Tag : ผมร่วง
รอยแสกกว้าง รักษาได้ไม่ยาก
นอกจากจะต้องกังวลปัญหาไรผมสูง หน้าผากกว้าง ผมบางทั่วศีรษะเห็นชัดแล้ว สาว ๆ หลายคนก็ยังต้องกังวลกับปัญหารอยแสกผมกว้างอีกด้วย ซึ่งถ้าปล่อยไว้ ไม่หาวิธีการรักษาที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา ก็อาจทำให้เกิดปัญหาผมบางจนเห็นหนังศีรษะชัดได้ ซึ่งทำให้สูญเสียความมั่นใจสุด ๆ

โดยทั่วไปแล้วรอยแสกกว้างนั้นถือเป็นลักษณะผมบางรูปแบบหนึ่งที่พบมากในเพศหญิง มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการแสกผมในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะส่งผลต่อการขึ้นใหม่ของเส้นผมที่จะเบนไปตามทิศทางที่แสกผม หรือมีการมัดผมที่รวบตึงจนเกินไป บวกกับความแข็งแรงของรากผมลดลง เมื่ออายุมากขึ้น ก็ทำให้เส้นผมหลุดร่วง เกิดรอยแสกกว้าง และมีปัญหาผมบางลงในที่สุด 

ปัญหารอยแสกกว้างแบบไหนที่ควรกังวล 
ผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น จะเริ่มมีปัญหาผมบางจากบริเวณกลางศีรษะ ปรากฏเป็นรอยแสกผมกว้างเห็นชัด ซึ่งสามารถแบ่งระยะผมบางได้ตามระดับความรุนแรง เป็น 4 ระดับ ดังนี้
  • ระดับ 1 ที่สามารถสังเกตได้จากผมร่วงมากกว่า 200 เส้นต่อวัน
  • ระดับ 2 ลูกผมบริเวณกลางศีรษะขึ้นใหม่ลดน้อยลง
  • ระดับ 3 ที่รอยแสกผมมีลักษณะคล้ายกับต้นคริสต์มาสและเห็นหนังศีรษะชัดเจน  
  • ระดับ 4 ที่รอยแสกกลางไม่มีผมชุดใหม่ขึ้นเลย มองเห็นหนังศีรษะชัด และหนังศีรษะมีลักษณะเรียบไร้รูขุมขน  


วิธีป้องกันปัญหารอยแสกผมกว้าง
นอกจากสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างจะมาจากกรรมพันธุ์แล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีส่วนทำให้เกิดรอยแสกผมกว้างได้เช่นกัน ซึ่งมีวิธีป้องกันปัญหารอยแสกกว้าง ดังนี้

  • เปลี่ยนรอยแสกผม เช่น จากเดิมเคยไว้แสกกลาง อาจไว้แสกข้างไปทางซ้าย หรือขวาแทน เพื่อปรับแนวการขึ้นใหม่ของเส้นผม และยังเป็นการเปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนลุค ให้น่าสนใจกว่าเดิมอีกด้วย 
  • เลี่ยงการมัดผม หรือรวบผมตึงเกินไป เพราะอาจเป็นการทำร้ายรากผมให้อ่อนแอได้
  • เลี่ยงการทำผมบ่อย ๆ หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมและหนังศีรษะบ่อย ๆ เช่น การดัด ยืด ทำสีผม
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะสูตรอ่อนโยน ป้องกันการหลุดร่วงเส้นผม
  • ไม่หวีผมขณะผมเปียก เพื่อป้องกันผมร่วง 
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารกลุ่มโปรตีน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากผม 

ทั้งนี้หากเผชิญกับปัญหารอยแสกผมกว้างที่รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก (ระยะ1-2) ก็ยิ่งดี  เพื่อรับการวินิจฉัยถึงสาเหตุ และรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้รอยแสกกว้างกว่าเดิมในอนาคต 

และที่สำคัญหากเริ่มรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็จะยิ่งเห็นผลได้ดีในระยะเวลารวดเร็ว  แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกด้วย แต่จะรักษาด้วยวิธีไหนดีที่เจ็บตัวน้อยที่สุด และให้ประสิทธิภาพหลังการรักษาที่ดี ติดตามบทความของนามนินกันต่อเลย

โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster รักษารอยแสกกว้างโดยไม่ต้องผ่าตัด 
เพราะปัญหารอยแสกกว้างส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากกรรมพันธุ์ แม้การปลูกผมจะช่วยให้ผมหนาขึ้นได้ แต่ในอนาคตก็มีโอกาสที่จะเกิดรอยแสกกว้างเห็นชัดขึ้นอีก ฉะนั้นที่นามนินเราจะดูแลปัญหารอยแสกกว้าง ผมบางในผู้หญิงสำหรับเคสผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ที่ไม่เหมาะกับการปลูกผม ด้วยเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นด้วยโปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster


โปรแกรมทรีตเมนต์ที่จะช่วยบำรุงดูแลผมอย่างล้ำลึกได้ถึงเซลล์รากผม อัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลวิตามิน โปรตีน สารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงรากผมโดยเฉพาะ คิดค้นสูตรโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน


ขณะเดียวกันโปรแกรม PHB ยังเห็นผลลัพธ์ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ เช่น
  • สัมผัสได้ถึงเส้นผมร่วงลดน้อยลงภายใน 3-7 วันหลังเข้ารับบริการ  
  • สังเกตเห็นเส้นผมอ่อน เส้นผมงอกใหม่ใน 1-3 เดือนหลังเข้ารับบริการ
  • รู้สึกว่าเส้นผมมีลักษณะเส้นใหญ่ขึ้น ปริมาณความหนาแน่นมากขึ้นใน 2-4 เดือน
  • ภายใน 6-9 เดือนจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุด 


นอกจากนี้ โปรแกรม PHB หรือ Premium Hair Booster  ยังถือเป็นวิธีการรักษารอยแสกกว้างที่สะดวกสบาย ไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เข้ารับบริการ ไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียง หรือรอยแผลที่อาจเห็นชัดอีกด้วย 
 
สำหรับใครที่กังวลปัญหารอยแสกกว้าง สัญญาณผมบางอยู่ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะรอยแสกกว้าง เป็นแล้วสามารถรักษาได้ และไม่จำเป็นต้องผ่าตัด หรือปลูกผม นามนินขอแนะนำทรีตเมนต์ฉีดบำรุงเส้นผมด้วยโปรแกรม PHB นี้เลย การันตีผลลัพธ์จากคนไข้มากมายว่าสามารถฟื้นบำรุงรากผมให้แข็งแรงได้จากภายใน เพิ่มปริมาณผมให้หนาแน่นดกดำกว่าเดิม  


ทั้งนี้เพื่อการรักษาที่เห็นผลและตรงจุด หากพบสัญญาณผมบาง เริ่มสังเกตเห็นรอยแสกผมกว้าง ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการ และวางแผนวิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมให้เร็วที่สุด จะได้ช่วยหยุดการลุกลามของปัญหาผมบางนี้ได้ ก่อนจะทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจไปมากกว่านี้นั่นเอง

รับมือกับปัญหาผมบางของคุณแม่และภาวะผมร่วงหลังคลอด
เก็บตกกิจกรรมดี ๆ ในงาน Amarin Baby & Kids Fair Play กับเสวนาหัวข้อ “รับมือกับปัญหาผมบางของคุณแม่ และภาวะผมร่วงหลังคลอด”


ผมบางรับมือได้สไตล์คุณผู้หญิง
ทำความเข้าใจปัญหา “ผมบาง” ของผู้หญิงทุกวัย  คุณแม่หลังคลอด และคุณผู้ชาย ทั้งจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมไปถึงพฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายผมโดยไม่รู้ตัว
.
รับฟังคำแนะนำเพื่อรับมือกับภาวะผมร่วง ผมบาง สำหรับผู้หญิงวัยทำงาน คุณแม่หลังคลอด ผู้สูงวัย ที่อยากคืนความมั่นใจด้วยผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี 


.
พิเศษกับ Q&A Live Session  เคลียร์ทุกคำถามคาใจ สำหรับคนรักเส้นผม โดย พญ.นิล นามทองต้น แพทย์ปลูกผม จาก #นามนินคลินิก อาจารย์พิเศษ หลักสูตรปริญญาโท วิชา Hair Transplantation  สาขาวิชาเวชศาสตร์ความงาม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
.
บรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ รวมถึงประสบการณ์ตรงในการเลี้ยงลูกของแม่ๆ ที่มาเข้าร่วมฟัง 

รับชม คลิปย้อนหลังได้ที่ 
https://fb.watch/roCcEQPn43/

ผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า แก้อย่างไรดี?
ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถเรียกคืนใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ผิวที่กระชับขึ้น และเพิ่มความมั่นใจให้คน ๆ นั้นได้มากเลยทีเดียว แต่รู้หรือไม่? ว่าการศัลยกรรมดึงหน้ามีส่วนทำให้เกิดปัญหาผมร่วง ผมบางในอนาคตได้  

สาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า
เพราะในการเย็บแผลศัลยกรรมดึงหน้าจำเป็นต้องเย็บในบริเวณที่ชิดกับไรผมมากที่สุด ไม่ว่าจะช่วงบริเวณไรผมหน้าผากก็ดี หรือไรผมบริเวณหน้าใบหูก็ดี ซึ่งในบางครั้งการเข้ารับบริการดึงหน้าก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดแผลบริเวณไรผมตามกรอบหน้า และทำให้เส้นผมไม่สามารถงอกกลับมาใหม่ได้ในระยะแรก จึงเกิดปัญหาผมบางในที่สุดได้ 

ขณะเดียวกันสาเหตุของอาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าก็อาจมีสาเหตุมาจากภาวะทางร่างกายที่เกิด Shock Loss ส่งผลให้ผมร่วงชั่วคราว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับอาการผมร่วงหลังคลอด เนื่องจากเส้นผมมีอาการเครียดมากกว่าปกติ  เพราะได้รับการบาดเจ็บของรากผมและผิวหนังบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะจากการกรีดแผล เย็บแผลจากการศัลยกรรมดึงหน้านั่นเอง



นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าผู้ที่เคยเข้ารับบริการศัลยกรรมดึงหน้ากว่า 8.4% ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังศัลยกรรม โดยจะมีภาวะ Telogen Effluvium หรือภาวะผมร่วงแบบเฉียบพลันในช่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าผ่านไปแล้วประมาณ 2 เดือน 

ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าบริเวณไรผมบางลงตรงบริเวณหน้าผากที่มีรอยแผลผ่าตัดดึงหน้า ทำให้มองเห็นรอยแผลเป็นได้ชัด โดยในรายงานเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบางนั้นเกิดจากรูขุมขนเส้นผมเกิดความเสียหายเพราะการเย็บแผลผ่าตัดดึงหน้าที่แน่นเกินไป จนทำให้เกิดเป็นภาวะผมร่วงเฉียบพลันได้  

อย่างไรก็ตามภาวะ Shock Loss และภาวะ Telogen Effluvium หรืออาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าสามารถดีขึ้นได้ภายใน 6-8 เดือนหลังจากศัลยกรรม เส้นผมจะกลับมาดกหนา และแข็งแรงได้อีกครั้ง แต่ในบางรายก็อาจต้องเผชิญกับภาวะที่ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจนี้นานนับปีก็มี ฉะนั้นแล้วถ้าอยากให้ผมกลับมาดกหนาและฟื้นฟูได้เร็วกว่าเดิม ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญอย่างนามนินคลินิก เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วจะดีที่สุด 

แก้อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า อย่างไรดี? 

อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าถือเป็นอาการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะรอระยะเวลาให้รากผมกลับมาฟื้นตัวแข็งแรงอีกครั้งตามธรรมชาตินานกว่า 6-8 เดือนแล้ว เราก็สามารถมองหาทางเลือกในการกระตุ้นและบำรุงให้รากผมกลับมาแข็งแรง เพิ่มความดกหนาให้แก่เส้นผมบนหนังศีรษะได้ เช่น การใช้ยา การปลูกผม หรือแม้กระทั่งการฉีดบำรุงดูแลสุขภาพเส้นผมอย่างล้ำลึกถึงเซลล์รากผมอย่างโปรแกรม Premium Hair Booster Treatment (PHB) ที่นามนิน 

Premium Hair Booster Treatment ตัวช่วยจัดการปัญหาผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้า 
โปรแกรมบูสเตอร์สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะระดับพรีเมียมนี้ อาศัยส่วนผสมหลากหลายชนิดทั้งสารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน ตลอดจนวิตามินต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน 

ทรีตเมนต์ PHB สามารถช่วยยับยั้งกลไกการอักเสบของเซลล์รากผม ซ่อมแซมเซลล์รากผมที่เสียหาย พร้อมชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์รากผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 1-3 ครั้งที่เข้ารับบริการ 

  • อาการผมร่วงหลังศัลยกรรมดึงหน้าจะค่อย ๆ ดีขึ้นและมีผมร่วงน้อยลงภายใน 3-7 วัน
  • เส้นผมชุดใหม่เริ่มงอก เห็นเป็นเส้นผมอ่อน หรือลูกผมขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังฉีด
  • เส้นผมมีขนาดที่ใหญ่และแลดูหนาแน่นขึ้นกว่าเดิม หลังจากฉีด Premium Hair Booster Treatment ไปแล้วประมาณ 2-4 เดือน




เรียกได้ว่าโปรแกรม Premium Hair Booster Treatment ของนามนินเป็นทางเลือกในการฟื้นบำรุงปัญหาผมร่วง ผมบางหลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่จะสามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมและบำรุงเส้นผมได้อย่างล้ำลึก พร้อมช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างตรงจุดแล้ว ยังเป็นวิธีที่ไม่เจ็บเลย ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และยังเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาไม่นานอีกด้วย 

สอบถามหรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Line @namninclinic
ผมบางของผู้หญิง รักษาได้ไหม
ไขข้อสงสัย ผมร่วงเยอะ เกิดจากอะไร?
เรื่องของเส้นผมเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะผมเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของใบหน้าที่ช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดี จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องดูแลและบำรุงเส้นผมให้สุขภาพดีอยู่เสมอ 

อย่างไรก็ตามทุกวันจะมีผมหลุดร่วงเองตามธรรมชาติอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่หากผมหลุดร่วงมากเกินไปนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร? มีหนทางในการรักษาอย่างไรบ้าง? นามนินจะพามาไขข้อสงสัยกัน

ผมร่วงเยอะ เกิดขึ้นจากอะไร?
ลักษณะของผมร่วงที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปกติแล้วในแต่ละวันเส้นผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้วประมาณ 50-100 เส้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากบนศีรษะจะมีเส้นผมอยู่มากถึง 100,000 เส้น โดยจะมีการหลุดร่วงของเส้นผมได้ตามกระบวนการเจริญเติบโตของเส้นผม และหลังจากนั้นก็จะมีผมใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ตามวงจรชีวิตของเส้นผม

แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหนาแน่นของเส้นผมก็จะน้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากวงจรชีวิตของเส้นผมสั้นขึ้น จึงทำให้ผมร่วงถี่มากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลง และอาจไม่มีการงอกใหม่ขึ้นมาทดแทนอีกต่อไป



นอกจากนี้พันธุกรรมก็ถือเป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงที่พบได้บ่อย หากคนในครอบครัวส่วนใหญ่มีผมบาง ก็จะส่งผ่านทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน และอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
  • ความเครียด 
  • มลภาวะ
  • การเจ็บป่วย เช่น การติดเชื้อที่หนังศีรษะ, โรคที่ทำให้เกิดแผลบนหนังศีรษะ และโรคไทรอยด์ เป็นต้น
  • การผ่าตัด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น  การตั้งครรภ์, การคลอดบุตร หรือการอยู่ในวัยหมดประจำเดือน
  • ผลกระทบจากยาที่ใช้รักษา เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง, ภาวะซึมเศร้า หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • การลดน้ำหนักเยอะมากในระยะเวลาที่สั้น
  • มีไข้สูง 
  • ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก หรือโปรตีน เป็นต้น

แบบไหนถึงเรียกว่า ผมร่วงเยอะผิดปกติ? 
ทุก ๆ วันผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงอยู่แล้ว แต่จะร่วงในปริมาณที่น้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับปริมาณเส้นผมที่มีอยู่บนศีรษะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงจะมีผมร่วงเยอะกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมักจะมีผมร่วงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100-150 เส้น ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมและสุขภาพโดยรวม 

ส่วนผู้ชายจะมีผมร่วงโดยเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 50-60 เส้น หากเยอะกว่านี้ก็พึงสังเกตได้ว่า อาจมีความผิดปกติเกิดขึ้น  ซึ่งแน่นอนว่าการนับจำนวนเส้นผมเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็สามารถสังเกตได้เองเลย เพราะถ้าเกิดปัญหาผมหลุดร่วงเยอะจริง ๆ จะมีผมร่วงอยู่ตามที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งเวลาที่อาบน้ำ สระผม การนอนบนหมอน การหวีผม หรือตามพื้นบ้านนั่นเอง

ผมร่วงเยอะ สามารถรักษาได้อย่างไร?
ผมร่วงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลาย ๆ คน แต่ก็ยังพอมีแนวทางที่สามารถรักษาได้  ดังนี้
1. การรับประทานวิตามินเสริม
วิธีแรกที่สามารถช่วยรักษาปัญหาผมร่วงได้ คือ การรับประทานวิตามินเสริม เพราะหากร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างที่จำเป็นต่อเส้นผม ก็จะส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และขาดหลุดร่วงได้ง่าย 

วิตามินบำรุงเส้นผมอย่าง VITAMIN H ของนามนิน จะช่วยบำรุงรากผม ให้ผมที่งอกใหม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ มีเส้นผมที่หนาและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยผสานคุณประโยชน์จากทั้ง
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมันและการอักเสบของหนังศีรษะ 
  • Biotin ช่วยเสริมสร้างให้ผมแข็งแรงมากขึ้น 
  • Zinc Gluconate ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเส้นผม 
  • Iron Amino Acid Chelate ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเติมสารอาหารให้เส้นผม 
  • Vitamin B Premix ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยสุขภาพดี 
ซึ่งสารอาหารบำรุงผมทั้งหมดนี้ ก็มีผนวกรวมมาไว้แล้วในอาหารเสริม VITAMIN H  เพราะเส้นผมสวยสุขภาพดี เริ่มต้นได้จากรากผมที่แข็งแรงนั่นเอง


2. การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
อีกหนึ่งวิธีการรักษาปัญหาผมร่วงเยอะ ที่ดูจะช่วยจบปัญหาผมบางได้อย่างตรงจุด คือ การพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และทำการรักษา โดยแพทย์จะมีการจ่ายยาช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมตามอาการที่เป็น และสาเหตุของปัญหาผมร่วง ซึ่งมีทั้งรูปแบบยากินและยาทา หรืออาจมีการทำหัตถการอื่น ๆ เพิ่มเติม ตามปัญหาเส้นผมที่มี



3. การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม
การทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผม ก็เป็นอีกวิธีการที่สามารถช่วยรักษาอาการผมร่วงได้เช่นกัน โดยจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมใหม่ ๆ อีกทั้งยังช่วยบำรุงและรักษาเส้นผมที่มีอยู่ ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย 

หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมทำทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมอยู่ ที่เห็นผลลัพธ์หลังการทำได้อย่างน่าพึงพอใจ กลับมามีผมหนาขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ก็อยากแนะนำให้ลองใช้บริการ Premium Hair Booster นวัตกรรมบำรุงรากผม สูตรเฉพาะของนามนิน 

จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน อีกทั้งยังช่วยให้เซลล์รากผมเกิดการซ่อมแซมตัวเอง และกลับมาทำหน้าที่สร้างเส้นผมใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น




4. การฉายแสง
การฉายแสงเป็นวิธีการรักษาผมร่วงด้วยการใช้แสงจาก LED หรือ Light Emitting Diode ในการบำบัดด้วยคลื่นแสง ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ นำมาช่วยกระตุ้นรากผม และยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม เพื่อแก้ปัญหาและรักษาผมร่วงได้แบบที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปลอดภัย และไม่เกิดบาดแผล 





5. การปลูกผม
อีกหนึ่งวิธีจัดการกับปัญหาผมร่วงได้อย่างยั่งยืน นั่นก็คือ การปลูกผม เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ที่นามนินเองก็มีโปรแกรมปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ให้บริการ 

ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษจากนามนิน ที่ดูแลในทุก ๆ ขั้นตอนโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการรักษาและประเมินอาการ รวมถึงวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล และทำการปลูกผมโดยแพทย์เองทุกกราฟต์ ทำให้ได้แนวผมสวย มีทิศทางตามองศาผมเดิม ดูเป็นธรรมชาติ แถมไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเล




สรุป
หากใครกำลังเผชิญกับปัญหาผมบางอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนามนินเองก็มีวิธีการหลากหลายรูปแบบที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการผมร่วงให้คุณได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้หากพบปัญหาผมบาง ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินอาการและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ก่อนที่อาการจะดำเนินไปมากขึ้น ซึ่งจะยากต่อการแก้ไข แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย

ถึงเวลารักษา “ผมร่วง” หรือยัง?
สังเกตกันมั้ยว่า ผมของคนเราหลุดร่วงเป็นปกติในทุก ๆ วัน ซึ่งนั่นเป็นไปตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม ที่เมื่อหลุดร่วงไปก็จะงอกขึ้นมาทดแทนใหม่อยู่เรื่อย ๆ ไม่มีสิ้นสุดตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผม 

แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าในแต่ละวัน ผมที่หลุดร่วงออกมาตอนเรากำลังสระผม ตอนเรากำลังหวีผม หรือหล่นอยู่บนหมอน รวมไปถึงตามพื้นบ้านนั้น มีจำนวนมากจนน่ากังวลว่าเราจะเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ผมร่วง” ซึ่งจะนำไปสู่อาการ “ผมบางและผมล้าน” แล้ว และยังเป็นสัญญาณว่าควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ หรือเข้ารับการรักษาก่อนจะสายเกินไป


อาการ “ผมร่วง” มีที่มาจากหลายปัจจัยเลยทีเดียว ที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงเป็นผมร่วงจาก “กรรมพันธุ์” ส่งต่อกันมาในครอบครัวทั้งแบบรุ่นสู่รุ่นหรือแบบข้ามรุ่น แม้ว่านี่จะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผมร่วง ผมบาง ในผู้ชาย แต่ผู้หญิงก็มีโอกาสผมร่วงจากพันธุกรรมได้ แม้ไม่มากเท่าผู้ชายก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น สาเหตุต่าง ๆ ต่อไปนี้ ก็อาจส่งผลให้คุณผู้หญิงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะผมร่วงได้เช่นกัน 
  • อายุที่เพิ่มขึ้น
  • ผลข้างเคียงจากโรคประจำตัว
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกาย
  • ภาวะหลังคลอดบุตร
  • ความเครียด


ทั้งนี้ ยังรวมไปพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจทำไปโดยไม่รู้ตัว และส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอลง จนขาดหลุดร่วงง่ายก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็น
  • การใช้ความร้อนหรือสารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป
  • การสระผมผิดวิธี
  • การขาดสารอาหารบางชนิด
  • การนอนดึก หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การสูบบุหรี่

