...ถึงเวลาที่เราควรเริ่มปลูกผมได้หรือยังนะ...
นี่คงเป็นคำถามซึ่งหลาย ๆ คนที่กังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางของตัวเอง กำลังชั่งใจเพื่อหาคำตอบกันอยู่ใช่หรือไม่ บางคนอาจคิดว่า รอให้อาการผมบางชัดเจนกว่านี้ก่อนดีกว่า จะได้ไปปลูกทีเดียวเลย หรือบางคนก็มองว่า เรายังอายุไม่มากเท่าไหร่ คงยังไม่สายเกินไปหรอกที่จะรออีกสักหลาย ๆ ปีค่อยตัดสินใจปลูกผม
แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมคือ ถ้าเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรอจนสายเกินไป เพราะเมื่อถึงวันนั้น โอกาสที่จะเรียกคืนผมสวยหนาแน่นสุขภาพดีให้กลับมา อาจเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย
หลายคนอาจสงสัยว่า การปลูกผม มีคำว่า “สายเกินไป” ด้วยหรือ... ประการแรก ควรทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ควรต้องอาศัยรากผมของตัวเราเองในการปลูก เพราะการปลูกผมก็ไม่ต่างจากการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งปกติแล้ว ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้านหากมีเซลล์แปลกปลอมใด ๆ เข้ามาในร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจ ตับ หรือไต จึงจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่คุ้มค่าในระยะยาวหากต้องรับประทานยาเช่นนี้ในกรณีการปลูกถ่ายรากผม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถฝากความหวังในการปลูกผมใหม่จากรากผมของคนอื่นได้
และเพราะเราต้องพึ่งพาเส้นผมส่วนที่เหลือของเราในการปลูกผมนี่เอง ทำให้การตัดสินใจปลูกผมเป็นสิ่งที่รอช้าไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลือก็อาจกำลังค่อย ๆ หลุดร่วงตามไปเช่นกัน!! ...เรามาลองทบทวนที่มาของปัญหาผมร่วงและผมบางที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของปัญหาร่วงและผมบางที่ผู้คนทั่วโลกพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชาย ทราบหรือไม่ว่า ยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ซึ่งยีนดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดส่งผ่านคนในครอบครัวไปสู่ลูกหลานรุ่นถัดไป
หากคุณคือผู้ที่ได้รับมรดกพันธุกรรมผมร่วงและผมบางจากคนในครอบครัว บริเวณหนังศีรษะของคุณจะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อ 5-alpha reductase มากเป็นพิเศษ เจ้าเอนไซม์ตัวนี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่ร่างกายผลิตขึ้นปกติ ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และเมื่อคุณมีฮอร์โมน DHT ที่หนังศีรษะในระดับสูง ผลที่ตามมาก็คือทำให้รูขุมขนบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลง เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่จึงมีรากผมอ่อนแอ ทั้งบางและสั้น จนหลุดร่วงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และนี่ก็คือสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ความหวังในการปลูกผมใหม่ของพวกเรายังคงเหลืออยู่ที่ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย โชคดีที่หนังศีรษะบริเวณนี้มีคุณสมบัติไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ดังนั้น เส้นผมบริเวณท้ายทอยจึงมีรากผมที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับหนังศีรษะบริเวณอื่น ๆ และถูกเลือกนำไปปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ผมบางลงหรือหลุดร่วงหายไป ที่สำคัญ แม้จะนำรากผมและเส้นผมไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เคยมีปัญหา แต่รากผมก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้รากผมสามารถผลิตผมที่แข็งแรงภายใต้ปัจจัยที่เหมาะสมต่อไปได้อีกเป็นร้อยปี ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมนั่นเอง
ได้ยินคุณสมบัติพิเศษของผมด้านหลังท้ายทอยอย่างนี้แล้ว ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเมื่อถึงวันที่เราตัดสินใจปลูกผม วันนั้น เส้นผมของเราจะยังเหลือเพียงพอให้นำมาปลูกทดแทนบริเวณผมร่วงและบางลงไป
นี่คือตัวอย่างภาพลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายแต่ละรูปแบบ ซึ่งผมจะเริ่มร่วงจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่
รูปแบบ A
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ
รูปแบบ O
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย พบค่อนข้างมากในผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก
รูปแบบ M
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M เริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี
รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด
ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าในระยะท้าย ๆ เมื่อปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น ไม่ใช่แค่ผมด้านหน้าหรือตรงกลางที่บอกลาเจ้าของเส้นผมไป แต่ผมด้านหลังบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งเหลือน้อยลง ๆ ตามไปด้วย ซึ่งปริมาณของเส้นผมอาจไม่เพียงพอที่จะนำมาปลูกใหม่เพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นของเส้นผมในบริเวณที่เป็นปัญหาก็เป็นได้
สำหรับการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่แบบถาวรในบริเวณที่ต้องการนั้น เรียกว่าเทคนิค FUE หรือ (Follicular Unit Excision) ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น แพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กพิเศษ นำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วง ออกจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยจะไม่มีการโกนผมบริเวณด้านหลังออก แต่ใช้เทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิม
ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและทักษะเฉพาะตัวของแพทย์ในการปลูกรากผมลงใหม่ เพื่อให้เส้นผมใหม่มีอัตราการอยู่รอดมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งยังลดอาการเจ็บ บวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย จนสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในวันต่อมาโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลการรักษา และแนะนำการดูแลเส้นผมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผมใหม่สามารถเติบโตต่อตามวงจรเส้นผมได้อย่างสมบูรณ์
อีกเทคนิคหนึ่งจากคลินิกนามนินที่จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผม ก็คือเทคนิคการปลูกผมแทรก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะ โดยแพทย์จะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย ไปปลูกแทรกหรือปลูกกระจายในบริเวณนั้น เพื่อให้รากผมแข็งแรงที่ปลูกใหม่ ไปช่วยพยุงโคนผมเก่าที่อ่อนแอ ทำให้ผมในบริเวณกลางศีรษะกลับดูหนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้น หากเราตัดสินใจปลูกผมในวันที่ผมส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอยยังเหลืออยู่มากเพียงพอ ก็จะทำให้การปลูกผมใหม่มีโอกาสสูงที่จะคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ต้องการปลูกผมบางราย ยังสามารถปลูกผมซ้ำได้อีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 เพื่อความสมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย
ปัญหาผมร่วงและผมบาง จึงเป็นปัญหาที่รอไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลืออาจแก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว เนื่องจากการปลูกผมเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนการรักษาในระยะยาว และต้องอาศัยการพูดคุยร่วมกันระหว่างแพทย์กับผู้เข้ารับการปลูกผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา ซึ่งแพทย์จะต้องพิจารณาจากความต้องการของผู้เข้ารับการปลูก ลักษณะของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะปลูกผมสำเร็จด้วย ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนวผมหรือกรอบหน้าใหม่ โดยคำนึงถึงสัดส่วนใบหน้าที่สอดคล้อง สวยงาม และเหมาะสม ก่อนจะประเมินพื้นที่ปลูก และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องดึงออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกเสริมในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่นเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยให้คุณแลดูอ่อนกว่าวัย คืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับคุณได้อีกครั้ง
ปรึกษาและปลูกผมกับแพทย์
NAMNIN forV Clinic สาขาอารีย์
Tel. 093-0935639
Line. @namninclinic