Tag : เทคนิคNEAT
เคล็ดลับผมสวย เริ่มต้นที่หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง สำหรับผู้หญิงที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดปัญหานี้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผมบางในผู้หญิง

1. ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันผมบาง


1.1 เลือกแชมพูที่เหมาะสม
  • ใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต ซิลิโคน และพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหารังแค ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือไพริไทออนซิงก์

1.2 เทคนิคการสระผมที่ถูกต้อง
  • ใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้ง
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช้เล็บขูด
  • ล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ไม่ให้มีสารตกค้างบนหนังศีรษะ

1.3 ความถี่ในการสระผม
  • สระผมทุกวันหรือทุกสองวัน ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม
  • หากหนังศีรษะมันง่าย อาจต้องสระผมบ่อยขึ้น แต่ระวังไม่ให้สระบ่อยเกินไปจนหนังศีรษะแห้ง

2. การบำรุงหนังศีรษะ

นอกจากการทำความสะอาด การบำรุงหนังศีรษะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน



2.1 การนวดหนังศีรษะ
  • นวดหนังศีรษะเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ใช้นิ้วมือนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันบำรุงผมช่วยในการนวดได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจบา

2.2 การใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะ
  • ใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโรสแมรี่
  • ทาทรีทเมนต์ให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ และทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำบนฉลาก

3. การปกป้องหนังศีรษะจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้


3.1 ป้องกันแสงแดด
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากแสงแดดที่มี SPF

3.2 ระวังการใช้ความร้อน
  • ลดการใช้เครื่องเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม
  • หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ

3.3 หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
  • ไม่รัดผมแน่นจนเกินไป เพื่อลดแรงดึงที่รากผม
  • สลับตำแหน่งการรัดผม ไม่รัดซ้ำที่เดิมทุกวัน
  • ใช้ที่รัดผมแบบผ้าหรือแบบไม่มีโลหะเพื่อลดการดึงรั้งและการแตกหักของเส้นผม

4. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะ

อาหารที่รับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผม


4.1 โปรตีน
  • รับประทานโปรตีนคุณภาพดีเพื่อเสริมสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม
  • แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และเต้าหู้

4.2 วิตามินและแร่ธาตุ
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน เช่น ไข่ ถั่ว และธัญพืช
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินซี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน

4.3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและหนังศีรษะ

5. การจัดการความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง



5.1 ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
  • ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ
  • ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกเครียด

5.2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5.3 นอนหลับให้เพียงพอ
  • พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • รักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด

6. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

  • การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างทันท่วงที

6.1 ตรวจระดับฮอร์โมน
  • ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังวัยทอง

6.2 ตรวจสอบระดับวิตามินและแร่ธาตุ
  • ตรวจสอบระดับธาตุเหล็ก วิตามินดี และวิตามินบี12 ซึ่งการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม

6.3 ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม
  • หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะหรือเส้นผมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที




สรุป

การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาผมบางในผู้หญิง การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม การบำรุงหนังศีรษะ การปกป้องจากปัจจัยภายนอก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสุขภาพของหนังศีรษะและป้องกันปัญหาผมบาง การดูแลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผมบางในระยะยาว

5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา
5 ทรงผมสุดปัง! เปลี่ยนสาวผมบาง ให้ดูผมหนาขึ้นทันตา

ผมบาง ปัญหาเส้นผมที่ทำให้สาว ๆ หลายคนขาดความมั่นใจไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะทำผมทรงไหน ๆ ก็ไม่สวยตรงใจ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้นามนินเราได้รวบรวมเอา 5 ทรงผมสุดปัง! สำหรับผู้หญิงผมบาง ที่สามารถช่วยเนรมิตผมของสาว ๆ ให้ดูหนา และสวยงามเข้ากับใบหน้าได้มากขึ้น มาฝากกัน ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย 

สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงผมบาง
ก่อนจะไปดูว่ามีทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางทรงไหนบ้างนั้น ลองมาดูกันก่อนว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้สาว ๆ หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาผมบางนั้นเกิดจากอะไร? เพื่อที่จะได้หาทางออกในการดูแลรักษาผมบางได้อย่างตรงจุด ดังนี้
  • กรรมพันธุ์ หากพบคนในครอบครัวมีประวัติผมร่วง ผมบาง 
  • ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด หรือวัยหมดประจำเดือน
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เซลล์รากผมเสื่อมสภาพ และอ่อนแอ
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ภาวะความเครียด หรือภาวะทางจิตใจต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพเส้นผม
  • ภาวะขาดสารอาหาร ร่างกายได้รับสารอาหารบำรุงเส้นผมไม่เพียงพอ 
  • โรคภัยไข้เจ็บบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ 
  • ไลฟ์สไตล์ที่ทำร้ายสุขภาพเส้นผม เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ 
  • การดูแลเส้นผมที่ผิดวิธี เช่น ใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกิน รวบผมตึงเกินไป หรือการเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง 

    ผู้หญิงผมบางทำทรงผมแบบไหนดี? 
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาผมบาง จนทำทรงผมเดิมไม่ได้ เพราะเริ่มสังเกตเห็นหนังศีรษะชัดมากขึ้น จนทำให้ขาดความมั่นใจ และรู้สึกว่าทรงผมเดิมอาจไม่เข้ากับตัวเองอีกต่อไป แนะนำให้ลองทำทรงผมสำหรับผู้หญิงผมบางดังต่อไปนี้ รับรองว่าสามารถช่วยทำให้เส้นผมที่เคยดูบาง ลีบ แบน กลับมาดูเหมือนหนาขึ้น และเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน

1. ทรงผมบ๊อบเท 
ทรงผมบ๊อบเท เป็นทรงผมสั้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยความเก๋ไก๋และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์ โดยมีลักษณะเด่นคือ ผมด้านหน้ายาวกว่าด้านหลัง จึงช่วยพรางสายตาให้ผมดูหนาขึ้นและมีมิติมากยิ่งขึ้น



2. ผมประบ่าทรง Wolf Cut 
ถ้าอยากได้ผมที่ดูหนา และดูทันสมัยต้องไม่พลาดทรง Wolf Cut เด็ดขาด! ซึ่งเป็นทรงผมที่ให้ลุคเท่ ๆ สไตล์วินเทจ แต่ก็ยังคงความหวานและน่ารักได้ในเวลาเดียวกัน โดยจะเป็นทรงผมคล้าย ๆ กับทรงบ๊อบ แต่จะใช้เทคนิคการซอยและสไลด์ผม ทำให้เกิดเลเยอร์ที่ช่วยเพิ่มมิติและวอลลุ่มให้กับเส้นผม จึงทำให้ผมดูหนาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 


3. ทรงผมไว้หน้าม้า
ไม่ว่าคุณจะผมยาว หรือผมสั้น ถ้าอยากให้ผมดูหนา แนะนำให้แบ่งผมด้านหน้ามาตัดเป็นทรงหน้าม้า เพื่อพรางตาให้ผมโดยรวมดูหนาขึ้นได้ เพราะจะช่วยดึงดูดสายตาให้คนส่วนใหญ่ไปโฟกัสที่ผมหน้าม้ามากกว่านั่นเอง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งหน้าม้าตรง หน้าม้าซีทรู หรือหน้าผากปัดข้างก็ได้


4. ทรงผมดัดลอนคลาย
รู้หรือไม่? การทำผมให้ดูยุ่งนิด ๆ เป็นลอนใหญ่หน่อย ๆ จะช่วยทำให้ผมของคุณดูหนาขึ้นได้ ไม่ว่าคุณจะมีผมสั้น หรือยาว แนะนำว่าให้ดัดลอนใหญ่ ๆ พร้อมกับทำให้ลอนคลายตัวเล็กน้อย ก็จะช่วยให้ดูผมเยอะพองหนาได้ขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว


5. ทรงผมปัดข้างแสกลึก 
สำหรับสาวผมบางที่ผมยาว แล้วไม่รู้จะทำทรงผมไหนดีที่ช่วยให้ผมดูหนาขึ้น แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนการแสกกลางมาเป็นแสกข้างแบบลึกดู เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ผมดูหนาขึ้นแล้ว ยังเป็นทรงผมที่มีส่วนช่วยให้โคนผมยกขึ้น พาให้เส้นผมดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบนอย่างเดิมอีกด้วย 


ไม่ต้องเสียเวลาทำทรงผม เรียกคืนผมหนาได้ด้วยโปรแกรม PHB 
หากคุณอยากจบปัญหาผมบางอย่างตรงจุด ให้เส้นผมสุขภาพดี มีลักษณะเส้นใหญ่ ดกหนา แบบไม่ต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster ของที่นามนินคลินิกสามารถช่วยคุณได้ โปรแกรมนี้เป็นทรีตเมนต์บำรุงผมแบบฉีดที่คิดค้นและพัฒนาสูตรโดยคุณหมอนิน แพทย์ประจำคลินิก สามารถฟื้นบำรุงสุขภาพเซลล์รากผมให้แข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วงที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด และสามารถช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 



อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่ใช้เวลาทำหัตถการไม่นานเพียงแค่ 30-40 นาทีต่อครั้งเท่านั้น ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และยิ่งหากเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง 2-3 ครั้งขึ้นไป หรือตามที่คุณหมอประเมินไว้เบื้องต้นตามลักษณะของปัญหาแต่ละบุคคล ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณกลับมามีผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องพึ่งการทำทรงผมปกปิดปัญหาผมบางเลย

สรุป

สำหรับคนที่มีปัญหาผมบาง กวนใจอยู่ นอกจากการเลือกทำทรงผมที่เหมาะสำหรับผู้หญิงผมบางแล้ว โปรแกรม PHB ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเนรมิตผมหนาให้คุณได้อีกครั้ง หากคุณกำลังอยากแก้ปัญหาผมบาง ต้องการฟื้นบำรุงเส้นผมให้ดกหนา สามารถเข้ามาปรึกษาที่นามนินคลินิกได้เลย เราใส่ใจในการรักษาทุกเคส ประเมินแนวทางการรักษาอย่างตรงจุด พร้อมให้คำแนะนำอย่างจริงใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจคนไข้ ช่วยเสริมบุคลิกภาพ และช่วยให้คนไข้กลับมามีความสุขและเติมเต็มความมั่นใจได้อีกครั้ง


เคลียร์ข้อสงสัย “เจ็บมั้ย” ตอนปลูกผม
ปลูกผมเจ็บมั้ย? เป็นคำถามที่ทำให้หลาย ๆ คนลังเลและหวั่นใจ จนไม่กล้าเข้ามาปลูกผม นามนินจึงขอแชร์ประสบการณ์จริงฉบับใต้เตียงปลูกผมของคนไข้ ส่งตรงจากข้างในห้องทำหัตถการ มาบอกเล่าให้ฟัง เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัย จบทุกความกังวลใจ และเปลี่ยนภาพจำใหม่ของการปลูกผม ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ในเมื่อถามตรง ๆ ก็ขอตอบตรง ๆ เลยว่า ระหว่างการปลูกผม จะปฏิเสธว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่ได้ แต่ขั้นตอนเดียวที่คนไข้อาจจะรู้สึกถึงความเจ็บ ก็คือการฉีดยาชา ซึ่งมีระดับความเจ็บเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคนว่าอดทนต่อความเจ็บได้มากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนว่าเป็นความเจ็บในระดับที่รับได้ ไม่ต่างจากการทำฟัน การฉีดโบทอกซ์ หรือการทำศัลยกรรมความงามอื่น ๆ 

สำหรับการฉีดยาชาในขั้นตอนการปลูกผมนั้น จะฉีดทั้งหมด 2 ครั้ง

  • ครั้งที่ 1 ฉีดบริเวณท้ายทอย ก่อนเจาะย้ายกราฟต์ผมออก
  • ครั้งที่ 2 ฉีดบริเวณพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมปลูกลงไปที่หนังศีรษะ

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก หรือการปักกราฟต์ผมใหม่ จะอยู่ในช่วงที่ยาชาออกฤทธิ์ และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด คนไข้จึงสบายใจได้ว่า จะไม่มีความรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังมีทักษะ ประสบการณ์ และเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บของคนไข้ได้เป็นอย่างดี และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคนไข้จึงสามารถวางใจได้ว่า ขั้นตอนการฉีดยาชาจะเป็นไปอย่างปลอดภัยและให้ความรู้สึกเจ็บน้อยที่สุด
  • แพทย์คำนวณปริมาณยาชาและเลือกจุดฉีดยาที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ในบริเวณที่ถูกต้อง อีกทั้งป้องกันการใช้ยาชาเกินขนาด ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ หลังปลูกผม
  • ตลอดกระบวนการปลูกผม แพทย์จะคอยอธิบายและให้คำแนะนำ เพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ
  • แพทย์ผู้ชำนาญ เป็นผู้ลงมือฉีดยาชาให้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับการปลูกผมใหม่ในระดับเส้นต่อเส้น ซึ่งคนไข้ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แพทย์ฉีดยาชาได้อย่างเบามือมาก ๆ 




นั่นจึงทำให้ความเจ็บช่วงฉีดยาชากลายเป็นเรื่องที่รับมือได้สบาย ๆ สำหรับคนไข้ของนามนิน หลายคนฝากมาบอกว่า แบบนี้ไม่เรียกว่ารู้สึกเจ็บเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้ว ใครที่กำลังกังวลใจ ก็หวังว่าจะลบภาพความน่ากลัวแบบผิด ๆ ออก และเปิดใจให้กับเทคนิคการปลูกผมยุคใหม่ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ซึ่งเมื่อบวกกับทักษะและความใส่ใจของแพทย์ ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่เพียงผมใหม่ที่หนาแน่น ดกดำ สุขภาพแข็งแรงจากภายใน แต่ยังเป็นประสบการณ์สุดประทับใจจากการปลูกผม ที่นามนินมอบให้คนพิเศษเช่นคุณเท่านั้น



ไขข้อสงสัย! 5 ฮอร์โมน สาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง มีอะไรบ้าง?
"รู้ทัน 5 ฮอร์โมนต้นเหตุปัญหาผมร่วงที่คุณควรรู้!"
ในทุก ๆ วันเส้นผมของเราก็มักจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้ว โดยจะมีปริมาณประมาณ 50-100 เส้นต่อวันตามวงจรชีวิตของเส้นผม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่อายุมากขึ้น บวกกับมีพฤติกรรมเสี่ยงที่มีส่วนทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตของเส้นผมก็จะสั้นลงเรื่อย ๆ และทำให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ และกลายเป็นปัญหาผมบางบริเวณกว้างได้ในที่สุด


รู้หรือไม่? ว่านอกเหนือไปจากอายุที่เพิ่มขึ้น และการมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่เสี่ยงทำให้รากผมอ่อนแอ หลุดร่วงได้ง่ายแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมนด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายไม่แพ้ปัจจัยอื่น ๆ เลย ซึ่งวันนี้นามนินจะขออาสาพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนของร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงกันว่ามีฮอร์โมนอะไรบ้าง? แล้วจะมีวิธีรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร? ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

5 ฮอร์โมน สาเหตุของปัญหาผมร่วง

1. ฮอร์โมน DHT
ฮอร์โมนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบางที่ได้ยินกันบ่อยมากที่สุดเลยก็คือ ฮอร์โมน DHT หรือ ฮอร์โมน Dihydrotestosterone ซึ่งพบได้บ่อยในเพศชาย แต่ก็สามารถพบได้ในเพศหญิงเช่นเดียวกัน เพียงแต่จะมีปริมาณที่น้อยกว่าเท่านั้น 
ซึ่งฮอร์โมน DHT มีคุณสมบัติคอยควบคุมการทำงานเส้นผมและขนทั่วร่างกาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนนี้มีความแปรปรวน หรือผิดปกติขึ้น ก็มักจะส่งผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะ โดยจะไปออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผมชุดใหม่ ทั้งยังมีส่วนทำให้เส้นผมชุดเก่าไม่ได้รับสารอาหารที่มากพอ จึงทำให้รากผมอ่อนแอ และเกิดเป็นปัญหาผมร่วงตามมานั่นเอง  

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือฮอร์โมนเพศหญิงที่คอยช่วยดูแลระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายเพศหญิงให้เป็นไปอย่างปกติและมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับต่ำกว่าปกติ หรือมีความแปรปรวน ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ 
และหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยเนื่องจากความแปรปรวนของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็คือปัญหาผมร่วง รากผมอ่อนแอ ทั้งยังทำให้มีลักษณะเส้นผมเล็บ ลีบ แบน ชี้ฟู จัดทรงยากร่วมด้วย ซึ่งปัญหาความผิดปกติของฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้ มักจะพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง วัยหมดประจำเดือน รวมถึงคุณแม่หลังคลอดนั่นเอง

3. ฮอร์โมนคอร์ติซอล
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดีว่าเป็นฮอร์โมนความเครียด เพราะร่างกายมักจะหลั่งฮอร์โมนนี้ออกมาเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้นั้นก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากมาย โดยเฉพาะระบบการทำงานของเส้นผม โดยฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเข้าไปทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมสั้นลงกว่าปกติ จนเกิดเป็นปัญหาผมหลุดร่วงได้ในที่สุด

4. ฮอร์โมนไทรอยด์
ปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหน ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ก็จะทำให้ต่อมไขมันในร่างกายทำงานผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งจะกระตุ้นร่างกายให้ผลิตไขมันออกมาบนผิวหนังมากกว่าเดิม โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ และหากมีความมันส่วนเกินเกาะอยู่ตามเส้นผมและหนังศีรษะมากก็ไป ก็อาจทำให้รากผมเกิดการอุดตัน อ่อนแอลง และสังเกตเห็นถึงผมที่ร่วงเยอะมากกว่าเดิมได้

5. ฮอร์โมนอินซูลิน
เราอาจจะคุ้นเคยกันดีว่าอินซูลินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสัมพันธ์กับผู้ป่วยเบาหวาน แต่ไม่เพียงเท่านั้นฮอร์โมนนี้ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของรากผม และมีส่วนทำให้ผมหลุดร่วงง่ายได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้
  • การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: อินซูลินมีหน้าที่หลักในการนำน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่หากมีระดับอินซูลินผิดปกติ ไม่ว่าจะสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงปัญหาผมร่วงได้
  • การไหลเวียนเลือด: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหนังศีรษะได้รับความเสียหาย และส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงรากผม ทำให้รากผมได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และอ่อนแอลง
  • การอักเสบ: ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งรวมถึงหนังศีรษะด้วยเช่นกัน และการอักเสบนี้ก็จะทำลายเซลล์รากผมและทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น

แนวทางการป้องกันและรักษาผมร่วง เนื่องจากฮอร์โมน
เมื่อผมร่วงมากกว่าที่เคย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฮอร์โมนในร่างกายของคุณมีความผิดปกติอยู่ก็เป็นได้ ซึ่งปัญหานี้จะมีวิธีป้องกันและรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนได้ ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดก็มีผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น ความเครียดทำให้หลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ การทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ก็ล้วนส่งผลให้ฮอร์โมนอินซูลินสูงตามไปด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ผมบางได้


2. ใช้ยารักษาผมร่วงตามแพทย์สั่ง
หากมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนและได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่แพทย์จะทำการจ่ายยาในการควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกใช้ยารักษาผมร่วงเพื่อเสริมสร้างรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมควบคู่ไปด้วยได้ เช่น กลุ่มยาฟีนาสเตอไรด์ หรือกลุ่มยาไมนอกซิดิล เป็นต้น

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เหมาะสมแล้ว เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะอย่างต่อเนื่อง นามนินคลินิกขอแนะนำให้ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย เช่น 
  • ELIXIR HAIR SERUM BY NEAT HAIRNUE เซรั่มสูตรพิเศษที่คิดค้นโดยคุณหมอนิน พัฒนาขึ้นเพื่อบำรุงเส้นผมให้กับคนที่มีปัญหาผมบางโดยเฉพาะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมบำรุงเส้นผมให้ดกหนาและแข็งแรง
  • VITAMIN H วิตามินบำรุงผมของนามนิน ที่ผสานคุณประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ ลดการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมเติมสารอาหารให้เส้นผม ช่วยให้ผมที่งอกใหม่มีเส้นหนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น


4. เข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง
สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกเข้ารับบริการโปรแกรมทรีตเมนต์บำรุงรากผมให้แข็งแรง อย่างเช่น โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster กับที่นามนินคลินิกได้เช่นกัน ซึ่งเป็นโปรแกรมทรีตเมนต์ฉีดบำรุงทั่วหนังศีรษะสูตรพิเศษ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผมบางและหลุดร่วงง่ายโดยเฉพาะ แม้จะมีปัญหาผมร่วงจนกราฟต์ผมเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการปลูกผมแล้ว วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้คุณกลับมามีเส้นผมหนาแน่นเต็มพื้นที่ได้อีกครั้ง 



5. เข้ารับการปลูกผมถาวร
ถ้าคุณมีปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมน และเกิดปัญหาผมบางเป็นบริเวณกว้าง จนทำให้ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก การปลูกผมถาวรก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจบปัญหาผมบางได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการนำเส้นผมที่มีสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกยังบริเวณที่ผมบางหรือไม่มีผม เพื่อให้ได้เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง และเป็นธรรมชาติ กลับมามีผมดกหนาได้อีกครั้ง 




สรุป
 
ฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วงนั้นมีอยู่หลากหลายชนิด เพื่อให้การรักษาปัญหาผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนเห็นผล และตรงจุดมากที่สุด นามนินคลินิกขอแนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุของผมร่วงที่แท้จริงว่า เกิดจากฮอร์โมนชนิดใด? รวมถึงจะมีแนวทางในการรักษาปัญหาผมร่วงอย่างไรบ้าง? ที่จะเหมาะสมมากที่สุด 

เพราะปัญหาผมร่วง ผมบาง หากปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งรักษายาก และสร้างแผลใจให้คุณมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน ดังนั้นหากรักษาเร็ว ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมามีผมดกหนาได้ดังเดิม แถมค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ไม่สูงเท่ามารักษาตอนที่ปัญหาลุกลามไปแล้วนั่นเอง

แกะรอยความแตกต่าง ภาวะผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ในผู้ชายและผู้หญิง
อาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้าน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยมีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด การขาดสารอาหาร โรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ แต่ตัวการสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคนเรา ก็คือ “กรรมพันธุ์” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว เรียกได้ว่าอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์นั้น สามารถพบได้ถึงร้อยละ 90 – 95 จากสาเหตุทั้งหมดทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าสังเกตของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ ที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งหากเราสังเกตพบอาการเหล่านี้ ก็จะทำให้สามารถรักษาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และยิ่งสังเกตพบเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชาย

ในความเป็นจริงแล้ว เรามักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ไม่เพียงเท่านั้น ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) ยังเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ กล่าวคือ ผู้ชายที่ได้รับการส่งต่อลักษณะผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรม จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase ในปริมาณสูงบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมที่เกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ โดยเราจะพบลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชายได้ดังนี้ 

  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ (รูปแบบ A)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย มักพบได้ทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย (รูปแบบ O)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (รูปแบบ M)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางอย่างรุนแรงที่สุด (รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M)
  • เป็นที่น่าสังเกตว่า ผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้าง และผมบริเวณท้ายทอย จะมีความหนาแน่นและมีขนาดเส้นผมปกติ เนื่องจากรากผมบริเวณนั้นมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • มีลักษณะหนวดเคราดก และผิวหน้ามันร่วมด้วย เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้




ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง

  • จุดแตกต่างที่สำคัญคือ ผลจากกรรมพันธุ์ไม่ได้มีผลต่อการร่นของแนวผมบริเวณหน้าผากของผู้หญิง หรือมีผลน้อยมาก (ดังนั้น หากคุณพบปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณหน้าผาก อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ก็เป็นได้ เช่น การมัดผมแน่น ๆ เป็นเวลานาน การเสียสมดุลของฮอร์โมนเอนโดรเจนในผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ อย่างเช่นโรคเบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ เป็นต้น)
  • จุดที่น่าสังเกตคือ ผู้หญิงจะมีผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงรอยแสกผมที่จะค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเส้นผมบริเวณนั้นก็จะมีขนาดเล็กและอ่อนแอลงด้วย ในที่นี้อาจแบ่งความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ไปจนถึงระดับรุนแรง ซึ่งบริเวณที่ผมร่วงและผมบางจะขยายไปทางด้านข้างเป็นวงกว้าง
  • ในขณะที่ผู้ชายจะยังคงมีผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้างและบริเวณท้ายทอยที่หนาแน่นและแข็งแรง ตรงกันข้าม ผมของผู้หญิงในบริเวณดังกล่าวอาจมีความหนาแน่นลดลง หรือมีขนาดของเส้นผมเล็กลงได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าบริเวณกลางศีรษะ
  • ผู้หญิงจะมีความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมน้อยกว่าผู้ชาย ไม่ถึงขั้นนำไปสู่ภาวะผมล้าน
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้
  • อาจมีประวัติความผิดปกติของรอบเดือนในอดีตร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ลักษณะผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง จะยิ่งแสดงเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดรอบเดือน



หากสันนิษฐานได้ว่า อาการผมร่วงและผมบางของเราน่าจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการรักษา ที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ลดอาการเจ็บและอาการบวมช้ำหลังการรักษา ลดระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากเหลือเพียงแผลขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเส้นผม ทำให้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ทันที ทั้งยังให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