ส่วนวิธีการสังเกตว่า อาการผมร่วงของเรายังอยู่ในระดับปกติ หรือควรต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่ถูกต้องแล้ว สามารถสังเกตได้จาก “จำนวนเส้นผมที่หลุดร่วง” เพราะผมของคนเราโดยปกติจะหลุดร่วงได้ถึงวันละ 70 – 100 เส้น หากพบว่าผมร่วงมากกว่านั้น ติดต่อกันเป็นเวลานานหลาย ๆ วัน แสดงว่าเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ อาจสังเกตร่วมกับรูปแบบของผมบางในลักษณะต่าง ๆ อย่างเช่นอาการ “ผมร่วงทั่วทั้งศีรษะ” มักจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โรคผมร่วงเฉียบพลัน ซึ่งแต่ละคนจะมีผมร่วงมากหรือน้อยไม่เท่ากัน แต่จะไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน เกิดจากการที่เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวพร้อม ๆ กัน โดยมีสาเหตุได้จากทั้งผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ตลอดจนภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า

และในบางราย อาจเกิดอาการ “ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ” หลายจุดพร้อมกัน ซึ่งเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง จนไปหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผม เกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ และหากเป็นสาเหตุจากพันธุกรรม จะสังเกตเห็นผมเริ่มบางบริเวณรอยแสกกลางศีรษะก่อน แล้วจึงขยายออกไปด้านข้าง

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าหากสงสัยว่าเกิดอาการผมร่วงมากผิดปกติ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดยแพทย์จะช่วยวินิจฉัยแบบเฉพาะบุคคลเพื่อหาสาเหตุของอาการผมร่วง และออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะรักษาด้วยวิธีรับประทานยาลดผมร่วงตามที่แพทย์แนะนำแล้ว ที่นามนิน แพทย์จะช่วยแนะนำทางเลือกอื่น ๆ ในการบำรุงเส้นผมและบรรเทาอาการผมร่วงได้อย่างปลอดภัย 


  • การใช้เซรั่ม Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE จากส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างอ่อนโยน 

  • การรับประทาน VITA H ซึ่งแพทย์ค้นคว้าและคัดสรรวิตามินรวมถึงสารสกัดมากคุณค่ามาอย่างตั้งใจ เพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก

  • การฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบางโดยตรง เพื่อกระตุ้นการทำงานลึกถึงระดับรากผม ลดการหลุดร่วงตั้งแต่การฉีดครั้งแรก เร่งการงอกใหม่ของเส้นผม ทั้งยังเสริมความแข็งแรงของเส้นผม จากที่เคยลีบ เล็ก แบน ให้ดูหนาและใหญ่ขึ้น จึงสามารถคืนความหนาแน่น ให้ผมดูดกดำ เงางาม สุขภาพดีได้อย่างที่ต้องการ


ที่สำคัญ การรักษาอาการผมร่วงนั้น มีปัจจัยความสำเร็จที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือเรื่อง “ระยะเวลา” เพราะยิ่งเราสังเกตพบความผิดปกติเร็ว และเข้ามาปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูดูแลเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

ยาคุมกำเนิดทำผมร่วง ทำยังไงดี?
ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของการใช้ "ยาคุมกำเนิด" ที่อาจพบได้ คือ “ผมร่วง”  เพราะยาคุมกำเนิดประกอบด้วยฮอร์โมนเพศถ้าหากมีภาวะผมบาง ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ก็มีโอกาสสูงที่ผมบาง ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ก็มีโอกาสสูงที่ผมร่วงมากกว่าคนปกติ

สำหรับยาคุมกำเนิดสร้างมาจากฮอร์โมนเพศหญิงสองชนิด คือ estrogen และ progesterone บางยี่ห้ออาจะมีเฉพาะ progesterone เพียงอย่างเดียว เมื่อกินยาคุมกำเนิดเข้าไปแล้วจะมีกลไกยังยั้งการตกไข่

สำหรับยาคุมกำเนิดที่มี progesterone (progestin) สูง จะมี androgen index สูง ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศชายที่ทำให้ผมร่วง ทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้มากขึ้น  หากยาคุมนั้น มี progesterone อยู่ด้วย


สำหรับวงจรของรากผม มี 3  ระยะ ได้แก่
  • Anagen phase ระยะที่กระเปาะผมจะอยู่ลึกสุด สร้างเซลล์และเจริญเติบโตออกมาเป็นเส้นผม
  • Catagen phase ระยะที่กระเปาะผมหยุดสร้างผม รากผมจะแยกตัวออกจากเส้นเลือดที่เลี้ยงผม ผมจึงขาดสารอาหาร เตรียมพร้อมหลุดร่วง
  • Telogen phase  ระยะที่รากผมจะหยุดสร้างเส้นผม เพื่อเตรียมสร้างเส้นผมชุดใหม่



การกินยาคุมกำเนิด จึงทำให้เส้นผมจาก Anagen phase ไปเป็น Telogen phase ได้เร็วกว่าปกติ กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้น โดยปกติผมคนเราจะร่วงประมาณวันละ 100 เส้น ดังนั้นถ้าหากเรากินยาคุมกำเนิดแล้วพบว่ามีผมร่วง อาจจะเฝ้าดูอาการในช่วงระยะ 3 เดือนแรกก่อน

ถ้าหากหลังจาก 3 เดือนไปแล้วผมยังร่วงต่อเนื่อง แนวทางการรักษา มีได้หลายวิธี 
1.เปลี่ยนยาคุมกำเนิด
อย่างแรกที่อาจจะทำได้ทันทีคือ การเปลี่ยนชนิดยาที่ใช้อยู่ ควรปรึกษาแพทย์ว่าควรเลือกใช้แบบไหน หรือหากจะเปลี่ยนยาคุมใหม่ควรจะถามเพิ่มเติมด้วยว่ามีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

2.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงเส้นผม
หากร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ประกอบการกินยาคุมเข้าไปก็อาจจะเป็นปัจจัยที่เร่งให้ผมร่วงมากขึ้น แนะนำให้กลับมาดูแลและบำรุงเส้นผมด้วยการใช้เซรั่มทาเส้นผมไปพร้อมกับการกินวิตามินที่ดูแลด้านเส้นผมโดยเฉพาะเพื่อช่วยลดการหลุดร่วงและเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผม



3.รับบริการโปรแกรม Premium Hair Booster
เป็นโปรแกรมที่ได้รับการออกแบบโดยคุณหมอนิน เพื่อคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม หรือการกินยาบางชนิดและมีผลข้างเคียง 


ดังนั้นการกินยาคุมกำเนิดทำให้ผมร่วงได้หรือไม่  ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย แนวทางการรักษาดังกล่าวจึงเป็นข้อแนะนำเบื้องต้น ซึ่งถ้าหากต้องการคำแนะนำที่ตรงกับปัญหาเส้นผมของท่าน นามนิน คลินิกแนะนำให้เข้ารับการปรึกษาจากคุณหมอนิน เพื่อให้คุณหมอได้ตรวจ วินิจฉัยและประเมินการรักษาได้เหมาะสมมากที่สุด



นามนิน คำตอบของ “คนรักผม”
“เส้นผม” เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงอัตลักษณ์ของแต่ละคนได้อย่างชัดเจนไม่ต่างจากเสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่ในแต่ละวัน โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่ไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไป ทุกเพศทุกวัยมีอิสระในการที่จะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น การย้อม ยืด ดัด ไดร์ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ใครๆ ก็ทำกัน และยังไม่นับมลภาวะต่างๆ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น แสงแดด ฝุ่น ควัน ที่ทำร้ายเส้นผมอยู่ตลอดเวลา ปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมจึงตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ปัญหาบางอย่างอาจดูแลด้วยตัวเองได้หากเป็นในระยะเริ่มต้น เช่น ผมแห้งเสียจากการทำเคมี การเลือกผลิตภัณฑ์ที่วางขายในท้องตลาดมาใช้แก้ปัญหาอาจยังพอช่วยได้ แต่หากปัญหาผมแห้งเสียรุนแรงขึ้นจนเริ่มผมร่วง ผมบาง หรือมีปัญหาอื่นๆร่วมด้วย ผลิตภัณฑ์ต่างๆเหล่านั้นก็ไม่สามารถช่วยได้อีกต่อไป ก็ถึงเวลาที่ต้องแก้ไขปัญหาจากภายในและฟื้นฟูอย่างถูกวิธี

นามนิน เข้าใจถึงปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน จึงได้พัฒนาและพร้อมให้คำปรึกษาทุกปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม ออกแบบการรักษา ดูแลและฟื้นฟูเส้นผมโดยแพทย์เฉพาะทาง ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีปัญหาผมร่วงผมบางเพียงอย่างเดียวจึงจะมาพบแพทย์ได้ เพียงแค่คุณเป็น “คนรักผม” ก็มาที่นามนินได้ตลอดเวลา

เริ่มต้น หากต้องการให้เส้นผมได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แนะนำ Hair Spa ของนามนิน เป็นการดูแลเส้นผมที่ประกอบไปด้วยโปรแกรม Namnin Perfect Hair Treatment ที่ผสานศาสตร์การนวดบำรุงหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการปวดศีรษะ บรรเทาความเมื่อยล้าจากการทำงาน ร่วมกับการฟื้นฟูเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ช่วยปรับสมดุล



หนังศีรษะ มีคุณสมบัติลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ส่งผลให้ผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย และในทุกขั้นตอนการทำทรีทเม้นต์ คุณจะสัมผัสได้ถึงความสบายและผ่อนคลายเหมือนอยู่ในสปา การได้ดูแลเส้นผมที่รักพร้อมกับได้ฮีลใจตัวเองไปด้วย เป็นโมเมนต์ที่ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองดูสักครั้งค่ะ


อีกหนึ่งบริการในกลุ่ม Hair Spa คือ Namnin Natural Hair Color เป็นการปิดผมขาวจากสารสกัดธรรมชาติ พร้อมบำรุงเส้นผมอย่างอ่อนโยน ในการทำทรีทเม้นต์ คุณจะได้รับการย้อมผมด้วยสารบำรุงออร์แกนิก ที่ผสานพลังและคุณค่าของธัญพืชและสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ปราศจากแอมโมเนีย เฮนน่า และสารเคมีอันตราย ปิดท้ายด้วยการเสริมความแข็งแรงของเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผมเข้มข้น ที่คัดสรรมาเพื่อดูแลเส้นผมให้เงางามและสุขภาพดีกว่าที่เคย 



สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและบาง หากต้องการฟื้นคืนสุขภาพเส้นผม ทรีทเม้นต์หนึ่งของนามนินที่ตอบโจทย์ได้ดีมากคือ Premium Hair Booster การบำรุงผมที่เสริมความแข็งแรงจากภายใน กระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ส่งผลให้ผมที่อ่อนแอกลับมาแข็งแรง เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น หนาแน่น ดกดำ เงางาม และสุขภาพดีจากรากจรดปลายผม ไม่มีผลข้างเคียง และสัมผัสได้ว่าเส้นผมแข็งแรงขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการ




ทุกคนที่เข้ามารับบริการจะได้รับการการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาโดยคุณหมอนิน ซึ่งเป็นแพทย์ผู้ชำนาญด้านการปลูกผม โดยจะเป็นการออกแบบการฟื้นฟูและรักษาเฉพาะรายบุคคล เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม เพื่อให้หน้าผู้รับบริการกลับไปใช้ชีวิตอย่างมีอิสระในแบบของตัวเอง แล้วให้นามนินเป็นผู้ดูแลเส้นผมที่คุณรัก  Enjoy your life

บุหรี่ไฟฟ้า ภัยเงียบของคนรักผม
“บุหรี่” คือเจ้าของฉายา ฆาตกรผ่อนส่ง ซึ่งหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำกล่าวว่า การสูบบุหรี่ 1 ซอง ทำให้ชีวิตสั้นลง 2 ชั่วโมง 20 นาที และการสูบบุหรี่เพียงมวนเดียว ก็ทำให้ชีวิตสั้นลงไป 7 นาที เนื่องจากสารพิษในบุหรี่นั้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ หลายโรค รวมทั้งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ ส่วนของหนังศีรษะและเส้นผม 

ในช่วงหลังมานี้ เราจึงเริ่มเห็นเทรนด์การใช้ “บุหรี่ไฟฟ้า” แทนบุหรี่ทั่วไปแบบเดิม ซึ่งถ้าไม่นับข้อดีในแง่ของการหยุดส่งควันบุหรี่กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมารบกวนคนรอบข้างแล้ว ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า บุหรี่ไฟฟ้า ควรจะมาทดแทนบุหรี่ทั่วไปหรือไม่ เป็นอันตรายน้อยลง หรือมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน แล้วจะสามารถช่วยในการเลิกบุหรี่ได้จริงหรือ อีกทั้งในปัจจุบัน ประเทศไทยก็ยังไม่อนุญาตให้มีการนำเข้า ซื้อขาย หรือครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การมาถึงของบุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้เกิดคำถามใหม่ ๆ ในแวดวงของคนรักเส้นผม ว่าหากการสูบบุหรี่แบบเดิมมีส่วนทำให้ผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนนำไปสู่ภาวะผมร่วงและผมบางได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น บุหรี่ไฟฟ้า จะเป็นอันตรายต่อเส้นผมของเรามากน้อยแค่ไหน ผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผม ซึ่งคุณหมอมักจะขอให้งดการสูบบุหรี่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะสามารถเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าทดแทนได้หรือไม่ 

...มาทำความเข้าใจบุหรี่ทั้ง 2 แบบ รวมถึงผลลัพธ์ต่อเส้นผมของเราไปพร้อม ๆ กัน...


บุหรี่ทั่วไป VS บุหรี่ไฟฟ้า

เราคงคุ้นเคยกับภาพของบุหรี่ทั่วไป ที่ประกอบด้วยกระดาษ ใบยาสูบ และก้นกรอง เมื่อจุดบุหรี่แล้ว จะเกิดการเผาไหม้ ซึ่งส่วนที่เป็นอันตรายที่สุดของบุหรี่ ก็จะอยู่ที่ “ควันบุหรี่” นั่นเอง เพราะเต็มไปด้วยสารเคมีหลายพันชนิด บ้างเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมาได้หลายประเภท 

กระบวนการเผาไหม้ของบุหรี่ ยังทำให้ผู้สูบได้รับอันตรายจากสารบางตัว เช่น ทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า เป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคมะเร็งอีกด้วย


ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้า จะมีหลักการใช้งานแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นอุปกรณ์สำหรับสูบบุหรี่ที่ไม่ได้ใช้การเผาไหม้ แต่อาศัยกลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ Atomizer ที่ทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำ รวมถึงน้ำยา ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดควัน ทำให้สามารถลดความเสี่ยงจากการเผาไหม้ของทาร์ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ได้  อย่างไรก็ตาม เมื่อน้ำยาระเหยเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไป  สารประกอบที่เป็นอันตรายบางชนิดก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยตรงได้เช่นกัน


มีสารอะไรอยู่ในบุหรี่ ?

สำหรับบุหรี่ทั่วไป หากเกิดการเผาไหม้แล้ว จะทำให้เกิดสารเคมีมากกว่า 4,000 ชนิดเลยทีเดียว ในบรรดาสารเหล่านั้น มีหลายร้อยชนิดที่อาจส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย และมี 42 ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ยังมีสารพิษอื่น ๆ ที่ประกอบอยู่ในบุหรี่มวนเล็ก ๆ 1 มวน ตัวอย่างเช่น

  • นิโคติน (Nicotine) ซึ่งเป็นสารหลักที่เราจะพูดถึงกันในหัวข้อถัดไป
  • ทาร์ (Tar) หรือน้ำมันดิน จะไปจับอยู่ที่เนื้อปอด ทำให้เยื่อบุหลอดลมทำงานได้ไม่เต็มที่
  • คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) เป็นก๊าซแบบเดียวกับที่ปล่อยจากท่อไอเสียรถยนต์ จะไปขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้เหนื่อยง่าย หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • ไฮโดรเจนไดออกไซด์ (Hydrogen dioxide) ทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • ไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogen dioxide) ทำลายเยื่อบุหลอดลมจุดสำคัญ ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองได้
  • แอมโมเนีย (Ammonia) ออกฤทธิ์ระคายเคือง ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ

และในบุหรี่ไฟฟ้า ยังคงมีนิโคตินเป็นสารประกอบหลักเช่นเดิม รวมไปถึงสารอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น

  • โพรโพลีนไกลคอล ทำให้เกิดอาการไอ
  • กลีเซอรีน รวมถึงสารแต่งกลิ่นและรส แม้จะเป็นสารเคมีที่สามารถใช้กับอาหารได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเปลี่ยนรูปเป็นไอและได้รับการสูบเข้าไปแล้ว ยังไม่มีการยืนยันว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่น เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ดวงตา และปอด โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง

นอกจากนั้น ยังพบสารประกอบในไอของบุหรี่ไฟฟ้าอีกหลายชนิด ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น โลหะหนัก สารหนู ฟอร์มาลีน และเบนซีน เป็นต้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่นโรคหัวใจ และโรคมะเร็ง



ทำความรู้จัก “นิโคติน”

เราได้ยินกันจนคุ้นหูว่า นิโคติน คือสารพิษตัวร้ายในบุหรี่ วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักนิโคตินกันมากขึ้น นิโคตินถือเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด ทำให้ผู้สูบบุหรี่อยากกลับมาสูบซ้ำ ๆ โดยสมองจะเกิดการเสพติดหลังได้รับนิโคตินอย่างเร็วที่สุดภายใน 7 วินาทีเท่านั้น (นั่นจึงเป็นที่ถกเถียงกันว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีสารเสพติดอย่างนิโคตินเป็นสารประกอบหลัก จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้จริงหรือไม่)

นิโคตินนั้นเรียกได้ว่ามีฤทธิ์แรงมากที่สุดในบรรดาสารต่าง ๆ ในควันบุหรี่ เป็นสารคล้ายน้ำมัน ไม่มีสี หากเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร้อยละ 95 ของนิโคตินจะไปจับตัวรวมกันอยู่ปอด ส่วนที่เหลืออาจจะไปเกาะที่ริมฝีปาก และบางส่วนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทั้งกระตุ้น กด และกล่อมระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มการหลั่งสารเอพิเนฟรีน และสารอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง มะเร็งปอด ช่องปาก หลอดอาหาร และตับอ่อน รวมไปถึงโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ทั้งยังกระตุ้นการหลั่งคอร์ติซอล ที่ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น นำไปสู่โรคเบาหวานอีกด้วย 



“นิโคติน” อันตรายแฝงต่อเส้นผม

นิโคติน ซึ่งเป็นสารตัวหลักทั้งในบุหรี่ทั่วไปและในบุหรี่ไฟฟ้า จะออกฤทธิ์ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือดทั่วร่างกาย หรือที่เรียกว่า Vasoconstriction ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมอง รวมถึงเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผม เมื่อรากผมได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ผลที่ตามมาก็คือ รากผมจะอ่อนแอลง ไม่คงทนแข็งแรงเหมือนปกติ ทำให้เส้นผมเปราะขาด หลุดร่วงง่าย

การสูบบุหรี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ซึ่งงานวิจัยจากหลาย ๆ แหล่งก็ให้ข้อสรุปตรงกันว่า ผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง ได้มากกว่า และเร็วกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่





“นิโคติน” ศัตรูของผมปลูกใหม่

เมื่อนิโคตินเป็นอันตรายต่อเส้นผมของคนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจที่คุณหมอจะขอให้ผู้เข้ารับการปลูกผมระมัดระวังเรื่องการสูบบุหรี่เป็นพิเศษ เพราะเส้นผมปลูกใหม่นั้นบอบบาง เสี่ยงต่อการหลุดร่วงมากกว่าเส้นผมทั่วไปหลายเท่า แม้ว่าจะปัจจุบันจะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดถึงผลกระทบของนิโคตินต่อการงอกของผมปลูกใหม่ แต่เป็นที่แน่ชัดว่า การสูบบุหรี่จะทำให้โอกาสรอดของกราฟต์ผมปลูกใหม่ลดลง หรือทำให้ผมปลูกใหม่ขึ้นช้า เกิดเป็นเส้นผมที่อ่อนแอ ไม่คงทนแข็งแรง และมีขนาดเส้นเล็กบางกว่าที่ควร

นอกจากนั้น การที่นิโคตินไปทำให้เส้นเลือดหดตัว หนังศีรษะที่อาจมีแผลหลงเหลืออยู่หลังการทำหัตถการปลูกผม ก็จะได้รับสารอาหารและออกซิเจนน้อยลง ส่งผลให้แผลยิ่งหายช้า และอาจมีส่วนทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร



คำแนะนำจากคุณหมอ

คุณหมอจะแนะนำข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ให้งดการสูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ทั่วไป และบุหรี่ไฟฟ้า ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการปลูกผม เพื่อเตรียมสภาพของหนังศีรษะและเซลล์รากผมให้พร้อมสำหรับการปลูกผมใหม่อย่างเต็มที่ และควรงดการสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์หลังปลูกผมไปแล้วด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเส้นผมปลูกใหม่ให้มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากใครสามารถเลิกบุหรี่ในระยะยาวได้ ก็จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมเดิม และเพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างคงทนถาวรให้กับเส้นผมปลูกใหม่ จนสามารถอยู่คู่กับหนังศีรษะของเราตามวงจรธรรมชาติได้นานขึ้นด้วย

ชุบชีวิต คืนเส้นผม ด้วย Premium Hair Booster
นวัตกรรมบำรุงผมขั้นสุด Premium Hair Booster ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผมให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ Premium Hair Booster เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ Premium Hair Booster ได้เช่นกัน

Premium Hair Booster นวัตกรรมฟื้นฟูปัญหาผมบาง
ในระยะเริ่มต้นบำรุงสู่หนังศีรษะเพื่อให้ตรงเข้าลึกถึงเซลล์รากผม
:: ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกของผมใหม่
:: บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี
:: เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษา
:: รับบริการพร้อมกับ Treatment อื่นๆได้
:: ฟื้นฟูให้ผมหนาและแข็งแรงขึ้น สะดวกสบาย ไม่ต้องพักฟื้น













“เส้นผม” ชีวิตจะเสียศูนย์ถ้าปล่อยให้สูญเสีย
ปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนระเบิดเวลา ยิ่งรอยิ่งรุนแรง แก้ไขได้ยาก หรือในที่สุดอาจต้องปล่อยให้ปัญหาระเบิดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เมื่อใดที่สังเกตได้ว่าเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นผม เสียงนับถอยหลังของระเบิดเวลาจะดังขึ้นทันที เริ่มด้วยความสงสัย กังวล ตามมาด้วยความพยายามปกปิด หวาดระแวง สูญเสียความมั่นใจ บุคลิกภาพเปลี่ยนไป หากยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป   



ก่อนหน้านี้การปลูกผมยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งวิธีการที่ซับซ้อน และน่ากลัว การดูแลหลังการปลูกผมก็มีขั้นตอนมาก ยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน กระทบชีวิตประจำวันแทบไม่ต่างกับการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไกลตัว ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมจริงๆ ถึงขั้น “อุทิศตน” จึงจะเข้าถึงการปลูกผมได้

แต่ในปัจจุบัน การปลูกผมพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านเทคนิคและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปลูกผม ดังที่ พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจน จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT และต่อยอดไปถึงการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง



การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้การปลูกผมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่กระทบกับกิจวัตรประจำวัน ผลลัพธ์จากการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่สัมผัสได้คือ

  • กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบโดยแพทย์ตามหลัก Golden Ratio เสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น
  • การปลูกผมด้วยมือแพทย์ทุกเส้น จึงมั่นใจได้ทั้งความหนาแน่นและทิศทางของผมที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิคการเจาะนำผมออกจากด้านหลังทีละเส้นแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผม ไม่ทิ้งรอยแผล 
  • อุปกรณ์ที่ใช้ปลูกผมมีขนาดเล็กมาก ปลูกผมได้ละเอียด แม่นยำ แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ช้ำบวม ไม่ต้องพักฟื้นหลังการปลูกผม ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ดูแลหลังการปลูกผมต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์





