิค NEAT ซึ่งผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ด้วยการเปิดทางให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำงานควบคู่ไปกับความต้องการของผู้ประสบปัญหาผมเอง ทั้งยังสร้างแนวทางการรักษาที่พิถีพิถันแฝงความอ่อนโยนละเมียดละไม แต่ก็เป็นไปด้วยความละเอียดหนักแน่นแม่นยำในหลักวิชาทางการแพทย์ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา ที่ไม่มองข้ามคุณค่าความงามของมนุษย์ 

เทคนิค NEAT จึงเป็นชื่อและสัญลักษณ์ที่ผู้เข้ารับบริการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน ต่างมั่นใจและเชื่อใจ

NEAT เทคนิคการปลูกผมขั้นสูง
เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน

NEAT คือเทคนิคการปลูกผมถาวรขั้นสูง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงเป็นพิเศษจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน เทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเหมือนการปลูกผมในอดีต เนื่องจากแพทย์จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กในการเจาะนำกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ และใช้เทคนิคการซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ใต้เส้นผมของผู้เข้ารับบริการอย่างแนบเนียน

จากนั้น แพทย์จะนำกราฟต์ผมมาบรรจงปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความละเอียดอ่อน คำนึงถึงการวางทิศทางเส้นผมให้กลมกลืนไปกับผมเก่า โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร หรือที่เรียกว่า Implanter ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กมาก ลดอาการเจ็บและบวม สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหลังปลูกผมได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น 

เทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์เส้นผมสวย แข็งแรง หนาแน่น แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงมีอัตราการเติบโตและการอยู่รอดสูง ซึ่งแพทย์จะช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ เพื่อใบหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นด้วย คุณจึงก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

เปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT
เส้นผม มีคุณค่าและความหมายสำหรับใครแต่ละคน ในแบบที่แตกต่างกันออกไป
...ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับใบหน้า ที่ช่วยแต่งเติมความงามอย่างเป็นธรรมชาติ
...สร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่น
...บ่งบอกอัตลักษณ์และตัวตนของเจ้าของเส้นผม ในสไตล์เฉพาะตัวที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
...มอบความมั่นใจ ให้ผู้คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

นามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณค่าและความหมายของเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ภาวะผมร่น ผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงเป็นความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ ของร่างกาย แต่ยังส่งผลลึกถึงระดับจิตใจ ความเครียด ความเชื่อมั่นในตัวเอง ตลอดจนการใช้ชีวิตในสังคมด้วย 

นั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งนามนิน นำองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเส้นผมมาคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาเส้นผม และคืนรอยยิ้มอันมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยน “คุณ” เป็น “คนใหม่” ด้วยมาตรฐานและความใส่ใจในการให้บริการจากนามนิน ผ่านเทคนิคที่มีชื่อว่า NEAT 


เบื้องหลังชื่อเทคนิค NEAT 
ที่คิดมาแบบประณีต เพื่อคุณคนใหม่


แนวคิดที่ว่าการปลูกผม เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องเดินควบคู่กันไปอย่างสมดุล คือแนวคิดที่แฝงอยู่เบื้องหลังการออกแบบเทคนิค NEAT 


ในแง่ของศาสตร์เชิงการแพทย์ “N / E / A / T” ย่อมาจาก Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งทุกขั้นตอนการปลูกผมจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง เติบโตอย่างมั่นคง การันตีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้ารับบริการ




ขณะเดียวกัน ในแง่ของศิลปะการปลูกผม NEAT ยังสื่อความหมายถึงความประณีต พิถีพิถัน ในการที่แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการปลูกผม โดยคำนึงถึงความสวยงาม ความพึงพอใจ และอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในผู้เข้ารับบริการแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ความงามที่แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ราวกับเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของเทคนิค NEAT ซึ่งผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ด้วยการเปิดทางให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำงานควบคู่ไปกับความต้องการของผู้ประสบปัญหาผมเอง ทั้งยังสร้างแนวทางการรักษาที่พิถีพิถันแฝงความอ่อนโยนละเมียดละไม แต่ก็เป็นไปด้วยความละเอียดหนักแน่นแม่นยำในหลักวิชาทางการแพทย์ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา ที่ไม่มองข้ามคุณค่าความงามของมนุษย์ 

เทคนิค NEAT จึงเป็นชื่อและสัญลักษณ์ที่ผู้เข้ารับบริการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน ต่างมั่นใจและเชื่อใจ

NEAT เทคนิคการปลูกผมขั้นสูง
เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน

NEAT คือเทคนิคการปลูกผมถาวรขั้นสูง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงเป็นพิเศษจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน เทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเหมือนการปลูกผมในอดีต เนื่องจากแพทย์จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กในการเจาะนำกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ และใช้เทคนิคการซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ใต้เส้นผมของผู้เข้ารับบริการอย่างแนบเนียน

จากนั้น แพทย์จะนำกราฟต์ผมมาบรรจงปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความละเอียดอ่อน คำนึงถึงการวางทิศทางเส้นผมให้กลมกลืนไปกับผมเก่า โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร หรือที่เรียกว่า Implanter ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กมาก ลดอาการเจ็บและบวม สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหลังปลูกผมได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น 

เทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์เส้นผมสวย แข็งแรง หนาแน่น แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงมีอัตราการเติบโตและการอยู่รอดสูง ซึ่งแพทย์จะช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ เพื่อใบหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นด้วย คุณจึงก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

ผมบาง ผมร่วง เป็นได้ ก็หายได้
คุณเป็นคนหนึ่งมั๊ยที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง หวีผมทีไรเส้นผมติดหวีติดแปรงมาเป็นกระจุก หรือเวลาสระผมก็มีผมหลุดออกมาเยอะจนผิดสังเกต หรือบางทีแค่เอามือสางผม ก็มีเส้นผมติดมือมาให้น่าตกใจ แล้วจะยอมปล่อยให้เป็นปัญหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือจะเริ่มต้นหาทางออกที่ดี 

จริงๆ แล้วตามธรรมชาติของเส้นผม ทุกวันจะมีผมหลุดร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรามีปัญหาผมร่วงนั้นให้เข้าใจง่ายๆ เราก็จะแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก


สำหรับปัจจัยภายในก็หนีไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของวัยที่เพิ่มมากขึ้น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และข้อสำคัญคือ พันธุกรรม 
ส่วนปัจจัยภายนอกนั้น ก็จะเป็นในเรื่องของการใช้ยา อย่างที่เห็นชัดเจนก็จะเป็นเรื่องของเคมีบำบัด รวมไปถึงกับผู้ที่ชอบการทำผม ไม่ว่าจะเป็น ดัดผม ย้อมผม หรือแม้กระทั่งการสระผมบ่อยเกินไป ก็เป็นสิ่งที่เร่งเร้าให้เส้นผมอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน

และเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ควรละเลย เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีก เราจึงควรต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าปัญหาของเรานั้นเกิดจากปัญหาอะไร เพื่อจะได้เลือกใช้การแก้ไขได้ตรงจุด อย่างการปลูกผม เป็นต้น 

สำหรับการแก้ปัญหาผมร่วงที่ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมนั้น เป็นภาวะที่รักษาให้หายได้ โดยทางที่ได้รับความนิยมก็คือการใช้ยา ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบกิน และแบบทา โดยเฉพาะยาในกลุ่มของไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจะเป็นยาในกลุ่มที่ใช้ทามากกว่า เพราะสามารถกำหนดจุดบริเวณที่เราต้องการรักษาได้ดีกว่าใช้แบบรับประทาน โดยสรรพคุณของยานี้ จะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมก็จะแข็งแรงขึ้นจึงทำให้เห็นผลลัพธ์ของการหลุดร่วงของเส้นผมที่น้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นจนเป็นที่พอใจ


ทั้งนี้ก็ใช่ว่าการใช้ยาจะให้ผลดี 100% เพราะขึ้นอยู่กับผู้รักษาด้วยว่าใช้ยาได้ต่อเนื่องหรือไม่ ปริมาณยาที่ทาพอเหมาะไม่น้อยเกินไป การรักษาที่ใช้เวลานาน 3-4 เดือน ทำให้ต้องใช้ความอดทน ความสม่ำเสมอในการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสาเหตุอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาเริ่มต้นรักษาที่อาจช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนไม่สามารถงอกผมเส้นใหม่ขึ้นมาได้  นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร 

และหากว่าต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวร วิธีที่ให้ผลดีคงหนีไม่พ้นการปลูกผม ที่ปัจจุบันมีวิทยการที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคใหม่ๆ อย่างการย้ายรากผม (FUE : Follicular Unit Excision) โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กทำการเจาะรากผมตามแนวผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยที่นามนิน คลินิก ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็ก 0.6 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก และฟื้นตัวได้ไว  รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นข้อที่คุณไม่ควรมองข้าม ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ผมบาง ผมร่วง เป็นได้ ก็หายได้
คุณเป็นคนหนึ่งมั๊ยที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง หวีผมทีไรเส้นผมติดหวีติดแปรงมาเป็นกระจุก หรือเวลาสระผมก็มีผมหลุดออกมาเยอะจนผิดสังเกต หรือบางทีแค่เอามือสางผม ก็มีเส้นผมติดมือมาให้น่าตกใจ แล้วจะยอมปล่อยให้เป็นปัญหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือจะเริ่มต้นหาทางออกที่ดี 

จริงๆ แล้วตามธรรมชาติของเส้นผม ทุกวันจะมีผมหลุดร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรามีปัญหาผมร่วงนั้นให้เข้าใจง่ายๆ เราก็จะแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก


สำหรับปัจจัยภายในก็หนีไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของวัยที่เพิ่มมากขึ้น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และข้อสำคัญคือ พันธุกรรม 
ส่วนปัจจัยภายนอกนั้น ก็จะเป็นในเรื่องของการใช้ยา อย่างที่เห็นชัดเจนก็จะเป็นเรื่องของเคมีบำบัด รวมไปถึงกับผู้ที่ชอบการทำผม ไม่ว่าจะเป็น ดัดผม ย้อมผม หรือแม้กระทั่งการสระผมบ่อยเกินไป ก็เป็นสิ่งที่เร่งเร้าให้เส้นผมอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน

และเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ควรละเลย เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีก เราจึงควรต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าปัญหาของเรานั้นเกิดจากปัญหาอะไร เพื่อจะได้เลือกใช้การแก้ไขได้ตรงจุด อย่างการปลูกผม เป็นต้น 

สำหรับการแก้ปัญหาผมร่วงที่ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมนั้น เป็นภาวะที่รักษาให้หายได้ โดยทางที่ได้รับความนิยมก็คือการใช้ยา ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบกิน และแบบทา โดยเฉพาะยาในกลุ่มของไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจะเป็นยาในกลุ่มที่ใช้ทามากกว่า เพราะสามารถกำหนดจุดบริเวณที่เราต้องการรักษาได้ดีกว่าใช้แบบรับประทาน โดยสรรพคุณของยานี้ จะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมก็จะแข็งแรงขึ้นจึงทำให้เห็นผลลัพธ์ของการหลุดร่วงของเส้นผมที่น้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นจนเป็นที่พอใจ


ทั้งนี้ก็ใช่ว่าการใช้ยาจะให้ผลดี 100% เพราะขึ้นอยู่กับผู้รักษาด้วยว่าใช้ยาได้ต่อเนื่องหรือไม่ ปริมาณยาที่ทาพอเหมาะไม่น้อยเกินไป การรักษาที่ใช้เวลานาน 3-4 เดือน ทำให้ต้องใช้ความอดทน ความสม่ำเสมอในการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสาเหตุอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาเริ่มต้นรักษาที่อาจช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนไม่สามารถงอกผมเส้นใหม่ขึ้นมาได้  นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร 

และหากว่าต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวร วิธีที่ให้ผลดีคงหนีไม่พ้นการปลูกผม ที่ปัจจุบันมีวิทยการที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคใหม่ๆ อย่างการย้ายรากผม (FUE : Follicular Unit Excision) โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กทำการเจาะรากผมตามแนวผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยที่นามนิน คลินิก ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็ก 0.6 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก และฟื้นตัวได้ไว  รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นข้อที่คุณไม่ควรมองข้าม ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ผมบาง ผมร่วง เป็นได้ ก็หายได้
คุณเป็นคนหนึ่งมั๊ยที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง หวีผมทีไรเส้นผมติดหวีติดแปรงมาเป็นกระจุก หรือเวลาสระผมก็มีผมหลุดออกมาเยอะจนผิดสังเกต หรือบางทีแค่เอามือสางผม ก็มีเส้นผมติดมือมาให้น่าตกใจ แล้วจะยอมปล่อยให้เป็นปัญหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือจะเริ่มต้นหาทางออกที่ดี 

จริงๆ แล้วตามธรรมชาติของเส้นผม ทุกวันจะมีผมหลุดร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรามีปัญหาผมร่วงนั้นให้เข้าใจง่ายๆ เราก็จะแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก


สำหรับปัจจัยภายในก็หนีไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของวัยที่เพิ่มมากขึ้น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และข้อสำคัญคือ พันธุกรรม 
ส่วนปัจจัยภายนอกนั้น ก็จะเป็นในเรื่องของการใช้ยา อย่างที่เห็นชัดเจนก็จะเป็นเรื่องของเคมีบำบัด รวมไปถึงกับผู้ที่ชอบการทำผม ไม่ว่าจะเป็น ดัดผม ย้อมผม หรือแม้กระทั่งการสระผมบ่อยเกินไป ก็เป็นสิ่งที่เร่งเร้าให้เส้นผมอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน

และเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ควรละเลย เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีก เราจึงควรต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าปัญหาของเรานั้นเกิดจากปัญหาอะไร เพื่อจะได้เลือกใช้การแก้ไขได้ตรงจุด อย่างการปลูกผม เป็นต้น 

สำหรับการแก้ปัญหาผมร่วงที่ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมนั้น เป็นภาวะที่รักษาให้หายได้ โดยทางที่ได้รับความนิยมก็คือการใช้ยา ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบกิน และแบบทา โดยเฉพาะยาในกลุ่มของไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจะเป็นยาในกลุ่มที่ใช้ทามากกว่า เพราะสามารถกำหนดจุดบริเวณที่เราต้องการรักษาได้ดีกว่าใช้แบบรับประทาน โดยสรรพคุณของยานี้ จะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมก็จะแข็งแรงขึ้นจึงทำให้เห็นผลลัพธ์ของการหลุดร่วงของเส้นผมที่น้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นจนเป็นที่พอใจ


ทั้งนี้ก็ใช่ว่าการใช้ยาจะให้ผลดี 100% เพราะขึ้นอยู่กับผู้รักษาด้วยว่าใช้ยาได้ต่อเนื่องหรือไม่ ปริมาณยาที่ทาพอเหมาะไม่น้อยเกินไป การรักษาที่ใช้เวลานาน 3-4 เดือน ทำให้ต้องใช้ความอดทน ความสม่ำเสมอในการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสาเหตุอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาเริ่มต้นรักษาที่อาจช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนไม่สามารถงอกผมเส้นใหม่ขึ้นมาได้  นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร 

และหากว่าต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวร วิธีที่ให้ผลดีคงหนีไม่พ้นการปลูกผม ที่ปัจจุบันมีวิทยการที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคใหม่ๆ อย่างการย้ายรากผม (FUE : Follicular Unit Excision) โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กทำการเจาะรากผมตามแนวผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยที่นามนิน คลินิก ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็ก 0.6 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก และฟื้นตัวได้ไว  รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นข้อที่คุณไม่ควรมองข้าม ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ผมบาง ผมร่วง เป็นได้ ก็หายได้
คุณเป็นคนหนึ่งมั๊ยที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง หวีผมทีไรเส้นผมติดหวีติดแปรงมาเป็นกระจุก หรือเวลาสระผมก็มีผมหลุดออกมาเยอะจนผิดสังเกต หรือบางทีแค่เอามือสางผม ก็มีเส้นผมติดมือมาให้น่าตกใจ แล้วจะยอมปล่อยให้เป็นปัญหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือจะเริ่มต้นหาทางออกที่ดี 

จริงๆ แล้วตามธรรมชาติของเส้นผม ทุกวันจะมีผมหลุดร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรามีปัญหาผมร่วงนั้นให้เข้าใจง่ายๆ เราก็จะแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก


สำหรับปัจจัยภายในก็หนีไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของวัยที่เพิ่มมากขึ้น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และข้อสำคัญคือ พันธุกรรม 
ส่วนปัจจัยภายนอกนั้น ก็จะเป็นในเรื่องของการใช้ยา อย่างที่เห็นชัดเจนก็จะเป็นเรื่องของเคมีบำบัด รวมไปถึงกับผู้ที่ชอบการทำผม ไม่ว่าจะเป็น ดัดผม ย้อมผม หรือแม้กระทั่งการสระผมบ่อยเกินไป ก็เป็นสิ่งที่เร่งเร้าให้เส้นผมอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน

และเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ควรละเลย เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีก เราจึงควรต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าปัญหาของเรานั้นเกิดจากปัญหาอะไร เพื่อจะได้เลือกใช้การแก้ไขได้ตรงจุด อย่างการปลูกผม เป็นต้น 

สำหรับการแก้ปัญหาผมร่วงที่ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมนั้น เป็นภาวะที่รักษาให้หายได้ โดยทางที่ได้รับความนิยมก็คือการใช้ยา ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบกิน และแบบทา โดยเฉพาะยาในกลุ่มของไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจะเป็นยาในกลุ่มที่ใช้ทามากกว่า เพราะสามารถกำหนดจุดบริเวณที่เราต้องการรักษาได้ดีกว่าใช้แบบรับประทาน โดยสรรพคุณของยานี้ จะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมก็จะแข็งแรงขึ้นจึงทำให้เห็นผลลัพธ์ของการหลุดร่วงของเส้นผมที่น้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นจนเป็นที่พอใจ


ทั้งนี้ก็ใช่ว่าการใช้ยาจะให้ผลดี 100% เพราะขึ้นอยู่กับผู้รักษาด้วยว่าใช้ยาได้ต่อเนื่องหรือไม่ ปริมาณยาที่ทาพอเหมาะไม่น้อยเกินไป การรักษาที่ใช้เวลานาน 3-4 เดือน ทำให้ต้องใช้ความอดทน ความสม่ำเสมอในการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสาเหตุอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาเริ่มต้นรักษาที่อาจช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนไม่สามารถงอกผมเส้นใหม่ขึ้นมาได้  นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร 

และหากว่าต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวร วิธีที่ให้ผลดีคงหนีไม่พ้นการปลูกผม ที่ปัจจุบันมีวิทยการที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคใหม่ๆ อย่างการย้ายรากผม (FUE : Follicular Unit Excision) โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กทำการเจาะรากผมตามแนวผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยที่นามนิน คลินิก ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็ก 0.6 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก และฟื้นตัวได้ไว  รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นข้อที่คุณไม่ควรมองข้าม ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


“ผมบาง” เพราะชอบ “ดึง” ?? อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช
ในบางครั้ง ภาวะผมร่วงและผมบาง ก็ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากปัญหาพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจก็เป็นได้ หลาย ๆ คนอาจสังเกตว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมชอบ “ดึงผม” หรือ “ถอนผม” ตัวเองบ่อย ๆ บางคนมักจะดึงผมเวลาที่ต้องใช้ความคิดหรือรู้สึกเครียด ขณะที่บางคนก็ชอบดึงผมขณะกำลังเพลิดเพลินกับการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจก็มี มารู้ตัวอีกที ผมบริเวณนั้นก็อาจจะบางลงไปเยอะแล้ว ...ทราบหรือไม่ว่า นิสัยชอบดึงผมเช่นนี้ เป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช ที่มีชื่อว่า Trichotillomania หรือ Hair-pulling disorder นั่นเอง...

“โรคดึงผมตนเอง” คือภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดึงหรือถอนผมตนเองซ้ำ ๆ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชแบบย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ความเครียด ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากสมาชิกในครอบครัว 

นอกจากเส้นผมแล้ว ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีพฤติกรรมดึงขนบริเวณอื่น ๆ อย่างเช่น ขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราก็ได้ด้วย แม้ว่าอาการของโรคอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาวะจิตใจ แต่โรคนี้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงไม่มาก 


หากต้องการสังเกตอาการของ “โรคดึงผมตนเอง” ให้ละเอียดขึ้น ลักษณะของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

การดึงผมแบบรู้ตัว 
นั่นคือผู้ป่วยจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับการดึงผมตัวเอง บางคนก็อาจจะมีความเครียดหรือกังวลสะสมอยู่ ขณะที่บางคนรู้สึกคันและไม่สบายหนังศีรษะ หรือแค่เห็นว่าเส้นผมไม่เรียบ เมื่อดึงผมออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลาย และสบายใจมากขึ้น

การดึงผมแบบไม่รู้ตัว 
มักเกิดระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือทำงาน แล้วเผลอเอามือไปดึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงผมทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวผสมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ติดต่อกันนาน ๆ แต่จะเป็นการดึงซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เรื่อย ๆ ซึ่งในผู้ป่วยบางคนอาจไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาการดังกล่าวก็เป็นได้

สำหรับผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมการดึงผมเช่นนี้ แน่นอนว่าการยกมือขึ้นมาดึงผมอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้เสียบุคลิกภาพ ตามมาด้วยความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเส้นผมเข้าไปด้วยจนส่งผลเสียต่อระบบลำไส้ ที่สำคัญ เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดึงผมนาน ๆ อาจทำให้เส้นผมบริเวณนั้นมีรูปทรงผิดปกติ ไม่แข็งแรง เนื่องจากอาการอักเสบของหนังศีรษะที่ถูกทำร้ายบ่อย ๆ รวมไปถึงการเกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ได้

ผู้ป่วยด้วย “โรคดึงผมตนเอง” สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาไปตามลำดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ หรือมีพฤติกรรมดึงผมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ตั้งใจ จำเป็นต้องทำให้ผู้ป่วยทราบและยอมรับเสียก่อนว่าเป็นโรค จึงจะสามารถเริ่มต้นควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้

  • ตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง ช่วยกันสังเกตว่าพฤติกรรมการดึงผมมักเกิดขึ้นเวลาไหน เช่น เวลาเบื่อ เศร้า หรือเครียด และเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด หรือระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไร เพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้วิธีต่อว่าหรือตำหนิผู้ป่วยแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีพฤติกรรมการดึงผมถี่ขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้วิธีการเตือนอย่างเหมาะสม

การพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนหายจากโรคได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจต้องการการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการหรือค้นหาความผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีรักษาโดยการให้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ “โรคดึงผมตนเอง” ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากอาการในวัยเด็กหรือวัยรุ่น สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ ก็คือ “การปลูกผม” โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเติมเต็มเส้นผมบริเวณที่ถูกดึงหายไป ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยพร้อมที่จะทำการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกันนั่นเอง

“ผมบาง” เพราะชอบ “ดึง” ?? อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช
ในบางครั้ง ภาวะผมร่วงและผมบาง ก็ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากปัญหาพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจก็เป็นได้ หลาย ๆ คนอาจสังเกตว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมชอบ “ดึงผม” หรือ “ถอนผม” ตัวเองบ่อย ๆ บางคนมักจะดึงผมเวลาที่ต้องใช้ความคิดหรือรู้สึกเครียด ขณะที่บางคนก็ชอบดึงผมขณะกำลังเพลิดเพลินกับการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจก็มี มารู้ตัวอีกที ผมบริเวณนั้นก็อาจจะบางลงไปเยอะแล้ว ...ทราบหรือไม่ว่า นิสัยชอบดึงผมเช่นนี้ เป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช ที่มีชื่อว่า Trichotillomania หรือ Hair-pulling disorder นั่นเอง...

“โรคดึงผมตนเอง” คือภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดึงหรือถอนผมตนเองซ้ำ ๆ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชแบบย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ความเครียด ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากสมาชิกในครอบครัว 

นอกจากเส้นผมแล้ว ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีพฤติกรรมดึงขนบริเวณอื่น ๆ อย่างเช่น ขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราก็ได้ด้วย แม้ว่าอาการของโรคอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาวะจิตใจ แต่โรคนี้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงไม่มาก 


หากต้องการสังเกตอาการของ “โรคดึงผมตนเอง” ให้ละเอียดขึ้น ลักษณะของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

การดึงผมแบบรู้ตัว 
นั่นคือผู้ป่วยจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับการดึงผมตัวเอง บางคนก็อาจจะมีความเครียดหรือกังวลสะสมอยู่ ขณะที่บางคนรู้สึกคันและไม่สบายหนังศีรษะ หรือแค่เห็นว่าเส้นผมไม่เรียบ เมื่อดึงผมออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลาย และสบายใจมากขึ้น

การดึงผมแบบไม่รู้ตัว 
มักเกิดระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือทำงาน แล้วเผลอเอามือไปดึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงผมทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวผสมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ติดต่อกันนาน ๆ แต่จะเป็นการดึงซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เรื่อย ๆ ซึ่งในผู้ป่วยบางคนอาจไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาการดังกล่าวก็เป็นได้

สำหรับผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมการดึงผมเช่นนี้ แน่นอนว่าการยกมือขึ้นมาดึงผมอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้เสียบุคลิกภาพ ตามมาด้วยความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเส้นผมเข้าไปด้วยจนส่งผลเสียต่อระบบลำไส้ ที่สำคัญ เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดึงผมนาน ๆ อาจทำให้เส้นผมบริเวณนั้นมีรูปทรงผิดปกติ ไม่แข็งแรง เนื่องจากอาการอักเสบของหนังศีรษะที่ถูกทำร้ายบ่อย ๆ รวมไปถึงการเกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ได้

ผู้ป่วยด้วย “โรคดึงผมตนเอง” สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาไปตามลำดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ หรือมีพฤติกรรมดึงผมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ตั้งใจ จำเป็นต้องทำให้ผู้ป่วยทราบและยอมรับเสียก่อนว่าเป็นโรค จึงจะสามารถเริ่มต้นควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้

  • ตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง ช่วยกันสังเกตว่าพฤติกรรมการดึงผมมักเกิดขึ้นเวลาไหน เช่น เวลาเบื่อ เศร้า หรือเครียด และเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด หรือระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไร เพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้วิธีต่อว่าหรือตำหนิผู้ป่วยแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีพฤติกรรมการดึงผมถี่ขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้วิธีการเตือนอย่างเหมาะสม

การพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนหายจากโรคได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจต้องการการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการหรือค้นหาความผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีรักษาโดยการให้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ “โรคดึงผมตนเอง” ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากอาการในวัยเด็กหรือวัยรุ่น สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ ก็คือ “การปลูกผม” โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเติมเต็มเส้นผมบริเวณที่ถูกดึงหายไป ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยพร้อมที่จะทำการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกันนั่นเอง

“ผมบาง” เพราะชอบ “ดึง” ?? อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช
ในบางครั้ง ภาวะผมร่วงและผมบาง ก็ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากปัญหาพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจก็เป็นได้ หลาย ๆ คนอาจสังเกตว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมชอบ “ดึงผม” หรือ “ถอนผม” ตัวเองบ่อย ๆ บางคนมักจะดึงผมเวลาที่ต้องใช้ความคิดหรือรู้สึกเครียด ขณะที่บางคนก็ชอบดึงผมขณะกำลังเพลิดเพลินกับการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจก็มี มารู้ตัวอีกที ผมบริเวณนั้นก็อาจจะบางลงไปเยอะแล้ว ...ทราบหรือไม่ว่า นิสัยชอบดึงผมเช่นนี้ เป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช ที่มีชื่อว่า Trichotillomania หรือ Hair-pulling disorder นั่นเอง...

“โรคดึงผมตนเอง” คือภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดึงหรือถอนผมตนเองซ้ำ ๆ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชแบบย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ความเครียด ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากสมาชิกในครอบครัว 

นอกจากเส้นผมแล้ว ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีพฤติกรรมดึงขนบริเวณอื่น ๆ อย่างเช่น ขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราก็ได้ด้วย แม้ว่าอาการของโรคอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาวะจิตใจ แต่โรคนี้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงไม่มาก 


หากต้องการสังเกตอาการของ “โรคดึงผมตนเอง” ให้ละเอียดขึ้น ลักษณะของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

การดึงผมแบบรู้ตัว 
นั่นคือผู้ป่วยจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับการดึงผมตัวเอง บางคนก็อาจจะมีความเครียดหรือกังวลสะสมอยู่ ขณะที่บางคนรู้สึกคันและไม่สบายหนังศีรษะ หรือแค่เห็นว่าเส้นผมไม่เรียบ เมื่อดึงผมออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลาย และสบายใจมากขึ้น

การดึงผมแบบไม่รู้ตัว 
มักเกิดระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือทำงาน แล้วเผลอเอามือไปดึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงผมทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวผสมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ติดต่อกันนาน ๆ แต่จะเป็นการดึงซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เรื่อย ๆ ซึ่งในผู้ป่วยบางคนอาจไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาการดังกล่าวก็เป็นได้

สำหรับผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมการดึงผมเช่นนี้ แน่นอนว่าการยกมือขึ้นมาดึงผมอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้เสียบุคลิกภาพ ตามมาด้วยความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเส้นผมเข้าไปด้วยจนส่งผลเสียต่อระบบลำไส้ ที่สำคัญ เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดึงผมนาน ๆ อาจทำให้เส้นผมบริเวณนั้นมีรูปทรงผิดปกติ ไม่แข็งแรง เนื่องจากอาการอักเสบของหนังศีรษะที่ถูกทำร้ายบ่อย ๆ รวมไปถึงการเกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ได้

ผู้ป่วยด้วย “โรคดึงผมตนเอง” สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาไปตามลำดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ หรือมีพฤติกรรมดึงผมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ตั้งใจ จำเป็นต้องทำให้ผู้ป่วยทราบและยอมรับเสียก่อนว่าเป็นโรค จึงจะสามารถเริ่มต้นควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้

  • ตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง ช่วยกันสังเกตว่าพฤติกรรมการดึงผมมักเกิดขึ้นเวลาไหน เช่น เวลาเบื่อ เศร้า หรือเครียด และเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด หรือระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไร เพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้วิธีต่อว่าหรือตำหนิผู้ป่วยแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีพฤติกรรมการดึงผมถี่ขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้วิธีการเตือนอย่างเหมาะสม

การพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนหายจากโรคได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจต้องการการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการหรือค้นหาความผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีรักษาโดยการให้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ “โรคดึงผมตนเอง” ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากอาการในวัยเด็กหรือวัยรุ่น สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ ก็คือ “การปลูกผม” โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเติมเต็มเส้นผมบริเวณที่ถูกดึงหายไป ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยพร้อมที่จะทำการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกันนั่นเอง

“ผมบาง” เพราะชอบ “ดึง” ?? อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช
ในบางครั้ง ภาวะผมร่วงและผมบาง ก็ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากปัญหาพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจก็เป็นได้ หลาย ๆ คนอาจสังเกตว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมชอบ “ดึงผม” หรือ “ถอนผม” ตัวเองบ่อย ๆ บางคนมักจะดึงผมเวลาที่ต้องใช้ความคิดหรือรู้สึกเครียด ขณะที่บางคนก็ชอบดึงผมขณะกำลังเพลิดเพลินกับการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจก็มี มารู้ตัวอีกที ผมบริเวณนั้นก็อาจจะบางลงไปเยอะแล้ว ...ทราบหรือไม่ว่า นิสัยชอบดึงผมเช่นนี้ เป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช ที่มีชื่อว่า Trichotillomania หรือ Hair-pulling disorder นั่นเอง...

“โรคดึงผมตนเอง” คือภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดึงหรือถอนผมตนเองซ้ำ ๆ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชแบบย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ความเครียด ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากสมาชิกในครอบครัว 

นอกจากเส้นผมแล้ว ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีพฤติกรรมดึงขนบริเวณอื่น ๆ อย่างเช่น ขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราก็ได้ด้วย แม้ว่าอาการของโรคอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาวะจิตใจ แต่โรคนี้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงไม่มาก 


หากต้องการสังเกตอาการของ “โรคดึงผมตนเอง” ให้ละเอียดขึ้น ลักษณะของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

การดึงผมแบบรู้ตัว 
นั่นคือผู้ป่วยจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับการดึงผมตัวเอง บางคนก็อาจจะมีความเครียดหรือกังวลสะสมอยู่ ขณะที่บางคนรู้สึกคันและไม่สบายหนังศีรษะ หรือแค่เห็นว่าเส้นผมไม่เรียบ เมื่อดึงผมออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลาย และสบายใจมากขึ้น

การดึงผมแบบไม่รู้ตัว 
มักเกิดระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือทำงาน แล้วเผลอเอามือไปดึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงผมทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวผสมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ติดต่อกันนาน ๆ แต่จะเป็นการดึงซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เรื่อย ๆ ซึ่งในผู้ป่วยบางคนอาจไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาการดังกล่าวก็เป็นได้

สำหรับผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมการดึงผมเช่นนี้ แน่นอนว่าการยกมือขึ้นมาดึงผมอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้เสียบุคลิกภาพ ตามมาด้วยความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเส้นผมเข้าไปด้วยจนส่งผลเสียต่อระบบลำไส้ ที่สำคัญ เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดึงผมนาน ๆ อาจทำให้เส้นผมบริเวณนั้นมีรูปทรงผิดปกติ ไม่แข็งแรง เนื่องจากอาการอักเสบของหนังศีรษะที่ถูกทำร้ายบ่อย ๆ รวมไปถึงการเกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ได้

ผู้ป่วยด้วย “โรคดึงผมตนเอง” สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาไปตามลำดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ หรือมีพฤติกรรมดึงผมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ตั้งใจ จำเป็นต้องทำให้ผู้ป่วยทราบและยอมรับเสียก่อนว่าเป็นโรค จึงจะสามารถเริ่มต้นควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้

  • ตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง ช่วยกันสังเกตว่าพฤติกรรมการดึงผมมักเกิดขึ้นเวลาไหน เช่น เวลาเบื่อ เศร้า หรือเครียด และเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด หรือระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไร เพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้วิธีต่อว่าหรือตำหนิผู้ป่วยแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีพฤติกรรมการดึงผมถี่ขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้วิธีการเตือนอย่างเหมาะสม

การพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนหายจากโรคได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจต้องการการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการหรือค้นหาความผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีรักษาโดยการให้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ “โรคดึงผมตนเอง” ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากอาการในวัยเด็กหรือวัยรุ่น สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ ก็คือ “การปลูกผม” โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเติมเต็มเส้นผมบริเวณที่ถูกดึงหายไป ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยพร้อมที่จะทำการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกันนั่นเอง

“ผมบาง” เพราะชอบ “ดึง” ?? อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช
ในบางครั้ง ภาวะผมร่วงและผมบาง ก็ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากปัญหาพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจก็เป็นได้ หลาย ๆ คนอาจสังเกตว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมชอบ “ดึงผม” หรือ “ถอนผม” ตัวเองบ่อย ๆ บางคนมักจะดึงผมเวลาที่ต้องใช้ความคิดหรือรู้สึกเครียด ขณะที่บางคนก็ชอบดึงผมขณะกำลังเพลิดเพลินกับการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจก็มี มารู้ตัวอีกที ผมบริเวณนั้นก็อาจจะบางลงไปเยอะแล้ว ...ทราบหรือไม่ว่า นิสัยชอบดึงผมเช่นนี้ เป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช ที่มีชื่อว่า Trichotillomania หรือ Hair-pulling disorder นั่นเอง...

“โรคดึงผมตนเอง” คือภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดึงหรือถอนผมตนเองซ้ำ ๆ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชแบบย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ความเครียด ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากสมาชิกในครอบครัว 

นอกจากเส้นผมแล้ว ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีพฤติกรรมดึงขนบริเวณอื่น ๆ อย่างเช่น ขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราก็ได้ด้วย แม้ว่าอาการของโรคอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาวะจิตใจ แต่โรคนี้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงไม่มาก 


หากต้องการสังเกตอาการของ “โรคดึงผมตนเอง” ให้ละเอียดขึ้น ลักษณะของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

การดึงผมแบบรู้ตัว 
นั่นคือผู้ป่วยจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับการดึงผมตัวเอง บางคนก็อาจจะมีความเครียดหรือกังวลสะสมอยู่ ขณะที่บางคนรู้สึกคันและไม่สบายหนังศีรษะ หรือแค่เห็นว่าเส้นผมไม่เรียบ เมื่อดึงผมออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลาย และสบายใจมากขึ้น

การดึงผมแบบไม่รู้ตัว 
มักเกิดระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือทำงาน แล้วเผลอเอามือไปดึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงผมทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวผสมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ติดต่อกันนาน ๆ แต่จะเป็นการดึงซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เรื่อย ๆ ซึ่งในผู้ป่วยบางคนอาจไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาการดังกล่าวก็เป็นได้

สำหรับผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมการดึงผมเช่นนี้ แน่นอนว่าการยกมือขึ้นมาดึงผมอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้เสียบุคลิกภาพ ตามมาด้วยความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเส้นผมเข้าไปด้วยจนส่งผลเสียต่อระบบลำไส้ ที่สำคัญ เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดึงผมนาน ๆ อาจทำให้เส้นผมบริเวณนั้นมีรูปทรงผิดปกติ ไม่แข็งแรง เนื่องจากอาการอักเสบของหนังศีรษะที่ถูกทำร้ายบ่อย ๆ รวมไปถึงการเกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ได้

ผู้ป่วยด้วย “โรคดึงผมตนเอง” สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาไปตามลำดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ หรือมีพฤติกรรมดึงผมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ตั้งใจ จำเป็นต้องทำให้ผู้ป่วยทราบและยอมรับเสียก่อนว่าเป็นโรค จึงจะสามารถเริ่มต้นควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้

  • ตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง ช่วยกันสังเกตว่าพฤติกรรมการดึงผมมักเกิดขึ้นเวลาไหน เช่น เวลาเบื่อ เศร้า หรือเครียด และเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด หรือระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไร เพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้วิธีต่อว่าหรือตำหนิผู้ป่วยแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีพฤติกรรมการดึงผมถี่ขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้วิธีการเตือนอย่างเหมาะสม

การพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนหายจากโรคได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจต้องการการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการหรือค้นหาความผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีรักษาโดยการให้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ “โรคดึงผมตนเอง” ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากอาการในวัยเด็กหรือวัยรุ่น สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ ก็คือ “การปลูกผม” โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเติมเต็มเส้นผมบริเวณที่ถูกดึงหายไป ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยพร้อมที่จะทำการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกันนั่นเอง

“ผมบาง” เพราะชอบ “ดึง” ?? อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช
ในบางครั้ง ภาวะผมร่วงและผมบาง ก็ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากปัญหาพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจก็เป็นได้ หลาย ๆ คนอาจสังเกตว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมชอบ “ดึงผม” หรือ “ถอนผม” ตัวเองบ่อย ๆ บางคนมักจะดึงผมเวลาที่ต้องใช้ความคิดหรือรู้สึกเครียด ขณะที่บางคนก็ชอบดึงผมขณะกำลังเพลิดเพลินกับการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจก็มี มารู้ตัวอีกที ผมบริเวณนั้นก็อาจจะบางลงไปเยอะแล้ว ...ทราบหรือไม่ว่า นิสัยชอบดึงผมเช่นนี้ เป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช ที่มีชื่อว่า Trichotillomania หรือ Hair-pulling disorder นั่นเอง...

“โรคดึงผมตนเอง” คือภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดึงหรือถอนผมตนเองซ้ำ ๆ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชแบบย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ความเครียด ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากสมาชิกในครอบครัว 

นอกจากเส้นผมแล้ว ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีพฤติกรรมดึงขนบริเวณอื่น ๆ อย่างเช่น ขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราก็ได้ด้วย แม้ว่าอาการของโรคอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาวะจิตใจ แต่โรคนี้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงไม่มาก 


หากต้องการสังเกตอาการของ “โรคดึงผมตนเอง” ให้ละเอียดขึ้น ลักษณะของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

การดึงผมแบบรู้ตัว 
นั่นคือผู้ป่วยจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับการดึงผมตัวเอง บางคนก็อาจจะมีความเครียดหรือกังวลสะสมอยู่ ขณะที่บางคนรู้สึกคันและไม่สบายหนังศีรษะ หรือแค่เห็นว่าเส้นผมไม่เรียบ เมื่อดึงผมออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลาย และสบายใจมากขึ้น

การดึงผมแบบไม่รู้ตัว 
มักเกิดระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือทำงาน แล้วเผลอเอามือไปดึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงผมทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวผสมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ติดต่อกันนาน ๆ แต่จะเป็นการดึงซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เรื่อย ๆ ซึ่งในผู้ป่วยบางคนอาจไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาการดังกล่าวก็เป็นได้

สำหรับผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมการดึงผมเช่นนี้ แน่นอนว่าการยกมือขึ้นมาดึงผมอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้เสียบุคลิกภาพ ตามมาด้วยความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเส้นผมเข้าไปด้วยจนส่งผลเสียต่อระบบลำไส้ ที่สำคัญ เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดึงผมนาน ๆ อาจทำให้เส้นผมบริเวณนั้นมีรูปทรงผิดปกติ ไม่แข็งแรง เนื่องจากอาการอักเสบของหนังศีรษะที่ถูกทำร้ายบ่อย ๆ รวมไปถึงการเกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ได้

ผู้ป่วยด้วย “โรคดึงผมตนเอง” สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาไปตามลำดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ หรือมีพฤติกรรมดึงผมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ตั้งใจ จำเป็นต้องทำให้ผู้ป่วยทราบและยอมรับเสียก่อนว่าเป็นโรค จึงจะสามารถเริ่มต้นควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้

  • ตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง ช่วยกันสังเกตว่าพฤติกรรมการดึงผมมักเกิดขึ้นเวลาไหน เช่น เวลาเบื่อ เศร้า หรือเครียด และเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด หรือระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไร เพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้วิธีต่อว่าหรือตำหนิผู้ป่วยแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีพฤติกรรมการดึงผมถี่ขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้วิธีการเตือนอย่างเหมาะสม

การพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนหายจากโรคได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจต้องการการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการหรือค้นหาความผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีรักษาโดยการให้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ “โรคดึงผมตนเอง” ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากอาการในวัยเด็กหรือวัยรุ่น สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ ก็คือ “การปลูกผม” โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเติมเต็มเส้นผมบริเวณที่ถูกดึงหายไป ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยพร้อมที่จะทำการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกันนั่นเอง

หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เพื่อเส้นผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ตลอดจนผมล้าน นับเป็นหัตถการทางแพทย์ที่ต้องดูแลต่อเนื่องในระยะยาว หากถามว่าในการปลูกผมให้ประสบความสำเร็จแต่ละครั้ง ต้องอาศัยปัจจัยข้อใดบ้าง คำตอบแรกก็คงจะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของแพทย์ ที่จะเป็นผู้นำองค์ความรู้ทางการแพทย์มาทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ แต่เมื่อการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ผสานรวมกัน แพทย์จึงต้องสวมหัวใจและสายตาของศิลปิน เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ตั้งอยู่บนความงามอย่างเป็นธรรมชาติ สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ตัวตน และความต้องการของผู้เข้ารับบริการด้วย

ปัจจัยสำคัญต่อมา คือ “ความประณีตและพิถีพิถัน” เนื่องจากแพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผมเส้นเล็ก ๆ นับพันนับหมื่นเส้น บนพื้นที่แคบ ๆ เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของหนังศีรษะ โดยใช้สองมือในการทำอย่างบรรจงและตั้งใจ งานปลูกผมจึงเป็นงานฝีมือแสนละเอียดอ่อน และมีความท้าทาย แบบที่หุ่นยนต์ AI ก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้ในเวลาอันใกล้

ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ข้อไหน ๆ นั่นก็คือ “เวลา” ต้องอย่าลืมว่า เรากำลังทำงานกับระบบร่างกายของมนุษย์ เส้นผมที่ปลูกลงไปนั้น คือเส้นผมจริง ที่มีวงจรชีวิตตามธรรมชาติเป็นของตัวเอง ตราบใดที่ยังไม่มีวิทยาการหรือเทคโนโลยีใดในโลกที่สามารถสั่งให้เส้นผมงอกยาวขึ้นได้ในวันเดียว ทั้งแพทย์และเจ้าของเส้นผม ต่างก็ต้องอดทนรอให้เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่และค่อย ๆ ยาวขึ้นตามจังหวะการเติบโตของเส้นผมเอง ซึ่งนั่นอาจใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม ๆ 

ดังนั้น จึงสามารถพูดได้ว่า การปลูกผมคือศิลปะและหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ซึ่งความต่อเนื่องยาวนานในการรักษานั้น ก็ทำให้มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแพทย์ในกระบวนการปลูกผม คือ “ความใส่ใจ” เพราะหากละทิ้งหรือหลงลืมที่จะดูแลติดตามการเติบโตของเส้นผมไปแม้ช่วงใดช่วงหนึ่ง หรือขาดความต่อเนื่องในการรักษา ผลลัพธ์การปลูกผมอาจจะออกมาไม่สมบูรณ์ และระหว่างเส้นทางการปลูกผมตลอดระยะเวลา 1 ปีนั้น แพทย์ไม่เพียงเป็นผู้รักษา แต่หลายครั้งแพทย์ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่จะต้องดูแลแนะนำด้วยความเข้าอกเข้าใจด้วย เพื่อให้หนึ่งปีนั้นเป็นหนึ่งปีแห่งประสบการณ์การปลูกผมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เข้ารับบริการทุก ๆ คน


NEAT – Namnin / Exclusive / Advanced Hair Transplant / Technique

กระบวนการรักษาทั้งหมด มีหัวใจสำคัญอยู่ที่เทคนิค NEAT  หรือ Namnin Exclusive Advance Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน พัฒนาขึ้นโดยแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งคลินิกนามนิน ใช้นวัตกรรมจากต่างประเทศเข้ามาช่วยในการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หมายถึงการย้ายรากผมที่แข็งแรงสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 

จุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งความใส่ใจ

เส้นทางหนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่คุณก้าวเท้าเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ซึ่งจะช่วยประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหาของแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับคำปรึกษาเป็นอันดับแรก จากนั้น จึงเป็นการประเมินพื้นที่ในการปลูกผม ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้เข้ารับคำปรึกษา หลาย ๆ คนสามารถจบปัญหาเส้นผมได้สมบูรณ์แบบจากการปลูกผมเพียงครั้งเดียว แต่หากภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน กินพื้นที่หนังศีรษะเป็นบริเวณกว้าง ก็สามารถวางแผนบริหารทรัพยากรผมบริเวณท้ายทอยด้านหลัง เพื่อทำการปลูกผม 2 ครั้งได้เช่นกัน 

ขั้นตอนสำคัญยังรวมไปถึงการออกแบบ Hairline หรือแนวผมที่จะปลูกลงใหม่ ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า ตลอดจนเพศ วัย และแนวผมเดิมของผู้เข้ารับคำปรึกษา โดยใช้หลัก Golden ratio หรือสัดส่วนทอง มาช่วยในการสร้างสรรค์กรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้เอง แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการวาดเส้น Hairline เฉพาะบุคคล ให้ออกมาได้อย่างลงตัวมากที่สุด



เทคนิคซ่อนแผลบริเวณท้ายทอยด้านหลัง

บริเวณท้ายทอยด้านหลังเป็นบริเวณที่เซลล์รากผมมีความแข็งแรงโดยธรรมชาติ และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด แพทย์จึงเลือกนำเซลล์รากผมออกจากบริเวณนี้เพื่อนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหา โดยใช้เทคนิคแบบ “ขั้นบันได” ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก เจาะนำเซลล์รากผมออกมาเป็นแถบ ๆ เหมือนขั้นบันได โดยไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ สามารถซ่อนแผลเล็ก ๆ แนบเนียนกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับการปลูกผมได้เลย 

ปลูกผมใหม่ด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร

หลังจากนำเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาตรวจสอบและแยกเซลล์ด้วยกล้องไมโครสโคป รวมถึงแช่ในน้ำยารักษาเซลล์ เพื่อคงสภาพความแข็งแรงของเซลล์รากผมไว้ให้ได้มากที่สุดแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะเลือกใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร เจาะเปิดลงไปบนหนังศีรษะ แล้วค่อย ๆ นำกลุ่มเซลล์รากผม หรือกราฟต์ผมมาปักใหม่ ให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสให้เส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงรากผมได้มากขึ้น เป็นเพิ่มอัตราการอยู่รอดให้กับเส้นผมที่จะงอกขึ้นใหม่

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องวางทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความหนาแน่นผมที่แตกต่างกันในผู้ชายและผู้หญิง ตลอดจนลักษณะของทรงผมเดิมด้วย เพื่อให้ผมชุดใหม่มีความหนาแน่นเพียงพอและเหมาะสม หากผู้เข้ารับการปลูกผมมีปัญหาผมบาง แพทย์จะใช้เทคนิคปลูกผมแทรก หรือปลูกผมตามแนวไรผม โดยระมัดระวังเป็นพิเศษให้เส้นผมที่ปลูกใหม่สามารถเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืนจนแทบแยกไม่ออก 

อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก จะช่วยให้แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็กและมีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ รวมถึงแทบไม่มีสะเก็ดแผลหรือมีเพียงขนาดเล็กมาก ผู้เข้ารับปลูกผมจึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที

การดูแลหลังการปลูกผม 

แน่นอนว่า เส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากทำหัตถการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนัดตรวจสภาพผมและบริการสระผมหรือล้างแผลให้ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นจึงเป็นการติดตามผลการรักษาเพื่อให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ระยะหลังปลูก 14 วัน, 1 เดือน, 4 เดือน, 8 เดือน, และ 1 ปีตามลำดับ เนื่องจากเส้นผมมีวงจรในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

  • เริ่มตั้งแต่ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสามารถสังเกตตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
  • หลังปลูกผมผ่านไป 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมปกติ
  • ในช่วงเดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


ตลอดระยะเวลา 1 ปีนี้ แพทย์จะคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและเติบโตของเส้นผม

  • ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการปลูกผม 
นับเป็นช่วงสำคัญสุดที่จะดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่ให้อยู่รอด ไม่หลุดร่วงหายไป และเจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังค่อย ๆ แข็งตัว หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้ ทั้งยังต้องระวังการเกิดสิว ซึ่งมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันอุดตัน รวมถึงอาการรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผมหลุดร่วงได้เช่นกัน

  • เมื่อ 2 สัปดาห์แรกผ่านไป 
รากผมเริ่มจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ แพทย์จะนัดเข้ามาติดตามอาการเบื้องต้น และเสริมด้วยบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม ร่วมกับการให้บริการ Hair Growth Treatment หรือการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย ซึ่งทั้งสองวิธีล้วนเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อผู้เข้ารับการรักษา

ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม 
จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ไปอีกประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่แพทย์จะเป็นผู้ทำความเข้าใจว่า นี่เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่ทำการปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

  • หลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป 
จะเริ่มเห็นผลลัพธ์การปลูกผมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สังเกตได้ว่าเส้นผมมีความแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

หลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร ซึ่งตลอดการเดินทาง “หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ” นี้ จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ ...เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่

NEAT for NEW
ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่



หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เพื่อเส้นผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ตลอดจนผมล้าน นับเป็นหัตถการทางแพทย์ที่ต้องดูแลต่อเนื่องในระยะยาว หากถามว่าในการปลูกผมให้ประสบความสำเร็จแต่ละครั้ง ต้องอาศัยปัจจัยข้อใดบ้าง คำตอบแรกก็คงจะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของแพทย์ ที่จะเป็นผู้นำองค์ความรู้ทางการแพทย์มาทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ แต่เมื่อการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ผสานรวมกัน แพทย์จึงต้องสวมหัวใจและสายตาของศิลปิน เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ตั้งอยู่บนความงามอย่างเป็นธรรมชาติ สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ตัวตน และความต้องการของผู้เข้ารับบริการด้วย

ปัจจัยสำคัญต่อมา คือ “ความประณีตและพิถีพิถัน” เนื่องจากแพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผมเส้นเล็ก ๆ นับพันนับหมื่นเส้น บนพื้นที่แคบ ๆ เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของหนังศีรษะ โดยใช้สองมือในการทำอย่างบรรจงและตั้งใจ งานปลูกผมจึงเป็นงานฝีมือแสนละเอียดอ่อน และมีความท้าทาย แบบที่หุ่นยนต์ AI ก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้ในเวลาอันใกล้

ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ข้อไหน ๆ นั่นก็คือ “เวลา” ต้องอย่าลืมว่า เรากำลังทำงานกับระบบร่างกายของมนุษย์ เส้นผมที่ปลูกลงไปนั้น คือเส้นผมจริง ที่มีวงจรชีวิตตามธรรมชาติเป็นของตัวเอง ตราบใดที่ยังไม่มีวิทยาการหรือเทคโนโลยีใดในโลกที่สามารถสั่งให้เส้นผมงอกยาวขึ้นได้ในวันเดียว ทั้งแพทย์และเจ้าของเส้นผม ต่างก็ต้องอดทนรอให้เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่และค่อย ๆ ยาวขึ้นตามจังหวะการเติบโตของเส้นผมเอง ซึ่งนั่นอาจใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม ๆ 

ดังนั้น จึงสามารถพูดได้ว่า การปลูกผมคือศิลปะและหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ซึ่งความต่อเนื่องยาวนานในการรักษานั้น ก็ทำให้มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแพทย์ในกระบวนการปลูกผม คือ “ความใส่ใจ” เพราะหากละทิ้งหรือหลงลืมที่จะดูแลติดตามการเติบโตของเส้นผมไปแม้ช่วงใดช่วงหนึ่ง หรือขาดความต่อเนื่องในการรักษา ผลลัพธ์การปลูกผมอาจจะออกมาไม่สมบูรณ์ และระหว่างเส้นทางการปลูกผมตลอดระยะเวลา 1 ปีนั้น แพทย์ไม่เพียงเป็นผู้รักษา แต่หลายครั้งแพทย์ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่จะต้องดูแลแนะนำด้วยความเข้าอกเข้าใจด้วย เพื่อให้หนึ่งปีนั้นเป็นหนึ่งปีแห่งประสบการณ์การปลูกผมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เข้ารับบริการทุก ๆ คน


NEAT – Namnin / Exclusive / Advanced Hair Transplant / Technique

กระบวนการรักษาทั้งหมด มีหัวใจสำคัญอยู่ที่เทคนิค NEAT  หรือ Namnin Exclusive Advance Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน พัฒนาขึ้นโดยแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งคลินิกนามนิน ใช้นวัตกรรมจากต่างประเทศเข้ามาช่วยในการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หมายถึงการย้ายรากผมที่แข็งแรงสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 

จุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งความใส่ใจ

เส้นทางหนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่คุณก้าวเท้าเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ซึ่งจะช่วยประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหาของแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับคำปรึกษาเป็นอันดับแรก จากนั้น จึงเป็นการประเมินพื้นที่ในการปลูกผม ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้เข้ารับคำปรึกษา หลาย ๆ คนสามารถจบปัญหาเส้นผมได้สมบูรณ์แบบจากการปลูกผมเพียงครั้งเดียว แต่หากภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน กินพื้นที่หนังศีรษะเป็นบริเวณกว้าง ก็สามารถวางแผนบริหารทรัพยากรผมบริเวณท้ายทอยด้านหลัง เพื่อทำการปลูกผม 2 ครั้งได้เช่นกัน 

ขั้นตอนสำคัญยังรวมไปถึงการออกแบบ Hairline หรือแนวผมที่จะปลูกลงใหม่ ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า ตลอดจนเพศ วัย และแนวผมเดิมของผู้เข้ารับคำปรึกษา โดยใช้หลัก Golden ratio หรือสัดส่วนทอง มาช่วยในการสร้างสรรค์กรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้เอง แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการวาดเส้น Hairline เฉพาะบุคคล ให้ออกมาได้อย่างลงตัวมากที่สุด



เทคนิคซ่อนแผลบริเวณท้ายทอยด้านหลัง

บริเวณท้ายทอยด้านหลังเป็นบริเวณที่เซลล์รากผมมีความแข็งแรงโดยธรรมชาติ และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด แพทย์จึงเลือกนำเซลล์รากผมออกจากบริเวณนี้เพื่อนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหา โดยใช้เทคนิคแบบ “ขั้นบันได” ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก เจาะนำเซลล์รากผมออกมาเป็นแถบ ๆ เหมือนขั้นบันได โดยไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ สามารถซ่อนแผลเล็ก ๆ แนบเนียนกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับการปลูกผมได้เลย 

ปลูกผมใหม่ด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร

หลังจากนำเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาตรวจสอบและแยกเซลล์ด้วยกล้องไมโครสโคป รวมถึงแช่ในน้ำยารักษาเซลล์ เพื่อคงสภาพความแข็งแรงของเซลล์รากผมไว้ให้ได้มากที่สุดแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะเลือกใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร เจาะเปิดลงไปบนหนังศีรษะ แล้วค่อย ๆ นำกลุ่มเซลล์รากผม หรือกราฟต์ผมมาปักใหม่ ให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสให้เส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงรากผมได้มากขึ้น เป็นเพิ่มอัตราการอยู่รอดให้กับเส้นผมที่จะงอกขึ้นใหม่

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องวางทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความหนาแน่นผมที่แตกต่างกันในผู้ชายและผู้หญิง ตลอดจนลักษณะของทรงผมเดิมด้วย เพื่อให้ผมชุดใหม่มีความหนาแน่นเพียงพอและเหมาะสม หากผู้เข้ารับการปลูกผมมีปัญหาผมบาง แพทย์จะใช้เทคนิคปลูกผมแทรก หรือปลูกผมตามแนวไรผม โดยระมัดระวังเป็นพิเศษให้เส้นผมที่ปลูกใหม่สามารถเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืนจนแทบแยกไม่ออก 

อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก จะช่วยให้แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็กและมีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ รวมถึงแทบไม่มีสะเก็ดแผลหรือมีเพียงขนาดเล็กมาก ผู้เข้ารับปลูกผมจึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที

การดูแลหลังการปลูกผม 

แน่นอนว่า เส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากทำหัตถการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนัดตรวจสภาพผมและบริการสระผมหรือล้างแผลให้ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นจึงเป็นการติดตามผลการรักษาเพื่อให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ระยะหลังปลูก 14 วัน, 1 เดือน, 4 เดือน, 8 เดือน, และ 1 ปีตามลำดับ เนื่องจากเส้นผมมีวงจรในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

  • เริ่มตั้งแต่ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสามารถสังเกตตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
  • หลังปลูกผมผ่านไป 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมปกติ
  • ในช่วงเดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


ตลอดระยะเวลา 1 ปีนี้ แพทย์จะคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและเติบโตของเส้นผม

  • ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการปลูกผม 
นับเป็นช่วงสำคัญสุดที่จะดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่ให้อยู่รอด ไม่หลุดร่วงหายไป และเจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังค่อย ๆ แข็งตัว หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้ ทั้งยังต้องระวังการเกิดสิว ซึ่งมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันอุดตัน รวมถึงอาการรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผมหลุดร่วงได้เช่นกัน

  • เมื่อ 2 สัปดาห์แรกผ่านไป 
รากผมเริ่มจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ แพทย์จะนัดเข้ามาติดตามอาการเบื้องต้น และเสริมด้วยบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม ร่วมกับการให้บริการ Hair Growth Treatment หรือการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย ซึ่งทั้งสองวิธีล้วนเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อผู้เข้ารับการรักษา

ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม 
จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ไปอีกประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่แพทย์จะเป็นผู้ทำความเข้าใจว่า นี่เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่ทำการปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

  • หลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป 
จะเริ่มเห็นผลลัพธ์การปลูกผมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สังเกตได้ว่าเส้นผมมีความแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

หลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร ซึ่งตลอดการเดินทาง “หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ” นี้ จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ ...เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่

NEAT for NEW
ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่



หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เพื่อเส้นผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ตลอดจนผมล้าน นับเป็นหัตถการทางแพทย์ที่ต้องดูแลต่อเนื่องในระยะยาว หากถามว่าในการปลูกผมให้ประสบความสำเร็จแต่ละครั้ง ต้องอาศัยปัจจัยข้อใดบ้าง คำตอบแรกก็คงจะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของแพทย์ ที่จะเป็นผู้นำองค์ความรู้ทางการแพทย์มาทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ แต่เมื่อการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ผสานรวมกัน แพทย์จึงต้องสวมหัวใจและสายตาของศิลปิน เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ตั้งอยู่บนความงามอย่างเป็นธรรมชาติ สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ตัวตน และความต้องการของผู้เข้ารับบริการด้วย

ปัจจัยสำคัญต่อมา คือ “ความประณีตและพิถีพิถัน” เนื่องจากแพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผมเส้นเล็ก ๆ นับพันนับหมื่นเส้น บนพื้นที่แคบ ๆ เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของหนังศีรษะ โดยใช้สองมือในการทำอย่างบรรจงและตั้งใจ งานปลูกผมจึงเป็นงานฝีมือแสนละเอียดอ่อน และมีความท้าทาย แบบที่หุ่นยนต์ AI ก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้ในเวลาอันใกล้

ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ข้อไหน ๆ นั่นก็คือ “เวลา” ต้องอย่าลืมว่า เรากำลังทำงานกับระบบร่างกายของมนุษย์ เส้นผมที่ปลูกลงไปนั้น คือเส้นผมจริง ที่มีวงจรชีวิตตามธรรมชาติเป็นของตัวเอง ตราบใดที่ยังไม่มีวิทยาการหรือเทคโนโลยีใดในโลกที่สามารถสั่งให้เส้นผมงอกยาวขึ้นได้ในวันเดียว ทั้งแพทย์และเจ้าของเส้นผม ต่างก็ต้องอดทนรอให้เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่และค่อย ๆ ยาวขึ้นตามจังหวะการเติบโตของเส้นผมเอง ซึ่งนั่นอาจใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม ๆ 

ดังนั้น จึงสามารถพูดได้ว่า การปลูกผมคือศิลปะและหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ซึ่งความต่อเนื่องยาวนานในการรักษานั้น ก็ทำให้มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแพทย์ในกระบวนการปลูกผม คือ “ความใส่ใจ” เพราะหากละทิ้งหรือหลงลืมที่จะดูแลติดตามการเติบโตของเส้นผมไปแม้ช่วงใดช่วงหนึ่ง หรือขาดความต่อเนื่องในการรักษา ผลลัพธ์การปลูกผมอาจจะออกมาไม่สมบูรณ์ และระหว่างเส้นทางการปลูกผมตลอดระยะเวลา 1 ปีนั้น แพทย์ไม่เพียงเป็นผู้รักษา แต่หลายครั้งแพทย์ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่จะต้องดูแลแนะนำด้วยความเข้าอกเข้าใจด้วย เพื่อให้หนึ่งปีนั้นเป็นหนึ่งปีแห่งประสบการณ์การปลูกผมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เข้ารับบริการทุก ๆ คน


NEAT – Namnin / Exclusive / Advanced Hair Transplant / Technique

กระบวนการรักษาทั้งหมด มีหัวใจสำคัญอยู่ที่เทคนิค NEAT  หรือ Namnin Exclusive Advance Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน พัฒนาขึ้นโดยแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งคลินิกนามนิน ใช้นวัตกรรมจากต่างประเทศเข้ามาช่วยในการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หมายถึงการย้ายรากผมที่แข็งแรงสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 

จุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งความใส่ใจ

เส้นทางหนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่คุณก้าวเท้าเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ซึ่งจะช่วยประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหาของแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับคำปรึกษาเป็นอันดับแรก จากนั้น จึงเป็นการประเมินพื้นที่ในการปลูกผม ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้เข้ารับคำปรึกษา หลาย ๆ คนสามารถจบปัญหาเส้นผมได้สมบูรณ์แบบจากการปลูกผมเพียงครั้งเดียว แต่หากภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน กินพื้นที่หนังศีรษะเป็นบริเวณกว้าง ก็สามารถวางแผนบริหารทรัพยากรผมบริเวณท้ายทอยด้านหลัง เพื่อทำการปลูกผม 2 ครั้งได้เช่นกัน 

ขั้นตอนสำคัญยังรวมไปถึงการออกแบบ Hairline หรือแนวผมที่จะปลูกลงใหม่ ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า ตลอดจนเพศ วัย และแนวผมเดิมของผู้เข้ารับคำปรึกษา โดยใช้หลัก Golden ratio หรือสัดส่วนทอง มาช่วยในการสร้างสรรค์กรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้เอง แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการวาดเส้น Hairline เฉพาะบุคคล ให้ออกมาได้อย่างลงตัวมากที่สุด



เทคนิคซ่อนแผลบริเวณท้ายทอยด้านหลัง

บริเวณท้ายทอยด้านหลังเป็นบริเวณที่เซลล์รากผมมีความแข็งแรงโดยธรรมชาติ และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด แพทย์จึงเลือกนำเซลล์รากผมออกจากบริเวณนี้เพื่อนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหา โดยใช้เทคนิคแบบ “ขั้นบันได” ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก เจาะนำเซลล์รากผมออกมาเป็นแถบ ๆ เหมือนขั้นบันได โดยไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ สามารถซ่อนแผลเล็ก ๆ แนบเนียนกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับการปลูกผมได้เลย 

ปลูกผมใหม่ด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร

หลังจากนำเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาตรวจสอบและแยกเซลล์ด้วยกล้องไมโครสโคป รวมถึงแช่ในน้ำยารักษาเซลล์ เพื่อคงสภาพความแข็งแรงของเซลล์รากผมไว้ให้ได้มากที่สุดแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะเลือกใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร เจาะเปิดลงไปบนหนังศีรษะ แล้วค่อย ๆ นำกลุ่มเซลล์รากผม หรือกราฟต์ผมมาปักใหม่ ให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสให้เส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงรากผมได้มากขึ้น เป็นเพิ่มอัตราการอยู่รอดให้กับเส้นผมที่จะงอกขึ้นใหม่

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องวางทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความหนาแน่นผมที่แตกต่างกันในผู้ชายและผู้หญิง ตลอดจนลักษณะของทรงผมเดิมด้วย เพื่อให้ผมชุดใหม่มีความหนาแน่นเพียงพอและเหมาะสม หากผู้เข้ารับการปลูกผมมีปัญหาผมบาง แพทย์จะใช้เทคนิคปลูกผมแทรก หรือปลูกผมตามแนวไรผม โดยระมัดระวังเป็นพิเศษให้เส้นผมที่ปลูกใหม่สามารถเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืนจนแทบแยกไม่ออก 

อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก จะช่วยให้แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็กและมีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ รวมถึงแทบไม่มีสะเก็ดแผลหรือมีเพียงขนาดเล็กมาก ผู้เข้ารับปลูกผมจึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที

การดูแลหลังการปลูกผม 

แน่นอนว่า เส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากทำหัตถการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนัดตรวจสภาพผมและบริการสระผมหรือล้างแผลให้ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นจึงเป็นการติดตามผลการรักษาเพื่อให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ระยะหลังปลูก 14 วัน, 1 เดือน, 4 เดือน, 8 เดือน, และ 1 ปีตามลำดับ เนื่องจากเส้นผมมีวงจรในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

  • เริ่มตั้งแต่ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสามารถสังเกตตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
  • หลังปลูกผมผ่านไป 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมปกติ
  • ในช่วงเดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


ตลอดระยะเวลา 1 ปีนี้ แพทย์จะคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและเติบโตของเส้นผม

  • ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการปลูกผม 
นับเป็นช่วงสำคัญสุดที่จะดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่ให้อยู่รอด ไม่หลุดร่วงหายไป และเจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังค่อย ๆ แข็งตัว หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้ ทั้งยังต้องระวังการเกิดสิว ซึ่งมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันอุดตัน รวมถึงอาการรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผมหลุดร่วงได้เช่นกัน

  • เมื่อ 2 สัปดาห์แรกผ่านไป 
รากผมเริ่มจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ แพทย์จะนัดเข้ามาติดตามอาการเบื้องต้น และเสริมด้วยบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม ร่วมกับการให้บริการ Hair Growth Treatment หรือการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย ซึ่งทั้งสองวิธีล้วนเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อผู้เข้ารับการรักษา

ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม 
จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ไปอีกประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่แพทย์จะเป็นผู้ทำความเข้าใจว่า นี่เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่ทำการปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

  • หลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป 
จะเริ่มเห็นผลลัพธ์การปลูกผมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สังเกตได้ว่าเส้นผมมีความแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

หลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร ซึ่งตลอดการเดินทาง “หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ” นี้ จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ ...เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่

NEAT for NEW
ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่



รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?
รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?

การปลูกผม จะทำให้เกิดแผลเล็กๆ ขึ้นในจุดที่เราปักรากผมใหม่ เมื่อร่างกายมีการซ่อมแซมก็จะเริ่มเกิดสะเก็ดเล็กๆ แผลเริ่มแห้งและมีอาการคันร่วมด้วย

แผลที่มีสะเก็ดและแห้งมาก จะเกาะกันเป็นกลุ่มกับเส้นผมและดึ้งรั้งผมออกจากกันเป็นอาการปกติ ถึงแม้ว่าหลังปลูกเส้นผมจะเรียงตัวสวยดูชิดกันก็ตาม ดังนั้น ในช่วงวันที่ 4-5 หลังจากปลูกผม ควรทำให้แผลเกิดความชุ่มชื่น โดยการใช้วิตามินอี หรือน้ำมันมะพร้าวทาเพื่อให้สะเก็ดแผลอ่อนนุ่มและค่อยๆหลุดออก ลดการดึงรั้งของเส้นผมค่ะ
รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?
รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?

การปลูกผม จะทำให้เกิดแผลเล็กๆ ขึ้นในจุดที่เราปักรากผมใหม่ เมื่อร่างกายมีการซ่อมแซมก็จะเริ่มเกิดสะเก็ดเล็กๆ แผลเริ่มแห้งและมีอาการคันร่วมด้วย

แผลที่มีสะเก็ดและแห้งมาก จะเกาะกันเป็นกลุ่มกับเส้นผมและดึ้งรั้งผมออกจากกันเป็นอาการปกติ ถึงแม้ว่าหลังปลูกเส้นผมจะเรียงตัวสวยดูชิดกันก็ตาม ดังนั้น ในช่วงวันที่ 4-5 หลังจากปลูกผม ควรทำให้แผลเกิดความชุ่มชื่น โดยการใช้วิตามินอี หรือน้ำมันมะพร้าวทาเพื่อให้สะเก็ดแผลอ่อนนุ่มและค่อยๆหลุดออก ลดการดึงรั้งของเส้นผมค่ะ
รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?
รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?

การปลูกผม จะทำให้เกิดแผลเล็กๆ ขึ้นในจุดที่เราปักรากผมใหม่ เมื่อร่างกายมีการซ่อมแซมก็จะเริ่มเกิดสะเก็ดเล็กๆ แผลเริ่มแห้งและมีอาการคันร่วมด้วย

แผลที่มีสะเก็ดและแห้งมาก จะเกาะกันเป็นกลุ่มกับเส้นผมและดึ้งรั้งผมออกจากกันเป็นอาการปกติ ถึงแม้ว่าหลังปลูกเส้นผมจะเรียงตัวสวยดูชิดกันก็ตาม ดังนั้น ในช่วงวันที่ 4-5 หลังจากปลูกผม ควรทำให้แผลเกิดความชุ่มชื่น โดยการใช้วิตามินอี หรือน้ำมันมะพร้าวทาเพื่อให้สะเก็ดแผลอ่อนนุ่มและค่อยๆหลุดออก ลดการดึงรั้งของเส้นผมค่ะ
เรื่องสิวๆ หลังปลูกผม
สำหรับผู้ที่ปลูกผมแล้ว ก็ต้องมีข้อควรระวังหลังการปลูกผม โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่จะมีสะเก็ดแผล และทำให้เกิดอาการคันได้ นอกจากนี้ยังมีบางรายที่อาจเกิดเป็นสิวขึ้นได้ โดยจะพบในช่วงที่ผมร่วงไปแล้ว ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดมาจากการอุตันของรูขุมขน ทำให้ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาได้

ในทางการแพทย์ได้มีข้ออธิบายไว้ว่า การเกิดสิวหลังการปลูกผมนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเรารู้จักดูแลได้อย่างถูกต้อง สิวที่ว่านี้ก็จะหายไปเป็นปกติ ส่วนใหญ่แล้วสิวที่ขึ้นจะเป็นสิวอักเสบ หรือสิวหัวขาวที่เกิดจากการอุดตันของไขมัน จริงๆ แล้วในคนปกติที่ไม่ได้รับการปลูกผมก็อาจเกิดสิวบนหนังศีรษะได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่คนไข้ที่ได้รับการปลูกผมจะเกิดเป็นความกังวลมากกว่าปกติ

สำหรับการดูแลนั้น คนไข้ควรหมั่นทำความสะอาดเส้นผม ด้วยแชมพูที่คลินิกให้ไว้เพื่อไม่ให้ต่อมไขมันทำงานหนักมากจนเกินไป เมื่อเกิดอาการคัน พยายามอย่าเกา เพราะการเกาอาจทำให้เชื้อโรคที่ติดไปกับเล็บเข้าสู่แผลทำให้เกิดการอักเสบร่วมด้วย

ทั้งนี้เมื่อผมใหม่เริ่มมีการงอกแล้ว ปัญหาสิวดังกล่าวก็จะค่อยๆ หมดไป ยกเว้นในบางรายที่เกิดเป็นสิวขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีการอักเสบร่วมด้วย แนะนำให้กลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร เพื่อไม่ให้การอักเสบนั้นส่งผลกระทบกับกราฟท์ผมที่ทำการปลูก

ขอให้คิดว่าการเกิดสิวเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ หรือแม้กระทั่งเกิดได้ในผู้ที่ทำการปลูกผม หรือไม่ได้ปลูกผม มีเพียงข้อสำคัญมากที่สุดเพียงข้อเดียวที่ต้องทำก็คือการรักษาความสะอาดของหนังศีรษะอยู่เสมอ

ที่นามนินเอง คนไข้สามารถเข้าพบแพทย์ หรือส่งข้อความพร้อมภาพในช่องทางต่างๆ เพื่อปรึกษากับแพทย์ถึงปัญหาและอาการต่างๆที่พบ โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติให้กับคนไข้อย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามหลังการปลูกผมตลอด 1 ปี ด้วยมาตรฐานการดูแลคนไข้เสมือนเป็นคนในครอบครัว เพื่อให้คนไข้ทุกรายได้รับความพึงพอใจสูงสุด
เรื่องสิวๆ หลังปลูกผม
สำหรับผู้ที่ปลูกผมแล้ว ก็ต้องมีข้อควรระวังหลังการปลูกผม โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่จะมีสะเก็ดแผล และทำให้เกิดอาการคันได้ นอกจากนี้ยังมีบางรายที่อาจเกิดเป็นสิวขึ้นได้ โดยจะพบในช่วงที่ผมร่วงไปแล้ว ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดมาจากการอุตันของรูขุมขน ทำให้ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาได้

ในทางการแพทย์ได้มีข้ออธิบายไว้ว่า การเกิดสิวหลังการปลูกผมนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเรารู้จักดูแลได้อย่างถูกต้อง สิวที่ว่านี้ก็จะหายไปเป็นปกติ ส่วนใหญ่แล้วสิวที่ขึ้นจะเป็นสิวอักเสบ หรือสิวหัวขาวที่เกิดจากการอุดตันของไขมัน จริงๆ แล้วในคนปกติที่ไม่ได้รับการปลูกผมก็อาจเกิดสิวบนหนังศีรษะได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่คนไข้ที่ได้รับการปลูกผมจะเกิดเป็นความกังวลมากกว่าปกติ

สำหรับการดูแลนั้น คนไข้ควรหมั่นทำความสะอาดเส้นผม ด้วยแชมพูที่คลินิกให้ไว้เพื่อไม่ให้ต่อมไขมันทำงานหนักมากจนเกินไป เมื่อเกิดอาการคัน พยายามอย่าเกา เพราะการเกาอาจทำให้เชื้อโรคที่ติดไปกับเล็บเข้าสู่แผลทำให้เกิดการอักเสบร่วมด้วย

ทั้งนี้เมื่อผมใหม่เริ่มมีการงอกแล้ว ปัญหาสิวดังกล่าวก็จะค่อยๆ หมดไป ยกเว้นในบางรายที่เกิดเป็นสิวขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีการอักเสบร่วมด้วย แนะนำให้กลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร เพื่อไม่ให้การอักเสบนั้นส่งผลกระทบกับกราฟท์ผมที่ทำการปลูก

ขอให้คิดว่าการเกิดสิวเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ หรือแม้กระทั่งเกิดได้ในผู้ที่ทำการปลูกผม หรือไม่ได้ปลูกผม มีเพียงข้อสำคัญมากที่สุดเพียงข้อเดียวที่ต้องทำก็คือการรักษาความสะอาดของหนังศีรษะอยู่เสมอ

ที่นามนินเอง คนไข้สามารถเข้าพบแพทย์ หรือส่งข้อความพร้อมภาพในช่องทางต่างๆ เพื่อปรึกษากับแพทย์ถึงปัญหาและอาการต่างๆที่พบ โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติให้กับคนไข้อย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามหลังการปลูกผมตลอด 1 ปี ด้วยมาตรฐานการดูแลคนไข้เสมือนเป็นคนในครอบครัว เพื่อให้คนไข้ทุกรายได้รับความพึงพอใจสูงสุด
เรื่องสิวๆ หลังปลูกผม
สำหรับผู้ที่ปลูกผมแล้ว ก็ต้องมีข้อควรระวังหลังการปลูกผม โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่จะมีสะเก็ดแผล และทำให้เกิดอาการคันได้ นอกจากนี้ยังมีบางรายที่อาจเกิดเป็นสิวขึ้นได้ โดยจะพบในช่วงที่ผมร่วงไปแล้ว ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดมาจากการอุตันของรูขุมขน ทำให้ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาได้

ในทางการแพทย์ได้มีข้ออธิบายไว้ว่า การเกิดสิวหลังการปลูกผมนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเรารู้จักดูแลได้อย่างถูกต้อง สิวที่ว่านี้ก็จะหายไปเป็นปกติ ส่วนใหญ่แล้วสิวที่ขึ้นจะเป็นสิวอักเสบ หรือสิวหัวขาวที่เกิดจากการอุดตันของไขมัน จริงๆ แล้วในคนปกติที่ไม่ได้รับการปลูกผมก็อาจเกิดสิวบนหนังศีรษะได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่คนไข้ที่ได้รับการปลูกผมจะเกิดเป็นความกังวลมากกว่าปกติ

สำหรับการดูแลนั้น คนไข้ควรหมั่นทำความสะอาดเส้นผม ด้วยแชมพูที่คลินิกให้ไว้เพื่อไม่ให้ต่อมไขมันทำงานหนักมากจนเกินไป เมื่อเกิดอาการคัน พยายามอย่าเกา เพราะการเกาอาจทำให้เชื้อโรคที่ติดไปกับเล็บเข้าสู่แผลทำให้เกิดการอักเสบร่วมด้วย

ทั้งนี้เมื่อผมใหม่เริ่มมีการงอกแล้ว ปัญหาสิวดังกล่าวก็จะค่อยๆ หมดไป ยกเว้นในบางรายที่เกิดเป็นสิวขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีการอักเสบร่วมด้วย แนะนำให้กลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร เพื่อไม่ให้การอักเสบนั้นส่งผลกระทบกับกราฟท์ผมที่ทำการปลูก

ขอให้คิดว่าการเกิดสิวเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ หรือแม้กระทั่งเกิดได้ในผู้ที่ทำการปลูกผม หรือไม่ได้ปลูกผม มีเพียงข้อสำคัญมากที่สุดเพียงข้อเดียวที่ต้องทำก็คือการรักษาความสะอาดของหนังศีรษะอยู่เสมอ

ที่นามนินเอง คนไข้สามารถเข้าพบแพทย์ หรือส่งข้อความพร้อมภาพในช่องทางต่างๆ เพื่อปรึกษากับแพทย์ถึงปัญหาและอาการต่างๆที่พบ โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติให้กับคนไข้อย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามหลังการปลูกผมตลอด 1 ปี ด้วยมาตรฐานการดูแลคนไข้เสมือนเป็นคนในครอบครัว เพื่อให้คนไข้ทุกรายได้รับความพึงพอใจสูงสุด
เรื่องสิวๆ หลังปลูกผม
สำหรับผู้ที่ปลูกผมแล้ว ก็ต้องมีข้อควรระวังหลังการปลูกผม โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่จะมีสะเก็ดแผล และทำให้เกิดอาการคันได้ นอกจากนี้ยังมีบางรายที่อาจเกิดเป็นสิวขึ้นได้ โดยจะพบในช่วงที่ผมร่วงไปแล้ว ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดมาจากการอุตันของรูขุมขน ทำให้ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาได้

ในทางการแพทย์ได้มีข้ออธิบายไว้ว่า การเกิดสิวหลังการปลูกผมนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเรารู้จักดูแลได้อย่างถูกต้อง สิวที่ว่านี้ก็จะหายไปเป็นปกติ ส่วนใหญ่แล้วสิวที่ขึ้นจะเป็นสิวอักเสบ หรือสิวหัวขาวที่เกิดจากการอุดตันของไขมัน จริงๆ แล้วในคนปกติที่ไม่ได้รับการปลูกผมก็อาจเกิดสิวบนหนังศีรษะได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่คนไข้ที่ได้รับการปลูกผมจะเกิดเป็นความกังวลมากกว่าปกติ

สำหรับการดูแลนั้น คนไข้ควรหมั่นทำความสะอาดเส้นผม ด้วยแชมพูที่คลินิกให้ไว้เพื่อไม่ให้ต่อมไขมันทำงานหนักมากจนเกินไป เมื่อเกิดอาการคัน พยายามอย่าเกา เพราะการเกาอาจทำให้เชื้อโรคที่ติดไปกับเล็บเข้าสู่แผลทำให้เกิดการอักเสบร่วมด้วย

ทั้งนี้เมื่อผมใหม่เริ่มมีการงอกแล้ว ปัญหาสิวดังกล่าวก็จะค่อยๆ หมดไป ยกเว้นในบางรายที่เกิดเป็นสิวขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีการอักเสบร่วมด้วย แนะนำให้กลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร เพื่อไม่ให้การอักเสบนั้นส่งผลกระทบกับกราฟท์ผมที่ทำการปลูก

ขอให้คิดว่าการเกิดสิวเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ หรือแม้กระทั่งเกิดได้ในผู้ที่ทำการปลูกผม หรือไม่ได้ปลูกผม มีเพียงข้อสำคัญมากที่สุดเพียงข้อเดียวที่ต้องทำก็คือการรักษาความสะอาดของหนังศีรษะอยู่เสมอ

ที่นามนินเอง คนไข้สามารถเข้าพบแพทย์ หรือส่งข้อความพร้อมภาพในช่องทางต่างๆ เพื่อปรึกษากับแพทย์ถึงปัญหาและอาการต่างๆที่พบ โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติให้กับคนไข้อย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามหลังการปลูกผมตลอด 1 ปี ด้วยมาตรฐานการดูแลคนไข้เสมือนเป็นคนในครอบครัว เพื่อให้คนไข้ทุกรายได้รับความพึงพอใจสูงสุด
ไขสาเหตุอาการคันหลังปลูกผม
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เป็นทางเลือกที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้กระทั่งวัยเรียน ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องโกนผมบริเวณนั้นออก แล้วจึงนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงเหล่านั้น มาตรวจสอบ คัดแยก และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ให้กลมกลืนไปกับสภาพผมเดิม และสอดรับกับรูปหน้าของผู้ปลูกผม




แม้ว่าเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม จะไม่ต้องผ่าตัด ทำให้เกิดแผลเพียงขนาดเล็ก และเจ็บน้อย แต่หลังปลูกผม ก็ยังสามารถเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ในระยะแรก ๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการคัน” ทั้งตรงบริเวณท้ายทอยที่เจาะนำรากผมออกมา และบริเวณที่ทำการปลูกผมลงไปใหม่ หลาย ๆ คนจึงตั้งข้อสงสัยว่า อาการคันเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า แล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรดีหากเกิดอาการคันขึ้น 

ลองมาดูสาเหตุของอาการคันที่เกิดขึ้นหลังจากการปลูกผม อย่างที่ทราบกันดีว่า แผลที่ใกล้หาย มักจะเกิดอาการคันมากกว่าปกติ ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจกระบวนการสมานแผลของร่างกายกันก่อน 

  • ขั้นแรก เมื่อเกิดบาดแผลขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มห้ามเลือด โดยเส้นเลือดจะบีบแคบลง ทำให้เลือดไหลช้าลง ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดจะเกาะกลุ่มกันกลายเป็นลิ่มเลือดบริเวณปากแผล พร้อมกับเกิดการสร้างตาข่ายเส้นใยทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด 

  • ขั้นต่อมา เป็นระยะของการอาการอักเสบ ซึ่งหมายถึงการที่ร่างกายเริ่มทำความสะอาดบาดแผลและกำจัดสิ่งสกปกรกต่าง ๆ ออกไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

  • จากนั้น เข้าสู่ระยะที่ร่างกายเริ่มสร้างเส้นเลือดใหม่และผิวหนังใหม่ ในขั้นตอนนี้เองจะทำให้เกิดเป็นสะเก็ดปกคลุมแผล และรู้สึกว่าผิวตึงขึ้น

  • สุดท้าย คือขั้นตอนของการปรับตัวและฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่ถูกทำลาย

คำตอบของสาเหตุอาการคันอาจอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อร่ายกายสร้างสะเก็ดแผล หรือสะเก็ดเลือดขึ้น จะพบว่าภายในสะเก็ดแผลนั้นมี “ฮิสตามีน” (histamine) ที่ออกฤทธิ์ทำให้ผิวหนังรอบบาดแผลเกิดการระคายเคือง ฮิสตามีนนั้นเป็นโมเลกุลที่ปล่อยออกมาโดยมาสต์เซลล์ (mast cell) ที่อยู่ใต้ผิวหนัง จะถูกสร้างและหลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการแพ้ ทำให้รู้สึกคันหรือเกิดผื่นแดงเช่นเวลาถูกแมลงกัด มีข้อสันนิษฐานว่า การที่มีฮิสตามีนอยู่ในสะเก็ดแผล อาจเป็นกลไกของร่างกาย ที่ทำให้เรารู้สึกคันและเกาบริเวณนั้น เพื่อกำจัดสะเก็ดแผลที่ไม่ต้องการให้หลุดออกไป 



นอกจากนั้น ยังมีทฤษฎีที่มาของอาการคัน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมานแผลในระยะที่ 3 หรือระยะสร้างเส้นเลือดและผิวหนังใหม่ เพราะสะเก็ดแผลจะดึงรั้งผิวหนังใหม่ จนเกิดอาการคันได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ยังมีคำอธิบายอื่น ๆ อีก เช่น การทำหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง และกระทบกับเส้นประสาทบางส่วน รวมถึงต่อมเหงื่อด้วย ทำให้ผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง จนทำให้เกิดอาการผิวแห้งและรู้สึกคันตามมา ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่ร่างกายของเรากำลังซ่อมแซมตัวเองจากบาดแผลและความเสียหายของเส้นประสาท เส้นประสาทจะมีความไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อแผลเริ่มหาย สัญญาณประสาทต่าง ๆ อาจทำให้สมองตีความอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นอาการคันก็เป็นได้

ดังนั้นแล้ว อาการคันจึงอาจนับเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าการฟื้นตัวของบาดแผลกำลังเป็นไปด้วยดี ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับอาการคันหลังการปลูกผม เพราะพบได้ทั่วไปเป็นปกติ ส่วนวิธีการดูแลผิวหนังบริเวณที่คัน ก็เริ่มจากการอดทน พยายามไม่เกาบริเวณนั้น เพราะอาจทำให้กราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมที่ปลูกใหม่หลุดออกมาได้ แพทย์อาจให้สเปรย์หรือน้ำมัน เช่นน้ำมันมะกอก เพื่อช่วยลดอาการคัน หรือแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มยาต้านฮิสตามีน เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผม ไม่เพียงหมั่นสังเกตอาการดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นวิธีปฏิบัติตัว เพื่อให้การปลูกผมได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเกิดการหลุดร่วงของกราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมน้อยที่สุด
  • ไม่ทำผมที่เพิ่งปลูกหลุด
  • ไม่ควรสัมผัสกราฟท์ผม
  • ควรนอนยกหัวสูง ลดการบวม
  • งดออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
  • งดการใช้สารเคมีหรือทำสีผม เป็นเวลา 2 – 3 เดือน
  • ป้องกันไม่ให้หนังศีรษะสัมผัสแสงแดด หรือความร้อนจากกิจกรรมต่าง ๆ อย่างน้อย  1 เดือน

ที่สำคัญที่สุด คือ ควรมาพบแพทย์ตาม ที่แพทย์นัดหมายเพื่อติดตามผล

เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยการันตีผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรงหลังการปลูกผม รวมถึงสามารถดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี พร้อมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น

ไขสาเหตุอาการคันหลังปลูกผม
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เป็นทางเลือกที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้กระทั่งวัยเรียน ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องโกนผมบริเวณนั้นออก แล้วจึงนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงเหล่านั้น มาตรวจสอบ คัดแยก และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ให้กลมกลืนไปกับสภาพผมเดิม และสอดรับกับรูปหน้าของผู้ปลูกผม




แม้ว่าเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม จะไม่ต้องผ่าตัด ทำให้เกิดแผลเพียงขนาดเล็ก และเจ็บน้อย แต่หลังปลูกผม ก็ยังสามารถเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ในระยะแรก ๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการคัน” ทั้งตรงบริเวณท้ายทอยที่เจาะนำรากผมออกมา และบริเวณที่ทำการปลูกผมลงไปใหม่ หลาย ๆ คนจึงตั้งข้อสงสัยว่า อาการคันเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า แล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรดีหากเกิดอาการคันขึ้น 

ลองมาดูสาเหตุของอาการคันที่เกิดขึ้นหลังจากการปลูกผม อย่างที่ทราบกันดีว่า แผลที่ใกล้หาย มักจะเกิดอาการคันมากกว่าปกติ ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจกระบวนการสมานแผลของร่างกายกันก่อน 

  • ขั้นแรก เมื่อเกิดบาดแผลขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มห้ามเลือด โดยเส้นเลือดจะบีบแคบลง ทำให้เลือดไหลช้าลง ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดจะเกาะกลุ่มกันกลายเป็นลิ่มเลือดบริเวณปากแผล พร้อมกับเกิดการสร้างตาข่ายเส้นใยทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด 

  • ขั้นต่อมา เป็นระยะของการอาการอักเสบ ซึ่งหมายถึงการที่ร่างกายเริ่มทำความสะอาดบาดแผลและกำจัดสิ่งสกปกรกต่าง ๆ ออกไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

  • จากนั้น เข้าสู่ระยะที่ร่างกายเริ่มสร้างเส้นเลือดใหม่และผิวหนังใหม่ ในขั้นตอนนี้เองจะทำให้เกิดเป็นสะเก็ดปกคลุมแผล และรู้สึกว่าผิวตึงขึ้น

  • สุดท้าย คือขั้นตอนของการปรับตัวและฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่ถูกทำลาย

คำตอบของสาเหตุอาการคันอาจอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อร่ายกายสร้างสะเก็ดแผล หรือสะเก็ดเลือดขึ้น จะพบว่าภายในสะเก็ดแผลนั้นมี “ฮิสตามีน” (histamine) ที่ออกฤทธิ์ทำให้ผิวหนังรอบบาดแผลเกิดการระคายเคือง ฮิสตามีนนั้นเป็นโมเลกุลที่ปล่อยออกมาโดยมาสต์เซลล์ (mast cell) ที่อยู่ใต้ผิวหนัง จะถูกสร้างและหลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการแพ้ ทำให้รู้สึกคันหรือเกิดผื่นแดงเช่นเวลาถูกแมลงกัด มีข้อสันนิษฐานว่า การที่มีฮิสตามีนอยู่ในสะเก็ดแผล อาจเป็นกลไกของร่างกาย ที่ทำให้เรารู้สึกคันและเกาบริเวณนั้น เพื่อกำจัดสะเก็ดแผลที่ไม่ต้องการให้หลุดออกไป 



นอกจากนั้น ยังมีทฤษฎีที่มาของอาการคัน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมานแผลในระยะที่ 3 หรือระยะสร้างเส้นเลือดและผิวหนังใหม่ เพราะสะเก็ดแผลจะดึงรั้งผิวหนังใหม่ จนเกิดอาการคันได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ยังมีคำอธิบายอื่น ๆ อีก เช่น การทำหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง และกระทบกับเส้นประสาทบางส่วน รวมถึงต่อมเหงื่อด้วย ทำให้ผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง จนทำให้เกิดอาการผิวแห้งและรู้สึกคันตามมา ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่ร่างกายของเรากำลังซ่อมแซมตัวเองจากบาดแผลและความเสียหายของเส้นประสาท เส้นประสาทจะมีความไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อแผลเริ่มหาย สัญญาณประสาทต่าง ๆ อาจทำให้สมองตีความอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นอาการคันก็เป็นได้

ดังนั้นแล้ว อาการคันจึงอาจนับเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าการฟื้นตัวของบาดแผลกำลังเป็นไปด้วยดี ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับอาการคันหลังการปลูกผม เพราะพบได้ทั่วไปเป็นปกติ ส่วนวิธีการดูแลผิวหนังบริเวณที่คัน ก็เริ่มจากการอดทน พยายามไม่เกาบริเวณนั้น เพราะอาจทำให้กราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมที่ปลูกใหม่หลุดออกมาได้ แพทย์อาจให้สเปรย์หรือน้ำมัน เช่นน้ำมันมะกอก เพื่อช่วยลดอาการคัน หรือแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มยาต้านฮิสตามีน เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผม ไม่เพียงหมั่นสังเกตอาการดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นวิธีปฏิบัติตัว เพื่อให้การปลูกผมได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเกิดการหลุดร่วงของกราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมน้อยที่สุด
  • ไม่ทำผมที่เพิ่งปลูกหลุด
  • ไม่ควรสัมผัสกราฟท์ผม
  • ควรนอนยกหัวสูง ลดการบวม
  • งดออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
  • งดการใช้สารเคมีหรือทำสีผม เป็นเวลา 2 – 3 เดือน
  • ป้องกันไม่ให้หนังศีรษะสัมผัสแสงแดด หรือความร้อนจากกิจกรรมต่าง ๆ อย่างน้อย  1 เดือน

ที่สำคัญที่สุด คือ ควรมาพบแพทย์ตาม ที่แพทย์นัดหมายเพื่อติดตามผล

เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยการันตีผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรงหลังการปลูกผม รวมถึงสามารถดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี พร้อมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น

ไขสาเหตุอาการคันหลังปลูกผม
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เป็นทางเลือกที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้กระทั่งวัยเรียน ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องโกนผมบริเวณนั้นออก แล้วจึงนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงเหล่านั้น มาตรวจสอบ คัดแยก และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ให้กลมกลืนไปกับสภาพผมเดิม และสอดรับกับรูปหน้าของผู้ปลูกผม




แม้ว่าเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม จะไม่ต้องผ่าตัด ทำให้เกิดแผลเพียงขนาดเล็ก และเจ็บน้อย แต่หลังปลูกผม ก็ยังสามารถเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ในระยะแรก ๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการคัน” ทั้งตรงบริเวณท้ายทอยที่เจาะนำรากผมออกมา และบริเวณที่ทำการปลูกผมลงไปใหม่ หลาย ๆ คนจึงตั้งข้อสงสัยว่า อาการคันเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า แล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรดีหากเกิดอาการคันขึ้น 

ลองมาดูสาเหตุของอาการคันที่เกิดขึ้นหลังจากการปลูกผม อย่างที่ทราบกันดีว่า แผลที่ใกล้หาย มักจะเกิดอาการคันมากกว่าปกติ ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจกระบวนการสมานแผลของร่างกายกันก่อน 

  • ขั้นแรก เมื่อเกิดบาดแผลขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มห้ามเลือด โดยเส้นเลือดจะบีบแคบลง ทำให้เลือดไหลช้าลง ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดจะเกาะกลุ่มกันกลายเป็นลิ่มเลือดบริเวณปากแผล พร้อมกับเกิดการสร้างตาข่ายเส้นใยทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด 

  • ขั้นต่อมา เป็นระยะของการอาการอักเสบ ซึ่งหมายถึงการที่ร่างกายเริ่มทำความสะอาดบาดแผลและกำจัดสิ่งสกปกรกต่าง ๆ ออกไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

  • จากนั้น เข้าสู่ระยะที่ร่างกายเริ่มสร้างเส้นเลือดใหม่และผิวหนังใหม่ ในขั้นตอนนี้เองจะทำให้เกิดเป็นสะเก็ดปกคลุมแผล และรู้สึกว่าผิวตึงขึ้น

  • สุดท้าย คือขั้นตอนของการปรับตัวและฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่ถูกทำลาย

คำตอบของสาเหตุอาการคันอาจอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อร่ายกายสร้างสะเก็ดแผล หรือสะเก็ดเลือดขึ้น จะพบว่าภายในสะเก็ดแผลนั้นมี “ฮิสตามีน” (histamine) ที่ออกฤทธิ์ทำให้ผิวหนังรอบบาดแผลเกิดการระคายเคือง ฮิสตามีนนั้นเป็นโมเลกุลที่ปล่อยออกมาโดยมาสต์เซลล์ (mast cell) ที่อยู่ใต้ผิวหนัง จะถูกสร้างและหลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการแพ้ ทำให้รู้สึกคันหรือเกิดผื่นแดงเช่นเวลาถูกแมลงกัด มีข้อสันนิษฐานว่า การที่มีฮิสตามีนอยู่ในสะเก็ดแผล อาจเป็นกลไกของร่างกาย ที่ทำให้เรารู้สึกคันและเกาบริเวณนั้น เพื่อกำจัดสะเก็ดแผลที่ไม่ต้องการให้หลุดออกไป 



นอกจากนั้น ยังมีทฤษฎีที่มาของอาการคัน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมานแผลในระยะที่ 3 หรือระยะสร้างเส้นเลือดและผิวหนังใหม่ เพราะสะเก็ดแผลจะดึงรั้งผิวหนังใหม่ จนเกิดอาการคันได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ยังมีคำอธิบายอื่น ๆ อีก เช่น การทำหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง และกระทบกับเส้นประสาทบางส่วน รวมถึงต่อมเหงื่อด้วย ทำให้ผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง จนทำให้เกิดอาการผิวแห้งและรู้สึกคันตามมา ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่ร่างกายของเรากำลังซ่อมแซมตัวเองจากบาดแผลและความเสียหายของเส้นประสาท เส้นประสาทจะมีความไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อแผลเริ่มหาย สัญญาณประสาทต่าง ๆ อาจทำให้สมองตีความอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นอาการคันก็เป็นได้

ดังนั้นแล้ว อาการคันจึงอาจนับเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าการฟื้นตัวของบาดแผลกำลังเป็นไปด้วยดี ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับอาการคันหลังการปลูกผม เพราะพบได้ทั่วไปเป็นปกติ ส่วนวิธีการดูแลผิวหนังบริเวณที่คัน ก็เริ่มจากการอดทน พยายามไม่เกาบริเวณนั้น เพราะอาจทำให้กราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมที่ปลูกใหม่หลุดออกมาได้ แพทย์อาจให้สเปรย์หรือน้ำมัน เช่นน้ำมันมะกอก เพื่อช่วยลดอาการคัน หรือแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มยาต้านฮิสตามีน เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผม ไม่เพียงหมั่นสังเกตอาการดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นวิธีปฏิบัติตัว เพื่อให้การปลูกผมได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเกิดการหลุดร่วงของกราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมน้อยที่สุด
  • ไม่ทำผมที่เพิ่งปลูกหลุด
  • ไม่ควรสัมผัสกราฟท์ผม
  • ควรนอนยกหัวสูง ลดการบวม
  • งดออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
  • งดการใช้สารเคมีหรือทำสีผม เป็นเวลา 2 – 3 เดือน
  • ป้องกันไม่ให้หนังศีรษะสัมผัสแสงแดด หรือความร้อนจากกิจกรรมต่าง ๆ อย่างน้อย  1 เดือน

ที่สำคัญที่สุด คือ ควรมาพบแพทย์ตาม ที่แพทย์นัดหมายเพื่อติดตามผล

เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยการันตีผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรงหลังการปลูกผม รวมถึงสามารถดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี พร้อมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น

ไขสาเหตุอาการคันหลังปลูกผม
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เป็นทางเลือกที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้กระทั่งวัยเรียน ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องโกนผมบริเวณนั้นออก แล้วจึงนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงเหล่านั้น มาตรวจสอบ คัดแยก และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ให้กลมกลืนไปกับสภาพผมเดิม และสอดรับกับรูปหน้าของผู้ปลูกผม




แม้ว่าเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม จะไม่ต้องผ่าตัด ทำให้เกิดแผลเพียงขนาดเล็ก และเจ็บน้อย แต่หลังปลูกผม ก็ยังสามารถเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ในระยะแรก ๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการคัน” ทั้งตรงบริเวณท้ายทอยที่เจาะนำรากผมออกมา และบริเวณที่ทำการปลูกผมลงไปใหม่ หลาย ๆ คนจึงตั้งข้อสงสัยว่า อาการคันเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า แล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรดีหากเกิดอาการคันขึ้น 

ลองมาดูสาเหตุของอาการคันที่เกิดขึ้นหลังจากการปลูกผม อย่างที่ทราบกันดีว่า แผลที่ใกล้หาย มักจะเกิดอาการคันมากกว่าปกติ ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจกระบวนการสมานแผลของร่างกายกันก่อน 

  • ขั้นแรก เมื่อเกิดบาดแผลขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มห้ามเลือด โดยเส้นเลือดจะบีบแคบลง ทำให้เลือดไหลช้าลง ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดจะเกาะกลุ่มกันกลายเป็นลิ่มเลือดบริเวณปากแผล พร้อมกับเกิดการสร้างตาข่ายเส้นใยทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด 

  • ขั้นต่อมา เป็นระยะของการอาการอักเสบ ซึ่งหมายถึงการที่ร่างกายเริ่มทำความสะอาดบาดแผลและกำจัดสิ่งสกปกรกต่าง ๆ ออกไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

  • จากนั้น เข้าสู่ระยะที่ร่างกายเริ่มสร้างเส้นเลือดใหม่และผิวหนังใหม่ ในขั้นตอนนี้เองจะทำให้เกิดเป็นสะเก็ดปกคลุมแผล และรู้สึกว่าผิวตึงขึ้น

  • สุดท้าย คือขั้นตอนของการปรับตัวและฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่ถูกทำลาย

คำตอบของสาเหตุอาการคันอาจอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อร่ายกายสร้างสะเก็ดแผล หรือสะเก็ดเลือดขึ้น จะพบว่าภายในสะเก็ดแผลนั้นมี “ฮิสตามีน” (histamine) ที่ออกฤทธิ์ทำให้ผิวหนังรอบบาดแผลเกิดการระคายเคือง ฮิสตามีนนั้นเป็นโมเลกุลที่ปล่อยออกมาโดยมาสต์เซลล์ (mast cell) ที่อยู่ใต้ผิวหนัง จะถูกสร้างและหลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการแพ้ ทำให้รู้สึกคันหรือเกิดผื่นแดงเช่นเวลาถูกแมลงกัด มีข้อสันนิษฐานว่า การที่มีฮิสตามีนอยู่ในสะเก็ดแผล อาจเป็นกลไกของร่างกาย ที่ทำให้เรารู้สึกคันและเกาบริเวณนั้น เพื่อกำจัดสะเก็ดแผลที่ไม่ต้องการให้หลุดออกไป 



นอกจากนั้น ยังมีทฤษฎีที่มาของอาการคัน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมานแผลในระยะที่ 3 หรือระยะสร้างเส้นเลือดและผิวหนังใหม่ เพราะสะเก็ดแผลจะดึงรั้งผิวหนังใหม่ จนเกิดอาการคันได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ยังมีคำอธิบายอื่น ๆ อีก เช่น การทำหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง และกระทบกับเส้นประสาทบางส่วน รวมถึงต่อมเหงื่อด้วย ทำให้ผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง จนทำให้เกิดอาการผิวแห้งและรู้สึกคันตามมา ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่ร่างกายของเรากำลังซ่อมแซมตัวเองจากบาดแผลและความเสียหายของเส้นประสาท เส้นประสาทจะมีความไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อแผลเริ่มหาย สัญญาณประสาทต่าง ๆ อาจทำให้สมองตีความอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นอาการคันก็เป็นได้

ดังนั้นแล้ว อาการคันจึงอาจนับเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าการฟื้นตัวของบาดแผลกำลังเป็นไปด้วยดี ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับอาการคันหลังการปลูกผม เพราะพบได้ทั่วไปเป็นปกติ ส่วนวิธีการดูแลผิวหนังบริเวณที่คัน ก็เริ่มจากการอดทน พยายามไม่เกาบริเวณนั้น เพราะอาจทำให้กราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมที่ปลูกใหม่หลุดออกมาได้ แพทย์อาจให้สเปรย์หรือน้ำมัน เช่นน้ำมันมะกอก เพื่อช่วยลดอาการคัน หรือแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มยาต้านฮิสตามีน เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผม ไม่เพียงหมั่นสังเกตอาการดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นวิธีปฏิบัติตัว เพื่อให้การปลูกผมได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเกิดการหลุดร่วงของกราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมน้อยที่สุด
  • ไม่ทำผมที่เพิ่งปลูกหลุด
  • ไม่ควรสัมผัสกราฟท์ผม
  • ควรนอนยกหัวสูง ลดการบวม
  • งดออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
  • งดการใช้สารเคมีหรือทำสีผม เป็นเวลา 2 – 3 เดือน
  • ป้องกันไม่ให้หนังศีรษะสัมผัสแสงแดด หรือความร้อนจากกิจกรรมต่าง ๆ อย่างน้อย  1 เดือน

ที่สำคัญที่สุด คือ ควรมาพบแพทย์ตาม ที่แพทย์นัดหมายเพื่อติดตามผล

เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยการันตีผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรงหลังการปลูกผม รวมถึงสามารถดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี พร้อมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น

การออกแบบ Hairline และการปลูกผมเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
ที่นามนิน คุณหมอนินจะออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมโดยจะทำการปลูกผมโดยใช้เส้นผมลักษณะต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้หลังปลูกผมนั้น เส้นผมของคุณดูเป็นธรรมชาติ
การออกแบบ Hairline และการปลูกผมเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
ที่นามนิน คุณหมอนินจะออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมโดยจะทำการปลูกผมโดยใช้เส้นผมลักษณะต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้หลังปลูกผมนั้น เส้นผมของคุณดูเป็นธรรมชาติ
การออกแบบ Hairline และการปลูกผมเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
ที่นามนิน คุณหมอนินจะออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมโดยจะทำการปลูกผมโดยใช้เส้นผมลักษณะต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้หลังปลูกผมนั้น เส้นผมของคุณดูเป็นธรรมชาติ
ปัญหาเส้นผม... อุปสรรคความมั่นใจของผู้หญิง
ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบาง เพราะผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็ประสบกับปัญหาผมที่ส่งผลกระทบไปถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน บ้างก็ไม่สามารถจัดทรงผมได้ตามใจต้องการ บ้างต้องคอยปกปิดส่วนที่ผมบางหรือหายไป และบางคนก็ดูมีอายุเกินวัยเพียงเพราะเส้นผมที่ไม่หนาแน่นเหมือนเคย นั่นจึงทำให้การปลูกผมเริ่มกลายเป็นที่สนใจในหมู่ผู้หญิงหลากหลายช่วงวัยมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญกับความสวย บุคลิกภาพ และการดูแลตัวเองให้ดูดีมาเป็นอันดับแรก ๆ ...มาทำความรู้จักกับปัญหาเส้นผมของผู้หญิง ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะมีความแตกต่างจากปัญหาผมของผู้ชายอย่างไรบ้าง...



แม้ว่าเส้นผมของเราจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้วในทุก ๆ วัน แต่นี่คือสัญญาณผมร่วงที่บ่งบอกว่า สภาพหนังศีรษะและเส้นผมของเรากำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วงแล้วไม่งอกขึ้นมาใหม่ทดแทน หรือขึ้นใหม่แต่เส้นเล็กและบางลงกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และที่สำคัญคือ ผมร่วงในแต่ละวันมากกว่า 100 เส้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการผิดปกติ หรือเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วนั่นเอง 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงในผู้หญิง ก็มาจากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคและความเจ็บป่วย รวมถึงความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
  • กรรมพันธุ์
อาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ สามารถส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว พบได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง

  • อายุ
สังเกตได้ว่า เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลงจนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นในบางราย ทั้งนี้ เป็นเพราะการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะลดน้อยลงประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผมก็เสื่อมถอยลง ทำให้รากผมหดตัว และเส้นผมไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่เหมือนเมื่อช่วงที่อายุยังน้อย

  • ความเครียด
ความเครียดในระดับที่รุนแรง อาจทำให้การทำงานของรากผมหยุดชะงัก จนเส้นผมหลุดร่วงจำนวนมากในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนในบางราย ความเครียดหรือความวิตกกังวลอาจส่งผลต่อเนื่องไปสู่อาการชอบดึงผมตัวเอง ซึ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง

  • การขาดสารอาหาร
ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก อดอาหาร หรือผู้ป่วยโรค Anorexia หรือ Bulimia ซึ่งได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพออาจพบอาการเส้นผมหลุดร่วง เนื่องจากขาดโปรตีนหรือวิตามินสำคัญจนทำให้รากผมอ่อนแอ

  • สารเคมี
สารเคมีและความร้อนจากการย้อม ดัด ยืด หรือทำสีผมบ่อยเกินไปโดยขาดการบำรุง จะทำให้เส้นผมเปราะบางและหลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น

  • โรคและการบาดเจ็บต่าง ๆ
อาการผมร่วงอาจพบได้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดัน โรคไต ฯลฯ รวมไปถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดต่าง ๆ ด้วย

  • การตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอดบุตร อาจส่งผลให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่เส้นผมจะกลับขึ้นมาใหม่ตามปกติภายในช่วงระยะ 6 – 12 เดือน

รูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ก็ค่อนข้างต่างจากผู้ชาย โดยจะมีลักษณะเด่นอยู่ 2 รูปแบบ นั่นคือรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ และรูปแบบแนวผมถอยร่นจนทำให้หน้าผากกว้าง ซึ่งสาเหตุหลักของอาการดังกล่าวก็คือการส่งต่อพันธุกรรมลักษณะผมร่วงสู่กันในครอบครัวนั่นเอง

ผู้หญิงที่ประสบปัญหาผมบางตรงกลางศีรษะ เกิดจากการความไม่สมดุลระหว่างเส้นผมที่หลุดร่วงไป กับแส้นผมที่งอกขึ้นใหม่ เมื่อผมใหม่งอกขึ้นน้อยกว่า ผมจึงดูบางลงเรื่อย ๆ สังเกตได้ว่าผมมักจะเริ่มบางจากบริเวณรอยแสก จนกระทั่งเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง แต่จะไม่ถึงกับศีรษะล้านอย่างชัดเจนทั้งหมดเหมือนผู้ชาย เนื่องจากผู้ชายจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เองมีโอกาสจะถูกเอนไซม์เปลี่ยนให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่ยิ่งมีขนาดเล็ก อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย


ขณะเดียวกัน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็กำลังพบเจอกับปัญหาแนวผมด้านหน้าถอยร่นเข้าไปจนทำให้หน้าผากกว้าง บางคนอาจเห็นพื้นที่ผมเว้าเข้าไปสองข้างเป็นรูปตัว M ทำให้เป็นกังวลเรื่องความสวยงาม ความอ่อนวัย หรือสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 


ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางกลางศีรษะ หรือปัญหาแนวผมถอยร่นจนหน้าผากกว้าง “การปลูกผม” เป็นทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยคืนเส้นผมหนาแน่นและกรอบหน้าเนียนสวยให้กับผู้หญิงได้ เพียงลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเส้นผม ถึงรูปแบบของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงแนวความต้องการในการแก้ไขปัญหา ซึ่งแพทย์สามารถใช้เทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ด้วยการย้ายรากผมจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาเติมเต็มบริเวณที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากหรือกลางศีรษะ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น นอกจากเส้นผมใหม่จะดูหนาแน่น กลมกลืน และเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ปรับแต่งแนวผมและกรอบหน้าใหม่ เพื่อความอ่อนวัยและความสวยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วย


ปัญหาเส้นผม... อุปสรรคความมั่นใจของผู้หญิง
ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบาง เพราะผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็ประสบกับปัญหาผมที่ส่งผลกระทบไปถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน บ้างก็ไม่สามารถจัดทรงผมได้ตามใจต้องการ บ้างต้องคอยปกปิดส่วนที่ผมบางหรือหายไป และบางคนก็ดูมีอายุเกินวัยเพียงเพราะเส้นผมที่ไม่หนาแน่นเหมือนเคย นั่นจึงทำให้การปลูกผมเริ่มกลายเป็นที่สนใจในหมู่ผู้หญิงหลากหลายช่วงวัยมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญกับความสวย บุคลิกภาพ และการดูแลตัวเองให้ดูดีมาเป็นอันดับแรก ๆ ...มาทำความรู้จักกับปัญหาเส้นผมของผู้หญิง ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะมีความแตกต่างจากปัญหาผมของผู้ชายอย่างไรบ้าง...



แม้ว่าเส้นผมของเราจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้วในทุก ๆ วัน แต่นี่คือสัญญาณผมร่วงที่บ่งบอกว่า สภาพหนังศีรษะและเส้นผมของเรากำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วงแล้วไม่งอกขึ้นมาใหม่ทดแทน หรือขึ้นใหม่แต่เส้นเล็กและบางลงกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และที่สำคัญคือ ผมร่วงในแต่ละวันมากกว่า 100 เส้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการผิดปกติ หรือเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วนั่นเอง 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงในผู้หญิง ก็มาจากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคและความเจ็บป่วย รวมถึงความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
  • กรรมพันธุ์
อาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ สามารถส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว พบได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง

  • อายุ
สังเกตได้ว่า เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลงจนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นในบางราย ทั้งนี้ เป็นเพราะการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะลดน้อยลงประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผมก็เสื่อมถอยลง ทำให้รากผมหดตัว และเส้นผมไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่เหมือนเมื่อช่วงที่อายุยังน้อย

  • ความเครียด
ความเครียดในระดับที่รุนแรง อาจทำให้การทำงานของรากผมหยุดชะงัก จนเส้นผมหลุดร่วงจำนวนมากในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนในบางราย ความเครียดหรือความวิตกกังวลอาจส่งผลต่อเนื่องไปสู่อาการชอบดึงผมตัวเอง ซึ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง

  • การขาดสารอาหาร
ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก อดอาหาร หรือผู้ป่วยโรค Anorexia หรือ Bulimia ซึ่งได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพออาจพบอาการเส้นผมหลุดร่วง เนื่องจากขาดโปรตีนหรือวิตามินสำคัญจนทำให้รากผมอ่อนแอ

  • สารเคมี
สารเคมีและความร้อนจากการย้อม ดัด ยืด หรือทำสีผมบ่อยเกินไปโดยขาดการบำรุง จะทำให้เส้นผมเปราะบางและหลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น

  • โรคและการบาดเจ็บต่าง ๆ
อาการผมร่วงอาจพบได้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดัน โรคไต ฯลฯ รวมไปถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดต่าง ๆ ด้วย

  • การตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอดบุตร อาจส่งผลให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่เส้นผมจะกลับขึ้นมาใหม่ตามปกติภายในช่วงระยะ 6 – 12 เดือน

รูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ก็ค่อนข้างต่างจากผู้ชาย โดยจะมีลักษณะเด่นอยู่ 2 รูปแบบ นั่นคือรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ และรูปแบบแนวผมถอยร่นจนทำให้หน้าผากกว้าง ซึ่งสาเหตุหลักของอาการดังกล่าวก็คือการส่งต่อพันธุกรรมลักษณะผมร่วงสู่กันในครอบครัวนั่นเอง

ผู้หญิงที่ประสบปัญหาผมบางตรงกลางศีรษะ เกิดจากการความไม่สมดุลระหว่างเส้นผมที่หลุดร่วงไป กับแส้นผมที่งอกขึ้นใหม่ เมื่อผมใหม่งอกขึ้นน้อยกว่า ผมจึงดูบางลงเรื่อย ๆ สังเกตได้ว่าผมมักจะเริ่มบางจากบริเวณรอยแสก จนกระทั่งเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง แต่จะไม่ถึงกับศีรษะล้านอย่างชัดเจนทั้งหมดเหมือนผู้ชาย เนื่องจากผู้ชายจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เองมีโอกาสจะถูกเอนไซม์เปลี่ยนให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่ยิ่งมีขนาดเล็ก อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย


ขณะเดียวกัน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็กำลังพบเจอกับปัญหาแนวผมด้านหน้าถอยร่นเข้าไปจนทำให้หน้าผากกว้าง บางคนอาจเห็นพื้นที่ผมเว้าเข้าไปสองข้างเป็นรูปตัว M ทำให้เป็นกังวลเรื่องความสวยงาม ความอ่อนวัย หรือสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 


ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางกลางศีรษะ หรือปัญหาแนวผมถอยร่นจนหน้าผากกว้าง “การปลูกผม” เป็นทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยคืนเส้นผมหนาแน่นและกรอบหน้าเนียนสวยให้กับผู้หญิงได้ เพียงลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเส้นผม ถึงรูปแบบของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงแนวความต้องการในการแก้ไขปัญหา ซึ่งแพทย์สามารถใช้เทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ด้วยการย้ายรากผมจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาเติมเต็มบริเวณที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากหรือกลางศีรษะ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น นอกจากเส้นผมใหม่จะดูหนาแน่น กลมกลืน และเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ปรับแต่งแนวผมและกรอบหน้าใหม่ เพื่อความอ่อนวัยและความสวยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วย


ปัญหาเส้นผม... อุปสรรคความมั่นใจของผู้หญิง
ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบาง เพราะผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็ประสบกับปัญหาผมที่ส่งผลกระทบไปถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน บ้างก็ไม่สามารถจัดทรงผมได้ตามใจต้องการ บ้างต้องคอยปกปิดส่วนที่ผมบางหรือหายไป และบางคนก็ดูมีอายุเกินวัยเพียงเพราะเส้นผมที่ไม่หนาแน่นเหมือนเคย นั่นจึงทำให้การปลูกผมเริ่มกลายเป็นที่สนใจในหมู่ผู้หญิงหลากหลายช่วงวัยมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญกับความสวย บุคลิกภาพ และการดูแลตัวเองให้ดูดีมาเป็นอันดับแรก ๆ ...มาทำความรู้จักกับปัญหาเส้นผมของผู้หญิง ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะมีความแตกต่างจากปัญหาผมของผู้ชายอย่างไรบ้าง...



แม้ว่าเส้นผมของเราจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้วในทุก ๆ วัน แต่นี่คือสัญญาณผมร่วงที่บ่งบอกว่า สภาพหนังศีรษะและเส้นผมของเรากำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วงแล้วไม่งอกขึ้นมาใหม่ทดแทน หรือขึ้นใหม่แต่เส้นเล็กและบางลงกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และที่สำคัญคือ ผมร่วงในแต่ละวันมากกว่า 100 เส้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการผิดปกติ หรือเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วนั่นเอง 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงในผู้หญิง ก็มาจากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคและความเจ็บป่วย รวมถึงความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
  • กรรมพันธุ์
อาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ สามารถส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว พบได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง

  • อายุ
สังเกตได้ว่า เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลงจนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นในบางราย ทั้งนี้ เป็นเพราะการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะลดน้อยลงประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผมก็เสื่อมถอยลง ทำให้รากผมหดตัว และเส้นผมไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่เหมือนเมื่อช่วงที่อายุยังน้อย

  • ความเครียด
ความเครียดในระดับที่รุนแรง อาจทำให้การทำงานของรากผมหยุดชะงัก จนเส้นผมหลุดร่วงจำนวนมากในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนในบางราย ความเครียดหรือความวิตกกังวลอาจส่งผลต่อเนื่องไปสู่อาการชอบดึงผมตัวเอง ซึ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง

  • การขาดสารอาหาร
ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก อดอาหาร หรือผู้ป่วยโรค Anorexia หรือ Bulimia ซึ่งได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพออาจพบอาการเส้นผมหลุดร่วง เนื่องจากขาดโปรตีนหรือวิตามินสำคัญจนทำให้รากผมอ่อนแอ

  • สารเคมี
สารเคมีและความร้อนจากการย้อม ดัด ยืด หรือทำสีผมบ่อยเกินไปโดยขาดการบำรุง จะทำให้เส้นผมเปราะบางและหลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น

  • โรคและการบาดเจ็บต่าง ๆ
อาการผมร่วงอาจพบได้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดัน โรคไต ฯลฯ รวมไปถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดต่าง ๆ ด้วย

  • การตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอดบุตร อาจส่งผลให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่เส้นผมจะกลับขึ้นมาใหม่ตามปกติภายในช่วงระยะ 6 – 12 เดือน

รูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ก็ค่อนข้างต่างจากผู้ชาย โดยจะมีลักษณะเด่นอยู่ 2 รูปแบบ นั่นคือรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ และรูปแบบแนวผมถอยร่นจนทำให้หน้าผากกว้าง ซึ่งสาเหตุหลักของอาการดังกล่าวก็คือการส่งต่อพันธุกรรมลักษณะผมร่วงสู่กันในครอบครัวนั่นเอง

ผู้หญิงที่ประสบปัญหาผมบางตรงกลางศีรษะ เกิดจากการความไม่สมดุลระหว่างเส้นผมที่หลุดร่วงไป กับแส้นผมที่งอกขึ้นใหม่ เมื่อผมใหม่งอกขึ้นน้อยกว่า ผมจึงดูบางลงเรื่อย ๆ สังเกตได้ว่าผมมักจะเริ่มบางจากบริเวณรอยแสก จนกระทั่งเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง แต่จะไม่ถึงกับศีรษะล้านอย่างชัดเจนทั้งหมดเหมือนผู้ชาย เนื่องจากผู้ชายจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เองมีโอกาสจะถูกเอนไซม์เปลี่ยนให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่ยิ่งมีขนาดเล็ก อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย


ขณะเดียวกัน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็กำลังพบเจอกับปัญหาแนวผมด้านหน้าถอยร่นเข้าไปจนทำให้หน้าผากกว้าง บางคนอาจเห็นพื้นที่ผมเว้าเข้าไปสองข้างเป็นรูปตัว M ทำให้เป็นกังวลเรื่องความสวยงาม ความอ่อนวัย หรือสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 


ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางกลางศีรษะ หรือปัญหาแนวผมถอยร่นจนหน้าผากกว้าง “การปลูกผม” เป็นทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยคืนเส้นผมหนาแน่นและกรอบหน้าเนียนสวยให้กับผู้หญิงได้ เพียงลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเส้นผม ถึงรูปแบบของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงแนวความต้องการในการแก้ไขปัญหา ซึ่งแพทย์สามารถใช้เทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ด้วยการย้ายรากผมจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาเติมเต็มบริเวณที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากหรือกลางศีรษะ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น นอกจากเส้นผมใหม่จะดูหนาแน่น กลมกลืน และเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ปรับแต่งแนวผมและกรอบหน้าใหม่ เพื่อความอ่อนวัยและความสวยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วย


ปัญหาเส้นผม... อุปสรรคความมั่นใจของผู้หญิง
ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบาง เพราะผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็ประสบกับปัญหาผมที่ส่งผลกระทบไปถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน บ้างก็ไม่สามารถจัดทรงผมได้ตามใจต้องการ บ้างต้องคอยปกปิดส่วนที่ผมบางหรือหายไป และบางคนก็ดูมีอายุเกินวัยเพียงเพราะเส้นผมที่ไม่หนาแน่นเหมือนเคย นั่นจึงทำให้การปลูกผมเริ่มกลายเป็นที่สนใจในหมู่ผู้หญิงหลากหลายช่วงวัยมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญกับความสวย บุคลิกภาพ และการดูแลตัวเองให้ดูดีมาเป็นอันดับแรก ๆ ...มาทำความรู้จักกับปัญหาเส้นผมของผู้หญิง ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะมีความแตกต่างจากปัญหาผมของผู้ชายอย่างไรบ้าง...



แม้ว่าเส้นผมของเราจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้วในทุก ๆ วัน แต่นี่คือสัญญาณผมร่วงที่บ่งบอกว่า สภาพหนังศีรษะและเส้นผมของเรากำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วงแล้วไม่งอกขึ้นมาใหม่ทดแทน หรือขึ้นใหม่แต่เส้นเล็กและบางลงกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และที่สำคัญคือ ผมร่วงในแต่ละวันมากกว่า 100 เส้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการผิดปกติ หรือเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วนั่นเอง 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงในผู้หญิง ก็มาจากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคและความเจ็บป่วย รวมถึงความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
  • กรรมพันธุ์
อาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ สามารถส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว พบได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง

  • อายุ
สังเกตได้ว่า เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลงจนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นในบางราย ทั้งนี้ เป็นเพราะการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะลดน้อยลงประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผมก็เสื่อมถอยลง ทำให้รากผมหดตัว และเส้นผมไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่เหมือนเมื่อช่วงที่อายุยังน้อย

  • ความเครียด
ความเครียดในระดับที่รุนแรง อาจทำให้การทำงานของรากผมหยุดชะงัก จนเส้นผมหลุดร่วงจำนวนมากในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนในบางราย ความเครียดหรือความวิตกกังวลอาจส่งผลต่อเนื่องไปสู่อาการชอบดึงผมตัวเอง ซึ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง

  • การขาดสารอาหาร
ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก อดอาหาร หรือผู้ป่วยโรค Anorexia หรือ Bulimia ซึ่งได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพออาจพบอาการเส้นผมหลุดร่วง เนื่องจากขาดโปรตีนหรือวิตามินสำคัญจนทำให้รากผมอ่อนแอ

  • สารเคมี
สารเคมีและความร้อนจากการย้อม ดัด ยืด หรือทำสีผมบ่อยเกินไปโดยขาดการบำรุง จะทำให้เส้นผมเปราะบางและหลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น

  • โรคและการบาดเจ็บต่าง ๆ
อาการผมร่วงอาจพบได้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดัน โรคไต ฯลฯ รวมไปถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดต่าง ๆ ด้วย

  • การตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอดบุตร อาจส่งผลให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่เส้นผมจะกลับขึ้นมาใหม่ตามปกติภายในช่วงระยะ 6 – 12 เดือน

รูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ก็ค่อนข้างต่างจากผู้ชาย โดยจะมีลักษณะเด่นอยู่ 2 รูปแบบ นั่นคือรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ และรูปแบบแนวผมถอยร่นจนทำให้หน้าผากกว้าง ซึ่งสาเหตุหลักของอาการดังกล่าวก็คือการส่งต่อพันธุกรรมลักษณะผมร่วงสู่กันในครอบครัวนั่นเอง

ผู้หญิงที่ประสบปัญหาผมบางตรงกลางศีรษะ เกิดจากการความไม่สมดุลระหว่างเส้นผมที่หลุดร่วงไป กับแส้นผมที่งอกขึ้นใหม่ เมื่อผมใหม่งอกขึ้นน้อยกว่า ผมจึงดูบางลงเรื่อย ๆ สังเกตได้ว่าผมมักจะเริ่มบางจากบริเวณรอยแสก จนกระทั่งเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง แต่จะไม่ถึงกับศีรษะล้านอย่างชัดเจนทั้งหมดเหมือนผู้ชาย เนื่องจากผู้ชายจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เองมีโอกาสจะถูกเอนไซม์เปลี่ยนให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่ยิ่งมีขนาดเล็ก อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย


ขณะเดียวกัน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็กำลังพบเจอกับปัญหาแนวผมด้านหน้าถอยร่นเข้าไปจนทำให้หน้าผากกว้าง บางคนอาจเห็นพื้นที่ผมเว้าเข้าไปสองข้างเป็นรูปตัว M ทำให้เป็นกังวลเรื่องความสวยงาม ความอ่อนวัย หรือสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 


ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางกลางศีรษะ หรือปัญหาแนวผมถอยร่นจนหน้าผากกว้าง “การปลูกผม” เป็นทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยคืนเส้นผมหนาแน่นและกรอบหน้าเนียนสวยให้กับผู้หญิงได้ เพียงลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเส้นผม ถึงรูปแบบของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงแนวความต้องการในการแก้ไขปัญหา ซึ่งแพทย์สามารถใช้เทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ด้วยการย้ายรากผมจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาเติมเต็มบริเวณที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากหรือกลางศีรษะ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น นอกจากเส้นผมใหม่จะดูหนาแน่น กลมกลืน และเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ปรับแต่งแนวผมและกรอบหน้าใหม่ เพื่อความอ่อนวัยและความสวยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วย


Shock Loss ภาวะปกติที่ไม่ต้องกังวล
ส่วนใหญ่แล้วการหาข้อมูลคือเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผม และเชื่อว่าหลายคนอาจจะเจอกับคำว่า Shock Loss หรือที่เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม พอเจอแบบนี้เข้าไปก็อาจมีบ้างที่กังวลไปต่างๆ นานา แต่อย่าเพิ่งช็อคกับ Shock Loss เพราะจริงๆ แล้วภาวะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติของผู้ที่ทำการปลูกผม ไม่ว่าจะใช้เทคนิคอะไรก็เกิดขึ้นได้ 
สำหรับภาวะ Shock Loss นี้ จะเกิดขึ้นเพียง 5% เท่านั้น โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นกับเส้นผมที่ย้ายมาปลูกใหม่และอยู่ในช่วงพักฟื้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในช่วงหลัง 2 สัปดาห์แรกที่ทำการปลูกผม 

หากบังเอิญเราเกิดแจ็คพอตเป็น 1 ใน 5% ที่เกิดภาวะ Shock Loss ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะอยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวงจรการหลุดร่วงตามธรรมชาติของเส้นผม แต่รากผมที่ได้ทำการย้ายมาแล้วจะติดแน่นดีตั้งแต่ช่วง 2 สัปดาห์แรก และจะเริ่มเข้าสู่วงจรการงอกใหม่ของเส้นผมอีกครั้งในช่วง 6 - 12 เดือน ก็จะงอกใหม่ได้สมบูรณ์




แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเส้นผมที่ติดมานั้น ไม่ใช่กราฟท์ผมที่ทำการปลูกไว้ เรื่องนี้สังเกตได้ง่ายๆ ว่ากราฟท์ผมจะฝังตัวแน่นบนหนังศีรษะตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก ซึ่งมีข้อควรระวังมากๆ  ที่กราฟท์ยังอ่อนแอ คุณหมอจึงมักให้เราระวังไม่ให้บริเวณที่ทำการปลูกถูกรบกวน ไม่ว่าจะเป็นการจับ การแกะ เกา หรือเผลอไปถูไถกับหมอนระหว่างนอน รวมไปถึงการออกกำลังกายหนักๆ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อศีรษะกระแทก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งหากเลยช่วงนี้แล้ว และพบการหลุดร่วงก็จะได้สบายใจว่าไม่ใช่รากผมแน่นอน

นอกจากนี้ การเข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดภาวะ Shock Loss ได้ เพราะแพทย์จะให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอน และสามารถประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างที่ Namnin นอกจากแพทย์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรงแล้ว ยังมีอุปกรณ์เครื่องมือขนาดเล็กมากในการทำการเจาะ หรือปลูกกราฟท์ผม ทำให้บาดแผลที่ได้เล็ก และการฟื้นตัวของกราฟท์ผมที่นำมาปลูกก็จะฟื้นตัวไว นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงรากผม ก็จะเป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะวิตามินอี บี ซี และโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยให้หนังศีรษะเราแข็งแรงได้อีกทาง 



เห็นไหมว่าภาวะ Shock Loss เป็นแค่เรื่องธรรมชาติของวงจรการเกิดใหม่ของเส้นผม ทีนี้ เราก็สามารถเดินเข้ามาปรึกษา พร้อมนัดวันเปลี่ยนแปลงเป็นคุณคนใหม่ได้อย่างมั่นใจ ด้วยการปลูกผมเปลี่ยนแปลงบุคลิกกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Namnin ได้เลยทันที

Shock Loss ภาวะปกติที่ไม่ต้องกังวล
ส่วนใหญ่แล้วการหาข้อมูลคือเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผม และเชื่อว่าหลายคนอาจจะเจอกับคำว่า Shock Loss หรือที่เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม พอเจอแบบนี้เข้าไปก็อาจมีบ้างที่กังวลไปต่างๆ นานา แต่อย่าเพิ่งช็อคกับ Shock Loss เพราะจริงๆ แล้วภาวะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติของผู้ที่ทำการปลูกผม ไม่ว่าจะใช้เทคนิคอะไรก็เกิดขึ้นได้ 
สำหรับภาวะ Shock Loss นี้ จะเกิดขึ้นเพียง 5% เท่านั้น โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นกับเส้นผมที่ย้ายมาปลูกใหม่และอยู่ในช่วงพักฟื้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในช่วงหลัง 2 สัปดาห์แรกที่ทำการปลูกผม 

หากบังเอิญเราเกิดแจ็คพอตเป็น 1 ใน 5% ที่เกิดภาวะ Shock Loss ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะอยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวงจรการหลุดร่วงตามธรรมชาติของเส้นผม แต่รากผมที่ได้ทำการย้ายมาแล้วจะติดแน่นดีตั้งแต่ช่วง 2 สัปดาห์แรก และจะเริ่มเข้าสู่วงจรการงอกใหม่ของเส้นผมอีกครั้งในช่วง 6 - 12 เดือน ก็จะงอกใหม่ได้สมบูรณ์




แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเส้นผมที่ติดมานั้น ไม่ใช่กราฟท์ผมที่ทำการปลูกไว้ เรื่องนี้สังเกตได้ง่ายๆ ว่ากราฟท์ผมจะฝังตัวแน่นบนหนังศีรษะตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก ซึ่งมีข้อควรระวังมากๆ  ที่กราฟท์ยังอ่อนแอ คุณหมอจึงมักให้เราระวังไม่ให้บริเวณที่ทำการปลูกถูกรบกวน ไม่ว่าจะเป็นการจับ การแกะ เกา หรือเผลอไปถูไถกับหมอนระหว่างนอน รวมไปถึงการออกกำลังกายหนักๆ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อศีรษะกระแทก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งหากเลยช่วงนี้แล้ว และพบการหลุดร่วงก็จะได้สบายใจว่าไม่ใช่รากผมแน่นอน

นอกจากนี้ การเข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดภาวะ Shock Loss ได้ เพราะแพทย์จะให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอน และสามารถประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างที่ Namnin นอกจากแพทย์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรงแล้ว ยังมีอุปกรณ์เครื่องมือขนาดเล็กมากในการทำการเจาะ หรือปลูกกราฟท์ผม ทำให้บาดแผลที่ได้เล็ก และการฟื้นตัวของกราฟท์ผมที่นำมาปลูกก็จะฟื้นตัวไว นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงรากผม ก็จะเป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะวิตามินอี บี ซี และโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยให้หนังศีรษะเราแข็งแรงได้อีกทาง 



เห็นไหมว่าภาวะ Shock Loss เป็นแค่เรื่องธรรมชาติของวงจรการเกิดใหม่ของเส้นผม ทีนี้ เราก็สามารถเดินเข้ามาปรึกษา พร้อมนัดวันเปลี่ยนแปลงเป็นคุณคนใหม่ได้อย่างมั่นใจ ด้วยการปลูกผมเปลี่ยนแปลงบุคลิกกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Namnin ได้เลยทันที

Shock Loss ภาวะปกติที่ไม่ต้องกังวล
ส่วนใหญ่แล้วการหาข้อมูลคือเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผม และเชื่อว่าหลายคนอาจจะเจอกับคำว่า Shock Loss หรือที่เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม พอเจอแบบนี้เข้าไปก็อาจมีบ้างที่กังวลไปต่างๆ นานา แต่อย่าเพิ่งช็อคกับ Shock Loss เพราะจริงๆ แล้วภาวะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติของผู้ที่ทำการปลูกผม ไม่ว่าจะใช้เทคนิคอะไรก็เกิดขึ้นได้ 
สำหรับภาวะ Shock Loss นี้ จะเกิดขึ้นเพียง 5% เท่านั้น โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นกับเส้นผมที่ย้ายมาปลูกใหม่และอยู่ในช่วงพักฟื้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในช่วงหลัง 2 สัปดาห์แรกที่ทำการปลูกผม 

หากบังเอิญเราเกิดแจ็คพอตเป็น 1 ใน 5% ที่เกิดภาวะ Shock Loss ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะอยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวงจรการหลุดร่วงตามธรรมชาติของเส้นผม แต่รากผมที่ได้ทำการย้ายมาแล้วจะติดแน่นดีตั้งแต่ช่วง 2 สัปดาห์แรก และจะเริ่มเข้าสู่วงจรการงอกใหม่ของเส้นผมอีกครั้งในช่วง 6 - 12 เดือน ก็จะงอกใหม่ได้สมบูรณ์




แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเส้นผมที่ติดมานั้น ไม่ใช่กราฟท์ผมที่ทำการปลูกไว้ เรื่องนี้สังเกตได้ง่ายๆ ว่ากราฟท์ผมจะฝังตัวแน่นบนหนังศีรษะตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก ซึ่งมีข้อควรระวังมากๆ  ที่กราฟท์ยังอ่อนแอ คุณหมอจึงมักให้เราระวังไม่ให้บริเวณที่ทำการปลูกถูกรบกวน ไม่ว่าจะเป็นการจับ การแกะ เกา หรือเผลอไปถูไถกับหมอนระหว่างนอน รวมไปถึงการออกกำลังกายหนักๆ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อศีรษะกระแทก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งหากเลยช่วงนี้แล้ว และพบการหลุดร่วงก็จะได้สบายใจว่าไม่ใช่รากผมแน่นอน

นอกจากนี้ การเข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดภาวะ Shock Loss ได้ เพราะแพทย์จะให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอน และสามารถประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างที่ Namnin นอกจากแพทย์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรงแล้ว ยังมีอุปกรณ์เครื่องมือขนาดเล็กมากในการทำการเจาะ หรือปลูกกราฟท์ผม ทำให้บาดแผลที่ได้เล็ก และการฟื้นตัวของกราฟท์ผมที่นำมาปลูกก็จะฟื้นตัวไว นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงรากผม ก็จะเป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะวิตามินอี บี ซี และโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยให้หนังศีรษะเราแข็งแรงได้อีกทาง 



เห็นไหมว่าภาวะ Shock Loss เป็นแค่เรื่องธรรมชาติของวงจรการเกิดใหม่ของเส้นผม ทีนี้ เราก็สามารถเดินเข้ามาปรึกษา พร้อมนัดวันเปลี่ยนแปลงเป็นคุณคนใหม่ได้อย่างมั่นใจ ด้วยการปลูกผมเปลี่ยนแปลงบุคลิกกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Namnin ได้เลยทันที

Shock Loss ภาวะปกติที่ไม่ต้องกังวล
ส่วนใหญ่แล้วการหาข้อมูลคือเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผม และเชื่อว่าหลายคนอาจจะเจอกับคำว่า Shock Loss หรือที่เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม พอเจอแบบนี้เข้าไปก็อาจมีบ้างที่กังวลไปต่างๆ นานา แต่อย่าเพิ่งช็อคกับ Shock Loss เพราะจริงๆ แล้วภาวะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติของผู้ที่ทำการปลูกผม ไม่ว่าจะใช้เทคนิคอะไรก็เกิดขึ้นได้ 
สำหรับภาวะ Shock Loss นี้ จะเกิดขึ้นเพียง 5% เท่านั้น โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นกับเส้นผมที่ย้ายมาปลูกใหม่และอยู่ในช่วงพักฟื้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในช่วงหลัง 2 สัปดาห์แรกที่ทำการปลูกผม 

หากบังเอิญเราเกิดแจ็คพอตเป็น 1 ใน 5% ที่เกิดภาวะ Shock Loss ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะอยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวงจรการหลุดร่วงตามธรรมชาติของเส้นผม แต่รากผมที่ได้ทำการย้ายมาแล้วจะติดแน่นดีตั้งแต่ช่วง 2 สัปดาห์แรก และจะเริ่มเข้าสู่วงจรการงอกใหม่ของเส้นผมอีกครั้งในช่วง 6 - 12 เดือน ก็จะงอกใหม่ได้สมบูรณ์




แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเส้นผมที่ติดมานั้น ไม่ใช่กราฟท์ผมที่ทำการปลูกไว้ เรื่องนี้สังเกตได้ง่ายๆ ว่ากราฟท์ผมจะฝังตัวแน่นบนหนังศีรษะตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก ซึ่งมีข้อควรระวังมากๆ  ที่กราฟท์ยังอ่อนแอ คุณหมอจึงมักให้เราระวังไม่ให้บริเวณที่ทำการปลูกถูกรบกวน ไม่ว่าจะเป็นการจับ การแกะ เกา หรือเผลอไปถูไถกับหมอนระหว่างนอน รวมไปถึงการออกกำลังกายหนักๆ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อศีรษะกระแทก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งหากเลยช่วงนี้แล้ว และพบการหลุดร่วงก็จะได้สบายใจว่าไม่ใช่รากผมแน่นอน

นอกจากนี้ การเข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดภาวะ Shock Loss ได้ เพราะแพทย์จะให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอน และสามารถประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างที่ Namnin นอกจากแพทย์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรงแล้ว ยังมีอุปกรณ์เครื่องมือขนาดเล็กมากในการทำการเจาะ หรือปลูกกราฟท์ผม ทำให้บาดแผลที่ได้เล็ก และการฟื้นตัวของกราฟท์ผมที่นำมาปลูกก็จะฟื้นตัวไว นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงรากผม ก็จะเป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะวิตามินอี บี ซี และโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยให้หนังศีรษะเราแข็งแรงได้อีกทาง 



เห็นไหมว่าภาวะ Shock Loss เป็นแค่เรื่องธรรมชาติของวงจรการเกิดใหม่ของเส้นผม ทีนี้ เราก็สามารถเดินเข้ามาปรึกษา พร้อมนัดวันเปลี่ยนแปลงเป็นคุณคนใหม่ได้อย่างมั่นใจ ด้วยการปลูกผมเปลี่ยนแปลงบุคลิกกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Namnin ได้เลยทันที

เพราะปัญหาผมร่วง รอไม่ได้ ปลูกผมคืนความมั่นใจก่อนสายเกิน
...ถึงเวลาที่เราควรเริ่มปลูกผมได้หรือยังนะ...

นี่คงเป็นคำถามซึ่งหลาย ๆ คนที่กังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางของตัวเอง กำลังชั่งใจเพื่อหาคำตอบกันอยู่ใช่หรือไม่ บางคนอาจคิดว่า รอให้อาการผมบางชัดเจนกว่านี้ก่อนดีกว่า จะได้ไปปลูกทีเดียวเลย หรือบางคนก็มองว่า เรายังอายุไม่มากเท่าไหร่ คงยังไม่สายเกินไปหรอกที่จะรออีกสักหลาย ๆ ปีค่อยตัดสินใจปลูกผม 

แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมคือ ถ้าเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรอจนสายเกินไป เพราะเมื่อถึงวันนั้น โอกาสที่จะเรียกคืนผมสวยหนาแน่นสุขภาพดีให้กลับมา อาจเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย



หลายคนอาจสงสัยว่า การปลูกผม มีคำว่า “สายเกินไป” ด้วยหรือ... ประการแรก ควรทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ควรต้องอาศัยรากผมของตัวเราเองในการปลูก เพราะการปลูกผมก็ไม่ต่างจากการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งปกติแล้ว ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้านหากมีเซลล์แปลกปลอมใด ๆ เข้ามาในร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจ ตับ หรือไต จึงจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่คุ้มค่าในระยะยาวหากต้องรับประทานยาเช่นนี้ในกรณีการปลูกถ่ายรากผม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถฝากความหวังในการปลูกผมใหม่จากรากผมของคนอื่นได้ 

และเพราะเราต้องพึ่งพาเส้นผมส่วนที่เหลือของเราในการปลูกผมนี่เอง ทำให้การตัดสินใจปลูกผมเป็นสิ่งที่รอช้าไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลือก็อาจกำลังค่อย ๆ หลุดร่วงตามไปเช่นกัน!! ...เรามาลองทบทวนที่มาของปัญหาผมร่วงและผมบางที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของปัญหาร่วงและผมบางที่ผู้คนทั่วโลกพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชาย ทราบหรือไม่ว่า ยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ซึ่งยีนดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดส่งผ่านคนในครอบครัวไปสู่ลูกหลานรุ่นถัดไป




หากคุณคือผู้ที่ได้รับมรดกพันธุกรรมผมร่วงและผมบางจากคนในครอบครัว บริเวณหนังศีรษะของคุณจะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อ 5-alpha reductase มากเป็นพิเศษ เจ้าเอนไซม์ตัวนี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่ร่างกายผลิตขึ้นปกติ ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และเมื่อคุณมีฮอร์โมน DHT ที่หนังศีรษะในระดับสูง ผลที่ตามมาก็คือทำให้รูขุมขนบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลง เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่จึงมีรากผมอ่อนแอ ทั้งบางและสั้น จนหลุดร่วงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และนี่ก็คือสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ความหวังในการปลูกผมใหม่ของพวกเรายังคงเหลืออยู่ที่ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย โชคดีที่หนังศีรษะบริเวณนี้มีคุณสมบัติไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ดังนั้น เส้นผมบริเวณท้ายทอยจึงมีรากผมที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับหนังศีรษะบริเวณอื่น ๆ และถูกเลือกนำไปปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ผมบางลงหรือหลุดร่วงหายไป ที่สำคัญ แม้จะนำรากผมและเส้นผมไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เคยมีปัญหา แต่รากผมก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้รากผมสามารถผลิตผมที่แข็งแรงภายใต้ปัจจัยที่เหมาะสมต่อไปได้อีกเป็นร้อยปี ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมนั่นเอง

ได้ยินคุณสมบัติพิเศษของผมด้านหลังท้ายทอยอย่างนี้แล้ว ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเมื่อถึงวันที่เราตัดสินใจปลูกผม วันนั้น เส้นผมของเราจะยังเหลือเพียงพอให้นำมาปลูกทดแทนบริเวณผมร่วงและบางลงไป 



นี่คือตัวอย่างภาพลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายแต่ละรูปแบบ ซึ่งผมจะเริ่มร่วงจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ
รูปแบบ O 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย พบค่อนข้างมากในผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก
รูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M เริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี
รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด

ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าในระยะท้าย ๆ เมื่อปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น ไม่ใช่แค่ผมด้านหน้าหรือตรงกลางที่บอกลาเจ้าของเส้นผมไป แต่ผมด้านหลังบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งเหลือน้อยลง ๆ ตามไปด้วย ซึ่งปริมาณของเส้นผมอาจไม่เพียงพอที่จะนำมาปลูกใหม่เพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นของเส้นผมในบริเวณที่เป็นปัญหาก็เป็นได้

สำหรับการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่แบบถาวรในบริเวณที่ต้องการนั้น เรียกว่าเทคนิค FUE หรือ (Follicular Unit Excision) ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น แพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กพิเศษ นำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วง ออกจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยจะไม่มีการโกนผมบริเวณด้านหลังออก แต่ใช้เทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิม

ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและทักษะเฉพาะตัวของแพทย์ในการปลูกรากผมลงใหม่ เพื่อให้เส้นผมใหม่มีอัตราการอยู่รอดมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งยังลดอาการเจ็บ บวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย จนสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในวันต่อมาโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลการรักษา และแนะนำการดูแลเส้นผมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผมใหม่สามารถเติบโตต่อตามวงจรเส้นผมได้อย่างสมบูรณ์



อีกเทคนิคหนึ่งจากคลินิกนามนินที่จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผม ก็คือเทคนิคการปลูกผมแทรก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะ โดยแพทย์จะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย ไปปลูกแทรกหรือปลูกกระจายในบริเวณนั้น เพื่อให้รากผมแข็งแรงที่ปลูกใหม่ ไปช่วยพยุงโคนผมเก่าที่อ่อนแอ ทำให้ผมในบริเวณกลางศีรษะกลับดูหนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้น หากเราตัดสินใจปลูกผมในวันที่ผมส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอยยังเหลืออยู่มากเพียงพอ ก็จะทำให้การปลูกผมใหม่มีโอกาสสูงที่จะคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ต้องการปลูกผมบางราย ยังสามารถปลูกผมซ้ำได้อีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 เพื่อความสมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย



ปัญหาผมร่วงและผมบาง จึงเป็นปัญหาที่รอไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลืออาจแก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว เนื่องจากการปลูกผมเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนการรักษาในระยะยาว และต้องอาศัยการพูดคุยร่วมกันระหว่างแพทย์กับผู้เข้ารับการปลูกผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา ซึ่งแพทย์จะต้องพิจารณาจากความต้องการของผู้เข้ารับการปลูก ลักษณะของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะปลูกผมสำเร็จด้วย ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนวผมหรือกรอบหน้าใหม่ โดยคำนึงถึงสัดส่วนใบหน้าที่สอดคล้อง สวยงาม และเหมาะสม ก่อนจะประเมินพื้นที่ปลูก และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องดึงออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกเสริมในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่นเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยให้คุณแลดูอ่อนกว่าวัย คืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับคุณได้อีกครั้ง 

ปรึกษาและปลูกผมกับแพทย์ 
NAMNIN forV Clinic สาขาอารีย์
Tel. 093-0935639
Line. @namninclinic

เพราะปัญหาผมร่วง รอไม่ได้ ปลูกผมคืนความมั่นใจก่อนสายเกิน
...ถึงเวลาที่เราควรเริ่มปลูกผมได้หรือยังนะ...

นี่คงเป็นคำถามซึ่งหลาย ๆ คนที่กังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางของตัวเอง กำลังชั่งใจเพื่อหาคำตอบกันอยู่ใช่หรือไม่ บางคนอาจคิดว่า รอให้อาการผมบางชัดเจนกว่านี้ก่อนดีกว่า จะได้ไปปลูกทีเดียวเลย หรือบางคนก็มองว่า เรายังอายุไม่มากเท่าไหร่ คงยังไม่สายเกินไปหรอกที่จะรออีกสักหลาย ๆ ปีค่อยตัดสินใจปลูกผม 

แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมคือ ถ้าเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรอจนสายเกินไป เพราะเมื่อถึงวันนั้น โอกาสที่จะเรียกคืนผมสวยหนาแน่นสุขภาพดีให้กลับมา อาจเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย



หลายคนอาจสงสัยว่า การปลูกผม มีคำว่า “สายเกินไป” ด้วยหรือ... ประการแรก ควรทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ควรต้องอาศัยรากผมของตัวเราเองในการปลูก เพราะการปลูกผมก็ไม่ต่างจากการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งปกติแล้ว ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้านหากมีเซลล์แปลกปลอมใด ๆ เข้ามาในร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจ ตับ หรือไต จึงจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่คุ้มค่าในระยะยาวหากต้องรับประทานยาเช่นนี้ในกรณีการปลูกถ่ายรากผม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถฝากความหวังในการปลูกผมใหม่จากรากผมของคนอื่นได้ 

และเพราะเราต้องพึ่งพาเส้นผมส่วนที่เหลือของเราในการปลูกผมนี่เอง ทำให้การตัดสินใจปลูกผมเป็นสิ่งที่รอช้าไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลือก็อาจกำลังค่อย ๆ หลุดร่วงตามไปเช่นกัน!! ...เรามาลองทบทวนที่มาของปัญหาผมร่วงและผมบางที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของปัญหาร่วงและผมบางที่ผู้คนทั่วโลกพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชาย ทราบหรือไม่ว่า ยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ซึ่งยีนดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดส่งผ่านคนในครอบครัวไปสู่ลูกหลานรุ่นถัดไป




หากคุณคือผู้ที่ได้รับมรดกพันธุกรรมผมร่วงและผมบางจากคนในครอบครัว บริเวณหนังศีรษะของคุณจะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อ 5-alpha reductase มากเป็นพิเศษ เจ้าเอนไซม์ตัวนี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่ร่างกายผลิตขึ้นปกติ ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และเมื่อคุณมีฮอร์โมน DHT ที่หนังศีรษะในระดับสูง ผลที่ตามมาก็คือทำให้รูขุมขนบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลง เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่จึงมีรากผมอ่อนแอ ทั้งบางและสั้น จนหลุดร่วงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และนี่ก็คือสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ความหวังในการปลูกผมใหม่ของพวกเรายังคงเหลืออยู่ที่ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย โชคดีที่หนังศีรษะบริเวณนี้มีคุณสมบัติไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ดังนั้น เส้นผมบริเวณท้ายทอยจึงมีรากผมที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับหนังศีรษะบริเวณอื่น ๆ และถูกเลือกนำไปปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ผมบางลงหรือหลุดร่วงหายไป ที่สำคัญ แม้จะนำรากผมและเส้นผมไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เคยมีปัญหา แต่รากผมก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้รากผมสามารถผลิตผมที่แข็งแรงภายใต้ปัจจัยที่เหมาะสมต่อไปได้อีกเป็นร้อยปี ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมนั่นเอง

ได้ยินคุณสมบัติพิเศษของผมด้านหลังท้ายทอยอย่างนี้แล้ว ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเมื่อถึงวันที่เราตัดสินใจปลูกผม วันนั้น เส้นผมของเราจะยังเหลือเพียงพอให้นำมาปลูกทดแทนบริเวณผมร่วงและบางลงไป 



นี่คือตัวอย่างภาพลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายแต่ละรูปแบบ ซึ่งผมจะเริ่มร่วงจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ
รูปแบบ O 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย พบค่อนข้างมากในผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก
รูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M เริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี
รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด

ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าในระยะท้าย ๆ เมื่อปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น ไม่ใช่แค่ผมด้านหน้าหรือตรงกลางที่บอกลาเจ้าของเส้นผมไป แต่ผมด้านหลังบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งเหลือน้อยลง ๆ ตามไปด้วย ซึ่งปริมาณของเส้นผมอาจไม่เพียงพอที่จะนำมาปลูกใหม่เพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นของเส้นผมในบริเวณที่เป็นปัญหาก็เป็นได้

สำหรับการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่แบบถาวรในบริเวณที่ต้องการนั้น เรียกว่าเทคนิค FUE หรือ (Follicular Unit Excision) ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น แพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กพิเศษ นำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วง ออกจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยจะไม่มีการโกนผมบริเวณด้านหลังออก แต่ใช้เทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิม

ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและทักษะเฉพาะตัวของแพทย์ในการปลูกรากผมลงใหม่ เพื่อให้เส้นผมใหม่มีอัตราการอยู่รอดมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งยังลดอาการเจ็บ บวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย จนสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในวันต่อมาโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลการรักษา และแนะนำการดูแลเส้นผมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผมใหม่สามารถเติบโตต่อตามวงจรเส้นผมได้อย่างสมบูรณ์



อีกเทคนิคหนึ่งจากคลินิกนามนินที่จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผม ก็คือเทคนิคการปลูกผมแทรก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะ โดยแพทย์จะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย ไปปลูกแทรกหรือปลูกกระจายในบริเวณนั้น เพื่อให้รากผมแข็งแรงที่ปลูกใหม่ ไปช่วยพยุงโคนผมเก่าที่อ่อนแอ ทำให้ผมในบริเวณกลางศีรษะกลับดูหนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้น หากเราตัดสินใจปลูกผมในวันที่ผมส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอยยังเหลืออยู่มากเพียงพอ ก็จะทำให้การปลูกผมใหม่มีโอกาสสูงที่จะคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ต้องการปลูกผมบางราย ยังสามารถปลูกผมซ้ำได้อีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 เพื่อความสมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย



ปัญหาผมร่วงและผมบาง จึงเป็นปัญหาที่รอไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลืออาจแก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว เนื่องจากการปลูกผมเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนการรักษาในระยะยาว และต้องอาศัยการพูดคุยร่วมกันระหว่างแพทย์กับผู้เข้ารับการปลูกผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา ซึ่งแพทย์จะต้องพิจารณาจากความต้องการของผู้เข้ารับการปลูก ลักษณะของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะปลูกผมสำเร็จด้วย ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนวผมหรือกรอบหน้าใหม่ โดยคำนึงถึงสัดส่วนใบหน้าที่สอดคล้อง สวยงาม และเหมาะสม ก่อนจะประเมินพื้นที่ปลูก และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องดึงออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกเสริมในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่นเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยให้คุณแลดูอ่อนกว่าวัย คืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับคุณได้อีกครั้ง 

ปรึกษาและปลูกผมกับแพทย์ 
NAMNIN forV Clinic สาขาอารีย์
Tel. 093-0935639
Line. @namninclinic

เพราะปัญหาผมร่วง รอไม่ได้ ปลูกผมคืนความมั่นใจก่อนสายเกิน
...ถึงเวลาที่เราควรเริ่มปลูกผมได้หรือยังนะ...

นี่คงเป็นคำถามซึ่งหลาย ๆ คนที่กังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางของตัวเอง กำลังชั่งใจเพื่อหาคำตอบกันอยู่ใช่หรือไม่ บางคนอาจคิดว่า รอให้อาการผมบางชัดเจนกว่านี้ก่อนดีกว่า จะได้ไปปลูกทีเดียวเลย หรือบางคนก็มองว่า เรายังอายุไม่มากเท่าไหร่ คงยังไม่สายเกินไปหรอกที่จะรออีกสักหลาย ๆ ปีค่อยตัดสินใจปลูกผม 

แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมคือ ถ้าเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรอจนสายเกินไป เพราะเมื่อถึงวันนั้น โอกาสที่จะเรียกคืนผมสวยหนาแน่นสุขภาพดีให้กลับมา อาจเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย



หลายคนอาจสงสัยว่า การปลูกผม มีคำว่า “สายเกินไป” ด้วยหรือ... ประการแรก ควรทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ควรต้องอาศัยรากผมของตัวเราเองในการปลูก เพราะการปลูกผมก็ไม่ต่างจากการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งปกติแล้ว ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้านหากมีเซลล์แปลกปลอมใด ๆ เข้ามาในร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจ ตับ หรือไต จึงจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่คุ้มค่าในระยะยาวหากต้องรับประทานยาเช่นนี้ในกรณีการปลูกถ่ายรากผม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถฝากความหวังในการปลูกผมใหม่จากรากผมของคนอื่นได้ 

และเพราะเราต้องพึ่งพาเส้นผมส่วนที่เหลือของเราในการปลูกผมนี่เอง ทำให้การตัดสินใจปลูกผมเป็นสิ่งที่รอช้าไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลือก็อาจกำลังค่อย ๆ หลุดร่วงตามไปเช่นกัน!! ...เรามาลองทบทวนที่มาของปัญหาผมร่วงและผมบางที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของปัญหาร่วงและผมบางที่ผู้คนทั่วโลกพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชาย ทราบหรือไม่ว่า ยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ซึ่งยีนดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดส่งผ่านคนในครอบครัวไปสู่ลูกหลานรุ่นถัดไป




หากคุณคือผู้ที่ได้รับมรดกพันธุกรรมผมร่วงและผมบางจากคนในครอบครัว บริเวณหนังศีรษะของคุณจะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อ 5-alpha reductase มากเป็นพิเศษ เจ้าเอนไซม์ตัวนี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่ร่างกายผลิตขึ้นปกติ ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และเมื่อคุณมีฮอร์โมน DHT ที่หนังศีรษะในระดับสูง ผลที่ตามมาก็คือทำให้รูขุมขนบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลง เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่จึงมีรากผมอ่อนแอ ทั้งบางและสั้น จนหลุดร่วงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และนี่ก็คือสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ความหวังในการปลูกผมใหม่ของพวกเรายังคงเหลืออยู่ที่ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย โชคดีที่หนังศีรษะบริเวณนี้มีคุณสมบัติไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ดังนั้น เส้นผมบริเวณท้ายทอยจึงมีรากผมที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับหนังศีรษะบริเวณอื่น ๆ และถูกเลือกนำไปปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ผมบางลงหรือหลุดร่วงหายไป ที่สำคัญ แม้จะนำรากผมและเส้นผมไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เคยมีปัญหา แต่รากผมก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้รากผมสามารถผลิตผมที่แข็งแรงภายใต้ปัจจัยที่เหมาะสมต่อไปได้อีกเป็นร้อยปี ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมนั่นเอง

ได้ยินคุณสมบัติพิเศษของผมด้านหลังท้ายทอยอย่างนี้แล้ว ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเมื่อถึงวันที่เราตัดสินใจปลูกผม วันนั้น เส้นผมของเราจะยังเหลือเพียงพอให้นำมาปลูกทดแทนบริเวณผมร่วงและบางลงไป 



นี่คือตัวอย่างภาพลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายแต่ละรูปแบบ ซึ่งผมจะเริ่มร่วงจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ
รูปแบบ O 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย พบค่อนข้างมากในผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก
รูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M เริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี
รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด

ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าในระยะท้าย ๆ เมื่อปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น ไม่ใช่แค่ผมด้านหน้าหรือตรงกลางที่บอกลาเจ้าของเส้นผมไป แต่ผมด้านหลังบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งเหลือน้อยลง ๆ ตามไปด้วย ซึ่งปริมาณของเส้นผมอาจไม่เพียงพอที่จะนำมาปลูกใหม่เพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นของเส้นผมในบริเวณที่เป็นปัญหาก็เป็นได้

สำหรับการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่แบบถาวรในบริเวณที่ต้องการนั้น เรียกว่าเทคนิค FUE หรือ (Follicular Unit Excision) ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น แพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กพิเศษ นำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วง ออกจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยจะไม่มีการโกนผมบริเวณด้านหลังออก แต่ใช้เทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิม

ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและทักษะเฉพาะตัวของแพทย์ในการปลูกรากผมลงใหม่ เพื่อให้เส้นผมใหม่มีอัตราการอยู่รอดมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งยังลดอาการเจ็บ บวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย จนสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในวันต่อมาโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลการรักษา และแนะนำการดูแลเส้นผมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผมใหม่สามารถเติบโตต่อตามวงจรเส้นผมได้อย่างสมบูรณ์



อีกเทคนิคหนึ่งจากคลินิกนามนินที่จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผม ก็คือเทคนิคการปลูกผมแทรก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะ โดยแพทย์จะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย ไปปลูกแทรกหรือปลูกกระจายในบริเวณนั้น เพื่อให้รากผมแข็งแรงที่ปลูกใหม่ ไปช่วยพยุงโคนผมเก่าที่อ่อนแอ ทำให้ผมในบริเวณกลางศีรษะกลับดูหนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้น หากเราตัดสินใจปลูกผมในวันที่ผมส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอยยังเหลืออยู่มากเพียงพอ ก็จะทำให้การปลูกผมใหม่มีโอกาสสูงที่จะคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ต้องการปลูกผมบางราย ยังสามารถปลูกผมซ้ำได้อีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 เพื่อความสมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย



ปัญหาผมร่วงและผมบาง จึงเป็นปัญหาที่รอไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลืออาจแก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว เนื่องจากการปลูกผมเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนการรักษาในระยะยาว และต้องอาศัยการพูดคุยร่วมกันระหว่างแพทย์กับผู้เข้ารับการปลูกผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา ซึ่งแพทย์จะต้องพิจารณาจากความต้องการของผู้เข้ารับการปลูก ลักษณะของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะปลูกผมสำเร็จด้วย ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนวผมหรือกรอบหน้าใหม่ โดยคำนึงถึงสัดส่วนใบหน้าที่สอดคล้อง สวยงาม และเหมาะสม ก่อนจะประเมินพื้นที่ปลูก และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องดึงออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกเสริมในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่นเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยให้คุณแลดูอ่อนกว่าวัย คืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับคุณได้อีกครั้ง 

ปรึกษาและปลูกผมกับแพทย์ 
NAMNIN forV Clinic สาขาอารีย์
Tel. 093-0935639
Line. @namninclinic

กลับมารักผมได้มั๊ย
เรื่องเครียดๆ ที่ไม่คาดฝันก็มักมาแบบไม่รู้ตัว ส่งผลทำลายทั้งจิตใจและร่างกาย บางครั้งเราก็รู้ตัวทันเพราะเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้โดยตรง เช่น เครียดจนปวดหัว กินข้าวไม่ได้ หน้าตาหมองคล้ำ แต่บางครั้งความเครียดก็แอบซุ่มทำลายบุคลิกภาพไปอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาการผมร่วง ซึ่งก็มักจะไปแอบร่วงแถวบริเวณกลางศีรษะ จนมีคนทักนั่นแหละถึงได้รู้ว่ากำลังมีผมทรงไข่ดาว

โรคผมร่วงเป็นหย่อม จะมีลักษณะของเส้นผมที่หลุดร่วงเป็นกระจุก เป็นวงๆ มักเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันไปทำลายรากผม สำหรับสาเหตุนั้นก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ หรือมีโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ด่างขาว ไทรอยด์ ภูมิแพ้ หอบหืด อย่างนี้เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด และที่น่ากลัวมากคือการมีความเครียดเรื้อรังสูง ยิ่งเครียดผมยิ่งร่วง แต่พอหายเครียด อ้าวมีไข่ดาวมาซะงั้น ที่สำคัญโรคผมร่วงเป็นหย่อมแบบนี้ เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่จะพบมากก็ในวัยทำงาน ทำให้เสียบุคลิก ขาดความมั่นใจ

แล้วถ้าถามว่าโรคนี้รักษาหายหรือเปล่า คำตอบคือ รักษาได้ ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้

50% ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เมื่อได้รับการวินิจฉัยถึงต้นเหตุแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติภายใน 6 เดือน – 1 ปี

90% ปล่อยให้หายเอง แต่กว่าจะกลับมาเป็นปกติก็อาจใช้ระยะเวลานานถึง 2 ปี

10% ที่ไม่พบหมอ และผมหลุดร่วงแบบถาวร เซลล์รากผมตาย ไม่งอกกลับมาเหมือนเดิม หรืองอกใหม่แต่ก็ร่วงอีก

แล้วถ้าต้องกลายเป็นคนใน 10% นั้น คุณจะปล่อยให้ผมรับชะตากรรมไปแบบนั้น หรือเลือกที่จะคืนชีพให้เส้นผม

“อยากชวนคุณมารักผม”

สมัยนี้การปลูกผม ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่ NAMNIN ใช้เทคนิค NEAT ที่ไม่ใช่แค่การปลูกผมให้ขึ้น แต่ยังเป็นการคำนึงถึงผู้ที่เข้ารับการรักษา เพราะความกังวลแรกของผู้ที่อยากปลูกผมคือกลัวเจ็บ และกลัวว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อเจาะย้ายเซลล์รากผม รวมไปถึงระยะเวลาพักฟื้นอีก ข้อกังวลใจเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะ NAMNIN เลือกใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่ทันสมัยสุดตอนนี้จากประเทศเกาหลี แผลที่เกิดจากการย้ายเซลล์รากผมก็จะเป็นเพียงสะเก็ดเล็กๆ ทำให้แผลแห้งไว รวมไปถึงการใช้เทคนิคการย้ายแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผมให้เสียทรง เพราะยังมีเส้นผมปกปิดรอยแผลจนเป็นที่สังเกตได้ยาก นอกจากนี้การนำเซลล์รากผมย้ายไปปลูกในบริเวณที่ต้องการรักษา คุณหมอก็จะออกแบบทิศทางการงอกได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญมากที่สุดคือ ทุกขั้นตอนที่ NAMNIN  คุณหมอจะเป็นผู้ที่ดูแลทำการรักษาเองทั้งหมด เรียกว่าเป็นความใส่ใจที่คุณหมอมีให้กับทุกคนจริงๆ

ถ้าเริ่มรักผมขึ้นมาแล้ว อย่าลืมให้ NAMNIN เป็นเสมือนกามเทพคืนชีพให้เส้นผม เพื่อเปลี่ยนลุค ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างมั่นใจ
กลับมารักผมได้มั๊ย
เรื่องเครียดๆ ที่ไม่คาดฝันก็มักมาแบบไม่รู้ตัว ส่งผลทำลายทั้งจิตใจและร่างกาย บางครั้งเราก็รู้ตัวทันเพราะเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้โดยตรง เช่น เครียดจนปวดหัว กินข้าวไม่ได้ หน้าตาหมองคล้ำ แต่บางครั้งความเครียดก็แอบซุ่มทำลายบุคลิกภาพไปอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาการผมร่วง ซึ่งก็มักจะไปแอบร่วงแถวบริเวณกลางศีรษะ จนมีคนทักนั่นแหละถึงได้รู้ว่ากำลังมีผมทรงไข่ดาว

โรคผมร่วงเป็นหย่อม จะมีลักษณะของเส้นผมที่หลุดร่วงเป็นกระจุก เป็นวงๆ มักเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันไปทำลายรากผม สำหรับสาเหตุนั้นก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ หรือมีโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ด่างขาว ไทรอยด์ ภูมิแพ้ หอบหืด อย่างนี้เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด และที่น่ากลัวมากคือการมีความเครียดเรื้อรังสูง ยิ่งเครียดผมยิ่งร่วง แต่พอหายเครียด อ้าวมีไข่ดาวมาซะงั้น ที่สำคัญโรคผมร่วงเป็นหย่อมแบบนี้ เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่จะพบมากก็ในวัยทำงาน ทำให้เสียบุคลิก ขาดความมั่นใจ

แล้วถ้าถามว่าโรคนี้รักษาหายหรือเปล่า คำตอบคือ รักษาได้ ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้

50% ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เมื่อได้รับการวินิจฉัยถึงต้นเหตุแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติภายใน 6 เดือน – 1 ปี

90% ปล่อยให้หายเอง แต่กว่าจะกลับมาเป็นปกติก็อาจใช้ระยะเวลานานถึง 2 ปี

10% ที่ไม่พบหมอ และผมหลุดร่วงแบบถาวร เซลล์รากผมตาย ไม่งอกกลับมาเหมือนเดิม หรืองอกใหม่แต่ก็ร่วงอีก

แล้วถ้าต้องกลายเป็นคนใน 10% นั้น คุณจะปล่อยให้ผมรับชะตากรรมไปแบบนั้น หรือเลือกที่จะคืนชีพให้เส้นผม

“อยากชวนคุณมารักผม”

สมัยนี้การปลูกผม ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่ NAMNIN ใช้เทคนิค NEAT ที่ไม่ใช่แค่การปลูกผมให้ขึ้น แต่ยังเป็นการคำนึงถึงผู้ที่เข้ารับการรักษา เพราะความกังวลแรกของผู้ที่อยากปลูกผมคือกลัวเจ็บ และกลัวว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อเจาะย้ายเซลล์รากผม รวมไปถึงระยะเวลาพักฟื้นอีก ข้อกังวลใจเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะ NAMNIN เลือกใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่ทันสมัยสุดตอนนี้จากประเทศเกาหลี แผลที่เกิดจากการย้ายเซลล์รากผมก็จะเป็นเพียงสะเก็ดเล็กๆ ทำให้แผลแห้งไว รวมไปถึงการใช้เทคนิคการย้ายแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผมให้เสียทรง เพราะยังมีเส้นผมปกปิดรอยแผลจนเป็นที่สังเกตได้ยาก นอกจากนี้การนำเซลล์รากผมย้ายไปปลูกในบริเวณที่ต้องการรักษา คุณหมอก็จะออกแบบทิศทางการงอกได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญมากที่สุดคือ ทุกขั้นตอนที่ NAMNIN  คุณหมอจะเป็นผู้ที่ดูแลทำการรักษาเองทั้งหมด เรียกว่าเป็นความใส่ใจที่คุณหมอมีให้กับทุกคนจริงๆ

ถ้าเริ่มรักผมขึ้นมาแล้ว อย่าลืมให้ NAMNIN เป็นเสมือนกามเทพคืนชีพให้เส้นผม เพื่อเปลี่ยนลุค ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างมั่นใจ
กลับมารักผมได้มั๊ย
เรื่องเครียดๆ ที่ไม่คาดฝันก็มักมาแบบไม่รู้ตัว ส่งผลทำลายทั้งจิตใจและร่างกาย บางครั้งเราก็รู้ตัวทันเพราะเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้โดยตรง เช่น เครียดจนปวดหัว กินข้าวไม่ได้ หน้าตาหมองคล้ำ แต่บางครั้งความเครียดก็แอบซุ่มทำลายบุคลิกภาพไปอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาการผมร่วง ซึ่งก็มักจะไปแอบร่วงแถวบริเวณกลางศีรษะ จนมีคนทักนั่นแหละถึงได้รู้ว่ากำลังมีผมทรงไข่ดาว

โรคผมร่วงเป็นหย่อม จะมีลักษณะของเส้นผมที่หลุดร่วงเป็นกระจุก เป็นวงๆ มักเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันไปทำลายรากผม สำหรับสาเหตุนั้นก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ หรือมีโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ด่างขาว ไทรอยด์ ภูมิแพ้ หอบหืด อย่างนี้เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด และที่น่ากลัวมากคือการมีความเครียดเรื้อรังสูง ยิ่งเครียดผมยิ่งร่วง แต่พอหายเครียด อ้าวมีไข่ดาวมาซะงั้น ที่สำคัญโรคผมร่วงเป็นหย่อมแบบนี้ เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่จะพบมากก็ในวัยทำงาน ทำให้เสียบุคลิก ขาดความมั่นใจ

แล้วถ้าถามว่าโรคนี้รักษาหายหรือเปล่า คำตอบคือ รักษาได้ ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้

50% ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เมื่อได้รับการวินิจฉัยถึงต้นเหตุแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติภายใน 6 เดือน – 1 ปี

90% ปล่อยให้หายเอง แต่กว่าจะกลับมาเป็นปกติก็อาจใช้ระยะเวลานานถึง 2 ปี

10% ที่ไม่พบหมอ และผมหลุดร่วงแบบถาวร เซลล์รากผมตาย ไม่งอกกลับมาเหมือนเดิม หรืองอกใหม่แต่ก็ร่วงอีก

แล้วถ้าต้องกลายเป็นคนใน 10% นั้น คุณจะปล่อยให้ผมรับชะตากรรมไปแบบนั้น หรือเลือกที่จะคืนชีพให้เส้นผม

“อยากชวนคุณมารักผม”

สมัยนี้การปลูกผม ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่ NAMNIN ใช้เทคนิค NEAT ที่ไม่ใช่แค่การปลูกผมให้ขึ้น แต่ยังเป็นการคำนึงถึงผู้ที่เข้ารับการรักษา เพราะความกังวลแรกของผู้ที่อยากปลูกผมคือกลัวเจ็บ และกลัวว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อเจาะย้ายเซลล์รากผม รวมไปถึงระยะเวลาพักฟื้นอีก ข้อกังวลใจเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะ NAMNIN เลือกใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่ทันสมัยสุดตอนนี้จากประเทศเกาหลี แผลที่เกิดจากการย้ายเซลล์รากผมก็จะเป็นเพียงสะเก็ดเล็กๆ ทำให้แผลแห้งไว รวมไปถึงการใช้เทคนิคการย้ายแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผมให้เสียทรง เพราะยังมีเส้นผมปกปิดรอยแผลจนเป็นที่สังเกตได้ยาก นอกจากนี้การนำเซลล์รากผมย้ายไปปลูกในบริเวณที่ต้องการรักษา คุณหมอก็จะออกแบบทิศทางการงอกได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญมากที่สุดคือ ทุกขั้นตอนที่ NAMNIN  คุณหมอจะเป็นผู้ที่ดูแลทำการรักษาเองทั้งหมด เรียกว่าเป็นความใส่ใจที่คุณหมอมีให้กับทุกคนจริงๆ

ถ้าเริ่มรักผมขึ้นมาแล้ว อย่าลืมให้ NAMNIN เป็นเสมือนกามเทพคืนชีพให้เส้นผม เพื่อเปลี่ยนลุค ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างมั่นใจ
ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”
ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”

“ผมหงอก” เป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจที่หลายคนกังวลว่าจะทำให้เสียภาพลักษณ์จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ผู้คนมักจับคู่ว่าเป็นสาเหตุของอาการผมหงอกก็คงหนีไม่พ้น “ความเครียด” แต่ทราบหรือไม่ว่า ความเครียดกับอาการผมหงอกขาวก่อนวัย ยังคงเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบอยู่จนถึงทุกวันนี้ ว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันในลักษณะใด

โดยปกติแล้ว สีผมของคนเราจะเริ่มหงอกขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัย ถือเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ  โดยเซลล์เม็ดสีที่เรียกว่าเมลาโนโซต์ (melanocytes) ที่เป็นผู้ผลิตเม็ดสีเมลานิน (melanin) นี่เอง ทำให้เส้นผมของเราเป็นสีดำ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ความสามารถในการปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระก็จะลดลงจากในวัยหนุ่มสาว ทำให้เซลล์เมลาโนโซต์ค่อย ๆ หายไป ส่งผมให้เส้นผมเปลี่ยนสีตามไปด้วยนั่นเอง แต่ถ้าเราเริ่มมีผมหงอกขาวตั้งแต่ก่อนวัย 30 ล่ะ ความเครียดจะเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการดังกล่าวอย่างไร

นอกจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นการสูบบุหรี่ การสัมผัสมลพิษทางอากาศ หรือการขาดสารอาหารที่เหมาะสม เป็นที่ทราบกันดีว่าความเครียดสามารถส่งผลต่ออาการผมหงอกอย่างฉับพลันได้ เช่น กลุ่มอาการมารี อองตัวเน็ตต์ (Marie Antoinette Syndrome) ที่ทำให้พระนางมารี อองตัวเน็ตต์ อดีตราชินีฝรั่งเศส เกิดอาการผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนก่อนถูกประหารด้วยกิโยติน แต่ก็ยังไม่พบคำตอบอยู่ดีว่าความเครียดส่งผลให้ผมของคนเราหงอกขาวได้ในเวลาอันสั้นด้วยกลไกแบบใด

ไม่นานมานี้ นักวิจัยเริ่มค้นพบความเชื่อมโยงของ “ความเครียด” กับกลไกการผลิตเม็ดสีบริเวณเส้นผม โดยพวกเขาทดลองสร้างภาวะเครียดรุนแรงให้กับกลุ่มหนูทดลองขนสีดำอายุน้อย ผลที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านไม่กี่สัปดาห์ พบว่าขนสีดำของหนูทดลองกลุ่มนี้กลายเป็นสีขาวทั่วทั้งตัว 

สาเหตุเนื่องมาจากเมื่อหนูทดลองรู้สึกเจ็บปวดหรือหวาดกลัว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล ทำให้หัวใจเต้นถี่ขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ส่งผลต่อระบบประสาทที่ทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรง นำไปสู่การทำลายเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์เมลาโนโซต์ที่ผลิตเม็ดสีในปุ่มรากผม หลังจากสเต็มเซลล์ผลิตเม็ดสีเหล่านี้ถูกทำลายจนหมดลง หนูทดลองจึงไม่สามารถสร้างสีขนได้อีกเลย 

นอกจากนั้น นักวิจัยยังตรวจสอบเปรียบเทียบหน่วยพันธุกรรมหรือยีนของหนูในภาวะเครียดกับหนูทดลองปกติ พบว่าหนูที่มีความเครียดจะผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งออกมาสร้างความเสียหายต่อสเต็มเซลล์เมลาโนไซต์ ซึ่งถ้าให้ยาที่ยับยั้งโปรตีนชนิดนี้กับหนูทดลองในภาวะเครียด ก็จะช่วยชะลอการเกิดการเปลี่ยนสีขนได้

ทั้งหมดนี้เป็นผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา ร่วมกับมหาวิทยาลัย Sao Paulo ประเทศบราซิล ที่พยายามจะไขความลับเกี่ยวกับภาวะเครียดและอาการผมหงอกมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าการค้นพบครั้งล่าสุดนี้จะยังเป็นเพียงการวิจัยในกลุ่มหนูทดลอง แต่นักวิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในการพัฒนายาตัวใหม่ ๆ หรือวิธีการที่จะป้องกันและชะลออาการผมหงอกก่อนวัยที่เกิดจากความเครียดได้ในอนาคต

ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”
ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”

“ผมหงอก” เป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจที่หลายคนกังวลว่าจะทำให้เสียภาพลักษณ์จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ผู้คนมักจับคู่ว่าเป็นสาเหตุของอาการผมหงอกก็คงหนีไม่พ้น “ความเครียด” แต่ทราบหรือไม่ว่า ความเครียดกับอาการผมหงอกขาวก่อนวัย ยังคงเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบอยู่จนถึงทุกวันนี้ ว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันในลักษณะใด

โดยปกติแล้ว สีผมของคนเราจะเริ่มหงอกขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัย ถือเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ  โดยเซลล์เม็ดสีที่เรียกว่าเมลาโนโซต์ (melanocytes) ที่เป็นผู้ผลิตเม็ดสีเมลานิน (melanin) นี่เอง ทำให้เส้นผมของเราเป็นสีดำ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ความสามารถในการปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระก็จะลดลงจากในวัยหนุ่มสาว ทำให้เซลล์เมลาโนโซต์ค่อย ๆ หายไป ส่งผมให้เส้นผมเปลี่ยนสีตามไปด้วยนั่นเอง แต่ถ้าเราเริ่มมีผมหงอกขาวตั้งแต่ก่อนวัย 30 ล่ะ ความเครียดจะเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการดังกล่าวอย่างไร

นอกจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นการสูบบุหรี่ การสัมผัสมลพิษทางอากาศ หรือการขาดสารอาหารที่เหมาะสม เป็นที่ทราบกันดีว่าความเครียดสามารถส่งผลต่ออาการผมหงอกอย่างฉับพลันได้ เช่น กลุ่มอาการมารี อองตัวเน็ตต์ (Marie Antoinette Syndrome) ที่ทำให้พระนางมารี อองตัวเน็ตต์ อดีตราชินีฝรั่งเศส เกิดอาการผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนก่อนถูกประหารด้วยกิโยติน แต่ก็ยังไม่พบคำตอบอยู่ดีว่าความเครียดส่งผลให้ผมของคนเราหงอกขาวได้ในเวลาอันสั้นด้วยกลไกแบบใด

ไม่นานมานี้ นักวิจัยเริ่มค้นพบความเชื่อมโยงของ “ความเครียด” กับกลไกการผลิตเม็ดสีบริเวณเส้นผม โดยพวกเขาทดลองสร้างภาวะเครียดรุนแรงให้กับกลุ่มหนูทดลองขนสีดำอายุน้อย ผลที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านไม่กี่สัปดาห์ พบว่าขนสีดำของหนูทดลองกลุ่มนี้กลายเป็นสีขาวทั่วทั้งตัว 

สาเหตุเนื่องมาจากเมื่อหนูทดลองรู้สึกเจ็บปวดหรือหวาดกลัว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล ทำให้หัวใจเต้นถี่ขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ส่งผลต่อระบบประสาทที่ทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรง นำไปสู่การทำลายเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์เมลาโนโซต์ที่ผลิตเม็ดสีในปุ่มรากผม หลังจากสเต็มเซลล์ผลิตเม็ดสีเหล่านี้ถูกทำลายจนหมดลง หนูทดลองจึงไม่สามารถสร้างสีขนได้อีกเลย 

นอกจากนั้น นักวิจัยยังตรวจสอบเปรียบเทียบหน่วยพันธุกรรมหรือยีนของหนูในภาวะเครียดกับหนูทดลองปกติ พบว่าหนูที่มีความเครียดจะผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งออกมาสร้างความเสียหายต่อสเต็มเซลล์เมลาโนไซต์ ซึ่งถ้าให้ยาที่ยับยั้งโปรตีนชนิดนี้กับหนูทดลองในภาวะเครียด ก็จะช่วยชะลอการเกิดการเปลี่ยนสีขนได้

ทั้งหมดนี้เป็นผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา ร่วมกับมหาวิทยาลัย Sao Paulo ประเทศบราซิล ที่พยายามจะไขความลับเกี่ยวกับภาวะเครียดและอาการผมหงอกมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าการค้นพบครั้งล่าสุดนี้จะยังเป็นเพียงการวิจัยในกลุ่มหนูทดลอง แต่นักวิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในการพัฒนายาตัวใหม่ ๆ หรือวิธีการที่จะป้องกันและชะลออาการผมหงอกก่อนวัยที่เกิดจากความเครียดได้ในอนาคต

ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”
ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”

“ผมหงอก” เป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจที่หลายคนกังวลว่าจะทำให้เสียภาพลักษณ์จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ผู้คนมักจับคู่ว่าเป็นสาเหตุของอาการผมหงอกก็คงหนีไม่พ้น “ความเครียด” แต่ทราบหรือไม่ว่า ความเครียดกับอาการผมหงอกขาวก่อนวัย ยังคงเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบอยู่จนถึงทุกวันนี้ ว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันในลักษณะใด

โดยปกติแล้ว สีผมของคนเราจะเริ่มหงอกขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัย ถือเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ  โดยเซลล์เม็ดสีที่เรียกว่าเมลาโนโซต์ (melanocytes) ที่เป็นผู้ผลิตเม็ดสีเมลานิน (melanin) นี่เอง ทำให้เส้นผมของเราเป็นสีดำ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ความสามารถในการปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระก็จะลดลงจากในวัยหนุ่มสาว ทำให้เซลล์เมลาโนโซต์ค่อย ๆ หายไป ส่งผมให้เส้นผมเปลี่ยนสีตามไปด้วยนั่นเอง แต่ถ้าเราเริ่มมีผมหงอกขาวตั้งแต่ก่อนวัย 30 ล่ะ ความเครียดจะเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการดังกล่าวอย่างไร

นอกจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นการสูบบุหรี่ การสัมผัสมลพิษทางอากาศ หรือการขาดสารอาหารที่เหมาะสม เป็นที่ทราบกันดีว่าความเครียดสามารถส่งผลต่ออาการผมหงอกอย่างฉับพลันได้ เช่น กลุ่มอาการมารี อองตัวเน็ตต์ (Marie Antoinette Syndrome) ที่ทำให้พระนางมารี อองตัวเน็ตต์ อดีตราชินีฝรั่งเศส เกิดอาการผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนก่อนถูกประหารด้วยกิโยติน แต่ก็ยังไม่พบคำตอบอยู่ดีว่าความเครียดส่งผลให้ผมของคนเราหงอกขาวได้ในเวลาอันสั้นด้วยกลไกแบบใด

ไม่นานมานี้ นักวิจัยเริ่มค้นพบความเชื่อมโยงของ “ความเครียด” กับกลไกการผลิตเม็ดสีบริเวณเส้นผม โดยพวกเขาทดลองสร้างภาวะเครียดรุนแรงให้กับกลุ่มหนูทดลองขนสีดำอายุน้อย ผลที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านไม่กี่สัปดาห์ พบว่าขนสีดำของหนูทดลองกลุ่มนี้กลายเป็นสีขาวทั่วทั้งตัว 

สาเหตุเนื่องมาจากเมื่อหนูทดลองรู้สึกเจ็บปวดหรือหวาดกลัว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล ทำให้หัวใจเต้นถี่ขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ส่งผลต่อระบบประสาทที่ทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรง นำไปสู่การทำลายเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์เมลาโนโซต์ที่ผลิตเม็ดสีในปุ่มรากผม หลังจากสเต็มเซลล์ผลิตเม็ดสีเหล่านี้ถูกทำลายจนหมดลง หนูทดลองจึงไม่สามารถสร้างสีขนได้อีกเลย 

นอกจากนั้น นักวิจัยยังตรวจสอบเปรียบเทียบหน่วยพันธุกรรมหรือยีนของหนูในภาวะเครียดกับหนูทดลองปกติ พบว่าหนูที่มีความเครียดจะผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งออกมาสร้างความเสียหายต่อสเต็มเซลล์เมลาโนไซต์ ซึ่งถ้าให้ยาที่ยับยั้งโปรตีนชนิดนี้กับหนูทดลองในภาวะเครียด ก็จะช่วยชะลอการเกิดการเปลี่ยนสีขนได้

ทั้งหมดนี้เป็นผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา ร่วมกับมหาวิทยาลัย Sao Paulo ประเทศบราซิล ที่พยายามจะไขความลับเกี่ยวกับภาวะเครียดและอาการผมหงอกมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าการค้นพบครั้งล่าสุดนี้จะยังเป็นเพียงการวิจัยในกลุ่มหนูทดลอง แต่นักวิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในการพัฒนายาตัวใหม่ ๆ หรือวิธีการที่จะป้องกันและชะลออาการผมหงอกก่อนวัยที่เกิดจากความเครียดได้ในอนาคต

ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”
ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”

“ผมหงอก” เป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจที่หลายคนกังวลว่าจะทำให้เสียภาพลักษณ์จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ผู้คนมักจับคู่ว่าเป็นสาเหตุของอาการผมหงอกก็คงหนีไม่พ้น “ความเครียด” แต่ทราบหรือไม่ว่า ความเครียดกับอาการผมหงอกขาวก่อนวัย ยังคงเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบอยู่จนถึงทุกวันนี้ ว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันในลักษณะใด

โดยปกติแล้ว สีผมของคนเราจะเริ่มหงอกขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัย ถือเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ  โดยเซลล์เม็ดสีที่เรียกว่าเมลาโนโซต์ (melanocytes) ที่เป็นผู้ผลิตเม็ดสีเมลานิน (melanin) นี่เอง ทำให้เส้นผมของเราเป็นสีดำ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ความสามารถในการปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระก็จะลดลงจากในวัยหนุ่มสาว ทำให้เซลล์เมลาโนโซต์ค่อย ๆ หายไป ส่งผมให้เส้นผมเปลี่ยนสีตามไปด้วยนั่นเอง แต่ถ้าเราเริ่มมีผมหงอกขาวตั้งแต่ก่อนวัย 30 ล่ะ ความเครียดจะเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการดังกล่าวอย่างไร

นอกจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นการสูบบุหรี่ การสัมผัสมลพิษทางอากาศ หรือการขาดสารอาหารที่เหมาะสม เป็นที่ทราบกันดีว่าความเครียดสามารถส่งผลต่ออาการผมหงอกอย่างฉับพลันได้ เช่น กลุ่มอาการมารี อองตัวเน็ตต์ (Marie Antoinette Syndrome) ที่ทำให้พระนางมารี อองตัวเน็ตต์ อดีตราชินีฝรั่งเศส เกิดอาการผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนก่อนถูกประหารด้วยกิโยติน แต่ก็ยังไม่พบคำตอบอยู่ดีว่าความเครียดส่งผลให้ผมของคนเราหงอกขาวได้ในเวลาอันสั้นด้วยกลไกแบบใด

ไม่นานมานี้ นักวิจัยเริ่มค้นพบความเชื่อมโยงของ “ความเครียด” กับกลไกการผลิตเม็ดสีบริเวณเส้นผม โดยพวกเขาทดลองสร้างภาวะเครียดรุนแรงให้กับกลุ่มหนูทดลองขนสีดำอายุน้อย ผลที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านไม่กี่สัปดาห์ พบว่าขนสีดำของหนูทดลองกลุ่มนี้กลายเป็นสีขาวทั่วทั้งตัว 

สาเหตุเนื่องมาจากเมื่อหนูทดลองรู้สึกเจ็บปวดหรือหวาดกลัว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล ทำให้หัวใจเต้นถี่ขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ส่งผลต่อระบบประสาทที่ทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรง นำไปสู่การทำลายเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์เมลาโนโซต์ที่ผลิตเม็ดสีในปุ่มรากผม หลังจากสเต็มเซลล์ผลิตเม็ดสีเหล่านี้ถูกทำลายจนหมดลง หนูทดลองจึงไม่สามารถสร้างสีขนได้อีกเลย 

นอกจากนั้น นักวิจัยยังตรวจสอบเปรียบเทียบหน่วยพันธุกรรมหรือยีนของหนูในภาวะเครียดกับหนูทดลองปกติ พบว่าหนูที่มีความเครียดจะผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งออกมาสร้างความเสียหายต่อสเต็มเซลล์เมลาโนไซต์ ซึ่งถ้าให้ยาที่ยับยั้งโปรตีนชนิดนี้กับหนูทดลองในภาวะเครียด ก็จะช่วยชะลอการเกิดการเปลี่ยนสีขนได้

ทั้งหมดนี้เป็นผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา ร่วมกับมหาวิทยาลัย Sao Paulo ประเทศบราซิล ที่พยายามจะไขความลับเกี่ยวกับภาวะเครียดและอาการผมหงอกมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าการค้นพบครั้งล่าสุดนี้จะยังเป็นเพียงการวิจัยในกลุ่มหนูทดลอง แต่นักวิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในการพัฒนายาตัวใหม่ ๆ หรือวิธีการที่จะป้องกันและชะลออาการผมหงอกก่อนวัยที่เกิดจากความเครียดได้ในอนาคต

“นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”
ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมา การศัลยกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การทำศัลยกรรมกลายเป็นที่ยอมรับและผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงทำให้อายุโดยเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมลดลง จากผลการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ พบว่า ประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก เป็นอันดับ 5 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)



“ปลูกผม” คือ หนึ่งในการทำศัลยกรรมของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี เพราะการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” จึงต้องประกอบไปด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง ความประณีตพิถีพิถันและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รวมถึงประสิทธิภาพด้านความสวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ และแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตามธรรมชาติของผู้รับการปลูกผม


เพราะ “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ “เส้นผม” เป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนของบุคคลนั้นได้ดีที่สุด “Namnin Clinic” จึงใช้โอกาสในช่วงวันแห่งความรัก เปิดตัวหนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” บน Facebook  เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงคุณค่าของความรักที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของชีวิต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต เปรียบเสมือนการปลูกผมที่ช่วยสร้างบุคลิกใหม่ และเพิ่มความมั่นใจให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ



“Namnin Clinic” เป็นคลินิกแห่งแรกที่บุกตลาดการศัลยกรรมปลูกผมในมุมมองใหม่ โดยใช้หนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” ช่วยนำเสนอความสำคัญและผลลัพธ์ของการปลูกผมตามแนวคิด “NEAT FOR NEW ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” เพราะเชื่อมั่นว่า ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอและอยู่เคียงข้างทุกความตั้งใจเพื่อให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ





 “นามนิน” ขอชวนให้คุณมาร่วมหาคำตอบร่วมกันว่า ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงหรือแท้จริงแล้วเราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักกันแน่ในหนังสั้นเรื่องนี้ 

“นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”
ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมา การศัลยกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การทำศัลยกรรมกลายเป็นที่ยอมรับและผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงทำให้อายุโดยเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมลดลง จากผลการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ พบว่า ประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก เป็นอันดับ 5 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)



“ปลูกผม” คือ หนึ่งในการทำศัลยกรรมของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี เพราะการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” จึงต้องประกอบไปด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง ความประณีตพิถีพิถันและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รวมถึงประสิทธิภาพด้านความสวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ และแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตามธรรมชาติของผู้รับการปลูกผม


เพราะ “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ “เส้นผม” เป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนของบุคคลนั้นได้ดีที่สุด “Namnin Clinic” จึงใช้โอกาสในช่วงวันแห่งความรัก เปิดตัวหนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” บน Facebook  เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงคุณค่าของความรักที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของชีวิต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต เปรียบเสมือนการปลูกผมที่ช่วยสร้างบุคลิกใหม่ และเพิ่มความมั่นใจให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ



“Namnin Clinic” เป็นคลินิกแห่งแรกที่บุกตลาดการศัลยกรรมปลูกผมในมุมมองใหม่ โดยใช้หนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” ช่วยนำเสนอความสำคัญและผลลัพธ์ของการปลูกผมตามแนวคิด “NEAT FOR NEW ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” เพราะเชื่อมั่นว่า ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอและอยู่เคียงข้างทุกความตั้งใจเพื่อให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ





 “นามนิน” ขอชวนให้คุณมาร่วมหาคำตอบร่วมกันว่า ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงหรือแท้จริงแล้วเราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักกันแน่ในหนังสั้นเรื่องนี้ 

“นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”
ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมา การศัลยกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การทำศัลยกรรมกลายเป็นที่ยอมรับและผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงทำให้อายุโดยเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมลดลง จากผลการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ พบว่า ประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก เป็นอันดับ 5 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)



“ปลูกผม” คือ หนึ่งในการทำศัลยกรรมของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี เพราะการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” จึงต้องประกอบไปด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง ความประณีตพิถีพิถันและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รวมถึงประสิทธิภาพด้านความสวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ และแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตามธรรมชาติของผู้รับการปลูกผม


เพราะ “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ “เส้นผม” เป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนของบุคคลนั้นได้ดีที่สุด “Namnin Clinic” จึงใช้โอกาสในช่วงวันแห่งความรัก เปิดตัวหนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” บน Facebook  เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงคุณค่าของความรักที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของชีวิต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต เปรียบเสมือนการปลูกผมที่ช่วยสร้างบุคลิกใหม่ และเพิ่มความมั่นใจให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ



“Namnin Clinic” เป็นคลินิกแห่งแรกที่บุกตลาดการศัลยกรรมปลูกผมในมุมมองใหม่ โดยใช้หนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” ช่วยนำเสนอความสำคัญและผลลัพธ์ของการปลูกผมตามแนวคิด “NEAT FOR NEW ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” เพราะเชื่อมั่นว่า ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอและอยู่เคียงข้างทุกความตั้งใจเพื่อให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ





 “นามนิน” ขอชวนให้คุณมาร่วมหาคำตอบร่วมกันว่า ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงหรือแท้จริงแล้วเราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักกันแน่ในหนังสั้นเรื่องนี้ 

“นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”
ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมา การศัลยกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การทำศัลยกรรมกลายเป็นที่ยอมรับและผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงทำให้อายุโดยเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมลดลง จากผลการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ พบว่า ประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก เป็นอันดับ 5 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)



“ปลูกผม” คือ หนึ่งในการทำศัลยกรรมของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี เพราะการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” จึงต้องประกอบไปด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง ความประณีตพิถีพิถันและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รวมถึงประสิทธิภาพด้านความสวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ และแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตามธรรมชาติของผู้รับการปลูกผม


เพราะ “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ “เส้นผม” เป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนของบุคคลนั้นได้ดีที่สุด “Namnin Clinic” จึงใช้โอกาสในช่วงวันแห่งความรัก เปิดตัวหนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” บน Facebook  เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงคุณค่าของความรักที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของชีวิต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต เปรียบเสมือนการปลูกผมที่ช่วยสร้างบุคลิกใหม่ และเพิ่มความมั่นใจให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ



“Namnin Clinic” เป็นคลินิกแห่งแรกที่บุกตลาดการศัลยกรรมปลูกผมในมุมมองใหม่ โดยใช้หนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” ช่วยนำเสนอความสำคัญและผลลัพธ์ของการปลูกผมตามแนวคิด “NEAT FOR NEW ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” เพราะเชื่อมั่นว่า ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอและอยู่เคียงข้างทุกความตั้งใจเพื่อให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ





 “นามนิน” ขอชวนให้คุณมาร่วมหาคำตอบร่วมกันว่า ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงหรือแท้จริงแล้วเราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักกันแน่ในหนังสั้นเรื่องนี้ 

“นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”
ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมา การศัลยกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การทำศัลยกรรมกลายเป็นที่ยอมรับและผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงทำให้อายุโดยเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมลดลง จากผลการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ พบว่า ประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก เป็นอันดับ 5 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)



“ปลูกผม” คือ หนึ่งในการทำศัลยกรรมของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี เพราะการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” จึงต้องประกอบไปด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง ความประณีตพิถีพิถันและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รวมถึงประสิทธิภาพด้านความสวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ และแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตามธรรมชาติของผู้รับการปลูกผม


เพราะ “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ “เส้นผม” เป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนของบุคคลนั้นได้ดีที่สุด “Namnin Clinic” จึงใช้โอกาสในช่วงวันแห่งความรัก เปิดตัวหนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” บน Facebook  เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงคุณค่าของความรักที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของชีวิต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต เปรียบเสมือนการปลูกผมที่ช่วยสร้างบุคลิกใหม่ และเพิ่มความมั่นใจให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ



“Namnin Clinic” เป็นคลินิกแห่งแรกที่บุกตลาดการศัลยกรรมปลูกผมในมุมมองใหม่ โดยใช้หนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” ช่วยนำเสนอความสำคัญและผลลัพธ์ของการปลูกผมตามแนวคิด “NEAT FOR NEW ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” เพราะเชื่อมั่นว่า ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอและอยู่เคียงข้างทุกความตั้งใจเพื่อให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ





 “นามนิน” ขอชวนให้คุณมาร่วมหาคำตอบร่วมกันว่า ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงหรือแท้จริงแล้วเราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักกันแน่ในหนังสั้นเรื่องนี้ 

แกะรอยความแตกต่าง ภาวะผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ในผู้ชายและผู้หญิง
อาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้าน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยมีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด การขาดสารอาหาร โรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ แต่ตัวการสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคนเรา ก็คือ “กรรมพันธุ์” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว เรียกได้ว่าอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์นั้น สามารถพบได้ถึงร้อยละ 90 – 95 จากสาเหตุทั้งหมดทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าสังเกตของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ ที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งหากเราสังเกตพบอาการเหล่านี้ ก็จะทำให้สามารถรักษาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และยิ่งสังเกตพบเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชาย

ในความเป็นจริงแล้ว เรามักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ไม่เพียงเท่านั้น ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) ยังเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ กล่าวคือ ผู้ชายที่ได้รับการส่งต่อลักษณะผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรม จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase ในปริมาณสูงบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมที่เกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ โดยเราจะพบลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชายได้ดังนี้ 

  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ (รูปแบบ A)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย มักพบได้ทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย (รูปแบบ O)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (รูปแบบ M)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางอย่างรุนแรงที่สุด (รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M)
  • เป็นที่น่าสังเกตว่า ผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้าง และผมบริเวณท้ายทอย จะมีความหนาแน่นและมีขนาดเส้นผมปกติ เนื่องจากรากผมบริเวณนั้นมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • มีลักษณะหนวดเคราดก และผิวหน้ามันร่วมด้วย เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้




ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง

  • จุดแตกต่างที่สำคัญคือ ผลจากกรรมพันธุ์ไม่ได้มีผลต่อการร่นของแนวผมบริเวณหน้าผากของผู้หญิง หรือมีผลน้อยมาก (ดังนั้น หากคุณพบปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณหน้าผาก อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ก็เป็นได้ เช่น การมัดผมแน่น ๆ เป็นเวลานาน การเสียสมดุลของฮอร์โมนเอนโดรเจนในผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ อย่างเช่นโรคเบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ เป็นต้น)
  • จุดที่น่าสังเกตคือ ผู้หญิงจะมีผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงรอยแสกผมที่จะค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเส้นผมบริเวณนั้นก็จะมีขนาดเล็กและอ่อนแอลงด้วย ในที่นี้อาจแบ่งความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ไปจนถึงระดับรุนแรง ซึ่งบริเวณที่ผมร่วงและผมบางจะขยายไปทางด้านข้างเป็นวงกว้าง
  • ในขณะที่ผู้ชายจะยังคงมีผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้างและบริเวณท้ายทอยที่หนาแน่นและแข็งแรง ตรงกันข้าม ผมของผู้หญิงในบริเวณดังกล่าวอาจมีความหนาแน่นลดลง หรือมีขนาดของเส้นผมเล็กลงได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าบริเวณกลางศีรษะ
  • ผู้หญิงจะมีความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมน้อยกว่าผู้ชาย ไม่ถึงขั้นนำไปสู่ภาวะผมล้าน
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้
  • อาจมีประวัติความผิดปกติของรอบเดือนในอดีตร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ลักษณะผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง จะยิ่งแสดงเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดรอบเดือน



หากสันนิษฐานได้ว่า อาการผมร่วงและผมบางของเราน่าจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการรักษา ที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ลดอาการเจ็บและอาการบวมช้ำหลังการรักษา ลดระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากเหลือเพียงแผลขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเส้นผม ทำให้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ทันที ทั้งยังให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ 




แกะรอยความแตกต่าง ภาวะผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ในผู้ชายและผู้หญิง
อาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้าน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยมีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด การขาดสารอาหาร โรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ แต่ตัวการสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคนเรา ก็คือ “กรรมพันธุ์” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว เรียกได้ว่าอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์นั้น สามารถพบได้ถึงร้อยละ 90 – 95 จากสาเหตุทั้งหมดทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าสังเกตของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ ที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งหากเราสังเกตพบอาการเหล่านี้ ก็จะทำให้สามารถรักษาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และยิ่งสังเกตพบเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชาย

ในความเป็นจริงแล้ว เรามักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ไม่เพียงเท่านั้น ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) ยังเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ กล่าวคือ ผู้ชายที่ได้รับการส่งต่อลักษณะผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรม จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase ในปริมาณสูงบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมที่เกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ โดยเราจะพบลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชายได้ดังนี้ 

  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ (รูปแบบ A)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย มักพบได้ทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย (รูปแบบ O)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (รูปแบบ M)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางอย่างรุนแรงที่สุด (รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M)
  • เป็นที่น่าสังเกตว่า ผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้าง และผมบริเวณท้ายทอย จะมีความหนาแน่นและมีขนาดเส้นผมปกติ เนื่องจากรากผมบริเวณนั้นมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • มีลักษณะหนวดเคราดก และผิวหน้ามันร่วมด้วย เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้




ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง

  • จุดแตกต่างที่สำคัญคือ ผลจากกรรมพันธุ์ไม่ได้มีผลต่อการร่นของแนวผมบริเวณหน้าผากของผู้หญิง หรือมีผลน้อยมาก (ดังนั้น หากคุณพบปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณหน้าผาก อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ก็เป็นได้ เช่น การมัดผมแน่น ๆ เป็นเวลานาน การเสียสมดุลของฮอร์โมนเอนโดรเจนในผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ อย่างเช่นโรคเบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ เป็นต้น)
  • จุดที่น่าสังเกตคือ ผู้หญิงจะมีผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงรอยแสกผมที่จะค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเส้นผมบริเวณนั้นก็จะมีขนาดเล็กและอ่อนแอลงด้วย ในที่นี้อาจแบ่งความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ไปจนถึงระดับรุนแรง ซึ่งบริเวณที่ผมร่วงและผมบางจะขยายไปทางด้านข้างเป็นวงกว้าง
  • ในขณะที่ผู้ชายจะยังคงมีผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้างและบริเวณท้ายทอยที่หนาแน่นและแข็งแรง ตรงกันข้าม ผมของผู้หญิงในบริเวณดังกล่าวอาจมีความหนาแน่นลดลง หรือมีขนาดของเส้นผมเล็กลงได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าบริเวณกลางศีรษะ
  • ผู้หญิงจะมีความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมน้อยกว่าผู้ชาย ไม่ถึงขั้นนำไปสู่ภาวะผมล้าน
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้
  • อาจมีประวัติความผิดปกติของรอบเดือนในอดีตร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ลักษณะผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง จะยิ่งแสดงเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดรอบเดือน



หากสันนิษฐานได้ว่า อาการผมร่วงและผมบางของเราน่าจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการรักษา ที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ลดอาการเจ็บและอาการบวมช้ำหลังการรักษา ลดระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากเหลือเพียงแผลขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเส้นผม ทำให้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ทันที ทั้งยังให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ 




แกะรอยความแตกต่าง ภาวะผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ในผู้ชายและผู้หญิง
อาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้าน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยมีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด การขาดสารอาหาร โรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ แต่ตัวการสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคนเรา ก็คือ “กรรมพันธุ์” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว เรียกได้ว่าอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์นั้น สามารถพบได้ถึงร้อยละ 90 – 95 จากสาเหตุทั้งหมดทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าสังเกตของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ ที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งหากเราสังเกตพบอาการเหล่านี้ ก็จะทำให้สามารถรักษาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และยิ่งสังเกตพบเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชาย

ในความเป็นจริงแล้ว เรามักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ไม่เพียงเท่านั้น ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) ยังเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ กล่าวคือ ผู้ชายที่ได้รับการส่งต่อลักษณะผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรม จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase ในปริมาณสูงบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมที่เกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ โดยเราจะพบลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชายได้ดังนี้ 

  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ (รูปแบบ A)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย มักพบได้ทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย (รูปแบบ O)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (รูปแบบ M)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางอย่างรุนแรงที่สุด (รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M)
  • เป็นที่น่าสังเกตว่า ผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้าง และผมบริเวณท้ายทอย จะมีความหนาแน่นและมีขนาดเส้นผมปกติ เนื่องจากรากผมบริเวณนั้นมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • มีลักษณะหนวดเคราดก และผิวหน้ามันร่วมด้วย เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้




ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง

  • จุดแตกต่างที่สำคัญคือ ผลจากกรรมพันธุ์ไม่ได้มีผลต่อการร่นของแนวผมบริเวณหน้าผากของผู้หญิง หรือมีผลน้อยมาก (ดังนั้น หากคุณพบปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณหน้าผาก อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ก็เป็นได้ เช่น การมัดผมแน่น ๆ เป็นเวลานาน การเสียสมดุลของฮอร์โมนเอนโดรเจนในผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ อย่างเช่นโรคเบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ เป็นต้น)
  • จุดที่น่าสังเกตคือ ผู้หญิงจะมีผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงรอยแสกผมที่จะค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเส้นผมบริเวณนั้นก็จะมีขนาดเล็กและอ่อนแอลงด้วย ในที่นี้อาจแบ่งความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ไปจนถึงระดับรุนแรง ซึ่งบริเวณที่ผมร่วงและผมบางจะขยายไปทางด้านข้างเป็นวงกว้าง
  • ในขณะที่ผู้ชายจะยังคงมีผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้างและบริเวณท้ายทอยที่หนาแน่นและแข็งแรง ตรงกันข้าม ผมของผู้หญิงในบริเวณดังกล่าวอาจมีความหนาแน่นลดลง หรือมีขนาดของเส้นผมเล็กลงได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าบริเวณกลางศีรษะ
  • ผู้หญิงจะมีความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมน้อยกว่าผู้ชาย ไม่ถึงขั้นนำไปสู่ภาวะผมล้าน
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้
  • อาจมีประวัติความผิดปกติของรอบเดือนในอดีตร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ลักษณะผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง จะยิ่งแสดงเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดรอบเดือน



หากสันนิษฐานได้ว่า อาการผมร่วงและผมบางของเราน่าจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการรักษา ที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ลดอาการเจ็บและอาการบวมช้ำหลังการรักษา ลดระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากเหลือเพียงแผลขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเส้นผม ทำให้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ทันที ทั้งยังให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ 




แกะรอยความแตกต่าง ภาวะผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ในผู้ชายและผู้หญิง
อาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้าน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยมีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด การขาดสารอาหาร โรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ แต่ตัวการสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคนเรา ก็คือ “กรรมพันธุ์” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว เรียกได้ว่าอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์นั้น สามารถพบได้ถึงร้อยละ 90 – 95 จากสาเหตุทั้งหมดทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าสังเกตของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ ที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งหากเราสังเกตพบอาการเหล่านี้ ก็จะทำให้สามารถรักษาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และยิ่งสังเกตพบเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชาย

ในความเป็นจริงแล้ว เรามักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ไม่เพียงเท่านั้น ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) ยังเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ กล่าวคือ ผู้ชายที่ได้รับการส่งต่อลักษณะผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรม จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase ในปริมาณสูงบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมที่เกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ โดยเราจะพบลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชายได้ดังนี้ 

  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ (รูปแบบ A)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย มักพบได้ทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย (รูปแบบ O)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (รูปแบบ M)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางอย่างรุนแรงที่สุด (รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M)
  • เป็นที่น่าสังเกตว่า ผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้าง และผมบริเวณท้ายทอย จะมีความหนาแน่นและมีขนาดเส้นผมปกติ เนื่องจากรากผมบริเวณนั้นมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • มีลักษณะหนวดเคราดก และผิวหน้ามันร่วมด้วย เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้




ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง

  • จุดแตกต่างที่สำคัญคือ ผลจากกรรมพันธุ์ไม่ได้มีผลต่อการร่นของแนวผมบริเวณหน้าผากของผู้หญิง หรือมีผลน้อยมาก (ดังนั้น หากคุณพบปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณหน้าผาก อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ก็เป็นได้ เช่น การมัดผมแน่น ๆ เป็นเวลานาน การเสียสมดุลของฮอร์โมนเอนโดรเจนในผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ อย่างเช่นโรคเบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ เป็นต้น)
  • จุดที่น่าสังเกตคือ ผู้หญิงจะมีผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงรอยแสกผมที่จะค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเส้นผมบริเวณนั้นก็จะมีขนาดเล็กและอ่อนแอลงด้วย ในที่นี้อาจแบ่งความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ไปจนถึงระดับรุนแรง ซึ่งบริเวณที่ผมร่วงและผมบางจะขยายไปทางด้านข้างเป็นวงกว้าง
  • ในขณะที่ผู้ชายจะยังคงมีผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้างและบริเวณท้ายทอยที่หนาแน่นและแข็งแรง ตรงกันข้าม ผมของผู้หญิงในบริเวณดังกล่าวอาจมีความหนาแน่นลดลง หรือมีขนาดของเส้นผมเล็กลงได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าบริเวณกลางศีรษะ
  • ผู้หญิงจะมีความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมน้อยกว่าผู้ชาย ไม่ถึงขั้นนำไปสู่ภาวะผมล้าน
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้
  • อาจมีประวัติความผิดปกติของรอบเดือนในอดีตร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ลักษณะผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง จะยิ่งแสดงเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดรอบเดือน



หากสันนิษฐานได้ว่า อาการผมร่วงและผมบางของเราน่าจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการรักษา ที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ลดอาการเจ็บและอาการบวมช้ำหลังการรักษา ลดระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากเหลือเพียงแผลขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเส้นผม ทำให้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ทันที ทั้งยังให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ 




ไขความลับยา Minoxidil แก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้จริงหรือ?
ชื่อของ Minoxidil น่าจะเคยผ่านสายตาของผู้ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงหรือผมบางกันมาบ้าง เพราะ Minoxidil คือตัวยารักษาอาการดังกล่าวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีทั้งในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน หรือยาทาภายนอก เช่นแบบโลชั่น แบบน้ำ และแบบเนื้อโฟม สามารถพบตัวยา Minoxidil ในผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งมีทั้งแบบความเข้มข้น 2% และ 5% หลายคนอาจยังสงสัยว่า Minoxidil มีคุณสมบัติอย่างไรในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบาง และจะสามารถเพิ่มเส้นผมให้หนาแน่นและแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือไม่ มาลองทำความรู้จักกับตัวยาชนิดนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

ทราบหรือไม่ว่า เดิม Minoxidil ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง แต่เป็นยาที่ใช้ลดความดัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการความดันโลหิตสูง เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันลดลงได้ โดยผู้ป่วยจะรับประทาน Minoxidil ในรูปแบบเม็ด แต่ในตอนนั้น แพทย์เริ่มสังเกตเห็นว่า หลังจากผู้ป่วยใช้ยาตัวนี้ติดต่อกันประมาณ 4 – 6 เดือน จะพบผลข้างเคียงจากยานั่นคือทำให้ผู้ป่วยที่มีผมบาง กลับมีเส้นผมใหม่เกิดเพิ่มขึ้น แพทย์จึงทดสอบเพิ่มเติมกับอาสาสมัครและผู้ป่วย และพบว่าร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการทดสอบด้วยการใช้ยา Minoxidil มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นจริง สันนิษฐานว่าเกิดจากคุณสมบัติของตัวยาในการขยายหลอดเลือดนี่เอง ที่อาจทำให้มีเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ยา Minoxidil สำหรับการรักษาอาการผมร่วงและผมบางมาจนถึงปัจจุบัน 

หากจะทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Minoxidil ที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะและเส้นผมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจวงจรของเส้นผม หรือ Hair Life Cycle เสียก่อน โดยปกติแล้ว เส้นผมของคนเราซึ่งมีประมาณ 100,000 – 150,000 เส้นทั่วทั้งศีรษะนั้น จะมีระยะการเจริญเติบโตและหลุดร่วงไปตามธรรมชาติอยู่ 4 ระยะ ดังนี้

- ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase 
ระยะนี้ ต่อมรากผมที่อยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ จะเริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นผมที่ค่อย ๆ ยาวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 ปี ยิ่งระยะนี้ยาวนานเท่าไหร่ ผมของเราก็ยิ่งยาวและหนาแน่นขึ้น แต่หากระยะนี้กินเวลาสั้นลง ผมเกิดใหม่ก็จะกลับสั้น บาง และไม่แข็งแรง จนเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะผมล้านได้

- ระยะหยุดการเจริญเติบโต หรือ Catagen Phase
เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ต่อมรากผมจะหยุดการแบ่งเซลล์ ส่งผลให้เส้นผมเจริญเติบโตช้าลงจนค่อย ๆ หยุดไปในที่สุด ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

- ระยะพัก หรือ Telogen Phase
หลังจากเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตแล้ว จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมายังบริเวณผิวหนังศีรษะเพื่อรอการหลุดร่วง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ขณะเดียวกันเส้นผมที่กำลังจะเกิดใหม่ ก็จะทำหน้าที่ช่วยผลักให้เส้นผมเก่าหลุดร่วงออกไป ซึ่งโดยทั่วไป ผมของคนเราอาจร่วงได้ประมาณ 50 – 100 เส้นในแต่ละวัน 

หลังจากนั้น เส้นผมที่เกิดใหม่ก็จะเริ่มเข้าสู่วงจรเส้นผมในระยะแรกคือ Anagen Phase เพื่อเริ่มต้นวัฏจักรใหม่อีกครั้ง หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่วงจรเส้นผมจะย่นระยะเวลาสั้นลงตามวัย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้เช่นกัน

(PHOTO REFERENCE) ภาพวงจรเส้นผมในระยะต่าง ๆ


เมื่อเห็นภาพการเติบโตในแต่ละระยะของเส้นผมแล้ว ลองมาดูกลไกการออกฤทธิ์ของ Minoxidil กันบ้าง ในระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ซึ่งเป็นระยะที่เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ ตัวยานี้จะช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะให้กว้างขึ้น เปิดทางให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นำพาสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มาหล่อเลี้ยงและบำรุงหนังศีรษะและรากผมได้มากขึ้น จนส่งผลให้รากผมแข็งแรง พร้อมที่จะเติบโตไปเป็นไรผม และเส้นผมที่มีสุขภาพดีต่อไป 

ไม่เพียงเท่านั้น Minoxidil ยังช่วยกระตุ้นให้รากผมที่อยู่ในระยะพัก หรือ Telogen Phase เข้าสู่ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหากผู้ใช้ยาตัวนี้จะพบว่าผมหลุดร่วงมากขึ้นในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ดี แสดงถึงประสิทธิภาพของตัวยาในการเร่งการผลัดเส้นผมเก่าที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว หรือเส้นผมที่ลีบเล็กและบางทิ้งไป เพื่อเตรียมรากผมให้พร้อมสำหรับการเกิดของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้น 

ทั้งนี้ Minoxidil จะช่วยฟื้นฟูรากผมที่หดตัวและอ่อนแอ ให้สามารถกลับมาสร้างเส้นผมใหม่ได้อีกครั้ง ที่สำคัญ ตัวยานี้ยังช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่จึงมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิมด้วย เมื่อรากผมที่เคยเป็นปัญหากลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้ เราจึงเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่เพิ่มปริมาณหนาแน่นขึ้นทั่วศีรษะในที่สุด


เรียกได้ว่า Monoxidil จะส่งผลให้ระยะพัก หรือ Telogen Phase สั้นลง ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผม หรือ Anagen Phase ให้ยาวนานขึ้น ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย การทำงานของตัวยานี้จึงเท่ากับเป็นการรีเซ็ตวงจรเส้นผมใหม่ให้กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น ระยะเห็นผลของยา จึงต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคน ระหว่างการรักษาจึงต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเกิดของผมสักเส้นหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือนตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาตินั่นเอง

แม้การรักษาด้วยตัวยา Minoxidil จะช่วยชะลออาการผมร่วงและผมบาง รวมถึงช่วยสร้างเส้นผมใหม่ ให้เติบโตจากไรผม เป็นเส้นผมที่แข็งแรงกว่าเดิมได้ แต่ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไปที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กัน ผู้ใช้จึงควรศึกษาทำความเข้าใจการทำงานของตัวยา หรือใช้ภายใต้ความดูแลของแพทย์ เพื่อระวังผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นอาการระคายเคือง หรือการมีขนขึ้นในบริเวณอื่นนอกจากหนังศีรษะ เป็นต้น 

ทั้งนี้ อาจมีผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบางที่พบว่าการใช้ยา Minoxidil ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร  ซึ่งนอกจากสาเหตุที่พบได้บ่อย อย่างเช่นการใช้ยาไม่ต่อเนื่องยาวนานเพียงพอแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป หากปล่อยให้ผมร่วงอย่างต่อเนื่อง จนเส้นผมเล็กลงเรื่อย ๆ และรูขุมขนบนหนังศีรษะหดตัวจนเส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก โอกาสที่จะรักษาโดยการใช้ยาตามที่กล่าวมา ก็จะเป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นแล้ว การตอบสนองต่อตัวยาของแต่ละคนยังแตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการใช้ยาจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมด้วย หากหนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอ การใช้ยา Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญ หลายคนพบว่า Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะได้ แต่รักษาอาการดังกล่าวบริเวณแนวผมด้านหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร

หากต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวรร การเข้ารับการปลูกผมจากคลินิกหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมือนเป็นการย้ายกอผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดนั่นเอง 


สำหรับขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์และรักษา แพทย์อาจเริ่มจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาผมร่วงและผมบางในแต่ละคนก่อน ร้อยละ 90 ของผู้ประสบปัญหาทั้งผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่ เกิดมาจากกรรมพันธุ์ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่นโรคที่เกี่ยวข้องกับหนังศีรษะ ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย รวมไปถึงภาวะความเครียด ซึ่งการรักษาให้ตรงกับที่มาหรือต้นเหตุของโรค ภายใต้การวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด 

อย่างไรก็ตาม หลังการปลูกผมแบบถาวร แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา หรือ treatment ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมบริเวณอื่นหลุดร่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทั้งการปลูกผมและการใช้ยาต่างก็มีบทบาทในการรักษาในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสม หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวที่ดีที่สุดนั่นเอง 

ไขความลับยา Minoxidil แก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้จริงหรือ?
ชื่อของ Minoxidil น่าจะเคยผ่านสายตาของผู้ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงหรือผมบางกันมาบ้าง เพราะ Minoxidil คือตัวยารักษาอาการดังกล่าวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีทั้งในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน หรือยาทาภายนอก เช่นแบบโลชั่น แบบน้ำ และแบบเนื้อโฟม สามารถพบตัวยา Minoxidil ในผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งมีทั้งแบบความเข้มข้น 2% และ 5% หลายคนอาจยังสงสัยว่า Minoxidil มีคุณสมบัติอย่างไรในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบาง และจะสามารถเพิ่มเส้นผมให้หนาแน่นและแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือไม่ มาลองทำความรู้จักกับตัวยาชนิดนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

ทราบหรือไม่ว่า เดิม Minoxidil ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง แต่เป็นยาที่ใช้ลดความดัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการความดันโลหิตสูง เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันลดลงได้ โดยผู้ป่วยจะรับประทาน Minoxidil ในรูปแบบเม็ด แต่ในตอนนั้น แพทย์เริ่มสังเกตเห็นว่า หลังจากผู้ป่วยใช้ยาตัวนี้ติดต่อกันประมาณ 4 – 6 เดือน จะพบผลข้างเคียงจากยานั่นคือทำให้ผู้ป่วยที่มีผมบาง กลับมีเส้นผมใหม่เกิดเพิ่มขึ้น แพทย์จึงทดสอบเพิ่มเติมกับอาสาสมัครและผู้ป่วย และพบว่าร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการทดสอบด้วยการใช้ยา Minoxidil มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นจริง สันนิษฐานว่าเกิดจากคุณสมบัติของตัวยาในการขยายหลอดเลือดนี่เอง ที่อาจทำให้มีเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ยา Minoxidil สำหรับการรักษาอาการผมร่วงและผมบางมาจนถึงปัจจุบัน 

หากจะทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Minoxidil ที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะและเส้นผมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจวงจรของเส้นผม หรือ Hair Life Cycle เสียก่อน โดยปกติแล้ว เส้นผมของคนเราซึ่งมีประมาณ 100,000 – 150,000 เส้นทั่วทั้งศีรษะนั้น จะมีระยะการเจริญเติบโตและหลุดร่วงไปตามธรรมชาติอยู่ 4 ระยะ ดังนี้

- ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase 
ระยะนี้ ต่อมรากผมที่อยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ จะเริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นผมที่ค่อย ๆ ยาวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 ปี ยิ่งระยะนี้ยาวนานเท่าไหร่ ผมของเราก็ยิ่งยาวและหนาแน่นขึ้น แต่หากระยะนี้กินเวลาสั้นลง ผมเกิดใหม่ก็จะกลับสั้น บาง และไม่แข็งแรง จนเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะผมล้านได้

- ระยะหยุดการเจริญเติบโต หรือ Catagen Phase
เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ต่อมรากผมจะหยุดการแบ่งเซลล์ ส่งผลให้เส้นผมเจริญเติบโตช้าลงจนค่อย ๆ หยุดไปในที่สุด ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

- ระยะพัก หรือ Telogen Phase
หลังจากเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตแล้ว จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมายังบริเวณผิวหนังศีรษะเพื่อรอการหลุดร่วง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ขณะเดียวกันเส้นผมที่กำลังจะเกิดใหม่ ก็จะทำหน้าที่ช่วยผลักให้เส้นผมเก่าหลุดร่วงออกไป ซึ่งโดยทั่วไป ผมของคนเราอาจร่วงได้ประมาณ 50 – 100 เส้นในแต่ละวัน 

หลังจากนั้น เส้นผมที่เกิดใหม่ก็จะเริ่มเข้าสู่วงจรเส้นผมในระยะแรกคือ Anagen Phase เพื่อเริ่มต้นวัฏจักรใหม่อีกครั้ง หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่วงจรเส้นผมจะย่นระยะเวลาสั้นลงตามวัย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้เช่นกัน

(PHOTO REFERENCE) ภาพวงจรเส้นผมในระยะต่าง ๆ


เมื่อเห็นภาพการเติบโตในแต่ละระยะของเส้นผมแล้ว ลองมาดูกลไกการออกฤทธิ์ของ Minoxidil กันบ้าง ในระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ซึ่งเป็นระยะที่เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ ตัวยานี้จะช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะให้กว้างขึ้น เปิดทางให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นำพาสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มาหล่อเลี้ยงและบำรุงหนังศีรษะและรากผมได้มากขึ้น จนส่งผลให้รากผมแข็งแรง พร้อมที่จะเติบโตไปเป็นไรผม และเส้นผมที่มีสุขภาพดีต่อไป 

ไม่เพียงเท่านั้น Minoxidil ยังช่วยกระตุ้นให้รากผมที่อยู่ในระยะพัก หรือ Telogen Phase เข้าสู่ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหากผู้ใช้ยาตัวนี้จะพบว่าผมหลุดร่วงมากขึ้นในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ดี แสดงถึงประสิทธิภาพของตัวยาในการเร่งการผลัดเส้นผมเก่าที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว หรือเส้นผมที่ลีบเล็กและบางทิ้งไป เพื่อเตรียมรากผมให้พร้อมสำหรับการเกิดของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้น 

ทั้งนี้ Minoxidil จะช่วยฟื้นฟูรากผมที่หดตัวและอ่อนแอ ให้สามารถกลับมาสร้างเส้นผมใหม่ได้อีกครั้ง ที่สำคัญ ตัวยานี้ยังช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่จึงมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิมด้วย เมื่อรากผมที่เคยเป็นปัญหากลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้ เราจึงเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่เพิ่มปริมาณหนาแน่นขึ้นทั่วศีรษะในที่สุด


เรียกได้ว่า Monoxidil จะส่งผลให้ระยะพัก หรือ Telogen Phase สั้นลง ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผม หรือ Anagen Phase ให้ยาวนานขึ้น ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย การทำงานของตัวยานี้จึงเท่ากับเป็นการรีเซ็ตวงจรเส้นผมใหม่ให้กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น ระยะเห็นผลของยา จึงต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคน ระหว่างการรักษาจึงต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเกิดของผมสักเส้นหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือนตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาตินั่นเอง

แม้การรักษาด้วยตัวยา Minoxidil จะช่วยชะลออาการผมร่วงและผมบาง รวมถึงช่วยสร้างเส้นผมใหม่ ให้เติบโตจากไรผม เป็นเส้นผมที่แข็งแรงกว่าเดิมได้ แต่ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไปที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กัน ผู้ใช้จึงควรศึกษาทำความเข้าใจการทำงานของตัวยา หรือใช้ภายใต้ความดูแลของแพทย์ เพื่อระวังผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นอาการระคายเคือง หรือการมีขนขึ้นในบริเวณอื่นนอกจากหนังศีรษะ เป็นต้น 

ทั้งนี้ อาจมีผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบางที่พบว่าการใช้ยา Minoxidil ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร  ซึ่งนอกจากสาเหตุที่พบได้บ่อย อย่างเช่นการใช้ยาไม่ต่อเนื่องยาวนานเพียงพอแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป หากปล่อยให้ผมร่วงอย่างต่อเนื่อง จนเส้นผมเล็กลงเรื่อย ๆ และรูขุมขนบนหนังศีรษะหดตัวจนเส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก โอกาสที่จะรักษาโดยการใช้ยาตามที่กล่าวมา ก็จะเป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นแล้ว การตอบสนองต่อตัวยาของแต่ละคนยังแตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการใช้ยาจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมด้วย หากหนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอ การใช้ยา Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญ หลายคนพบว่า Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะได้ แต่รักษาอาการดังกล่าวบริเวณแนวผมด้านหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร

หากต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวรร การเข้ารับการปลูกผมจากคลินิกหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมือนเป็นการย้ายกอผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดนั่นเอง 


สำหรับขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์และรักษา แพทย์อาจเริ่มจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาผมร่วงและผมบางในแต่ละคนก่อน ร้อยละ 90 ของผู้ประสบปัญหาทั้งผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่ เกิดมาจากกรรมพันธุ์ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่นโรคที่เกี่ยวข้องกับหนังศีรษะ ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย รวมไปถึงภาวะความเครียด ซึ่งการรักษาให้ตรงกับที่มาหรือต้นเหตุของโรค ภายใต้การวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด 

อย่างไรก็ตาม หลังการปลูกผมแบบถาวร แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา หรือ treatment ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมบริเวณอื่นหลุดร่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทั้งการปลูกผมและการใช้ยาต่างก็มีบทบาทในการรักษาในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสม หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวที่ดีที่สุดนั่นเอง 

ไขความลับยา Minoxidil แก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้จริงหรือ?
ชื่อของ Minoxidil น่าจะเคยผ่านสายตาของผู้ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงหรือผมบางกันมาบ้าง เพราะ Minoxidil คือตัวยารักษาอาการดังกล่าวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีทั้งในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน หรือยาทาภายนอก เช่นแบบโลชั่น แบบน้ำ และแบบเนื้อโฟม สามารถพบตัวยา Minoxidil ในผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งมีทั้งแบบความเข้มข้น 2% และ 5% หลายคนอาจยังสงสัยว่า Minoxidil มีคุณสมบัติอย่างไรในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบาง และจะสามารถเพิ่มเส้นผมให้หนาแน่นและแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือไม่ มาลองทำความรู้จักกับตัวยาชนิดนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

ทราบหรือไม่ว่า เดิม Minoxidil ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง แต่เป็นยาที่ใช้ลดความดัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการความดันโลหิตสูง เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันลดลงได้ โดยผู้ป่วยจะรับประทาน Minoxidil ในรูปแบบเม็ด แต่ในตอนนั้น แพทย์เริ่มสังเกตเห็นว่า หลังจากผู้ป่วยใช้ยาตัวนี้ติดต่อกันประมาณ 4 – 6 เดือน จะพบผลข้างเคียงจากยานั่นคือทำให้ผู้ป่วยที่มีผมบาง กลับมีเส้นผมใหม่เกิดเพิ่มขึ้น แพทย์จึงทดสอบเพิ่มเติมกับอาสาสมัครและผู้ป่วย และพบว่าร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการทดสอบด้วยการใช้ยา Minoxidil มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นจริง สันนิษฐานว่าเกิดจากคุณสมบัติของตัวยาในการขยายหลอดเลือดนี่เอง ที่อาจทำให้มีเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ยา Minoxidil สำหรับการรักษาอาการผมร่วงและผมบางมาจนถึงปัจจุบัน 

หากจะทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Minoxidil ที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะและเส้นผมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจวงจรของเส้นผม หรือ Hair Life Cycle เสียก่อน โดยปกติแล้ว เส้นผมของคนเราซึ่งมีประมาณ 100,000 – 150,000 เส้นทั่วทั้งศีรษะนั้น จะมีระยะการเจริญเติบโตและหลุดร่วงไปตามธรรมชาติอยู่ 4 ระยะ ดังนี้

- ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase 
ระยะนี้ ต่อมรากผมที่อยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ จะเริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นผมที่ค่อย ๆ ยาวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 ปี ยิ่งระยะนี้ยาวนานเท่าไหร่ ผมของเราก็ยิ่งยาวและหนาแน่นขึ้น แต่หากระยะนี้กินเวลาสั้นลง ผมเกิดใหม่ก็จะกลับสั้น บาง และไม่แข็งแรง จนเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะผมล้านได้

- ระยะหยุดการเจริญเติบโต หรือ Catagen Phase
เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ต่อมรากผมจะหยุดการแบ่งเซลล์ ส่งผลให้เส้นผมเจริญเติบโตช้าลงจนค่อย ๆ หยุดไปในที่สุด ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

- ระยะพัก หรือ Telogen Phase
หลังจากเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตแล้ว จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมายังบริเวณผิวหนังศีรษะเพื่อรอการหลุดร่วง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ขณะเดียวกันเส้นผมที่กำลังจะเกิดใหม่ ก็จะทำหน้าที่ช่วยผลักให้เส้นผมเก่าหลุดร่วงออกไป ซึ่งโดยทั่วไป ผมของคนเราอาจร่วงได้ประมาณ 50 – 100 เส้นในแต่ละวัน 

หลังจากนั้น เส้นผมที่เกิดใหม่ก็จะเริ่มเข้าสู่วงจรเส้นผมในระยะแรกคือ Anagen Phase เพื่อเริ่มต้นวัฏจักรใหม่อีกครั้ง หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่วงจรเส้นผมจะย่นระยะเวลาสั้นลงตามวัย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้เช่นกัน

(PHOTO REFERENCE) ภาพวงจรเส้นผมในระยะต่าง ๆ


เมื่อเห็นภาพการเติบโตในแต่ละระยะของเส้นผมแล้ว ลองมาดูกลไกการออกฤทธิ์ของ Minoxidil กันบ้าง ในระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ซึ่งเป็นระยะที่เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ ตัวยานี้จะช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะให้กว้างขึ้น เปิดทางให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นำพาสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มาหล่อเลี้ยงและบำรุงหนังศีรษะและรากผมได้มากขึ้น จนส่งผลให้รากผมแข็งแรง พร้อมที่จะเติบโตไปเป็นไรผม และเส้นผมที่มีสุขภาพดีต่อไป 

ไม่เพียงเท่านั้น Minoxidil ยังช่วยกระตุ้นให้รากผมที่อยู่ในระยะพัก หรือ Telogen Phase เข้าสู่ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหากผู้ใช้ยาตัวนี้จะพบว่าผมหลุดร่วงมากขึ้นในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ดี แสดงถึงประสิทธิภาพของตัวยาในการเร่งการผลัดเส้นผมเก่าที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว หรือเส้นผมที่ลีบเล็กและบางทิ้งไป เพื่อเตรียมรากผมให้พร้อมสำหรับการเกิดของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้น 

ทั้งนี้ Minoxidil จะช่วยฟื้นฟูรากผมที่หดตัวและอ่อนแอ ให้สามารถกลับมาสร้างเส้นผมใหม่ได้อีกครั้ง ที่สำคัญ ตัวยานี้ยังช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่จึงมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิมด้วย เมื่อรากผมที่เคยเป็นปัญหากลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้ เราจึงเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่เพิ่มปริมาณหนาแน่นขึ้นทั่วศีรษะในที่สุด


เรียกได้ว่า Monoxidil จะส่งผลให้ระยะพัก หรือ Telogen Phase สั้นลง ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผม หรือ Anagen Phase ให้ยาวนานขึ้น ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย การทำงานของตัวยานี้จึงเท่ากับเป็นการรีเซ็ตวงจรเส้นผมใหม่ให้กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น ระยะเห็นผลของยา จึงต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคน ระหว่างการรักษาจึงต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเกิดของผมสักเส้นหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือนตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาตินั่นเอง

แม้การรักษาด้วยตัวยา Minoxidil จะช่วยชะลออาการผมร่วงและผมบาง รวมถึงช่วยสร้างเส้นผมใหม่ ให้เติบโตจากไรผม เป็นเส้นผมที่แข็งแรงกว่าเดิมได้ แต่ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไปที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กัน ผู้ใช้จึงควรศึกษาทำความเข้าใจการทำงานของตัวยา หรือใช้ภายใต้ความดูแลของแพทย์ เพื่อระวังผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นอาการระคายเคือง หรือการมีขนขึ้นในบริเวณอื่นนอกจากหนังศีรษะ เป็นต้น 

ทั้งนี้ อาจมีผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบางที่พบว่าการใช้ยา Minoxidil ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร  ซึ่งนอกจากสาเหตุที่พบได้บ่อย อย่างเช่นการใช้ยาไม่ต่อเนื่องยาวนานเพียงพอแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป หากปล่อยให้ผมร่วงอย่างต่อเนื่อง จนเส้นผมเล็กลงเรื่อย ๆ และรูขุมขนบนหนังศีรษะหดตัวจนเส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก โอกาสที่จะรักษาโดยการใช้ยาตามที่กล่าวมา ก็จะเป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นแล้ว การตอบสนองต่อตัวยาของแต่ละคนยังแตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการใช้ยาจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมด้วย หากหนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอ การใช้ยา Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญ หลายคนพบว่า Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะได้ แต่รักษาอาการดังกล่าวบริเวณแนวผมด้านหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร

หากต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวรร การเข้ารับการปลูกผมจากคลินิกหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมือนเป็นการย้ายกอผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดนั่นเอง 


สำหรับขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์และรักษา แพทย์อาจเริ่มจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาผมร่วงและผมบางในแต่ละคนก่อน ร้อยละ 90 ของผู้ประสบปัญหาทั้งผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่ เกิดมาจากกรรมพันธุ์ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่นโรคที่เกี่ยวข้องกับหนังศีรษะ ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย รวมไปถึงภาวะความเครียด ซึ่งการรักษาให้ตรงกับที่มาหรือต้นเหตุของโรค ภายใต้การวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด 

อย่างไรก็ตาม หลังการปลูกผมแบบถาวร แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา หรือ treatment ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมบริเวณอื่นหลุดร่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทั้งการปลูกผมและการใช้ยาต่างก็มีบทบาทในการรักษาในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสม หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวที่ดีที่สุดนั่นเอง 

ไขความลับยา Minoxidil แก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้จริงหรือ?
ชื่อของ Minoxidil น่าจะเคยผ่านสายตาของผู้ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงหรือผมบางกันมาบ้าง เพราะ Minoxidil คือตัวยารักษาอาการดังกล่าวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีทั้งในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน หรือยาทาภายนอก เช่นแบบโลชั่น แบบน้ำ และแบบเนื้อโฟม สามารถพบตัวยา Minoxidil ในผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งมีทั้งแบบความเข้มข้น 2% และ 5% หลายคนอาจยังสงสัยว่า Minoxidil มีคุณสมบัติอย่างไรในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบาง และจะสามารถเพิ่มเส้นผมให้หนาแน่นและแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือไม่ มาลองทำความรู้จักกับตัวยาชนิดนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

ทราบหรือไม่ว่า เดิม Minoxidil ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง แต่เป็นยาที่ใช้ลดความดัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการความดันโลหิตสูง เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันลดลงได้ โดยผู้ป่วยจะรับประทาน Minoxidil ในรูปแบบเม็ด แต่ในตอนนั้น แพทย์เริ่มสังเกตเห็นว่า หลังจากผู้ป่วยใช้ยาตัวนี้ติดต่อกันประมาณ 4 – 6 เดือน จะพบผลข้างเคียงจากยานั่นคือทำให้ผู้ป่วยที่มีผมบาง กลับมีเส้นผมใหม่เกิดเพิ่มขึ้น แพทย์จึงทดสอบเพิ่มเติมกับอาสาสมัครและผู้ป่วย และพบว่าร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการทดสอบด้วยการใช้ยา Minoxidil มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นจริง สันนิษฐานว่าเกิดจากคุณสมบัติของตัวยาในการขยายหลอดเลือดนี่เอง ที่อาจทำให้มีเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ยา Minoxidil สำหรับการรักษาอาการผมร่วงและผมบางมาจนถึงปัจจุบัน 

หากจะทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Minoxidil ที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะและเส้นผมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจวงจรของเส้นผม หรือ Hair Life Cycle เสียก่อน โดยปกติแล้ว เส้นผมของคนเราซึ่งมีประมาณ 100,000 – 150,000 เส้นทั่วทั้งศีรษะนั้น จะมีระยะการเจริญเติบโตและหลุดร่วงไปตามธรรมชาติอยู่ 4 ระยะ ดังนี้

- ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase 
ระยะนี้ ต่อมรากผมที่อยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ จะเริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นผมที่ค่อย ๆ ยาวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 ปี ยิ่งระยะนี้ยาวนานเท่าไหร่ ผมของเราก็ยิ่งยาวและหนาแน่นขึ้น แต่หากระยะนี้กินเวลาสั้นลง ผมเกิดใหม่ก็จะกลับสั้น บาง และไม่แข็งแรง จนเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะผมล้านได้

- ระยะหยุดการเจริญเติบโต หรือ Catagen Phase
เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ต่อมรากผมจะหยุดการแบ่งเซลล์ ส่งผลให้เส้นผมเจริญเติบโตช้าลงจนค่อย ๆ หยุดไปในที่สุด ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

- ระยะพัก หรือ Telogen Phase
หลังจากเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตแล้ว จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมายังบริเวณผิวหนังศีรษะเพื่อรอการหลุดร่วง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ขณะเดียวกันเส้นผมที่กำลังจะเกิดใหม่ ก็จะทำหน้าที่ช่วยผลักให้เส้นผมเก่าหลุดร่วงออกไป ซึ่งโดยทั่วไป ผมของคนเราอาจร่วงได้ประมาณ 50 – 100 เส้นในแต่ละวัน 

หลังจากนั้น เส้นผมที่เกิดใหม่ก็จะเริ่มเข้าสู่วงจรเส้นผมในระยะแรกคือ Anagen Phase เพื่อเริ่มต้นวัฏจักรใหม่อีกครั้ง หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่วงจรเส้นผมจะย่นระยะเวลาสั้นลงตามวัย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้เช่นกัน

(PHOTO REFERENCE) ภาพวงจรเส้นผมในระยะต่าง ๆ


เมื่อเห็นภาพการเติบโตในแต่ละระยะของเส้นผมแล้ว ลองมาดูกลไกการออกฤทธิ์ของ Minoxidil กันบ้าง ในระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ซึ่งเป็นระยะที่เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ ตัวยานี้จะช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะให้กว้างขึ้น เปิดทางให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นำพาสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มาหล่อเลี้ยงและบำรุงหนังศีรษะและรากผมได้มากขึ้น จนส่งผลให้รากผมแข็งแรง พร้อมที่จะเติบโตไปเป็นไรผม และเส้นผมที่มีสุขภาพดีต่อไป 

ไม่เพียงเท่านั้น Minoxidil ยังช่วยกระตุ้นให้รากผมที่อยู่ในระยะพัก หรือ Telogen Phase เข้าสู่ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหากผู้ใช้ยาตัวนี้จะพบว่าผมหลุดร่วงมากขึ้นในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ดี แสดงถึงประสิทธิภาพของตัวยาในการเร่งการผลัดเส้นผมเก่าที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว หรือเส้นผมที่ลีบเล็กและบางทิ้งไป เพื่อเตรียมรากผมให้พร้อมสำหรับการเกิดของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้น 

ทั้งนี้ Minoxidil จะช่วยฟื้นฟูรากผมที่หดตัวและอ่อนแอ ให้สามารถกลับมาสร้างเส้นผมใหม่ได้อีกครั้ง ที่สำคัญ ตัวยานี้ยังช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่จึงมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิมด้วย เมื่อรากผมที่เคยเป็นปัญหากลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้ เราจึงเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่เพิ่มปริมาณหนาแน่นขึ้นทั่วศีรษะในที่สุด


เรียกได้ว่า Monoxidil จะส่งผลให้ระยะพัก หรือ Telogen Phase สั้นลง ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผม หรือ Anagen Phase ให้ยาวนานขึ้น ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย การทำงานของตัวยานี้จึงเท่ากับเป็นการรีเซ็ตวงจรเส้นผมใหม่ให้กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น ระยะเห็นผลของยา จึงต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคน ระหว่างการรักษาจึงต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเกิดของผมสักเส้นหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือนตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาตินั่นเอง

แม้การรักษาด้วยตัวยา Minoxidil จะช่วยชะลออาการผมร่วงและผมบาง รวมถึงช่วยสร้างเส้นผมใหม่ ให้เติบโตจากไรผม เป็นเส้นผมที่แข็งแรงกว่าเดิมได้ แต่ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไปที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กัน ผู้ใช้จึงควรศึกษาทำความเข้าใจการทำงานของตัวยา หรือใช้ภายใต้ความดูแลของแพทย์ เพื่อระวังผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นอาการระคายเคือง หรือการมีขนขึ้นในบริเวณอื่นนอกจากหนังศีรษะ เป็นต้น 

ทั้งนี้ อาจมีผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบางที่พบว่าการใช้ยา Minoxidil ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร  ซึ่งนอกจากสาเหตุที่พบได้บ่อย อย่างเช่นการใช้ยาไม่ต่อเนื่องยาวนานเพียงพอแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป หากปล่อยให้ผมร่วงอย่างต่อเนื่อง จนเส้นผมเล็กลงเรื่อย ๆ และรูขุมขนบนหนังศีรษะหดตัวจนเส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก โอกาสที่จะรักษาโดยการใช้ยาตามที่กล่าวมา ก็จะเป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นแล้ว การตอบสนองต่อตัวยาของแต่ละคนยังแตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการใช้ยาจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมด้วย หากหนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอ การใช้ยา Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญ หลายคนพบว่า Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะได้ แต่รักษาอาการดังกล่าวบริเวณแนวผมด้านหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร

หากต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวรร การเข้ารับการปลูกผมจากคลินิกหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมือนเป็นการย้ายกอผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดนั่นเอง 


สำหรับขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์และรักษา แพทย์อาจเริ่มจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาผมร่วงและผมบางในแต่ละคนก่อน ร้อยละ 90 ของผู้ประสบปัญหาทั้งผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่ เกิดมาจากกรรมพันธุ์ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่นโรคที่เกี่ยวข้องกับหนังศีรษะ ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย รวมไปถึงภาวะความเครียด ซึ่งการรักษาให้ตรงกับที่มาหรือต้นเหตุของโรค ภายใต้การวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด 

อย่างไรก็ตาม หลังการปลูกผมแบบถาวร แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา หรือ treatment ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมบริเวณอื่นหลุดร่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทั้งการปลูกผมและการใช้ยาต่างก็มีบทบาทในการรักษาในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสม หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวที่ดีที่สุดนั่นเอง 

“สองสัปดาห์แรก” สำคัญแค่ไหน ชี้ชะตาผมปลูกใหม่ “รอด” หรือ “ร่วง”
หลังเข้ารับการปลูกผมถาวรเรียบร้อยแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการดูแลเส้นผมใหม่ให้อยู่รอดเติบโตอย่างแข็งแรงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะ 1 - 5 วันแรก เป็นช่วงที่เซลล์รากผมที่เพิ่งปลูกใหม่ยังไม่แข็งแรงดี ขณะเดียวกันเส้นเลือดฝอยใหม่ก็ยังเชื่อมต่อกับรากผมไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้เต็มที่ ประกอบกับการที่เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่กำลังค่อย ๆ แข็งตัว
หากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีเพียงพอ หรือดูแลผิดวิธี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผม หรือกอผมที่ปลูกใหม่จะหลุดออก หรือมีเลือดออกเพิ่มเติมได้ บางรายอาจเกิดสิวขึ้นบริเวณกราฟต์ผมใหม่ จากการที่ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาภายนอกได้ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และบางรายอาจเกิดอาการรากผมอักเสบจนผมหลุดร่วงได้เช่นกัน



ดังนั้น ช่วง 2 สัปดาห์แรก จึงอาจเรียกว่าเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือวิธีการดูแลเส้นผมบริเวณที่ปลูกใหม่อย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เส้นผมใหม่โบกมือลาหลุดร่วงไปก่อนกำหนด

  • อาการคันศีรษะหลังปลูกผมเป็นอาการที่พบได้บ่อย เนื่องจากแผลกำลังเริ่มแห้ง อย่างไรก็ตาม อาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเอง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสบริเวณที่ปลูกผมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแคะ แกะ เกา 

  • แผ่นสะเก็ดสีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองแห้งแข็งหลังการปลูกผม ทำหน้าที่หยุดการไหลของเลือด ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล และยังช่วยยึดกราฟต์ผมไว้ด้วย การแกะแผ่นสะเก็ดอาจส่งผลให้กราฟต์ผมหลุดได้ อย่างไรก็ตาม สะเก็ดเหล่านี้จะทยอยหลุดร่วงออกไปเองตามธรรมชาติภายในระยะ 1 – 2 สัปดาห์  แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมให้มาสระผมเพื่อทำความสะอาดสะเก็ดออก หรืออาจให้คำแนะนำแก่ผู้เข้ารับการปลูกผมในการสระผมเองที่บ้าน

  • ระมัดระวังการสวมหมวก ผ้าคลุมผม ที่อาจทำให้เกิดการเสียดสีกับบริเวณผมปลูกใหม่ 

  • หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกใด ๆ บริเวณศีรษะ เช่น การขึ้นลงจากรถ เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน เช่น แสงแดดแรง ๆ ความร้อนจากไดร์เป่าผม น้ำอุ่น โยคะร้อน หรือการอบซาวน่า เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทุกชนิด อย่างน้อย 3 วันหลังการปลูกผม จากนั้นจึงเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ และระมัดระวังกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกในปริมาณมาก

  • ควรงดการว่ายน้ำเป็นระยะเวลา 1 เดือน

  • ดูแลท่านอนให้ถูกต้องและเหมาะสม เช่น หากปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย เพื่อป้องกันโอกาสการหลุดร่วงของผมใหม่

  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • รับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน และวิตามินต่าง ๆ รวมถึงรับประทานอาหารเสริมตามความจำเป็น ภายใต้การดูแลของแพทย์


หลังจากผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปแล้ว เราจึงสามารถวางใจได้ว่ารากผมฝังตัวอย่างมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ ในช่วงนี้ แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมมาตรวจสุขภาพผมและหนังศีรษะเบื้องต้น เพื่อประเมินความหนาแน่นของเส้นผมปลูกใหม่ ที่สำคัญ แพทย์จะดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการฉายแสงกระตุ้นรากผม โดยใช้แสง Low level laser ความยาวคลื่น 650 นาโนเมตร ซึ่งผ่านการวิจัยรับรองแล้วถึงความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตของรากผม และความปลอดภัยต่อร่างกายและดวงตาของผู้เข้ารับการรักษา


ภาพการฉายแสง

นอกจากนั้น ยังมีบริการ Plasma Hair PRP ซึ่งแพทย์จะเจาะเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเพียงเล็กน้อย นำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเอาเฉพาะส่วนของเลือดที่มี Growth Factors ความเข้มข้นสูง ฉีดกลับเข้าไปบริเวณหนังศีรษะร่วมกับวิตามิน เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การฉีด PRP ที่รากผม


ในระยะต่อ ๆ มา ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่เราปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

ซึ่งหลังจากเดือนที่ 4 นี้เอง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการปลูกผมได้อย่างชัดเจน นั่นคือเส้นผมแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และหลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร

“สองสัปดาห์แรก” สำคัญแค่ไหน ชี้ชะตาผมปลูกใหม่ “รอด” หรือ “ร่วง”
หลังเข้ารับการปลูกผมถาวรเรียบร้อยแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการดูแลเส้นผมใหม่ให้อยู่รอดเติบโตอย่างแข็งแรงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะ 1 - 5 วันแรก เป็นช่วงที่เซลล์รากผมที่เพิ่งปลูกใหม่ยังไม่แข็งแรงดี ขณะเดียวกันเส้นเลือดฝอยใหม่ก็ยังเชื่อมต่อกับรากผมไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้เต็มที่ ประกอบกับการที่เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่กำลังค่อย ๆ แข็งตัว
หากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีเพียงพอ หรือดูแลผิดวิธี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผม หรือกอผมที่ปลูกใหม่จะหลุดออก หรือมีเลือดออกเพิ่มเติมได้ บางรายอาจเกิดสิวขึ้นบริเวณกราฟต์ผมใหม่ จากการที่ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาภายนอกได้ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และบางรายอาจเกิดอาการรากผมอักเสบจนผมหลุดร่วงได้เช่นกัน



ดังนั้น ช่วง 2 สัปดาห์แรก จึงอาจเรียกว่าเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือวิธีการดูแลเส้นผมบริเวณที่ปลูกใหม่อย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เส้นผมใหม่โบกมือลาหลุดร่วงไปก่อนกำหนด

  • อาการคันศีรษะหลังปลูกผมเป็นอาการที่พบได้บ่อย เนื่องจากแผลกำลังเริ่มแห้ง อย่างไรก็ตาม อาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเอง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสบริเวณที่ปลูกผมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแคะ แกะ เกา 

  • แผ่นสะเก็ดสีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองแห้งแข็งหลังการปลูกผม ทำหน้าที่หยุดการไหลของเลือด ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล และยังช่วยยึดกราฟต์ผมไว้ด้วย การแกะแผ่นสะเก็ดอาจส่งผลให้กราฟต์ผมหลุดได้ อย่างไรก็ตาม สะเก็ดเหล่านี้จะทยอยหลุดร่วงออกไปเองตามธรรมชาติภายในระยะ 1 – 2 สัปดาห์  แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมให้มาสระผมเพื่อทำความสะอาดสะเก็ดออก หรืออาจให้คำแนะนำแก่ผู้เข้ารับการปลูกผมในการสระผมเองที่บ้าน

  • ระมัดระวังการสวมหมวก ผ้าคลุมผม ที่อาจทำให้เกิดการเสียดสีกับบริเวณผมปลูกใหม่ 

  • หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกใด ๆ บริเวณศีรษะ เช่น การขึ้นลงจากรถ เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน เช่น แสงแดดแรง ๆ ความร้อนจากไดร์เป่าผม น้ำอุ่น โยคะร้อน หรือการอบซาวน่า เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทุกชนิด อย่างน้อย 3 วันหลังการปลูกผม จากนั้นจึงเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ และระมัดระวังกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกในปริมาณมาก

  • ควรงดการว่ายน้ำเป็นระยะเวลา 1 เดือน

  • ดูแลท่านอนให้ถูกต้องและเหมาะสม เช่น หากปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย เพื่อป้องกันโอกาสการหลุดร่วงของผมใหม่

  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • รับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน และวิตามินต่าง ๆ รวมถึงรับประทานอาหารเสริมตามความจำเป็น ภายใต้การดูแลของแพทย์


หลังจากผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปแล้ว เราจึงสามารถวางใจได้ว่ารากผมฝังตัวอย่างมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ ในช่วงนี้ แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมมาตรวจสุขภาพผมและหนังศีรษะเบื้องต้น เพื่อประเมินความหนาแน่นของเส้นผมปลูกใหม่ ที่สำคัญ แพทย์จะดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการฉายแสงกระตุ้นรากผม โดยใช้แสง Low level laser ความยาวคลื่น 650 นาโนเมตร ซึ่งผ่านการวิจัยรับรองแล้วถึงความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตของรากผม และความปลอดภัยต่อร่างกายและดวงตาของผู้เข้ารับการรักษา


ภาพการฉายแสง

นอกจากนั้น ยังมีบริการ Plasma Hair PRP ซึ่งแพทย์จะเจาะเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเพียงเล็กน้อย นำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเอาเฉพาะส่วนของเลือดที่มี Growth Factors ความเข้มข้นสูง ฉีดกลับเข้าไปบริเวณหนังศีรษะร่วมกับวิตามิน เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การฉีด PRP ที่รากผม


ในระยะต่อ ๆ มา ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่เราปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

ซึ่งหลังจากเดือนที่ 4 นี้เอง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการปลูกผมได้อย่างชัดเจน นั่นคือเส้นผมแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และหลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร

“สองสัปดาห์แรก” สำคัญแค่ไหน ชี้ชะตาผมปลูกใหม่ “รอด” หรือ “ร่วง”
หลังเข้ารับการปลูกผมถาวรเรียบร้อยแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการดูแลเส้นผมใหม่ให้อยู่รอดเติบโตอย่างแข็งแรงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะ 1 - 5 วันแรก เป็นช่วงที่เซลล์รากผมที่เพิ่งปลูกใหม่ยังไม่แข็งแรงดี ขณะเดียวกันเส้นเลือดฝอยใหม่ก็ยังเชื่อมต่อกับรากผมไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้เต็มที่ ประกอบกับการที่เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่กำลังค่อย ๆ แข็งตัว
หากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีเพียงพอ หรือดูแลผิดวิธี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผม หรือกอผมที่ปลูกใหม่จะหลุดออก หรือมีเลือดออกเพิ่มเติมได้ บางรายอาจเกิดสิวขึ้นบริเวณกราฟต์ผมใหม่ จากการที่ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาภายนอกได้ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และบางรายอาจเกิดอาการรากผมอักเสบจนผมหลุดร่วงได้เช่นกัน



ดังนั้น ช่วง 2 สัปดาห์แรก จึงอาจเรียกว่าเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือวิธีการดูแลเส้นผมบริเวณที่ปลูกใหม่อย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เส้นผมใหม่โบกมือลาหลุดร่วงไปก่อนกำหนด

  • อาการคันศีรษะหลังปลูกผมเป็นอาการที่พบได้บ่อย เนื่องจากแผลกำลังเริ่มแห้ง อย่างไรก็ตาม อาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเอง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสบริเวณที่ปลูกผมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแคะ แกะ เกา 

  • แผ่นสะเก็ดสีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองแห้งแข็งหลังการปลูกผม ทำหน้าที่หยุดการไหลของเลือด ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล และยังช่วยยึดกราฟต์ผมไว้ด้วย การแกะแผ่นสะเก็ดอาจส่งผลให้กราฟต์ผมหลุดได้ อย่างไรก็ตาม สะเก็ดเหล่านี้จะทยอยหลุดร่วงออกไปเองตามธรรมชาติภายในระยะ 1 – 2 สัปดาห์  แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมให้มาสระผมเพื่อทำความสะอาดสะเก็ดออก หรืออาจให้คำแนะนำแก่ผู้เข้ารับการปลูกผมในการสระผมเองที่บ้าน

  • ระมัดระวังการสวมหมวก ผ้าคลุมผม ที่อาจทำให้เกิดการเสียดสีกับบริเวณผมปลูกใหม่ 

  • หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกใด ๆ บริเวณศีรษะ เช่น การขึ้นลงจากรถ เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน เช่น แสงแดดแรง ๆ ความร้อนจากไดร์เป่าผม น้ำอุ่น โยคะร้อน หรือการอบซาวน่า เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทุกชนิด อย่างน้อย 3 วันหลังการปลูกผม จากนั้นจึงเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ และระมัดระวังกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกในปริมาณมาก

  • ควรงดการว่ายน้ำเป็นระยะเวลา 1 เดือน

  • ดูแลท่านอนให้ถูกต้องและเหมาะสม เช่น หากปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย เพื่อป้องกันโอกาสการหลุดร่วงของผมใหม่

  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • รับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน และวิตามินต่าง ๆ รวมถึงรับประทานอาหารเสริมตามความจำเป็น ภายใต้การดูแลของแพทย์


หลังจากผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปแล้ว เราจึงสามารถวางใจได้ว่ารากผมฝังตัวอย่างมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ ในช่วงนี้ แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมมาตรวจสุขภาพผมและหนังศีรษะเบื้องต้น เพื่อประเมินความหนาแน่นของเส้นผมปลูกใหม่ ที่สำคัญ แพทย์จะดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการฉายแสงกระตุ้นรากผม โดยใช้แสง Low level laser ความยาวคลื่น 650 นาโนเมตร ซึ่งผ่านการวิจัยรับรองแล้วถึงความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตของรากผม และความปลอดภัยต่อร่างกายและดวงตาของผู้เข้ารับการรักษา


ภาพการฉายแสง

นอกจากนั้น ยังมีบริการ Plasma Hair PRP ซึ่งแพทย์จะเจาะเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเพียงเล็กน้อย นำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเอาเฉพาะส่วนของเลือดที่มี Growth Factors ความเข้มข้นสูง ฉีดกลับเข้าไปบริเวณหนังศีรษะร่วมกับวิตามิน เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การฉีด PRP ที่รากผม


ในระยะต่อ ๆ มา ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่เราปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

ซึ่งหลังจากเดือนที่ 4 นี้เอง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการปลูกผมได้อย่างชัดเจน นั่นคือเส้นผมแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และหลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร

“สองสัปดาห์แรก” สำคัญแค่ไหน ชี้ชะตาผมปลูกใหม่ “รอด” หรือ “ร่วง”
หลังเข้ารับการปลูกผมถาวรเรียบร้อยแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการดูแลเส้นผมใหม่ให้อยู่รอดเติบโตอย่างแข็งแรงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะ 1 - 5 วันแรก เป็นช่วงที่เซลล์รากผมที่เพิ่งปลูกใหม่ยังไม่แข็งแรงดี ขณะเดียวกันเส้นเลือดฝอยใหม่ก็ยังเชื่อมต่อกับรากผมไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้เต็มที่ ประกอบกับการที่เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่กำลังค่อย ๆ แข็งตัว
หากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีเพียงพอ หรือดูแลผิดวิธี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผม หรือกอผมที่ปลูกใหม่จะหลุดออก หรือมีเลือดออกเพิ่มเติมได้ บางรายอาจเกิดสิวขึ้นบริเวณกราฟต์ผมใหม่ จากการที่ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาภายนอกได้ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และบางรายอาจเกิดอาการรากผมอักเสบจนผมหลุดร่วงได้เช่นกัน



ดังนั้น ช่วง 2 สัปดาห์แรก จึงอาจเรียกว่าเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือวิธีการดูแลเส้นผมบริเวณที่ปลูกใหม่อย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เส้นผมใหม่โบกมือลาหลุดร่วงไปก่อนกำหนด

  • อาการคันศีรษะหลังปลูกผมเป็นอาการที่พบได้บ่อย เนื่องจากแผลกำลังเริ่มแห้ง อย่างไรก็ตาม อาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเอง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสบริเวณที่ปลูกผมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแคะ แกะ เกา 

  • แผ่นสะเก็ดสีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองแห้งแข็งหลังการปลูกผม ทำหน้าที่หยุดการไหลของเลือด ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล และยังช่วยยึดกราฟต์ผมไว้ด้วย การแกะแผ่นสะเก็ดอาจส่งผลให้กราฟต์ผมหลุดได้ อย่างไรก็ตาม สะเก็ดเหล่านี้จะทยอยหลุดร่วงออกไปเองตามธรรมชาติภายในระยะ 1 – 2 สัปดาห์  แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมให้มาสระผมเพื่อทำความสะอาดสะเก็ดออก หรืออาจให้คำแนะนำแก่ผู้เข้ารับการปลูกผมในการสระผมเองที่บ้าน

  • ระมัดระวังการสวมหมวก ผ้าคลุมผม ที่อาจทำให้เกิดการเสียดสีกับบริเวณผมปลูกใหม่ 

  • หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกใด ๆ บริเวณศีรษะ เช่น การขึ้นลงจากรถ เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน เช่น แสงแดดแรง ๆ ความร้อนจากไดร์เป่าผม น้ำอุ่น โยคะร้อน หรือการอบซาวน่า เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทุกชนิด อย่างน้อย 3 วันหลังการปลูกผม จากนั้นจึงเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ และระมัดระวังกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกในปริมาณมาก

  • ควรงดการว่ายน้ำเป็นระยะเวลา 1 เดือน

  • ดูแลท่านอนให้ถูกต้องและเหมาะสม เช่น หากปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย เพื่อป้องกันโอกาสการหลุดร่วงของผมใหม่

  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • รับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน และวิตามินต่าง ๆ รวมถึงรับประทานอาหารเสริมตามความจำเป็น ภายใต้การดูแลของแพทย์


หลังจากผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปแล้ว เราจึงสามารถวางใจได้ว่ารากผมฝังตัวอย่างมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ ในช่วงนี้ แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมมาตรวจสุขภาพผมและหนังศีรษะเบื้องต้น เพื่อประเมินความหนาแน่นของเส้นผมปลูกใหม่ ที่สำคัญ แพทย์จะดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการฉายแสงกระตุ้นรากผม โดยใช้แสง Low level laser ความยาวคลื่น 650 นาโนเมตร ซึ่งผ่านการวิจัยรับรองแล้วถึงความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตของรากผม และความปลอดภัยต่อร่างกายและดวงตาของผู้เข้ารับการรักษา


ภาพการฉายแสง

นอกจากนั้น ยังมีบริการ Plasma Hair PRP ซึ่งแพทย์จะเจาะเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเพียงเล็กน้อย นำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเอาเฉพาะส่วนของเลือดที่มี Growth Factors ความเข้มข้นสูง ฉีดกลับเข้าไปบริเวณหนังศีรษะร่วมกับวิตามิน เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การฉีด PRP ที่รากผม


ในระยะต่อ ๆ มา ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่เราปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

ซึ่งหลังจากเดือนที่ 4 นี้เอง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการปลูกผมได้อย่างชัดเจน นั่นคือเส้นผมแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และหลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร

Workshop การเรียนปลูกผม หลักสูตรสำหรับแพทย์
อีกบทบาทหนึ่งของ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงแห่งนามนิน ก็คือการทำหน้าที่เป็น “อาจารย์แพทย์” ผู้ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคให้กับแพทย์ท่านอื่น ๆ ในการจัดการกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนความมั่นใจให้คนไข้ก้าวออกไปใช้ชีวิตใหม่ได้ในทันที

และนี่คือ 3 เหตุผลที่แพทย์ต่างให้ความสนใจมาร่วมอบรมกับคุณหมอนิน

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน ที่ใช้เวลาในการศึกษา ฝึกฝน และพัฒนาทักษะการปลูกผมจากทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะตัว

  • เทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างเหนือเทคนิคทั่ว ๆ ไป ในการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา และใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ผสานกับความใส่ใจและความละเอียดประณีตในการรักษา จนให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและเป็นธรรมชาติ โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย

  • นามนินยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วประเทศ ที่เลือกเข้ามาศึกษาอบรมกับคุณหมอนิน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการปลูกผม และสร้างเครือข่ายทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ในทุก ๆ ภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนกลุ่มคนไข้จากต่างประเทศด้วย























Workshop การเรียนปลูกผม หลักสูตรสำหรับแพทย์
อีกบทบาทหนึ่งของ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงแห่งนามนิน ก็คือการทำหน้าที่เป็น “อาจารย์แพทย์” ผู้ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคให้กับแพทย์ท่านอื่น ๆ ในการจัดการกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนความมั่นใจให้คนไข้ก้าวออกไปใช้ชีวิตใหม่ได้ในทันที

และนี่คือ 3 เหตุผลที่แพทย์ต่างให้ความสนใจมาร่วมอบรมกับคุณหมอนิน

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน ที่ใช้เวลาในการศึกษา ฝึกฝน และพัฒนาทักษะการปลูกผมจากทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะตัว

  • เทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างเหนือเทคนิคทั่ว ๆ ไป ในการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา และใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ผสานกับความใส่ใจและความละเอียดประณีตในการรักษา จนให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและเป็นธรรมชาติ โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย

  • นามนินยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วประเทศ ที่เลือกเข้ามาศึกษาอบรมกับคุณหมอนิน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการปลูกผม และสร้างเครือข่ายทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ในทุก ๆ ภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนกลุ่มคนไข้จากต่างประเทศด้วย























Workshop การเรียนปลูกผม หลักสูตรสำหรับแพทย์
อีกบทบาทหนึ่งของ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงแห่งนามนิน ก็คือการทำหน้าที่เป็น “อาจารย์แพทย์” ผู้ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคให้กับแพทย์ท่านอื่น ๆ ในการจัดการกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนความมั่นใจให้คนไข้ก้าวออกไปใช้ชีวิตใหม่ได้ในทันที

และนี่คือ 3 เหตุผลที่แพทย์ต่างให้ความสนใจมาร่วมอบรมกับคุณหมอนิน

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน ที่ใช้เวลาในการศึกษา ฝึกฝน และพัฒนาทักษะการปลูกผมจากทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะตัว

  • เทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างเหนือเทคนิคทั่ว ๆ ไป ในการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา และใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ผสานกับความใส่ใจและความละเอียดประณีตในการรักษา จนให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและเป็นธรรมชาติ โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย

  • นามนินยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วประเทศ ที่เลือกเข้ามาศึกษาอบรมกับคุณหมอนิน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการปลูกผม และสร้างเครือข่ายทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ในทุก ๆ ภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนกลุ่มคนไข้จากต่างประเทศด้วย























Workshop การเรียนปลูกผม หลักสูตรสำหรับแพทย์
อีกบทบาทหนึ่งของ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงแห่งนามนิน ก็คือการทำหน้าที่เป็น “อาจารย์แพทย์” ผู้ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคให้กับแพทย์ท่านอื่น ๆ ในการจัดการกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนความมั่นใจให้คนไข้ก้าวออกไปใช้ชีวิตใหม่ได้ในทันที

และนี่คือ 3 เหตุผลที่แพทย์ต่างให้ความสนใจมาร่วมอบรมกับคุณหมอนิน

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน ที่ใช้เวลาในการศึกษา ฝึกฝน และพัฒนาทักษะการปลูกผมจากทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะตัว

  • เทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างเหนือเทคนิคทั่ว ๆ ไป ในการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา และใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ผสานกับความใส่ใจและความละเอียดประณีตในการรักษา จนให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและเป็นธรรมชาติ โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย

  • นามนินยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วประเทศ ที่เลือกเข้ามาศึกษาอบรมกับคุณหมอนิน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการปลูกผม และสร้างเครือข่ายทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ในทุก ๆ ภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนกลุ่มคนไข้จากต่างประเทศด้วย























Workshop การเรียนปลูกผม หลักสูตรสำหรับแพทย์
อีกบทบาทหนึ่งของ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงแห่งนามนิน ก็คือการทำหน้าที่เป็น “อาจารย์แพทย์” ผู้ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคให้กับแพทย์ท่านอื่น ๆ ในการจัดการกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนความมั่นใจให้คนไข้ก้าวออกไปใช้ชีวิตใหม่ได้ในทันที

และนี่คือ 3 เหตุผลที่แพทย์ต่างให้ความสนใจมาร่วมอบรมกับคุณหมอนิน

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน ที่ใช้เวลาในการศึกษา ฝึกฝน และพัฒนาทักษะการปลูกผมจากทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะตัว

  • เทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างเหนือเทคนิคทั่ว ๆ ไป ในการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา และใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ผสานกับความใส่ใจและความละเอียดประณีตในการรักษา จนให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและเป็นธรรมชาติ โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย

  • นามนินยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วประเทศ ที่เลือกเข้ามาศึกษาอบรมกับคุณหมอนิน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการปลูกผม และสร้างเครือข่ายทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ในทุก ๆ ภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนกลุ่มคนไข้จากต่างประเทศด้วย























เปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ
เปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง และบริการด้านการปรับรูปหน้า รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม สมบูรณ์แบบ ครบวงจร
 “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” คลินิกปลูกผม ปลูกคิ้วถาวร ด้วยเทคนิคใหม่จากประเทศเกาหลี เป็นสถาบันชั้นนำที่ดูแลด้านสุขภาพความงามและผิวพรรณ รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งด้วยแพทย์ทุกขั้นตอน  ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดงานฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯอย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และนายแพทย์นรากร แสนศิลา   แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง เป็นประธานจัดงาน พร้อมทั้ง รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณติ๊ก  กิตติพันธ์ พุ่มสุโข  ดารานักแสดงมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผมและการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย  ด้วยบรรยากาศงานที่อบอุ่นใกล้ชิดเป็นกันเอง ฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง และบริการด้านการปรับรูปหน้า รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม สมบูรณ์แบบ ครบวงจร
 “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” คลินิกปลูกผม ปลูกคิ้วถาวร ด้วยเทคนิคใหม่จากประเทศเกาหลี เป็นสถาบันชั้นนำที่ดูแลด้านสุขภาพความงามและผิวพรรณ รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งด้วยแพทย์ทุกขั้นตอน  ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดงานฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯอย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และนายแพทย์นรากร แสนศิลา   แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง เป็นประธานจัดงาน พร้อมทั้ง รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณติ๊ก  กิตติพันธ์ พุ่มสุโข  ดารานักแสดงมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผมและการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย  ด้วยบรรยากาศงานที่อบอุ่นใกล้ชิดเป็นกันเอง ณ นามนิน ฟอร์วี คลินิก  พหลโยธิน 2

 แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม นามนิน ฟอร์วี คลินิก เปิดเผยว่า  ตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบัน เป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงและเริ่มมีความอิ่มตัว เนื่องจากอัตราผู้บริโภคมีจำนวนมากที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการ จึงทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้คลินิกฯ ได้มองเห็นจุดต่างที่แตกต่างจากคนอื่นที่เราสามารถนำเสนอได้  และต้องการให้ลูกค้าได้รับความแตกต่างโดยชูจุดเด่นในเรื่องของการปลูกผม ทำให้เรามองเห็นช่องทาง จึงได้ก่อตั้งคลินิกขึ้นมา โดยใช้แพทย์ในการทำในทุกขั้นตอน
ณ นามนิน ฟอร์วี คลินิก  พหลโยธิน 2

 แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม นามนิน ฟอร์วี คลินิก เปิดเผยว่า  ตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบัน เป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงและเริ่มมีความอิ่มตัว เนื่องจากอัตราผู้บริโภคมีจำนวนมากที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการ จึงทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้คลินิกฯ ได้มองเห็นจุดต่างที่แตกต่างจากคนอื่นที่เราสามารถนำเสนอได้  และต้องการให้ลูกค้าได้รับความแตกต่างโดยชูจุดเด่นในเรื่องของการปลูกผม ทำให้เรามองเห็นช่องทาง จึงได้ก่อตั้งคลินิกขึ้นมา โดยใช้แพทย์ในการทำในทุกขั้นตอน


สำหรับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” คือ การย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณเซลล์ผมที่แข็งแรงด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาไว้บริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือหนังศีรษะล้านทีละรากผม สร้างรูขุมขนใหม่ได้ตามต้องการ เป็นเทคนิคเฉพาะของนามนิน ฟอร์วี คลินิก  โดยคนไข้ไม่จำเป็นต้องตัดผม โกนผมมา ใช้เทคนิคซ่อนแผลจากบริเวณที่ย้ายรากผม เจาะรากผมด้วยแขนกลจึงมีความแม่นยำสูง แผลเล็ก หลังทำจะเสมือนไม่ได้ปลูกผมมา สามารถสระผมได้เลยหลังจากปลูกหรือวันรุ่งขึ้น แผลด้านหน้าบริเวณที่นำผมมาปลูก ใช้อุปกรณ์พิเศษเฉพาะ เล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลเล็กเพิ่มความละเอียดของการปลูกทำให้เส้นผมแน่นกว่าวิธีปกติ เป็นเทคนิคเฉพาะ ที่คำนึงถึงทิศทางเส้นผมการเชื่อมต่อระหว่างผมเก่าและผมใหม่ทำให้การขึ้นของผมดูมีความเป็นธรรมชาติ เลือดออกน้อย  ใช้ยาปริมาณเล็กน้อยทำให้แผลดี แห้ง หายเร็ว แทบไม่มีสะเก็ด และไม่บวม ไม่ต้องพักฟื้น จึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมได้เลย นอกจากนี้เรามีจุดขายที่สามารถคอนเฟิร์มผลลัพธ์ให้กับลูกค้าที่มาปลูกผม พร้อมกับรับประกันผลใน 1 ปี เรากล้าปลูกให้ฟรีโดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย หากมีปัญหาใดใดก็ตาม
สำหรับ“นามนิน ฟอร์วี คลินิก” เกิดจากความร่วมมือของคุณหมอนิน (แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น) และคุณหมอแม็ค (นายแพทย์นรากร แสนศิลา ) ผู้ก่อตั้ง  โดย “นามนิน”  คือนามสกุล และ ชื่อเล่นของคุณหมอนินซึ่งเป็นแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผมถาวรและได้ศึกษาเพิ่มเติมจากโรงพยาบาลชั้นนำในการปลูกผมจากประเทศเกาหลีใต้  และ “ฟอร์วี” ก็คือคลินิกแรกเริ่มของคุณหมอแม็คซึ่งมีสาขาที่จังหวัด มหาสารคาม และ จังหวัดร้อยเอ็ด คลุมโซนฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความโดดเด่นในเรื่องของการแก้ไขปรับรูปหน้าเป็นหลัก ด้วยฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท็อกซ์ ศัลยกรรมเสริมจมูกและเสริมคาง  ทั้งนี้ฯเรามองเห็นว่า การผนวกรวมศาสตร์ทั้ง 2 แขนงเข้าร่วมกันจะทำให้คลินิกมีความหลากหลายเป็นประโยชน์ต่อคนไข้มากยิ่งขึ้น จึงเกิดการรวมตัวขึ้นเป็น  “นามนินฟอร์วี คลินิก สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ” ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 3  เป็นคลินิกระดับพรีเมี่ยมที่สมบูรณ์แบบ ครบวงจร โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการมารับบริการจากคลินิกของเรานั้น จะได้รับบริการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อประโยชน์ของคนไข้ทุกคนโดยยังอิงการรักษาแบบสมเหตุผลจากความต้องการที่แท้จริงของคนไข้เป็นหลัก
ด้านแผนการตลาดในปี 2563 ของ “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” เราใช้กลยุทธ์ด้านประชาสัมพันธ์ โดยเน้น   สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เช่นในเฟสบุ๊คแฟนเพจ การทำช่องยูทูปเพื่อเจาะตลาดและโปรโมทคลินิกผ่านทางช่องทางยูทูปซึ่งเป็นสื่อที่มีผลมากในปัจจุบัน รวมถึงช่องทางไอจี และเว็บไซต์ โดยเน้นการบอกต่อปาก ต่อปากซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเรา และคาดว่าจะมีการขยายตลาดด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในอีก 2 ปีข้างหน้าในลักษณะการก่อตั้งศูนย์หรือสถาบันทางฝั่งภาคอีสาน เช่น ในจังหวัดขอนแก่น โดยเน้นให้เป็นศูนย์กลางด้านศัลยกรรมเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อม นอกจากนี้เรายังได้ขยายเทคนิคการปลูกผม ด้วยการเปิดสอนให้กับแพทย์ ที่สนใจ พร้อมกับทำเชนตลาดในเครือเทคนิคของเราเอง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีแพทย์เข้ามาเรียน รวมถึงส่งผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ที่เป็นของคลินิก ให้กับในเครือหรือคนที่มาเรียนอีกด้วย  ทั้งนี้เราให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือคนไข้เป็นหลัก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า สร้างฐานลูกค้าให้เกิดการบอกต่อมากที่สุดและติดตามผลหลังจากบริการ ทุกครั้งเพื่อทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในคลินิกของเรา “แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ กล่าวทิ้งท้าย”
 
พิเศษสุด…ฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการที่คลินิกและรีวิว รับส่วนลดพิเศษทันที

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  FB :  Namnin For V Clinic และ Line@Namninclinic   โทร 093 093 5639

ที่มา : https://www.matichon.co.th/publicize/news_2059176



เปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ
เปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง และบริการด้านการปรับรูปหน้า รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม สมบูรณ์แบบ ครบวงจร
 “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” คลินิกปลูกผม ปลูกคิ้วถาวร ด้วยเทคนิคใหม่จากประเทศเกาหลี เป็นสถาบันชั้นนำที่ดูแลด้านสุขภาพความงามและผิวพรรณ รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งด้วยแพทย์ทุกขั้นตอน  ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดงานฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯอย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และนายแพทย์นรากร แสนศิลา   แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง เป็นประธานจัดงาน พร้อมทั้ง รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณติ๊ก  กิตติพันธ์ พุ่มสุโข  ดารานักแสดงมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผมและการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย  ด้วยบรรยากาศงานที่อบอุ่นใกล้ชิดเป็นกันเอง ฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง และบริการด้านการปรับรูปหน้า รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม สมบูรณ์แบบ ครบวงจร
 “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” คลินิกปลูกผม ปลูกคิ้วถาวร ด้วยเทคนิคใหม่จากประเทศเกาหลี เป็นสถาบันชั้นนำที่ดูแลด้านสุขภาพความงามและผิวพรรณ รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งด้วยแพทย์ทุกขั้นตอน  ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดงานฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯอย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และนายแพทย์นรากร แสนศิลา   แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง เป็นประธานจัดงาน พร้อมทั้ง รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณติ๊ก  กิตติพันธ์ พุ่มสุโข  ดารานักแสดงมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผมและการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย  ด้วยบรรยากาศงานที่อบอุ่นใกล้ชิดเป็นกันเอง ณ นามนิน ฟอร์วี คลินิก  พหลโยธิน 2

 แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม นามนิน ฟอร์วี คลินิก เปิดเผยว่า  ตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบัน เป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงและเริ่มมีความอิ่มตัว เนื่องจากอัตราผู้บริโภคมีจำนวนมากที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการ จึงทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้คลินิกฯ ได้มองเห็นจุดต่างที่แตกต่างจากคนอื่นที่เราสามารถนำเสนอได้  และต้องการให้ลูกค้าได้รับความแตกต่างโดยชูจุดเด่นในเรื่องของการปลูกผม ทำให้เรามองเห็นช่องทาง จึงได้ก่อตั้งคลินิกขึ้นมา โดยใช้แพทย์ในการทำในทุกขั้นตอน
ณ นามนิน ฟอร์วี คลินิก  พหลโยธิน 2

 แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม นามนิน ฟอร์วี คลินิก เปิดเผยว่า  ตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบัน เป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงและเริ่มมีความอิ่มตัว เนื่องจากอัตราผู้บริโภคมีจำนวนมากที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการ จึงทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้คลินิกฯ ได้มองเห็นจุดต่างที่แตกต่างจากคนอื่นที่เราสามารถนำเสนอได้  และต้องการให้ลูกค้าได้รับความแตกต่างโดยชูจุดเด่นในเรื่องของการปลูกผม ทำให้เรามองเห็นช่องทาง จึงได้ก่อตั้งคลินิกขึ้นมา โดยใช้แพทย์ในการทำในทุกขั้นตอน


สำหรับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” คือ การย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณเซลล์ผมที่แข็งแรงด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาไว้บริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือหนังศีรษะล้านทีละรากผม สร้างรูขุมขนใหม่ได้ตามต้องการ เป็นเทคนิคเฉพาะของนามนิน ฟอร์วี คลินิก  โดยคนไข้ไม่จำเป็นต้องตัดผม โกนผมมา ใช้เทคนิคซ่อนแผลจากบริเวณที่ย้ายรากผม เจาะรากผมด้วยแขนกลจึงมีความแม่นยำสูง แผลเล็ก หลังทำจะเสมือนไม่ได้ปลูกผมมา สามารถสระผมได้เลยหลังจากปลูกหรือวันรุ่งขึ้น แผลด้านหน้าบริเวณที่นำผมมาปลูก ใช้อุปกรณ์พิเศษเฉพาะ เล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลเล็กเพิ่มความละเอียดของการปลูกทำให้เส้นผมแน่นกว่าวิธีปกติ เป็นเทคนิคเฉพาะ ที่คำนึงถึงทิศทางเส้นผมการเชื่อมต่อระหว่างผมเก่าและผมใหม่ทำให้การขึ้นของผมดูมีความเป็นธรรมชาติ เลือดออกน้อย  ใช้ยาปริมาณเล็กน้อยทำให้แผลดี แห้ง หายเร็ว แทบไม่มีสะเก็ด และไม่บวม ไม่ต้องพักฟื้น จึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมได้เลย นอกจากนี้เรามีจุดขายที่สามารถคอนเฟิร์มผลลัพธ์ให้กับลูกค้าที่มาปลูกผม พร้อมกับรับประกันผลใน 1 ปี เรากล้าปลูกให้ฟรีโดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย หากมีปัญหาใดใดก็ตาม
สำหรับ“นามนิน ฟอร์วี คลินิก” เกิดจากความร่วมมือของคุณหมอนิน (แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น) และคุณหมอแม็ค (นายแพทย์นรากร แสนศิลา ) ผู้ก่อตั้ง  โดย “นามนิน”  คือนามสกุล และ ชื่อเล่นของคุณหมอนินซึ่งเป็นแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผมถาวรและได้ศึกษาเพิ่มเติมจากโรงพยาบาลชั้นนำในการปลูกผมจากประเทศเกาหลีใต้  และ “ฟอร์วี” ก็คือคลินิกแรกเริ่มของคุณหมอแม็คซึ่งมีสาขาที่จังหวัด มหาสารคาม และ จังหวัดร้อยเอ็ด คลุมโซนฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความโดดเด่นในเรื่องของการแก้ไขปรับรูปหน้าเป็นหลัก ด้วยฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท็อกซ์ ศัลยกรรมเสริมจมูกและเสริมคาง  ทั้งนี้ฯเรามองเห็นว่า การผนวกรวมศาสตร์ทั้ง 2 แขนงเข้าร่วมกันจะทำให้คลินิกมีความหลากหลายเป็นประโยชน์ต่อคนไข้มากยิ่งขึ้น จึงเกิดการรวมตัวขึ้นเป็น  “นามนินฟอร์วี คลินิก สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ” ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 3  เป็นคลินิกระดับพรีเมี่ยมที่สมบูรณ์แบบ ครบวงจร โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการมารับบริการจากคลินิกของเรานั้น จะได้รับบริการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อประโยชน์ของคนไข้ทุกคนโดยยังอิงการรักษาแบบสมเหตุผลจากความต้องการที่แท้จริงของคนไข้เป็นหลัก
ด้านแผนการตลาดในปี 2563 ของ “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” เราใช้กลยุทธ์ด้านประชาสัมพันธ์ โดยเน้น   สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เช่นในเฟสบุ๊คแฟนเพจ การทำช่องยูทูปเพื่อเจาะตลาดและโปรโมทคลินิกผ่านทางช่องทางยูทูปซึ่งเป็นสื่อที่มีผลมากในปัจจุบัน รวมถึงช่องทางไอจี และเว็บไซต์ โดยเน้นการบอกต่อปาก ต่อปากซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเรา และคาดว่าจะมีการขยายตลาดด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในอีก 2 ปีข้างหน้าในลักษณะการก่อตั้งศูนย์หรือสถาบันทางฝั่งภาคอีสาน เช่น ในจังหวัดขอนแก่น โดยเน้นให้เป็นศูนย์กลางด้านศัลยกรรมเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อม นอกจากนี้เรายังได้ขยายเทคนิคการปลูกผม ด้วยการเปิดสอนให้กับแพทย์ ที่สนใจ พร้อมกับทำเชนตลาดในเครือเทคนิคของเราเอง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีแพทย์เข้ามาเรียน รวมถึงส่งผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ที่เป็นของคลินิก ให้กับในเครือหรือคนที่มาเรียนอีกด้วย  ทั้งนี้เราให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือคนไข้เป็นหลัก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า สร้างฐานลูกค้าให้เกิดการบอกต่อมากที่สุดและติดตามผลหลังจากบริการ ทุกครั้งเพื่อทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในคลินิกของเรา “แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ กล่าวทิ้งท้าย”
 
พิเศษสุด…ฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการที่คลินิกและรีวิว รับส่วนลดพิเศษทันที

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  FB :  Namnin For V Clinic และ Line@Namninclinic   โทร 093 093 5639

ที่มา : https://www.matichon.co.th/publicize/news_2059176



เปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ
เปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง และบริการด้านการปรับรูปหน้า รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม สมบูรณ์แบบ ครบวงจร
 “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” คลินิกปลูกผม ปลูกคิ้วถาวร ด้วยเทคนิคใหม่จากประเทศเกาหลี เป็นสถาบันชั้นนำที่ดูแลด้านสุขภาพความงามและผิวพรรณ รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งด้วยแพทย์ทุกขั้นตอน  ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดงานฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯอย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และนายแพทย์นรากร แสนศิลา   แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง เป็นประธานจัดงาน พร้อมทั้ง รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณติ๊ก  กิตติพันธ์ พุ่มสุโข  ดารานักแสดงมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผมและการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย  ด้วยบรรยากาศงานที่อบอุ่นใกล้ชิดเป็นกันเอง ฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง และบริการด้านการปรับรูปหน้า รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม สมบูรณ์แบบ ครบวงจร
 “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” คลินิกปลูกผม ปลูกคิ้วถาวร ด้วยเทคนิคใหม่จากประเทศเกาหลี เป็นสถาบันชั้นนำที่ดูแลด้านสุขภาพความงามและผิวพรรณ รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งด้วยแพทย์ทุกขั้นตอน  ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดงานฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯอย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และนายแพทย์นรากร แสนศิลา   แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง เป็นประธานจัดงาน พร้อมทั้ง รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณติ๊ก  กิตติพันธ์ พุ่มสุโข  ดารานักแสดงมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผมและการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย  ด้วยบรรยากาศงานที่อบอุ่นใกล้ชิดเป็นกันเอง ณ นามนิน ฟอร์วี คลินิก  พหลโยธิน 2

 แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม นามนิน ฟอร์วี คลินิก เปิดเผยว่า  ตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบัน เป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงและเริ่มมีความอิ่มตัว เนื่องจากอัตราผู้บริโภคมีจำนวนมากที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการ จึงทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้คลินิกฯ ได้มองเห็นจุดต่างที่แตกต่างจากคนอื่นที่เราสามารถนำเสนอได้  และต้องการให้ลูกค้าได้รับความแตกต่างโดยชูจุดเด่นในเรื่องของการปลูกผม ทำให้เรามองเห็นช่องทาง จึงได้ก่อตั้งคลินิกขึ้นมา โดยใช้แพทย์ในการทำในทุกขั้นตอน
ณ นามนิน ฟอร์วี คลินิก  พหลโยธิน 2

 แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม นามนิน ฟอร์วี คลินิก เปิดเผยว่า  ตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบัน เป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงและเริ่มมีความอิ่มตัว เนื่องจากอัตราผู้บริโภคมีจำนวนมากที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการ จึงทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้คลินิกฯ ได้มองเห็นจุดต่างที่แตกต่างจากคนอื่นที่เราสามารถนำเสนอได้  และต้องการให้ลูกค้าได้รับความแตกต่างโดยชูจุดเด่นในเรื่องของการปลูกผม ทำให้เรามองเห็นช่องทาง จึงได้ก่อตั้งคลินิกขึ้นมา โดยใช้แพทย์ในการทำในทุกขั้นตอน


สำหรับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” คือ การย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณเซลล์ผมที่แข็งแรงด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาไว้บริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือหนังศีรษะล้านทีละรากผม สร้างรูขุมขนใหม่ได้ตามต้องการ เป็นเทคนิคเฉพาะของนามนิน ฟอร์วี คลินิก  โดยคนไข้ไม่จำเป็นต้องตัดผม โกนผมมา ใช้เทคนิคซ่อนแผลจากบริเวณที่ย้ายรากผม เจาะรากผมด้วยแขนกลจึงมีความแม่นยำสูง แผลเล็ก หลังทำจะเสมือนไม่ได้ปลูกผมมา สามารถสระผมได้เลยหลังจากปลูกหรือวันรุ่งขึ้น แผลด้านหน้าบริเวณที่นำผมมาปลูก ใช้อุปกรณ์พิเศษเฉพาะ เล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลเล็กเพิ่มความละเอียดของการปลูกทำให้เส้นผมแน่นกว่าวิธีปกติ เป็นเทคนิคเฉพาะ ที่คำนึงถึงทิศทางเส้นผมการเชื่อมต่อระหว่างผมเก่าและผมใหม่ทำให้การขึ้นของผมดูมีความเป็นธรรมชาติ เลือดออกน้อย  ใช้ยาปริมาณเล็กน้อยทำให้แผลดี แห้ง หายเร็ว แทบไม่มีสะเก็ด และไม่บวม ไม่ต้องพักฟื้น จึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมได้เลย นอกจากนี้เรามีจุดขายที่สามารถคอนเฟิร์มผลลัพธ์ให้กับลูกค้าที่มาปลูกผม พร้อมกับรับประกันผลใน 1 ปี เรากล้าปลูกให้ฟรีโดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย หากมีปัญหาใดใดก็ตาม
สำหรับ“นามนิน ฟอร์วี คลินิก” เกิดจากความร่วมมือของคุณหมอนิน (แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น) และคุณหมอแม็ค (นายแพทย์นรากร แสนศิลา ) ผู้ก่อตั้ง  โดย “นามนิน”  คือนามสกุล และ ชื่อเล่นของคุณหมอนินซึ่งเป็นแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผมถาวรและได้ศึกษาเพิ่มเติมจากโรงพยาบาลชั้นนำในการปลูกผมจากประเทศเกาหลีใต้  และ “ฟอร์วี” ก็คือคลินิกแรกเริ่มของคุณหมอแม็คซึ่งมีสาขาที่จังหวัด มหาสารคาม และ จังหวัดร้อยเอ็ด คลุมโซนฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความโดดเด่นในเรื่องของการแก้ไขปรับรูปหน้าเป็นหลัก ด้วยฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท็อกซ์ ศัลยกรรมเสริมจมูกและเสริมคาง  ทั้งนี้ฯเรามองเห็นว่า การผนวกรวมศาสตร์ทั้ง 2 แขนงเข้าร่วมกันจะทำให้คลินิกมีความหลากหลายเป็นประโยชน์ต่อคนไข้มากยิ่งขึ้น จึงเกิดการรวมตัวขึ้นเป็น  “นามนินฟอร์วี คลินิก สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ” ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 3  เป็นคลินิกระดับพรีเมี่ยมที่สมบูรณ์แบบ ครบวงจร โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการมารับบริการจากคลินิกของเรานั้น จะได้รับบริการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อประโยชน์ของคนไข้ทุกคนโดยยังอิงการรักษาแบบสมเหตุผลจากความต้องการที่แท้จริงของคนไข้เป็นหลัก
ด้านแผนการตลาดในปี 2563 ของ “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” เราใช้กลยุทธ์ด้านประชาสัมพันธ์ โดยเน้น   สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เช่นในเฟสบุ๊คแฟนเพจ การทำช่องยูทูปเพื่อเจาะตลาดและโปรโมทคลินิกผ่านทางช่องทางยูทูปซึ่งเป็นสื่อที่มีผลมากในปัจจุบัน รวมถึงช่องทางไอจี และเว็บไซต์ โดยเน้นการบอกต่อปาก ต่อปากซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเรา และคาดว่าจะมีการขยายตลาดด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในอีก 2 ปีข้างหน้าในลักษณะการก่อตั้งศูนย์หรือสถาบันทางฝั่งภาคอีสาน เช่น ในจังหวัดขอนแก่น โดยเน้นให้เป็นศูนย์กลางด้านศัลยกรรมเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อม นอกจากนี้เรายังได้ขยายเทคนิคการปลูกผม ด้วยการเปิดสอนให้กับแพทย์ ที่สนใจ พร้อมกับทำเชนตลาดในเครือเทคนิคของเราเอง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีแพทย์เข้ามาเรียน รวมถึงส่งผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ที่เป็นของคลินิก ให้กับในเครือหรือคนที่มาเรียนอีกด้วย  ทั้งนี้เราให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือคนไข้เป็นหลัก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า สร้างฐานลูกค้าให้เกิดการบอกต่อมากที่สุดและติดตามผลหลังจากบริการ ทุกครั้งเพื่อทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในคลินิกของเรา “แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ กล่าวทิ้งท้าย”
 
พิเศษสุด…ฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการที่คลินิกและรีวิว รับส่วนลดพิเศษทันที

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  FB :  Namnin For V Clinic และ Line@Namninclinic   โทร 093 093 5639

ที่มา : https://www.matichon.co.th/publicize/news_2059176



ปลูกผม “ครั้งเดียวจบ” จริงหรือไม่ ทำความเข้าใจ “ที่มา” ของภาวะผมร่วงและผมบางหลังการปลูกผม
แม้ว่าการปลูกผมใหม่ จะเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน สามารถคืนเส้นผมแข็งแรงเป็นธรรมชาติ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้หลาย ๆ คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่บางส่วนของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว กลับยังต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง ทั้งนี้ หลาย ๆ คนยังเข้าใจผิดว่า เมื่อเข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้ทั่วทั้งศีรษะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริงนั้น ด้วยปัจจัยทางชีวภาพของมนุษย์เอง ทำให้ปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกว่าที่คิด
มาลองทำความเข้าใจถึงสาเหตุหลักที่แท้จริงของอาการผมร่วงและผมบางกันก่อน เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางมากกว่าผู้หญิง คำตอบของปัญหานี้ ซ่อนอยู่ลึกลงไปในพันธุกรรมของคนเรา เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง เรียกว่าเป็นลักษณะที่อยู่ใต้อิทธิพลทางเพศ (sex – influenced trait) ยีนที่ว่านี้ ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว และเป็นสาเหตุหลักของอาการผมร่วงและผมบางมากถึงร้อยละ 95 ทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น อาการผมร่วงและผมบาง ยังมีฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการแสดงออกของลักษณะดังกล่าว นั่นคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) โดยผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมร่วงและผมบางผ่านทางพันธุกรรมนั้น จะพบระดับเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase เพิ่มขึ้นบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ผลจากฮอร์โมน DHT จะทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมที่อ่อนแอ ทั้งยังมีลักษณะบางและสั้นลง จนหลุดร่วงไวกว่ากำหนดตามไปด้วย นำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด
หากลองสังเกตจะพบว่า ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายนั้น จะแตกต่างจากผู้หญิง โดยมีรูปแบบการร่วงของเส้นผมเริ่มจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย รูปแบบนี้เป็นลักษณะที่พบค่อนข้างมากในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M รูปแบบนี้อาจเริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี

รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด



(PHOTO REFERENCE) ภาพตัวอย่างรูปแบบของผมร่วงและผมบาง


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ในผู้ชายทั่วไปที่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง มักจะเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยจะคงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้ายเสมอ เนื่องจากรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ โดยทั่วไปนั้น รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ถึงประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม โดยเส้นผมจะมีวงจรชีวิต 1 รอบอยู่ที่ประมาณ 6 – 10 ปีก่อนจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้น รากผมที่แข็งแรงเพียงพอ และอยู่ในปัจจัยที่เหมาะสม อาจมีอายุได้สูงสุดถึง 200 ปี เลยทีเดียว

นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมการปลูกผมใหม่ จึงต้องนำรากผมบริเวณท้ายทอย ไปปลูกทดแทนบริเวณที่ผมบางลงไป อย่างเช่นหน้าผากหรือกลางศีรษะ นั่นก็เพราะคุณสมบัติในการไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมบริเวณท้ายทอยนี้มีรากผมที่แข็งแรงที่สุด เมื่อนำไปปลูกใหม่ แม้จะเป็นการปลูกลงในบริเวณที่เคยเกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง เส้นผมที่ปลูกใหม่นี้ ก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ยากที่จะเกิดปัญหารากผมอ่อนแออย่างเก่าได้อีก ทั้งยังสามารถมีอายุอยู่ต่อไปได้เป็นร้อยปี



สำหรับวิธีการปลูกผมถาวรนั้นก็มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ขึ้นตลอดเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) เทคนิคนี้เป็นการเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เครื่องมือเจาะรอบกอผมลึกลงไปยังรากผม กอผมหรือเนื้อเยื่อของรากผมตรงนี้เรียกว่า กราฟต์ (Graft) ซึ่งในแต่ละกราฟต์จะประกอบด้วยเส้นผมอยู่รวมกันประมาณ 1 – 4 เส้น

หลังจากดึงกราฟต์หรือกอผมเหล่านั้นออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ไปผ่านกระบวนการคัดแยกตามลักษณะทิศทางของเส้นผม รวมถึงจำนวนเส้นผมในแต่ละกราฟต์เสียก่อน จากนั้น แพทย์จะเปิดช่องหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาและต้องการปลูกผมใหม่ เพื่อนำกราฟต์ใหม่ใส่ลงไป ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงจำนวนกราฟต์ที่ใช้ปลูกใหม่ตามสภาพปัญหาผมและบริเวณที่จะปลูกผมของแต่ละคน เหมือนเป็นการย้ายกราฟต์ผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดไปจนตลอดชีวิตนั่นเอง

ถ้าอย่างนั้น สาเหตุของภาวะผมร่วงและผมบาง หลังจากการปลูกผมใหม่ เกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็เป็นเพราะเรานำรากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่เฉพาะบริเวณที่ผมบางลงอย่างชัดเจนเท่านั้น ในขณะที่ผมบริเวณอื่น ๆ ยังคงเป็นรากผมเดิม ที่ได้รับผลจากกรรมพันธุ์ซึ่งเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT จนส่งผลให้รากผมอ่อนแอและเส้นผมหลุดร่วงอยู่ หลาย ๆ คนที่เข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จึงอาจพบปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องได้

ในกรณีนี้ สามารถลองปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเส้นผม เพื่อขอคำปรึกษาในการรับมือกับภาวะผมร่วงและผมบางได้ โดยแพทย์จะวิเคราะห์สาเหตุและออกแบบบริการดูแลเส้นผมต่าง ๆ ซึ่งหากพบว่าสาเหตุของอาการผมร่วงมาจากกรรมพันธุ์ แพทย์มักแนะนำให้ทำการปลูกผมเพิ่มเติม เพื่อให้ผมดูหนาแน่นขึ้น โดยเลือกเทคนิคการรักษาใหม่ ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ให้ประสิทธิผลสูง สามารถลดอาการบาดเจ็บ ลดขนาดของรอยแผล รวมถึงใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลงได้




นอกจากนั้น การหันมาใส่ใจดูแลเส้นผมในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของเส้นผม หรือทำให้รากผมอ่อนแอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยยืดระยะเวลาการหลุดร่วงของเส้นผมให้ช้าลงได้ เช่น

- พฤติกรรมการบำรุงผม
ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือการทำสีผม และเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะ ทั้งยังไม่ควรสระผมบ่อยครั้งจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่นในการสระผม รวมถึงการใช้ไดร์เป่าผมแบบลมร้อนกับหนังศีรษะโดยตรง เพราะความร้อนจะทำให้เส้นผมยิ่งเปราะบางเนื่องจากโปรตีนถูกทำลาย ที่สำคัญ ไม่ควรหวีผมขณะที่ผมยังเปียก เพราะเป็นช่วงที่เส้นผมอยู่ในสถานะที่อ่อนแอที่สุด จะเป็นการรบกวนฐานผมและทำให้ผมยิ่งหลุดร่วงง่าย

- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
เลือกรรับประทานอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนหรือวิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพและความแข็งแรงของเส้นผม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฐานผมเช่นกัน

- พฤติกรรมการจัดการกับความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ วิธีง่าย ๆ อย่างเช่นการฝึกสมาธิหรือออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น

ปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องหลังการปลูกผม ต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องถึงที่มาและสาเหตุที่แท้จริงของอาการดังกล่าว จึงจะนำไปสู่การเลือกวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีกลับมาได้ พร้อมกับเส้นผมแข็งแรงและสุขภาพดีที่จะอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน

ปลูกผม “ครั้งเดียวจบ” จริงหรือไม่ ทำความเข้าใจ “ที่มา” ของภาวะผมร่วงและผมบางหลังการปลูกผม
แม้ว่าการปลูกผมใหม่ จะเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน สามารถคืนเส้นผมแข็งแรงเป็นธรรมชาติ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้หลาย ๆ คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่บางส่วนของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว กลับยังต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง ทั้งนี้ หลาย ๆ คนยังเข้าใจผิดว่า เมื่อเข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้ทั่วทั้งศีรษะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริงนั้น ด้วยปัจจัยทางชีวภาพของมนุษย์เอง ทำให้ปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกว่าที่คิด
มาลองทำความเข้าใจถึงสาเหตุหลักที่แท้จริงของอาการผมร่วงและผมบางกันก่อน เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางมากกว่าผู้หญิง คำตอบของปัญหานี้ ซ่อนอยู่ลึกลงไปในพันธุกรรมของคนเรา เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง เรียกว่าเป็นลักษณะที่อยู่ใต้อิทธิพลทางเพศ (sex – influenced trait) ยีนที่ว่านี้ ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว และเป็นสาเหตุหลักของอาการผมร่วงและผมบางมากถึงร้อยละ 95 ทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น อาการผมร่วงและผมบาง ยังมีฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการแสดงออกของลักษณะดังกล่าว นั่นคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) โดยผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมร่วงและผมบางผ่านทางพันธุกรรมนั้น จะพบระดับเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase เพิ่มขึ้นบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ผลจากฮอร์โมน DHT จะทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมที่อ่อนแอ ทั้งยังมีลักษณะบางและสั้นลง จนหลุดร่วงไวกว่ากำหนดตามไปด้วย นำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด
หากลองสังเกตจะพบว่า ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายนั้น จะแตกต่างจากผู้หญิง โดยมีรูปแบบการร่วงของเส้นผมเริ่มจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย รูปแบบนี้เป็นลักษณะที่พบค่อนข้างมากในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M รูปแบบนี้อาจเริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี

รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด



(PHOTO REFERENCE) ภาพตัวอย่างรูปแบบของผมร่วงและผมบาง


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ในผู้ชายทั่วไปที่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง มักจะเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยจะคงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้ายเสมอ เนื่องจากรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ โดยทั่วไปนั้น รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ถึงประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม โดยเส้นผมจะมีวงจรชีวิต 1 รอบอยู่ที่ประมาณ 6 – 10 ปีก่อนจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้น รากผมที่แข็งแรงเพียงพอ และอยู่ในปัจจัยที่เหมาะสม อาจมีอายุได้สูงสุดถึง 200 ปี เลยทีเดียว

นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมการปลูกผมใหม่ จึงต้องนำรากผมบริเวณท้ายทอย ไปปลูกทดแทนบริเวณที่ผมบางลงไป อย่างเช่นหน้าผากหรือกลางศีรษะ นั่นก็เพราะคุณสมบัติในการไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมบริเวณท้ายทอยนี้มีรากผมที่แข็งแรงที่สุด เมื่อนำไปปลูกใหม่ แม้จะเป็นการปลูกลงในบริเวณที่เคยเกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง เส้นผมที่ปลูกใหม่นี้ ก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ยากที่จะเกิดปัญหารากผมอ่อนแออย่างเก่าได้อีก ทั้งยังสามารถมีอายุอยู่ต่อไปได้เป็นร้อยปี



สำหรับวิธีการปลูกผมถาวรนั้นก็มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ขึ้นตลอดเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) เทคนิคนี้เป็นการเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เครื่องมือเจาะรอบกอผมลึกลงไปยังรากผม กอผมหรือเนื้อเยื่อของรากผมตรงนี้เรียกว่า กราฟต์ (Graft) ซึ่งในแต่ละกราฟต์จะประกอบด้วยเส้นผมอยู่รวมกันประมาณ 1 – 4 เส้น

หลังจากดึงกราฟต์หรือกอผมเหล่านั้นออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ไปผ่านกระบวนการคัดแยกตามลักษณะทิศทางของเส้นผม รวมถึงจำนวนเส้นผมในแต่ละกราฟต์เสียก่อน จากนั้น แพทย์จะเปิดช่องหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาและต้องการปลูกผมใหม่ เพื่อนำกราฟต์ใหม่ใส่ลงไป ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงจำนวนกราฟต์ที่ใช้ปลูกใหม่ตามสภาพปัญหาผมและบริเวณที่จะปลูกผมของแต่ละคน เหมือนเป็นการย้ายกราฟต์ผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดไปจนตลอดชีวิตนั่นเอง

ถ้าอย่างนั้น สาเหตุของภาวะผมร่วงและผมบาง หลังจากการปลูกผมใหม่ เกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็เป็นเพราะเรานำรากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่เฉพาะบริเวณที่ผมบางลงอย่างชัดเจนเท่านั้น ในขณะที่ผมบริเวณอื่น ๆ ยังคงเป็นรากผมเดิม ที่ได้รับผลจากกรรมพันธุ์ซึ่งเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT จนส่งผลให้รากผมอ่อนแอและเส้นผมหลุดร่วงอยู่ หลาย ๆ คนที่เข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จึงอาจพบปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องได้

ในกรณีนี้ สามารถลองปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเส้นผม เพื่อขอคำปรึกษาในการรับมือกับภาวะผมร่วงและผมบางได้ โดยแพทย์จะวิเคราะห์สาเหตุและออกแบบบริการดูแลเส้นผมต่าง ๆ ซึ่งหากพบว่าสาเหตุของอาการผมร่วงมาจากกรรมพันธุ์ แพทย์มักแนะนำให้ทำการปลูกผมเพิ่มเติม เพื่อให้ผมดูหนาแน่นขึ้น โดยเลือกเทคนิคการรักษาใหม่ ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ให้ประสิทธิผลสูง สามารถลดอาการบาดเจ็บ ลดขนาดของรอยแผล รวมถึงใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลงได้




นอกจากนั้น การหันมาใส่ใจดูแลเส้นผมในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของเส้นผม หรือทำให้รากผมอ่อนแอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยยืดระยะเวลาการหลุดร่วงของเส้นผมให้ช้าลงได้ เช่น

- พฤติกรรมการบำรุงผม
ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือการทำสีผม และเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะ ทั้งยังไม่ควรสระผมบ่อยครั้งจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่นในการสระผม รวมถึงการใช้ไดร์เป่าผมแบบลมร้อนกับหนังศีรษะโดยตรง เพราะความร้อนจะทำให้เส้นผมยิ่งเปราะบางเนื่องจากโปรตีนถูกทำลาย ที่สำคัญ ไม่ควรหวีผมขณะที่ผมยังเปียก เพราะเป็นช่วงที่เส้นผมอยู่ในสถานะที่อ่อนแอที่สุด จะเป็นการรบกวนฐานผมและทำให้ผมยิ่งหลุดร่วงง่าย

- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
เลือกรรับประทานอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนหรือวิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพและความแข็งแรงของเส้นผม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฐานผมเช่นกัน

- พฤติกรรมการจัดการกับความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ วิธีง่าย ๆ อย่างเช่นการฝึกสมาธิหรือออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น

ปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องหลังการปลูกผม ต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องถึงที่มาและสาเหตุที่แท้จริงของอาการดังกล่าว จึงจะนำไปสู่การเลือกวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีกลับมาได้ พร้อมกับเส้นผมแข็งแรงและสุขภาพดีที่จะอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน

ปลูกผม “ครั้งเดียวจบ” จริงหรือไม่ ทำความเข้าใจ “ที่มา” ของภาวะผมร่วงและผมบางหลังการปลูกผม
แม้ว่าการปลูกผมใหม่ จะเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน สามารถคืนเส้นผมแข็งแรงเป็นธรรมชาติ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้หลาย ๆ คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่บางส่วนของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว กลับยังต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง ทั้งนี้ หลาย ๆ คนยังเข้าใจผิดว่า เมื่อเข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้ทั่วทั้งศีรษะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริงนั้น ด้วยปัจจัยทางชีวภาพของมนุษย์เอง ทำให้ปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกว่าที่คิด
มาลองทำความเข้าใจถึงสาเหตุหลักที่แท้จริงของอาการผมร่วงและผมบางกันก่อน เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางมากกว่าผู้หญิง คำตอบของปัญหานี้ ซ่อนอยู่ลึกลงไปในพันธุกรรมของคนเรา เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง เรียกว่าเป็นลักษณะที่อยู่ใต้อิทธิพลทางเพศ (sex – influenced trait) ยีนที่ว่านี้ ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว และเป็นสาเหตุหลักของอาการผมร่วงและผมบางมากถึงร้อยละ 95 ทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น อาการผมร่วงและผมบาง ยังมีฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการแสดงออกของลักษณะดังกล่าว นั่นคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) โดยผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมร่วงและผมบางผ่านทางพันธุกรรมนั้น จะพบระดับเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase เพิ่มขึ้นบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ผลจากฮอร์โมน DHT จะทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมที่อ่อนแอ ทั้งยังมีลักษณะบางและสั้นลง จนหลุดร่วงไวกว่ากำหนดตามไปด้วย นำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด
หากลองสังเกตจะพบว่า ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายนั้น จะแตกต่างจากผู้หญิง โดยมีรูปแบบการร่วงของเส้นผมเริ่มจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย รูปแบบนี้เป็นลักษณะที่พบค่อนข้างมากในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M รูปแบบนี้อาจเริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี

รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด



(PHOTO REFERENCE) ภาพตัวอย่างรูปแบบของผมร่วงและผมบาง


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ในผู้ชายทั่วไปที่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง มักจะเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยจะคงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้ายเสมอ เนื่องจากรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ โดยทั่วไปนั้น รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ถึงประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม โดยเส้นผมจะมีวงจรชีวิต 1 รอบอยู่ที่ประมาณ 6 – 10 ปีก่อนจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้น รากผมที่แข็งแรงเพียงพอ และอยู่ในปัจจัยที่เหมาะสม อาจมีอายุได้สูงสุดถึง 200 ปี เลยทีเดียว

นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมการปลูกผมใหม่ จึงต้องนำรากผมบริเวณท้ายทอย ไปปลูกทดแทนบริเวณที่ผมบางลงไป อย่างเช่นหน้าผากหรือกลางศีรษะ นั่นก็เพราะคุณสมบัติในการไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมบริเวณท้ายทอยนี้มีรากผมที่แข็งแรงที่สุด เมื่อนำไปปลูกใหม่ แม้จะเป็นการปลูกลงในบริเวณที่เคยเกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง เส้นผมที่ปลูกใหม่นี้ ก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ยากที่จะเกิดปัญหารากผมอ่อนแออย่างเก่าได้อีก ทั้งยังสามารถมีอายุอยู่ต่อไปได้เป็นร้อยปี



สำหรับวิธีการปลูกผมถาวรนั้นก็มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ขึ้นตลอดเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) เทคนิคนี้เป็นการเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เครื่องมือเจาะรอบกอผมลึกลงไปยังรากผม กอผมหรือเนื้อเยื่อของรากผมตรงนี้เรียกว่า กราฟต์ (Graft) ซึ่งในแต่ละกราฟต์จะประกอบด้วยเส้นผมอยู่รวมกันประมาณ 1 – 4 เส้น

หลังจากดึงกราฟต์หรือกอผมเหล่านั้นออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ไปผ่านกระบวนการคัดแยกตามลักษณะทิศทางของเส้นผม รวมถึงจำนวนเส้นผมในแต่ละกราฟต์เสียก่อน จากนั้น แพทย์จะเปิดช่องหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาและต้องการปลูกผมใหม่ เพื่อนำกราฟต์ใหม่ใส่ลงไป ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงจำนวนกราฟต์ที่ใช้ปลูกใหม่ตามสภาพปัญหาผมและบริเวณที่จะปลูกผมของแต่ละคน เหมือนเป็นการย้ายกราฟต์ผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดไปจนตลอดชีวิตนั่นเอง

ถ้าอย่างนั้น สาเหตุของภาวะผมร่วงและผมบาง หลังจากการปลูกผมใหม่ เกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็เป็นเพราะเรานำรากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่เฉพาะบริเวณที่ผมบางลงอย่างชัดเจนเท่านั้น ในขณะที่ผมบริเวณอื่น ๆ ยังคงเป็นรากผมเดิม ที่ได้รับผลจากกรรมพันธุ์ซึ่งเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT จนส่งผลให้รากผมอ่อนแอและเส้นผมหลุดร่วงอยู่ หลาย ๆ คนที่เข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จึงอาจพบปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องได้

ในกรณีนี้ สามารถลองปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเส้นผม เพื่อขอคำปรึกษาในการรับมือกับภาวะผมร่วงและผมบางได้ โดยแพทย์จะวิเคราะห์สาเหตุและออกแบบบริการดูแลเส้นผมต่าง ๆ ซึ่งหากพบว่าสาเหตุของอาการผมร่วงมาจากกรรมพันธุ์ แพทย์มักแนะนำให้ทำการปลูกผมเพิ่มเติม เพื่อให้ผมดูหนาแน่นขึ้น โดยเลือกเทคนิคการรักษาใหม่ ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ให้ประสิทธิผลสูง สามารถลดอาการบาดเจ็บ ลดขนาดของรอยแผล รวมถึงใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลงได้




นอกจากนั้น การหันมาใส่ใจดูแลเส้นผมในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของเส้นผม หรือทำให้รากผมอ่อนแอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยยืดระยะเวลาการหลุดร่วงของเส้นผมให้ช้าลงได้ เช่น

- พฤติกรรมการบำรุงผม
ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือการทำสีผม และเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะ ทั้งยังไม่ควรสระผมบ่อยครั้งจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่นในการสระผม รวมถึงการใช้ไดร์เป่าผมแบบลมร้อนกับหนังศีรษะโดยตรง เพราะความร้อนจะทำให้เส้นผมยิ่งเปราะบางเนื่องจากโปรตีนถูกทำลาย ที่สำคัญ ไม่ควรหวีผมขณะที่ผมยังเปียก เพราะเป็นช่วงที่เส้นผมอยู่ในสถานะที่อ่อนแอที่สุด จะเป็นการรบกวนฐานผมและทำให้ผมยิ่งหลุดร่วงง่าย

- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
เลือกรรับประทานอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนหรือวิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพและความแข็งแรงของเส้นผม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฐานผมเช่นกัน

- พฤติกรรมการจัดการกับความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ วิธีง่าย ๆ อย่างเช่นการฝึกสมาธิหรือออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น

ปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องหลังการปลูกผม ต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องถึงที่มาและสาเหตุที่แท้จริงของอาการดังกล่าว จึงจะนำไปสู่การเลือกวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีกลับมาได้ พร้อมกับเส้นผมแข็งแรงและสุขภาพดีที่จะอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน

ปลูกผม “ครั้งเดียวจบ” จริงหรือไม่ ทำความเข้าใจ “ที่มา” ของภาวะผมร่วงและผมบางหลังการปลูกผม
แม้ว่าการปลูกผมใหม่ จะเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน สามารถคืนเส้นผมแข็งแรงเป็นธรรมชาติ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้หลาย ๆ คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่บางส่วนของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว กลับยังต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง ทั้งนี้ หลาย ๆ คนยังเข้าใจผิดว่า เมื่อเข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้ทั่วทั้งศีรษะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริงนั้น ด้วยปัจจัยทางชีวภาพของมนุษย์เอง ทำให้ปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกว่าที่คิด
มาลองทำความเข้าใจถึงสาเหตุหลักที่แท้จริงของอาการผมร่วงและผมบางกันก่อน เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางมากกว่าผู้หญิง คำตอบของปัญหานี้ ซ่อนอยู่ลึกลงไปในพันธุกรรมของคนเรา เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง เรียกว่าเป็นลักษณะที่อยู่ใต้อิทธิพลทางเพศ (sex – influenced trait) ยีนที่ว่านี้ ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว และเป็นสาเหตุหลักของอาการผมร่วงและผมบางมากถึงร้อยละ 95 ทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น อาการผมร่วงและผมบาง ยังมีฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการแสดงออกของลักษณะดังกล่าว นั่นคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) โดยผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมร่วงและผมบางผ่านทางพันธุกรรมนั้น จะพบระดับเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase เพิ่มขึ้นบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ผลจากฮอร์โมน DHT จะทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมที่อ่อนแอ ทั้งยังมีลักษณะบางและสั้นลง จนหลุดร่วงไวกว่ากำหนดตามไปด้วย นำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด
หากลองสังเกตจะพบว่า ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายนั้น จะแตกต่างจากผู้หญิง โดยมีรูปแบบการร่วงของเส้นผมเริ่มจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย รูปแบบนี้เป็นลักษณะที่พบค่อนข้างมากในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M รูปแบบนี้อาจเริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี

รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด



(PHOTO REFERENCE) ภาพตัวอย่างรูปแบบของผมร่วงและผมบาง


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ในผู้ชายทั่วไปที่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง มักจะเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยจะคงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้ายเสมอ เนื่องจากรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ โดยทั่วไปนั้น รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ถึงประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม โดยเส้นผมจะมีวงจรชีวิต 1 รอบอยู่ที่ประมาณ 6 – 10 ปีก่อนจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้น รากผมที่แข็งแรงเพียงพอ และอยู่ในปัจจัยที่เหมาะสม อาจมีอายุได้สูงสุดถึง 200 ปี เลยทีเดียว

นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมการปลูกผมใหม่ จึงต้องนำรากผมบริเวณท้ายทอย ไปปลูกทดแทนบริเวณที่ผมบางลงไป อย่างเช่นหน้าผากหรือกลางศีรษะ นั่นก็เพราะคุณสมบัติในการไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมบริเวณท้ายทอยนี้มีรากผมที่แข็งแรงที่สุด เมื่อนำไปปลูกใหม่ แม้จะเป็นการปลูกลงในบริเวณที่เคยเกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง เส้นผมที่ปลูกใหม่นี้ ก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ยากที่จะเกิดปัญหารากผมอ่อนแออย่างเก่าได้อีก ทั้งยังสามารถมีอายุอยู่ต่อไปได้เป็นร้อยปี



สำหรับวิธีการปลูกผมถาวรนั้นก็มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ขึ้นตลอดเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) เทคนิคนี้เป็นการเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เครื่องมือเจาะรอบกอผมลึกลงไปยังรากผม กอผมหรือเนื้อเยื่อของรากผมตรงนี้เรียกว่า กราฟต์ (Graft) ซึ่งในแต่ละกราฟต์จะประกอบด้วยเส้นผมอยู่รวมกันประมาณ 1 – 4 เส้น

หลังจากดึงกราฟต์หรือกอผมเหล่านั้นออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ไปผ่านกระบวนการคัดแยกตามลักษณะทิศทางของเส้นผม รวมถึงจำนวนเส้นผมในแต่ละกราฟต์เสียก่อน จากนั้น แพทย์จะเปิดช่องหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาและต้องการปลูกผมใหม่ เพื่อนำกราฟต์ใหม่ใส่ลงไป ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงจำนวนกราฟต์ที่ใช้ปลูกใหม่ตามสภาพปัญหาผมและบริเวณที่จะปลูกผมของแต่ละคน เหมือนเป็นการย้ายกราฟต์ผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดไปจนตลอดชีวิตนั่นเอง

ถ้าอย่างนั้น สาเหตุของภาวะผมร่วงและผมบาง หลังจากการปลูกผมใหม่ เกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็เป็นเพราะเรานำรากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่เฉพาะบริเวณที่ผมบางลงอย่างชัดเจนเท่านั้น ในขณะที่ผมบริเวณอื่น ๆ ยังคงเป็นรากผมเดิม ที่ได้รับผลจากกรรมพันธุ์ซึ่งเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT จนส่งผลให้รากผมอ่อนแอและเส้นผมหลุดร่วงอยู่ หลาย ๆ คนที่เข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จึงอาจพบปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องได้

ในกรณีนี้ สามารถลองปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเส้นผม เพื่อขอคำปรึกษาในการรับมือกับภาวะผมร่วงและผมบางได้ โดยแพทย์จะวิเคราะห์สาเหตุและออกแบบบริการดูแลเส้นผมต่าง ๆ ซึ่งหากพบว่าสาเหตุของอาการผมร่วงมาจากกรรมพันธุ์ แพทย์มักแนะนำให้ทำการปลูกผมเพิ่มเติม เพื่อให้ผมดูหนาแน่นขึ้น โดยเลือกเทคนิคการรักษาใหม่ ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ให้ประสิทธิผลสูง สามารถลดอาการบาดเจ็บ ลดขนาดของรอยแผล รวมถึงใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลงได้




นอกจากนั้น การหันมาใส่ใจดูแลเส้นผมในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของเส้นผม หรือทำให้รากผมอ่อนแอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยยืดระยะเวลาการหลุดร่วงของเส้นผมให้ช้าลงได้ เช่น

- พฤติกรรมการบำรุงผม
ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือการทำสีผม และเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะ ทั้งยังไม่ควรสระผมบ่อยครั้งจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่นในการสระผม รวมถึงการใช้ไดร์เป่าผมแบบลมร้อนกับหนังศีรษะโดยตรง เพราะความร้อนจะทำให้เส้นผมยิ่งเปราะบางเนื่องจากโปรตีนถูกทำลาย ที่สำคัญ ไม่ควรหวีผมขณะที่ผมยังเปียก เพราะเป็นช่วงที่เส้นผมอยู่ในสถานะที่อ่อนแอที่สุด จะเป็นการรบกวนฐานผมและทำให้ผมยิ่งหลุดร่วงง่าย

- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
เลือกรรับประทานอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนหรือวิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพและความแข็งแรงของเส้นผม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฐานผมเช่นกัน

- พฤติกรรมการจัดการกับความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ วิธีง่าย ๆ อย่างเช่นการฝึกสมาธิหรือออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น

ปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องหลังการปลูกผม ต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องถึงที่มาและสาเหตุที่แท้จริงของอาการดังกล่าว จึงจะนำไปสู่การเลือกวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีกลับมาได้ พร้อมกับเส้นผมแข็งแรงและสุขภาพดีที่จะอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน