Tag : นามนิมคลินิก
เปิดมุมมองใหม่: ความจริงที่น่ารู้เกี่ยวกับการปลูกผมในวัย 50+
การปลูกผมกำลังเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไปที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน แต่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหลายประการทำให้หลายท่านลังเลที่จะตัดสินใจ มาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ควรรู้กันค่ะ

ผลลัพธ์ที่ลงตัว 
เทคโนโลยีการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ที่นามนิน คลินิก ใช้เทคนิค NEAT ซึ่งให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การปลูก จนถึงการดูแลต่อเนื่อง 1 ปี คุณหมอนิน พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผมจะออกแบบแนวไรผมให้กลมกลืนกับรูปหน้าและเส้นผมเดิม โดยปลูกแบบเส้นต่อเส้น คำนึงถึงทิศทางและความหนาแน่นที่เหมาะสม พร้อมการดูแลโดยแพทย์ตลอดกระบวนการ


สบายใจได้ ไม่เจ็บอย่างที่คิด 
การใช้ยาชาเฉพาะที่ ช่วยผู้เข้ารับการปลูกผมแทบไม่รู้สึกเจ็บปวด สามารถผ่อนคลายด้วยการดูโทรศัพท์ ชมภาพยนตร์ หรือฟังเพลงได้ตามปกติระหว่างทำหัตถการ

ความยั่งยืนของผลลัพธ์ 
เส้นผมที่นำมาปลูกมาจากบริเวณท้ายทอยซึ่งทนต่อฮอร์โมน DHT ทำให้มีความคงทนสูง แต่เพื่อการดูแลที่ครบถ้วน นามนิน คลินิก แนะนำโปรแกรม PHB เพื่อบำรุงทั้งเส้นผมที่ปลูกใหม่และเส้นผมเดิมให้แข็งแรงยาวนาน




ไม่ต้องรอให้ล้าน 
การปลูกผมสามารถเริ่มได้ตั้งแต่พบปัญหาผมบางในระยะแรก ซึ่งมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและประหยัดค่าใช้จ่าย การปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ จะช่วยวางแผนการรักษาได้เหมาะสม

คุ้มค่าในระยะยาว 
แม้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันตามเทคนิคและผู้ให้บริการที่มีหลายรูปแบบ แต่เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ระยะยาว ทั้งด้านบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และการลดความกังวล การปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า



การปลูกผมในวัย 50+ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์และการดูแลที่ครบวงจร การปลูกผมไม่เพียงมอบเส้นผมใหม่ แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ชายทุกวัย การศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

รู้จักเทคนิคปลูกผม แบบ Long Hair
เทคนิคต่าง ๆ สำหรับการปลูกผม ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อยู่ตลอด หากใครเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง ก็น่าจะเคยได้ยินเทคนิคปลูกผมที่ชื่อว่า “Long Hair” ซึ่งเป็นการย้ายกราฟต์ผมนำมาปลูกใหม่ โดยที่กราฟต์ผมนั้นยังเป็นผมเส้นยาวอยู่ ไม่ได้ถูกตัดหรือโกน เพื่อที่ว่าหลังจากปลูกเสร็จ ผมก็จะยาวแลดูเป็นธรรมชาติทันที ไม่ต้องรอจนกว่าผมจะค่อย ๆ ยาว ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

ฟังดูน่าสนใจทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ เพราะอย่างนี้เอง คนไข้ของนามนิน จึงฝากคำถามกันเข้ามาบ่อย ๆ ว่าการปลูกผมเทคนิค Long Hair เป็นอย่างไร ดีจริงหรือไม่ วันนี้ นามนินเลยขอรวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการปลูกผมเทคนิค Long Hair เพื่อให้คนรักผมทุกท่านได้ลองทำความเข้าใจ และเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจอีกด้วยค่ะ

Long Hair เป็นหนึ่งในเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถ้าถามว่าเทคนิคนี้ แตกต่างจากเทคนิคปลูกผมทั่วไปอย่างไร เราขออธิบายแบบนี้ค่ะ 