เมื่อการปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจและตัวตนของคุณได้อีก เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่เลือกปลูกผมเทคนิค NEAT  ต่างได้สัมผัสกับความรู้สึกดีเป็นพิเศษแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น

หยุดวงจรระเบิดเวลาของปัญหาเส้นผมได้ทันที อยู่ที่การตัดสินใจของตัวคุณเอง         
   

ปลูกผมใหม่ ในวัย 50+
ไม่ใช่แค่วัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว แต่คนทุกวัย ก็อยากจะมีรูปลักษณ์ที่ชวนมองหรือบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกรักตนเองและมั่นใจในตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” เป็นปัจจัยความงามข้อหนึ่ง ที่เปรียบเหมือนเครื่องประดับตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยเสริมความมั่นใจในทุก ๆ วันของการใช้ชีวิต แต่เมื่อเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีไม่ได้คงทนยาวนานพอที่จะอยู่กับเราไปตลอด หลายคนจึงพบปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านเมื่ออายุมากขึ้น 


หากคุณหรือคนในครอบครัว ที่อยู่ในวัย 50+ และกำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมล้านหรือผมบางกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จนกังวลว่า ปัญหาหนักขนาดนี้ จะยังปลูกผมใหม่ได้อยู่ไหม สิ่งแรกที่คุณควรทำอย่างไม่ต้องลังเลใจ ก็คือการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอผู้ชำนาญด้านเส้นผม


เพราะคุณหมอคือคนเดียวที่ช่วยวิเคราะห์สภาพปัญหาผม สำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะประเมินความเป็นไปได้ และออกแบบแนวทางการรักษา เพื่อคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้มากที่สุด และนี่ก็คือแนวทางการแก้ปัญหาผมสำหรับคนวัย 50+ ที่แม้ว่าจะมีต้นทุนผมสุขภาพดีไม่มากเท่ากับคนในวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังมีทางออกหลายรูปแบบที่คุณหมอแนะนำเช่นกัน


1 ปลูกผมถาวร

สำหรับแนวทางนี้ คนไข้ในวัย 50+ ส่วนใหญ่จะมีความกังวลใจ เนื่องจากปัญหาผมบางในวัยนี้มักจะขยายเป็นวงกว้าง นั่นหมายความว่าคนไข้ต้องการกราฟต์ผมสำหรับการปลูกใหม่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการย้ายมาปลูกใหม่ ก็อาจเหลือจำนวนน้อยลง หรือมีความอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นของเจ้าของเส้นผมเอง


อย่างไรก็ตาม คุณหมอจะช่วยประเมินการใช้กราฟต์ผมที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยแก้ปัญหาผมบางให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนั้นก็จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้กราฟต์ผมที่นอกเหนือไปจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาช่วยเสริมด้วยอีกส่วนหนึ่ง 

ที่สำคัญ คุณหมอจะช่วยออกแบบการปลูกผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรูปลักษณ์ หรือบุคลิกภาพ ภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ได้ในที่สุด


2 Premium Hair Booster

อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณหมอมักแนะนำให้กับคนไข้ไม่ว่าอยู่ในวัยไหนก็ตาม ก็คือการเข้ารับบริการ Treatment บำรุงล้ำลึก ที่คัดสรรโดยนามนิน เพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ โดย Premium Hair Booster เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยลดอาการผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พร้อมกับฟื้นบำรุงให้เส้นผมที่อ่อนแอ ลีบบาง มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และแข็งแรงยิ่งขึ้นจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร ตลอดจนมลภาวะหรือสารเคมี

Premium Hair Booster พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมของนามนิน อาศัยพลังบำรุงขั้นสุดจากอนุภาคไซส์จิ๋วที่เล็กระดับนาโน หรือเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งแยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า 

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเพิ่มพลังบูสต์เต็มขั้น ด้วยวิตามินสูตรเฉพาะ เพื่อทำงานร่วมกับอนุภาคบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สะดวกสบาย เพียงฉีดสารบำรุงเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่ยังมีรูขุมขนอยู่ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ โดยไม่ทิ้งรอยแผลหรืออาการเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์เห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีความปลอดภัยสูงสำหรับคนทุกวัย แม้ในวัย 50+ ก็ตาม


3 ปลูกผมเทคนิค NEAT + Premium Hair Booster

สำหรับบางกรณีที่มีปัญหาเส้นผมในระดับค่อนข้างรุนแรง คุณหมออาจแนะนำให้เข้ารับการปลูกผมร่วมกับ Treatment ด้วย เพื่อเสริมบำรุงเส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากความแข็งแรงของเส้นผมเดิมก็จะส่งผลดีต่อเส้นผมใหม่ด้วยนั่นเอง 

หากคนไข้ให้ความสนใจเลือกวิธีนี้ หรือคุณหมอมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งคุณหมอและคนไข้จะร่วมกันออกแบบการรักษา ว่าควรจะฉีดบำรุงด้วย Premium Booster ก่อน เพื่อเสริมให้ผมแข็งแรง แล้วจึงค่อยเข้ารับการปลูกผม หรือในอีกกรณีหนึ่ง สามารถที่จะเข้ารับการปลูกผมใหม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงฉีดบำรุงตามระยะที่คุณหมอกำหนด ซึ่งมีคนไข้ของนามนินที่เคยเข้ารับบริการด้วยสูตรผสมนี้ และกลับบ้านไปด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


ทั้งนี้ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผม รวมถึงความต้องการของผู้เข้ารับบริการเอง ซึ่งคุณหมอจะเปิดใจคุยกับคนไข้อย่างตรงไปตรงมา ถึงความเป็นไปได้จริงในการรักษา ดังนั้น ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จึงเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อทำความเข้าใจปัญหา และร่วมกันหาทางฟื้นฟูดูแลเส้นผม 

...เพราะไม่มีคำว่าสูงวัยเกินไป สำหรับการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการกลับมาดูแลตัวเองให้ดูดีอีกครั้ง...

คุณแม่มือใหม่ ทำไมผมร่วงหลังคลอด?
โลกของคุณแม่มือใหม่ ไม่ได้สวยงามชวนฝันเหมือนในละครโทรทัศน์ ไหนจะต้องรับบทบาทคุณแม่ดูแลเจ้าตัวเล็ก 24 ชั่วโมง อดหลับอดนอน รับมือกับความเครียดสารพัดเรื่อง คุณแม่หลายคนยังต้องกังวลกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ ต้องพยายามดูแลตัวเองทั้งที่ในแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลา ทั้งยังต้องมาเจอกับปัญหาอย่างเช่น “ภาวะผมร่วงหลังคลอด” ที่ทำเอาคุณแม่หลายคนเสียขวัญเพราะผมร่วงในแต่ละวันเป็นร้อย ๆ เส้น!! จนเกิดคำถามมากมายว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า ผมจะร่วงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  มีวิธีช่วยหยุดอาการผมร่วงได้หรือไม่ 

...คำตอบอยู่ในอีกไม่กี่บรรทัดข้างล่างนี้แล้ว มาทำความเข้าใจภาวะผมร่วงหลังคลอดของเหล่าคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย...


ผมร่วงหลังคลอด ...ผิดปกติหรือไม่...

ภาวะผมร่วงหลังคลอด ไม่ใช่อาการผิดปกติ หรืออาจเป็นอันตรายแต่อย่างใด ตามสถิติแล้ว จะมีคุณแม่ถึงประมาณร้อยละ 50 ที่ต้องเผชิญกับอาการผมร่วงหลังคลอด และผมที่ร่วงเป็นหลักร้อยเส้นนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นแค่ปริมาณส่วนน้อยเพียงร้อยละ 5-15 ของเส้นผมทั้งหมดบนหนังศีรษะเท่านั้นเอง และโดยปกติผมของคนเราก็อาจร่วงได้ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากจนเกินไป


คุณแม่มือใหม่ ...ทำไมจึงผมร่วง...

นอกจากปัจจัยอย่างเช่นความเครียด ความกังวลในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่สมดุลแล้ว สาเหตุหลักของภาวะผมร่วงหลังคลอด ก็คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนภายในร่างกายของคุณแม่นั่นเอง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวงจรชีวิตของเส้นผมกันก่อน ประกอบไปด้วย 3 ระยะ ได้แก่

  • ระยะงอกของเส้นผม (Anagenic Phase)
  • ระยะพักของเส้นผม (Catagen Phase)
  • ระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase)

เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับสูงขึ้น และสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งเจ้าฮอร์โมนเอสโตรเจนนี้เอง จะไปกระตุ้นให้เส้นผมเกือบทั้งศีรษะเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตพร้อม ๆ กัน มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ที่อยู่ในระยะพัก (Catagen Phase) และเตรียมหลุดร่วง ผลที่ตามมาก็คือ จากเดิมก่อนตั้งครรภ์ที่คุณแม่เคยผมร่วงตามธรรมชาติวันละ 70-100 เส้น กลายเป็นว่าพอตั้งครรภ์แล้ว ผมจะหลุดร่วงน้อยลง แลดูหนาดกดำขึ้นตลอด 9 เดือน 

แต่พอคลอดแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดระดับลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมจำนวนมากที่เคยอยู่ในระยะเจริญเติบโตเพราะฮอร์โมนเลี้ยงระดับไว้ จึงหยุดการเจริญเติบโตอย่างกะทันหัน พากันเข้าสู่ระยะพัก (Catagen Phase) ตามมาด้วยระยะเตรียมหลุดร่วง (Telogen Phase) ทำให้ผมร่วงพร้อม ๆ กันมากกว่าปกติ นับเป็นร้อย ๆ เส้นอย่างที่เราเห็น บางครั้งอาจร่วงมากถึง 400-500 เส้นต่อวันทีเดียว ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้ มีอีกชื่อหนึ่งว่า ภาวะ Telogen Effluvium แบบเฉียบพลันนั่นเอง


นานแค่ไหน ...กว่าผมจะหยุดร่วง...

โดยเฉลี่ยแล้ว คุณแม่มือใหม่มักจะมีอาการผมร่วงหนักประมาณ 3 เดือน ซึ่งภาวะผมร่วงหลังคลอดนี้จะเริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกหลังคลอด และในช่วงเดือนที่ 6-12 ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อย ๆ ปรับเข้าสู่ระดับปกติ ภาวะ Telogen Effluvium จะค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งผมเริ่มหยุดร่วงมากผิดปกติในที่สุด ดังนั้น หลังคลอดไปแล้ว 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมของคุณแม่ก็จะกลับมาหนาแน่นเหมือนเดิม


ชวนคุณแม่ ...ดูแลเส้นผมหลังคลอด...

แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะอยู่กับคุณแม่เพียงแค่ชั่วคราว แต่ระหว่างที่ผมร่วงเยอะ ๆ นั้นก็คงจะทำให้คุณแม่จิตตกและเครียดกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเราจะหยุดอาการผมร่วงไม่ได้ แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ วิธีที่จะช่วยฟื้นฟูดูแลสุขภาพผม รวมถึงมีข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพผมของคุณแม่อ่อนแอลงไปกว่าเดิม 

  • เริ่มจากขั้นตอนการสระเพื่อทำความสะอาดเส้นผม แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่มีความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และสามารถนวดหนังศีรษะเบา ๆ ระหว่างสระผม เพื่อกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น

  • เสริมด้วยการใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผมตั้งแต่ช่วงกลางผมถึงปลายผม เพื่อให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก แต่ระวังอย่าชโลมครีมนวดบริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพราะจะยิ่งเพิ่มความมันให้กับหนังศีรษะ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่งทำให้เกิดอาการผมร่วงได้

  • เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวอย่างเช่นการหวีผม ก็สามารถส่งผลต่อความทนทานแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน ขอแนะนำให้หวีผมอย่างเบามือ เพราะยิ่งหวีแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ผมจะขาดหลุดร่วง และการหวีผมบ่อย ๆ  ยังเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะ ผลิตน้ำมันออกมาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ผมยิ่งร่วงมากขึ้นได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรหวีผม สัมผัสเส้นผม หรือรบกวนหนังศีรษะระหว่างวันบ่อยจนเกินไปนั่นเอง

เราอาจจะเห็นคุณแม่มือใหม่หลายคนเตรียมตัวด้วยการตัดผมสั้น เพราะดูแลง่าย โอกาสหลุดร่วงน้อย และช่วยให้ไม่ต้องมัดผมบ่อย ๆ เพราะการมัดผมเท่ากับเป็นการดึงผมให้ตึงขึ้น ทั้งที่โคนผมมีความอ่อนแออยู่แล้ว จึงอาจหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิมอีก

  • หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการไดร์เพื่อเป่าผมให้แห้ง การหนีบผม หรือการดัดผม เพราะจะยิ่งทำให้เส้นผมบางลง ทางที่ดีควรเว้นการจัดแต่งทรงผมที่ต้องใช้ความร้อนสูงไปสักระยะ 

  • อาหารก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการบำรุงผมเช่นเดียวกัน โดยหลักการง่าย ๆ คือการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสี ธาตุเหล็ก ไอโอดีน ไบโอติน หรือโอเมก้า 3 เป็นต้น

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหาเวลาในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ



Premium Hair Booster ...นวัตกรรมลดผมร่วงจากนามนิน

และถ้าคุณแม่ท่านไหนกำลังมองหา Treatment บำรุงผมชั้นลึก เพื่อผมสุขภาพดีจากภายใน นามนินขอแนะนำ นวัตกรรม Premium Hair Booster ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน - แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม ด้วยพลังบำรุงจาก Exosome อนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด โดยมีขนาดของอนุภาคเพียง 30 – 100 นาโนเมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ในการทำงานร่วมกับ Exosome เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ที่สำคัญ นวัตกรรมนี้ยังมีความปลอดภัยสูง เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ ได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ 

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมที่เคยลีบบางมีขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์การฟื้นฟูภาวะผมร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการโดนทำร้ายจากสารเคมีอีกด้วย 



อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณแม่สังเกตว่า แม้เมื่อผ่านไปแล้ว 1 ปี ผมยังคงหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน กรณีนี้ขอแนะนำให้คุณแม่ปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และวางแผนการดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมแบบเฉพาะบุคคลร่วมกัน

หยุด “ผมมัน” ด้วยการดูแลอย่างอ่อนโยน
        “ผมมัน” เกิดจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะผลิตไขมันตามธรรมชาติที่เรียกว่า “ซีบัม” ออกมามากเกินไป ซึ่งโดยปกติ ซีบัม จะเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เส้นผมและหนังศีรษะ แต่หากเมื่อใดที่มีมากเกินความจำเป็น ก็จะกลายเป็นสาเหตุของผมมันนั่นเองค่ะ

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไป อาทิ ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน หรือแม้กระทั่งช่วงตั้งครรภ์ และบางส่วนเกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง เช่น การสระผมบ่อยเกินไป หรือสระผมน้อยเกินไป สระผมไม่ถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับเส้นผม หรือขาดการบำรุงดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

ปัญหาผมมันไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะบุคลิกภาพเท่านั้น แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะอื่นๆตามมา ทั้งรูขุมขนอุดตัน สิวหรือเซบเดิร์ม และเป็นสาเหตุของผมร่วงได้
นามนินมีทริคง่ายๆที่รับรองว่าใครๆก็ทำตามได้ เพื่อแก้ปัญหาผมมันกวนใจค่ะ

การสระผมอย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แชมพูสำหรับผมมันโดยเฉพาะ เน้นการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความชุ่มชื้นมากเกินไป ใช้แชมพูในปริมาณที่เหมาะสมทำความสะอาดบริเวณรากผมและหนังศีรษะ นวดอย่างเบามือจากโคนจรดปลายผม และล้างออกให้สะอาด ไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง การใช้ครีมนวดผม ควรชะโลมครีมนวดเฉพาะเส้นผม ไม่ให้สัมผัสหนังศีรษะโดยตรง เพราะการใช้ครีมนวดผมที่ไม่เหมาะสมหรือล้างออกไม่หมดจะทำให้ผมมันเร็วขึ้น
เว้นระยะเวลาการสระผมอย่างเหมาะสม ไม่บ่อยเกินไปหรือทิ้งระยะนานเกินไป หากเคยสระผมทุกวันแล้วรู้สึกว่าผมมัน ก็ลองปรับเป็นสระผมวันเว้นวัน รวมถึงลองเปลี่ยนแชมพูและครีมนวดที่ช่วยลดความมันของเส้นผมและหนังศีรษะร่วมด้วย



การรักษาความสะอาดของเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น หวี ผ้าขนหนู หมวกคลุมผม โดยเฉพาะหวีที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจเป็นแหล่งสะสมของน้ำมันหรือสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เป็นสาเหตุของผมมันและสกปรกได้
การบำรุงและดูแลเส้นผมอย่างอ่อนโยน มีทั้งที่ทำได้ง่ายๆด้วยตัวเอง ในขั้นตอนของการสระผม หวีผม จัดแต่งทรงผม และการดูแลเส้นผมในระหว่างวัน เพียงลดความรุนแรงลง และไม่เกา ดึง ลูบผม เสยผมมากเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองจนต่อมไขมันผลิตซีบัมออกมามากเกินไปได้ แต่หากต้องการการดูแลที่ล้ำลึก อ่อนโยนจากผู้เชี่ยวชาญ นามนินขอแนะนำ Namnin Perfect Hair Treatment ที่ผสานการศาสตร์การนวดหนังศีรษะและการทรีทเม้นท์ผมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างอ่อนโยนและล้ำลึก



     Namnin Perfect Hair Treatment คือโปรแกรม Treatment กึ่งสปาแบบครบวงจร ผสานศาสตร์การนวดบำรุงหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ร่วมกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ทำความสะอาดผมได้อย่างล้ำลึกโดยไม่เพิ่มความมันให้แก่เส้นผม หลังเข้ารับบริการให้ความรู้สึกสะอาด เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม



ในขั้นตอนแรก ผู้เชี่ยวชาญจะนวดศีรษะด้วย Organic Oil  ช่วยชะล้างสิ่งตกค้าง คราบไขมันและฝุ่นละอองบนหนังศีรษะ สะอาด อ่อนโยน ผ่อนคลาย จากนั้นสระผมด้วย Mojelim Elixir Shampoo นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของเกาหลี ช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยให้เส้นผมเงางาม และนวดผมด้วย Mojelim Elixir Treatment ที่อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ลดอาการแห้งเสีย เส้นผมมีน้ำหนัก เงางาม



ขั้นตอนสุดท้าย ซับผมให้แห้งหมาดและนวดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเซรั่ม NEAT HAIRNUE Elixir Hair Serum ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% ช่วยลดการอักเสบของหนังศีรษะ ปรับสมดุล ลดการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พิถีพิถันแม้กระทั่งการเป่าผมให้แห้งด้วยลมเย็นบริเวณหนังศีรษะและใช้ลมอุ่นๆบริเวณปลายผม และปิดท้ายด้วยการลงเซรั่มบำรุงปลายผม

หากลองเข้ารับบริการแล้วประทับใจ ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมไปใช้ดูแลตนเองต่อที่บ้านได้ เพื่อเส้นผมและหนังศีรษะจะได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ค่ะ

ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่ผมมันมาก มีรังแค รูขุมขนอุดตัน หรือเป็นเซบเดิร์มร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุดโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาผมร่วง ผมบางที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ 

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

เช็คสัญญาณเตือน “ผมบาง ผมล้าน”
โดยทั่วไปแล้ว อาการผมร่วง ผมบาง จนไปสู่ภาวะล้าน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อเรายังอายุน้อย ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถสังเกตพบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่ระยะที่อาการยังไม่รุนแรง และหากสังเกตพบเร็ว บวกกับพาตนเองเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมได้เร็ว แน่นอนว่า โอกาสในการรักษา หรือการเข้ารับบริการปลูกผมใหม่ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นได้เหมือนเดิม ก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งยังมีโอกาสวางแผนป้องกันอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้นด้วย

...มารู้จักกับสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเช็คสถานะเส้นผมของตนเอง ว่าเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วหรือยัง...

1
ผมร่วง ถือเป็นภาวะปกติของร่างกาย โดยในทุก ๆ วัน เส้นผมที่มาถึงระยะสิ้นสุดของวงจรชีวิตผมแล้ว จะหลุดร่วงไปตามธรรมชาติ ประมาณ 70 – 100 เส้นต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณผมทั้งศีรษะที่มีอยู่ 90,000 – 140,000 เส้น ก็นับว่าเป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าลองสังเกตที่หวี หมอน หรือพื้นห้องน้ำ แล้วรู้สึกว่าผมร่วงในจำนวนที่มากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าเราอาจจะเริ่มมีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแล้ว

2
ทุกเช้าที่เราส่องกระจก ลองสังเกตแนวผมบริเวณหน้าผากเสียหน่อย ว่าเริ่มถอยร่นลึกเข้าไป จนเห็นพื้นที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยัง เราอาจจะลองวัดระยะจากกลางหว่างคิ้ว ตรงขึ้นไปจนถึงจุดกึ่งกลางของแนวไรผม ซึ่งไม่ควรจะกว้างเกินกว่า 6.5 เซนติเมตร

ที่สำคัญ ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดแนวผมรูป M Shape เนื่องจากอาการผมบางจะเกิดบริเวณขมับสองข้างก่อนเพื่อน ถ้าเราลองวัดระยะเฉียงจากหัวคิ้วออกไปถึงแนวผมบริเวณขมับที่อยู่ข้างเดียวกัน โดยวัดถึงจุดที่เว้าลึกเป็นรูปตัว M เข้าไปมากที่สุด หากมีระยะห่างเกิน 8 เซนติเมตร ก็เรียกได้ว่าอาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน

3
ผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยมากแล้วมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะขยายกลายเป็นอาการผมล้าน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่า ผู้ชายชาวเอเชียจะพบอาการผมบางกลางศีรษะมากกว่าแนวผมด้านหน้า 

4
ผมค่อย ๆ บางลงพร้อม ๆ กันทั่วทั้งศีรษะ กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะรูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางนั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกคนได้แบบฟรีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งรูปแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 

5
ขณะที่หวีผม หรือจัดแต่งทรงผม อย่าลืมให้ความสำคัญกับรอยแสกผมกลางศีรษะ ที่อาจจะเริ่มขยายกว้าง จนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสังเกตอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ซึ่งถ้ารอยแสกนั้นมีระยะห่างเกิน 1 เซนติเมตร ถือว่าเริ่มมีอาการผมบางแล้วล่ะ 

6
ผมยาวช้าลง เมื่อเทียบกับในอดีต โดยปกติแล้ว ผมของคนเราจะยาวขึ้นปีละ 6 นิ้ว แต่ถ้าใครสังเกตได้ว่า เข้าร้านตัดผมครั้งนี้ ดูเหมือนใช้เวลานานขึ้นกว่าผมจะยาวเท่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของต่อมรากผมอาจจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายขึ้นไปตามวัย


และสุดท้าย สัญญาณเตือนผมร่วง ผมบาง อาจมาในรูปแบบเสียงทักถามด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว ซึ่งอาจสังเกตเห็นความปกติของเส้นผมได้ง่ายกว่าตัวเราเอง อย่าลืมลองเช็คซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ เพื่อจะได้เริ่มต้นดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่พลาดโอกาสคืนความหนาแน่นและแข็งแรงของเส้นผมให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะสายเกินไปนั่นเอง

บำรุงผมขั้นสุด ด้วย Booster นวัตกรรมขั้นสูง
นอกจากบริการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิคขั้นสูง โดยคุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น (คุณหมอนิน) แพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านเส้นผมแล้ว นามนิน คลินิก ยังมีบริการบำรุงผมชั้นลึกด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Premium Hair Booster ซึ่งที่มาของความ Premium นั้นก็คือการที่คุณหมอนินเป็นผู้พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นตัวช่วยระดับท็อปในการ Boost ผมให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดีได้อีกครั้ง

Premium Hair Booster เหมาะสำหรับใคร
นวัตกรรมบำรุงผมขั้นสุด Premium Hair Booster ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนรักเส้นผมทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูดูแลผม ผมร่วง ผมบาง ผมบางผู้หญิงให้กลับมาสุขภาพดีจากภายใน และยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีปัญหาผมร่วงและผมบางในระยะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร หรือการใช้สารเคมีในการแต่งผม 

ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมใหม่ ก็สามารถรับบริการ Premium Hair Booster เพื่อคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผมที่คุณรักได้ รวมถึงผู้ที่เข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ต้องการเสริมความแข็งแรงและความหนาแน่นของเส้นผมขึ้นไปอีกระดับ ก็สามารถพิสูจน์พลังบำรุงของ Premium Hair Booster ได้เช่นกัน


นวัตกรรมขั้นสูง
Premium Hair Booster การบำรุงผมอย่างล้ำลึก  ที่ผนึกกำลัง สารชีวโมเลกุล สารบำรุงโปรตีน และวิตามินต่าง ๆ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของนามนิน พุ่งตรงเข้ากระตุ้นการทำงานของรากผมอย่างตรงจุด  ลดการหลุดร่วงของเส้นผม เสริมสร้างผมใหม่ให้แข็งแรง สัมผัสประสบการณ์การฟื้นฟูบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...

ปลอดภัย ใช้ชีวิตได้ปกติ
Premium Hair Booster มีความปลอดภัยและให้ความสะดวกสบายสูงสุดระดับ Premium ด้วยเช่นกัน เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะ เพื่อตรงเข้าซ่อมแซมรากผมที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างรากผมใหม่ โดยไม่มีอาการเจ็บ ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการใช้ชีวิตได้ปกติ 

รู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
Premium Hair Booster จะทำงานโดยการส่งอนุภาคขนาดเล็กเข้าไปช่วยเสริมสร้างและยับยั้งกลไกการอักเสบต่าง ๆ  รวมถึงชะลอความเสื่อม ดูแลรากผมให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนี้

  • อาการผมร่วง เริ่มลดลง
  • รากผมเริ่มกลับมางอกใหม่ ทำให้เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นมา
  • เส้นผมจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความหนาแน่นขึ้น
  • เส้นผมที่ดูอ่อนแอ ขาดการบำรุง เริ่มแข็งแรง ดกดำ เงางาม สุขภาพดี 

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แนะนำควรรับบริการ อย่างน้อย 3 ครั้ง 

 Premium Hair Booster นำเทคโนโลยีการบำรุงดูแลเส้นผมใหม่ล่าสุดด้วยสูตรเฉพาะของนามนิน และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผมสุขภาพดีจากภายใน ด้วยความใส่ใจของคุณหมอนิน ... คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การฟื้นบำรุงเส้นผมที่แตกต่างจนคุณรู้สึกได้ และหาไม่ได้จากที่ไหนอย่างแน่นอน...











“ผมบาง” รักษาจบ ครบทุกมิติ
ภาวะผมร่วง ผมบาง เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำให้หมดความมั่นใจในรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ รวมถึงความอ่อนเยาว์ชวนมอง สาเหตุของปัญหาผมเหล่านี้ มีที่มาค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเครียด พฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน สิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ การขาดสารอาหาร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง และตัวการสำคัญอย่าง “พันธุกรรม” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ที่พบได้มากถึงร้อยละ 90 จากบรรดาสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา

ที่นามนิน คนไข้สามารถเข้ามาพบและพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนในเบื้องต้น เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของภาวะผมร่วงและผมบางที่กำลังเผชิญอยู่ และสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง ครบทุกมิติการดูแลรักษาบนมาตรฐานการแพทย์ เป็นต้นว่า หากพบว่าโรคใดโรคหนึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาผม แพทย์จะแนะนำให้รักษาโรคก่อน เพื่อเป็นการชะลอหรือหยุดการหลุดร่วงของเส้นผมเพิ่มเติม จากนั้นจึงเริ่มแก้ไขปัญหาผมเพื่อเติมเต็มผมในจุดที่ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดีกว่าที่เคย

ทั้งนี้ นามนินขอนำเสนอโปรแกรมการรักษาที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของเส้นผมได้อย่างตรงจุด 


ปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT
NEAT คือชื่อของเทคนิคที่แพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาขึ้น จนกลายเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความชำนาญด้านการปลูกผมของแพทย์ ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่คนไข้เองทุกกราฟต์ ด้วยความใส่ใจและละเอียดประณีตระดับเส้นต่อเส้น ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคล ขึ้นอยู่กับลักษณะปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกันไปของคนไข้ เรียกได้ว่า เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ โดยทั้งหมดอยู่บนมาตรฐานคุณภาพระดับสากล ภายใต้การดูแลอย่างพิถีพิถันของแพทย์

ความโดดเด่นอีกข้อหนึ่ง ยังเป็นเรื่องของเทคนิคที่นามนินต่อยอดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายและเป้าหมายความงามของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามสัดส่วนทองคำหรือ Golden Ratio เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันได ที่สามารถซ่อนแผลได้เนียนกริบ และเทคนิคการปลูกผมแทรก ที่แพทย์จะคำนึงถึงขนาดและความหนาบางของเส้นผม ความโค้งของเส้นผม ในการเลือกกราฟต์ผมมาปักใหม่ และยังปักกราฟต์ผมให้ได้องศาและทิศทางที่เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม จนได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 


Premium Hair Booster Treatment
เป็นนวัตกรรมบำรุงผมชั้นลึก ที่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาภาวะผมบางอยู่ในระยะเริ่มต้น อาศัยพลังการฟื้นฟูดูแลจาก Exosome สารชีวโมเลกุลจากสเต็มเซลล์ที่มีขนาดเล็กระดับนาโน จึงตรงเข้าบูสต์เซลล์ผมให้เกิดการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังเสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ผสานพลังกันกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม เพื่อช่วยลดอาการผมร่วง และเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผมจากภายใน คนไข้ยังสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ผมสวยและหนาแน่นขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก 

Hair Growth Treatment
อีกหนึ่งนวัตกรรมฟื้นคืนวงจรชีวิตเส้นผมถึงระดับเซลล์ พร้อมการันตีความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor จากเกล็ดเลือดที่เก็บจากตัวผู้เข้ารับบริการเอง โดยนำเลือดที่เก็บจากข้อพับแขน มาแยกชั้นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร ตลอดขั้นตอนการให้บริการจะไม่มีการเติมสารเคมีใด ๆ และไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด เพราะแพทย์จะฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น ที่เสริมด้วยวิตามินมากคุณประโยชน์ เข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง แล้วปล่อยให้ Growth Factor และวิตามิน จับมือกันทำงานในการตรงเข้าบำรุงหนังศีรษะ ซ่อมแซมและฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง พร้อมกระตุ้นเซลล์รากผมให้สร้างเส้นผมใหม่ที่จะไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป


ทั้ง Premium Hair Booster Treatment และ Hair Growth Treatment นับเป็นส่วนหนึ่งของ Namnin Anti Thinning Hair Program หรือโปรแกรมเพื่อการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงและผมบาง ที่นามนินออกแบบและพัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับบริการในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการเข้ารับการปลูกผม ก็สามารถรับมือกับปัญหาผมร่วงและผมบางด้วย Treatment เหล่านี้อย่างได้ผลเช่นกัน

ที่สำคัญ แผนการรักษาเหล่านี้ จะเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์ผู้ชำนาญกับคนไข้เจ้าของเส้นผม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบสนองความต้องการของคนไข้ได้อย่างตรงจุดตรงใจ และตอบโจทย์การรักษาตามมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ



ฟื้นฟูเซลล์ผมระดับนาโน ด้วย Premium Hair Booster
Premium Hair Booster คือนวัตกรรมบำรุงผมชั้นลึก ด้วยอนุภาคเล็กระดับนาโนผสานพลังกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ช่วยบูสต์กระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน



นี่คือนวัตกรรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น Premium Hair Booster อาศัยพลังการฟื้นฟูดูแลแบบเต็มขั้นจาก Exosome สารชีวโมเลกุลนับพันชนิดและโปรตีนอีกหลายประเภทซึ่งมีขนาดเล็กระดับนาโน กระตุ้นให้เซลล์รากผมเกิดการซ่อมแซมตัวเอง และสามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มที่ มาพร้อมกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ที่จะช่วยกันเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม และลดอาการผมหลุดร่วง โดยสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์อย่างชัดเจนได้ตั้งแต่การทำครั้งแรก


Booster สูตรเฉพาะที่พัฒนาโดยนามนิน

นามนินพัฒนาต่อยอดเพื่อให้ Exosome ใน Premium Hair Booster สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีความปลอดภัยสูง และสะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับบริการ เพียงใช้วิธีการฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยไม่ทิ้งรอยแผลและปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งยังสามารถรับบริการพร้อมกับ Treatment อื่น ๆ ได้ในคราวเดียว



บอกลาผมร่วง ด้วยผลลัพธ์ระดับ Premium 

Exosome จะตรงเข้าฟื้นฟูเซลล์ลึกถึงระดับยีน ส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอขาดการบำรุงกลับมาแข็งแรง กระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ จนอาการผมร่วงลดลงภายใน 3 – 7 วัน และสามารถสังเกตเห็นเส้นผมอ่อนเริ่มงอกขึ้นใหม่ภายใน 1 – 3 เดือน อีกทั้งช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น แลดูหนาแน่นขึ้นภายใน 2 – 4 เดือน และยังบำรุงผมให้ดูดกดำ เงางาม สุขภาพดีกว่าที่เคย



Premium Hair Booster เหมาะกับใคร

สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วงและผมบาง ไม่ว่าจะเกิดจากการใช้สารเคมีตกแต่งผม จากกรรมพันธุ์ จากภาวะทางสุขภาพ จากการขาดสารอาหาร จากความเครียด หรือเป็นผู้ที่ปลูกผมแล้วแต่ต้องการเสริมความแข็งแรงของรากผมและความหนาแน่นของเส้นผม สามารถลองพิสูจน์ความมหัศจรรย์และสังเกตผลลัพธ์เหล่านี้ได้

  • อาการผมร่วงลดลงภายใน 3-7 วัน
  • เส้นผมอ่อนเริ่มขึ้นใหม่ภายใน 1-3 เดือน
  • เส้นผมมีขนาดใหญ่และหนาแน่นขึ้นภายใน 2-4 เดือน




ที่สำคัญ การใช้ Exosome ในการรักษาดูแลผู้ที่มีภาวะผมร่วงและผมบาง ถือเป็นเทคโนโลยีที่ให้ประสิทธิภาพสูง สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 1-3 ครั้งแรกที่ใช้ หรือตั้งแต่ 1-3 เดือนหลังฉีดครั้งแรก และเห็นผลชัดเจนที่สุดช่วง 6-9 เดือนหลังฉีด อีกทั้งการใช้วิธีฉีดเข้าบริเวณหนังศีรษะ ยังเป็นวิธีที่สะดวกสบาย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ และไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง


Premium Hair Booster นับเป็นนวัตกรรมการรักษาที่สามารถรับบริการพร้อมกับ  Treatment อื่น ๆ ได้ด้วย ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ที่ออกแบบโปรแกรมการรักษาให้เหมาะกับปัญหาเส้นผมของแต่ละบุคคล สามรถเข้ามาปรึกษาและให้แพทย์นามนินวินิจฉัยและออกแบบแนวทางการรักษาได้เพื่อให้ตอบโจทย์คนรักเส้นผมเช่นคุณได้มากที่สุด 

สอบถาม ปรึกษา Line @namninclinic
สาขาพหลโยธิน 34 Tel. 093-093-5639
สาขามหาสารคาม   Tel. 095-610-9954
เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ปลูกผม“ครั้งแรก”เลือกให้ดีที่สุด
“ปลูกผมครั้งแรก” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่พอควรสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อคุณตอบคำถามแรกของตัวเองได้แล้วว่า จะลองปลูกผมดีหรือไม่ คำถามต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกปลูกผมครั้งแรกอย่างไรให้ “ดีที่สุด”

นี่เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการการปลูกผมแบบถาวร ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เวลาไปกับการศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นถูกต้องแล้ว!! การเลือกปลูกผมครั้งแรกที่ไหนและอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ง่าย และไม่ควรง่ายด้วย!! เพราะการปลูกผมครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เส้นผมบนศีรษะของคุณจะเป็นอย่างไรทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกผมครั้งแรกนี่เอง 

ทำไมเราจึงย้ำหลายครั้งถึง “ความสำคัญ” ของการ “ปลูกผมครั้งแรก” ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม ไม่ใช่การนำเส้นผมจากใครที่ไหนก็ได้มาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของเรา แต่จะต้องเป็นผมจากร่างกายของเราเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมทั่วทั้งศีรษะที่จะนำมาปลูกใหม่ได้ แต่จะต้องเป็นผมจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะเท่านั้น อย่าลืมลองจินตนาการเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า แต่ละคนมีปัญหาสุขภาพผม รวมถึงอาการผมร่วงและผมบางรุนแรงไม่เท่ากัน “ทรัพยากรผมต้นทุน” ที่จะสามารถนำไปปลูกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละคน จึงมากน้อยต่างกันตามไปด้วย 



เมื่อทรัพยากรผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ของคนเรามีอยู่อย่างจำกัด การบริหารจัดการผมต้นทุนเพื่อนำมาปลูกใหม่อย่างรอบคอบและเหมาะสมตั้งแต่การปลูกครั้งแรก จึงเป็นหัวใจของการรักษา ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด และต้อง “เลือก” แนวทางการรักษาที่ใช่ ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

มาทำความเข้าใจธรรมชาติของผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone กันอีกสักนิด Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม ซึ่งผมมีความแข็งแรง ไม่ลีบแบน เรียงตัวค่อนข้างหนาแน่น และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดย Safe Zone คือพื้นที่ผมบริเวณท้ายทอย ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว สังเกตง่าย ๆ ว่า คุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงและผมล้าน มักจะหลงเหลือผมตรงท้ายทอยด้านหลังอยู่เป็นบริเวณสุดท้ายนั่นเอง 

เหตุผลที่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมในบริเวณอื่น ๆ นั้น ก็เพราะรากผมบริเวณนี้ ไม่ ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะของเรามีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน แบบที่เราพบได้ทั่ว ๆ ไป 

โชคดีที่ DHT ไม่สามารถทำลายรากผมบริเวณ Safe Zone ได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปทำลายได้ช้ากว่าบริเวณอื่น เราจึงยังเหลือเส้นผมคุณภาพดีที่สามารถนำไปปลูกแบบถาวรในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ ทั้งยังคงคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT ไม่ว่าจะย้ายไปปลูกใหม่ยังส่วนไหนก็ตามอีกด้วย ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เติบโต หลุดร่วง และงอกใหม่ได้ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากเราลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์ จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟต์โดยประมาณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่เหมาะสมที่สุด ก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ ซึ่งจะต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อย้ายเส้นผมออกจากบริเวณ Safe Zone แล้ว บริเวณนั้นจะต้องไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเสียจนดูบางเกินไป ที่สำคัญ ยังต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะต้องพึ่งพาผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ อีกทั้งถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการปลูกผมครั้งแรก การแก้ไขอาจเป็นเรื่องยาก และแน่นอนว่าคงไม่ได้ผลดีเท่าเดิม 

ดังนั้นแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกผมครั้งแรก เนื่องจากทรัพยากรผมต้นทุนที่มีอยู่จำกัด ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด รวมถึงหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่า ปลูกผมที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน แพทย์ก็คงใช้หลักการและเทคนิคไม่ต่างกัน ทำให้หลายคนใช้ปัจจัยด้านตัวเลขค่ารักษาเป็นตัวตัดสิน แต่ที่จริงแล้ว การปลูกผมครั้งแรกให้ดีที่สุดนั้น มีปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามมากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางการปลูกผมมาไว้ให้ตรงนี้แล้ว


1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ถ้าใครคิดว่าปลูกผมที่ไหนก็เหมือนกัน เราขอชวนให้ลองคิดใหม่ เพราะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพผมแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน จะดีแค่ไหนหากเราได้แก้ปัญหาผมกับแพทย์ที่รู้ลึก รู้จริง แพทย์ที่เข้าใจว่าปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ที่มองเห็นความแตกต่างของปัญหาเหล่านั้น และสามารถวิเคราะห์หรือออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ แบบไม่มีซ้ำกัน

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ควรยกให้คนไข้เป็นศูนย์กลางในการรักษา โดยเริ่มต้นจากการรับฟังปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และในการปลูกผมยังเป็นผู้ที่ลงมือปลูกเส้นต่อเส้นด้วยตนเอง   ยังสามารถตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้และเรียกคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันกลับมาได้ด้วย


2. เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม

นอกจากฝีมือหรือความชำนาญของแพทย์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปลูกผมเช่นกัน เราจึงควรมองหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ เครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีขนาดเล็กพิเศษจนสามารถช่วยให้แพทย์ลงมือปลูกผมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางทิศทางและองศาผม การประมาณความลึกในการปัก การกระจายกราฟต์ผมให้หนาแน่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี


3. วิธีการและเทคนิคในการปลูกผม

การปลูกผมถาวร แบบ FUT หรือ FUE นั้น อาจจะมีหลักการทั่วไปที่ไม่แตกต่างกันนักในแพทย์แต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอย อาจทำให้คนไข้ต้องคอยกังวลกับการปกปิดรอยแผลด้านหลัง ซึ่งเทคนิคการซ่อนแผลของแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ขณะเดียวกัน การปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ผมบาง อาจทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างเส้นผมใหม่และเก่าค่อนข้างชัดเจน ซึ่งแพทย์ก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการปลูกผมให้กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกได้เช่นกัน 


4. ความใส่ใจในการรักษา

นี่อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเส้นทางการรักษา ลองมองหาสถานบริการหรือแพทย์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลเส้นผมของเราอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการพูดคุยก่อนออกแบบวิธีการรักษา หรือการดูแลติดตามผลหลังการปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการปลูกนั้น แพทย์ที่ใส่ใจจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองอย่างประณีตทุก ๆ เส้น เพื่อควบคุมคุณภาพการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมพร้อมให้คนไข้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันดังเดิมได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุดด้วย


5. การดูแลหลังการปลูกผม

นอกเหนือจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามารับการปลูกผม รวมถึงให้ข้อมูลที่ชัดเจนตลอดการรักษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัยและความกังวลใจของคนไข้แล้ว เราควรพิจารณาถึงบริการดูแลหลังการปลูกผมด้วย เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องอาศัยเวลาถึง 1 ปีเต็มเพื่อให้เส้นผมเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในระหว่าง 1 ปีนั้น คนไข้ควรได้รับคำแนะนำ การเอาใจใส่ และการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเตรียมบริการ Treatment กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยและช่วยเสริมให้เกิดผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น แข็งแรงสมบูรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ Checklists สำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการปลูกผม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี และอยู่คู่กับหนังศีรษะของคุณไปได้อีกยาวนาน 

“ผมบาง” เพราะชอบ “ดึง” ?? อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช
ในบางครั้ง ภาวะผมร่วงและผมบาง ก็ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากปัญหาพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจก็เป็นได้ หลาย ๆ คนอาจสังเกตว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมชอบ “ดึงผม” หรือ “ถอนผม” ตัวเองบ่อย ๆ บางคนมักจะดึงผมเวลาที่ต้องใช้ความคิดหรือรู้สึกเครียด ขณะที่บางคนก็ชอบดึงผมขณะกำลังเพลิดเพลินกับการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจก็มี มารู้ตัวอีกที ผมบริเวณนั้นก็อาจจะบางลงไปเยอะแล้ว ...ทราบหรือไม่ว่า นิสัยชอบดึงผมเช่นนี้ เป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช ที่มีชื่อว่า Trichotillomania หรือ Hair-pulling disorder นั่นเอง...

“โรคดึงผมตนเอง” คือภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดึงหรือถอนผมตนเองซ้ำ ๆ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชแบบย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ความเครียด ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากสมาชิกในครอบครัว 

นอกจากเส้นผมแล้ว ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีพฤติกรรมดึงขนบริเวณอื่น ๆ อย่างเช่น ขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราก็ได้ด้วย แม้ว่าอาการของโรคอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาวะจิตใจ แต่โรคนี้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงไม่มาก 


หากต้องการสังเกตอาการของ “โรคดึงผมตนเอง” ให้ละเอียดขึ้น ลักษณะของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

การดึงผมแบบรู้ตัว 
นั่นคือผู้ป่วยจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับการดึงผมตัวเอง บางคนก็อาจจะมีความเครียดหรือกังวลสะสมอยู่ ขณะที่บางคนรู้สึกคันและไม่สบายหนังศีรษะ หรือแค่เห็นว่าเส้นผมไม่เรียบ เมื่อดึงผมออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลาย และสบายใจมากขึ้น

การดึงผมแบบไม่รู้ตัว 
มักเกิดระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือทำงาน แล้วเผลอเอามือไปดึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงผมทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวผสมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ติดต่อกันนาน ๆ แต่จะเป็นการดึงซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เรื่อย ๆ ซึ่งในผู้ป่วยบางคนอาจไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาการดังกล่าวก็เป็นได้

สำหรับผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมการดึงผมเช่นนี้ แน่นอนว่าการยกมือขึ้นมาดึงผมอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้เสียบุคลิกภาพ ตามมาด้วยความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเส้นผมเข้าไปด้วยจนส่งผลเสียต่อระบบลำไส้ ที่สำคัญ เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดึงผมนาน ๆ อาจทำให้เส้นผมบริเวณนั้นมีรูปทรงผิดปกติ ไม่แข็งแรง เนื่องจากอาการอักเสบของหนังศีรษะที่ถูกทำร้ายบ่อย ๆ รวมไปถึงการเกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ได้

ผู้ป่วยด้วย “โรคดึงผมตนเอง” สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาไปตามลำดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ หรือมีพฤติกรรมดึงผมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ตั้งใจ จำเป็นต้องทำให้ผู้ป่วยทราบและยอมรับเสียก่อนว่าเป็นโรค จึงจะสามารถเริ่มต้นควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้

  • ตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง ช่วยกันสังเกตว่าพฤติกรรมการดึงผมมักเกิดขึ้นเวลาไหน เช่น เวลาเบื่อ เศร้า หรือเครียด และเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด หรือระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไร เพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้วิธีต่อว่าหรือตำหนิผู้ป่วยแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีพฤติกรรมการดึงผมถี่ขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้วิธีการเตือนอย่างเหมาะสม

การพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนหายจากโรคได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจต้องการการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการหรือค้นหาความผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีรักษาโดยการให้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ “โรคดึงผมตนเอง” ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากอาการในวัยเด็กหรือวัยรุ่น สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ ก็คือ “การปลูกผม” โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเติมเต็มเส้นผมบริเวณที่ถูกดึงหายไป ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยพร้อมที่จะทำการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกันนั่นเอง