SPOTLIGHT
ประสบการณ์จริงจากผู้ปลูกผม
Tag : ผมร่วง
ปลูกผม + ฉีดบำรุง สองพลังฟื้นผมวัย 60+
แม้จะเกษียณตัวเองจากงานประจำอันแสนวุ่นวายไปแล้ว แต่คุณธนาวุฒิ กองทรัพย์สกุล วัย 62 ปี ซึ่งผันตัวมาประกอบธุรกิจส่วนตัว กลับไม่ได้มองว่า ...ไม่ได้ทำงานแล้ว จะปลูกผมใหม่ไปทำไม... อย่างเช่นที่หลาย ๆ คนคิด ตรงกันข้าม คุณธนาวุฒิไม่ทิ้งความตั้งใจแต่เดิมว่า ...ถ้ามีโอกาส อยากจะลองปลูกผมให้ได้... และนั่นก็เป็นที่มาของการปลูกผมใหม่ เพื่อเปลี่ยนคนใหม่ และคืนความมั่นใจให้ตัวเองได้อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ คุณธนาวุฒิแทบไม่สังเกตเลยว่า ผมค่อย ๆ ร่วงและบางลง ๆ จนกระทั่งอยู่ในวัยใกล้เกษียณ 

“เมื่อก่อนเราเคยผมเยอะ ตอนเรียนก็ไว้ผมยาว พออายุเยอะเลยเริ่มบาง แต่ตอนทำงาน ไม่มีเวลาดูแลตัวเองเท่าไหร่ ต้องตื่นเช้ากลับมืด พอรู้ตัวว่าใกล้เกษียณ มาดูอีกที ผมมันก็ร่วงไปเยอะ แล้วเราไม่ได้ไปดูแลรักษา ไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจัง”

และปัญหาผมที่คุณธนาวุฒิเป็นกังวล ก็ไม่ได้มีเพียงจุดเดียว แต่เป็นสองจุดพร้อม ๆ กัน คือทั้งด้านหน้าบริเวณแนวผมเหนือหน้าผาก และบริเวณกลางศีรษะ 


“ปัญหาจริง ๆ คือตรงกลางศีรษะมันบาง และด้านหน้ามันจะร่นสูงขึ้นไป ไม่ได้เป็นตัว M แต่เป็นแนวตรง ๆ เมื่อก่อนเป็นคนหน้าผากกว้างอยู่แล้ว พอผมเริ่มบาง เลยเหมือนขึ้นไปเยอะ
ที่ผมสนใจคือด้านหน้า เพราะถ่ายรูปแล้วดูไม่สวย ดูไม่เหมือนเดิม บางทีผมไปต่างประเทศ เวลาถ่ายรูปกลับมา ก็ต้องหาหมวกมาใส่ มันก็ลำบาก ความมั่นใจมันลดลง”

นั่นทำให้คุณธนาวุฒิเริ่มศึกษาและหาข้อมูลเรื่องการปลูกผม และตัดสินใจเลือกจบปัญหาผมที่ “นามนิน” ในที่สุด

“ผมคิดมาตั้งแต่ก่อนจะเกษียณ เป็นความตั้งใจอยู่แล้ว ติดตามคุณหมอนินมาตั้งแต่ยังอยู่ที่เก่า ประทับใจที่นี่จากที่เห็นในสื่อว่าเป็นการปลูกผมที่แผลเล็ก ทำงานได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น ที่สำคัญ คุณหมอนินเป็นอาจารย์หมอ เปิดคอร์สสอนหมอปลูกผมด้วย ก็เลยเลือกที่นี่ เพราะผมว่ามันคุ้มกว่า แทนที่จะไปเสี่ยงกับที่อื่น”

ในวันแรกที่เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน คุณหมอได้ลองวิเคราะห์ปัญหา ประเมินกราฟต์ผมต้นทุน รวมถึงแนะนำแนวทางการรักษา และแนะนำการปลูกผมเทคนิค NEAT พร้อมเปิดโอกาสให้คุณธนาวุฒิได้สะท้อนความต้องการของตัวเองอย่างเต็มที่



“ผมบอกคุณหมอว่าอยากเน้นผมด้านหน้า ก็วาดรูปให้คุณหมอดู อยากได้แบบนี้ ซึ่งคุณหมอก็แนะนำว่าถ้า Hairline หรือแนวผมใหม่ลงมาต่ำมากเกินไป จะไปติดกับกล้ามเนื้อ เวลาเลิกคิ้วหรือขยับใบหน้าจะไม่เป็นธรรมชาติ ผมก็เลยเอาตามที่คุณหมอเห็นว่าดีที่สุด ก็ตัดสินใจจะทำตั้งแต่วันนั้นเลย”

คุณหมอนินจึงออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกันกับคนไข้ ด้วยการปลูกผมใหม่บริเวณแนวผมด้านหน้า และเสริมด้วยทรีทเม้นท์ Hair Growth Treatment พร้อมกับการใช้เซรั่มบำรุงเส้นผม ELIXIR HAIR SERUM BY NEAT HAIRNUE ควบคู่กับการทานวิตามิน VITA H และยารักษาภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมนเพศชาย เพื่อแก้ปัญหาผมบางบริเวณกลางศีรษะ ๆ เรียกได้ว่าเป็นการรวมพลังเพื่อตอบโจทย์การดูแลผมได้อย่างตรงจุด

“วันปลูกผม ผมไม่กลัวเลย เพราะผมศึกษามาค่อนข้างเยอะ ก็นอนให้ทำแบบชิล ๆ เลย ตอนถอนตอนปลูกไม่เจ็บอะไรเลย คุณหมอนินปลูกให้เองทุกกราฟต์ ก็ดีครับ ทำด้วยมือคุณหมอดีกว่า น่าจะชัวร์กว่า มั่นใจกว่า ซึ่งพอทำเสร็จ ด้วยอุปกรณ์ implanter ขนาดเล็ก แผลมันก็จะเล็กมากจริง ๆ”

เมื่อปลูกผมเสร็จ คุณธนาวุฒิยังสามารถขับรถกลับบ้านพร้อมครอบครัวได้ทันที ไม่มีอาการมึนหัวหรือช้ำบวม เพียงใส่หมวกคลุมผม ใช้หมอนรองคอเพื่อนอนหัวสูง และคอยระวังไม่ให้กราฟต์ผมหลุดตามที่คุณหมอแนะนำเท่านั้น 





หลังจากคุณธนาวุฒิเข้ารับการปลูกผมเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ทางนามนินก็ดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด พร้อมบริการ Treatment และชุดผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ ที่บ้าน รวมถึงวิตามิน VITA H และยาบำรุงต่าง ๆ ด้วย ซึ่งผลลัพธ์ของการปลูกผม + ฉีด Hair Growth Treatment  เพื่อคืนผมหนาแน่นแบบคูณสอง ก็ประสบความสำเร็จอย่างที่คาด 

“ผมพอใจเลย จากที่ไปหาคุณหมอล่าสุดเมื่อตอนครบแปดเดือน คุณหมอบอกว่ามันยังขึ้นได้อีกนะ ใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง ที่เราปลูกไว้จึงจะสมบูรณ์จริง ๆ ด้านหน้าก็หนาแน่นขึ้นเยอะเลย ส่วนตรงกลางศีรษะ คุณหมอบอกว่าที่มันบาง ๆ ก็ไม่บางแล้ว ผลลัพธ์ดี ผมใหม่ขึ้นเยอะ นัดตรวจดูทุกครั้งก็ดีขึ้นทุกครั้ง”

และผมใหม่ก็คืนกลับมาพร้อมกับความมั่นใจและการใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องคอยกังวลเรื่องปัญหาผมอีกต่อไป

“เรื่องบุคลิกภาพ ช่วยแน่นอนครับ รูปหน้าก็เปลี่ยน ดูหนุ่มขึ้นระดับหนึ่ง เมื่อก่อนตอนผมน้อยต้องส่องกระจกบ่อย ๆ คอยดูว่าผมเป็นยังไง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว การเซ็ตผมก็ง่าย ไม่ต้องไปทำอะไร ออกจากบ้านได้เลย ถ่ายรูปก็มั่นใจขึ้น”

คุณธนาวุฒิยังอุ่นใจที่คุณหมอนินช่วยตรวจเช็คให้ว่า ผมต้นทุนด้านหลังยังมีเหลืออยู่เยอะพอควร หากวันหน้าผมตรงจุดอื่นบางลง ก็ยังสามารถกลับมาปลูกซ้ำได้อีกครั้ง แต่สำหรับผลลัพธ์ในวันนี้ เรียกได้ว่าพอใจที่สุดแล้ว

“ผมว่าน้อยนะคนที่เกษียณแล้วไปทำ แต่ความตั้งใจก่อนหน้านั้นผมมีอยู่แล้ว 
ผมคิดมาตั้งนานแล้ว ว่าผมอยากจะทำ ลูกสาวก็พูด คุณพ่อดูดีนะ คิดถูกแล้วที่ทำ 

...ผมไม่เคยเสียใจเลยเรื่องปลูกผม ตัดสินใจถูกครับ...”

ปลดล็อกความกังวลใจ ปลูกผมใหม่ ไม่ต้องผ่าตัด
วิธีการปลูกผมในอดีต อาจจะทิ้งภาพจำที่ชวนให้ไม่สบายใจเท่าไรนัก จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้มีปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยเฉพาะในวัย 50 ปีขึ้นไป เกิดความรู้สึก กลัว ที่จะเปิดใจทำความรู้จักกับการปลูกผม หรือยัง ลังเล ว่าจะปลูกผมดีหรือไม่ ทั้งที่เทคนิคการปลูกผมในปัจจุบันนี้ พัฒนาไปไกลจนสะดวกสบายกับคนไข้แบบสุด ๆ

วันนี้ มาฟังประสบการณ์ปลดล็อกตนเองเพื่อก้าวข้ามความกังวลเรื่องการปลูกผม ของคุณธีรพันธ์ เหมวัฒนชัย อดีตนักการตลาดที่ผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจในวัย 63 ปี ซึ่งเข้ารับการปลูกผมกับนามนินเมื่อปี 2565 และกลายเป็นการตัดสินใจที่เปลี่ยนคุณธีรพันธ์เป็นคนใหม่ อย่างที่เจ้าตัวบอกกับเราว่า “ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ทำไปนานแล้ว”

ก่อนหน้านี้ คุณธีรพันธ์เริ่มมีอาการผมร่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ และในวัย 50 ปลาย ๆ ปัญหาผมก็ขยายพื้นที่กว้างขึ้น ตั้งแต่ขวัญด้านหลัง กลางศีรษะ มาจนถึงแนวผมบริเวณหน้าผากที่เว้าลึกเข้ามาเป็นรูปตัว M ต่อเนื่องกันทั้ง 3 พื้นที่

“ของผม 3 พื้นที่จะเป็นสนามบินไปแล้ว โล่ง บาง เพื่อนรุ่นเดียวกันไม่ได้บางเท่าเรา สภาพผมเราไปเร็วกว่าเพื่อน เราเป็นผู้นำมากเลยในแง่ความชรา เลยรู้สึกแก่เร็ว ถ้าเป็นเรื่องผม เราด้อยกว่าเขา ก็เริ่มรู้สึกเสียเซลฟ์ไปเรื่อย ๆ”




แต่หากพูดถึงทางเลือกการปลูกผมในตอนนั้น คุณธีรพันธ์ขอ say no เพราะยังเข้าใจว่าต้องใช้วิธีการผ่าตัดเป็นหลัก

“ถ้าผ่า ไม่ทำ ไม่ใช่แนวเรา ซึ่งเพื่อนหลายคนก็คิดแบบนี้ อาจเป็นด้วยความคิด generation เรา ให้ไปศัลย์ ไม่มีใครเอา บางคนก็จะรู้ว่าวิธีเก่า ๆ ต้องผ่าตัด ต้องกรีด เราก็ no no no ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็ไม่ทำ”

เพิ่งไม่นานมานี้เอง ที่คุณธีรพันธ์ได้ปลดล็อกความกังวลขั้นแรก เมื่อลองค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และพบว่าเทคโนโลยีการปลูกผมสมัยใหม่เปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ได้ดูน่ากลัวอีกต่อไป

“เริ่มศึกษา ดู YouTube เรื่องการปลูกผม เจอว่าเทคโนโลยีปัจจุบันมันพัฒนาไปไกลแล้ว ย้ายผมของเราเองจากข้างหลังมาข้างหน้า ไม่ได้ไปเอาผมสังเคราะห์ที่ไหนมา ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ได้ผ่าตัด เอามีดกรีด ก็เลยสนใจมาก”

แต่ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเพิ่มความมั่นใจให้คุณธีรพันธ์กล้าตัดสินใจปลูกผม อีกทั้งเพื่อนรอบข้างก็ยังไม่เคยมีใครผ่านประสบการณ์ปลูกผมและสามารถให้คำแนะนำได้ คุณธีรพันธ์จึงลองเข้ามาปรึกษากับคุณหมอที่นามนิน และนั่นเป็นจุดสำคัญที่ช่วยปลดล็อกความกังวลในขั้นที่สองได้เป็นอย่างดี

“เวลาเราไม่มีข้อมูลมากพอ ไม่เข้าใจมากพอ เราจึงกลัวนั่น กังวลนี่ แต่พอได้ข้อมูลชัดเจนขึ้น ก็ go ahead เลย ทำเลย”

การได้คุยกับคุณหมอนิน จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณธีรพันธ์ตัดสินใจปลูกผมได้อย่างไม่ลังเล

“คุณหมอนินพูดชัดเจน พูดเข้าใจง่าย ซึ่งเราดู YouTube บางคนพูดแล้วเราฟังไม่ค่อยเข้าใจ พูดเป็นวิชาการ เป็นภาษาหมอ แต่เราชาวบ้านไม่ได้จบหมอ ก็เอ๋อเลยเพราะไม่รู้เรื่อง ก็อาจจะตัดสินใจยาก ทำให้ไม่อยากลอง ไม่อยากทำ 

แต่คุณหมอนินอธิบายดี ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย ซึ่งผมว่ามีผลนะ พอครั้งแรกที่ปรึกษา เราแฮปปี้ เรียกว่าสื่อสารกับลูกค้าได้ดี เล่าด้วยเหตุและผล เลยทำให้เราเปิดใจ พอเข้าใจตรงกันหมด เราพอใจ เราตัดสินใจได้ง่าย ก็นัดวันทำ”


เส้นทางการดูแลแก้ปัญหาผมร่วมกันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ จึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยการประเมินความเป็นไปได้ในการใช้กราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา

“คุณหมอนินจะวิเคราะห์ว่า (กราฟต์ผมด้านหลัง) จะพอมั้ยสำหรับ 3 พื้นที่ที่เราต้องการปลูก และบอกว่า ของจริงอาจจะได้มากกว่าหรือน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับกราฟต์ผมที่เอาออกมาแล้ว ว่าจะมีผม 1, 2, 3 เส้น หรือเท่าไหร่ ก็ถือว่าชัดเจน เขาไม่ได้ให้เราฝันลม ๆ แล้ง ๆ คุณหมอก็พูดจริงใจ ว่าต้องรอดูคุณภาพกราฟต์ผมในวันปลูกจริง”

สำหรับเคสของคุณธีรพันธ์ คุณหมอนินช่วยออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามบุคลิกและสัดส่วนรูปหน้า รวมถึงใช้เทคนิคปลูกผมแทรก ซึ่งต้องอาศัยความใส่ใจของคุณหมอในการปักกราฟต์ผมใหม่ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ เพื่อให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางที่กลมกลืนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม

“คุณหมออธิบายว่า ปลูกผมให้ดูธรรมชาติที่สุด ไม่ใช่สักแต่ว่าปักเข้าไป ซึ่งเราก็ชอบความละเอียดของคุณหมอ ถ้าถามว่าเจ็บมั้ย ผมว่าคล้าย ๆ เวลาเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว แต่จิ๊บจ๊อยกว่าด้วยซ้ำ ตรงนี้เราก็แฮปปี้ ตลอดหลายชั่วโมงที่ทำวันนั้น”

และผลลัพธ์หลังจากผ่านไปแล้วประมาณหนึ่งปีครึ่ง ก็เป็นไปตามที่คุณธีรพันธ์คาดหวังไว้ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการออกไปพบปะกับผู้คนได้อย่างไร้กังวล






“คุ้มครับ ทุกคนก็ทึ่ง ชมว่าดูดี อย่างที่บอกเวลาเราเจอใครหรือเราส่องกระจก จุดแรกที่จะมองเห็นคือด้านหน้า ซึ่งหัวไม่เถิกแล้ว ไม่เว้าตัว M แล้ว อันนี้ดีมาก แฮปปี้มาก ส่วนข้างบน อาจจะไม่ได้ดกแบบหนุ่ม ๆ ขนาดนั้น แต่ดีขึ้นแน่นอน ดูธรรมชาติ ไม่ได้ดูโล่งเตียนแบบก่อนหน้า ยิ่งรูปหน้าเปลี่ยน เราก็ดูอายุน้อยลง ดูดีขึ้น

พอไปประชันกับก๊วนเดิม กลายเป็นเราดูหนุ่มกว่า เวลาเพื่อนนัดมา รีบรับนัดเลย ไม่ลังเลเลยว่าจะมีเวลาฉีดสเปรย์ดำ จะหวียังไง จะมูส จะเจล ตอนนี้ไม่กังวล แค่ว่าจะเอาหล่อแค่ไหนตอนออกไปเจอเพื่อน ๆ แค่นั้น (หัวเราะ)”

คุณธีรพันธ์ยังคงดูแลบำรุงผมอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของคุณหมอนิน และยังเข้ามารับบริการ Treatment จากนามนินเป็นประจำ ขณะเดียวกันก็นำประสบการณ์และความประทับใจไปบอกต่อกับเพื่อน ๆ 

“เพื่อน ๆ ก็สนใจกันใหญ่ เราก็จะบอกว่ารีบไปคุย รีบตัดสินใจ จะได้ไม่ต้องสามพื้นที่แบบผม ใครที่สนใจแต่ไม่กล้า เข้าไปคุยเถอะ เขาไม่คิดเงิน ไม่เสียอะไร ไปปรึกษา ได้ความรู้ ได้ข้อมูลมากขึ้น ...แล้วคุณก็อาจจะกล้าเหมือนตัวผม..”


...มาปลดล็อกความกลัว แล้วลองทำความรู้จักการปลูกผมเทคนิคใหม่ ๆ ที่ทั้งสะดวกสบายและปลอดภัย
เพื่อให้คุณเติมเต็มความมั่นใจ และเปิดตัวเองไปสู่อิสระในการใช้ชีวิตได้อีกครั้ง...

ปลูกผมเทคนิคล้ำ ไม่บวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น
เชื่อว่าเหตุผลที่หลาย ๆ คนยังไม่กล้าตัดสินใจปลูกผม ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะภาพจำเดิม ๆ โดยเฉพาะช่วงการพักฟื้นหลังปลูก ที่ต้องใช้เวลาเก็บตัวรักษาแผลและอาการบวมช้ำอยู่นานหลายสัปดาห์ เช่นเดียวกับคุณประเสริฐ บุญลีระวัฒน์ อายุ 56 ปี ที่เริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง มาตั้งแต่ก่อนวัย 30 แต่ก็พยายามลองรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ โดยหลีกเลี่ยงการปลูกผมมาตลอด เพราะประสบการณ์ตรงจากคนใกล้ตัวในครอบครัว

“ผมมีพี่น้องซึ่งปลูกผมกันทุกคน เมื่อก่อนฝังใจเพราะเคยเห็นพี่ชายปลูกผมตั้งแต่ตอนอายุ 30-40 กลับมา หน้าตาบวมเป่งเลย แผลมันใหญ่ พักฟื้นเป็นเดือน ช่วงแรกออกไปไหนไม่ได้เลย แม้แต่น้องชาย ปลูกเมื่อ 4-5 ปีก่อน ก็เก็บตัวอยู่ที่บ้านเป็นอาทิตย์ เพราะน่าจะบวมเยอะ เห็นแล้วกลัว เราเลยไม่กล้าปลูก เราต้องทำงานด้วย หยุดนานขนาดนั้นไม่ได้”






สำหรับปัญหาผมของคุณประเสริฐนั้น จุดหลักจะอยู่ที่บริเวณหน้าผาก ที่เว้าเข้าไปสองข้างเป็นรูปตัว M และภายหลังยังมีอาการผมบางเป็นวงจากตรงกลางศีรษะร่วมด้วย ซึ่งแม้ว่าบทบาทวิศวกรที่เป็นอยู่ จะไม่ต้องพบปะผู้คนมากนัก แต่ก็ทำเอาคุณประเสริฐเสียความมั่นใจไปไม่น้อยเหมือนกัน

“เวลาประชุม executive หรือบางทีมีลูกค้ามาโรงงาน ถ้าเราดูไม่ค่อยดี ความมั่นใจก็น้อยลง เพราะฉะนั้น เราจึงอยากให้ตัวเองดูดีขึ้นอีกหน่อย ตอนหลัง พอมาเจอข้อมูลใน YouTube ว่าเดี๋ยวนี้ปลูกผมแล้วไม่ได้บวมมาก แผลไม่ใหญ่ ดูไม่น่าเกลียด พักฟื้นก็น้อย ไปออกงานเลยก็ยังได้ เลยเริ่มสนใจ”

คุณประเสริฐจึงเริ่มศึกษาทำความรู้จักการปลูกผมเทคนิคใหม่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุด ก็เลือกให้ “คุณหมอนิน” เป็นผู้จบปัญหาเส้นผมที่พยายามหาทางออกมานานด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT

“เราดูคุณหมอนิน เวลาปลูก แผลเนียนกว่า สามารถออกไปไหน ๆ ได้เลย และทรงผมด้านหลังคือไม่ต้องตัดหรือโกนผม พอมาปรึกษาคุณหมอครั้งแรก คุณหมอก็ออกแบบวิธีการปลูกให้ คุณหมอจะอธิบายตรงจุด ซึ่งผมก็บอกว่าอายุเยอะแล้ว เอาแค่ดูดี ไม่จำเป็นต้องเต็มแน่นเหมือนวัยรุ่น คุณหมอเลยคำนวณให้เป็น 2,100 กราฟต์ เราก็โอเค”

ในวันทำหัตถการปลูกผม หลังจากคุณหมอนินวาด hairline หรือแนวผมใหม่ให้แล้ว ก็เริ่มลงมือเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย นำกราฟต์ผมมาคัดแยก และลงมือปักกราฟต์ผมด้วยตัวคุณหมอเอง

“ตอนปลูกไม่เจ็บ ไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากเท่าไหร่ ซึ่งคุณหมอก็ปลูกผมเองทั้งหมดเลย ลงมือเองทุกอย่าง ทำให้เรามั่นใจในทุกขั้นตอน และคลินิกก็ดูค่อนข้างได้มาตรฐานทุกอย่าง ตั้งแต่ทีมแพทย์ ไปจนถึงเครื่องมือที่ดูสะอาด คนไปทำก็มั่นใจ”



คุณหมอนินและคุณประเสริฐเลือกปลูกผมเพื่อเติมเต็มความหนาแน่นบริเวณด้านหน้าเป็นหลัก ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นงานละเอียดที่ต้องอาศัยฝีมือและความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก

“คุณหมอก็อธิบายเหมือนกันว่า ต้องปลูกให้ได้ทิศทางตามแนวผม ถ้าจะให้เนียน ต้องคัดแยกและเลือกผมมาปลูก ไรผมแถวหน้าจะเป็นผมเส้นเล็ก แบบ 1 เส้นต่อกราฟต์ แถวหลังต่อ ๆ มา จะใช้ 2-3 เส้นต่อกราฟต์ ”

แล้วคุณประเสริฐก็ได้ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองว่า การปลูกผมด้วยเทคนิคที่ล้ำหน้าขึ้นในปัจจุบัน สามารถลบภาพจำน่ากลัวของการปลูกผมในอดีตได้อย่างสิ้นเชิง

“หลังจากปลูก รู้สึกว่าแผลมันเล็กกว่าที่เราคิดไว้ ที่เราเคยเห็นคือแผลใหญ่ ปูดขึ้นมา แล้วต้องโกนผมหมดเลยด้วย แต่ของเราด้านหน้าจะเป็นตุ่มแดง ๆ นิดเดียว ไม่สังเกตก็ไม่เห็น คือ implanter มันเล็กลงมากถึงขนาดปลูกผมแล้วไม่มีรอยแผลได้ขนาดนี้เลยเหรอ และคุณหมอนินยังใช้เทคนิคซ่อนรอยแผลเป็นให้ด้วย” 

ที่สำคัญ ตอนนี้คุณประเสริฐสามารถนำประสบการณ์ตรงไปบอกกับใคร ๆ ได้แล้วว่า การปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ที่ไม่ต้องพักฟื้น

“ปลูกเสร็จ ผมออกได้เลยแค่ใส่หมวกผ้ากันฝุ่น เช้าอีกวันผมก็ขับรถไปหาคุณหมอ ไปสระผม ไปโน่นนี่ปกติได้ไม่มีปัญหาเลย ตอนแรกเตรียมวันหยุดไว้เผื่อ กลัวว่าคนเห็นแล้วจะรู้สึกแปลกตา แต่ปรากฏว่าแค่ไม่กี่วัน รอยแดง ๆ ก็หายหมดแล้ว”

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังคอยดูแลติดตามผลและให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง Shock Loss ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติในช่วง 2-3 เดือนแรก และจะกลับงอกขึ้นใหม่หลังจากเดือนที่สี่ 

“เดือนที่ 4-5 ผมด้านหน้าก็เริ่มขึ้นใหม่เรื่อย ๆ ตอนนี้ตัว M มันหายไป ผมก็เส้นใหญ่ขึ้น ข้างหน้าโอเคเลย แน่นดี ส่วนตรงกลางศีรษะ แต่ก่อนเป็นไข่ดาว คุณหมอก็แนะนำให้ฉีดบำรุง ตอนนี้รู้สึกผมเยอะขึ้น จากที่เคยมองเห็นหนังศีรษะ ตอนนี้ภรรยาบอกว่าไม่ค่อยเห็นแล้วนะ”




ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ มาพร้อมกับบุคลิกภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น และความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น ทั้งในการทำงานและการใช้ชีวิต 

“มีคนทักว่า ดูดีขึ้นเยอะเลย ถ้าคนไม่เจอกันนาน ๆ จะถามว่าไปทำอะไรมา ดูดีจัง เมื่อก่อนอยู่หน้ากระจกต้องพยายามหวีผมมาปิดตัว M เดี๋ยวนี้พยายามเสย (หัวเราะ) เพราะเสยแล้วมันดูดีกว่า และเวลาพรีเซนต์งาน หรือบางทีมี supplier มา ก็ติดต่อกับเขาได้อย่างมั่นใจมากขึ้น”

นอกเหนือจากการปลูกผมที่ด้านหน้าแล้ว ปัญหาผมบางกลางศีรษะของคุณประเสริฐคุณหมอนินยังแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วยโปรแกรม Premium Hair Booster เพื่อฟื้นฟู และบำรุงเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง และดูหนาขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่ามุมไหนในการออกไปพบปะผู้คนก็สร้างความมั่นใจได้




คุณประเสริฐยังยืนยันว่า ในวัยนี้ เราก็ยังสามารถเลือกปลูกผมให้ตัวเองดูดีขึ้นได้ ซึ่งหากใครยังไม่มั่นใจ สามารถลองมาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอก่อนได้ เพื่อพิจารณาและตัดสินใจเลือกทางออกที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหาเส้นผมของตัวเอง

“รู้อย่างนี้ปลูกตั้งนานแล้ว คือตอนแรกเรากลัวอย่างเดียว ว่าปลูกแล้วจะไปทำงานไม่ได้ เลยคิดช้าหน่อย ผมเคยได้ยินคนบอกว่า การปลูกผมเป็นการลงทุน ...ซึ่งมันก็เป็นการลงทุนให้ตัวเองที่คุ้มค่าจริง ๆ...”