Tag : ปลูกผมโดยแพทย์ทุกกราฟ
ปลูกผมแบบ NEAT ไม่ต้องหยุดชีวิต
เมื่อพูดถึง “การปลูกผม” หลายคนอาจรู้สึกลังเล เพราะภาพจำเก่า ๆ ของการผ่าตัดใหญ่ เจ็บมาก พักฟื้นนาน หรือขั้นตอนยุ่งยากเหมือนการศัลยกรรม ทั้งที่ความจริงในวันนี้ การปลูกผมเปลี่ยนไปมากแล้ว ที่ Namnin Clinic กับเทคนิคที่ชื่อว่า NEAT

ที่นามนิน คุณหมอนินเข้าใจดีว่า “เพราะไม่รู้ เราถึงกลัว”
หนึ่งในขั้นตอนสำคัญก่อนปลูกผม คือการได้พูดคุยกับแพทย์เพื่อวิเคราะห์ปัญหา วางแผนการรักษา และอธิบายทุกอย่างตั้งแต่ก่อนเริ่มปลูกผมไปจนถึงการดูแลหลังทำจนครบ 1 ปี เพื่อให้เข้าใจทุกขั้นตอนและคลายความกังวลตั้งแต่แรกพบ

แล้ว NEAT คืออะไร?
NEAT คือเทคนิคปลูกผมที่ใช้ความประณีต พิถีพิถัน ที่คุณหมอนินเป็นผู้ให้คำปรึกษา ออกแบบแนว ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกกราฟ และดูหลังปลูกตลอด 1 ปีทุกขั้นตอนถูกคิดมาเพื่อ “คุณสบายที่สุด”
  • การนำผมด้านหลังออกแบบขั้นบันได ซ่อนรอยเจาะกราฟให้แนบเนียนไปกับผมทรงเดิม
  • ใช้ Implanter ขนาดที่เหมาะสม ปลูกผมทีละกราฟต์ รอยปลูกผมมีขนาดเล็ก 
  • ปลูกผมตามทิศทางองศาของผมเดิมของคนไข้
  • หลังปลูกผมใช้ชีวิตได้ตามปกติในวันถัดไป


คุณหมอสุทัศน์ วานิชเสนี อดีตผอ.รพ.ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช เคยให้สัมภาษณ์ใน Hair Diary Podcast ว่า
“วันที่ปลูกผม ผมยังนั่งซื้อขายหุ้นได้เลยครับ ”


คุณโอฬาร ประจักษ์ทิพย์ เจ้าของธุรกิจบ้านสีสวย ก็เล่าใน Hair Diary Podcast เช่นกันว่า
“ผมนอนดูแมตช์ฟุตบอลคู่โปรดจนจบระหว่างปลูกผมได้เลย”


คุณต้อม เรนโบว์ (พีรพงษ์ พลชนะ) ศิลปินเพลง นักร้อง ได้แชร์ประสบการณ์การปลูกผมไว้ใน Hair Diary Podcast ว่า
“ไม่คิดว่าจะฟื้นฟูเร็วขนาดนี้ ปลูกวันนี้ อีกสองวันไปทำงานแล้ว”


จุดต่างของ NEAT ที่นามนิน ไม่ได้อยู่แค่ที่เทคนิคหรือเครื่องมือ แต่คือ ความใส่ใจของคุณหมอและทีม
  • ทีมผู้ช่วยคอยดูแลอย่างอบอุ่น เตรียมอาหารว่าง อาหารกลางวัน 
  • ห้องพักเป็นส่วนตัวสำหรับคนไข้
  • มีการแจ้งขั้นตอนการทำหัตถการเพื่อให้คนไข้รับทราบ 
  • คุณหมอพูดคุยกับคนไข้ขณะการทำหัตถการอย่างเป็นกันเอง
  • บรรยากาศภายในห้องปลูกผม ผ่อนคลาย สะอาด  เป็นส่วนตัว

ดูแลต่อเนื่อง ไม่ปล่อยให้คุณเดินคนเดียว
สิ่งที่หลายคนประทับใจ คือการดูแลหลังปลูกผมที่ ต่อเนื่องตลอด 1 ปี
คุณหมอนินจะติดตามผลอย่างใกล้ชิด นัดประเมินเป็นระยะ ให้คำแนะนำ  เพราะเราเชื่อว่าการปลูกผมไม่ใช่แค่ “ทำให้มีผม” แต่คือการช่วยให้คุณกลับมารู้สึกดีกับตัวเองอีกครั้ง

ที่นามนิน เราไม่ได้ปลูกแค่ผม... แต่ปลูกความมั่นใจใหม่ ให้คุณกล้ากลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง อย่างภาคภูมิใจ
นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงภายนอก แต่คือการเริ่มต้นใหม่...ที่เบาสบายกว่าที่คุณเคยคิดไว้มาก
ปลูกผมอย่างมั่นใจ เริ่มที่เข้าใจ “กราฟต์ผม”
หลายคนคงมีคำถามนี้อยู่ในใจ มีอะไรที่ควรต้องรู้ก่อนปลูกผม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มีเรื่องที่เราควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นผมมากมาย เพราะการจะปลูกผมให้สำเร็จ ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ต้องอาศัยปัจจัยต่าง ๆ หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายในจากเจ้าของเส้นผมเอง เช่น พื้นฐานสุขภาพความแข็งแรงของเส้นผม ความรุนแรงของปัญหาผมร่วง ผมบาง ในวันที่ตัดสินใจปลูก รวมไปถึงเพศ วัย ตลอดจนพฤติกรรมหรือสไตล์การใช้ชีวิต ขณะเดียวกันก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก อย่างเช่นทักษะความชำนาญและความใส่ใจของแพทย์ผู้ลงมือปลูกผม รวมถึงแผนการรักษาและดูแลหลังปลูกในระยะยาวอีกด้วย

วันนี้ นามนินจึงขอยก Keyword หนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการปลูกผม มาให้คนรักเส้นผมได้ทำความรู้จักและทำความเข้าใจ นั่นก็คือเรื่องของ “กราฟต์ผม” ถ้าใครได้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง จะต้องรู้สึกคุ้นหรือเห็นคำนี้ผ่านตาอยู่บ่อย ๆ หลายครั้งเรามักจะเห็นวลี ปลูกผม 2,000 กราฟต์ หรือ 3,000 กราฟต์ ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลขค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนกราฟต์ที่ปลูก 

แต่ถ้าเรายังไม่รู้จักคำว่ากราฟต์ผมเลย ยังนึกภาพไม่ออกว่าการปลูกผมป็นพันกราฟต์คืออะไร การจะตัดสินใจเลือกลงทุน ปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา ก็คงเป็นไปได้ยาก

ดังนั้นเอง หากใครอยากเริ่มต้นศึกษาเรื่องการปลูกผมแล้วล่ะก็ รู้อะไรไม่สู้ รู้จัก “กราฟต์ผม” จึงเป็นคำแนะนำข้อแรก ๆ จากนามนิน ถ้าเห็นความสำคัญของกราฟต์ผมกันแล้ว มาเริ่มบทเรียนแรกของวิชากราฟต์ผม 101 หลักสูตรเร่งรัดฉบับเข้าใจง่ายใน 5 นาทีกันเลย

บทที่ 1 “กราฟต์ผม” คืออะไร

กราฟต์ผม หรือ กอผม หมายถึงกลุ่มของเส้นผมที่มาอยู่รวมกัน โดยมีรากผมร่วมกัน โดยทั่วไปแล้ว กราฟต์ผม 1 กราฟต์ จะประกอบไปด้วยเส้นผมตั้งแต่ 1 – 4 เส้น แต่ละคนก็อาจจะมีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์มากน้อยไม่เท่ากัน คนที่มีผมหนาโดยธรรมชาติ อาจจะมีเส้นผม 3 – 4 เส้นต่อกราฟต์ บางคนอาจหนาแน่นถึง 5 เส้นต่อกราฟต์เลยก็เป็นได้ ขณะที่คนผมบาง อาจมีเส้นผมเพียง 1 – 2 เส้นต่อกราฟต์ 


นอกจากนั้น ตำแหน่งของเส้นผม ก็เกี่ยวเนื่องกับจำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ด้วย เช่น ในบริเวณไรผม จะเป็นส่วนที่เส้นผมไม่หนาแน่นมาก มีจำนวนเพียง 1 – 2 เส้นต่อกราฟต์ ต่างกับบริเวณที่ลึกเข้าไป หรือบริเวณท้ายทอย ที่เส้นผมมีความหนาแน่นเต็มที่มากกว่านั่นเอง 


บทที่ 2 ทำไมต้องรู้จัก “กราฟต์ผม”

คำว่ากราฟต์ (Graft) เป็นศัพท์ทางการแพทย์ไว้สำหรับเรียกกลุ่มเส้นผมที่ถูกนำออกมา เพื่อเตรียมย้ายไปปลูกใหม่ เราจึงมักเห็นคำนี้ทั่วไปในกระบวนการปลูกผม ก่อนอื่น เรามาทบทวนกันอีกครั้งว่า ขั้นตอนการปลูกผมถาวร คือการเจาะย้าย “กราฟต์ผม” ออกจากด้านหลังท้ายทอย แล้วจึงนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง เช่น บริเวณกลางศีรษะ หรือบริเวณแนวผมตรงหน้าผาก 

แล้วทำไมต้องเป็นกราฟต์ผมจากท้ายทอยล่ะ เสริมความเข้าใจอีกนิด ว่าเส้นผมของเราในบริเวณต่าง ๆ สามารถหลุดร่วงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการผมร่วงจากสาเหตุทางพันธุกรรมนั้น บริเวณหนังศีรษะจะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase ซึ่งจะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือเรียกอย่างย่อว่า DHT จำชื่อนี้ไว้ให้ดี เพราะเจ้าฮอร์โมน DHT นี่ล่ะ ที่เป็นตัวการทำให้หนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอลง จนหลุดร่วงได้ง่ายกว่าที่ควร ไม่เว้นแม้แต่ในคุณผู้ชายที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม


แต่ด้านหลังท้ายทอยศีรษะ ถือเป็น Safe Zone ของคนรักผม และกราฟต์ผมในบริเวณนี้ ก็ได้ชื่อว่าเป็น “กราฟต์ผมต้นทุน” คุณภาพดี เพราะเส้นผมในบริเวณนี้ มีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ดังนั้น ผมด้านหลังท้ายทอยจึงแข็งแรง คงทน ไม่หลุดร่วงง่าย และกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการย้ายไปปลูกใหม่ เพราะแม้ย้ายไปแล้ว แต่คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย จะยังคงอยู่กับเส้นผมนั้นไปได้ตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผม สามารถแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง คืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมบริเวณนั้นได้อย่างตอบโจทย์


บทที่ 3 ข้อจำกัดของ “กราฟต์ผม”

แม้ว่าเราจะมี “กราฟต์ผมต้นทุน” ด้านหลังท้ายทอย ที่เป็นความหวังในการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง อย่างถาวร แต่กราฟต์ผมในบริเวณนี้ ก็มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง อย่างเช่น

  • กราฟต์ผมต้นทุน ไม่ได้มีจำนวนเหลือเฟือจนใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด ตรงกันข้าม กราฟต์ผมที่สามารถย้ายไปปลูกใหม่ได้นี้ มีอยู่เพียงจำกัด นั่นทำให้คนคนหนึ่งอาจมีโอกาสปลูกผมได้เพียง 1 หรือ 2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น

  • กราฟต์ผมต้นทุน ยังอาจถูกคุกคามจากปัจจัยต่าง ๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ อายุ หากผู้เข้ารับการปลูกผมอายุมากขึ้น กราฟต์ผมก็อาจเริ่มหลุดร่วงไปตามวัย หรือสุขภาพผมไม่แข็งแรงเหมือนในวัยหนุ่ม

  • ในอีกมุมหนึ่ง ลองนึกภาพแต่ละคนมาเข้ารับการปลูกผมด้วยความรุนแรงของปัญหาที่ต่างกัน คนที่เริ่มผมบางเพียงเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนในการปลูกใหม่มาก แต่หากใครมีอาการผมบางมาก ๆ ก็จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนจำนวนมากขึ้น เพื่อเติมเต็มส่วนที่บาง หรือกินพื้นที่กว้างให้กลับมาหนาแน่น 

ดังนั้น หากกราฟต์ผมต้นทุนเหลือน้อยลง แต่พื้นที่ปลูกผมกว้าง กรณีเช่นนี้ กราฟต์ผมก็อาจไม่เพียงพอที่จะปลูกใหม่อย่างครอบคลุมก็เป็นได้

เพราะอย่างนี้เอง กราฟต์ผม จึงเป็นตัวแปรที่สำคัญอันดับต้น ๆ ในการปลูกผม และเราจึงต้องการแพทย์ด้านเส้นผมที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง เพื่อช่วยให้เรารับมือกับข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ได้ โดยอาศัยการวิเคราะห์ประเมินปัญหาผมเฉพาะบุคคล การคำนวณกราฟต์ผมที่แม่นยำ เพื่อนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์นั่นเอง


บทที่ 4 “กราฟต์ผม” ความท้าทายของแพทย์

ที่นามนิน คุณหมอนินต้องพบกับความท้าทายในการปลูกผมที่หลากหลายแบบเคสต่อเคส เพราะการปลูกผมไม่อาจมีสูตรสำเร็จ เมื่อแต่ละคนมาด้วยปัญหาและเงื่อนไขที่ต่างกัน แพทย์จึงต้องออกแบบแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ซึ่งโดยทั่วไป หลังจากพูดคุยกับคนไข้ เพื่อตรวจวิเคราะห์และประเมินปัญหาอย่างรอบด้านแล้ว แพทย์จะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่ต้องใช้ในการปลูก เพื่อให้สามารถใช้กราฟต์ผมที่มีอยู่จำกัดนั้นได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด 

โดยทั่วไป แพทย์จะเฉลี่ยกราฟต์ผมให้เหมาะสมกับพื้นที่ปลูกใหม่ โดยมีการคัดแยกตัดแต่งกราฟต์ผมก่อนนำไปปลูก ดังนั้น กราฟต์ผมที่พร้อมปลูกใหม่ จึงไม่ได้มีแค่แบบผมเส้นเดี่ยว แต่สามารถมีได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้นผมต่อกราฟต์ ซึ่งหากคนไข้ไม่ได้มีอาการผมบางรุนแรง หรือพื้นที่ปลูกใหม่ยังไม่กว้าง ก็สามารถใช้กราฟต์ผมที่ตัดแต่งให้มีจำนวน 1 – 3 เส้นผมต่อกราฟต์ก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมเยอะเกินความจำเป็น ตรงนี้เอง เป็นการวางแผนของแพทย์เผื่อสำหรับอนาคต หากวันหนึ่งคนไข้จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมอีกเป็นครั้งที่ 2 ก็จะยังมีกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยไว้สำรองในวันข้างหน้า


ที่สำคัญ ไม่เพียงปลูกผมเติมเต็มความหนาแน่น แต่แพทย์จะคำนึงถึงมิติด้านความงามควบคู่กันไปด้วย คุณหมอนินจึงลงมือปลูกผมให้เองทุกกราฟต์ เพื่อควบคุมทิศทางองศาผม ให้กลมกลืนไปในทางเดียวกันกับผมเดิม ไม่ย้อนทิศผิดทาง ปักเส้นผมให้ได้ระยะลึกที่พอดี และได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่เบียดกันแน่นเกินไป หรือบางเกินไป ทั้งยังคำนึงถึงทรงผมเดิม หรือทรงผมแบบที่คนไข้ต้องการ เพื่อที่ว่าหลังปลูกผมแล้ว คนไข้ยังสามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างเป็นตัวเอง และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย


และทั้งหมดนี้ ก็คือ 4 บทเรียนสำหรับมือใหม่เริ่มทำความเข้าใจ “กราฟต์ผม” ที่จะช่วยให้เราประเมินความคุ้มค่าคุ้มราคาก่อนการตัดสินใจปลูกผมได้ชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยไขข้อข้องใจได้เป็นอย่างดีว่า ทำไมคนส่วนใหญ่จึงแนะนำให้รีบปลูกผมตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่ออาการผมร่วง ผมบางยังไม่รุนแรง ปลูกได้เลยตั้งแต่อายุยังไม่มาก ไม่ต้องรอให้ถึงวันสูงวัย เพราะยิ่งปลูกผมเร็วเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะเติมเต็มผมหนาแน่นได้สมบูรณ์กว่า อุ่นใจกว่า เนื่องจากยังไม่ต้องกังวลกับจำนวนกราฟต์ผมที่มีจำกัดนั่นเอง

เมคอัพสะท้อนสไตล์ แนวผมคือเสน่ห์ของใบหน้า
ในมุมมองของผู้หญิงที่รักการดูแลตัวเอง ความงามไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ภายนอก แต่คือความกลมกลืนระหว่าง “ตัวตนภายใน” กับ “ภาพที่สะท้อนออกมา” สำหรับหลายคน การแต่งหน้าไม่ใช่แค่การเติมสีสันบนใบหน้า แต่คือศิลปะแห่งความมั่นใจ และการเผยเสน่ห์ในแบบเฉพาะของตัวเอง
แต่ก็อาจมีบางวัน...ที่แม้จะแต่งหน้าอย่างพิถีพิถันแล้ว 

ลุคที่ได้ยังดูแข็ง ไม่ละมุน หรือยังรู้สึกว่าบางอย่างยังไม่สมบูรณ์ และสิ่งนั้นอาจไม่ใช่เครื่องสำอาง  แต่คือ "แนวผม"


แนวผม: เมคอัพธรรมชาติที่ไม่ต้องล้าง ไม่ต้องแต่งใหม่
“แนวผม” เป็นองค์ประกอบเล็กๆ บนใบหน้า แต่ส่งผลใหญ่ต่อโครงหน้าโดยรวม แนวผมที่ลึก หน้าผากกว้าง หรือบริเวณขมับบางลง อาจทำให้กรอบหน้าดูแข็ง ไม่สมดุล หรือขาดความละมุนโดยไม่รู้ตัว
ในทางกลับกัน การเติมแนวผมที่พอดีกับรูปหน้า เช่น เติมช่วงขมับให้รับกับโหนกแก้ม ปรับความลึกของหน้าผาก หรือทำให้แนวผมโค้งอย่างเป็นธรรมชาติ จะช่วยให้ใบหน้าดูหวานขึ้น อ่อนโยนขึ้น เหมือน “เติมมิติที่ขาดหายไป”

เทคนิค NEAT: การปลูกผมที่ไม่ใช่แค่ผมขึ้น แต่เปลี่ยนโครงหน้าให้ละมุน
นามนินเชื่อว่าความงามของผู้หญิงคือสิ่งเฉพาะตัว ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับคำว่า "สวย" แต่ละคนมีมิติใบหน้า ความต้องการ และความกังวลที่แตกต่างกันออกไป คุณหมอนินจึงออกแบบเทคนิคการปลูกผม NEAT ( Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant ) โดยอิงจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในมุมมองของผู้หญิง  ไม่ใช่แค่เพื่อให้ผมขึ้น แต่เพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้นในแบบที่เป็นธรรมชาติของแต่ละคน




ก่อนการปลูก คุณหมอจะวิเคราะห์อย่างละเอียด ทั้งสัดส่วนโครงหน้า ความโค้งของแนวผมเดิม ความลึกของหน้าผาก และทิศทางของเส้นผม เพื่อวางแนวผมใหม่ให้ดูอ่อนโยน เสริมมิติของใบหน้าโดยไม่ฝืนความเป็นตัวเอง ทุกจุดจะถูกออกแบบและปลูกอย่างประณีตในระดับเส้นต่อเส้น เพื่อให้แนวผมใหม่กลมกลืนกับเส้นผมเดิมราวกับเกิดมาพร้อมกัน

ผลลัพธ์ของเทคนิค NEAT จึงไม่ใช่แค่การมีผมที่หนาขึ้น แต่คือการได้แนวผมที่ช่วย “จัดวางกรอบหน้า” ให้ใบหน้าดูละมุน นุ่มนวล และเผยเสน่ห์ในแบบที่คุณอาจไม่เคยเห็นจากตัวเองมาก่อน




ไม่ต้องกลัวว่าจะดูปลอม เพราะแนวผมที่ดีควร “กลมกลืนจนลืมว่าปลูก”
หลายคนลังเล เพราะกลัวผลลัพธ์จะดูปลอม เส้นผมไม่เรียงตัวไปทางเดียวกับผมเดิม  แต่ เทคนิค NEAT ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ
คุณหมอนินลงมือปลูกอย่างประณีตตามแนวโครงสร้างผมเดิมด้วยตนเองทุกๆเส้น ทำให้เส้นผมใหม่ดูแนบเนียนจนแทบแยกไม่ออกว่าเคยมีปัญหาแนวผมมาก่อน

นี่คือ...การดูแลตัวเองแบบยั่งยืน สำหรับผู้หญิงที่รักรายละเอียด



การปลูกผมอาจไม่ใช่สิ่งแรกที่ผู้หญิงคิดถึงเมื่ออยากดูดีขึ้น
แต่มันคือวิธีเติมเต็มภาพลักษณ์ที่ “ไม่ต้องเติมซ้ำทุกวัน”
และอยู่กับคุณในทุกช่วงชีวิต
ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า จนถึงคืนที่คุณลบเมคอัพออก

หากคุณเคยรู้สึกว่าแต่งหน้าอย่างไรก็ยังไม่ละมุน...
บางทีคำตอบอาจอยู่ที่ “แนวผม”


หากคุณกำลังสงสัยว่าแนวผมแบบไหนจะเสริมกรอบหน้าให้คุณดูหวานขึ้น กลมกลืนขึ้น หรือสมดุลขึ้น  คุณหมอนินยินดีให้คำปรึกษาอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่วิเคราะห์รูปหน้า ทิศทางผมเดิม ไปจนถึงดูแลหลังปลูก

เพราะที่นามนิน เราไม่เพียงปลูกผมให้ขึ้น  แต่ปลูกความมั่นใจที่อยู่กับคุณในทุกวัน
NEAT & NEAT Long Hair เทคนิคที่พิสูจน์โดยแพทย์เอง
ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เทคนิคการปลูกผมได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์และตามทันความต้องการของคนไข้ ด้วยวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ บวกกับเทคโนโลยีที่นับวันยิ่งล้ำหน้า วันนี้ ภาพจำเดิม ๆ ของการปลูกผมจึงเปลี่ยนไป กลายเป็นหัตถการที่คนไข้เข้ารับบริการได้อย่างสะดวกสบายไร้กังวล 

และปฏิเสธไม่ได้ว่า ฟันเฟืองที่หมุนนำวงการปลูกผมให้ก้าวไปข้างหน้า ก็คือเหล่าบุคลากรแพทย์ผู้เป็นเจ้าขององค์ความรู้ด้านการปลูกผม พร้อมด้วยทักษะในระดับชำนาญ อย่างเช่นคุณหมอนิน - แพทย์หญิงนิล นามทองต้น ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาต่อยอดเทคนิคปลูกผมใหม่ ๆ เพื่อให้คนไข้ของนามนินได้สัมผัสกับประสบการณ์ปลูกผมที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

และผลลัพธ์จากความตั้งใจครั้งใหม่ของคุณหมอนิน ก็คือเทคนิคที่ชื่อว่า NEAT Long Hair ซึ่งคุณหมอนินพัฒนาเทคนิค NEAT ปรับให้เข้ากับวิธีการปลูกผมแบบ Long Hair เพื่อให้สามารถย้ายกราฟต์ผมเส้นยาว มาปลูกในพื้นที่ที่ต้องการ โดยไม่ต้องโกนหรือตัดให้สั้น นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนไข้ที่ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม 

แต่ก่อนจะไปลงลึกถึงความพิเศษของเทคนิค NEAT Long Hair ว่ามีความโดดเด่นอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง เราขอพาไปทำความรู้จักกับเทคนิค NEAT ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินกันให้มากขึ้น

เทคนิค NEAT ที่เรารู้จักคุ้นเคยกันมานาน เป็นเทคนิคที่คุณหมอนินพัฒนาต่อยอดจากเทคนิคปลูกผมถาวรแบบ FUE ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่ก้าวหน้าที่สุดในวงการปลูกผมยุคปัจจุบันเลยก็ว่าได้ และคุณหมอนินก็เสริมปรับเทคนิคโดยคิดถึงคนไข้เป็นหลัก จนเกิดเป็นเทคนิคปลูกผมที่เป็นเอกลักษณ์ ตอบโจทย์การรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์ พร้อม ๆ ไปกับความงามเชิงศิลป์ ทั้งยังมอบความสะดวกสบายสูงสุดแก่คนไข้ เทคนิค NEAT มีจุดเด่นดังต่อไปนี้

  • เทคนิคย้ายกราฟต์ผมออกแบบขั้นบันได คือการนำผมออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอยในลักษณะแถบเว้นแถบ เพื่อซ่อนรอยผมเนียนไปกับผมเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องตัดผมด้านหลังออกจนหมด สามารถจัดแต่งทรงผมได้อิสระไม่ต้องกังวลกับการปกปิด ไม่ต้องกลัวเสียบุคลิก ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

  • เทคนิคปลูกผมแทรก เป็นการปักกราฟต์ผมแทรกลงไปกับผมเดิมในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง คุณหมอจะคำนึงถึงทิศทางและองศาของผมใหม่ จะต้องไปในทิศทางเดียวกันกับผมเดิม เพราะเมื่อผมใหม่ยาวขึ้น จะได้มีความกลมกลืนแลดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเทคนิคนี้มีความสำคัญไม่แพ้จุดอื่น ๆ เพราะขณะที่ปักกราฟต์ผม เราจะยังไม่เห็นผลลัพธ์เรื่องทิศทางที่ชัดเจน ต้องรอจนผมยาวขึ้นก่อน และหากผมใหม่ที่ยาวขึ้นเกิดชี้ย้อนทิศผิดทาง ก็ยากที่จะแก้ไขได้แล้ว

  • คุณหมอนินเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ แบบเส้นต่อเส้น เพราะขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่นั้น ต้องอาศัยความละเอียดประณีต และต้องใช้ทักษะเพื่อควบคุมปัจจัยการปลูกผมให้แม่นยำที่สุด ไม่เพียงเรื่องทิศทางและองศาการปลูกผมเท่านั้น แต่ยังต้องเลือกขนาดเส้นผมให้เหมาะสมกับพื้นที่ปลูกแต่ละบริเวณ ระวังเรื่องระยะลึกของการปักกราฟต์ ให้เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม รวมไปถึงดูแลเรื่องความหนาแน่นในการปลูกให้พอดี ไม่ให้แน่นเกินไปจนกราฟต์ผมเสี่ยงหลุดร่วง และไม่ให้บางเกินไป จนไม่สามารถแก้ปัญหาผมบางได้

  • การดูแลติดตามผลหลังปลูกผม ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าเส้นผมปลูกใหม่จะเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์


คุณหมอนินได้พัฒนาเทคนิค NEAT ในส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ ให้เข้ากับการปลูกผมแบบ Long Hair จนเกิดเป็นเทคนิค NEAT Long Hair สำหรับคนไข้ของนามนิน หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า คุณหมอนินไม่เพียงแต่ศึกษาและพัฒนาต่อยอดเทคนิคต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เข้ารับการทดสอบการใช้เทคนิคเหล่านั้นด้วยตัวเอง เพราะทุกวันนี้มีเทรนด์การปลูกผมใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา คุณหมอนินจึงอยากมั่นใจว่า นี่เป็นวิธีการที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีจริง ๆ แล้วจึงเริ่มให้บริการแก่คนไข้ทั่วไป 

คุณหมอนินตัดสินใจที่จะตรวจสอบประสิทธิภาพการปลูกผมเทคนิค NEAT Long Hair โดยทดลองปลูกผมทั้ง 2 เทคนิคให้กับตัวเองในบริเวณกรอบหน้า ด้านหนึ่งปลูกด้วยเทคนิค NEAT แบบดั้งเดิม คือการย้ายกราฟต์ผมเส้นสั้นมาปลูกใหม่ ส่วนอีกด้านหนึ่งปลูกด้วยเทคนิค NEAT Long Hair คือการใช้กราฟต์ผมเส้นยาวมาปลูกใหม่



และคำตอบที่คุณหมอได้ผ่านการพิสูจน์ด้วยตัวเอง ก็คือประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการปลูกผมเทคนิค NEAT และ NEAT Long Hair นั้นไม่ต่างกันเลย สามารถเติมเต็มผมที่บางให้กลับหนาแน่นขึ้น เส้นผมใหม่เติบโตแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย ทั้งยังช่วยปรับกรอบหน้าเสริมบุคลิกภาพได้เหมือนกัน

ถ้าอย่างนั้น NEAT Long Hair หรือการย้ายกราฟต์ผมเส้นยาว มาปลูกในพื้นที่ที่ต้องการ มีจุดเด่น ข้อดี หรือเงื่อนไขข้อจำกัดที่ควรรู้อย่างไรบ้าง 

  • NEAT Long Hair เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกผมปรับกรอบหน้าบริเวณหน้าผาก

  • สามารถจำลองภาพให้เห็นได้ทันที ว่าหลังปลูกผมแล้ว เมื่อผมยาวขึ้นจะเป็นอย่างไร

  • ต้องอาศัยความใส่ใจในการดูแลหลังปลูกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 7 วันแรก เนื่องจากรากผมที่เพิ่งปลูกใหม่กำลังจะฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหาร หากกราฟต์ผมใหม่หลุดร่วง บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมงอกขึ้นมาได้อีก จึงต้องการความระมัดระวังเป็นพิเศษ

  • ควรปลูกในปริมาณกราฟต์ผมไม่เกิน 1,500 กราฟต์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่มีความเสี่ยงหลุดร่วงน้อย สามารถดูแลหลังปลูกได้ง่ายขึ้น

  • อย่างไรก็ตาม การปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT Long Hair ยังมีโอกาสพบกับภาวะ Shock Loss ได้ไม่ต่างจากการปลูกผมทั่วไป ซึ่งหมายถึงการที่เส้นผมปลูกใหม่หลุดร่วงพร้อมกันหลังปลูกไปแล้ว 2 – 4 สัปดาห์ ก่อนจะเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่นานประมาณ 1 – 2 เดือน ภาวะนี้เป็นการหลุดร่วงตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม เพื่อเส้นผมที่แข็งแรงจะงอกกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง



นี่ก็คือผลลัพธ์ข้อสรุปที่ได้จากการทุ่มเททดสอบเทคนิคการปลูกผมด้วยตัวเองของคุณหมอนิน โดยอาศัยความละเอียดอ่อน ความใส่ใจ ยึดความรู้สึกและความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง คุณหมอจึงลงมือพิสูจน์ประสิทธิภาพของเทคนิคต่าง ๆ เพื่อความมั่นใจ และเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำมากที่สุด

สำหรับใครที่สนใจในเทคนิคปลูกผมทั้งแบบ NEAT และ NEAT Long Hair สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอนินได้ ว่าเทคนิคไหนที่ตอบโจทย์ปัญหาผมและตรงกับความต้องการของคนไข้ เพราะทั้ง 2 เทคนิคต่างก็มีข้อดีที่โดดเด่น หรือมีเงื่อนไขข้อจำกัดในแบบของตัวเอง คุณหมอนินจะช่วยเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนมากที่สุด เป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบและวางแผนแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ที่นามนินให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งนั่นเอง
Mega Session ช่วงเวลาแห่งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม
“ผมบางมาก ศีรษะล้าน” ปัญหาที่ผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไปจำนวนไม่น้อยต้องเผชิญ แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงแล้วส่งผลต่อบุคลิกภาพ ความมั่นใจ และภาพลักษณ์ในการทำงานหรือการเข้าสังคมได้มากกว่าที่คิด หลายคนเริ่มหลีกเลี่ยงการถ่ายรูป ไม่กล้าไว้ทรงผมตามต้องการ หรือแม้กระทั่งรู้สึกแก่กว่าวัย ทั้งที่ยังมีไฟในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ก็ตาม

ในปัจจุบัน “การปลูกผม” เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในเคสที่ผมบางมาก การปลูกผมแบบ Mega Session ของนามนิน คือคำตอบของทุกโจทย์ เพราะสามารถปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนโดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกหลายรอบ และช่วยลดช่วงเวลาฟื้นตัว ไม่กระทบการทำงานและชีวิตประจำวัน


“Mega Session” ในทางการแพทย์ คือการปลูกผมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางมาก ต้องใช้กราฟต์ผมจำนวนมาก เช่น 4,000 กราฟต์ขึ้นไป และใช้เวลาในการทำหัตถการนานกว่าปกติ ซึ่งในบางเคส อาจจะใช้เวลา 10 – 15 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ซึ่งในการทำงานที่ยากและซับซ้อนระดับนี้ แพทย์ปลูกผมมีบทบาทสำคัญมากในการบริหารจัดการทุกส่วนให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ทั้งการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง การทำงานร่วมกับทีมผู้ช่วยทำหัตถการ และรวมถึงการดูแลผู้เข้ารับบริการให้ได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาอันยาวนานของการปลูกผม



ขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นด้วยการนำกราฟต์ผมออกมาให้ได้ตามจำนวนที่แพทย์ได้คำนวณไว้  โดยปกติแล้วใน 1 กราฟต์จะมีเส้นผมได้ 1-4 เส้น แตกต่างกันไปในแต่ละคน ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนินจะไม่ตัดแยกกราฟต์ผมโดยเด็ดขาด แต่จะเลือกใช้กราฟต์ผมให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และปลูกกระจายเพื่อครอบคลุมปัญหาให้ได้มากที่สุด ดังนั้น กราฟต์ผมที่ปลูกจึงจะมีได้ทั้ง 1-2 เส้น หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการวางแผนของคุณหมอนินและความแข็งแรงของกราฟต์ผมต้นทุน


ในการปลูกผม Mega Session ที่มีระยะเวลายาวนาน สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือ กราฟต์ผมส่วนที่นำออกมาก่อนจะต้องปลูกก่อน เนื่องด้วยหากกราฟต์ผมที่เจาะนำออกมาแล้วต้องรออยู่ข้างนอกนาน โอกาสรอดของผมปลูกใหม่จะน้อยลง แพทย์และทีมงานจึงต้องบริหารการทำงานแข่งกับเวลา ที่แม้แต่เพียงนาทีเดียวก็จะปล่อยให้สูญเสียไปไม่ได้

หลังจากการนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง โดยใช้เทคนิค NEAT ในการปลูกผมทีละเส้น กระจายความหนาแน่นอย่างเหมาะสมและทิศทางให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เช่น บริเวณด้านหน้าควรใช้กราฟต์ผมแบบ 1 เส้น ส่วนด้านกลางศีรษะควรใช้กราฟต์ผมแบบ 2 เส้นหรือมากกว่า และอาจมีบางบริเวณที่ใช้ทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อความกลมกลืน


ในรายละเอียดเรื่องกราฟต์ผมนี้ คุณหมอนินมีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ควรศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องชัดเจนก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกปลูกผม ต้องถามให้ละเอียดว่า หน่วยในการคำนวณปริมาณผมที่ปลูกนั้นเป็น “กราฟต์” หรือเป็น “เส้น” เพราะมีผลกับความหนาแน่นและค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ยกตัวอย่างเช่น ในการปลูกผม Mega Session เคสหนึ่งของนามนิน ใช้กราฟต์ผมทั้งหมดประมาณ 4,000 กราฟต์ ซึ่งจะมีแบบเส้นผม 1 เส้น จำนวน 1,600 กราฟต์ และแบบเส้นผม 2 เส้น จำนวน 2,350 กราฟต์ (หากคำนวณเป็นเส้นผม จะได้ 4,700 เส้น) รวมเส้นผมทั้งหมดที่ปลูกประมาณ 6,000-7,000 เส้น จึงจะได้ความหนาแน่นตามที่วางแผนไว้


นอกจากการบริหารเวลาในการทำงานแต่ละขั้นตอนแล้ว คุณหมอนินยังให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับบริการให้มั่นใจด้วยการตรวจติดตามความดัน ชีพจร และการทำงานของร่างกายโดยรวมด้วยเครื่องต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำหัตถการ และไม่มองข้ามในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการดูแลเรื่องความสะดวกสบายด้วย เนื่องจากเป็นการปลูกผมจำนวนมาก ผู้รับบริการอาจต้องนอนอยู่บนเตียงนานกว่าปกติ และด้วยการใช้ยาชา ไม่ดมยาสลบ จึงรู้สึกตัวตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องเผื่อระยะเวลาให้ได้ลุกเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถเป็นระยะ รวมถึงรับประทานอาหารที่นามนินจัดไว้ให้ และทำธุระส่วนตัวตามความเหมาะสม

หลังการปลูกผม คุณหมอนินยังคงดูแลต่อเนื่องอีก 1 ปี ติดตามผลและวางแผนการดูแลบำรุงรักษาเพื่อให้เส้นผมที่ปลูกแข็งแรงและงอกขึ้นให้เต็มที่ โดยเฉพาะในกรณีที่ผมก่อนปลูกบางมาก คุณหมอจะแนะนำให้เข้ารับบริการฉีดบำรุงโปรแกรม PHB ร่วมด้วย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นรากผม ฟื้นฟูเส้นผมให้อวบอ้วนและดกดำขึ้น เสริมผลลัพธ์การงอกของเส้นผมใหม่และบำรุงเส้นผมเดิมไปพร้อมกัน



การปลูกผมในความยากระดับ Mega Session จะได้ผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งตัวผู้เข้าบริการเองที่ต้องตัดสินใจให้แน่วแน่ และ “ยิ่งเร็วยิ่งดี” เพราะนั่นหมายถึงยังมีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา ในส่วนของแพทย์ บทบาทสำคัญคือการบริหารจัดการในทุกขั้นตอนอย่างเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลหลังการปลูกผมอย่างต่อเนื่อง หากทั้งสองส่วนทำงานร่วมกันเป็นทีม ผลลัพธ์ของความทุ่มเทและตั้งใจก็จะชัดเจนในตัวเอง เส้นผมใหม่จะนำพาทั้งความมั่นใจภายใน และเสริมบุคลิกภาพภายนอกให้ดีขึ้นได้เกินกว่าที่คาดไว้แน่นอน 




ปลูกผมปรับกรอบหน้า คุณค่าความ NEAT เพื่อผู้หญิง
“ปลูกผมปรับกรอบหน้า” อีกหนึ่งภารกิจเพื่อผมสวยที่ไม่เคยมีสูตรสำเร็จ เพราะนี่คือการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ที่ต้องคำนึงถึงปัจจัยเฉพาะบุคคล ออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเคสต่อเคส เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ตามแต่ปัญหาและความต้องการของแต่ละคน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง

และหนึ่งในปัจจัยเบื้องต้นที่คุณหมอใช้พิจารณาเพื่อออกแบบวิธีปลูกผมให้เหมาะสมและตอบโจทย์ ก็คือ “เพศ” โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเป็นการปลูกผมให้คุณผู้ชาย โดยเฉพาะช่วงบริเวณหน้าผาก คุณหมอจะเน้นเติมเต็มผมเพื่อคืนความหนาแน่น ปรับลุคให้ดูสมาร์ทและมั่นใจยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สำหรับคุณผู้หญิง การปลูกผมปรับกรอบหน้า อาจจะมีความแตกต่างที่ลึกลงไปในรายละเอียดความประณีตระดับเส้นต่อเส้น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผมปลูกใหม่แลดูใกล้เคียงผมเดิมมากที่สุด สะท้อนความพิถีพิถันและความใส่ใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเทคนิค NEAT นั่นเอง


หากถามว่า ปลูกผมปรับกรอบหน้าอย่างไรให้สวยเนียน คำตอบสำคัญอยู่ที่ “การเลือกใช้กราฟต์ผม” คำว่า “กราฟต์ผม” นั้น หมายถึงกอผมซึ่งมีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น อาจเป็นผมเส้นเล็กบาง หรือเส้นหนาใหญ่ แล้วแต่ลักษณะของแต่ละคน ซึ่งเมื่อคุณหมอเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย ก็จะต้องนำกราฟต์ผมมาคัดแยกและตัดแต่ง ก่อนนำไปปลูกใหม่ 

ตรงนี้เอง ที่คุณหมอจะคัดเลือกเส้นผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูกใหม่มากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ Hairline หรือกรอบหน้าบริเวณหน้าผาก เพราะหากลองสังเกตให้ดี แนว Hairline แต่ละชั้นของคนเรานั้น ประกอบด้วยเส้นผมที่มีลักษณะแตกต่างกัน 
  • แนวไรผมชั้นนอกสุด คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว เป็นผมเส้นอ่อน ๆ ที่มีขนาดเล็กและบาง
  • แนวผมชั้นถัดไป เพื่อความเป็นธรรมชาติ คุณหมอจะเลือกผมเส้นเดี่ยว แต่มีขนาดเส้นใหญ่ขึ้น และหนาขึ้น
  • แนวผมชั้นลึก ยิ่งลึกเข้าไป คุณหมอจะเลือกใช้กราฟต์ผมที่ประกอบไปด้วยผมหลายเส้น เช่น 2 – 4 เส้น ขึ้นอยู่กับลักษณะผมเดิมของคนไข้


ด้วยความเนี้ยบในการคัดสรรกราฟต์ผมเช่นนี้เอง ผลลัพธ์กรอบหน้าใหม่ของคุณผู้หญิงจึงออกมาดูเนียนตา ไล่ระดับอย่างเป็นระเบียบ ขั้นตอนนี้ จึงนับเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนแบบสุด ๆ และเมื่อบวกกับความใส่ใจของคุณหมอ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ด้วยตัวเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยคำนึงถึงการวางทิศทางและองศาผม ให้กลมกลืนไปในแนวเดียวกันกับผมเดิม ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของเทคนิค NEAT ด้วยเช่นกัน ก็จะยิ่งตอบคำถามได้ชัดขึ้นว่า การปลูกผมปรับกรอบหน้าให้สวยเนียน ต้องอาศัยความพิถีพิถันมากเพียงใด

ทั้งนี้ การออกแบบแนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ของคุณหมอ จะใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์และมุมมองเชิงศิลป์รวมกัน โดยยึดหลักสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนความงามตามธรรมชาติแท้ ๆ หมายถึงระยะจากปลายคางถึงปลายจมูก – ปลายจมูกถึงหัวคิ้ว – และหัวคิ้วถึงแนวไรผมบริเวณหน้าผาก เป็นสัดส่วน 1:1:1 เท่า ๆ กัน หากใบหน้าของคุณผู้หญิงได้สัดส่วนตามนี้ ก็จะช่วยให้รูปหน้ายิ่งสมส่วนชวนมอง ได้ลุคใหม่ที่สดใสและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การปลูกผมสำหรับคุณผู้หญิง จึงไม่เพียงเติมผมให้กลับมาหนาแน่น แต่ยังเน้นไปที่การเติมกรอบหน้าเพื่อผลลัพธ์ความงาม ที่ย้อนกลับมาเติมเต็มความมั่นใจได้อีกด้วย


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของความใส่ใจของคุณหมอ ในทุก ๆ เคสของการปลูกผม เพื่อให้คุณผู้หญิงได้ผมใหม่ที่สะท้อนสไตล์และความงามในแบบของตัวเอง เสริมบุคลิกรูปลักษณ์ให้โดดเด่น พร้อมกันนั้นก็แก้ปัญหาผมบางได้อย่างถาวร เนื่องจากผมปลูกใหม่นี้จะหลุดร่วงและขึ้นใหม่ตามวงจรธรรมชาติ สามารถคงอยู่กับเจ้าของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต



ปกป้องผมจาก “แสงแดด” สไตล์ผู้ชายสายสปอร์ต
แม้ว่าแดดเมืองไทยจะร้อนราวกับอยู่ในช่วงซัมเมอร์ตลอด 12 เดือนไม่มีพัก แต่เราก็ยังเห็นคุณผู้ชายสายสปอร์ตที่รักสุขภาพหลาย ๆ คน ออกมาลุยกีฬากลางแจ้งกันแบบแมน ๆ ไม่หวั่นความร้อนแผดเผาของแสงแดด ไหนจะออกรอบตีกอล์ฟซ้อมวงสวิงกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง บ้างก็สวมบทนักปั่นน่องเหล็กปั่นจักรยานพิสูจน์ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา บ้างก็เพลิดเพลินกับการออกกำลังเผาผลาญแคลอรีทั่วตัวในสระว่ายน้ำ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เราจะเตรียมไอเท็มปกป้องผิวจากแสงแดดมาเป็นอย่างดี แต่หลาย ๆ ครั้ง เรากลับลืมนึกถึงส่วนที่สัมผัสแสงแดดแบบเต็ม ๆ ตลอดเวลาที่เราพาตัวเองไปอยู่กลางแจ้ง นั่นก็คือ “เส้นผม”

อย่าลืมว่า แสงแดดทำร้ายผิวอย่างไร ก็ทำร้ายผมได้ไม่ต่างกัน ไล่มาตั้งแต่รังสี UVA ในแสงแดด ที่ทำลายเม็ดสีเมลานินในเส้นผม รังสี UVB ทำลายโครงสร้างโปรตีน “เคราติน” ในส่วนเกล็ดผมชั้นนอกสุด ซึ่งปกติแล้วจะคอยทำหน้าที่ปกป้องเนื้อผมและแกนผมที่อยู่ภายใน ทำให้ผมขาดเกราะปกป้องและถูกทำร้ายง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็รบกวนการทำงานของกรดอมิโนในเส้นผมรวมถึงรากผมด้วย 

และนี่คือผลลัพธ์ของเส้นผมที่สัมผัสแสงแดดนาน ๆ โดยขาดการดูแลอย่างถูกวิธี
  • สีผมจางลง จากการสูญเสียเม็ดสีเมลานิน หรืออาจเกิดภาวะผมหงอกก่อนวัย
  • ผมเสีย แห้ง หยาบกร้าน ขาดความนุ่มสลวย เงางาม
  • ผมชี้ฟู ดูไม่มีน้ำหนัก
  • ผมอ่อนแอ แตกปลาย เปราะขาดง่าย
  • ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งข้อนี้สำคัญทีเดียว เพราะหากปล่อยให้เกิดภาวะผมร่วงต่อเนื่องนาน ๆ อาจตามมาด้วยอาการผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้านเลยก็เป็นได้



ไม่เพียงเท่านั้น แสงแดดยังทำให้การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติของหนังศีรษะผิดปกติไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและชี้ฟู ทั้งยังทำร้ายหนังศีรษะโดยตรง จนอาจเกิดอาการแสบ คัน ระคายเคือง ทำให้หนังศีรษะลอก หรือเกิดรังแคกวนใจ ส่งผลไปถึงบุคลิกภาพและความมั่นใจ อีกทั้งการออกกำลังกายมักจะทำให้เกิดเหงื่อหรือสิ่งสปกรกจากฝุ่นและมลพิษสะสม ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างดี ก็จะส่งผลทำร้ายเส้นผมจนหลุดร่วงง่ายด้วยเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้น คุณผู้ชายสายสปอร์ตจะมีวิธีดูแลปกป้องเส้นผมจากแสงแดดอย่างไร นามนินมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากดังนี้
  • หลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมขณะที่มีแดดจัด ๆ อย่างเช่นเวลาเที่ยงตรงหรือบ่ายโมง ลองเลือกปรับเวลาออกกำลังในช่วงอื่น ๆ ที่แสงแดดไม่แรงจนเกินไป
  • การสวมหมวก ก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันแสงแดดสัมผัสกับเส้นผมโดยตรงได้เป็นอย่างดี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกันแดด เช่น Hair Tonic หรือ Hair Spray เพื่อช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดด โดยสามารถใช้ได้ทั้งก่อนออกจากบ้าน และใช้ซ้ำระหว่างวัน
  • การระวังไม่ใช้ความร้อนกับเส้นผมมากหรือบ่อยเกินไป เช่นความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผม เพราะจะยิ่งรวมพลังกับแสงแดด ทำให้ผมของเราเสียง่ายขึ้นแบบคูณสอง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงให้เหมาะกับสภาพผมของเราเอง เพื่อคืนความชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงจากภายใน



อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย สำหรับคุณผู้ชายที่กังวลเรื่องผมร่วง ผมบาง เป็นพิเศษ เพราะการปกป้องเส้นผมด้วยการ “สวมหมวก” ที่รัดแน่นเกินไป หรือสวมใส่ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเป็นปัจจัยเสริมที่กระทบต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะก็เป็นได้ 

ข้อแรกเลย หมวกที่รัดแน่นเกินไป อาจไปก่อความระคายเคืองหรืออักเสบ พร้อมกับทำให้รากผมยิ่งอ่อนแอ จนผมขาดหลุดร่วงง่าย และหากหมวกทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ไม่ดี ก็จะมีปัญหาความอับชื้นตามมา กลายเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะต่าง ๆ อย่างเช่น รังแค หรือเชื้อราบนหนังศีรษะ ซึ่งจะส่งผลต่อรากผม และลงท้ายทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรเลือกหมวกที่มีวัสดุและขนาดที่เหมาะสม ช่วยระบายอากาศ ไม่รัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป รวมถึงไม่ใส่ติดต่อกันจนนานเกินไป ก็จะช่วยลดความเสี่ยงผมร่วงได้อีกทาง

และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ปัจจัยเสริมอย่างเช่นการสวมหมวก หรือแม้กระทั่งการถูกทำร้ายจากแสงแดด เป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นทางอ้อมเท่านั้น สาเหตุหลักที่คุณผู้ชายส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วง ผมบาง ก็คือกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาครอบครัว ซึ่งมีฮอร์โมนเจ้าปัญหาตัวหนึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายจะมีฮอร์โมนควบคุมลักษณะเพศชาย หรือ Testosterone ซึ่งร่างกายผลิตขึ้นเป็นปกติ แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วง นั่นก็เพราะเอนไซม์ 5α-Reductase มาเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone เจ้าฮอร์โมน DHT นี้เอง จะเข้าไปจับกับ Androgen Receptor ที่บริเวณรากผม ทำให้รากผมอ่อนแอ วงจรชีวิตเส้นผมสั้นลง ผมงอกใหม่เส้นเล็กบาง ไม่แข็งแรง ทั้งงอกช้าและขาดหลุดร่วงง่ายขึ้น กลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง หรือผมล้านในที่สุด


และเพราะอย่างนั้นเอง การปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อคืนผมหนาแน่นดกดำให้กับผู้ที่เผชิญภาวะผมร่วง ผมบาง จากฮอร์โมน DHT และกรรมพันธุ์ได้อย่างตอบโจทย์ เนื่องจากเป็นการเจาะย้ายผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณเดียวที่เส้นผมของเรามีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT โดยธรรมชาติ ทำให้ผมแข็งแรง คงทน ไม่หลุดร่วงง่าย จากนั้นจึงย้ายนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา ผมปลูกใหม่จึงสามารถอยู่รอดจากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT สามารถร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิต 

การปลูกผมเทคนิค NEAT ยังเต็มไปด้วยความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมของนามนิน ตั้งแต่การเข้ามาพูดคุยปรึกษา วางแผนแนวทางการรักษาร่วมกัน การคำนวณกราฟต์ผมต้นทุนเพื่อปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ผมบาง การลงมือปลูกผมให้คนไข้เองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น และยังรวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ ลดระยะเวลาในการพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดร่องรอยจากปลูกผม ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก ทั้งยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกยาวนานถึง 18 เดือน จนกว่าผลลัพธ์ผมใหม่จะหนาแน่น แข็งแรง สมบูรณ์




ดังนั้น หากคุณกำลังกังวลกับปัญหาผมร่วงที่มากขึ้นผิดปกติ ไม่ว่าสาเหตุของอาการผมร่วงจะเกิดจากปัจจัยแบบใด และไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ได้ทันทีไม่ต้องรีรอ เพราะยิ่งเข้ามารับการรักษาเร็ว ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพียงวางใจให้แพทย์ช่วยออกแบบเส้นทางการรักษาเฉพาะบุคคล ที่จะตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณได้อย่างตรงจุดมากที่สุด



ป้องกัน “หน้าผากเถิก” แนะเลิก “รวบผมตึง”
หนึ่งในทรงผมที่เผยความมั่นใจของคุณผู้หญิงได้เต็มที่ ก็คือทรงมัดผมรวบตึง อวดรูปหน้าสวย เพิ่มลุคให้ดูโฉบเฉี่ยว คล่องตัว ทั้งยังช่วยเก็บเส้นผมให้เรียบเนียนไม่มากวนใจในวันที่ต้องลุยกิจกรรมต่าง ๆ หลายคนมัดผมตึงปล่อยหางม้า หรือถักเปียแน่นเป๊ะออกจากบ้านเป็นประจำตั้งแต่วัยอนุบาลเลยก็มี ซึ่งการรวบผมมัดแน่นจนเกินไปเช่นนี้ อาจกลายเป็นพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ยิ่งเรามัดผมจนตึงและแน่นมากเท่าไหร่ ลองนึกภาพดูสิว่า รากผมก็จะยิ่งถูกดึงรั้งมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าหากรากผมถูกแรงดึงเช่นนี้บ่อย ๆ หรือเป็นเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดบริเวณรากผม หนังศีรษะเกิดการระคายเคือง รากผมอ่อนแอลง ตามมาด้วยความเสี่ยงที่เส้นผมจะขาดหลุดร่วง 

ดังนั้น ที่เรามักได้ยินกันว่า มัดผมรวบตึงจนทำให้หน้าผากเถิก ก็เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริงเลย เพราะเมื่อผมบริเวณนั้นถูกดึงรั้งซ้ำ ๆ ก็ทำให้หลุดร่วง เกิดภาวะผมบาง จนอาจนำไปสู่ภาวะผมล้านได้ อีกทั้งการมัดผมแน่น ๆ ยังทำให้หนังศีรษะระบายอากาศได้ยาก เกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกจนเกิดอาการคันหรือระคายเคืองตามมาได้ด้วย

ที่สำคัญ หากคุณผู้หญิงท่านไหนไม่เพียงชอบมัดผมรวบตึง แต่ยังชอบยืดผม ดัดผม หรือทำสีผมร่วมด้วย ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายผมอีกทางด้วยความร้อนและสารเคมี ซึ่งถ้าทำพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยจนเกินไป ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้นด้วยเช่นกัน 



เพราะฉะนั้น วิธีป้องกันไม่ให้หน้าผากเถิกเกินวัย ก็คือการระวังไม่มัดผมรวบตึงแน่นจนเกินไป หรือสลับไปทำทรงอื่นเพื่อปล่อยให้เส้นผมและหนังศีรษะได้พักผ่อนคลายบ้าง ขณะเดียวกันก็ใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผมแต่พอเหมาะ เพื่อถนอมสุขภาพเส้นผมให้คงความแข็งแรงไว้ได้นาน ๆ

สำหรับสาว ๆ ท่านไหนที่ป้องกันไม่ทัน และกำลังกังวลกับปัญหาหน้าผากเถิก จนสัดส่วนใบหน้าเปลี่ยน และดูสูงอายุกว่าวัย นามนินก็ขอแนะนำการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT บริเวณหน้าผาก ซึ่งไม่เพียงเติมเต็มเส้นผมด้านหน้าให้กลับมาหนาแน่นดกดำ แต่ยังสามารถออกแบบและปรับกรอบหน้าใหม่ร่วมกับคุณหมอ โดยอาศัยหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสมส่วน แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น พร้อมแนว Hairline ใหม่ที่เนียนสวยใกล้เคียงแนวผมธรรมชาติ เพราะคุณหมอลงมือปลูกให้เองแบบเส้นต่อเส้น พร้อมดูแลหลังปลูกต่อเนื่องยาวนานถึง 18 เดือน





ทั้งนี้ คุณหมอยังฝากถึงผู้ที่เคยเข้ารับการปลูกผมใหม่ว่า แม้จะปลูกผมปรับกรอบหน้าใหม่สวยดังใจแล้ว ก็ยังต้องระวังพฤติกรรมที่อาจทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการมัดผมรวบตึง การยืด ดัด ทำสี การสระผมผิดวิธี การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงปัจจัยความเครียด เพราะทั้งหมดอาจทำให้ผมกลับมาร่วงและบางซ้ำ จนเกิดปัญหาหน้าผากกว้างได้อีกนั่นเอง



ผสาน 2 ศาสตร์ฟื้นฟูผม NEAT + PHB
เส้นผมอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกายมนุษย์ ส่องกระจกก็เห็นทุกวันจนชินตา หวีผมหรือสระผมก็ได้ใช้มือสัมผัสอยู่บ่อย ๆ จนเราแทบไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อถึงวันที่เส้นผมแสนธรรมดาหลุดร่วงจากไปมากผิดปกติ เมื่อนั้นหลายคนจึงเริ่มรับรู้ว่า เส้นผมสำคัญกับเรามากขนาดไหน เพราะเวลาส่องกระจก ภาพใบหน้าตัวเองที่เห็นอาจดูเปลี่ยนไปจากเดิม เวลาหวีผมหรือสระผม ก็อาจรู้สึกได้ว่าความหนาแน่นที่เคยสัมผัสได้เต็มมือ ลดหายไปจากเดิมเช่นกัน 

ปัญหาเส้นผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพทางกาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพทางใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นผมคือส่วนเสริมความงามให้กับใบหน้า คือส่วนสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และคือส่วนสะท้อนตัวตนหรือสไตล์ของเจ้าของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เส้นผมมีความหมายกับคนไข้มากแค่ไหน และการปลูกผมคืนความสุขความมั่นใจให้กับคนไข้นั้น จะช่วยเปิดไปสู่โอกาสการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้มากมายเพียงใด

แพทย์ของนามนินจึงอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่ยังคงศึกษาและพัฒนาตัวเองไม่เคยหยุด นำมาต่อยอดเทคนิคปลูกผมที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปัจจุบัน ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ดีกว่าเดิม โดยมีหัวใจสำคัญ คือการนำ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” มาผสานกันในภารกิจดูแลฟื้นฟูเส้นผม ดังนั้น นอกจากศาสตร์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และกระบวนการปลูกผมที่ถูกต้องปลอดภัยตามหลักการแพทย์แล้ว แพทย์จะใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเติมเต็มเส้นผม โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุลของใบหน้า รูปลักษณ์ความงาม และบุคลิกภาพที่ปรับให้ดูดีขึ้นได้ จนคนไข้รู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังปลูกผม 

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังเติม “ความใส่ใจ” ไปพร้อมกับศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษา เนื่องจากแพทย์จะออกแบบแนวทางแก้ปัญหาผมแบบเฉพาะบุคคลโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งยังลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลพร้อมให้คำแนะนำหลังปลูกตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 



และเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แพทย์จึงนำ 2 ศาสตร์การฟื้นฟูผมมาผสานกัน นั่นคือการปลูกผมเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ของนามนินต่อยอดขึ้นเพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เสริมด้วยการฉีดบำรุง PHB หลังปลูก หากใครที่สงสัยว่า ทั้ง 2 ศาสตร์นี้จะช่วยเสริมพลังบำรุงและฟื้นฟูดูแลผมได้ตรงจุดอย่างไร เราคงต้องขอย้อนกลับไปเล่าถึงต้นตอปัญหาผมร่วงและผมบางของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ซึ่งแม้จะมีสาเหตุและลักษณะที่ต่างกัน แต่แพทย์ก็สามารถเลือกใช้ NEAT + PHB เพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละแบบได้อย่างลงตัว

หลายคนน่าจะพอทราบแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านของคุณผู้ชายนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว บางคนได้รับกรรมพันธุ์เช่นนี้จากรุ่นพ่อแม่ แต่บางคนก็อาจจะได้รับข้ามรุ่นมาจากปู่ย่าตายายเลยก็เป็นได้ อาการผมร่วง ผมบาง จะเริ่มปรากฏหลังพ้นช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตลักษณะของผมบางตามกรรมพันธุ์แบบคุณผู้ชายได้ดังนี้

  • แนวผมบริเวณหน้าผากร่นลึกขึ้น และเว้าเข้าไป 2 ข้างขมับเป็นรูปตัว M
  • ผมบางลงเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เป็นรูปตัว O
  • ทั้งนี้ ในบางราย อาจจะเกิดอาการผมบางทั้งในแบบ M และ O ควบคู่กัน และในท้ายที่สุด ผมทั่วศีรษะก็จะบางลงตามไปด้วย จนอาจเหลือแต่ผมบริเวณท้ายทอยด้านข้างและด้านหลัง



ที่มาของการอาการผมร่วงและผมบางในกรณีนี้ เกิดจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เพิ่มระดับขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเอนไซม์เจ้าปัญหาตัวนี้ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีลักษณะเส้นเล็กบางและสั้น หลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมีวงจรระยะเจริญเติบโตสั้น ขณะเดียวกันก็มีระยะพักที่ยาวขึ้น จึงใช้เวลานานกว่าเดิมในการงอกขึ้นใหม่ ทั้งยังสังเกตได้ว่า เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เงางามเหมือนเดิม

สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีตัวการคือฮอร์โมน DHT แพทย์จึงแนะนำให้ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีภาวะผมบางเพื่อคืนความหนาแน่น ซึ่งกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย มีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT เส้นผมบริเวณนี้จึงแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แม้จะย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ก็ยังสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม อยู่กับศีรษะของเราไปได้ตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายบางท่านอาจพบปัญหาผมร่วงและบางต่อเนื่องหลังปลูกผมไปแล้ว เนื่องจากผมเดิมยังคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ตรงนี้เองที่ NEAT + PHB จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยหลังจากปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค NEAT ไปแล้ว แพทย์จะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และแนะนำให้คนไข้เข้ารับบริการฉีดบำรุง PHB ในระยะหลังปลูกด้วย


PHB คือทรีตเมนต์บำรุงที่จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นผมเดิม หรือผมใหม่ที่เพิ่งปลูก สำหรับผมเดิมที่ลักษณะเล็ก ลีบ แบน จากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT จะได้รับการบำรุงให้มีขนาดเส้นผมที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโต ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมกับลดเวลาระยะพัก ทำให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้นด้วย 

คนไข้หลาย ๆ ท่านเข้ารับการฉีดบำรุง PHB ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง เส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่จึงแข็งแรง แลดูหนาแน่น ดกดำ บางท่านยังคงวางใจให้แพทย์ของนามนินดูแลด้วยการฉีด PHB แม้ครบระยะติดตามผลหลังปลูก 1 ปีเต็มไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความตั้งใจของแพทย์ที่จะมอบการดูแลต่อเนื่องให้กับคนไข้อย่างเต็มที่



ทั้งนี้ ในส่วนของคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละเคส 

  • หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมร่นลึกบริเวณหน้าผาก กรณีนี้ แพทย์สามารถปลูกผมใหม่เพื่อปรับกรอบหน้าให้สมส่วนตามหลัก Golden Ratio ได้ 
  • แต่หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากผู้หญิงไม่มีบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเหมือนผู้ชาย เป็นไปได้ว่า แม้จะทำการปลูกผมใหม่แล้ว เส้นผมใหม่ก็ยังมีโอกาสหลุดร่วงได้ในอนาคต กรณีนี้ แพทย์จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วย PHB เพื่อฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง แทนการปลูกผม
  • และสำหรับคุณผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่นการยืด ดัด ทำสี รวมไปถึงสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นภาวะผมร่วงหลังคลอด การฉีดบำรุง PHB ก็เป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเช่นกัน






จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเส้นผม จึงเป็นการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ตรวจสภาพผม วิเคราะห์ปัญหา และรับฟังความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษา ผสาน 2 ศาสตร์ NEAT + PHB เข้าด้วยกัน จนตอบโจทย์การฟื้นฟูดูแลผมของคนไข้แต่ละคนได้มากที่สุดนั่นเอง


รู้จักเทคนิคปลูกผม แบบ Long Hair
เทคนิคต่าง ๆ สำหรับการปลูกผม ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่อยู่ตลอด หากใครเคยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมมาบ้าง ก็น่าจะเคยได้ยินเทคนิคปลูกผมที่ชื่อว่า “Long Hair” ซึ่งเป็นการย้ายกราฟต์ผมนำมาปลูกใหม่ โดยที่กราฟต์ผมนั้นยังเป็นผมเส้นยาวอยู่ ไม่ได้ถูกตัดหรือโกน เพื่อที่ว่าหลังจากปลูกเสร็จ ผมก็จะยาวแลดูเป็นธรรมชาติทันที ไม่ต้องรอจนกว่าผมจะค่อย ๆ ยาว ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน

ฟังดูน่าสนใจทีเดียวใช่มั้ยล่ะคะ เพราะอย่างนี้เอง คนไข้ของนามนิน จึงฝากคำถามกันเข้ามาบ่อย ๆ ว่าการปลูกผมเทคนิค Long Hair เป็นอย่างไร ดีจริงหรือไม่ วันนี้ นามนินเลยขอรวบรวมคำตอบเกี่ยวกับการปลูกผมเทคนิค Long Hair เพื่อให้คนรักผมทุกท่านได้ลองทำความเข้าใจ และเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจอีกด้วยค่ะ

Long Hair เป็นหนึ่งในเทคนิคปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ถ้าถามว่าเทคนิคนี้ แตกต่างจากเทคนิคปลูกผมทั่วไปอย่างไร เราขออธิบายแบบนี้ค่ะ 

สำหรับเทคนิคทั่วไป จะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องผ่าตัด เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบาง ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่นี่เอง จะมีทั้งการใช้เทคนิค FUE คือการใช้ Forceps หรือเครื่องมือปลายแหลม ช่วยในการคีบกราฟต์ผมและปักลงไปในรอยเจาะที่เปิดไว้ 



ปัจจุบันมีเทคนิค DHI คือการใช้ Implanter หรือปากกาปลูกผมช่วยในการปักกราฟต์ (ซึ่งเทคนิค NEAT ที่นามนินใช้อยู่ คุณหมอก็พัฒนามาจากเทคนิค DHI นี่เองค่ะ) จากประสบการณ์คุณหมอนินเล็งเห็นแล้วว่าการลงมือปลูกด้วยตนเองทุกกราฟต์นั้นทำให้การควบคุมทิศทาง องศา ระยะความลึก และความถี่ในการปลูกผมใหม่แม่นยำ แนวปลูกผมดูเป็นระเบียบ สวยงามตามที่ผู้รับบริการต้องการ ที่สำคัญหลังปลูกผมมีเพียงรอยปลูกผมขนาดเล็กมาก คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ และไม่ต้องกังวลเรื่องการปกปิดรอยหลังปลูกผมด้วย



แล้วเทคนิค Long Hair ล่ะ ต่างออกไปอย่างไร ?
ที่จริงแล้ว เทคนิค Long Hair ก็ใช้วิธีการเดียวกันเลยค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าตอนปักกราฟต์ผมจะเลือกใช้อุปกรณ์แบบไหน เราจึงเห็นหลายๆ แห่งใช้คำว่า เทคนิค Long Hair (FUE) หรือ Long Hair (DHI) นั่นเอง จุดที่แตกต่างกันก็อย่างที่เล่าไว้แล้วข้างต้น ขณะที่เทคนิค FUE หรือ DHI ทั่วไปนั้น กราฟต์ผมที่นำมาปลูกใหม่จะอยู่ในลักษณะตอผมสั้น ๆ เพื่อความสะดวกในการทำหัตถการ และการดูแลหลังปลูกผมของคนไข้เองด้วย แต่ Long Hair เป็นการย้ายกราฟต์ผมที่มีความยาวระดับหนึ่งตามความยาวของเส้นผมของคนไข้ผู้นั้นนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมบาง



แต่ก็มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันค่ะ นั่นคือการเกิดภาวะ Shock Loss หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ - 4 เดือนแรก ซึ่งไม่ว่าจะจะใช้เทคนิค FUE, DHI, หรือ Long Hair ก็ต้องเผชิญกับภาวะนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Shock Loss หมายถึงการที่ผมปลูกใหม่ พร้อมใจกันเข้าสู่ระยะพักและหลุดร่วงออกในปริมาณมาก ซึ่งคุณหมอของนามนินจะทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนเสมอ ว่านี่เป็นอาการปกติตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาติ และจากนั้น เส้นผมจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่จนเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ในเวลา 18 เดือน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เทคนิค Long Hair ที่ทำให้ได้ผมยาวหลังปลูกทันที แต่เส้นผมปลูกใหม่เหล่านั้นก็จะต้องหลุดร่วงเมื่อเข้าสู่ภาวะ Shock Loss และเริ่มต้นงอกใหม่เช่นเดียวกับเทคนิคอื่น ๆ ค่ะ


ทั้งนี้ การปลูกผมด้วยเทคนิค Long Hair ยังมีความยากในขั้นตอนการเจาะย้ายและปลูกใหม่ที่ซับซ้อนกว่า ที่สำคัญ ยังมีข้อควรระวังเพิ่มเติม เนื่องจากกราฟต์ผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไปนั้น เสี่ยงที่จะหลุดร่วงได้ง่ายมาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษก่อนเข้าสู่ระยะฝังตัว ผมเส้นยาวจึงดูแลได้ยากกว่า เพราะต้องคอยระวังไม่ให้มีการสางผมหรือเกี่ยวโดนเส้นผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์การปลูกออกมาไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่จะช่วยให้รู้จักเทคนิคปลูกผมแบบ Long Hair มากขึ้น และนำไปประกอบการพิจารณาเลือกเทคนิคปลูกผมที่เหมาะสมและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุดได้ หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอผู้ชำนาญด้านการปลูกผมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อออกแบบการรักษาที่ตอบโจทย์ตรงใจคนไข้อย่างแท้จริงค่ะ

“กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
รู้จัก “กราฟต์ผม” ต้นทุนสำคัญของการปลูกผม
เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่คะ ว่าทำไมคนที่ปลูกผมมาเหมือนกันแต่ผลลัพธ์ถึงดูแตกต่างกัน นั่นเป็นเพราะการปลูกผมนั้นมีหลายปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเส้นผมหลังปลูก แล้วจะมีอะไรบ้างนั้น เรารวบรวมมาไว้ในบทความนี้ค่ะ

ปัจจัยแรกคือ “กราฟต์ผม = ต้นทุนของการปลูกผม” แพทย์จะเลือกกราฟต์ผมจากพื้นที่ Safe Zone ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังท้ายทอย เนื่องจากเส้นผมในพื้นที่นี้จะไม่ถูกผลกระทบจากฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุหลักของการหลุดร่วงของเส้นผม การเลือกกราฟต์ผมจากบริเวณนี้จึงจะทำให้เส้นผมที่ปลูกจะเติบโตได้ดีและไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งลักษณะของเส้นผมในบริเวณ Safe Zone นี้ก็ยังมีความหลากหลายอยู่ด้วย ในบางคน รูรากผมอาจมีเพียงเส้นเดียว ในขณะที่บางคนก็อาจมีผม 2-3 เส้น และในคนที่กราฟต์ผมแข็งแรงมากๆ ก็อาจมีได้มากถึง 3-4 เส้น ซึ่งความแข็งแรงของเส้นผมในบริเวณนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญหลังการปลูกผม หากเส้นผมที่ปลูกมีคุณภาพดี ก็จะช่วยให้ผมที่ปลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผมที่หนาและแข็งแรง ในทางตรงกันข้าม หากเส้นผมไม่แข็งแรงพอ ผลลัพธ์อาจทำให้ผมดูไม่หนาแน่นเท่าที่ควร

หากจะลงลึกถึงความแตกต่างของลักษณะและความแข็งแรงของเส้นผมของแต่ละบุคคลนั้นว่าขึ้นอยู่กับอะไร ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ อาทิ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิต เพศ และวัย โดยเฉพาะอายุของผู้ที่ต้องการปลูกผม หากอายุน้อย เส้นผมยังแข็งแรงและมีจำนวนมาก การเก็บกราฟต์ผมก็จะได้ปริมาณมาก เพียงพอต่อการใช้งาน แต่หากอายุมากขึ้น ผมอาจเริ่มหลุดร่วงและมีเส้นผมบางลง สุขภาพผมไม่แข็งแรง การเก็บกราฟต์ผมจะมีข้อจำกัดและอาจได้จำนวนผมต้นทุนน้อยกว่า เพราะแพทย์ต้องคัดเลือกกราฟต์ผมอย่างระมัดระวังมากขึ้น 







ปัจจัยต่อมาที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากราฟต์ผมต้นทุน นั้นคือ “แพทย์ปลูกผม” ที่ควรต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการทำงานทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การรับฟังปัญหาของผู้รับบริการ การออกแบบการรักษา ซึ่งแม้แต่การคำนวนการใช้กราฟต์ผมที่จะนำออกมาจาก Safe Zone ก็เป็นรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม ควรนำออกมาตามปริมาณการใช้เท่านั้น ไม่ควรนำออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งจะทำให้เสียต้นทุนไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80-100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร แต่แพทย์จะนำออกมาทั้งหมดเลยไม่ได้ แพทย์ต้องเหลือกราฟต์ผมไว้ให้เหมาะสมด้วย เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณ Safe Zone นั้นใช้แล้วจะหมดไป ผมจะไม่งอกขึ้นมาใหม่อีก จึงไม่ควรมีคำว่า “เผื่อเหลือ เผื่อขาด” ในการปลูกผมค่ะ


แล้วแพทย์ปลูกผมต้องมีศิลปะด้วยเหรอ? ใช่ค่ะ เพราะการปลูกผมนั้นต้องใช้ความละเอียด ประณีตในการทำงานทุกขั้นตอน รวมถึงการลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกๆ กราฟต์ ซึ่งแพทย์จะสามารถจัดวางความหนาแน่น ทิศทาง และความเหมาะสมกลมกลืนของเส้นผมได้ตามที่ควรจะเป็น


อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ “เทคนิคในการปลูกผม” ซึ่งหมายรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผมด้วย เพราะการเลือกใช้ “เครื่องมือที่เหมาะสม” ก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพของกราฟต์ผมในระหว่างกระบวนการนำออกจาก Safe Zone ซึ่งเป็นกระบวนการแรกที่จะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการปลูกผมได้แล้ว ซึ่งหากไม่ระมัดระวังในขั้นตอนการเจาะนำกราฟต์ผมออกนี้ กราฟต์ผมอาจกระทบกระเทือน ทำให้สูญเสียคุณภาพในการปลูก และรอยแผลจากการเจาะจะส่งผลต่อผมด้านหลังของผู้รับบริการ ผมจะเว้าแหว่ง ไม่สม่ำเสมอ กลายเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต



ทุกปัจจัยนั้นมีความสำคัญและมีรายละเอียดที่ล้วนส่งผลต่อผลลัพธ์หลังการปลูก คุณหมอนิน จึงได้ออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่คุณหมอนินตั้งใจดูแลด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่วิเคราะห์ปัญหาและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล อธิบายขั้นตอนการรักษาอย่างตรงไปตรงมา รับฟังความกังวลและความคาดหวังของผู้รับบริการ เปิดโอกาสให้ผู้รับบริการได้วางแผนและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่จะได้หลังการปลูกร่วมกัน และที่สำคัญคือ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองทุกกราฟต์ ตั้งแต่การฉีดยาชาเข็มแรกจนถึงการปลูกผมกราฟต์สุดท้าย และสิ่งที่หลายคนมักจะลืมนึกถึงคือ การดูแลหลังการปลูกผม ซึ่งที่นามนิน คุณหมอนิน ก็จะดูแล Follow Up หลังการปลูกผมด้วยตัวเองตลอด 1 ปี เพราะเราเชื่อมั่นว่า หากทุกกระบวนการในการปลูกผมดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีค่ะ 
รับมืออย่างไร “สูงวัย” VS “ผมร่วง”
หนึ่งในปัญหาความกังวลใจของผู้ที่ตัวเลขอายุเริ่มเดินหน้าเข้าสู่ช่วง “สูงวัย” ก็คืออาการผมร่วง ผมบาง ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุพันธุธรรม หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งชวนให้เจ้าของเส้นผมหมดความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้สูงวัยในปัจจุบันยังคงใช้ชีวิตแบบ Active เต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ใช่วัยที่จะเก็บตัวเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้านเหมือนสมัยก่อน ดังนั้น การดูแลเส้นผมให้ยังคงดูหนาแน่น ดกดำ จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้สูงวัยในยุคนี้ 

ทางออกเหล่านี้ คือตัวช่วยสำหรับผู้สูงวัย ที่ต้องการฟื้นบำรุงผม และคืนความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง

รับประทานยา 
ตัวอย่างเช่นยา Finasteride สำหรับคุณผู้ชายที่มีอาการผมบางจากกรรมพันธุ์ ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายเป็น DHT ซึ่งเป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนแคบลง เส้นผมอ่อนแอ เล็ก และบางลงเรื่อย ๆ จนหลุดร่วงง่ายก่อนเวลาอันควร ตัวยานี้จึงช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมได้ 

ทายา
Minoxidil เป็นยาสำหรับทา ที่จะช่วยลดระยะเวลาเส้นผมที่อยู่ในระยะพัก และยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผมให้ยาวนานขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและบำรุงให้รากผมแข็งแรง ชะลออาการหลุดร่วง เร่งการสร้างเส้นผมใหม่ ขณะเดียวกันก็ช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ส่งผลให้ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่นั้นมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิม 

เลือกรับประทานอาหารบำรุงเส้นผม
ถือเป็นการบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงจากภายใน ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอุดมไปด้วยสารอาหารที่เส้นผมต้องการ ไม่ว่าจะเป็นอาหารตระกูลไข่ ที่ให้โปรตีนสูง เนื่องจากโปรตีนเป็นองค์ประกอบสำคัญของเส้นผม ตามมาด้วยอาหารประเภทถั่วและธัญพืช ซึ่งมีไบโอติน ช่วยบำรุงเส้นผมโดยตรง เนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือดซึ่งจะลำเลียงสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผมนั่นเอง และยังแนะนำให้รับประทานผักใบเขียว ซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินหลากหลายชนิด ที่ล้วนช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผมเช่นกัน

รับประทานวิตามินรวม
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกสบาย แต่ได้คุณค่าครบ ตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์ VITA H จากนามนิน ที่มาในรูปแบบของแคปซูล ซึ่งแพทย์คัดสรรวิตามินตัวเด่นมาไว้รวมกัน เพื่อช่วยบำรุงรากผม ทั้งยังเสริมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายชนิด ช่วยให้ลดการอักเสบของหนังศีรษะ ซ่อมแซมเส้นผม และเสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง รวมถึงลดการหลุดร่วงอย่างได้ผล



ปลูกผมถาวร
นามนินขอแนะนำ การปลูกผมเทคนิค NEAT ที่พัฒนาต่อเนื่องโดยคุณหมอนิน โดยเป็นการเจาะย้ายรากผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ซึ่งดำเนินการโดยคุณหมอนินเพียงท่านเดียวตลอดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษาและออกแบบแนวทางรักษา ตามมาด้วยการลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น รวมไปถึงการดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุกระยะ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม 


คุณหมอนินยังออกแบบเทคนิคต่าง ๆ เสริมเข้าไป เพื่อให้การปลูกผมเป็นประสบการณ์แสนสะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับคนทุกวัย หลังปลูกผมสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ที่สำคัญ การปลูกผมเทคนิค NEAT  ได้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ คืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับผู้สูงวัยมาแล้วหลายท่าน 


ผู้สูงวัย จึงมีทางเลือกที่หลากหลายเพื่อรับมือกับปัญหาเส้นผม แต่ถ้าท่านไหนยังลังเลใจ ไม่แน่ใจว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไรดี บางท่านมีความสงสัยว่าควรเลือกใช้วิธีใดจึงจะเหมาะสม หรือบางท่านพยายามรักษาอาการผมร่วงมานานแล้ว แต่ยังไม่ใช่คำตอบที่ตามหา ขอแนะนำให้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่นามนิน เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่ใช่ เติมเต็มความสุขคนสูงวัยไปด้วยกัน
1 ปี 1 หมอ ดูแลต่อเนื่อง ปรึกษา-ปลูกผม-ติดตามผล
จะดีแค่ไหน ถ้าบนเส้นทางการรักษาและฟื้นบำรุงเส้นผมตลอด 1 ปีเต็ม มีคนคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้าง เป็นหลักให้ทุก ๆ ก้าวเดินมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
และนั่นคือหนึ่งในประสบการณ์สุดประทับใจ ที่คุณจะได้รับจากการเลือกปลูกผมเทคนิค NEAT กับนามนิน เนื่องจากคุณหมอนิน จะเป็นแพทย์ผู้ชำนาญหนึ่งเดียว ที่จะดูแลคุณต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ไม่มีใครมาแทนที่ ตลอด 3 ขั้นตอนหลัก ปรึกษา - ปลูกผม - ติดตามผล

  • ปรึกษา – คุณหมอนินจะนั่งลงพูดคุยกับคนไข้อย่างเปิดใจ เพื่อรับฟังและวิเคราะห์ปัญหา ก่อนจะประเมินและออกแบบแนวทางการรักษาให้ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้มากที่สุด
  • ปลูกผม – เพราะหน้าที่นี้ ใครก็ทำแทนไม่ได้ ต้องเป็นคุณหมอนินเท่านั้น ที่จะอาศัยทักษะ ประสบการณ์ ความพิถีพิถัน ความใส่ใจ ลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้ด้วยเองแบบเส้นต่อเส้น 
  • ติดตามผล – ขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้ระยะไหน ๆ เพื่อให้ผมปลูกใหม่อยู่รอดและเติบโตอย่างสมบูรณ์ คุณหมอนินจะเป็นผู้ติดตามผลทุกระยะด้วยตัวเอง คอยดูแลให้คำแนะนำจนสุดเส้นทาง

เทคนิค NEAT พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้รับการปรับเสริมให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความเข้าใจถึง pain point ของคนไข้ ที่ทำให้เกิดความกังวลใจ หรือความกลัวในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ประสบการณ์ปลูกผมที่นามนินจึงโดดเด่นและแตกต่าง เพราะนามนินออกแบบมาแล้วด้วยความตั้งใจ ที่จะเปลี่ยนทุกความกังวลใจ เป็นความอุ่นใจตลอดเส้นทางการรักษา

กังวลใจ...ว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อปลูกผม
เพราะภาพจำของการปลูกผมในอดีต ทำให้หลาย ๆ คนยังเข้าใจว่า การปลูกผมใหม่ จำเป็นต้องโกนผมทิ้งในบริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะต้องเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเพื่อนำไปปลูกใหม่ และนั่นเท่ากับว่าหลังปลูกผมแล้ว คนไข้จะต้องคอยระวังปกปิดส่วนที่ถูกโกนผมออก จำกัดอิสระในการจัดแต่งทรงผม ต้องรอจนกว่าผมจะขึ้นใหม่จึงจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เหมือนเดิม



คุณหมอนินจึงออกแบบเทคนิคซ่อนแผล ทำให้สามารถเจาะย้ายกราฟต์ผมออกโดยไม่ต้องโกนผม ด้วยวิธีเจาะย้ายออกเป็นแถบ ๆ สลับกันแบบขั้นบันได และกระจายจุดเจาะย้ายให้ทั่ว ๆ ทำให้รอยเจาะย้ายกระจายตัวกลมกลืนเนียนไปกับผมเดิม นับเป็นความใส่ใจในจุดเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่เมื่อเป็นความกังวลใจข้อใหญ่ของคนไข้ คุณหมอนินก็ไม่มองข้าม เพื่อให้คนไข้สามารถจัดแต่งผมหลังปลูกได้ทุกทรง เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่

กังวลใจ...ว่าขณะกำลังปลูกผมใหม่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลาย ๆ คนน่าจะจินตนาการถึงภาพวันปลูกผม ขณะที่อยู่บนเตียงในห้องทำหัตถการ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละขั้นตอนจะดำเนินการไปอย่างไร บรรยากาศจะเป็นแบบไหน จะกังวลจนเครียดไหม เพราะเรามองไม่เห็นว่าใครทำอะไรกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา 

ห้องหัตถการของนามนิน จะเปิดประสบการณ์ปลูกผมแบบใหม่ให้กับคนไข้ ข้อสำคัญก็คือ เราไม่ปิดตาคนไข้ระหว่างปลูก คนไข้จะสามารถมองเห็นและพูดคุยสอบถามกับคุณหมอนินได้ตลอดเวลา หรือจะนอนดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชา และลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุก ๆ กราฟต์ เรียกว่าอยู่ด้วยกันตั้งแต่เส้นแรกจนเส้นสุดท้าย เพราะทุก ๆ เส้นต้องบรรจงปลูกอย่างใส่ใจจริง ๆ ทั้งยังคอยอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ให้คนไข้รับรู้และคลายความกังวลใจ 

กังวลใจ...กลัวผมใหม่ไม่เนียน 
คำถามแรก ๆ จากคนไข้ ก็หนีไม่พ้นเรื่องผลลัพธ์ผมใหม่ ซึ่งไม่ว่าใครก็คาดหวังอยากเห็นผลลัพธ์ผมหนาแน่น ดูแข็งแรงสุขภาพดี เติมเต็มผมที่เคยบางให้กลับมาดกดำ และไม่กลับไปหลุดร่วงต่อ ที่สำคัญ อยากให้ผมใหม่เนียนสวย กลมกลืนไปกับผมเดิม 





คุณหมอนินจึงให้ความสำคัญกับการปลูกผมให้กลมกลืนไปกับผมเดิม เริ่มจากการใช้เทคนิคปลูกแทรก โดยไม่ต้องโกนผมในบริเวณที่จะปลูกใหม่ แต่ปลูกแทรกลงไประหว่างผมเดิม ซึ่งมีข้อดีคือ คุณหมอจะได้เห็นทิศทางผมเดิมว่าชี้ไปทางไหน จะได้ปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศาเรียงตัวกลมกลืนไปกับผมเดิม ได้ขนาดของเส้นผมที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด และได้ระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมมากที่สุด (นี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมการปลูกผมเทคนิค NEAT จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น) ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ผมใหม่ค่อย ๆ โตไปพร้อม ๆ กันกับผมเดิม แลดูเนียนตา 

กังวลใจ...ไม่อยากให้ใครทักเรื่องปลูกผม
หลังปลูกผมเสร็จใหม่ ๆ ไม่ว่าใครก็อยากจะเก็บตัว ซ่อนตัวเองกับรอยแผลหรืออาการบวมช้ำไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ที่นามนิน คุณลืมภาพเหล่านั้นไปได้เลย เพราะคุณหมอนินพัฒนาเทคนิค NEAT ไปอีกระดับ นำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ทำให้ได้รอยปลูกเล็กละเอียด ไม่ใช่รอยแผลที่ดูน่ากลัวเหมือนในอดีตอีกต่อไป คนไข้สามารถลุกขึ้นใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำงานได้ตามปกติทันที โดยไม่ต้องคาดผ้า รวมไปถึงใครที่กลัวจะโดนทักถามว่าไปปลูกผมมาใช่ไหม ก็หมดกังวลตรงนี้ไปได้เลย




กังวลใจ...จะดูแลตัวเองหลังปลูกอย่างไร
จริงอยู่ที่การดูแลผมใหม่หลังปลูก ต้องอาศัยความใส่ใจอย่างเต็มที่ ผมใหม่จึงจะอยู่รอด ไม่หลุดร่วง แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เจ้าของเส้นผมดูแลตัวเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมอนินคอยติดตามผล และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ว่าควรต้องปฏิบัติอย่างไร หรือมีข้อควรระวังอย่างไรในแต่ละวันตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน 

ที่สำคัญ ยังจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะด้วยตัวเองให้ เป็นของขวัญพิเศษสำหรับคนไข้ของนามนินเท่านั้น 

  • BALLVIC TRANSFORM SHAMPOO แชมพูสเปรย์สำหรับผมหลังปลูกโดยเฉพาะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบริเวณหนังศีรษะ เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะและบำรุงรากผมให้แข็งแรง อ่อนโยนจนสามารถใช้สระได้ทุกวัน เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ 2 – 3 นาที ก่อนจะล้างออกโดยการเปิดน้ำไหลผ่าน
  • BALLVIC TRANSFORM SOLUTION ลดอาการอักเสบ อาการคัน อาการบวม ลดการเกิดสะเก็ดแผล เพิ่มอัตราการติดของผมหลังปลูก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ พร้อมบำรุงเส้นผม เพียงฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปลูกผม แล้วทิ้งไว้ได้เลยโดยไม่ต้องล้างออก ใช้ได้บ่อยทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง


  • Elixir Hair Serum บำรุงผมและหนังศีรษะ สามารถเริ่มใช้หลังปลูกผมไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เพียงฉีดพ่นบริเวณที่ปลูกผมวันละ 1 – 2 ครั้ง



นอกจากชุดผลิตภัณฑ์ที่คนไข้จะใช้ดูแลตัวเองได้อย่างสะดวกสบายสุด ๆ แล้ว คุณหมอนินยังมอบบริการ Treatment บำรุงเส้นผม ที่เหมาะกับสภาพปัญหาของคนไข้แต่ละคน และยังคงติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม 


ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจและใส่ใจจากคุณหมอนิน ที่ไม่เพียงดูแลรักษาให้ได้ผลลัพธ์ผมใหม่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด แต่ยังคำนึงถึงความกังวลใจในมิติต่าง ๆ ของคนไข้ ดูแลโดยแพทย์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และพัฒนาเทคนิค NEAT เพื่อให้คนไข้ได้รับประสบการณ์ปลูกผมแสนสะดวกสบาย เปลี่ยนภาพการปลูกผม ไปสู่ภาพจำใหม่ ที่จะกลายเป็นมาตรฐานการรักษาให้กับวงการปลูกผมต่อไปในอนาคตด้วย
เจาะลึก 7 จุดเด่น เทคนิค “ปลูกผมแทรก”
สำหรับการปลูกผมเทคนิค NEAT นอกจากจะเน้นที่ทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ชำนาญในการปลูกผมใหม่แบบกราฟต์ต่อกราฟต์แล้ว ส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความพึงพอใจของคนไข้ ก็คือเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์ออกแบบและพัฒนาขึ้นจากความเข้าใจใน pain point และความต้องการของคนไข้อย่างแท้จริง และหนึ่งในหลาย ๆ เทคนิคเหล่านั้น ก็คือการ “ปลูกผมแทรก”

นามนินจึงขอพาไปทำความรู้จักกับเทคนิค “ปลูกผมแทรก” พร้อมเจาะลึก 7 จุดเด่นที่สะท้อนความใส่ใจของแพทย์ บนหลักการนำศาสตร์และศิลป์มาผสานรวมกัน เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมที่จะเปลี่ยนคนไข้เป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

1. เทคนิค “ปลูกผมแทรก” จบปัญหาผมบางกลางศีรษะ
หากถามว่า บริเวณไหนที่เหมาะกับการปลูกผมแทรก คำตอบก็คือ บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งคุณผู้ชายส่วนใหญ่มักจะพบภาวะผมบางในบริเวณนี้ และก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้นจนเข้าสู่ภาวะผมล้านกลางศีรษะแบบไข่ดาว แพทย์แนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมแทรก ซึ่งหมายถึงการปลูกผมใหม่แทรกลงไปกับเส้นผมเดิมที่ยังเหลืออยู่นั่นเอง


2. ปลูกผมดีต่อใจ ไม่ต้องโกนผมเดิม
หลายคนอาจจะยังติดกับภาพจำว่า การปลูกผม จะต้องโกนผมเดิมทิ้ง แต่เทคนิคใหม่ ๆ และเทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ก็เอื้อให้การปลูกผมไม่จำเป็นต้องโกนผมทิ้งอีกต่อไป และเทคนิคปลูกผมแทรกก็ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิดใหม่ ไม่ต้องโกนผมเช่นกัน

3. ปลูกผมด้วยแพทย์ แบบเส้นต่อเส้น
จุดเด่นสำคัญของเทคนิค NEAT ก็คือการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น โดยเฉพาะเทคนิคปลูกผมแทรก ต้องอาศัยทักษะและความละเอียดประณีตของแพทย์ ในการวางทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ ให้กลมกลืนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งหากไม่คำนึงถึงทิศทางผมตั้งแต่ขั้นตอนนี้ เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น และชี้ย้อนทิศผิดทาง ก็อาจจะไม่สามารกลับมาแก้ไขได้แล้วก็เป็นได้

4. Implanter อุปกรณ์คู่ใจแพทย์ปลูกผม
และตัวช่วยสำคัญที่ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมด้วยเทคนิคปลูกผมแทรกได้อย่างแม่นยำ ก็คือ Implanter หรือปากกาปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ด้วยเทคโนโลยีนี้ แพทย์จะสามารถควบคุมน้ำหนักมือในการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


5. หมดกังวลด้วยรอยปลูกผมที่เล็กละเอียด
ด้วยปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษะความชำนาญของแพทย์ หรืออุปกรณ์ปลูกผมที่ทันสมัย จึงทำให้รอยปลูกผมจากการปลูกผมแทรก มีขนาดเล็กละเอียด เรียงตัวเป็นระเบียบ เรียบเนียน ลบภาพรอยปลูกที่ดูตะปุ่มตะป่ำแบบเก่า ๆ ไปได้เลย


6. คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูกผม
และเมื่อรอยแผลเล็ก ดูแลง่าย หายเร็ว ไม่ทิ้งอาการบวมช้ำ หรือทิ้งร่องรอยการโกนผมให้ต้องคอยปกปิด คนไข้ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกผม โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะสังเกตเห็น รวมถึงไม่จำเป็นต้องสวมที่คาดผม ซึ่งข้อนี้นับว่าเป็นจุดเด่นที่คนไข้ของนามนินต่างประทับใจในความสะดวกสบาย

7. แพทย์ดูแลติดตามผล 1 ปีเต็ม
หลังปลูกผม แพทย์จะคอยติดตามผลอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ ระยะ พร้อมดูแลให้คำปรึกษาตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์ ดังนั้น ไม่ว่าคนไข้จะมีข้อสงสัยหรือปัญหาอะไร แพทย์ก็จะเป็นผู้ให้คำแนะนำได้อย่างใกล้ชิด คนไข้จึงรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจได้ตลอดเส้นทางการรักษา


และนี่คือ 7 จุดเด่นของเทคนิคปลูกผมแทรก ที่น่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนเห็นภาพขั้นตอนและหลักการต่าง ๆ ชัดเจนมากขึ้น หากสงสัยว่า เทคนิคปลูกผมแทรก จะเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ปัญหาผมบางของคุณได้หรือไม่ อย่างไร ลองเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อทำความเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ ไปจนถึงวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้ เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างแน่นอน