Tag : ปลูกผม
เช็ค 4 อาการหลังปลูกผม
หนึ่งในความกังวลใจหลาย ๆ เรื่องของผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อตัดสินใจปลูกผมอยู่ก็ตาม ก็คือ อาการ หรือ ผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่าง ๆ ที่จะตามมาหลังปลูก หลายคนจึงน่าจะมีคำถามอยู่ในใจคล้าย ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น ...หลังปลูกผมแล้วจะเจ็บมั้ย ...ศีรษะหรือใบหน้าจะบวมหรือเปล่า ...รอยแผลจากการปลูกผมล่ะ ถ้าเห็นชัดจนใคร ๆ ก็ทักจะทำอย่างไร ...แล้วถ้าผมปลูกใหม่หลุดร่วงไป จะเกิดอะไรขึ้น?? สารพัดคำถามที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าคุณก้าวเข้ามาเป็นผู้รับบริการของนามนิน คลินิกแล้ว ความกังวลใจเหล่านี้จะบรรเทาลงไปไม่น้อยเลย เพราะคุณหมอจะอธิบายอย่างละเอียด ชัดเจน  เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ก่อนปลูกผมเตรียมตัวอย่างไร ในวันปลูกผมจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง และหลังปลูกผมต้องดูแลอย่างไร และมาพบแพทย์กึ่ครั้ง ตลอด 1 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิ่งจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมซึ่งอาการต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความกังวล คุณหมอนินมีเทคนิคที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานอย่างละเอียดที่จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการเหล่านั้นได้

นามนินได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียด 4 อาการที่อาจเกิดขึ้นได้โดยทั่วไปหลังปลูกผม ไว้ดังนี้

1 รอยแผลด้านหลังท้ายทอย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม คือการเจาะย้ายกราฟต์ผมของผู้รับบริการเอง ออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย และนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา เนื่องจากกราฟต์ผมบริเวณนั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด 

ดังนั้น การเกิดรอยแผลหลังเจาะย้ายกราฟต์ผมออก จึงถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของการทำหัตถการปลูกผม แต่คุณหมอของนามนิน มีตัวช่วยมากมายที่จะช่วยให้ผู้รับบริการซ่อนรอยแผลเนียนกริบ 


ข้อแรก คุณหมอเลือกนำเข้าอุปกรณ์เจาะย้ายรากผมซึ่งมีหลายขนาดสามารถปรับให้เหมาะกับขนาดกราฟต์ผมของผู้รับบริการแต่ละคนเพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่ถอนออกมาสมบูรณ์


ข้อสอง คุณหมอใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออก โดยไม่ต้องโกนผม ที่สำคัญ ยังพัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เจาะย้ายกราฟต์ผมออกสลับกันเป็นแถบ ๆ และพยายามกระจายจุดเจาะย้ายไปทั่ว ๆ รอยแผลที่เกิดขึ้นจึงถูกซ่อนไว้ใต้ผมเดิมของผู้รับบริการอยากแนบเนียน

นั่นทำให้ผู้รับบริการสามารถจัดแต่งทรงผมได้เต็มที่ทุกสไตล์ โดยไม่ต้องกังวลคอยปกปิดรอยแผล


2 อาการบวมที่ใบหน้า

ในขั้นตอนการปลูกผม จะมีการฉีดยาชา 2 ครั้ง คือ 
  • ครั้งแรก จะฉีดยาชาเพื่อให้บริเวณท้ายทอยไม่มีความรู้สึก เพื่อเจาะย้ายรากผม ตามจำนวนที่ต้องการปลูก 
  • ครั้งที่สอง จะฉีดยาชาบริเวณที่เราต้องการปลูกผมเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่จะปลูกผม

ซึ่งการฉีดยาชามักเป็นจุดที่ผู้รับบริการวิตกกังวลในเรื่องความเจ็บ โดยการฉีดยาชานั้นจะมีเทคนิคแตกต่างกันไปแล้วแต่แพทย์ผู้ทำหัตถการ 
ที่นามนิน คลินิก คุณหมอนินจะเป็นผู้ฉีดยาชาให้ผู้รับบริการด้วยตนเองโดยคำนวณปริมาณที่เหมาะสมและทำหัตถการอย่างเบามือ จึงทำให้ผู้รับบริการคลายกังวลและไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดไว้

ด้วยเทคนิคเฉพาะของคุณหมอนิน จึงทำให้หลังปลูกผมที่นามนิน ไม่ต้องใส่ผ้าคาดหน้าผาก และแทบไม่พบอาการบวมหลังปลูกผม จึงทำให้ผู้รับบริการไม่ต้องวิตกกังวลในการกลับใช้ชีวิต หรือออกไปทำงานหลังปลูกผมได้อย่างปกติ จนคนรอบข้างแทบไม่มีใครสังเกตุความเปลี่ยนแปลง







3 อาการคันที่หนังศีรษะ

เรียกว่าเป็นอาการที่พบได้เป็นปกติ และอาจเกิดจากสาเหตุหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น
  • การปลูกผมทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะจำนวนมาก จึงไปกระทบและรบกวนเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการคันและชา
  • ผิวหนังบริเวณหนังศีรษะกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมแผลที่เกิดหลังจากการปลูกผม โดยสะเก็ดเลือดที่แห้งตัวลง อาจไปดึงรั้งผิวหนังโดยรอบให้ตึงขึ้น ทำให้เกิดอาการคัน
  • ผลข้างเคียงจากสารฮิสตามีนในสะเก็ดเลือด ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง



ทั้งนี้แพทย์แนะนำไม่ให้เกาหรือสัมผัสบริเวณแผล เพราะอาจทำให้กราฟต์ผมปลูกใหม่หลุดติดออกมาได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงที่แผลจะติดเชื้อมากขึ้นด้วย ที่นามนิน คลินิก หลังปลูกผมจะมอบชุดผลิตภัณฑ์ดูแลตนเองที่คุณหมอนินคัดสรรมาแล้วง่ายต่อการใช้ในชีวิตประจำวันทั้งเรื่องช่วยทำความสะอาดและลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างแท้จริง



4 ผมร่วงหลังปลูก 2 สัปดาห์ (Shock Loss)

อาการ Shock Loss หรือการที่ผมปลูกใหม่หลุดร่วงเป็นจำนวนมากพร้อม ๆ กัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นปกติของผู้รับบริการหลังปลูกผม ซึ่งชวนให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่คุณหมอนินจะอธิบายให้ผู้รับบริการของนามนินเข้าใจตั้งแต่แรก ว่าเป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามระยะและวงจรธรรมชาติ ไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด และผมที่แข็งแรงสมบูรณ์จะงอกขึ้นใหม่เองภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า 


ซึ่งในบางเคสก็อาจจะไม่ได้เกิด Shock Loss ในทางกลับกันผมที่ปลูกไว้ตั้งแต่วันแรกกลับยาวต่อไป ก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน

นอกจากคุณหมอนินจะชวนผู้รับบริการทำความเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังปลูกผมแล้ว ยังคอยติดตามผลทุกระยะตลอด 1 ปีเต็ม และตอบข้อสงสัย รวมถึงคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ผู้รับบริการจึงไม่ต้องคอยเป็นกังวลกับอาการต่าง ๆ และยังรู้จักวิธีถนอมดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่ดีที่สุดนั่นเอง












ผมร่วง ผมบาง รักษาอย่างไร ไม่ต้องกินยา
การรับประทานยารักษาอาการผมร่วง ผมบาง เป็นทางออกที่คุณผู้ชายจำนวนมากเลือกใช้เพื่อจัดการกับปัญหาเส้นผม ซึ่งเป็นปัญหากวนใจที่ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยยาสำหรับรับประทานนั้น มักจะได้ผลสำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุของกรรมพันธุ์และฮอร์โมนในร่างกาย 

ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คุณผู้ชายที่สืบต่อกรรมพันธุ์ผมร่วงจากคนในครอบครัว จะมีเอนไซม์ชื่อ 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เอนไซม์ตัวนี้เอง ที่จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือที่เรียกว่าฮอร์โมน DHT และฮอร์โมน DHT นี้ ก็เป็นตัวการที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะเล็กลง ผมที่งอกออกมาจึงอ่อนแอ มีขนาดเล็ก ลีบแบน ทำให้ขาดหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ แม้เจ้าของเส้นผมจะยังอายุน้อยอยู่ก็ตาม ซึ่งการรับประทานยา จะช่วยเข้าไปหยุดยั้งการทำงานของฮอร์โมน DHT เจ้าปัญหา ทำให้เส้นผมหลุดร่วงน้อยลงนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการรับประทานยา จะเป็นวิธีได้ผลในการลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม และช่วยให้เส้นผมมีขนาดหนาขึ้น จนหลาย ๆ คนสามารถจบการรักษาด้วยการรับประทานยาเพียงวิธีเดียวได้ โดยไม่ต้องเสริมด้วยการรักษารูปแบบอื่น ๆ แต่สำหรับคนไข้อีกหลาย ๆ เคส ยาสำหรับรับประทาน อาจไม่ใช่ทางออกที่ตอบโจทย์การรักษาอย่างตรงจุด เนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้

  • เลือกใช้ยาไม่ตรงกับสาเหตุของปัญหาผมร่วง ผมบาง เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ฮอร์โมน โรคภัยไข้เจ็บ การขาดสารอาหาร หรือพฤติกรรมทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัวของเราเอง อย่างเช่นการสูบบุหรี่ การสระผมผิดวิธี หรือการสวมหมวกที่รัดศีรษะแน่นเกินไปอยู่บ่อย ๆ ก็เป็นได้
  • ไม่ได้ใช้ยาอย่างถูกต้องภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญ
  • วิธีการรักษา หรือขนาดยาที่ใช้ ไม่เหมาะสมกับระยะหรือความรุนแรงของอาการที่เป็น
  • ยาที่เลือกใช้ อาจให้ผลที่แตกต่างกันในบริเวณต่าง ๆ ของหนังศีรษะ เช่นบริเวณด้านหน้า หรือบริเวณกลางศีรษะ
  • การตอบสนองต่อยาของตัวคนไข้เอง ซึ่งแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน 
  • ในคนไข้ที่มีอาการผมบางอย่างรุนแรงจนเข้าสู่ภาวะผมล้าน รากผมในชั้นหนังศีรษะอาจจะเสื่อมไปแล้ว จึงไม่สามารถรักษาด้วยการรับประทานยา ซึ่งจะทำงานด้วยการกระตุ้นการเจริญเติบโตที่รากผมโดยตรง
  • สำหรับคนไข้บางคน ยังรู้สึกเป็นกังวลต่อผลข้างเคียงของการใช้ยารับประทานบางชนิด ที่อาจส่งผลสภาพอารมณ์รวมถึงสมรรถภาพทางเพศ

ในกรณีเหล่านี้ แพทย์ผู้ชำนาญสามารถช่วยแนะนำวิธีการรักษาด้วยแนวทางอื่น ๆ โดยไม่ต้องรับประทานยา ซึ่งมีความเป็นไปได้ตั้งแต่การเข้ารับการปลูกผมถาวรโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือการเข้ารับบริการ Treatment ตามที่แพทย์แนะนำเพื่อเสริมความแข็งแรง ดกดำ เงางาม ให้กับเส้นผม

NEAT 
เทคนิคปลูกผมถาวรจากนามนิน

ปัจจุบัน เทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUE (Follicular Unit Extraction) มีความล้ำหน้าแตกต่างจากเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) ในอดีต ซึ่งเดิมเป็นการผ่าตัดเพื่อนำชิ้นหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอยที่มีกราฟต์ผมแข็งแรง มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาผมร่วงและผมบาง แต่เทคนิค FUE ได้เปลี่ยนให้การปลูกผมโดยไม่ต้องผ่าตัดสามารถทำได้จริง โดยใช้วิธีเจาะย้ายเฉพาะกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยทีละกราฟต์ เพื่อนำมาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาแทน เนื่องจากผมด้านหลังท้ายทอยหรือที่เรียกว่า Safe Zone มีความคงทนแข็งแรงเป็นพิเศษ ไม่หลุดร่วงง่าย และจะยังคงคุณสมบัติเช่นนี้ต่อไปแม้จะย้ายมาปลูกในพื้นที่ใหม่แล้วก็ตาม เทคนิค FUE จึงลดโอกาสการเกิดรอยแผลขนาดใหญ่ที่ทำให้คนไข้ต้องพักฟื้นเป็นเวลานานจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน


และแพทย์ของนามนินก็ได้พัฒนาเพิ่มเติมจากเทคนิค FUE จนกลายเป็น “NEAT” เทคนิคปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เทคนิคนี้มีความโดดเด่นอยู่ที่ทักษะ ประสบการณ์ และความชำนาญของแพทย์ ซึ่งลงมือปลูกผมให้กับคนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ ด้วยความละเอียด ประณีต ใส่ใจ ทั้งยังอาศัยมุมมองเชิงศิลป์หลอมรวมกับศาสตร์การแพทย์ เพื่อทำการรักษาอาการผมร่วงและผมบางให้กับคนไข้ ไปพร้อม ๆ กับการช่วยให้คนไข้กลับมามีสัดส่วนใบหน้าที่สมดุลขึ้น จึงเสริมรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความมั่นใจไปอีกขั้น 


ที่สำคัญแพทย์จะรับฟังปัญหาของคนไข้ และออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล ไม่มีสูตรสำเร็จ ด้วยความเข้าใจว่าคนไข้แต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา สภาพผม และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการรักษาโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง



ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังเลือกใช้อุปกรณ์เจาะย้ายรวมถึงอุปกรณ์ปลูกผมที่ได้คุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยเพิ่มความแม่นยำปลอดภัยตลอดทุกขั้นตอนการปลูกผม และยังเสริมเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ลดอาการเจ็บ บวม จนแทบไม่ต้องพักฟื้น และได้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนไข้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง อย่างรุนแรง จนเข้าสู่ภาวะผมล้าน ทำให้รากผมฝ่อหรือเสื่อมไปจนไม่สามารถรักษาด้วยการรับประทานหรือทายาต่าง ๆ ได้แล้ว การปลูกผมใหม่คือทางออกเดียวที่จะช่วยคืนความหนาแน่นของเส้นผมอย่างถาวรให้กับคุณผู้ชายได้อีกครั้ง

Premium Hair Booster Treatment 
บูสต์ผมหนาขึ้นด้วยวิธีง่าย ๆ

สำหรับใครที่เพิ่งพบว่าตนเองมีปัญหาผมร่วง ผมบาง แต่ยังมีรูรากผม  นามนินขอแนะนำ “Premium Hair Booster” ซึ่งเป็น Treatment ฉีดบำรุงที่เหมาะสำหรับสภาพหนังศีรษะซึ่งรูขุมขนหรือรากผมบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ต้องยังไม่ฝ่อหรือเสื่อมไป เนื่องจาก Premium Hair Booster จะตรงเข้าฟื้นฟูดูแลรากผม กระตุ้นการทำงานของรากผมทำให้เส้นผมงอกขึ้นมาใหม่ และลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ขณะเดียวกันก็บำรุงให้เส้นผมที่เคยอ่อนแอ มีขนาดเล็ก ลีบ บาง มีความแข็งแรงขึ้น มีขนาดเส้นผมที่หนาและใหญ่ขึ้น จึงส่งผลให้ผมบริเวณนั้นดูหนาแน่นขึ้นได้


วิธีการก็ง่าย ๆ เพียงฉีดบำรุงเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น มีความปลอดภัยสูง ปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ และสามารถเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องได้หลายครั้งภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ผมดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน 



ทั้งนี้ แพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ยังได้เตรียมออกแบบแผนการรักษาด้วย Premium Hair Booster Treatment โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยา จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาแนวทางการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ที่สะดวกสบายและได้ผลดีขึ้นกว่าที่เคย

ฟื้นบำรุงผมคูณสอง
ด้วย NEAT + Premium Hair Booster 

ขณะเดียวกัน สำหรับคนไข้ในบางเคส แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ทั้ง 2 วิธีในการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ทั้งการปลูกผมถาวรเทคนิค NEAT ร่วมกับการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment เพื่อเป็นการดูแลผมอย่างต่อเนื่อง โดยวิธีนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง และการปลูกผมเพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ เนื่องจากกราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้เองที่จะนำมาปลูกใหม่มีอยู่เพียงจำกัด จึงต้องอาศัยการฉีดบำรุงช่วยเสริม 

ซึ่งที่ผ่านมา คนไข้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง ค่อนข้างรุนแรงเช่นนี้ มักเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ อย่างเช่น คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่เป็นการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพเพียงพอ จึงต้องมาปลูกแก้ไขเป็นครั้งที่ 2 หรือคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ไม่ได้ใส่ใจดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง และเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง กรณีนี้คนไข้มักจะเหลือกราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกใหม่เพียงวิธีเดียว



นอกจากนั้น ยังรวมถึงสาเหตุอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่คนไข้ตัดสินใจมาพบแพทย์เมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ปัญหาผมบางกินบริเวณกว้างขึ้น หรือเกิดขึ้นพร้อมกันหลายจุด อีกทั้งกราฟต์ผมต้นทุนก็เริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัย หรือในบางเคส แม้คนไข้จะมียังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้ปัญหาผมบางเกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปีโดยไม่เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสที่พื้นที่ผมบางจะขยายตัวจนเป็นปัญหาใหญ่ได้เช่นกัน


ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์สภาพปัญหา และออกแบบแนวทางการรักษาที่ดีที่สุดร่วมกันกับคนไข้ ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม และประเมินความถี่ในการเข้ารับบริการที่เหมาะสม โดยแพทย์จะคอยติดตามผลลัพธ์เพื่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปลูกผมเทคนิค NEAT และการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment เป็นทางเลือกที่วางใจได้ในการรักษาอาการผมร่วง ผมบาง โดยไม่ต้องรับประทานยา สามารถตอบโจทย์ในการคืนความหนาแน่นและความแข็งแรงให้กับเส้นผมได้จริง

ผสาน 2 ศาสตร์กู้ผมบาง NEAT + Premium Hair Booster
เพราะโลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียวเสมอไป และจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถผสาน 2 คำตอบ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“การปลูกผมถาวร เทคนิค NEAT” คือคำตอบที่ใช่สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน เนื่องจากเป็นการเติมเต็มความหนาแน่นให้กับบริเวณที่ผมบาง ด้วยการย้ายกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยของเราเองมาปลูกใหม่ และผมใหม่นี้ หากดูแลเป็นอย่างดี ก็จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต 

แต่ก็มีบางกรณีเช่นกัน ที่การปลูกผมถาวรเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหาผมบางของคนไข้ได้ 100% เนื่องจากสภาพปัญหาผมของแต่ละคน ที่มาพบแพทย์ด้วยระดับความรุนแรงและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ในกรณีนี้ แพทย์หญิงนิล นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แห่งนามนินคลินิก จะช่วยวิเคราะห์และอาจให้คำแนะนำในการผสานศาสตร์การรักษาแบบที่ 2 ร่วมด้วย นั่นคือการฉีดบำรุงด้วย “Premium Hair Booster Treatment” คำตอบที่แสนสะดวกสบายสำหรับคนรักผม ซึ่งสามารถเพิ่มความหนา ดกดำ และความแข็งแรงของเส้นผมได้เช่นกัน


ทำความรู้จัก NEAT

NEAT คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่กราฟต์ผมมีคุณสมบัติความแข็งแรง ทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย นำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ปัญหาผมร่วงและผมบาง โดยแพทย์ผู้ชำนาญและมากประสบการณ์เป็นผู้ลงมือทำหัตถการปลูกผมแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เส้นต่อเส้น มีการเสริมเทคนิคที่พัฒนาโดยแพทย์เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาเป็นที่น่าพอใจ เอื้อต่อความสะดวกสบายของคนไข้มากที่สุด 

ทั้งยังเลือกสรรอุปกรณ์ปลูกผมที่มีคุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยให้สามารถปลูกผมได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัย ที่สำคัญ NEAT เป็นการรวมทักษะของแพทย์ทั้งในเชิงศาสตร์และศิลป์ หมายถึงว่า แพทย์ใช้ศาสตร์การปลูกผมที่น่าเชื่อถือในการรักษา ขณะเดียวกันก็อาศัยมุมมองเชิงศิลปะผ่านเส้นผม เพื่อเสริมเติมความงามให้กับคนไข้ไปในเวลาเดียวกันด้วย เพราะเข้าใจว่าเส้นผมมีความหมายต่อรูปลักษณ์ บุคลิก และความมั่นใจของคนไข้มากแค่ไหนนั่นเอง


ทำความรู้จัก Premium Hair Booster Treatment

Premium Hair Booster Treatment เป็นทรีตเมนต์ฉีดบำรุงที่สะดวกสบาย เพียงฉีดเข้าที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง โดยมีข้อแม้ว่า รูขุมขนหรือรากผมบริเวณนั้นต้องยังไม่ปิด ยังสามารถฟื้นฟูและเติบโตได้ต่อ โดย Premium Hair Booster จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมที่เคยลีบ เล็ก บาง ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมอีกด้วย

ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นผมที่ดูหนาขึ้น ดกดำเงางามขึ้น และกลับมาแข็งแรงสุขภาพดีจากภายใน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และปราศจากผลข้างเคียงอื่น ๆ สามารถเข้ารับบริการต่อเนื่องได้หลายครั้งตามคำแนะนำของแพทย์



NEAT + Premium Hair Booster เหมาะกับใคร

สำหรับคนไข้หลาย ๆ คน สามารถจบปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้ในการปลูกผมเทคนิค NEAT เพียงครั้งเดียว และอีกหลายคนเช่นกัน ที่คุณหมอแนะนำให้ฉีดบำรุง Premium Hair Booster Treatment โดยไม่ต้องเข้ารับการปลูกผม เนื่องจากปัญหาผมบางยังอยู่ในระยะเริ่มแรก 

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเคสที่คุณหมอวิเคราะห์แล้วว่า การผสาน 2 ศาสตร์ ทั้ง NEAT และ Premium Hair Booster Treatment จะเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด สำหรับปัญหาของคนไข้

  • เริ่มจากคนไข้ที่มีปัญหาผมบางกินบริเวณกว้าง จนการปลูกผมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเติมเต็มความหนาแน่นได้อย่างครอบคลุม

  • คนไข้มีจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ซึ่งอยู่บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ เหลืออยู่น้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมบางได้อย่างทั่วถึง

  • คนไข้เคยเข้ารับการปลูกผมมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจเกิดจากการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ ทำให้ผมยังคงบางอยู่ (ในกรณีนี้ หมายความว่า กราฟต์ผมต้นทุนของคนไข้ ถูกดึงมาใช้ไปแล้วบางส่วน 1 รอบ ยิ่งทำให้ส่วนที่เหลือมีแนวโน้มที่จะไม่เพียงพอต่อการปลูกแก้ไขครั้งที่ 2)

  • คนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกมาแล้ว แต่ละเลยที่จะดูแลสุขภาพผมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมใหม่หลุดร่วง หรือเกิดภาวะผมล้านต่อในบริเวณข้างเคียง เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม

  • คนไข้มาพบคุณหมอเมื่ออายุมากแล้ว ทำให้ผมบางรุนแรง หรือบางในหลาย ๆ จุดพร้อมกัน เช่นตรงกลางศีรษะและแนวผมบริเวณหน้าผาก ในกรณีนี้ มักจะพบว่ากราฟต์ผมต้นทุนเองก็จะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามวัยด้วยเช่นกัน ทำให้ยิ่งเหลือกราฟต์ผมต้นทุนซึ่งสามารถนำไปปลูกใหม่ได้จริง ๆ น้อยลงไปอีก

  • คนไข้ยังอายุไม่มาก แต่ปล่อยให้เกิดปัญหาผมบางต่อเนื่องนานหลายปี โดยไม่ได้เริ่มต้นรักษาแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสนำไปสู่ภาวะผมบางรุนแรง จนไม่สามารถพึ่งพาการปลูกผมได้เพียงวิธีเดียวเช่นกัน



ปรึกษาแพทย์ 
เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาสำหรับคุณโดยเฉพาะ

ถ้าคุณกำลังกังวลใจว่า ปัญหาผมบางที่เผชิญอยู่นี้ มีความรุนแรงอยู่ในระดับไหน กราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่จะนำไปปลูกใหม่ มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน และเราเป็นคนหนึ่งที่จะต้องรักษาภาวะผมบาง ด้วยการผสาน 2 ศาสตร์ NEAT และ Premium Hair Booster Treatment หรือไม่ ทางที่ดีที่สุด คือการเข้ามาพูดคุยปรึกษากับคุณหมอ เพราะคุณหมอจะช่วยวิเคราะห์ปัญหา สภาพผม และออกแบบแนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบโจทย์คนไข้แต่ละคนมากที่สุด เนื่องจากทุกคนมาด้วยปัญหา เงื่อนไข และความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะรับฟังเสียงของคนไข้อย่างเต็มที่ และชวนให้วางแผนการรักษาร่วมกันไปจนถึงปลายทาง

ตัวอย่างเช่น คนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมีปัญหาผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่กราฟต์ผมต้นทุนไม่เพียงพอที่จะปลูกได้ครอบคลุมทุกจุด ก็มีการวางแผนร่วมกันกับคุณหมอ ว่าจะปลูกเน้นไปยังบริเวณที่คนไข้ต้องการ หรือมีความกังวลเป็นพิเศษ เช่นแนวผมบริเวณหน้าผากซึ่งเป็นจุดที่ช่วยสร้างความมั่นใจเวลาออกไปพบปะกับผู้คนภายนอก ส่วนผมบางกลางศีรษะ อาศัยการฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ซึ่งเมื่อเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ก็พบว่าผมดูหนาและดกดำขึ้นจริง ทำให้คนไข้ท่านนี้สามารถแก้ปัญหาผมบางได้พร้อมกันทั้ง 2 จุดอย่างที่ต้องการ

ทั้งนี้ การฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment มีความปลอดภัยสูง สามารถทำได้ทั้งก่อนการปลูกผม หรือหลังการปลูกผม โดยความถี่ในการเข้ารับบริการนั้น ก็ขึ้นอยู่สภาพปัญหาของแต่ละคนเช่นกัน เช่น หลังปลูกผมแล้ว อาจฉีดบำรุงด้วย Premium Hair Booster Treatment ทุก 2 – 4 สัปดาห์ ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี เป็นต้น ซึ่งคุณหมอจะคอยติดตามผลลัพธ์อยู่เสมอ เพื่อปรับแนวทางการรักษาให้เหมาะสมมากที่สุดได้ตลอดเวลา


กุญแจสำคัญ คือ ความใส่ใจ

และหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การผสาน 2 ศาสตร์แก้ปัญหาผมบางประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ก็คือ ความใส่ใจ จากคุณหมอนิน ที่ดูแลตั้งแต่วันแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษาปัญหา ออกแบบวิธีการรักษาที่ตรงจุดและตอบโจทย์ ลงมือปลูกผมด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น ทั้งยังติดตามผลตลอด 1 ปีเต็มอย่างใกล้ชิด คอยให้คำแนะนำและตอบคำถามคาใจของคนไข้อย่างจริงใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่เส้นผมใหม่อวดความหนาแน่นและสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่ กลายเป็นมิตรภาพความผูกพันระหว่างคุณหมอกับคนไข้ บนเส้นทางการรักษาและฟื้นฟูดูแลผมตามแบบฉบับของนามนิน ที่รอให้คุณเข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ววันนี้


นับ 1 ถึง 365 ภารกิจ “หลังปลูกผม”
คุณคิดว่า ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการปลูกผมคือขั้นตอนไหน? 

เชื่อว่าคำตอบในใจของหลาย ๆ คน คงหนีไม่พ้นวันทำหัตถการปลูกผม ซึ่งคุณหมอเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยเองแบบกราฟต์ต่อกราฟต์ เพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางให้กลับมาดูหนาแน่น แต่ที่จริงแล้ว ...การปลูกผม ไม่ได้จบแค่วันที่คุณหมอปักกราฟต์... เพราะไม่ว่าในวันนั้น คุณหมอจะฝากฝีมือในการปักกราฟต์ผมไว้อย่างดีแค่ไหน ถ้าหลังจากนั้น เส้นผมที่เพิ่งปลูกใหม่ ไม่ได้รับการดูแลทะนุถนอมอย่างใส่ใจเพียงพอ ก็มีโอกาสที่ผมปลูกใหม่จะอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง และไปไม่ถึงปลายทางผลลัพธ์ผมหนาแน่นสุขภาพดีแบบที่คาดหวังกันไว้

ดังนั้น จึงอาจพูดได้ว่า ขั้นตอนการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผม ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้วันปลูกหรือวันไหน ๆ ที่สำคัญ ขั้นตอนที่กินเวลาแสนยาวนานนี้ ไม่มีทางลัด!! เพราะกว่าผมปลูกใหม่จะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ตามวงจรธรรมชาติ ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มเลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็น “ภารกิจหลังปลูกผม” ของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องร่วมมือกันบำรุงดูแลผมปลูกใหม่ให้อยู่รอด และเติบโตอย่างแข็งแรง ตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 365 เลยนั่นเอง

ทราบหรือไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้น หากเราละเลยขั้นตอนการดูแลหลังปลูก เพียงเพราะคิดว่า ปลูกเสร็จแล้วก็จบกัน ไม่ต้องทำอะไรอีก...

  • ข้อแรกเลย ลองนึกภาพว่า กราฟต์ผมของเราเพิ่งได้รับการย้ายมาปลูกใหม่ เซลล์รากผมยังไม่แข็งแรง และยังไม่ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะอย่างมั่นคงดี เส้นเลือดเล็ก ๆ ก็ยังไม่เชื่อมต่อกันจนพร้อมที่จะลำเลียงสารอาหารอย่างเต็มที่ จึงมีโอกาสที่รากผมจะเกิดการอักเสบ อ่อนแอ และหลุดร่วงได้ง่าย หรือที่เรียกกันว่า ปลูกผมไม่ติด ซึ่งอาจเกิดจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง อย่างเช่นการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ มากเกินไป การปล่อยให้ศีรษะเกิดการกระทบกระแทก การนอนผิดวิธี หรือแม้กระทั่งการสระผมผิดวิธี จนสุดท้ายอาจทำให้บริเวณที่เพิ่งปลูกผมใหม่นั้น กลับไปมีภาวะผมบางหรือผมล้านเหมือนเดิมก็เป็นได้



  • ข้อต่อมา แม้จะปลูกผมไปแล้ว แต่บางคนอาจจะมีภาวะ “ผมล้านต่อ” หมายถึงการที่ผมเดิมในบริเวณใกล้เคียงกับที่ปลูกใหม่ ยังคงทยอยหลุดร่วง โดยจะพบในคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากกรรมพันธุ์ ซึ่งฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone เป็นตัวการออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนมีขนาดเล็กลงผิดปกติ จนเส้นผมที่งอกขึ้นมานั้นมีขนาดเล็ก สั้น บาง และอ่อนแอตามไปด้วย นำไปสู่การหลุดร่วงในที่สุด 

โดยทั่วไป แม้ว่าแพทย์จะช่วยย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจาก Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา แต่อย่าลืมว่า ผมเดิมในบริเวณอื่น ๆ ก็ยังได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT อยู่ และมีโอกาสหลุดร่วงต่อเนื่อง ซึ่งหากมีการดูแลหลังปลูกผมอย่างเหมาะสม ก็จะสามารถชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิมในส่วนอื่น ๆ นี้ได้ด้วย



เพราะฉะนั้น 365 วันหลังการปลูกผม จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่แพทย์จะคอยติดตามผลเป็นระยะ ๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล ตามลักษณะปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่และความร่วมมือของคนไข้เองด้วย ที่จะต้องดูแลบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะการปลูกผมถือเป็นการลงทุนที่ต้องวัดความคุ้มค่าและความสำเร็จกันยาว ๆ หากคนไข้มีวินัย และใส่ใจดูแลผมอย่างดีเพียงพอ ผมใหม่ก็จะค่อย ๆ อวดความแข็งแรง หนาแน่น สุขภาพดี เมื่อครบระยะเวลา 1 ปีเต็ม ทั้งยังช่วยบำรุงฟื้นฟูผมเดิมให้แข็งแรงขึ้นด้วยไปพร้อม ๆ กัน

และเพราะความเข้าใจในธรรมชาติของวงจรเส้นผม รวมถึงเข้าใจความต้องการของคนไข้ นามนินจึงออกแบบบริการและผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยให้เส้นทางสู่การมีผมหนาแน่นสุขภาพดีเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ 


  • เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมสุดอ่อนโยน อย่าง Mojelim Elixir Shampoo ซึ่งเป็นแชมพูที่ผลิตโดยโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมจากเกาหลี ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่า ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง หรือ Hypoallergenic Agent นี่คือแชมพูเหมาะกับผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสมดุลระหว่างความมันและความชุ่มชื้นบนหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี ทำความสะอาดผมพร้อมบำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย และที่สำคัญ ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ใช้ควบคู่กันกับ Mojelim Elixir Treatment ครีมนวดที่ช่วยบำรุงอย่างอ่อนโยนไม่แพ้กันนั่นเอง


  •  แล้วมาฟื้นฟูเส้นผมให้แข็งแรงจากภายในกันต่อ ด้วยเซรั่มประสิทธิภาพเยี่ยมอย่าง Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE ที่จะตรงเข้าบำรุงเส้นผม กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมได้รวดเร็วขึ้น และลดการหลุดร่วงของผมที่ปลูกใหม่และผมเดิมในเวลาเดียวกัน มีจุดเด่นอยู่ที่ส่วนผสมสำคัญจากธรรมชาติ 100% ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ซึ่งจะช่วยกันบำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม แลดูสุขภาพดี



  • ขณะเดียวกัน วิตามินต่าง ๆ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผม โดยคุณหมอได้ค้นคว้า คัดสรร และรวบรวมวิตามินตัวสำคัญมาไว้ด้วยกันในแคปซูลเดียว ในชื่อ VITA H นอกจากรับประทานสะดวกแล้ว ยังได้คุณประโยชน์เต็ม ๆ จากสารสกัดธรรมชาติที่เป็นแหล่งของวิตามินหลากชนิด ทั้งสารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ ตามมาด้วย D-Biotin ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม Zinc Gluconate ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อของเส้นผม และเสริมการเติบโตของเส้นผมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน Iron Amino Acid Chelate ยังบำรุงรากผมให้แข็งแรง จึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ และสุดท้าย Vitamin B Premix ยังช่วยฟื้นฟูให้เส้นผมกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง


  • ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังขอนำเสนอโปรแกรม Treatment ฉีดบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง นั่นคือ Premium Hair Booster Treatment ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพของเส้นผม กระตุ้นการทำงานของรากผม ทำให้เส้นผมใหม่มีโอกาสงอกได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ส่วนเส้นผมเดิมก็จะได้รับการบำรุงจากที่เคยลีบแบนหรือมีขนาดเล็ก ทำให้ผมเส้นหนาและมีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมความหนาแน่น พร้อมกับความดกดำ เงางาม สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย สามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่การทำครั้งแรก

ข้อดีของ Premium Hair Booster Treatment ยังรวมถึงความสะดวกสบายที่คนไข้จะได้รับ เพราะเป็นบริการที่ไม่ยุ่งยากเลย ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งรอยแผลและปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ โดยคุณหมอจะคอยดูแลให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด หรืออาจแนะนำให้รับบริการร่วมกับ Treatment โปรแกรมอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น



บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากนามนินเหล่านี้ คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เนื่องจากคนไข้แต่ละคนก็มีปัญหาเส้นผมรุนแรงมากน้อยต่างกัน และมีความต้องการหรือความจำเป็นเฉพาะบุคคลที่ไม่ซ้ำกัน 

และทั้งหมดนี้ก็คือภารกิจ 365 วันหลังปลูกผม ที่คุณหมอกับคนไข้ จะช่วยกันดูแลผมปลูกใหม่ให้เติบโตอย่างเต็มที่ และมีรากผมสมบูรณ์ แข็งแรง ที่จะอยู่คู่กับคนไข้ไปตลอดชีวิต เพียงอย่าลืมให้ความสำคัญกับขั้นตอนการดูแลหลังปลูกผม ที่แม้จะกินเวลานานสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ ที่จะคืนความหนาแน่น คืนผมสุขภาพดี และคืนความมั่นใจให้คุณได้อย่างแน่นอน 

เปิดเทรนด์ปลูกผม 2024
“การปลูกผมถาวร” นับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งทางการแพทย์ ที่คนเกือบทั่วโลกให้ความเชื่อถือ และตัดสินใจเลือกเป็นทางออกในการแก้ปัญหาผมร่วงผมบางมานานหลายสิบปี ซึ่งในช่วงหลังมานี้ เราจะเห็นความก้าวหน้าของเทรนด์การปลูกผมถาวรอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่จำนวนผู้เข้ารับบริการปลูกผมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคนิควิธีการปลูกผม ที่ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและสะดวกสบายต่อคนไข้มากขึ้นด้วย 

ในปี 2024 นี้ นามนินจึงขอชวนมาส่องเทรนด์การปลูกผมถาวรที่อัปเดตมาเพื่อคนรักผมโดยเฉพาะ ...แล้วคุณจะทึ่งว่า วงการปลูกผมไทย ไปไกลขนาดนี้แล้วนะ...

เมื่อ Hairline มีความหมายมากกว่าแค่ “แนวผม”
การปลูกผมเพื่อเติมเต็ม Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ไม่ได้ช่วยแก้แค่ปัญหาผมร่วง ผมบาง อีกต่อไป แต่แพทย์ผู้ชำนาญยังสามารถออกแบบแนวผมใหม่ที่รับกับสัดส่วนความงามของใบหน้าตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น น่ามองขึ้น จึงช่วยเสริมบุคลิกและสะท้อนตัวตนในแบบที่คนไข้ต้องการได้อีกด้วย



รอยแผลกวนใจ...ซ่อนได้เนียนกริ๊บ
หมดยุคของการเจาะย้ายกราฟต์ผมด้านหลังออกด้วยการผ่าตัด การโกนผม หรือวิธีการเก่า ๆ ที่ทิ้งรอยแผลให้คนไข้ต้องคอยกังวลปกปิดจนเสียบุคลิก เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคนิคใหม่ ๆ ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม ทั้งยังช่วยซ่อนแผลแนบเนียนไปกับทรงผมเดิมได้อย่างกลมกลืน 



ปลูกผมใหม่ วางใจแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
ปลูกผม ไม่ใช่ว่าใครก็ปลูกกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะปลูกให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แพทย์ที่ชำนาญด้านการปลูกผม จะใช้ทั้งความรู้ ทักษะ และความละเอียดประณีตในการปักกราฟต์ผมที่ละกราฟต์ด้วยตัวเอง โดยคำนึงถึงขนาดของเส้นผม รวมถึงทิศทางและองศาให้ดูกลมกลืนไปกับผมเดิม เพื่อให้ได้ผมใหม่ที่ใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด



“ปากกาปลูกผม” ตัวช่วยสำคัญของแพทย์
นอกจากทักษะ ประสบการณ์ และความใส่ใจของแพทย์แล้ว ปี 2024 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ นั่นคือ Implanter Pen หรือปากกาปลูกผม ที่ทุกวันนี้มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร และสามารถเลือกขนาดหัวปากกาให้เข้ากับลักษณะกราฟต์ผมที่แตกต่างกันของคนไข้ได้ จึงช่วยให้แพทย์ปลูกผมได้แม่นยำ ละเอียด แผลเล็ก หายเร็ว ไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยได้ยินกันมาอีกต่อไป



ปลูกผมยุคใหม่ แทบไม่ต้องพักฟื้น
และด้วยปัจจัยที่เล่ามา ไม่ว่าจะเป็นความชำนาญของแพทย์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมไปถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่พัฒนาเพื่อให้คนไข้สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ทำให้การปลูกผมใน พ.ศ. นี้ แทบไม่ต้องเก็บตัวพักฟื้นนาน ๆ เหมือนในอดีต เพราะแผลขนาดเล็ก หายไว จึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย คืนเวลาชีวิตให้คุณใช้ได้อย่างเต็มที่


แพทย์ติดตามผล 1 ปีเต็ม
เพราะผมปลูกใหม่ต้องการระยะเวลาในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวงจรธรรมชาติ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แพทย์ผู้ชำนาญจะคอยดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งระหว่างนั้น คนไข้สามารถสอบถามหรือขอคำแนะนำได้ตลอดเวลา เรียกว่าจับมือไปด้วยกันจนสุดทางจนกว่าผมใหม่จะเติบโตอย่างสมบูรณ์เต็มที่ ไม่มีทิ้งไว้กลางทางแน่นอน



“2024” ปีแห่งอิสระและความมั่นใจจากเส้นผม
หากจะตัดสินใจปลูกผมให้คุ้มค่าทั้งที นอกจากผลลัพธ์เส้นผมที่กลับมาหนาแน่น ไม่หลุดร่วงง่ายแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้ปลดล็อกตัวเองสู่อิสระในการจัดแต่งทรงผมได้ทุกสไตล์ หรือเลือกทรงที่สะท้อนบุคลิกในแบบที่คุณต้องการมากที่สุด โดยไม่ต้องคอยกังวลเรื่องผมบางอีกต่อไป คืนความมั่นใจให้คุณก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน

และหากคุณกำลังมองหาเทคนิคการปลูกผมรับเทรนด์เด่นแห่งปี 2024 นามนินขอนำเสนอเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญของนามนินพัฒนาต่อยอดจนสามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาผมตามหลักการแพทย์ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนไข้ได้มากกว่าที่เคย ...เลือกเทคนิค NEAT ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน...

ก้าวข้ามความกังวล ปลูกผมเทคนิค NEAT
ด้วยประสบการณ์ปลูกผมปรับรูปลักษณ์ให้กับคนรักผมวัย 50+ มาแล้วมากมาย ทำให้นามนินเข้าใจทุกความกังวลที่คนวัยนี้ต้องเผชิญ ...แล้วคุณล่ะ... เป็นหนึ่งในคนที่ยังลังเลใจ ไม่กล้าลองเปิดใจทำความรู้จัก หรือตัดสินใจปลูกผมเสียที เพราะเหตุผลเหล่านี้เหมือนกันหรือเปล่า

มาดูกันว่า นามนินช่วยให้คนรักผมวัย 50+ ได้ก้าวข้ามผ่านความกังวล และจบปัญหาคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมทั้งหมดนี้ได้อย่างไร

“ไม่เคยรู้จักการปลูกผมถาวรเลยว่าเป็นยังไง หรือลองศึกษาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเองแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะบางทีเขาพูดเป็นเชิงวิชาการ”

ก่อนอื่น ไม่ว่าคุณจะมีพื้นความรู้เรื่องการปลูกผมมากน้อยแค่ไหน ก็สามารถเข้าพูดคุยปรึกษากับคุณหมอนินได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งหลายเสียงบอกตรงกันว่า คุณหมอนินอธิบายได้ชัดเจน เป็นเหตุเป็นผล  เข้าใจง่าย ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย ทำให้เห็นภาพว่าเป็นการย้ายกราฟต์ผมจากข้างหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ และจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างตลอดระยะเวลาการปลูก 1 ปีเต็ม 


อีกทั้งคุณหมอนินยังมีความเป็นกันเอง พูดคุยและรับฟังคนไข้ในบรรยากาศสบาย ๆ เชื่อมั้ยว่า หลาย ๆ คนพอใจและตัดสินใจเลือกเป็นคนไข้ปลูกผมของคุณหมอนินตั้งแต่คุยกันวันแรกนี่เลย

“ไม่อยากปลูกผม กลัวต้องผ่าตัดหรือโกนผม / กลัวเจ็บตอนทำ / หลังทำก็กลัวแผลใหญ่ บวม ออกไปเจอใครไม่ได้ ต้องพักฟื้นรักษาตัวอีกนาน”

นามนินเข้าใจว่าหลายคนติดภาพการปลูกผมด้วยวิธีการเดิม ๆ ที่อาจจะดูน่ากลัว ไม่สะดวกสบาย และเสียเวลาหลายสัปดาห์ในการพักฟื้น แต่คุณหมอนินเลือกใช้เทคนิคใหม่ล่าสุดในการปลูกผม ซึ่งนำมาพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมจนกลายเป็นเทคนิคที่ไม่เหมือนใคร ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม เพียงเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ซึ่งมีโอกาสเจ็บหรือบวมน้อยมาก และคุณหมอยังใช้อุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ คือ Implanter หรือปากกาปลูกผมขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร 



ซึ่งหลังปลูกเสร็จ จะเหลือเพียงรอยแผลที่เล็กลงมากเมื่อเทียบกับเทคนิคในอดีต โอกาสที่จะเลือดออกหรือบวมช้ำก็น้อยมากเช่นกัน ทำให้ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถลุกออกไปใช้ชีวิตประจำวันหรือพบปะใคร ๆ ตามปกติได้เลย

“ถึงเวลาปลูกผมจริง ๆ กลัวว่าจะเป็นผู้ช่วยปลูกให้ ไม่ใช่คุณหมอ”

สำหรับการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน สบายใจได้เลยว่า คุณหมอนินเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองทั้งหมด แบบกราฟต์ต่อกราฟต์ ซึ่งต้องใช้ความละเอียด พิถีพิถัน และความชำนาญเฉพาะตัวมาก ๆ ในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้ได้ทิศทางและองศากลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อให้ผมใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ย้อนผิดทิศผิดทาง 


อีกทั้งต้องเลือกขนาดความหนาบางของเส้นผมที่พอเหมาะกับจุดที่จะปลูก ต้องปักกราฟต์ให้ได้ความหนาแน่นกำลังดี ไม่แน่นเกินไปจนเสี่ยงกราฟต์หลุด และไม่น้อยเกินไปจนดูผมบาง รวมถึงต้องควบคุมระยะความลึกในการปักที่เหมาะสมต่อการเติบโตของเส้นผมใหม่ด้วย ...งานละเอียดขนาดนี้ จึงต้องวางใจให้คุณหมอดูแลเท่านั้น...

“ผมบางพร้อมกันหลายจุดเลย ปัญหาหนักขนาดนี้ การปลูกผมจะยังช่วยได้มั้ย”

ผมบางหลายจุด (เช่น ด้านหน้า กลางศีรษะ และบริเวณขวัญ) เรียกได้ว่าเป็นปัญหาสามัญประจำคนสูงวัยเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลใจไป ลองเข้ามาปรึกษากับคุณหมอนินดูก่อน ซึ่งคุณหมอจะวิเคราะห์สภาพปัญหา และกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอย ว่ามีเพียงพอที่จะเติมเต็มส่วนที่บางได้ทั้งหมดหรือไม่ โดยคุณหมอนินจะอธิบายกับคนไข้ตามความเป็นจริง หากกราฟต์ผมเหลือน้อย หรือต้องไปรอดูคุณภาพกราฟต์ผมหลังย้ายออกจากด้านหลังแล้วอีกทีหนึ่ง ก็จะแจ้งให้คนไข้ทราบอย่างจริงใจ 



ทั้งนี้ สำหรับคนไข้ในวัย 50+ เราพบทั้งกรณีที่ยังมีกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังเพียงพอแบบหายห่วง และกรณีที่เหลือกราฟต์ผมอยู่น้อย ซึ่งในกรณีหลัง คุณหมอจะช่วยคำนวณและจัดสรรการใช้กราฟต์ผมอย่างเหมาะสม เช่น เลือกเติมผมด้านหน้าที่จะส่งผลต่อบุคลิกและรูปลักษณ์มากที่สุดให้ดูหนาแน่นเต็มที่ ขณะที่บริเวณขวัญอาจจะเติมพอให้ดูไม่บางเกินไป เนื่องจากไม่ใช่จุดสังเกตหลัก วิธีนี้ก็ช่วยให้คนไข้คืนความมั่นใจกลับมาได้เช่นกัน

“ผมบางพร้อมกันหลายจุด แต่อยากปลูกเน้นแค่บางจุดเป็นพิเศษ สามารถบอกคุณหมอได้มั้ย”

ที่นามนิน คุณหมอนินจะรับฟังความต้องการของคนไข้เป็นหลักเสมอ เปิดโอกาสให้คนไข้ได้เล่าถึงความกังวลใจ และเป้าหมายในมาปลูกผม เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาร่วมกัน ให้สามารถตอบโจทย์คนไข้ได้ตรงจุด ขณะเดียวกันก็เสริมคำแนะนำถูกต้องตามหลักการแพทย์ด้วย 

ตัวอย่างเช่น คนไข้บางคนอาจจะบอกคุณหมอว่าอยากได้แนว Hairline หรือกรอบหน้าใหม่แบบไหน ซึ่งคุณหมอก็จะช่วยปรับให้แลดูเป็นธรรมชาติเหมาะกับสัดส่วนใบหน้า และคนไข้หลายคนก็ขอคุณหมอให้ปลูกเน้นด้านหน้าเป็นพิเศษ ซึ่งคุณหมอจะช่วยจัดสรรกราฟต์ผมให้ หรือบางรายอาจใช้วิธีปลูกด้านหน้า ควบคู่ไปกับการฉีดสารบำรุง Premium Hair Booster Treatment เพื่อแก้ปัญหาผมบางกลางศีรษะควบคู่กันไป ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจไม่แพ้กัน

ที่สำคัญ ยิ่งสูงวัย ปัญหาผมบางอาจยิ่งรุนแรงขึ้น ตรงข้ามกับผมต้นทุนด้านหลังที่เหลือน้อยลงหรือไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น การตัดสินใจปลูกผมให้เร็วที่สุด ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสเติมเต็มผมให้กลับมาหนาแน่นเต็มที่ได้มากกว่า และสำหรับใครที่ยังรู้สึกว่า สูงวัยแล้วจะปลูกผมไปทำไม ปลูกไปให้ใครดู เหล่าคนไข้วัย 50+ ของนามนินเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนเลยว่า คนสูงวัยก็ยังต้องมีสังคม หลายคนยังทำงานต่อเนื่อง ยังออกไปพบปะเพื่อนฝูงญาติมิตร หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ดังนั้น การปลูกผมในวัยนี้ก็ยังถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างไม่ต้องกังวล

ปลูกผมครั้งแรก “เลือก” ให้ดีที่สุด
ก่อนตัดสินใจเลือกการปลูกผม ลองพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าเลือกที่ “คุณภาพ” หรือ “ราคา” เพราะการปลูกผมเป็นศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน มีรายละเอียดซับซ้อน หากเลือกที่ราคาเป็นหลักมากกว่าคำนึงถึงคุณภาพ อาจกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด สร้างปัญหาใหม่ที่ต้องตามแก้ไขกันอีกยาวค่ะ

ทำไมถึงต้องเน้นย้ำอยู่เสมอว่า การปลูกผมต้องเลือกให้ดีตั้งแต่ครั้งแรก เพราะหากเลือกผิดตั้งแต่แรก การจะปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขนั้นยากกว่ามากค่ะ ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง อย่างแรกคือ ต้นทุนผมที่เหลือบริเวณ Safe Zone นั้นพอหรือไม่ ถ้าเหลือน้อยเกินไป จำเป็นต้องนำผมจากนอก Safe Zone มาปลูก ผมที่ปลูกใหม่ก็จะเผชิญปัญหาผมร่วงบางจากกรรมพันธุ์เช่นเดิม และต้องคอยระมัดระวังในการดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกต่อไปอีก ผลลัพธ์การปลูกผมเพื่อแก้ไขก็จะ “ดีกว่าเดิม แต่ยังมีข้อควรระวัง”


อีกข้อจำกัดหนึ่งที่คนทั่วไปอาจจะมองข้ามคือ ทิศทางของผมที่ปลูกในครั้งแรกนั้นเป็นอย่างไร เป็นธรรมชาติ แนบเนียนกับผมเดิมหรือไปกันคนละทิศคนละทางกับผมเดิม ถ้าคำตอบคือ “เส้นผมไม่สามัคคีกัน” นั่นยิ่งกลายเป็นการปลูกผมครั้งแรกนั้นได้สร้างปัญหาใหม่ที่แก้ยากยิ่งกว่าเดิม จะรื้อออกเพื่อปลูกใหม่ก็ทำไม่ได้ แม้แพทย์จะอยากทำมากแค่ไหนก็ตาม ทำได้เพียง แก้ไขให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 



หากตัดสินใจจะปลูกผม สิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือ “คุณภาพ” ทั้งในด้านวิธีการ ขั้นตอนการทำหัตถการ ความชำนาญของแพทย์ เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ และต้องครอบคลุมไปจนถึงการดูแลหลังการปลูกผม การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านจะช่วยให้การตัดสินใจไม่ผิดพลาด หากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร 

วิธีที่ดีที่สุดคือ การเดินเข้าไปปรึกษาปัญหากับแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทาง โดยเฉพาะที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาตั้งแต่ครั้งแรก ออกแบบการรักษาให้เฉพาะเป็นรายบุคคล และแพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งยังดูแลต่อเนื่องหลังการปลูกผม ดูแลครบทุกมิติตั้งแต่รากผมจนถึงปลายเส้นผม สายส่องรีวิวที่ว่าแน่ก็ยังแพ้การเปิดใจเดินเข้าไปคุยกับหมอนะคะ  


การปลูกผมนั้นใช้ระยะเวลายาวนานเป็นปีจึงจะได้เห็นผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์ และที่สำคัญ เส้นผมนั้นจะอยู่กับคุณและสะท้อนความเป็นตัวตนของคุณไปอีกตลอดชีวิต ในเมื่อเป็นสิทธิ์ของคุณเองในการเลือก ขอให้เลือกให้ดีตั้งแต่ครั้งแรก เพราะในนาทีที่คุณได้สัมผัสเส้นผมใหม่ได้อย่างใจที่รอคอย คุณจะเข้าใจคำว่า “คุ้มค่า” ด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง และหลังจากนั้น นอกจากความคุ้มค่าทางใจแล้ว ยังได้กำไรเป็นความสุขในการใช้ชีวิตแบบยาวๆ และยั่งยืนอีกด้วยค่ะ 
ปลูกผมให้ดี เริ่มที่ “กราฟต์ผม”
กว่าจะถึงปลายทางของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์เป็นผมใหม่หนาแน่น เรียงตัวสวย เนียนเป็นธรรมชาติ ทราบหรือไม่ว่า จุดสตาร์ทของเส้นทางสู่ผมใหม่นั้น จะต้องตั้งต้นอยู่บนพื้นฐาน “กราฟต์ผมต้นทุน” ที่ดี ซึ่งแต่ละคนจะมีลักษณะและคุณภาพของกราฟต์ผมไม่เหมือนกัน และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้การปลูกผมประสบความสำเร็จมากน้อยแตกต่างกันตามไปด้วย 

กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มของรากผมและเส้นผมที่อยู่รวมกันประมาณ 1-4 เส้นในรูขุมขนเดียว และคำว่ากราฟต์ผมต้นทุน ก็หมายถึงกราฟต์ผมเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือ Safe Zone ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาได้ โดยในขั้นตอนการปลูกผม จะต้องย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณดังกล่าวออกมาเตรียมปลูกใหม่ทีละกราฟต์ โดยเลือกกราฟต์ผมที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด

ในความเป็นจริงแล้ว กราฟต์ผมต้นทุนของเรามีคุณภาพไม่เท่ากัน เนื่องมาจากสาเหตุหลายข้อ ดังนี้

  • กรรมพันธุ์ 
เป็นตัวกำหนดให้บางคนมีผมเส้นหนา หรือเส้นบาง หรือมีความหนาแน่นของผมแตกต่างกัน เช่นบางคนมีผม 1-2 เส้นใน 1 กราฟต์ ขณะที่บางคนมีผม 3-4 เส้นใน 1 กราฟต์ ซึ่งจะทำให้ผมดูหนาแน่นกว่า

  • วัย 
เมื่ออายุมากขึ้น แน่นอนว่าสุขภาพเส้นผมจะค่อย ๆ เริ่มเสื่อมถอยลง และมีโอกาสหลุดร่วงมากขึ้น นี่เองเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณหมอบอกว่า ไม่ควรรอจนสูงวัยแล้วจึงค่อยตัดสินใจมาปลูกผม เพราะทั้งคุณภาพและปริมาณของกราฟต์ผมต้นทุนอาจจะน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง

  • การดูแลสุขภาพ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้ครบตามโภชนาการ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การใช้สารเคมีและความร้อนกับเส้นผมมากเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้สุขภาพผมแย่ลง ไม่คงทนแข็งแรง เสี่ยงต่อการหลุดร่วง

  • แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะ
เป็นตัวการทำร้ายเส้นผมให้อ่อนแอ แห้ง แตกปลาย เปราะหักหรือหลุดร่วงง่ายกว่าที่ควร

  • โรคและความเจ็บป่วยต่าง ๆ
โรคบางประเภท รวมถึงการต้องกินยาจำเป็นบางชนิด ก็มีส่วนในการส่งผลข้างเคียงต่อเส้นผมเช่นกัน อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงมากขึ้นกว่าปกติ

ทั้งหมดนี้ ทำให้ลักษณะกราฟต์ผมของแต่ละคน มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น ผมตรง ผมหยิก ผมเส้นเล็กบาง ผมเส้นหนาใหญ่ กราฟต์ผมเส้นเดี่ยว หรือกราฟต์ผม 4 เส้น ซึ่งแพทย์จะต้องวิเคราะห์สภาพกราฟต์ผมต้นทุนเหล่านี้ เพื่อนำมาวางแผนการปลูกผมใหม่ และคำนวณว่าควรจะใช้กราฟต์ผมปริมาณเท่าไร เพื่อเติมเต็มส่วนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง ให้กลับมาหนาแน่นอีกครั้ง






ทำไมแพทย์จึงต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางแผนและคำนวณกราฟต์ผม นั่นก็เป็นเพราะ กราฟต์ผมต้นทุนบนศีรษะของเรามีอยู่อย่างจำกัด หากจะปลูกผมใหม่ ควรใช้กราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone เท่านั้น เนื่องจากผมบริเวณนี้มีคุณสมบัติในการต้านฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหลุดร่วง เมื่อย้ายผมจากบริเวณนี้ไปปลูกใหม่ คุณสมบัติความคงทนแข็งแรงนี้ก็จะติดตามไปด้วย 


ดังนั้น การปลูกผมจึงไม่ใช่หัตถการที่ทำได้บ่อย ๆ ในชีวิตของคนคนหนึ่งอาจปลูกผมใหม่ได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นเอง แพทย์จึงต้องวิเคราะห์ และคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และวางแผนไว้เผื่อในวันข้างหน้าหากจะต้องมีการปลูกผมซ้ำด้วย เนื่องจากผมในบริเวณอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเคียงอาจเกิดภาวะผมร่วงและผมล้านต่อจากจุดเดิมที่เคยปลูกไว้ก็เป็นได้

แต่ไม่ว่ากราฟต์ผมต้นทุนของเราจะมีคุณภาพเป็นอย่างไร ก็สามารถลองเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผม เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดที่สุด โดยใช้กราฟต์ผมต้นทุนอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอแนะทางออกอื่น ๆ เช่น หากกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ไม่เพียงพอ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้กราฟต์ผมนอก Safe Zone (ซึ่งไม่ได้มีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT) ร่วมด้วยได้ เพียงแต่ต้องดูแลเป็นพิเศษ รับประทานยา และรับบริการ Treatment อย่างสม่ำเสมอ และหลังจากเข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรใส่ใจดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทั้งผมใหม่ และผมเดิม มีความแข็งแรง คงทน อยู่กับเจ้าของเส้นผมต่อไปแบบถาวร


“เส้นผม” ชีวิตจะเสียศูนย์ถ้าปล่อยให้สูญเสีย
ปัญหาผมร่วงผมบางเหมือนระเบิดเวลา ยิ่งรอยิ่งรุนแรง แก้ไขได้ยาก หรือในที่สุดอาจต้องปล่อยให้ปัญหาระเบิดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหาอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เมื่อใดที่สังเกตได้ว่าเริ่มมีความผิดปกติเกี่ยวกับเส้นผม เสียงนับถอยหลังของระเบิดเวลาจะดังขึ้นทันที เริ่มด้วยความสงสัย กังวล ตามมาด้วยความพยายามปกปิด หวาดระแวง สูญเสียความมั่นใจ บุคลิกภาพเปลี่ยนไป หากยื้อเวลาไปเรื่อยๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป   



ก่อนหน้านี้การปลูกผมยังเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ทั้งวิธีการที่ซับซ้อน และน่ากลัว การดูแลหลังการปลูกผมก็มีขั้นตอนมาก ยุ่งยาก ต้องพักฟื้นนาน กระทบชีวิตประจำวันแทบไม่ต่างกับการผ่าตัดใหญ่ การปลูกผมจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ไกลตัว ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมจริงๆ ถึงขั้น “อุทิศตน” จึงจะเข้าถึงการปลูกผมได้

แต่ในปัจจุบัน การปลูกผมพัฒนาขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านเทคนิคและอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการปลูกผม ดังที่ พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจน จึงได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT และต่อยอดไปถึงการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง



การปลูกผมเทคนิค NEAT เป็นการผสานกันอย่างลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้การปลูกผมมอบทั้งความสวยงามและความสะดวกสบายให้ผู้เข้ารับบริการ เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ทุกอย่างต้องไม่กระทบกับกิจวัตรประจำวัน ผลลัพธ์จากการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่สัมผัสได้คือ

  • กรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบโดยแพทย์ตามหลัก Golden Ratio เสริมให้รูปหน้ามีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น
  • การปลูกผมด้วยมือแพทย์ทุกเส้น จึงมั่นใจได้ทั้งความหนาแน่นและทิศทางของผมที่เป็นธรรมชาติ
  • เทคนิคการเจาะนำผมออกจากด้านหลังทีละเส้นแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผม ไม่ทิ้งรอยแผล 
  • อุปกรณ์ที่ใช้ปลูกผมมีขนาดเล็กมาก ปลูกผมได้ละเอียด แม่นยำ แผลเล็ก เจ็บน้อย ไม่ช้ำบวม ไม่ต้องพักฟื้นหลังการปลูกผม ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ดูแลหลังการปลูกผมต่อเนื่อง ติดตามผลเป็นระยะ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นเส้นผมใหม่ที่สมบูรณ์





เมื่อการปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ก็ไม่ควรปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางมาทำลายความมั่นใจและตัวตนของคุณได้อีก เปิดใจให้ NEAT ได้เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ที่ดูดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสรับสิ่งดีๆที่จะเข้ามาในชีวิต ซึ่งไม่ได้เป็นคำกล่าวที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะทุกคนที่เลือกปลูกผมเทคนิค NEAT  ต่างได้สัมผัสกับความรู้สึกดีเป็นพิเศษแบบนี้มาแล้วทั้งสิ้น

หยุดวงจรระเบิดเวลาของปัญหาเส้นผมได้ทันที อยู่ที่การตัดสินใจของตัวคุณเอง         
   

5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม
การปลูกผม น่าจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลาย ๆ คน เพราะถือเป็นการลงทุนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่เรื่องของตัวเงิน แต่ยังมีใบหน้าและเส้นผมของเราเองเป็นเดิมพัน!! เราจึงมักได้ยินบ่อย ๆ ว่า ก่อนปลูกผม ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ซึ่งก็เป็นคำแนะนำที่นามนินอยากฝากถึงคนรักผม คนที่กำลังตัดสินใจเรื่องการปลูกผม หรือคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมด้วยเช่นกัน 

และนี่คือ 5 Facts สำคัญ ที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงควรศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนเข้ารับการปลูกผม ซึ่งอาจเป็นเพียงครั้งหนึ่งครั้งเดียวในชีวิต


Fact No.1
การปลูกผม โอกาสเพียงครั้งเดียวที่ไม่ควรปล่อยให้พลาด

การปลูกผมไม่เหมือนการทำหัตถการเสริมความงามอื่น ๆ ที่มีโอกาสแก้ไขซ้ำได้เป็นครั้งที่  3 4 5 หรือบ่อยครั้งเท่าไหร่ก็ได้ไม่มีสิ้นสุด เพราะการปลูกผม จะต้องใช้ผมของเจ้าตัวเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมตรงไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นผมจาก Safe Zone บริเวณด้านหลังท้ายทอย ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนั่นเอง

มาทำความเข้าใจหลักการปลูกผมง่าย ๆ กันก่อน เคยลองสังเกตมั้ยว่า ในคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะผมล้าน ส่วนของผมที่มักจะเหลืออยู่กับหนังศีรษะของเราได้นานที่สุด ก็คือผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่าผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone นั่นเป็นเพราะผมตรงนั้นมีคุณสมบัติในการต้านทานฮอร์โมน DHT ตัวการสำคัญที่ทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย แพทย์จึงต้องเลือกใช้ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ย้ายออกมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง เพื่อเสริมเติมความหนาแน่น ที่พิเศษก็คือ แม้จะย้ายมาปลูกใหม่แล้ว แต่คุณสมบัติความทนทานไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะยังคงอยู่กับผมส่วนนี้ไปตลอด 


ถึงตรงนี้ คุณผู้ชายคงโล่งใจกันไปเป็นแถว ๆ ว่าเรามีตัวช่วยชั้นดีอยู่บนศีรษะของเรานี่เอง แต่ยัง!! ยังไม่จบแค่นั้น ธรรมชาติยังให้โจทย์ใหญ่ท้าทายพวกเรา ด้วยการจำกัดพื้นที่ของ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยไว้เพียงไม่มาก นั่นหมายความว่า ผมต้นทุนที่เราพอจะพึ่งพาได้ในยามปลูกผม มีอยู่ในปริมาณจำกัด ทำให้เรามีโอกาสปลูกผมใหม่กันได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น เพราะผมต้นทุนมีน้อย และแพทย์ก็ไม่สามารถย้ายออกมาใช้ได้ทั้งหมด จะต้องคงเหลือไว้เพื่อไม่ให้ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยดูบางจนผิดธรรมชาติด้วย ยิ่งใครที่อายุมากขึ้น ผมต้นทุนก็ยิ่งน้อยลงไปตามกาลเวลา ทำให้การจัดการปัญหาผมบางยิ่งยากขึ้นไปอีก บางคนปลูกได้เพียงครั้งเดียว ผมต้นทุนก็หมดแล้ว บางคนตัดสินใจมาพบแพทย์ช้าเกินไปจนผมต้นทุนเหลือไม่พอปลูกในครั้งแรกด้วยซ้ำ 

ดังนั้น การศึกษาข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเลือกตัดสินใจ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อไม่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิต


Fact No.2
กราฟต์ผม ศัพท์เทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้

ในข้อแรก เราพูดถึงการย้ายผมต้นทุนออกจาก Safe Zone เพื่อมาปลูกใหม่ ขอขยายความอีกนิดว่า ในการปลูกผม เราไม่ได้ย้ายผมออกทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่ย้ายออกทีละ 1 กราฟต์ผม คำว่ากราฟต์ผมนั้นก็หมายถึงกอผมที่มีเส้นผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น และใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะก็จะมีกราฟต์ผม 1 กราฟต์ 

ทำไมเราต้องรู้จักกราฟต์ผม นั่นก็เพราะคุณหมอจะวิเคราะห์ปัญหาผมของเรา และสภาพผมต้นทุน ร่วมกับปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ที่เหมาะสม ว่าควรย้ายกราฟต์ผมออกมาเท่าไหร่ และจะปลูกอย่างไรให้หนาแน่นเหมาะสมกับพื้นที่ โดยมีหลักอยู่ว่า คุณหมอจะปลูกผมใหม่ประมาณ 55-60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตร ซึ่งเป็นความหนาแน่นที่กำลังดี ใกล้เคียงกับผมจริง แลดูเป็นธรรมชาติ ไม่น้อยเกินไปจนผมยังดูเหมือนบางอยู่ และไม่มากเกินไปจนผมใหม่เบียดแย่งสารอาหารกัน จนอาจนำไปสู่การหลุดร่วงได้ง่าย 


ที่สำคัญ เราจะได้ทำความเข้าใจ และลองประเมินกราฟต์ผมที่ควรใช้ในการปลูกเบื้องต้นด้วยตนเอง จะช่วยให้เราสามารถวางแผนร่วมกับคุณหมอได้อย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการย้ายกราฟต์ผมในปริมาณนั้น ๆ จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า คุ้มราคาอย่างแท้จริง


Fact No.3
กระบวนการปลูกผม การเดินทางร่วมกันระหว่างหมอกับคนไข้

การปลูกผมเต็มไปด้วยรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนมากมาย หากลองทำความเข้าใจก็จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับเส้นผมและหนังศีรษะ ขณะเดียวกันก็เข้าใจปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการออกแบบการรักษาของคุณหมอ รวมไปถึงรับรู้ถึงบทบาทของทั้งคุณหมอและคนไข้ ที่จะต้องให้ความร่วมมือกันตลอดกระบวนการปลูกผม


ก่อนปลูกผม คุณหมอจะรับฟังปัญหาเส้นผมของคนไข้ เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง จากนั้นจึงประเมินและคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ในการปลูกผมใหม่ ตามมาด้วยการออกแบบกรอบหน้า หรือ Hairline โดยใช้สัดส่วนความงาม Golden Ratio เพื่อเติมเต็มแนวไรผมบริเวณหน้าผาก และเสริมให้ใบหน้าดูหวานละมุน อ่อนเยาว์ หรือคมเข้มสมาร์ทขึ้น

ในวันทำหัตถการปลูกผม ขั้นตอนจะเริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องตัดผมหรือโกนผม และใช้เทคนิคขั้นบันได หมายถึงการเจาะย้ายกราฟต์ออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกัน เพื่อซ่อนรอยแผลได้อย่างแนบเนียน ก่อนจะนำกราฟต์ผมแช่ในน้ำยารักษาสภาพผมทันที และตัดแต่งกราฟต์ผมให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก จากนั้นคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมให้ด้วยตัวเอง ทีละกราฟต์ ๆ จนได้ความหนาแน่นของเส้นผมที่เต็มแน่นกำลังดี 


และจากนั้นอีก 1 ปีเต็ม คือขั้นตอนการดูแลติดตามผลหลังปลูก ซึ่งคุณหมอจะคอยตรวจการเจริญเติบโตของเส้นผมทุกระยะ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตนเอง เพื่อให้เส้นผมปลูกใหม่มีอัตราการรอดได้มากที่สุด เนื่องจากผมปลูกใหม่จะใช้เวลา 1 ปีตามวงจรธรรมชาติ จึงจะแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ ตรงนี้เองที่คนไข้จะต้องให้ความร่วมมือในการทะนุถนอมและบำรุงเส้นผมอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้น เส้นผมก็มีโอกาสหลุดร่วง จนกลับไปมีอาการผมบางซ้ำอีกก็เป็นได้


Fact No.4
สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องปลูกผมด้วยแพทย์

สำคัญแน่นอน เพราะการปลูกผมต้องประยุกต์ใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองเชิงศิลป์ ในการออกแบบการรักษาและออกแบบความงามไปพร้อม ๆ กัน งานนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริงเท่านั้น จึงจะมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นผมเพียงพอ 

และในขณะที่ทำหัตถการปลูกผมนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ต้องระมัดระวังและใส่ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปักกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นตามจำนวนกราฟต์ที่คำนวณไว้ ซึ่งจะหนาแน่นกำลังดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป การคัดเลือกเส้นผมที่มีขนาด ความหนาบาง และความโค้ง ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เพราะผมบริเวณต่าง ๆ อย่างเช่นตรงกลางศีรษะ หรือแนวไรผมบริเวณหน้าผาก ย่อมมีลักษณะที่ต่างกัน ซึ่งแพทย์จะต้องมีความละเอียดอ่อนตรงจุดนี้


นอกจากนั้น แพทย์จะต้องปักกราฟต์ผมโดยเรียงให้ได้ทิศทางและองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เพื่อความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะทิศทางผมเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถสังเกตผลลัพธ์ได้ในช่วงแรก ต้องรอให้ผมยาวขึ้นเสียก่อนจึงจะเห็น และถ้าชี้ผิดทิศทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ก็จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก 

และสิ่งที่แพทย์ต้องควบคุมยังรวมไปถึงระยะความลึกในการปักกราฟต์ผมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารากผมจะเชื่อมต่อกับชั้นหนังศีรษะอย่างดี สามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงได้อย่างเต็มที่ และเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผลว่า ทำไมแพทย์จึงควรลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกกราฟต์ แบบที่ใครก็ทำแทนไม่ได้นั่นเอง


Fact No.5
อุปกรณ์ปลูกผมที่ล้ำสมัยและได้มาตรฐาน 

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ชำนาญก็ยังต้องการผู้ช่วยมือหนึ่งเหมือนกัน นั่นก็คืออุปกรณ์ในการปลูกผมต่าง ๆ อย่างเช่นอุปกรณ์ช่วยเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย เพื่อคงสภาพของกราฟต์ผมไว้ได้มากที่สุด และอุปกรณ์เด่นที่ขาดไม่ได้ ก็คือปากกาปลูกผม หรือ Implanter Pen สำหรับปักกราฟต์ผมเพื่อปลูกใหม่ลงในพื้นที่ที่ต้องการ 


โดย Implanter Pen จะช่วยถนอมรากผมไม่ให้บอบช้ำ ต่างจากการใช้ Forceps หรือคีมคีบ ซึ่งเป็นวิธีปลูกผมที่ใช้กันในสมัยก่อน ทำให้อัตราการอยู่รอดของเส้นผมสูงขึ้น แพทย์เองก็สามารถปลูกผมได้อย่างละเอียด แม่นยำ รวดเร็ว และควบคุมทิศทาง องศา ตลอดจนระยะความลึกในการปลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งยังลดอาการเจ็บหรือบวมซึ่งเป็นผลข้างเคียงในคนไข้บางรายได้อีกด้วย

อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้ จึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การปลูกผมประสบความสำเร็จได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

และนี่ก็คือ 5 Facts ควรรู้ก่อนปลูกผม ที่จะช่วยให้เราเห็นภาพมากขึ้นว่า หากจะตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต นอกเหนือจากเรื่องของราคาแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอะไรร่วมด้วยอีกบ้าง อย่าลืมว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต โดยเรามีโอกาสปลูกผมเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อดูแลเส้นผมให้อยู่กับเราไปนาน ๆ

“นามนิน” เข้าใจเส้นผม เข้าถึงตัวตน
เส้นผม เส้นเล็กละเอียด บางๆเบาๆ ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจไม่เบาเลยค่ะ หากอยู่ในวัยที่ยังสามารถเลือกทรงผมได้อย่างใจต้องการ ทรงผมแต่ละทรง สีผมแต่ละสี ล้วนเป็นเครื่องสะท้อนบุคลิกของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จะผมสั้น ผมยาว สีดำ สีน้ำตาลหรือสีสดใสจนแสบตา ก็ล้วนเลือกสรรมาเพื่อบ่งบอกความคิดและอิสระในการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นได้ชัดเจน

หากอยู่ในวัยทำงานไปจนถึงวัยกลางคน ทรงผมก็เปลี่ยนสถานะไปเป็นตัวช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี เหมาะสมกับหน้าที่การงาน น่าประทับใจต่อผู้ที่พบเห็น และหากจะมองให้ลึกไปกว่านั้น “สุขภาพเส้นผม” ยังเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงการดูแลตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย  ในทางตำราโหราศาสตร์ของจีน หรือโหงวเฮ้ง ถือว่าเส้นผมเป็นทิศเหนือ ซึ่งมีผลต่ออาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนและความมั่งคั่งร่ำรวย หลายคนจึงเชื่อว่า การดูแลรักษาสุขภาพของเส้นผมให้นุ่มสลวย เป็นเงางาม มีสุขภาพดีและแข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะส่งผลให้โชคชะตาดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ดี เพราะอย่างน้อยการมีสุขภาพผมดีก็ย่อมส่งผลดีต่อบุคลิกของตัวคุณเองอยู่แล้วค่ะ

พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงใด จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมและการดูแลสุขภาพเส้นผมแบบองค์รวมที่จะช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาเส้นผมในภาวะต่างๆ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

“นามนิน คลินิก” ให้การรักษา ดูแล ฟื้นฟูและบำรุงเส้นผม โดยออกแบบการรักษาเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการที่สุด ถ้าจะถามว่ามีใครที่จะเข้าใจเส้นผมไปมากกว่าตัวเราเอง ก็ต้องตอบว่า ทีมแพทย์ของนามนินนี่แหละค่ะ ที่ “รักและเข้าใจ” เส้นผมได้อย่างลึกซึ้งถึงระดับเซลล์มากกว่าเจ้าของเส้นผมเสียอีก

มามอบอิสระให้กับเส้นผมเพื่อเผยความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่คุณต้องการ “นามนิน” พร้อมและรอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการดูแลเส้นผมอย่างล้ำลึก ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “ผมสวย” เพราะเราจะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ เพื่อให้คุณพร้อมเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตที่จะตามมาอีกมากมายจาก “เส้นผม” ของตัวคุณเองค่ะ

หลักสูตรปลูกผม กลุ่มเล็ก - เจาะลึก
ADVANCE HAND-ON FUE HAIR TRANSPLANT TRAINING
หลักสูตรปลูกผม กลุ่มเล็ก - เจาะลึก
เพื่อแพทย์โดยเฉพาะ

ร่วมเติมเต็มประสบการณ์และอัปเดตทักษะความรู้ กับแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น ในหลักสูตรอบรมด้านการปลูกผมขั้นสูง ด้วยเทคนิค Micrograft Forceps FUE เจาะลึกทฤษฎีตามหลักการแพทย์อย่างเข้มข้น ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเตรียมเครื่องมือทำหัตถการ การออกบแบบแนวผมด้านหน้า รวมถึงเทคนิคการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาเตรียมสภาพให้พร้อม และปลูกบนพื้นที่ให้ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมเข้าชม Live Demonstration การปลูกผมให้ผู้เข้ารับบริการในห้องหัตถการ เพื่อฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์จริง โดยเป็นกลุ่มขนาดเล็กเพียง 6 คน เพื่อถ่ายทอดเนื้อหาได้อย่างทั่วถึง ครบจบทุกขั้นตอนในเวลาเพียง 2 วัน

นามนินขอแสดงความยินดีกับแพทย์ทุกท่าน ที่ผ่านการอบรมด้วยดีค่ะ

























































ปลูกผมใหม่ ทำไมต้องแคร์ “ผมต้นทุน”
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำความรู้จักกับเทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ก็คงจะได้ยินคำว่า “ผมต้นทุน” บ่อย ๆ แน่ ๆ ...แล้วทำไมต้องแคร์ผมต้นทุนขนาดนั้น... มาเจาะลึกความสำคัญของผมต้นทุนกันให้มากขึ้น เพื่อให้เราวางแผนการรักษาภาวะผมร่วงและผมบางร่วมกับแพทย์ผู้ชำนาญได้ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง

เส้นผม ...เรื่องใหญ่ ใกล้ตัว...
เส้นผมของคนเรามีลักษณะแตกต่างกัน โดยปัจจัยทางพันธุกรรมอาจทำให้บางคนมีเส้นผมเล็กไม่ค่อยมีน้ำหนัก ขณะที่บางคนมีเส้นผมหนา หยิกฟู จัดทรงยาก ขณะเดียวกัน การที่ต่อมน้ำมันบนหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมาน้อยหรือมาก ก็ทำให้เกิดผมแห้งหรือผมมัน อีกทั้งหากใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผมแตกปลายได้ด้วย

ลักษณะอีกอย่างหนึ่ง ก็คือความหนาแน่นของเส้นผม บางคนมีผมดกหนา บางคนมีผมบาง ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็มาจาก “กราฟต์ผม” ด้วย กราฟต์ผมหรือกอผม คือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันใน 1 รูขุมขนบนหนังศีรษะ อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้นในกราฟต์ผมเดียว ซึ่งตรงนี้เองมีส่วนที่ทำให้คนเรามีผมต้นทุนที่สามารถนำไปปลูกใหม่ได้มากหรือน้อยไม่เท่ากัน



ผมต้นทุน คืออะไร
ผมต้นทุน ก็คือผมบริเวณ Safe Zone ที่อยู่ด้านหลังท้ายทอย คุณสมบัติพิเศษของผมที่ขึ้นบริเวณนี้ ก็คือความสามารถในการต้านทานฮอร์โมน DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งโดยปกติแล้วจะออกฤทธิ์ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่งอกขึ้นมามีลักษณะเส้นสั้นและบาง อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย จนเป็นสาเหตุให้หลาย ๆ คนเกิดภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านได้

ดังนั้น ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยจึงมีความแข็งแรง ยากที่จะหลุดร่วงก่อนเวลา และเป็นผมในส่วนที่แพทย์ผู้ชำนาญเลือกนำมาใช้ในการปลูกผมใหม่ เพราะแม้จะย้ายมาปลูกบนพื้นที่ใหม่ในบริเวณใดก็ตาม คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่ายนี้ จะยังอยู่ไปตลอดวงจรชีวิตของเส้นผมเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอยนี้ มีปริมาณจำกัด หมดแล้วหมดเลย อีกทั้งแต่ละคนก็มีปริมาณไม่เท่ากัน เพราะอย่างที่กล่าวถึงไปแล้วว่า ในกราฟต์ผมหนึ่งอาจมีผมได้ตั้งแต่ 1-4 เส้น บางคนที่มีเส้นผมเพียง 1 หรือ 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ นั่นแปลว่ามีผมต้นทุนที่นำไปปลูกใหม่ได้ค่อนข้างน้อย ทำให้การปลูกผมใหม่ของแต่ละคน มีข้อจำกัด ไม่อาจปลูกได้ตามใจหรือปลูกกี่ครั้งก็ได้แบบที่หลายคนเคยเข้าใจ


ใช้ผมต้นทุนอย่างไร ให้เหมาะสม
ถ้าอย่างนั้นแล้ว แพทย์ผู้ชำนาญจะมีวิธีการวิเคราะห์ และบริหารจัดการผมต้นทุนของผู้เข้ารับบริการปลูกผมอย่างไร ในขั้นตอนแรก ๆ ของการปลูกผม แพทย์จะต้องประเมินพื้นที่ปลูกผมใหม่ ว่ากินบริเวณกว้างแค่ไหน จำเป็นต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนมากน้อยเท่าไร แล้วมาดูปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่คนไข้มี ก่อนจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่จะใช้ในการปลูกผมใหม่ให้ เหมาะสม และ คุ้มค่า มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า หากถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยแล้ว บริเวณนั้นก็จะไม่มีผมขึ้นใหม่มาทดแทนได้อีก


ดังนั้น แพทย์จึงต้องถอนย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกในปริมาณที่เหมาะสม เพียงพอที่จะเติมเต็มความหนาแน่นและแก้ปัญหาผมบางในพื้นที่ปลูกใหม่ หรือหากยังมีกราฟต์ผมต้นทุนเหลือแม้ปลูกครบแล้ว แพทย์ก็จะทำการปลูกแทรกให้โดยไม่ทิ้งกราฟต์ผมต้นทุนให้เสียเปล่า ขณะเดียวกันก็ไม่ถอนย้ายออกมามากเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ผมด้านหลังบางลงจนจัดทรงผมเพื่อปกปิดได้ยาก ที่สำคัญ แพทย์อาจต้องเหลือผมต้นทุนไว้สำหรับการปลูกในครั้งต่อไป ในกรณีที่คนไข้มีแนวโน้มว่าจะมีภาวะผมร่วงผมบางต่อในบริเวณอื่น ๆ อีกด้วย

ผมต้นทุน จึงเป็นตัวแปรสำคัญในการวางแผนปลูกผมของแพทย์ และต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด ถี่ถ้วน รอบคอบ โดยผู้เข้ารับบริการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจในขั้นตอนและเทคนิคการปลูกผม รวมถึงพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อช่วยกันใช้ทรัพยากรเส้นผมที่มีอยู่จำกัดนั้น ให้คุ้มค่าและได้ผลมากที่สุดนั่นเอง

ปลูกผมด้วยแพทย์เส้นแรกถึงเส้นสุดท้าย
ในบรรดาปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผมให้การปลูกผมแต่ละครั้งประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจสำคัญในการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ก็คือตัว “แพทย์” ผู้ดูแลการปลูกผมในทุกขั้นตอน 

ทำไมการปลูกผม จึงเป็นหัตถการที่ไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แต่ต้องอาศัยบุคลากรผู้มีความชำนาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ และทำไมคุณจึงไม่ควรเสี่ยงมองข้ามความสำคัญของเส้นผมเส้นเล็ก ๆ แต่ควรเลือกวางใจที่จะจบปัญหาเส้นผมกับแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ...ไปหาคำตอบพร้อมกันกับนามนินในบทความนี้ได้เลย...


ปลูกผม 
ศาสตร์และศิลป์อันละเอียดอ่อน

อย่างที่นามนินย้ำเสมอมาว่า การปลูกผมเป็นศาสตร์และศิลป์ เพราะนี่คือหนึ่งในศาสตร์ด้านการแพทย์ที่มีการพัฒนาเทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต่อเนื่องมายาวนาน และแม้ว่าปัจจุบัน วิทยาการที่ก้าวหน้าจะทำให้ขั้นตอนการปลูกผมมีความทันสมัยมากขึ้น และคนไข้ผู้เข้ารับการปลูกผมเองก็ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ทักษะความชำนาญของแพทย์ ก็ยังเป็นหัวใจสำคัญของการปลูกผมไม่เปลี่ยนแปลง 

ผมอาจจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ไม่ได้มีความสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้ว ผมก็เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย มีความหลากหลาย และมีความซับซ้อนไม่แพ้อวัยวะอื่น ๆ จึงต้องมีแพทย์ที่ศึกษาด้านเส้นผมแบบเฉพาะทาง อีกทั้งในปัจจุบันเทรนด์การดูแลเส้นผมยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนเกือบทุกเพศทุกวัยเริ่มหันมาเลือกแนวทางการปลูกผมเพื่อรักษาภาวะผมร่วงและผมบางกันมากขึ้น โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายหรือผู้สูงวัยเท่านั้นเหมือนแต่ก่อน เราจึงเห็นโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่งในหลาย ๆ ประเทศ เร่งพัฒนาเทคนิคการปลูกผม พร้อมทั้งฝึกฝนและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันในวงการแพทย์ผู้ชำนาญอย่างกว้างขวาง เพื่อยกระดับทักษะของแพทย์ให้สามารถดำเนินขั้นตอนการรักษาที่ล้วนต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในทุก ๆ ขั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ศาสตร์การปลูกผม จึงเป็นศาสตร์การแพทย์มาแรงที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย

ขณะเดียวกัน การปลูกผม ก็ไม่เพียงต้องการทักษะทางการแพทย์อย่างเดียว แต่ยังต้องการมุมมองเชิงศิลป์ หรือความเข้าใจในเรื่องของความงามเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากเส้นผมมีความเกี่ยวเนื่องกับรูปลักษณ์ของเราทุกคน และรูปลักษณ์ที่ว่านี้ ก็มีความหมายและความสำคัญในฐานะเครื่องสะท้อนบุคลิกภาพ ตัวตน ไปจนถึงการได้รับการยอมรับในสังคม ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจ ความภูมิใจ หรือความสุขจากภายในด้วย 

การรักษาภาวะผมร่วงและผมบาง จึงไม่เพียงเป็นการรักษาอาการผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะเท่านั้น แต่ยังเป็นศิลปะในการเสริมรูปลักษณ์ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของสุนทรียศาสตร์ด้านความงามนั่นเอง



ความต้องการของคนไข้
หัวใจของการรักษา

ในการให้บริการปลูกผมนั้น นามนินจะยึดหลักคนไข้เป็นศูนย์กลางเสมอ ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ โดยแพทย์จะรับฟังปัญหาและเสียงความต้องการของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาให้ตอบโจทย์คนไข้ และตอบโจทย์วิชาการด้านการแพทย์ไปพร้อม ๆ กัน 

ที่สำคัญ แพทย์ยังเข้าใจเป็นอย่างดีว่า คนไข้แต่ละคนมีรูปแบบปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในการรักษาได้ ตรงกันข้าม แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้ และดูแลได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

และสำหรับคนไข้ที่จำเป็นต้องปลูกผมบริเวณหน้าผาก แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและวาดแนว Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอิงหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการปรับหรือเสริมมิติความงามให้กับรูปหน้าคนไข้ เพื่อเปลี่ยนให้มีความหวานละมุน หรือคมเข้มสมาร์ทยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้คนไข้ เหมือนได้ย้อนวัยอีกครั้งด้วย




ผมต้นทุน
อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ

หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าอาการผมบางหรือผมล้านจะรุนแรงแค่ไหน การปลูกผมก็ช่วยได้แบบ 100% หรือเข้าใจไปว่าเราสามารถปลูกผมซ้ำได้บ่อย ๆ แต่ทราบหรือไม่ว่า ความท้าทายข้อหนึ่งของการปลูกผมใหม่ ก็คือการที่คนไข้ต้องใช้ “ผมต้นทุน” จากพื้นที่ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอยของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถใช้ผมของคนอื่นได้ และไม่สามารถใช้ผมจากบริเวณอื่น เนื่องจากผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone เป็นจุดเดียวที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมน DHT ที่เป็นตัวการสำคัญทำให้ผมอ่อนแอและหลุดร่วงก่อนเวลาอันควร 

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละคนยังมีจำนวนเส้นผมต่อ 1 กราฟต์ผมไม่เท่ากัน “กราฟต์ผม” ในที่นี้หมายถึงกอผมที่เส้นผมมาอยู่รวมกันตั้งแต่ 1-4 เส้น ซึ่งบางคนอาจมีเส้นผมเพียง 1-2 เส้นต่อกราฟต์ ไม่หนาแน่นเหมือนคนอื่น ๆ

นั่นหมายความว่า เราทุกคนมีปริมาณผมต้นทุนอยู่เพียงจำกัด และอาจปลูกซ้ำได้ไม่เกิน 1-2 ครั้งเท่านั้น ขณะเดียวกัน ในกรณีคนไข้เข้าสู่ภาวะผมล้านที่กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเนื่องจากไม่ได้รีบมารักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็ไม่แน่ว่าจะเหลือผมต้นทุนในปริมาณเพียงพอที่จะปลูกใหม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด 

ตรงนี้เอง แพทย์ผู้ชำนาญจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการทำหน้าที่วิเคราะห์สภาพปัญหาผมร่วงผมบางว่ารุนแรงแค่ไหน ต้องใช้กราฟต์ผมต้นทุนจำนวนเท่าไหร่ในการปลูกใหม่ รวมถึงประเมินผมต้นทุนที่คนไข้มี ว่าเพียงพอหรือไม่ และควรจะบริหารจัดการอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้คำนวณปริมาณผมต้นทุนที่จะเจาะย้ายออกให้คุ้มค่ามากที่สุด 

โดยแพทย์ต้องคำนึงว่า เมื่อเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกมาแล้ว จะต้องแก้ปัญหาพื้นที่ที่มีอาการผมบางได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกัน ด้านหลังท้ายทอยก็ยังต้องเหลือเส้นผมอยู่หนาแน่นเพียงพอที่คนไข้จะไม่ต้องคอยระวังปกปิดร่องรอยการหายไปของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินได้พัฒนาเทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อกระจายจุดที่จะต้องเจาะย้ายออกให้เว้นระยะห่างกันเป็นแถบ ๆ เทคนิคนี้จะทำให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับผมด้านหลัง และสามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างอิสระตามต้องการ



ปลูกผมด้วยแพทย์
ตัวจริงเสียงจริง

และในขั้นตอนสำคัญที่สุด ก็คือการลงมือปลูกผมนั้น  แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าแพทย์ผู้ชำนาญ เพราะต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ บวกกับศิลปะในการปักกราฟต์ผม ผสานกับความประณีต ละเอียดอ่อน และใส่ใจอย่างที่สุดในทุก ๆ ขั้น ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผมที่ย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย ให้มีขนาด ความหนาบาง และความโค้งของเส้นผมเหมาะกับพื้นที่ที่จะปลูกใหม่ การปักกราฟต์ผมโดยคำนึงถึงทิศทางและองศาของเส้นผมเดิม เพื่อความกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางหลังจากปลูกไปแล้ว ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก

แพทย์ยังต้องเฉลี่ยกราฟต์ผมให้ปลูกได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง สามารถคืนความหนาแน่นให้พื้นที่ที่มีปัญหาผมบางได้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่นเบียดกันเกินไปจนเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของกราฟต์ผม นอกจากนั้น ยังต้องระวังระยะความลึกในการปักกราฟต์ให้พอดี เพื่อให้เส้นเลือดสามารถลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างเต็มที่

ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ ตั้งแต่กราฟต์แรก ไปจนถึงกราฟต์สุดท้ายด้วยตัวเองทั้งหมด คนไข้จึงวางใจได้ในความใส่ใจทุก ๆ กราฟต์ ระดับเส้นต่อเส้นจริง ๆ



ดูแลหลังปลูก
ตลอด 1 ปีเต็ม

การเดินทางของแพทย์และคนไข้ยังไม่สิ้นสุด เพราะหลังทำหัตถการปลูกผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เส้นผมของเราจะค่อย ๆ ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะและเติบโตตามวงจรชีวิตของเส้นผมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปี แพทย์จึงยังคอยดูแลติดตามผลและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 ปีเต็ม 

พร้อมกันนั้นก็เตรียมคัดสรรผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงผมต่าง ๆ ที่ทั้งอ่อนโยนกับเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงช่วยดูแลเสริมเกราะป้องกันให้เส้นผมแข็งแรงจากภายใน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมบริการ Treatment รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบฉีดบำรุง หรือแบบฉายแสง Low Light บริเวณหนังศีรษะโดยตรง เพื่อช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการทำงานของรากผมลึกถึงระดับเซลล์ ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด


ทั้งทักษะความสามารถของแพทย์ผู้ชำนาญ รวมถึงความใส่ใจตั้งแต่กราฟต์ผมแรกไปจนถึงกราฟต์ผมสุดท้าย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หัตถการปลูกผมของนามนินประสบความสำเร็จ โดยยึดเอาความสุขของคนไข้เจ้าของเส้นผมเป็นหลักอันดับหนึ่งเสมอมา


“นามนิน” เติมเต็มเส้นผม เติมเต็มหัวใจ
“เส้นผม” เส้นเล็กๆเบาๆ แต่กลับมีอิทธิพลต่อทั้งร่างกายและจิตใจของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น ผมร่วง ผมบาง หน้าผากกว้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างมาก เริ่มด้วยความวิตกกังวลในบุคลิกภาพของตนเอง กลัวจะดูแก่กว่าวัย ดูสุขภาพไม่แข็งแรง สะท้อนถึงความละเลยในการดูแลตนเอง จนกลายเป็นสูญเสียความมั่นใจ และอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆในชีวิตไป




       การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง มีอยู่หลายวิธี แต่การปลูกผมเป็นทางออกที่ถาวรที่สุด และก็เป็นทางออกที่ต้องพิจารณาเลือกให้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งแรกนั้นจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต อาจจะมีคำถามว่าทำไมถึงดูเป็นเรื่องซีเรียสขนาดนั้น เราจึงรวบรวมหลักการและข้อจำกัดของการปลูกผมมาให้ลองพิจารณากันในบทความนี้ แล้วจะได้คำตอบค่ะ ว่าต้องซีเรียสเพราะอะไร

การปลูกผมถาวรมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้ผมของตนเองมาปลูกและต้องเป็นผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังหรือที่เรียกกันว่า Safe Zone เท่านั้น เพราะผมบริเวณนี้เป็นจุดเดียวที่แข็งแรง มีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ทำให้ผมร่วง โดยเฉพาะในเพศชายที่มักพบปัญหาผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีข้อจำกัดคือ หากเจาะนำกราฟต์ผมออกมาแล้ว ผมจุดนั้นจะไม่ขึ้นมาใหม่อีก อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ “ใช้แล้วหมดไป” ผมต้นทุนทุกเส้นจึงเป็นทรัพยากรทรงคุณค่าที่แพทย์ต้องบริหารให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ




       ดังนั้น หากเกิดความผิดพลาดขึ้นในการปลูกผมครั้งแรก เช่น ปลูกผมผิดทิศทางจากผมเดิม ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด เพราะแก้ไขไม่ได้ คุณต้องอยู่กับเส้นผมที่ไร้ทิศทางนั้นไปตลอดชีวิตค่ะ แต่หากไม่โชคร้ายขนาดนั้น ก็อาจจะผิดพลาดตรงเส้นผมใหม่ที่ปลูกไม่หนาแน่น ปลูกผมไม่ขึ้น หรือมีรอยแผลเป็นที่ต้องคอยปกปิดจากการย้ายผมด้านหลังอย่างไม่ระมัดระวัง หากโชคดีขึ้นมาอีกนิดอาจพบความผิดพลาดสถานเบาที่สุดคือ ปลูกผมออกมาแล้วผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ แต่เชื่อเถอะค่ะ ไม่มีใครอยากเจอปัญหาไม่ว่าจะหนักหรือเบาแบบนี้แน่นอน เพราะการปลูกผมเพื่อแก้ไขนั้นยากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่ต้องการ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนผมที่เหลือน้อยลงนั่นเองค่ะ

การแก้ปัญหาผมร่วงผมบางที่ดีที่สุดคือ เริ่มต้นด้วยการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะปัญหาเส้นผมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นศาสตร์ขั้นสูงเกินกว่าที่คนเราทั่วไปจะเข้าใจและแก้ปัญหาเองแบบง่ายๆได้


เมื่อเริ่มต้นได้ถูกทางแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเหตุผลสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจ แต่หากการตัดสินใจนั้นมาจากการพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ได้อาจจะไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะคำว่า “ราคาคุ้มค่า” ไม่ได้หมายความว่า “ราคาถูก” เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาที่คุ้มค่าของการปลูกผมนั้นหมายถึงคุณภาพในการให้บริการ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ การดูแลที่จะมอบความมั่นใจ สบายใจ และความอุ่นใจให้กับผู้รับบริการ และสำคัญที่สุดคือ เส้นผมใหม่ที่จะอยู่กับคุณและเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปตลอด ดังนั้น หากใช้เกณฑ์เรื่องราคาในการตัดสินใจ ขอให้ตัดสินใจบนพื้นฐานของคำว่า “ราคาสมเหตุสมผล” จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นค่ะ




การปลูกผมเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ มีเดิมพันด้วย “เส้นผมใหม่” ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปตลอดกาล ทีมแพทย์ของ “นามนิน” พร้อมให้คุณได้ก้าวเข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ด้วยมาตรฐานและเทคนิคขั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน เราจะนำความมั่นใจที่คุณเคยสูญเสียไปกลับมาให้มากยิ่งกว่าเดิม คุณจะสัมผัสกับความสุขได้มากกว่าที่เคย และเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิตได้เปล่งประกายด้วยตัวของคุณเอง

           ปลูกผมที่นามนิน นอกจากได้เส้นผมใหม่แล้ว ยังได้กำไรเป็นความสุขในการชีวิต ที่รับรองว่าคุ้มค่าการลงทุนแน่นอนค่ะ          

5 เส้นทางฟื้นฟูผม
...คำตอบไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีถึง 5... เพราะนามนินรู้ใจคนรักผมเช่นคุณ จึงออกแบบเส้นทางฟื้นฟูสู่ผมสุขภาพดี ไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคุณถึง 5 เส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจทุกครั้งที่ต้องออกไปพบปะผู้คน รวมไปถึงใครที่ต้องการบำรุงผมให้กลับมาแข็งแรงจากภายใน นี่คือเส้นทางเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง ...แล้วเส้นทางสายไหนกันนะ ที่ตอบโจทย์ปัญหาผมของคุณมากที่สุด...

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่อยากจบปัญหาผมร่วง ผมบาง อย่างถาวร
นามนินแนะนำ : ปลูกผมเทคนิค NEAT

NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique คือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่แพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางแบบถาวร เริ่มตั้งแต่การพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ วิเคราะห์และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนคุณภาพดีที่จะเจาะย้ายออกจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง รวมถึงออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อเสริมให้ใบหน้าได้รูปและปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น


เทคนิค NEAT คือเทคนิคที่เพิ่มความใส่ใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอยโดยไม่ต้องโกนผม แต่อาศัยเครื่องมือขนาดเล็ก และเสริมด้วยเทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได เพื่อให้คนไข้ไม่ต้องคอยปกปิดรอยแผลด้านหลัง ก่อนจะนำกราฟต์ผมที่ได้มาคัดตัดแต่งและแช่ในน้ำยารักษาสภาพผม เพื่อให้พร้อมสำหรับการนำไปปลูกใหม่

ที่สำคัญ แพทย์ผู้ชำนาญจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้กับคนไข้เองด้วยความละเอียดแบบเส้นต่อเส้น โดยเลือกขนาด ความหนาบาง และองศาความโค้งของเส้นผมที่เหมาะสม ค่อย ๆ ปักกราฟต์ลงอย่างประณีตและแม่นยำทีละเส้นด้วย Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร โดยคำนึงถึงทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับผมเดิม ระยะความลึกที่พอดี และความหนาแน่นที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเจริญเติบโตต่อเนื่องโดยไม่หลุดร่วงง่าย แลดูหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมอบบริการดูแลหลังปลูกผมตลอด 1 ปีเต็ม เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ที่สมบูรณ์แบบ

ถ้าคุณส่องกระจกแล้วพบว่าผมเริ่มบาง แต่ยังไม่อยากปลูกผม
นามนินแนะนำ: Premium Hair Booster Treatment 


นี่คือ Booster เสริมพลังการฟื้นฟูเส้นผมที่พัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน โดดเด่นด้วยการดึงเอาคุณประโยชน์ของ Exosome ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลนับพันชนิดและโปรตีนอีกหลายประเภทที่แยกออกมาจากสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด ขนาดอนุภาคเล็กระดับนาโน มาช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมจากภายใน ให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง และสามารถสร้างเซลล์ผมใหม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

Booster ตัวท็อปนี้ยังมาพร้อมกับวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน ที่จะช่วยคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผม และลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม จึงเป็นนวัตกรรมที่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งมีปัญหาผมบางในระยะเริ่มต้น และยังไม่ต้องการเข้ารับบริการปลูกผมแบบถาวร ก็สามารถบูสต์ผมสุขภาพดีได้ด้วยวิธีการที่สะดวกสบายเพียงใช้การฉีดเข้าสู่บริเวณหนังศีรษะในจุดที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และยังมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงหลังการฉีด

Premium Hair Booster Treatment มาพร้อมผลลัพธ์ที่คุณต้องร้องว้าว!! เพราะไม่เพียงฟื้นคืนความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่เคยอ่อนแอขาดการบำรุง และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม ดูสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังสามารถเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่การรับบริการครั้งแรก นั่นคือลดอาการผมขาดหลุดร่วงลงภายใน 3-7 วัน จากนั้น สามารถสังเกตเห็นการงอกขึ้นใหม่ของเส้นผมได้ภายใน 1-3 เดือน ทั้งยังช่วยให้เส้นผมมีขนาดใหญ่ขึ้น แลดูหนาแน่นขึ้นภายใน 2-4 เดือน


ถ้าคุณอยากอัพเลเวลความมั่นใจ ด้วยการปกปิดผมขาวอย่างแนบเนียน
นามนินแนะนำ: Namnin Natural Hair Color Treatment

ผมขาว อาจทำให้หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจทั้งในด้านของรูปลักษณ์ บุคลิกภาพ และความอ่อนเยาว์ พร้อมแล้วหรือยังที่จะเรียกคืนความมั่นใจเหล่านั้นกลับมาใหม่ ด้วยโปรแกรมปิดผมขาวจากสารสกัดธรรมชาติ 100% Namnin Natural Hair Color Treatment ซึ่งพัฒนาโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลเส้นผม เพื่อให้ได้สูตรที่มีความอ่อนโยน ปลอดภัย จากคุณค่าของธัญพืชและสมุนไพรกว่า 30 ชนิด ปราศจากแอมโมเนีย เฮนน่า และสารเคมีอันตรายที่อาจทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ

นับ 1 2 3 สู่ผลลัพธ์การปกปิดผมขาวได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ง่าย ๆ กับ Namnin Natural Hair Color Treatment เพียงเริ่มจากการย้อมผมด้วยสารบำรุงออร์แกนิก 100% สูตรผสมน้ำในขั้นตอนแรก ตามมาด้วยการสระทำความสะอาดเส้นผม ด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูลดการหลุดร่วง ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วจึงเสริมการบำรุงอีกระดับด้วยผลิตภัณฑ์ Treatment เข้มข้น ที่นามนินคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อดูแลเส้นผมให้แข็งแรง เงางาม สุขภาพดี หมดกังวลเรื่องผมขาว และก้าวออกไปใช้ชีวิตในสไตล์ของคุณเองได้อย่างแท้จริง

ถ้าคุณอยากดูแลเส้นผมด้วยตัวเองที่บ้านอย่างง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์เต็มร้อย
นามนินแนะนำ: ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากนามนิน

ดูแลผมให้ครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่นามนินเลือกสรรมาเป็นพิเศษเพื่อมอบการฟื้นฟูบำรุงให้เส้นผมและหนังศีรษะคุณอย่างต่อเนื่อง 


Shampoo Mojelim Elixir
ผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมจากโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านเส้นผมของเกาหลี ทำความสะอาดผมอย่างล้ำลึก บำรุงเส้นผม และลดการหลุดร่วง พร้อมรักษาสมดุลความมันและความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ จึงเหมาะกับทั้งผู้ที่มีผมแห้งและผมมัน ที่สำคัญ ทุกส่วนผสมผ่านการทดสอบทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองทางผิวหนัง 

Elixir Hair Serum by NEAT HAIR NUE
ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงเส้นผมให้เงางามสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% เช่น สารสกัดดอกอัญชัน หญ้าหางม้า เมล็ดข้าวสาลี และธูปฤาษี ช่วยลดการหลุดร่วง กระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ทั้งยังลดการเกิดผมหงอกก่อนวัย

ถ้าคุณอยากบอกรักผม ด้วยพลังการฟื้นบำรุงขั้นสุด
นามนินแนะนำ: VITAH รวมคุณค่าวิตามินสูตรเฉพาะ


เมื่อแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน ลงมือค้นคว้าและคัดสรรตัวช่วยการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก จนกลายเป็น VITAH วิตามินรวมสูตรเฉพาะ ที่ผสานคุณค่าและประโยชน์จากสารอาหารผม พร้อมตรงเข้าดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างเต็มที่ ทั้งยังรวมเอาสารสกัดจากธรรมชาติแท้ ๆ เสริมทัพการบำรุงเพื่อคนรักผมเช่นคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
  • Rice Bran and Cactus Extract
  • สารสกัดจากข้าวกล้องและผลกระบองเพชร ช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมนโดยธรรมชาติ ลดความมัน การเกิดสิว และการอักเสบของหนังศีรษะ
  • D-Biotin 
  • ทำหน้าที่เสริมโครงสร้างเส้นผมให้แข็งแรง
  • Zinc Gluconate 
  • ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเส้นผม และเสริมสร้างการเจริญเติบโต
  • Iron Amino Acid Chelate 
  • ลดการหลุดร่วง และช่วยให้รากผมแข็งแรง
  • Vitamin B Premix 
  • บำรุงเส้นผมให้กลับสู่ภาวะสุขภาพดี


และนี่ก็คือ 5 เส้นทางพื้นฟูผมสุขภาพดี ซึ่งคุณสามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญของนามนิน เพื่อตัดสินใจเลือกบริการที่ตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการในการดูแลเส้นผมได้อย่างตรงจุด 

ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่
ปลูกผมให้ได้ผล เริ่มต้นที่นี่

...จะตัดสินใจ “ปลูกผม” ดีมั้ย...
...อยาก “ปลูกผม” จะเริ่มต้นอย่างไรดี...

สำหรับใครที่กำลังหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ เราขอชวนมา “เริ่มต้น” เส้นทางสู่ผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น สุขภาพดีไปด้วยกัน คือเริ่มจากการทำความรู้จักกับการปลูกผมให้มากขึ้นอีกนิด เพื่อให้พอเห็นภาพของขั้นตอนต่าง ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น และเข้าใจถึงข้อจำกัด รวมถึงปัจจัยที่จะทำให้การปลูกผมประสบความสำเร็จ ที่สำคัญ จะได้เห็นแนวทางว่า ทั้งเจ้าของเส้นผมและคุณหมอ จะทำงานร่วมกันในภารกิจการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ครั้งนี้อย่างไร 

แน่นอนว่าข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ หรือเลือกแนวทางการปลูกได้อย่างมั่นใจและตอบโจทย์มากขึ้น


1
“ปลูกผม” ปลูกอย่างไร?

อย่าเพิ่งถามคำถามข้อต่อไป ถ้าคุณยังไม่เข้าใจหลักการเบื้องต้นง่าย ๆ ของการปลูกผม เป็นต้นว่า การปลูกผมนั้นจะใช้ผมของเราเองจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย ย้ายมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา ...มาลองสำรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้กันอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจโจทย์ความท้าทายของการปลูกผมในคนไข้แต่ละเคสมากขึ้น และเข้าใจด้วยว่า ทำไมคุณจึงต้องการแพทย์ผู้ชำนาญคอยให้คำปรึกษาตั้งแต่ก้าวแรก


  • ต้องเป็นผมจากด้านหลังท้ายทอยเท่านั้น
เพราะผมด้านหลังท้ายทอย เป็นผมต้นทุนที่เรียกได้ว่าแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการต้านฮอร์โมน DHT ที่ทำให้รากผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย ซึ่งแม้จะย้ายผมเหล่านี้ไปปลูกในพื้นที่ใหม่ แต่คุณสมบัติความแข็งแรงนี้จะยังอยู่กับเส้นผมไปจนตลอดชีวิต

  • ผมต้นทุนมีอยู่ในปริมาณที่จำกัด 
นี่เป็นโจทย์ข้อใหญ่ทีเดียว เพราะผมต้นทุนไม่ได้มีโปรโมชั่น unlimited ที่จะดึงออกมาใช้เท่าไหร่ก็ได้ไม่มีวันหมด และยิ่งอายุมากขึ้น ผมต้นทุนที่มีคุณภาพดีเพียงพอก็อาจมีจำนวนน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งแต่ละเคสก็มาด้วยระดับความรุนแรงของปัญหาที่ต่างกัน บางคนเพิ่งเริ่มมีอาการผมบาง บางคนเริ่มเข้าสู่ภาวะผมล้านและต้องการผมต้นทุนมาปลูกใหม่ในปริมาณที่มากกว่า ขณะที่ในบางเคส คุณหมออาจต้องช่วยวางแผนระยะยาวเผื่อในกรณีต้องนำผมต้นทุนมาปลูกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ด้วย

ดังนั้น การวิเคราะห์ผมต้นทุนจึงต้องผ่านการคำนวณเพื่อนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง

  • 3 ขั้นตอนการปลูกผมแบบเข้าใจง่าย
ในห้องหัตถการนั้น ขั้นแรก หลังจากวิเคราะห์สภาพปัญหาและคำนวณปริมาณผมต้นทุนที่ต้องใช้แล้ว จะเป็นการเจาะนำกราฟต์ผมต้นทุนออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยกราฟต์ผม หมายถึงกอผมที่มีผมอยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้น 


และเมื่อได้กราฟต์ผมมาแล้ว จะต้องผ่านการตรวจสอบ คัดแยก ตัดแต่ง เพื่อให้ได้กราฟต์ผมที่เหมาะสำหรับพื้นที่ปลูก เพราะบริเวณแนวไรผมต้องการผมเส้นเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณกลางศีรษะก็ต้องการผมเส้นใหญ่และหนากว่า จึงจะดูเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนสุดท้าย คือการนำกราฟต์ผมที่แช่น้ำยาคงสภาพไว้ มาปักลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ๆ โดยคุณหมอจะพิถีพิถันในการจัดเรียงกราฟต์ผมให้เนียนสวย เพื่อให้แนวผมใหม่กับผมเก่ากลมกลืนดูเป็นธรรมชาติ ไม่ชี้ผิดทิศผิดทาง สามารถจัดแต่งทรงผมทุกสไตล์ได้อย่างมั่นใจเต็มที่


2
เพราะ “เทคนิค” ที่แตกต่าง เท่ากับผลลัพธ์ที่แตกต่าง

ที่นามนิน คุณหมอพัฒนาเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินขึ้น ภายใต้ชื่อ N /E /A /T หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งแต่ละตัวอักษร มีความหมายที่บ่งบอกถึงความชำนาญของคุณหมอและความโดดเด่นไม่เหมือนใครของแนวทางการปลูกผมที่นี่ 


หมายถึง ประสบการณ์และความชำนาญด้านการปลูกผมโดยเฉพาะของแพทย์ ซึ่งคุณหมอนินไม่เคยหยุดเติมเต็มความรู้ด้านการปลูกผมเพื่อพัฒนาตนเองให้ก้าวทันวิทยาการต่าง ๆ มากขึ้น ที่สำคัญ คุณหมอนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอด 1 ปีเต็ม

หมายถึง การออกแบบแนวทางการรักษาแบบ Exclusive เฉพาะบุคคล เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า คนไข้แต่ละคนมีปัญหา ข้อจำกัด และความต้องการที่ต่างกัน การปลูกผมจึงไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ต้อง Tailor-made ให้ตอบโจทย์แต่ละคนได้ตรงจุดที่สุด

หมายถึง คุณภาพการปลูกผมมาตรฐานระดับสากล ที่คุณมั่นใจได้ในความปลอดภัย และความพิถีพิถันในการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

​T 
หมายถึง เทคนิคการปลูกผมที่คุณหมอเลือกนำมาใช้ และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์ความงามและความสะดวกสบายของคนไข้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น
เทคนิคการออกแบบกรอบหน้าใหม่ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำของใบหน้า 
เทคนิคการเจาะนำผมด้านหลังท้ายทอยออกแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ทั้งยังซ่อนแผลได้เนียนกริบจนแทบไม่ต้องปกปิด 
เทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งคุณหมอจะลงมือปักกราฟต์ผมใหม่ให้เองทุกเส้น โดยคำนึงถึงขนาด ความหนาบาง ความโค้งของเส้นผม รวมถึงองศาและทิศทางการเรียงตัว เพื่อให้ผมใหม่กลมกลืนไปกับผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้งยังรวมถึงการเลือกนำเข้าอุปกรณ์ปลูกผมชั้นนำจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มความแม่นยำ และทิ้งไว้เพียงรอยแผลเล็ก ๆ จนคุณไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถลุกขึ้นทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติหลังปลูกทันที


3
ปลูกผมใหม่ ทำไมต้อง “ดูแล 1 ปีเต็ม”


การปลูกผมใหม่ อาจเป็นเหมือนทางลัดในการนำวิทยาการทางการแพทย์มาช่วยเติมเต็มผมให้หนาแน่นขึ้นได้จริง แต่อย่างไรก็ตาม เส้นผมยังคงต้องเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนั่นหมายถึงระยะเวลา 18 เดือน ผมจึงจะขึ้นและงอกยาวอย่างสมบูรณ์

นามนินจึงออกแบบการดูแลติดตามผลต่อเนื่องตลอด 1 ปีเต็ม โดยคุณหมอจะให้คำแนะนำ และคอยตอบคำถามเพื่อให้คนไข้คลายความกังวลใจ พร้อมทั้งนัดเข้ามาตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ ในระยะสำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม ซึ่งจะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตร
  • หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตเต็มที่

ที่สำคัญ คุณหมอจะคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลังปลูกให้เป็นพิเศษ เพื่อให้คนไข้สามารถกลับไปดูแลตัวเองที่บ้านได้ง่าย ๆ และแนะนำการรับประทานยาสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรม รวมถึงจัดเตรียมโปรแกรม Treatment เพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึกในช่วงระยะการเติบโตของเส้นผมที่เหมาะสม ได้แก่ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมด้วยการฉายแสงกระตุ้น และ Hair Growth Treatment ที่ช่วยบำรุงผมจากภายในด้วย Growth Factor และวิตามินเข้มข้นสูตรของนามนินโดยเฉพาะ

4
“ความคุ้มค่า” ที่คุณคู่ควร

สุดท้ายแล้ว ตัวเลขราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจปลูกผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกจากราคาแล้ว เราขอชวนให้คุณคำนึงถึง “ความคุ้มค่า” ด้วย เป็นต้นว่า บริการปลูกผมนี้ ดูแลโดยแพทย์และทีมสหวิชาชีพอย่างใกล้ชิดหรือไม่ แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมให้ทุกกราฟต์หรือเปล่า ที่สำคัญ ปัญหาผมของเราเองอยู่ในระดับที่รุนแรงมากน้อยแค่ไหน และแนวทางการแก้ปัญหาจากคุณหมอ มีความน่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเราบนมาตรฐานการแพทย์ได้อย่างไร

 
ทั้งหมดนี้ คือรายละเอียดที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับการไตร่ตรองเพื่อตัดสินใจปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจากคนเราสามารถปลูกผมได้ไม่เกิน 1 – 3 ครั้งเท่านั้น ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของปัญหาผม และจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่มีจำกัดอย่างที่ได้อธิบายไปช่วงต้น ไม่เพียงเท่านั้น จุดละเอียดอ่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เช่นการปักกราฟต์ผมแน่นชิดกันเกินไป อาจเป็นสาเหตุให้กราฟต์ผมหลุดได้ง่ายขึ้น หรือหากไม่มีความประณีตมากพอในการปักกราฟต์ผมตามทิศทางผมเดิม กว่าจะรู้ตัวว่าผมชี้ผิดทิศทางไม่เป็นธรรมชาติ ก็เมื่อผมยาวขึ้นประมาณหนึ่งแล้ว และจะไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าลองทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็ควรเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อให้เห็นทิศทางการรักษาที่ชัดเจนขึ้น และถือเป็นด่านสุดท้ายที่สำคัญจริง ๆ ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยปรับบุคลิกภาพ เสริมความมั่นใจ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ

.

เส้นผมสวย ชีวิตเปล่งประกาย
“เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่งของร่างกาย เพราะเส้นผมสามารถบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ ตัวตน จนไปถึงสไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ชัดเจนไม่ต่างไปจากเสื้อผ้าที่เลือกสวมใส่ในแต่ละวัน

   โดยเฉพาะในผู้หญิง ที่จะมีความผูกพันกับเส้นผมอย่างลึกซึ้งตั้งแต่ช่วงอายุ 8-11 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เริ่มเรียนรู้การเข้าสู่สังคม เริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนและผู้คนรอบตัว สิ่งแรกๆ ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคือ การใส่ใจที่จะดูแลตัวเองทั้งด้านความสะอาดและความสวยงาม เช่น การแต่งกายและทรงผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความมั่นใจเป็นอย่างมาก เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ในหลายๆ ครั้ง “เส้นผม” ก็สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดีกว่าคำพูด การไว้ผมยาว ตัดผมสั้น ดัดผม ทำสีผม หรือแม้แต่การเลือกทำผมทรงต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีความหมายและมีตัวตนซ่อนอยู่ในนั้น

       “นามนิน คลินิก” โดย พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรืออาจารย์หมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม ผู้ที่เข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของเส้นผมว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนได้อย่างชัดเจนเพียงไร จึงได้คิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมที่จะช่วยให้ผู้ที่ประสบปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง จนบั่นทอนสภาพจิตใจ ได้กลับมามั่นใจและสัมผัสกับความสุขกับการใช้ชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง

       การปลูกผมเทคนิค NEAT คือจุดที่ศาสตร์และศิลป์มาบรรจบกันอย่างลงตัว เริ่มที่แพทย์จะประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับบริการก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจะกำหนด Hairline หรือกรอบหน้าใหม่โดยใช้หลัก Golden Ratio “สัดส่วนทองคำ” ในการออกแบบ เพื่อให้กรอบหน้าใหม่นั้นรับกับสัดส่วนของใบหน้าที่สุด
เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้มั่นใจว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะเป็นไปอย่างที่คาดหวัง แพทย์จึงเป็นผู้ปลูกผมทุกกราฟต์ให้ด้วยตัวเอง คัดเลือกและจัดวางผมแต่ละเส้นโดยวิเคราะห์ทั้งความหนาแน่นและทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นตัวกำหนดว่าผลลัพธ์ของการปลูกผมจะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งหากเป็นการปลูกผม NEAT ของนามนิน ที่เป็นจุดศูนย์รวมของเทคนิคโดดเด่น เครื่องมือทันสมัย และฝีมือการปลูกผมระดับอาจารย์แพทย์ ก็มั่นใจได้ว่า เส้นผมใหม่นั้นจะสวยงาม สมบูรณ์ คุ้มค่าการรอคอยแน่นอน

       รักตัวเองก็ต้องดูแลความรู้สึกตัวเอง อย่าปล่อยให้ปัญหาเส้นผมบั่นทอนจิตใจ ในเมื่อมี “นามนิน” ที่พร้อมจะเติมเต็มความมั่นใจกลับคืนให้คุณอยู่เสมอ What are you waiting for? มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการปลูกผม ที่ให้ผลลัพธ์ได้มากกว่าแค่ “เส้นผม” เพราะ NEAT จะมอบความสุข ความมั่นใจ ตัวตนใหม่ พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตตามมาอีกมากมายค่ะ

ดูแล“ผมใหม่” สวยปังหลังปลูก
หลังเข้ารับบริการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็คือช่วงเวลาแห่งการอดทนรอคอย และทะนุถนอมดูแลเพื่อให้ผมใหม่ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ จนเป็นเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อครบเวลา 1 ปี แต่การจะไปถึงผลลัพธ์ผมสวยแบบนั้นได้ นอกจากทักษะการปลูกผมระดับสูงและความใส่ใจจากแพทย์แล้ว หัวใจสำคัญที่สุด ก็คือการดูแลผมใหม่หลังปลูก ไม่ให้หลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร และก็คงไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าตัว “เจ้าของเส้นผม” เอง 

แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะที่นามนิน คุณหมอจะเป็นผู้คอยดูแลติดตามผล ให้คำแนะนำและตอบคำถามทุกข้อสงสัย ตลอดระยะการเติบโต 1 ปีของเส้นผมใหม่ จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะได้พบกับตัวเองคนใหม่ที่ปลายทางอย่างแน่นอน

หลังปลูกผม 1 วัน
เราจะเริ่มเห็นตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ ซึ่งแม้ว่าเราจะสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด แต่ผมใหม่ก็ยังต้องการการดูแลและระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะกราฟต์ผมเพิ่งเริ่มเชื่อมต่อกับเนื้อเยื่อรอบ ๆ จึงมีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดได้ง่าย ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผลเล็ก ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรสัมผัส แคะ แกะ หรือเกาเป็นอันขาด หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ งดกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อ และระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระแทกบริเวณศีรษะ อย่างเช่นเวลาเข้าออกจากรถยนต์ เป็นต้น รวมถึงควรจัดท่านอนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้กราฟต์ผมหลุดระหว่างหลับโดยไม่ได้ตั้งใจ 

คุณหมอจะนัดมาสระผมให้ในวันรุ่งขึ้นหลังปลูกผม เพื่อทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะอย่างอ่อนโยนและปลอดภัย พร้อมทั้งจัดชุดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมด้วยตัวเองอย่างง่าย ๆ ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ลดอาการคันและช่วยบำรุงเส้นผมแบบครบเซ็ต 

ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูกผม
นี่คือช่วงที่เส้นเลือดฝอยใต้หนังศีรษะกำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่คุณหมอเพิ่งปลูกไว้ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เติบโต ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่กราฟต์ผมใหม่อาจจะหลุดร่วงได้มากที่สุด ซึ่งถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ฟันธงเลยว่า ผมใหม่ของเรามีโอกาสรอดสูงแน่นอน

ดังนั้น ในช่วงเวลานี้คุณหมอจึงมักจะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการงดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่น ปั่นจักรยาน โยคะ หรือยกเวทเทรนนิ่ง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งจะส่งผลให้ความดันเลือดสูงและหลอดเลือดขยายตัวจนเกิดเลือดออกบริเวณผมปลูกใหม่ได้ งดการว่ายน้ำและหลีกเลี่ยงการทำสปาหรือซาวน่า ที่สำคัญ ระวังไม่ให้เส้นผมและหนังศีรษะซึ่งยังไม่แข็งแรงเพียงพอ สัมผัสกับความร้อนหรือสารเคมี เช่นการดัด ย้อม หรือทำสีผม และหากจำเป็นต้องรับประทานยาหรืออาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากยาบางตัวอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด หากเกิดอาการเลือดออกบริเวณแผล รากผมอาจถูกดันหลุดออกก็เป็นได้


ทั้งนี้ เมื่อครบ 2 สัปดาห์แรก เส้นผมจะเริ่มยาวขึ้นเล็กน้อยแล้ว และรากผมก็เริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ คุณหมอจะแนะนำให้เข้ามารับบริการ LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งเป็นการฉายแสงสีแดงคลื่นความถี่ต่ำที่มีความปลอดภัย เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม พร้อมทั้งเพิ่มพลังบำรุงด้วย Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับบริการเอง เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย

ช่วง 1-2 เดือนหลังปลูกผม
ถ้าคุณหมอไม่บอกให้เตรียมตัวไว้ก่อน หลาย ๆ คนก็คงจะตกใจแน่ ๆ เพราะเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึง 80% เลยทีเดียว ภาวะ Shock Loss เช่นนี้ เป็นผลจากปรากฏการณ์ Graft Shedding ซึ่งโดยปกติแล้ว ผมใหม่จะหลุดร่วงตามธรรมชาติของวงจรเส้นผม และเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมใหม่งอกขึ้นมาประมาณ 1-2 เดือน 

อย่างไรก็ตาม รากผมที่คุณหมอปลูกไว้ยังอยู่เหมือนเดิม เราจึงไม่ต้องกังวลใจไป เพียงแค่รอให้ถึงช่วงเดือนที่ 4 ของการปลูกผม เมื่อรากผมพ้นจากระยะพัก เข้าสู่ระยะเจริญ เส้นผมก็จะงอกกลับมาใหม่เต็มที่ในเวอร์ชันที่แข็งแรงกว่าเก่า พร้อมเติบโตต่อโดยไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

ช่วง 6 เดือน – 1 ปีหลังปลูกผม
หลังจากผ่านช่วง 6 เดือนไปแล้ว เส้นผมใหม่ยาวขึ้นมากกว่า 60% ซึ่งเราสามารถจัดแต่งทรงผมสวยได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเรียงตัวในทิศทางที่กลมกลืนกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติ และเมื่อครบ 1 ปี ผมใหม่ก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์แบบเต็มร้อย 

ทั้งนี้ คุณหมอจะนัดมาตรวจติดตามผลทุกระยะ ซึ่งผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองที่เหมาะสมกับระยะการเติบโตของเส้นผมในช่วงนั้น ๆ และยังสามารถสอบถามได้ทางโทรศัพท์ หรือ LINE @namninclinic ได้สะดวกสบายสุด ๆ 

1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


แกะสูตรคำนวณกราฟต์ สำหรับมือใหม่อยากปลูกผม
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่เริ่มสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คุณจะต้องได้ยินได้เห็นคำว่า “กราฟต์ผม” อยู่บ่อย ๆ อย่างแน่นอน 

วันนี้ เราจึงรวบรวมเรื่องน่ารู้ของกราฟต์ผม ที่แพทย์อยากบอกกับคนไข้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมินกราฟต์ผมที่เหมาะสมในการปลูกใหม่ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับกระเป๋าสตางค์ของคุณโดยตรงอีกด้วย เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งนี้จะคุ้มค่าสมราคาแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการคำนวณกราฟต์ผมบนพื้นฐานปัจจัยต่าง ๆ ด้วยนั่นเอง 

...มาเจาะลึกเบื้องหลังการทำงานของแพทย์กับกราฟต์ผมแบบครบทุกมิติไปพร้อม ๆ กันเลย...



กราฟต์ผมคืออะไร
ทราบหรือไม่ว่า ในการย้ายผมแข็งแรงจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง แพทย์ไม่ได้ย้ายเส้นผมออกมาทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่นำออกมาทีละ “กราฟต์ผม” 

“กราฟต์ผม” หรือ Hair Graft นี้ อาจจะเรียกว่ากอผมก็ได้ เพราะเป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันเป็นกระจุกหรือเป็นกอ แต่ละคนอาจมีจำนวนเส้นผมใน 1 กราฟต์ ได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น โดยทั่วไป กราฟต์ เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้เรียกเนื้อเยื่อที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งนำออกมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมบริเวณอื่น ๆ หรือถ้าใครเคยได้ยินชื่อเทคนิคอย่าง FUT และ FUE ตัว F นั้นก็ย่อมาจากคำว่า Follicular Unit ซึ่งเป็นศัพท์อีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกกราฟต์ผมแบบเป็นทางการได้เช่นกัน

ว่าแต่ทำไมต้องนำกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเซลล์รากผมในบริเวณนั้นมีความต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมของเราชะลอการเจริญเติบโตและหยุดการสร้างใหม่ จนส่งผลให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้านได้ในที่สุด แพทย์จึงเลือกนำ “ผมต้นทุน” ในบริเวณนั้นมาปลูกใหม่ เพราะไม่ว่าจะย้ายไปปลูกที่ไหน คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะอยู่กับเส้นผมเหล่านั้นแบบถาวรตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผมเลยทีเดียว

ทำไมต้องประเมินกราฟต์ผม
หลายคนอาจดีใจเมื่อได้ยินว่า คนเรามีผมต้นทุนคุณสมบัติมหัศจรรย์ที่สามารถต้านทานการหลุดร่วงแบบถาวรได้ เหมือนมีอะไหล่สำรองเก็บไว้ด้านหลังศีรษะ แต่คำถามสำคัญก็คือ ปัญหาผมร่วงผมบางของเรา ต้องการผมต้นทุนมาช่วยมากน้อยแค่ไหน แล้วผมต้นทุนที่เรามี จะเพียงพอแก้ปัญหาให้เราได้อย่างสมบูรณ์แบบมั้ย

นั่นจึงเป็นที่มาของการประเมินกราฟต์ผม โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ ในการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ของคนไข้แบบเฉพาะบุคคลหรือ Tailor-made เนื่องจากคนไข้มาด้วยปัญหาและเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกันเลยสักคน เพื่อคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องใช้ให้ตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้มากที่สุด

รู้จักปัจจัยในการประเมินกราฟต์ผม




ผมต้นทุนด้านหลัง 
แต่ละคนมีผมต้นทุนบริเวณ Doner Area หรือช่วงท้ายทอยด้านหลังศีรษะไม่เท่ากัน ใครที่มีผมหนาแน่นปริมาณมาก ก็พอจะวางใจได้ว่าสามารถย้ายไปปลูกพื้นที่อื่น ๆ ได้เยอะ แต่บางคนที่มีผมต้นทุนอยู่น้อย แพทย์ก็จะต้องช่วยวางแผนการใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่เหมาะสม เพราะอย่าลืมว่า หลังย้ายกราฟต์ผมออกแล้ว เราจะต้องเหลือผมด้านหลังไว้ ไม่ให้ดูบางจนเกินไปด้วย

นอกจากปริมาณผมต้นทุนแล้ว คุณภาพก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน แพทย์ต้องวิเคราะห์ด้วยว่า ผมต้นทุนมีความแข็งแรงแค่ไหน มีขนาดหนาหรือบางอย่างไร และใน 1 กราฟต์ผม มีเส้นผมอยู่กี่เส้น ซึ่งบางคนอาจมีผมหนา และมีถึง 4 เส้น ขณะที่บางคนอาจมีผมเส้นบาง และมีเพียง 1-2 เส้นเท่านั้น นั่นหมายความเราจะต้องใช้กราฟต์ผมในการปลูกใหม่จำนวนมากขึ้นนั่นเอง



พื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง
สำรวจความพร้อมของผมต้นทุนกันแล้ว ก็มาวิเคราะห์ความรุนแรงของปัญหาผมในบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่ หรือ Recipient Area กันบ้าง บางคนเพิ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะผมบางเพียงเล็กน้อยหรือเป็นหย่อมเล็ก ๆ  ขณะที่บางคนอาจเริ่มมีภาวะผมล้าน หรือกินพื้นที่กว้างจนเห็นได้ชัดแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องประเมินบริเวณที่จะปลูกใหม่ด้วย ว่าเป็นการปลูกบริเวณหน้าผากเพื่อเติมกรอบหน้า หรือเป็นการปลูกตรงกลางศีรษะซึ่งก็มีอาการผมบางอยู่หลายระดับ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการจำนวนกราฟต์ผมและความหนาแน่นในการปลูกใหม่ไม่เท่ากัน

ความหนาแน่นของเส้นผม
เคยสงสัยมั้ยว่า ในพื้นที่ 1 ตาราเซนติเมตร มีกราฟต์ผมอยู่ปริมาณเท่าไหร่ คำตอบก็จะแตกต่างกันไปตามความหนาแน่นของเส้นผมตามธรรมชาติของแต่ละคน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80 -100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร 

ซึ่งโดยทั่วไป การปลูกผมใหม่สามารถปลูกเพียงร้อยละ 60-80 ของปริมาณกราฟต์ทั่วไป ก็ถือว่าเพียงพอ แต่ก็ต้องขึ้นกับลักษณะของปัญหาผมด้วย เช่น หากคนไข้มีภาวะศีรษะล้านจนไม่มีผมเหลืออยู่เลย ก็อาจต้องปักกราฟต์ผมแบบเต็มจำนวนเมื่อเทียบกับปริมาณปกติ แต่หากคนไข้เพียงต้องการเติมผมที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น อาจจะปักกราฟต์ผมเพียงร้อยละ 50 หรือน้อยกว่านั้นเมื่อเทียบกับปริมาณปกติก็ได้

ทั้งนี้ แพทย์จะช่วยประเมินแผนการรักษาระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรามีผมต้นทุนค่อนข้างจำกัด อาจจะปลูกผมได้ไม่หนาแน่นเต็มที่ หรือหากมองถึงอนาคตว่าอาจต้องมีการปลูกผมซ้ำหรือเพิ่มเติมจากปัญหาผมร่วงในบริเวณใหม่ ๆ ก็จำเป็นต้องเก็บสำรองผมต้นทุนไว้เผื่อเช่นกัน


เทคนิคที่ใช้ปลูกผม
ด้วยข้อจำกัดที่แตกต่างกันของเทคนิคการปลูกผมแต่ละแบบ จึงเอื้อให้แพทย์สามารถปลูกผมใหม่ได้ในปริมาณความหนาแน่นที่ต่างกันตามไปด้วย หากเป็นเทคนิค FUE แบบเดิม จะสามารถปลูกได้ประมาณ 30-40 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร เพราะเป็นการใช้เข็มเจาะและใช้คีมคีบกราฟต์ผมลงมาปลูก ทำให้หนังศีรษะเกิดอาการตึงชั่วขณะ ซึ่งหากปลูกผมหนาแน่นเกินไป กราฟต์ผมโดยรอบที่ปลูกไว้แล้วจะถูกดันหลุดออกมาได้ง่าย 

แต่สำหรับเทคนิค NEAT ของนามนิน เป็นการพัฒนาจากเทคนิค FUE แบบ DHI ใช้ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ 0.60 มม.นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถเจาะและปักกราฟต์ผมลงไปในหนังศีรษะได้พร้อมกันในครั้งเดียว ทำให้หนังศีรษะไม่ตึงมาก แพทย์จึงปลูกผมแทรกเพื่อเติมความหนาแน่นได้มากถึง 55-60 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร

สูตรคำนวณกราฟต์ผม 
ปลูกแบบไหนให้คุ้มค่า
จุดที่คนไข้หลายคนกังวล ก็คงหนีไม่พ้นค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ว่าจะต้องลงทุนเท่าไหร่ แล้วจะคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้มาหรือไม่ และนี่คือสูตรคำนวณค่าใช้จ่ายที่คุณหมอใช้กันจริง ๆ

ค่าใช้จ่าย = ราคาต่อกราฟต์ผม (ขึ้นอยู่กับเทคนิค) x จำนวนกราฟต์ผมที่ต้องใช้

แม้ว่าสูตรคำนวณจะดูง่าย แต่เมื่อต้องประเมินร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เล่าให้ฟังไปแล้ว ก็นับว่าเป็นโจทย์ที่มีความซับซ้อนมากทีเดียว เพราะเมื่อคนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผมหรือข้อจำกัดของผมต้นทุนต่างกันแบบไม่ซ้ำ แพทย์จึงต้องเจอโจทย์ท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น การที่คนไข้เข้ามาพบและปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเอง จะช่วยให้แพทย์ประเมินและวิเคราะห์ได้แม่นยำขึ้น และสามารถออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์การรักษา รวมถึงตรงใจอย่างที่คนไข้ต้องการไปพร้อม ๆ กัน

เติมกราฟต์ผมใหม่ 
ทำไมต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน วิเคราะห์ และคำนวณการจัดสรรกราฟต์ผมในการนำมาปลูกใหม่ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ในระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ แพทย์จะต้องควบคุมดูแล รวมถึงลงมือทำหัตถการเอง เพื่อให้กราฟต์ผมต้นทุนถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง


เริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งแพทย์ของนามนินคิดค้นเทคนิคแบบขั้นบันได ที่ช่วยซ่อนแผลขนาดเล็กได้อย่างแนบเนียน จากนั้นจึงเป็นการคงคุณภาพของกราฟต์ผมระหว่างรอการปลูกใหม่ โดยต้องรักษาสภาพของกราฟต์ผมไว้ในน้ำยาสำหรับแช่กราฟต์โดยเฉพาะ คงความชุ่มชื้นและอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพื่อให้เซลล์มีอัตราการเผาผลาญต่ำ จนสามารถช่วยยืดอายุของเซลล์แม้จะอยู่ภายนอกร่างกาย อีกทั้งยังต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับการนำไปปลูกใหม่โดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์จะคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม โดยแบ่งจำนวนเส้นผมในกราฟต์ พร้อมเลือกขนาดและความหนาบางให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูก เช่นบริเวณไรผมที่หน้าผากจะต้องการกราฟต์ผมเดี่ยวที่มีผมเส้นเดียวขนาดเล็กบาง เพื่อความเป็นธรรมชาตินั่นเอง

เมื่อกราฟต์ผมได้รับการตัดแต่งเรียบร้อย แพทย์จะใช้ Implanter ขนาดเล็กปักกราฟต์ผมลงใหม่ ใช้ความละเอียดพิถีพิถัน วางทิศทางและองศาผมให้กลมกลืน ระยะความหนาแน่นที่พอดี และระยะความลึกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น

จบคอร์สทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” ฉบับเร่งรัดกับนามนิมแล้ว เท่านี้ คุณก็สามารถพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ด้วยความเข้าใจมากขึ้น รวมถึงตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่ใช่และตอบโจทย์ได้ง่ายขึ้น เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม

NEAT เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ส่งต่อความประทับใจ
ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมบางและศีรษะล้านได้มากกว่าผู้หญิง มีสาเหตุจากฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ซึ่งการตัดสินใจแก้ปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันย่อมได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับพวกเขาเหล่านี้ตัดสินใจเลือกเทคนิค NEAT ของ “นามนิน” ในการแก้ปัญหา เพราะอะไร? พวกเขายินดีจะมาเปิดเผยความรู้สึกและความประทับใจให้ได้ทราบกันค่ะ


นายแพทย์ธีรพจน์ ฟักน้อย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ก่อนปลูกผม มีปัญหาผมเริ่มบาง จนคุณหมอขาดความมั่นใจ แต่ด้วยภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ทำให้ต้องพบเจอผู้คนมากมาย คุณหมอเริ่มรู้สึกเป็นกังวลเวลาต้องออกสู่สังคม แต่หลังจากตัดสินใจเข้ารับบริการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน หลังการปลูกผมเพียง 8 เดือน ได้ผลลัพธ์ดีมาก ผมหนาขึ้น คุณหมอได้ความมั่นใจกลับคืนมา สุขภาพจิตดีขึ้น มีอิสระในการเลือกทรงผม คุณหมอยังบอกอีกว่า “หลังปลูกผม ไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา เขาทักว่า ทำไมหน้าเด็กลง”

เหตุผลที่คุณหมอเลือกเทคนิค NEAT เพราะมั่นใจตรงที่คุณหมอนินลงมือปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเอง ซึ่งจากการหาข้อมูลมาอย่างละเอียด บางคลีนิคเป็นทีมสหวิชาชีพทำหัตถการให้ มีแพทย์เป็นเพียงผู้ดูแลเท่านั้น คุณหมอจึงแนะนำให้ผู้ที่สนใจการปลูกผมควรศึกษารายละเอียด แล้วเลือกสิ่งที่ดีที่สุดกับตัวเราและคุณภาพคุ้มค่ากับราคา เพราะได้พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า NEAT ให้คุณหมอได้กลับคืนมามากกว่าการปลูกผม เพราะได้ความสุขในการใช้ชีวิตกลับคืนมาด้วย



คุณปั๊กกี้ นครินทร์ เอี่ยมอำพร พนักงานบริษัทเอกชน “หมอบอกว่าจะเห็นผลตอนประมาณ 18 เดือน แต่ตอนนี้แค่ 6 เดือน ผมยังขึ้นมาขนาดนี้” เมื่อเข้าสู่วัยเลขสาม คุณปั๊กกี้ เริ่มพบปัญหาผมบริเวณด้านหน้าบางเป็นตัว M ทำให้รู้สึกเป็นกังวลและเครียดมาก ในช่วงแรกทำใจ ยอมรับสภาพ แต่ที่ทำให้ตัดสินใจเลือกปลูกผมที่นามนิน เพราะเห็นเพื่อนปลูกผมแล้วดูดีขึ้น  

เมื่อคุณปั๊กกี้เข้ามาพบกับคุณหมอนินก็ประทับใจมาก เพราะคุณหมออธิบายข้อมูลอย่างละเอียด ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ชัดเจนทุกประเด็น ทำให้คุณปั๊กกี้เปลี่ยนความคิดไปเลยว่า ทันทีที่รู้สึกว่ามีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอจนอายุมาก คุณปั๊กกี้ยังเล่าประสบการณ์ในวันเข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ว่าตอนคุณหมอปลูกผมนั้นไม่เจ็บเลย ไม่กังวล ไม่เครียด และประทับใจในความใส่ใจและการดูแลของคุณหมอมาก จึงดูแลตัวเองตามคุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัด เลิกบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ หลังปลูกเพียง  6 เดือน ผลลัพธ์ดีมาก ผมใหม่ขึ้นหนาแน่น Hairline ที่คุณหมออกแบบให้ก็ทำให้หน้าดูมีมิติขึ้น ดูดีจนเพื่อนทัก เป็นปลื้มและ Happy สุดๆ


คุณเต๋อ นักแสดง พิธีกรและดีเจ คอนเฟิร์มอีกเสียงหนึ่งว่า เทคนิค NEAT ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ศีรษะล้านและผมร่วงได้จริง ก่อนปลูกผม คุณเต๋อมีปัญหาผมข้างหน้าเว้าลึก ดูแก่กว่าวัยจนเริ่มไม่มั่นใจ และด้วยการทำงานในวงการบันเทิง ทำให้ต้องจัดแต่งทรงผมหลายสไตล์เพื่อให้เข้ากับแต่ละงาน จึงเริ่มศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่นามนิน


หลังปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เสร็จสมบูรณ์ ผลลัพธ์เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ผมด้านหน้าหนาแน่น ทิศทางแนบเนียนดูเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญ หน้าดูเด็กลงได้จริงๆ หลังการปลูกผม คุณหมอยังมอบผลิตภัณฑ์ให้นำกลับไปดูแลตัวเองต่อและยังติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี คุณเต๋อเล่าว่า คุณหมอและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่นามนิน คลินิก ดูแลและใส่ใจดีมาก มีความสุขทุกครั้งที่ได้มา Follow up และพูดคุยกับคุณหมอที่คลินิก แม้การปลูกผมจะเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว แต่ความประทับใจยังคงอยู่ในความรู้สึกของคุณเต๋อตลอดเวลา



คุณสมชาย ชลศรานนท์ ผู้แทนบริษัทยา ผู้ที่ผิดหวังจากการปลูกผมครั้งแรกจากคลินิกอื่น “ปลูกผมครั้งแรก เลือกที่ราคาเป็นหลัก ผมยังห่าง ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง” จึงต้องการปลูกผมครั้งที่ 2 เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดจากการปลูกครั้งแรกที่ตัดสินใจผิดและขาดความรู้ในการปลูกผม เพราะคำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นหลัก แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ 

การปลูกผมครั้งที่ 2 คุณสมชายตัดสินใจเลือกเทคนิค NEAT ของนามนิน เพราะจากการได้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน คุณสมชายได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา จนเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการปลูกผมครั้งที่ 2 และตัดสินใจด้วยตนเอง 100% 

ที่คุณสมชายเลือก NEAT เพราะเครื่องมือมีขนาดเล็ก จึงจะสามารถปลูกผมได้หนาแน่นกว่าเดิม และในวันที่ปลูกผมก็ยังประทับใจมากเพราะคุณหมอลงมือทำเองทุกอย่าง ตัดผมให้และเป็นผู้ปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเอง หลังปลูกผม 6 เดือน ผมหนาแน่นขึ้นมาก จึงมั่นใจว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ถูกต้องที่สุด คุณสมชายจึงแนะนำว่าหากผู้ใดที่ต้องการปลูกผม สิ่งแรกที่ควรทำคือ ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกัน การปลูกผมก็เหมือนการลงทุน ถูกและดีไม่มีจริงในโลก ไม่ควรเลือกที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว การลงทุนที่คุ้มค่าไม่ใช่การลงทุนที่ต้องลงทุนสูง แต่เป็นการลงทุนกับสิ่งที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับตัวเองต่างหาก

ทุกคนที่ตัดสินใจเลือกการปลูกผมเทคนิค NEAT ต่างได้รับความประทับใจและได้ความสุขในชีวิตกลับคืนมา เพราะเทคนิค NEAT คือความลงตัวของศาสตร์และศิลป์ ที่คุณหมอนินได้คิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์กับทุกปัญหาและความต้องการที่หลากหลาย หากผู้ใดที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมถาวร สิ่งแรกที่ควรทำคือการเปิดใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจที่รับรองว่าจะไม่ผิดพลาดแน่นอน “การปลูกผม เริ่มเร็ว ผลลัพธ์ดี” นามนิน ฝากไว้ให้คิดค่ะ

3 ตัวช่วย บำรุงผมหลังปลูก
นามนิน ไม่เพียงมอบประสบการณ์การปลูกผมแสนพิเศษที่เต็มไปด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามาปรึกษาปัญหากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จนถึงวันที่แพทย์ลงมือทำหัตถการปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น แต่ยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกผมไปอีกตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งนอกจากแพทย์จะเป็นผู้ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดแล้ว นามนินยังขอเสนอ บริการดูแลบำรุงเส้นผมหลังปลูก ที่คนรักผมไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

HAIR GROWTH TREATMENT

นวัตกรรมการรักษาจากนามนินที่หลาย ๆ คนพิสูจน์ผลลัพธ์อันน่าประทับใจมาแล้ว เป็นการนำ Growth Factor จากเซลล์ของตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง มาช่วยในการทำงานของเซลล์รากผมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังผสานพลังจากวิตามินเข้มข้นมากคุณประโยชน์ กระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง พร้อมบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเลือกแล้วว่าเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม ขณะเดียวกันก็ยังตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหาเทคนิคการรักษาเพื่อช่วยลดปัญหาภาวะผมร่วงและผมบางได้อีกด้วย

สำหรับขั้นตอนที่สำคัญของบริการ Hair Growth Treatment จะเริ่มจากการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับของผู้เข้ารับการรักษา ก่อนจะเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือดลงไป แล้วปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเลือดออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด จากนั้นจึงสกัด Growth Factor ที่สำคัญต่าง ๆ ออกมาด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัย และฉีดกลับลงบนหนังศีรษะให้กับผู้เข้ารับการรักษาอีกครั้ง

นี่จึงเป็นนวัตกรรมเพื่อเส้นผมที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor ตามธรรมชาติของตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง ไม่มีการใช้สารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ทั้งยังไม่ต้องผ่าตัดและไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ จึงไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ โดยผู้เข้ารับการรักษาสามารถดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ เพียงระวังไม่ให้หนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นในสัปดาห์ต่อมาสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผมที่มีความอ่อนโยน สระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และระมัดระวังการออกกำลังกายที่หนักเกินไป 

เพียงเท่านี้ ผู้เข้ารับการรักษาก็สัมผัสผลลัพธ์ในการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานอย่างเต็มที่ รวมถึงการซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย ผมใหม่หลังปลูกจึงแข็งแรง สุขภาพดี สมกับที่รอคอย

NAD+ CELL THERAPY

นี่คือนวัตกรรมใหม่มาแรงที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายและเส้นผมได้ลึกถึงระดับเซลล์ โดย NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide คือโคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีอยู่ในเซลล์ทุก ๆ เซลล์ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอายุขัยของเซลล์ต่าง ๆ กระตุ้นให้เกิดการแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน รวมถึงดูแลควบคุมเซลล์ให้มีความแข็งแรง จึงมีความสามารถในการช่วยฟื้นฟูเซลล์ในระดับ DNA ชะลออาการต่าง ๆ ที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย เช่น การเกิดโรคต่าง ๆ การทำงานของสมองที่ช้าลง อาการความจำเสื่อม หรือแม้กระทั่งอาการอ่อนล้าของร่างกาย 

อย่างไรก็ตาม แม้ร่างกายจะผลิต NAD+ ได้ตามธรรมชาติอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่เมื่ออายุมากขึ้น ระดับ NAD+ ก็อาจลดลงเรื่อย ๆ ตามวัย มีการประเมินว่าเมื่อเรามีอายุ 50 ปี ระดับของ NAD+ จะลดเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของตอนอายุ 20 ปี และเมื่ออายุ 70 ปี ระดับของ NAD+ อาจเหลือเพียง 20% ส่งผลกระทบต่อโปรตีนตัวสำคัญที่ช่วยปกป้อง DNA และควบคุมการเสื่อมถอยของเซลล์ ทั้งยังส่งผลด้านลบต่อการทำงานของสมอง รวมถึงสมรรถภาพร่างกายที่ถดถอยลง

NAD+ Cell Therapy จึงเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อเติม NAD+ กลับเข้าสู่ร่างกาย นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและสมอง ลดอาการสมองล้าและช่วยให้ความจำดีขึ้น ลดการอักเสบภายในเซลล์และช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซม DNA ได้ดี ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

สำหรับวิธีการรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ควบคุมดูแลขั้นตอนต่าง ๆ โดยเฉพาะการให้ NAD+ ผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อส่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ซึ่งจะสามารถตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการดูดซึมจากทางเดินอาหาร ถือเป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์จากภายในให้กับร่างกายและเส้นผม โดยเฉพาะเส้นผมหลังปลูกที่ต้องการการบำรุงดูแลเป็นพิเศษนั่นเอง


HPE GROWTH FACTOR

Treatment ใหม่ล่าสุด เพื่อการดูแลแบบสุด Exclusive จากนามนิน ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการปลูกผม รวมถึงผู้รักสุขภาพทุกคน ได้ฟื้นฟูบำรุงรักษาร่างกายและเส้นผมอย่างล้ำลึกจากภายใน 

พระเอกของนวัตกรรมนี้ก็คือ HPE หรือ Human Placenta Extract สารสกัดจากรกของมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยสารสำคัญซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเอนไซม์หรือสารเปปไทด์ต่าง ๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ Growth Factor ซึ่งมีในปริมาณสูง ทั้งยังปลอดภัยและเข้ากันได้ดีกับร่างกายของคนเรา ทำให้สามารถดูดซึมได้ง่าย ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง 

ที่สำคัญ HPE มีคุณสมบัติเด่นในการต้านการอักเสบ ช่วยสมานแผล และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม รวมไปถึงการต่อต้านอนุมูลอิสระ การฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่า Treatment เดียว ครบ จบทั้งการบำรุงร่างกายและเส้นผม เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้รับความสะดวกสบายสูงสุด

บริการดูแลบำรุงเส้นผมหลังปลูกเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนของนามนิน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับการรักษาในทุก ๆ ก้าวตลอดการเดินทางอันยาวนาน บนเส้นทางสู่ผมใหม่ที่แข็งแรงและสุขภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงระยะหลังจากปลูกผม เพื่อเติมเต็มกระบวนการรักษาให้ครบสมบูรณ์ และเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้นกว่าเดิม

.

NEAT ความพิเศษที่รอให้คุณพิสูจน์
หลาย ๆ คนที่ก้าวเข้ามารับการรักษาปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงกับนามนิน อาจจะต้องสะดุดหูกับชื่อเทคนิค NEAT ว่าเป็นเทคนิคแบบไหน มีความโดดเด่นอย่างไร ทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในวงการปลูกผมปัจจุบัน ชื่อเทคนิคที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุด ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งดูจะเป็นเทคนิคที่แพร่หลายรวมทั้งได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้น ๆ ทั่วโลก 

FUE หรือ Follicular Hair Extraction คือการปลูกผมถาวรด้วยวิธีย้ายรากผมของคนไข้เอง จากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดเหมือนวิธีการในอดีตซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาว ที่สำคัญ ผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังของคนเรานั้นมีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT อันเป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ ก็จะยังคงจุดเด่นเรื่องความคงทนแข็งแรง สามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติของวงจรเส้นผมไปตลอดชีวิตของคนเราเลยทีเดียว

และ NEAT ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ในขั้นสูง ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น เนื่องจากมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเทคนิค FUE โดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม จนทำให้เกิดเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะช่วยเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุดของคนไข้ ตั้งแต่ในช่วงก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก นำไปสู่ผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรง ซึ่งจะอยู่คู่กับคนไข้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า เป็นความพิเศษเฉพาะตัวของ NEAT ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน

โดยทั่วไป เครื่องมือเลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการวัดสัดส่วนใบหน้าเพื่อออกแบบ Hairline หรือแนวผมใหม่ก่อนทำการปลูกผม แต่ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือวาดเส้น Hairline ด้วยตัวเอง อาศัยประสบการณ์ ทักษะ ผสมผสานกับมุมมองเชิงศิลปะ โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาผมแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด บนพื้นฐานของ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อคืนความงดงามอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของเส้นผม

ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับการย้ายผมออกจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังด้วยวิธีการโกน แต่แพทย์ของนามนินเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้ซึ่งต้องคอยระแวงระวังปกปิดร่องรอยหลังการปลูก จนอาจทำให้คนไข้จัดทรงผมได้เพียงไม่กี่แบบ สำหรับนามนิน แพทย์ได้คิดค้น เทคนิคการนำผมออกแบบขั้นบันได สลับกันเป็นแถบเล็ก ๆ โดยไม่ต้องโกน แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายรากผมออกมาแทน ทำให้คนไข้สามารถจัดทรงผมได้ไม่จำกัดสไตล์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผยรอยหลังปลูกให้ใครเห็น

แม้ว่านามนินจะใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับการทำหัตถการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป แต่ขนาด Implanter ที่นามนินเลือกนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เจาะย้ายรากผมให้กับคนไข้นั้น เป็น Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่า Implanter ขนาด 0.8 มิลลิเมตรที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงทิ้งไว้เพียงรอยปลูกขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีเลือดออก และยังลดปัญหาแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว ๆ หลังปลูกผม ทำให้คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ และสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

Implanter ขนาดเล็กพิเศษของนามนิน ยังช่วยให้แพทย์สามารถ ปลูกผมตามทิศทางองศาได้แม่นยำ กว่าการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับความละเอียด ประณีต และความใส่ใจของแพทย์ที่เข้าใจทิศทางเส้นผมและมีทักษะในการปักกราฟต์ผมขั้นสูงแล้ว คนไข้จึงมั่นใจได้ว่า เส้นผมปลูกใหม่จะเรียงตัวกันในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ที่สำคัญ นามนินทำหัตถการปลูกผมด้วยแพทย์ทุกเส้น ขณะที่การปลูกผมแบบ FUE ทั่วไปอาจใช้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาช่วย แต่นามนินให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปักกราฟต์ผมซึ่งต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น เพื่อให้สามารถปักกราฟต์ผมได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งทิศทาง องศา ความลึก ความหนาแน่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมปลูกใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย

มาลองพิสูจน์ความพิเศษเหนือระดับของเทคนิค NEAT ได้ เพียงเริ่มก้าวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ
Tip ดูแลเส้นผมรับลมหนาว
แม้ว่าลมหนาวปลายปีจะมาเยือนเมืองไทยแค่เบา ๆ เหมือนกลัวมนุษย์เมืองร้อนอย่างเราจะหนาวกันจนทนไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้น อุณหภูมิที่ลดลง และความชื้นในอากาศที่ลดลง ก็ทำให้สภาพอากาศแห้งขึ้น และส่งผลต่อเส้นผมของเราได้เหมือนกัน

สังเกตมั้ยว่า หน้าหนาวทีไร เส้นผมของเรามักจะดูแห้งเสีย กระด้าง ชี้ฟู จัดทรงยาก ไม่เงางาม ทั้งยังหลุดร่วงง่ายกว่าในฤดูอื่น ๆ นั่นก็เป็นเพราะหนังศีรษะของเราทั้งแห้งและขาดความชุ่มชื้นไปตามสภาพอากาศ หรือหากบางคนมีน้ำมันเคลือบเส้นผมอยู่มากเกินไป ก็จะทำให้ผมลีบแบน และทิ้งตัวติดศีรษะจนแทบหมดความมั่นใจเลยก็เป็นได้

เราจึงขอชวนคุณมาดูแลเส้นผมรับลมหนาว เพื่ออวดผมสวยสุขภาพดีแม้ในช่วงปลายปีที่อากาศเปลี่ยนแปลง ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  • ข้อแรก ง่ายจริง ๆ นะ แค่ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย รวมถึงหนังศีรษะและเส้นผมด้วย

  • เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารอาหารพวกโปรตีนหรือไขมันที่มีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยบำรุงผมของเราได้อีกทาง

  • ถ้าใครรู้ตัวว่ามีผมแตกปลาย หมั่นคอยเล็มออกบ่อย ๆ จะดีกว่า เพื่อไม่ให้ผมแห้งเสีย และชี้ฟูยิ่งกว่าเดิมในหน้าหนาว

  • ส่วนใครที่มักจะสระผมเป็นประจำทุกวัน ฟังทางนี้ การสระผมบ่อย ๆ จะเป็นชะล้างน้ำมันบนหนังศีรษะออกไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและขาดความชุ่มชื้นมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนผมมันอยู่แล้ว การสระผมบ่อย ๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นอีก ดังนั้น ลองปรับกิจวัตรการสระผม โดยสระเท่าที่จำเป็นก็พอ

  • การสระผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ก็มีผลเหมือนกันนะ เพราะจะทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะเปิดออก และเสี่ยงต่อการอุดตัน จนอาจทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเส้นผมได้ไม่เต็มที่ เส้นผมจึงอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าไม่หนาวจนเกินไป สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติน่าจะดีต่อสุขภาพผมมากกว่า

  • นอกจากน้ำร้อนแล้ว ลมร้อนจากไดร์เป่าผม รวมถึงความร้อนจากการหนีบผมหรือการจัดแต่งทรงผมอื่น ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ทั้งนี้ เราอาจจะใช้น้ำมันที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลายด้วยความร้อน ชโลมให้ทั่วก่อน หรือเปลี่ยนมาใช้ไดร์เป่าผมลมอุ่นหรือลมธรรมดาก็ได้เหมือนกัน

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะที่ได้คุณภาพ เหมาะกับสภาพผม สามารถช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้น หรือเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม ซึ่งนอกจากแชมพูแล้ว ก็ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ โดยชโลมเฉพาะบริเวณปลายผม เพื่อป้องกันผมแตกปลาย และหลีกเลี่ยงบริเวณหนังศีรษะ เพื่อไม่ให้ผมมันมากขึ้น 

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เติมน้ำมันให้ผม เช่น น้ำมันมะกอกสกัดเย็น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้หมักผมกันโดยทั่วไป หรือการทำ Treatment ผม เพื่อปกป้องผมจากอากาศแห้งและเย็น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย

หากใครกำลังมองหา Treatment บำรุงผมแบบครบเครื่อง นามนินขอแนะนำบริการใหม่ Namnin Perfect Hair Treatment ที่เราออกแบบให้เป็น Treatment กึ่งสปา เริ่มจากการนวดบำรุงหนังศรีษะด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาตินำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อาศัยศาสตร์การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ตามมาด้วยการทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer ที่นำเข้าจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะบำรุงด้วยเซรั่มทิ้งท้ายอีกขั้น เพื่อให้ผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย เรียกได้ว่าเป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลเส้นผมแบบจบครบทุกมิติใน Treatment เดียว เพื่อให้เส้นผมของคุณพร้อมสู้สภาพอากาศได้ทุกฤดูกาล

เปิดเส้นทางความสำเร็จ สู่ปีที่ 4 ของ “นามนิน คลินิก”
“นามนิน คลินิก” ยังคงเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ด้วยเทคนิคสุดประณีตที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว ซึ่งประยุกต์ทั้งศาสตร์การแพทย์และศิลปะความงามเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งยังมอบบริการที่ตอบโจทย์ความสำเร็จในการรักษาและความพึงพอใจของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่ขวบปีที่ 4 อย่างมั่นคง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาด “บริการปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และสามารถขยายฐานผู้ใช้บริการไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากเทรนด์การปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ รวมไปถึงกลุ่มผู้หญิง เนื่องมาจากความสำเร็จในการเปลี่ยนภาพจำเก่า ๆ ของการปลูกผม จากที่เคยเป็นปัญหาของผู้ชาย คนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง กลายมาเป็นศาสตร์ความงามที่ไม่ว่าใครก็เข้าถึงได้ เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น ที่สำคัญ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วยังช่วยลบภาพจำที่ค่อนข้างน่ากลัวของหัตถการการปลูกผม แทนที่ด้วยคำบอกเล่าถึงประสบการณ์สบาย ๆ ที่น่าประทับใจ แทบไม่ต่างจากการเข้าคลินิกเสริมความงามที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมืองในตอนนี้




“นามนิน” ก็คือหนึ่งในชื่อของคลินิกปลูกผมที่กำลังมาแรง และเป็นชื่อที่อยู่ในใจอันดับต้น ๆ ของผู้เข้ารับบริการปลูกผม เนื่องจากความตั้งใจที่ชัดเจนของแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน ซึ่งเป็นผู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าในการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง และอยู่เบื้องหลังในการวางรากฐานและบทบาทของแบรนด์ “นามนิน” ในฐานะผู้ให้บริการปลูกผมด้วย “ความใส่ใจ” พร้อมเติมความละเอียดประณีตลงไปในทุก ๆ ขั้นตอน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง และออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสต่อเคส เพื่อตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ 


ที่สำคัญ คุณหมอนินยังอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมจากทั้งในและต่างประเทศ มาพัฒนาเทคนิคการปลูกผมที่ทันสมัยและได้ประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้คนไข้ได้มากกว่าเดิม ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” ความพิเศษของเทคนิค NEAT ไม่ใช่แค่ชื่อช่วยจำ แต่มีความหมายที่แฝงอยู่ในทุกตัวอักษร 


“ N แทนความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน
E แทนแนวทางการรักษาที่ออกแบบสุด Exclusive เฉพาะบุคคล 
A แทนเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงระดับ Advance ที่วางใจได้ในผลลัพธ์การรักษา 
T แทน Technology เครื่องมือทันสมัย ประสานกับ 
Technique เฉพาะตัวของคุณหมอนินที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง”


นอกจากความสำเร็จของเทคนิค NEAT “นามนิน คลินิก” ยังพัฒนาการให้บริการทุก ๆ มิติ โดยเน้นให้บุคลากรผู้ช่วยแพทย์ต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นในการทำหัตถการปลูกผม ขณะที่บุคลากรประจำคลินิกทุกคนต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันในการดูแลและให้คำแนะนำแก่คนไข้ด้วยความใส่ใจ กระทั่งสามารถเปลี่ยนคลินิกแห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความอุ่นใจ ที่คนไข้สามารถบอกเล่าปัญหาและขอคำปรึกษาได้เสมอ อีกทั้งแพทย์ยังเลือกสรรผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดเส้นผมที่ได้มาตรฐานเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาในระยะยาว


จุดแข็งของ “นามนิน” โดยเฉพาะการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกเส้นนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นให้กับวงการปลูกผมในประเทศไทย ซึ่ง “นามนิน” เองพยายามสื่อสารมาตลอดว่า หัวใจสำคัญของกระบวนการปลูกผม คือขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่ลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา โดยคำนึงถึงทิศทางองศา ความลึก ความหนาแน่นที่เหมาะสม เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เติมเต็มส่วนที่บางให้กลับหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ และมั่นใจได้ว่าเส้นผมใหม่จะเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง ไม่หลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร การปลูกผมจึงเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์อย่างไม่มีใครแทนที่ได้


ไม่เพียงเท่านั้น “นามนิน” ยังยึดมั่นในการทำการสื่อการการตลาดด้วย “กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว หรือ White Ocean Strategy” ซึ่งเน้นการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของจริยธรรม ความเป็นจริง และความรับผิดชอบต่อสังคม “นามนิน” เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการปลูกผม ที่เน้นการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจในศาสตร์การปลูกผม แบ่งปันสู่กลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางต่าง ๆ เสมอมา ดังจะเห็นได้จากการเลือกใช้สื่อหลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น การสื่อสารไปยังกลุ่มวัยกลางคนผ่านสื่อวิทยุ การสื่อสารไปยังกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ๆ ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายและกำลังรับมือกับปัญหาเส้นผมแบบเดียวกัน ผ่านสื่อออนไลน์และเหล่า Influencers ที่น่าเชื่อถือ รวมไปถึงการสื่อสารผ่านหนังสั้นเพื่อสะท้อนมุมมองและคำสัญญาจากแบรนด์ เพื่อตอกย้ำถึงคุณค่าของบริการปลูกผมจาก “นามนิน


ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” ไม่เพียงเริ่มต้นด้วยการต่อยอด “คอร์สสอนปลูกผม” ที่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของคุณหมอนิน ในฐานะ “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” ท่านอื่น ๆ โดยตรงเท่านั้น แต่ผู้มาใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติยังได้สัมผัสประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้น กับบริการที่ครบวงจรแบบ Hair Medical Center ที่พหลโยธิน 34 รองรับการบริการด้านการดูแลเส้นผมตั้งแต่ก่อนปลูกผม ให้บริการปลูกผม และดูแลฟื้นฟูเส้นผม ด้วยความ “ใส่ใจ” ในทุก ๆ ขั้นตอนตลอดเส้นทางการรักษา เพื่อเปลี่ยนทุกคนที่ก้าวเข้ามาใช้บริการ ให้กลายเป็น “คนใหม่” ที่สามารถปลดล็อกตนเองสู่อิสระและความมั่นใจในการใช้ชีวิต สัมผัสประสบการณ์การดูแลเส้นผม การปลูกผมแบบไม่ต้องลางาน ได้ที่ https://www.facebook.com/namninclinic  หรือ www.namnin.com  สอบถามรายละเอียด Line@Namninclinic หรือโทร.093-093-5639

คู่มือปลูกผมฉบับย่อ จาก “นามนิน”
“นามนิน” ขอนำเสนอ “คู่มือปลูกผมฉบับย่อ” สำหรับใครก็ตามที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะปลูกผมดีหรือไม่ หรือปลูกผมด้วยวิธีไหน รวมไปถึงคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมใหม่ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจหลักการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการปลูกผม และเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ซึ่งจะมีแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย


ขั้นตอนก่อนปลูกผม

1
ผู้ที่สนใจเข้ารับการปลูกผม ติดต่อนัดหมายกับทางคลินิก เพื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรง


2
เมื่อถึงวันนัดหมาย แพทย์จะให้เวลากับคนไข้อย่างเต็มที่ ทั้งตอบคำถามต่าง ๆ เพื่อคลายข้อสงสัย อธิบายขั้นตอนการรักษาตามลำดับเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คนไข้มองเห็นภาพรวมของคำว่า “การปลูกผม” ได้ชัดขึ้น ที่สำคัญ แพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก ก่อนจะออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของคนไข้มากที่สุด เนื่องจากคนไข้แต่ละคนมีปัญหาผม มีความต้องการ และมีข้อจำกัดในการทำงานหรือการใช้ชีวิตที่ต่างกัน แพทย์จึงต้องใช้เวลาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยให้แนวทางการรักษาที่จะเป็นไปหลังจากนี้ เกิดขึ้นจากการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจเมื่อถึงปลายทาง


‘การรักษาโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง แทนที่จะมุ่งรักษาตามสูตรสำเร็จทางการแพทย์อย่างเดียวนั้น เป็นไปตามหลักที่เรียกว่า Customer Centric ซึ่งนามนินเองก็นำหลักการนี้มาใช้ เพื่อให้แนวทางการรักษานั้น ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้จริง’


3
นัดหมายวันที่คนไข้สะดวกเข้ารับการปลูกผม โดยจะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมจบภายใน 1 วัน



ขั้นตอนในวันปลูกผม

4
เริ่มต้นปฏิบัติการเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ด้วยการออกแบบ Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การลากเส้นใหม่ตามใจแพทย์ แต่เป็นการออกแบบจากความต้องการของคนไข้ ประกอบกับหลักสัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า นอกจากจะเติมเต็มเส้นผมให้ดูหนาแน่น เพื่อแก้ปัญหาผมร่นขึ้นสูงบริเวณหน้าผากแล้ว Hairline ใหม่ยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้เจ้าของเส้นผม เติมความหวานละมุนให้ใบหน้าของคุณผู้หญิง ขณะเดียวกันก็เติมความสมาร์ทคมเข้มให้กับใบหน้าของคุณผู้ชาย เรื่องของ Hairline จึงเป็นมากกว่าแค่ขั้นตอนหนึ่งของการปลูกผมทั่วไป แต่ยังเป็นการใช้มุมมองความงามเชิงศิลป์ เพื่อเรียกคืนความมั่นใจให้กับคนไข้หลังปลูกผมด้วย


‘สัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า รู้จักกันในชื่อ สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio เป็นทฤษฎีด้านความงามที่จับเอาหลักคณิตศาสตร์โดย Leonardo Fibonacci มาประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยให้สามารถออกแบบรูปหน้าได้สวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สัดส่วนทองคำยังนำถูกไปใช้อย่างกว้างขวางในวงการศิลปะและการออกแบบทั่วไป’


5
หลังจากวาดเส้น Hairline ใหม่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเป็นผู้เตรียมตัดแต่งทรงผมด้านหลังท้ายทอยของคนไข้ หลายคนอาจเคยได้ยินว่า ต้องมีการโกนผมก่อนลงมือปลูกผมใหม่ด้วย แต่เทคนิคการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปมาก และที่สำคัญ ยังออกแบบมาเพื่อเอื้อให้คนไข้ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ดังนั้น ผมของคนไข้จึงจะได้รับการตัดแต่งอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องโกนผมทิ้ง ช่วยให้คนไข้ยังสามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างอิสระหลังปลูกผม ไม่ต้องคอยระวังซ่อนแผลจนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจ


6
ขอต้อนรับเข้าสู่ห้องหัตถการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะได้รับคำแนะนำให้สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ติดกระดุมหน้าเพื่อให้ถอดได้สะดวก โดยในขั้นตอนนี้ คนไข้จะได้รับการเตรียมให้อยู่ท่านอนที่สบายที่สุด ก่อนจะเริ่มนำกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องผ่าตัด เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออกมา

ที่นามนิน แพทย์ยังใช้เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได โดยนำกราฟต์ผมออกเป็นแถบ ๆ สลับกัน และใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกแบบกระจาย เพื่อให้รอยแผลได้รับการซ่อนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องพยายามปกปิดรอยแผลด้านหลังเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้วนั่นเอง


‘กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มเส้นผมที่มาอยู่รวมกัน กราฟต์ผมแต่ละกราฟต์อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ต่างกันไปในแต่ละคน และเหตุผลที่ต้องใช้กราฟต์ผมบริเวณท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ก็เพราะผมบริเวณนี้มีความแข็งแรง ต้านทานฮอร์โมนที่ทำให้ผมหลุดร่วงง่าย และแม้จะย้ายไปปลูกใหม่ คุณสมบัตินี้ก็จะยังอยู่ไปตลอดวงจรของเส้นผม’


7
กราฟต์ผมของคนไข้ จะได้รับการดูแลอย่างดี โดยแช่ไว้ในน้ำยารักษากราฟต์ผมคุณภาพเยี่ยม ซึ่งผู้ช่วยแพทย์จะค่อย ๆ แยกและตัดแต่งกราฟต์ผม ให้ได้จำนวนเส้นผมในกราฟต์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปลูกใหม่ เนื่องจากผมบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา จะมีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผมบริเวณกลางศีรษะ จะเป็นผมเส้นใหญ่ หนา และมีจำนวน 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม ขณะที่ผมบริเวณแนวหน้าผาก จะเป็นผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเพียง 1 – 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผมเท่านั้น


8
ในระหว่างที่ผู้ช่วยแพทย์กำลังตัดแต่งกราฟต์ผมนั่นเอง ก็ได้เวลาพักรับประทานอาหารกลางวันของคนไข้ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของวันนี้


9
แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเอง โดยลงมือปักกราฟต์ผมใหม่เองทุกกราฟต์ ซึ่งเหตุผลที่ขั้นตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเท่านั้น ก็เป็นเพราะว่า การปักกราฟต์ผมใหม่ เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน และมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ส่งผลต่อความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ให้ต้องคำนึงถึงมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

การเลือกกราฟต์ผม ให้มีจำนวนเส้นผม และขนาดความหนาบางของเส้นผม ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก  ความหนาแน่นของกราฟต์ผมที่ปลูกใหม่ ไม่ควรแน่นเกินไปจนอาจทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงง่าย แต่ก็ไม่ควรบางเกินไปจนดูเหมือนปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ต้องกระจายระยะปักกราฟต์ให้เกิดความพอดี ทิศทางผม แพทย์จะค่อย ๆ ปักกราฟต์ผมใหม่ให้เรียงตัวไปตามทิศทางผมเดิม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ 

องศาผม เพราะผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งในแบบของตัวเอง แพทย์จึงต้องเลือกเส้นผมที่มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูกด้วย
ความลึกของกราฟต์ผม ข้อนี้จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อของรากผมกับเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ซึ่งมีส่วนต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่โดยตรง


‘ทิศทางและองศาผม เป็นปัจจัยสำคัญที่แพทย์จะใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากหากปลูกผมผิดทิศทาง จะทำให้ผมที่งอกขึ้นใหม่ชี้ไปมาย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ก็ต่อเมื่อปลูกไปแล้วระยะหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขด้วยการปลูกใหม่ได้อีกแล้ว’


ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ในขั้นตอนนี้ ก็คือ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมใหม่ได้อย่างแม่นยำ ละเอียด ประณีต และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็กหลังปลูก ทั้งยังช่วยให้เลือดออกน้อย ลดอาการเจ็บ และทำให้แผลหายไวขึ้นโดยแทบไม่ต้องพักฟื้น


10
เมื่อปักกราฟต์ผมเรียบร้อยแล้ว คนไข้จะได้รับการดูแลทำความสะอาดเส้นผม เริ่มตั้งแต่การสระผมอย่างอ่อนโยนที่สุด ตรวจลักษณะและความเรียบร้อยของแผล ก่อนจะเป่าผม และจัดทรงผมที่ดูดีให้กับคนไข้ เพื่อให้สามารถกลับออกไปทำกิจวัตรประจำวันต่อ หรือกลับบ้านได้อย่างสบายใจ 


ขั้นตอนหลังปลูกผม

11
วันรุ่งขึ้น แพทย์จะนัดคนไข้เข้ามาทำความสะอาดผมอีกครั้ง เพื่อแนะนำวิธีการสระผมที่ถูกต้อง พร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมในช่วงแรก โดยเตรียมชุด Namnin Hair Care ที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ไว้ให้ เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลเส้นผมปลูกใหม่เบื้องต้นได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน


12
เพราะการปลูกผมไม่ได้จบลงแค่ในห้องหัตถการ แต่ยังหมายถึงการติดตามดูแลเส้นผมใหม่ไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ผมสวยหนาแน่นอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ดังนั้น ในอีก 1 ปีต่อจากนี้ แพทย์จะยังคอยนัดหมายติดตามผลและให้คำแนะนำกับคนไข้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเสริมบริการ Treatment บำรุงเส้นผมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง นับเป็นเส้นทางการรักษาที่อาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ซึ่งแพทย์และคนไข้จะต้องจับมือทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่ก้าวออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวคุณได้อย่างมั่นใจจริง ๆ


‘การรักษาที่อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นหัวใจหลักของเทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินพัฒนาขึ้น ภายใต้ชื่อ NEAT หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งผสานทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองความงามเชิงศิลป์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์การรักษา และโจทย์ความสุขของคนไข้ไปพร้อม ๆ กันได้ในที่สุด’ 


#ทีมนามนิน ทีมแห่งความใส่ใจ
Namnin is not a place, it’s a people
..เมื่อ “นามนิน” ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือผู้คน...

ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาเยี่ยมเยือนคลินิกนามนิน จะเห็นบุคลากรมากมายหลายชีวิต ที่มีบทบาทการทำงานต่าง ๆ กันไป แน่นอนว่า เรามักจะได้ยินชื่อของคุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคลินิกนามินอยู่บ่อย ๆ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของคนไข้ภายใต้การนำของคุณหมอนินนั้น ยังมีบุคลากร #ทีมนามนิน อีกหลายคนทีเดียว ที่มีส่วนร่วมในเส้นทางแห่งความใส่ใจเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ อันเป็นเป้าหมายและความตั้งใจร่วมกันของทุกคนที่นี่

โดยทั่วไป ในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ มักจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ ฝ่ายมาจับมือทำงานร่วมกัน ซึ่งเราเรียกว่า Multidisciplinary Teamwork หรือการดูแลแบบ “สหวิชาชีพ” เพราะเมื่อองค์ความรู้ ทักษะ หรือแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือทางด้านสุขภาพหรือการแพทย์เพิ่มมากขึ้น บุคลากรเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถลงมือปฏิบัติได้ครอบคลุมทุกมิติ ต้องอาศัยความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลาย ๆ คนมาช่วยกัน เพื่อให้เกิดการดูแลคนไข้แบบผสมผสาน และแบบองค์รวม ตอบโจทย์เป้าหมายสุขภาพ ซึ่งหมายรวมทั้งสุขภาวะด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมด้วยนั่นเอง

ตัวอย่างของโรงพยาบาลหนึ่ง ๆ อาจมีทั้งแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักรังสีเทคนิค นักโภชนาการ พยาบาลหอผู้ป่วย และพยาบาลชุมชน มาร่วมกันดูแลคนไข้หนึ่งคน ภายใต้วัตถุประสงค์ทางการรักษาเดียวกัน และเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง โดยบุคลากรในทีมจะสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น วางแผน และทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการรักษา รวมถึงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการรักษา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไข ความต้องการ หรือสถานการณ์ของคนไข้แต่ละคน 

สำหรับ #ทีมนามนิน นอกจากแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมแล้ว ยังมีทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมในกระบวนการรักษาตลอดเส้นทางแห่งความใส่ใจ เช่น ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ให้บริการ Treatment  ตลอดจนฝ่ายดูแลและบริการลูกค้า ภายใต้การกำกับอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ละเอียด ซับซ้อน และมีขั้นตอนมากมาย ในขั้นตอนบางอย่างจึงเป็นหน้าที่ของทีมสหวิชาชีพในการช่วยแพทย์ทำงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่า ทุกคนผ่านการคัดเลือกและฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี 

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักอย่างขั้นตอนการปลูกผมใหม่ บทบาทนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณหมอนิน ผู้นำของทีม ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น แบบเส้นต่อเส้นเลยทีเดียว เนื่องจากต้องอาศัยทักษะชั้นสูงในการปักกราฟต์ผมใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันในขั้นตอนเดียว

  • ขนาดของเส้นผม 
จะต้องเลือกความหนาบางของเส้นผม ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก มักจะเป็นผมเส้นเล็กบาง ไม่ใช่ผมเส้นหนาและใหญ่

  • จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 
จะต้องเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก ควรใช้กราฟต์ผมที่มีผมเส้นเดี่ยว และในบริเวณลึกเข้าไป จึงใช้กราฟต์ผมที่มีผมจำนวน 2 – 4 เส้น ตามลำดับ

  • องศาความโค้งของเส้นผม 
ทราบมั้ยว่า ผมแต่ละเส้นยังมีองศาความโค้งไม่เท่ากันด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ของแพทย์อีกเช่นกันที่จะต้องเลือกผมที่มีความโค้งมากน้อยให้เข้ากับบริเวณที่จะปลูกใหม่

  • ทิศทางของเส้นผม 
โดยแพทย์ต้องวางทิศทางผมให้เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือเหมาะกับผมในบริเวณนั้น ๆ ไม่อย่างนั้น เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น อาจจะเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่ชี้ผิดทิศผิดทาง แลดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งยากจะแก้ไขในภายหลัง

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ผม 
แพทย์ยังต้องประมาณความลึกในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้พอดี เพื่อให้รากผมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นเลือดต่าง ๆ และลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

  • ความหนาแน่นในการปลูก 
ปลูกให้แน่นที่สุด ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการปลูกผม ปลูกให้หนาแน่นกำลังดี ไม่บางหรือแน่นเกินไปต่างหาก จะทำให้ผมปลูกใหม่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่หลุดร่วงง่ายอีกด้วย

  • Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ 
ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ แพทย์และคนไข้จะได้ร่วมกันวางแผนการรักษา และออกแบบกรอบหน้าใหม่ ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมนี้เอง ที่แพทย์จะเป็นผู้เนรมิตกรอบหน้าใหม่ ให้ออกมาดูสวย เป็นธรรมชาติ และขับบุคลิกของคนไข้ให้โดดเด่นขึ้นได้จริง ๆ 

หลังจากจบขั้นตอนการปลูกผม คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอนิน และ #ทีมนามนิน อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่าง ๆ รวมถึงให้บริการ Treatment เพื่อเส้นผม ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่ของคนไข้จะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด

นามนิน ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ Hair Medical Center
“บริการปลูกผม” ตลาดใหญ่มาแรงระดับโลก

ประเทศไทยอยู่ตรงไหน ในภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามด้านเส้นผมของโลก ?

ผลการวิจัยเผยว่า ในปี 2020 ที่ผ่านมา ตัวเลขมูลค่าตลาด “การปลูกผม” ทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 106,062 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2027 ตัวเลขดังกล่าวอาจทะยานสูงขึ้นแตะ 136,508 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตของตลาดเฉลี่ยต่อปีถึง 3.6% เช่นเดียวกับตลาด “ผลิตภัณฑ์บำรุงและลดการหลุดร่วงของเส้นผม” ที่จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน อยู่ที่ 3.83% โดยจะเห็นภาพการเติบโตชัดเจนที่สุดในภูมิภาคเอเชียนี่เอง (กรุงเทพธุรกิจ, 2565)

แน่นอนว่า ประเทศไทย ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กที่กำลังทวีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งสำหรับตลาด Hair Care หรือผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการดูแลเส้นโดยรวมของประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทนั้น บริการปลูกผมครองสัดส่วนของตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว (กรุงเทพธุรกิจ, 2563) สอดคล้องกับการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของคลินิกปลูกผมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แม้วันนี้ ตลาดปลูกผมไทยอาจยังตามหลังประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่น แต่การพัฒนาฝีมืออย่างก้าวกระโดดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมคนไทย ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงความเป็นเลิศด้านการให้บริการ ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ก็ส่งให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงเพียงพอที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ในการยกระดับวงการปลูกผม เพื่อรองรับการเป็น Medical Hub of Hair Transplantation ของภูมิภาคเอเชียในอนาคต


สำรวจปัจจัยความเติบโต ของเทรนด์ “ปลูกผม” ในประเทศไทย 

การที่ตลาด “ปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ปัจจัยข้อแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของคนไทยเอง ในปัจจุบัน คนไทยรวมถึงคนทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้เทรนด์สุขภาพยังคงเป็นกระแสระดับท็อปต่อเนื่องยาวนานหลายปี เราจึงเห็นผู้คนลุกขึ้นมาค้นคว้าศึกษาข้อมูล ปรับวิถีชีวิตใหม่ เพิ่มมูลค่าการใช้จ่าย และเพิ่มเวลาให้กับการดูแลตัวเองมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย การดูแลสัดส่วนและรูปร่าง รวมไปถึงการจัดการกับปัญหาสุขภาพเส้นผมด้วย

นอกจากสุขภาพแล้ว ผู้คนก็ยังใส่ใจเรื่องบุคลิกภาพด้วยเช่นกัน ทั้งยังตระหนักมากขึ้นว่า เส้นผมคือเครื่องประดับชิ้นสำคัญของร่างกาย ที่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี นำมาสู่ภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือในสายตาของคนรอบข้าง และยังสะท้อนความเป็นตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร หลาย ๆ คนหมดความมั่นใจในตัวเองลงง่าย ๆ เมื่อเผชิญกับปัญหาเส้นผม ซึ่งการขังตัวเองไว้กับความรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในทุกครั้งที่ส่องกระจกนั้น ทำให้หลายคนไม่กล้าใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ จนอาจพลาดโอกาสสำคัญต่าง ๆ ไป ดังนั้น คนจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะหันกลับมาดูแลเส้นผม ไม่ต่างจากการดูแลร่างกายส่วนอื่น ๆ 

ที่สำคัญ ภาพจำของคำว่า การปลูกผม ก็เริ่มเปลี่ยนไป ที่ผ่านมา คนมักจะติดภาพว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของคนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง แต่ปัจจุบันเทรนด์การปลูกผมเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากสถิติโดยทั่วไป คนในวัย 25 – 35 ปี ตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมใหม่ถึง 25% ขณะเดียวกัน คนในวัยต่ำกว่า 25 ปี ก็เริ่มกล้าที่จะเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเริ่มต้นปลูกผมเพื่อดูแลจัดการปัญหาแต่เนิ่น ๆ กันมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ภาพจำเก่า ๆ ว่าการปลูกผมเป็นเรื่องของผู้ชายก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะผู้หญิงเริ่มเข้ามารับบริการปลูกผมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20% 

สำหรับปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่ง ก็คือเทคนิคการปลูกผม ที่ส่งผลต่อประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ เนื่องจากในอดีต การปลูกผมอาจไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์นัก คนไข้ต้องเผชิญความยากลำบากจากการรักษา ตั้งแต่การโกนผมด้านหลังทั้งหมดเพื่อ “ผ่าตัด” ย้ายกราฟต์ผมออก อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ ยังทิ้งรอยแผลน่ากลัวไว้พร้อมกับอาการเจ็บและบวมช้ำ ทำให้คนไข้ต้องใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน ทั้งยังเกิดข้อจำกัดในการทำผมทรงต่าง ๆ เพราะต้องคอยระวังปกปิดรอยแผลจากการปลูกผม จนกระทบต่อความมั่นใจ และการใช้ชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน

แต่ทุกวันนี้ นวัตกรรมการปลูกผมได้รับการพัฒนาขึ้นจนสามารถลบภาพประสบการณ์แย่ ๆ ที่กล่าวมาได้เกือบทั้งหมด เนื่องจากเทคนิคการปลูกผมและแนวทางการักษาที่ก้าวหน้ามากขึ้นในทุก ๆ มิติ ที่ “นามนิน” คนไข้ที่เข้ารับการปลูกผมจะได้สัมผัสความประทับใจจากบริการปลูกผมที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” โดยนำทั้ง “ศาสตร์” การแพทย์ด้านเส้นผม มาผสานกับ “ศิลปะ” การสร้างสรรค์ความงาม เพื่อมอบผลลัพธ์การปลูกผมที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเส้นผมและเติมเต็มความมั่นใจให้กับคนไข้ได้อย่างแท้จริง


เทคนิค NEAT ยังมีความหมายซ่อนอยู่ในทุกตัวอักษร 

N - Namnin
หมายถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ที่ไม่เคยหยุดศึกษา พัฒนา และต่อยอดองค์ความรู้ จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับคนไข้ ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง แบบเส้นต่อเส้น

E - Exclusive
หมายถึงการที่แพทย์เข้าใจในลักษณะปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันของคนไข้ ซึ่งไม่สามารถใช้สูตรการรักษาแบบเดียวกันได้ทุกคน ดังนั้น จึงต้องออกแบบแนวทางการรักษา “เฉพาะบุคคล” เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ เช่นเดียวกับการวัดตัวตัดเสื้อแบบ Tailor-Made เลยก็ว่าได้

A - Advanced
หมายถึงเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง ที่คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินเอง เพื่อตอบโจทย์การรักษาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

T - Technique
หมายถึงเทคนิคเสริมและองค์ประกอบต่าง ๆ ตลอดกระบวนการรักษา รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์การปลูกผมที่คนไข้พึงพอใจ ทั้งยังช่วยให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ จึงช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การปลูกผมของคนไข้ให้กลายเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ โดยเทคนิคใหม่ ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คนไข้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องโกนผม เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ ลดอาการเจ็บ บวมช้ำ เลือดออกน้อย ทิ้งรอยแผลขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็น และแทบไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที ไม่เพียงเท่านั้น เทคนิคการย้ายผมออกจากด้านหลังแบบขั้นบันได ยังช่วยให้คนไข้ไม่ต้องกังวลกับการปกปิดรอยแผลอีกต่อไป สามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างใจทุกสไตล์ ซึ่งเท่ากับอิสระในการใช้ชีวิตอย่างมั่นใจมากขึ้นด้วย


ก้าวสู่ปีที่ 4 กับ “นามนิน”

หลังก้าวผ่าน 3 ปีแห่งความใส่ใจในปัญหาเส้นผมทุกมิติของคนไข้ และความตั้งใจที่จะพัฒนาเทคนิคการปลูกผมให้เหนือมาตรฐานขึ้นไปอย่างไม่มีวันหยุด ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” จะไม่ใช่แค่ในบทบาทของ “คลินิก” แต่คือการเติบโตขึ้นไปเป็น Hair Medical Center ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมอย่างครบวงจร ที่ไม่เพียงให้บริการด้านการรักษาและดูแลเส้นผม แต่ยังนำเสนอคอร์สปลูกผมสุด Exclusive ที่นำเอาความรู้ ประสบการณ์ ทักษะ และเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน รวมเอาไว้ในคอสร์สนี้อย่างเข้มข้น สอนและถ่ายทอดจาก “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” โดยเฉพาะ รวมถึงการเป็นศูนย์รวมบริการ Treatment และผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมที่พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งเดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจในมิติอื่น ๆ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพการให้บริการของนามนินเสมอมา

และสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไป ก็คือคำสัญญาจากนามนิน ที่จะ “ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” ตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาพบแพทย์เพื่อพูดคุย ปรึกษา บอกเล่าปัญหาและความต้องการของตัวเอง ก่อนจะร่วมกันวางแผนเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปีเต็ม และแพทย์เริ่มลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้แบบเส้นต่อเส้น ตามมาด้วยช่วงเวลาแห่งการอดทน รอคอย และถนอมดูแลเส้นผมใหม่ โดยมีแพทย์คอยติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด จนถึงวันที่คนไข้ได้ปลดล็อกตัวเองไปสู่การเป็น “คนใหม่” ได้สำเร็จ ซึ่ง “นามนิน” หวังว่าจะได้เห็นภาพความสุขแบบนี้ ในขวบปีที่ 4 ตลอดจนปีต่อ ๆ ไปข้างหน้า

.
#NEATคือศาสตร์และศิลป์

NEAT ความคุ้มค่าของการปลูกผม
การปลูกผมแตกต่างจากการศัลยกรรมประเภทอื่นๆ ที่สามารถแก้ไขกี่ครั้งก็ได้เท่าที่ต้องการ เพราะการปลูกผมมีหลักการสำคัญคือ ต้องใช้เส้นผมที่แข็งแรงของตัวคุณเองมาปลูกเท่านั้น และจุดที่มีเส้นผมที่แข็งแรงที่สุดคือ บริเวณท้ายทอย หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Safe Zone เป็นผมที่อยู่ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะ มีผมประมาณ 12,500 กราฟท์เท่านั้น จากผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟท์ 

ทำไมต้องเป็นผมจากท้ายทอย? นั่นเพราะผมบริเวณนี้จะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด เนื่องจากรากผมบริเวณนี้ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง รากผมอ่อนแอ เส้นผมบางและสั้นลงเรื่อยๆ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านในที่สุด และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรมในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เมื่อนำผมจากท้ายทอยมาปลูกเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมบาง เส้นผมก็จะทนต่อการหลุดร่วงได้ดีขึ้นตามคุณสมบัติเดิมที่ติดมากับรากผม



ในขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะประเมินปัญหาก่อนว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด แล้วจึงจะคำนวณปริมาณกราฟท์ผมที่ต้องใช้ให้เหมาะสมที่สุดก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ โดยมีหลักที่ต้องคำนึงถึงคือ ต้องย้ายเส้นผมออกโดยเว้นระยะห่างอย่างสม่ำเสมอ เลือกนำผมออกมาใช้เป็นบางส่วน ไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเกินไปเพื่อคงความเป็นธรรมชาติ และหากเกิดความผิดพลาดใดๆขึ้น อาจจะต้องใช้ผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขอีกในอนาคต 


จากเหตุผลที่กราฟท์ผมจาก Safe Zone มีอยู่จำกัด หากบริเวณที่ต้องการปลูกมีมากกว่าผมที่ใช้ได้ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผมบางหลายจุด ทั้งแนวผมด้านหน้าและกลางศีรษะ อาจจำเป็นต้องใช้ผมจากบริเวณอื่นนอกจาก safe zone มาปลูกด้วย แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะพบปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะคนผมที่ร่วงจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะเส้นผมจากบริเวณอื่นจะมีปฏิกิริยากับฮอร์โมน DHT มากกว่าผมบริเวณท้ายทอย


ด้วยสาเหตุที่ต้นทุนของผมที่แข็งแรงนั้นมีปริมาณจำกัดดังที่กล่าวมา เราจึงสามารถปลูกผมได้เพียง 1-2 ครั้งในชีวิตเท่านั้น จึงต้องทำความเข้าใจถึงวิธีการปลูกผมและเทคนิคต่างๆให้ชัดเจนก่อนการตัดสินใจเลือกการปลูกผมครั้งแรกที่ผลลัพธ์ “คุ้มค่า” กับคุณที่สุด
N / E / A / T (Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique) คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงของนามนิน ผ่านการคิดค้นและพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ทุกความกังวลและความคาดหวังของคนไข้อย่างลงตัวที่สุด แต่ละตัวอักษรบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทั้งศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม 


N-Namnin ดูแลและปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นอกจากจะประเมินปัญหาและให้คำปรึกษาแล้ว แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ทุกเส้นด้วยตัวเอง ดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 1 ปีของการปลูกผม จนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์


E-Exclusive การปลูกผมที่ออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล เพราะปัญหาและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน การแก้ปัญหาให้ตรงจุดจึงต้องวางแผนใหม่ทุกครั้ง ไม่มีสูตรสำเร็จ ลอกเลียนแบบกันไม่ได้   


A-Advanced คุณภาพการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากล ปลอดภัยและสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งคุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


T-Technique คือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเฉพาะของนามนินในทุกขั้นตอน เช่น การออกแบบแนวผมใหม่ที่ยึดหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ ที่แนวผมจะรับกับทุกรูปหน้าทั้งชายและหญิง เทคนิคการเจาะนำผมออกด้านหลังแบบขั้นบันไดโดยไม่ต้องโกนผม ไม่เห็นรอยแผล ผมไม่เว้าแหว่ง ยังคงความเป็นธรรมชาติตามเดิม โดยเฉพาะการปลูกผมที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัวของคุณหมอนิน เลือกและปลูกเองทีละเส้น เน้นความเหมาะสมทั้งด้านความหนาบางของเส้นผม ระยะห่างของผมแต่ละกราฟท์ ทิศทางของผมแต่ละเส้นที่ต้องจัดวางให้ใกล้เคียงกับผมเดิม ปลูกแซมเลยแนวไรผมเข้าไปเพื่อความกลมกลืน 


ด้วยเทคนิคต่างๆเหล่านี้ ทำให้การปลูกผมที่นามนินนั้นตอบโจทย์ทั้งความงามและความสะดวกสบายอย่างที่สัมผัสได้จริงๆ เพราะคนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการปลูกผมทันที และยังมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี ของการปลูกผม เพราะหลังจากการปลูกผม คนไข้จะต้องพบเจอกับภาวะที่หลากหลายจึงควรได้รับคำแนะนำและการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์


ก่อนการตัดสินใจปลูกผม คุณควรใช้สิทธิ์ “เลือก” ในสิ่งที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุด การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเลือกของคุณนั้น “ถูกต้อง” ตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นดี ผลลัพธ์ดีแน่นอนค่ะ

ปลูกผมเสริมรูปหน้าสวย ด้วยเทคนิค NEAT
ปัญหาผมบางไม่ได้มีแต่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็พบเจอกับปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ความรุนแรงอาจจะน้อยกว่าแต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจและรบกวนจิตใจได้ไม่น้อยทีเดียว ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกแก้ปัญหาระยะยาวด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งการปลูกผมของผู้ชายและผู้หญิงก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน มาดูกันค่ะว่าการปลูกผมให้สวยดูเป็นธรรมชาติในผู้หญิงมีเทคนิคอะไรบ้าง


เริ่มด้วยปัญหาผมบางที่พบบ่อยในผู้หญิงกันก่อน หากผมบริเวณรอยแสกกลางศีรษะบางกว่าส่วนอื่น เรียกว่า “ผมบางแบบต้นคริสมาสต์” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเจอปัญหา “ผมบางทั่วศีรษะ” ที่ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อย เพราะผมดูบางทั่วทั้งศีรษะ จะทำผมทรงไหนก็ยาก อีกปัญหาหนึ่งที่พบได้คือ ผมบริเวณด้านหน้าร่นขึ้นไปแบบตัว M ซึ่งทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม ปัญหาเหล่านี้ล้วนทำให้สูญเสียความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง   
การปลูกผมให้สวยและดูเป็นธรรมชาติเริ่มด้วยการสำรวจรูปหน้าและแนวผมเดิมก่อน ผู้หญิงมีรูปหน้าที่แตกต่างกับผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีใบหน้ารูปไข่ รูปหัวใจและรูปทรงกลม แนวผมโค้งมนหรือเป็นทรงหัวใจ ขั้นตอนแรก แพทย์จะออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้รับกับรูปหน้า โดยเน้นความชอบของคนไข้เป็นหลัก เพียงแต่ปรับให้สวยงามขึ้นตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ แนวผมของผู้หญิงจะโค้งเพื่อให้รับกับรูปหน้าหรือเป็นทรงหัวใจ มีรอยหยักตรงกลาง อาจจะมีริ้วไรผมบางๆ เพื่อเพิ่มความละมุนของใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น


เทคนิคที่แพทย์ใช้ในการปลูกผมของผู้หญิงคือ การปลูกไล่ระดับความหนาบางและจำนวนของเส้นผมในแต่ละกราฟท์ ปลูกผมแต่ละเส้นลงในตำแหน่งที่เหมาะสม กราฟท์ผมเดี่ยวจะอยู่ด้านล่างเพื่อเป็นไรผมบางๆ และปลูกไล่ระดับความหนาขึ้นไปเรื่อยๆ และปลูกแทรกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ การจัดวางทิศทางของเส้นผมเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะหลังจากปลูกผมไปแล้ว ทิศทางของเส้นผมจะแก้ไขไม่ได้ แพทย์จึงต้องลงมือปลูกผมแต่ละเส้นด้วยตัวเอง เพื่อกำหนดทิศทางและความหนาแน่นให้สวยงามและเหมาะสมที่สุด


ความพิเศษของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ การใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิม ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล ตอบโจทย์ของผู้หญิงมากๆ และใช้ Implanter ขนาดเล็กในการปลูกผม ไม่เจ็บ มีเลือดออกน้อย แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้นทันที

หลังจากการปลูกผม แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคุณจะต้องผ่านช่วงเวลาที่หลากหลาย บางคนอาจจะพบกับภาวะ Shock Loss ภายหลังการปลูกผม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะหลุดร่วงของเส้นผม อาจเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ ผมร่วงทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่ระยะพักเพื่อเตรียมงอกขึ้นมาใหม่ บางคนโชคดีที่ผมไม่ร่วงเลยและยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะมีผมใหม่ขึ้นเป็นตอสั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวงจรปกติของเส้นผมหลังการปลูกผม ภายในเวลา 4 เดือน เส้นผมใหม่ก็จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แพทย์จะอธิบายถึงภาวะที่คนไข้อาจต้องพบเจอทั้งหมดหลังการปลูกผมให้เข้าใจ จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ

แพทย์จะนัดหมายให้เข้ามา follow up ผลการรักษาเป็นระยะ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกช่วงเวลาหลังการปลูกผม ทั้งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและการเข้ารับทรีทเมนท์ เช่น Hair Growth Treatment หรือ LLLT เพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมให้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้สัมผัสกับเส้นผมใหม่ที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดในอีก 18 เดือน

ไม่ว่าคุณจะปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง หรือปรับรูปหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สิ่งที่สำคัญคือควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนการตัดสินใจ ผู้ที่ให้ข้อมูลได้ชัดเจนที่สุดคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะปัญหา ความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน  การปลูกผมจึงต้องออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นรายบุคคล ไม่มีใครเหมือนใคร การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ “ตรงจุด” และได้ผลลัพธ์ “ตรงใจ” ที่สุด  

ปลูกผม “ผิด” ทิศทางและองศา
เส้นผมที่เราเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาเหมือน ๆ กันไปหมดนั้น ที่จริงแล้ว แต่ละเส้นมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลย 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เส้นผมบนหนังศีรษะแต่ละส่วนของเรา จะเรียงตัวไปใน “ทิศทาง” ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ ขณะเดียวกัน ผมแต่ละเส้นก็ยังมี “องศาความโค้ง” มากน้อยไม่เท่ากันด้วย 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทิศทางและองศาผมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีความสำคัญอย่างไร เราอาจต้องลองนึกภาพว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในการปลูกผมใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราสนใจแต่ความหนาแน่นของผม จนลืมใส่ใจเรื่องการปลูกผมตามทิศทางและองศาไป...



นี่คือภาพตัวอย่างของผลลัพธ์จากการปลูกผมที่มองข้ามเรื่องทิศทางและองศา จะเห็นได้ว่าเส้นผมใหม่ชี้ผิดทิศผิดทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม จนดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาเส้นผมผิดทิศนี้ เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ก็คงจะทำให้เจ้าของเส้นผมไม่กล้าปล่อยผม หรือหากจะจัดแต่งทรงผม ก็คงจำกัดอยู่แค่ทรงเดียวหรือไม่กี่ทรงเท่านั้น ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมเพื่อเสริมบุคลิกภาพได้ตามใจ

ที่สำคัญ ทิศทางและองศาของผมปลูกใหม่ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นผลหลังปลูกได้ทันที เพราะในช่วงแรก เราจะเห็นเพียงตอผมขนาดสั้น ๆ ก่อน จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 – 12 เดือนแล้วนั่นล่ะ ผมจึงจะยาวพอให้เห็นว่าทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือออกมาแบบผิดทิศผิดทางหรือไม่

และที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ก็คือปัญหาเส้นผมที่ชี้ไปมาและย้อนแย้งกับทิศทางที่ถูกต้อง เป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าปลูกแล้วปลูกเลย หรือแก้ไขได้ยากมาก ๆ นั่นหมายความว่า เราจะต้องอยู่กับเส้นผมผิดทิศแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต!!

ดังนั้น การปลูกผมตามทิศทางและองศา จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงทักษะ ฝีมือ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ทำการปลูกผมได้เป็นอย่างดี เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้คัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกผมใหม่ และปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

นอกจากทิศทางและองศาผมแล้ว แพทย์ยังต้องคัดเลือกขนาดของเส้นผมด้วย ตัวอย่างเช่น เส้นผมเล็กและบาง จะเหมาะกับการปลูกใหม่ตามไรผมบริเวณหน้าผาก ส่วนในบริเวณที่ลึกเข้ามา จะเหมาะกับผมเส้นเดี่ยว และกราฟต์ผมที่มีผมอยู่ร่วมกัน 2 – 4 เส้นตามลำดับ จึงจะใกล้เคียงกับเส้นผมเดิมตามธรรมชาติมากที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสมในการปักกราฟต์ผม เพื่อให้ผมใหม่ได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือดต่าง ๆ ที่มาหล่อเลี้ยง ทำให้เส้นผมเติบโต แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ แพทย์จะค่อย ๆ คัดแยกและปักกราฟต์ผมที่มีจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ ทีละเส้น ทีละเส้น จนอาจเรียกได้ว่า นี่คืองานคราฟท์ หรืองานฝีมือสุดประณีตกลางห้องหัตถการปลูกผมเลยก็ว่าได้ 

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลการปลูกผม หรือกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ปัญหาผม ด้วยการปลูกผมที่ตอบโจทย์มากที่สุด ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการปลูกผมตามทิศทางและองศา ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูก เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกันกลมกลืนเป็นธรรมชาติ และให้เจ้าของเส้นผมได้อวดผมสวยในทุก ๆ สไตล์ได้อย่างอิสระและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คุ้มค่ากับการลงทุนปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง

NEAT พลังแห่ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique (NEAT) คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเส้นผม ผู้สั่งสมประสบการณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “การปลูกผม” เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” 

นั่นหมายความว่า การปลูกผมให้คนไข้แต่ละคนนั้น ต้องผสานทั้งศาตสร์ความรู้ด้านวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เข้ากับมุมมองด้านศิลปะความงามเชิงสร้างสรรค์ เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ทรงพลังในการแก้ปัญหาเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และยังสามารถคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี ให้เจ้าของเส้นผมได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญของ NEAT เทคนิคสุดประณีตจากนามนิน ที่จะมาเติมเต็มภาพผลลัพธ์ผมใหม่ของคุณและผู้คนอีกมากมาย ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด


วางแผนการปลูก “เฉพาะบุคคล”
ก้าวแรกของการรักษา คือการพบปะพูดคุยกันระหว่างคนไข้และแพทย์ ซึ่งแพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนจะตรวจสอบสภาพปัญหาผม เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่เป็นไปได้และให้ประสิทธิภาพดีที่สุดร่วมกัน 

รวมถึงการประเมินกราฟต์ผม ว่าคนไข้มีผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่แข็งแรงพร้อมนำไปปลูกใหม่มากน้อยแค่ไหน และปัญหาผมของคนไข้นั้น ต้องการกราฟต์ผมไปช่วยเติมเต็มในปริมาณเท่าใด เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะนำมาปลูกใหม่ให้เหมาะสมและลงตัว โดยแพทย์ไม่ลืมที่จะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการปลูกผมใหม่อย่างละเอียด เพื่อให้คนไข้เข้าใจกระบวนการรักษาและสามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังช่วยออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ให้ดูหวานละมุนขึ้น ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น หรือดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองของใบหน้า เพื่อเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจของคนไข้อีกด้วย

ที่สำคัญ การวางแผนการปลูกผมใหม่ของแพทย์แต่ละครั้ง จะเป็นการออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเฉพาะบุคคล หรือเคสต่อเคส เพราะนามนินตระหนักดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผม มีข้อจำกัด และมีเป้าหมายความต้องการที่ต่างกัน ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว แพทย์จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จที่ซ้ำ ๆ กันในการรักษา แต่จะต้องเริ่มต้นทำความรู้จักคนไข้ ทำความเข้าใจสภาพปัญหา และคิดใหม่ทุก ๆ ครั้งว่าจะเลือกแนวทางการรักษาแบบใด ปรับรายละเอียดตรงส่วนไหน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ให้ได้มากที่สุด 


ปลูกผมโดยแพทย์ “เส้นต่อเส้น”
ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกครั้ง เพราะนี่คือหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความละเอียดอ่อนอย่างที่สุด 

และคำว่าปลูกผม “เส้นต่อเส้น” ก็ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจสำคัญของการปลูกผม ก็คือการนำกราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย มาสังเกตขนาด ความหนาบาง องศาความโค้ง จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ และลงมือคัดแยกให้เหมาะกับบริเวณที่จะนำไปปลูกใหม่

จากนั้น จะเป็นการนำกราฟต์ผม ค่อย ๆ ปลูกลงในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้เอง แพทย์จะต้องอาศัยทักษะขั้นสูง ในการปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเชื่อมต่อเส้นเลือดฝอยบริเวณรากผม ทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่จะต้องกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางจนดูไม่เป็นธรรมชาติ รวมไปถึงความหนาแน่นของผมใหม่ที่จะต้องระวังไม่ให้ดูแน่นจนเบียดกันเกินไป หรือดูบางและห่างกันจนเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเติบโตต่อได้อย่างแข็งแรง ซึ่งคนไข้จะมั่นใจได้ว่า กราฟต์ผมจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ที่ปลูกใหม่นั้น เป็นผลลัพธ์จากความใส่ใจของแพทย์ทุกกราฟต์จริง ๆ 


Customer Centric เมื่อ “คนไข้” มาเป็นที่หนึ่ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไข้หลายต่อหลายคนสะท้อนเสียงยืนยันกลับมาว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษแค่ไหนจากนามนิน ก็คือการที่แพทย์ยึดหลัก Customer Centric หรือการยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางของการรักษา 

ที่นี่ แพทย์จะทำความรู้จักคนไข้ให้ชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่ม หลาย ๆ ครั้งในการพูดคุยปรึกษากันระหว่างแพทย์กับคนไข้ แพทย์ไม่เพียงวินิจฉัยเฉพาะอาการของโรคหรือปัญหาเส้นผมที่เห็นตรงหน้า แต่ยังลงลึกถึงพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนไข้กำลังเผชิญ เพื่อให้เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา รวมไปถึงการรับฟังเสียงความต้องการของคนไข้ด้วย

เพราะทั้งหมดนั้น คือหัวใจที่จะทำให้แพทย์ออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ได้อย่างตอบโจทย์และเหมาะสมมากที่สุดนั่นเอง


เลือก “อุปกรณ์” และ “เทคนิค” ที่ดีที่สุด
ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ ก็คืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้า หรือ Implanter ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ได้อย่างปลอดภัย เพิ่มความแม่นยำทั้งในเรื่องของระยะห่างระหว่างแต่ละกราฟต์ผม ระยะความลึก รวมถึงทิศทางองศาผม 

ขนาดของหัวเจาะที่เล็กพิเศษนั้น ยังช่วยลดผลข้างเคียง อย่างเช่นอาการเจ็บและบวมจากการปลูกผม และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ดูแลง่าย จนคนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหรือลางาน หลังปลูกผมเสร็จแล้วสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ทันที 

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยเอื้อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได เนื่องจากแพทย์เข้าใจว่า คนไข้หลังปลูกผมส่วนใหญ่ จะต้องกังวลใจและคอยระมัดระวังในการปกปิดรอยแผลด้านหลังท้ายทอย ที่เกิดจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และอาจทำให้คนไข้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมหลากหลายสไตล์ได้ดังใจ แพทย์จึงใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกันแบบขั้นบันได เพื่อช่วยซ่อนแผลเล็ก ๆ เหล่านี้ไว้ใต้ผมเดิมที่เหลืออยู่อย่างแนบเนียนและกลมกลืน ไม่ว่าจะปล่อยผมหรือทำผมทรงอะไรก็ตาม


แนะนำ “การดูแลหลังปลูก”
...ปลูกผมจบ ใครว่าจบ... ทราบมั้ยว่า ความสำเร็จของการปลูกผม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคนไข้เจ้าของเส้นผมเองด้วย เพราะคนไข้คือคนสำคัญที่จะต้องหมั่นคอยดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่หลังปลูก ให้เติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง 

แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะแพทย์ได้เตรียมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์สระผมสูตรอ่อนโยน และผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ที่แพทย์เลือกสรรแล้วว่า สามารถลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ขณะเดียวกัน แพทย์ยังเตรียม Treatment หลังปลูกผม เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Growth Factor บริเวณหนังศีรษะเพื่อเน้นการบำรุงรากผมเป็นพิเศษ และการฉายเลเซอร์ LLLT หรือ Low-Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบำรุงด้วยแสงที่ออกแบบมาเพื่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ


ติดตามผลใกล้ชิด “ตลอด 1 ปีเต็ม”
และสุดท้าย ก็คือความใส่ใจระดับเต็มร้อยจากแพทย์ ที่จะอยู่เคียงข้างคนไข้ตลอดเส้นทางการรักษา ซึ่งยาวนานถึง 1 ปีเต็ม เพราะแม้ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแค่ไหนในการปลูกผม แต่หลังจากนั้น ก็ต้องปล่อยให้เส้นผมได้เติบโตตามระยะและวงจรของเขาเองตามธรรมชาติ โดยแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องทุกระยะ และให้คำปรึกษาพร้อมตอบข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังการปลูกผมเดือนแรก ๆ อาจเกิดภาะ Shock loss หรือการหลุดร่วงของเส้นผมจำนวนมากเป็นปกติ ซึ่งคนไข้ที่ไม่ทราบมาก่อนมักจะตกใจ แต่ที่นามนิน แพทย์จะอธิบายให้คนเข้าใจและเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และสำหรับผมที่หลุดร่วงไปนั้น สุดท้ายแล้วก็จะงอกขึ้นใหม่ กลายเป็นผมที่แข็งแรงและเติบโตต่อไปอย่างดีในที่สุด 


ทั้งหมดนี้ ก็คือพลังของเทคนิค NEAT ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อมอบประสบการณ์การรักษาสุดประณีตและพิเศษ ให้คนไข้ของนามนินสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจาก “เส้นผม” ของคุณเอง

เคลียร์ 4 ข้อสงสัย “ปลูกผมครั้งที่ 2”
คำว่า “การปลูกผมครั้งที่ 2” น่าจะชวนให้หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยในใจอยู่ไม่น้อย ว่าการปลูกผมแค่ครั้งเดียวไม่เพียงพอหรืออย่างไร ทำไมจึงต้องปลูกเพิ่มอีกครั้งด้วย การปลูกผมครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างไร แล้วตัวเราเองจำเป็นจะต้องปลูกผมถึง 2 ครั้งหรือไม่ 

...มาเคลียร์ 4 คำถามคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ไปพร้อม ๆ กันได้เลย...

1. ทำไมต้องปลูกผมครั้งที่ 2 ??

การปลูกผม เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ ไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะปลูกผมให้จบในครั้งแรกครั้งเดียว แต่บางครั้งก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมอีกเป็นครั้งที่ 2 อย่างเช่น

ปลูกผมครั้งแรกผ่านไปแล้ว แต่ยังดูผมบางอยู่เลย



ความผิดพลาดจากการปลูกผมครั้งแรกที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือคำนวณและวางแผนการปลูกอย่างไม่รอบคอบนัก อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ปลูกผมแล้วยังรู้สึกว่าผมบาง หรือที่เรามักได้ยินกันว่าปลูกผมไม่ติดนั่นเอง

และในบางกรณีอาจเป็นตัวคนไข้เองที่ดูแลสุขภาพเส้นผมหลังปลูกด้วยความใส่ใจน้อยเกินไป ไม่ได้รับประทานยาหลังปลูกผมครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง เผลอทำพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ผมใหม่หลุดร่วงก่อนเวลาอันควรในปริมาณมาก เช่น ปล่อยให้บริเวณผมปลูกใหม่ถูกกระทบกระเทือน ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือใช้ความร้อนกับเส้นผม โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ซึ่งรากผมยังไม่ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แทนที่ผมจะแลดูหนาแน่นสุขภาพดีขึ้น กลับยังดูบาง จนไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับเจ้าของเส้นผมได้ ดังนั้น การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้ได้ดีทีเดียว

ปลูกผมครั้งแรกไปแล้วนะ แต่ก็ยังเกิดภาวะผมล้านต่อ!!

ในบางครั้ง การปลูกผมใหม่อาจไม่สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางทั่วทั้งศีรษะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากปัจจัยทางชีวภาพของร่างกายเราเอง ทำให้แม้ว่าจะปลูกผมใหม่ไปแล้ว รวมทั้งดูแลสุขภาพผมอย่างดีแล้ว ก็ยังเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง และผมล้านตามมาหลังจากนั้นได้

ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง เกิดจากลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดสู่กันในครอบครัว ร่วมกับปัจจัยจากฮอร์โมนเพศ โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) จะถูกเจ้าเอนไซม์ที่มีชื่อว่า 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เปลี่ยนให้เป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมที่เกิดขึ้นใหม่ มีรากผมอ่อนแอ มีลักษณะของเส้นผมที่บางและสั้น จนหลุดร่วงได้เร็วกว่าที่ควร 




อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า อาการผมร่วงและผมบางมักเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากหรือกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยมักจะหลงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้าย นั่นเป็นเพราะรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง ทนทานต่อฮอร์โมน DHT มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ในการปลูกผมใหม่ แพทย์จึงต้องเลือกนำผมจากบริเวณท้ายทอยนี่เอง ย้ายมาปลูกทดแทนใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยคุณสมบัติด้านฮอร์โมน DHT จะยังคงติดมากับรากผมเหล่านี้ด้วย ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนเส้นผมเก่า 

ถึงแม้เราจะมั่นใจได้ว่า ผมปลูกใหม่จะมีความแข็งแรงและสามารถอยู่กับเราได้ไปตลอดชีวิต แต่อย่าลืมว่าเราทำการปลูกผมใหม่เฉพาะในบางจุดของศีรษะเท่านั้น ดังนั้น ในส่วนที่เป็นผมเดิม ก็จะยังคงได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายอยู่ นี่เองที่เป็นสาเหตุของภาวะผมล้านต่อแม้จะทำการปลูกผมใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

จริงอยู่ที่ว่า การดูแลบำรุงเส้นผมอย่างดี และการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม ก็สามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมลงได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า มีภาวะผมร่วงและผมบางจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ แพทย์อาจให้คำแนะนำในการปลูกผมเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเติมผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่พอใจทรงผมเดิมจากการปลูกครั้งแรก

ความชอบและความพึงพอใจ เป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรู้สึกยังไม่มั่นใจเต็มร้อยกับทรงผมที่เกิดจากการปลูกผมใหม่ในครั้งแรก หรือต้องการเปลี่ยนบุคลิกเพื่อเป้าหมายในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ในกรณีนี้ การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ก็เป็นทางออกที่สามารถช่วยได้เช่นกัน


2. การปลูกผมครั้งที่ 2 มีข้อจำกัดอย่างไร ??

จำนวนกราฟต์ผมที่พร้อมสำหรับการปลูกใหม่ อาจไม่เพียงพอ


อย่างที่ทราบแล้วว่า แพทย์จะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย เพื่อนำมาปลูกทดแทนในบริเวณที่ผมบาง อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมคุณภาพดีแบบนี้มีอยู่เพียงจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกและใช้กราฟต์ผมบางส่วนไปเรียบร้อยแล้ว จึงจำเป็นต้องประเมินอีกครั้งว่า กราฟต์ผมคุณภาพดีที่ยังเหลืออยู่ จะมีจำนวนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาผมในครั้งที่ 2 ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่

พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ อาจกินบริเวณกว้าง

ยิ่งถ้าปัญหาผมบางกินพื้นที่ค่อนขว้างกว้าง หรือมีหลายจุด ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเหลืออยู่จากการปลูกผมครั้งแรก จะมีจำนวนไม่เพียงพอ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการวางแผนการปลูกผมใหม่ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยบริหารจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ให้เหมาะสมกับลักษณะหรือระดับความรุนแรงของปัญหาผม รวมถึงพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ส่งผลให้การปลูกผมครั้งที่ 2 บนข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถที่จะประสบความสำเร็จอีกครั้งก็เป็นได้

รอยแผลจากการปลูกครั้งแรก 

หนังศีรษะที่หลงเหลือรอยแผลจากการปลูกผมครั้งแรก ก็เป็นข้อจำกัดอีกข้อหนึ่งที่อาจทำให้ผมใหม่ปลูกติดยากขึ้น หลุดร่วงง่ายขึ้น ดังนั้น การเลือกแนวทางการรักษาที่ทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดตั้งการปลูกผมครั้งแรก ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้การปลูกผมครั้งที่ 2 มีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเช่นกัน


3. สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ??

หลายคนคิดว่า การปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยจัดการกับปัญหาผมบาง และเติมผมให้แลดูหนาแน่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปลูกผมซ้ำหลังจากที่เคยปลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีข้อจำกัดอย่างที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถการันตีได้ว่าการปลูกผมจะประสบความสำเร็จเต็มร้อยอย่างที่คิดภาพไว้ 

ขณะเดียวกัน คนไข้บางคนก็มีปัญหากับทิศทางเส้นผมหลังจากทำการปลูกใหม่ในครั้งแรก ซึ่งผมใหม่อาจจะเรียงตัวแบบย้อนแย้งหรือชี้ผิดทิศผิดทางไปจากเส้นผมเดิม ทำให้ดูไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ อยากจะจัดแต่งทรงผมก็ทำได้แค่เฉพาะบางทรงเท่านั้น คนไข้ที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ก็คาดหวังว่าการปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยแก้ไขเรื่องทิศทางเส้นผมได้ ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะทิศทางของเส้นผม เมื่อปลูกลงไปแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 

ดังนั้น ทิศทางของเส้นผมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกครั้งแรก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เส้นผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งต่างกัน พื้นที่ปลูกผมแต่ละบริเวณก็มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมต่างกัน แพทย์จึงต้องคัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และค่อย ๆ ปลูกโดยปักกราฟต์ผมให้ได้ทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนสามารถจัดแต่งทรงผมได้อิสระทุกสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมยาวขึ้นแล้วและยิ่งเห็นทิศทางของเส้นผมชัดเจน ซึ่งคนไข้จะต้องอยู่กับเส้นผมในทิศทางเช่นนั้นไปจนตลอดชีวิต


4. ทำอย่างไรหากไม่อยากเสี่ยงปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 ??

เพราะการปลูกผมครั้งที่ 2 มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเต็มร้อยอย่างที่คาดหวังไว้ และคนเราก็คงไม่สามารถปลูกผมได้บ่อย ๆ หลายคนปลูกได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้นเอง เนื่องจากจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยมีจำกัด ดังนั้น คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ให้ความสำคัญกับการเลือกแนวทางรักษาที่น่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด รวมไปถึงความใส่ใจในการดูแลเส้นผมหลังปลูก รับประทานยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการปลูกผมครั้งแรกออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด

และสำหรับบางคนที่มีปัญหาภาวะผมร่วง ผมบาง อยู่ในระดับรุนแรง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมต้นทุน และประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี พร้อมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับเจ้าของเส้นผมได้อีกครั้ง


ปลูกผมผิดทิศ ชีวิตเปลี่ยน
ความสำเร็จของการปลูกผมสำหรับคนทั่วไป ก็คือการเติมผมบริเวณที่บางให้หายไป ให้กลับมาดูหนาแน่นได้อีกครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของมาตรฐานการปลูกผม เพราะเส้นผมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนกว่านั้นมาก!!

ทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังของผมปลูกใหม่ที่ไม่เพียงหนาแน่นสม่ำเสมอ แต่ยังเรียงตัวสวย “แลดูเป็นธรรมชาติ” นั้น คือทักษะความชำนาญ และความประณีตใส่ใจแบบสุด ๆ ของแพทย์ ในการ “ปลูกผมตามทิศทางองศา” ให้สอดคล้องลงตัวกับสภาพศีรษะและเส้นผมของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด 

ทำไม “ทิศทางเส้นผม” จึงเป็นเรื่องสำคัญ
เพราะศีรษะบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา มี “ทิศทางการเรียงตัว“ ของเส้นผมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ เป็นต้น ขณะเดียวกัน เส้นผมของคนเราก็มีควา

แตกต่างทั้งในเรื่องของขนาด ความหนา และแน่นอนว่ารวมไปถึง “องศาความโค้ง” ของเส้นผมด้วย 

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า แพทย์จะคัดเลือกผมที่มีองศาความโค้งแบบไหน นำไปปลูกลงใหม่ในบริเวณใด ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าผมใหม่หลังปลูกของเรา ชี้ไปคนละทิศละทาง ไม่กลมกลืนไปกับเส้นผมธรรมชาติเดิม จะเป็นอย่างไร 

ที่สำคัญ เราจะยังมองไม่เห็นผลลัพธ์ทิศทางเส้นผมชัดเจนเท่าไหร่ในวันแรก ๆ แต่จะไปเห็นอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและผมเริ่มยาวขึ้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว นั่นหมายความว่าเราอาจต้องอยู่กับผมที่ผิดทิศผิดทางเช่นนั้นไปตลอดชีวิต

“ทิศทางเส้นผม” โจทย์สุดท้าทายของแพทย์
ทั้งหมดนี้ จึงกลายเป็นโจทย์อันท้าทายสำหรับแพทย์ ที่จะต้องลงมือปลูกผมท่ามกลางปัจจัยอีกมากมายให้ต้องคำนึงถึง ตลอดการทำหัตถการปลูกผม ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของคนไข้

ทิศทางและองศา 
แพทย์จะเป็นผู้ควบคุมทิศทางการเรียงตัวของเส้นผม รวมถึงองศาการจัดวาง ให้เหมาะสมกับกลุ่มเส้นผมในแต่ละบริเวณ ช่วยให้ผมปลูกใหม่ดูแนบเนียน กลมกลืน ลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้เทคนิค “ปลูกผมแทรก” เพื่อแก้ปัญหาผมบาง ซึ่งแพทย์จะต้องปักเส้นผมใหม่ แทรกเติมลงไประหว่างผมเดิม หากทิศทางเส้นผมใหม่ย้อนแย้งหรือผิดทิศทางไปจากเส้นผมเดิม ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเส้นผมเรียงตัวแบบไม่เป็นธรรมชาติ

ความลึก 
แพทย์ยังต้องคำนึงถึงระดับความลึกในการปักเส้นผมใหม่ ให้ได้ระยะที่พอเหมาะพอดี เพื่อให้เส้นเลือดต่าง ๆ บริเวณรากผม สามารถเชื่อมต่อและทำหน้าที่ลำเลียงสารอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมใหม่ให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

ขนาด
หากเราลองสังเกตจะเห็นว่า ผมในแต่ละบริเวณบนศีรษะของเรา มีขนาดไม่เท่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณแนวผมด้านหน้า ซึ่งแพทย์จะต้องค่อย ๆ ปลูกผมใหม่ไล่เรียงจากเส้นผมเล็กบางบริเวณไรผม ตามด้วยเส้นผมเดี่ยว จนถึงเส้นผมที่อยู่รวมกลุ่มเป็นกอผมขนาด 3 – 4 เส้น ตามลำดับ เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพธรรมชาติของเส้นผมมากที่สุด

วิธีการปลูกแบบเส้นต่อเส้น
เชื่อหรือไม่ว่า แพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผม แบบเส้นต่อเส้น ตั้งแต่การคัดแยกเส้นผมที่เจาะย้ายออกมาจากด้านหลังท้ายทอย โดยแบ่งตามขนาดเส้นเล็กใหญ่ ความหนาบาง จำนวนเส้นผมต่อกอผม รวมถึงองศาความโค้งของเส้นผมด้วย จากนั้นจึงนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ทีละเส้น ทีละเส้น ซึ่งต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนตลอดขั้นตอน

เพราะอย่างนี้เอง แพทย์จึงให้ความสำคัญกับการจัดวาง “ทิศทางผม” ในทุก ๆ เส้นที่แพทย์ตั้งใจปลูกลงไป เพื่อเรียกคืนรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับเจ้าของเส้นผม ด้วยผลลัพธ์ผมสวย กลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงสุขภาพผมแข็งแรง ซึ่งจะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต 

เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


ปลูกผมฝีมือ “หมอ” เส้น-ต่อ-เส้น
ปลูกผม “เส้น-ต่อ-เส้น” ด้วยมือของคุณหมอเอง ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเลยสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมตัวจริง เพราะเสียงจากคนไข้มากมายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผมใหม่ของพวกเขาผ่านมือ “คุณหมอ” มาแล้วทุกเส้น!! โดยคุณหมอเป็นผู้ลงมือคัดเลือก ตัดแต่ง และปักกราฟต์ผมใหม่นับพันกราฟต์อย่างตั้งใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ผมบางให้กลับมาหนาแน่นดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เพื่อเติมเต็มตัวตนให้เจ้าของเส้นผมได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้เต็มที่อีกครั้งด้วย

และความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของคุณหมอ ก็ไม่ได้มอบให้คนไข้แค่เพียง 1 วันในห้องหัตถการปลูกผมเท่านั้น แต่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาอันยาวนาน ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย 

ใส่ใจใน “ศาสตร์” ผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้ที่รอบรู้และแม่นยำใน “ศาสตร์การปลูกผม” มากกว่าใคร ยิ่งเมื่อบวกกับทักษะและประสบการณ์ที่แพทย์สั่งสมจากการทำงานและการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจะมั่นใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาเส้นผมนั้นเป็นไปตามหลักวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้แล้ว แนวทางการรักษายังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ “เฉพาะบุคคล” อีกด้วย


เพราะการปลูกผมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แพทย์จึงต้องนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบปัญหาเส้นผมของคนไข้ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน นับเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องแก้โจทย์ต่างจากเดิมทุกครั้งที่ลงนั่งรับฟังและพูดคุยกับคนไข้ เรียกได้ว่า คิดใหม่แบบ “เคสต่อเคส”

ทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการของคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันไปตามเพศและวัย ทั้งลักษณะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก ผมบางเป็นวงจากกลางศีรษะ หรือผมบางจากบริเวณรอยแสก ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ แพทย์จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสุขภาพผมและหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมเส้นบาง ลีบเล็กกว่าที่ควร หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากคนในครอบครัว ฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำร้ายเส้นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ และส่งผลให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วย ที่สำคัญ แพทย์ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงจะไม่ลืมคำนึงถึงความต้องการของคนไข้ เพราะเส้นผมบนศีรษะส่งผลถึงการสะท้อนตัวตนและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนไข้ด้วย แพทย์จึงควรทำความเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว รวมถึงทรงผมใหม่ที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ออกมาได้มากที่สุด ตามนิยามความงามของคนไข้เอง


วางแผนและคำนวณการใช้กราฟต์ผม
กราฟต์ผมต้นทุน หมายถึงผมที่มีคุณภาพและแข็งแรงเพียงพอที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร กราฟต์ผมต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณท้ายทอยด้านหลังไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนของแต่ละคนนั้นจะมีปริมาณและคุณภาพไม่เท่ากัน และในบางกรณี หากคนไข้มาปรึกษาแพทย์เมื่ออาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว จำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลืออยู่ก็อาจไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่ต้องการปลูกผมซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น แพทย์จึงต้องนำปัจจัยนี้มาคำนวณร่วมด้วยในการวางแผนใช้กราฟต์ต้นทุนเพื่อปลูกผมใหม่แบบเฉพาะบุคคลนั่นเอง

เลือกเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม
แพทย์ยังต้องเลือกเทคนิคต่าง ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เทคนิคการซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได หรือเทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง และต้องการเติมความหนาแน่นให้กับผมบริเวณนั้น เป็นต้น


วางแผนการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กับการปลูกผม
นอกจากการปลูกผมใหม่แล้ว การแก้ปัญหาเส้นผมในภาพรวมอาจต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม การดูแลเอาใจใส่และบำรุงเส้นผมให้มากขึ้น การรับประทานยา ตลอดจนการเข้ารับบริการเสริมต่าง ๆ เช่น การฉีด Growth hormone หรือการฉายแสงเลเซอร์ LLLT เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย

ใส่ใจในความงามเชิง “ศิลป์”
เพราะการปลูกผมคือศาสตร์และศิลป์ ความสำเร็จของการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง ต้องมาพร้อมกับความพึงพอใจในด้าน “ความงาม” ด้วย แพทย์จึงไม่เพียงเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์เส้นผม แต่ยังต้องมีมุมมองเชิงศิลป์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความงามของคนไข้เจ้าของเส้นผมได้


ดังนั้น แพทย์จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอาศัยพื้นฐานของสัดส่วนความงาม golden ratio เพื่อปรับโครงหน้าคืนความอ่อนวัยให้กับคนไข้ โดยปรับให้ใบหน้าของคุณผู้ชายมีความคมเข้ม กรอบหน้าชัด แลดูสมาร์ทยิ่งขึ้น และสำหรับคุณผู้หญิงก็ปรับให้มีความหวานละมุนชวนมอง และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทำการปลูกผม แพทย์จะต้องอาศัยศิลปะในการไล่ลำดับความหนาแน่นของเส้นผมให้เข้ากับบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณไรผมด้านหน้า ต้องการเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไป จะต้องการเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเรียงตัวหนาแน่นขึ้น ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมที่ได้จากท้ายทอยด้านหลังมาคัดแยกคุณภาพและขนาด และเลือกปลูกใหม่ให้เหมาะสมกลมกลืนกับเส้นผมเดิมในบริเวณนั้น ๆ

นอกจากขนาดของเส้นผมและความหนาแน่นแล้ว แพทย์ยังใส่ใจเรื่องทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ซึ่งจะต้องควบคุมให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม และวางตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่า การแก้ปัญหาเส้นผมให้คนไข้ แทบไม่ต่างจากการสร้างงานฝีมือของช่างศิลป์ หรือการสร้างผลงานศิลปะของแพทย์เอง


ใส่ใจในทุก “เส้นผม”
หลังจากคัดแยก แบ่ง และตัดแต่งกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ให้มีความเรียบร้อยและพร้อมที่จะนำไปปลูกใหม่แล้ว แพทย์จะลงมือปลูกผมแบบ “เส้น-ต่อ-เส้น” โดยอาศัยความละเอียด ประณีต ในการปักผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่บางเกินไป และไม่หนาแน่นเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ ควบคุมทิศทางและองศาให้กลมกลืนกับเส้นผมเดิม รวมถึงปักเส้นผมให้ได้ความลึกที่พอดี เพื่อให้สามารถรับสารอาหารที่ลำเลียงมาเลี้ยงเส้นผมได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งหมดนี้ ต้องค่อย ๆ ปลูกทีละเส้น ทีละเส้น และอาศัยทักษะจากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา จนเกิดความเชี่ยวชาญ แม่นยำ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ ศิลป์ และความใส่ใจ ไว้ในขั้นตอนเดียว

ใส่ใจตลอด “เส้นทางสู่คุณคนใหม่”
และความใส่ใจยังไม่จบลงแค่ในวันปลูกผม เพราะจากนี้คือการปล่อยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลและบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ต้องระมัดระวังเส้นผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ หรือช่วง shock loss ที่เส้นผมใหม่จะหลุดร่วงออกตามธรรมชาติ ก่อนจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ตามเดิม รวมทั้งคอยติดตามผลและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมสวยสุขภาพดี คุ้มค่ากับเวลาที่อดทนรอคอย บนเส้นทางที่จะเปลี่ยนคุณไปสู่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมตัวจริง

“ผมร่วง ผมบาง” รักษาแบบไหนดี
ปัญหาผมร่วงและบางมีหลายรูปแบบและหลายระดับความรุนแรง การจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด จึงควรประเมินให้ถูกต้องก่อนว่าภาวะผมร่วงและบางอยู่ในระดับใด สามารถรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง เช่น การกินยา ทำทรีทเมนต์ หรือการปลูกผมถาวร

ผมร่วงและบางระดับเริ่มต้น ผมจะยังบางไม่มากนัก รูขุมขนบนหนังศีรษะยังเปิดอยู่ เซลล์รากผมยังทำงาน การแก้ปัญหาผมร่วงที่ยังอยู่ในระดับนี้สามารถรักษาได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้ยาในกลุ่มไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) มีทั้งแบบกิน และแบบทาภายนอก โดยตัวยาจะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นมีขนาดใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมแข็งแรงขึ้น ผมหลุดร่วงน้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นเป็นลำดับ

แต่ผลของการใช้ยาขึ้นอยู่กับความมีวินัยและความอดทนของผู้รับการรักษาด้วย เพราะใช้เวลานานต้องใช้ยาในปริมาณที่ถูกต้องและต่อเนื่องและถ้าเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนผมไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้แล้ว การใช้ยาก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกัน และข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร



การทำทรีทเมนต์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการรักษาผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้น เพราะสะดวกสบาย ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลชัดเจนด้วยการเข้ารับบริการเพียงไม่กี่ครั้ง ทรีทเมนต์ที่ได้รับความนิยมมี 2 วิธี วิธีแรกคือ Hair Growth Treatment  เป็นนวัตกรรมการนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์ จากนั้นนำ Growth factor ที่ได้มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้น


อีกวิธีหนึ่งคือ การฟื้นฟูผมด้วยแสง LLLT (Low Level Laser Therapy) คือการฉายเลเซอร์จากคลื่นแสงความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 620-660 นาโนเมตร เป็นแสงสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงบนหนังศีรษะ ช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ผิวหนัง  ออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ จึงมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ตามปกติ นำไปสู่การสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายและเส้นผมหนาขึ้น


Hair Growth Treatment และ LLLT เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ และที่สำคัญ การทำทรีทเมนต์ทั้ง 2 แบบนี้ นอกจากจะรักษาภาวะผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้นได้แล้ว ยังมีประสิทธิภาพดีมากกับผู้ที่ได้รับการปลูกผมมาใหม่ๆอีกด้วย ช่วยให้แผลหายเร็ว เส้นผมใหม่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้น  

สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วงและบางระดับที่รุนแรงขึ้น ผมร่วงรุนแรงและบางมากจนเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น รูขุมขนไม่ทำงาน ผมร่วงไปแล้วไม่มีผมขึ้นใหม่ การใช้ยาหรือทรีทเมนต์เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาจะตัดสินใจเลือก

ที่นามนินมีการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบางอย่างครอบคลุม ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา หากแพทย์ประเมินแล้วว่าปัญหายังไม่รุนแรงมากนัก ก็จะแนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาหรือทำทรีทเมนต์ก่อน แต่หากปัญหารุนแรงขึ้น นามนินก็มีการปลูกผมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว คือ เทคนิค NEAT ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ทุกด้านของการปลูกผมถาวร ทั้งนวัตกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัย ดูแลและรักษาด้วยความเชี่ยวชาญ เหนือกว่าด้วยความใส่ใจและฝีมือที่ไม่เป็นรองใครของคุณหมอนิน คนไข้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายหลังการปลูกผม และที่สำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้นั้นมากกว่าการสัมผัสเส้นผมใหม่ที่สวยเป็นธรรมชาติด้วยตาเห็นเพียงอย่างเดียว แต่สัมผัสถึงความรู้สึกดีได้จากภายใน เมื่อรู้สึกมีความสุขและมั่นใจ ตัวตนใหม่ที่โดดเด่นก็จะสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน

อย่าใช้คำว่า “ไม่เป็นไร รอก่อน” กับปัญหาผมร่วงผมบาง เพราะมันอาจไม่ได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ลึกๆแล้วมันส่งผลกระทบด้านจิตใจ ผู้ที่รู้สึกว่าผมร่วงมากผิดปกติควรหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ และไม่ต้องลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเองโดยเร็วที่สุด 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ปลูกผม“ครั้งแรก”เลือกให้ดีที่สุด
“ปลูกผมครั้งแรก” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่พอควรสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อคุณตอบคำถามแรกของตัวเองได้แล้วว่า จะลองปลูกผมดีหรือไม่ คำถามต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกปลูกผมครั้งแรกอย่างไรให้ “ดีที่สุด”

นี่เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการการปลูกผมแบบถาวร ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เวลาไปกับการศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นถูกต้องแล้ว!! การเลือกปลูกผมครั้งแรกที่ไหนและอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ง่าย และไม่ควรง่ายด้วย!! เพราะการปลูกผมครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เส้นผมบนศีรษะของคุณจะเป็นอย่างไรทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกผมครั้งแรกนี่เอง 

ทำไมเราจึงย้ำหลายครั้งถึง “ความสำคัญ” ของการ “ปลูกผมครั้งแรก” ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม ไม่ใช่การนำเส้นผมจากใครที่ไหนก็ได้มาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของเรา แต่จะต้องเป็นผมจากร่างกายของเราเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมทั่วทั้งศีรษะที่จะนำมาปลูกใหม่ได้ แต่จะต้องเป็นผมจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะเท่านั้น อย่าลืมลองจินตนาการเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า แต่ละคนมีปัญหาสุขภาพผม รวมถึงอาการผมร่วงและผมบางรุนแรงไม่เท่ากัน “ทรัพยากรผมต้นทุน” ที่จะสามารถนำไปปลูกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละคน จึงมากน้อยต่างกันตามไปด้วย 



เมื่อทรัพยากรผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ของคนเรามีอยู่อย่างจำกัด การบริหารจัดการผมต้นทุนเพื่อนำมาปลูกใหม่อย่างรอบคอบและเหมาะสมตั้งแต่การปลูกครั้งแรก จึงเป็นหัวใจของการรักษา ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด และต้อง “เลือก” แนวทางการรักษาที่ใช่ ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

มาทำความเข้าใจธรรมชาติของผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone กันอีกสักนิด Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม ซึ่งผมมีความแข็งแรง ไม่ลีบแบน เรียงตัวค่อนข้างหนาแน่น และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดย Safe Zone คือพื้นที่ผมบริเวณท้ายทอย ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว สังเกตง่าย ๆ ว่า คุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงและผมล้าน มักจะหลงเหลือผมตรงท้ายทอยด้านหลังอยู่เป็นบริเวณสุดท้ายนั่นเอง 

เหตุผลที่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมในบริเวณอื่น ๆ นั้น ก็เพราะรากผมบริเวณนี้ ไม่ ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะของเรามีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน แบบที่เราพบได้ทั่ว ๆ ไป 

โชคดีที่ DHT ไม่สามารถทำลายรากผมบริเวณ Safe Zone ได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปทำลายได้ช้ากว่าบริเวณอื่น เราจึงยังเหลือเส้นผมคุณภาพดีที่สามารถนำไปปลูกแบบถาวรในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ ทั้งยังคงคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT ไม่ว่าจะย้ายไปปลูกใหม่ยังส่วนไหนก็ตามอีกด้วย ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เติบโต หลุดร่วง และงอกใหม่ได้ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากเราลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์ จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟต์โดยประมาณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่เหมาะสมที่สุด ก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ ซึ่งจะต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อย้ายเส้นผมออกจากบริเวณ Safe Zone แล้ว บริเวณนั้นจะต้องไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเสียจนดูบางเกินไป ที่สำคัญ ยังต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะต้องพึ่งพาผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ อีกทั้งถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการปลูกผมครั้งแรก การแก้ไขอาจเป็นเรื่องยาก และแน่นอนว่าคงไม่ได้ผลดีเท่าเดิม 

ดังนั้นแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกผมครั้งแรก เนื่องจากทรัพยากรผมต้นทุนที่มีอยู่จำกัด ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด รวมถึงหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่า ปลูกผมที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน แพทย์ก็คงใช้หลักการและเทคนิคไม่ต่างกัน ทำให้หลายคนใช้ปัจจัยด้านตัวเลขค่ารักษาเป็นตัวตัดสิน แต่ที่จริงแล้ว การปลูกผมครั้งแรกให้ดีที่สุดนั้น มีปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามมากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางการปลูกผมมาไว้ให้ตรงนี้แล้ว


1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ถ้าใครคิดว่าปลูกผมที่ไหนก็เหมือนกัน เราขอชวนให้ลองคิดใหม่ เพราะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพผมแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน จะดีแค่ไหนหากเราได้แก้ปัญหาผมกับแพทย์ที่รู้ลึก รู้จริง แพทย์ที่เข้าใจว่าปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ที่มองเห็นความแตกต่างของปัญหาเหล่านั้น และสามารถวิเคราะห์หรือออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ แบบไม่มีซ้ำกัน

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ควรยกให้คนไข้เป็นศูนย์กลางในการรักษา โดยเริ่มต้นจากการรับฟังปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และในการปลูกผมยังเป็นผู้ที่ลงมือปลูกเส้นต่อเส้นด้วยตนเอง   ยังสามารถตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้และเรียกคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันกลับมาได้ด้วย


2. เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม

นอกจากฝีมือหรือความชำนาญของแพทย์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปลูกผมเช่นกัน เราจึงควรมองหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ เครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีขนาดเล็กพิเศษจนสามารถช่วยให้แพทย์ลงมือปลูกผมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางทิศทางและองศาผม การประมาณความลึกในการปัก การกระจายกราฟต์ผมให้หนาแน่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี


3. วิธีการและเทคนิคในการปลูกผม

การปลูกผมถาวร แบบ FUT หรือ FUE นั้น อาจจะมีหลักการทั่วไปที่ไม่แตกต่างกันนักในแพทย์แต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอย อาจทำให้คนไข้ต้องคอยกังวลกับการปกปิดรอยแผลด้านหลัง ซึ่งเทคนิคการซ่อนแผลของแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ขณะเดียวกัน การปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ผมบาง อาจทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างเส้นผมใหม่และเก่าค่อนข้างชัดเจน ซึ่งแพทย์ก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการปลูกผมให้กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกได้เช่นกัน 


4. ความใส่ใจในการรักษา

นี่อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเส้นทางการรักษา ลองมองหาสถานบริการหรือแพทย์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลเส้นผมของเราอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการพูดคุยก่อนออกแบบวิธีการรักษา หรือการดูแลติดตามผลหลังการปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการปลูกนั้น แพทย์ที่ใส่ใจจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองอย่างประณีตทุก ๆ เส้น เพื่อควบคุมคุณภาพการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมพร้อมให้คนไข้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันดังเดิมได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุดด้วย


5. การดูแลหลังการปลูกผม

นอกเหนือจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามารับการปลูกผม รวมถึงให้ข้อมูลที่ชัดเจนตลอดการรักษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัยและความกังวลใจของคนไข้แล้ว เราควรพิจารณาถึงบริการดูแลหลังการปลูกผมด้วย เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องอาศัยเวลาถึง 1 ปีเต็มเพื่อให้เส้นผมเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในระหว่าง 1 ปีนั้น คนไข้ควรได้รับคำแนะนำ การเอาใจใส่ และการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเตรียมบริการ Treatment กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยและช่วยเสริมให้เกิดผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น แข็งแรงสมบูรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ Checklists สำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการปลูกผม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี และอยู่คู่กับหนังศีรษะของคุณไปได้อีกยาวนาน 

ปลูกผม“ครั้งแรก”เลือกให้ดีที่สุด
“ปลูกผมครั้งแรก” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่พอควรสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อคุณตอบคำถามแรกของตัวเองได้แล้วว่า จะลองปลูกผมดีหรือไม่ คำถามต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกปลูกผมครั้งแรกอย่างไรให้ “ดีที่สุด”

นี่เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการการปลูกผมแบบถาวร ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เวลาไปกับการศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นถูกต้องแล้ว!! การเลือกปลูกผมครั้งแรกที่ไหนและอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ง่าย และไม่ควรง่ายด้วย!! เพราะการปลูกผมครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เส้นผมบนศีรษะของคุณจะเป็นอย่างไรทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกผมครั้งแรกนี่เอง 

ทำไมเราจึงย้ำหลายครั้งถึง “ความสำคัญ” ของการ “ปลูกผมครั้งแรก” ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม ไม่ใช่การนำเส้นผมจากใครที่ไหนก็ได้มาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของเรา แต่จะต้องเป็นผมจากร่างกายของเราเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมทั่วทั้งศีรษะที่จะนำมาปลูกใหม่ได้ แต่จะต้องเป็นผมจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะเท่านั้น อย่าลืมลองจินตนาการเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า แต่ละคนมีปัญหาสุขภาพผม รวมถึงอาการผมร่วงและผมบางรุนแรงไม่เท่ากัน “ทรัพยากรผมต้นทุน” ที่จะสามารถนำไปปลูกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละคน จึงมากน้อยต่างกันตามไปด้วย 



เมื่อทรัพยากรผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ของคนเรามีอยู่อย่างจำกัด การบริหารจัดการผมต้นทุนเพื่อนำมาปลูกใหม่อย่างรอบคอบและเหมาะสมตั้งแต่การปลูกครั้งแรก จึงเป็นหัวใจของการรักษา ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด และต้อง “เลือก” แนวทางการรักษาที่ใช่ ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

มาทำความเข้าใจธรรมชาติของผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone กันอีกสักนิด Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม ซึ่งผมมีความแข็งแรง ไม่ลีบแบน เรียงตัวค่อนข้างหนาแน่น และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดย Safe Zone คือพื้นที่ผมบริเวณท้ายทอย ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว สังเกตง่าย ๆ ว่า คุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงและผมล้าน มักจะหลงเหลือผมตรงท้ายทอยด้านหลังอยู่เป็นบริเวณสุดท้ายนั่นเอง 

เหตุผลที่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมในบริเวณอื่น ๆ นั้น ก็เพราะรากผมบริเวณนี้ ไม่ ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะของเรามีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน แบบที่เราพบได้ทั่ว ๆ ไป 

โชคดีที่ DHT ไม่สามารถทำลายรากผมบริเวณ Safe Zone ได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปทำลายได้ช้ากว่าบริเวณอื่น เราจึงยังเหลือเส้นผมคุณภาพดีที่สามารถนำไปปลูกแบบถาวรในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ ทั้งยังคงคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT ไม่ว่าจะย้ายไปปลูกใหม่ยังส่วนไหนก็ตามอีกด้วย ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เติบโต หลุดร่วง และงอกใหม่ได้ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากเราลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์ จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟต์โดยประมาณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่เหมาะสมที่สุด ก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ ซึ่งจะต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อย้ายเส้นผมออกจากบริเวณ Safe Zone แล้ว บริเวณนั้นจะต้องไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเสียจนดูบางเกินไป ที่สำคัญ ยังต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะต้องพึ่งพาผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ อีกทั้งถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการปลูกผมครั้งแรก การแก้ไขอาจเป็นเรื่องยาก และแน่นอนว่าคงไม่ได้ผลดีเท่าเดิม 

ดังนั้นแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกผมครั้งแรก เนื่องจากทรัพยากรผมต้นทุนที่มีอยู่จำกัด ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด รวมถึงหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่า ปลูกผมที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน แพทย์ก็คงใช้หลักการและเทคนิคไม่ต่างกัน ทำให้หลายคนใช้ปัจจัยด้านตัวเลขค่ารักษาเป็นตัวตัดสิน แต่ที่จริงแล้ว การปลูกผมครั้งแรกให้ดีที่สุดนั้น มีปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามมากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางการปลูกผมมาไว้ให้ตรงนี้แล้ว


1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ถ้าใครคิดว่าปลูกผมที่ไหนก็เหมือนกัน เราขอชวนให้ลองคิดใหม่ เพราะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพผมแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน จะดีแค่ไหนหากเราได้แก้ปัญหาผมกับแพทย์ที่รู้ลึก รู้จริง แพทย์ที่เข้าใจว่าปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ที่มองเห็นความแตกต่างของปัญหาเหล่านั้น และสามารถวิเคราะห์หรือออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ แบบไม่มีซ้ำกัน

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ควรยกให้คนไข้เป็นศูนย์กลางในการรักษา โดยเริ่มต้นจากการรับฟังปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และในการปลูกผมยังเป็นผู้ที่ลงมือปลูกเส้นต่อเส้นด้วยตนเอง   ยังสามารถตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้และเรียกคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันกลับมาได้ด้วย


2. เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม

นอกจากฝีมือหรือความชำนาญของแพทย์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปลูกผมเช่นกัน เราจึงควรมองหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ เครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีขนาดเล็กพิเศษจนสามารถช่วยให้แพทย์ลงมือปลูกผมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางทิศทางและองศาผม การประมาณความลึกในการปัก การกระจายกราฟต์ผมให้หนาแน่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี


3. วิธีการและเทคนิคในการปลูกผม

การปลูกผมถาวร แบบ FUT หรือ FUE นั้น อาจจะมีหลักการทั่วไปที่ไม่แตกต่างกันนักในแพทย์แต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอย อาจทำให้คนไข้ต้องคอยกังวลกับการปกปิดรอยแผลด้านหลัง ซึ่งเทคนิคการซ่อนแผลของแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ขณะเดียวกัน การปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ผมบาง อาจทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างเส้นผมใหม่และเก่าค่อนข้างชัดเจน ซึ่งแพทย์ก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการปลูกผมให้กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกได้เช่นกัน 


4. ความใส่ใจในการรักษา

นี่อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเส้นทางการรักษา ลองมองหาสถานบริการหรือแพทย์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลเส้นผมของเราอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการพูดคุยก่อนออกแบบวิธีการรักษา หรือการดูแลติดตามผลหลังการปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการปลูกนั้น แพทย์ที่ใส่ใจจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองอย่างประณีตทุก ๆ เส้น เพื่อควบคุมคุณภาพการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมพร้อมให้คนไข้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันดังเดิมได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุดด้วย


5. การดูแลหลังการปลูกผม

นอกเหนือจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามารับการปลูกผม รวมถึงให้ข้อมูลที่ชัดเจนตลอดการรักษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัยและความกังวลใจของคนไข้แล้ว เราควรพิจารณาถึงบริการดูแลหลังการปลูกผมด้วย เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องอาศัยเวลาถึง 1 ปีเต็มเพื่อให้เส้นผมเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในระหว่าง 1 ปีนั้น คนไข้ควรได้รับคำแนะนำ การเอาใจใส่ และการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเตรียมบริการ Treatment กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยและช่วยเสริมให้เกิดผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น แข็งแรงสมบูรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ Checklists สำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการปลูกผม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี และอยู่คู่กับหนังศีรษะของคุณไปได้อีกยาวนาน 

หัวใจของนามนิน พัฒนาต่อเนื่อง
ความทุ่มเท ใส่ใจ และไม่เคยหยุดพัฒนาของนามนิน
ถ้าพูดถึง “การปลูกผม” เมื่อหลายปีก่อนจะหมายถึงการผ่าตัดในรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยง ต้องพักฟื้นนาน ทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ และบางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็กลับไม่เป็นที่น่าพอใจเสียอีก แต่ในปัจจุบันการปลูกผมมีวิวัฒนาการขึ้นมาก มีเทคนิคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

เทคนิค NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของอาจารย์แพทย์ด้านการปลูกผม พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น โดดเด่นด้วยนวัตกรรมจากต่างประเทศและผลลัพธ์หลังการรักษาที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าเทคนิค FUE หรือการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมโดยทั่วไป สามารถแก้ปัญหาให้กับคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านได้ในเทคนิคเดียว

คุณหมอนินใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT  เพื่อยกระดับมาตรฐานการปลูกผมให้สูงขึ้น มีความปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม นอกจากวิธีการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากลแล้ว เทคนิค NEAT ยังเหนือกว่าด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งที่นามนิน คุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ถึงแม้เทคนิคการปลูกผมของคุณหมอนินจะได้รับการยอมรับจากแพทย์อีกหลายท่านทั่วประเทศ ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ด้วยตนเองที่นามนินแล้วก็ตาม คุณหมอนินก็ยังไม่หยุดการพัฒนาคุณภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมไปถึงการดูแลหลังการรักษา เช่น Hair Growth Treatment ,  LED Light Therapy ที่ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาปรับใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อความทุ่มเทและใส่ใจของคุณหมอได้สะท้อนและส่งต่อผ่านเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง ประกอบกับการรักษาที่ประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงเกิดเป็นคุณค่าที่แตกต่าง ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ จนในหลายๆครั้ง คุณหมอนินก็เป็นแพทย์ผู้ที่เปลี่ยนชีวิตใหม่ด้วย “เส้นผม” ให้กับคนไข้ได้จริงๆ

ปลูกผม ความคุ้มค่าคือหัวใจ
สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

ปลูกผม = การลงทุนครั้งใหญ่
“ความคุ้มค่า” คือหัวใจ ไม่ใช่ที่ “ราคา”

สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

แต่คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่เสียเงิน แพง แค่ไหน”

คำถามสำคัญน่าจะเป็น
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า หรือไม่” 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโปรแกรมการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผมที่ใช่ เราขอแนะนำว่า “ราคา” อาจไม่ใช่ปัจจัยข้อใหญ่ที่สุด แต่ราคาควรเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา “ความคุ้มค่า” ว่าสำหรับค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไปนั้น เราได้คลินิกปลูกผมที่สามารถมอบคุณภาพการรักษาที่ดีแค่ไหน 

ที่นามนิน เราตระหนักดีว่าการปลูกผมถาวร คือการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวสำหรับคนไข้ ซึ่งคุณภาพและความคุ้มค่าจะต้องมาเป็นที่หนึ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิค NEAT ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ในทุกมิติ 

NEAT 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

NEAT คือ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ของการแก้ปัญหาเส้นผมที่มาผนวกรวมกัน โดยมีความหมายที่ผ่านการคิดและออกแบบมาแล้วอย่างตั้งใจ


N แทนแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมของนามนิน ผู้ไม่เคยหยุดพัฒนาและเติมเต็มประสบการณ์การรักษาของตัวเอง


E แทนความชำนาญของแพทย์ในการคิด วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาในแต่ละครั้งแบบเฉพาะบุคคลเท่านั้น


A แทนนวัตกรรมการปลูกผมถาวรขั้นสูงของนามนิน ที่มีแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น


T แทนเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์คิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบกับอุปกรณ์ทันสมัย ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

จะเห็นได้ว่า นามนินเลือกนำศาสตร์การแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มาสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปะการรักษาที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนไข้เฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ขั้นตอน และอุปกรณ์การปลูกผมที่เอื้อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำสูงสุดในการรักษา บวกกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นามนิน คนไข้คือศูนย์กลางในการรักษา ซึ่งทั้งแพทย์และคนไข้จะเป็นผู้วางแผนการแก้ปัญหาเส้นผมตั้งแต่ต้นจนจบร่วมกัน 


นอกจากเทคนิค NEAT ซึ่งคนไข้ ๆ หลาย ๆ คนยกให้เป็นที่สุดของความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาเส้นผมแล้ว นามนินยังเตรียมความพร้อมในด้านบริการต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปี และนี่คือส่วนหนึ่งของเครื่องพิสูจน์ความคุ้มค่าในการเลือกรักษาและดูแลเส้นผมที่นามนิน

คุณภาพของอุปกรณ์การรักษา ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์

เครื่องมือที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เลือกนำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น จะต้องได้มาตรฐาน และช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์ใช้ในการปักกราฟต์ผมใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา Implanter ตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ทำให้แพทย์สามารถควบคุมการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวางทิศทางและองศา เพื่อให้ผมเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมชุดเก่าอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการประเมินความลึกในการปัก เพื่อให้ผมสามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงรากผม และเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยในการกระจายกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสมพอดี ไม่หนาแน่นเกินไป และไม่บางจนเกินไป ที่สำคัญ ยังทำให้แผลที่เกิดจากการปลูกผมใหม่มีขนาดเล็กมาก จึงช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี

หลังปลูกผมทันที ช่วงเวลาที่ต้องการการเอาใจใส่

ช่วงเวลาหลังปลูกผมใหม่ ๆ นั้น รากผมใหม่กำลังค่อย ๆ ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเส้นผม อีกทั้งยังมีแผลขนาดเล็กที่ต้องคอยดูแล นี่คือช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนใด ๆ กับหนังศีรษะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กราฟต์ผมใหม่ได้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง 



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้ โดยนอกจากการให้คำแนะนำและข้อควรระวังต่าง ๆ แล้ว แพทย์ยังลงมือทำความสะอาดผมหลังปลูกให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง และตรวจผลลัพธ์ความเรียบร้อยของกราฟต์ผมใหม่ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้กับคนไข้ทุกคน ประกอบไปด้วยสเปรย์สระผม สเปรย์ลดอาการคัน และเซรั่มบำรุงผม เพื่อลดความเสี่ยงในการหลุดร่วงของผมปลูกใหม่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่คนไข้ไปหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาลองใช้เอง

Treatment หลังปลูก เพื่อการดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในบริการ Treatment หลังปลูกผมจากนามนิน ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรักษาที่นำเอา Growth Factor จากเซลล์ของตัวคนไข้เอง ผสานเข้ากับคุณค่าจากกับวิตามินเข้มข้น ฉีดเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการการดูแล เช่นเดียวกับการฉีดยาทั่วไป เพื่อช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผม ให้สามารถกำเนิดผมใหม่ที่มีความแข็งแรง ไม่ลีบบาง รวมทั้งบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดโอกาสผมหลุดร่วงได้ และช่วยให้แผลหลังการปลูกผมหายเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การนำสาร Growth Factor ที่แยกออกมาจากเลือดของตัวคนไข้เองมาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ ติดเชื้อ หรืออาการไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย


เมื่อร่างกายตอบรับผลการรักษาได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง วิธีการนี้ยังปราศจากการใช้สารเคมี และไม่มีการผ่าตัดที่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ Hair Growth Treatment จึงเป็นบริการ Treatment ที่มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญ คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเลือกสรรเทคโนโลยี LED Light Therapy เป็นส่วนหนึ่งของบริการคุณภาพหลังปลูกผม โดยจะเป็นการใช้หลอด LED จำนวนมาก ฉายลำแสงเพื่อบำรุงหนังศีรษะและรากผมอย่างทั่วถึง เป็นการกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้น และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมเกิดใหม่ ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงยืดหยุ่น และชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม ซึ่งลำแสงสีแดงและสีเหลืองที่ใช้การรักษานั้น มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์กันมานานแล้ว และเป็นลำแสงชนิดเดียวกับที่เราได้รับจากดวงอาทิตย์ตามธรรมชาตินั่นเอง

LED Light Therapy มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ในส่วนของคนไข้เองก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงครั้งละ 15 – 20 นาทีเท่านั้น นับเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมจากภายใน ให้คืนความแข็งแรงสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยให้ผมปลูกใหม่สามารถอยู่คงทนไปได้ตลอดวงจรชีวิตของเส้นผม

หนึ่งปีแห่งการติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว

การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องใช้เวลาดูแลและเฝ้าติดตามผลลัพธ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม เนื่องจากเส้นผมมีวงจรการเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการงอกขึ้นเป็นตอผมสั้น ๆ ในช่วงหลังจากสองสัปดาห์แรก ผ่านช่วง Shock Loss ที่เส้นผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติหลังจากปลูกผมไปแล้ว 1 เดือน ก่อนที่ผมจะกลับงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4 – 6 และเข้าสู่ระยะการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอจนครบ 1 ปีเต็ม จึงจะเห็นผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น และแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ 

ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะติดตามความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมคนไข้อย่างใกล้ชิด และนัดคนไข้เข้ามาติดตามอาการและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเสียงยืนยันจากคนไข้หลาย ๆ คน บอกกับเราว่า เมื่อเวลาผ่านไป จากแพทย์ กลายเป็นเพื่อนที่ปรึกษาคู่ใจเรื่องเส้นผมเลยก็มี เพราะที่นามนิน แพทย์และคนไข้จะเปิดใจพูดคุย รับฟังกัน และช่วยเหลือกันตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของการพิจารณาความคุ้มค่าในการปลูกผม ที่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “ความใส่ใจ” จากแพทย์ ประเมินออกมาเป็นตัวเลขราคาไม่ได้ และการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ “คุณคนใหม่” ได้สำเร็จ ก็คือรางวัลชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว สำหรับการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณเอง

ปลูกผมไร้สูตรสำเร็จ Tailor-made เฉพาะคุณ
ปลูกผมไร้สูตรสำเร็จ คิดเฉพาะเคส Tailor-made เฉพาะคุณ

หลายคนอาจเข้าใจว่า การปลูกผมนั้นมีสูตรสำเร็จตายตัวในการแก้ปัญหา ซึ่งแพทย์เพียงทำหน้าที่เลือกว่าจะใช้สูตรหรือแนวทางไหนในการรักษา  แต่สำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงแล้ว การปลูกผม นับเป็นความท้าทายใหม่ในทุก ๆ วัน และไม่มีทางจะมีสูตรสำเร็จได้เลย เพราะคนไข้แต่ละเคสที่ก้าวเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมนั้น ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว!!!

ที่นามนิน คนไข้จะได้สัมผัสประสบการณ์การรักษาแบบ Exclusive เมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจปัญหาเส้นผมและความต้องการของคนไข้อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการรักษาที่คิดขึ้นมาเพื่อคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เปรียบได้กับการวัดตัวตัดเสื้อผ้าแบบ Tailor-made ที่จะให้ผลลัพธ์ออกมาเฉพาะเพื่อคุณเดียวเท่านั้น

ก้าวแรกของการรักษา คือการนั่งลงรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนที่แพทย์และคนไข้จะร่วมกันตัดสินใจออกแบบเส้นทางสู่การเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยเล็กใหญ่ต่าง ๆ ที่ไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน ดังนี้

  • รูปแบบของปัญหาผม ไม่ว่าจะเป็นลักษะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก แบบตัว M ทำให้หน้าผากกว้างและดูมีอายุเกินวัย ลักษณะของผมบางกลางศีรษะ แบบตัว O ซึ่งจะค่อย ๆ ขยายวงกว้างขึ้น หรือลักษณะของผมบางบริเวณรอยแสก ที่ชวนให้เจ้าของเส้นผมกังวลใจทุกทีที่เห็น

  • ความรุนแรงของปัญหาผม คนไข้บางคนอาจจะเพิ่งเริ่มมีอาการผมร่วงมากเกินปกติ ทำให้ผมบางลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางคนเริ่มมีผมบางเป็นบริเวณกว้าง และในบางเคสเริ่มเข้าสู่ระดับอาการผมล้าน ซึ่งทำให้ความยากง่ายในการรักษาแตกต่างกัน 

  • เพศและวัย แน่นอนว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางต่างกัน อย่างเช่นอาการผมล้านตรงกลางศีรษะเป็นรูปตัว O นั้น มักจะเกิดในผู้ชายมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอาการของผู้หญิงมักจะเริ่มจากรอยแสกผมที่ค่อย ๆ ขยายตัวกว้างมากขึ้น 

ขณะเดียวกัน อายุก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่ออาการผมร่วงและผมบาง แม้หลายคนจะมีภาพจำว่า ยิ่งอายุมากขึ้น ผมยิ่งมีโอกาสหลุดร่วงมากขึ้น แต่คนวัยหนุ่มสาวก็อาจพบอาการดังกล่าวในระยะเริ่มต้นได้เช่นกัน ซึ่งแพทย์ก็จะนำข้อมูลเกี่ยวกับเพศและวัย มาประมวลร่วมด้วย เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมในระยะยาว

  • สาเหตุของอาการผมร่วงและผมบาง ในระหว่างการพูดคุยกัน แพทย์จะช่วยค้นลึกลงไปถึงสาเหตุของปัญหาผม ซึ่งนอกจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันในครอบครัว ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของอาการผมร่วงแล้ว ปัญหาเส้นผมของเรายังอาจเกิดจากฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม เช่นการใช้สารเคมีหรือความร้อนกับผมมากเกินไป นอกจากนั้น ยังรวมถึงการพักผ่อนไม่ เพียงพอ การที่ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียดหรืออาการเศร้าอย่างรุนแรง 

  • คุณภาพความแข็งแรงของเส้นผม แต่ละคนเกิดมาพร้อมกับเส้นผมที่มีสุขภาพแข็งแรงไม่เท่ากัน บางคนมีผมเส้นใหญ่หนา ขณะที่บางคนมีผมเส้นบาง ลีบเล็ก เรื่องของสุขภาพผมนั้น ยังต้องพิจารณาโดยรวมทั้งรากผม เนื้อผม และเกล็ดผม เพื่อที่แพทย์จะได้ประเมินแผนการรักษาได้ถูกต้อง

  • ปริมาณกราฟต์ผมต้นทุน คำว่าผมต้นทุน หมายถึงผมสุขภาพดีที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกเสริมหรือทดแทนในบริเวณที่ผมบางหรือผมล้านได้ ในที่นี้หมายถึงผมต้นทุนบริเวณท้ายทอยไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งทนทานต่อฮอร์โมนตัวสำคัญที่ทำให้ผมหลุดร่วง การคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนว่าเพียงพอต่อการนำไปปลูกใหม่หรือไม่ และควรจะต้องปลูกอย่างไร นับเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญเลยทีเดียว

  • ความต้องการของคนไข้ หลายคนอาจมองข้ามข้อนี้ไป แต่สำหรับการออกแบบแนวทางการรักษาที่นามนินนั้น แพทย์ไม่ลืมที่จะยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพราะเส้นผมบนศีรษะนั้นมีความหมายมากกว่าเรื่องสุขภาพ แต่หมายถึงความสวยงามหรือความมั่นใจของคนไข้เองด้วย ซึ่งคนไข้แต่ละคนก็มีภาพเป้าหมายที่อยากเปลี่ยนเป็นคนใหม่แตกต่างกัน หรือบางครั้ง แพทย์ก็อาจต้องเข้าใจความจำเป็นส่วนตัว เช่น บางอาชีพอาจต้องทำทรงผมเฉพาะ หรือต้องพึ่งพาเส้นผมมากเป็นพิเศษ เป็นต้น

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะนำปัจจัยทั้งหมดนี้มาประมวลร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์และออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล ที่ตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายการรักษา และตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง


Easy Step นับถอยหลังสู่คุณคนใหม่
การปลูกผมใหม่อาจจะเคยเป็นภาพที่น่ากลัวหรือน่ากังวลใจสำหรับใครหลายๆ คน แต่ทุกวันนี้ เทคนิคใหม่ๆ บวกกับความทันสมัยของเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้มากประสบการณ์ ได้เปลี่ยนให้การปลูกผมกลายเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ และไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

เมื่อคนไข้วางใจที่จะฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคุณหมอแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงแค่การทำความเข้าใจขั้นตอนการปลูกผม และการเตรียมดูแลตนเองเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง 

ต่อไปนี้คือ Step ง่ายๆ สำหรับการเตรียมความพร้อมเข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินที่เราขอรวบรวมไว้จบครบทุกขั้นตอนในที่เดียว ...มาเดินตาม Step สบายๆ สู่เส้นทางผมสวยที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ไปพร้อมๆ กัน

1st Step - ก่อนปลูกผม

นามนินมอบประสบการณ์ปลูกผมแบบสบายใจไร้กังวลตั้งแต่ Step แรก เริ่มจากมาพบพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาเส้นผมร่วมกัน ในขั้นตอนนี้ ขอแนะนำให้คนไข้บอกเล่าปัญหาและความต้องการให้คุณหมอทราบอย่างตรงไปตรงมา มีความกังวลใจเรื่องอะไร มีข้อสงสัยตรงไหน หรืออยากไว้ผมทรงใดหลังจากปลูกผม ก็สามารถบอกกับคุณหมอได้เลย

จากนั้นคุณหมอจะประเมินแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและตอบโจทย์ตรงใจคนไข้มากที่สุด โดยคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องนำออกจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกยังพื้นที่ที่ต้องการ ทั้งยังออกแบบกรอบหน้าหรือ Hairline ใหม่ ตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้รับกับสัดส่วนใบหน้า และเพิ่มความคมเข้มหรือความหวานละมุนให้คนไข้ดูสมาร์ทหรืออ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นหลังปลูกผมอีกด้วย

ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวันเข้ารับการปลูกผม ตามแนวทางเหล่านี้
  • แจ้งโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาให้คุณหมอทราบ รวมถึงแจ้งรายละเอียดการใช้ยาตลอดจนวิตามินอาหารเสริมที่รับประทานอยู่เป็นประจำ
  • งดยาหรือวิตามินบางชนิดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์ ตัวอย่างเช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
  • งดสูบบุหรี่ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนปลูกผม 1 วัน



2nd Step - วันปลูกผม

ไม่ต้องตื่นเต้นหรือกังวลใจ เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Step ง่ายๆ ที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องเครียดเลย คุณหมอจะเป็นผู้ดูแลการรักษาอย่างใกล้ชิดตลอดวัน ขอเพียงคนไข้เตรียมตัวมาเล็กๆน้อยๆ ในวันปลูกผม เพื่อให้ตัวคนไข้เองได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดในวันสำคัญวันนี้
  • เริ่มจากนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารเช้าเบาๆ ได้ตามปกติ แต่ขอให้งดดื่มชาหรือกาแฟ เพื่อหลีกเลี่ยงคาเฟอีน
  • คนไข้สามารถรับประทานยาสำหรับโรคเบาหวานหรือความดันได้ตามปกติ
  • สระผมให้สะอาดตามคำแนะนำของแพทย์
  • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แนะนำเป็นเสื้อกระดุมหน้าที่สามารถถอดได้ง่าย เพื่อไม่ให้กระทบกับหนังศีรษะหลังการปลูกผม

ในวันปลูกผมนี้เอง คุณหมอจะเริ่มฉีดยาชาที่หนังศีรษะ และเจาะนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได แล้วนำมาปลูกใหม่ยังพื้นที่ที่ต้องการ โดยใช้ Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและหายเร็ว ซึ่งเสียงจากคนไข้หลายๆ คนยืนยันว่าไม่เจ็บเลย หรือเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


3rd Step - หลังปลูกผมใหม่ๆ

Step ที่สาม เราขอแนะนำข้อปฏิบัติหรือข้อควรระวังต่างๆช่วงหลังปลูกผมใหม่ๆซึ่งความเป็นจริงแล้ว ในการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน คนไข้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนกราฟต์ผมใหม่เท่านั้น 

  • ข้อแรก อย่าลืมรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่  3 – 5 วัน
หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ปลูกผมใหม่ เพราะจะทำให้กราฟต์ผมมีโอกาสหลุดได้ ส่วนสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้น จะหลุดออกไปเองได้ตามธรรมชาติภายใน 2 สัปดาห์
  • สระผมได้เองตามคำแนะนำของแพทย์ โดยใช้น้ำที่อุณหภูมิห้องใช้แชมพูอ่อนๆหรือแชมพูที่แพทย์แนะนำ สระเบาๆ โดยไม่ต้องขยี้ ซึ่งคนไข้สามารถสระผมเช่นนี้ได้ทุกวัน
  • ระวังการกระทบกระเทือนศีรษะระหว่างชีวิตประจำวัน เช่นขณะขึ้นลงจากรถ เพราะจะมีผลต่อกราฟต์ผมที่เพิ่งปลูกไป
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน สารเคมีต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เส้นผมโดนแสงแดดโดยตรง
  • คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรงดออกกำลังกายหนัก ๆ รวมถึงซาวน่า หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 เดือน
  • สามารถรับประทานอาหารต่างๆ ได้ตามปกติ
  • หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สามารถใช้ได้หลังปลูกผม 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงการย้อมผม โกรกผม หรือดัดผม เป็นเวลา 1 เดือน



4th Step - หนึ่งขวบปีหลังปลูกผม

Step ที่สี่ เรียกได้ว่าเป็น Step สุดท้ายที่อาจจะกินเวลายาวนานสักหน่อย เพราะแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่เราก็จำเป็นต้องให้เวลาเส้นผมได้ค่อยๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งรับรองว่าเป็นการรอคอยที่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมสวย ที่พร้อมจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่แน่นอน

และเนื่องจากเส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลง คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอไปอีก 1 ปีเต็มๆ โดยคุณหมอจะนัดคนไข้เข้ามาติดตามผลรักษาเป็นระยะๆ พร้อมให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเส้นผมก็มีจังหวะการเติบโตตามระยะต่างๆ ดังนี้

  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 1 สัปดาห์ คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ความยาวประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตร งอกขึ้นมาจากหนังศีรษะ
  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่เพิ่งงอกใหม่ จะหลุดร่วงตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • ในช่วงเดือนที่ 4 - 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • และเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี ...ดีใจด้วย คุณมาถึงเส้นชัยแล้ว... เพราะเส้นผมจะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ แลดูหนาแน่น และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

คุณหมอยังฝากคำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับช่วงเวลาสำคัญๆตลอด 1 ปี ซึ่งถ้าคนไข้ได้รับทราบข้อมูลทำความเข้าใจและเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็จะยิ่งทำให้ทุก Step การปลูกผมเป็นไปอย่างราบรื่น 



2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ช่วงเวลาวัดใจ!!
ช่วงเวลาชี้ชะตาสำหรับผมปลูกใหม่ ว่าจะร่วงหรือรอด ก็ขึ้นอยู่กับช่วง 2 สัปดาห์นี้นี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่ที่อยู่ใต้หนังศีรษะ กำลังค่อย ๆ เชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไป เพื่อจะได้ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง

ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผล ซึ่งหากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ เผลอไปสัมผัส แกะ เกา หรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหนังศีรษะ ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกมาได้ นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องการเกิดสิวหรืออาการรากผมอักเสบที่เป็นสาเหตุการหลุดร่วงของเส้นผมด้วยเช่นกัน

ผมใหม่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ!!
เมื่อผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปได้ นั่นหมายความว่า รากผมของเรากำลังเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จังหวะนี้เอง ที่คุณหมอแนะนำให้เข้ามารับบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม

อีกหนึ่งการบำรุงที่สำคัญก็คือ Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของคนไข้เอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินต่าง ๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม ทั้งยังลดการหลุดร่วงของเส้นผมอีกด้วย 

รู้ทันปรากฏการณ์ Graft Shedding !!
เมื่อถึงระยะ 2 - 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม หลายๆ คนที่เคยปลูกผมอาจจะรู้สึกช็อกไปกับอาการ Graft Shedding เนื่องจากเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึงประมาณร้อยละ 80 ทีเดียว ก่อนจะเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมขึ้นใหม่อีกประมาณ 1 - 2 เดือน 

แต่คุณหมอบอกว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนั่นเป็นอาการหลุดร่วงของเส้นผมในวงจรการเติบโตโดยปกติทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่สำคัญรากผมที่คุณหมอปลูกไว้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพื่อเตรียมที่จะงอกเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่าในช่วงเดือนที่ 4 ต่อไป

และหลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป ผลลัพธ์การปลูกผมจะเริ่มปรากฏให้คนไข้ได้ชื่นใจ สังเกตได้เลยว่าเส้นผมขึ้นใหม่จะมีความหนากว่าเดิม แข็งแรง แลดูหนาแน่น มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี เส้นผมจะสมบูรณ์เต็มที่และรากผมก็จะคงอยู่อย่างถาวร 

หวังว่า Easy Step เหล่านี้ จะช่วยให้มือใหม่ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมทุกคน พอจะมองเห็นภาพรวมของขั้นตอนการปลูกผม รวมถึงเข้าใจข้อปฏิบัติและคำแนะนำต่างๆ มากขึ้น ซึ่งคุณหมอเองตั้งใจออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ขึ้นมา เพื่อให้คนไข้สะดวกสบายและได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการปลูกผม 

มาลองพิสูจน์ความใส่ใจของคุณหมอ และเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ด้วยผมสวยสุขภาพดี ได้ที่นามนิน

รู้จัก “เซลล์รากผม” ปัจจัยสู่ผมใหม่ที่ได้คุณภาพ
ศาสตร์การปลูกผมนั้น ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะลองทำความเข้าใจในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลังสนใจศึกษาเกี่ยวกับปัญหาเส้นผม หรือกำลังจะเข้ารับปลูกผมนั้น การทำความรู้จักกับ “ผม” ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการรักษาได้ชัดเจน 

วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงระดับ “เซลล์รากผม” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสามารถชี้วัดผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมของแต่ละคนได้ หากใครมีเซลล์รากผมที่สมบูรณ์ ก็เท่ากับมีต้นทุนที่ดีในการปลูกผมใหม่ให้ได้คุณภาพนั่นเอง

“รากผม” คือส่วนที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อของหนังศีรษะ โดยใน 1 รากผม จะประกอบด้วยต่อมรากผมประมาณ 5 ล้านต่อม และต่อมรากผมแต่ละต่อมนั้น จะมีปุ่มปลายแหลม 1 ปุ่ม ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นประสาทและเส้นเลือด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการแบ่งเซลล์รากผมเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย ดังนั้น เซลล์รากผมที่แข็งแรง จึงส่งผลให้เส้นผมของเราอยู่คงทนไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ

ว่าแต่ว่า ในการปลูกผม ทำไมแพทย์จึงต้องโฟกัสที่คุณภาพเซลล์รากผมด้านหลังด้วยล่ะ 

นั่นก็เป็นเพราะว่า บริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะไปจนถึงหลังใบหูของเรา คือส่วนของ “Safe zone” หรือโซนที่เส้นผมมีความแข็งแรง ทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดยคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะทั้งหมด แพทย์จึงเลือกนำผมจากโซนนี้ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา

และถ้าใครสงสัยว่า ทำไมผมในโซนนี้จึงแข็งแรงกว่าโซนอื่น ก็ต้องอธิบายก่อนว่า บริเวณหนังศีรษะของเรา มีเจ้าฮอร์โมนที่ชื่อ DHT หรือ Dihydrotestosterone ซึ่งจะออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมจนเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้เส้นผมหลุดร่วงในปริมาณมาก อีกทั้งเส้นผมที่ขึ้นใหม่ก็เล็กบางและอ่อนแอ นับเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผมร่วงไปจนถึงผมล้านเลยทีเดียว 

แต่โชคดีที่ผมบริเวณ Safe zone นั้น ไม่มีตัวรับฮอร์โมน DHT จึงรอดจากการถูกทำลาย ที่สำคัญ ถ้าย้ายผมจากส่วนนี้ไปปลูกยังพื้นที่ใหม่เช่นด้านหน้าหรือกลางศีรษะ คุณสมบัติต้านอิทธิพลของ DHT ก็จะยังติดตัวไปด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมบริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นผมส่วนที่แพทย์จะต้องประเมินคุณภาพและปริมาณทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุดนั่นเอง

ปกติแล้ว เวลาที่แพทย์เจาะนำผมด้านหลังออกมา จะอยู่ในรูปของ “กราฟต์ผม” หมายถึงกอผม หรือกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 1 – 4 เส้นภายในรูขุมขนเดียว ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งนี้ คุณภาพของกราฟต์ผมนั้น จะเห็นได้ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ปลูกผม เมื่อแพทย์เจาะนำกราฟต์ผมออกมาเรียบร้อยแล้ว 

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผมอยู่เพียง 1 – 2 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก การปลูกผมใหม่ให้ดูหนาแน่นก็อาจเป็นไปได้ยาก ในกรณีพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่กินบริเวณเป็นวงกว้าง

  • หากกราฟต์ผมของเรา มีเส้นผม 3 – 4 เส้น และมีกราฟต์ผมเช่นนี้เป็นจำนวนมาก ก็อาจเรียกได้ว่า เรามีกราฟต์ผมที่ได้คุณภาพ เมื่อย้ายไปปลูกใหม่ จะสามารถปลูกได้หนาแน่นถึง 60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตรเลยทีเดียว 





หลังจากนั้น กราฟต์ผมที่แพทย์เจาะออกมา จะได้รับการคัดแยกและตกแต่ง เพื่อให้เหมาะสมกับการนำไปปลูกในพื้นที่ต่าง ๆ กัน ดังนี้

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้เหลือเพียงผม 1 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่บริเวณไรผมด้านหน้า ซึ่งต้องการผมขนาดเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ

  • แพทย์จะแบ่งกราฟต์ผม ให้มีขนาด 2 – 4 เส้น ในกรณีปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ลึกเข้าไป ซึ่งผมเรียงตัวหนาแน่นกว่า จึงต้องการผมเส้นใหญ่ขึ้น เพื่อความกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม

เพราะอย่างนี้เอง คุณภาพของกราฟต์ผม หรือเซลล์รากผม บริเวณ Safe zone ด้านหลังท้ายทอย จึงเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังผลลัพธ์ผมปลูกใหม่ที่สวย แข็งแรง สุขภาพดี และพร้อมเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจเต็มร้อยได้อีกครั้ง


รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?
รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?

การปลูกผม จะทำให้เกิดแผลเล็กๆ ขึ้นในจุดที่เราปักรากผมใหม่ เมื่อร่างกายมีการซ่อมแซมก็จะเริ่มเกิดสะเก็ดเล็กๆ แผลเริ่มแห้งและมีอาการคันร่วมด้วย

แผลที่มีสะเก็ดและแห้งมาก จะเกาะกันเป็นกลุ่มกับเส้นผมและดึ้งรั้งผมออกจากกันเป็นอาการปกติ ถึงแม้ว่าหลังปลูกเส้นผมจะเรียงตัวสวยดูชิดกันก็ตาม ดังนั้น ในช่วงวันที่ 4-5 หลังจากปลูกผม ควรทำให้แผลเกิดความชุ่มชื่น โดยการใช้วิตามินอี หรือน้ำมันมะพร้าวทาเพื่อให้สะเก็ดแผลอ่อนนุ่มและค่อยๆหลุดออก ลดการดึงรั้งของเส้นผมค่ะ
ไขความลับยา Minoxidil แก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้จริงหรือ?
ชื่อของ Minoxidil น่าจะเคยผ่านสายตาของผู้ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงหรือผมบางกันมาบ้าง เพราะ Minoxidil คือตัวยารักษาอาการดังกล่าวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีทั้งในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน หรือยาทาภายนอก เช่นแบบโลชั่น แบบน้ำ และแบบเนื้อโฟม สามารถพบตัวยา Minoxidil ในผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งมีทั้งแบบความเข้มข้น 2% และ 5% หลายคนอาจยังสงสัยว่า Minoxidil มีคุณสมบัติอย่างไรในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบาง และจะสามารถเพิ่มเส้นผมให้หนาแน่นและแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือไม่ มาลองทำความรู้จักกับตัวยาชนิดนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

ทราบหรือไม่ว่า เดิม Minoxidil ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง แต่เป็นยาที่ใช้ลดความดัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการความดันโลหิตสูง เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันลดลงได้ โดยผู้ป่วยจะรับประทาน Minoxidil ในรูปแบบเม็ด แต่ในตอนนั้น แพทย์เริ่มสังเกตเห็นว่า หลังจากผู้ป่วยใช้ยาตัวนี้ติดต่อกันประมาณ 4 – 6 เดือน จะพบผลข้างเคียงจากยานั่นคือทำให้ผู้ป่วยที่มีผมบาง กลับมีเส้นผมใหม่เกิดเพิ่มขึ้น แพทย์จึงทดสอบเพิ่มเติมกับอาสาสมัครและผู้ป่วย และพบว่าร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการทดสอบด้วยการใช้ยา Minoxidil มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นจริง สันนิษฐานว่าเกิดจากคุณสมบัติของตัวยาในการขยายหลอดเลือดนี่เอง ที่อาจทำให้มีเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ยา Minoxidil สำหรับการรักษาอาการผมร่วงและผมบางมาจนถึงปัจจุบัน 

หากจะทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Minoxidil ที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะและเส้นผมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจวงจรของเส้นผม หรือ Hair Life Cycle เสียก่อน โดยปกติแล้ว เส้นผมของคนเราซึ่งมีประมาณ 100,000 – 150,000 เส้นทั่วทั้งศีรษะนั้น จะมีระยะการเจริญเติบโตและหลุดร่วงไปตามธรรมชาติอยู่ 4 ระยะ ดังนี้

- ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase 
ระยะนี้ ต่อมรากผมที่อยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ จะเริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นผมที่ค่อย ๆ ยาวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 ปี ยิ่งระยะนี้ยาวนานเท่าไหร่ ผมของเราก็ยิ่งยาวและหนาแน่นขึ้น แต่หากระยะนี้กินเวลาสั้นลง ผมเกิดใหม่ก็จะกลับสั้น บาง และไม่แข็งแรง จนเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะผมล้านได้

- ระยะหยุดการเจริญเติบโต หรือ Catagen Phase
เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ต่อมรากผมจะหยุดการแบ่งเซลล์ ส่งผลให้เส้นผมเจริญเติบโตช้าลงจนค่อย ๆ หยุดไปในที่สุด ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

- ระยะพัก หรือ Telogen Phase
หลังจากเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตแล้ว จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมายังบริเวณผิวหนังศีรษะเพื่อรอการหลุดร่วง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ขณะเดียวกันเส้นผมที่กำลังจะเกิดใหม่ ก็จะทำหน้าที่ช่วยผลักให้เส้นผมเก่าหลุดร่วงออกไป ซึ่งโดยทั่วไป ผมของคนเราอาจร่วงได้ประมาณ 50 – 100 เส้นในแต่ละวัน 

หลังจากนั้น เส้นผมที่เกิดใหม่ก็จะเริ่มเข้าสู่วงจรเส้นผมในระยะแรกคือ Anagen Phase เพื่อเริ่มต้นวัฏจักรใหม่อีกครั้ง หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่วงจรเส้นผมจะย่นระยะเวลาสั้นลงตามวัย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้เช่นกัน

(PHOTO REFERENCE) ภาพวงจรเส้นผมในระยะต่าง ๆ


เมื่อเห็นภาพการเติบโตในแต่ละระยะของเส้นผมแล้ว ลองมาดูกลไกการออกฤทธิ์ของ Minoxidil กันบ้าง ในระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ซึ่งเป็นระยะที่เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ ตัวยานี้จะช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะให้กว้างขึ้น เปิดทางให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นำพาสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มาหล่อเลี้ยงและบำรุงหนังศีรษะและรากผมได้มากขึ้น จนส่งผลให้รากผมแข็งแรง พร้อมที่จะเติบโตไปเป็นไรผม และเส้นผมที่มีสุขภาพดีต่อไป 

ไม่เพียงเท่านั้น Minoxidil ยังช่วยกระตุ้นให้รากผมที่อยู่ในระยะพัก หรือ Telogen Phase เข้าสู่ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหากผู้ใช้ยาตัวนี้จะพบว่าผมหลุดร่วงมากขึ้นในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ดี แสดงถึงประสิทธิภาพของตัวยาในการเร่งการผลัดเส้นผมเก่าที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว หรือเส้นผมที่ลีบเล็กและบางทิ้งไป เพื่อเตรียมรากผมให้พร้อมสำหรับการเกิดของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้น 

ทั้งนี้ Minoxidil จะช่วยฟื้นฟูรากผมที่หดตัวและอ่อนแอ ให้สามารถกลับมาสร้างเส้นผมใหม่ได้อีกครั้ง ที่สำคัญ ตัวยานี้ยังช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่จึงมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิมด้วย เมื่อรากผมที่เคยเป็นปัญหากลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้ เราจึงเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่เพิ่มปริมาณหนาแน่นขึ้นทั่วศีรษะในที่สุด


เรียกได้ว่า Monoxidil จะส่งผลให้ระยะพัก หรือ Telogen Phase สั้นลง ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผม หรือ Anagen Phase ให้ยาวนานขึ้น ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย การทำงานของตัวยานี้จึงเท่ากับเป็นการรีเซ็ตวงจรเส้นผมใหม่ให้กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น ระยะเห็นผลของยา จึงต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคน ระหว่างการรักษาจึงต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเกิดของผมสักเส้นหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือนตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาตินั่นเอง

แม้การรักษาด้วยตัวยา Minoxidil จะช่วยชะลออาการผมร่วงและผมบาง รวมถึงช่วยสร้างเส้นผมใหม่ ให้เติบโตจากไรผม เป็นเส้นผมที่แข็งแรงกว่าเดิมได้ แต่ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไปที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กัน ผู้ใช้จึงควรศึกษาทำความเข้าใจการทำงานของตัวยา หรือใช้ภายใต้ความดูแลของแพทย์ เพื่อระวังผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นอาการระคายเคือง หรือการมีขนขึ้นในบริเวณอื่นนอกจากหนังศีรษะ เป็นต้น 

ทั้งนี้ อาจมีผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบางที่พบว่าการใช้ยา Minoxidil ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร  ซึ่งนอกจากสาเหตุที่พบได้บ่อย อย่างเช่นการใช้ยาไม่ต่อเนื่องยาวนานเพียงพอแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป หากปล่อยให้ผมร่วงอย่างต่อเนื่อง จนเส้นผมเล็กลงเรื่อย ๆ และรูขุมขนบนหนังศีรษะหดตัวจนเส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก โอกาสที่จะรักษาโดยการใช้ยาตามที่กล่าวมา ก็จะเป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นแล้ว การตอบสนองต่อตัวยาของแต่ละคนยังแตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการใช้ยาจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมด้วย หากหนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอ การใช้ยา Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญ หลายคนพบว่า Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะได้ แต่รักษาอาการดังกล่าวบริเวณแนวผมด้านหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร

หากต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวรร การเข้ารับการปลูกผมจากคลินิกหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมือนเป็นการย้ายกอผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดนั่นเอง 


สำหรับขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์และรักษา แพทย์อาจเริ่มจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาผมร่วงและผมบางในแต่ละคนก่อน ร้อยละ 90 ของผู้ประสบปัญหาทั้งผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่ เกิดมาจากกรรมพันธุ์ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่นโรคที่เกี่ยวข้องกับหนังศีรษะ ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย รวมไปถึงภาวะความเครียด ซึ่งการรักษาให้ตรงกับที่มาหรือต้นเหตุของโรค ภายใต้การวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด 

อย่างไรก็ตาม หลังการปลูกผมแบบถาวร แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา หรือ treatment ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมบริเวณอื่นหลุดร่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทั้งการปลูกผมและการใช้ยาต่างก็มีบทบาทในการรักษาในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสม หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวที่ดีที่สุดนั่นเอง 

ปลูกผม “ครั้งเดียวจบ” จริงหรือไม่ ทำความเข้าใจ “ที่มา” ของภาวะผมร่วงและผมบางหลังการปลูกผม
แม้ว่าการปลูกผมใหม่ จะเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน สามารถคืนเส้นผมแข็งแรงเป็นธรรมชาติ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้หลาย ๆ คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่บางส่วนของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว กลับยังต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง ทั้งนี้ หลาย ๆ คนยังเข้าใจผิดว่า เมื่อเข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้ทั่วทั้งศีรษะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริงนั้น ด้วยปัจจัยทางชีวภาพของมนุษย์เอง ทำให้ปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกว่าที่คิด
มาลองทำความเข้าใจถึงสาเหตุหลักที่แท้จริงของอาการผมร่วงและผมบางกันก่อน เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางมากกว่าผู้หญิง คำตอบของปัญหานี้ ซ่อนอยู่ลึกลงไปในพันธุกรรมของคนเรา เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง เรียกว่าเป็นลักษณะที่อยู่ใต้อิทธิพลทางเพศ (sex – influenced trait) ยีนที่ว่านี้ ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว และเป็นสาเหตุหลักของอาการผมร่วงและผมบางมากถึงร้อยละ 95 ทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น อาการผมร่วงและผมบาง ยังมีฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการแสดงออกของลักษณะดังกล่าว นั่นคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) โดยผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมร่วงและผมบางผ่านทางพันธุกรรมนั้น จะพบระดับเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase เพิ่มขึ้นบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ผลจากฮอร์โมน DHT จะทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมที่อ่อนแอ ทั้งยังมีลักษณะบางและสั้นลง จนหลุดร่วงไวกว่ากำหนดตามไปด้วย นำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด
หากลองสังเกตจะพบว่า ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายนั้น จะแตกต่างจากผู้หญิง โดยมีรูปแบบการร่วงของเส้นผมเริ่มจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย รูปแบบนี้เป็นลักษณะที่พบค่อนข้างมากในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M รูปแบบนี้อาจเริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี

รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด



(PHOTO REFERENCE) ภาพตัวอย่างรูปแบบของผมร่วงและผมบาง


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ในผู้ชายทั่วไปที่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง มักจะเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยจะคงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้ายเสมอ เนื่องจากรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ โดยทั่วไปนั้น รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ถึงประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม โดยเส้นผมจะมีวงจรชีวิต 1 รอบอยู่ที่ประมาณ 6 – 10 ปีก่อนจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้น รากผมที่แข็งแรงเพียงพอ และอยู่ในปัจจัยที่เหมาะสม อาจมีอายุได้สูงสุดถึง 200 ปี เลยทีเดียว

นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมการปลูกผมใหม่ จึงต้องนำรากผมบริเวณท้ายทอย ไปปลูกทดแทนบริเวณที่ผมบางลงไป อย่างเช่นหน้าผากหรือกลางศีรษะ นั่นก็เพราะคุณสมบัติในการไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมบริเวณท้ายทอยนี้มีรากผมที่แข็งแรงที่สุด เมื่อนำไปปลูกใหม่ แม้จะเป็นการปลูกลงในบริเวณที่เคยเกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง เส้นผมที่ปลูกใหม่นี้ ก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ยากที่จะเกิดปัญหารากผมอ่อนแออย่างเก่าได้อีก ทั้งยังสามารถมีอายุอยู่ต่อไปได้เป็นร้อยปี



สำหรับวิธีการปลูกผมถาวรนั้นก็มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ขึ้นตลอดเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) เทคนิคนี้เป็นการเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เครื่องมือเจาะรอบกอผมลึกลงไปยังรากผม กอผมหรือเนื้อเยื่อของรากผมตรงนี้เรียกว่า กราฟต์ (Graft) ซึ่งในแต่ละกราฟต์จะประกอบด้วยเส้นผมอยู่รวมกันประมาณ 1 – 4 เส้น

หลังจากดึงกราฟต์หรือกอผมเหล่านั้นออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ไปผ่านกระบวนการคัดแยกตามลักษณะทิศทางของเส้นผม รวมถึงจำนวนเส้นผมในแต่ละกราฟต์เสียก่อน จากนั้น แพทย์จะเปิดช่องหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาและต้องการปลูกผมใหม่ เพื่อนำกราฟต์ใหม่ใส่ลงไป ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงจำนวนกราฟต์ที่ใช้ปลูกใหม่ตามสภาพปัญหาผมและบริเวณที่จะปลูกผมของแต่ละคน เหมือนเป็นการย้ายกราฟต์ผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดไปจนตลอดชีวิตนั่นเอง

ถ้าอย่างนั้น สาเหตุของภาวะผมร่วงและผมบาง หลังจากการปลูกผมใหม่ เกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็เป็นเพราะเรานำรากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่เฉพาะบริเวณที่ผมบางลงอย่างชัดเจนเท่านั้น ในขณะที่ผมบริเวณอื่น ๆ ยังคงเป็นรากผมเดิม ที่ได้รับผลจากกรรมพันธุ์ซึ่งเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT จนส่งผลให้รากผมอ่อนแอและเส้นผมหลุดร่วงอยู่ หลาย ๆ คนที่เข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จึงอาจพบปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องได้

ในกรณีนี้ สามารถลองปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเส้นผม เพื่อขอคำปรึกษาในการรับมือกับภาวะผมร่วงและผมบางได้ โดยแพทย์จะวิเคราะห์สาเหตุและออกแบบบริการดูแลเส้นผมต่าง ๆ ซึ่งหากพบว่าสาเหตุของอาการผมร่วงมาจากกรรมพันธุ์ แพทย์มักแนะนำให้ทำการปลูกผมเพิ่มเติม เพื่อให้ผมดูหนาแน่นขึ้น โดยเลือกเทคนิคการรักษาใหม่ ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ให้ประสิทธิผลสูง สามารถลดอาการบาดเจ็บ ลดขนาดของรอยแผล รวมถึงใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลงได้




นอกจากนั้น การหันมาใส่ใจดูแลเส้นผมในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของเส้นผม หรือทำให้รากผมอ่อนแอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยยืดระยะเวลาการหลุดร่วงของเส้นผมให้ช้าลงได้ เช่น

- พฤติกรรมการบำรุงผม
ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือการทำสีผม และเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะ ทั้งยังไม่ควรสระผมบ่อยครั้งจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่นในการสระผม รวมถึงการใช้ไดร์เป่าผมแบบลมร้อนกับหนังศีรษะโดยตรง เพราะความร้อนจะทำให้เส้นผมยิ่งเปราะบางเนื่องจากโปรตีนถูกทำลาย ที่สำคัญ ไม่ควรหวีผมขณะที่ผมยังเปียก เพราะเป็นช่วงที่เส้นผมอยู่ในสถานะที่อ่อนแอที่สุด จะเป็นการรบกวนฐานผมและทำให้ผมยิ่งหลุดร่วงง่าย

- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
เลือกรรับประทานอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนหรือวิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพและความแข็งแรงของเส้นผม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฐานผมเช่นกัน

- พฤติกรรมการจัดการกับความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ วิธีง่าย ๆ อย่างเช่นการฝึกสมาธิหรือออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น

ปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องหลังการปลูกผม ต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องถึงที่มาและสาเหตุที่แท้จริงของอาการดังกล่าว จึงจะนำไปสู่การเลือกวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีกลับมาได้ พร้อมกับเส้นผมแข็งแรงและสุขภาพดีที่จะอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน