SPOTLIGHT
ประสบการณ์จริงจากผู้ปลูกผม
Tag :
เส้นผมใหม่ จุดประกายความเปลี่ยนแปลง
“พอเราเริ่มเอาภาพเมื่อเราก่อนทำมากับหลังทำมาตอนนี้ ยังนึกในใจว่า รู้แบบนี้มาทำตั้งนานแล้ว” เป็นคำพูดสั้นๆ แต่ตรงมาจากใจของคุณโอฬาร ประจักษ์ทิพย์ หรือคุณบาส อายุ 46 ปี เจ้าของธุรกิจ “บ้านสีสวย (หัวถนน)” ศูนย์สีครบวงจรและใหญ่ที่สุดใน จ.นครศรีธรรมราช

คุณบาสเริ่มมีปัญหาผมบางตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี แต่ไม่ได้รักษาจริงจัง ปล่อยผ่านมาเรื่อยๆ จนสะสมมากว่า 20 ปี “คือจริงๆ เรื่องผมบางมันอยู่กับเรามาเป็นสิบๆ ปีนะ เรียกว่าบางทีมันก็เป็น signature ส่วนตัวเรา เวลาไปไหนเนี่ย เอ้า....เฮียบาส มาคู่กับผมน้อย ศีรษะล้านอยู่แล้ว” ซึ่งที่ผ่านมา คุณบาสพยายามมองโลกแง่บวก คิดว่าศีรษะล้านเป็นจุดเด่น ทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคนเดียวที่เป็นแบบนี้ แต่แท้จริงแล้วลึกๆ ในใจ ก็อยากกลับมาผมหนาแน่นเหมือนเดิม เคยหาข้อมูลเรื่องการปลูกผมมาตลอด แต่สุดท้ายก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ จนมีเพื่อนๆ หลายคนที่ได้เข้ารับปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน แนะนำให้มาปรึกษาปัญหากับคุณหมอด้วยตัวเอง “จริงๆ สำคัญนะ เราเคยปรึกษาหลายๆ หมอ แต่เราก็ยังมีความ 50:50 ความกลัว ความไม่กล้าอยู่ว่า ถ้าเราลงทุนหรือเราทำไปเนี่ย ผมมันจะขึ้นจริงอย่างที่ในรูปที่เราเคยเห็นในโฆษณามั้ย”


“หลังจากพูดคุยเสร็จก็ไม่ได้คิดนานนะ ก็ตัดสินใจเลย ลืมถามด้วยว่าปลูกผมแล้วเจ็บมั้ย......วันปลูกผม ไม่เจ็บเลย แค่เมื่อย นอนเมื่อย เราใช้เวลาตั้งแต่ 12.00 น. ถึง 05.00 ยาวนานมาก” ถือว่าเป็น Mega Session ที่เป็นเคสค่อนข้างใหญ่ ทั้งในแง่ปัญหาและการแก้ปัญหา คุณหมอนินต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก เริ่มด้วยการบริหารเวลาที่ต้องใช้ระยะเวลาทำหัตถการนานมาก จากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา คุณหมอนินจึงต้องบริหารขั้นตอนการให้รัดกุมและแข่งกับเวลา กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง ซึ่งคุณหมอนินชื่นชมคุณบาสมากๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาการปลูกผม 

นอกจากจะใช้เวลาในการปลูกนานถึง 17 ชั่วโมงแล้ว ยังต้องใช้ต้นทุนกราฟต์ผมจำนวนมากในการปลูกผม โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่จะเลือกกราฟต์ผมแต่ละแบบมาปลูกในบริเวณที่เหมาะสม ในเคสคุณบาส ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น ซึ่งคุณหมอนินใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม บริเวณด้านหน้าใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้น และมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน ซึ่งในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนจะตัดสินใจปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็นกราฟต์หรือเป็นเส้น เพราะจะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม


หลังปลูกผม คุณบาสเล่าว่า “การใช้ชีวิตยังปกติ เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากเรากลับไปแล้ว 6 โมง บ่ายสองเรากลับมาหาหมอใหม่ คุณหมอนัดกลับมาสระผม เราก็ยังใช้ชีวิตปกติได้ ไม่มีบวม ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย การใช้ชีวิต การสระผมเราก็ใช้ตามหมอสั่ง หรือถ้าเรากลัว ไม่มั่นใจ เราสามารถจะ inbox มาถามคุณหมอได้ทั้งในไลน์ของคุณหมอและของคลินิก”

“เริ่มเข้าเดือนที่ 3-4 เริ่มมีวิวัฒนาการแล้ว ผมเริ่มโตขึ้น เริ่มหนาขึ้น เริ่มเยอะขึ้น จนมีคนเริ่มทัก พรรคพวกบ้าง ลูกค้าบ้างที่เคยเจอเราก็เริ่มทักแล้ว” และที่คุณบาส happy ที่สุดคือมีคนทักว่าเป็นพี่ชายของลูก “จากพ่อเป็นพี่ชาย คิดดูฮะ ถือว่าประสบความสำเร็จมั้ย น่าจะเกินร้อยนะ”



ตอนนี้คุณบาสปลูกผมได้ 8 เดือนแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่จนกว่าจะครบ 1 ปี แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในชีวิต ที่ชัดเจนคือ เริ่มรักตัวเองมากขึ้น มีความสุขในการดูแลเส้นผม และกลับมาฝึกเซ็ทผมหลังจากที่ไม่เคยสนใจทำเลยตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเรื่องวินัยในการดูแลหลังปลูกผมนี้ คอนเฟิร์มว่าไม่แพ้ใครเลย เพราะคุณบาสเดินทางมาจาก จ. นครศรีธรรมราช เพื่อเข้ารับการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมเดิมพร้อมไปกับบำรุงรากผมที่ปลูกใหม่ เพราะมีเพื่อนที่เคยปลูกผมจากที่อื่นแล้วไม่มีวินัยในการดูแลตัวเองหลังปลูก การปลูกผมก็ไม่ประสบผลสำเร็จ คุณบาสจึงปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังปลูกตามที่วางแผนไว้



ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนของคุณบาสเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เพื่อนๆ และคนรู้จักที่มีปัญหาผมบางศีรษะล้านได้เปิดใจกับการปลูกผมมากขึ้น “คือจริงๆ ไม่ต้องคุยอะไรเยอะเลย เพื่อนเราหรือว่าคนรู้จักเราเห็นเรามาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ณ วันนี้ พอเขาเห็นเราเปลี่ยนแปลง มันคือคำตอบที่ชัดเจนเลยว่าต้องมาทำ ไม่ต้องไปพูดอะไรเยอะเลยครับ คือถามแค่ว่า คลินิกไหน หมอคนไหนที่เราปรึกษาอยู่ แค่นั้นเอง.....คือผลลัพธ์มันออกในตัว บางทีเขามาเจอเราหรือเขามาปรึกษาเรา ผลลัพธ์มันอยู่ที่เราอยู่แล้ว”

“บางทีเราเดินไปเจอคนที่เคยผมบางหรือว่าเคยศีรษะล้านเหมือนเราเคยล้าน เราก็จะแอบมีกระซิบบ้างว่า เราอยากจะไปช่วยแนะนำเขาบ้างเหมือนกัน พูดตรงๆ บางทีคนเราศีรษะล้านอยู่ประจำหรือผมบาง บางทีเราไม่ได้นึกถึงตัวเองนะ จนมีคนมาแนะนำนี่แหละ เราถึงจะรู้สึกว่าอยากลองดู อยากเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเจอคนรู้จักเนี่ย เราก็จะบอก อยากลองมั้ย เพราะมันเห็นผลชัดเจนว่า ระหว่างอดีตที่เรา Before แล้วเรามาถึงปัจจุบัน มันมีความแตกต่างยังไง มันก็เป็นแรงกระตุ้นให้คนที่ผมบางหรือศีรษะล้านอยากกลับมาผมเยอะเหมือนเดิมเหมือนตอนเป็นวัยรุ่นหรือตอนที่ผมเราไม่ได้บาง”



จากประสบการณ์ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่เคยประสบปัญหาหนักมาก่อน คุณบาสจึงขอฝากให้ผู้ที่เจอภาวะผมบางศีรษะล้านอยู่ แต่ยังมีข้อสงสัยหรือความกังวลกับการปลูกผมว่า “ผมเข้าใจนะว่าคนที่มีภาวะหรือศีรษะล้านเหมือนเรา ทุกคนอยากจะหล่อ อยากจะมีผมแหละ แต่บางคนไม่ได้กล้าปรึกษา หรือไม่รู้จะปรึกษาใคร บางที เราหัวล้านกันมาเป็นสิบๆ ปี กลายเป็นเรื่องชินชา แต่ก็อย่างที่บอก ไม่รู้จะปรึกษาใคร ไม่มีใครให้ปรึกษา หรือยังไม่มีตัวอย่างที่ชัดเจน พอเขามาเจอเราเขาเลยกล้า กล้ามาถาม กล้ามาคุย กล้ามาปรึกษา ส่วนหลังจากนั้นอยู่ที่เขาตัดสินใจว่าเขาพร้อมขนาดไหนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเขากล้าตัดสินใจ กล้าเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์อนาคตข้างหน้ามันดีแน่นอนครับ มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้น เด็กขึ้น วัยรุ่นขึ้น แต่งตัวสนุกขึ้นและมีชีวิตที่อายุน้อยลง นี่เพราะเส้นผมอย่างเดียวนะ”

“มาหาหมอนินไม่ผิดหวังแน่นอนครับ คุณจะได้อนาคตใหม่อย่างแน่นอนครับ คุณจะมีหน้าที่เด็กลง มีอายุที่น้อยลง วัยรุ่นขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจครับ” คุณบาสคอนเฟิร์ม!!!
เส้นผมใหม่ จุดประกายความเปลี่ยนแปลง
“พอเราเริ่มเอาภาพเมื่อเราก่อนทำมากับหลังทำมาตอนนี้ ยังนึกในใจว่า รู้แบบนี้มาทำตั้งนานแล้ว” เป็นคำพูดสั้นๆ แต่ตรงมาจากใจของคุณโอฬาร ประจักษ์ทิพย์ หรือคุณบาส อายุ 46 ปี เจ้าของธุรกิจ “บ้านสีสวย (หัวถนน)” ศูนย์สีครบวงจรและใหญ่ที่สุดใน จ.นครศรีธรรมราช

คุณบาสเริ่มมีปัญหาผมบางตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี แต่ไม่ได้รักษาจริงจัง ปล่อยผ่านมาเรื่อยๆ จนสะสมมากว่า 20 ปี “คือจริงๆ เรื่องผมบางมันอยู่กับเรามาเป็นสิบๆ ปีนะ เรียกว่าบางทีมันก็เป็น signature ส่วนตัวเรา เวลาไปไหนเนี่ย เอ้า....เฮียบาส มาคู่กับผมน้อย ศีรษะล้านอยู่แล้ว” ซึ่งที่ผ่านมา คุณบาสพยายามมองโลกแง่บวก คิดว่าศีรษะล้านเป็นจุดเด่น ทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคนเดียวที่เป็นแบบนี้ แต่แท้จริงแล้วลึกๆ ในใจ ก็อยากกลับมาผมหนาแน่นเหมือนเดิม เคยหาข้อมูลเรื่องการปลูกผมมาตลอด แต่สุดท้ายก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ จนมีเพื่อนๆ หลายคนที่ได้เข้ารับปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน แนะนำให้มาปรึกษาปัญหากับคุณหมอด้วยตัวเอง “จริงๆ สำคัญนะ เราเคยปรึกษาหลายๆ หมอ แต่เราก็ยังมีความ 50:50 ความกลัว ความไม่กล้าอยู่ว่า ถ้าเราลงทุนหรือเราทำไปเนี่ย ผมมันจะขึ้นจริงอย่างที่ในรูปที่เราเคยเห็นในโฆษณามั้ย”


“หลังจากพูดคุยเสร็จก็ไม่ได้คิดนานนะ ก็ตัดสินใจเลย ลืมถามด้วยว่าปลูกผมแล้วเจ็บมั้ย......วันปลูกผม ไม่เจ็บเลย แค่เมื่อย นอนเมื่อย เราใช้เวลาตั้งแต่ 12.00 น. ถึง 05.00 ยาวนานมาก” ถือว่าเป็น Mega Session ที่เป็นเคสค่อนข้างใหญ่ ทั้งในแง่ปัญหาและการแก้ปัญหา คุณหมอนินต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก เริ่มด้วยการบริหารเวลาที่ต้องใช้ระยะเวลาทำหัตถการนานมาก จากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา คุณหมอนินจึงต้องบริหารขั้นตอนการให้รัดกุมและแข่งกับเวลา กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง ซึ่งคุณหมอนินชื่นชมคุณบาสมากๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาการปลูกผม 

นอกจากจะใช้เวลาในการปลูกนานถึง 17 ชั่วโมงแล้ว ยังต้องใช้ต้นทุนกราฟต์ผมจำนวนมากในการปลูกผม โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่จะเลือกกราฟต์ผมแต่ละแบบมาปลูกในบริเวณที่เหมาะสม ในเคสคุณบาส ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น ซึ่งคุณหมอนินใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม บริเวณด้านหน้าใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้น และมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน ซึ่งในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนจะตัดสินใจปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็นกราฟต์หรือเป็นเส้น เพราะจะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม


หลังปลูกผม คุณบาสเล่าว่า “การใช้ชีวิตยังปกติ เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากเรากลับไปแล้ว 6 โมง บ่ายสองเรากลับมาหาหมอใหม่ คุณหมอนัดกลับมาสระผม เราก็ยังใช้ชีวิตปกติได้ ไม่มีบวม ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย การใช้ชีวิต การสระผมเราก็ใช้ตามหมอสั่ง หรือถ้าเรากลัว ไม่มั่นใจ เราสามารถจะ inbox มาถามคุณหมอได้ทั้งในไลน์ของคุณหมอและของคลินิก”

“เริ่มเข้าเดือนที่ 3-4 เริ่มมีวิวัฒนาการแล้ว ผมเริ่มโตขึ้น เริ่มหนาขึ้น เริ่มเยอะขึ้น จนมีคนเริ่มทัก พรรคพวกบ้าง ลูกค้าบ้างที่เคยเจอเราก็เริ่มทักแล้ว” และที่คุณบาส happy ที่สุดคือมีคนทักว่าเป็นพี่ชายของลูก “จากพ่อเป็นพี่ชาย คิดดูฮะ ถือว่าประสบความสำเร็จมั้ย น่าจะเกินร้อยนะ”



ตอนนี้คุณบาสปลูกผมได้ 8 เดือนแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่จนกว่าจะครบ 1 ปี แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในชีวิต ที่ชัดเจนคือ เริ่มรักตัวเองมากขึ้น มีความสุขในการดูแลเส้นผม และกลับมาฝึกเซ็ทผมหลังจากที่ไม่เคยสนใจทำเลยตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเรื่องวินัยในการดูแลหลังปลูกผมนี้ คอนเฟิร์มว่าไม่แพ้ใครเลย เพราะคุณบาสเดินทางมาจาก จ. นครศรีธรรมราช เพื่อเข้ารับการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมเดิมพร้อมไปกับบำรุงรากผมที่ปลูกใหม่ เพราะมีเพื่อนที่เคยปลูกผมจากที่อื่นแล้วไม่มีวินัยในการดูแลตัวเองหลังปลูก การปลูกผมก็ไม่ประสบผลสำเร็จ คุณบาสจึงปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังปลูกตามที่วางแผนไว้



ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนของคุณบาสเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เพื่อนๆ และคนรู้จักที่มีปัญหาผมบางศีรษะล้านได้เปิดใจกับการปลูกผมมากขึ้น “คือจริงๆ ไม่ต้องคุยอะไรเยอะเลย เพื่อนเราหรือว่าคนรู้จักเราเห็นเรามาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ณ วันนี้ พอเขาเห็นเราเปลี่ยนแปลง มันคือคำตอบที่ชัดเจนเลยว่าต้องมาทำ ไม่ต้องไปพูดอะไรเยอะเลยครับ คือถามแค่ว่า คลินิกไหน หมอคนไหนที่เราปรึกษาอยู่ แค่นั้นเอง.....คือผลลัพธ์มันออกในตัว บางทีเขามาเจอเราหรือเขามาปรึกษาเรา ผลลัพธ์มันอยู่ที่เราอยู่แล้ว”

“บางทีเราเดินไปเจอคนที่เคยผมบางหรือว่าเคยศีรษะล้านเหมือนเราเคยล้าน เราก็จะแอบมีกระซิบบ้างว่า เราอยากจะไปช่วยแนะนำเขาบ้างเหมือนกัน พูดตรงๆ บางทีคนเราศีรษะล้านอยู่ประจำหรือผมบาง บางทีเราไม่ได้นึกถึงตัวเองนะ จนมีคนมาแนะนำนี่แหละ เราถึงจะรู้สึกว่าอยากลองดู อยากเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเจอคนรู้จักเนี่ย เราก็จะบอก อยากลองมั้ย เพราะมันเห็นผลชัดเจนว่า ระหว่างอดีตที่เรา Before แล้วเรามาถึงปัจจุบัน มันมีความแตกต่างยังไง มันก็เป็นแรงกระตุ้นให้คนที่ผมบางหรือศีรษะล้านอยากกลับมาผมเยอะเหมือนเดิมเหมือนตอนเป็นวัยรุ่นหรือตอนที่ผมเราไม่ได้บาง”



จากประสบการณ์ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่เคยประสบปัญหาหนักมาก่อน คุณบาสจึงขอฝากให้ผู้ที่เจอภาวะผมบางศีรษะล้านอยู่ แต่ยังมีข้อสงสัยหรือความกังวลกับการปลูกผมว่า “ผมเข้าใจนะว่าคนที่มีภาวะหรือศีรษะล้านเหมือนเรา ทุกคนอยากจะหล่อ อยากจะมีผมแหละ แต่บางคนไม่ได้กล้าปรึกษา หรือไม่รู้จะปรึกษาใคร บางที เราหัวล้านกันมาเป็นสิบๆ ปี กลายเป็นเรื่องชินชา แต่ก็อย่างที่บอก ไม่รู้จะปรึกษาใคร ไม่มีใครให้ปรึกษา หรือยังไม่มีตัวอย่างที่ชัดเจน พอเขามาเจอเราเขาเลยกล้า กล้ามาถาม กล้ามาคุย กล้ามาปรึกษา ส่วนหลังจากนั้นอยู่ที่เขาตัดสินใจว่าเขาพร้อมขนาดไหนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเขากล้าตัดสินใจ กล้าเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์อนาคตข้างหน้ามันดีแน่นอนครับ มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้น เด็กขึ้น วัยรุ่นขึ้น แต่งตัวสนุกขึ้นและมีชีวิตที่อายุน้อยลง นี่เพราะเส้นผมอย่างเดียวนะ”

“มาหาหมอนินไม่ผิดหวังแน่นอนครับ คุณจะได้อนาคตใหม่อย่างแน่นอนครับ คุณจะมีหน้าที่เด็กลง มีอายุที่น้อยลง วัยรุ่นขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจครับ” คุณบาสคอนเฟิร์ม!!!
เส้นผมใหม่ จุดประกายความเปลี่ยนแปลง
“พอเราเริ่มเอาภาพเมื่อเราก่อนทำมากับหลังทำมาตอนนี้ ยังนึกในใจว่า รู้แบบนี้มาทำตั้งนานแล้ว” เป็นคำพูดสั้นๆ แต่ตรงมาจากใจของคุณโอฬาร ประจักษ์ทิพย์ หรือคุณบาส อายุ 46 ปี เจ้าของธุรกิจ “บ้านสีสวย (หัวถนน)” ศูนย์สีครบวงจรและใหญ่ที่สุดใน จ.นครศรีธรรมราช

คุณบาสเริ่มมีปัญหาผมบางตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี แต่ไม่ได้รักษาจริงจัง ปล่อยผ่านมาเรื่อยๆ จนสะสมมากว่า 20 ปี “คือจริงๆ เรื่องผมบางมันอยู่กับเรามาเป็นสิบๆ ปีนะ เรียกว่าบางทีมันก็เป็น signature ส่วนตัวเรา เวลาไปไหนเนี่ย เอ้า....เฮียบาส มาคู่กับผมน้อย ศีรษะล้านอยู่แล้ว” ซึ่งที่ผ่านมา คุณบาสพยายามมองโลกแง่บวก คิดว่าศีรษะล้านเป็นจุดเด่น ทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคนเดียวที่เป็นแบบนี้ แต่แท้จริงแล้วลึกๆ ในใจ ก็อยากกลับมาผมหนาแน่นเหมือนเดิม เคยหาข้อมูลเรื่องการปลูกผมมาตลอด แต่สุดท้ายก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ จนมีเพื่อนๆ หลายคนที่ได้เข้ารับปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน แนะนำให้มาปรึกษาปัญหากับคุณหมอด้วยตัวเอง “จริงๆ สำคัญนะ เราเคยปรึกษาหลายๆ หมอ แต่เราก็ยังมีความ 50:50 ความกลัว ความไม่กล้าอยู่ว่า ถ้าเราลงทุนหรือเราทำไปเนี่ย ผมมันจะขึ้นจริงอย่างที่ในรูปที่เราเคยเห็นในโฆษณามั้ย”


“หลังจากพูดคุยเสร็จก็ไม่ได้คิดนานนะ ก็ตัดสินใจเลย ลืมถามด้วยว่าปลูกผมแล้วเจ็บมั้ย......วันปลูกผม ไม่เจ็บเลย แค่เมื่อย นอนเมื่อย เราใช้เวลาตั้งแต่ 12.00 น. ถึง 05.00 ยาวนานมาก” ถือว่าเป็น Mega Session ที่เป็นเคสค่อนข้างใหญ่ ทั้งในแง่ปัญหาและการแก้ปัญหา คุณหมอนินต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก เริ่มด้วยการบริหารเวลาที่ต้องใช้ระยะเวลาทำหัตถการนานมาก จากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา คุณหมอนินจึงต้องบริหารขั้นตอนการให้รัดกุมและแข่งกับเวลา กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง ซึ่งคุณหมอนินชื่นชมคุณบาสมากๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาการปลูกผม 

นอกจากจะใช้เวลาในการปลูกนานถึง 17 ชั่วโมงแล้ว ยังต้องใช้ต้นทุนกราฟต์ผมจำนวนมากในการปลูกผม โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่จะเลือกกราฟต์ผมแต่ละแบบมาปลูกในบริเวณที่เหมาะสม ในเคสคุณบาส ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น ซึ่งคุณหมอนินใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม บริเวณด้านหน้าใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้น และมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน ซึ่งในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนจะตัดสินใจปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็นกราฟต์หรือเป็นเส้น เพราะจะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม


หลังปลูกผม คุณบาสเล่าว่า “การใช้ชีวิตยังปกติ เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากเรากลับไปแล้ว 6 โมง บ่ายสองเรากลับมาหาหมอใหม่ คุณหมอนัดกลับมาสระผม เราก็ยังใช้ชีวิตปกติได้ ไม่มีบวม ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย การใช้ชีวิต การสระผมเราก็ใช้ตามหมอสั่ง หรือถ้าเรากลัว ไม่มั่นใจ เราสามารถจะ inbox มาถามคุณหมอได้ทั้งในไลน์ของคุณหมอและของคลินิก”

“เริ่มเข้าเดือนที่ 3-4 เริ่มมีวิวัฒนาการแล้ว ผมเริ่มโตขึ้น เริ่มหนาขึ้น เริ่มเยอะขึ้น จนมีคนเริ่มทัก พรรคพวกบ้าง ลูกค้าบ้างที่เคยเจอเราก็เริ่มทักแล้ว” และที่คุณบาส happy ที่สุดคือมีคนทักว่าเป็นพี่ชายของลูก “จากพ่อเป็นพี่ชาย คิดดูฮะ ถือว่าประสบความสำเร็จมั้ย น่าจะเกินร้อยนะ”



ตอนนี้คุณบาสปลูกผมได้ 8 เดือนแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่จนกว่าจะครบ 1 ปี แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในชีวิต ที่ชัดเจนคือ เริ่มรักตัวเองมากขึ้น มีความสุขในการดูแลเส้นผม และกลับมาฝึกเซ็ทผมหลังจากที่ไม่เคยสนใจทำเลยตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเรื่องวินัยในการดูแลหลังปลูกผมนี้ คอนเฟิร์มว่าไม่แพ้ใครเลย เพราะคุณบาสเดินทางมาจาก จ. นครศรีธรรมราช เพื่อเข้ารับการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมเดิมพร้อมไปกับบำรุงรากผมที่ปลูกใหม่ เพราะมีเพื่อนที่เคยปลูกผมจากที่อื่นแล้วไม่มีวินัยในการดูแลตัวเองหลังปลูก การปลูกผมก็ไม่ประสบผลสำเร็จ คุณบาสจึงปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังปลูกตามที่วางแผนไว้



ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนของคุณบาสเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เพื่อนๆ และคนรู้จักที่มีปัญหาผมบางศีรษะล้านได้เปิดใจกับการปลูกผมมากขึ้น “คือจริงๆ ไม่ต้องคุยอะไรเยอะเลย เพื่อนเราหรือว่าคนรู้จักเราเห็นเรามาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ณ วันนี้ พอเขาเห็นเราเปลี่ยนแปลง มันคือคำตอบที่ชัดเจนเลยว่าต้องมาทำ ไม่ต้องไปพูดอะไรเยอะเลยครับ คือถามแค่ว่า คลินิกไหน หมอคนไหนที่เราปรึกษาอยู่ แค่นั้นเอง.....คือผลลัพธ์มันออกในตัว บางทีเขามาเจอเราหรือเขามาปรึกษาเรา ผลลัพธ์มันอยู่ที่เราอยู่แล้ว”

“บางทีเราเดินไปเจอคนที่เคยผมบางหรือว่าเคยศีรษะล้านเหมือนเราเคยล้าน เราก็จะแอบมีกระซิบบ้างว่า เราอยากจะไปช่วยแนะนำเขาบ้างเหมือนกัน พูดตรงๆ บางทีคนเราศีรษะล้านอยู่ประจำหรือผมบาง บางทีเราไม่ได้นึกถึงตัวเองนะ จนมีคนมาแนะนำนี่แหละ เราถึงจะรู้สึกว่าอยากลองดู อยากเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเจอคนรู้จักเนี่ย เราก็จะบอก อยากลองมั้ย เพราะมันเห็นผลชัดเจนว่า ระหว่างอดีตที่เรา Before แล้วเรามาถึงปัจจุบัน มันมีความแตกต่างยังไง มันก็เป็นแรงกระตุ้นให้คนที่ผมบางหรือศีรษะล้านอยากกลับมาผมเยอะเหมือนเดิมเหมือนตอนเป็นวัยรุ่นหรือตอนที่ผมเราไม่ได้บาง”



จากประสบการณ์ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่เคยประสบปัญหาหนักมาก่อน คุณบาสจึงขอฝากให้ผู้ที่เจอภาวะผมบางศีรษะล้านอยู่ แต่ยังมีข้อสงสัยหรือความกังวลกับการปลูกผมว่า “ผมเข้าใจนะว่าคนที่มีภาวะหรือศีรษะล้านเหมือนเรา ทุกคนอยากจะหล่อ อยากจะมีผมแหละ แต่บางคนไม่ได้กล้าปรึกษา หรือไม่รู้จะปรึกษาใคร บางที เราหัวล้านกันมาเป็นสิบๆ ปี กลายเป็นเรื่องชินชา แต่ก็อย่างที่บอก ไม่รู้จะปรึกษาใคร ไม่มีใครให้ปรึกษา หรือยังไม่มีตัวอย่างที่ชัดเจน พอเขามาเจอเราเขาเลยกล้า กล้ามาถาม กล้ามาคุย กล้ามาปรึกษา ส่วนหลังจากนั้นอยู่ที่เขาตัดสินใจว่าเขาพร้อมขนาดไหนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเขากล้าตัดสินใจ กล้าเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์อนาคตข้างหน้ามันดีแน่นอนครับ มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้น เด็กขึ้น วัยรุ่นขึ้น แต่งตัวสนุกขึ้นและมีชีวิตที่อายุน้อยลง นี่เพราะเส้นผมอย่างเดียวนะ”

“มาหาหมอนินไม่ผิดหวังแน่นอนครับ คุณจะได้อนาคตใหม่อย่างแน่นอนครับ คุณจะมีหน้าที่เด็กลง มีอายุที่น้อยลง วัยรุ่นขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจครับ” คุณบาสคอนเฟิร์ม!!!
เส้นผมใหม่ จุดประกายความเปลี่ยนแปลง
“พอเราเริ่มเอาภาพเมื่อเราก่อนทำมากับหลังทำมาตอนนี้ ยังนึกในใจว่า รู้แบบนี้มาทำตั้งนานแล้ว” เป็นคำพูดสั้นๆ แต่ตรงมาจากใจของคุณโอฬาร ประจักษ์ทิพย์ หรือคุณบาส อายุ 46 ปี เจ้าของธุรกิจ “บ้านสีสวย (หัวถนน)” ศูนย์สีครบวงจรและใหญ่ที่สุดใน จ.นครศรีธรรมราช

คุณบาสเริ่มมีปัญหาผมบางตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี แต่ไม่ได้รักษาจริงจัง ปล่อยผ่านมาเรื่อยๆ จนสะสมมากว่า 20 ปี “คือจริงๆ เรื่องผมบางมันอยู่กับเรามาเป็นสิบๆ ปีนะ เรียกว่าบางทีมันก็เป็น signature ส่วนตัวเรา เวลาไปไหนเนี่ย เอ้า....เฮียบาส มาคู่กับผมน้อย ศีรษะล้านอยู่แล้ว” ซึ่งที่ผ่านมา คุณบาสพยายามมองโลกแง่บวก คิดว่าศีรษะล้านเป็นจุดเด่น ทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคนเดียวที่เป็นแบบนี้ แต่แท้จริงแล้วลึกๆ ในใจ ก็อยากกลับมาผมหนาแน่นเหมือนเดิม เคยหาข้อมูลเรื่องการปลูกผมมาตลอด แต่สุดท้ายก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ จนมีเพื่อนๆ หลายคนที่ได้เข้ารับปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน แนะนำให้มาปรึกษาปัญหากับคุณหมอด้วยตัวเอง “จริงๆ สำคัญนะ เราเคยปรึกษาหลายๆ หมอ แต่เราก็ยังมีความ 50:50 ความกลัว ความไม่กล้าอยู่ว่า ถ้าเราลงทุนหรือเราทำไปเนี่ย ผมมันจะขึ้นจริงอย่างที่ในรูปที่เราเคยเห็นในโฆษณามั้ย”


“หลังจากพูดคุยเสร็จก็ไม่ได้คิดนานนะ ก็ตัดสินใจเลย ลืมถามด้วยว่าปลูกผมแล้วเจ็บมั้ย......วันปลูกผม ไม่เจ็บเลย แค่เมื่อย นอนเมื่อย เราใช้เวลาตั้งแต่ 12.00 น. ถึง 05.00 ยาวนานมาก” ถือว่าเป็น Mega Session ที่เป็นเคสค่อนข้างใหญ่ ทั้งในแง่ปัญหาและการแก้ปัญหา คุณหมอนินต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก เริ่มด้วยการบริหารเวลาที่ต้องใช้ระยะเวลาทำหัตถการนานมาก จากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา คุณหมอนินจึงต้องบริหารขั้นตอนการให้รัดกุมและแข่งกับเวลา กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง ซึ่งคุณหมอนินชื่นชมคุณบาสมากๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาการปลูกผม 

นอกจากจะใช้เวลาในการปลูกนานถึง 17 ชั่วโมงแล้ว ยังต้องใช้ต้นทุนกราฟต์ผมจำนวนมากในการปลูกผม โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่จะเลือกกราฟต์ผมแต่ละแบบมาปลูกในบริเวณที่เหมาะสม ในเคสคุณบาส ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น ซึ่งคุณหมอนินใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม บริเวณด้านหน้าใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้น และมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน ซึ่งในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนจะตัดสินใจปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็นกราฟต์หรือเป็นเส้น เพราะจะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม


หลังปลูกผม คุณบาสเล่าว่า “การใช้ชีวิตยังปกติ เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากเรากลับไปแล้ว 6 โมง บ่ายสองเรากลับมาหาหมอใหม่ คุณหมอนัดกลับมาสระผม เราก็ยังใช้ชีวิตปกติได้ ไม่มีบวม ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย การใช้ชีวิต การสระผมเราก็ใช้ตามหมอสั่ง หรือถ้าเรากลัว ไม่มั่นใจ เราสามารถจะ inbox มาถามคุณหมอได้ทั้งในไลน์ของคุณหมอและของคลินิก”

“เริ่มเข้าเดือนที่ 3-4 เริ่มมีวิวัฒนาการแล้ว ผมเริ่มโตขึ้น เริ่มหนาขึ้น เริ่มเยอะขึ้น จนมีคนเริ่มทัก พรรคพวกบ้าง ลูกค้าบ้างที่เคยเจอเราก็เริ่มทักแล้ว” และที่คุณบาส happy ที่สุดคือมีคนทักว่าเป็นพี่ชายของลูก “จากพ่อเป็นพี่ชาย คิดดูฮะ ถือว่าประสบความสำเร็จมั้ย น่าจะเกินร้อยนะ”



ตอนนี้คุณบาสปลูกผมได้ 8 เดือนแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่จนกว่าจะครบ 1 ปี แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในชีวิต ที่ชัดเจนคือ เริ่มรักตัวเองมากขึ้น มีความสุขในการดูแลเส้นผม และกลับมาฝึกเซ็ทผมหลังจากที่ไม่เคยสนใจทำเลยตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเรื่องวินัยในการดูแลหลังปลูกผมนี้ คอนเฟิร์มว่าไม่แพ้ใครเลย เพราะคุณบาสเดินทางมาจาก จ. นครศรีธรรมราช เพื่อเข้ารับการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมเดิมพร้อมไปกับบำรุงรากผมที่ปลูกใหม่ เพราะมีเพื่อนที่เคยปลูกผมจากที่อื่นแล้วไม่มีวินัยในการดูแลตัวเองหลังปลูก การปลูกผมก็ไม่ประสบผลสำเร็จ คุณบาสจึงปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังปลูกตามที่วางแผนไว้



ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนของคุณบาสเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เพื่อนๆ และคนรู้จักที่มีปัญหาผมบางศีรษะล้านได้เปิดใจกับการปลูกผมมากขึ้น “คือจริงๆ ไม่ต้องคุยอะไรเยอะเลย เพื่อนเราหรือว่าคนรู้จักเราเห็นเรามาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ณ วันนี้ พอเขาเห็นเราเปลี่ยนแปลง มันคือคำตอบที่ชัดเจนเลยว่าต้องมาทำ ไม่ต้องไปพูดอะไรเยอะเลยครับ คือถามแค่ว่า คลินิกไหน หมอคนไหนที่เราปรึกษาอยู่ แค่นั้นเอง.....คือผลลัพธ์มันออกในตัว บางทีเขามาเจอเราหรือเขามาปรึกษาเรา ผลลัพธ์มันอยู่ที่เราอยู่แล้ว”

“บางทีเราเดินไปเจอคนที่เคยผมบางหรือว่าเคยศีรษะล้านเหมือนเราเคยล้าน เราก็จะแอบมีกระซิบบ้างว่า เราอยากจะไปช่วยแนะนำเขาบ้างเหมือนกัน พูดตรงๆ บางทีคนเราศีรษะล้านอยู่ประจำหรือผมบาง บางทีเราไม่ได้นึกถึงตัวเองนะ จนมีคนมาแนะนำนี่แหละ เราถึงจะรู้สึกว่าอยากลองดู อยากเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเจอคนรู้จักเนี่ย เราก็จะบอก อยากลองมั้ย เพราะมันเห็นผลชัดเจนว่า ระหว่างอดีตที่เรา Before แล้วเรามาถึงปัจจุบัน มันมีความแตกต่างยังไง มันก็เป็นแรงกระตุ้นให้คนที่ผมบางหรือศีรษะล้านอยากกลับมาผมเยอะเหมือนเดิมเหมือนตอนเป็นวัยรุ่นหรือตอนที่ผมเราไม่ได้บาง”



จากประสบการณ์ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่เคยประสบปัญหาหนักมาก่อน คุณบาสจึงขอฝากให้ผู้ที่เจอภาวะผมบางศีรษะล้านอยู่ แต่ยังมีข้อสงสัยหรือความกังวลกับการปลูกผมว่า “ผมเข้าใจนะว่าคนที่มีภาวะหรือศีรษะล้านเหมือนเรา ทุกคนอยากจะหล่อ อยากจะมีผมแหละ แต่บางคนไม่ได้กล้าปรึกษา หรือไม่รู้จะปรึกษาใคร บางที เราหัวล้านกันมาเป็นสิบๆ ปี กลายเป็นเรื่องชินชา แต่ก็อย่างที่บอก ไม่รู้จะปรึกษาใคร ไม่มีใครให้ปรึกษา หรือยังไม่มีตัวอย่างที่ชัดเจน พอเขามาเจอเราเขาเลยกล้า กล้ามาถาม กล้ามาคุย กล้ามาปรึกษา ส่วนหลังจากนั้นอยู่ที่เขาตัดสินใจว่าเขาพร้อมขนาดไหนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเขากล้าตัดสินใจ กล้าเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์อนาคตข้างหน้ามันดีแน่นอนครับ มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้น เด็กขึ้น วัยรุ่นขึ้น แต่งตัวสนุกขึ้นและมีชีวิตที่อายุน้อยลง นี่เพราะเส้นผมอย่างเดียวนะ”

“มาหาหมอนินไม่ผิดหวังแน่นอนครับ คุณจะได้อนาคตใหม่อย่างแน่นอนครับ คุณจะมีหน้าที่เด็กลง มีอายุที่น้อยลง วัยรุ่นขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจครับ” คุณบาสคอนเฟิร์ม!!!
เส้นผมใหม่ จุดประกายความเปลี่ยนแปลง
“พอเราเริ่มเอาภาพเมื่อเราก่อนทำมากับหลังทำมาตอนนี้ ยังนึกในใจว่า รู้แบบนี้มาทำตั้งนานแล้ว” เป็นคำพูดสั้นๆ แต่ตรงมาจากใจของคุณโอฬาร ประจักษ์ทิพย์ หรือคุณบาส อายุ 46 ปี เจ้าของธุรกิจ “บ้านสีสวย (หัวถนน)” ศูนย์สีครบวงจรและใหญ่ที่สุดใน จ.นครศรีธรรมราช

คุณบาสเริ่มมีปัญหาผมบางตั้งแต่อายุประมาณ 25 ปี แต่ไม่ได้รักษาจริงจัง ปล่อยผ่านมาเรื่อยๆ จนสะสมมากว่า 20 ปี “คือจริงๆ เรื่องผมบางมันอยู่กับเรามาเป็นสิบๆ ปีนะ เรียกว่าบางทีมันก็เป็น signature ส่วนตัวเรา เวลาไปไหนเนี่ย เอ้า....เฮียบาส มาคู่กับผมน้อย ศีรษะล้านอยู่แล้ว” ซึ่งที่ผ่านมา คุณบาสพยายามมองโลกแง่บวก คิดว่าศีรษะล้านเป็นจุดเด่น ทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคนเดียวที่เป็นแบบนี้ แต่แท้จริงแล้วลึกๆ ในใจ ก็อยากกลับมาผมหนาแน่นเหมือนเดิม เคยหาข้อมูลเรื่องการปลูกผมมาตลอด แต่สุดท้ายก็ยังไม่กล้าตัดสินใจ จนมีเพื่อนๆ หลายคนที่ได้เข้ารับปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน แนะนำให้มาปรึกษาปัญหากับคุณหมอด้วยตัวเอง “จริงๆ สำคัญนะ เราเคยปรึกษาหลายๆ หมอ แต่เราก็ยังมีความ 50:50 ความกลัว ความไม่กล้าอยู่ว่า ถ้าเราลงทุนหรือเราทำไปเนี่ย ผมมันจะขึ้นจริงอย่างที่ในรูปที่เราเคยเห็นในโฆษณามั้ย”


“หลังจากพูดคุยเสร็จก็ไม่ได้คิดนานนะ ก็ตัดสินใจเลย ลืมถามด้วยว่าปลูกผมแล้วเจ็บมั้ย......วันปลูกผม ไม่เจ็บเลย แค่เมื่อย นอนเมื่อย เราใช้เวลาตั้งแต่ 12.00 น. ถึง 05.00 ยาวนานมาก” ถือว่าเป็น Mega Session ที่เป็นเคสค่อนข้างใหญ่ ทั้งในแง่ปัญหาและการแก้ปัญหา คุณหมอนินต้องใช้ความระมัดระวังสูงมาก เริ่มด้วยการบริหารเวลาที่ต้องใช้ระยะเวลาทำหัตถการนานมาก จากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา คุณหมอนินจึงต้องบริหารขั้นตอนการให้รัดกุมและแข่งกับเวลา กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง ซึ่งคุณหมอนินชื่นชมคุณบาสมากๆ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาการปลูกผม 

นอกจากจะใช้เวลาในการปลูกนานถึง 17 ชั่วโมงแล้ว ยังต้องใช้ต้นทุนกราฟต์ผมจำนวนมากในการปลูกผม โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่จะเลือกกราฟต์ผมแต่ละแบบมาปลูกในบริเวณที่เหมาะสม ในเคสคุณบาส ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น ซึ่งคุณหมอนินใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม บริเวณด้านหน้าใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้น และมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน ซึ่งในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนจะตัดสินใจปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็นกราฟต์หรือเป็นเส้น เพราะจะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม


หลังปลูกผม คุณบาสเล่าว่า “การใช้ชีวิตยังปกติ เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากเรากลับไปแล้ว 6 โมง บ่ายสองเรากลับมาหาหมอใหม่ คุณหมอนัดกลับมาสระผม เราก็ยังใช้ชีวิตปกติได้ ไม่มีบวม ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย การใช้ชีวิต การสระผมเราก็ใช้ตามหมอสั่ง หรือถ้าเรากลัว ไม่มั่นใจ เราสามารถจะ inbox มาถามคุณหมอได้ทั้งในไลน์ของคุณหมอและของคลินิก”

“เริ่มเข้าเดือนที่ 3-4 เริ่มมีวิวัฒนาการแล้ว ผมเริ่มโตขึ้น เริ่มหนาขึ้น เริ่มเยอะขึ้น จนมีคนเริ่มทัก พรรคพวกบ้าง ลูกค้าบ้างที่เคยเจอเราก็เริ่มทักแล้ว” และที่คุณบาส happy ที่สุดคือมีคนทักว่าเป็นพี่ชายของลูก “จากพ่อเป็นพี่ชาย คิดดูฮะ ถือว่าประสบความสำเร็จมั้ย น่าจะเกินร้อยนะ”



ตอนนี้คุณบาสปลูกผมได้ 8 เดือนแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่จนกว่าจะครบ 1 ปี แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในชีวิต ที่ชัดเจนคือ เริ่มรักตัวเองมากขึ้น มีความสุขในการดูแลเส้นผม และกลับมาฝึกเซ็ทผมหลังจากที่ไม่เคยสนใจทำเลยตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเรื่องวินัยในการดูแลหลังปลูกผมนี้ คอนเฟิร์มว่าไม่แพ้ใครเลย เพราะคุณบาสเดินทางมาจาก จ. นครศรีธรรมราช เพื่อเข้ารับการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมเดิมพร้อมไปกับบำรุงรากผมที่ปลูกใหม่ เพราะมีเพื่อนที่เคยปลูกผมจากที่อื่นแล้วไม่มีวินัยในการดูแลตัวเองหลังปลูก การปลูกผมก็ไม่ประสบผลสำเร็จ คุณบาสจึงปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์หลังปลูกตามที่วางแผนไว้



ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนของคุณบาสเป็นสิ่งที่จุดประกายให้เพื่อนๆ และคนรู้จักที่มีปัญหาผมบางศีรษะล้านได้เปิดใจกับการปลูกผมมากขึ้น “คือจริงๆ ไม่ต้องคุยอะไรเยอะเลย เพื่อนเราหรือว่าคนรู้จักเราเห็นเรามาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ณ วันนี้ พอเขาเห็นเราเปลี่ยนแปลง มันคือคำตอบที่ชัดเจนเลยว่าต้องมาทำ ไม่ต้องไปพูดอะไรเยอะเลยครับ คือถามแค่ว่า คลินิกไหน หมอคนไหนที่เราปรึกษาอยู่ แค่นั้นเอง.....คือผลลัพธ์มันออกในตัว บางทีเขามาเจอเราหรือเขามาปรึกษาเรา ผลลัพธ์มันอยู่ที่เราอยู่แล้ว”

“บางทีเราเดินไปเจอคนที่เคยผมบางหรือว่าเคยศีรษะล้านเหมือนเราเคยล้าน เราก็จะแอบมีกระซิบบ้างว่า เราอยากจะไปช่วยแนะนำเขาบ้างเหมือนกัน พูดตรงๆ บางทีคนเราศีรษะล้านอยู่ประจำหรือผมบาง บางทีเราไม่ได้นึกถึงตัวเองนะ จนมีคนมาแนะนำนี่แหละ เราถึงจะรู้สึกว่าอยากลองดู อยากเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเจอคนรู้จักเนี่ย เราก็จะบอก อยากลองมั้ย เพราะมันเห็นผลชัดเจนว่า ระหว่างอดีตที่เรา Before แล้วเรามาถึงปัจจุบัน มันมีความแตกต่างยังไง มันก็เป็นแรงกระตุ้นให้คนที่ผมบางหรือศีรษะล้านอยากกลับมาผมเยอะเหมือนเดิมเหมือนตอนเป็นวัยรุ่นหรือตอนที่ผมเราไม่ได้บาง”



จากประสบการณ์ในช่วงหนึ่งของชีวิตที่เคยประสบปัญหาหนักมาก่อน คุณบาสจึงขอฝากให้ผู้ที่เจอภาวะผมบางศีรษะล้านอยู่ แต่ยังมีข้อสงสัยหรือความกังวลกับการปลูกผมว่า “ผมเข้าใจนะว่าคนที่มีภาวะหรือศีรษะล้านเหมือนเรา ทุกคนอยากจะหล่อ อยากจะมีผมแหละ แต่บางคนไม่ได้กล้าปรึกษา หรือไม่รู้จะปรึกษาใคร บางที เราหัวล้านกันมาเป็นสิบๆ ปี กลายเป็นเรื่องชินชา แต่ก็อย่างที่บอก ไม่รู้จะปรึกษาใคร ไม่มีใครให้ปรึกษา หรือยังไม่มีตัวอย่างที่ชัดเจน พอเขามาเจอเราเขาเลยกล้า กล้ามาถาม กล้ามาคุย กล้ามาปรึกษา ส่วนหลังจากนั้นอยู่ที่เขาตัดสินใจว่าเขาพร้อมขนาดไหนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเขากล้าตัดสินใจ กล้าเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์อนาคตข้างหน้ามันดีแน่นอนครับ มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขขึ้น เด็กขึ้น วัยรุ่นขึ้น แต่งตัวสนุกขึ้นและมีชีวิตที่อายุน้อยลง นี่เพราะเส้นผมอย่างเดียวนะ”

“มาหาหมอนินไม่ผิดหวังแน่นอนครับ คุณจะได้อนาคตใหม่อย่างแน่นอนครับ คุณจะมีหน้าที่เด็กลง มีอายุที่น้อยลง วัยรุ่นขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจครับ” คุณบาสคอนเฟิร์ม!!!
เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

เทคนิค NEAT ปลูกผม 2 จุด

ปลูกผม คืนชีวิตชีวา สร้างความมั่นใจ

ปลูกผม คืนชีวิตชีวา สร้างความมั่นใจ

ปลูกผม คืนชีวิตชีวา สร้างความมั่นใจ

ปลูกผม คืนชีวิตชีวา สร้างความมั่นใจ

ปลูกผม คืนชีวิตชีวา สร้างความมั่นใจ

ปรับกรอบหน้าสวยมั่นใจ ด้วยการปลูกผม

ปรับกรอบหน้าสวยมั่นใจ ด้วยการปลูกผม

ปรับกรอบหน้าสวยมั่นใจ ด้วยการปลูกผม

ปรับกรอบหน้าสวยมั่นใจ ด้วยการปลูกผม

ปรับกรอบหน้าสวยมั่นใจ ด้วยการปลูกผม

NEAT ศิลปะการปลูกผมโดยแพทย์

NEAT ศิลปะการปลูกผมโดยแพทย์

NEAT ศิลปะการปลูกผมโดยแพทย์

NEAT ศิลปะการปลูกผมโดยแพทย์

NEAT ศิลปะการปลูกผมโดยแพทย์

ผมหนา กรอบหน้าสวยด้วย NEAT

ผมหนา กรอบหน้าสวยด้วย NEAT

ผมหนา กรอบหน้าสวยด้วย NEAT

ผมหนา กรอบหน้าสวยด้วย NEAT

ผมหนา กรอบหน้าสวยด้วย NEAT

ปลูกผมแทรกพื้นที่กว้าง ด้วยเทคนิค NEAT

ปลูกผมแทรกพื้นที่กว้าง ด้วยเทคนิค NEAT

ปลูกผมแทรกพื้นที่กว้าง ด้วยเทคนิค NEAT

ปลูกผมปรับกรอบหน้าเทคนิคNEAT

ปลูกผมปรับกรอบหน้าเทคนิคNEAT

ปลูกผมปรับกรอบหน้าเทคนิคNEAT

ปลูกผมผู้หญิงเพื่อปรับกรอบหน้า

ปลูกผมผู้หญิงเพื่อปรับกรอบหน้า

ปลูกผมผู้หญิงเพื่อปรับกรอบหน้า

ปลูกผมผู้หญิงเพื่อปรับกรอบหน้า

NEAT + PHB ผสาน 2 ศาสตร์

NEAT + PHB ผสาน 2 ศาสตร์

NEAT + PHB ผสาน 2 ศาสตร์

NEAT + PHB ผสาน 2 ศาสตร์

NEAT + PHB ผสาน 2 ศาสตร์

NEAT การปลูกผมที่ให้มากกว่าเส้นผมใหม่ ในวัย 50+
ความมั่นใจ ไม่มีวันเกษียน

การปลูกผมเทคนิค NEAT ให้ผลลัพธ์มากกว่า “เส้นผมใหม่” แล้วสิ่งนั้นคืออะไร? คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ให้เกียรติมาแชร์ประสบการณ์นั้นให้เราได้ร่วมประทับใจไปด้วยกันค่ะ

คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการ บริษัท มารีน สเคป (ประเทศไทย) ผู้บริหารเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ทะเลบนยอดดอย” แห่งเดียวในโลก และยังดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการด้านบริหาร สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ร่วมบริหาร “สวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ ซาฟารี” ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มสังเกตเห็นตัวเองผมบางผิดปกติหลังจากกลับจากเที่ยวต่างประเทศ เมื่อต้องเข้าร่วมประชุมและถ่ายรูปแล้วเห็นว่าผมบางลง เส้นเล็กลง โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เหลือเส้นผมด้านหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



ทันทีที่สังเกตเห็นปัญหา คุณนฤทัตจึงรีบปรึกษารุ่นน้องที่เป็นแพทย์ และได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับ พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก เพราะสิ่งสำคัญที่คุณนฤทัตต้องการคือ “ต้องการปลูกผมกับแพทย์ที่มีเทคนิคและทักษะในการปลูกผม” ซึ่งคุณหมอนินและการปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นคำตอบที่ตรงกับความต้องการ จึงตัดสินใจบินมาจากเชียงใหม่เพื่อเข้ารับการปลูกผมที่นามนิน คลินิก

แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี คุณนฤทัตก็ยังคงจำประสบการณ์ในวันเข้ารับการปลูกผมได้อย่างแม่นยำ  ในวันนั้น คุณหมอนินออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้เหมาะกับบุคลิกภาพและเสริมรูปหน้าให้ดูดีขึ้นเพื่อแก้ปัญหา M Shape ที่เป็นมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย และใช้เทคนิคการนำผมด้านหลังออกแบบขั้นบันไดทีละกราฟต์ ไม่ต้องโกนผม หัวใจสำคัญคือใช้เทคนิค NEAT ที่เป็นการปลูกผมแทรกทีละกราฟต์ในบริเวณที่เป็นปัญหา คุณหมอนินปลูกผมอย่างพิถีพิถัน จัดวางทิศทางและความหนาแน่นอย่างประณีต จึงใช้เวลานานในการปลูกผม จนคุณนฤทัตแทบจะถอดใจ แต่คุณหมอนินไม่ยอมถอดใจ จนในที่สุดก็ปลูกผมจนสำเร็จ และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่ากับความอดทนมาก “ครั้งแรกที่มา นึกว่า 2-3 ชม. ผมจำได้เลยว่า ผมมา 10 โมง เสร็จตี 3 แล้วเวลามาเห็นหมอทำเองแล้ว ผมยอมรับว่าที่จ่ายไปคุ้มมาก เพราะขนาดผมเป็นคนไข้ ผมจำได้ ตอนตี 1 ผมบอกว่า ผมไม่เอาแล้ว ผมเลิกแล้ว ไม่ไหวแล้วหมอ”  “ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้โห หมอเขาตั้งใจมากกว่าเราอีก ทำไมแค่นี้เราอดทนไม่ได้ แล้วผมรู้ว่าหมออยู่ตลอด หมอไม่ได้เดินไปไหน”

ด้วยตำแหน่งผู้บริหารจึงมีภาระหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบ ซึ่งคุณนฤทัตบอกว่าการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหลังปลูกผมไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันเลย สามารถทำงานได้ตามปกติ “ตอนแรกนึกว่าจะเจ็บมาก แต่ไม่เจ็บเลย หมอมือนุ่มด้วย มีเทคนิคทำให้เราไม่เจ็บ แล้วตอนฉีดยาชาก็ยิ่งไม่เจ็บ ช่วงอาทิตย์แรกไม่ได้เจ็บตรงหัวเลย” และที่ทำให้รู้สึกดีมากคือ “ปลูกไม่ถึง 5 วัน แต่ถ่ายรูปออกมาดูดี”

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยัง Follow up ต่อเนื่อง และให้คำแนะนำในการดูแลเส้นผมอย่างใกล้ชิด แม้คุณนฤทัตจะยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ แต่ก็พยายามปรับลดความถี่และปริมาณให้น้อยลงตามที่คุณหมอแนะนำ “ทำให้เราคิด เวลาสูบบุหรี่เราก็กลัวว่าผมมันจะหลุดมั้ย เราก็สูบน้อยหน่อย ทำให้กิจวัตรเราปรับปรุงขึ้นบ้าง” คุณหมอนินยังขอเสริมว่า การปลูกผมต้องการเลือดไปเลี้ยงมากกว่าปกติ เพื่อเพิ่มอัตราการงอกของผมใหม่และการสมานแผล ซึ่งในบุหรี่มีสารนิโคตินที่ทำให้เส้นเลือดตีบ หดตัว  ทำลายรากผม ถ้าเป็นไปได้ แพทย์ก็จะแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ แต่หากไม่สามารถเลิกได้ คุณหมอจะมีวิธีการอื่นเพื่อบำรุงเส้นผมร่วมด้วย เช่น การกินยา การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB ซึ่งคุณนฤทัตมีวินัยสูงมากในการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ จึงเข้ารับการฉีดบำรุงอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง




แล้วสิ่งที่ได้หลังการปลูกผมที่นอกจากเส้นผมใหม่คืออะไร คุณนฤทัตเล่าว่า “ผมว่าเสริมบุคลิกภาพกับความมั่นใจ อันนี้ 100% และอันที่สอง การปลูกผม ผมเชื่อว่าทำให้เรามีวินัยมากขึ้น อันนี้สำคัญเลย เพราะว่า เมื่อก่อนความมีวินัยของผมเรื่องอาบน้ำอาบท่า ผมไม่ค่อยสนใจ เวลาอาบน้ำก็เอาผ้าเช็ดผมปุ๊บๆๆๆ เสร็จแล้วก็แต่งตัวแล้วออกเลย เดี๋ยวนี้ต้องเป่าผม ดูหน้าดูตาตัวเองก่อน ทำให้เรามีวินัยมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

“จริงๆ แล้ว เดือนที่ 3-4 ผมมั่นใจแล้ว ความมั่นใจมันทำให้เราประสบความสำเร็จได้เยอะ อย่างเราไปคุยงาน เราดูดีนะ เวลาแต่งชุดก็ทำให้เรามีความมั่นใจ ทำให้เรากล้าตัดสินใจมากขึ้น กล้าพบคนมากขึ้น และก็มีวินัยมากขึ้น” ซึ่งคุณนฤทัตบินจากชียงใหม่มา Follow up กับคุณหมอนินทุกเดือน พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลตัวเอง ไม่สระผมด้วยน้ำร้อน เป่าผมด้วยลมเย็น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของนามนินเพียงอย่างเดียว เมื่อถามว่า ชีวิตประจำวันยุ่งยากขึ้นหรือไม่ คุณนฤทัตก็บอกว่า “ชีวิตประจำวันก็ง่าย เมื่อมีวินัยมากขึ้น”

ผลลัพธ์การปลูกผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัยหรืออายุ แต่ขึ้นอยู่กับวินัยในการดูแลตัวเอง และการให้ความร่วมมือในระยะยาวกับแพทย์ นอกจากนี้ เส้นผมใหม่ก็เปิดให้เห็นแง่มุมใหม่ในการใช้ชีวิตอย่างที่คุณนฤทัตได้สัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง “อย่างน้อยๆ เราก็คิดว่า ถ้าเรามองตัวเองว่าเราเป็นเด็กขึ้น พลังเราก็กลับมาเยอะขึ้น ความมั่นใจทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น และผมแนะนำเลยว่า ผมเชื่อว่าคนปลูกผมจะเพิ่มวินัยให้กับตัวเอง อันนี้เป็นประเด็นที่ผมว่าดีสำหรับคนที่ปลูกผมด้วย มันดีรอบด้านนะฮะ ผมว่า ทำให้เราเปลี่ยนชีวิตได้ดีพอสมควร”



ในปัจจุบัน คุณนฤทัตปลูกผมมาครบ 1 ปี เทคนิค NEAT ได้เปลี่ยนความกลัวการปลูกผมที่เคยมีให้เป็นประสบการณ์ที่ดี และมอบความประทับใจให้เกินกว่าที่คาดไว้ สิ่งสำคัญคือได้กลับมาดูแลตัวเอง มีแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุข กล้าทำในสิ่งที่เคยคิดว่าคงจะทำไม่ได้แล้วด้วยวัยที่มากขึ้น มีพลังมากขึ้น และสุดท้าย คุณนฤทัตฝากบอกว่า “เราเป็นผู้ชาย บางทีลืมมองตัวเองเรื่องรักสวยรักงาม ผมเลยอยากแนะนำ ถ้ามีกำลังทรัพย์และคิดว่าดูแลตัวเองได้ ผมว่าควรจะรีบมาทำ ไม่ต้องเสียดายเงินเลย เพราะว่าถ้าอยู่อีก 20 ปี คิดว่าวันละไม่กี่สิบบาท อย่างที่สอง ผมยกตัวอย่าง เล็บหลุดเรายังอยากไปต่อเล็บเลย แล้วทำไมเราต่อผมได้ เป็นของจริงด้วย ทำไมเราไม่รีบทำ แล้วความมั่นใจมันกลับมาเยอะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราจะเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

"NEAT การปลูกผมที่ให้คุณได้มากกว่าเส้นผมใหม่"

NEAT การปลูกผมที่ให้มากกว่าเส้นผมใหม่ ในวัย 50+
ความมั่นใจ ไม่มีวันเกษียน

การปลูกผมเทคนิค NEAT ให้ผลลัพธ์มากกว่า “เส้นผมใหม่” แล้วสิ่งนั้นคืออะไร? คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ให้เกียรติมาแชร์ประสบการณ์นั้นให้เราได้ร่วมประทับใจไปด้วยกันค่ะ

คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการ บริษัท มารีน สเคป (ประเทศไทย) ผู้บริหารเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ทะเลบนยอดดอย” แห่งเดียวในโลก และยังดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการด้านบริหาร สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ร่วมบริหาร “สวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ ซาฟารี” ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มสังเกตเห็นตัวเองผมบางผิดปกติหลังจากกลับจากเที่ยวต่างประเทศ เมื่อต้องเข้าร่วมประชุมและถ่ายรูปแล้วเห็นว่าผมบางลง เส้นเล็กลง โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เหลือเส้นผมด้านหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



ทันทีที่สังเกตเห็นปัญหา คุณนฤทัตจึงรีบปรึกษารุ่นน้องที่เป็นแพทย์ และได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับ พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก เพราะสิ่งสำคัญที่คุณนฤทัตต้องการคือ “ต้องการปลูกผมกับแพทย์ที่มีเทคนิคและทักษะในการปลูกผม” ซึ่งคุณหมอนินและการปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นคำตอบที่ตรงกับความต้องการ จึงตัดสินใจบินมาจากเชียงใหม่เพื่อเข้ารับการปลูกผมที่นามนิน คลินิก

แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี คุณนฤทัตก็ยังคงจำประสบการณ์ในวันเข้ารับการปลูกผมได้อย่างแม่นยำ  ในวันนั้น คุณหมอนินออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้เหมาะกับบุคลิกภาพและเสริมรูปหน้าให้ดูดีขึ้นเพื่อแก้ปัญหา M Shape ที่เป็นมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย และใช้เทคนิคการนำผมด้านหลังออกแบบขั้นบันไดทีละกราฟต์ ไม่ต้องโกนผม หัวใจสำคัญคือใช้เทคนิค NEAT ที่เป็นการปลูกผมแทรกทีละกราฟต์ในบริเวณที่เป็นปัญหา คุณหมอนินปลูกผมอย่างพิถีพิถัน จัดวางทิศทางและความหนาแน่นอย่างประณีต จึงใช้เวลานานในการปลูกผม จนคุณนฤทัตแทบจะถอดใจ แต่คุณหมอนินไม่ยอมถอดใจ จนในที่สุดก็ปลูกผมจนสำเร็จ และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่ากับความอดทนมาก “ครั้งแรกที่มา นึกว่า 2-3 ชม. ผมจำได้เลยว่า ผมมา 10 โมง เสร็จตี 3 แล้วเวลามาเห็นหมอทำเองแล้ว ผมยอมรับว่าที่จ่ายไปคุ้มมาก เพราะขนาดผมเป็นคนไข้ ผมจำได้ ตอนตี 1 ผมบอกว่า ผมไม่เอาแล้ว ผมเลิกแล้ว ไม่ไหวแล้วหมอ”  “ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้โห หมอเขาตั้งใจมากกว่าเราอีก ทำไมแค่นี้เราอดทนไม่ได้ แล้วผมรู้ว่าหมออยู่ตลอด หมอไม่ได้เดินไปไหน”

ด้วยตำแหน่งผู้บริหารจึงมีภาระหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบ ซึ่งคุณนฤทัตบอกว่าการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหลังปลูกผมไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันเลย สามารถทำงานได้ตามปกติ “ตอนแรกนึกว่าจะเจ็บมาก แต่ไม่เจ็บเลย หมอมือนุ่มด้วย มีเทคนิคทำให้เราไม่เจ็บ แล้วตอนฉีดยาชาก็ยิ่งไม่เจ็บ ช่วงอาทิตย์แรกไม่ได้เจ็บตรงหัวเลย” และที่ทำให้รู้สึกดีมากคือ “ปลูกไม่ถึง 5 วัน แต่ถ่ายรูปออกมาดูดี”

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยัง Follow up ต่อเนื่อง และให้คำแนะนำในการดูแลเส้นผมอย่างใกล้ชิด แม้คุณนฤทัตจะยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ แต่ก็พยายามปรับลดความถี่และปริมาณให้น้อยลงตามที่คุณหมอแนะนำ “ทำให้เราคิด เวลาสูบบุหรี่เราก็กลัวว่าผมมันจะหลุดมั้ย เราก็สูบน้อยหน่อย ทำให้กิจวัตรเราปรับปรุงขึ้นบ้าง” คุณหมอนินยังขอเสริมว่า การปลูกผมต้องการเลือดไปเลี้ยงมากกว่าปกติ เพื่อเพิ่มอัตราการงอกของผมใหม่และการสมานแผล ซึ่งในบุหรี่มีสารนิโคตินที่ทำให้เส้นเลือดตีบ หดตัว  ทำลายรากผม ถ้าเป็นไปได้ แพทย์ก็จะแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ แต่หากไม่สามารถเลิกได้ คุณหมอจะมีวิธีการอื่นเพื่อบำรุงเส้นผมร่วมด้วย เช่น การกินยา การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB ซึ่งคุณนฤทัตมีวินัยสูงมากในการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ จึงเข้ารับการฉีดบำรุงอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง




แล้วสิ่งที่ได้หลังการปลูกผมที่นอกจากเส้นผมใหม่คืออะไร คุณนฤทัตเล่าว่า “ผมว่าเสริมบุคลิกภาพกับความมั่นใจ อันนี้ 100% และอันที่สอง การปลูกผม ผมเชื่อว่าทำให้เรามีวินัยมากขึ้น อันนี้สำคัญเลย เพราะว่า เมื่อก่อนความมีวินัยของผมเรื่องอาบน้ำอาบท่า ผมไม่ค่อยสนใจ เวลาอาบน้ำก็เอาผ้าเช็ดผมปุ๊บๆๆๆ เสร็จแล้วก็แต่งตัวแล้วออกเลย เดี๋ยวนี้ต้องเป่าผม ดูหน้าดูตาตัวเองก่อน ทำให้เรามีวินัยมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

“จริงๆ แล้ว เดือนที่ 3-4 ผมมั่นใจแล้ว ความมั่นใจมันทำให้เราประสบความสำเร็จได้เยอะ อย่างเราไปคุยงาน เราดูดีนะ เวลาแต่งชุดก็ทำให้เรามีความมั่นใจ ทำให้เรากล้าตัดสินใจมากขึ้น กล้าพบคนมากขึ้น และก็มีวินัยมากขึ้น” ซึ่งคุณนฤทัตบินจากชียงใหม่มา Follow up กับคุณหมอนินทุกเดือน พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลตัวเอง ไม่สระผมด้วยน้ำร้อน เป่าผมด้วยลมเย็น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของนามนินเพียงอย่างเดียว เมื่อถามว่า ชีวิตประจำวันยุ่งยากขึ้นหรือไม่ คุณนฤทัตก็บอกว่า “ชีวิตประจำวันก็ง่าย เมื่อมีวินัยมากขึ้น”

ผลลัพธ์การปลูกผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัยหรืออายุ แต่ขึ้นอยู่กับวินัยในการดูแลตัวเอง และการให้ความร่วมมือในระยะยาวกับแพทย์ นอกจากนี้ เส้นผมใหม่ก็เปิดให้เห็นแง่มุมใหม่ในการใช้ชีวิตอย่างที่คุณนฤทัตได้สัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง “อย่างน้อยๆ เราก็คิดว่า ถ้าเรามองตัวเองว่าเราเป็นเด็กขึ้น พลังเราก็กลับมาเยอะขึ้น ความมั่นใจทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น และผมแนะนำเลยว่า ผมเชื่อว่าคนปลูกผมจะเพิ่มวินัยให้กับตัวเอง อันนี้เป็นประเด็นที่ผมว่าดีสำหรับคนที่ปลูกผมด้วย มันดีรอบด้านนะฮะ ผมว่า ทำให้เราเปลี่ยนชีวิตได้ดีพอสมควร”



ในปัจจุบัน คุณนฤทัตปลูกผมมาครบ 1 ปี เทคนิค NEAT ได้เปลี่ยนความกลัวการปลูกผมที่เคยมีให้เป็นประสบการณ์ที่ดี และมอบความประทับใจให้เกินกว่าที่คาดไว้ สิ่งสำคัญคือได้กลับมาดูแลตัวเอง มีแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุข กล้าทำในสิ่งที่เคยคิดว่าคงจะทำไม่ได้แล้วด้วยวัยที่มากขึ้น มีพลังมากขึ้น และสุดท้าย คุณนฤทัตฝากบอกว่า “เราเป็นผู้ชาย บางทีลืมมองตัวเองเรื่องรักสวยรักงาม ผมเลยอยากแนะนำ ถ้ามีกำลังทรัพย์และคิดว่าดูแลตัวเองได้ ผมว่าควรจะรีบมาทำ ไม่ต้องเสียดายเงินเลย เพราะว่าถ้าอยู่อีก 20 ปี คิดว่าวันละไม่กี่สิบบาท อย่างที่สอง ผมยกตัวอย่าง เล็บหลุดเรายังอยากไปต่อเล็บเลย แล้วทำไมเราต่อผมได้ เป็นของจริงด้วย ทำไมเราไม่รีบทำ แล้วความมั่นใจมันกลับมาเยอะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราจะเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

"NEAT การปลูกผมที่ให้คุณได้มากกว่าเส้นผมใหม่"

NEAT การปลูกผมที่ให้มากกว่าเส้นผมใหม่ ในวัย 50+
ความมั่นใจ ไม่มีวันเกษียน

การปลูกผมเทคนิค NEAT ให้ผลลัพธ์มากกว่า “เส้นผมใหม่” แล้วสิ่งนั้นคืออะไร? คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ให้เกียรติมาแชร์ประสบการณ์นั้นให้เราได้ร่วมประทับใจไปด้วยกันค่ะ

คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการ บริษัท มารีน สเคป (ประเทศไทย) ผู้บริหารเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ทะเลบนยอดดอย” แห่งเดียวในโลก และยังดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการด้านบริหาร สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ร่วมบริหาร “สวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ ซาฟารี” ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มสังเกตเห็นตัวเองผมบางผิดปกติหลังจากกลับจากเที่ยวต่างประเทศ เมื่อต้องเข้าร่วมประชุมและถ่ายรูปแล้วเห็นว่าผมบางลง เส้นเล็กลง โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เหลือเส้นผมด้านหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



ทันทีที่สังเกตเห็นปัญหา คุณนฤทัตจึงรีบปรึกษารุ่นน้องที่เป็นแพทย์ และได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับ พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก เพราะสิ่งสำคัญที่คุณนฤทัตต้องการคือ “ต้องการปลูกผมกับแพทย์ที่มีเทคนิคและทักษะในการปลูกผม” ซึ่งคุณหมอนินและการปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นคำตอบที่ตรงกับความต้องการ จึงตัดสินใจบินมาจากเชียงใหม่เพื่อเข้ารับการปลูกผมที่นามนิน คลินิก

แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี คุณนฤทัตก็ยังคงจำประสบการณ์ในวันเข้ารับการปลูกผมได้อย่างแม่นยำ  ในวันนั้น คุณหมอนินออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้เหมาะกับบุคลิกภาพและเสริมรูปหน้าให้ดูดีขึ้นเพื่อแก้ปัญหา M Shape ที่เป็นมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย และใช้เทคนิคการนำผมด้านหลังออกแบบขั้นบันไดทีละกราฟต์ ไม่ต้องโกนผม หัวใจสำคัญคือใช้เทคนิค NEAT ที่เป็นการปลูกผมแทรกทีละกราฟต์ในบริเวณที่เป็นปัญหา คุณหมอนินปลูกผมอย่างพิถีพิถัน จัดวางทิศทางและความหนาแน่นอย่างประณีต จึงใช้เวลานานในการปลูกผม จนคุณนฤทัตแทบจะถอดใจ แต่คุณหมอนินไม่ยอมถอดใจ จนในที่สุดก็ปลูกผมจนสำเร็จ และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่ากับความอดทนมาก “ครั้งแรกที่มา นึกว่า 2-3 ชม. ผมจำได้เลยว่า ผมมา 10 โมง เสร็จตี 3 แล้วเวลามาเห็นหมอทำเองแล้ว ผมยอมรับว่าที่จ่ายไปคุ้มมาก เพราะขนาดผมเป็นคนไข้ ผมจำได้ ตอนตี 1 ผมบอกว่า ผมไม่เอาแล้ว ผมเลิกแล้ว ไม่ไหวแล้วหมอ”  “ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้โห หมอเขาตั้งใจมากกว่าเราอีก ทำไมแค่นี้เราอดทนไม่ได้ แล้วผมรู้ว่าหมออยู่ตลอด หมอไม่ได้เดินไปไหน”

ด้วยตำแหน่งผู้บริหารจึงมีภาระหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบ ซึ่งคุณนฤทัตบอกว่าการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหลังปลูกผมไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันเลย สามารถทำงานได้ตามปกติ “ตอนแรกนึกว่าจะเจ็บมาก แต่ไม่เจ็บเลย หมอมือนุ่มด้วย มีเทคนิคทำให้เราไม่เจ็บ แล้วตอนฉีดยาชาก็ยิ่งไม่เจ็บ ช่วงอาทิตย์แรกไม่ได้เจ็บตรงหัวเลย” และที่ทำให้รู้สึกดีมากคือ “ปลูกไม่ถึง 5 วัน แต่ถ่ายรูปออกมาดูดี”

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยัง Follow up ต่อเนื่อง และให้คำแนะนำในการดูแลเส้นผมอย่างใกล้ชิด แม้คุณนฤทัตจะยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ แต่ก็พยายามปรับลดความถี่และปริมาณให้น้อยลงตามที่คุณหมอแนะนำ “ทำให้เราคิด เวลาสูบบุหรี่เราก็กลัวว่าผมมันจะหลุดมั้ย เราก็สูบน้อยหน่อย ทำให้กิจวัตรเราปรับปรุงขึ้นบ้าง” คุณหมอนินยังขอเสริมว่า การปลูกผมต้องการเลือดไปเลี้ยงมากกว่าปกติ เพื่อเพิ่มอัตราการงอกของผมใหม่และการสมานแผล ซึ่งในบุหรี่มีสารนิโคตินที่ทำให้เส้นเลือดตีบ หดตัว  ทำลายรากผม ถ้าเป็นไปได้ แพทย์ก็จะแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ แต่หากไม่สามารถเลิกได้ คุณหมอจะมีวิธีการอื่นเพื่อบำรุงเส้นผมร่วมด้วย เช่น การกินยา การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB ซึ่งคุณนฤทัตมีวินัยสูงมากในการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ จึงเข้ารับการฉีดบำรุงอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง




แล้วสิ่งที่ได้หลังการปลูกผมที่นอกจากเส้นผมใหม่คืออะไร คุณนฤทัตเล่าว่า “ผมว่าเสริมบุคลิกภาพกับความมั่นใจ อันนี้ 100% และอันที่สอง การปลูกผม ผมเชื่อว่าทำให้เรามีวินัยมากขึ้น อันนี้สำคัญเลย เพราะว่า เมื่อก่อนความมีวินัยของผมเรื่องอาบน้ำอาบท่า ผมไม่ค่อยสนใจ เวลาอาบน้ำก็เอาผ้าเช็ดผมปุ๊บๆๆๆ เสร็จแล้วก็แต่งตัวแล้วออกเลย เดี๋ยวนี้ต้องเป่าผม ดูหน้าดูตาตัวเองก่อน ทำให้เรามีวินัยมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

“จริงๆ แล้ว เดือนที่ 3-4 ผมมั่นใจแล้ว ความมั่นใจมันทำให้เราประสบความสำเร็จได้เยอะ อย่างเราไปคุยงาน เราดูดีนะ เวลาแต่งชุดก็ทำให้เรามีความมั่นใจ ทำให้เรากล้าตัดสินใจมากขึ้น กล้าพบคนมากขึ้น และก็มีวินัยมากขึ้น” ซึ่งคุณนฤทัตบินจากชียงใหม่มา Follow up กับคุณหมอนินทุกเดือน พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลตัวเอง ไม่สระผมด้วยน้ำร้อน เป่าผมด้วยลมเย็น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของนามนินเพียงอย่างเดียว เมื่อถามว่า ชีวิตประจำวันยุ่งยากขึ้นหรือไม่ คุณนฤทัตก็บอกว่า “ชีวิตประจำวันก็ง่าย เมื่อมีวินัยมากขึ้น”

ผลลัพธ์การปลูกผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัยหรืออายุ แต่ขึ้นอยู่กับวินัยในการดูแลตัวเอง และการให้ความร่วมมือในระยะยาวกับแพทย์ นอกจากนี้ เส้นผมใหม่ก็เปิดให้เห็นแง่มุมใหม่ในการใช้ชีวิตอย่างที่คุณนฤทัตได้สัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง “อย่างน้อยๆ เราก็คิดว่า ถ้าเรามองตัวเองว่าเราเป็นเด็กขึ้น พลังเราก็กลับมาเยอะขึ้น ความมั่นใจทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น และผมแนะนำเลยว่า ผมเชื่อว่าคนปลูกผมจะเพิ่มวินัยให้กับตัวเอง อันนี้เป็นประเด็นที่ผมว่าดีสำหรับคนที่ปลูกผมด้วย มันดีรอบด้านนะฮะ ผมว่า ทำให้เราเปลี่ยนชีวิตได้ดีพอสมควร”



ในปัจจุบัน คุณนฤทัตปลูกผมมาครบ 1 ปี เทคนิค NEAT ได้เปลี่ยนความกลัวการปลูกผมที่เคยมีให้เป็นประสบการณ์ที่ดี และมอบความประทับใจให้เกินกว่าที่คาดไว้ สิ่งสำคัญคือได้กลับมาดูแลตัวเอง มีแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุข กล้าทำในสิ่งที่เคยคิดว่าคงจะทำไม่ได้แล้วด้วยวัยที่มากขึ้น มีพลังมากขึ้น และสุดท้าย คุณนฤทัตฝากบอกว่า “เราเป็นผู้ชาย บางทีลืมมองตัวเองเรื่องรักสวยรักงาม ผมเลยอยากแนะนำ ถ้ามีกำลังทรัพย์และคิดว่าดูแลตัวเองได้ ผมว่าควรจะรีบมาทำ ไม่ต้องเสียดายเงินเลย เพราะว่าถ้าอยู่อีก 20 ปี คิดว่าวันละไม่กี่สิบบาท อย่างที่สอง ผมยกตัวอย่าง เล็บหลุดเรายังอยากไปต่อเล็บเลย แล้วทำไมเราต่อผมได้ เป็นของจริงด้วย ทำไมเราไม่รีบทำ แล้วความมั่นใจมันกลับมาเยอะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราจะเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

"NEAT การปลูกผมที่ให้คุณได้มากกว่าเส้นผมใหม่"

NEAT การปลูกผมที่ให้มากกว่าเส้นผมใหม่ ในวัย 50+
ความมั่นใจ ไม่มีวันเกษียน

การปลูกผมเทคนิค NEAT ให้ผลลัพธ์มากกว่า “เส้นผมใหม่” แล้วสิ่งนั้นคืออะไร? คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ให้เกียรติมาแชร์ประสบการณ์นั้นให้เราได้ร่วมประทับใจไปด้วยกันค่ะ

คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการ บริษัท มารีน สเคป (ประเทศไทย) ผู้บริหารเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ทะเลบนยอดดอย” แห่งเดียวในโลก และยังดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการด้านบริหาร สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ร่วมบริหาร “สวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ ซาฟารี” ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มสังเกตเห็นตัวเองผมบางผิดปกติหลังจากกลับจากเที่ยวต่างประเทศ เมื่อต้องเข้าร่วมประชุมและถ่ายรูปแล้วเห็นว่าผมบางลง เส้นเล็กลง โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เหลือเส้นผมด้านหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



ทันทีที่สังเกตเห็นปัญหา คุณนฤทัตจึงรีบปรึกษารุ่นน้องที่เป็นแพทย์ และได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับ พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก เพราะสิ่งสำคัญที่คุณนฤทัตต้องการคือ “ต้องการปลูกผมกับแพทย์ที่มีเทคนิคและทักษะในการปลูกผม” ซึ่งคุณหมอนินและการปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นคำตอบที่ตรงกับความต้องการ จึงตัดสินใจบินมาจากเชียงใหม่เพื่อเข้ารับการปลูกผมที่นามนิน คลินิก

แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี คุณนฤทัตก็ยังคงจำประสบการณ์ในวันเข้ารับการปลูกผมได้อย่างแม่นยำ  ในวันนั้น คุณหมอนินออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้เหมาะกับบุคลิกภาพและเสริมรูปหน้าให้ดูดีขึ้นเพื่อแก้ปัญหา M Shape ที่เป็นมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย และใช้เทคนิคการนำผมด้านหลังออกแบบขั้นบันไดทีละกราฟต์ ไม่ต้องโกนผม หัวใจสำคัญคือใช้เทคนิค NEAT ที่เป็นการปลูกผมแทรกทีละกราฟต์ในบริเวณที่เป็นปัญหา คุณหมอนินปลูกผมอย่างพิถีพิถัน จัดวางทิศทางและความหนาแน่นอย่างประณีต จึงใช้เวลานานในการปลูกผม จนคุณนฤทัตแทบจะถอดใจ แต่คุณหมอนินไม่ยอมถอดใจ จนในที่สุดก็ปลูกผมจนสำเร็จ และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่ากับความอดทนมาก “ครั้งแรกที่มา นึกว่า 2-3 ชม. ผมจำได้เลยว่า ผมมา 10 โมง เสร็จตี 3 แล้วเวลามาเห็นหมอทำเองแล้ว ผมยอมรับว่าที่จ่ายไปคุ้มมาก เพราะขนาดผมเป็นคนไข้ ผมจำได้ ตอนตี 1 ผมบอกว่า ผมไม่เอาแล้ว ผมเลิกแล้ว ไม่ไหวแล้วหมอ”  “ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้โห หมอเขาตั้งใจมากกว่าเราอีก ทำไมแค่นี้เราอดทนไม่ได้ แล้วผมรู้ว่าหมออยู่ตลอด หมอไม่ได้เดินไปไหน”

ด้วยตำแหน่งผู้บริหารจึงมีภาระหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบ ซึ่งคุณนฤทัตบอกว่าการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหลังปลูกผมไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันเลย สามารถทำงานได้ตามปกติ “ตอนแรกนึกว่าจะเจ็บมาก แต่ไม่เจ็บเลย หมอมือนุ่มด้วย มีเทคนิคทำให้เราไม่เจ็บ แล้วตอนฉีดยาชาก็ยิ่งไม่เจ็บ ช่วงอาทิตย์แรกไม่ได้เจ็บตรงหัวเลย” และที่ทำให้รู้สึกดีมากคือ “ปลูกไม่ถึง 5 วัน แต่ถ่ายรูปออกมาดูดี”

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยัง Follow up ต่อเนื่อง และให้คำแนะนำในการดูแลเส้นผมอย่างใกล้ชิด แม้คุณนฤทัตจะยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ แต่ก็พยายามปรับลดความถี่และปริมาณให้น้อยลงตามที่คุณหมอแนะนำ “ทำให้เราคิด เวลาสูบบุหรี่เราก็กลัวว่าผมมันจะหลุดมั้ย เราก็สูบน้อยหน่อย ทำให้กิจวัตรเราปรับปรุงขึ้นบ้าง” คุณหมอนินยังขอเสริมว่า การปลูกผมต้องการเลือดไปเลี้ยงมากกว่าปกติ เพื่อเพิ่มอัตราการงอกของผมใหม่และการสมานแผล ซึ่งในบุหรี่มีสารนิโคตินที่ทำให้เส้นเลือดตีบ หดตัว  ทำลายรากผม ถ้าเป็นไปได้ แพทย์ก็จะแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ แต่หากไม่สามารถเลิกได้ คุณหมอจะมีวิธีการอื่นเพื่อบำรุงเส้นผมร่วมด้วย เช่น การกินยา การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB ซึ่งคุณนฤทัตมีวินัยสูงมากในการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ จึงเข้ารับการฉีดบำรุงอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง




แล้วสิ่งที่ได้หลังการปลูกผมที่นอกจากเส้นผมใหม่คืออะไร คุณนฤทัตเล่าว่า “ผมว่าเสริมบุคลิกภาพกับความมั่นใจ อันนี้ 100% และอันที่สอง การปลูกผม ผมเชื่อว่าทำให้เรามีวินัยมากขึ้น อันนี้สำคัญเลย เพราะว่า เมื่อก่อนความมีวินัยของผมเรื่องอาบน้ำอาบท่า ผมไม่ค่อยสนใจ เวลาอาบน้ำก็เอาผ้าเช็ดผมปุ๊บๆๆๆ เสร็จแล้วก็แต่งตัวแล้วออกเลย เดี๋ยวนี้ต้องเป่าผม ดูหน้าดูตาตัวเองก่อน ทำให้เรามีวินัยมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

“จริงๆ แล้ว เดือนที่ 3-4 ผมมั่นใจแล้ว ความมั่นใจมันทำให้เราประสบความสำเร็จได้เยอะ อย่างเราไปคุยงาน เราดูดีนะ เวลาแต่งชุดก็ทำให้เรามีความมั่นใจ ทำให้เรากล้าตัดสินใจมากขึ้น กล้าพบคนมากขึ้น และก็มีวินัยมากขึ้น” ซึ่งคุณนฤทัตบินจากชียงใหม่มา Follow up กับคุณหมอนินทุกเดือน พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลตัวเอง ไม่สระผมด้วยน้ำร้อน เป่าผมด้วยลมเย็น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของนามนินเพียงอย่างเดียว เมื่อถามว่า ชีวิตประจำวันยุ่งยากขึ้นหรือไม่ คุณนฤทัตก็บอกว่า “ชีวิตประจำวันก็ง่าย เมื่อมีวินัยมากขึ้น”

ผลลัพธ์การปลูกผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัยหรืออายุ แต่ขึ้นอยู่กับวินัยในการดูแลตัวเอง และการให้ความร่วมมือในระยะยาวกับแพทย์ นอกจากนี้ เส้นผมใหม่ก็เปิดให้เห็นแง่มุมใหม่ในการใช้ชีวิตอย่างที่คุณนฤทัตได้สัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง “อย่างน้อยๆ เราก็คิดว่า ถ้าเรามองตัวเองว่าเราเป็นเด็กขึ้น พลังเราก็กลับมาเยอะขึ้น ความมั่นใจทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น และผมแนะนำเลยว่า ผมเชื่อว่าคนปลูกผมจะเพิ่มวินัยให้กับตัวเอง อันนี้เป็นประเด็นที่ผมว่าดีสำหรับคนที่ปลูกผมด้วย มันดีรอบด้านนะฮะ ผมว่า ทำให้เราเปลี่ยนชีวิตได้ดีพอสมควร”



ในปัจจุบัน คุณนฤทัตปลูกผมมาครบ 1 ปี เทคนิค NEAT ได้เปลี่ยนความกลัวการปลูกผมที่เคยมีให้เป็นประสบการณ์ที่ดี และมอบความประทับใจให้เกินกว่าที่คาดไว้ สิ่งสำคัญคือได้กลับมาดูแลตัวเอง มีแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุข กล้าทำในสิ่งที่เคยคิดว่าคงจะทำไม่ได้แล้วด้วยวัยที่มากขึ้น มีพลังมากขึ้น และสุดท้าย คุณนฤทัตฝากบอกว่า “เราเป็นผู้ชาย บางทีลืมมองตัวเองเรื่องรักสวยรักงาม ผมเลยอยากแนะนำ ถ้ามีกำลังทรัพย์และคิดว่าดูแลตัวเองได้ ผมว่าควรจะรีบมาทำ ไม่ต้องเสียดายเงินเลย เพราะว่าถ้าอยู่อีก 20 ปี คิดว่าวันละไม่กี่สิบบาท อย่างที่สอง ผมยกตัวอย่าง เล็บหลุดเรายังอยากไปต่อเล็บเลย แล้วทำไมเราต่อผมได้ เป็นของจริงด้วย ทำไมเราไม่รีบทำ แล้วความมั่นใจมันกลับมาเยอะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราจะเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

"NEAT การปลูกผมที่ให้คุณได้มากกว่าเส้นผมใหม่"

NEAT การปลูกผมที่ให้มากกว่าเส้นผมใหม่ ในวัย 50+
ความมั่นใจ ไม่มีวันเกษียน

การปลูกผมเทคนิค NEAT ให้ผลลัพธ์มากกว่า “เส้นผมใหม่” แล้วสิ่งนั้นคืออะไร? คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ให้เกียรติมาแชร์ประสบการณ์นั้นให้เราได้ร่วมประทับใจไปด้วยกันค่ะ

คุณนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานกรรมการ บริษัท มารีน สเคป (ประเทศไทย) ผู้บริหารเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ทะเลบนยอดดอย” แห่งเดียวในโลก และยังดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการด้านบริหาร สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ร่วมบริหาร “สวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ ซาฟารี” ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มสังเกตเห็นตัวเองผมบางผิดปกติหลังจากกลับจากเที่ยวต่างประเทศ เมื่อต้องเข้าร่วมประชุมและถ่ายรูปแล้วเห็นว่าผมบางลง เส้นเล็กลง โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เหลือเส้นผมด้านหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



ทันทีที่สังเกตเห็นปัญหา คุณนฤทัตจึงรีบปรึกษารุ่นน้องที่เป็นแพทย์ และได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับ พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม นามนิน คลินิก เพราะสิ่งสำคัญที่คุณนฤทัตต้องการคือ “ต้องการปลูกผมกับแพทย์ที่มีเทคนิคและทักษะในการปลูกผม” ซึ่งคุณหมอนินและการปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นคำตอบที่ตรงกับความต้องการ จึงตัดสินใจบินมาจากเชียงใหม่เพื่อเข้ารับการปลูกผมที่นามนิน คลินิก

แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 1 ปี คุณนฤทัตก็ยังคงจำประสบการณ์ในวันเข้ารับการปลูกผมได้อย่างแม่นยำ  ในวันนั้น คุณหมอนินออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้เหมาะกับบุคลิกภาพและเสริมรูปหน้าให้ดูดีขึ้นเพื่อแก้ปัญหา M Shape ที่เป็นมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย และใช้เทคนิคการนำผมด้านหลังออกแบบขั้นบันไดทีละกราฟต์ ไม่ต้องโกนผม หัวใจสำคัญคือใช้เทคนิค NEAT ที่เป็นการปลูกผมแทรกทีละกราฟต์ในบริเวณที่เป็นปัญหา คุณหมอนินปลูกผมอย่างพิถีพิถัน จัดวางทิศทางและความหนาแน่นอย่างประณีต จึงใช้เวลานานในการปลูกผม จนคุณนฤทัตแทบจะถอดใจ แต่คุณหมอนินไม่ยอมถอดใจ จนในที่สุดก็ปลูกผมจนสำเร็จ และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่ากับความอดทนมาก “ครั้งแรกที่มา นึกว่า 2-3 ชม. ผมจำได้เลยว่า ผมมา 10 โมง เสร็จตี 3 แล้วเวลามาเห็นหมอทำเองแล้ว ผมยอมรับว่าที่จ่ายไปคุ้มมาก เพราะขนาดผมเป็นคนไข้ ผมจำได้ ตอนตี 1 ผมบอกว่า ผมไม่เอาแล้ว ผมเลิกแล้ว ไม่ไหวแล้วหมอ”  “ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้โห หมอเขาตั้งใจมากกว่าเราอีก ทำไมแค่นี้เราอดทนไม่ได้ แล้วผมรู้ว่าหมออยู่ตลอด หมอไม่ได้เดินไปไหน”

ด้วยตำแหน่งผู้บริหารจึงมีภาระหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบ ซึ่งคุณนฤทัตบอกว่าการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหลังปลูกผมไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันเลย สามารถทำงานได้ตามปกติ “ตอนแรกนึกว่าจะเจ็บมาก แต่ไม่เจ็บเลย หมอมือนุ่มด้วย มีเทคนิคทำให้เราไม่เจ็บ แล้วตอนฉีดยาชาก็ยิ่งไม่เจ็บ ช่วงอาทิตย์แรกไม่ได้เจ็บตรงหัวเลย” และที่ทำให้รู้สึกดีมากคือ “ปลูกไม่ถึง 5 วัน แต่ถ่ายรูปออกมาดูดี”

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยัง Follow up ต่อเนื่อง และให้คำแนะนำในการดูแลเส้นผมอย่างใกล้ชิด แม้คุณนฤทัตจะยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ แต่ก็พยายามปรับลดความถี่และปริมาณให้น้อยลงตามที่คุณหมอแนะนำ “ทำให้เราคิด เวลาสูบบุหรี่เราก็กลัวว่าผมมันจะหลุดมั้ย เราก็สูบน้อยหน่อย ทำให้กิจวัตรเราปรับปรุงขึ้นบ้าง” คุณหมอนินยังขอเสริมว่า การปลูกผมต้องการเลือดไปเลี้ยงมากกว่าปกติ เพื่อเพิ่มอัตราการงอกของผมใหม่และการสมานแผล ซึ่งในบุหรี่มีสารนิโคตินที่ทำให้เส้นเลือดตีบ หดตัว  ทำลายรากผม ถ้าเป็นไปได้ แพทย์ก็จะแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่ แต่หากไม่สามารถเลิกได้ คุณหมอจะมีวิธีการอื่นเพื่อบำรุงเส้นผมร่วมด้วย เช่น การกินยา การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม PHB ซึ่งคุณนฤทัตมีวินัยสูงมากในการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ จึงเข้ารับการฉีดบำรุงอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง




แล้วสิ่งที่ได้หลังการปลูกผมที่นอกจากเส้นผมใหม่คืออะไร คุณนฤทัตเล่าว่า “ผมว่าเสริมบุคลิกภาพกับความมั่นใจ อันนี้ 100% และอันที่สอง การปลูกผม ผมเชื่อว่าทำให้เรามีวินัยมากขึ้น อันนี้สำคัญเลย เพราะว่า เมื่อก่อนความมีวินัยของผมเรื่องอาบน้ำอาบท่า ผมไม่ค่อยสนใจ เวลาอาบน้ำก็เอาผ้าเช็ดผมปุ๊บๆๆๆ เสร็จแล้วก็แต่งตัวแล้วออกเลย เดี๋ยวนี้ต้องเป่าผม ดูหน้าดูตาตัวเองก่อน ทำให้เรามีวินัยมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

“จริงๆ แล้ว เดือนที่ 3-4 ผมมั่นใจแล้ว ความมั่นใจมันทำให้เราประสบความสำเร็จได้เยอะ อย่างเราไปคุยงาน เราดูดีนะ เวลาแต่งชุดก็ทำให้เรามีความมั่นใจ ทำให้เรากล้าตัดสินใจมากขึ้น กล้าพบคนมากขึ้น และก็มีวินัยมากขึ้น” ซึ่งคุณนฤทัตบินจากชียงใหม่มา Follow up กับคุณหมอนินทุกเดือน พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลตัวเอง ไม่สระผมด้วยน้ำร้อน เป่าผมด้วยลมเย็น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของนามนินเพียงอย่างเดียว เมื่อถามว่า ชีวิตประจำวันยุ่งยากขึ้นหรือไม่ คุณนฤทัตก็บอกว่า “ชีวิตประจำวันก็ง่าย เมื่อมีวินัยมากขึ้น”

ผลลัพธ์การปลูกผมไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัยหรืออายุ แต่ขึ้นอยู่กับวินัยในการดูแลตัวเอง และการให้ความร่วมมือในระยะยาวกับแพทย์ นอกจากนี้ เส้นผมใหม่ก็เปิดให้เห็นแง่มุมใหม่ในการใช้ชีวิตอย่างที่คุณนฤทัตได้สัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง “อย่างน้อยๆ เราก็คิดว่า ถ้าเรามองตัวเองว่าเราเป็นเด็กขึ้น พลังเราก็กลับมาเยอะขึ้น ความมั่นใจทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น และผมแนะนำเลยว่า ผมเชื่อว่าคนปลูกผมจะเพิ่มวินัยให้กับตัวเอง อันนี้เป็นประเด็นที่ผมว่าดีสำหรับคนที่ปลูกผมด้วย มันดีรอบด้านนะฮะ ผมว่า ทำให้เราเปลี่ยนชีวิตได้ดีพอสมควร”



ในปัจจุบัน คุณนฤทัตปลูกผมมาครบ 1 ปี เทคนิค NEAT ได้เปลี่ยนความกลัวการปลูกผมที่เคยมีให้เป็นประสบการณ์ที่ดี และมอบความประทับใจให้เกินกว่าที่คาดไว้ สิ่งสำคัญคือได้กลับมาดูแลตัวเอง มีแรงบันดาลใจที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุข กล้าทำในสิ่งที่เคยคิดว่าคงจะทำไม่ได้แล้วด้วยวัยที่มากขึ้น มีพลังมากขึ้น และสุดท้าย คุณนฤทัตฝากบอกว่า “เราเป็นผู้ชาย บางทีลืมมองตัวเองเรื่องรักสวยรักงาม ผมเลยอยากแนะนำ ถ้ามีกำลังทรัพย์และคิดว่าดูแลตัวเองได้ ผมว่าควรจะรีบมาทำ ไม่ต้องเสียดายเงินเลย เพราะว่าถ้าอยู่อีก 20 ปี คิดว่าวันละไม่กี่สิบบาท อย่างที่สอง ผมยกตัวอย่าง เล็บหลุดเรายังอยากไปต่อเล็บเลย แล้วทำไมเราต่อผมได้ เป็นของจริงด้วย ทำไมเราไม่รีบทำ แล้วความมั่นใจมันกลับมาเยอะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราจะเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น”

"NEAT การปลูกผมที่ให้คุณได้มากกว่าเส้นผมใหม่"

ปลูกผมวันนี้ สวยทันตา เนย เนโกะ จั๊มพ์ แชร์ประสบการณ์ปลูกผมเทคนิค NEAT
คุณเนย เนโกะ จั๊มพ์ ได้มาบอกเล่าความประทับใจในการปลูกผมที่นามนิน รวมถึงเปิดเผยเทคนิค “สายส่อง” ของตัวเอง ที่ต้องส่องละเอียดถึงขั้นไหน? จนในที่สุดจึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องมาปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนินเท่านั้น


ปัญหาของคุณเนยคือ ผมด้านหน้าเว้าสูงเป็น M Shape มาตั้งแต่เด็กเนื่องจากกกรรมพันธุ์ “เนยเป็นคนที่ผมมีแสก ตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว เพราะคุณแม่ก็ผมเป็นแสก มันจะเป็นแสกอยู่ตรงข้างๆ และไม่เคยรู้สึกชอบมันเลย เวลาเรารวบผม มันอาจจะเหมือนบางทีเราเห็นดาราหรือเห็นคนอื่น เรารู้สึกว่าทำไมเวลาเขารวบผมแล้วเขาไม่เห็นมีแสกตรงนี้เลย ทำไมเราถึงมี” เมื่ออายุมากขึ้น ก็รู้สึกว่าเห็นปัญหาชัดขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เข้าวงการบันเทิง เริ่มมีข้อจำกัดในการทำผมทรงต่างๆ เพราะต้องปกปิดบริเวณที่ผมบางด้วยแฮร์แชโดว์ ซึ่งในบางครั้งก็ทำให้ไม่มั่นใจ เพราะรู้สึกว่าดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเอาสีมาระบายเส้นผมไว้ “เวลารวบผมจะไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเราเขินตรงนี้ของเรา (รอยแสกด้านข้าง) เพราะว่า บางทีสมมุติมองด้วยตาเปล่าเจอกันแบบนี้ มันดูไม่เป็นไร มันดูปกติ แต่เวลาเราไปออกรายการหรือว่าเจอไฟ ใสนะ ก็เหม่งอยู่นะ”


คุณเนยรู้ปัญหาของตัวเองและรู้ว่าต้องแก้ไขด้วยการปลูกผม แต่ด้วยความกังวลหลายอย่าง ทำให้คุณเนยใช้เวลาหาข้อมูลอยู่หลายปีก่อนที่จะตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมอย่างไร “สัก 2-3 ปีที่เริ่มมีความคิดในหัวว่า เราต้องทำอะไรสักอย่าง เราต้องมาปลูกผมอะไรตรงนี้ แต่ว่า บางทีเนยก็จะเลื่อนๆ ดูในเฟซบุ๊กบ้าง อะไรบ้าง ถามคนที่เขาเคยทำบ้าง คือบางคนพอเนยเห็นเขาปลูก แล้วเนยก็จะไม่กล้าปลูก เพราะรู้สึกว่ามันดูเหมือนใส่วิก มันดูเหมือนแบบ เอ๊ะ อย่างนี้เราจะสู้แบบไม่มีดีกว่ามั้ย หรือถ้ามันจะปลูกแล้วต้องกลายเป็นแบบนั้น มันดูไม่ธรรมชาติ”

สิ่งที่คุณเนยกังวลคือ ความเป็นธรรมชาติ ความเจ็บ เส้นผมหลังปลูกจะสวยอย่างที่คาดหวังหรือไม่ และการดูแลหลังการปลูกจะยากหรือง่ายอย่างไร “การหาข้อมูล” จึงเป็นสิ่งที่คุณเนยให้ความสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเอง สิ่งที่คุณเนยโฟกัสคือความชำนาญและสไตล์การทำงานของแพทย์ ดูรีวิวทุกเคสที่เคยปลูกผมอย่างละเอียด ซึ่งไม่ได้ดูแค่ตอนที่ทำเท่านั้น แต่ต้องดูยาวๆ ไปถึงในการใช้ชีวิตประจำวันหลังการปลูกผมด้วย

หลังจากการหาข้อมูลอย่างละเอียดถึง 2-3 ปี ในที่สุด คุณเนยก็เลือกเข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน เพราะมั่นใจที่สุดว่าเป็นการปลูกผมที่ตอบโจทย์ของตัวเอง ทั้งเชื่อมั่นในสไตล์ของคุณหมอนิน ความมีมาตรฐานของคลินิก และรีวิวที่จริงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่จนคุณหมอถึงกับอึ้งว่า คุณเนยไม่ถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกเลย เหมือนตัดสินใจมาแล้วจากบ้านว่าต้องปลูกผมกับคุณหมอนินเท่านั้น


เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องความเจ็บในวันที่เข้ารับการปลูกผม คุณเนยก็เล่าว่า “ปลูกผมไม่น่ากลัวนะ ห้องมันเหมือนสปามากกว่า คือเนยรู้สึกว่า บางทีบรรยากาศของห้อง เวลาเราไปทำอะไรพวกนี้ บางทีมันก็สำคัญด้วยนะ เพราะว่าห้องรู้สึกดูเหมือนแบบฉันจะต้องไปขึ้นเตียงผ่าตัดแล้ว มันจะทำให้เรากลัว พอเรากลัวแล้วมันจะเจ็บมากกว่าเดิม” คลายกังวลไปแล้ว 1 เรื่อง ส่วนเรื่องต่อมาคือ ความสวยและความเป็นธรรมชาติ คุณเนยบอกว่า “ดีใจมาก เพราะว่าตอนที่เห็นกระจกปุ๊บคือแบบ เรามีผมโดยที่เราไม่ต้องใช้สีมาระบายหัวแล้ว คือ แต่ต่อให้มันยังเป็นเส้นสั้นๆ น่ะ เรารู้สึกมีความหวังมากเลยว่า ว้าว ฉันจะสวยแล้ว” และเรื่องสุดท้ายที่กังวลคือ การดูแลหลังปลูกผมจะเป็นอย่างไร คำตอบคือ “ที่เนยมาทำที่นี่ เนยรู้สึกว่ามันไม่ได้ดูแลยาก หลังจากที่ทำเสร็จแล้วก็ไม่ได้ลำบาก ก็สบายดีออก” ภายในวันเดียว NEAT ลบภาพจำและความกังวลในการปลูกผมของคุณเนยได้ทั้งหมด

หลังปลูกผม 9 เดือน กรอบหน้าและเส้นผมใหม่เสริมความมั่นใจให้คุณเนยมากขึ้น เส้นผมดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณเนยต้องการ รูปหน้าก็เรียวสวยขึ้น เป็น V Shape โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย “รู้สึกเวลาเรารวบผม เวลาเราถ่ายรูป มันจะเห็นว่า รู้สึกทรงเชปหน้ามันดีขึ้น” คุณเนยยังเสริมอีกว่า คนรอบข้างไม่รู้เลยว่าคุณเนยปลูกผมมา รู้แต่สวยขึ้น





เมื่อถามถึงความประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน “เนยให้เต็ม 10 เลยนะ เพราะว่าโอเค มันสวยงาม ถูกใจ คือดีมาก แล้วก็รู้สึกว่ามันมีความไพรเวต ความเป็นส่วนตัว มีความผ่อนคลาย สบาย แล้วก็ตอนทำมันไม่เจ็บ มันสบายมาก เราไม่ต้องทรมาน พอทำเสร็จแล้วมันไม่มีปัญหา คือเต้นสะบัดได้ ใช้ชีวิตปกติได้ โดยที่เราไม่ต้องคอยมานั่งกังวล”

สำหรับคุณเนย การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้เติมเต็มความสุขและความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น “ใช้ชีวิตสบาย แล้วมันก็ง่ายมาก บอกเลยว่ามันไม่ได้น่ากลัวจริงๆ” สำหรับนามนิน เรายินดีและขอบคุณที่คุณเนยไว้วางใจ เลือกการปลูกผมเทคนิค NEAT ของเราค่ะ
  



ปลูกผมวันนี้ สวยทันตา เนย เนโกะ จั๊มพ์ แชร์ประสบการณ์ปลูกผมเทคนิค NEAT
คุณเนย เนโกะ จั๊มพ์ ได้มาบอกเล่าความประทับใจในการปลูกผมที่นามนิน รวมถึงเปิดเผยเทคนิค “สายส่อง” ของตัวเอง ที่ต้องส่องละเอียดถึงขั้นไหน? จนในที่สุดจึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องมาปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนินเท่านั้น


ปัญหาของคุณเนยคือ ผมด้านหน้าเว้าสูงเป็น M Shape มาตั้งแต่เด็กเนื่องจากกกรรมพันธุ์ “เนยเป็นคนที่ผมมีแสก ตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว เพราะคุณแม่ก็ผมเป็นแสก มันจะเป็นแสกอยู่ตรงข้างๆ และไม่เคยรู้สึกชอบมันเลย เวลาเรารวบผม มันอาจจะเหมือนบางทีเราเห็นดาราหรือเห็นคนอื่น เรารู้สึกว่าทำไมเวลาเขารวบผมแล้วเขาไม่เห็นมีแสกตรงนี้เลย ทำไมเราถึงมี” เมื่ออายุมากขึ้น ก็รู้สึกว่าเห็นปัญหาชัดขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เข้าวงการบันเทิง เริ่มมีข้อจำกัดในการทำผมทรงต่างๆ เพราะต้องปกปิดบริเวณที่ผมบางด้วยแฮร์แชโดว์ ซึ่งในบางครั้งก็ทำให้ไม่มั่นใจ เพราะรู้สึกว่าดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเอาสีมาระบายเส้นผมไว้ “เวลารวบผมจะไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเราเขินตรงนี้ของเรา (รอยแสกด้านข้าง) เพราะว่า บางทีสมมุติมองด้วยตาเปล่าเจอกันแบบนี้ มันดูไม่เป็นไร มันดูปกติ แต่เวลาเราไปออกรายการหรือว่าเจอไฟ ใสนะ ก็เหม่งอยู่นะ”


คุณเนยรู้ปัญหาของตัวเองและรู้ว่าต้องแก้ไขด้วยการปลูกผม แต่ด้วยความกังวลหลายอย่าง ทำให้คุณเนยใช้เวลาหาข้อมูลอยู่หลายปีก่อนที่จะตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมอย่างไร “สัก 2-3 ปีที่เริ่มมีความคิดในหัวว่า เราต้องทำอะไรสักอย่าง เราต้องมาปลูกผมอะไรตรงนี้ แต่ว่า บางทีเนยก็จะเลื่อนๆ ดูในเฟซบุ๊กบ้าง อะไรบ้าง ถามคนที่เขาเคยทำบ้าง คือบางคนพอเนยเห็นเขาปลูก แล้วเนยก็จะไม่กล้าปลูก เพราะรู้สึกว่ามันดูเหมือนใส่วิก มันดูเหมือนแบบ เอ๊ะ อย่างนี้เราจะสู้แบบไม่มีดีกว่ามั้ย หรือถ้ามันจะปลูกแล้วต้องกลายเป็นแบบนั้น มันดูไม่ธรรมชาติ”

สิ่งที่คุณเนยกังวลคือ ความเป็นธรรมชาติ ความเจ็บ เส้นผมหลังปลูกจะสวยอย่างที่คาดหวังหรือไม่ และการดูแลหลังการปลูกจะยากหรือง่ายอย่างไร “การหาข้อมูล” จึงเป็นสิ่งที่คุณเนยให้ความสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเอง สิ่งที่คุณเนยโฟกัสคือความชำนาญและสไตล์การทำงานของแพทย์ ดูรีวิวทุกเคสที่เคยปลูกผมอย่างละเอียด ซึ่งไม่ได้ดูแค่ตอนที่ทำเท่านั้น แต่ต้องดูยาวๆ ไปถึงในการใช้ชีวิตประจำวันหลังการปลูกผมด้วย

หลังจากการหาข้อมูลอย่างละเอียดถึง 2-3 ปี ในที่สุด คุณเนยก็เลือกเข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน เพราะมั่นใจที่สุดว่าเป็นการปลูกผมที่ตอบโจทย์ของตัวเอง ทั้งเชื่อมั่นในสไตล์ของคุณหมอนิน ความมีมาตรฐานของคลินิก และรีวิวที่จริงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่จนคุณหมอถึงกับอึ้งว่า คุณเนยไม่ถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกเลย เหมือนตัดสินใจมาแล้วจากบ้านว่าต้องปลูกผมกับคุณหมอนินเท่านั้น


เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องความเจ็บในวันที่เข้ารับการปลูกผม คุณเนยก็เล่าว่า “ปลูกผมไม่น่ากลัวนะ ห้องมันเหมือนสปามากกว่า คือเนยรู้สึกว่า บางทีบรรยากาศของห้อง เวลาเราไปทำอะไรพวกนี้ บางทีมันก็สำคัญด้วยนะ เพราะว่าห้องรู้สึกดูเหมือนแบบฉันจะต้องไปขึ้นเตียงผ่าตัดแล้ว มันจะทำให้เรากลัว พอเรากลัวแล้วมันจะเจ็บมากกว่าเดิม” คลายกังวลไปแล้ว 1 เรื่อง ส่วนเรื่องต่อมาคือ ความสวยและความเป็นธรรมชาติ คุณเนยบอกว่า “ดีใจมาก เพราะว่าตอนที่เห็นกระจกปุ๊บคือแบบ เรามีผมโดยที่เราไม่ต้องใช้สีมาระบายหัวแล้ว คือ แต่ต่อให้มันยังเป็นเส้นสั้นๆ น่ะ เรารู้สึกมีความหวังมากเลยว่า ว้าว ฉันจะสวยแล้ว” และเรื่องสุดท้ายที่กังวลคือ การดูแลหลังปลูกผมจะเป็นอย่างไร คำตอบคือ “ที่เนยมาทำที่นี่ เนยรู้สึกว่ามันไม่ได้ดูแลยาก หลังจากที่ทำเสร็จแล้วก็ไม่ได้ลำบาก ก็สบายดีออก” ภายในวันเดียว NEAT ลบภาพจำและความกังวลในการปลูกผมของคุณเนยได้ทั้งหมด

หลังปลูกผม 9 เดือน กรอบหน้าและเส้นผมใหม่เสริมความมั่นใจให้คุณเนยมากขึ้น เส้นผมดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณเนยต้องการ รูปหน้าก็เรียวสวยขึ้น เป็น V Shape โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย “รู้สึกเวลาเรารวบผม เวลาเราถ่ายรูป มันจะเห็นว่า รู้สึกทรงเชปหน้ามันดีขึ้น” คุณเนยยังเสริมอีกว่า คนรอบข้างไม่รู้เลยว่าคุณเนยปลูกผมมา รู้แต่สวยขึ้น





เมื่อถามถึงความประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน “เนยให้เต็ม 10 เลยนะ เพราะว่าโอเค มันสวยงาม ถูกใจ คือดีมาก แล้วก็รู้สึกว่ามันมีความไพรเวต ความเป็นส่วนตัว มีความผ่อนคลาย สบาย แล้วก็ตอนทำมันไม่เจ็บ มันสบายมาก เราไม่ต้องทรมาน พอทำเสร็จแล้วมันไม่มีปัญหา คือเต้นสะบัดได้ ใช้ชีวิตปกติได้ โดยที่เราไม่ต้องคอยมานั่งกังวล”

สำหรับคุณเนย การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้เติมเต็มความสุขและความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น “ใช้ชีวิตสบาย แล้วมันก็ง่ายมาก บอกเลยว่ามันไม่ได้น่ากลัวจริงๆ” สำหรับนามนิน เรายินดีและขอบคุณที่คุณเนยไว้วางใจ เลือกการปลูกผมเทคนิค NEAT ของเราค่ะ
  



ปลูกผมวันนี้ สวยทันตา เนย เนโกะ จั๊มพ์ แชร์ประสบการณ์ปลูกผมเทคนิค NEAT
คุณเนย เนโกะ จั๊มพ์ ได้มาบอกเล่าความประทับใจในการปลูกผมที่นามนิน รวมถึงเปิดเผยเทคนิค “สายส่อง” ของตัวเอง ที่ต้องส่องละเอียดถึงขั้นไหน? จนในที่สุดจึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องมาปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนินเท่านั้น


ปัญหาของคุณเนยคือ ผมด้านหน้าเว้าสูงเป็น M Shape มาตั้งแต่เด็กเนื่องจากกกรรมพันธุ์ “เนยเป็นคนที่ผมมีแสก ตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว เพราะคุณแม่ก็ผมเป็นแสก มันจะเป็นแสกอยู่ตรงข้างๆ และไม่เคยรู้สึกชอบมันเลย เวลาเรารวบผม มันอาจจะเหมือนบางทีเราเห็นดาราหรือเห็นคนอื่น เรารู้สึกว่าทำไมเวลาเขารวบผมแล้วเขาไม่เห็นมีแสกตรงนี้เลย ทำไมเราถึงมี” เมื่ออายุมากขึ้น ก็รู้สึกว่าเห็นปัญหาชัดขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เข้าวงการบันเทิง เริ่มมีข้อจำกัดในการทำผมทรงต่างๆ เพราะต้องปกปิดบริเวณที่ผมบางด้วยแฮร์แชโดว์ ซึ่งในบางครั้งก็ทำให้ไม่มั่นใจ เพราะรู้สึกว่าดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเอาสีมาระบายเส้นผมไว้ “เวลารวบผมจะไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเราเขินตรงนี้ของเรา (รอยแสกด้านข้าง) เพราะว่า บางทีสมมุติมองด้วยตาเปล่าเจอกันแบบนี้ มันดูไม่เป็นไร มันดูปกติ แต่เวลาเราไปออกรายการหรือว่าเจอไฟ ใสนะ ก็เหม่งอยู่นะ”


คุณเนยรู้ปัญหาของตัวเองและรู้ว่าต้องแก้ไขด้วยการปลูกผม แต่ด้วยความกังวลหลายอย่าง ทำให้คุณเนยใช้เวลาหาข้อมูลอยู่หลายปีก่อนที่จะตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมอย่างไร “สัก 2-3 ปีที่เริ่มมีความคิดในหัวว่า เราต้องทำอะไรสักอย่าง เราต้องมาปลูกผมอะไรตรงนี้ แต่ว่า บางทีเนยก็จะเลื่อนๆ ดูในเฟซบุ๊กบ้าง อะไรบ้าง ถามคนที่เขาเคยทำบ้าง คือบางคนพอเนยเห็นเขาปลูก แล้วเนยก็จะไม่กล้าปลูก เพราะรู้สึกว่ามันดูเหมือนใส่วิก มันดูเหมือนแบบ เอ๊ะ อย่างนี้เราจะสู้แบบไม่มีดีกว่ามั้ย หรือถ้ามันจะปลูกแล้วต้องกลายเป็นแบบนั้น มันดูไม่ธรรมชาติ”

สิ่งที่คุณเนยกังวลคือ ความเป็นธรรมชาติ ความเจ็บ เส้นผมหลังปลูกจะสวยอย่างที่คาดหวังหรือไม่ และการดูแลหลังการปลูกจะยากหรือง่ายอย่างไร “การหาข้อมูล” จึงเป็นสิ่งที่คุณเนยให้ความสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเอง สิ่งที่คุณเนยโฟกัสคือความชำนาญและสไตล์การทำงานของแพทย์ ดูรีวิวทุกเคสที่เคยปลูกผมอย่างละเอียด ซึ่งไม่ได้ดูแค่ตอนที่ทำเท่านั้น แต่ต้องดูยาวๆ ไปถึงในการใช้ชีวิตประจำวันหลังการปลูกผมด้วย

หลังจากการหาข้อมูลอย่างละเอียดถึง 2-3 ปี ในที่สุด คุณเนยก็เลือกเข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน เพราะมั่นใจที่สุดว่าเป็นการปลูกผมที่ตอบโจทย์ของตัวเอง ทั้งเชื่อมั่นในสไตล์ของคุณหมอนิน ความมีมาตรฐานของคลินิก และรีวิวที่จริงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่จนคุณหมอถึงกับอึ้งว่า คุณเนยไม่ถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกเลย เหมือนตัดสินใจมาแล้วจากบ้านว่าต้องปลูกผมกับคุณหมอนินเท่านั้น


เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องความเจ็บในวันที่เข้ารับการปลูกผม คุณเนยก็เล่าว่า “ปลูกผมไม่น่ากลัวนะ ห้องมันเหมือนสปามากกว่า คือเนยรู้สึกว่า บางทีบรรยากาศของห้อง เวลาเราไปทำอะไรพวกนี้ บางทีมันก็สำคัญด้วยนะ เพราะว่าห้องรู้สึกดูเหมือนแบบฉันจะต้องไปขึ้นเตียงผ่าตัดแล้ว มันจะทำให้เรากลัว พอเรากลัวแล้วมันจะเจ็บมากกว่าเดิม” คลายกังวลไปแล้ว 1 เรื่อง ส่วนเรื่องต่อมาคือ ความสวยและความเป็นธรรมชาติ คุณเนยบอกว่า “ดีใจมาก เพราะว่าตอนที่เห็นกระจกปุ๊บคือแบบ เรามีผมโดยที่เราไม่ต้องใช้สีมาระบายหัวแล้ว คือ แต่ต่อให้มันยังเป็นเส้นสั้นๆ น่ะ เรารู้สึกมีความหวังมากเลยว่า ว้าว ฉันจะสวยแล้ว” และเรื่องสุดท้ายที่กังวลคือ การดูแลหลังปลูกผมจะเป็นอย่างไร คำตอบคือ “ที่เนยมาทำที่นี่ เนยรู้สึกว่ามันไม่ได้ดูแลยาก หลังจากที่ทำเสร็จแล้วก็ไม่ได้ลำบาก ก็สบายดีออก” ภายในวันเดียว NEAT ลบภาพจำและความกังวลในการปลูกผมของคุณเนยได้ทั้งหมด

หลังปลูกผม 9 เดือน กรอบหน้าและเส้นผมใหม่เสริมความมั่นใจให้คุณเนยมากขึ้น เส้นผมดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณเนยต้องการ รูปหน้าก็เรียวสวยขึ้น เป็น V Shape โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย “รู้สึกเวลาเรารวบผม เวลาเราถ่ายรูป มันจะเห็นว่า รู้สึกทรงเชปหน้ามันดีขึ้น” คุณเนยยังเสริมอีกว่า คนรอบข้างไม่รู้เลยว่าคุณเนยปลูกผมมา รู้แต่สวยขึ้น





เมื่อถามถึงความประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน “เนยให้เต็ม 10 เลยนะ เพราะว่าโอเค มันสวยงาม ถูกใจ คือดีมาก แล้วก็รู้สึกว่ามันมีความไพรเวต ความเป็นส่วนตัว มีความผ่อนคลาย สบาย แล้วก็ตอนทำมันไม่เจ็บ มันสบายมาก เราไม่ต้องทรมาน พอทำเสร็จแล้วมันไม่มีปัญหา คือเต้นสะบัดได้ ใช้ชีวิตปกติได้ โดยที่เราไม่ต้องคอยมานั่งกังวล”

สำหรับคุณเนย การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้เติมเต็มความสุขและความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น “ใช้ชีวิตสบาย แล้วมันก็ง่ายมาก บอกเลยว่ามันไม่ได้น่ากลัวจริงๆ” สำหรับนามนิน เรายินดีและขอบคุณที่คุณเนยไว้วางใจ เลือกการปลูกผมเทคนิค NEAT ของเราค่ะ
  



ปลูกผมวันนี้ สวยทันตา เนย เนโกะ จั๊มพ์ แชร์ประสบการณ์ปลูกผมเทคนิค NEAT
คุณเนย เนโกะ จั๊มพ์ ได้มาบอกเล่าความประทับใจในการปลูกผมที่นามนิน รวมถึงเปิดเผยเทคนิค “สายส่อง” ของตัวเอง ที่ต้องส่องละเอียดถึงขั้นไหน? จนในที่สุดจึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องมาปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนินเท่านั้น


ปัญหาของคุณเนยคือ ผมด้านหน้าเว้าสูงเป็น M Shape มาตั้งแต่เด็กเนื่องจากกกรรมพันธุ์ “เนยเป็นคนที่ผมมีแสก ตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว เพราะคุณแม่ก็ผมเป็นแสก มันจะเป็นแสกอยู่ตรงข้างๆ และไม่เคยรู้สึกชอบมันเลย เวลาเรารวบผม มันอาจจะเหมือนบางทีเราเห็นดาราหรือเห็นคนอื่น เรารู้สึกว่าทำไมเวลาเขารวบผมแล้วเขาไม่เห็นมีแสกตรงนี้เลย ทำไมเราถึงมี” เมื่ออายุมากขึ้น ก็รู้สึกว่าเห็นปัญหาชัดขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เข้าวงการบันเทิง เริ่มมีข้อจำกัดในการทำผมทรงต่างๆ เพราะต้องปกปิดบริเวณที่ผมบางด้วยแฮร์แชโดว์ ซึ่งในบางครั้งก็ทำให้ไม่มั่นใจ เพราะรู้สึกว่าดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเอาสีมาระบายเส้นผมไว้ “เวลารวบผมจะไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเราเขินตรงนี้ของเรา (รอยแสกด้านข้าง) เพราะว่า บางทีสมมุติมองด้วยตาเปล่าเจอกันแบบนี้ มันดูไม่เป็นไร มันดูปกติ แต่เวลาเราไปออกรายการหรือว่าเจอไฟ ใสนะ ก็เหม่งอยู่นะ”


คุณเนยรู้ปัญหาของตัวเองและรู้ว่าต้องแก้ไขด้วยการปลูกผม แต่ด้วยความกังวลหลายอย่าง ทำให้คุณเนยใช้เวลาหาข้อมูลอยู่หลายปีก่อนที่จะตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมอย่างไร “สัก 2-3 ปีที่เริ่มมีความคิดในหัวว่า เราต้องทำอะไรสักอย่าง เราต้องมาปลูกผมอะไรตรงนี้ แต่ว่า บางทีเนยก็จะเลื่อนๆ ดูในเฟซบุ๊กบ้าง อะไรบ้าง ถามคนที่เขาเคยทำบ้าง คือบางคนพอเนยเห็นเขาปลูก แล้วเนยก็จะไม่กล้าปลูก เพราะรู้สึกว่ามันดูเหมือนใส่วิก มันดูเหมือนแบบ เอ๊ะ อย่างนี้เราจะสู้แบบไม่มีดีกว่ามั้ย หรือถ้ามันจะปลูกแล้วต้องกลายเป็นแบบนั้น มันดูไม่ธรรมชาติ”

สิ่งที่คุณเนยกังวลคือ ความเป็นธรรมชาติ ความเจ็บ เส้นผมหลังปลูกจะสวยอย่างที่คาดหวังหรือไม่ และการดูแลหลังการปลูกจะยากหรือง่ายอย่างไร “การหาข้อมูล” จึงเป็นสิ่งที่คุณเนยให้ความสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเอง สิ่งที่คุณเนยโฟกัสคือความชำนาญและสไตล์การทำงานของแพทย์ ดูรีวิวทุกเคสที่เคยปลูกผมอย่างละเอียด ซึ่งไม่ได้ดูแค่ตอนที่ทำเท่านั้น แต่ต้องดูยาวๆ ไปถึงในการใช้ชีวิตประจำวันหลังการปลูกผมด้วย

หลังจากการหาข้อมูลอย่างละเอียดถึง 2-3 ปี ในที่สุด คุณเนยก็เลือกเข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน เพราะมั่นใจที่สุดว่าเป็นการปลูกผมที่ตอบโจทย์ของตัวเอง ทั้งเชื่อมั่นในสไตล์ของคุณหมอนิน ความมีมาตรฐานของคลินิก และรีวิวที่จริงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่จนคุณหมอถึงกับอึ้งว่า คุณเนยไม่ถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกเลย เหมือนตัดสินใจมาแล้วจากบ้านว่าต้องปลูกผมกับคุณหมอนินเท่านั้น


เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องความเจ็บในวันที่เข้ารับการปลูกผม คุณเนยก็เล่าว่า “ปลูกผมไม่น่ากลัวนะ ห้องมันเหมือนสปามากกว่า คือเนยรู้สึกว่า บางทีบรรยากาศของห้อง เวลาเราไปทำอะไรพวกนี้ บางทีมันก็สำคัญด้วยนะ เพราะว่าห้องรู้สึกดูเหมือนแบบฉันจะต้องไปขึ้นเตียงผ่าตัดแล้ว มันจะทำให้เรากลัว พอเรากลัวแล้วมันจะเจ็บมากกว่าเดิม” คลายกังวลไปแล้ว 1 เรื่อง ส่วนเรื่องต่อมาคือ ความสวยและความเป็นธรรมชาติ คุณเนยบอกว่า “ดีใจมาก เพราะว่าตอนที่เห็นกระจกปุ๊บคือแบบ เรามีผมโดยที่เราไม่ต้องใช้สีมาระบายหัวแล้ว คือ แต่ต่อให้มันยังเป็นเส้นสั้นๆ น่ะ เรารู้สึกมีความหวังมากเลยว่า ว้าว ฉันจะสวยแล้ว” และเรื่องสุดท้ายที่กังวลคือ การดูแลหลังปลูกผมจะเป็นอย่างไร คำตอบคือ “ที่เนยมาทำที่นี่ เนยรู้สึกว่ามันไม่ได้ดูแลยาก หลังจากที่ทำเสร็จแล้วก็ไม่ได้ลำบาก ก็สบายดีออก” ภายในวันเดียว NEAT ลบภาพจำและความกังวลในการปลูกผมของคุณเนยได้ทั้งหมด

หลังปลูกผม 9 เดือน กรอบหน้าและเส้นผมใหม่เสริมความมั่นใจให้คุณเนยมากขึ้น เส้นผมดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณเนยต้องการ รูปหน้าก็เรียวสวยขึ้น เป็น V Shape โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย “รู้สึกเวลาเรารวบผม เวลาเราถ่ายรูป มันจะเห็นว่า รู้สึกทรงเชปหน้ามันดีขึ้น” คุณเนยยังเสริมอีกว่า คนรอบข้างไม่รู้เลยว่าคุณเนยปลูกผมมา รู้แต่สวยขึ้น





เมื่อถามถึงความประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน “เนยให้เต็ม 10 เลยนะ เพราะว่าโอเค มันสวยงาม ถูกใจ คือดีมาก แล้วก็รู้สึกว่ามันมีความไพรเวต ความเป็นส่วนตัว มีความผ่อนคลาย สบาย แล้วก็ตอนทำมันไม่เจ็บ มันสบายมาก เราไม่ต้องทรมาน พอทำเสร็จแล้วมันไม่มีปัญหา คือเต้นสะบัดได้ ใช้ชีวิตปกติได้ โดยที่เราไม่ต้องคอยมานั่งกังวล”

สำหรับคุณเนย การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้เติมเต็มความสุขและความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น “ใช้ชีวิตสบาย แล้วมันก็ง่ายมาก บอกเลยว่ามันไม่ได้น่ากลัวจริงๆ” สำหรับนามนิน เรายินดีและขอบคุณที่คุณเนยไว้วางใจ เลือกการปลูกผมเทคนิค NEAT ของเราค่ะ
  



ปลูกผมวันนี้ สวยทันตา เนย เนโกะ จั๊มพ์ แชร์ประสบการณ์ปลูกผมเทคนิค NEAT
คุณเนย เนโกะ จั๊มพ์ ได้มาบอกเล่าความประทับใจในการปลูกผมที่นามนิน รวมถึงเปิดเผยเทคนิค “สายส่อง” ของตัวเอง ที่ต้องส่องละเอียดถึงขั้นไหน? จนในที่สุดจึงได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องมาปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนินเท่านั้น


ปัญหาของคุณเนยคือ ผมด้านหน้าเว้าสูงเป็น M Shape มาตั้งแต่เด็กเนื่องจากกกรรมพันธุ์ “เนยเป็นคนที่ผมมีแสก ตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว เพราะคุณแม่ก็ผมเป็นแสก มันจะเป็นแสกอยู่ตรงข้างๆ และไม่เคยรู้สึกชอบมันเลย เวลาเรารวบผม มันอาจจะเหมือนบางทีเราเห็นดาราหรือเห็นคนอื่น เรารู้สึกว่าทำไมเวลาเขารวบผมแล้วเขาไม่เห็นมีแสกตรงนี้เลย ทำไมเราถึงมี” เมื่ออายุมากขึ้น ก็รู้สึกว่าเห็นปัญหาชัดขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เข้าวงการบันเทิง เริ่มมีข้อจำกัดในการทำผมทรงต่างๆ เพราะต้องปกปิดบริเวณที่ผมบางด้วยแฮร์แชโดว์ ซึ่งในบางครั้งก็ทำให้ไม่มั่นใจ เพราะรู้สึกว่าดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเอาสีมาระบายเส้นผมไว้ “เวลารวบผมจะไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเราเขินตรงนี้ของเรา (รอยแสกด้านข้าง) เพราะว่า บางทีสมมุติมองด้วยตาเปล่าเจอกันแบบนี้ มันดูไม่เป็นไร มันดูปกติ แต่เวลาเราไปออกรายการหรือว่าเจอไฟ ใสนะ ก็เหม่งอยู่นะ”


คุณเนยรู้ปัญหาของตัวเองและรู้ว่าต้องแก้ไขด้วยการปลูกผม แต่ด้วยความกังวลหลายอย่าง ทำให้คุณเนยใช้เวลาหาข้อมูลอยู่หลายปีก่อนที่จะตัดสินใจเลือกว่าจะปลูกผมอย่างไร “สัก 2-3 ปีที่เริ่มมีความคิดในหัวว่า เราต้องทำอะไรสักอย่าง เราต้องมาปลูกผมอะไรตรงนี้ แต่ว่า บางทีเนยก็จะเลื่อนๆ ดูในเฟซบุ๊กบ้าง อะไรบ้าง ถามคนที่เขาเคยทำบ้าง คือบางคนพอเนยเห็นเขาปลูก แล้วเนยก็จะไม่กล้าปลูก เพราะรู้สึกว่ามันดูเหมือนใส่วิก มันดูเหมือนแบบ เอ๊ะ อย่างนี้เราจะสู้แบบไม่มีดีกว่ามั้ย หรือถ้ามันจะปลูกแล้วต้องกลายเป็นแบบนั้น มันดูไม่ธรรมชาติ”

สิ่งที่คุณเนยกังวลคือ ความเป็นธรรมชาติ ความเจ็บ เส้นผมหลังปลูกจะสวยอย่างที่คาดหวังหรือไม่ และการดูแลหลังการปลูกจะยากหรือง่ายอย่างไร “การหาข้อมูล” จึงเป็นสิ่งที่คุณเนยให้ความสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเอง สิ่งที่คุณเนยโฟกัสคือความชำนาญและสไตล์การทำงานของแพทย์ ดูรีวิวทุกเคสที่เคยปลูกผมอย่างละเอียด ซึ่งไม่ได้ดูแค่ตอนที่ทำเท่านั้น แต่ต้องดูยาวๆ ไปถึงในการใช้ชีวิตประจำวันหลังการปลูกผมด้วย

หลังจากการหาข้อมูลอย่างละเอียดถึง 2-3 ปี ในที่สุด คุณเนยก็เลือกเข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT กับคุณหมอนิน เพราะมั่นใจที่สุดว่าเป็นการปลูกผมที่ตอบโจทย์ของตัวเอง ทั้งเชื่อมั่นในสไตล์ของคุณหมอนิน ความมีมาตรฐานของคลินิก และรีวิวที่จริงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เป็นการตัดสินใจที่แน่วแน่จนคุณหมอถึงกับอึ้งว่า คุณเนยไม่ถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกเลย เหมือนตัดสินใจมาแล้วจากบ้านว่าต้องปลูกผมกับคุณหมอนินเท่านั้น


เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องความเจ็บในวันที่เข้ารับการปลูกผม คุณเนยก็เล่าว่า “ปลูกผมไม่น่ากลัวนะ ห้องมันเหมือนสปามากกว่า คือเนยรู้สึกว่า บางทีบรรยากาศของห้อง เวลาเราไปทำอะไรพวกนี้ บางทีมันก็สำคัญด้วยนะ เพราะว่าห้องรู้สึกดูเหมือนแบบฉันจะต้องไปขึ้นเตียงผ่าตัดแล้ว มันจะทำให้เรากลัว พอเรากลัวแล้วมันจะเจ็บมากกว่าเดิม” คลายกังวลไปแล้ว 1 เรื่อง ส่วนเรื่องต่อมาคือ ความสวยและความเป็นธรรมชาติ คุณเนยบอกว่า “ดีใจมาก เพราะว่าตอนที่เห็นกระจกปุ๊บคือแบบ เรามีผมโดยที่เราไม่ต้องใช้สีมาระบายหัวแล้ว คือ แต่ต่อให้มันยังเป็นเส้นสั้นๆ น่ะ เรารู้สึกมีความหวังมากเลยว่า ว้าว ฉันจะสวยแล้ว” และเรื่องสุดท้ายที่กังวลคือ การดูแลหลังปลูกผมจะเป็นอย่างไร คำตอบคือ “ที่เนยมาทำที่นี่ เนยรู้สึกว่ามันไม่ได้ดูแลยาก หลังจากที่ทำเสร็จแล้วก็ไม่ได้ลำบาก ก็สบายดีออก” ภายในวันเดียว NEAT ลบภาพจำและความกังวลในการปลูกผมของคุณเนยได้ทั้งหมด

หลังปลูกผม 9 เดือน กรอบหน้าและเส้นผมใหม่เสริมความมั่นใจให้คุณเนยมากขึ้น เส้นผมดูเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณเนยต้องการ รูปหน้าก็เรียวสวยขึ้น เป็น V Shape โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย “รู้สึกเวลาเรารวบผม เวลาเราถ่ายรูป มันจะเห็นว่า รู้สึกทรงเชปหน้ามันดีขึ้น” คุณเนยยังเสริมอีกว่า คนรอบข้างไม่รู้เลยว่าคุณเนยปลูกผมมา รู้แต่สวยขึ้น





เมื่อถามถึงความประทับใจในการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน “เนยให้เต็ม 10 เลยนะ เพราะว่าโอเค มันสวยงาม ถูกใจ คือดีมาก แล้วก็รู้สึกว่ามันมีความไพรเวต ความเป็นส่วนตัว มีความผ่อนคลาย สบาย แล้วก็ตอนทำมันไม่เจ็บ มันสบายมาก เราไม่ต้องทรมาน พอทำเสร็จแล้วมันไม่มีปัญหา คือเต้นสะบัดได้ ใช้ชีวิตปกติได้ โดยที่เราไม่ต้องคอยมานั่งกังวล”

สำหรับคุณเนย การปลูกผมเทคนิค NEAT ได้เติมเต็มความสุขและความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น “ใช้ชีวิตสบาย แล้วมันก็ง่ายมาก บอกเลยว่ามันไม่ได้น่ากลัวจริงๆ” สำหรับนามนิน เรายินดีและขอบคุณที่คุณเนยไว้วางใจ เลือกการปลูกผมเทคนิค NEAT ของเราค่ะ
  



ปลูกผมผลลัพธ์สวยตรงใจ กานดาคอนเฟิร์ม
อีกหนึ่งศิลปินนักร้องที่จะมาคอนเฟิร์มว่า การปลูกผมเทคนิค Microplus N ปลูกผมแล้วได้ผลลัพธ์ตรงใจจริงๆ คือ คุณ กานดา อาร์สยาม หรือที่รู้จักกันดีในนาม “นางร้ายป้ายแดง” ที่ลุคในการทำงานจะดูตัวเป็นแม่ตัวมารดา ร้ายๆ แรงๆ ก็ตาม แต่ตัวจริงน่ารัก อัธยาศัยดี เป็นผู้หญิงที่สวย คมเข้มและมาพร้อมความมั่นใจมากๆ


แต่ก่อนที่จะมั่นใจได้ขนาดนี้ คุณกานดาเคยมีปัญหาผมด้านหน้าที่บางลงเรื่อยๆ เพราะด้วยการทำงานทำให้ต้องรวบผมตึงมาตลอดระยะเวลา 9 ปี จนเมื่อผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงจึงรู้สึกไม่มั่นใจ “ตั้งแต่ซิงเกิลแรกแล้วนะคะ ผมจะรวบตึงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมหลุดร่วง ใช้สเปรย์ ทำสีบ่อย หน้าผากสูง มันเหมือนมันล้านเลยค่ะ ทำให้ไม่มั่นใจในตัวเอง” แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จนเห็นเพื่อนศิลปินที่ได้เข้ามารับการปลูกผมที่นามนิน เช่น คุณลูลู่ คุณลาล่า และคุณนุช วิลาวัลย์ ที่หลังปลูกผมทุกคนมีเส้นผมใหม่ขึ้นมาจริงๆ และดูมีอิสระที่จะทำผมทรงไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน คุณกานดาจึงเริ่มสนใจและนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาคุณหมอนินด้วยตัวเอง


“คุณหมอให้คำปรึกษาที่ดีมากๆ เลยค่ะ เขาจะรู้ว่าเรามีปัญหาตรงไหน ซึ่งเขาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ใช่ค่ะ หนูมีปัญหาตรงนี้ มันสูงไป แล้วมันทำให้หน้าของเราไม่เพอร์เฟค ต้องแอบมาคอนซีลเลอร์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณหมอก็แก้ปัญหาได้ดีมากๆ เลยค่ะ”

เพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินแนะนำให้คุณกานดาเข้ารับการปลูกผมเทคนิค Microplus N เพื่อปรับกรอบหน้าให้มีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น และเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าด้วยความหนาแน่นที่เป็นธรรมชาติได้อย่างที่ต้องการ และที่ต้องเป็นเทคนิค Microplus N เท่านั้น เพราะคุณกานดายังมีภาพจำจากคนรอบตัวบางคนอยู่ว่าการปลูกผมนั้นต้องเจ็บ แต่เมื่อได้สัมผัสการปลูกผม Microplus N ที่คุณหมอนินปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเองแล้ว คุณกานดาคอนเฟิร์มว่า ปลูกผมไม่เจ็บ หลังปลูกผมไม่บวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น ขึ้นคอนเสิร์ตต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที


“กานดาต้องขอบอกก่อนว่า เพื่อนที่ใกล้ชิด รุ่นพี่ที่เขาไปปลูกผมมา ทำให้กานดากลัวอยู่อย่างหนึ่งคือ เจ็บมาก ย้ายเซลล์จากข้างหลังมาทำข้างหน้า มันก็ต้องเจ็บสองต่อ พักฟื้นมันน่าจะนาน ซึ่งพี่เขาบอกว่า ไม่เจ็บ เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา พูดตรงๆ เลยนะคะทุกคนว่า เจ็บวันเดียว เพราะว่าตอนที่กานดามาทำ วันรุ่งขึ้นกานดาแสดงคอนเสิร์ต ไม่มีเจ็บ ไม่มีปวดใดๆ เลย อีกวันนึง ต้องไปทำการแต่งหน้าทำผม ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เพราะเรารู้สึกว่าหน้าเราสวยแล้ว ตอนที่กานดาแต่งหน้า ก็รู้สึกว่าตัวเองมีคอนทัวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว”


เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้รับหลังการปลูกผม คำตอบที่ได้รับคือ “คอมพลีท” เพราะทั้งกรอบหน้าและเส้นผมใหม่ที่ปลูกนั้นสวยตรงใจ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดอย่างที่ต้องการ

“จะมีกรอบหน้าแล้ว คอมพลีท เมื่อก่อนต้องตัดหน้าม้าเพื่อปกปิดสิ่งที่ตัวเองขาดหายไป ตอนนี้ทิศทางของผมจะทำทรงอะไรก็คือ เพอร์เฟค”

“พอหลังจากทำเสร็จแล้ว มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ผมยังไม่ขึ้น ยังเป็นตอ การย้ายเซลล์จากข้างหลังมาปลูกข้างหน้า จะมีผมเส้นเล็กๆ เหมือนโครงสร้างของผมที่เรามีปัญหา ต่อไปมันยาวขึ้น เราจะสวย กรอบหน้าเราจะเป็นแบบนี้ รู้สึกมั่นใจขึ้นค่ะทุกคน เดินไปไหนก็รู้สึก อุ้ย อยากโชว์ ฉันไปปลูกผมมา”


หลังปลูกผมได้ 10 เดือน คุณกานดาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยและดูดีส่งผลให้มีความมั่นใจมากขึ้น กรอบหน้าที่คมชัดทำให้แต่งหน้าสวย และเส้นผมใหม่ก็ทำให้มั่นใจกับทุกทรงผมยิ่งขึ้น

นอกจากจะได้สัมผัสกับผลลัพธ์การปลูกผมเทคนิค Microplus N ด้วยตัวเองแล้ว การดูแลหลังการปลูกผมของนามนินก็ยังทำให้คุณกานดาประทับใจมากยิ่งขึ้นไปอีก “ประทับใจในตัวคุณหมอนิน คือเขาจะ follow up อยู่ตลอดเวลา เป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปไหน ทำผมทรงอะไร ระวังหน่อยนะ ติดตามอยู่ตลอดเวลา”



เมื่อได้รับความรู้สึกดีๆ จากการปลูกผมที่นามนินแล้ว คุณกานดาจึงขอฝากถึงคนที่กำลังพบเจอปัญหาผมร่วงผมบางอยู่ด้วยว่า “ใครที่มีปัญหา ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในรูปหน้า โดนบูลลี่เหมือนกับที่กานดาโดน อยากให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน หมอจะแนะนำดีมากค่ะ ใครที่มีปัญหาน้อย ฉีดก่อนมั้ย ใช้สเปรย์ก่อนมั้ย กินยาก่อนมั้ยคะ ปัญหามาก ต้องปลูกแบบไหน ต้องทำยังไง”

และกับเทคนิค Microplus N ที่คุณกานดาได้สัมผัสถึงความพิเศษมาแล้วด้วยตัวเอง ก็ฝากไว้อย่างสวยๆ ว่า “ถ้าเราอยากสวย อยากมั่นใจ ลองเปิดใจค่ะทุกคน เทคนิคที่เราไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ทำให้ผมเกิดขึ้นได้ ดกดำ สลวย มันมีอยู่จริงค่ะ กานดาคอนเฟิร์ม”

แค่เริ่มต้นด้วยการเปิดใจ แล้วนามนินจะเปิดโลกใบใหม่ ที่พร้อมดูแลทุกปัญหาเส้นผมให้คุณ



ปลูกผมผลลัพธ์สวยตรงใจ กานดาคอนเฟิร์ม
อีกหนึ่งศิลปินนักร้องที่จะมาคอนเฟิร์มว่า การปลูกผมเทคนิค Microplus N ปลูกผมแล้วได้ผลลัพธ์ตรงใจจริงๆ คือ คุณ กานดา อาร์สยาม หรือที่รู้จักกันดีในนาม “นางร้ายป้ายแดง” ที่ลุคในการทำงานจะดูตัวเป็นแม่ตัวมารดา ร้ายๆ แรงๆ ก็ตาม แต่ตัวจริงน่ารัก อัธยาศัยดี เป็นผู้หญิงที่สวย คมเข้มและมาพร้อมความมั่นใจมากๆ


แต่ก่อนที่จะมั่นใจได้ขนาดนี้ คุณกานดาเคยมีปัญหาผมด้านหน้าที่บางลงเรื่อยๆ เพราะด้วยการทำงานทำให้ต้องรวบผมตึงมาตลอดระยะเวลา 9 ปี จนเมื่อผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงจึงรู้สึกไม่มั่นใจ “ตั้งแต่ซิงเกิลแรกแล้วนะคะ ผมจะรวบตึงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมหลุดร่วง ใช้สเปรย์ ทำสีบ่อย หน้าผากสูง มันเหมือนมันล้านเลยค่ะ ทำให้ไม่มั่นใจในตัวเอง” แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จนเห็นเพื่อนศิลปินที่ได้เข้ามารับการปลูกผมที่นามนิน เช่น คุณลูลู่ คุณลาล่า และคุณนุช วิลาวัลย์ ที่หลังปลูกผมทุกคนมีเส้นผมใหม่ขึ้นมาจริงๆ และดูมีอิสระที่จะทำผมทรงไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน คุณกานดาจึงเริ่มสนใจและนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาคุณหมอนินด้วยตัวเอง


“คุณหมอให้คำปรึกษาที่ดีมากๆ เลยค่ะ เขาจะรู้ว่าเรามีปัญหาตรงไหน ซึ่งเขาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ใช่ค่ะ หนูมีปัญหาตรงนี้ มันสูงไป แล้วมันทำให้หน้าของเราไม่เพอร์เฟค ต้องแอบมาคอนซีลเลอร์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณหมอก็แก้ปัญหาได้ดีมากๆ เลยค่ะ”

เพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินแนะนำให้คุณกานดาเข้ารับการปลูกผมเทคนิค Microplus N เพื่อปรับกรอบหน้าให้มีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น และเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าด้วยความหนาแน่นที่เป็นธรรมชาติได้อย่างที่ต้องการ และที่ต้องเป็นเทคนิค Microplus N เท่านั้น เพราะคุณกานดายังมีภาพจำจากคนรอบตัวบางคนอยู่ว่าการปลูกผมนั้นต้องเจ็บ แต่เมื่อได้สัมผัสการปลูกผม Microplus N ที่คุณหมอนินปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเองแล้ว คุณกานดาคอนเฟิร์มว่า ปลูกผมไม่เจ็บ หลังปลูกผมไม่บวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น ขึ้นคอนเสิร์ตต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที


“กานดาต้องขอบอกก่อนว่า เพื่อนที่ใกล้ชิด รุ่นพี่ที่เขาไปปลูกผมมา ทำให้กานดากลัวอยู่อย่างหนึ่งคือ เจ็บมาก ย้ายเซลล์จากข้างหลังมาทำข้างหน้า มันก็ต้องเจ็บสองต่อ พักฟื้นมันน่าจะนาน ซึ่งพี่เขาบอกว่า ไม่เจ็บ เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา พูดตรงๆ เลยนะคะทุกคนว่า เจ็บวันเดียว เพราะว่าตอนที่กานดามาทำ วันรุ่งขึ้นกานดาแสดงคอนเสิร์ต ไม่มีเจ็บ ไม่มีปวดใดๆ เลย อีกวันนึง ต้องไปทำการแต่งหน้าทำผม ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เพราะเรารู้สึกว่าหน้าเราสวยแล้ว ตอนที่กานดาแต่งหน้า ก็รู้สึกว่าตัวเองมีคอนทัวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว”


เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้รับหลังการปลูกผม คำตอบที่ได้รับคือ “คอมพลีท” เพราะทั้งกรอบหน้าและเส้นผมใหม่ที่ปลูกนั้นสวยตรงใจ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดอย่างที่ต้องการ

“จะมีกรอบหน้าแล้ว คอมพลีท เมื่อก่อนต้องตัดหน้าม้าเพื่อปกปิดสิ่งที่ตัวเองขาดหายไป ตอนนี้ทิศทางของผมจะทำทรงอะไรก็คือ เพอร์เฟค”

“พอหลังจากทำเสร็จแล้ว มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ผมยังไม่ขึ้น ยังเป็นตอ การย้ายเซลล์จากข้างหลังมาปลูกข้างหน้า จะมีผมเส้นเล็กๆ เหมือนโครงสร้างของผมที่เรามีปัญหา ต่อไปมันยาวขึ้น เราจะสวย กรอบหน้าเราจะเป็นแบบนี้ รู้สึกมั่นใจขึ้นค่ะทุกคน เดินไปไหนก็รู้สึก อุ้ย อยากโชว์ ฉันไปปลูกผมมา”


หลังปลูกผมได้ 10 เดือน คุณกานดาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยและดูดีส่งผลให้มีความมั่นใจมากขึ้น กรอบหน้าที่คมชัดทำให้แต่งหน้าสวย และเส้นผมใหม่ก็ทำให้มั่นใจกับทุกทรงผมยิ่งขึ้น

นอกจากจะได้สัมผัสกับผลลัพธ์การปลูกผมเทคนิค Microplus N ด้วยตัวเองแล้ว การดูแลหลังการปลูกผมของนามนินก็ยังทำให้คุณกานดาประทับใจมากยิ่งขึ้นไปอีก “ประทับใจในตัวคุณหมอนิน คือเขาจะ follow up อยู่ตลอดเวลา เป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปไหน ทำผมทรงอะไร ระวังหน่อยนะ ติดตามอยู่ตลอดเวลา”



เมื่อได้รับความรู้สึกดีๆ จากการปลูกผมที่นามนินแล้ว คุณกานดาจึงขอฝากถึงคนที่กำลังพบเจอปัญหาผมร่วงผมบางอยู่ด้วยว่า “ใครที่มีปัญหา ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในรูปหน้า โดนบูลลี่เหมือนกับที่กานดาโดน อยากให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน หมอจะแนะนำดีมากค่ะ ใครที่มีปัญหาน้อย ฉีดก่อนมั้ย ใช้สเปรย์ก่อนมั้ย กินยาก่อนมั้ยคะ ปัญหามาก ต้องปลูกแบบไหน ต้องทำยังไง”

และกับเทคนิค Microplus N ที่คุณกานดาได้สัมผัสถึงความพิเศษมาแล้วด้วยตัวเอง ก็ฝากไว้อย่างสวยๆ ว่า “ถ้าเราอยากสวย อยากมั่นใจ ลองเปิดใจค่ะทุกคน เทคนิคที่เราไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ทำให้ผมเกิดขึ้นได้ ดกดำ สลวย มันมีอยู่จริงค่ะ กานดาคอนเฟิร์ม”

แค่เริ่มต้นด้วยการเปิดใจ แล้วนามนินจะเปิดโลกใบใหม่ ที่พร้อมดูแลทุกปัญหาเส้นผมให้คุณ



ปลูกผมผลลัพธ์สวยตรงใจ กานดาคอนเฟิร์ม
อีกหนึ่งศิลปินนักร้องที่จะมาคอนเฟิร์มว่า การปลูกผมเทคนิค Microplus N ปลูกผมแล้วได้ผลลัพธ์ตรงใจจริงๆ คือ คุณ กานดา อาร์สยาม หรือที่รู้จักกันดีในนาม “นางร้ายป้ายแดง” ที่ลุคในการทำงานจะดูตัวเป็นแม่ตัวมารดา ร้ายๆ แรงๆ ก็ตาม แต่ตัวจริงน่ารัก อัธยาศัยดี เป็นผู้หญิงที่สวย คมเข้มและมาพร้อมความมั่นใจมากๆ


แต่ก่อนที่จะมั่นใจได้ขนาดนี้ คุณกานดาเคยมีปัญหาผมด้านหน้าที่บางลงเรื่อยๆ เพราะด้วยการทำงานทำให้ต้องรวบผมตึงมาตลอดระยะเวลา 9 ปี จนเมื่อผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงจึงรู้สึกไม่มั่นใจ “ตั้งแต่ซิงเกิลแรกแล้วนะคะ ผมจะรวบตึงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมหลุดร่วง ใช้สเปรย์ ทำสีบ่อย หน้าผากสูง มันเหมือนมันล้านเลยค่ะ ทำให้ไม่มั่นใจในตัวเอง” แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จนเห็นเพื่อนศิลปินที่ได้เข้ามารับการปลูกผมที่นามนิน เช่น คุณลูลู่ คุณลาล่า และคุณนุช วิลาวัลย์ ที่หลังปลูกผมทุกคนมีเส้นผมใหม่ขึ้นมาจริงๆ และดูมีอิสระที่จะทำผมทรงไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน คุณกานดาจึงเริ่มสนใจและนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาคุณหมอนินด้วยตัวเอง


“คุณหมอให้คำปรึกษาที่ดีมากๆ เลยค่ะ เขาจะรู้ว่าเรามีปัญหาตรงไหน ซึ่งเขาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ใช่ค่ะ หนูมีปัญหาตรงนี้ มันสูงไป แล้วมันทำให้หน้าของเราไม่เพอร์เฟค ต้องแอบมาคอนซีลเลอร์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณหมอก็แก้ปัญหาได้ดีมากๆ เลยค่ะ”

เพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินแนะนำให้คุณกานดาเข้ารับการปลูกผมเทคนิค Microplus N เพื่อปรับกรอบหน้าให้มีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น และเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าด้วยความหนาแน่นที่เป็นธรรมชาติได้อย่างที่ต้องการ และที่ต้องเป็นเทคนิค Microplus N เท่านั้น เพราะคุณกานดายังมีภาพจำจากคนรอบตัวบางคนอยู่ว่าการปลูกผมนั้นต้องเจ็บ แต่เมื่อได้สัมผัสการปลูกผม Microplus N ที่คุณหมอนินปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเองแล้ว คุณกานดาคอนเฟิร์มว่า ปลูกผมไม่เจ็บ หลังปลูกผมไม่บวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น ขึ้นคอนเสิร์ตต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที


“กานดาต้องขอบอกก่อนว่า เพื่อนที่ใกล้ชิด รุ่นพี่ที่เขาไปปลูกผมมา ทำให้กานดากลัวอยู่อย่างหนึ่งคือ เจ็บมาก ย้ายเซลล์จากข้างหลังมาทำข้างหน้า มันก็ต้องเจ็บสองต่อ พักฟื้นมันน่าจะนาน ซึ่งพี่เขาบอกว่า ไม่เจ็บ เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา พูดตรงๆ เลยนะคะทุกคนว่า เจ็บวันเดียว เพราะว่าตอนที่กานดามาทำ วันรุ่งขึ้นกานดาแสดงคอนเสิร์ต ไม่มีเจ็บ ไม่มีปวดใดๆ เลย อีกวันนึง ต้องไปทำการแต่งหน้าทำผม ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เพราะเรารู้สึกว่าหน้าเราสวยแล้ว ตอนที่กานดาแต่งหน้า ก็รู้สึกว่าตัวเองมีคอนทัวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว”


เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้รับหลังการปลูกผม คำตอบที่ได้รับคือ “คอมพลีท” เพราะทั้งกรอบหน้าและเส้นผมใหม่ที่ปลูกนั้นสวยตรงใจ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดอย่างที่ต้องการ

“จะมีกรอบหน้าแล้ว คอมพลีท เมื่อก่อนต้องตัดหน้าม้าเพื่อปกปิดสิ่งที่ตัวเองขาดหายไป ตอนนี้ทิศทางของผมจะทำทรงอะไรก็คือ เพอร์เฟค”

“พอหลังจากทำเสร็จแล้ว มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ผมยังไม่ขึ้น ยังเป็นตอ การย้ายเซลล์จากข้างหลังมาปลูกข้างหน้า จะมีผมเส้นเล็กๆ เหมือนโครงสร้างของผมที่เรามีปัญหา ต่อไปมันยาวขึ้น เราจะสวย กรอบหน้าเราจะเป็นแบบนี้ รู้สึกมั่นใจขึ้นค่ะทุกคน เดินไปไหนก็รู้สึก อุ้ย อยากโชว์ ฉันไปปลูกผมมา”


หลังปลูกผมได้ 10 เดือน คุณกานดาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยและดูดีส่งผลให้มีความมั่นใจมากขึ้น กรอบหน้าที่คมชัดทำให้แต่งหน้าสวย และเส้นผมใหม่ก็ทำให้มั่นใจกับทุกทรงผมยิ่งขึ้น

นอกจากจะได้สัมผัสกับผลลัพธ์การปลูกผมเทคนิค Microplus N ด้วยตัวเองแล้ว การดูแลหลังการปลูกผมของนามนินก็ยังทำให้คุณกานดาประทับใจมากยิ่งขึ้นไปอีก “ประทับใจในตัวคุณหมอนิน คือเขาจะ follow up อยู่ตลอดเวลา เป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปไหน ทำผมทรงอะไร ระวังหน่อยนะ ติดตามอยู่ตลอดเวลา”



เมื่อได้รับความรู้สึกดีๆ จากการปลูกผมที่นามนินแล้ว คุณกานดาจึงขอฝากถึงคนที่กำลังพบเจอปัญหาผมร่วงผมบางอยู่ด้วยว่า “ใครที่มีปัญหา ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในรูปหน้า โดนบูลลี่เหมือนกับที่กานดาโดน อยากให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน หมอจะแนะนำดีมากค่ะ ใครที่มีปัญหาน้อย ฉีดก่อนมั้ย ใช้สเปรย์ก่อนมั้ย กินยาก่อนมั้ยคะ ปัญหามาก ต้องปลูกแบบไหน ต้องทำยังไง”

และกับเทคนิค Microplus N ที่คุณกานดาได้สัมผัสถึงความพิเศษมาแล้วด้วยตัวเอง ก็ฝากไว้อย่างสวยๆ ว่า “ถ้าเราอยากสวย อยากมั่นใจ ลองเปิดใจค่ะทุกคน เทคนิคที่เราไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ทำให้ผมเกิดขึ้นได้ ดกดำ สลวย มันมีอยู่จริงค่ะ กานดาคอนเฟิร์ม”

แค่เริ่มต้นด้วยการเปิดใจ แล้วนามนินจะเปิดโลกใบใหม่ ที่พร้อมดูแลทุกปัญหาเส้นผมให้คุณ



ปลูกผมผลลัพธ์สวยตรงใจ กานดาคอนเฟิร์ม
อีกหนึ่งศิลปินนักร้องที่จะมาคอนเฟิร์มว่า การปลูกผมเทคนิค Microplus N ปลูกผมแล้วได้ผลลัพธ์ตรงใจจริงๆ คือ คุณ กานดา อาร์สยาม หรือที่รู้จักกันดีในนาม “นางร้ายป้ายแดง” ที่ลุคในการทำงานจะดูตัวเป็นแม่ตัวมารดา ร้ายๆ แรงๆ ก็ตาม แต่ตัวจริงน่ารัก อัธยาศัยดี เป็นผู้หญิงที่สวย คมเข้มและมาพร้อมความมั่นใจมากๆ


แต่ก่อนที่จะมั่นใจได้ขนาดนี้ คุณกานดาเคยมีปัญหาผมด้านหน้าที่บางลงเรื่อยๆ เพราะด้วยการทำงานทำให้ต้องรวบผมตึงมาตลอดระยะเวลา 9 ปี จนเมื่อผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงจึงรู้สึกไม่มั่นใจ “ตั้งแต่ซิงเกิลแรกแล้วนะคะ ผมจะรวบตึงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมหลุดร่วง ใช้สเปรย์ ทำสีบ่อย หน้าผากสูง มันเหมือนมันล้านเลยค่ะ ทำให้ไม่มั่นใจในตัวเอง” แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จนเห็นเพื่อนศิลปินที่ได้เข้ามารับการปลูกผมที่นามนิน เช่น คุณลูลู่ คุณลาล่า และคุณนุช วิลาวัลย์ ที่หลังปลูกผมทุกคนมีเส้นผมใหม่ขึ้นมาจริงๆ และดูมีอิสระที่จะทำผมทรงไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน คุณกานดาจึงเริ่มสนใจและนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาคุณหมอนินด้วยตัวเอง


“คุณหมอให้คำปรึกษาที่ดีมากๆ เลยค่ะ เขาจะรู้ว่าเรามีปัญหาตรงไหน ซึ่งเขาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ใช่ค่ะ หนูมีปัญหาตรงนี้ มันสูงไป แล้วมันทำให้หน้าของเราไม่เพอร์เฟค ต้องแอบมาคอนซีลเลอร์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณหมอก็แก้ปัญหาได้ดีมากๆ เลยค่ะ”

เพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินแนะนำให้คุณกานดาเข้ารับการปลูกผมเทคนิค Microplus N เพื่อปรับกรอบหน้าให้มีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น และเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าด้วยความหนาแน่นที่เป็นธรรมชาติได้อย่างที่ต้องการ และที่ต้องเป็นเทคนิค Microplus N เท่านั้น เพราะคุณกานดายังมีภาพจำจากคนรอบตัวบางคนอยู่ว่าการปลูกผมนั้นต้องเจ็บ แต่เมื่อได้สัมผัสการปลูกผม Microplus N ที่คุณหมอนินปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเองแล้ว คุณกานดาคอนเฟิร์มว่า ปลูกผมไม่เจ็บ หลังปลูกผมไม่บวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น ขึ้นคอนเสิร์ตต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที


“กานดาต้องขอบอกก่อนว่า เพื่อนที่ใกล้ชิด รุ่นพี่ที่เขาไปปลูกผมมา ทำให้กานดากลัวอยู่อย่างหนึ่งคือ เจ็บมาก ย้ายเซลล์จากข้างหลังมาทำข้างหน้า มันก็ต้องเจ็บสองต่อ พักฟื้นมันน่าจะนาน ซึ่งพี่เขาบอกว่า ไม่เจ็บ เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา พูดตรงๆ เลยนะคะทุกคนว่า เจ็บวันเดียว เพราะว่าตอนที่กานดามาทำ วันรุ่งขึ้นกานดาแสดงคอนเสิร์ต ไม่มีเจ็บ ไม่มีปวดใดๆ เลย อีกวันนึง ต้องไปทำการแต่งหน้าทำผม ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เพราะเรารู้สึกว่าหน้าเราสวยแล้ว ตอนที่กานดาแต่งหน้า ก็รู้สึกว่าตัวเองมีคอนทัวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว”


เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้รับหลังการปลูกผม คำตอบที่ได้รับคือ “คอมพลีท” เพราะทั้งกรอบหน้าและเส้นผมใหม่ที่ปลูกนั้นสวยตรงใจ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดอย่างที่ต้องการ

“จะมีกรอบหน้าแล้ว คอมพลีท เมื่อก่อนต้องตัดหน้าม้าเพื่อปกปิดสิ่งที่ตัวเองขาดหายไป ตอนนี้ทิศทางของผมจะทำทรงอะไรก็คือ เพอร์เฟค”

“พอหลังจากทำเสร็จแล้ว มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ผมยังไม่ขึ้น ยังเป็นตอ การย้ายเซลล์จากข้างหลังมาปลูกข้างหน้า จะมีผมเส้นเล็กๆ เหมือนโครงสร้างของผมที่เรามีปัญหา ต่อไปมันยาวขึ้น เราจะสวย กรอบหน้าเราจะเป็นแบบนี้ รู้สึกมั่นใจขึ้นค่ะทุกคน เดินไปไหนก็รู้สึก อุ้ย อยากโชว์ ฉันไปปลูกผมมา”


หลังปลูกผมได้ 10 เดือน คุณกานดาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยและดูดีส่งผลให้มีความมั่นใจมากขึ้น กรอบหน้าที่คมชัดทำให้แต่งหน้าสวย และเส้นผมใหม่ก็ทำให้มั่นใจกับทุกทรงผมยิ่งขึ้น

นอกจากจะได้สัมผัสกับผลลัพธ์การปลูกผมเทคนิค Microplus N ด้วยตัวเองแล้ว การดูแลหลังการปลูกผมของนามนินก็ยังทำให้คุณกานดาประทับใจมากยิ่งขึ้นไปอีก “ประทับใจในตัวคุณหมอนิน คือเขาจะ follow up อยู่ตลอดเวลา เป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปไหน ทำผมทรงอะไร ระวังหน่อยนะ ติดตามอยู่ตลอดเวลา”



เมื่อได้รับความรู้สึกดีๆ จากการปลูกผมที่นามนินแล้ว คุณกานดาจึงขอฝากถึงคนที่กำลังพบเจอปัญหาผมร่วงผมบางอยู่ด้วยว่า “ใครที่มีปัญหา ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในรูปหน้า โดนบูลลี่เหมือนกับที่กานดาโดน อยากให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน หมอจะแนะนำดีมากค่ะ ใครที่มีปัญหาน้อย ฉีดก่อนมั้ย ใช้สเปรย์ก่อนมั้ย กินยาก่อนมั้ยคะ ปัญหามาก ต้องปลูกแบบไหน ต้องทำยังไง”

และกับเทคนิค Microplus N ที่คุณกานดาได้สัมผัสถึงความพิเศษมาแล้วด้วยตัวเอง ก็ฝากไว้อย่างสวยๆ ว่า “ถ้าเราอยากสวย อยากมั่นใจ ลองเปิดใจค่ะทุกคน เทคนิคที่เราไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ทำให้ผมเกิดขึ้นได้ ดกดำ สลวย มันมีอยู่จริงค่ะ กานดาคอนเฟิร์ม”

แค่เริ่มต้นด้วยการเปิดใจ แล้วนามนินจะเปิดโลกใบใหม่ ที่พร้อมดูแลทุกปัญหาเส้นผมให้คุณ



ปลูกผมผลลัพธ์สวยตรงใจ กานดาคอนเฟิร์ม
อีกหนึ่งศิลปินนักร้องที่จะมาคอนเฟิร์มว่า การปลูกผมเทคนิค Microplus N ปลูกผมแล้วได้ผลลัพธ์ตรงใจจริงๆ คือ คุณ กานดา อาร์สยาม หรือที่รู้จักกันดีในนาม “นางร้ายป้ายแดง” ที่ลุคในการทำงานจะดูตัวเป็นแม่ตัวมารดา ร้ายๆ แรงๆ ก็ตาม แต่ตัวจริงน่ารัก อัธยาศัยดี เป็นผู้หญิงที่สวย คมเข้มและมาพร้อมความมั่นใจมากๆ


แต่ก่อนที่จะมั่นใจได้ขนาดนี้ คุณกานดาเคยมีปัญหาผมด้านหน้าที่บางลงเรื่อยๆ เพราะด้วยการทำงานทำให้ต้องรวบผมตึงมาตลอดระยะเวลา 9 ปี จนเมื่อผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงจึงรู้สึกไม่มั่นใจ “ตั้งแต่ซิงเกิลแรกแล้วนะคะ ผมจะรวบตึงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมหลุดร่วง ใช้สเปรย์ ทำสีบ่อย หน้าผากสูง มันเหมือนมันล้านเลยค่ะ ทำให้ไม่มั่นใจในตัวเอง” แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จนเห็นเพื่อนศิลปินที่ได้เข้ามารับการปลูกผมที่นามนิน เช่น คุณลูลู่ คุณลาล่า และคุณนุช วิลาวัลย์ ที่หลังปลูกผมทุกคนมีเส้นผมใหม่ขึ้นมาจริงๆ และดูมีอิสระที่จะทำผมทรงไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน คุณกานดาจึงเริ่มสนใจและนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาคุณหมอนินด้วยตัวเอง


“คุณหมอให้คำปรึกษาที่ดีมากๆ เลยค่ะ เขาจะรู้ว่าเรามีปัญหาตรงไหน ซึ่งเขาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ใช่ค่ะ หนูมีปัญหาตรงนี้ มันสูงไป แล้วมันทำให้หน้าของเราไม่เพอร์เฟค ต้องแอบมาคอนซีลเลอร์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณหมอก็แก้ปัญหาได้ดีมากๆ เลยค่ะ”

เพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินแนะนำให้คุณกานดาเข้ารับการปลูกผมเทคนิค Microplus N เพื่อปรับกรอบหน้าให้มีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น และเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าด้วยความหนาแน่นที่เป็นธรรมชาติได้อย่างที่ต้องการ และที่ต้องเป็นเทคนิค Microplus N เท่านั้น เพราะคุณกานดายังมีภาพจำจากคนรอบตัวบางคนอยู่ว่าการปลูกผมนั้นต้องเจ็บ แต่เมื่อได้สัมผัสการปลูกผม Microplus N ที่คุณหมอนินปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเองแล้ว คุณกานดาคอนเฟิร์มว่า ปลูกผมไม่เจ็บ หลังปลูกผมไม่บวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น ขึ้นคอนเสิร์ตต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที


“กานดาต้องขอบอกก่อนว่า เพื่อนที่ใกล้ชิด รุ่นพี่ที่เขาไปปลูกผมมา ทำให้กานดากลัวอยู่อย่างหนึ่งคือ เจ็บมาก ย้ายเซลล์จากข้างหลังมาทำข้างหน้า มันก็ต้องเจ็บสองต่อ พักฟื้นมันน่าจะนาน ซึ่งพี่เขาบอกว่า ไม่เจ็บ เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา พูดตรงๆ เลยนะคะทุกคนว่า เจ็บวันเดียว เพราะว่าตอนที่กานดามาทำ วันรุ่งขึ้นกานดาแสดงคอนเสิร์ต ไม่มีเจ็บ ไม่มีปวดใดๆ เลย อีกวันนึง ต้องไปทำการแต่งหน้าทำผม ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เพราะเรารู้สึกว่าหน้าเราสวยแล้ว ตอนที่กานดาแต่งหน้า ก็รู้สึกว่าตัวเองมีคอนทัวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว”


เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้รับหลังการปลูกผม คำตอบที่ได้รับคือ “คอมพลีท” เพราะทั้งกรอบหน้าและเส้นผมใหม่ที่ปลูกนั้นสวยตรงใจ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดอย่างที่ต้องการ

“จะมีกรอบหน้าแล้ว คอมพลีท เมื่อก่อนต้องตัดหน้าม้าเพื่อปกปิดสิ่งที่ตัวเองขาดหายไป ตอนนี้ทิศทางของผมจะทำทรงอะไรก็คือ เพอร์เฟค”

“พอหลังจากทำเสร็จแล้ว มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ผมยังไม่ขึ้น ยังเป็นตอ การย้ายเซลล์จากข้างหลังมาปลูกข้างหน้า จะมีผมเส้นเล็กๆ เหมือนโครงสร้างของผมที่เรามีปัญหา ต่อไปมันยาวขึ้น เราจะสวย กรอบหน้าเราจะเป็นแบบนี้ รู้สึกมั่นใจขึ้นค่ะทุกคน เดินไปไหนก็รู้สึก อุ้ย อยากโชว์ ฉันไปปลูกผมมา”


หลังปลูกผมได้ 10 เดือน คุณกานดาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยและดูดีส่งผลให้มีความมั่นใจมากขึ้น กรอบหน้าที่คมชัดทำให้แต่งหน้าสวย และเส้นผมใหม่ก็ทำให้มั่นใจกับทุกทรงผมยิ่งขึ้น

นอกจากจะได้สัมผัสกับผลลัพธ์การปลูกผมเทคนิค Microplus N ด้วยตัวเองแล้ว การดูแลหลังการปลูกผมของนามนินก็ยังทำให้คุณกานดาประทับใจมากยิ่งขึ้นไปอีก “ประทับใจในตัวคุณหมอนิน คือเขาจะ follow up อยู่ตลอดเวลา เป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปไหน ทำผมทรงอะไร ระวังหน่อยนะ ติดตามอยู่ตลอดเวลา”



เมื่อได้รับความรู้สึกดีๆ จากการปลูกผมที่นามนินแล้ว คุณกานดาจึงขอฝากถึงคนที่กำลังพบเจอปัญหาผมร่วงผมบางอยู่ด้วยว่า “ใครที่มีปัญหา ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในรูปหน้า โดนบูลลี่เหมือนกับที่กานดาโดน อยากให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน หมอจะแนะนำดีมากค่ะ ใครที่มีปัญหาน้อย ฉีดก่อนมั้ย ใช้สเปรย์ก่อนมั้ย กินยาก่อนมั้ยคะ ปัญหามาก ต้องปลูกแบบไหน ต้องทำยังไง”

และกับเทคนิค Microplus N ที่คุณกานดาได้สัมผัสถึงความพิเศษมาแล้วด้วยตัวเอง ก็ฝากไว้อย่างสวยๆ ว่า “ถ้าเราอยากสวย อยากมั่นใจ ลองเปิดใจค่ะทุกคน เทคนิคที่เราไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ทำให้ผมเกิดขึ้นได้ ดกดำ สลวย มันมีอยู่จริงค่ะ กานดาคอนเฟิร์ม”

แค่เริ่มต้นด้วยการเปิดใจ แล้วนามนินจะเปิดโลกใบใหม่ ที่พร้อมดูแลทุกปัญหาเส้นผมให้คุณ



ปลูกผมผลลัพธ์สวยตรงใจ กานดาคอนเฟิร์ม
อีกหนึ่งศิลปินนักร้องที่จะมาคอนเฟิร์มว่า การปลูกผมเทคนิค Microplus N ปลูกผมแล้วได้ผลลัพธ์ตรงใจจริงๆ คือ คุณ กานดา อาร์สยาม หรือที่รู้จักกันดีในนาม “นางร้ายป้ายแดง” ที่ลุคในการทำงานจะดูตัวเป็นแม่ตัวมารดา ร้ายๆ แรงๆ ก็ตาม แต่ตัวจริงน่ารัก อัธยาศัยดี เป็นผู้หญิงที่สวย คมเข้มและมาพร้อมความมั่นใจมากๆ


แต่ก่อนที่จะมั่นใจได้ขนาดนี้ คุณกานดาเคยมีปัญหาผมด้านหน้าที่บางลงเรื่อยๆ เพราะด้วยการทำงานทำให้ต้องรวบผมตึงมาตลอดระยะเวลา 9 ปี จนเมื่อผมด้านหน้าเริ่มเว้าสูงจึงรู้สึกไม่มั่นใจ “ตั้งแต่ซิงเกิลแรกแล้วนะคะ ผมจะรวบตึงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมหลุดร่วง ใช้สเปรย์ ทำสีบ่อย หน้าผากสูง มันเหมือนมันล้านเลยค่ะ ทำให้ไม่มั่นใจในตัวเอง” แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จนเห็นเพื่อนศิลปินที่ได้เข้ามารับการปลูกผมที่นามนิน เช่น คุณลูลู่ คุณลาล่า และคุณนุช วิลาวัลย์ ที่หลังปลูกผมทุกคนมีเส้นผมใหม่ขึ้นมาจริงๆ และดูมีอิสระที่จะทำผมทรงไหนก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน คุณกานดาจึงเริ่มสนใจและนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาคุณหมอนินด้วยตัวเอง


“คุณหมอให้คำปรึกษาที่ดีมากๆ เลยค่ะ เขาจะรู้ว่าเรามีปัญหาตรงไหน ซึ่งเขาแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ใช่ค่ะ หนูมีปัญหาตรงนี้ มันสูงไป แล้วมันทำให้หน้าของเราไม่เพอร์เฟค ต้องแอบมาคอนซีลเลอร์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคุณหมอก็แก้ปัญหาได้ดีมากๆ เลยค่ะ”

เพื่อแก้ปัญหาหน้าผากเว้าสูง คุณหมอนินแนะนำให้คุณกานดาเข้ารับการปลูกผมเทคนิค Microplus N เพื่อปรับกรอบหน้าให้มีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น และเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าด้วยความหนาแน่นที่เป็นธรรมชาติได้อย่างที่ต้องการ และที่ต้องเป็นเทคนิค Microplus N เท่านั้น เพราะคุณกานดายังมีภาพจำจากคนรอบตัวบางคนอยู่ว่าการปลูกผมนั้นต้องเจ็บ แต่เมื่อได้สัมผัสการปลูกผม Microplus N ที่คุณหมอนินปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเองแล้ว คุณกานดาคอนเฟิร์มว่า ปลูกผมไม่เจ็บ หลังปลูกผมไม่บวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น ขึ้นคอนเสิร์ตต่อในวันรุ่งขึ้นได้ทันที


“กานดาต้องขอบอกก่อนว่า เพื่อนที่ใกล้ชิด รุ่นพี่ที่เขาไปปลูกผมมา ทำให้กานดากลัวอยู่อย่างหนึ่งคือ เจ็บมาก ย้ายเซลล์จากข้างหลังมาทำข้างหน้า มันก็ต้องเจ็บสองต่อ พักฟื้นมันน่าจะนาน ซึ่งพี่เขาบอกว่า ไม่เจ็บ เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา พูดตรงๆ เลยนะคะทุกคนว่า เจ็บวันเดียว เพราะว่าตอนที่กานดามาทำ วันรุ่งขึ้นกานดาแสดงคอนเสิร์ต ไม่มีเจ็บ ไม่มีปวดใดๆ เลย อีกวันนึง ต้องไปทำการแต่งหน้าทำผม ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เพราะเรารู้สึกว่าหน้าเราสวยแล้ว ตอนที่กานดาแต่งหน้า ก็รู้สึกว่าตัวเองมีคอนทัวร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว”


เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้รับหลังการปลูกผม คำตอบที่ได้รับคือ “คอมพลีท” เพราะทั้งกรอบหน้าและเส้นผมใหม่ที่ปลูกนั้นสวยตรงใจ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดอย่างที่ต้องการ

“จะมีกรอบหน้าแล้ว คอมพลีท เมื่อก่อนต้องตัดหน้าม้าเพื่อปกปิดสิ่งที่ตัวเองขาดหายไป ตอนนี้ทิศทางของผมจะทำทรงอะไรก็คือ เพอร์เฟค”

“พอหลังจากทำเสร็จแล้ว มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ผมยังไม่ขึ้น ยังเป็นตอ การย้ายเซลล์จากข้างหลังมาปลูกข้างหน้า จะมีผมเส้นเล็กๆ เหมือนโครงสร้างของผมที่เรามีปัญหา ต่อไปมันยาวขึ้น เราจะสวย กรอบหน้าเราจะเป็นแบบนี้ รู้สึกมั่นใจขึ้นค่ะทุกคน เดินไปไหนก็รู้สึก อุ้ย อยากโชว์ ฉันไปปลูกผมมา”


หลังปลูกผมได้ 10 เดือน คุณกานดาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยและดูดีส่งผลให้มีความมั่นใจมากขึ้น กรอบหน้าที่คมชัดทำให้แต่งหน้าสวย และเส้นผมใหม่ก็ทำให้มั่นใจกับทุกทรงผมยิ่งขึ้น

นอกจากจะได้สัมผัสกับผลลัพธ์การปลูกผมเทคนิค Microplus N ด้วยตัวเองแล้ว การดูแลหลังการปลูกผมของนามนินก็ยังทำให้คุณกานดาประทับใจมากยิ่งขึ้นไปอีก “ประทับใจในตัวคุณหมอนิน คือเขาจะ follow up อยู่ตลอดเวลา เป็นยังไงบ้าง วันนี้ไปไหน ทำผมทรงอะไร ระวังหน่อยนะ ติดตามอยู่ตลอดเวลา”



เมื่อได้รับความรู้สึกดีๆ จากการปลูกผมที่นามนินแล้ว คุณกานดาจึงขอฝากถึงคนที่กำลังพบเจอปัญหาผมร่วงผมบางอยู่ด้วยว่า “ใครที่มีปัญหา ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นใจในรูปหน้า โดนบูลลี่เหมือนกับที่กานดาโดน อยากให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอก่อน หมอจะแนะนำดีมากค่ะ ใครที่มีปัญหาน้อย ฉีดก่อนมั้ย ใช้สเปรย์ก่อนมั้ย กินยาก่อนมั้ยคะ ปัญหามาก ต้องปลูกแบบไหน ต้องทำยังไง”

และกับเทคนิค Microplus N ที่คุณกานดาได้สัมผัสถึงความพิเศษมาแล้วด้วยตัวเอง ก็ฝากไว้อย่างสวยๆ ว่า “ถ้าเราอยากสวย อยากมั่นใจ ลองเปิดใจค่ะทุกคน เทคนิคที่เราไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ทำให้ผมเกิดขึ้นได้ ดกดำ สลวย มันมีอยู่จริงค่ะ กานดาคอนเฟิร์ม”

แค่เริ่มต้นด้วยการเปิดใจ แล้วนามนินจะเปิดโลกใบใหม่ ที่พร้อมดูแลทุกปัญหาเส้นผมให้คุณ



ปลูกผมรอบ 2 ตรงใจ ที่นามนิน คลินิก
ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าคุณเจมส์เคยปลูกผมมาแล้ว 2 ครั้ง ยิ่งเมื่อได้ฟังคุณเจมส์เล่าประสบการณ์การปลูกผมครั้งแรกแบบแสบๆเจ็บๆ แล้วยังได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาตามสไตล์คนมองโลกในแง่ดี ก็ยิ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีเส้นผมใหม่ที่ดูเป็นธรรมชาติได้อย่างในวันนี้ 

คุณเจมส์ วีระพงษ์ คงทอง Designer เจ้าของธุรกิจห้องเสื้อศิวาลัย และ Siva Cafe ที่ในอดีตเคยมีปัญหาผมด้านหน้าเว้าเป็น M Shape ทำให้ไม่มั่นใจมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องปิดบังปัญหาด้วยการนำผมด้านหน้าลงมาปิดไว้และใส่วิก จนเริ่มศึกษาข้อมูลเรื่องการปลูกผมและได้ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่คุณเจมส์ได้พบกับการปลูกผมครั้งแรกคือ “เจมส์ไม่รู้ว่าเขาต้องไปคุยกับคุณหมอนะ แต่สิ่งที่เจมส์ได้คุย เจมส์คุยกับเซลล์ครับ และเจมส์ก็ทำโดยที่ไม่ได้ปรึกษาหมอเลย”

เมื่อถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม สิ่งเดียวที่คุณเจมส์จำได้จนถึงทุกวันนี้ คือ “ความเจ็บ” ที่เจ็บตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงเข็มสุดท้ายนับกว่า 20 เข็ม และเมื่อปลูกผมเสร็จก็ต้องพันผ้าพันแผลทั้งศีรษะ และต้องคาดผ้าทั้งๆที่ยังปวดแผลอยู่ 

“มันระบมมาก มันตุบๆๆอยู่ในหัว พอกลับไปนอน เจมส์เผลอหลับไปเองด้วยความเจ็บของเจมส์ ตื่นเช้ามาตอนล้างแผล เลือดเต็มผ้าก๊อซเลย เต็มแบบผ้าก๊อซหนักหัวเลยอะครับ แล้วก็เลยถอดล้างแผล สระครั้งแรกคือแสบ แล้วมันรู้สึกแบบ ไม่โอเคอะ มันแสบ”


หลังการปลูกผม ยังมีอาการชาศีรษะต่อเนื่องอีกเป็นเดือน และผมขึ้นไม่สม่ำเสมอ “ผมที่ปลูกก็ขึ้นข้างหนึ่งไม่ขึ้นข้างหนึ่ง เพราะว่าหมอปลูก 2 คนเลยครับ 2 คนช่วยกันเลย ที่เจมส์รู้เพราะเจมส์ไม่หลับ” และกับผลลัพธ์ที่ผมขึ้นไม่สม่ำเสมอ 

“เจมส์เลยถามเขา เขาบอกว่าอันนี้เป็นอาการช็อตยาชา เป็นอาการแพ้บางคน ซึ่งเดี๋ยวมันจะกลับมา ผ่านไปแล้ว 3 ปี มันก็ยังไม่กลับมา”


คุณเจมส์ต้องอยู่กับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังของการปลูกผมครั้งแรกมากว่า 2 ปี จนได้รู้จักกับศิลปินนักร้องหลายท่านที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน เช่น คุณนุชนันท์ วรรวิรา คุณลูลู่ และคุณลาล่า อาร์สยาม ที่ทุกคนคอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปลูกผมไม่เจ็บ” และได้เห็นผลลัพธ์เส้นผมใหม่ของทุกคนที่สวยสมบูรณ์ขึ้นทุกวัน 

จากที่เคยได้รับประสบการณ์ไม่ดีและฝังใจมาตลอด ในที่สุด คุณเจมส์ก็เริ่มเปิดใจได้อีกครั้ง และตัดสินใจเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินได้อธิบายถึงขั้นตอนการปลูกผมอย่างตรงไปตรงมา จริงใจ จนคุณเจมส์เข้าใจและตัดสินใจเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียกความมั่นใจกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

“พอเข้าไป ได้ขึ้นเตียง ก็ฉีดยาชาไป แต่ไม่ได้รู้สึกถึงคำว่าเจ็บเลย ตั้งแต่เข็มแรก เจมส์นอนเล่นโทรศัพท์และก็ยังโทรหานุช บอกว่า ฉันทำอยู่นะ ฉันไม่เจ็บเลย ฉันเล่นโทรศัพท์ได้”




ความประทับใจจากการปลูกผมเทคนิค NEAT ของคุณเจมส์คือ คุณหมอนินปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ จัดวางเส้นผมอย่างเหมาะสมตามความหนาบาง จึงดูแนบเนียนไปกับผมเดิม และเมื่อถามถึงการดูแลหลังการปลูกผม คุณเจมส์ก็เล่าว่า 

“หลังปลูกเสร็จทันที ไม่ต้องพันผ้าเลยครับ เลือดก็ไม่ออกเยอะเท่าที่เก่า คุณหมอดูแลตั้งแต่ก่อนปลูก ปลูก และหลังปลูก  ทุกๆครั้งที่พี่หมอเห็นเจมส์ไปงานแล้วเซ็ตผม จะทักมาบอกว่า พี่เจมส์…เซ็ตผมอีกแล้วนะ ใจเย็นๆ ใส่สเปรย์เยอะไหม รอแป๊บนึงนะ ยังไม่ถึง 6 เดือนเลย ทักทุกงาน” ซึ่งได้ฟังแล้วก็ขอเรียกว่าเป็นการดูแลแบบไม่ให้คลาดสายตาของจริง



คุณเจมส์ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ได้ 8 เดือนแล้ว และเนื่องจากเป็นการปลูกผมครั้งที่สอง ต้นทุนเส้นผมเหลือไม่มาก ต้องใช้วิธีคำนวนกราฟต์แล้วปลูกกระจายให้ทั่วบริเวณที่มีปัญหา คุณหมอนินจึงแนะนำให้เข้ารับบริการโปรแกรม Premium Hair Booster ร่วมด้วย เพื่อฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เสริมพลังให้เส้นผมหนาแน่นยิ่งขึ้น 

ในปัจจุบัน คุณเจมส์บอกว่า การใช้ชีวิตง่าย สบายขึ้นมาก คล่องตัว ตื่นเช้ามาอาบน้ำ สระผม เป่าแห้งเสร็จก็พร้อมลงมาทำงานและพบปะลูกค้าได้อย่างมั่นใจทันที และในฐานะที่เคยมีประสบการณ์ในการปลูกผมมาแล้ว 2 ครั้ง คุณเจมส์ยังฝากถึงคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมด้วยว่า 

“คนที่คิดจะปลูกผมนะครับ.....ก็ศึกษาได้ แต่สำหรับตัวเจมส์ ได้เกิดประสบการณ์พวกนี้มา เจมส์ก็คิดว่า อันนี้แหละครับให้ถือว่าเป็นสุดยอดของเจมส์เลยว่า คลินิกนามนิน ทำดี ไม่เจ็บ ผลลัพธ์เห็นผลที่ดีด้วยครับ”

ไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆที่เกี่ยวกับเส้นผม อย่าเพิ่งถอดใจจนกว่าจะได้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่นามนินนะคะ เพราะเรามีคำตอบสำหรับทุกคำถามค่ะ
       

ปลูกผมรอบ 2 ตรงใจ ที่นามนิน คลินิก
ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าคุณเจมส์เคยปลูกผมมาแล้ว 2 ครั้ง ยิ่งเมื่อได้ฟังคุณเจมส์เล่าประสบการณ์การปลูกผมครั้งแรกแบบแสบๆเจ็บๆ แล้วยังได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาตามสไตล์คนมองโลกในแง่ดี ก็ยิ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีเส้นผมใหม่ที่ดูเป็นธรรมชาติได้อย่างในวันนี้ 

คุณเจมส์ วีระพงษ์ คงทอง Designer เจ้าของธุรกิจห้องเสื้อศิวาลัย และ Siva Cafe ที่ในอดีตเคยมีปัญหาผมด้านหน้าเว้าเป็น M Shape ทำให้ไม่มั่นใจมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องปิดบังปัญหาด้วยการนำผมด้านหน้าลงมาปิดไว้และใส่วิก จนเริ่มศึกษาข้อมูลเรื่องการปลูกผมและได้ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่คุณเจมส์ได้พบกับการปลูกผมครั้งแรกคือ “เจมส์ไม่รู้ว่าเขาต้องไปคุยกับคุณหมอนะ แต่สิ่งที่เจมส์ได้คุย เจมส์คุยกับเซลล์ครับ และเจมส์ก็ทำโดยที่ไม่ได้ปรึกษาหมอเลย”

เมื่อถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม สิ่งเดียวที่คุณเจมส์จำได้จนถึงทุกวันนี้ คือ “ความเจ็บ” ที่เจ็บตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงเข็มสุดท้ายนับกว่า 20 เข็ม และเมื่อปลูกผมเสร็จก็ต้องพันผ้าพันแผลทั้งศีรษะ และต้องคาดผ้าทั้งๆที่ยังปวดแผลอยู่ 

“มันระบมมาก มันตุบๆๆอยู่ในหัว พอกลับไปนอน เจมส์เผลอหลับไปเองด้วยความเจ็บของเจมส์ ตื่นเช้ามาตอนล้างแผล เลือดเต็มผ้าก๊อซเลย เต็มแบบผ้าก๊อซหนักหัวเลยอะครับ แล้วก็เลยถอดล้างแผล สระครั้งแรกคือแสบ แล้วมันรู้สึกแบบ ไม่โอเคอะ มันแสบ”


หลังการปลูกผม ยังมีอาการชาศีรษะต่อเนื่องอีกเป็นเดือน และผมขึ้นไม่สม่ำเสมอ “ผมที่ปลูกก็ขึ้นข้างหนึ่งไม่ขึ้นข้างหนึ่ง เพราะว่าหมอปลูก 2 คนเลยครับ 2 คนช่วยกันเลย ที่เจมส์รู้เพราะเจมส์ไม่หลับ” และกับผลลัพธ์ที่ผมขึ้นไม่สม่ำเสมอ 

“เจมส์เลยถามเขา เขาบอกว่าอันนี้เป็นอาการช็อตยาชา เป็นอาการแพ้บางคน ซึ่งเดี๋ยวมันจะกลับมา ผ่านไปแล้ว 3 ปี มันก็ยังไม่กลับมา”


คุณเจมส์ต้องอยู่กับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังของการปลูกผมครั้งแรกมากว่า 2 ปี จนได้รู้จักกับศิลปินนักร้องหลายท่านที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน เช่น คุณนุชนันท์ วรรวิรา คุณลูลู่ และคุณลาล่า อาร์สยาม ที่ทุกคนคอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปลูกผมไม่เจ็บ” และได้เห็นผลลัพธ์เส้นผมใหม่ของทุกคนที่สวยสมบูรณ์ขึ้นทุกวัน 

จากที่เคยได้รับประสบการณ์ไม่ดีและฝังใจมาตลอด ในที่สุด คุณเจมส์ก็เริ่มเปิดใจได้อีกครั้ง และตัดสินใจเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินได้อธิบายถึงขั้นตอนการปลูกผมอย่างตรงไปตรงมา จริงใจ จนคุณเจมส์เข้าใจและตัดสินใจเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียกความมั่นใจกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

“พอเข้าไป ได้ขึ้นเตียง ก็ฉีดยาชาไป แต่ไม่ได้รู้สึกถึงคำว่าเจ็บเลย ตั้งแต่เข็มแรก เจมส์นอนเล่นโทรศัพท์และก็ยังโทรหานุช บอกว่า ฉันทำอยู่นะ ฉันไม่เจ็บเลย ฉันเล่นโทรศัพท์ได้”




ความประทับใจจากการปลูกผมเทคนิค NEAT ของคุณเจมส์คือ คุณหมอนินปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ จัดวางเส้นผมอย่างเหมาะสมตามความหนาบาง จึงดูแนบเนียนไปกับผมเดิม และเมื่อถามถึงการดูแลหลังการปลูกผม คุณเจมส์ก็เล่าว่า 

“หลังปลูกเสร็จทันที ไม่ต้องพันผ้าเลยครับ เลือดก็ไม่ออกเยอะเท่าที่เก่า คุณหมอดูแลตั้งแต่ก่อนปลูก ปลูก และหลังปลูก  ทุกๆครั้งที่พี่หมอเห็นเจมส์ไปงานแล้วเซ็ตผม จะทักมาบอกว่า พี่เจมส์…เซ็ตผมอีกแล้วนะ ใจเย็นๆ ใส่สเปรย์เยอะไหม รอแป๊บนึงนะ ยังไม่ถึง 6 เดือนเลย ทักทุกงาน” ซึ่งได้ฟังแล้วก็ขอเรียกว่าเป็นการดูแลแบบไม่ให้คลาดสายตาของจริง



คุณเจมส์ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ได้ 8 เดือนแล้ว และเนื่องจากเป็นการปลูกผมครั้งที่สอง ต้นทุนเส้นผมเหลือไม่มาก ต้องใช้วิธีคำนวนกราฟต์แล้วปลูกกระจายให้ทั่วบริเวณที่มีปัญหา คุณหมอนินจึงแนะนำให้เข้ารับบริการโปรแกรม Premium Hair Booster ร่วมด้วย เพื่อฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เสริมพลังให้เส้นผมหนาแน่นยิ่งขึ้น 

ในปัจจุบัน คุณเจมส์บอกว่า การใช้ชีวิตง่าย สบายขึ้นมาก คล่องตัว ตื่นเช้ามาอาบน้ำ สระผม เป่าแห้งเสร็จก็พร้อมลงมาทำงานและพบปะลูกค้าได้อย่างมั่นใจทันที และในฐานะที่เคยมีประสบการณ์ในการปลูกผมมาแล้ว 2 ครั้ง คุณเจมส์ยังฝากถึงคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมด้วยว่า 

“คนที่คิดจะปลูกผมนะครับ.....ก็ศึกษาได้ แต่สำหรับตัวเจมส์ ได้เกิดประสบการณ์พวกนี้มา เจมส์ก็คิดว่า อันนี้แหละครับให้ถือว่าเป็นสุดยอดของเจมส์เลยว่า คลินิกนามนิน ทำดี ไม่เจ็บ ผลลัพธ์เห็นผลที่ดีด้วยครับ”

ไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆที่เกี่ยวกับเส้นผม อย่าเพิ่งถอดใจจนกว่าจะได้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่นามนินนะคะ เพราะเรามีคำตอบสำหรับทุกคำถามค่ะ
       

ปลูกผมรอบ 2 ตรงใจ ที่นามนิน คลินิก
ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าคุณเจมส์เคยปลูกผมมาแล้ว 2 ครั้ง ยิ่งเมื่อได้ฟังคุณเจมส์เล่าประสบการณ์การปลูกผมครั้งแรกแบบแสบๆเจ็บๆ แล้วยังได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาตามสไตล์คนมองโลกในแง่ดี ก็ยิ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีเส้นผมใหม่ที่ดูเป็นธรรมชาติได้อย่างในวันนี้ 

คุณเจมส์ วีระพงษ์ คงทอง Designer เจ้าของธุรกิจห้องเสื้อศิวาลัย และ Siva Cafe ที่ในอดีตเคยมีปัญหาผมด้านหน้าเว้าเป็น M Shape ทำให้ไม่มั่นใจมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องปิดบังปัญหาด้วยการนำผมด้านหน้าลงมาปิดไว้และใส่วิก จนเริ่มศึกษาข้อมูลเรื่องการปลูกผมและได้ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่คุณเจมส์ได้พบกับการปลูกผมครั้งแรกคือ “เจมส์ไม่รู้ว่าเขาต้องไปคุยกับคุณหมอนะ แต่สิ่งที่เจมส์ได้คุย เจมส์คุยกับเซลล์ครับ และเจมส์ก็ทำโดยที่ไม่ได้ปรึกษาหมอเลย”

เมื่อถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม สิ่งเดียวที่คุณเจมส์จำได้จนถึงทุกวันนี้ คือ “ความเจ็บ” ที่เจ็บตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงเข็มสุดท้ายนับกว่า 20 เข็ม และเมื่อปลูกผมเสร็จก็ต้องพันผ้าพันแผลทั้งศีรษะ และต้องคาดผ้าทั้งๆที่ยังปวดแผลอยู่ 

“มันระบมมาก มันตุบๆๆอยู่ในหัว พอกลับไปนอน เจมส์เผลอหลับไปเองด้วยความเจ็บของเจมส์ ตื่นเช้ามาตอนล้างแผล เลือดเต็มผ้าก๊อซเลย เต็มแบบผ้าก๊อซหนักหัวเลยอะครับ แล้วก็เลยถอดล้างแผล สระครั้งแรกคือแสบ แล้วมันรู้สึกแบบ ไม่โอเคอะ มันแสบ”


หลังการปลูกผม ยังมีอาการชาศีรษะต่อเนื่องอีกเป็นเดือน และผมขึ้นไม่สม่ำเสมอ “ผมที่ปลูกก็ขึ้นข้างหนึ่งไม่ขึ้นข้างหนึ่ง เพราะว่าหมอปลูก 2 คนเลยครับ 2 คนช่วยกันเลย ที่เจมส์รู้เพราะเจมส์ไม่หลับ” และกับผลลัพธ์ที่ผมขึ้นไม่สม่ำเสมอ 

“เจมส์เลยถามเขา เขาบอกว่าอันนี้เป็นอาการช็อตยาชา เป็นอาการแพ้บางคน ซึ่งเดี๋ยวมันจะกลับมา ผ่านไปแล้ว 3 ปี มันก็ยังไม่กลับมา”


คุณเจมส์ต้องอยู่กับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังของการปลูกผมครั้งแรกมากว่า 2 ปี จนได้รู้จักกับศิลปินนักร้องหลายท่านที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน เช่น คุณนุชนันท์ วรรวิรา คุณลูลู่ และคุณลาล่า อาร์สยาม ที่ทุกคนคอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปลูกผมไม่เจ็บ” และได้เห็นผลลัพธ์เส้นผมใหม่ของทุกคนที่สวยสมบูรณ์ขึ้นทุกวัน 

จากที่เคยได้รับประสบการณ์ไม่ดีและฝังใจมาตลอด ในที่สุด คุณเจมส์ก็เริ่มเปิดใจได้อีกครั้ง และตัดสินใจเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินได้อธิบายถึงขั้นตอนการปลูกผมอย่างตรงไปตรงมา จริงใจ จนคุณเจมส์เข้าใจและตัดสินใจเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียกความมั่นใจกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

“พอเข้าไป ได้ขึ้นเตียง ก็ฉีดยาชาไป แต่ไม่ได้รู้สึกถึงคำว่าเจ็บเลย ตั้งแต่เข็มแรก เจมส์นอนเล่นโทรศัพท์และก็ยังโทรหานุช บอกว่า ฉันทำอยู่นะ ฉันไม่เจ็บเลย ฉันเล่นโทรศัพท์ได้”




ความประทับใจจากการปลูกผมเทคนิค NEAT ของคุณเจมส์คือ คุณหมอนินปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ จัดวางเส้นผมอย่างเหมาะสมตามความหนาบาง จึงดูแนบเนียนไปกับผมเดิม และเมื่อถามถึงการดูแลหลังการปลูกผม คุณเจมส์ก็เล่าว่า 

“หลังปลูกเสร็จทันที ไม่ต้องพันผ้าเลยครับ เลือดก็ไม่ออกเยอะเท่าที่เก่า คุณหมอดูแลตั้งแต่ก่อนปลูก ปลูก และหลังปลูก  ทุกๆครั้งที่พี่หมอเห็นเจมส์ไปงานแล้วเซ็ตผม จะทักมาบอกว่า พี่เจมส์…เซ็ตผมอีกแล้วนะ ใจเย็นๆ ใส่สเปรย์เยอะไหม รอแป๊บนึงนะ ยังไม่ถึง 6 เดือนเลย ทักทุกงาน” ซึ่งได้ฟังแล้วก็ขอเรียกว่าเป็นการดูแลแบบไม่ให้คลาดสายตาของจริง



คุณเจมส์ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ได้ 8 เดือนแล้ว และเนื่องจากเป็นการปลูกผมครั้งที่สอง ต้นทุนเส้นผมเหลือไม่มาก ต้องใช้วิธีคำนวนกราฟต์แล้วปลูกกระจายให้ทั่วบริเวณที่มีปัญหา คุณหมอนินจึงแนะนำให้เข้ารับบริการโปรแกรม Premium Hair Booster ร่วมด้วย เพื่อฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เสริมพลังให้เส้นผมหนาแน่นยิ่งขึ้น 

ในปัจจุบัน คุณเจมส์บอกว่า การใช้ชีวิตง่าย สบายขึ้นมาก คล่องตัว ตื่นเช้ามาอาบน้ำ สระผม เป่าแห้งเสร็จก็พร้อมลงมาทำงานและพบปะลูกค้าได้อย่างมั่นใจทันที และในฐานะที่เคยมีประสบการณ์ในการปลูกผมมาแล้ว 2 ครั้ง คุณเจมส์ยังฝากถึงคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมด้วยว่า 

“คนที่คิดจะปลูกผมนะครับ.....ก็ศึกษาได้ แต่สำหรับตัวเจมส์ ได้เกิดประสบการณ์พวกนี้มา เจมส์ก็คิดว่า อันนี้แหละครับให้ถือว่าเป็นสุดยอดของเจมส์เลยว่า คลินิกนามนิน ทำดี ไม่เจ็บ ผลลัพธ์เห็นผลที่ดีด้วยครับ”

ไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆที่เกี่ยวกับเส้นผม อย่าเพิ่งถอดใจจนกว่าจะได้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่นามนินนะคะ เพราะเรามีคำตอบสำหรับทุกคำถามค่ะ
       

ปลูกผมรอบ 2 ตรงใจ ที่นามนิน คลินิก
ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้ว่าคุณเจมส์เคยปลูกผมมาแล้ว 2 ครั้ง ยิ่งเมื่อได้ฟังคุณเจมส์เล่าประสบการณ์การปลูกผมครั้งแรกแบบแสบๆเจ็บๆ แล้วยังได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาตามสไตล์คนมองโลกในแง่ดี ก็ยิ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีเส้นผมใหม่ที่ดูเป็นธรรมชาติได้อย่างในวันนี้ 

คุณเจมส์ วีระพงษ์ คงทอง Designer เจ้าของธุรกิจห้องเสื้อศิวาลัย และ Siva Cafe ที่ในอดีตเคยมีปัญหาผมด้านหน้าเว้าเป็น M Shape ทำให้ไม่มั่นใจมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องปิดบังปัญหาด้วยการนำผมด้านหน้าลงมาปิดไว้และใส่วิก จนเริ่มศึกษาข้อมูลเรื่องการปลูกผมและได้ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่คุณเจมส์ได้พบกับการปลูกผมครั้งแรกคือ “เจมส์ไม่รู้ว่าเขาต้องไปคุยกับคุณหมอนะ แต่สิ่งที่เจมส์ได้คุย เจมส์คุยกับเซลล์ครับ และเจมส์ก็ทำโดยที่ไม่ได้ปรึกษาหมอเลย”

เมื่อถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม สิ่งเดียวที่คุณเจมส์จำได้จนถึงทุกวันนี้ คือ “ความเจ็บ” ที่เจ็บตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงเข็มสุดท้ายนับกว่า 20 เข็ม และเมื่อปลูกผมเสร็จก็ต้องพันผ้าพันแผลทั้งศีรษะ และต้องคาดผ้าทั้งๆที่ยังปวดแผลอยู่ 

“มันระบมมาก มันตุบๆๆอยู่ในหัว พอกลับไปนอน เจมส์เผลอหลับไปเองด้วยความเจ็บของเจมส์ ตื่นเช้ามาตอนล้างแผล เลือดเต็มผ้าก๊อซเลย เต็มแบบผ้าก๊อซหนักหัวเลยอะครับ แล้วก็เลยถอดล้างแผล สระครั้งแรกคือแสบ แล้วมันรู้สึกแบบ ไม่โอเคอะ มันแสบ”


หลังการปลูกผม ยังมีอาการชาศีรษะต่อเนื่องอีกเป็นเดือน และผมขึ้นไม่สม่ำเสมอ “ผมที่ปลูกก็ขึ้นข้างหนึ่งไม่ขึ้นข้างหนึ่ง เพราะว่าหมอปลูก 2 คนเลยครับ 2 คนช่วยกันเลย ที่เจมส์รู้เพราะเจมส์ไม่หลับ” และกับผลลัพธ์ที่ผมขึ้นไม่สม่ำเสมอ 

“เจมส์เลยถามเขา เขาบอกว่าอันนี้เป็นอาการช็อตยาชา เป็นอาการแพ้บางคน ซึ่งเดี๋ยวมันจะกลับมา ผ่านไปแล้ว 3 ปี มันก็ยังไม่กลับมา”


คุณเจมส์ต้องอยู่กับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังของการปลูกผมครั้งแรกมากว่า 2 ปี จนได้รู้จักกับศิลปินนักร้องหลายท่านที่เข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่นามนิน เช่น คุณนุชนันท์ วรรวิรา คุณลูลู่ และคุณลาล่า อาร์สยาม ที่ทุกคนคอนเฟิร์มเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปลูกผมไม่เจ็บ” และได้เห็นผลลัพธ์เส้นผมใหม่ของทุกคนที่สวยสมบูรณ์ขึ้นทุกวัน 

จากที่เคยได้รับประสบการณ์ไม่ดีและฝังใจมาตลอด ในที่สุด คุณเจมส์ก็เริ่มเปิดใจได้อีกครั้ง และตัดสินใจเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งคุณหมอนินได้อธิบายถึงขั้นตอนการปลูกผมอย่างตรงไปตรงมา จริงใจ จนคุณเจมส์เข้าใจและตัดสินใจเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียกความมั่นใจกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน

“พอเข้าไป ได้ขึ้นเตียง ก็ฉีดยาชาไป แต่ไม่ได้รู้สึกถึงคำว่าเจ็บเลย ตั้งแต่เข็มแรก เจมส์นอนเล่นโทรศัพท์และก็ยังโทรหานุช บอกว่า ฉันทำอยู่นะ ฉันไม่เจ็บเลย ฉันเล่นโทรศัพท์ได้”




ความประทับใจจากการปลูกผมเทคนิค NEAT ของคุณเจมส์คือ คุณหมอนินปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ จัดวางเส้นผมอย่างเหมาะสมตามความหนาบาง จึงดูแนบเนียนไปกับผมเดิม และเมื่อถามถึงการดูแลหลังการปลูกผม คุณเจมส์ก็เล่าว่า 

“หลังปลูกเสร็จทันที ไม่ต้องพันผ้าเลยครับ เลือดก็ไม่ออกเยอะเท่าที่เก่า คุณหมอดูแลตั้งแต่ก่อนปลูก ปลูก และหลังปลูก  ทุกๆครั้งที่พี่หมอเห็นเจมส์ไปงานแล้วเซ็ตผม จะทักมาบอกว่า พี่เจมส์…เซ็ตผมอีกแล้วนะ ใจเย็นๆ ใส่สเปรย์เยอะไหม รอแป๊บนึงนะ ยังไม่ถึง 6 เดือนเลย ทักทุกงาน” ซึ่งได้ฟังแล้วก็ขอเรียกว่าเป็นการดูแลแบบไม่ให้คลาดสายตาของจริง



คุณเจมส์ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ได้ 8 เดือนแล้ว และเนื่องจากเป็นการปลูกผมครั้งที่สอง ต้นทุนเส้นผมเหลือไม่มาก ต้องใช้วิธีคำนวนกราฟต์แล้วปลูกกระจายให้ทั่วบริเวณที่มีปัญหา คุณหมอนินจึงแนะนำให้เข้ารับบริการโปรแกรม Premium Hair Booster ร่วมด้วย เพื่อฟื้นฟูและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เสริมพลังให้เส้นผมหนาแน่นยิ่งขึ้น 

ในปัจจุบัน คุณเจมส์บอกว่า การใช้ชีวิตง่าย สบายขึ้นมาก คล่องตัว ตื่นเช้ามาอาบน้ำ สระผม เป่าแห้งเสร็จก็พร้อมลงมาทำงานและพบปะลูกค้าได้อย่างมั่นใจทันที และในฐานะที่เคยมีประสบการณ์ในการปลูกผมมาแล้ว 2 ครั้ง คุณเจมส์ยังฝากถึงคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมด้วยว่า 

“คนที่คิดจะปลูกผมนะครับ.....ก็ศึกษาได้ แต่สำหรับตัวเจมส์ ได้เกิดประสบการณ์พวกนี้มา เจมส์ก็คิดว่า อันนี้แหละครับให้ถือว่าเป็นสุดยอดของเจมส์เลยว่า คลินิกนามนิน ทำดี ไม่เจ็บ ผลลัพธ์เห็นผลที่ดีด้วยครับ”

ไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆที่เกี่ยวกับเส้นผม อย่าเพิ่งถอดใจจนกว่าจะได้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่นามนินนะคะ เพราะเรามีคำตอบสำหรับทุกคำถามค่ะ
       

“นามนิน” มอบเส้นผมใหม่ เติมรักด้วยความใส่ใจ
การเติมเต็มความรักด้วยการดูแลกันและกันด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดที่เล็กแค่ไหนก็ทำให้ความรักนั้นสวยงามอยู่เสมอ อย่างเช่นคุณกุ๊กและคุณธีระ ที่ “เส้นผม” เป็นสิ่งสะท้อนความรัก ความห่วงใยทั้งคู่มีให้แก่กัน เริ่มจากคุณกุ๊ก ที่เข้าวงการปลูกผมก่อน โดยเลือกเทคนิค NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้า เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น


“กรรมพันธุ์ที่บ้านกุ๊กเนี่ยจะเป็นทรงผมรูปตัว M กันทั้งหมดเลย เราก็รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาละ เอาอะไรมากลบมันก็ไม่สามารถที่จะถาวรได้ ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เริ่มจากค้นหาเทคนิคปลูกผมแต่ละประเภท ตั้งแต่สมัยโบราณยันปัจจุบัน กุ๊กใช้เวลา 1 ปี จนกุ๊กมาเจอเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน กุ๊กถึงโอเค ที่นี่แหละใช่”

หลังจากการปลูกผม คุณกุ๊กยังเล่าความประทับใจที่มีต่อคุณหมอนินและทีมงาน ที่ใส่ใจและเข้าใจถึงความกังวลของคุณกุ๊กเป็นอย่างดี

“กุ๊กชอบความจริงใจของทางที่นี่ค่ะ ทางคุณหมอ และก็ทีมงานทุกคน ไม่ต้องพักฟื้น ได้ความสวยงามทันที ความเป็นธรรมชาติที่เราต้องการอยู่แล้ว คุณหมอจะแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนลายเส้น ขั้นตอนที่เราจะต้องเจอหลังปลูกผมเป็นยังไง การดูแลบำรุงรักษา ชัดเจน กระจ่างดีค่ะ”

     
   “หลังปลูกกุ๊กใช้ชีวิตได้ปกติเลยค่ะ ทำงานได้ปกติเลย ไม่มีไข้ ไม่มีเจ็บ ไม่มีระบมใดๆเลยค่ะ” และเมื่อถามว่า “มีคนทักไหมคะ” คุณกุ๊กตอบพร้อมรอยยิ้มๆว่า “มีแน่นอนค่ะ ไปทำอะไรมา ดูไม่ออก ดูธรรมชาติ”

         หลังจากปลูกผม คุณกุ๊กมาพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง และเข้ารับการได้ฉายแสง LLLT ทำทรีทเม้นต์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการปลูกผม และเมื่อถามถึงความรู้สึก หลังปลูกผมครบ 1 ปี คุณกุ๊กตอบสั้นๆแต่ตรงใจว่า “Happy ค่ะ”



ในช่วงที่คุณกุ๊กเข้ารับการ Follow up คุณกุ๊กสังเกตเห็นคุณธีระ เริ่มมีปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมเส้นเล็ก จึงแนะนำให้เข้ารับการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster แต่คุณธีระมองว่า ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้ แต่ในที่สุด ก็เข้ามาปรึกษาแพทย์ตามที่คุณกุ๊กแนะนำ


“ผมมีปัญหาผมร่วงแต่ไม่เยอะมาก แต่มีปัญหาผมบาง ปัญหาผมเส้นเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้เวลาเราก้มศีรษะ มันจะเห็นหนังศีรษะทันทีเลย เราไม่รู้ตัว ต้องให้คนใกล้ชิดเป็นคนบอกเรา ซึ่งก็เป็นภรรยา คุณกุ๊กเป็นคนบอก”

โปรแกรม Premium Hair Booster ที่คุณหมอนิลออกแบบการรักษาให้คุณธีระ ช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังการเข้ารับบริการในแต่ละครั้ง คุณหมอจะถ่ายรูปเส้นผมไว้ทุกครั้งเพื่อให้เห็นพัฒนาการว่าเส้นผมอ้วนขึ้น หนาขึ้นตลอด ซึ่งคุณธีระประทับใจมาก



“คุณหมอบอกว่า ฉีดลงไปเนี่ย มันจะค่อยๆเห็นผล มันเหมือนใส่ปุ๋ยลงไปให้ต้นไม้ เพราะฉะนั้นจะไม่ได้เห็นปุ๊บปั๊บ แกนัดแต่ละครั้งจะนัดห่างกันเดือนนึง ที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ชัดเจนมากๆ”

หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เวลาถ่ายรูปหรือมองลงไปจะเห็นหนังศีรษะน้อยลง เห็นเป็นเส้นผมสีดำที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ คุณธีระเข้ารับบริการไปแล้ว 6 ครั้ง ความรู้สึกที่มีต่อโปรแกรม Premium Hair Booster จากตอนแรกที่เคยกลัวเข็มและคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณธีระมั่นใจในเทคนิคของคุณหมอ มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น



ด้วยความประทับใจในผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อีกครั้ง คุณธีระจึงเลือกที่จะเข้ารับการฉีดบำรุงต่ออีก 1 แพคเกจ เพื่อบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงอยู่ตลอด เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ ที่เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล และใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้อยู่ตลอดเช่นกัน

“คุณหมอบอกว่ามันเป็นการใส่ปุ๋ย ถ้าเลิกใส่ปุ๋ยเนี่ย ก็ได้อยู่ ถ้าต้นไม้แข็งแรงแล้วมันก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองสักระยะหนึ่ง อาจจะครึ่งปีถึง 1 ปี ก็ต้องกลับมาใส่ปุ๋ยอยู่ดี เพราะต้นไม้ยังไงก็ต้องใส่ปุ๋ย”

การดูแลกันและกันของคู่รักคู่นี้ สะท้อนถึงความรักและความใส่ใจที่มีให้กันบนพื้นฐานของความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งทางจิตใจและร่างกาย ในปัจจุบัน เส้นผมใหม่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้ทั้งคุณกุ๊กและคุณธีระ ทั้งคู่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขและยังคงดูแลกันและกันตลอดเวลา เปรียบเหมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้แห่งความรักของทั้งคู่เติบโต แข็งแรงและงอกงามตลอดไป 

“นามนิน” มอบเส้นผมใหม่ เติมรักด้วยความใส่ใจ
การเติมเต็มความรักด้วยการดูแลกันและกันด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดที่เล็กแค่ไหนก็ทำให้ความรักนั้นสวยงามอยู่เสมอ อย่างเช่นคุณกุ๊กและคุณธีระ ที่ “เส้นผม” เป็นสิ่งสะท้อนความรัก ความห่วงใยทั้งคู่มีให้แก่กัน เริ่มจากคุณกุ๊ก ที่เข้าวงการปลูกผมก่อน โดยเลือกเทคนิค NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้า เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น


“กรรมพันธุ์ที่บ้านกุ๊กเนี่ยจะเป็นทรงผมรูปตัว M กันทั้งหมดเลย เราก็รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาละ เอาอะไรมากลบมันก็ไม่สามารถที่จะถาวรได้ ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เริ่มจากค้นหาเทคนิคปลูกผมแต่ละประเภท ตั้งแต่สมัยโบราณยันปัจจุบัน กุ๊กใช้เวลา 1 ปี จนกุ๊กมาเจอเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน กุ๊กถึงโอเค ที่นี่แหละใช่”

หลังจากการปลูกผม คุณกุ๊กยังเล่าความประทับใจที่มีต่อคุณหมอนินและทีมงาน ที่ใส่ใจและเข้าใจถึงความกังวลของคุณกุ๊กเป็นอย่างดี

“กุ๊กชอบความจริงใจของทางที่นี่ค่ะ ทางคุณหมอ และก็ทีมงานทุกคน ไม่ต้องพักฟื้น ได้ความสวยงามทันที ความเป็นธรรมชาติที่เราต้องการอยู่แล้ว คุณหมอจะแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนลายเส้น ขั้นตอนที่เราจะต้องเจอหลังปลูกผมเป็นยังไง การดูแลบำรุงรักษา ชัดเจน กระจ่างดีค่ะ”

     
   “หลังปลูกกุ๊กใช้ชีวิตได้ปกติเลยค่ะ ทำงานได้ปกติเลย ไม่มีไข้ ไม่มีเจ็บ ไม่มีระบมใดๆเลยค่ะ” และเมื่อถามว่า “มีคนทักไหมคะ” คุณกุ๊กตอบพร้อมรอยยิ้มๆว่า “มีแน่นอนค่ะ ไปทำอะไรมา ดูไม่ออก ดูธรรมชาติ”

         หลังจากปลูกผม คุณกุ๊กมาพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง และเข้ารับการได้ฉายแสง LLLT ทำทรีทเม้นต์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการปลูกผม และเมื่อถามถึงความรู้สึก หลังปลูกผมครบ 1 ปี คุณกุ๊กตอบสั้นๆแต่ตรงใจว่า “Happy ค่ะ”



ในช่วงที่คุณกุ๊กเข้ารับการ Follow up คุณกุ๊กสังเกตเห็นคุณธีระ เริ่มมีปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมเส้นเล็ก จึงแนะนำให้เข้ารับการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster แต่คุณธีระมองว่า ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้ แต่ในที่สุด ก็เข้ามาปรึกษาแพทย์ตามที่คุณกุ๊กแนะนำ


“ผมมีปัญหาผมร่วงแต่ไม่เยอะมาก แต่มีปัญหาผมบาง ปัญหาผมเส้นเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้เวลาเราก้มศีรษะ มันจะเห็นหนังศีรษะทันทีเลย เราไม่รู้ตัว ต้องให้คนใกล้ชิดเป็นคนบอกเรา ซึ่งก็เป็นภรรยา คุณกุ๊กเป็นคนบอก”

โปรแกรม Premium Hair Booster ที่คุณหมอนิลออกแบบการรักษาให้คุณธีระ ช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังการเข้ารับบริการในแต่ละครั้ง คุณหมอจะถ่ายรูปเส้นผมไว้ทุกครั้งเพื่อให้เห็นพัฒนาการว่าเส้นผมอ้วนขึ้น หนาขึ้นตลอด ซึ่งคุณธีระประทับใจมาก



“คุณหมอบอกว่า ฉีดลงไปเนี่ย มันจะค่อยๆเห็นผล มันเหมือนใส่ปุ๋ยลงไปให้ต้นไม้ เพราะฉะนั้นจะไม่ได้เห็นปุ๊บปั๊บ แกนัดแต่ละครั้งจะนัดห่างกันเดือนนึง ที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ชัดเจนมากๆ”

หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เวลาถ่ายรูปหรือมองลงไปจะเห็นหนังศีรษะน้อยลง เห็นเป็นเส้นผมสีดำที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ คุณธีระเข้ารับบริการไปแล้ว 6 ครั้ง ความรู้สึกที่มีต่อโปรแกรม Premium Hair Booster จากตอนแรกที่เคยกลัวเข็มและคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณธีระมั่นใจในเทคนิคของคุณหมอ มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น



ด้วยความประทับใจในผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อีกครั้ง คุณธีระจึงเลือกที่จะเข้ารับการฉีดบำรุงต่ออีก 1 แพคเกจ เพื่อบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงอยู่ตลอด เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ ที่เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล และใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้อยู่ตลอดเช่นกัน

“คุณหมอบอกว่ามันเป็นการใส่ปุ๋ย ถ้าเลิกใส่ปุ๋ยเนี่ย ก็ได้อยู่ ถ้าต้นไม้แข็งแรงแล้วมันก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองสักระยะหนึ่ง อาจจะครึ่งปีถึง 1 ปี ก็ต้องกลับมาใส่ปุ๋ยอยู่ดี เพราะต้นไม้ยังไงก็ต้องใส่ปุ๋ย”

การดูแลกันและกันของคู่รักคู่นี้ สะท้อนถึงความรักและความใส่ใจที่มีให้กันบนพื้นฐานของความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งทางจิตใจและร่างกาย ในปัจจุบัน เส้นผมใหม่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้ทั้งคุณกุ๊กและคุณธีระ ทั้งคู่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขและยังคงดูแลกันและกันตลอดเวลา เปรียบเหมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้แห่งความรักของทั้งคู่เติบโต แข็งแรงและงอกงามตลอดไป 

“นามนิน” มอบเส้นผมใหม่ เติมรักด้วยความใส่ใจ
การเติมเต็มความรักด้วยการดูแลกันและกันด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดที่เล็กแค่ไหนก็ทำให้ความรักนั้นสวยงามอยู่เสมอ อย่างเช่นคุณกุ๊กและคุณธีระ ที่ “เส้นผม” เป็นสิ่งสะท้อนความรัก ความห่วงใยทั้งคู่มีให้แก่กัน เริ่มจากคุณกุ๊ก ที่เข้าวงการปลูกผมก่อน โดยเลือกเทคนิค NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้า เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น


“กรรมพันธุ์ที่บ้านกุ๊กเนี่ยจะเป็นทรงผมรูปตัว M กันทั้งหมดเลย เราก็รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาละ เอาอะไรมากลบมันก็ไม่สามารถที่จะถาวรได้ ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เริ่มจากค้นหาเทคนิคปลูกผมแต่ละประเภท ตั้งแต่สมัยโบราณยันปัจจุบัน กุ๊กใช้เวลา 1 ปี จนกุ๊กมาเจอเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน กุ๊กถึงโอเค ที่นี่แหละใช่”

หลังจากการปลูกผม คุณกุ๊กยังเล่าความประทับใจที่มีต่อคุณหมอนินและทีมงาน ที่ใส่ใจและเข้าใจถึงความกังวลของคุณกุ๊กเป็นอย่างดี

“กุ๊กชอบความจริงใจของทางที่นี่ค่ะ ทางคุณหมอ และก็ทีมงานทุกคน ไม่ต้องพักฟื้น ได้ความสวยงามทันที ความเป็นธรรมชาติที่เราต้องการอยู่แล้ว คุณหมอจะแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนลายเส้น ขั้นตอนที่เราจะต้องเจอหลังปลูกผมเป็นยังไง การดูแลบำรุงรักษา ชัดเจน กระจ่างดีค่ะ”

     
   “หลังปลูกกุ๊กใช้ชีวิตได้ปกติเลยค่ะ ทำงานได้ปกติเลย ไม่มีไข้ ไม่มีเจ็บ ไม่มีระบมใดๆเลยค่ะ” และเมื่อถามว่า “มีคนทักไหมคะ” คุณกุ๊กตอบพร้อมรอยยิ้มๆว่า “มีแน่นอนค่ะ ไปทำอะไรมา ดูไม่ออก ดูธรรมชาติ”

         หลังจากปลูกผม คุณกุ๊กมาพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง และเข้ารับการได้ฉายแสง LLLT ทำทรีทเม้นต์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการปลูกผม และเมื่อถามถึงความรู้สึก หลังปลูกผมครบ 1 ปี คุณกุ๊กตอบสั้นๆแต่ตรงใจว่า “Happy ค่ะ”



ในช่วงที่คุณกุ๊กเข้ารับการ Follow up คุณกุ๊กสังเกตเห็นคุณธีระ เริ่มมีปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมเส้นเล็ก จึงแนะนำให้เข้ารับการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster แต่คุณธีระมองว่า ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้ แต่ในที่สุด ก็เข้ามาปรึกษาแพทย์ตามที่คุณกุ๊กแนะนำ


“ผมมีปัญหาผมร่วงแต่ไม่เยอะมาก แต่มีปัญหาผมบาง ปัญหาผมเส้นเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้เวลาเราก้มศีรษะ มันจะเห็นหนังศีรษะทันทีเลย เราไม่รู้ตัว ต้องให้คนใกล้ชิดเป็นคนบอกเรา ซึ่งก็เป็นภรรยา คุณกุ๊กเป็นคนบอก”

โปรแกรม Premium Hair Booster ที่คุณหมอนิลออกแบบการรักษาให้คุณธีระ ช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังการเข้ารับบริการในแต่ละครั้ง คุณหมอจะถ่ายรูปเส้นผมไว้ทุกครั้งเพื่อให้เห็นพัฒนาการว่าเส้นผมอ้วนขึ้น หนาขึ้นตลอด ซึ่งคุณธีระประทับใจมาก



“คุณหมอบอกว่า ฉีดลงไปเนี่ย มันจะค่อยๆเห็นผล มันเหมือนใส่ปุ๋ยลงไปให้ต้นไม้ เพราะฉะนั้นจะไม่ได้เห็นปุ๊บปั๊บ แกนัดแต่ละครั้งจะนัดห่างกันเดือนนึง ที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ชัดเจนมากๆ”

หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เวลาถ่ายรูปหรือมองลงไปจะเห็นหนังศีรษะน้อยลง เห็นเป็นเส้นผมสีดำที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ คุณธีระเข้ารับบริการไปแล้ว 6 ครั้ง ความรู้สึกที่มีต่อโปรแกรม Premium Hair Booster จากตอนแรกที่เคยกลัวเข็มและคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณธีระมั่นใจในเทคนิคของคุณหมอ มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น



ด้วยความประทับใจในผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อีกครั้ง คุณธีระจึงเลือกที่จะเข้ารับการฉีดบำรุงต่ออีก 1 แพคเกจ เพื่อบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงอยู่ตลอด เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ ที่เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล และใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้อยู่ตลอดเช่นกัน

“คุณหมอบอกว่ามันเป็นการใส่ปุ๋ย ถ้าเลิกใส่ปุ๋ยเนี่ย ก็ได้อยู่ ถ้าต้นไม้แข็งแรงแล้วมันก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองสักระยะหนึ่ง อาจจะครึ่งปีถึง 1 ปี ก็ต้องกลับมาใส่ปุ๋ยอยู่ดี เพราะต้นไม้ยังไงก็ต้องใส่ปุ๋ย”

การดูแลกันและกันของคู่รักคู่นี้ สะท้อนถึงความรักและความใส่ใจที่มีให้กันบนพื้นฐานของความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งทางจิตใจและร่างกาย ในปัจจุบัน เส้นผมใหม่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้ทั้งคุณกุ๊กและคุณธีระ ทั้งคู่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขและยังคงดูแลกันและกันตลอดเวลา เปรียบเหมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้แห่งความรักของทั้งคู่เติบโต แข็งแรงและงอกงามตลอดไป 

“นามนิน” มอบเส้นผมใหม่ เติมรักด้วยความใส่ใจ
การเติมเต็มความรักด้วยการดูแลกันและกันด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดที่เล็กแค่ไหนก็ทำให้ความรักนั้นสวยงามอยู่เสมอ อย่างเช่นคุณกุ๊กและคุณธีระ ที่ “เส้นผม” เป็นสิ่งสะท้อนความรัก ความห่วงใยทั้งคู่มีให้แก่กัน เริ่มจากคุณกุ๊ก ที่เข้าวงการปลูกผมก่อน โดยเลือกเทคนิค NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้า เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น


“กรรมพันธุ์ที่บ้านกุ๊กเนี่ยจะเป็นทรงผมรูปตัว M กันทั้งหมดเลย เราก็รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาละ เอาอะไรมากลบมันก็ไม่สามารถที่จะถาวรได้ ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เริ่มจากค้นหาเทคนิคปลูกผมแต่ละประเภท ตั้งแต่สมัยโบราณยันปัจจุบัน กุ๊กใช้เวลา 1 ปี จนกุ๊กมาเจอเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน กุ๊กถึงโอเค ที่นี่แหละใช่”

หลังจากการปลูกผม คุณกุ๊กยังเล่าความประทับใจที่มีต่อคุณหมอนินและทีมงาน ที่ใส่ใจและเข้าใจถึงความกังวลของคุณกุ๊กเป็นอย่างดี

“กุ๊กชอบความจริงใจของทางที่นี่ค่ะ ทางคุณหมอ และก็ทีมงานทุกคน ไม่ต้องพักฟื้น ได้ความสวยงามทันที ความเป็นธรรมชาติที่เราต้องการอยู่แล้ว คุณหมอจะแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนลายเส้น ขั้นตอนที่เราจะต้องเจอหลังปลูกผมเป็นยังไง การดูแลบำรุงรักษา ชัดเจน กระจ่างดีค่ะ”

     
   “หลังปลูกกุ๊กใช้ชีวิตได้ปกติเลยค่ะ ทำงานได้ปกติเลย ไม่มีไข้ ไม่มีเจ็บ ไม่มีระบมใดๆเลยค่ะ” และเมื่อถามว่า “มีคนทักไหมคะ” คุณกุ๊กตอบพร้อมรอยยิ้มๆว่า “มีแน่นอนค่ะ ไปทำอะไรมา ดูไม่ออก ดูธรรมชาติ”

         หลังจากปลูกผม คุณกุ๊กมาพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง และเข้ารับการได้ฉายแสง LLLT ทำทรีทเม้นต์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการปลูกผม และเมื่อถามถึงความรู้สึก หลังปลูกผมครบ 1 ปี คุณกุ๊กตอบสั้นๆแต่ตรงใจว่า “Happy ค่ะ”



ในช่วงที่คุณกุ๊กเข้ารับการ Follow up คุณกุ๊กสังเกตเห็นคุณธีระ เริ่มมีปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมเส้นเล็ก จึงแนะนำให้เข้ารับการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster แต่คุณธีระมองว่า ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้ แต่ในที่สุด ก็เข้ามาปรึกษาแพทย์ตามที่คุณกุ๊กแนะนำ


“ผมมีปัญหาผมร่วงแต่ไม่เยอะมาก แต่มีปัญหาผมบาง ปัญหาผมเส้นเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้เวลาเราก้มศีรษะ มันจะเห็นหนังศีรษะทันทีเลย เราไม่รู้ตัว ต้องให้คนใกล้ชิดเป็นคนบอกเรา ซึ่งก็เป็นภรรยา คุณกุ๊กเป็นคนบอก”

โปรแกรม Premium Hair Booster ที่คุณหมอนิลออกแบบการรักษาให้คุณธีระ ช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังการเข้ารับบริการในแต่ละครั้ง คุณหมอจะถ่ายรูปเส้นผมไว้ทุกครั้งเพื่อให้เห็นพัฒนาการว่าเส้นผมอ้วนขึ้น หนาขึ้นตลอด ซึ่งคุณธีระประทับใจมาก



“คุณหมอบอกว่า ฉีดลงไปเนี่ย มันจะค่อยๆเห็นผล มันเหมือนใส่ปุ๋ยลงไปให้ต้นไม้ เพราะฉะนั้นจะไม่ได้เห็นปุ๊บปั๊บ แกนัดแต่ละครั้งจะนัดห่างกันเดือนนึง ที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ชัดเจนมากๆ”

หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เวลาถ่ายรูปหรือมองลงไปจะเห็นหนังศีรษะน้อยลง เห็นเป็นเส้นผมสีดำที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ คุณธีระเข้ารับบริการไปแล้ว 6 ครั้ง ความรู้สึกที่มีต่อโปรแกรม Premium Hair Booster จากตอนแรกที่เคยกลัวเข็มและคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณธีระมั่นใจในเทคนิคของคุณหมอ มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น



ด้วยความประทับใจในผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อีกครั้ง คุณธีระจึงเลือกที่จะเข้ารับการฉีดบำรุงต่ออีก 1 แพคเกจ เพื่อบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงอยู่ตลอด เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ ที่เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล และใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้อยู่ตลอดเช่นกัน

“คุณหมอบอกว่ามันเป็นการใส่ปุ๋ย ถ้าเลิกใส่ปุ๋ยเนี่ย ก็ได้อยู่ ถ้าต้นไม้แข็งแรงแล้วมันก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองสักระยะหนึ่ง อาจจะครึ่งปีถึง 1 ปี ก็ต้องกลับมาใส่ปุ๋ยอยู่ดี เพราะต้นไม้ยังไงก็ต้องใส่ปุ๋ย”

การดูแลกันและกันของคู่รักคู่นี้ สะท้อนถึงความรักและความใส่ใจที่มีให้กันบนพื้นฐานของความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งทางจิตใจและร่างกาย ในปัจจุบัน เส้นผมใหม่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้ทั้งคุณกุ๊กและคุณธีระ ทั้งคู่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขและยังคงดูแลกันและกันตลอดเวลา เปรียบเหมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้แห่งความรักของทั้งคู่เติบโต แข็งแรงและงอกงามตลอดไป 

“นามนิน” มอบเส้นผมใหม่ เติมรักด้วยความใส่ใจ
การเติมเต็มความรักด้วยการดูแลกันและกันด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดที่เล็กแค่ไหนก็ทำให้ความรักนั้นสวยงามอยู่เสมอ อย่างเช่นคุณกุ๊กและคุณธีระ ที่ “เส้นผม” เป็นสิ่งสะท้อนความรัก ความห่วงใยทั้งคู่มีให้แก่กัน เริ่มจากคุณกุ๊ก ที่เข้าวงการปลูกผมก่อน โดยเลือกเทคนิค NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้า เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น


“กรรมพันธุ์ที่บ้านกุ๊กเนี่ยจะเป็นทรงผมรูปตัว M กันทั้งหมดเลย เราก็รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาละ เอาอะไรมากลบมันก็ไม่สามารถที่จะถาวรได้ ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เริ่มจากค้นหาเทคนิคปลูกผมแต่ละประเภท ตั้งแต่สมัยโบราณยันปัจจุบัน กุ๊กใช้เวลา 1 ปี จนกุ๊กมาเจอเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน กุ๊กถึงโอเค ที่นี่แหละใช่”

หลังจากการปลูกผม คุณกุ๊กยังเล่าความประทับใจที่มีต่อคุณหมอนินและทีมงาน ที่ใส่ใจและเข้าใจถึงความกังวลของคุณกุ๊กเป็นอย่างดี

“กุ๊กชอบความจริงใจของทางที่นี่ค่ะ ทางคุณหมอ และก็ทีมงานทุกคน ไม่ต้องพักฟื้น ได้ความสวยงามทันที ความเป็นธรรมชาติที่เราต้องการอยู่แล้ว คุณหมอจะแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนลายเส้น ขั้นตอนที่เราจะต้องเจอหลังปลูกผมเป็นยังไง การดูแลบำรุงรักษา ชัดเจน กระจ่างดีค่ะ”

     
   “หลังปลูกกุ๊กใช้ชีวิตได้ปกติเลยค่ะ ทำงานได้ปกติเลย ไม่มีไข้ ไม่มีเจ็บ ไม่มีระบมใดๆเลยค่ะ” และเมื่อถามว่า “มีคนทักไหมคะ” คุณกุ๊กตอบพร้อมรอยยิ้มๆว่า “มีแน่นอนค่ะ ไปทำอะไรมา ดูไม่ออก ดูธรรมชาติ”

         หลังจากปลูกผม คุณกุ๊กมาพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง และเข้ารับการได้ฉายแสง LLLT ทำทรีทเม้นต์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการปลูกผม และเมื่อถามถึงความรู้สึก หลังปลูกผมครบ 1 ปี คุณกุ๊กตอบสั้นๆแต่ตรงใจว่า “Happy ค่ะ”



ในช่วงที่คุณกุ๊กเข้ารับการ Follow up คุณกุ๊กสังเกตเห็นคุณธีระ เริ่มมีปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมเส้นเล็ก จึงแนะนำให้เข้ารับการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster แต่คุณธีระมองว่า ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้ แต่ในที่สุด ก็เข้ามาปรึกษาแพทย์ตามที่คุณกุ๊กแนะนำ


“ผมมีปัญหาผมร่วงแต่ไม่เยอะมาก แต่มีปัญหาผมบาง ปัญหาผมเส้นเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้เวลาเราก้มศีรษะ มันจะเห็นหนังศีรษะทันทีเลย เราไม่รู้ตัว ต้องให้คนใกล้ชิดเป็นคนบอกเรา ซึ่งก็เป็นภรรยา คุณกุ๊กเป็นคนบอก”

โปรแกรม Premium Hair Booster ที่คุณหมอนิลออกแบบการรักษาให้คุณธีระ ช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังการเข้ารับบริการในแต่ละครั้ง คุณหมอจะถ่ายรูปเส้นผมไว้ทุกครั้งเพื่อให้เห็นพัฒนาการว่าเส้นผมอ้วนขึ้น หนาขึ้นตลอด ซึ่งคุณธีระประทับใจมาก



“คุณหมอบอกว่า ฉีดลงไปเนี่ย มันจะค่อยๆเห็นผล มันเหมือนใส่ปุ๋ยลงไปให้ต้นไม้ เพราะฉะนั้นจะไม่ได้เห็นปุ๊บปั๊บ แกนัดแต่ละครั้งจะนัดห่างกันเดือนนึง ที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ชัดเจนมากๆ”

หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เวลาถ่ายรูปหรือมองลงไปจะเห็นหนังศีรษะน้อยลง เห็นเป็นเส้นผมสีดำที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ คุณธีระเข้ารับบริการไปแล้ว 6 ครั้ง ความรู้สึกที่มีต่อโปรแกรม Premium Hair Booster จากตอนแรกที่เคยกลัวเข็มและคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณธีระมั่นใจในเทคนิคของคุณหมอ มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น



ด้วยความประทับใจในผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อีกครั้ง คุณธีระจึงเลือกที่จะเข้ารับการฉีดบำรุงต่ออีก 1 แพคเกจ เพื่อบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงอยู่ตลอด เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ ที่เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล และใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้อยู่ตลอดเช่นกัน

“คุณหมอบอกว่ามันเป็นการใส่ปุ๋ย ถ้าเลิกใส่ปุ๋ยเนี่ย ก็ได้อยู่ ถ้าต้นไม้แข็งแรงแล้วมันก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองสักระยะหนึ่ง อาจจะครึ่งปีถึง 1 ปี ก็ต้องกลับมาใส่ปุ๋ยอยู่ดี เพราะต้นไม้ยังไงก็ต้องใส่ปุ๋ย”

การดูแลกันและกันของคู่รักคู่นี้ สะท้อนถึงความรักและความใส่ใจที่มีให้กันบนพื้นฐานของความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งทางจิตใจและร่างกาย ในปัจจุบัน เส้นผมใหม่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้ทั้งคุณกุ๊กและคุณธีระ ทั้งคู่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขและยังคงดูแลกันและกันตลอดเวลา เปรียบเหมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้แห่งความรักของทั้งคู่เติบโต แข็งแรงและงอกงามตลอดไป 

“นามนิน” มอบเส้นผมใหม่ เติมรักด้วยความใส่ใจ
การเติมเต็มความรักด้วยการดูแลกันและกันด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดที่เล็กแค่ไหนก็ทำให้ความรักนั้นสวยงามอยู่เสมอ อย่างเช่นคุณกุ๊กและคุณธีระ ที่ “เส้นผม” เป็นสิ่งสะท้อนความรัก ความห่วงใยทั้งคู่มีให้แก่กัน เริ่มจากคุณกุ๊ก ที่เข้าวงการปลูกผมก่อน โดยเลือกเทคนิค NEAT ปลูกผมปรับกรอบหน้า เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น


“กรรมพันธุ์ที่บ้านกุ๊กเนี่ยจะเป็นทรงผมรูปตัว M กันทั้งหมดเลย เราก็รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาละ เอาอะไรมากลบมันก็ไม่สามารถที่จะถาวรได้ ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เริ่มจากค้นหาเทคนิคปลูกผมแต่ละประเภท ตั้งแต่สมัยโบราณยันปัจจุบัน กุ๊กใช้เวลา 1 ปี จนกุ๊กมาเจอเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน กุ๊กถึงโอเค ที่นี่แหละใช่”

หลังจากการปลูกผม คุณกุ๊กยังเล่าความประทับใจที่มีต่อคุณหมอนินและทีมงาน ที่ใส่ใจและเข้าใจถึงความกังวลของคุณกุ๊กเป็นอย่างดี

“กุ๊กชอบความจริงใจของทางที่นี่ค่ะ ทางคุณหมอ และก็ทีมงานทุกคน ไม่ต้องพักฟื้น ได้ความสวยงามทันที ความเป็นธรรมชาติที่เราต้องการอยู่แล้ว คุณหมอจะแนะนำตั้งแต่ขั้นตอนลายเส้น ขั้นตอนที่เราจะต้องเจอหลังปลูกผมเป็นยังไง การดูแลบำรุงรักษา ชัดเจน กระจ่างดีค่ะ”

     
   “หลังปลูกกุ๊กใช้ชีวิตได้ปกติเลยค่ะ ทำงานได้ปกติเลย ไม่มีไข้ ไม่มีเจ็บ ไม่มีระบมใดๆเลยค่ะ” และเมื่อถามว่า “มีคนทักไหมคะ” คุณกุ๊กตอบพร้อมรอยยิ้มๆว่า “มีแน่นอนค่ะ ไปทำอะไรมา ดูไม่ออก ดูธรรมชาติ”

         หลังจากปลูกผม คุณกุ๊กมาพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง และเข้ารับการได้ฉายแสง LLLT ทำทรีทเม้นต์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของการปลูกผม และเมื่อถามถึงความรู้สึก หลังปลูกผมครบ 1 ปี คุณกุ๊กตอบสั้นๆแต่ตรงใจว่า “Happy ค่ะ”



ในช่วงที่คุณกุ๊กเข้ารับการ Follow up คุณกุ๊กสังเกตเห็นคุณธีระ เริ่มมีปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมเส้นเล็ก จึงแนะนำให้เข้ารับการฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster แต่คุณธีระมองว่า ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้ แต่ในที่สุด ก็เข้ามาปรึกษาแพทย์ตามที่คุณกุ๊กแนะนำ


“ผมมีปัญหาผมร่วงแต่ไม่เยอะมาก แต่มีปัญหาผมบาง ปัญหาผมเส้นเล็กลงเรื่อยๆ ทำให้เวลาเราก้มศีรษะ มันจะเห็นหนังศีรษะทันทีเลย เราไม่รู้ตัว ต้องให้คนใกล้ชิดเป็นคนบอกเรา ซึ่งก็เป็นภรรยา คุณกุ๊กเป็นคนบอก”

โปรแกรม Premium Hair Booster ที่คุณหมอนิลออกแบบการรักษาให้คุณธีระ ช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นรากผมให้กลับมางอกใหม่ เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม หลังการเข้ารับบริการในแต่ละครั้ง คุณหมอจะถ่ายรูปเส้นผมไว้ทุกครั้งเพื่อให้เห็นพัฒนาการว่าเส้นผมอ้วนขึ้น หนาขึ้นตลอด ซึ่งคุณธีระประทับใจมาก



“คุณหมอบอกว่า ฉีดลงไปเนี่ย มันจะค่อยๆเห็นผล มันเหมือนใส่ปุ๋ยลงไปให้ต้นไม้ เพราะฉะนั้นจะไม่ได้เห็นปุ๊บปั๊บ แกนัดแต่ละครั้งจะนัดห่างกันเดือนนึง ที่เห็นชัดเจนเลยก็คือ ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ชัดเจนมากๆ”

หลังจากการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น เวลาถ่ายรูปหรือมองลงไปจะเห็นหนังศีรษะน้อยลง เห็นเป็นเส้นผมสีดำที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้ คุณธีระเข้ารับบริการไปแล้ว 6 ครั้ง ความรู้สึกที่มีต่อโปรแกรม Premium Hair Booster จากตอนแรกที่เคยกลัวเข็มและคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณธีระมั่นใจในเทคนิคของคุณหมอ มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น



ด้วยความประทับใจในผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่กลับมาหนาแน่นขึ้นได้อีกครั้ง คุณธีระจึงเลือกที่จะเข้ารับการฉีดบำรุงต่ออีก 1 แพคเกจ เพื่อบำรุงให้เส้นผมแข็งแรงอยู่ตลอด เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ ที่เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล และใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้อยู่ตลอดเช่นกัน

“คุณหมอบอกว่ามันเป็นการใส่ปุ๋ย ถ้าเลิกใส่ปุ๋ยเนี่ย ก็ได้อยู่ ถ้าต้นไม้แข็งแรงแล้วมันก็สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองสักระยะหนึ่ง อาจจะครึ่งปีถึง 1 ปี ก็ต้องกลับมาใส่ปุ๋ยอยู่ดี เพราะต้นไม้ยังไงก็ต้องใส่ปุ๋ย”

การดูแลกันและกันของคู่รักคู่นี้ สะท้อนถึงความรักและความใส่ใจที่มีให้กันบนพื้นฐานของความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งทางจิตใจและร่างกาย ในปัจจุบัน เส้นผมใหม่ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้ทั้งคุณกุ๊กและคุณธีระ ทั้งคู่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขและยังคงดูแลกันและกันตลอดเวลา เปรียบเหมือนการใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้แห่งความรักของทั้งคู่เติบโต แข็งแรงและงอกงามตลอดไป 

สุเมธ องอาจ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการปลูกผม
Sumeth Singer, transformed himself into a new person. with hair transplant
สุเมธ องอาจ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการปลูกผม
Sumeth Singer, transformed himself into a new person. with hair transplant
ดิว เดอะสตาร์ 4 ปลูกผม และปลูกหนวดเครา
ดิว เดอะสตาร์ 4 แชร์ประสบการณ์ในการปลูกผมครั้งแรก(จากคลินิกอื่น) และตัดสินใจปลูกผม และหนวดเครา ครั้งที่ 2 ที่นามนิน คลินิก 
ดิว เดอะสตาร์ 4 ปลูกผม และปลูกหนวดเครา
ดิว เดอะสตาร์ 4 แชร์ประสบการณ์ในการปลูกผมครั้งแรก(จากคลินิกอื่น) และตัดสินใจปลูกผม และหนวดเครา ครั้งที่ 2 ที่นามนิน คลินิก 
ศิต วงโมทีฟ หลังปลูกผมรู้สึกเป็นวัยรุ่น
ศิต วงโมทีฟ หลังปลูกผมรู้สึกเป็นวัยรุ่น
ลาล่า ปลื้มหลังปลูกผมเทคนิค NEAT กรอบหน้าชัด

ลาล่า ปลื้มหลังปลูกผมเทคนิค NEAT กรอบหน้าชัด

ลาล่า ปลื้มหลังปลูกผมเทคนิค NEAT กรอบหน้าชัด

หลังปลูกผม ปลูกคิ้ว 1 ปี
Hair and eyebrows transplant to enhance personality
หลังปลูกผม ปลูกคิ้ว 1 ปี
Hair and eyebrows transplant to enhance personality
สร้างลุคเจ้าสาวที่มั่นใจ ด้วยการปลูกผมปรับกรอบหน้า
ครั้งหนึ่งในชีวิต
ปลูกผมเติมเต็มฝันเจ้าสาวคนสวย


วันแต่งงาน เรียกได้ว่าเป็น “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ผู้หญิงแทบทุกคนต่างวาดภาพตนเองสวยที่สุดในชุดเจ้าสาว เช่นเดียวกับคุณหมอริน - สุมาลี จำรัส แพทย์เฉพาะทางด้านความงาม แต่เมื่อวันสำคัญของชีวิตใกล้เข้ามาถึง กลับยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณหมอรินต้องกังวลใจ ก็คือจะทำอย่างไรกับ “ปัญหาเส้นผม”

“จริง ๆ ไม่ได้ชอบไว้หน้าม้านะคะ อยากรวบผมตึงแบบคนอื่นบ้าง แต่ปกติเป็นคนรวบผมไม่ได้เลย มันค่อนข้างขึ้นไปเยอะมาก ไปด้านข้างด้วย แนวผมไม่สวย ดูเหมือนผู้ชาย เวลาออกงานทีไรก็ค่อนข้างลำบาก”

คุณหมอรินจึงตัดสินใจบอกลาปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์บริเวณหน้าผากที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก

“คิดว่าพร้อมที่จะทำแล้ว เพราะวางแผนว่าจะมีงานแต่ง ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เพื่อช่วยให้กรอบหน้าดีขึ้น”

ดังนั้น หลังจากเข้ามาพบกับคุณหมอนินเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจปัญหาที่มีอยู่แล้ว สิ่งแรกที่คุณหมอนินทำจึงเป็นการชวนคุณหมอรินออกแบบกรอบหน้ากันใหม่

“คุณหมอนินจะถามความต้องการของเราก่อน แล้วลองวาดกรอบหน้าออกมา บอกข้อจำกัดว่าถ้าลงมามากอาจจะโดนบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้ปลูกไม่ติด และช่วยเสริมกันระหว่างความต้องการของเรากับความเป็นไปได้ที่กราฟต์ผมจะติด”



คุณหมอรินยังเล่าถึงบรรยากาศในวันที่เข้ามารับการปลูกผม ซึ่งใช้เวลาอย่างเต็มที่ถึง 10 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันแบบสุด ๆ ก็คือการปักกราฟต์ผม

“ก่อนทำกลัวเจ็บนิดนึง แต่พอทำจริงเรียกได้ว่าไม่เจ็บเมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรมอย่างอื่น บรรยากาศก็สบาย ๆ เปิดเพลงฟัง คุณหมอนินเป็นคนลงมือปักกราฟต์ผมให้ โดยดูแนวผมว่าไปทางไหน ควรปักอย่างไร เพื่อเวลาผมยาวจะได้ชี้ไปตามแนวเดิม ไม่ดูหลอก ถ้าปักสวนกับแนวเดิม ก็จะชี้ไปชี้มา ไม่สวย”



และเมื่อปลูกผมเสร็จ คุณหมอรินก็สามารถไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เนื่องจากไม่มีแผลและไม่มีเลือดออก ซึ่งจากนั้นคุณหมอนินก็คอยดูแลให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงสำคัญอย่างช่วง 2 สัปดาห์แรก และในช่วงที่ผมปลูกใหม่จะร่วงตามธรรมชาติ

“ช่วงสองอาทิตย์แรก หมอจะบอกให้เราดูแลผมเป็นพิเศษนิดนึง เพราะถ้ากราฟต์ผมติดก็จะติดเลย แต่ถ้าหลุดไปเยอะ ก็มีโอกาสติดน้อย ดังนั้นเลยพยายามดูแลตัวเอง พอสองเดือนผ่านไป ผมเริ่มร่วง ก็ลุ้นนิดนึงว่ามันจะขึ้นมั้ย แต่หมอนินจะทักมาถามเพื่อติดตามอาการตลอด และแนะนำว่าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาใหม่”


เมื่อเวลาผ่านไป คุณหมอรินก็ได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมหนาแน่นเป็นธรรมชาติ กรอบหน้าสวยขึ้น แบบที่ใครเห็นก็ต้องทัก

“ชอบมากเลยค่ะ เพราะว่ามันเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ตอนนี้ผมขึ้นเยอะเลย ยาวแล้วด้วย ทิศทางเส้นผมก็ดูสวย หลังจากไปปลูกมา ลงรูปทางโซเชียลมีเดีย มีคนทักถามมาเยอะ เราก็แนะนำที่นี่ทุกคนเลย จะบอกว่าไม่เจ็บ ไม่ต้องกลัว ผมขึ้นจริง ไปคุยได้ว่าเราอยากได้แนวไหน เพราะหมอจะช่วยตัดสินใจร่วมกัน”

และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คุณหมอรินวางใจที่จะเข้ารับการปลูกผมที่นี่ ก็คือเรื่องของเทคนิคที่โดดเด่นและแตกต่าง

“เราถามคุณหมอนินถึงเรื่องวิธีการปลูกผม เทคนิคเฉพาะที่เขาไปเรียนมา มันแตกต่างจากที่อื่นยังไง ก็คิดถูกแล้วที่ทำที่นี่ เพราะความแตกต่างก็คือเครื่องมือเล็กที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว ทำให้รูขนาดเล็กมากและช่วยให้กราฟต์ผมติดดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดแผลเป็นจากการปลูกผมให้น้อยลง”


คุณหมอรินเสริมว่า นอกจากความใจดีของคุณหมอนิน และความใส่ใจที่จะให้คำปรึกษาอยู่เสมอแล้ว คุณหมอนินยังใจเย็นเป็นที่หนึ่ง

“ประทับใจหมอนิน รับฟังความคิดเห็นของคนไข้ดี ให้คำตอบที่ชัดเจน ใจเย็น เพราะการปลูกผมต้องใช้เวลาเป็นปี ถ้าหมอกระวนกระวายไปพร้อมกับคนไข้ เช่นในช่วงที่ผมร่วง ก็จะยิ่งทำให้คนไข้กังวลไปใหญ่ แต่หมอมีความใจเย็น ทำให้คนไข้สบายใจตามไปด้วย”

แล้วผลลัพธ์ผมสวย ก็คืนความมั่นใจให้กับว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณหมอรินได้อีกครั้ง

“ตอนถ่ายพรีเวดดิ้ง ต้องรวบเอาผมหน้าม้าขึ้น ก็โอเคเลยค่ะ จริง ๆ เส้นผมมีความสำคัญ มันคืออวัยวะของเราเลยนะ พอเรามีความสวยงาม ก็มีความมั่นใจมากขึ้น แล้วภาพลักษณ์เราก็ดีขึ้น ถ้าเรามีความมั่นใจ เราก็ทำอะไรได้ดีขึ้นทุกอย่างค่ะ”

สร้างลุคเจ้าสาวที่มั่นใจ ด้วยการปลูกผมปรับกรอบหน้า
ครั้งหนึ่งในชีวิต
ปลูกผมเติมเต็มฝันเจ้าสาวคนสวย


วันแต่งงาน เรียกได้ว่าเป็น “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ผู้หญิงแทบทุกคนต่างวาดภาพตนเองสวยที่สุดในชุดเจ้าสาว เช่นเดียวกับคุณหมอริน - สุมาลี จำรัส แพทย์เฉพาะทางด้านความงาม แต่เมื่อวันสำคัญของชีวิตใกล้เข้ามาถึง กลับยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณหมอรินต้องกังวลใจ ก็คือจะทำอย่างไรกับ “ปัญหาเส้นผม”

“จริง ๆ ไม่ได้ชอบไว้หน้าม้านะคะ อยากรวบผมตึงแบบคนอื่นบ้าง แต่ปกติเป็นคนรวบผมไม่ได้เลย มันค่อนข้างขึ้นไปเยอะมาก ไปด้านข้างด้วย แนวผมไม่สวย ดูเหมือนผู้ชาย เวลาออกงานทีไรก็ค่อนข้างลำบาก”

คุณหมอรินจึงตัดสินใจบอกลาปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์บริเวณหน้าผากที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก

“คิดว่าพร้อมที่จะทำแล้ว เพราะวางแผนว่าจะมีงานแต่ง ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เพื่อช่วยให้กรอบหน้าดีขึ้น”

ดังนั้น หลังจากเข้ามาพบกับคุณหมอนินเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจปัญหาที่มีอยู่แล้ว สิ่งแรกที่คุณหมอนินทำจึงเป็นการชวนคุณหมอรินออกแบบกรอบหน้ากันใหม่

“คุณหมอนินจะถามความต้องการของเราก่อน แล้วลองวาดกรอบหน้าออกมา บอกข้อจำกัดว่าถ้าลงมามากอาจจะโดนบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้ปลูกไม่ติด และช่วยเสริมกันระหว่างความต้องการของเรากับความเป็นไปได้ที่กราฟต์ผมจะติด”



คุณหมอรินยังเล่าถึงบรรยากาศในวันที่เข้ามารับการปลูกผม ซึ่งใช้เวลาอย่างเต็มที่ถึง 10 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันแบบสุด ๆ ก็คือการปักกราฟต์ผม

“ก่อนทำกลัวเจ็บนิดนึง แต่พอทำจริงเรียกได้ว่าไม่เจ็บเมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรมอย่างอื่น บรรยากาศก็สบาย ๆ เปิดเพลงฟัง คุณหมอนินเป็นคนลงมือปักกราฟต์ผมให้ โดยดูแนวผมว่าไปทางไหน ควรปักอย่างไร เพื่อเวลาผมยาวจะได้ชี้ไปตามแนวเดิม ไม่ดูหลอก ถ้าปักสวนกับแนวเดิม ก็จะชี้ไปชี้มา ไม่สวย”



และเมื่อปลูกผมเสร็จ คุณหมอรินก็สามารถไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เนื่องจากไม่มีแผลและไม่มีเลือดออก ซึ่งจากนั้นคุณหมอนินก็คอยดูแลให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงสำคัญอย่างช่วง 2 สัปดาห์แรก และในช่วงที่ผมปลูกใหม่จะร่วงตามธรรมชาติ

“ช่วงสองอาทิตย์แรก หมอจะบอกให้เราดูแลผมเป็นพิเศษนิดนึง เพราะถ้ากราฟต์ผมติดก็จะติดเลย แต่ถ้าหลุดไปเยอะ ก็มีโอกาสติดน้อย ดังนั้นเลยพยายามดูแลตัวเอง พอสองเดือนผ่านไป ผมเริ่มร่วง ก็ลุ้นนิดนึงว่ามันจะขึ้นมั้ย แต่หมอนินจะทักมาถามเพื่อติดตามอาการตลอด และแนะนำว่าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาใหม่”


เมื่อเวลาผ่านไป คุณหมอรินก็ได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมหนาแน่นเป็นธรรมชาติ กรอบหน้าสวยขึ้น แบบที่ใครเห็นก็ต้องทัก

“ชอบมากเลยค่ะ เพราะว่ามันเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ตอนนี้ผมขึ้นเยอะเลย ยาวแล้วด้วย ทิศทางเส้นผมก็ดูสวย หลังจากไปปลูกมา ลงรูปทางโซเชียลมีเดีย มีคนทักถามมาเยอะ เราก็แนะนำที่นี่ทุกคนเลย จะบอกว่าไม่เจ็บ ไม่ต้องกลัว ผมขึ้นจริง ไปคุยได้ว่าเราอยากได้แนวไหน เพราะหมอจะช่วยตัดสินใจร่วมกัน”

และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คุณหมอรินวางใจที่จะเข้ารับการปลูกผมที่นี่ ก็คือเรื่องของเทคนิคที่โดดเด่นและแตกต่าง

“เราถามคุณหมอนินถึงเรื่องวิธีการปลูกผม เทคนิคเฉพาะที่เขาไปเรียนมา มันแตกต่างจากที่อื่นยังไง ก็คิดถูกแล้วที่ทำที่นี่ เพราะความแตกต่างก็คือเครื่องมือเล็กที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว ทำให้รูขนาดเล็กมากและช่วยให้กราฟต์ผมติดดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดแผลเป็นจากการปลูกผมให้น้อยลง”


คุณหมอรินเสริมว่า นอกจากความใจดีของคุณหมอนิน และความใส่ใจที่จะให้คำปรึกษาอยู่เสมอแล้ว คุณหมอนินยังใจเย็นเป็นที่หนึ่ง

“ประทับใจหมอนิน รับฟังความคิดเห็นของคนไข้ดี ให้คำตอบที่ชัดเจน ใจเย็น เพราะการปลูกผมต้องใช้เวลาเป็นปี ถ้าหมอกระวนกระวายไปพร้อมกับคนไข้ เช่นในช่วงที่ผมร่วง ก็จะยิ่งทำให้คนไข้กังวลไปใหญ่ แต่หมอมีความใจเย็น ทำให้คนไข้สบายใจตามไปด้วย”

แล้วผลลัพธ์ผมสวย ก็คืนความมั่นใจให้กับว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณหมอรินได้อีกครั้ง

“ตอนถ่ายพรีเวดดิ้ง ต้องรวบเอาผมหน้าม้าขึ้น ก็โอเคเลยค่ะ จริง ๆ เส้นผมมีความสำคัญ มันคืออวัยวะของเราเลยนะ พอเรามีความสวยงาม ก็มีความมั่นใจมากขึ้น แล้วภาพลักษณ์เราก็ดีขึ้น ถ้าเรามีความมั่นใจ เราก็ทำอะไรได้ดีขึ้นทุกอย่างค่ะ”

สร้างลุคเจ้าสาวที่มั่นใจ ด้วยการปลูกผมปรับกรอบหน้า
ครั้งหนึ่งในชีวิต
ปลูกผมเติมเต็มฝันเจ้าสาวคนสวย


วันแต่งงาน เรียกได้ว่าเป็น “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ผู้หญิงแทบทุกคนต่างวาดภาพตนเองสวยที่สุดในชุดเจ้าสาว เช่นเดียวกับคุณหมอริน - สุมาลี จำรัส แพทย์เฉพาะทางด้านความงาม แต่เมื่อวันสำคัญของชีวิตใกล้เข้ามาถึง กลับยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณหมอรินต้องกังวลใจ ก็คือจะทำอย่างไรกับ “ปัญหาเส้นผม”

“จริง ๆ ไม่ได้ชอบไว้หน้าม้านะคะ อยากรวบผมตึงแบบคนอื่นบ้าง แต่ปกติเป็นคนรวบผมไม่ได้เลย มันค่อนข้างขึ้นไปเยอะมาก ไปด้านข้างด้วย แนวผมไม่สวย ดูเหมือนผู้ชาย เวลาออกงานทีไรก็ค่อนข้างลำบาก”

คุณหมอรินจึงตัดสินใจบอกลาปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์บริเวณหน้าผากที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก

“คิดว่าพร้อมที่จะทำแล้ว เพราะวางแผนว่าจะมีงานแต่ง ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เพื่อช่วยให้กรอบหน้าดีขึ้น”

ดังนั้น หลังจากเข้ามาพบกับคุณหมอนินเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจปัญหาที่มีอยู่แล้ว สิ่งแรกที่คุณหมอนินทำจึงเป็นการชวนคุณหมอรินออกแบบกรอบหน้ากันใหม่

“คุณหมอนินจะถามความต้องการของเราก่อน แล้วลองวาดกรอบหน้าออกมา บอกข้อจำกัดว่าถ้าลงมามากอาจจะโดนบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้ปลูกไม่ติด และช่วยเสริมกันระหว่างความต้องการของเรากับความเป็นไปได้ที่กราฟต์ผมจะติด”



คุณหมอรินยังเล่าถึงบรรยากาศในวันที่เข้ามารับการปลูกผม ซึ่งใช้เวลาอย่างเต็มที่ถึง 10 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันแบบสุด ๆ ก็คือการปักกราฟต์ผม

“ก่อนทำกลัวเจ็บนิดนึง แต่พอทำจริงเรียกได้ว่าไม่เจ็บเมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรมอย่างอื่น บรรยากาศก็สบาย ๆ เปิดเพลงฟัง คุณหมอนินเป็นคนลงมือปักกราฟต์ผมให้ โดยดูแนวผมว่าไปทางไหน ควรปักอย่างไร เพื่อเวลาผมยาวจะได้ชี้ไปตามแนวเดิม ไม่ดูหลอก ถ้าปักสวนกับแนวเดิม ก็จะชี้ไปชี้มา ไม่สวย”



และเมื่อปลูกผมเสร็จ คุณหมอรินก็สามารถไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เนื่องจากไม่มีแผลและไม่มีเลือดออก ซึ่งจากนั้นคุณหมอนินก็คอยดูแลให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงสำคัญอย่างช่วง 2 สัปดาห์แรก และในช่วงที่ผมปลูกใหม่จะร่วงตามธรรมชาติ

“ช่วงสองอาทิตย์แรก หมอจะบอกให้เราดูแลผมเป็นพิเศษนิดนึง เพราะถ้ากราฟต์ผมติดก็จะติดเลย แต่ถ้าหลุดไปเยอะ ก็มีโอกาสติดน้อย ดังนั้นเลยพยายามดูแลตัวเอง พอสองเดือนผ่านไป ผมเริ่มร่วง ก็ลุ้นนิดนึงว่ามันจะขึ้นมั้ย แต่หมอนินจะทักมาถามเพื่อติดตามอาการตลอด และแนะนำว่าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาใหม่”


เมื่อเวลาผ่านไป คุณหมอรินก็ได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมหนาแน่นเป็นธรรมชาติ กรอบหน้าสวยขึ้น แบบที่ใครเห็นก็ต้องทัก

“ชอบมากเลยค่ะ เพราะว่ามันเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ตอนนี้ผมขึ้นเยอะเลย ยาวแล้วด้วย ทิศทางเส้นผมก็ดูสวย หลังจากไปปลูกมา ลงรูปทางโซเชียลมีเดีย มีคนทักถามมาเยอะ เราก็แนะนำที่นี่ทุกคนเลย จะบอกว่าไม่เจ็บ ไม่ต้องกลัว ผมขึ้นจริง ไปคุยได้ว่าเราอยากได้แนวไหน เพราะหมอจะช่วยตัดสินใจร่วมกัน”

และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คุณหมอรินวางใจที่จะเข้ารับการปลูกผมที่นี่ ก็คือเรื่องของเทคนิคที่โดดเด่นและแตกต่าง

“เราถามคุณหมอนินถึงเรื่องวิธีการปลูกผม เทคนิคเฉพาะที่เขาไปเรียนมา มันแตกต่างจากที่อื่นยังไง ก็คิดถูกแล้วที่ทำที่นี่ เพราะความแตกต่างก็คือเครื่องมือเล็กที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว ทำให้รูขนาดเล็กมากและช่วยให้กราฟต์ผมติดดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดแผลเป็นจากการปลูกผมให้น้อยลง”


คุณหมอรินเสริมว่า นอกจากความใจดีของคุณหมอนิน และความใส่ใจที่จะให้คำปรึกษาอยู่เสมอแล้ว คุณหมอนินยังใจเย็นเป็นที่หนึ่ง

“ประทับใจหมอนิน รับฟังความคิดเห็นของคนไข้ดี ให้คำตอบที่ชัดเจน ใจเย็น เพราะการปลูกผมต้องใช้เวลาเป็นปี ถ้าหมอกระวนกระวายไปพร้อมกับคนไข้ เช่นในช่วงที่ผมร่วง ก็จะยิ่งทำให้คนไข้กังวลไปใหญ่ แต่หมอมีความใจเย็น ทำให้คนไข้สบายใจตามไปด้วย”

แล้วผลลัพธ์ผมสวย ก็คืนความมั่นใจให้กับว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณหมอรินได้อีกครั้ง

“ตอนถ่ายพรีเวดดิ้ง ต้องรวบเอาผมหน้าม้าขึ้น ก็โอเคเลยค่ะ จริง ๆ เส้นผมมีความสำคัญ มันคืออวัยวะของเราเลยนะ พอเรามีความสวยงาม ก็มีความมั่นใจมากขึ้น แล้วภาพลักษณ์เราก็ดีขึ้น ถ้าเรามีความมั่นใจ เราก็ทำอะไรได้ดีขึ้นทุกอย่างค่ะ”

สร้างลุคเจ้าสาวที่มั่นใจ ด้วยการปลูกผมปรับกรอบหน้า
ครั้งหนึ่งในชีวิต
ปลูกผมเติมเต็มฝันเจ้าสาวคนสวย


วันแต่งงาน เรียกได้ว่าเป็น “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ผู้หญิงแทบทุกคนต่างวาดภาพตนเองสวยที่สุดในชุดเจ้าสาว เช่นเดียวกับคุณหมอริน - สุมาลี จำรัส แพทย์เฉพาะทางด้านความงาม แต่เมื่อวันสำคัญของชีวิตใกล้เข้ามาถึง กลับยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณหมอรินต้องกังวลใจ ก็คือจะทำอย่างไรกับ “ปัญหาเส้นผม”

“จริง ๆ ไม่ได้ชอบไว้หน้าม้านะคะ อยากรวบผมตึงแบบคนอื่นบ้าง แต่ปกติเป็นคนรวบผมไม่ได้เลย มันค่อนข้างขึ้นไปเยอะมาก ไปด้านข้างด้วย แนวผมไม่สวย ดูเหมือนผู้ชาย เวลาออกงานทีไรก็ค่อนข้างลำบาก”

คุณหมอรินจึงตัดสินใจบอกลาปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์บริเวณหน้าผากที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก

“คิดว่าพร้อมที่จะทำแล้ว เพราะวางแผนว่าจะมีงานแต่ง ก็เลยเลือกที่จะปลูกผม เพื่อช่วยให้กรอบหน้าดีขึ้น”

ดังนั้น หลังจากเข้ามาพบกับคุณหมอนินเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจปัญหาที่มีอยู่แล้ว สิ่งแรกที่คุณหมอนินทำจึงเป็นการชวนคุณหมอรินออกแบบกรอบหน้ากันใหม่

“คุณหมอนินจะถามความต้องการของเราก่อน แล้วลองวาดกรอบหน้าออกมา บอกข้อจำกัดว่าถ้าลงมามากอาจจะโดนบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้ปลูกไม่ติด และช่วยเสริมกันระหว่างความต้องการของเรากับความเป็นไปได้ที่กราฟต์ผมจะติด”



คุณหมอรินยังเล่าถึงบรรยากาศในวันที่เข้ามารับการปลูกผม ซึ่งใช้เวลาอย่างเต็มที่ถึง 10 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนที่ต้องอาศัยความพิถีพิถันแบบสุด ๆ ก็คือการปักกราฟต์ผม

“ก่อนทำกลัวเจ็บนิดนึง แต่พอทำจริงเรียกได้ว่าไม่เจ็บเมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรมอย่างอื่น บรรยากาศก็สบาย ๆ เปิดเพลงฟัง คุณหมอนินเป็นคนลงมือปักกราฟต์ผมให้ โดยดูแนวผมว่าไปทางไหน ควรปักอย่างไร เพื่อเวลาผมยาวจะได้ชี้ไปตามแนวเดิม ไม่ดูหลอก ถ้าปักสวนกับแนวเดิม ก็จะชี้ไปชี้มา ไม่สวย”



และเมื่อปลูกผมเสร็จ คุณหมอรินก็สามารถไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที เนื่องจากไม่มีแผลและไม่มีเลือดออก ซึ่งจากนั้นคุณหมอนินก็คอยดูแลให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงสำคัญอย่างช่วง 2 สัปดาห์แรก และในช่วงที่ผมปลูกใหม่จะร่วงตามธรรมชาติ

“ช่วงสองอาทิตย์แรก หมอจะบอกให้เราดูแลผมเป็นพิเศษนิดนึง เพราะถ้ากราฟต์ผมติดก็จะติดเลย แต่ถ้าหลุดไปเยอะ ก็มีโอกาสติดน้อย ดังนั้นเลยพยายามดูแลตัวเอง พอสองเดือนผ่านไป ผมเริ่มร่วง ก็ลุ้นนิดนึงว่ามันจะขึ้นมั้ย แต่หมอนินจะทักมาถามเพื่อติดตามอาการตลอด และแนะนำว่าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาใหม่”


เมื่อเวลาผ่านไป คุณหมอรินก็ได้พิสูจน์ผลลัพธ์ผมหนาแน่นเป็นธรรมชาติ กรอบหน้าสวยขึ้น แบบที่ใครเห็นก็ต้องทัก

“ชอบมากเลยค่ะ เพราะว่ามันเป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ตอนนี้ผมขึ้นเยอะเลย ยาวแล้วด้วย ทิศทางเส้นผมก็ดูสวย หลังจากไปปลูกมา ลงรูปทางโซเชียลมีเดีย มีคนทักถามมาเยอะ เราก็แนะนำที่นี่ทุกคนเลย จะบอกว่าไม่เจ็บ ไม่ต้องกลัว ผมขึ้นจริง ไปคุยได้ว่าเราอยากได้แนวไหน เพราะหมอจะช่วยตัดสินใจร่วมกัน”

และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คุณหมอรินวางใจที่จะเข้ารับการปลูกผมที่นี่ ก็คือเรื่องของเทคนิคที่โดดเด่นและแตกต่าง

“เราถามคุณหมอนินถึงเรื่องวิธีการปลูกผม เทคนิคเฉพาะที่เขาไปเรียนมา มันแตกต่างจากที่อื่นยังไง ก็คิดถูกแล้วที่ทำที่นี่ เพราะความแตกต่างก็คือเครื่องมือเล็กที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว ทำให้รูขนาดเล็กมากและช่วยให้กราฟต์ผมติดดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดแผลเป็นจากการปลูกผมให้น้อยลง”


คุณหมอรินเสริมว่า นอกจากความใจดีของคุณหมอนิน และความใส่ใจที่จะให้คำปรึกษาอยู่เสมอแล้ว คุณหมอนินยังใจเย็นเป็นที่หนึ่ง

“ประทับใจหมอนิน รับฟังความคิดเห็นของคนไข้ดี ให้คำตอบที่ชัดเจน ใจเย็น เพราะการปลูกผมต้องใช้เวลาเป็นปี ถ้าหมอกระวนกระวายไปพร้อมกับคนไข้ เช่นในช่วงที่ผมร่วง ก็จะยิ่งทำให้คนไข้กังวลไปใหญ่ แต่หมอมีความใจเย็น ทำให้คนไข้สบายใจตามไปด้วย”

แล้วผลลัพธ์ผมสวย ก็คืนความมั่นใจให้กับว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณหมอรินได้อีกครั้ง

“ตอนถ่ายพรีเวดดิ้ง ต้องรวบเอาผมหน้าม้าขึ้น ก็โอเคเลยค่ะ จริง ๆ เส้นผมมีความสำคัญ มันคืออวัยวะของเราเลยนะ พอเรามีความสวยงาม ก็มีความมั่นใจมากขึ้น แล้วภาพลักษณ์เราก็ดีขึ้น ถ้าเรามีความมั่นใจ เราก็ทำอะไรได้ดีขึ้นทุกอย่างค่ะ”

ปลูกผมปรับรูปหน้า เสริมบุคลิก
ปลูกผมเปลี่ยนชีวิตใหม่
เปิดหน้ามั่นใจทุกองศาความสวย


ในฐานะเจ้าของธุรกิจด้านความสวยความงาม คุณชมพู่ - นันทพร บุราคม ในวัย 36 ปี จึงใส่ใจเรื่องการดูแลตัวเองเป็นพิเศษอยู่เสมอ

“ถ้าภาพลักษณ์เราดูไม่สวยงาม ความเชื่อมั่นที่ลูกค้าจะมีให้เรามันก็ไม่เต็มร้อย แต่ถ้าเรามั่นใจ ลูกค้าก็จะมีความเชื่อมั่นให้เรา เราก็เน้นตรงนี้ เพราะเราทำเรื่องความงาม เราต้องสวย”



  แต่เส้นผมเจ้าปัญหา กลับกลายเป็นอุปสรรคความสวย และเป็นสิ่งที่หยุดความมั่นใจของคุณชมพู่ โดยเฉพาะในวันที่อายุเริ่มผ่านพ้นเลข 3

“โอ้โห เส้นผมสำคัญมากค่ะ เพราะมันบอกได้ว่าเราอายุเยอะไม่เยอะก็ด้วยผมนี่แหละ เราเป็นคนหน้าผากกว้างตั้งแต่เกิด ผมเส้นเล็ก พอเริ่มอายุเยอะขึ้น ปัญหาคือ ผมเว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างเลย พอผมหายไป มันทำให้เราไม่มั่นใจ เวลาแต่งตัว ไปงาน หรือถ่ายรูป ก็ไม่สามารถเปิดผม เกล้าผม เพื่อโชว์หน้าผากได้ ต้องคอยหมั่นเอาผมปิดหน้าเพื่ออำพรางตรงนี้ ทั้งที่เป็นคนชอบเปิดหน้า”



  เมื่อคุณชมพู่ได้คำแนะนำจากเพื่อน ๆ ในวงการความสวยความงาม ให้ลองปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเรียนมาเฉพาะทางด้านนี้เลย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการปลูกผม

“คุณหมอก็จัดการความสวยให้เลย ไปคุยแล้วรู้สึกว่าหมอนินไนซ์ เป็นกันเอง สนใจลูกค้า มีการอธิบายก่อนว่าวิธีการที่ใช้ปลูกผมเป็นลักษณะไหน มีกี่แบบ สมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันยังไง วิธีของคุณหมอรู้สึกว่าเป็นนวัตกรรมที่โอเคเลย ย้ายผมมาแล้วสามารถงอกต่อเลย เทคนิคนี้น่าสนใจ ก็เลยตัดสินใจทำ ”




  ขั้นตอนแรก คุณชมพู่ได้ร่วมออกแบบพื้นที่ที่จะปลูกผมร่วมกับคุณหมอ เนื่องจากคุณชมพู่ยังอยากได้ความกว้างของหน้าผากตามลักษณะความเชื่อส่วนบุคคลด้านโหงวเฮ้ง ซึ่งคุณหมอก็จัดให้อย่างที่ต้องการ หลังจากคำนวณจำนวนกราฟต์ที่จะปลูกเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มลงมือปลูกผมกันเลย

“หมอนินมือเบามากค่ะ ฉีดยาไม่เจ็บเลย หลังฉีดยาชาก็ไม่เจ็บอยู่แล้ว หมอนินทำเองทุกขั้นตอน ทั้งถอนแล้วก็ปลูกใหม่ด้วย อาจจะมีทีมผู้ช่วยด้วย ไม่ได้ทำคนเดียว แต่คุณหมอดูแลทุกขั้นตอน แบบละเอียดมาก”


คุณชมพู่เล่าว่า ด้วยเทคนิคและเครื่องมือที่คุณหมอเลือกใช้ ทำให้แผลหลังจากทำมีขนาดเล็กมาก ๆ แถมยังหายไวมากเช่นกัน ซึ่งคุณหมอดูแลสระผมเพื่อล้างแผลให้ตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่เพียงเท่านั้น การดูแลตัวเองหลังปลูกผมก็ไม่ยุ่งยากเลย คุณหมอยังนำเข้ายาจากต่างประเทศมาให้ใช้เพื่อให้แผลและสะเก็ดหายเร็วขึ้นด้วย ส่วนคุณชมพู่ก็พยายามไม่ไป จับหรือรบกวนบริเวณที่ปลูกผมใหม่ในช่วงเดือนแรก ๆ ทำให้ผมยาวต่อเนื่องโดยแทบไม่มีผมร่วง

“ตอนนี้ สภาพกายภาพคือเห็นชัดมากเกือบ 100% ว่ามีความแตกต่าง คนก็จะทักว่าหน้าดูละมุนขึ้น สวยแบบธรรมชาติ เพราะตรงหน้าผาก คุณหมอเรียงเส้นผมให้สวยและค่อนข้างจะถี่ เราก็จะเกล้าผมโชว์หน้าผากตลอด เกล้าให้เห็นเลยว่าผมมันงอกจริง คนเห็นก็จะทักเยอะ ว่าไปปลูกผมมาแล้วผลลัพธ์ดี สวยขึ้น ก็อยากรักษาผมดก ๆ นี้ให้อยู่กับเราไปนานที่สุด...

...ความมั่นใจนี่ก็ 100% เพราะถ้าไม่มั่นใจคงไม่เปิดผมตลอดเวลา เดิมหน้าผากมันลึก ตอนนี้กรอบหน้าเป๊ะ หมดปัญหาไม่กลัวหัวเถิกแล้วค่ะ”





  จนถึงวันนี้ คุณหมอนินก็ยังคงคอยถามไถ่และดูแลติดตามผลอยู่เสมอ ทำให้คุณชมพู่ประทับใจและเริ่มแนะนำให้คนรอบข้างมาปลูกผมด้วย หนึ่งในนั้นก็คือคุณพ่อของคุณชมพู่นั่นเอง

“ตอนนี้ก็ให้คุณพ่อที่เคยปลูกผมมาแล้วรู้สึกผมน้อย มาปรึกษากับคุณหมอนิน เพราะเราทำแล้วรู้สึกว่าแฮปปี้ ประทับใจหลายอย่าง จุดเด่นเลยคือความละเอียดและความประณีตของคุณหมอค่ะ คุณหมอดูแลเราดี ห่วงใย ให้คำปรึกษาทุกอย่าง มากกว่านั้นก็คือมิตรภาพเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกันด้วย เรื่องปลูกผมนี่ต้องยกให้คุณหมอนินเลยค่ะ”

ปลูกผมปรับรูปหน้า เสริมบุคลิก
ปลูกผมเปลี่ยนชีวิตใหม่
เปิดหน้ามั่นใจทุกองศาความสวย


ในฐานะเจ้าของธุรกิจด้านความสวยความงาม คุณชมพู่ - นันทพร บุราคม ในวัย 36 ปี จึงใส่ใจเรื่องการดูแลตัวเองเป็นพิเศษอยู่เสมอ

“ถ้าภาพลักษณ์เราดูไม่สวยงาม ความเชื่อมั่นที่ลูกค้าจะมีให้เรามันก็ไม่เต็มร้อย แต่ถ้าเรามั่นใจ ลูกค้าก็จะมีความเชื่อมั่นให้เรา เราก็เน้นตรงนี้ เพราะเราทำเรื่องความงาม เราต้องสวย”



  แต่เส้นผมเจ้าปัญหา กลับกลายเป็นอุปสรรคความสวย และเป็นสิ่งที่หยุดความมั่นใจของคุณชมพู่ โดยเฉพาะในวันที่อายุเริ่มผ่านพ้นเลข 3

“โอ้โห เส้นผมสำคัญมากค่ะ เพราะมันบอกได้ว่าเราอายุเยอะไม่เยอะก็ด้วยผมนี่แหละ เราเป็นคนหน้าผากกว้างตั้งแต่เกิด ผมเส้นเล็ก พอเริ่มอายุเยอะขึ้น ปัญหาคือ ผมเว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างเลย พอผมหายไป มันทำให้เราไม่มั่นใจ เวลาแต่งตัว ไปงาน หรือถ่ายรูป ก็ไม่สามารถเปิดผม เกล้าผม เพื่อโชว์หน้าผากได้ ต้องคอยหมั่นเอาผมปิดหน้าเพื่ออำพรางตรงนี้ ทั้งที่เป็นคนชอบเปิดหน้า”



  เมื่อคุณชมพู่ได้คำแนะนำจากเพื่อน ๆ ในวงการความสวยความงาม ให้ลองปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเรียนมาเฉพาะทางด้านนี้เลย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการปลูกผม

“คุณหมอก็จัดการความสวยให้เลย ไปคุยแล้วรู้สึกว่าหมอนินไนซ์ เป็นกันเอง สนใจลูกค้า มีการอธิบายก่อนว่าวิธีการที่ใช้ปลูกผมเป็นลักษณะไหน มีกี่แบบ สมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันยังไง วิธีของคุณหมอรู้สึกว่าเป็นนวัตกรรมที่โอเคเลย ย้ายผมมาแล้วสามารถงอกต่อเลย เทคนิคนี้น่าสนใจ ก็เลยตัดสินใจทำ ”




  ขั้นตอนแรก คุณชมพู่ได้ร่วมออกแบบพื้นที่ที่จะปลูกผมร่วมกับคุณหมอ เนื่องจากคุณชมพู่ยังอยากได้ความกว้างของหน้าผากตามลักษณะความเชื่อส่วนบุคคลด้านโหงวเฮ้ง ซึ่งคุณหมอก็จัดให้อย่างที่ต้องการ หลังจากคำนวณจำนวนกราฟต์ที่จะปลูกเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มลงมือปลูกผมกันเลย

“หมอนินมือเบามากค่ะ ฉีดยาไม่เจ็บเลย หลังฉีดยาชาก็ไม่เจ็บอยู่แล้ว หมอนินทำเองทุกขั้นตอน ทั้งถอนแล้วก็ปลูกใหม่ด้วย อาจจะมีทีมผู้ช่วยด้วย ไม่ได้ทำคนเดียว แต่คุณหมอดูแลทุกขั้นตอน แบบละเอียดมาก”


คุณชมพู่เล่าว่า ด้วยเทคนิคและเครื่องมือที่คุณหมอเลือกใช้ ทำให้แผลหลังจากทำมีขนาดเล็กมาก ๆ แถมยังหายไวมากเช่นกัน ซึ่งคุณหมอดูแลสระผมเพื่อล้างแผลให้ตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่เพียงเท่านั้น การดูแลตัวเองหลังปลูกผมก็ไม่ยุ่งยากเลย คุณหมอยังนำเข้ายาจากต่างประเทศมาให้ใช้เพื่อให้แผลและสะเก็ดหายเร็วขึ้นด้วย ส่วนคุณชมพู่ก็พยายามไม่ไป จับหรือรบกวนบริเวณที่ปลูกผมใหม่ในช่วงเดือนแรก ๆ ทำให้ผมยาวต่อเนื่องโดยแทบไม่มีผมร่วง

“ตอนนี้ สภาพกายภาพคือเห็นชัดมากเกือบ 100% ว่ามีความแตกต่าง คนก็จะทักว่าหน้าดูละมุนขึ้น สวยแบบธรรมชาติ เพราะตรงหน้าผาก คุณหมอเรียงเส้นผมให้สวยและค่อนข้างจะถี่ เราก็จะเกล้าผมโชว์หน้าผากตลอด เกล้าให้เห็นเลยว่าผมมันงอกจริง คนเห็นก็จะทักเยอะ ว่าไปปลูกผมมาแล้วผลลัพธ์ดี สวยขึ้น ก็อยากรักษาผมดก ๆ นี้ให้อยู่กับเราไปนานที่สุด...

...ความมั่นใจนี่ก็ 100% เพราะถ้าไม่มั่นใจคงไม่เปิดผมตลอดเวลา เดิมหน้าผากมันลึก ตอนนี้กรอบหน้าเป๊ะ หมดปัญหาไม่กลัวหัวเถิกแล้วค่ะ”





  จนถึงวันนี้ คุณหมอนินก็ยังคงคอยถามไถ่และดูแลติดตามผลอยู่เสมอ ทำให้คุณชมพู่ประทับใจและเริ่มแนะนำให้คนรอบข้างมาปลูกผมด้วย หนึ่งในนั้นก็คือคุณพ่อของคุณชมพู่นั่นเอง

“ตอนนี้ก็ให้คุณพ่อที่เคยปลูกผมมาแล้วรู้สึกผมน้อย มาปรึกษากับคุณหมอนิน เพราะเราทำแล้วรู้สึกว่าแฮปปี้ ประทับใจหลายอย่าง จุดเด่นเลยคือความละเอียดและความประณีตของคุณหมอค่ะ คุณหมอดูแลเราดี ห่วงใย ให้คำปรึกษาทุกอย่าง มากกว่านั้นก็คือมิตรภาพเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกันด้วย เรื่องปลูกผมนี่ต้องยกให้คุณหมอนินเลยค่ะ”

ปลูกผมปรับรูปหน้า เสริมบุคลิก
ปลูกผมเปลี่ยนชีวิตใหม่
เปิดหน้ามั่นใจทุกองศาความสวย


ในฐานะเจ้าของธุรกิจด้านความสวยความงาม คุณชมพู่ - นันทพร บุราคม ในวัย 36 ปี จึงใส่ใจเรื่องการดูแลตัวเองเป็นพิเศษอยู่เสมอ

“ถ้าภาพลักษณ์เราดูไม่สวยงาม ความเชื่อมั่นที่ลูกค้าจะมีให้เรามันก็ไม่เต็มร้อย แต่ถ้าเรามั่นใจ ลูกค้าก็จะมีความเชื่อมั่นให้เรา เราก็เน้นตรงนี้ เพราะเราทำเรื่องความงาม เราต้องสวย”



  แต่เส้นผมเจ้าปัญหา กลับกลายเป็นอุปสรรคความสวย และเป็นสิ่งที่หยุดความมั่นใจของคุณชมพู่ โดยเฉพาะในวันที่อายุเริ่มผ่านพ้นเลข 3

“โอ้โห เส้นผมสำคัญมากค่ะ เพราะมันบอกได้ว่าเราอายุเยอะไม่เยอะก็ด้วยผมนี่แหละ เราเป็นคนหน้าผากกว้างตั้งแต่เกิด ผมเส้นเล็ก พอเริ่มอายุเยอะขึ้น ปัญหาคือ ผมเว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างเลย พอผมหายไป มันทำให้เราไม่มั่นใจ เวลาแต่งตัว ไปงาน หรือถ่ายรูป ก็ไม่สามารถเปิดผม เกล้าผม เพื่อโชว์หน้าผากได้ ต้องคอยหมั่นเอาผมปิดหน้าเพื่ออำพรางตรงนี้ ทั้งที่เป็นคนชอบเปิดหน้า”



  เมื่อคุณชมพู่ได้คำแนะนำจากเพื่อน ๆ ในวงการความสวยความงาม ให้ลองปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเรียนมาเฉพาะทางด้านนี้เลย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการปลูกผม

“คุณหมอก็จัดการความสวยให้เลย ไปคุยแล้วรู้สึกว่าหมอนินไนซ์ เป็นกันเอง สนใจลูกค้า มีการอธิบายก่อนว่าวิธีการที่ใช้ปลูกผมเป็นลักษณะไหน มีกี่แบบ สมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันยังไง วิธีของคุณหมอรู้สึกว่าเป็นนวัตกรรมที่โอเคเลย ย้ายผมมาแล้วสามารถงอกต่อเลย เทคนิคนี้น่าสนใจ ก็เลยตัดสินใจทำ ”




  ขั้นตอนแรก คุณชมพู่ได้ร่วมออกแบบพื้นที่ที่จะปลูกผมร่วมกับคุณหมอ เนื่องจากคุณชมพู่ยังอยากได้ความกว้างของหน้าผากตามลักษณะความเชื่อส่วนบุคคลด้านโหงวเฮ้ง ซึ่งคุณหมอก็จัดให้อย่างที่ต้องการ หลังจากคำนวณจำนวนกราฟต์ที่จะปลูกเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มลงมือปลูกผมกันเลย

“หมอนินมือเบามากค่ะ ฉีดยาไม่เจ็บเลย หลังฉีดยาชาก็ไม่เจ็บอยู่แล้ว หมอนินทำเองทุกขั้นตอน ทั้งถอนแล้วก็ปลูกใหม่ด้วย อาจจะมีทีมผู้ช่วยด้วย ไม่ได้ทำคนเดียว แต่คุณหมอดูแลทุกขั้นตอน แบบละเอียดมาก”


คุณชมพู่เล่าว่า ด้วยเทคนิคและเครื่องมือที่คุณหมอเลือกใช้ ทำให้แผลหลังจากทำมีขนาดเล็กมาก ๆ แถมยังหายไวมากเช่นกัน ซึ่งคุณหมอดูแลสระผมเพื่อล้างแผลให้ตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่เพียงเท่านั้น การดูแลตัวเองหลังปลูกผมก็ไม่ยุ่งยากเลย คุณหมอยังนำเข้ายาจากต่างประเทศมาให้ใช้เพื่อให้แผลและสะเก็ดหายเร็วขึ้นด้วย ส่วนคุณชมพู่ก็พยายามไม่ไป จับหรือรบกวนบริเวณที่ปลูกผมใหม่ในช่วงเดือนแรก ๆ ทำให้ผมยาวต่อเนื่องโดยแทบไม่มีผมร่วง

“ตอนนี้ สภาพกายภาพคือเห็นชัดมากเกือบ 100% ว่ามีความแตกต่าง คนก็จะทักว่าหน้าดูละมุนขึ้น สวยแบบธรรมชาติ เพราะตรงหน้าผาก คุณหมอเรียงเส้นผมให้สวยและค่อนข้างจะถี่ เราก็จะเกล้าผมโชว์หน้าผากตลอด เกล้าให้เห็นเลยว่าผมมันงอกจริง คนเห็นก็จะทักเยอะ ว่าไปปลูกผมมาแล้วผลลัพธ์ดี สวยขึ้น ก็อยากรักษาผมดก ๆ นี้ให้อยู่กับเราไปนานที่สุด...

...ความมั่นใจนี่ก็ 100% เพราะถ้าไม่มั่นใจคงไม่เปิดผมตลอดเวลา เดิมหน้าผากมันลึก ตอนนี้กรอบหน้าเป๊ะ หมดปัญหาไม่กลัวหัวเถิกแล้วค่ะ”





  จนถึงวันนี้ คุณหมอนินก็ยังคงคอยถามไถ่และดูแลติดตามผลอยู่เสมอ ทำให้คุณชมพู่ประทับใจและเริ่มแนะนำให้คนรอบข้างมาปลูกผมด้วย หนึ่งในนั้นก็คือคุณพ่อของคุณชมพู่นั่นเอง

“ตอนนี้ก็ให้คุณพ่อที่เคยปลูกผมมาแล้วรู้สึกผมน้อย มาปรึกษากับคุณหมอนิน เพราะเราทำแล้วรู้สึกว่าแฮปปี้ ประทับใจหลายอย่าง จุดเด่นเลยคือความละเอียดและความประณีตของคุณหมอค่ะ คุณหมอดูแลเราดี ห่วงใย ให้คำปรึกษาทุกอย่าง มากกว่านั้นก็คือมิตรภาพเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกันด้วย เรื่องปลูกผมนี่ต้องยกให้คุณหมอนินเลยค่ะ”

ปลูกผมปรับรูปหน้า เสริมบุคลิก
ปลูกผมเปลี่ยนชีวิตใหม่
เปิดหน้ามั่นใจทุกองศาความสวย


ในฐานะเจ้าของธุรกิจด้านความสวยความงาม คุณชมพู่ - นันทพร บุราคม ในวัย 36 ปี จึงใส่ใจเรื่องการดูแลตัวเองเป็นพิเศษอยู่เสมอ

“ถ้าภาพลักษณ์เราดูไม่สวยงาม ความเชื่อมั่นที่ลูกค้าจะมีให้เรามันก็ไม่เต็มร้อย แต่ถ้าเรามั่นใจ ลูกค้าก็จะมีความเชื่อมั่นให้เรา เราก็เน้นตรงนี้ เพราะเราทำเรื่องความงาม เราต้องสวย”



  แต่เส้นผมเจ้าปัญหา กลับกลายเป็นอุปสรรคความสวย และเป็นสิ่งที่หยุดความมั่นใจของคุณชมพู่ โดยเฉพาะในวันที่อายุเริ่มผ่านพ้นเลข 3

“โอ้โห เส้นผมสำคัญมากค่ะ เพราะมันบอกได้ว่าเราอายุเยอะไม่เยอะก็ด้วยผมนี่แหละ เราเป็นคนหน้าผากกว้างตั้งแต่เกิด ผมเส้นเล็ก พอเริ่มอายุเยอะขึ้น ปัญหาคือ ผมเว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างเลย พอผมหายไป มันทำให้เราไม่มั่นใจ เวลาแต่งตัว ไปงาน หรือถ่ายรูป ก็ไม่สามารถเปิดผม เกล้าผม เพื่อโชว์หน้าผากได้ ต้องคอยหมั่นเอาผมปิดหน้าเพื่ออำพรางตรงนี้ ทั้งที่เป็นคนชอบเปิดหน้า”



  เมื่อคุณชมพู่ได้คำแนะนำจากเพื่อน ๆ ในวงการความสวยความงาม ให้ลองปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเรียนมาเฉพาะทางด้านนี้เลย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการปลูกผม

“คุณหมอก็จัดการความสวยให้เลย ไปคุยแล้วรู้สึกว่าหมอนินไนซ์ เป็นกันเอง สนใจลูกค้า มีการอธิบายก่อนว่าวิธีการที่ใช้ปลูกผมเป็นลักษณะไหน มีกี่แบบ สมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันยังไง วิธีของคุณหมอรู้สึกว่าเป็นนวัตกรรมที่โอเคเลย ย้ายผมมาแล้วสามารถงอกต่อเลย เทคนิคนี้น่าสนใจ ก็เลยตัดสินใจทำ ”




  ขั้นตอนแรก คุณชมพู่ได้ร่วมออกแบบพื้นที่ที่จะปลูกผมร่วมกับคุณหมอ เนื่องจากคุณชมพู่ยังอยากได้ความกว้างของหน้าผากตามลักษณะความเชื่อส่วนบุคคลด้านโหงวเฮ้ง ซึ่งคุณหมอก็จัดให้อย่างที่ต้องการ หลังจากคำนวณจำนวนกราฟต์ที่จะปลูกเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มลงมือปลูกผมกันเลย

“หมอนินมือเบามากค่ะ ฉีดยาไม่เจ็บเลย หลังฉีดยาชาก็ไม่เจ็บอยู่แล้ว หมอนินทำเองทุกขั้นตอน ทั้งถอนแล้วก็ปลูกใหม่ด้วย อาจจะมีทีมผู้ช่วยด้วย ไม่ได้ทำคนเดียว แต่คุณหมอดูแลทุกขั้นตอน แบบละเอียดมาก”


คุณชมพู่เล่าว่า ด้วยเทคนิคและเครื่องมือที่คุณหมอเลือกใช้ ทำให้แผลหลังจากทำมีขนาดเล็กมาก ๆ แถมยังหายไวมากเช่นกัน ซึ่งคุณหมอดูแลสระผมเพื่อล้างแผลให้ตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่เพียงเท่านั้น การดูแลตัวเองหลังปลูกผมก็ไม่ยุ่งยากเลย คุณหมอยังนำเข้ายาจากต่างประเทศมาให้ใช้เพื่อให้แผลและสะเก็ดหายเร็วขึ้นด้วย ส่วนคุณชมพู่ก็พยายามไม่ไป จับหรือรบกวนบริเวณที่ปลูกผมใหม่ในช่วงเดือนแรก ๆ ทำให้ผมยาวต่อเนื่องโดยแทบไม่มีผมร่วง

“ตอนนี้ สภาพกายภาพคือเห็นชัดมากเกือบ 100% ว่ามีความแตกต่าง คนก็จะทักว่าหน้าดูละมุนขึ้น สวยแบบธรรมชาติ เพราะตรงหน้าผาก คุณหมอเรียงเส้นผมให้สวยและค่อนข้างจะถี่ เราก็จะเกล้าผมโชว์หน้าผากตลอด เกล้าให้เห็นเลยว่าผมมันงอกจริง คนเห็นก็จะทักเยอะ ว่าไปปลูกผมมาแล้วผลลัพธ์ดี สวยขึ้น ก็อยากรักษาผมดก ๆ นี้ให้อยู่กับเราไปนานที่สุด...

...ความมั่นใจนี่ก็ 100% เพราะถ้าไม่มั่นใจคงไม่เปิดผมตลอดเวลา เดิมหน้าผากมันลึก ตอนนี้กรอบหน้าเป๊ะ หมดปัญหาไม่กลัวหัวเถิกแล้วค่ะ”





  จนถึงวันนี้ คุณหมอนินก็ยังคงคอยถามไถ่และดูแลติดตามผลอยู่เสมอ ทำให้คุณชมพู่ประทับใจและเริ่มแนะนำให้คนรอบข้างมาปลูกผมด้วย หนึ่งในนั้นก็คือคุณพ่อของคุณชมพู่นั่นเอง

“ตอนนี้ก็ให้คุณพ่อที่เคยปลูกผมมาแล้วรู้สึกผมน้อย มาปรึกษากับคุณหมอนิน เพราะเราทำแล้วรู้สึกว่าแฮปปี้ ประทับใจหลายอย่าง จุดเด่นเลยคือความละเอียดและความประณีตของคุณหมอค่ะ คุณหมอดูแลเราดี ห่วงใย ให้คำปรึกษาทุกอย่าง มากกว่านั้นก็คือมิตรภาพเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกันด้วย เรื่องปลูกผมนี่ต้องยกให้คุณหมอนินเลยค่ะ”

ปลูกผมปรับรูปหน้า เสริมบุคลิก
ปลูกผมเปลี่ยนชีวิตใหม่
เปิดหน้ามั่นใจทุกองศาความสวย


ในฐานะเจ้าของธุรกิจด้านความสวยความงาม คุณชมพู่ - นันทพร บุราคม ในวัย 36 ปี จึงใส่ใจเรื่องการดูแลตัวเองเป็นพิเศษอยู่เสมอ

“ถ้าภาพลักษณ์เราดูไม่สวยงาม ความเชื่อมั่นที่ลูกค้าจะมีให้เรามันก็ไม่เต็มร้อย แต่ถ้าเรามั่นใจ ลูกค้าก็จะมีความเชื่อมั่นให้เรา เราก็เน้นตรงนี้ เพราะเราทำเรื่องความงาม เราต้องสวย”



  แต่เส้นผมเจ้าปัญหา กลับกลายเป็นอุปสรรคความสวย และเป็นสิ่งที่หยุดความมั่นใจของคุณชมพู่ โดยเฉพาะในวันที่อายุเริ่มผ่านพ้นเลข 3

“โอ้โห เส้นผมสำคัญมากค่ะ เพราะมันบอกได้ว่าเราอายุเยอะไม่เยอะก็ด้วยผมนี่แหละ เราเป็นคนหน้าผากกว้างตั้งแต่เกิด ผมเส้นเล็ก พอเริ่มอายุเยอะขึ้น ปัญหาคือ ผมเว้าลึกเข้าไปทั้ง 2 ข้างเลย พอผมหายไป มันทำให้เราไม่มั่นใจ เวลาแต่งตัว ไปงาน หรือถ่ายรูป ก็ไม่สามารถเปิดผม เกล้าผม เพื่อโชว์หน้าผากได้ ต้องคอยหมั่นเอาผมปิดหน้าเพื่ออำพรางตรงนี้ ทั้งที่เป็นคนชอบเปิดหน้า”



  เมื่อคุณชมพู่ได้คำแนะนำจากเพื่อน ๆ ในวงการความสวยความงาม ให้ลองปรึกษากับคุณหมอนิน ซึ่งเรียนมาเฉพาะทางด้านนี้เลย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการปลูกผม

“คุณหมอก็จัดการความสวยให้เลย ไปคุยแล้วรู้สึกว่าหมอนินไนซ์ เป็นกันเอง สนใจลูกค้า มีการอธิบายก่อนว่าวิธีการที่ใช้ปลูกผมเป็นลักษณะไหน มีกี่แบบ สมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันยังไง วิธีของคุณหมอรู้สึกว่าเป็นนวัตกรรมที่โอเคเลย ย้ายผมมาแล้วสามารถงอกต่อเลย เทคนิคนี้น่าสนใจ ก็เลยตัดสินใจทำ ”




  ขั้นตอนแรก คุณชมพู่ได้ร่วมออกแบบพื้นที่ที่จะปลูกผมร่วมกับคุณหมอ เนื่องจากคุณชมพู่ยังอยากได้ความกว้างของหน้าผากตามลักษณะความเชื่อส่วนบุคคลด้านโหงวเฮ้ง ซึ่งคุณหมอก็จัดให้อย่างที่ต้องการ หลังจากคำนวณจำนวนกราฟต์ที่จะปลูกเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มลงมือปลูกผมกันเลย

“หมอนินมือเบามากค่ะ ฉีดยาไม่เจ็บเลย หลังฉีดยาชาก็ไม่เจ็บอยู่แล้ว หมอนินทำเองทุกขั้นตอน ทั้งถอนแล้วก็ปลูกใหม่ด้วย อาจจะมีทีมผู้ช่วยด้วย ไม่ได้ทำคนเดียว แต่คุณหมอดูแลทุกขั้นตอน แบบละเอียดมาก”


คุณชมพู่เล่าว่า ด้วยเทคนิคและเครื่องมือที่คุณหมอเลือกใช้ ทำให้แผลหลังจากทำมีขนาดเล็กมาก ๆ แถมยังหายไวมากเช่นกัน ซึ่งคุณหมอดูแลสระผมเพื่อล้างแผลให้ตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่เพียงเท่านั้น การดูแลตัวเองหลังปลูกผมก็ไม่ยุ่งยากเลย คุณหมอยังนำเข้ายาจากต่างประเทศมาให้ใช้เพื่อให้แผลและสะเก็ดหายเร็วขึ้นด้วย ส่วนคุณชมพู่ก็พยายามไม่ไป จับหรือรบกวนบริเวณที่ปลูกผมใหม่ในช่วงเดือนแรก ๆ ทำให้ผมยาวต่อเนื่องโดยแทบไม่มีผมร่วง

“ตอนนี้ สภาพกายภาพคือเห็นชัดมากเกือบ 100% ว่ามีความแตกต่าง คนก็จะทักว่าหน้าดูละมุนขึ้น สวยแบบธรรมชาติ เพราะตรงหน้าผาก คุณหมอเรียงเส้นผมให้สวยและค่อนข้างจะถี่ เราก็จะเกล้าผมโชว์หน้าผากตลอด เกล้าให้เห็นเลยว่าผมมันงอกจริง คนเห็นก็จะทักเยอะ ว่าไปปลูกผมมาแล้วผลลัพธ์ดี สวยขึ้น ก็อยากรักษาผมดก ๆ นี้ให้อยู่กับเราไปนานที่สุด...

...ความมั่นใจนี่ก็ 100% เพราะถ้าไม่มั่นใจคงไม่เปิดผมตลอดเวลา เดิมหน้าผากมันลึก ตอนนี้กรอบหน้าเป๊ะ หมดปัญหาไม่กลัวหัวเถิกแล้วค่ะ”





  จนถึงวันนี้ คุณหมอนินก็ยังคงคอยถามไถ่และดูแลติดตามผลอยู่เสมอ ทำให้คุณชมพู่ประทับใจและเริ่มแนะนำให้คนรอบข้างมาปลูกผมด้วย หนึ่งในนั้นก็คือคุณพ่อของคุณชมพู่นั่นเอง

“ตอนนี้ก็ให้คุณพ่อที่เคยปลูกผมมาแล้วรู้สึกผมน้อย มาปรึกษากับคุณหมอนิน เพราะเราทำแล้วรู้สึกว่าแฮปปี้ ประทับใจหลายอย่าง จุดเด่นเลยคือความละเอียดและความประณีตของคุณหมอค่ะ คุณหมอดูแลเราดี ห่วงใย ให้คำปรึกษาทุกอย่าง มากกว่านั้นก็คือมิตรภาพเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกันด้วย เรื่องปลูกผมนี่ต้องยกให้คุณหมอนินเลยค่ะ”

หมอวรุตม์ เชื่อมั่นปลูกผมที่นามนิน
...จากคนไข้ สู่ลูกศิษย์คนแรก...“หมอวรุตม์” การันตี

การปลูกผมให้ดีคืองานศิลปะ

“การจะปลูกผมให้ออกมาสวยหรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณหมอเป็นหลักเลย เพราะการปลูกผมก็เหมือนงานศิลปะ ต้องอาศัยฝีมือศิลปินในการทำ”

นี่คือเสียงยืนยันของคุณหมอวรุตม์ หอมพูลทรัพย์ ว่าการปลูกผมต้องอาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการรักษา นอกจากคุณหมอวรุตม์ ซึ่งทุกวันนี้เป็นศัลยแพทย์ทั่วไปและมีคลินิกเป็นของตัวเอง จะเป็นหนึ่งในคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมกับคุณหมอนิน แห่งคลินิกนามนินแล้ว ยังเป็นลูกศิษย์คนแรกที่เข้ารับการฝึกอบรมเทคนิคการปลูกผม หรือ NEAT ของหมอนินด้วย ลองมาฟังประสบการณ์การเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ของคุณหมอวรุตม์กัน



“เดิมเป็นคนหน้าผากกว้างอยู่แล้ว แต่มาเด่นชัดตอนอายุ 24 – 25 พอผมร่นเข้าไปลึกก็ทำให้จัดทรงยาก ลมพัดทีก็หน้าผากเปิด เรียกว่าหน้าตาเราจะเปลี่ยนทุกครั้งที่ลมพัด แถมเวลาถอดหมวกผ่าตัด ผมก็จะลีบแบน ผมเป็นคนชอบอะไรที่คล่องตัว ไม่ต้องจัดทรงเยอะ ใช้ชีวิตได้เลย แต่พอเป็นอย่างนั้นมันลำบาก ไม่สะดวก และเสียความมั่นใจ”

ที่ผ่านมา คุณหมอวรุตม์เคยลองทายาและรับประทานยาอื่น ๆ มาบ้าง แต่ผมที่ขึ้นใหม่เป็นเพียงขนเส้นเล็ก ๆ และไม่ขึ้นบริเวณหน้าผากที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ ด้วยความที่รู้จักกับคุณหมอนินมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงเริ่มปรึกษาเรื่องปัญหาผม และจุดประกายความคิดที่จะลองปลูกผมขึ้นมา


“หมอนินเอารูปคนที่ปลูกก่อนหน้าให้ดู รู้สึกว่าแผลดูเล็ก ผมขึ้นค่อนข้างโอเค ทำแล้วดูดีขึ้น แก้ได้ตรงจุด หมอนินก็ให้คำแนะนำค่อนข้างดี เชิงบอกและสอนด้วย ทั้งทฤษฎีการปลูก ความหนาแน่นเท่าไหร่ดี ผู้ชายควรปลูกยังไง ผู้หญิงควรปลูกยังไง เอารูปเทคนิคการปลูกผมแบบเก่ากับใหม่มาเปรียบเทียบกัน หมอนิน อธิบายหมด ค่อนข้างจริงใจในการให้ข้อมูล ถ้าอันไหนทำแล้วไม่โอเค หมอนินก็จะบอก...

...ผมเห็นว่าปลูกแล้วสำเร็จค่อนข้างเยอะ 80 – 90% ก็คิดว่ามันน่าจะดี น่าจะได้ประโยชน์ไปอีกหลายปี”



คุณหมอนินจะเริ่มต้นจากการออกแบบพื้นที่ที่จะทำการปลูก โดยถามคนไข้ด้วยว่าอยากได้รูปหน้าแบบไหน และช่วยกันตัดสินใจเพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด จากนั้น คุณหมอนินจะเป็นผู้ควบคุมดูแลการปลูกผมเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การฉีดยาชา การถอนกราฟต์ผมออกโดยมีทีมงานผู้ช่วย ซึ่งในเคสของคุณหมอวรุตม์ ใช้กราฟต์ผมประมาณ 2,200 กราฟต์เพื่อความหนาแน่นเต็มที่ จนกระทั่งตอนปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ ซึ่งขั้นตอนนี้ ต้องอาศัยความละเอียดประณีตของคุณหมอนินเท่านั้น

“ตอนปักกราฟต์ผม คุณหมอนินทำเอง เพราะว่าจะออกมาดีไม่ดี ต้องดูความหนาแน่นให้พอเหมาะ มากไปกราฟต์ก็ตาย น้อยไปก็ผมบาง ทิศทางเส้นผมถ้าปักแล้วเบี้ยวก็ออกมาไม่สวย อันนี้เป็นเรื่องของคุณหมอล้วน ๆ เลย”


ที่สำคัญ หลังปลูกผมยังสามารถทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที


“วันสองวันแรก มีแค่น้ำเหลืองซึม ๆ และสะเก็ดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากทำก็มาเรียนปลูกผมต่อได้เลยครับ”

คุณหมอวรุตม์ยอมรับว่ามีความรู้สึกลุ้นนิดหน่อยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในระยะที่ผมใหม่หลุดร่วงออกตามธรรมชาติ แต่ประมาณ 3 – 4 เดือนผ่านไป ผมก็งอกขึ้นมาใหม่เหมือนที่คุณหมอบอกจริง ๆ

“มาหนาแน่นเลยครับ ผมคิดว่ากราฟต์น่าจะติดเกิน 90% ตอนนี้เหมือนผมปกติแล้วนะครับ กลมกลืนกับผมข้างเคียง ความแข็งแรงก็ใกล้กัน เวลาอาบน้ำสระผมจะไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างจากส่วนอื่น”


และในฐานะลูกศิษย์คนแรกของอาจารย์หมอนิน คุณหมอวรุตม์เล่าถึงความประทับใจว่า คุณหมอนินเป็นอาจารย์ที่คุยง่าย มีอะไรสงสัยก็ถามได้ทุกเรื่อง มีเทคนิคที่น่าสนใจ และให้การบ้านไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเยอะมาก ทั้งยังได้เรียนจากเคสคนไข้จริง ๆ ซึ่งในอนาคตคุณหมอวรุตม์ก็เตรียมที่จะนำเทคนิคความรู้ที่ได้ไปช่วยแก้ปัญหาเส้นผมให้คนอื่น ๆ ต่อไปอย่างแน่นอน


“ผมคิดว่าการปลูกผมไม่ใช่ศาสตร์ที่ยาก แต่มีรายละเอียดเยอะ ลองนึกภาพการปักผมใหม่ทีละกราฟต์ รวม 2,000 กราฟต์ทั้งวัน ซึ่งจะสวยไม่สวยก็อยู่ที่การออกแบบและการปัก มันเป็นเรื่องของศิลปะครับ”
หมอวรุตม์ เชื่อมั่นปลูกผมที่นามนิน
...จากคนไข้ สู่ลูกศิษย์คนแรก...“หมอวรุตม์” การันตี

การปลูกผมให้ดีคืองานศิลปะ

“การจะปลูกผมให้ออกมาสวยหรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณหมอเป็นหลักเลย เพราะการปลูกผมก็เหมือนงานศิลปะ ต้องอาศัยฝีมือศิลปินในการทำ”

นี่คือเสียงยืนยันของคุณหมอวรุตม์ หอมพูลทรัพย์ ว่าการปลูกผมต้องอาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการรักษา นอกจากคุณหมอวรุตม์ ซึ่งทุกวันนี้เป็นศัลยแพทย์ทั่วไปและมีคลินิกเป็นของตัวเอง จะเป็นหนึ่งในคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมกับคุณหมอนิน แห่งคลินิกนามนินแล้ว ยังเป็นลูกศิษย์คนแรกที่เข้ารับการฝึกอบรมเทคนิคการปลูกผม หรือ NEAT ของหมอนินด้วย ลองมาฟังประสบการณ์การเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ของคุณหมอวรุตม์กัน



“เดิมเป็นคนหน้าผากกว้างอยู่แล้ว แต่มาเด่นชัดตอนอายุ 24 – 25 พอผมร่นเข้าไปลึกก็ทำให้จัดทรงยาก ลมพัดทีก็หน้าผากเปิด เรียกว่าหน้าตาเราจะเปลี่ยนทุกครั้งที่ลมพัด แถมเวลาถอดหมวกผ่าตัด ผมก็จะลีบแบน ผมเป็นคนชอบอะไรที่คล่องตัว ไม่ต้องจัดทรงเยอะ ใช้ชีวิตได้เลย แต่พอเป็นอย่างนั้นมันลำบาก ไม่สะดวก และเสียความมั่นใจ”

ที่ผ่านมา คุณหมอวรุตม์เคยลองทายาและรับประทานยาอื่น ๆ มาบ้าง แต่ผมที่ขึ้นใหม่เป็นเพียงขนเส้นเล็ก ๆ และไม่ขึ้นบริเวณหน้าผากที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ ด้วยความที่รู้จักกับคุณหมอนินมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงเริ่มปรึกษาเรื่องปัญหาผม และจุดประกายความคิดที่จะลองปลูกผมขึ้นมา


“หมอนินเอารูปคนที่ปลูกก่อนหน้าให้ดู รู้สึกว่าแผลดูเล็ก ผมขึ้นค่อนข้างโอเค ทำแล้วดูดีขึ้น แก้ได้ตรงจุด หมอนินก็ให้คำแนะนำค่อนข้างดี เชิงบอกและสอนด้วย ทั้งทฤษฎีการปลูก ความหนาแน่นเท่าไหร่ดี ผู้ชายควรปลูกยังไง ผู้หญิงควรปลูกยังไง เอารูปเทคนิคการปลูกผมแบบเก่ากับใหม่มาเปรียบเทียบกัน หมอนิน อธิบายหมด ค่อนข้างจริงใจในการให้ข้อมูล ถ้าอันไหนทำแล้วไม่โอเค หมอนินก็จะบอก...

...ผมเห็นว่าปลูกแล้วสำเร็จค่อนข้างเยอะ 80 – 90% ก็คิดว่ามันน่าจะดี น่าจะได้ประโยชน์ไปอีกหลายปี”



คุณหมอนินจะเริ่มต้นจากการออกแบบพื้นที่ที่จะทำการปลูก โดยถามคนไข้ด้วยว่าอยากได้รูปหน้าแบบไหน และช่วยกันตัดสินใจเพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด จากนั้น คุณหมอนินจะเป็นผู้ควบคุมดูแลการปลูกผมเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การฉีดยาชา การถอนกราฟต์ผมออกโดยมีทีมงานผู้ช่วย ซึ่งในเคสของคุณหมอวรุตม์ ใช้กราฟต์ผมประมาณ 2,200 กราฟต์เพื่อความหนาแน่นเต็มที่ จนกระทั่งตอนปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ ซึ่งขั้นตอนนี้ ต้องอาศัยความละเอียดประณีตของคุณหมอนินเท่านั้น

“ตอนปักกราฟต์ผม คุณหมอนินทำเอง เพราะว่าจะออกมาดีไม่ดี ต้องดูความหนาแน่นให้พอเหมาะ มากไปกราฟต์ก็ตาย น้อยไปก็ผมบาง ทิศทางเส้นผมถ้าปักแล้วเบี้ยวก็ออกมาไม่สวย อันนี้เป็นเรื่องของคุณหมอล้วน ๆ เลย”


ที่สำคัญ หลังปลูกผมยังสามารถทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที


“วันสองวันแรก มีแค่น้ำเหลืองซึม ๆ และสะเก็ดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากทำก็มาเรียนปลูกผมต่อได้เลยครับ”

คุณหมอวรุตม์ยอมรับว่ามีความรู้สึกลุ้นนิดหน่อยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในระยะที่ผมใหม่หลุดร่วงออกตามธรรมชาติ แต่ประมาณ 3 – 4 เดือนผ่านไป ผมก็งอกขึ้นมาใหม่เหมือนที่คุณหมอบอกจริง ๆ

“มาหนาแน่นเลยครับ ผมคิดว่ากราฟต์น่าจะติดเกิน 90% ตอนนี้เหมือนผมปกติแล้วนะครับ กลมกลืนกับผมข้างเคียง ความแข็งแรงก็ใกล้กัน เวลาอาบน้ำสระผมจะไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างจากส่วนอื่น”


และในฐานะลูกศิษย์คนแรกของอาจารย์หมอนิน คุณหมอวรุตม์เล่าถึงความประทับใจว่า คุณหมอนินเป็นอาจารย์ที่คุยง่าย มีอะไรสงสัยก็ถามได้ทุกเรื่อง มีเทคนิคที่น่าสนใจ และให้การบ้านไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเยอะมาก ทั้งยังได้เรียนจากเคสคนไข้จริง ๆ ซึ่งในอนาคตคุณหมอวรุตม์ก็เตรียมที่จะนำเทคนิคความรู้ที่ได้ไปช่วยแก้ปัญหาเส้นผมให้คนอื่น ๆ ต่อไปอย่างแน่นอน


“ผมคิดว่าการปลูกผมไม่ใช่ศาสตร์ที่ยาก แต่มีรายละเอียดเยอะ ลองนึกภาพการปักผมใหม่ทีละกราฟต์ รวม 2,000 กราฟต์ทั้งวัน ซึ่งจะสวยไม่สวยก็อยู่ที่การออกแบบและการปัก มันเป็นเรื่องของศิลปะครับ”
หมอวรุตม์ เชื่อมั่นปลูกผมที่นามนิน
...จากคนไข้ สู่ลูกศิษย์คนแรก...“หมอวรุตม์” การันตี

การปลูกผมให้ดีคืองานศิลปะ

“การจะปลูกผมให้ออกมาสวยหรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณหมอเป็นหลักเลย เพราะการปลูกผมก็เหมือนงานศิลปะ ต้องอาศัยฝีมือศิลปินในการทำ”

นี่คือเสียงยืนยันของคุณหมอวรุตม์ หอมพูลทรัพย์ ว่าการปลูกผมต้องอาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการรักษา นอกจากคุณหมอวรุตม์ ซึ่งทุกวันนี้เป็นศัลยแพทย์ทั่วไปและมีคลินิกเป็นของตัวเอง จะเป็นหนึ่งในคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมกับคุณหมอนิน แห่งคลินิกนามนินแล้ว ยังเป็นลูกศิษย์คนแรกที่เข้ารับการฝึกอบรมเทคนิคการปลูกผม หรือ NEAT ของหมอนินด้วย ลองมาฟังประสบการณ์การเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ของคุณหมอวรุตม์กัน



“เดิมเป็นคนหน้าผากกว้างอยู่แล้ว แต่มาเด่นชัดตอนอายุ 24 – 25 พอผมร่นเข้าไปลึกก็ทำให้จัดทรงยาก ลมพัดทีก็หน้าผากเปิด เรียกว่าหน้าตาเราจะเปลี่ยนทุกครั้งที่ลมพัด แถมเวลาถอดหมวกผ่าตัด ผมก็จะลีบแบน ผมเป็นคนชอบอะไรที่คล่องตัว ไม่ต้องจัดทรงเยอะ ใช้ชีวิตได้เลย แต่พอเป็นอย่างนั้นมันลำบาก ไม่สะดวก และเสียความมั่นใจ”

ที่ผ่านมา คุณหมอวรุตม์เคยลองทายาและรับประทานยาอื่น ๆ มาบ้าง แต่ผมที่ขึ้นใหม่เป็นเพียงขนเส้นเล็ก ๆ และไม่ขึ้นบริเวณหน้าผากที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ ด้วยความที่รู้จักกับคุณหมอนินมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงเริ่มปรึกษาเรื่องปัญหาผม และจุดประกายความคิดที่จะลองปลูกผมขึ้นมา


“หมอนินเอารูปคนที่ปลูกก่อนหน้าให้ดู รู้สึกว่าแผลดูเล็ก ผมขึ้นค่อนข้างโอเค ทำแล้วดูดีขึ้น แก้ได้ตรงจุด หมอนินก็ให้คำแนะนำค่อนข้างดี เชิงบอกและสอนด้วย ทั้งทฤษฎีการปลูก ความหนาแน่นเท่าไหร่ดี ผู้ชายควรปลูกยังไง ผู้หญิงควรปลูกยังไง เอารูปเทคนิคการปลูกผมแบบเก่ากับใหม่มาเปรียบเทียบกัน หมอนิน อธิบายหมด ค่อนข้างจริงใจในการให้ข้อมูล ถ้าอันไหนทำแล้วไม่โอเค หมอนินก็จะบอก...

...ผมเห็นว่าปลูกแล้วสำเร็จค่อนข้างเยอะ 80 – 90% ก็คิดว่ามันน่าจะดี น่าจะได้ประโยชน์ไปอีกหลายปี”



คุณหมอนินจะเริ่มต้นจากการออกแบบพื้นที่ที่จะทำการปลูก โดยถามคนไข้ด้วยว่าอยากได้รูปหน้าแบบไหน และช่วยกันตัดสินใจเพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด จากนั้น คุณหมอนินจะเป็นผู้ควบคุมดูแลการปลูกผมเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การฉีดยาชา การถอนกราฟต์ผมออกโดยมีทีมงานผู้ช่วย ซึ่งในเคสของคุณหมอวรุตม์ ใช้กราฟต์ผมประมาณ 2,200 กราฟต์เพื่อความหนาแน่นเต็มที่ จนกระทั่งตอนปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ ซึ่งขั้นตอนนี้ ต้องอาศัยความละเอียดประณีตของคุณหมอนินเท่านั้น

“ตอนปักกราฟต์ผม คุณหมอนินทำเอง เพราะว่าจะออกมาดีไม่ดี ต้องดูความหนาแน่นให้พอเหมาะ มากไปกราฟต์ก็ตาย น้อยไปก็ผมบาง ทิศทางเส้นผมถ้าปักแล้วเบี้ยวก็ออกมาไม่สวย อันนี้เป็นเรื่องของคุณหมอล้วน ๆ เลย”


ที่สำคัญ หลังปลูกผมยังสามารถทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที


“วันสองวันแรก มีแค่น้ำเหลืองซึม ๆ และสะเก็ดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากทำก็มาเรียนปลูกผมต่อได้เลยครับ”

คุณหมอวรุตม์ยอมรับว่ามีความรู้สึกลุ้นนิดหน่อยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในระยะที่ผมใหม่หลุดร่วงออกตามธรรมชาติ แต่ประมาณ 3 – 4 เดือนผ่านไป ผมก็งอกขึ้นมาใหม่เหมือนที่คุณหมอบอกจริง ๆ

“มาหนาแน่นเลยครับ ผมคิดว่ากราฟต์น่าจะติดเกิน 90% ตอนนี้เหมือนผมปกติแล้วนะครับ กลมกลืนกับผมข้างเคียง ความแข็งแรงก็ใกล้กัน เวลาอาบน้ำสระผมจะไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างจากส่วนอื่น”


และในฐานะลูกศิษย์คนแรกของอาจารย์หมอนิน คุณหมอวรุตม์เล่าถึงความประทับใจว่า คุณหมอนินเป็นอาจารย์ที่คุยง่าย มีอะไรสงสัยก็ถามได้ทุกเรื่อง มีเทคนิคที่น่าสนใจ และให้การบ้านไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเยอะมาก ทั้งยังได้เรียนจากเคสคนไข้จริง ๆ ซึ่งในอนาคตคุณหมอวรุตม์ก็เตรียมที่จะนำเทคนิคความรู้ที่ได้ไปช่วยแก้ปัญหาเส้นผมให้คนอื่น ๆ ต่อไปอย่างแน่นอน


“ผมคิดว่าการปลูกผมไม่ใช่ศาสตร์ที่ยาก แต่มีรายละเอียดเยอะ ลองนึกภาพการปักผมใหม่ทีละกราฟต์ รวม 2,000 กราฟต์ทั้งวัน ซึ่งจะสวยไม่สวยก็อยู่ที่การออกแบบและการปัก มันเป็นเรื่องของศิลปะครับ”
หมอวรุตม์ เชื่อมั่นปลูกผมที่นามนิน
...จากคนไข้ สู่ลูกศิษย์คนแรก...“หมอวรุตม์” การันตี

การปลูกผมให้ดีคืองานศิลปะ

“การจะปลูกผมให้ออกมาสวยหรือไม่สวย ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณหมอเป็นหลักเลย เพราะการปลูกผมก็เหมือนงานศิลปะ ต้องอาศัยฝีมือศิลปินในการทำ”

นี่คือเสียงยืนยันของคุณหมอวรุตม์ หอมพูลทรัพย์ ว่าการปลูกผมต้องอาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการรักษา นอกจากคุณหมอวรุตม์ ซึ่งทุกวันนี้เป็นศัลยแพทย์ทั่วไปและมีคลินิกเป็นของตัวเอง จะเป็นหนึ่งในคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมกับคุณหมอนิน แห่งคลินิกนามนินแล้ว ยังเป็นลูกศิษย์คนแรกที่เข้ารับการฝึกอบรมเทคนิคการปลูกผม หรือ NEAT ของหมอนินด้วย ลองมาฟังประสบการณ์การเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ของคุณหมอวรุตม์กัน



“เดิมเป็นคนหน้าผากกว้างอยู่แล้ว แต่มาเด่นชัดตอนอายุ 24 – 25 พอผมร่นเข้าไปลึกก็ทำให้จัดทรงยาก ลมพัดทีก็หน้าผากเปิด เรียกว่าหน้าตาเราจะเปลี่ยนทุกครั้งที่ลมพัด แถมเวลาถอดหมวกผ่าตัด ผมก็จะลีบแบน ผมเป็นคนชอบอะไรที่คล่องตัว ไม่ต้องจัดทรงเยอะ ใช้ชีวิตได้เลย แต่พอเป็นอย่างนั้นมันลำบาก ไม่สะดวก และเสียความมั่นใจ”

ที่ผ่านมา คุณหมอวรุตม์เคยลองทายาและรับประทานยาอื่น ๆ มาบ้าง แต่ผมที่ขึ้นใหม่เป็นเพียงขนเส้นเล็ก ๆ และไม่ขึ้นบริเวณหน้าผากที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ ด้วยความที่รู้จักกับคุณหมอนินมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงเริ่มปรึกษาเรื่องปัญหาผม และจุดประกายความคิดที่จะลองปลูกผมขึ้นมา


“หมอนินเอารูปคนที่ปลูกก่อนหน้าให้ดู รู้สึกว่าแผลดูเล็ก ผมขึ้นค่อนข้างโอเค ทำแล้วดูดีขึ้น แก้ได้ตรงจุด หมอนินก็ให้คำแนะนำค่อนข้างดี เชิงบอกและสอนด้วย ทั้งทฤษฎีการปลูก ความหนาแน่นเท่าไหร่ดี ผู้ชายควรปลูกยังไง ผู้หญิงควรปลูกยังไง เอารูปเทคนิคการปลูกผมแบบเก่ากับใหม่มาเปรียบเทียบกัน หมอนิน อธิบายหมด ค่อนข้างจริงใจในการให้ข้อมูล ถ้าอันไหนทำแล้วไม่โอเค หมอนินก็จะบอก...

...ผมเห็นว่าปลูกแล้วสำเร็จค่อนข้างเยอะ 80 – 90% ก็คิดว่ามันน่าจะดี น่าจะได้ประโยชน์ไปอีกหลายปี”



คุณหมอนินจะเริ่มต้นจากการออกแบบพื้นที่ที่จะทำการปลูก โดยถามคนไข้ด้วยว่าอยากได้รูปหน้าแบบไหน และช่วยกันตัดสินใจเพื่อให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด จากนั้น คุณหมอนินจะเป็นผู้ควบคุมดูแลการปลูกผมเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การฉีดยาชา การถอนกราฟต์ผมออกโดยมีทีมงานผู้ช่วย ซึ่งในเคสของคุณหมอวรุตม์ ใช้กราฟต์ผมประมาณ 2,200 กราฟต์เพื่อความหนาแน่นเต็มที่ จนกระทั่งตอนปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ ซึ่งขั้นตอนนี้ ต้องอาศัยความละเอียดประณีตของคุณหมอนินเท่านั้น

“ตอนปักกราฟต์ผม คุณหมอนินทำเอง เพราะว่าจะออกมาดีไม่ดี ต้องดูความหนาแน่นให้พอเหมาะ มากไปกราฟต์ก็ตาย น้อยไปก็ผมบาง ทิศทางเส้นผมถ้าปักแล้วเบี้ยวก็ออกมาไม่สวย อันนี้เป็นเรื่องของคุณหมอล้วน ๆ เลย”


ที่สำคัญ หลังปลูกผมยังสามารถทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที


“วันสองวันแรก มีแค่น้ำเหลืองซึม ๆ และสะเก็ดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะวันรุ่งขึ้นหลังจากทำก็มาเรียนปลูกผมต่อได้เลยครับ”

คุณหมอวรุตม์ยอมรับว่ามีความรู้สึกลุ้นนิดหน่อยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในระยะที่ผมใหม่หลุดร่วงออกตามธรรมชาติ แต่ประมาณ 3 – 4 เดือนผ่านไป ผมก็งอกขึ้นมาใหม่เหมือนที่คุณหมอบอกจริง ๆ

“มาหนาแน่นเลยครับ ผมคิดว่ากราฟต์น่าจะติดเกิน 90% ตอนนี้เหมือนผมปกติแล้วนะครับ กลมกลืนกับผมข้างเคียง ความแข็งแรงก็ใกล้กัน เวลาอาบน้ำสระผมจะไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างจากส่วนอื่น”


และในฐานะลูกศิษย์คนแรกของอาจารย์หมอนิน คุณหมอวรุตม์เล่าถึงความประทับใจว่า คุณหมอนินเป็นอาจารย์ที่คุยง่าย มีอะไรสงสัยก็ถามได้ทุกเรื่อง มีเทคนิคที่น่าสนใจ และให้การบ้านไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเยอะมาก ทั้งยังได้เรียนจากเคสคนไข้จริง ๆ ซึ่งในอนาคตคุณหมอวรุตม์ก็เตรียมที่จะนำเทคนิคความรู้ที่ได้ไปช่วยแก้ปัญหาเส้นผมให้คนอื่น ๆ ต่อไปอย่างแน่นอน


“ผมคิดว่าการปลูกผมไม่ใช่ศาสตร์ที่ยาก แต่มีรายละเอียดเยอะ ลองนึกภาพการปักผมใหม่ทีละกราฟต์ รวม 2,000 กราฟต์ทั้งวัน ซึ่งจะสวยไม่สวยก็อยู่ที่การออกแบบและการปัก มันเป็นเรื่องของศิลปะครับ”
สุเมธ องอาจ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่
ขอยืนหนึ่งในวงการ ยืดอายุงานด้วยการปลูกผม

ทุกคนคงรู้จักคุณเมธ - สุเมธ องอาจ ในฐานะศิลปินและนักแสดงมากฝีมือ ภายใต้ลุคสบาย ๆ อบอุ่น และเป็นกันเอง ซึ่งก่อนหน้าที่คุณสุเมธจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมกับคลินิกนามนินนั้น เจ้าตัวแทบไม่เคยใส่ใจในปัญหาเส้นผมของตัวเองเลย!!

“จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยสังเกตตัวเอง รู้ว่าคันหัวและผมร่วงเรื่อย ๆ แต่ผมเป็นคนไม่สนใจตัวเองเลย ด้วยความที่รู้สึกว่าผมก็ 50 แล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยก็เกษียณ และจะผันตัวไปทำเบื้องหลัง ก็เลยไม่สนใจดูแลอะไร”


และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณเมธเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และเลือกลุกขึ้นมาจัดการจบปัญหาผมในวัย 51 ปี

“ช่วงโควิด มีน้องมาถ่ายไลฟ์สด ซึ่งไม่มีการแต่งหน้าทำผมอะไรทั้งสิ้น ช่วงนั้นผมยาวขึ้นด้วย ก็เลยเห็นว่าตรงไหนมันหายไปเยอะ จะมีหน้าผากเข้าไปซ้ายขวา ลึกเข้าไปเป็นนิ้วเหมือนกัน และด้านหลังศีรษะที่เป็นขวัญ มันกว้างขึ้น น้องก็เลยทักว่า พี่เมธ ไม่ได้แล้ว เริ่มเข้าไปลึกแล้ว...”

คุณเมธเริ่มได้รับคำแนะนำจากคนรอบข้างหลาย ๆ คน จนเห็นว่า ยังมีหนทางยืดอายุการทำงานออกไปได้อีก ทุกวันนี้ ด้วยความสามารถในการสื่อสารอารมณ์การแสดง เราจึงเห็นคุณเมธในบทคุณพ่ออยู่บ่อย ๆ เรียกได้ว่าคิวงานชุกแทบจะทุกช่อง คุณเมธมองว่าหากจบปัญหาผมได้ ก็น่าจะยืนหนึ่งในวงการไปอีกนาน

“ในเมื่อทุกคนบอกว่า เฮ้ยพี่ พี่ยังได้อีกหลายปี เจอผู้หลักผู้ใหญ่ รุ่นพี่ เขาก็บอกถ้ายื้อได้ก็ยื้อไว้เถอะ ถ้าสามารถป้องกันหรือทำให้ดีกว่าเดิมได้ ก็ควรทำ ถ้าเส้นผมมันยังไปได้เรื่อย ๆ อายุงานก็จะยาวขึ้น น่าจะอยู่ได้อีกหลายสิบปี เลยรู้สึกว่า ถ้ามันมีผลดีกับงานก็น่าทำเพราะถ้าเถิกกว่านี้อาจต้องกลายเป็นบทตาบทปู่ในอนาคต ซึ่งโอกาสงานก็จะน้อยลง”


และคลินิกนามนินก็เป็นตัวเลือกที่คุณเมธเดินเข้ามาปรึกษา เนื่องจากเห็นตัวอย่างของรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการที่เข้ามารับการปลูกผมแล้ว ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดูหนุ่มขึ้น (ทำเอาคุณสุเมธแอบกังวล เดี๋ยวจะโดนลดจากบทพ่อกลายเป็นบทพระเอก!!) ทั้งยังประทับใจในการรักษาของคุณหมอนินเป็นพิเศษ


"คุยกระบวนการรักษากับคุณหมอนินก็โอเค คุยถูกคอ คุณหมออธิบายการรักษาได้เข้าใจง่ายดี ผมก็ดูทั้งหมดว่ากระบวนการมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ไม่มีอะไรตกค้าง หรือมีผลข้างเคียงอะไร”


คุณเมธย้อนเล่าประสบการณ์ในวันที่มาปลูกผมกับคุณหมอนินว่า เป็นการนอนรักษาในบรรยากาศสบาย ๆ หลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่เจ็บเลย คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรในการปลูกผมใหม่ทีละกราฟต์ลงในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งในวันนั้น คุณหมอให้เวลากับคุณเมธอย่างเต็มที่ ร่วม 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ที่สำคัญ ไม่ต้องพักฟื้นนานอย่างที่คิด


“ผมก็ทำงานต่อเลยนะ เว้นไปวันหนึ่ง ซึ่งต้องทำโน่นทำนี่ในบ้าน ไม่ได้นอนพักฟื้นเป็นผู้ป่วย เพียงแต่ต้องระวังหัวไม่ให้เสียดสีมาก จากนั้นอีกวันก็ไปทำงานเลย เพราะถ่ายละคร 2 เรื่องพร้อมกันพอดี”


สำหรับผลการรักษา คุณเมธเล่าว่าในบริเวณที่ปลูกใหม่ไม่ได้มีแผล ส่วนด้านหลังที่ดึงกราฟต์ผมออกไปเป็นแถบเล็ก ๆ สลับเว้นวรรคกัน ก็สามารถไว้ผมยาวปิดได้พอดี และวันนี้เส้นผมก็ขึ้นใหม่เกือบครบสมบูรณ์


“ตอนนี้ผมก็ขึ้นเต็มแล้วนะ มีแค่บางจุดที่หลุดไปนิดเดียว คิดว่าโอเคเลย คุณหมอก็บอกว่าผมที่ปลูกใหม่น่ะแข็งแรงแน่ เพราะเป็นผมที่มาจากท้ายทอยซึ่งแข็งแรงที่สุด แต่ผมเดิมก็ต้องคอยดูแลดี ๆ ด้วย”


เห็นอย่างนี้แล้ว ใครที่เป็นแฟนคลับหรือชื่นชอบผลงานของคุณเมธ ก็สบายใจได้เลยว่า จะได้เห็นคุณเมธอวดเส้นผมหนาแน่นสุขภาพดี และโชว์ฝีไม้ลายมือทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอยู่ในวงการนี้ต่อไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน

“สำหรับผม เส้นผมจะช่วยให้อายุการทำงานนานขึ้น เรียกว่ามีงานทำไปได้โดยไม่ต้องมีวันเกษียณ ซึ่งเป็นงานที่เลี้ยงดูผมและครอบครัว ผมสามารถทำไปได้ถึงอายุ 70 80 ตัวผมแข็งแรงอยู่แล้ว แต่เส้นผมตัวเดียวเท่านั้นที่จะกำหนดให้เราแก่หรือหนุ่ม ดังนั้น ผมจริงมีไว้ดีที่สุดครับ”
สุเมธ องอาจ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่
ขอยืนหนึ่งในวงการ ยืดอายุงานด้วยการปลูกผม

ทุกคนคงรู้จักคุณเมธ - สุเมธ องอาจ ในฐานะศิลปินและนักแสดงมากฝีมือ ภายใต้ลุคสบาย ๆ อบอุ่น และเป็นกันเอง ซึ่งก่อนหน้าที่คุณสุเมธจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมกับคลินิกนามนินนั้น เจ้าตัวแทบไม่เคยใส่ใจในปัญหาเส้นผมของตัวเองเลย!!

“จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยสังเกตตัวเอง รู้ว่าคันหัวและผมร่วงเรื่อย ๆ แต่ผมเป็นคนไม่สนใจตัวเองเลย ด้วยความที่รู้สึกว่าผมก็ 50 แล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยก็เกษียณ และจะผันตัวไปทำเบื้องหลัง ก็เลยไม่สนใจดูแลอะไร”


และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณเมธเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และเลือกลุกขึ้นมาจัดการจบปัญหาผมในวัย 51 ปี

“ช่วงโควิด มีน้องมาถ่ายไลฟ์สด ซึ่งไม่มีการแต่งหน้าทำผมอะไรทั้งสิ้น ช่วงนั้นผมยาวขึ้นด้วย ก็เลยเห็นว่าตรงไหนมันหายไปเยอะ จะมีหน้าผากเข้าไปซ้ายขวา ลึกเข้าไปเป็นนิ้วเหมือนกัน และด้านหลังศีรษะที่เป็นขวัญ มันกว้างขึ้น น้องก็เลยทักว่า พี่เมธ ไม่ได้แล้ว เริ่มเข้าไปลึกแล้ว...”

คุณเมธเริ่มได้รับคำแนะนำจากคนรอบข้างหลาย ๆ คน จนเห็นว่า ยังมีหนทางยืดอายุการทำงานออกไปได้อีก ทุกวันนี้ ด้วยความสามารถในการสื่อสารอารมณ์การแสดง เราจึงเห็นคุณเมธในบทคุณพ่ออยู่บ่อย ๆ เรียกได้ว่าคิวงานชุกแทบจะทุกช่อง คุณเมธมองว่าหากจบปัญหาผมได้ ก็น่าจะยืนหนึ่งในวงการไปอีกนาน

“ในเมื่อทุกคนบอกว่า เฮ้ยพี่ พี่ยังได้อีกหลายปี เจอผู้หลักผู้ใหญ่ รุ่นพี่ เขาก็บอกถ้ายื้อได้ก็ยื้อไว้เถอะ ถ้าสามารถป้องกันหรือทำให้ดีกว่าเดิมได้ ก็ควรทำ ถ้าเส้นผมมันยังไปได้เรื่อย ๆ อายุงานก็จะยาวขึ้น น่าจะอยู่ได้อีกหลายสิบปี เลยรู้สึกว่า ถ้ามันมีผลดีกับงานก็น่าทำเพราะถ้าเถิกกว่านี้อาจต้องกลายเป็นบทตาบทปู่ในอนาคต ซึ่งโอกาสงานก็จะน้อยลง”


และคลินิกนามนินก็เป็นตัวเลือกที่คุณเมธเดินเข้ามาปรึกษา เนื่องจากเห็นตัวอย่างของรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการที่เข้ามารับการปลูกผมแล้ว ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดูหนุ่มขึ้น (ทำเอาคุณสุเมธแอบกังวล เดี๋ยวจะโดนลดจากบทพ่อกลายเป็นบทพระเอก!!) ทั้งยังประทับใจในการรักษาของคุณหมอนินเป็นพิเศษ


"คุยกระบวนการรักษากับคุณหมอนินก็โอเค คุยถูกคอ คุณหมออธิบายการรักษาได้เข้าใจง่ายดี ผมก็ดูทั้งหมดว่ากระบวนการมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ไม่มีอะไรตกค้าง หรือมีผลข้างเคียงอะไร”


คุณเมธย้อนเล่าประสบการณ์ในวันที่มาปลูกผมกับคุณหมอนินว่า เป็นการนอนรักษาในบรรยากาศสบาย ๆ หลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่เจ็บเลย คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรในการปลูกผมใหม่ทีละกราฟต์ลงในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งในวันนั้น คุณหมอให้เวลากับคุณเมธอย่างเต็มที่ ร่วม 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ที่สำคัญ ไม่ต้องพักฟื้นนานอย่างที่คิด


“ผมก็ทำงานต่อเลยนะ เว้นไปวันหนึ่ง ซึ่งต้องทำโน่นทำนี่ในบ้าน ไม่ได้นอนพักฟื้นเป็นผู้ป่วย เพียงแต่ต้องระวังหัวไม่ให้เสียดสีมาก จากนั้นอีกวันก็ไปทำงานเลย เพราะถ่ายละคร 2 เรื่องพร้อมกันพอดี”


สำหรับผลการรักษา คุณเมธเล่าว่าในบริเวณที่ปลูกใหม่ไม่ได้มีแผล ส่วนด้านหลังที่ดึงกราฟต์ผมออกไปเป็นแถบเล็ก ๆ สลับเว้นวรรคกัน ก็สามารถไว้ผมยาวปิดได้พอดี และวันนี้เส้นผมก็ขึ้นใหม่เกือบครบสมบูรณ์


“ตอนนี้ผมก็ขึ้นเต็มแล้วนะ มีแค่บางจุดที่หลุดไปนิดเดียว คิดว่าโอเคเลย คุณหมอก็บอกว่าผมที่ปลูกใหม่น่ะแข็งแรงแน่ เพราะเป็นผมที่มาจากท้ายทอยซึ่งแข็งแรงที่สุด แต่ผมเดิมก็ต้องคอยดูแลดี ๆ ด้วย”


เห็นอย่างนี้แล้ว ใครที่เป็นแฟนคลับหรือชื่นชอบผลงานของคุณเมธ ก็สบายใจได้เลยว่า จะได้เห็นคุณเมธอวดเส้นผมหนาแน่นสุขภาพดี และโชว์ฝีไม้ลายมือทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอยู่ในวงการนี้ต่อไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน

“สำหรับผม เส้นผมจะช่วยให้อายุการทำงานนานขึ้น เรียกว่ามีงานทำไปได้โดยไม่ต้องมีวันเกษียณ ซึ่งเป็นงานที่เลี้ยงดูผมและครอบครัว ผมสามารถทำไปได้ถึงอายุ 70 80 ตัวผมแข็งแรงอยู่แล้ว แต่เส้นผมตัวเดียวเท่านั้นที่จะกำหนดให้เราแก่หรือหนุ่ม ดังนั้น ผมจริงมีไว้ดีที่สุดครับ”
สุเมธ องอาจ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่
ขอยืนหนึ่งในวงการ ยืดอายุงานด้วยการปลูกผม

ทุกคนคงรู้จักคุณเมธ - สุเมธ องอาจ ในฐานะศิลปินและนักแสดงมากฝีมือ ภายใต้ลุคสบาย ๆ อบอุ่น และเป็นกันเอง ซึ่งก่อนหน้าที่คุณสุเมธจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมกับคลินิกนามนินนั้น เจ้าตัวแทบไม่เคยใส่ใจในปัญหาเส้นผมของตัวเองเลย!!

“จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยสังเกตตัวเอง รู้ว่าคันหัวและผมร่วงเรื่อย ๆ แต่ผมเป็นคนไม่สนใจตัวเองเลย ด้วยความที่รู้สึกว่าผมก็ 50 แล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยก็เกษียณ และจะผันตัวไปทำเบื้องหลัง ก็เลยไม่สนใจดูแลอะไร”


และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณเมธเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และเลือกลุกขึ้นมาจัดการจบปัญหาผมในวัย 51 ปี

“ช่วงโควิด มีน้องมาถ่ายไลฟ์สด ซึ่งไม่มีการแต่งหน้าทำผมอะไรทั้งสิ้น ช่วงนั้นผมยาวขึ้นด้วย ก็เลยเห็นว่าตรงไหนมันหายไปเยอะ จะมีหน้าผากเข้าไปซ้ายขวา ลึกเข้าไปเป็นนิ้วเหมือนกัน และด้านหลังศีรษะที่เป็นขวัญ มันกว้างขึ้น น้องก็เลยทักว่า พี่เมธ ไม่ได้แล้ว เริ่มเข้าไปลึกแล้ว...”

คุณเมธเริ่มได้รับคำแนะนำจากคนรอบข้างหลาย ๆ คน จนเห็นว่า ยังมีหนทางยืดอายุการทำงานออกไปได้อีก ทุกวันนี้ ด้วยความสามารถในการสื่อสารอารมณ์การแสดง เราจึงเห็นคุณเมธในบทคุณพ่ออยู่บ่อย ๆ เรียกได้ว่าคิวงานชุกแทบจะทุกช่อง คุณเมธมองว่าหากจบปัญหาผมได้ ก็น่าจะยืนหนึ่งในวงการไปอีกนาน

“ในเมื่อทุกคนบอกว่า เฮ้ยพี่ พี่ยังได้อีกหลายปี เจอผู้หลักผู้ใหญ่ รุ่นพี่ เขาก็บอกถ้ายื้อได้ก็ยื้อไว้เถอะ ถ้าสามารถป้องกันหรือทำให้ดีกว่าเดิมได้ ก็ควรทำ ถ้าเส้นผมมันยังไปได้เรื่อย ๆ อายุงานก็จะยาวขึ้น น่าจะอยู่ได้อีกหลายสิบปี เลยรู้สึกว่า ถ้ามันมีผลดีกับงานก็น่าทำเพราะถ้าเถิกกว่านี้อาจต้องกลายเป็นบทตาบทปู่ในอนาคต ซึ่งโอกาสงานก็จะน้อยลง”


และคลินิกนามนินก็เป็นตัวเลือกที่คุณเมธเดินเข้ามาปรึกษา เนื่องจากเห็นตัวอย่างของรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการที่เข้ามารับการปลูกผมแล้ว ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดูหนุ่มขึ้น (ทำเอาคุณสุเมธแอบกังวล เดี๋ยวจะโดนลดจากบทพ่อกลายเป็นบทพระเอก!!) ทั้งยังประทับใจในการรักษาของคุณหมอนินเป็นพิเศษ


"คุยกระบวนการรักษากับคุณหมอนินก็โอเค คุยถูกคอ คุณหมออธิบายการรักษาได้เข้าใจง่ายดี ผมก็ดูทั้งหมดว่ากระบวนการมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ไม่มีอะไรตกค้าง หรือมีผลข้างเคียงอะไร”


คุณเมธย้อนเล่าประสบการณ์ในวันที่มาปลูกผมกับคุณหมอนินว่า เป็นการนอนรักษาในบรรยากาศสบาย ๆ หลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่เจ็บเลย คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรในการปลูกผมใหม่ทีละกราฟต์ลงในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งในวันนั้น คุณหมอให้เวลากับคุณเมธอย่างเต็มที่ ร่วม 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ที่สำคัญ ไม่ต้องพักฟื้นนานอย่างที่คิด


“ผมก็ทำงานต่อเลยนะ เว้นไปวันหนึ่ง ซึ่งต้องทำโน่นทำนี่ในบ้าน ไม่ได้นอนพักฟื้นเป็นผู้ป่วย เพียงแต่ต้องระวังหัวไม่ให้เสียดสีมาก จากนั้นอีกวันก็ไปทำงานเลย เพราะถ่ายละคร 2 เรื่องพร้อมกันพอดี”


สำหรับผลการรักษา คุณเมธเล่าว่าในบริเวณที่ปลูกใหม่ไม่ได้มีแผล ส่วนด้านหลังที่ดึงกราฟต์ผมออกไปเป็นแถบเล็ก ๆ สลับเว้นวรรคกัน ก็สามารถไว้ผมยาวปิดได้พอดี และวันนี้เส้นผมก็ขึ้นใหม่เกือบครบสมบูรณ์


“ตอนนี้ผมก็ขึ้นเต็มแล้วนะ มีแค่บางจุดที่หลุดไปนิดเดียว คิดว่าโอเคเลย คุณหมอก็บอกว่าผมที่ปลูกใหม่น่ะแข็งแรงแน่ เพราะเป็นผมที่มาจากท้ายทอยซึ่งแข็งแรงที่สุด แต่ผมเดิมก็ต้องคอยดูแลดี ๆ ด้วย”


เห็นอย่างนี้แล้ว ใครที่เป็นแฟนคลับหรือชื่นชอบผลงานของคุณเมธ ก็สบายใจได้เลยว่า จะได้เห็นคุณเมธอวดเส้นผมหนาแน่นสุขภาพดี และโชว์ฝีไม้ลายมือทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอยู่ในวงการนี้ต่อไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน

“สำหรับผม เส้นผมจะช่วยให้อายุการทำงานนานขึ้น เรียกว่ามีงานทำไปได้โดยไม่ต้องมีวันเกษียณ ซึ่งเป็นงานที่เลี้ยงดูผมและครอบครัว ผมสามารถทำไปได้ถึงอายุ 70 80 ตัวผมแข็งแรงอยู่แล้ว แต่เส้นผมตัวเดียวเท่านั้นที่จะกำหนดให้เราแก่หรือหนุ่ม ดังนั้น ผมจริงมีไว้ดีที่สุดครับ”
สุเมธ องอาจ เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่
ขอยืนหนึ่งในวงการ ยืดอายุงานด้วยการปลูกผม

ทุกคนคงรู้จักคุณเมธ - สุเมธ องอาจ ในฐานะศิลปินและนักแสดงมากฝีมือ ภายใต้ลุคสบาย ๆ อบอุ่น และเป็นกันเอง ซึ่งก่อนหน้าที่คุณสุเมธจะตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมกับคลินิกนามนินนั้น เจ้าตัวแทบไม่เคยใส่ใจในปัญหาเส้นผมของตัวเองเลย!!

“จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยสังเกตตัวเอง รู้ว่าคันหัวและผมร่วงเรื่อย ๆ แต่ผมเป็นคนไม่สนใจตัวเองเลย ด้วยความที่รู้สึกว่าผมก็ 50 แล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยก็เกษียณ และจะผันตัวไปทำเบื้องหลัง ก็เลยไม่สนใจดูแลอะไร”


และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณเมธเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และเลือกลุกขึ้นมาจัดการจบปัญหาผมในวัย 51 ปี

“ช่วงโควิด มีน้องมาถ่ายไลฟ์สด ซึ่งไม่มีการแต่งหน้าทำผมอะไรทั้งสิ้น ช่วงนั้นผมยาวขึ้นด้วย ก็เลยเห็นว่าตรงไหนมันหายไปเยอะ จะมีหน้าผากเข้าไปซ้ายขวา ลึกเข้าไปเป็นนิ้วเหมือนกัน และด้านหลังศีรษะที่เป็นขวัญ มันกว้างขึ้น น้องก็เลยทักว่า พี่เมธ ไม่ได้แล้ว เริ่มเข้าไปลึกแล้ว...”

คุณเมธเริ่มได้รับคำแนะนำจากคนรอบข้างหลาย ๆ คน จนเห็นว่า ยังมีหนทางยืดอายุการทำงานออกไปได้อีก ทุกวันนี้ ด้วยความสามารถในการสื่อสารอารมณ์การแสดง เราจึงเห็นคุณเมธในบทคุณพ่ออยู่บ่อย ๆ เรียกได้ว่าคิวงานชุกแทบจะทุกช่อง คุณเมธมองว่าหากจบปัญหาผมได้ ก็น่าจะยืนหนึ่งในวงการไปอีกนาน

“ในเมื่อทุกคนบอกว่า เฮ้ยพี่ พี่ยังได้อีกหลายปี เจอผู้หลักผู้ใหญ่ รุ่นพี่ เขาก็บอกถ้ายื้อได้ก็ยื้อไว้เถอะ ถ้าสามารถป้องกันหรือทำให้ดีกว่าเดิมได้ ก็ควรทำ ถ้าเส้นผมมันยังไปได้เรื่อย ๆ อายุงานก็จะยาวขึ้น น่าจะอยู่ได้อีกหลายสิบปี เลยรู้สึกว่า ถ้ามันมีผลดีกับงานก็น่าทำเพราะถ้าเถิกกว่านี้อาจต้องกลายเป็นบทตาบทปู่ในอนาคต ซึ่งโอกาสงานก็จะน้อยลง”


และคลินิกนามนินก็เป็นตัวเลือกที่คุณเมธเดินเข้ามาปรึกษา เนื่องจากเห็นตัวอย่างของรุ่นพี่รุ่นน้องในวงการที่เข้ามารับการปลูกผมแล้ว ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดูหนุ่มขึ้น (ทำเอาคุณสุเมธแอบกังวล เดี๋ยวจะโดนลดจากบทพ่อกลายเป็นบทพระเอก!!) ทั้งยังประทับใจในการรักษาของคุณหมอนินเป็นพิเศษ


"คุยกระบวนการรักษากับคุณหมอนินก็โอเค คุยถูกคอ คุณหมออธิบายการรักษาได้เข้าใจง่ายดี ผมก็ดูทั้งหมดว่ากระบวนการมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ไม่มีอะไรตกค้าง หรือมีผลข้างเคียงอะไร”


คุณเมธย้อนเล่าประสบการณ์ในวันที่มาปลูกผมกับคุณหมอนินว่า เป็นการนอนรักษาในบรรยากาศสบาย ๆ หลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่เจ็บเลย คุณหมอนินเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรในการปลูกผมใหม่ทีละกราฟต์ลงในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งในวันนั้น คุณหมอให้เวลากับคุณเมธอย่างเต็มที่ ร่วม 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว ที่สำคัญ ไม่ต้องพักฟื้นนานอย่างที่คิด


“ผมก็ทำงานต่อเลยนะ เว้นไปวันหนึ่ง ซึ่งต้องทำโน่นทำนี่ในบ้าน ไม่ได้นอนพักฟื้นเป็นผู้ป่วย เพียงแต่ต้องระวังหัวไม่ให้เสียดสีมาก จากนั้นอีกวันก็ไปทำงานเลย เพราะถ่ายละคร 2 เรื่องพร้อมกันพอดี”


สำหรับผลการรักษา คุณเมธเล่าว่าในบริเวณที่ปลูกใหม่ไม่ได้มีแผล ส่วนด้านหลังที่ดึงกราฟต์ผมออกไปเป็นแถบเล็ก ๆ สลับเว้นวรรคกัน ก็สามารถไว้ผมยาวปิดได้พอดี และวันนี้เส้นผมก็ขึ้นใหม่เกือบครบสมบูรณ์


“ตอนนี้ผมก็ขึ้นเต็มแล้วนะ มีแค่บางจุดที่หลุดไปนิดเดียว คิดว่าโอเคเลย คุณหมอก็บอกว่าผมที่ปลูกใหม่น่ะแข็งแรงแน่ เพราะเป็นผมที่มาจากท้ายทอยซึ่งแข็งแรงที่สุด แต่ผมเดิมก็ต้องคอยดูแลดี ๆ ด้วย”


เห็นอย่างนี้แล้ว ใครที่เป็นแฟนคลับหรือชื่นชอบผลงานของคุณเมธ ก็สบายใจได้เลยว่า จะได้เห็นคุณเมธอวดเส้นผมหนาแน่นสุขภาพดี และโชว์ฝีไม้ลายมือทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังอยู่ในวงการนี้ต่อไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน

“สำหรับผม เส้นผมจะช่วยให้อายุการทำงานนานขึ้น เรียกว่ามีงานทำไปได้โดยไม่ต้องมีวันเกษียณ ซึ่งเป็นงานที่เลี้ยงดูผมและครอบครัว ผมสามารถทำไปได้ถึงอายุ 70 80 ตัวผมแข็งแรงอยู่แล้ว แต่เส้นผมตัวเดียวเท่านั้นที่จะกำหนดให้เราแก่หรือหนุ่ม ดังนั้น ผมจริงมีไว้ดีที่สุดครับ”
ปลูกผมสวยไม่ต้องรอสูงอายุ
แนะสาว ๆ ปลูกผมสวยก่อนสาย ไม่ต้องรอสูงอายุ
คุณตูน - นิฐาณัณฐ์ นิยมสุจริต เล่าให้เราฟังถึงวันที่ตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในวัย 36 ปี ด้วยการเข้ารับการปลูกผมกับคลินิกนามนิน

“ทำไมตูนถึงปลูกผมตอนอายุ 36 จริง ๆ ควรทำตอนอายุมากกว่านี้ถูกมั้ย แต่ตูนมองว่ามันจะสายเกินไปหรือเปล่า ตูนมองว่าเรายังเป็นวัยที่ออกไปเจอผู้คน ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แบบมีคุณภาพดีกว่ามั้ย ขอสวย ณ ตอนนี้เลย ไม่ใช่สวยตอนแก่ ถึงตอนนั้นจะทำไปอวดใคร”


คุณตูนก็ไม่ต่างจากสาวหัวเหม่งทั่วไปที่ประสบกับปัญหาผมบริเวณหน้าผากร่นสูงขึ้นไปเป็นลักษณะรูปตัว M ซึ่งเห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเริ่มเพิ่มขึ้น เมื่อหน้าผากกว้าง จึงทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนสวยงามดังใจ

“เส้นผมสำคัญกับชีวิตเรามาก เราต้องพบเจอผู้คนเยอะ หน้าสวยหน้าใสแค่ไหน แต่ถ้าศีรษะโล้นหรือเถิก ก็จะทำให้เสียบุคลิก และทำให้ดูหน้าตาแก่กว่าวัย”

และด้วยความที่เป็นเภสัชกรเจ้าของร้านยา คุณตูนจึงเลือกสรรยาที่จะช่วยบำรุงเส้นผมให้กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ตามที่ใจต้องการ

“เคยซื้อสเปรย์ แชมพู และเซรั่มมาใช้ ผมมันขึ้นนะแต่ขึ้นไม่ถูกใจเรา คือมีผมงอกขึ้นใหม่เฉพาะข้างหลัง แต่ข้างหน้ายังใสเหมือนเดิม ดังนั้น ปัญหาที่เรามีอยู่มันไม่สามารถแก้ได้ด้วยการใช้ตัวยาพวกนี้ เพราะในจุดที่เราต้องการมันไม่ขึ้น”

นั่นคือเรื่องราวของคุณตูนก่อนจะมารู้จักกับคลินิกนามนินจาก facebook เมื่อลองศึกษาข้อมูลก็พบว่าคนไข้ของคลินิกมีทั้งดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง ตลอดจนแพทย์หลาย ๆ ท่านก็ยังวางใจมาปลูกผมที่นี่ แต่สิ่งที่ทำให้คุณตูนตัดสินใจเลือกนามนิน ก็คือความประทับใจในตัวคุณหมอนินนั่นเอง


“ประทับใจหมอมาก ชอบที่คุณหมอเป็นคนพูดตรง พูดจริง พี่ตูน จะเป็นอย่างนี้นะ ผมที่ปลูกจะต้องร่วงก่อนนะ จำนวนกราฟต์อัดแน่นเท่านี้ ราคาจะเป็นเท่านี้”

และคุณหมอยังให้คำปรึกษารวมถึงออกแบบการแต่งกรอบหน้าให้ใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น


“หมอถามว่า พี่ตูนจะเอารูปหน้าแบบไหน หมอจะวาดให้ดู เอาโค้ง ๆ แบบนี้นะพี่ตูน หวานดี เราก็อยากให้ดีกรีความเหม่งลดลงอยู่แล้ว หมอก็จัดให้ โดยดูแนวคิ้ว ดูการขยับของกล้ามเนื้อ”

คุณตูนเข้ารับการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค NEAT จากนามนิน ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 โดยมีคุณหมอนินเป็นผู้ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง โดยเฉพาะตอนนำรากผมมาปลูกลงใหม่เพื่อแต่งกรอบบริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้คุณตูนเลือกทำการรักษากับที่นี่


คุณตูนยังเป็นตัวอย่างของเคสที่เข้าสู่ระยะผมร่วงหลังการปลูกผมใหม่ค่อนข้างเร็ว แต่ผมก็งอกขึ้นใหม่เร็วเช่นกัน


“คุณหมอใช้วิธีการปลูกแทรก โดยดูทิศทางผมใหม่ให้รับกับไรผมเดิมและใบหน้าของเรา ผมใหม่เลยขึ้นมาเนียนปกติ ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง สามารถใช้ชีวิตประจำวัน มัดผมรวบตึงได้สบาย 4 เดือนผ่านมา ไม่มีใครทักว่าเราไปทำ เหมือนไม่ได้ไปทำ มันเนียนกริบ”


และเมื่อเราถามถึงความพอใจในผลลัพธ์การปลูกผม โดยเฉพาะเรื่องของกรอบหน้า คุณตูนก็ตอบได้ทันทีว่า...

“กรอบหน้าเปลี่ยนสิคะ โอเคเลย ทำมาตั้งขนาดนี้ วันนี้ครบ 4 เดือน ผมใหม่ก็ขึ้นเกือบสมบูรณ์แล้ว ผมร่วงน้อยลง หมอบอกว่าน่าจะขึ้นได้เต็มกว่านี้ เพราะปักไว้ค่อนข้างแน่น ประมาณ 2,600 กราฟต์”


และอย่างที่คุณตูนบอกกับเราว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันสูงวัย คุณก็สามารถเลือกจบปัญหาผมแบบถาวร เปลี่ยนตัวเองจากสาวหัวเหม่ง ไปสู่คุณคนใหม่ เพื่อใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้ในทุก ๆ วัน

“มันดีมาก คือรู้สึกว่าเงินจำนวนนี้แลกกับความสวย และเส้นผมที่จะอยู่กับเราไปได้อีกหลาย ๆ ปี ถามว่าคุ้มมั้ย คุ้มมาก!! ...ตูนโอเคมาก ๆ เลยค่ะ...”
ปลูกผมสวยไม่ต้องรอสูงอายุ
แนะสาว ๆ ปลูกผมสวยก่อนสาย ไม่ต้องรอสูงอายุ
คุณตูน - นิฐาณัณฐ์ นิยมสุจริต เล่าให้เราฟังถึงวันที่ตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในวัย 36 ปี ด้วยการเข้ารับการปลูกผมกับคลินิกนามนิน

“ทำไมตูนถึงปลูกผมตอนอายุ 36 จริง ๆ ควรทำตอนอายุมากกว่านี้ถูกมั้ย แต่ตูนมองว่ามันจะสายเกินไปหรือเปล่า ตูนมองว่าเรายังเป็นวัยที่ออกไปเจอผู้คน ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แบบมีคุณภาพดีกว่ามั้ย ขอสวย ณ ตอนนี้เลย ไม่ใช่สวยตอนแก่ ถึงตอนนั้นจะทำไปอวดใคร”


คุณตูนก็ไม่ต่างจากสาวหัวเหม่งทั่วไปที่ประสบกับปัญหาผมบริเวณหน้าผากร่นสูงขึ้นไปเป็นลักษณะรูปตัว M ซึ่งเห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเริ่มเพิ่มขึ้น เมื่อหน้าผากกว้าง จึงทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนสวยงามดังใจ

“เส้นผมสำคัญกับชีวิตเรามาก เราต้องพบเจอผู้คนเยอะ หน้าสวยหน้าใสแค่ไหน แต่ถ้าศีรษะโล้นหรือเถิก ก็จะทำให้เสียบุคลิก และทำให้ดูหน้าตาแก่กว่าวัย”

และด้วยความที่เป็นเภสัชกรเจ้าของร้านยา คุณตูนจึงเลือกสรรยาที่จะช่วยบำรุงเส้นผมให้กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ตามที่ใจต้องการ

“เคยซื้อสเปรย์ แชมพู และเซรั่มมาใช้ ผมมันขึ้นนะแต่ขึ้นไม่ถูกใจเรา คือมีผมงอกขึ้นใหม่เฉพาะข้างหลัง แต่ข้างหน้ายังใสเหมือนเดิม ดังนั้น ปัญหาที่เรามีอยู่มันไม่สามารถแก้ได้ด้วยการใช้ตัวยาพวกนี้ เพราะในจุดที่เราต้องการมันไม่ขึ้น”

นั่นคือเรื่องราวของคุณตูนก่อนจะมารู้จักกับคลินิกนามนินจาก facebook เมื่อลองศึกษาข้อมูลก็พบว่าคนไข้ของคลินิกมีทั้งดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง ตลอดจนแพทย์หลาย ๆ ท่านก็ยังวางใจมาปลูกผมที่นี่ แต่สิ่งที่ทำให้คุณตูนตัดสินใจเลือกนามนิน ก็คือความประทับใจในตัวคุณหมอนินนั่นเอง


“ประทับใจหมอมาก ชอบที่คุณหมอเป็นคนพูดตรง พูดจริง พี่ตูน จะเป็นอย่างนี้นะ ผมที่ปลูกจะต้องร่วงก่อนนะ จำนวนกราฟต์อัดแน่นเท่านี้ ราคาจะเป็นเท่านี้”

และคุณหมอยังให้คำปรึกษารวมถึงออกแบบการแต่งกรอบหน้าให้ใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น


“หมอถามว่า พี่ตูนจะเอารูปหน้าแบบไหน หมอจะวาดให้ดู เอาโค้ง ๆ แบบนี้นะพี่ตูน หวานดี เราก็อยากให้ดีกรีความเหม่งลดลงอยู่แล้ว หมอก็จัดให้ โดยดูแนวคิ้ว ดูการขยับของกล้ามเนื้อ”

คุณตูนเข้ารับการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค NEAT จากนามนิน ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 โดยมีคุณหมอนินเป็นผู้ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง โดยเฉพาะตอนนำรากผมมาปลูกลงใหม่เพื่อแต่งกรอบบริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้คุณตูนเลือกทำการรักษากับที่นี่


คุณตูนยังเป็นตัวอย่างของเคสที่เข้าสู่ระยะผมร่วงหลังการปลูกผมใหม่ค่อนข้างเร็ว แต่ผมก็งอกขึ้นใหม่เร็วเช่นกัน


“คุณหมอใช้วิธีการปลูกแทรก โดยดูทิศทางผมใหม่ให้รับกับไรผมเดิมและใบหน้าของเรา ผมใหม่เลยขึ้นมาเนียนปกติ ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง สามารถใช้ชีวิตประจำวัน มัดผมรวบตึงได้สบาย 4 เดือนผ่านมา ไม่มีใครทักว่าเราไปทำ เหมือนไม่ได้ไปทำ มันเนียนกริบ”


และเมื่อเราถามถึงความพอใจในผลลัพธ์การปลูกผม โดยเฉพาะเรื่องของกรอบหน้า คุณตูนก็ตอบได้ทันทีว่า...

“กรอบหน้าเปลี่ยนสิคะ โอเคเลย ทำมาตั้งขนาดนี้ วันนี้ครบ 4 เดือน ผมใหม่ก็ขึ้นเกือบสมบูรณ์แล้ว ผมร่วงน้อยลง หมอบอกว่าน่าจะขึ้นได้เต็มกว่านี้ เพราะปักไว้ค่อนข้างแน่น ประมาณ 2,600 กราฟต์”


และอย่างที่คุณตูนบอกกับเราว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันสูงวัย คุณก็สามารถเลือกจบปัญหาผมแบบถาวร เปลี่ยนตัวเองจากสาวหัวเหม่ง ไปสู่คุณคนใหม่ เพื่อใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้ในทุก ๆ วัน

“มันดีมาก คือรู้สึกว่าเงินจำนวนนี้แลกกับความสวย และเส้นผมที่จะอยู่กับเราไปได้อีกหลาย ๆ ปี ถามว่าคุ้มมั้ย คุ้มมาก!! ...ตูนโอเคมาก ๆ เลยค่ะ...”
ปลูกผมสวยไม่ต้องรอสูงอายุ
แนะสาว ๆ ปลูกผมสวยก่อนสาย ไม่ต้องรอสูงอายุ
คุณตูน - นิฐาณัณฐ์ นิยมสุจริต เล่าให้เราฟังถึงวันที่ตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในวัย 36 ปี ด้วยการเข้ารับการปลูกผมกับคลินิกนามนิน

“ทำไมตูนถึงปลูกผมตอนอายุ 36 จริง ๆ ควรทำตอนอายุมากกว่านี้ถูกมั้ย แต่ตูนมองว่ามันจะสายเกินไปหรือเปล่า ตูนมองว่าเรายังเป็นวัยที่ออกไปเจอผู้คน ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แบบมีคุณภาพดีกว่ามั้ย ขอสวย ณ ตอนนี้เลย ไม่ใช่สวยตอนแก่ ถึงตอนนั้นจะทำไปอวดใคร”


คุณตูนก็ไม่ต่างจากสาวหัวเหม่งทั่วไปที่ประสบกับปัญหาผมบริเวณหน้าผากร่นสูงขึ้นไปเป็นลักษณะรูปตัว M ซึ่งเห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเริ่มเพิ่มขึ้น เมื่อหน้าผากกว้าง จึงทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนสวยงามดังใจ

“เส้นผมสำคัญกับชีวิตเรามาก เราต้องพบเจอผู้คนเยอะ หน้าสวยหน้าใสแค่ไหน แต่ถ้าศีรษะโล้นหรือเถิก ก็จะทำให้เสียบุคลิก และทำให้ดูหน้าตาแก่กว่าวัย”

และด้วยความที่เป็นเภสัชกรเจ้าของร้านยา คุณตูนจึงเลือกสรรยาที่จะช่วยบำรุงเส้นผมให้กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ตามที่ใจต้องการ

“เคยซื้อสเปรย์ แชมพู และเซรั่มมาใช้ ผมมันขึ้นนะแต่ขึ้นไม่ถูกใจเรา คือมีผมงอกขึ้นใหม่เฉพาะข้างหลัง แต่ข้างหน้ายังใสเหมือนเดิม ดังนั้น ปัญหาที่เรามีอยู่มันไม่สามารถแก้ได้ด้วยการใช้ตัวยาพวกนี้ เพราะในจุดที่เราต้องการมันไม่ขึ้น”

นั่นคือเรื่องราวของคุณตูนก่อนจะมารู้จักกับคลินิกนามนินจาก facebook เมื่อลองศึกษาข้อมูลก็พบว่าคนไข้ของคลินิกมีทั้งดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง ตลอดจนแพทย์หลาย ๆ ท่านก็ยังวางใจมาปลูกผมที่นี่ แต่สิ่งที่ทำให้คุณตูนตัดสินใจเลือกนามนิน ก็คือความประทับใจในตัวคุณหมอนินนั่นเอง


“ประทับใจหมอมาก ชอบที่คุณหมอเป็นคนพูดตรง พูดจริง พี่ตูน จะเป็นอย่างนี้นะ ผมที่ปลูกจะต้องร่วงก่อนนะ จำนวนกราฟต์อัดแน่นเท่านี้ ราคาจะเป็นเท่านี้”

และคุณหมอยังให้คำปรึกษารวมถึงออกแบบการแต่งกรอบหน้าให้ใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น


“หมอถามว่า พี่ตูนจะเอารูปหน้าแบบไหน หมอจะวาดให้ดู เอาโค้ง ๆ แบบนี้นะพี่ตูน หวานดี เราก็อยากให้ดีกรีความเหม่งลดลงอยู่แล้ว หมอก็จัดให้ โดยดูแนวคิ้ว ดูการขยับของกล้ามเนื้อ”

คุณตูนเข้ารับการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค NEAT จากนามนิน ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 โดยมีคุณหมอนินเป็นผู้ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง โดยเฉพาะตอนนำรากผมมาปลูกลงใหม่เพื่อแต่งกรอบบริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้คุณตูนเลือกทำการรักษากับที่นี่


คุณตูนยังเป็นตัวอย่างของเคสที่เข้าสู่ระยะผมร่วงหลังการปลูกผมใหม่ค่อนข้างเร็ว แต่ผมก็งอกขึ้นใหม่เร็วเช่นกัน


“คุณหมอใช้วิธีการปลูกแทรก โดยดูทิศทางผมใหม่ให้รับกับไรผมเดิมและใบหน้าของเรา ผมใหม่เลยขึ้นมาเนียนปกติ ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง สามารถใช้ชีวิตประจำวัน มัดผมรวบตึงได้สบาย 4 เดือนผ่านมา ไม่มีใครทักว่าเราไปทำ เหมือนไม่ได้ไปทำ มันเนียนกริบ”


และเมื่อเราถามถึงความพอใจในผลลัพธ์การปลูกผม โดยเฉพาะเรื่องของกรอบหน้า คุณตูนก็ตอบได้ทันทีว่า...

“กรอบหน้าเปลี่ยนสิคะ โอเคเลย ทำมาตั้งขนาดนี้ วันนี้ครบ 4 เดือน ผมใหม่ก็ขึ้นเกือบสมบูรณ์แล้ว ผมร่วงน้อยลง หมอบอกว่าน่าจะขึ้นได้เต็มกว่านี้ เพราะปักไว้ค่อนข้างแน่น ประมาณ 2,600 กราฟต์”


และอย่างที่คุณตูนบอกกับเราว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันสูงวัย คุณก็สามารถเลือกจบปัญหาผมแบบถาวร เปลี่ยนตัวเองจากสาวหัวเหม่ง ไปสู่คุณคนใหม่ เพื่อใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้ในทุก ๆ วัน

“มันดีมาก คือรู้สึกว่าเงินจำนวนนี้แลกกับความสวย และเส้นผมที่จะอยู่กับเราไปได้อีกหลาย ๆ ปี ถามว่าคุ้มมั้ย คุ้มมาก!! ...ตูนโอเคมาก ๆ เลยค่ะ...”
ปลูกผมสวยไม่ต้องรอสูงอายุ
แนะสาว ๆ ปลูกผมสวยก่อนสาย ไม่ต้องรอสูงอายุ
คุณตูน - นิฐาณัณฐ์ นิยมสุจริต เล่าให้เราฟังถึงวันที่ตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในวัย 36 ปี ด้วยการเข้ารับการปลูกผมกับคลินิกนามนิน

“ทำไมตูนถึงปลูกผมตอนอายุ 36 จริง ๆ ควรทำตอนอายุมากกว่านี้ถูกมั้ย แต่ตูนมองว่ามันจะสายเกินไปหรือเปล่า ตูนมองว่าเรายังเป็นวัยที่ออกไปเจอผู้คน ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แบบมีคุณภาพดีกว่ามั้ย ขอสวย ณ ตอนนี้เลย ไม่ใช่สวยตอนแก่ ถึงตอนนั้นจะทำไปอวดใคร”


คุณตูนก็ไม่ต่างจากสาวหัวเหม่งทั่วไปที่ประสบกับปัญหาผมบริเวณหน้าผากร่นสูงขึ้นไปเป็นลักษณะรูปตัว M ซึ่งเห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเริ่มเพิ่มขึ้น เมื่อหน้าผากกว้าง จึงทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนสวยงามดังใจ

“เส้นผมสำคัญกับชีวิตเรามาก เราต้องพบเจอผู้คนเยอะ หน้าสวยหน้าใสแค่ไหน แต่ถ้าศีรษะโล้นหรือเถิก ก็จะทำให้เสียบุคลิก และทำให้ดูหน้าตาแก่กว่าวัย”

และด้วยความที่เป็นเภสัชกรเจ้าของร้านยา คุณตูนจึงเลือกสรรยาที่จะช่วยบำรุงเส้นผมให้กลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ตามที่ใจต้องการ

“เคยซื้อสเปรย์ แชมพู และเซรั่มมาใช้ ผมมันขึ้นนะแต่ขึ้นไม่ถูกใจเรา คือมีผมงอกขึ้นใหม่เฉพาะข้างหลัง แต่ข้างหน้ายังใสเหมือนเดิม ดังนั้น ปัญหาที่เรามีอยู่มันไม่สามารถแก้ได้ด้วยการใช้ตัวยาพวกนี้ เพราะในจุดที่เราต้องการมันไม่ขึ้น”

นั่นคือเรื่องราวของคุณตูนก่อนจะมารู้จักกับคลินิกนามนินจาก facebook เมื่อลองศึกษาข้อมูลก็พบว่าคนไข้ของคลินิกมีทั้งดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง ตลอดจนแพทย์หลาย ๆ ท่านก็ยังวางใจมาปลูกผมที่นี่ แต่สิ่งที่ทำให้คุณตูนตัดสินใจเลือกนามนิน ก็คือความประทับใจในตัวคุณหมอนินนั่นเอง


“ประทับใจหมอมาก ชอบที่คุณหมอเป็นคนพูดตรง พูดจริง พี่ตูน จะเป็นอย่างนี้นะ ผมที่ปลูกจะต้องร่วงก่อนนะ จำนวนกราฟต์อัดแน่นเท่านี้ ราคาจะเป็นเท่านี้”

และคุณหมอยังให้คำปรึกษารวมถึงออกแบบการแต่งกรอบหน้าให้ใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น


“หมอถามว่า พี่ตูนจะเอารูปหน้าแบบไหน หมอจะวาดให้ดู เอาโค้ง ๆ แบบนี้นะพี่ตูน หวานดี เราก็อยากให้ดีกรีความเหม่งลดลงอยู่แล้ว หมอก็จัดให้ โดยดูแนวคิ้ว ดูการขยับของกล้ามเนื้อ”

คุณตูนเข้ารับการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค NEAT จากนามนิน ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 โดยมีคุณหมอนินเป็นผู้ควบคุมดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง โดยเฉพาะตอนนำรากผมมาปลูกลงใหม่เพื่อแต่งกรอบบริเวณหน้าผาก ซึ่งเป็นจุดเด่นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้คุณตูนเลือกทำการรักษากับที่นี่


คุณตูนยังเป็นตัวอย่างของเคสที่เข้าสู่ระยะผมร่วงหลังการปลูกผมใหม่ค่อนข้างเร็ว แต่ผมก็งอกขึ้นใหม่เร็วเช่นกัน


“คุณหมอใช้วิธีการปลูกแทรก โดยดูทิศทางผมใหม่ให้รับกับไรผมเดิมและใบหน้าของเรา ผมใหม่เลยขึ้นมาเนียนปกติ ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง สามารถใช้ชีวิตประจำวัน มัดผมรวบตึงได้สบาย 4 เดือนผ่านมา ไม่มีใครทักว่าเราไปทำ เหมือนไม่ได้ไปทำ มันเนียนกริบ”


และเมื่อเราถามถึงความพอใจในผลลัพธ์การปลูกผม โดยเฉพาะเรื่องของกรอบหน้า คุณตูนก็ตอบได้ทันทีว่า...

“กรอบหน้าเปลี่ยนสิคะ โอเคเลย ทำมาตั้งขนาดนี้ วันนี้ครบ 4 เดือน ผมใหม่ก็ขึ้นเกือบสมบูรณ์แล้ว ผมร่วงน้อยลง หมอบอกว่าน่าจะขึ้นได้เต็มกว่านี้ เพราะปักไว้ค่อนข้างแน่น ประมาณ 2,600 กราฟต์”


และอย่างที่คุณตูนบอกกับเราว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันสูงวัย คุณก็สามารถเลือกจบปัญหาผมแบบถาวร เปลี่ยนตัวเองจากสาวหัวเหม่ง ไปสู่คุณคนใหม่ เพื่อใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้ในทุก ๆ วัน

“มันดีมาก คือรู้สึกว่าเงินจำนวนนี้แลกกับความสวย และเส้นผมที่จะอยู่กับเราไปได้อีกหลาย ๆ ปี ถามว่าคุ้มมั้ย คุ้มมาก!! ...ตูนโอเคมาก ๆ เลยค่ะ...”
คุณติ๊ก - กิตติพันธ์ พุ่มสุโข ชวนปลูกผมย้อนวัย
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ ชวนปลูกผมย้อนวัย แบบไม่ต้องแคร์ตัวเลขอายุ
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ พุ่มสุโข คือศิลปินและนักแสดงที่มีผลงานในวงการบันเทิงมายาวนาน จนเราอาจไม่เชื่อว่า วันนี้ คุณติ๊กในวัย 51 ปี จะยังคงสดใสและดูดีเหมือนกับหยุดเวลาเอาไว้ ซึ่งเคล็ดลับที่ทำให้คุณติ๊กยังคงซ่อนตัวเลขอายุไว้ภายใต้ลุคสุดสมาร์ทแบบนี้ได้ ก็คือ “เส้นผม”

"เส้นผมเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยอาชีพเรายังต้องอาศัยภาพลักษณ์ในการทำงาน ไม่ว่าคุณจะเลือกเสื้อผ้าและแต่งตัวดูดีขนาดไหน จะรักษารูปร่างหรือดูแลผิวหน้าให้ดูเด็กอย่างไร แต่ถ้าผมบางลงเมื่อไหร่ จบกัน คำว่า แก่ มาทันที"


อาการผมหลุดร่วง เริ่มกลายเป็นปัญหากวนใจคุณติ๊กเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงอายุ 40 ปี ทำให้ผมด้านหน้าร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M และผมบริเวณขวัญกลางศีรษะก็บางลงจนเห็นได้ชัด หลังจากพบว่าแชมพู ยา หรือเซรั่มต่าง ๆ ที่ทดลองใช้ ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาผมที่เป็นอยู่ได้ คุณติ๊กจึงลองเข้ามาคุยกับคุณหมอนิน ก่อนจะตัดสินใจปลูกผมกับคลินิกนามนินในที่สุด


“จริง ๆ กลัวการศัลยกรรมมาก แต่ที่ตัดสินใจทำเพราะเส้นผมมีส่วนทำให้เราหมดความมั่นใจไปมากกว่า 50% เวลาเดินเข้าห้าง ผ่านช่องแอร์ ผมต้องปลิว ความมั่นใจตัวเองหายไปทันที พยายามลองใช้เทคนิคในการแต่งทรงผมต่าง ๆ ก็ยังช่วยไม่ได้” 


“เจอคุณหมอนินครั้งแรก คุณหมอไม่ได้พยายามกดดันให้เราต้องปลูกผม เพียงแต่พูดคุยถึงปัญหา เหมือนให้กำลังใจ ว่าเรายังมีเส้นผมด้านหลังอยู่ และชี้จุดที่จะแก้ปัญหาเพื่อให้ผมดูหนาขึ้น ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น”


คุณติ๊กเล่าว่า เคยกลัวการปลูกผมเทคนิคเดิมที่ต้องผ่าตัด แต่เทคนิคของคุณหมอนิน จะเป็นการย้ายรากผมจากท้ายทอยด้านหลังไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยใช้เทคนิคซ่อนแผล ซึ่งหลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย

“ช่วงที่ทำบอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่เคยคิดไว้ ตอนแรกคิดว่าคงทรมานมาก ปรากฏว่าไม่ และประทับใจที่คุณหมอมือเบามากกกก”

ผมที่ลีบ เล็ก และบาง บริเวณกลางศีรษะ คือปัญหาใหญ่ของคุณติ๊ก ซึ่งคุณหมอนินอธิบายให้คุณติ๊กฟังว่า เส้นผมของเราอ่อนแอจนเป็นปัญหาสะสมมานาน สิ่งที่ช่วยได้คือการนำรากผมที่แข็งแรง ไปปลูกแทรกแบบกระจายให้ทั่วบริเวณ เพื่อให้รากผมใหม่ช่วยดันโคนเส้นผมเก่าเอาไว้ ทำให้ภาพรวมของผมดูหนาขึ้น

หลังจากปลูกผมเพียงวันเดียว คุณติ๊กก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเหมือนเคยโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน เพราะอาการบวมลดลงเร็วมาก ขณะเดียวกันก็แทบไม่มีเลือดออก และเมื่อหลายเดือนผ่านไป กราฟต์ผมมากกว่า 2,000 กราฟต์ที่คุณหมอนินปลูกไว้ ทั้งบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ก็เติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ ...เปลี่ยนคุณติ๊กเป็นคนใหม่ได้จริง ๆ...

“สิ่งที่ประทับใจมากที่สุด การหลุดร่วงของเส้นผมถือว่าน้อย แล้วเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ มันแข็งแรง เรารู้สึกได้ เดิมเราไม่สามารถเล่นอะไรกับเส้นผมได้ แต่ตอนนี้ เราสามารถทำได้หลาย ๆ ทรงในแบบที่เราชอบ”

และสิ่งที่ทำให้คุณติ๊กเป็นปลื้มมากที่สุด ก็คงจะเป็นเสียงสะท้อนจากคนรอบข้างนี่เอง

“ผลคือแฮปปี้ เราคิดไปเองไม่เท่ากับคนอื่นบอก ทุกคนที่รู้ว่าทำมา จะบอกว่าผมเยอะมาก ดูดีมาก เพราะคุณหมอละเอียดถึงขั้นค่อย ๆ ปักผมใหม่ให้ไปในทิศทางเดียวกับไรผมเดิม ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าไปปลูกผมมา ก็จะดูไม่ออกเลย เพราะแทบไม่เห็นแผลด้านหลัง แนะนำเลยว่า การศัลยกรรมเส้นผม ไม่ได้น่ากลัว โดยเฉพาะเทคนิคที่คุณหมอมีอยู่ อันนี้คือสิ่งที่เรามั่นใจ”


คุณติ๊กยังฝากทิ้งท้ายถึงใครก็ตามที่เข้ารับการปลูกผม อย่าลืมมีวินัยปฏิบัติตามที่คุณหมอสั่ง ไม่ว่าจะเป็นการงดกาแฟ บุหรี่ แอลกอฮอล์ในช่วงแรก หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ รวมถึงการติดตามผลการรักษากับคุณหมอด้วย แล้วผลลัพธ์จะออกมาสมบูรณ์ เช่นเดียวกับที่คุณติ๊กทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด และทุกวันนี้ก็สามารถแต่งตัวย้อนวัยเดินควงกับน้องเฌอแตม - ลูกสาวได้สบาย เพื่อน ๆ ลูกจะเรียกคุณพ่อยังไม่กล้า เพราะนึกว่าอปป้ามาเอง!!

“สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขคือ ความมั่นใจ คนจะพูดว่าเราอายุดูไม่ถึง 51 ดูดี ดูเด็ก ก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้ 100% เต็ม”
คุณติ๊ก - กิตติพันธ์ พุ่มสุโข ชวนปลูกผมย้อนวัย
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ ชวนปลูกผมย้อนวัย แบบไม่ต้องแคร์ตัวเลขอายุ
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ พุ่มสุโข คือศิลปินและนักแสดงที่มีผลงานในวงการบันเทิงมายาวนาน จนเราอาจไม่เชื่อว่า วันนี้ คุณติ๊กในวัย 51 ปี จะยังคงสดใสและดูดีเหมือนกับหยุดเวลาเอาไว้ ซึ่งเคล็ดลับที่ทำให้คุณติ๊กยังคงซ่อนตัวเลขอายุไว้ภายใต้ลุคสุดสมาร์ทแบบนี้ได้ ก็คือ “เส้นผม”

"เส้นผมเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยอาชีพเรายังต้องอาศัยภาพลักษณ์ในการทำงาน ไม่ว่าคุณจะเลือกเสื้อผ้าและแต่งตัวดูดีขนาดไหน จะรักษารูปร่างหรือดูแลผิวหน้าให้ดูเด็กอย่างไร แต่ถ้าผมบางลงเมื่อไหร่ จบกัน คำว่า แก่ มาทันที"


อาการผมหลุดร่วง เริ่มกลายเป็นปัญหากวนใจคุณติ๊กเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงอายุ 40 ปี ทำให้ผมด้านหน้าร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M และผมบริเวณขวัญกลางศีรษะก็บางลงจนเห็นได้ชัด หลังจากพบว่าแชมพู ยา หรือเซรั่มต่าง ๆ ที่ทดลองใช้ ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาผมที่เป็นอยู่ได้ คุณติ๊กจึงลองเข้ามาคุยกับคุณหมอนิน ก่อนจะตัดสินใจปลูกผมกับคลินิกนามนินในที่สุด


“จริง ๆ กลัวการศัลยกรรมมาก แต่ที่ตัดสินใจทำเพราะเส้นผมมีส่วนทำให้เราหมดความมั่นใจไปมากกว่า 50% เวลาเดินเข้าห้าง ผ่านช่องแอร์ ผมต้องปลิว ความมั่นใจตัวเองหายไปทันที พยายามลองใช้เทคนิคในการแต่งทรงผมต่าง ๆ ก็ยังช่วยไม่ได้” 


“เจอคุณหมอนินครั้งแรก คุณหมอไม่ได้พยายามกดดันให้เราต้องปลูกผม เพียงแต่พูดคุยถึงปัญหา เหมือนให้กำลังใจ ว่าเรายังมีเส้นผมด้านหลังอยู่ และชี้จุดที่จะแก้ปัญหาเพื่อให้ผมดูหนาขึ้น ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น”


คุณติ๊กเล่าว่า เคยกลัวการปลูกผมเทคนิคเดิมที่ต้องผ่าตัด แต่เทคนิคของคุณหมอนิน จะเป็นการย้ายรากผมจากท้ายทอยด้านหลังไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยใช้เทคนิคซ่อนแผล ซึ่งหลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย

“ช่วงที่ทำบอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่เคยคิดไว้ ตอนแรกคิดว่าคงทรมานมาก ปรากฏว่าไม่ และประทับใจที่คุณหมอมือเบามากกกก”

ผมที่ลีบ เล็ก และบาง บริเวณกลางศีรษะ คือปัญหาใหญ่ของคุณติ๊ก ซึ่งคุณหมอนินอธิบายให้คุณติ๊กฟังว่า เส้นผมของเราอ่อนแอจนเป็นปัญหาสะสมมานาน สิ่งที่ช่วยได้คือการนำรากผมที่แข็งแรง ไปปลูกแทรกแบบกระจายให้ทั่วบริเวณ เพื่อให้รากผมใหม่ช่วยดันโคนเส้นผมเก่าเอาไว้ ทำให้ภาพรวมของผมดูหนาขึ้น

หลังจากปลูกผมเพียงวันเดียว คุณติ๊กก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเหมือนเคยโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน เพราะอาการบวมลดลงเร็วมาก ขณะเดียวกันก็แทบไม่มีเลือดออก และเมื่อหลายเดือนผ่านไป กราฟต์ผมมากกว่า 2,000 กราฟต์ที่คุณหมอนินปลูกไว้ ทั้งบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ก็เติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ ...เปลี่ยนคุณติ๊กเป็นคนใหม่ได้จริง ๆ...

“สิ่งที่ประทับใจมากที่สุด การหลุดร่วงของเส้นผมถือว่าน้อย แล้วเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ มันแข็งแรง เรารู้สึกได้ เดิมเราไม่สามารถเล่นอะไรกับเส้นผมได้ แต่ตอนนี้ เราสามารถทำได้หลาย ๆ ทรงในแบบที่เราชอบ”

และสิ่งที่ทำให้คุณติ๊กเป็นปลื้มมากที่สุด ก็คงจะเป็นเสียงสะท้อนจากคนรอบข้างนี่เอง

“ผลคือแฮปปี้ เราคิดไปเองไม่เท่ากับคนอื่นบอก ทุกคนที่รู้ว่าทำมา จะบอกว่าผมเยอะมาก ดูดีมาก เพราะคุณหมอละเอียดถึงขั้นค่อย ๆ ปักผมใหม่ให้ไปในทิศทางเดียวกับไรผมเดิม ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าไปปลูกผมมา ก็จะดูไม่ออกเลย เพราะแทบไม่เห็นแผลด้านหลัง แนะนำเลยว่า การศัลยกรรมเส้นผม ไม่ได้น่ากลัว โดยเฉพาะเทคนิคที่คุณหมอมีอยู่ อันนี้คือสิ่งที่เรามั่นใจ”


คุณติ๊กยังฝากทิ้งท้ายถึงใครก็ตามที่เข้ารับการปลูกผม อย่าลืมมีวินัยปฏิบัติตามที่คุณหมอสั่ง ไม่ว่าจะเป็นการงดกาแฟ บุหรี่ แอลกอฮอล์ในช่วงแรก หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ รวมถึงการติดตามผลการรักษากับคุณหมอด้วย แล้วผลลัพธ์จะออกมาสมบูรณ์ เช่นเดียวกับที่คุณติ๊กทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด และทุกวันนี้ก็สามารถแต่งตัวย้อนวัยเดินควงกับน้องเฌอแตม - ลูกสาวได้สบาย เพื่อน ๆ ลูกจะเรียกคุณพ่อยังไม่กล้า เพราะนึกว่าอปป้ามาเอง!!

“สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขคือ ความมั่นใจ คนจะพูดว่าเราอายุดูไม่ถึง 51 ดูดี ดูเด็ก ก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้ 100% เต็ม”
คุณติ๊ก - กิตติพันธ์ พุ่มสุโข ชวนปลูกผมย้อนวัย
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ ชวนปลูกผมย้อนวัย แบบไม่ต้องแคร์ตัวเลขอายุ
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ พุ่มสุโข คือศิลปินและนักแสดงที่มีผลงานในวงการบันเทิงมายาวนาน จนเราอาจไม่เชื่อว่า วันนี้ คุณติ๊กในวัย 51 ปี จะยังคงสดใสและดูดีเหมือนกับหยุดเวลาเอาไว้ ซึ่งเคล็ดลับที่ทำให้คุณติ๊กยังคงซ่อนตัวเลขอายุไว้ภายใต้ลุคสุดสมาร์ทแบบนี้ได้ ก็คือ “เส้นผม”

"เส้นผมเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยอาชีพเรายังต้องอาศัยภาพลักษณ์ในการทำงาน ไม่ว่าคุณจะเลือกเสื้อผ้าและแต่งตัวดูดีขนาดไหน จะรักษารูปร่างหรือดูแลผิวหน้าให้ดูเด็กอย่างไร แต่ถ้าผมบางลงเมื่อไหร่ จบกัน คำว่า แก่ มาทันที"


อาการผมหลุดร่วง เริ่มกลายเป็นปัญหากวนใจคุณติ๊กเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงอายุ 40 ปี ทำให้ผมด้านหน้าร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M และผมบริเวณขวัญกลางศีรษะก็บางลงจนเห็นได้ชัด หลังจากพบว่าแชมพู ยา หรือเซรั่มต่าง ๆ ที่ทดลองใช้ ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาผมที่เป็นอยู่ได้ คุณติ๊กจึงลองเข้ามาคุยกับคุณหมอนิน ก่อนจะตัดสินใจปลูกผมกับคลินิกนามนินในที่สุด


“จริง ๆ กลัวการศัลยกรรมมาก แต่ที่ตัดสินใจทำเพราะเส้นผมมีส่วนทำให้เราหมดความมั่นใจไปมากกว่า 50% เวลาเดินเข้าห้าง ผ่านช่องแอร์ ผมต้องปลิว ความมั่นใจตัวเองหายไปทันที พยายามลองใช้เทคนิคในการแต่งทรงผมต่าง ๆ ก็ยังช่วยไม่ได้” 


“เจอคุณหมอนินครั้งแรก คุณหมอไม่ได้พยายามกดดันให้เราต้องปลูกผม เพียงแต่พูดคุยถึงปัญหา เหมือนให้กำลังใจ ว่าเรายังมีเส้นผมด้านหลังอยู่ และชี้จุดที่จะแก้ปัญหาเพื่อให้ผมดูหนาขึ้น ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น”


คุณติ๊กเล่าว่า เคยกลัวการปลูกผมเทคนิคเดิมที่ต้องผ่าตัด แต่เทคนิคของคุณหมอนิน จะเป็นการย้ายรากผมจากท้ายทอยด้านหลังไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยใช้เทคนิคซ่อนแผล ซึ่งหลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย

“ช่วงที่ทำบอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่เคยคิดไว้ ตอนแรกคิดว่าคงทรมานมาก ปรากฏว่าไม่ และประทับใจที่คุณหมอมือเบามากกกก”

ผมที่ลีบ เล็ก และบาง บริเวณกลางศีรษะ คือปัญหาใหญ่ของคุณติ๊ก ซึ่งคุณหมอนินอธิบายให้คุณติ๊กฟังว่า เส้นผมของเราอ่อนแอจนเป็นปัญหาสะสมมานาน สิ่งที่ช่วยได้คือการนำรากผมที่แข็งแรง ไปปลูกแทรกแบบกระจายให้ทั่วบริเวณ เพื่อให้รากผมใหม่ช่วยดันโคนเส้นผมเก่าเอาไว้ ทำให้ภาพรวมของผมดูหนาขึ้น

หลังจากปลูกผมเพียงวันเดียว คุณติ๊กก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเหมือนเคยโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน เพราะอาการบวมลดลงเร็วมาก ขณะเดียวกันก็แทบไม่มีเลือดออก และเมื่อหลายเดือนผ่านไป กราฟต์ผมมากกว่า 2,000 กราฟต์ที่คุณหมอนินปลูกไว้ ทั้งบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ก็เติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ ...เปลี่ยนคุณติ๊กเป็นคนใหม่ได้จริง ๆ...

“สิ่งที่ประทับใจมากที่สุด การหลุดร่วงของเส้นผมถือว่าน้อย แล้วเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ มันแข็งแรง เรารู้สึกได้ เดิมเราไม่สามารถเล่นอะไรกับเส้นผมได้ แต่ตอนนี้ เราสามารถทำได้หลาย ๆ ทรงในแบบที่เราชอบ”

และสิ่งที่ทำให้คุณติ๊กเป็นปลื้มมากที่สุด ก็คงจะเป็นเสียงสะท้อนจากคนรอบข้างนี่เอง

“ผลคือแฮปปี้ เราคิดไปเองไม่เท่ากับคนอื่นบอก ทุกคนที่รู้ว่าทำมา จะบอกว่าผมเยอะมาก ดูดีมาก เพราะคุณหมอละเอียดถึงขั้นค่อย ๆ ปักผมใหม่ให้ไปในทิศทางเดียวกับไรผมเดิม ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าไปปลูกผมมา ก็จะดูไม่ออกเลย เพราะแทบไม่เห็นแผลด้านหลัง แนะนำเลยว่า การศัลยกรรมเส้นผม ไม่ได้น่ากลัว โดยเฉพาะเทคนิคที่คุณหมอมีอยู่ อันนี้คือสิ่งที่เรามั่นใจ”


คุณติ๊กยังฝากทิ้งท้ายถึงใครก็ตามที่เข้ารับการปลูกผม อย่าลืมมีวินัยปฏิบัติตามที่คุณหมอสั่ง ไม่ว่าจะเป็นการงดกาแฟ บุหรี่ แอลกอฮอล์ในช่วงแรก หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ รวมถึงการติดตามผลการรักษากับคุณหมอด้วย แล้วผลลัพธ์จะออกมาสมบูรณ์ เช่นเดียวกับที่คุณติ๊กทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด และทุกวันนี้ก็สามารถแต่งตัวย้อนวัยเดินควงกับน้องเฌอแตม - ลูกสาวได้สบาย เพื่อน ๆ ลูกจะเรียกคุณพ่อยังไม่กล้า เพราะนึกว่าอปป้ามาเอง!!

“สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขคือ ความมั่นใจ คนจะพูดว่าเราอายุดูไม่ถึง 51 ดูดี ดูเด็ก ก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้ 100% เต็ม”
คุณติ๊ก - กิตติพันธ์ พุ่มสุโข ชวนปลูกผมย้อนวัย
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ ชวนปลูกผมย้อนวัย แบบไม่ต้องแคร์ตัวเลขอายุ
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ พุ่มสุโข คือศิลปินและนักแสดงที่มีผลงานในวงการบันเทิงมายาวนาน จนเราอาจไม่เชื่อว่า วันนี้ คุณติ๊กในวัย 51 ปี จะยังคงสดใสและดูดีเหมือนกับหยุดเวลาเอาไว้ ซึ่งเคล็ดลับที่ทำให้คุณติ๊กยังคงซ่อนตัวเลขอายุไว้ภายใต้ลุคสุดสมาร์ทแบบนี้ได้ ก็คือ “เส้นผม”

"เส้นผมเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยอาชีพเรายังต้องอาศัยภาพลักษณ์ในการทำงาน ไม่ว่าคุณจะเลือกเสื้อผ้าและแต่งตัวดูดีขนาดไหน จะรักษารูปร่างหรือดูแลผิวหน้าให้ดูเด็กอย่างไร แต่ถ้าผมบางลงเมื่อไหร่ จบกัน คำว่า แก่ มาทันที"


อาการผมหลุดร่วง เริ่มกลายเป็นปัญหากวนใจคุณติ๊กเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงอายุ 40 ปี ทำให้ผมด้านหน้าร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M และผมบริเวณขวัญกลางศีรษะก็บางลงจนเห็นได้ชัด หลังจากพบว่าแชมพู ยา หรือเซรั่มต่าง ๆ ที่ทดลองใช้ ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาผมที่เป็นอยู่ได้ คุณติ๊กจึงลองเข้ามาคุยกับคุณหมอนิน ก่อนจะตัดสินใจปลูกผมกับคลินิกนามนินในที่สุด


“จริง ๆ กลัวการศัลยกรรมมาก แต่ที่ตัดสินใจทำเพราะเส้นผมมีส่วนทำให้เราหมดความมั่นใจไปมากกว่า 50% เวลาเดินเข้าห้าง ผ่านช่องแอร์ ผมต้องปลิว ความมั่นใจตัวเองหายไปทันที พยายามลองใช้เทคนิคในการแต่งทรงผมต่าง ๆ ก็ยังช่วยไม่ได้” 


“เจอคุณหมอนินครั้งแรก คุณหมอไม่ได้พยายามกดดันให้เราต้องปลูกผม เพียงแต่พูดคุยถึงปัญหา เหมือนให้กำลังใจ ว่าเรายังมีเส้นผมด้านหลังอยู่ และชี้จุดที่จะแก้ปัญหาเพื่อให้ผมดูหนาขึ้น ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น”


คุณติ๊กเล่าว่า เคยกลัวการปลูกผมเทคนิคเดิมที่ต้องผ่าตัด แต่เทคนิคของคุณหมอนิน จะเป็นการย้ายรากผมจากท้ายทอยด้านหลังไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยใช้เทคนิคซ่อนแผล ซึ่งหลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย

“ช่วงที่ทำบอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่เคยคิดไว้ ตอนแรกคิดว่าคงทรมานมาก ปรากฏว่าไม่ และประทับใจที่คุณหมอมือเบามากกกก”

ผมที่ลีบ เล็ก และบาง บริเวณกลางศีรษะ คือปัญหาใหญ่ของคุณติ๊ก ซึ่งคุณหมอนินอธิบายให้คุณติ๊กฟังว่า เส้นผมของเราอ่อนแอจนเป็นปัญหาสะสมมานาน สิ่งที่ช่วยได้คือการนำรากผมที่แข็งแรง ไปปลูกแทรกแบบกระจายให้ทั่วบริเวณ เพื่อให้รากผมใหม่ช่วยดันโคนเส้นผมเก่าเอาไว้ ทำให้ภาพรวมของผมดูหนาขึ้น

หลังจากปลูกผมเพียงวันเดียว คุณติ๊กก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเหมือนเคยโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน เพราะอาการบวมลดลงเร็วมาก ขณะเดียวกันก็แทบไม่มีเลือดออก และเมื่อหลายเดือนผ่านไป กราฟต์ผมมากกว่า 2,000 กราฟต์ที่คุณหมอนินปลูกไว้ ทั้งบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ก็เติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ ...เปลี่ยนคุณติ๊กเป็นคนใหม่ได้จริง ๆ...

“สิ่งที่ประทับใจมากที่สุด การหลุดร่วงของเส้นผมถือว่าน้อย แล้วเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ มันแข็งแรง เรารู้สึกได้ เดิมเราไม่สามารถเล่นอะไรกับเส้นผมได้ แต่ตอนนี้ เราสามารถทำได้หลาย ๆ ทรงในแบบที่เราชอบ”

และสิ่งที่ทำให้คุณติ๊กเป็นปลื้มมากที่สุด ก็คงจะเป็นเสียงสะท้อนจากคนรอบข้างนี่เอง

“ผลคือแฮปปี้ เราคิดไปเองไม่เท่ากับคนอื่นบอก ทุกคนที่รู้ว่าทำมา จะบอกว่าผมเยอะมาก ดูดีมาก เพราะคุณหมอละเอียดถึงขั้นค่อย ๆ ปักผมใหม่ให้ไปในทิศทางเดียวกับไรผมเดิม ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าไปปลูกผมมา ก็จะดูไม่ออกเลย เพราะแทบไม่เห็นแผลด้านหลัง แนะนำเลยว่า การศัลยกรรมเส้นผม ไม่ได้น่ากลัว โดยเฉพาะเทคนิคที่คุณหมอมีอยู่ อันนี้คือสิ่งที่เรามั่นใจ”


คุณติ๊กยังฝากทิ้งท้ายถึงใครก็ตามที่เข้ารับการปลูกผม อย่าลืมมีวินัยปฏิบัติตามที่คุณหมอสั่ง ไม่ว่าจะเป็นการงดกาแฟ บุหรี่ แอลกอฮอล์ในช่วงแรก หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ รวมถึงการติดตามผลการรักษากับคุณหมอด้วย แล้วผลลัพธ์จะออกมาสมบูรณ์ เช่นเดียวกับที่คุณติ๊กทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด และทุกวันนี้ก็สามารถแต่งตัวย้อนวัยเดินควงกับน้องเฌอแตม - ลูกสาวได้สบาย เพื่อน ๆ ลูกจะเรียกคุณพ่อยังไม่กล้า เพราะนึกว่าอปป้ามาเอง!!

“สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขคือ ความมั่นใจ คนจะพูดว่าเราอายุดูไม่ถึง 51 ดูดี ดูเด็ก ก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้ 100% เต็ม”
คุณติ๊ก - กิตติพันธ์ พุ่มสุโข ชวนปลูกผมย้อนวัย
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ ชวนปลูกผมย้อนวัย แบบไม่ต้องแคร์ตัวเลขอายุ
คุณติ๊ก – กิตติพันธ์ พุ่มสุโข คือศิลปินและนักแสดงที่มีผลงานในวงการบันเทิงมายาวนาน จนเราอาจไม่เชื่อว่า วันนี้ คุณติ๊กในวัย 51 ปี จะยังคงสดใสและดูดีเหมือนกับหยุดเวลาเอาไว้ ซึ่งเคล็ดลับที่ทำให้คุณติ๊กยังคงซ่อนตัวเลขอายุไว้ภายใต้ลุคสุดสมาร์ทแบบนี้ได้ ก็คือ “เส้นผม”

"เส้นผมเป็นเรื่องสำคัญมาก ด้วยอาชีพเรายังต้องอาศัยภาพลักษณ์ในการทำงาน ไม่ว่าคุณจะเลือกเสื้อผ้าและแต่งตัวดูดีขนาดไหน จะรักษารูปร่างหรือดูแลผิวหน้าให้ดูเด็กอย่างไร แต่ถ้าผมบางลงเมื่อไหร่ จบกัน คำว่า แก่ มาทันที"


อาการผมหลุดร่วง เริ่มกลายเป็นปัญหากวนใจคุณติ๊กเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงอายุ 40 ปี ทำให้ผมด้านหน้าร่นเข้าไปเป็นรูปตัว M และผมบริเวณขวัญกลางศีรษะก็บางลงจนเห็นได้ชัด หลังจากพบว่าแชมพู ยา หรือเซรั่มต่าง ๆ ที่ทดลองใช้ ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาผมที่เป็นอยู่ได้ คุณติ๊กจึงลองเข้ามาคุยกับคุณหมอนิน ก่อนจะตัดสินใจปลูกผมกับคลินิกนามนินในที่สุด


“จริง ๆ กลัวการศัลยกรรมมาก แต่ที่ตัดสินใจทำเพราะเส้นผมมีส่วนทำให้เราหมดความมั่นใจไปมากกว่า 50% เวลาเดินเข้าห้าง ผ่านช่องแอร์ ผมต้องปลิว ความมั่นใจตัวเองหายไปทันที พยายามลองใช้เทคนิคในการแต่งทรงผมต่าง ๆ ก็ยังช่วยไม่ได้” 


“เจอคุณหมอนินครั้งแรก คุณหมอไม่ได้พยายามกดดันให้เราต้องปลูกผม เพียงแต่พูดคุยถึงปัญหา เหมือนให้กำลังใจ ว่าเรายังมีเส้นผมด้านหลังอยู่ และชี้จุดที่จะแก้ปัญหาเพื่อให้ผมดูหนาขึ้น ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น”


คุณติ๊กเล่าว่า เคยกลัวการปลูกผมเทคนิคเดิมที่ต้องผ่าตัด แต่เทคนิคของคุณหมอนิน จะเป็นการย้ายรากผมจากท้ายทอยด้านหลังไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยใช้เทคนิคซ่อนแผล ซึ่งหลังจากฉีดยาชาแล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย

“ช่วงที่ทำบอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่เคยคิดไว้ ตอนแรกคิดว่าคงทรมานมาก ปรากฏว่าไม่ และประทับใจที่คุณหมอมือเบามากกกก”

ผมที่ลีบ เล็ก และบาง บริเวณกลางศีรษะ คือปัญหาใหญ่ของคุณติ๊ก ซึ่งคุณหมอนินอธิบายให้คุณติ๊กฟังว่า เส้นผมของเราอ่อนแอจนเป็นปัญหาสะสมมานาน สิ่งที่ช่วยได้คือการนำรากผมที่แข็งแรง ไปปลูกแทรกแบบกระจายให้ทั่วบริเวณ เพื่อให้รากผมใหม่ช่วยดันโคนเส้นผมเก่าเอาไว้ ทำให้ภาพรวมของผมดูหนาขึ้น

หลังจากปลูกผมเพียงวันเดียว คุณติ๊กก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเหมือนเคยโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน เพราะอาการบวมลดลงเร็วมาก ขณะเดียวกันก็แทบไม่มีเลือดออก และเมื่อหลายเดือนผ่านไป กราฟต์ผมมากกว่า 2,000 กราฟต์ที่คุณหมอนินปลูกไว้ ทั้งบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ก็เติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ ...เปลี่ยนคุณติ๊กเป็นคนใหม่ได้จริง ๆ...

“สิ่งที่ประทับใจมากที่สุด การหลุดร่วงของเส้นผมถือว่าน้อย แล้วเส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่ มันแข็งแรง เรารู้สึกได้ เดิมเราไม่สามารถเล่นอะไรกับเส้นผมได้ แต่ตอนนี้ เราสามารถทำได้หลาย ๆ ทรงในแบบที่เราชอบ”

และสิ่งที่ทำให้คุณติ๊กเป็นปลื้มมากที่สุด ก็คงจะเป็นเสียงสะท้อนจากคนรอบข้างนี่เอง

“ผลคือแฮปปี้ เราคิดไปเองไม่เท่ากับคนอื่นบอก ทุกคนที่รู้ว่าทำมา จะบอกว่าผมเยอะมาก ดูดีมาก เพราะคุณหมอละเอียดถึงขั้นค่อย ๆ ปักผมใหม่ให้ไปในทิศทางเดียวกับไรผมเดิม ส่วนคนที่ไม่รู้ว่าไปปลูกผมมา ก็จะดูไม่ออกเลย เพราะแทบไม่เห็นแผลด้านหลัง แนะนำเลยว่า การศัลยกรรมเส้นผม ไม่ได้น่ากลัว โดยเฉพาะเทคนิคที่คุณหมอมีอยู่ อันนี้คือสิ่งที่เรามั่นใจ”


คุณติ๊กยังฝากทิ้งท้ายถึงใครก็ตามที่เข้ารับการปลูกผม อย่าลืมมีวินัยปฏิบัติตามที่คุณหมอสั่ง ไม่ว่าจะเป็นการงดกาแฟ บุหรี่ แอลกอฮอล์ในช่วงแรก หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ รวมถึงการติดตามผลการรักษากับคุณหมอด้วย แล้วผลลัพธ์จะออกมาสมบูรณ์ เช่นเดียวกับที่คุณติ๊กทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด และทุกวันนี้ก็สามารถแต่งตัวย้อนวัยเดินควงกับน้องเฌอแตม - ลูกสาวได้สบาย เพื่อน ๆ ลูกจะเรียกคุณพ่อยังไม่กล้า เพราะนึกว่าอปป้ามาเอง!!

“สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขคือ ความมั่นใจ คนจะพูดว่าเราอายุดูไม่ถึง 51 ดูดี ดูเด็ก ก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้ 100% เต็ม”