สำหรับเทคนิคทั่วไป จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่นี่เอง จะมีทั้งการใช้เทคนิค FUE คือการใช้ Forceps หรือเครื่องมือปลายแหลม ช่วยในการคีบกราฟต์ผมและปักลงไปในรอยเจาะที่เปิดไว้ 



ปัจจุบันมีเทคนิค DHI คือการใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมช่วยในการปักกราฟต์ (ซึ่งเทคนิค NEAT ที่นามนินใช้อยู่ คุณหมอก็พัฒนามาจากเทคนิค DHI นี่เองค่ะ) จากประสบการณ์คุณหมอนินเล็งเห็นแล้วว่าการลงมือปลูกด้วยตนเองทุกกราฟต์นั้นทำให้การควบคุมทิศทาง องศา ระยะความลึก และความถี่ในการปลูกผมใหม่แม่นยำ แนวปลูกผมดูเป็นระเบียบ สวยงามตามที่ผู้รับบริการต้องการ ที่สำคัญหลังปลูกผมมีเพียงรอยปลูกผมขนาดเล็กมาก คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องการปกปิดรอยหลังปลูกผมด้วย



แล้วเทคนิค Long Hair ล่ะ ต่างออกไปอย่างไร ?
ที่จริงแล้ว เทคนิค Long Hair ก็ใช้วิธีการเดียวกันเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าตอนปักกราฟต์ผมจะเลือกใช้อุปกรณ์แบบไหน เราจึงเห็นหลายๆ แห่งใช้คำว่า เทคนิค Long Hair (FUE) หรือ Long Hair (DHI) นั่นเอง จุดที่แตกต่างกันก็อย่างที่เล่าไว้แล้วข้างต้น ขณะที่เทคนิค FUE หรือ DHI ทั่วไปนั้น กราฟต์ผมที่นำมาปลูกใหม่จะอยู่ในลักษณะตอผมสั้น ๆ เพื่อความสะดวกในการทำหัตถการ และการดูแลหลังปลูกผมของคนไข้เองด้วย แต่ Long Hair เป็นการย้ายกราฟต์ผมที่มีความยาวระดับหนึ่งตามความยาวของเส้นผมของคนไข้ผู้นั้นนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมบาง

แต่ก็มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันค่ะ นั่นคือการเกิดภาวะ Shock Loss หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ - 4 เดือนแรก ซึ่งไม่ว่าจะจะใช้เทคนิค FUE, DHI, หรือ Long Hair ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Shock Loss หมายถึงการที่ผมปลูกใหม่ พร้อมใจกันเข้าสู่ระยะพักและหลุดร่วงออกในปริมาณมาก ซึ่งคุณหมอของนามนินจะทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนเสมอ ว่านี่เป็นอาการปกติตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาติ และจากนั้น เส้นผมจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่จนเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ในเวลา 18 เดือน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เทคนิค Long Hair ที่ทำให้ได้ผมยาวหลังปลูกทันที แต่เส้นผมปลูกใหม่เหล่านั้นก็จะต้องหลุดร่วงเมื่อเข้าสู่ภาวะ Shock Loss และเริ่มต้นงอกใหม่เช่นเดียวกับเทคนิคอื่น ๆ ค่ะ


ทั้งนี้ การปลูกผมด้วยเทคนิค Long Hair ยังมีความยากในขั้นตอนการเจาะย้ายและปลูกใหม่ที่ซับซ้อนกว่า ที่สำคัญ ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติม เนื่องจากกราฟต์ผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไปนั้น เสี่ยงที่จะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษก่อนเข้าสู่ระยะฝังตัว ผมเส้นยาวจึงดูแลได้ยากกว่า เพราะต้องคอยระวังไม่ให้มีการสางผมหรือเกี่ยวโดนเส้นผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์การปลูกออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะช่วยให้รู้จักเทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair มากขึ้น และนำไปประกอบการพิจารณาเลือกเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดได้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอผู้ชำนาญด้านการปลูกผมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อออกแบบการรักษาที่ตอบโจทย์ตรงใจคนไข้อย่างแท้จริงค่ะ

1 ปี 1 หมอ ดูแลต่อเนื่อง ปรึกษา-ปลูกผม-ติดตามผล
จะดีแค่ไหน ถ้าบนเส้นทางการรักษาและฟื้นบำรุงเส้นผมตลอด 1 ปีเต็ม มีคนคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง เป็นหลักให้ทุก ๆ ก้าวเดินมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
และนั่นคือหนึ่งในประสบการณ์สุดประทับใจ ที่คุณจะได้รับจากการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT กับนามนิน เนื่องจากคุณหมอนิน จะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญหนึ่งเดียว ที่จะดูแลคุณต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ไม่มีใครมาแทนที่ ตลอด 3 ขั้นตอนหลัก ปรึกษา - ปลูกผม - ติดตามผล

  • ปรึกษา – คุณหมอนินจะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้อย่างเปิดใจ เพื่อรับฟังและวิเคราะห์ปัญหา ก่อนจะประเมินและออกแบบแนวทางการรักษาให้ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากที่สุด
  • ปลูกผม – เพราะหน้าที่นี้ ใครก็ทำแทนไม่ได้ ต้องเป็นคุณหมอนินเท่านั้น ที่จะอาศัยทักษะ ประสบการณ์ ความพิถีพิถัน ความใส่ใจ ลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้ด้วยเองแบบเส้นต่อเส้น 
  • ติดตามผล – ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ระยะไหน ๆ เพื่อให้ผมปลูกใหม่อยู่รอดและเติบโตอย่างสมบูรณ์ คุณหมอนินจะเป็นผู้ติดตามผลทุกระยะด้วยตัวเอง คอยดูแลให้คำแนะนำจนสุดเส้นทาง

เทคนิค NEAT พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้รับการปรับเสริมให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความเข้าใจถึง pain point ของคนไข้ ที่ทำให้เกิดความกังวลใจ หรือความกลัวในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ประสบการณ์ปลูกผมที่นามนินจึงโดดเด่นและแตกต่าง เพราะนามนินออกแบบมาแล้วด้วยความตั้งใจ ที่จะเปลี่ยนทุกความกังวลใจ เป็นความอุ่นใจตลอดเส้นทางการรักษา

กังวลใจ...ว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อปลูกผม
เพราะภาพจำของการปลูกผมในอดีต ทำให้หลาย ๆ คนยังเข้าใจว่า การปลูกผมใหม่ จำเป็นต้องโกนผมทิ้งในบริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะต้องเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเพื่อนำไปปลูกใหม่ และนั่นเท่ากับว่าหลังปลูกผมแล้ว คนไข้จะต้องคอยระวังปกปิดส่วนที่ถูกโกนผมออก จำกัดอิสระในการจัดแต่งทรงผม ต้องรอจนกว่าผมจะขึ้นใหม่จึงจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม



คุณหมอนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผล ทำให้สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมออกโดยไม่ต้องโกนผม ด้วยวิธีเจาะย้ายออกเป็นแถบ ๆ สลับกันแบบขั้นบันได และกระจายจุดเจาะย้ายให้ทั่ว ๆ ทำให้รอยเจาะย้ายกระจายตัวกลมกลืนเนียนไปกับผมเดิม นับเป็นความใส่ใจในจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเป็นความกังวลใจข้อใหญ่ของคนไข้ คุณหมอนินก็ไม่มองข้าม เพื่อให้คนไข้สามารถจัดแต่งผมหลังปลูกได้ทุกทรง เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

กังวลใจ...ว่าขณะกำลังปลูกผมใหม่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลาย ๆ คนน่าจะจินตนาการถึงภาพวันปลูกผม ขณะที่อยู่บนเตียงในห้องทำหัตถการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละขั้นตอนจะดำเนินการไปอย่างไร บรรยากาศจะเป็นแบบไหน จะกังวลจนเครียดไหม เพราะเรามองไม่เห็นว่าใครทำอะไรกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา 

ห้องหัตถการของนามนิน จะเปิดประสบการณ์ปลูกผมแบบใหม่ให้กับคนไข้ ข้อสำคัญก็คือ เราไม่ปิดตาคนไข้ระหว่างปลูก คนไข้จะสามารถมองเห็นและพูดคุยสอบถามกับคุณหมอนินได้ตลอดเวลา หรือจะนอนดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชา และลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุก ๆ กราฟต์ เรียกว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เส้นแรกจนเส้นสุดท้าย เพราะทุก ๆ เส้นต้องบรรจงปลูกอย่างใส่ใจจริง ๆ ทั้งยังคอยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้คนไข้รับรู้และคลายความกังวลใจ 

กังวลใจ...กลัวผมใหม่ไม่เนียน 
คำถามแรก ๆ จากคนไข้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องผลลัพธ์ผมใหม่ ซึ่งไม่ว่าใครก็คาดหวังอยากเห็นผลลัพธ์ผมหนาแน่น ดูแข็งแรงสุขภาพดี เติมเต็มผมที่เคยบางให้กลับมาดกดำ และไม่กลับไปหลุดร่วงต่อ ที่สำคัญ อยากให้ผมใหม่เนียนสวย กลมกลืนไปกับผมเดิม 



คุณหมอนินจึงให้ความสำคัญกับการปลูกผมให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เริ่มจากการใช้เทคนิคปลูกแทรก โดยไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่จะปลูกใหม่ แต่ปลูกแทรกลงไประหว่างผมเดิม ซึ่งมีข้อดีคือ คุณหมอจะได้เห็นทิศทางผมเดิมว่าชี้ไปทางไหน จะได้ปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศาเรียงตัวกลมกลืนไปกับผมเดิม ได้ขนาดของเส้นผมที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด และได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมมากที่สุด (นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผมใหม่ค่อย ๆ โตไปพร้อม ๆ กันกับผมเดิม แลดูเนียนตา 

กังวลใจ...ไม่อยากให้ใครทักเรื่องปลูกผม
หลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะเก็บตัว ซ่อนตัวเองกับรอยแผลหรืออาการบวมช้ำไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ที่นามนิน คุณลืมภาพเหล่านั้นไปได้เลย เพราะคุณหมอนินพัฒนาเทคนิค NEAT ไปอีกระดับ นำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้ได้รอยปลูกเล็กละเอียด ไม่ใช่รอยแผลที่ดูน่ากลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป นอกจากรอยปลูกจะเล็ก แทบไม่มีเลือดออกแล้ว ยังแทบไม่เห็นอาการบวมช้ำ จึงไม่ต้องพักฟื้นหรือเก็บตัว คนไข้สามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำงานได้ตามปกติทันที โดยไม่ต้องคาดผ้า


ใครที่ไม่มีเวลาและกังวลว่าจะต้องลางานหลายวันเพื่อพักฟื้นหรือเปล่า รวมไปถึงใครที่กลัวจะโดนทักถามว่าไปปลูกผมมาใช่ไหม ก็หมดกังวลตรงนี้ไปได้เลย

กังวลใจ...จะดูแลตัวเองหลังปลูกอย่างไร
จริงอยู่ที่การดูแลผมใหม่หลังปลูก ต้องอาศัยความใส่ใจอย่างเต็มที่ ผมใหม่จึงจะอยู่รอด ไม่หลุดร่วง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เจ้าของเส้นผมดูแลตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมอนินคอยติดตามผล และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ว่าควรต้องปฏิบัติอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอย่างไรในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน 

ที่สำคัญ ยังจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะด้วยตัวเองให้ เป็นของขวัญพิเศษสำหรับคนไข้ของนามนินเท่านั้น 

  • BALLVIC TRANSFORM SHAMPOO แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง อ่อนโยนจนสามารถใช้สระได้ทุกวัน เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ 2 – 3 นาที ก่อนจะล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน
  • BALLVIC TRANSFORM SOLUTION ลดอาการอักเสบ อาการคัน อาการบวม ลดการเกิดสะเก็ดแผล เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ พร้อมบำรุงเส้นผม เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก ใช้ได้บ่อยทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง


  • Elixir Hair Serum บำรุงผมและหนังศีรษะ สามารถเริ่มใช้หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เพียงฉีดพ่นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1 – 2 ครั้ง



นอกจากชุดผลิตภัณฑ์ที่คนไข้จะใช้ดูแลตัวเองได้อย่างสะดวกสบายสุด ๆ แล้ว คุณหมอนินยังมอบบริการ Treatment บำรุงเส้นผม ที่เหมาะกับสภาพปัญหาของคนไข้แต่ละคน และยังคงติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตตามวงจรธรรมชาติอย่างสมบูรณ์เต็มที่ที่สุด



ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจและใส่ใจจากคุณหมอนิน ที่ไม่เพียงดูแลรักษาให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ยังคำนึงถึงความกังวลใจในมิติต่าง ๆ ของคนไข้ ดูแลโดยแพทย์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และพัฒนาเทคนิค NEAT เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์ปลูกผมแสนสะดวกสบาย เปลี่ยนภาพการปลูกผม ไปสู่ภาพจำใหม่ ที่จะกลายเป็นมาตรฐานการรักษาให้กับวงการปลูกผมต่อไปในอนาคตด้วย
5 ข้อดี ปลูกผม NEAT กับนามนิน
ยิ่งเทคโนโลยีการปลูกผมได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและหลากหลายมากขึ้นเท่าไหร่ บรรดาคนรักผม หรือผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเทคนิคการปลูกผม ก็ยิ่งมีทางเลือกที่จะตอบโจทย์การรักษาให้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากขึ้น เราจึงได้เห็นศัพท์เทคนิคที่เกี่ยวกับการปลูกผมมากมาย โดยเฉพาะ FUT และ FUE ซึ่ง FUE นั้นเป็นเทคนิคที่แพทย์ของนามนินเลือกนำมาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่สะดวกสบาย พร้อมผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบนเงื่อนไขและสภาพปัญหาเส้นผมของแต่ละคน

มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า FUT และ FUE ต่างกันอย่างไร สำหรับ FUT หรือ Follicular Unit Transplant จะหมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ด้วยวิธีการผ่าตัดนำหนังศีรษะออกมาทั้งชิ้น ก่อนจะนำมาคัดแยกกราฟต์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์ วิธีนี้จะทำให้ได้กราฟต์ผมปริมาณมาก และอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อนำไปปลูกใหม่ก็จะเพิ่มอัตราการอยู่รอดและปลูกติดสูง 

อย่างไรก็ตาม เทคนิค FUT กลับค่อย ๆ ลดความนิยมลงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดนำชิ้นส่วนของหนังศีรษะออกไปเป็นแถบยาว ซึ่งต้องมีการโกนผมบางส่วน และเย็บผิวหนังส่วนที่เหลือให้ติดกันในภายหลัง ทำให้หนังศีรษะตึงขึ้น เกิดรอยแผลขนาดยาวที่ต้องอาศัยเวลาในการพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งอาจจะไม่ตอบโจทย์ตารางเวลาชีวิตของคนไข้ ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งแผลผ่าตัดด้านหลัง และแผลจากการปลูกใหม่ด้านหน้า ยังต้องการการดูแลฟื้นฟูเป็นพิเศษ พร้อมกันในเวลาเดียว

FUE หรือ Follicular Unit Extraction จึงเข้ามาเป็นคำตอบใหม่ หมายถึงเทคนิคการนำผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็ก เจาะย้ายกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ ทำให้ไม่ต้องมีการผ่าตัด หลาย ๆ เคสไม่จำเป็นต้องโกนผม ซึ่งหากใช้ความละเอียดพิถีพิถันและเครื่องมือประสิทธิภาพสูงในการเจาะย้าย ก็จะได้กราฟต์ผมที่สมบูรณ์พร้อมนำไปปลูกใหม่เช่นกัน ที่สำคัญ แผลด้านหลังท้ายทอยจะเหลือเพียงรอยเจาะขนาดเล็กมาก ดูแลง่าย หายเร็ว แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้คนไข้ออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

และนี่คือข้อดี 5 ประการ ที่นามนินอยากชวนให้คุณมาลองสัมผัสประสบการณ์การปลูกผมสุด Exclusive ด้วยเทคนิค FUE ซึ่งแพทย์ของนามนินอาศัยความใส่ใจและความเข้าใจในความต้องการของคนไข้ บวกกับทักษะความรู้ที่สั่งสมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ นำมาออกแบบ ต่อยอด กลายเป็นเทคนิคปลูกผมถาวรที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ไม่เกินจริง

1. เมื่อทักษะชั้นยอด ต้องมาพร้อมอุปกรณ์ชั้นเยี่ยม

สำหรับการปลูกผมเทคนิค FUE ที่นามนิน แพทย์ได้ทำการศึกษาและเลือกสรรอุปกรณ์ที่สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเป็นอุปกรณ์ที่มาพร้อมหัวเจาะขนาดเล็ก ที่สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับกราฟต์ผมของแต่ละคน เนื่องจากกราฟต์ผม 1 กอ อาจจะมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1- 4 เส้น และเส้นผมของคนไข้แต่ละคนก็มีขนาดหนาบางไม่เท่ากันด้วย ซึ่งหากหัวเจาะมีขนาดเล็กไป ก็อาจทำให้กราฟต์ผมเกิดความเสียหายได้ อุปกรณ์ที่ดีและเหมาะสม จึงเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปลูกผมไม่น้อยเลยทีเดียว


2. เทคนิคซ่อนแผลเนียนสนิท ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

เพราะ pain point ของคนไข้ส่วนใหญ่ มักจะเป็นความกังวลที่ต้องคอยปกปิดแผลหลังปลูกผม รวมถึงทรงผมที่ถูกจำกัดให้จัดแต่งได้อยู่ไม่กี่สไตล์ เพื่อไม่ให้ใครเห็นรอยแผล แพทย์ของนามนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอย โดยในขณะที่เจาะย้ายกราฟต์ผมออกนั้น แพทย์จะย้ายออกในลักษณะแถบเว้นแถบ แบบขั้นบันได เพื่อซ่อนรอยแผลแนบเนียบไปกับผมเดิม ทั้งยังกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ บริเวณ คนไข้จึงไม่ต้องคอยปกปิดอีกต่อไป และยังสามารถจัดแต่งผมได้อย่างอิสระ เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่


3. ปลูกผมด้วยมือแพทย์ “ทุกกราฟต์”

คนไข้อุ่นใจและมั่นใจได้เลยว่า ทุก ๆ กราฟต์ผมจะได้รับการปลูกอย่างตั้งใจ บนมาตรฐานการแพทย์สูงสุด เพราะแพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกให้เอง ขั้นตอนนี้นับเป็นขั้นตอนสำคัญ เนื่องจากแพทย์ต้องคำนึงถึงการเลือกกราฟต์ผมที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ปลูก และต้องวางทิศทาง รวมถึงองศาของกราฟต์ผม ให้กลมกลืนเป็นแนวเดียวไปกับเส้นผมเดิม เพื่อป้องกันผมชี้ผิดทิศทางในภายหลัง ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังต้องควบคุมการปักกราฟต์ให้ได้ระยะความลึกที่เหมาะสม เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และยังต้องปลูกผมให้มีระยะห่างที่พอดี ไม่บางเกินไป ไม่หนาแน่นจนเกินไป ทั้งหมดนี้เพื่อการอยู่รอดอย่างสมบูรณ์ของผมใหม่นั่นเอง


4. แทบไม่ต้องพักฟื้น คืนเวลาให้ชีวิต

เรามักจะได้ฟังประสบการณ์ของผู้เข้ารับการปลูกผมในอดีต ที่ต้องเก็บตัวพักฟื้นเป็นเวลานาน เนื่องจากอาการบวม ช้ำ หรือรอยแผลที่ดูน่ากลัว แต่เทคนิคปลูกผมที่แพทย์ของนามนินพัฒนาต่อยอดจากเทคนิค FUE จะช่วยลบภาพเดิม ๆ เหล่านั้นทิ้งไป 


อันดับแรก แพทย์จะคำนวณปริมาณยาชาที่ฉีดก่อนเริ่มปลูกผมอย่างเหมาะสม และลงมือฉีดด้วยตัวเอง ทำให้เกิดอาการบวมหลังปลูกน้อยมาก ต่อมา แพทย์เลือกใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ เป็น Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ เพียง 0.6 มิลลิเมตร ในการบรรจงปักกราฟต์ผมแบบเส้นต่อเส้น ส่งผลให้รอยปลูกผมนั้นเล็กละเอียด แลดูเป็นระเบียบ ไม่ได้มีลักษณะเป็นตุ่ม ๆ หรือมีเลือดออกเยอะเหมือนที่เราเคยเห็นกัน 


เมื่อหมดปัญหาอาการบวมและรอยแผล คนไข้จึงสามารถลุกขึ้นไปใช้ชีวิตประจำวัน ทำงาน หรือพบปะผู้คนได้ทันที โดยไม่ต้องสวมที่คาดผม เรียกว่าแทบไม่ต้องพักฟื้น หรือต้องการการพักฟื้นน้อยมาก ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในแต่ละเคส

5. อุ่นใจกับเส้นทางการดูแลหลังปลูกผม 1 ปีเต็ม

จะไม่อุ่นใจได้อย่างไร ในเมื่อแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลสม่ำเสมอทุกระยะ คอยตอบข้อสงสัย แนะนำผลิตภัณฑ์และ Treatment ที่เหมาะสม รวมถึงให้คำปรึกษาตลอดเส้นทางการรักษาหลังปลูกผมไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าผมใหม่จะเติบโตและสมบูรณ์เต็มที่ เพื่อรับประกันผลลัพธ์ผมหนาแน่น ไม่กลับมาหลุดร่วงและบางซ้ำ ทั้งยังบำรุงฟื้นฟูทั้งผมใหม่และผมเดิมให้แข็งแรง สุขภาพดีจากภายใน



เทคนิค FUE เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่ทันสมัยและได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และเมื่อเทคนิค FUE นั้น ได้รับการพัฒนาต่อยอดโดยแพทย์ของนามนิน ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่า นี่จะเป็นการมอบประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดให้กับคนไข้ ได้กลับไปพร้อมกับพลังความมั่นใจและรอยยิ้มที่กว้างกว่าที่เคย
เคล็ดลับผมสวย เริ่มต้นที่หนังศีรษะ
หนังศีรษะที่แข็งแรงเป็นรากฐานสำคัญของเส้นผมที่สวยงามและแข็งแรง สำหรับผู้หญิงที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาผมบาง การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและชะลอการเกิดปัญหานี้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการดูแลหนังศีรษะอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันผมบางในผู้หญิง

1. ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอ

การรักษาความสะอาดของหนังศีรษะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันผมบาง


1.1 เลือกแชมพูที่เหมาะสม
  • ใช้แชมพูที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพหนังศีรษะของคุณ
  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต ซิลิโคน และพาราเบน ซึ่งอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • สำหรับผู้ที่มีปัญหารังแค ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของสารต้านเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล หรือไพริไทออนซิงก์

1.2 เทคนิคการสระผมที่ถูกต้อง
  • ใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนจัด เพื่อไม่ให้หนังศีรษะแห้ง
  • นวดแชมพูลงบนหนังศีรษะเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว ไม่ใช้เล็บขูด
  • ล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจด ไม่ให้มีสารตกค้างบนหนังศีรษะ

1.3 ความถี่ในการสระผม
  • สระผมทุกวันหรือทุกสองวัน ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม
  • หากหนังศีรษะมันง่าย อาจต้องสระผมบ่อยขึ้น แต่ระวังไม่ให้สระบ่อยเกินไปจนหนังศีรษะแห้ง

2. การบำรุงหนังศีรษะ

นอกจากการทำความสะอาด การบำรุงหนังศีรษะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน



2.1 การนวดหนังศีรษะ
  • นวดหนังศีรษะเบาๆ วันละ 5-10 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • ใช้นิ้วมือนวดเป็นวงกลมเล็กๆ ทั่วศีรษะ
  • สามารถใช้น้ำมันบำรุงผมช่วยในการนวดได้ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจบา

2.2 การใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะ
  • ใช้ทรีทเมนต์บำรุงหนังศีรษะสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา ชาเขียว หรือโรสแมรี่
  • ทาทรีทเมนต์ให้ทั่วหนังศีรษะ นวดเบาๆ และทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำบนฉลาก

3. การปกป้องหนังศีรษะจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมได้


3.1 ป้องกันแสงแดด
  • สวมหมวกหรือใช้ร่มเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผมจากแสงแดดที่มี SPF

3.2 ระวังการใช้ความร้อน
  • ลดการใช้เครื่องเป่าผม เครื่องหนีบผม หรือเครื่องม้วนผม
  • หากจำเป็นต้องใช้ ให้ตั้งอุณหภูมิต่ำและใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ

3.3 หลีกเลี่ยงการรัดผมแน่นเกินไป
  • ไม่รัดผมแน่นจนเกินไป เพื่อลดแรงดึงที่รากผม
  • สลับตำแหน่งการรัดผม ไม่รัดซ้ำที่เดิมทุกวัน
  • ใช้ที่รัดผมแบบผ้าหรือแบบไม่มีโลหะเพื่อลดการดึงรั้งและการแตกหักของเส้นผม

4. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหนังศีรษะ

อาหารที่รับประทานมีผลโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผม


4.1 โปรตีน
  • รับประทานโปรตีนคุณภาพดีเพื่อเสริมสร้างเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเส้นผม
  • แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และเต้าหู้

4.2 วิตามินและแร่ธาตุ
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี โดยเฉพาะไบโอติน เช่น ไข่ ถั่ว และธัญพืช
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินซี เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจน

4.3 ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับร่างกายและหนังศีรษะ

5. การจัดการความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง



5.1 ฝึกเทคนิคผ่อนคลายความเครียด
  • ทำสมาธิหรือโยคะเป็นประจำ
  • ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกเครียด

5.2 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5.3 นอนหลับให้เพียงพอ
  • พยายามนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • รักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอ แม้ในวันหยุด

6. การตรวจสุขภาพเป็นประจำ

การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างทันท่วงที

6.1 ตรวจระดับฮอร์โมน
  • ตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์และฮอร์โมนเพศเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังวัยทอง

6.2 ตรวจสอบระดับวิตามินและแร่ธาตุ
  • ตรวจสอบระดับธาตุเหล็ก วิตามินดี และวิตามินบี12 ซึ่งการขาดสารอาหารเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพของเส้นผม

6.3 ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม
  • หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะหรือเส้นผมที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที




สรุป

การดูแลหนังศีรษะอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันปัญหาผมบางในผู้หญิง การทำความสะอาดอย่างเหมาะสม การบำรุงหนังศีรษะ การปกป้องจากปัจจัยภายนอก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การจัดการความเครียด และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสุขภาพของหนังศีรษะและป้องกันปัญหาผมบาง การดูแลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะช่วยให้คุณมีเส้นผมที่แข็งแรง สวยงาม และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผมบางในระยะยาว