Tag : ปลูกผมเทคนิคNEAT
ปลูกผมใหม่ ในวัย 50+
ไม่ใช่แค่วัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาว แต่คนทุกวัย ก็อยากจะมีรูปลักษณ์ที่ชวนมองหรือบุคลิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกรักตนเองและมั่นใจในตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า “เส้นผม” เป็นปัจจัยความงามข้อหนึ่ง ที่เปรียบเหมือนเครื่องประดับตามธรรมชาติของร่างกาย ช่วยเสริมความมั่นใจในทุก ๆ วันของการใช้ชีวิต แต่เมื่อเส้นผมแข็งแรงสุขภาพดีไม่ได้คงทนยาวนานพอที่จะอยู่กับเราไปตลอด หลายคนจึงพบปัญหาผมบาง ผมร่วง ไปจนถึงผมล้านเมื่ออายุมากขึ้น 


หากคุณหรือคนในครอบครัว ที่อยู่ในวัย 50+ และกำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมล้านหรือผมบางกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง จนกังวลว่า ปัญหาหนักขนาดนี้ จะยังปลูกผมใหม่ได้อยู่ไหม สิ่งแรกที่คุณควรทำอย่างไม่ต้องลังเลใจ ก็คือการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอผู้ชำนาญด้านเส้นผม


เพราะคุณหมอคือคนเดียวที่ช่วยวิเคราะห์สภาพปัญหาผม สำรวจปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะประเมินความเป็นไปได้ และออกแบบแนวทางการรักษา เพื่อคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้มากที่สุด และนี่ก็คือแนวทางการแก้ปัญหาผมสำหรับคนวัย 50+ ที่แม้ว่าจะมีต้นทุนผมสุขภาพดีไม่มากเท่ากับคนในวัยหนุ่มสาว แต่ก็ยังมีทางออกหลายรูปแบบที่คุณหมอแนะนำเช่นกัน


1 ปลูกผมถาวร

สำหรับแนวทางนี้ คนไข้ในวัย 50+ ส่วนใหญ่จะมีความกังวลใจ เนื่องจากปัญหาผมบางในวัยนี้มักจะขยายเป็นวงกว้าง นั่นหมายความว่าคนไข้ต้องการกราฟต์ผมสำหรับการปลูกใหม่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณด้านหลังท้ายทอย ที่มีคุณสมบัติต้านทานฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผมหลุดร่วงง่าย ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการย้ายมาปลูกใหม่ ก็อาจเหลือจำนวนน้อยลง หรือมีความอ่อนแอลงเนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นของเจ้าของเส้นผมเอง


อย่างไรก็ตาม คุณหมอจะช่วยประเมินการใช้กราฟต์ผมที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า เพื่อช่วยแก้ปัญหาผมบางให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนั้นก็จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้กราฟต์ผมที่นอกเหนือไปจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาช่วยเสริมด้วยอีกส่วนหนึ่ง 

ที่สำคัญ คุณหมอจะช่วยออกแบบการปลูกผมให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรูปลักษณ์ หรือบุคลิกภาพ ภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ เพื่อให้เส้นผมใหม่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ได้ในที่สุด


2 Premium Hair Booster

อีกทางเลือกหนึ่งที่คุณหมอมักแนะนำให้กับคนไข้ไม่ว่าอยู่ในวัยไหนก็ตาม ก็คือการเข้ารับบริการ Treatment บำรุงล้ำลึก ที่คัดสรรโดยนามนิน เพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ โดย Premium Hair Booster เป็นนวัตกรรมที่จะช่วยลดอาการผมร่วง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม พร้อมกับฟื้นบำรุงให้เส้นผมที่อ่อนแอ ลีบบาง มีขนาดใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และแข็งแรงยิ่งขึ้นจากภายใน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ ภาวะทางสุขภาพ ความเครียด การขาดสารอาหาร ตลอดจนมลภาวะหรือสารเคมี

Premium Hair Booster พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมของนามนิน อาศัยพลังบำรุงขั้นสุดจากอนุภาคไซส์จิ๋วที่เล็กระดับนาโน หรือเล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1000 เท่า ซึ่งแยกออกมาจากสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด ภายในประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ นับพันชนิด และโปรตีนอีกหลายประเภท มากกว่าสารชีวโมเลกุลและโปรตีนที่พบใน PRP หรือเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นพันเท่า 

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเพิ่มพลังบูสต์เต็มขั้น ด้วยวิตามินสูตรเฉพาะ เพื่อทำงานร่วมกับอนุภาคบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สะดวกสบาย เพียงฉีดสารบำรุงเข้าสู่หนังศีรษะบริเวณที่ยังมีรูขุมขนอยู่ สารสำคัญต่าง ๆ จะตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูการสร้างเซลล์ใหม่ โดยไม่ทิ้งรอยแผลหรืออาการเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องพักฟื้นหรือดูแลเป็นพิเศษ หลังรับบริการสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

Premium Hair Booster ยังให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์เห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรก ในการคืนความหนาแน่น ดกดำ แข็งแรงให้กับเส้นผม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีความปลอดภัยสูงสำหรับคนทุกวัย แม้ในวัย 50+ ก็ตาม


3 ปลูกผมเทคนิค NEAT + Premium Hair Booster

สำหรับบางกรณีที่มีปัญหาเส้นผมในระดับค่อนข้างรุนแรง คุณหมออาจแนะนำให้เข้ารับการปลูกผมร่วมกับ Treatment ด้วย เพื่อเสริมบำรุงเส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่ไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากความแข็งแรงของเส้นผมเดิมก็จะส่งผลดีต่อเส้นผมใหม่ด้วยนั่นเอง 

หากคนไข้ให้ความสนใจเลือกวิธีนี้ หรือคุณหมอมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งคุณหมอและคนไข้จะร่วมกันออกแบบการรักษา ว่าควรจะฉีดบำรุงด้วย Premium Booster ก่อน เพื่อเสริมให้ผมแข็งแรง แล้วจึงค่อยเข้ารับการปลูกผม หรือในอีกกรณีหนึ่ง สามารถที่จะเข้ารับการปลูกผมใหม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงฉีดบำรุงตามระยะที่คุณหมอกำหนด ซึ่งมีคนไข้ของนามนินที่เคยเข้ารับบริการด้วยสูตรผสมนี้ และกลับบ้านไปด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจ


ทั้งนี้ การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผม รวมถึงความต้องการของผู้เข้ารับบริการเอง ซึ่งคุณหมอจะเปิดใจคุยกับคนไข้อย่างตรงไปตรงมา ถึงความเป็นไปได้จริงในการรักษา ดังนั้น ก้าวแรกที่สำคัญที่สุด จึงเป็นการเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อทำความเข้าใจปัญหา และร่วมกันหาทางฟื้นฟูดูแลเส้นผม 

...เพราะไม่มีคำว่าสูงวัยเกินไป สำหรับการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ด้วยการกลับมาดูแลตัวเองให้ดูดีอีกครั้ง...

ภาวะ “เครียด” ตัวการ “ผมร่วง”
ในแต่ละวัน เราต้องเจอกับปัญหาน่าหนักใจสารพัดเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ปัญหาครอบครัว ปัญหาส่วนตัว หรือความเจ็บป่วยต่าง ๆ และเมื่อเครียดแล้ว ผลต่อเนื่องที่ตามมายังกระทบทั้งในด้านของจิตใจและร่างกายไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการผมร่วง” ซึ่งหลายคนยังสงสัยว่า เครียดจนผมร่วง เป็นแค่คำเปรียบเปรย หรือว่าความเครียดเป็นตัวการทำให้เกิดผมร่วงได้จริง ๆ


และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของอาการผมร่วง ก็คือภาวะเครียดตามที่พูดกันนั่นเอง เพราะเส้นผมของเรานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และฮอร์โมนของร่างกาย และความเครียดก็ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่เรียกเล่น ๆ ว่าฮอร์โมนความเครียด ที่ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในทุก ๆ ส่วน รวมถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของอาการผมร่วงจากความเครียดออกเป็น 3 แบบ

Telogen Effluvium 
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะความเครียดจากความเจ็บป่วยและความเครียดทางอารมณ์ รากผมจะเข้าสู่ช่วงระยะพักตัว หยุดการสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งระยะต่อไปก็คือระยะเตรียมหลุดร่วง ดังนั้น พอเราหวีผมหรือสระผม ก็จะพบว่าเส้นผมหลุดร่วงออกมามากกว่าปกติ 2-3 เท่า

Alopecia Areata
ในรูปแบบนี้ ความเครียดจะทำให้เกิดความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทบไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น และอาจกลายเป็นสาเหตุของภาวะผมบาง ไปจนถึงผมล้านเลยก็เป็นได้

Trichotillomania
กรณีนี้ ความเครียดอาจไม่ได้ส่งผลต่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง แต่ไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการจับผม ดึงผม ม้วนผม หรือแกะเกาหนังศีรษะ และทำบ่อย ๆ เข้าโดยไม่รู้ตัว จนผมเริ่มร่วงและบางลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหานี้อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคลายกังวลร่วมด้วย

นอกจากนั้น ความเครียดยังส่งผลข้างเคียง ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ระดับภูมิคุ้มกันลดลง รวมถึงกระตุ้นให้ต่อมไขมันในชั้นหนังศีรษะสร้างไขมันเพิ่มขึ้นจนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะผมร่วงในที่สุด

เมื่อสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดเกิดขึ้น เราสามารถจัดการกับความเครียดได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเวลาผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสมครบถ้วน รวมถึงการเสริมด้วยวิตามินสำคัญต่าง ๆ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเลือกเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง จากตัวช่วยที่คัดสรรโดยแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมตัวจริง 

โดยนามนินขอแนะนำ 
Elixir Hair Serum by NEAT HAIRNUE 
เซรั่มกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ 100% 


VITA H 
วิตามินรวมตัวท็อปเพื่อการบำรุงรากผมอย่างล้ำลึก 
ทั้งยังสามารถเข้ารับบริการ Treatment คุณภาพจากนามนิน 


Namnin Perfect Hair Treatment
โปรแกรมบำรุงกึ่งสปาเพื่อการผ่อนคลายและดูแลเส้นผม ช่วยฟื้นฟูและสร้างผมสุขภาพดีจากภายใน


Premium Hair Booster
นวัตกรรมคืนความหนาแน่น ดกดำ ให้กับเส้นผม ด้วยการผสานพลังบำรุงจากอนุภาคไซส์จิ๋วระดับนาโนที่ชื่อ Exosome เสริมด้วยวิตามินสูตรเฉพาะของนามนิน




แต่ถ้าลองจัดการกับต้นตอความเครียดแล้ว และเสริมการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะในแบบต่าง ๆ แล้ว สังเกตพบว่าผมยังคงหลุดร่วงต่อเนื่องอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และออกแบบแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุดที่สุดนั่นเอง

เช็คสัญญาณเตือน “ผมบาง ผมล้าน”
โดยทั่วไปแล้ว อาการผมร่วง ผมบาง จนไปสู่ภาวะล้าน เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อเรายังอายุน้อย ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถสังเกตพบอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่ระยะที่อาการยังไม่รุนแรง และหากสังเกตพบเร็ว บวกกับพาตนเองเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญด้านเส้นผมได้เร็ว แน่นอนว่า โอกาสในการรักษา หรือการเข้ารับบริการปลูกผมใหม่ เพื่อให้เส้นผมกลับมาหนาแน่นได้เหมือนเดิม ก็จะยิ่งสูงขึ้น ทั้งยังมีโอกาสวางแผนป้องกันอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเราอายุมากขึ้นด้วย

...มารู้จักกับสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้คุณเช็คสถานะเส้นผมของตนเอง ว่าเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วหรือยัง...

1
ผมร่วง ถือเป็นภาวะปกติของร่างกาย โดยในทุก ๆ วัน เส้นผมที่มาถึงระยะสิ้นสุดของวงจรชีวิตผมแล้ว จะหลุดร่วงไปตามธรรมชาติ ประมาณ 70 – 100 เส้นต่อวัน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณผมทั้งศีรษะที่มีอยู่ 90,000 – 140,000 เส้น ก็นับว่าเป็นปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าลองสังเกตที่หวี หมอน หรือพื้นห้องน้ำ แล้วรู้สึกว่าผมร่วงในจำนวนที่มากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็เริ่มสงสัยได้เลยว่าเราอาจจะเริ่มมีอาการผมร่วงที่ผิดปกติแล้ว

2
ทุกเช้าที่เราส่องกระจก ลองสังเกตแนวผมบริเวณหน้าผากเสียหน่อย ว่าเริ่มถอยร่นลึกเข้าไป จนเห็นพื้นที่หน้าผากมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือยัง เราอาจจะลองวัดระยะจากกลางหว่างคิ้ว ตรงขึ้นไปจนถึงจุดกึ่งกลางของแนวไรผม ซึ่งไม่ควรจะกว้างเกินกว่า 6.5 เซนติเมตร

ที่สำคัญ ในผู้ชายส่วนใหญ่จะเกิดแนวผมรูป M Shape เนื่องจากอาการผมบางจะเกิดบริเวณขมับสองข้างก่อนเพื่อน ถ้าเราลองวัดระยะเฉียงจากหัวคิ้วออกไปถึงแนวผมบริเวณขมับที่อยู่ข้างเดียวกัน โดยวัดถึงจุดที่เว้าลึกเป็นรูปตัว M เข้าไปมากที่สุด หากมีระยะห่างเกิน 8 เซนติเมตร ก็เรียกได้ว่าอาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้วเหมือนกัน

3
ผมเริ่มบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยมากแล้วมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะขยายกลายเป็นอาการผมล้าน ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นก็บอกว่า ผู้ชายชาวเอเชียจะพบอาการผมบางกลางศีรษะมากกว่าแนวผมด้านหน้า 

4
ผมค่อย ๆ บางลงพร้อม ๆ กันทั่วทั้งศีรษะ กรณีนี้ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะรูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางนั้นเรียกได้ว่าเกิดขึ้นกับทุกคนได้แบบฟรีสไตล์ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งรูปแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 

5
ขณะที่หวีผม หรือจัดแต่งทรงผม อย่าลืมให้ความสำคัญกับรอยแสกผมกลางศีรษะ ที่อาจจะเริ่มขยายกว้าง จนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เป็นวิธีที่ดีในการสังเกตอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ซึ่งถ้ารอยแสกนั้นมีระยะห่างเกิน 1 เซนติเมตร ถือว่าเริ่มมีอาการผมบางแล้วล่ะ 

6
ผมยาวช้าลง เมื่อเทียบกับในอดีต โดยปกติแล้ว ผมของคนเราจะยาวขึ้นปีละ 6 นิ้ว แต่ถ้าใครสังเกตได้ว่า เข้าร้านตัดผมครั้งนี้ ดูเหมือนใช้เวลานานขึ้นกว่าผมจะยาวเท่าเดิม ก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพการทำงานของต่อมรากผมอาจจะเริ่มลดลง ซึ่งส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายขึ้นไปตามวัย


และสุดท้าย สัญญาณเตือนผมร่วง ผมบาง อาจมาในรูปแบบเสียงทักถามด้วยความห่วงใยจากคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว ซึ่งอาจสังเกตเห็นความปกติของเส้นผมได้ง่ายกว่าตัวเราเอง อย่าลืมลองเช็คซ้ำอีกครั้งด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แนะนำไว้ เพื่อจะได้เริ่มต้นดูแลปัญหาเส้นผมตั้งแต่เนิ่น ๆ และไม่พลาดโอกาสคืนความหนาแน่นและแข็งแรงของเส้นผมให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะสายเกินไปนั่นเอง

ADVANCE HAND-ON HAIR TRANSPLANT TRAINING
หลักสูตรอบรมด้านการปลูกผมขั้นสูง 2 วัน กับแพทย์หญิงนิล นามทองต้น ด้วยเทคนิค Micrograft Forceps FUE โดยเป็นกลุ่มขนาดเล็กเพียง 6 คน เจาะลึกทฤษฎีตามหลักการแพทย์ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเตรียมเครื่องมือทำหัตถการ การออกแบบแนวผมด้านหน้า รวมถึงเทคนิคการย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย นำมาเตรียมสภาพให้พร้อม และปลูกบนพื้นที่ใหม่ให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด พร้อมเข้าชม Live Demonstration การปลูกผมให้ผู้เข้ารับบริการในห้องหัตถการจริง รวมถึงฝึกทักษะการใช้อุปกรณ์ปลูกผม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและเติมเต็มประสบการณ์การปลูกผมแบบครบทุกขั้นตอน











1 ปี เส้นทางสู่ผมสวยกับนามนิน
เพราะการปลูกผม ไม่ใช่การนำกราฟต์ผมใหม่มาเสียบเติมผมให้ดูหนาแน่น แล้วก็จบ...

แต่เมื่อใช้คำว่า “ปลูก” นั่นหมายถึงการค่อย ๆ ย้ายกราฟต์ผมคุณภาพดีจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปักลงใหม่อย่างบรรจงและพิถีพิถัน แล้วเฝ้าทะนุถนอมจนเส้นผมเติบโต แข็งแรง หยั่งรากฝังแน่นกับหนังศีรษะ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

และเพื่อให้มั่นใจว่าวงจรเส้นผมใหม่จะคงอยู่กับเราอย่างถาวรตลอดชีวิต นั่นก็ต้องใช้เวลาในการดูแลหลังปลูกผมถึง 1 ปีเต็ม ๆ เลยทีเดียว

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมนามนินจึงต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีในการดูแลหลังปลูกผม ในระหว่างนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเส้นผมใหม่ของเราบ้าง แล้วเราจะต้องดูแลตัวเองยากง่ายแค่ไหน ที่สำคัญ คุณหมอจะยังอยู่กับเราเพื่อช่วยดูแลเส้นผมใหม่อย่างไร 

...มาสำรวจ เส้นทางสู่ผมสวย ตลอด 1 ปี ที่มี “คุณคนใหม่” เป็นเส้นชัยปลายทางไปพร้อม ๆ กัน...


NEAT 
จุดสตาร์ทแห่งความประณีต

...เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง... ก้าวลงสนามความงามครั้งนี้ นามนินพร้อมให้คุณออกสตาร์ทสู่ปลายทางผมสวย ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน ซึ่งหมายถึง Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินนั่นเอง

ความโดดเด่นของเทคนิค NEAT เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่คนไข้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน โดยคุณหมอจะพูดคุยซักถาม พร้อมรับฟังคนไข้อย่างตั้งใจ ซึ่งแต่ละคนมาด้วยลักษณะปัญหา เงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จตายตัวในการรักษาได้ แต่คุณหมอจำเป็นต้องนำข้อมูลของคนไข้มาประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลแบบ Tailor-made เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ตรงจุดมากที่สุด

ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเช็คกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ผมของคนเรามีความแข็งแรงทนทาน ไม่หลุดร่วงง่าย และจะกลายเป็นผมต้นทุนคุณภาพดีให้คุณหมอย้ายมาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมต้นทุนที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าและเหมาะสม 

ขณะเดียวกัน คุณหมอจะช่วยออกแบบและวาด Hairline หรือกรอบหน้าให้ใหม่ โดยอาศัยหลักสัดส่วนความงาม Golden Ratio ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคุณผู้หญิงดูหวานละมุนขึ้น และปรับลุคของคุณผู้ชายให้ดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ที่สำคัญ กรอบหน้าใหม่ยังช่วยลดวัย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับเจ้าของใบหน้าได้อีกด้วย

จากจุดตั้งต้นนี้เอง คุณหมอจะลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น เพื่อการันตีความประณีตสมชื่อ NEAT เริ่มตั้งแต่การคัดแยกและตัดแต่งกราฟต์ผมให้พร้อมสำหรับนำไปปลูกใหม่ การใช้ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรที่ช่วยให้สามารถปักกราฟต์ผมได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล 

โดยคุณหมอจะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อความอยู่รอดของเส้นผม และความสวยงามของผมปลูกใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นผมที่มีขนาดเล็กใหญ่ ความหนาบาง หรือแม้กระทั่งองศาความโค้ง ที่เหมาะสมกับผมในบริเวณนั้น ๆ การวางตัวของเส้นผมตามทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมเพื่อความเป็นธรรมชาติ การปักกราฟต์ผมให้ได้ระยะความลึกที่พอดีแก่การรับสารอาหารที่ลำเลียงมาสู่เส้นผม และการกระจายเส้นผมให้หนาแน่นกำลังดี ไม่เบียดชิดกันเกินไปจนหลุดร่วงง่าย หรือไม่ห่างกันเกินไปจนดูเหมือนผมบาง ซึ่งทั้งหมดนี้ นอกจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ยังต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันอย่างที่สุด


Check Up ทุกระยะตลอดเส้นทาง
โดยคุณหมอตัวจริง

หลังจากสิ้นสุดวันทำหัตถการปลูกผม เส้นทางการดูแลผมที่ยาวนานถึง 1 ปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นั่นเป็นเพราะเส้นผมใหม่ต้องการเวลาที่จะค่อย ๆ เติบโตตามวงจรอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่ได้เดินบนเส้นทางตลอด 1 ปีนั้นเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะคุณหมอจะคอยนัดมาติดตามผลเป็นระยะ ๆ เพื่อดูผลลัพธ์การปลูกผมใหม่ด้วยตนเอง และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ผมหลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร พร้อมทั้งมอบชุดดูแลตัวเองอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง 

และนี่คือ Timeline การเติบโตตามธรรมชาติของเส้นผม ที่คุณหมอจะคอยปักหมุดตรวจเช็คผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง
ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
หลังปลูกผม 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมตามปกติ
เดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


แวะเติมพลังให้เส้นผม
ด้วย Treatment คุณภาพ

นามนินยังดูแลคุณด้วยบริการ Treatment หลังปลูกผม เริ่มจาก LLLT หรือ Low Level Laser Therapy ซึ่งหมายถึงการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร โดยเลเซอร์แสงสีแดงนี้ จะถูกฉายลงบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบริเวณรากผมได้มากขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นและฟื้นฟูการทำงานของเซลล์รากผม ให้พร้อมสร้างเส้นผมใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เล็กลีบหรือหลุดร่วงง่าย ดังนั้น ผมที่เคยบางก็จะกลับหนาแน่นขึ้น ทั้งยังช่วยสมานแผลบนหนังศีรษะและลดการอักเสบสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ อีกด้วย 

LLLT ยังเป็นนวัตกรรมการรักษาที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เพราะเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำฉายบนผิวหนังชั้นนอกเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง คุณจึงไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงใด ๆ

และอีกบริการหนึ่งที่จะช่วยฟื้นความแข็งแรงให้ผมในระดับเซลล์ ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งจะช่วยบำรุงผมโดยการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมให้กลับสู่วงจรอันสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่หลุดร่วงง่าย ๆ อีกต่อไป 

สำหรับ Hair Growth Treatment จะเป็นการนำ Growth Factor ซึ่งทำการแยกออกจากเลือดที่เก็บจากตัวเจ้าของเส้นผมเอง มาผสานพลังกับวิตามินบำรุงเข้มข้น และฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ วิธีการนี้ยังเหมาะกับผู้ที่เพิ่งปลูกผมมาใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากจะช่วยให้เส้นผมที่สร้างขึ้นใหม่มีความหนา แข็งแรง และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ปราศจากสารเคมี ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงเป็นบริการที่สะดวกสบายสำหรับผู้เข้ารับการดูแลหลังปลูกผมทุกคน


“คุณคนใหม่”
เข้าเส้นชัยแบบสวย ๆ 

แม้ว่า 1 ปีจะฟังดูยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าแก่การอดทนรอคอย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหมออยู่เคียงข้างให้คำแนะนำและคำปรึกษาเสมอ คุณจึงสามารถวางใจได้ตลอดเส้นทาง และผลลัพธ์ปลายทางที่รออยู่ ก็คือผมสวย หนาแน่น แข็งแรง สุขภาพดี แลดูเป็นธรรมชาติ จัดแต่งทรงได้ทุกสไตล์ตามใจต้องการ 


ไม่เพียงเท่านั้น หลายเสียงยังบอกตรงกันถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างคุณหมอกับผู้เข้ารับการปลูกผม ที่ไม่ใช่เพียงในฐานะแพทย์กับคนไข้ แต่ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่แม้ว่าจะสิ้นสุดเส้นทาง 1 ปีไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังสามารถสอบถามขอคำแนะนำด้วยความอุ่นใจได้อยู่เสมอ

และรางวัลที่รออยู่หลังเส้นชัย ก็คือ “คุณคนใหม่” ที่อ่อนเยาว์ขึ้น ดูดีขึ้น รักและชื่นชมตัวเองได้มากขึ้น พร้อมที่จะก้าวออกไปใช้ชีวิต และเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจ 


4 ข้อควรรู้ก่อนการปลูกผม
“ปัญหา ข้อจำกัด และการแก้ไขในแบบของตัวเอง” แต่ละคนมีปัญหาและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การปลูกผมจึงต้องออกแบบเฉพาะเป็นรายบุคคล การปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมและประเมินจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องใช้ปลูกอย่างแม่นยำ จะช่วยให้คุณมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นในการตัดสินใจ ทั้งในด้านผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้หลังการปลูกผม และค่าใช้จ่ายที่ควรจะ “คุ้มค่า” และ “สมเหตุสมผล” ด้วยค่ะ

การประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมและจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องใช้นั้นเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้คาดคะเนผลลัพธ์ของการปลูกผมได้ในเบื้องต้น หากปัญหาไม่รุนแรงมากหรือผู้ที่ต้องการปลูกผมเพื่อเสริมบุคลิก พื้นที่ที่ต้องปลูกผมมีไม่มาก ผมต้นทุนบริเวณท้ายทอยยังมีจำนวนมากและแข็งแรง หลังการนำกราฟต์ผมไปปลูก ผมที่ขึ้นใหม่ก็จะหนาแน่น ดูเป็นธรรมชาติ เพราะไม่จำเป็นต้องกระจายกราฟต์ผมต้นทุนไปปลูกที่บริเวณอื่น แต่หากในกรณีที่ปล่อยให้ปัญหาผมร่วงผมบางรุนแรง เช่น ผมบางพร้อมกันหลายจุด ทั้งด้านหน้าและกลางศีรษะ การแก้ปัญหาก็จะต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์มากเป็นพิเศษ เพราะต้องกระจายกราฟต์ผมไปปลูกให้ทั่วทุกจุด ในกรณีนี้ ยิ่งต้องควรให้แพทย์เป็นผู้วิเคราะห์ปัญหาให้อย่างละเอียด และควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนถึงผลลัพธ์ที่จะได้ก่อนตัดสินใจ เพราะการปลูกผมบางเทคนิคอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาที่มีข้อจำกัดเช่นนี้ได้ คุณต้องเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาของตัวเองที่สุดค่ะ

“แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมเองทุกกราฟต์” สิ่งนี้เป็นหัวใจหลักของการปลูกผมเลยนะคะ ในปัจจุบันการปลูกผมมี 2 แบบ คือ แพทย์ปลูกผมเองทุกกราฟต์ หรือ ทีมสหวิชาชีพเป็นผู้ปลูกผมภายใต้การควบคุมของแพทย์ ซึ่งจะมีรายละเอียดการทำหัตถการที่แตกต่างกัน

จุดเด่นของการที่แพทย์เป็นผู้ปลูกผมเอง คือ ฝีมือและความชำนาญเฉพาะตัวของแพทย์ เนื่องจากปัญหา และข้อจำกัดของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน องค์ประกอบสำคัญที่จะมอบความมั่นใจให้ผู้เข้ารับบริการได้ดีที่สุด คือ การคำนวณและการวางแผนใช้กราฟต์ผมในขณะปลูกอย่างคุ้มค่าทุกกราฟต์ ความละเอียดและพิถีพิถันในการเลือกปลูกผมแต่ละเส้นอย่างเหมาะสมทั้งขนาดของเส้นผม ความหนาแน่นและองศาทิศทางของผม รวมไปถึงความแม่นยำและไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างชาญฉลาดของแพทย์ สิ่งเหล่านี้จะช่วยคลายความกังวลและมอบความรู้สึก “ดีเป็นพิเศษ” ให้กับการปลูกผมของคุณค่ะ

“เทคนิคที่ตอบโจทย์ตัวคุณที่สุด” ในปัจจุบันมีเทคนิคหลากหลายในการปลูกผม อาทิเช่น FUT / FUE / DHI ซึ่งแต่ละเทคนิคก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งสำหรับที่นามนิน คลินิก เมื่อมีแพทย์เป็นหัวใจหลักแล้ว “เทคนิคการปลูกผม” ก็เปรียบเป็น “สมอง” ที่ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมกับหัวใจค่ะ คุณหมอนินจึงคิดค้น “NEAT เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงามและความสะดวกสบายของผู้เข้ารับบริการ

ความพิเศษของเทคนิค NEAT คือ ไม่ต้องโกนผมด้านหลัง เพราะใช้เทคนิคการเจาะนำผมออกแต่ละเส้นแบบขั้นบันได ไม่เว้าแหว่ง หลังการเจาะนำผมออกจึงไว้ผมทรงเดิมได้ ไม่ต้องตัดสั้น ไม่ต้องปกปิดรอยแผลใดๆ ส่วนในขั้นตอนการปลูกผม จะคัดเลือกกราฟต์ผมมาปลูกตามความเหมาะสมทีละกราฟต์อย่างแม่นยำ จัดวางองศาให้อิงตามทิศทางธรรมชาติ ปลูกตาม Hairline ที่กำหนดไว้และปลูกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความแนบเนียน กลมกลืน และเทคนิคนี้ยังสามารถปลูกผมแทรกในบริเวณอื่นๆที่มีปัญหาได้ด้วย ที่สำคัญที่สุด ทุกขั้นตอนที่กล่าวมานั้น “แพทย์” เป็นผู้ลงมือทำด้วยตัวเองค่ะ

ลบภาพความทรงจำเดิมๆ ที่น่ากลัวของการปลูกผมไปได้เลยค่ะ เพราะเทคนิค NEAT นั้นจะมอบความสะดวกสบายให้คุณอย่างเกินความคาดหมาย ด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 mm. ทำให้ปลูกผมได้หนาแน่น ละเอียด ในขณะปลูกผมก็เจ็บน้อย ไม่กระทบกระเทือนหนังศีรษะส่วนอื่น รอยแผลมีขนาดเล็กมาก หลังปลูกผมไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

“การดูแลหลังการปลูกผม” เพราะการปลูกผมไม่ได้จบแค่วันเดียวนะคะ หลังการปลูกผมคุณจะต้องพบเจอภาวะที่หลากหลายที่อาจทำให้สับสนและกังวลใจ การดูแลต่อเนื่องและติดตามผลอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งนามนิน คลินิก เข้าใจถึงความกังวลของผู้เข้ารับบริการ หลังการปลูกผมจึงมอบการดูแลด้วย “ชุดดูแลหลังปลูกผม” ให้ทันที ภายในชุดจะประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรแล้วว่าปลอดภัย อ่อนโยน บำรุงทั้งเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก ให้ผู้เข้ารับบริการได้นำไปดูแลตนเองต่อที่บ้านได้อย่างมั่นใจค่ะ

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมบำรุงเส้นผม ทั้ง LLLT และ Hair Growth Treatment เพื่อเสริมผลลัพธ์หลังการปลูกผมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มั่นใจได้เลยค่ะว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม คุณจะได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง มั่นใจ อุ่นใจ ไร้กังวลแน่นอน

ถ้าอ่านมาจนถึงตอนนี้แล้วยังรู้สึก “ไม่เคลียร์ ไม่มั่นใจ ไม่รู้จะเลือกยังไงดี” การก้าวออกไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดค่ะ ถ้าคุณติดกระดุมเม็ดแรกได้อย่างถูกต้อง กระดุมเม็ดต่อๆไปก็มั่นใจได้ 100% เมื่อทุกขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์ คุณจะได้เห็นตัวเองในชุดที่คุณเลือกเองและมั่นใจในรูปแบบที่เป็นตัวเอง Perfect แน่นอนค่ะ

แกะสูตรคำนวณกราฟต์ สำหรับมือใหม่อยากปลูกผม
ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่เริ่มสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คุณจะต้องได้ยินได้เห็นคำว่า “กราฟต์ผม” อยู่บ่อย ๆ อย่างแน่นอน 

วันนี้ เราจึงรวบรวมเรื่องน่ารู้ของกราฟต์ผม ที่แพทย์อยากบอกกับคนไข้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมินกราฟต์ผมที่เหมาะสมในการปลูกใหม่ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อผลลัพธ์ความสำเร็จในการปลูกผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับกระเป๋าสตางค์ของคุณโดยตรงอีกด้วย เพราะการตัดสินใจปลูกผมครั้งนี้จะคุ้มค่าสมราคาแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการคำนวณกราฟต์ผมบนพื้นฐานปัจจัยต่าง ๆ ด้วยนั่นเอง 

...มาเจาะลึกเบื้องหลังการทำงานของแพทย์กับกราฟต์ผมแบบครบทุกมิติไปพร้อม ๆ กันเลย...



กราฟต์ผมคืออะไร
ทราบหรือไม่ว่า ในการย้ายผมแข็งแรงจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงหรือผมบาง แพทย์ไม่ได้ย้ายเส้นผมออกมาทีละเส้นเดี่ยว ๆ แต่นำออกมาทีละ “กราฟต์ผม” 

“กราฟต์ผม” หรือ Hair Graft นี้ อาจจะเรียกว่ากอผมก็ได้ เพราะเป็นกลุ่มของเส้นผมที่อยู่รวมกันเป็นกระจุกหรือเป็นกอ แต่ละคนอาจมีจำนวนเส้นผมใน 1 กราฟต์ ได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น โดยทั่วไป กราฟต์ เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้เรียกเนื้อเยื่อที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งนำออกมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพื่อนำไปใช้ซ่อมแซมบริเวณอื่น ๆ หรือถ้าใครเคยได้ยินชื่อเทคนิคอย่าง FUT และ FUE ตัว F นั้นก็ย่อมาจากคำว่า Follicular Unit ซึ่งเป็นศัพท์อีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกกราฟต์ผมแบบเป็นทางการได้เช่นกัน

ว่าแต่ทำไมต้องนำกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลังศีรษะด้วยล่ะ นั่นก็เพราะเซลล์รากผมในบริเวณนั้นมีความต้านทานฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นตัวการทำให้เส้นผมของเราชะลอการเจริญเติบโตและหยุดการสร้างใหม่ จนส่งผลให้เกิดอาการผมร่วง ผมบาง และผมล้านได้ในที่สุด แพทย์จึงเลือกนำ “ผมต้นทุน” ในบริเวณนั้นมาปลูกใหม่ เพราะไม่ว่าจะย้ายไปปลูกที่ไหน คุณสมบัติความแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย ก็จะอยู่กับเส้นผมเหล่านั้นแบบถาวรตลอดชีวิตของเจ้าของเส้นผมเลยทีเดียว

ทำไมต้องประเมินกราฟต์ผม
หลายคนอาจดีใจเมื่อได้ยินว่า คนเรามีผมต้นทุนคุณสมบัติมหัศจรรย์ที่สามารถต้านทานการหลุดร่วงแบบถาวรได้ เหมือนมีอะไหล่สำรองเก็บไว้ด้านหลังศีรษะ แต่คำถามสำคัญก็คือ ปัญหาผมร่วงผมบางของเรา ต้องการผมต้นทุนมาช่วยมากน้อยแค่ไหน แล้วผมต้นทุนที่เรามี จะเพียงพอแก้ปัญหาให้เราได้อย่างสมบูรณ์แบบมั้ย

นั่นจึงเป็นที่มาของการประเมินกราฟต์ผม โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ ในการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ของคนไข้แบบเฉพาะบุคคลหรือ Tailor-made เนื่องจากคนไข้มาด้วยปัญหาและเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกันเลยสักคน เพื่อคำนวณกราฟต์ผมที่ต้องใช้ให้ตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้มากที่สุด

รู้จักปัจจัยในการประเมินกราฟต์ผม




ผมต้นทุนด้านหลัง 
แต่ละคนมีผมต้นทุนบริเวณ Doner Area หรือช่วงท้ายทอยด้านหลังศีรษะไม่เท่ากัน ใครที่มีผมหนาแน่นปริมาณมาก ก็พอจะวางใจได้ว่าสามารถย้ายไปปลูกพื้นที่อื่น ๆ ได้เยอะ แต่บางคนที่มีผมต้นทุนอยู่น้อย แพทย์ก็จะต้องช่วยวางแผนการใช้กราฟต์ผมต้นทุนที่เหมาะสม เพราะอย่าลืมว่า หลังย้ายกราฟต์ผมออกแล้ว เราจะต้องเหลือผมด้านหลังไว้ ไม่ให้ดูบางจนเกินไปด้วย

นอกจากปริมาณผมต้นทุนแล้ว คุณภาพก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน แพทย์ต้องวิเคราะห์ด้วยว่า ผมต้นทุนมีความแข็งแรงแค่ไหน มีขนาดหนาหรือบางอย่างไร และใน 1 กราฟต์ผม มีเส้นผมอยู่กี่เส้น ซึ่งบางคนอาจมีผมหนา และมีถึง 4 เส้น ขณะที่บางคนอาจมีผมเส้นบาง และมีเพียง 1-2 เส้นเท่านั้น นั่นหมายความเราจะต้องใช้กราฟต์ผมในการปลูกใหม่จำนวนมากขึ้นนั่นเอง



พื้นที่ที่มีปัญหาผมร่วงผมบาง
สำรวจความพร้อมของผมต้นทุนกันแล้ว ก็มาวิเคราะห์ความรุนแรงของปัญหาผมในบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่ หรือ Recipient Area กันบ้าง บางคนเพิ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะผมบางเพียงเล็กน้อยหรือเป็นหย่อมเล็ก ๆ  ขณะที่บางคนอาจเริ่มมีภาวะผมล้าน หรือกินพื้นที่กว้างจนเห็นได้ชัดแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องประเมินบริเวณที่จะปลูกใหม่ด้วย ว่าเป็นการปลูกบริเวณหน้าผากเพื่อเติมกรอบหน้า หรือเป็นการปลูกตรงกลางศีรษะซึ่งก็มีอาการผมบางอยู่หลายระดับ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการจำนวนกราฟต์ผมและความหนาแน่นในการปลูกใหม่ไม่เท่ากัน

ความหนาแน่นของเส้นผม
เคยสงสัยมั้ยว่า ในพื้นที่ 1 ตาราเซนติเมตร มีกราฟต์ผมอยู่ปริมาณเท่าไหร่ คำตอบก็จะแตกต่างกันไปตามความหนาแน่นของเส้นผมตามธรรมชาติของแต่ละคน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีกราฟต์ผมประมาณ 80 -100 กราฟต์ / ตารางเซนติเมตร 

ซึ่งโดยทั่วไป การปลูกผมใหม่สามารถปลูกเพียงร้อยละ 60-80 ของปริมาณกราฟต์ทั่วไป ก็ถือว่าเพียงพอ แต่ก็ต้องขึ้นกับลักษณะของปัญหาผมด้วย เช่น หากคนไข้มีภาวะศีรษะล้านจนไม่มีผมเหลืออยู่เลย ก็อาจต้องปักกราฟต์ผมแบบเต็มจำนวนเมื่อเทียบกับปริมาณปกติ แต่หากคนไข้เพียงต้องการเติมผมที่ดูบางให้กลับมาหนาแน่น อาจจะปักกราฟต์ผมเพียงร้อยละ 50 หรือน้อยกว่านั้นเมื่อเทียบกับปริมาณปกติก็ได้

ทั้งนี้ แพทย์จะช่วยประเมินแผนการรักษาระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรามีผมต้นทุนค่อนข้างจำกัด อาจจะปลูกผมได้ไม่หนาแน่นเต็มที่ หรือหากมองถึงอนาคตว่าอาจต้องมีการปลูกผมซ้ำหรือเพิ่มเติมจากปัญหาผมร่วงในบริเวณใหม่ ๆ ก็จำเป็นต้องเก็บสำรองผมต้นทุนไว้เผื่อเช่นกัน


เทคนิคที่ใช้ปลูกผม
ด้วยข้อจำกัดที่แตกต่างกันของเทคนิคการปลูกผมแต่ละแบบ จึงเอื้อให้แพทย์สามารถปลูกผมใหม่ได้ในปริมาณความหนาแน่นที่ต่างกันตามไปด้วย หากเป็นเทคนิค FUE แบบเดิม จะสามารถปลูกได้ประมาณ 30-40 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร เพราะเป็นการใช้เข็มเจาะและใช้คีมคีบกราฟต์ผมลงมาปลูก ทำให้หนังศีรษะเกิดอาการตึงชั่วขณะ ซึ่งหากปลูกผมหนาแน่นเกินไป กราฟต์ผมโดยรอบที่ปลูกไว้แล้วจะถูกดันหลุดออกมาได้ง่าย 

แต่สำหรับเทคนิค NEAT ของนามนิน เป็นการพัฒนาจากเทคนิค FUE แบบ DHI ใช้ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมขนาดเล็กพิเศษ 0.60 มม.นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถเจาะและปักกราฟต์ผมลงไปในหนังศีรษะได้พร้อมกันในครั้งเดียว ทำให้หนังศีรษะไม่ตึงมาก แพทย์จึงปลูกผมแทรกเพื่อเติมความหนาแน่นได้มากถึง 55-60 กราฟต์ผม / ตารางเซนติเมตร

สูตรคำนวณกราฟต์ผม 
ปลูกแบบไหนให้คุ้มค่า
จุดที่คนไข้หลายคนกังวล ก็คงหนีไม่พ้นค่าใช้จ่ายในการปลูกผม ว่าจะต้องลงทุนเท่าไหร่ แล้วจะคุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมใหม่ที่ได้มาหรือไม่ และนี่คือสูตรคำนวณค่าใช้จ่ายที่คุณหมอใช้กันจริง ๆ

ค่าใช้จ่าย = ราคาต่อกราฟต์ผม (ขึ้นอยู่กับเทคนิค) x จำนวนกราฟต์ผมที่ต้องใช้

แม้ว่าสูตรคำนวณจะดูง่าย แต่เมื่อต้องประเมินร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เล่าให้ฟังไปแล้ว ก็นับว่าเป็นโจทย์ที่มีความซับซ้อนมากทีเดียว เพราะเมื่อคนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผมหรือข้อจำกัดของผมต้นทุนต่างกันแบบไม่ซ้ำ แพทย์จึงต้องเจอโจทย์ท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น การที่คนไข้เข้ามาพบและปรึกษาแพทย์ด้วยตัวเอง จะช่วยให้แพทย์ประเมินและวิเคราะห์ได้แม่นยำขึ้น และสามารถออกแบบแนวทางการปลูกผมที่ตอบโจทย์การรักษา รวมถึงตรงใจอย่างที่คนไข้ต้องการไปพร้อม ๆ กัน

เติมกราฟต์ผมใหม่ 
ทำไมต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน วิเคราะห์ และคำนวณการจัดสรรกราฟต์ผมในการนำมาปลูกใหม่ได้อย่างเหมาะสมแล้ว ในระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ แพทย์จะต้องควบคุมดูแล รวมถึงลงมือทำหัตถการเอง เพื่อให้กราฟต์ผมต้นทุนถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเอง


เริ่มจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งแพทย์ของนามนินคิดค้นเทคนิคแบบขั้นบันได ที่ช่วยซ่อนแผลขนาดเล็กได้อย่างแนบเนียน จากนั้นจึงเป็นการคงคุณภาพของกราฟต์ผมระหว่างรอการปลูกใหม่ โดยต้องรักษาสภาพของกราฟต์ผมไว้ในน้ำยาสำหรับแช่กราฟต์โดยเฉพาะ คงความชุ่มชื้นและอุณหภูมิให้พอเหมาะ เพื่อให้เซลล์มีอัตราการเผาผลาญต่ำ จนสามารถช่วยยืดอายุของเซลล์แม้จะอยู่ภายนอกร่างกาย อีกทั้งยังต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อให้กราฟต์ผมได้รับการนำไปปลูกใหม่โดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์จะคัดเลือกและตัดแต่งกราฟต์ผม โดยแบ่งจำนวนเส้นผมในกราฟต์ พร้อมเลือกขนาดและความหนาบางให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูก เช่นบริเวณไรผมที่หน้าผากจะต้องการกราฟต์ผมเดี่ยวที่มีผมเส้นเดียวขนาดเล็กบาง เพื่อความเป็นธรรมชาตินั่นเอง

เมื่อกราฟต์ผมได้รับการตัดแต่งเรียบร้อย แพทย์จะใช้ Implanter ขนาดเล็กปักกราฟต์ผมลงใหม่ ใช้ความละเอียดพิถีพิถัน วางทิศทางและองศาผมให้กลมกลืน ระยะความหนาแน่นที่พอดี และระยะความลึกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น

จบคอร์สทำความรู้จัก “กราฟต์ผม” ฉบับเร่งรัดกับนามนิมแล้ว เท่านี้ คุณก็สามารถพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ด้วยความเข้าใจมากขึ้น รวมถึงตัดสินใจเลือกแนวทางการรักษาที่ใช่และตอบโจทย์ได้ง่ายขึ้น เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม

เปิดรีวิวผมใหม่ดีต่อใจคุณผู้หญิง
เมื่อผู้หญิงลุกขึ้นมาบอกรักตัวเองด้วยการปลูกผม ผลลัพธ์ผมใหม่จะออกมาดีต่อใจแค่ไหน  ลองไปฟังเสียงยืนยันของเหล่าผู้หญิงสวยและเก่งแห่งยุคจากหลากหลายวงการ ซึ่งแม้ว่าจะมีที่มาของปัญหาเส้นผมที่แตกต่างกัน แต่ทุกปัญหาจบได้ด้วยเทคนิค NEAT จากคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินนี่เอง




Hairline ใหม่ ปรับหน้าสวยหวานสมมง

คุณหมิว-พริธนิญา เจ้าของตำแหน่งมิสแกรนด์นครปฐม 2022 ก่อนจะก้าวขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในการคว้ามงกุฎความงามมาครองได้นั้น คุณหมิวก็เหมือนผู้หญิงทั่วไป ที่เคยท้อใจกับปัญหาหน้าผากกว้าง เนื่องจากการมัดรวบผมแน่นเกินไปมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังโดนเพื่อน ๆ ทักจนสูญเสียความมั่นใจ ทำให้ต้องไว้ผมหน้าม้ามาเกือบตลอดชีวิต จะแต่งหน้าทำผมก็ยากเพราะต้องคอยปกปิดความร่นลึกของแนวผม

หลังปลูกผมเพื่อเติมเต็ม Hairline หรือกรอบหน้าที่คุณหมอนินวาดให้ใหม่ ก็ช่วยให้ใบหน้าสวยหวานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มความมั่นใจและสร้างโอกาสครั้งใหญ่ให้คุณหมิวเฉิดฉายบนเวทีประกวด รวมถึงงานถ่ายแบบและงานแสดงอื่น ๆ ที่ตามมาอีกด้วย


สุดประทับใจ ผมใหม่ไม่ร่วงสักเส้น

ทางด้านของคุณลาล่า อาร์สยาม ด้วยความที่เป็นศิลปินและนักแสดงงานแน่นคิวชุก ทำให้ต้องแต่งผมด้วยความร้อนและสารเคมีอยู่ทุก ๆ วัน บวกกับการพักผ่อนน้อย จนกลายเป็นผลข้างเคียงที่กลับทำร้ายผมให้อ่อนแอลง ส่งผลให้ผมร่วงหนักขึ้นจนดูบางลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก 

และการปลูกผมใหม่ก็ตอบโจทย์ความสวยของคุณลาล่าได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากจะไม่รู้สึกเจ็บเลยขณะปลูกผม เส้นผมใหม่ที่คุณหมอปลูกให้ ยังมีความแข็งแรง คงทน ไม่ร่วงหลุดเลยสักเส้นเดียว!!  ทำให้คุณลาล่าสามารถรับงานต่าง ๆ และเซ็ตผมให้สวยปังได้เต็มที่ยิ่งกว่าเดิม


7 ปี ตามหาคลินิกที่ใช่ จนมาเจอ “นามนิน”

ใช้เวลาศึกษาข้อมูลและตามหาคลินิกปลูกผมที่ตรงใจนานเท่าไหร่... คุณแคลร์-อรพรรณ เจ้าของบทบาทเภสัชกรคนเก่ง ใช้เวลาเลือกคลินิกปลูกผมที่ใช่นานถึง 7 ปี หลังจากต้องทนกับปัญหาแนวผมด้านข้างร่นลึกมาตั้งแต่เด็ก ทำให้รูปหน้าดูคล้ายผู้ชาย ไม่สามารถรวบผมเปิดหน้าได้อย่างมั่นใจ

แต่เมื่อได้ลองปรึกษากับคุณหมอนิน ก็เจอคำตอบที่ตรงใจ เพราะคุณหมอนินช่วยให้ข้อมูลอย่างละเอียด คอยตอบทุกคำถาม แนะนำข้อควรระวัง และยังชวนศึกษาเคสเก่า ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการปลูกผม จึงช่วยลดความกังวลของคุณแคลร์ได้เป็นอย่างดี วันนี้ คุณแคลร์จึงได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ด้วยใบหน้าสวยหวานยิ่งขึ้น คืนความมั่นใจแบบเต็ม ๆ



ปลูกผมพร้อมปลูกคิ้ว งานคราฟต์ระดับเส้นต่อเส้น

ทราบหรือไม่ว่า เส้นผมที่มีคุณสมบัติแข็งแรงจากด้านหลังท้ายทอยของเรา สามารถนำมาช่วยปลูกคิ้วได้ด้วย คุณนันทพร เจ้าของธุรกิจคนสวย พิสูจน์แล้วถึงความสำเร็จในการปลูกผมพร้อมกับปลูกคิ้ว เนื่องจากมีปัญหาหน้าผากกว้างตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังคิ้วบาง คุณหมอนินจึงเติมเต็มแนวผมบริเวณหน้าผาก พร้อมกับปลูกขนคิ้ว ให้ได้สีและขนาดของเส้นผมและเส้นขนที่กลมกลืนกัน แลดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้ความละเอียดอย่างมากในทุกขั้นตอน จนทำให้คุณนันทพรสามารถทำผมได้ทุกสไตล์ ได้ผลลัพธ์หน้าสวยเป๊ะทุกองศาอย่างที่ต้องการ


ทั้ง 4 เสียงยังบอกตรงกันถึงความประทับใจในตัวคุณหมอนิน ที่เป็นผู้ลงมือปลูกผมให้เองทุกเส้น ใส่ใจดูแลทุกรายละเอียด อีกทั้งเทคนิค NEAT ยังได้รับการออกแบบมาอย่างดี เพื่อช่วยให้คนไข้ไม่ต้องพักฟื้นหลังปลูกผม ไม่เกิดอาการบวมช้ำ สามารถลุกขึ้นทำงานได้ตามปกติ พร้อมบริการดูแลหลังปลูกผมจากนามนิน ที่ดูแลกันไปยาว ๆ ตลอด 1 ปีเต็ม เพื่อให้เส้นผมเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม


เปิดเทรนด์ปลูกผมรับปี 2023
ก้าวสู่ขวบปีใหม่แล้ว ถ้าเราลองส่องเทรนด์เป้าหมาย New Year’s Resolution ที่หลาย ๆ คนอยากทำให้สำเร็จในปีนี้ จะพบว่าผู้คนมากมายยกให้เรื่องการดูแลสุขภาพเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ...คุณเองก็เป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่กำลังก้าวตามเทรนด์ด้วยการหันมาใส่ใจสุขภาพและให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพมากขึ้น...

และเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสุขภาพและความงามเหล่านั้น หลาย ๆ คนจึงเริ่มตั้งใจดูแลส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ รูปร่าง ใบหน้า รวมไปถึงการเสริมแต่งบุคลิกด้วยเสื้อผ้า การแต่งหน้า หรือการเปลี่ยนทรงผม ...ใช่แล้ว... อีกองค์ประกอบหนึ่งที่จะช่วยเปลี่ยนคุณไปสู่การเป็นคนใหม่รับปีใหม่ได้ไม่ยากเลย ก็คือ “เส้นผม” นั่นเอง เพราะเส้นผมเป็นเหมือนเครื่องประดับชิ้นงามของร่างกาย ที่จะสะท้อนบุคลิกภาพของเจ้าของเส้นผมได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญ การดูแลสุขภาพผม ด้วยการปลูกผมใหม่ กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมไม่เพียงเฉพาะในกลุ่มผู้ชายหรือผู้สูงวัยเหมือนในอดีต แต่ยังขยายไปถึงกลุ่มผู้หญิง กลุ่มวัยทำงาน ไปจนถึงวัยรุ่นด้วย เพราะการปลูกผมไม่ใช่แค่แนวทางการรักษาเพื่อแก้ปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงเท่านั้น แต่การเติมเต็มเส้นผมให้ดูหนาแน่นด้วยศาสตร์การแพทย์ที่ทันสมัย โดยอาศัยมุมมองเชิงศิลปะเพื่อความงามเข้ามาร่วมด้วย ยังช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้ดูดี น่ามอง และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น และนั่นมาพร้อมกับความมั่นใจในตัวเอง ที่ส่งให้เจ้าของเส้นผมกลับมาบอกรักตนเองหน้ากระจกได้อีกครั้ง ทั้งยังกล้าก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่


ผู้ชาย กับเทรนด์ปลูกผมเพื่อเติมความหนาแน่น

สำหรับเทรนด์การปลูกผมของคุณผู้ชายในปี 2023 จะเน้นไปที่การดูแลปัญหาเส้นผมด้านหน้าที่เว้าลึกเข้าไปบริเวณหน้าผากทั้ง 2 ข้างเป็นรูปตัว M หรือลึกกว่ารูปตัว M ในบางกรณี เนื่องจากเส้นผมที่ร่นลึกเข้าไป มักจะสังเกตเห็นได้ง่ายตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้ดูแก่กว่าวัย และสร้างความกังวลใจให้กับคุณผู้ชายส่วนมาก หากสามารถเติมผมด้านหน้าให้กลับมาเต็มแน่นได้ใหม่ นอกจากจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงแล้ว ยังช่วยปรับบุคลิกภาพโดยรวมให้ดูสมาร์ทขึ้นด้วย


ส่วนปัญหาเส้นผมบางบริเวณขวัญกลางศีรษะ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผู้ชายหลาย ๆ วัยให้ความสำคัญและเลือกปลูกผมใหม่เพื่อแก้ไขและเติมความหนาแน่นให้กับเส้นผม โดยที่ไม่ต้องรอให้ถึงวัยสูงอายุ เพราะอาจจะสายเกินไปที่จะแก้ปัญหาผมบางได้อย่างสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน คุณผู้ชายยังสามารถปลูกผมพร้อมกันหลายจุดในคราวเดียวได้ อย่างเช่นการปลูกผมบริเวณหน้าผากและบริเวณขวัญกลางศีรษะพร้อม ๆ กัน เพื่อเพิ่มความมั่นใจแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะหันหน้าหรือหันหลัง ก็วางใจได้ทุกมุม

และถ้าใครยังกังวลใจไม่รู้จบเพราะกลัวปัญหาผมบางและผมร่วงจากกรรมพันธุ์จะกลับมาอีกแม้หลังจากปลูกผมใหม่ไปแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินก็มีแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพผมในระยะยาว โดยส่วนใหญ่แล้วปัญหาผมบางและผมร่วงจากรรมพันธุ์มักจะส่งต่อกันในครอบครัวผ่านทางผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หากปล่อยไว้จนอาการถึงขั้นรุนแรง หรือรอให้อายุมากก่อน ผมด้านหลังบริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นผมแข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วง ที่แพทย์จะต้องย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา อาจจะเหลือจำนวนไม่เพียงพอก็เป็นได้ แต่หากสังเกตอาการผิดปกติได้ไว และเข้ามาปรึกษาแพทย์พร้อมเริ่มรักษาตั้งแต่ในระยะต้น ๆ แพทย์จะช่วยวางแผนการรักษาเพื่อรับมือกับอาการผมร่วงและผมบางได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


ผู้หญิง กับเทรนด์ปลูกผมเพื่อปรับกรอบหน้า

ทางฝั่งของคุณผู้หญิง เทรนด์การปลูกผมปี 2023 ยังคงเป็นการปลูกผมปรับเส้น Hairline หรือกรอบหน้า สำหรับคุณผู้หญิงที่เริ่มมีอาการผมร่นลึกเข้าไปบริเวณหน้าผาก หรือประสบปัญหาหน้าผากกว้างมาแต่เดิม โดยแพทย์จะนำความต้องการของคนไข้มาช่วยออกแบบและวาดกรอบหน้าให้ใหม่ตามหลักความงามแบบ Golden Ration จนได้รูปหน้าที่สมส่วน เพิ่มความหวานละมุน แลดูอ่อนกว่าวัย มอบผลลัพธ์ความสวยที่จะช่วยคืนความมั่นใจ และปรับลุคสร้างบุคลิกภาพใหม่ให้กับเจ้าของเส้นผมได้อย่างลงตัว

ส่วนคุณผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ยังกลัวการปลูกผม เพราะฝังใจกับคำบอกเล่าถึงอาการเจ็บ บวมช้ำ ต้องพักฟื้นนาน ๆ ต้องคอยสวมผ้าคาดผมเพื่อปกปิดรอยปลูกใหม่ รวมไปถึงสภาพของแผลที่น่ากลัว นามนินขอให้คุณลบภาพจำเหล่านั้นไปเลย เพราะด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ความรู้และทักษะของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่คิดค้นขึ้นด้วยความเข้าใจในการใช้ชีวิตประจำวันของคนไข้ ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน จะช่วยเปิดประสบการณ์การปลูกผมสุดพิเศษ ให้คุณได้สัมผัสความสะดวกสบายตลอดทุกขั้นตอนในการปลูกผม ไม่มีการผ่าตัด แผลขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ไม่เจ็บ ไม่บวม ทั้งยังสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่าง ๆ หลังปลูกได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้น เรียกได้ว่าเปลี่ยนให้วันปลูกผมเป็นวันง่าย ๆ สบาย ๆ เหมือนเดินเข้าร้านเสริมสวยเลยก็ว่าได้


เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร วัยไหน ก็สามารถก้าวเข้ามาปรึกษาปัญหาเส้นผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพทย์ของนามนินจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองแบบเส้นต่อเส้น เพราะบทบาทนี้ต้องอาศัยความชำนาญ ประสบการณ์ และความละเอียดอ่อนในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้เรียงตัวในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับผมเดิม คัดเลือกกราฟต์ผมที่มีขนาดและความหนาบางของเส้นผมใกล้เคียงกับผมเดิมในบริเวณนั้น พร้อมกับประเมินระยะความลึกในการปักให้พอดี รวมถึงจัดวางระยะห่างของผมแต่ละเส้นให้ลงตัวเพื่อไม่ให้หนาแน่นเกินไปหรือบางเกินไป 

ความใส่ใจของแพทย์จะยังอยู่ที่คนไข้ต่อเนื่องไปถึงช่วงการดูแลหลังปลูกผม โดยแพทย์จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง เพื่อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ พร้อมดูแลบำรุงเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพที่คัดสรรมาอย่างตั้งใจ ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาและคอยตอบทุกคำถามของคนไข้เพื่อคลายความกังวลใจ จนกว่าคนไข้จะเห็นผลลัพธ์เส้นผมใหม่ ที่แข็งแรง สุขภาพดี สวยเนียนในทิศทางและองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม มีความหนาแน่นกำลังดีดูเป็นธรรมชาติ จนแทบไม่มีใครสังเกตชัดว่าผ่านการปลูกผมมา ที่สำคัญ เส้นผมไม่หลุดร่วงหรือบอกลาหนังศีรษะง่าย ๆ อีกต่อไป 


ปีใหม่ คุณคนใหม่ เลือกมอบของขวัญล้ำค่าให้ตัวคุณเองได้ตั้งแต่วันนี้ เพราะการปลูกผมคือเทรนด์มาแรงแห่งปีที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า คือคำตอบสำหรับคนรักเส้นผมอย่างแท้จริง 

NEAT เติมเต็ม “เส้นผมใหม่” ส่งต่อความประทับใจ
ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมบางและศีรษะล้านได้มากกว่าผู้หญิง มีสาเหตุจากฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ซึ่งการตัดสินใจแก้ปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกันย่อมได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับพวกเขาเหล่านี้ตัดสินใจเลือกเทคนิค NEAT ของ “นามนิน” ในการแก้ปัญหา เพราะอะไร? พวกเขายินดีจะมาเปิดเผยความรู้สึกและความประทับใจให้ได้ทราบกันค่ะ


นายแพทย์ธีรพจน์ ฟักน้อย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ก่อนปลูกผม มีปัญหาผมเริ่มบาง จนคุณหมอขาดความมั่นใจ แต่ด้วยภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ทำให้ต้องพบเจอผู้คนมากมาย คุณหมอเริ่มรู้สึกเป็นกังวลเวลาต้องออกสู่สังคม แต่หลังจากตัดสินใจเข้ารับบริการปลูกผมเทคนิค NEAT ของนามนิน หลังการปลูกผมเพียง 8 เดือน ได้ผลลัพธ์ดีมาก ผมหนาขึ้น คุณหมอได้ความมั่นใจกลับคืนมา สุขภาพจิตดีขึ้น มีอิสระในการเลือกทรงผม คุณหมอยังบอกอีกว่า “หลังปลูกผม ไม่มีใครรู้ว่าไปทำอะไรมา เขาทักว่า ทำไมหน้าเด็กลง”

เหตุผลที่คุณหมอเลือกเทคนิค NEAT เพราะมั่นใจตรงที่คุณหมอนินลงมือปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเอง ซึ่งจากการหาข้อมูลมาอย่างละเอียด บางคลีนิคเป็นทีมสหวิชาชีพทำหัตถการให้ มีแพทย์เป็นเพียงผู้ดูแลเท่านั้น คุณหมอจึงแนะนำให้ผู้ที่สนใจการปลูกผมควรศึกษารายละเอียด แล้วเลือกสิ่งที่ดีที่สุดกับตัวเราและคุณภาพคุ้มค่ากับราคา เพราะได้พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า NEAT ให้คุณหมอได้กลับคืนมามากกว่าการปลูกผม เพราะได้ความสุขในการใช้ชีวิตกลับคืนมาด้วย



คุณปั๊กกี้ นครินทร์ เอี่ยมอำพร พนักงานบริษัทเอกชน “หมอบอกว่าจะเห็นผลตอนประมาณ 18 เดือน แต่ตอนนี้แค่ 6 เดือน ผมยังขึ้นมาขนาดนี้” เมื่อเข้าสู่วัยเลขสาม คุณปั๊กกี้ เริ่มพบปัญหาผมบริเวณด้านหน้าบางเป็นตัว M ทำให้รู้สึกเป็นกังวลและเครียดมาก ในช่วงแรกทำใจ ยอมรับสภาพ แต่ที่ทำให้ตัดสินใจเลือกปลูกผมที่นามนิน เพราะเห็นเพื่อนปลูกผมแล้วดูดีขึ้น  

เมื่อคุณปั๊กกี้เข้ามาพบกับคุณหมอนินก็ประทับใจมาก เพราะคุณหมออธิบายข้อมูลอย่างละเอียด ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ชัดเจนทุกประเด็น ทำให้คุณปั๊กกี้เปลี่ยนความคิดไปเลยว่า ทันทีที่รู้สึกว่ามีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอจนอายุมาก คุณปั๊กกี้ยังเล่าประสบการณ์ในวันเข้ารับการปลูกผมเทคนิค NEAT ว่าตอนคุณหมอปลูกผมนั้นไม่เจ็บเลย ไม่กังวล ไม่เครียด และประทับใจในความใส่ใจและการดูแลของคุณหมอมาก จึงดูแลตัวเองตามคุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัด เลิกบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ หลังปลูกเพียง  6 เดือน ผลลัพธ์ดีมาก ผมใหม่ขึ้นหนาแน่น Hairline ที่คุณหมออกแบบให้ก็ทำให้หน้าดูมีมิติขึ้น ดูดีจนเพื่อนทัก เป็นปลื้มและ Happy สุดๆ


คุณเต๋อ นักแสดง พิธีกรและดีเจ คอนเฟิร์มอีกเสียงหนึ่งว่า เทคนิค NEAT ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ศีรษะล้านและผมร่วงได้จริง ก่อนปลูกผม คุณเต๋อมีปัญหาผมข้างหน้าเว้าลึก ดูแก่กว่าวัยจนเริ่มไม่มั่นใจ และด้วยการทำงานในวงการบันเทิง ทำให้ต้องจัดแต่งทรงผมหลายสไตล์เพื่อให้เข้ากับแต่ละงาน จึงเริ่มศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและตัดสินใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่นามนิน


หลังปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เสร็จสมบูรณ์ ผลลัพธ์เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ผมด้านหน้าหนาแน่น ทิศทางแนบเนียนดูเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญ หน้าดูเด็กลงได้จริงๆ หลังการปลูกผม คุณหมอยังมอบผลิตภัณฑ์ให้นำกลับไปดูแลตัวเองต่อและยังติดตามผลอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี คุณเต๋อเล่าว่า คุณหมอและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่นามนิน คลินิก ดูแลและใส่ใจดีมาก มีความสุขทุกครั้งที่ได้มา Follow up และพูดคุยกับคุณหมอที่คลินิก แม้การปลูกผมจะเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว แต่ความประทับใจยังคงอยู่ในความรู้สึกของคุณเต๋อตลอดเวลา



คุณสมชาย ชลศรานนท์ ผู้แทนบริษัทยา ผู้ที่ผิดหวังจากการปลูกผมครั้งแรกจากคลินิกอื่น “ปลูกผมครั้งแรก เลือกที่ราคาเป็นหลัก ผมยังห่าง ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง” จึงต้องการปลูกผมครั้งที่ 2 เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดจากการปลูกครั้งแรกที่ตัดสินใจผิดและขาดความรู้ในการปลูกผม เพราะคำนึงถึงเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นหลัก แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ 

การปลูกผมครั้งที่ 2 คุณสมชายตัดสินใจเลือกเทคนิค NEAT ของนามนิน เพราะจากการได้เข้ามาปรึกษากับคุณหมอนิน คุณสมชายได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา จนเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการปลูกผมครั้งที่ 2 และตัดสินใจด้วยตนเอง 100% 

ที่คุณสมชายเลือก NEAT เพราะเครื่องมือมีขนาดเล็ก จึงจะสามารถปลูกผมได้หนาแน่นกว่าเดิม และในวันที่ปลูกผมก็ยังประทับใจมากเพราะคุณหมอลงมือทำเองทุกอย่าง ตัดผมให้และเป็นผู้ปลูกผมทุกเส้นให้ด้วยตัวเอง หลังปลูกผม 6 เดือน ผมหนาแน่นขึ้นมาก จึงมั่นใจว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ถูกต้องที่สุด คุณสมชายจึงแนะนำว่าหากผู้ใดที่ต้องการปลูกผม สิ่งแรกที่ควรทำคือ ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกัน การปลูกผมก็เหมือนการลงทุน ถูกและดีไม่มีจริงในโลก ไม่ควรเลือกที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว การลงทุนที่คุ้มค่าไม่ใช่การลงทุนที่ต้องลงทุนสูง แต่เป็นการลงทุนกับสิ่งที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับตัวเองต่างหาก

ทุกคนที่ตัดสินใจเลือกการปลูกผมเทคนิค NEAT ต่างได้รับความประทับใจและได้ความสุขในชีวิตกลับคืนมา เพราะเทคนิค NEAT คือความลงตัวของศาสตร์และศิลป์ ที่คุณหมอนินได้คิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์กับทุกปัญหาและความต้องการที่หลากหลาย หากผู้ใดที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผมถาวร สิ่งแรกที่ควรทำคือการเปิดใจเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ครบถ้วน เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจที่รับรองว่าจะไม่ผิดพลาดแน่นอน “การปลูกผม เริ่มเร็ว ผลลัพธ์ดี” นามนิน ฝากไว้ให้คิดค่ะ

3 ตัวช่วย บำรุงผมหลังปลูก
นามนิน ไม่เพียงมอบประสบการณ์การปลูกผมแสนพิเศษที่เต็มไปด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามาปรึกษาปัญหากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จนถึงวันที่แพทย์ลงมือทำหัตถการปลูกผมให้ด้วยตนเองแบบเส้นต่อเส้น แต่ยังดูแลต่อเนื่องหลังปลูกผมไปอีกตลอด 1 ปีเต็ม ซึ่งนอกจากแพทย์จะเป็นผู้ติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดแล้ว นามนินยังขอเสนอ บริการดูแลบำรุงเส้นผมหลังปลูก ที่คนรักผมไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

HAIR GROWTH TREATMENT

นวัตกรรมการรักษาจากนามนินที่หลาย ๆ คนพิสูจน์ผลลัพธ์อันน่าประทับใจมาแล้ว เป็นการนำ Growth Factor จากเซลล์ของตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง มาช่วยในการทำงานของเซลล์รากผมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังผสานพลังจากวิตามินเข้มข้นมากคุณประโยชน์ กระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง พร้อมบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิม และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเลือกแล้วว่าเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม ขณะเดียวกันก็ยังตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหาเทคนิคการรักษาเพื่อช่วยลดปัญหาภาวะผมร่วงและผมบางได้อีกด้วย

สำหรับขั้นตอนที่สำคัญของบริการ Hair Growth Treatment จะเริ่มจากการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับของผู้เข้ารับการรักษา ก่อนจะเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือดลงไป แล้วปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเลือดออกเป็นชั้นเซลล์เม็ดเลือดขาว เซลล์เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด จากนั้นจึงสกัด Growth Factor ที่สำคัญต่าง ๆ ออกมาด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัย และฉีดกลับลงบนหนังศีรษะให้กับผู้เข้ารับการรักษาอีกครั้ง

นี่จึงเป็นนวัตกรรมเพื่อเส้นผมที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นการใช้ Growth Factor ตามธรรมชาติของตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง ไม่มีการใช้สารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ทั้งยังไม่ต้องผ่าตัดและไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ จึงไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ โดยผู้เข้ารับการรักษาสามารถดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ เพียงระวังไม่ให้หนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นในสัปดาห์ต่อมาสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผมที่มีความอ่อนโยน สระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และระมัดระวังการออกกำลังกายที่หนักเกินไป 

เพียงเท่านี้ ผู้เข้ารับการรักษาก็สัมผัสผลลัพธ์ในการกระตุ้นเซลล์รากผมให้ทำงานอย่างเต็มที่ รวมถึงการซ่อมแซมและฟื้นคืนวงจรชีวิตเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ ไม่หลุดร่วงง่าย ผมใหม่หลังปลูกจึงแข็งแรง สุขภาพดี สมกับที่รอคอย

NAD+ CELL THERAPY

นี่คือนวัตกรรมใหม่มาแรงที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายและเส้นผมได้ลึกถึงระดับเซลล์ โดย NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide คือโคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีอยู่ในเซลล์ทุก ๆ เซลล์ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอายุขัยของเซลล์ต่าง ๆ กระตุ้นให้เกิดการแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน รวมถึงดูแลควบคุมเซลล์ให้มีความแข็งแรง จึงมีความสามารถในการช่วยฟื้นฟูเซลล์ในระดับ DNA ชะลออาการต่าง ๆ ที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย เช่น การเกิดโรคต่าง ๆ การทำงานของสมองที่ช้าลง อาการความจำเสื่อม หรือแม้กระทั่งอาการอ่อนล้าของร่างกาย 

อย่างไรก็ตาม แม้ร่างกายจะผลิต NAD+ ได้ตามธรรมชาติอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่เมื่ออายุมากขึ้น ระดับ NAD+ ก็อาจลดลงเรื่อย ๆ ตามวัย มีการประเมินว่าเมื่อเรามีอายุ 50 ปี ระดับของ NAD+ จะลดเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของตอนอายุ 20 ปี และเมื่ออายุ 70 ปี ระดับของ NAD+ อาจเหลือเพียง 20% ส่งผลกระทบต่อโปรตีนตัวสำคัญที่ช่วยปกป้อง DNA และควบคุมการเสื่อมถอยของเซลล์ ทั้งยังส่งผลด้านลบต่อการทำงานของสมอง รวมถึงสมรรถภาพร่างกายที่ถดถอยลง

NAD+ Cell Therapy จึงเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับการคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อเติม NAD+ กลับเข้าสู่ร่างกาย นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทและสมอง ลดอาการสมองล้าและช่วยให้ความจำดีขึ้น ลดการอักเสบภายในเซลล์และช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซม DNA ได้ดี ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

สำหรับวิธีการรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ควบคุมดูแลขั้นตอนต่าง ๆ โดยเฉพาะการให้ NAD+ ผ่านทางหลอดเลือดดำ เพื่อส่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ซึ่งจะสามารถตรงเข้าซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการดูดซึมจากทางเดินอาหาร ถือเป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์จากภายในให้กับร่างกายและเส้นผม โดยเฉพาะเส้นผมหลังปลูกที่ต้องการการบำรุงดูแลเป็นพิเศษนั่นเอง


HPE GROWTH FACTOR

Treatment ใหม่ล่าสุด เพื่อการดูแลแบบสุด Exclusive จากนามนิน ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการปลูกผม รวมถึงผู้รักสุขภาพทุกคน ได้ฟื้นฟูบำรุงรักษาร่างกายและเส้นผมอย่างล้ำลึกจากภายใน 

พระเอกของนวัตกรรมนี้ก็คือ HPE หรือ Human Placenta Extract สารสกัดจากรกของมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยสารสำคัญซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเอนไซม์หรือสารเปปไทด์ต่าง ๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ Growth Factor ซึ่งมีในปริมาณสูง ทั้งยังปลอดภัยและเข้ากันได้ดีกับร่างกายของคนเรา ทำให้สามารถดูดซึมได้ง่าย ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง 

ที่สำคัญ HPE มีคุณสมบัติเด่นในการต้านการอักเสบ ช่วยสมานแผล และกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม รวมไปถึงการต่อต้านอนุมูลอิสระ การฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่า Treatment เดียว ครบ จบทั้งการบำรุงร่างกายและเส้นผม เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้รับความสะดวกสบายสูงสุด

บริการดูแลบำรุงเส้นผมหลังปลูกเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของความใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอนของนามนิน ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้เข้ารับการรักษาในทุก ๆ ก้าวตลอดการเดินทางอันยาวนาน บนเส้นทางสู่ผมใหม่ที่แข็งแรงและสุขภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงระยะหลังจากปลูกผม เพื่อเติมเต็มกระบวนการรักษาให้ครบสมบูรณ์ และเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่มั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้นกว่าเดิม

.

NEAT ความพิเศษที่รอให้คุณพิสูจน์
หลาย ๆ คนที่ก้าวเข้ามารับการรักษาปัญหาภาวะผมบางและผมร่วงกับนามนิน อาจจะต้องสะดุดหูกับชื่อเทคนิค NEAT ว่าเป็นเทคนิคแบบไหน มีความโดดเด่นอย่างไร ทำไมจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในวงการปลูกผมปัจจุบัน ชื่อเทคนิคที่คุ้นหูคนทั่วไปมากที่สุด ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ซึ่งดูจะเป็นเทคนิคที่แพร่หลายรวมทั้งได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้น ๆ ทั่วโลก 

FUE หรือ Follicular Hair Extraction คือการปลูกผมถาวรด้วยวิธีย้ายรากผมของคนไข้เอง จากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง มาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัดเหมือนวิธีการในอดีตซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นแนวยาว ที่สำคัญ ผมจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังของคนเรานั้นมีคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT อันเป็นสาเหตุให้ผมหลุดร่วงง่าย และเมื่อย้ายมาปลูกใหม่ ก็จะยังคงจุดเด่นเรื่องความคงทนแข็งแรง สามารถงอกใหม่ได้ตามธรรมชาติของวงจรเส้นผมไปตลอดชีวิตของคนเราเลยทีเดียว

และ NEAT ก็คือเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE ในขั้นสูง ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น เนื่องจากมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นจากเทคนิค FUE โดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผม จนทำให้เกิดเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะช่วยเอื้อให้เกิดความสะดวกสบายสูงสุดของคนไข้ ตั้งแต่ในช่วงก่อนปลูก ระหว่างปลูก และหลังปลูก นำไปสู่ผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรง ซึ่งจะอยู่คู่กับคนไข้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ คนพิสูจน์แล้วว่า เป็นความพิเศษเฉพาะตัวของ NEAT ที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน

โดยทั่วไป เครื่องมือเลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการวัดสัดส่วนใบหน้าเพื่อออกแบบ Hairline หรือแนวผมใหม่ก่อนทำการปลูกผม แต่ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือวาดเส้น Hairline ด้วยตัวเอง อาศัยประสบการณ์ ทักษะ ผสมผสานกับมุมมองเชิงศิลปะ โดยยึดความต้องการของคนไข้เป็นศูนย์กลาง เพื่อแก้ปัญหาผมแบบ Tailor-made เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด บนพื้นฐานของ Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ เพื่อคืนความงดงามอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า และบุคลิกภาพที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของเส้นผม

ที่ผ่านมา หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับการย้ายผมออกจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังด้วยวิธีการโกน แต่แพทย์ของนามนินเข้าใจถึงปัญหาของคนไข้ซึ่งต้องคอยระแวงระวังปกปิดร่องรอยหลังการปลูก จนอาจทำให้คนไข้จัดทรงผมได้เพียงไม่กี่แบบ สำหรับนามนิน แพทย์ได้คิดค้น เทคนิคการนำผมออกแบบขั้นบันได สลับกันเป็นแถบเล็ก ๆ โดยไม่ต้องโกน แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายรากผมออกมาแทน ทำให้คนไข้สามารถจัดทรงผมได้ไม่จำกัดสไตล์ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผยรอยหลังปลูกให้ใครเห็น

แม้ว่านามนินจะใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับการทำหัตถการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป แต่ขนาด Implanter ที่นามนินเลือกนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เจาะย้ายรากผมให้กับคนไข้นั้น เป็น Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ซึ่งเล็กกว่า Implanter ขนาด 0.8 มิลลิเมตรที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จึงทิ้งไว้เพียงรอยปลูกขนาดเล็กซึ่งแทบไม่มีเลือดออก และยังลดปัญหาแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว ๆ หลังปลูกผม ทำให้คนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ และสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

Implanter ขนาดเล็กพิเศษของนามนิน ยังช่วยให้แพทย์สามารถ ปลูกผมตามทิศทางองศาได้แม่นยำ กว่าการปลูกผมแบบ FUE ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับความละเอียด ประณีต และความใส่ใจของแพทย์ที่เข้าใจทิศทางเส้นผมและมีทักษะในการปักกราฟต์ผมขั้นสูงแล้ว คนไข้จึงมั่นใจได้ว่า เส้นผมปลูกใหม่จะเรียงตัวกันในทิศทางองศาที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ที่สำคัญ นามนินทำหัตถการปลูกผมด้วยแพทย์ทุกเส้น ขณะที่การปลูกผมแบบ FUE ทั่วไปอาจใช้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพมาช่วย แต่นามนินให้ความสำคัญกับขั้นตอนการปักกราฟต์ผมซึ่งต้องอาศัยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ตัวจริงเท่านั้น เพื่อให้สามารถปักกราฟต์ผมได้ถูกต้องแม่นยำ ทั้งทิศทาง องศา ความลึก ความหนาแน่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผมปลูกใหม่แลดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง สุขภาพดี ไม่หลุดร่วงง่าย

มาลองพิสูจน์ความพิเศษเหนือระดับของเทคนิค NEAT ได้ เพียงเริ่มก้าวเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ต้องการ
ไขข้อข้องใจ ภาวะผมหงอกหลังการปลูกผม
หลังการปลูกผม คนไข้อาจจะพบเจอภาวะที่หลากหลายและแตกต่างกันไป เช่น ผมร่วง ผมหยิก หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ในบทความนี้ นามนิน คลินิก จะชวนมาทำความเข้าใจกับภาวะ “ผมหงอกหลังการปลูกผม”ว่ามีสาเหตุจากอะไร และจะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพื่อผู้ที่สนใจการปลูกผมถาวรจะได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นและช่วยคลายความกังวล หากผู้ใดพบเจอกับภาวะนี้อยู่ค่ะ

ผมหงอกหลังการปลูกผม เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก สาเหตุแรก เกิดจากกระบวนการปลูกผม เพราะในขั้นตอนการเจาะหนังศีรษะเพื่อนำกราฟท์ผมจากบริเวณท้ายทอยไปใช้นั้นทำให้เกิดแผลขนาดเล็กๆ หลายจุด ทำให้เซลล์ในชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นชั้นที่รากผมฝังตัวอยู่นั้นเกิดความเครียดและหยุดทำงานชั่วคราว ส่งผลให้เซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocyte) ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินนั้นหยุดทำงานไปด้วย ทำให้เกิดผมหงอกได้ สามารถพบได้ทั้งบริเวณผมที่ย้ายมาปลูกและผมบริเวณใกล้เคียงจุดที่เจาะนำกราฟท์ผมออกไป ทั้งนี้ ผมหงอกในลักษณะนี้เป็นอาการข้างเคียงที่อาจพบได้ในคนไข้บางรายและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

สาเหตุที่สอง เกิดได้จากการที่จำเป็นต้องเจาะนำกราฟท์ผมหงอกมาปลูก อาจจะเป็นเพราะคนไข้มีผมดำไม่เพียงพอต่อการปลูกผมหรือด้วยสาเหตุอื่นๆ ผมที่ย้ายมาปลูกก็จะกลายเป็นผมหงอกตามธรรมชาติเดิมของเส้นผม นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หากผู้ใดเริ่มพบปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่อยากให้รอจนสายเกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขโดยเร็วค่ะ 
หากมีผมหงอกหลังการปลูกผมนั้นเกิดขึ้นมาจากสาเหตุแรก อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 เดือน เมื่อเซลล์ต่างๆ ปรับตัวได้และกลับมาทำงานตามปกติ ผมหงอกจะค่อยๆ หายไป หากแพทย์ไม่ได้ตรวจพบว่าเกิดสิ่งผิดปกติใดๆ ก็สามารถย้อมสีผมเพื่อปกปิดผมหงอกได้ค่ะ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีส่วนผสมของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อเส้นผมและหนังศีรษะ 

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงและลักษณะอาการข้างเคียงหลังการปลูกผมของแต่ละคนนั้นจะไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนตายตัว “นามนิน คลีนิก” เข้าใจถึงสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการปลูกผมว่าอาจมีความกังวล ความเครียด และความคาดหวังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล จึงมีการดูแลและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการปลูกผม และพร้อมให้คำปรึกษาหากคนไข้มีความกังวลกับภาวะใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังการปลูกผม การได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคลายความกังวลให้คนไข้และจับมือกันเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่รอคอยได้อย่างอุ่นใจที่สุด

เพราะสำหรับนามนิน คลินิก ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเปิดใจเดินเข้ามาปรึกษาแพทย์ นั่นหมายถึง คุณกับแพทย์เป็นทีมเดียวกันแล้วค่ะ “ทีมนามนิน”

Tip ดูแลเส้นผมรับลมหนาว
แม้ว่าลมหนาวปลายปีจะมาเยือนเมืองไทยแค่เบา ๆ เหมือนกลัวมนุษย์เมืองร้อนอย่างเราจะหนาวกันจนทนไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้น อุณหภูมิที่ลดลง และความชื้นในอากาศที่ลดลง ก็ทำให้สภาพอากาศแห้งขึ้น และส่งผลต่อเส้นผมของเราได้เหมือนกัน

สังเกตมั้ยว่า หน้าหนาวทีไร เส้นผมของเรามักจะดูแห้งเสีย กระด้าง ชี้ฟู จัดทรงยาก ไม่เงางาม ทั้งยังหลุดร่วงง่ายกว่าในฤดูอื่น ๆ นั่นก็เป็นเพราะหนังศีรษะของเราทั้งแห้งและขาดความชุ่มชื้นไปตามสภาพอากาศ หรือหากบางคนมีน้ำมันเคลือบเส้นผมอยู่มากเกินไป ก็จะทำให้ผมลีบแบน และทิ้งตัวติดศีรษะจนแทบหมดความมั่นใจเลยก็เป็นได้

เราจึงขอชวนคุณมาดูแลเส้นผมรับลมหนาว เพื่ออวดผมสวยสุขภาพดีแม้ในช่วงปลายปีที่อากาศเปลี่ยนแปลง ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  • ข้อแรก ง่ายจริง ๆ นะ แค่ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย รวมถึงหนังศีรษะและเส้นผมด้วย

  • เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารอาหารพวกโปรตีนหรือไขมันที่มีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยบำรุงผมของเราได้อีกทาง

  • ถ้าใครรู้ตัวว่ามีผมแตกปลาย หมั่นคอยเล็มออกบ่อย ๆ จะดีกว่า เพื่อไม่ให้ผมแห้งเสีย และชี้ฟูยิ่งกว่าเดิมในหน้าหนาว

  • ส่วนใครที่มักจะสระผมเป็นประจำทุกวัน ฟังทางนี้ การสระผมบ่อย ๆ จะเป็นชะล้างน้ำมันบนหนังศีรษะออกไป ทำให้ผมยิ่งแห้งและขาดความชุ่มชื้นมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนผมมันอยู่แล้ว การสระผมบ่อย ๆ ก็อาจจะกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นอีก ดังนั้น ลองปรับกิจวัตรการสระผม โดยสระเท่าที่จำเป็นก็พอ

  • การสระผมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ก็มีผลเหมือนกันนะ เพราะจะทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะเปิดออก และเสี่ยงต่อการอุดตัน จนอาจทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงเส้นผมได้ไม่เต็มที่ เส้นผมจึงอ่อนแอ หลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าไม่หนาวจนเกินไป สระผมด้วยน้ำอุณหภูมิปกติน่าจะดีต่อสุขภาพผมมากกว่า

  • นอกจากน้ำร้อนแล้ว ลมร้อนจากไดร์เป่าผม รวมถึงความร้อนจากการหนีบผมหรือการจัดแต่งทรงผมอื่น ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ทั้งนี้ เราอาจจะใช้น้ำมันที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากการถูกทำลายด้วยความร้อน ชโลมให้ทั่วก่อน หรือเปลี่ยนมาใช้ไดร์เป่าผมลมอุ่นหรือลมธรรมดาก็ได้เหมือนกัน

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะที่ได้คุณภาพ เหมาะกับสภาพผม สามารถช่วยบำรุงและกักเก็บความชุ่มชื้น หรือเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม ซึ่งนอกจากแชมพูแล้ว ก็ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ โดยชโลมเฉพาะบริเวณปลายผม เพื่อป้องกันผมแตกปลาย และหลีกเลี่ยงบริเวณหนังศีรษะ เพื่อไม่ให้ผมมันมากขึ้น 

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เติมน้ำมันให้ผม เช่น น้ำมันมะกอกสกัดเย็น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้หมักผมกันโดยทั่วไป หรือการทำ Treatment ผม เพื่อปกป้องผมจากอากาศแห้งและเย็น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย

หากใครกำลังมองหา Treatment บำรุงผมแบบครบเครื่อง นามนินขอแนะนำบริการใหม่ Namnin Perfect Hair Treatment ที่เราออกแบบให้เป็น Treatment กึ่งสปา เริ่มจากการนวดบำรุงหนังศรีษะด้วยน้ำมันสกัดจากธรรมชาตินำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อาศัยศาสตร์การนวดช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ตามมาด้วยการทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพด้วยผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer ที่นำเข้าจากโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะบำรุงด้วยเซรั่มทิ้งท้ายอีกขั้น เพื่อให้ผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย เรียกได้ว่าเป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลเส้นผมแบบจบครบทุกมิติใน Treatment เดียว เพื่อให้เส้นผมของคุณพร้อมสู้สภาพอากาศได้ทุกฤดูกาล

เปิดเส้นทางความสำเร็จ สู่ปีที่ 4 ของ “นามนิน คลินิก”
“นามนิน คลินิก” ยังคงเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการปลูกผมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ด้วยเทคนิคสุดประณีตที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว ซึ่งประยุกต์ทั้งศาสตร์การแพทย์และศิลปะความงามเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งยังมอบบริการที่ตอบโจทย์ความสำเร็จในการรักษาและความพึงพอใจของคนไข้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่ขวบปีที่ 4 อย่างมั่นคง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาด “บริการปลูกผม” ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และสามารถขยายฐานผู้ใช้บริการไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากเทรนด์การปลูกผมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีช่วงอายุน้อยลงเรื่อย ๆ รวมไปถึงกลุ่มผู้หญิง เนื่องมาจากความสำเร็จในการเปลี่ยนภาพจำเก่า ๆ ของการปลูกผม จากที่เคยเป็นปัญหาของผู้ชาย คนสูงวัย หรือคนที่มีปัญหาเส้นผมรุนแรง กลายมาเป็นศาสตร์ความงามที่ไม่ว่าใครก็เข้าถึงได้ เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น ที่สำคัญ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วยังช่วยลบภาพจำที่ค่อนข้างน่ากลัวของหัตถการการปลูกผม แทนที่ด้วยคำบอกเล่าถึงประสบการณ์สบาย ๆ ที่น่าประทับใจ แทบไม่ต่างจากการเข้าคลินิกเสริมความงามที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมืองในตอนนี้




“นามนิน” ก็คือหนึ่งในชื่อของคลินิกปลูกผมที่กำลังมาแรง และเป็นชื่อที่อยู่ในใจอันดับต้น ๆ ของผู้เข้ารับบริการปลูกผม เนื่องจากความตั้งใจที่ชัดเจนของแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น หรือคุณหมอนิน ซึ่งเป็นผู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าในการลงมือปลูกผมด้วยตัวเอง และอยู่เบื้องหลังในการวางรากฐานและบทบาทของแบรนด์ “นามนิน” ในฐานะผู้ให้บริการปลูกผมด้วย “ความใส่ใจ” พร้อมเติมความละเอียดประณีตลงไปในทุก ๆ ขั้นตอน โดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง และออกแบบแนวทางการรักษาแบบ tailor-made เคสต่อเคส เพื่อตอบโจทย์ปัญหาและความต้องการของคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ 


ที่สำคัญ คุณหมอนินยังอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่สั่งสมจากทั้งในและต่างประเทศ มาพัฒนาเทคนิคการปลูกผมที่ทันสมัยและได้ประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้คนไข้ได้มากกว่าเดิม ภายใต้ชื่อเทคนิค NEAT หรือ Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งหมายถึง “เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน” ความพิเศษของเทคนิค NEAT ไม่ใช่แค่ชื่อช่วยจำ แต่มีความหมายที่แฝงอยู่ในทุกตัวอักษร 


“ N แทนความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน
E แทนแนวทางการรักษาที่ออกแบบสุด Exclusive เฉพาะบุคคล 
A แทนเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงระดับ Advance ที่วางใจได้ในผลลัพธ์การรักษา 
T แทน Technology เครื่องมือทันสมัย ประสานกับ 
Technique เฉพาะตัวของคุณหมอนินที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง”


นอกจากความสำเร็จของเทคนิค NEAT “นามนิน คลินิก” ยังพัฒนาการให้บริการทุก ๆ มิติ โดยเน้นให้บุคลากรผู้ช่วยแพทย์ต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นในการทำหัตถการปลูกผม ขณะที่บุคลากรประจำคลินิกทุกคนต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันในการดูแลและให้คำแนะนำแก่คนไข้ด้วยความใส่ใจ กระทั่งสามารถเปลี่ยนคลินิกแห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความอุ่นใจ ที่คนไข้สามารถบอกเล่าปัญหาและขอคำปรึกษาได้เสมอ อีกทั้งแพทย์ยังเลือกสรรผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดเส้นผมที่ได้มาตรฐานเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาในระยะยาว


จุดแข็งของ “นามนิน” โดยเฉพาะการที่แพทย์เป็นผู้ลงมือปลูกผมด้วยตนเองทุกเส้นนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างมาตรฐานที่สูงขึ้นให้กับวงการปลูกผมในประเทศไทย ซึ่ง “นามนิน” เองพยายามสื่อสารมาตลอดว่า หัวใจสำคัญของกระบวนการปลูกผม คือขั้นตอนการปักกราฟต์ผมใหม่ลงบนพื้นที่ที่เป็นปัญหา โดยคำนึงถึงทิศทางองศา ความลึก ความหนาแน่นที่เหมาะสม เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม เติมเต็มส่วนที่บางให้กลับหนาแน่นอย่างเป็นธรรมชาติ และมั่นใจได้ว่าเส้นผมใหม่จะเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง ไม่หลุดร่วงไปก่อนเวลาอันควร การปลูกผมจึงเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์อย่างไม่มีใครแทนที่ได้


ไม่เพียงเท่านั้น “นามนิน” ยังยึดมั่นในการทำการสื่อการการตลาดด้วย “กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว หรือ White Ocean Strategy” ซึ่งเน้นการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของจริยธรรม ความเป็นจริง และความรับผิดชอบต่อสังคม “นามนิน” เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการปลูกผม ที่เน้นการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจในศาสตร์การปลูกผม แบ่งปันสู่กลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางต่าง ๆ เสมอมา ดังจะเห็นได้จากการเลือกใช้สื่อหลากหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น การสื่อสารไปยังกลุ่มวัยกลางคนผ่านสื่อวิทยุ การสื่อสารไปยังกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ๆ ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายและกำลังรับมือกับปัญหาเส้นผมแบบเดียวกัน ผ่านสื่อออนไลน์และเหล่า Influencers ที่น่าเชื่อถือ รวมไปถึงการสื่อสารผ่านหนังสั้นเพื่อสะท้อนมุมมองและคำสัญญาจากแบรนด์ เพื่อตอกย้ำถึงคุณค่าของบริการปลูกผมจาก “นามนิน


ก้าวต่อไปในปีที่ 4 ของ “นามนิน” ไม่เพียงเริ่มต้นด้วยการต่อยอด “คอร์สสอนปลูกผม” ที่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของคุณหมอนิน ในฐานะ “อาจารย์แพทย์” สู่ “แพทย์” ท่านอื่น ๆ โดยตรงเท่านั้น แต่ผู้มาใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติยังได้สัมผัสประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้น กับบริการที่ครบวงจรแบบ Hair Medical Center ที่พหลโยธิน 34 รองรับการบริการด้านการดูแลเส้นผมตั้งแต่ก่อนปลูกผม ให้บริการปลูกผม และดูแลฟื้นฟูเส้นผม ด้วยความ “ใส่ใจ” ในทุก ๆ ขั้นตอนตลอดเส้นทางการรักษา เพื่อเปลี่ยนทุกคนที่ก้าวเข้ามาใช้บริการ ให้กลายเป็น “คนใหม่” ที่สามารถปลดล็อกตนเองสู่อิสระและความมั่นใจในการใช้ชีวิต สัมผัสประสบการณ์การดูแลเส้นผม การปลูกผมแบบไม่ต้องลางาน ได้ที่ https://www.facebook.com/namninclinic  หรือ www.namnin.com  สอบถามรายละเอียด Line@Namninclinic หรือโทร.093-093-5639

Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม
Elixir Hair Serum นวัตกรรมใหม่เพื่อเส้นผม 
หัวใจของนามนินคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายขึ้น จุดมุ่งหมายคือ เมื่อก้าวเข้ามาที่นามนิน คลินิก คุณจะได้รับกลับไปมากกว่าการรักษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อตอบโจทย์ด้านอื่นด้วย ทั้งความสวยงาม ความสะดวกสบาย และการดูแลเส้นผมในระยะยาว

Elixir Hair Serum ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก NEAT HAIR NUE เป็นนวัตกรรมการดูแลเส้นผมที่คิดค้นและพัฒนาโดยคุณหมอนิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม คุณหมอได้คัดสรรส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ  100% เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่าไม่แพ้ ไม่มีผลข้างเคียง คุณหมอนินเป็นผู้ทดลองใช้ด้วยตัวเองและมั่นใจว่าเห็นผลจริง
ส่วนผสมหลักในเซรั่มเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่คัดสรรมาเพื่อบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะอย่างล้ำลึกประกอบไปด้วย

1. Baicapil นวัตกรรมจากพืชธรรมชาติ 3 ชนิด คือ Scutellaria Bicalensis ที่อุดมไปด้วยสาร Baicalin ร่วมกับต้นอ่อนของถั่วเหลืองและข้าวสาลี ช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมและยืดระยะเวลาการงอกของต่อมรากผม ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง

2. BIORAN Scalp N สารสกัดจากเมล็ดข้าวสาลี ธูปฤาษี เมล็ดข้าวบาร์เลย์อบแห้งและเมล็ดข้าวฟ่าง ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดการเกิดรังแค บำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรง ป้องกันการอักเสบต่างๆ

3. Horsetail Extract สารสกัดจากหญ้าหางม้า มีแร่ธาตุและสารอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง ป้องกันผมร่วง ให้ความชุ่มชื่นและปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางาม

4. Kaffir Lime Extract สารสกัดจากมะกรูด สมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติเด่นชัดมากในการบำรุงผม ช่วยให้เซลล์รากผมแข็งแรง ผมไม่หลุดร่วงง่าย ผมนุ่มลื่น เงางาม ชะลอการเกิดผมหงอก ลดอาการคันศีรษะและเกิดรังแค

5. Blue Pea Extract สารสกัดจากดอกอัญชัน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รากผมและเส้นผมแข็งแรงขึ้น ผมดกดำเงางามและป้องกันผมหงอกก่อนวัย เป็นภูมิปัญญาของคนไทยที่ได้รับการยอมรับกันมายาวนาน

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นเหล่านี้ Elixir Hair Serum จึงเป็นเซรั่มที่กระตุ้นการงอกของเส้นผม ช่วยลดการหลุดร่วง บำรุงให้เส้นผมที่บางลงกลับมาแข็งแรงและดกดำขึ้น ชะลอผมหงอกก่อนวัย ลดการผลิตไขมันหรือน้ำมันในหนังศีรษะ จึงช่วยลดรังแคและอาการคันศีรษะได้ เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผมร่วง ผมบาง และผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง ผมสุขภาพดีในระยะยาว

วิธีการใช้ก็สะดวกสบายมาก หลังจากสระผมแล้วเช็ดให้หมาด หยดเซรั่มบนหนังศีรษะให้ทั่ว นวดเบาๆ 2-3 นาที เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดและช่วยให้โทนิคซึมเข้าสู่รากผมได้ดีขึ้น ไม่ต้องล้างออก ควรใช้ทุกครั้งหลังสระผม และควรใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

เพราะผลงานของ “นามนิน” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ด้วยความใส่ใจในทุกปัญหาเส้นผม ผนวกกับความตั้งใจที่จะพัฒนาการดูแลรักษาและการบริการอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้าคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มการดูแลเส้นผม NEAT HAIR NUE  ที่พัฒนาขึ้นโดยคุณหมอนิน ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจปัญหาเส้นผมอย่างแท้จริง รวมถึงเพิ่มศักยภาพการให้บริการ Hair Treatment เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้น ถ้าคุณรักผม นามนิน พร้อมให้บริการและดูแลผมทุกเส้นของคุณด้วยความใส่ใจเสมอ
          

คู่มือปลูกผมฉบับย่อ จาก “นามนิน”
“นามนิน” ขอนำเสนอ “คู่มือปลูกผมฉบับย่อ” สำหรับใครก็ตามที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะปลูกผมดีหรือไม่ หรือปลูกผมด้วยวิธีไหน รวมไปถึงคนที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมใหม่ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจหลักการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการปลูกผม และเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะเริ่มต้นเส้นทางการรักษา ซึ่งจะมีแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย


ขั้นตอนก่อนปลูกผม

1
ผู้ที่สนใจเข้ารับการปลูกผม ติดต่อนัดหมายกับทางคลินิก เพื่อเข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรง


2
เมื่อถึงวันนัดหมาย แพทย์จะให้เวลากับคนไข้อย่างเต็มที่ ทั้งตอบคำถามต่าง ๆ เพื่อคลายข้อสงสัย อธิบายขั้นตอนการรักษาตามลำดับเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คนไข้มองเห็นภาพรวมของคำว่า “การปลูกผม” ได้ชัดขึ้น ที่สำคัญ แพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้เป็นหลัก ก่อนจะออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของคนไข้มากที่สุด เนื่องจากคนไข้แต่ละคนมีปัญหาผม มีความต้องการ และมีข้อจำกัดในการทำงานหรือการใช้ชีวิตที่ต่างกัน แพทย์จึงต้องใช้เวลาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ และช่วยให้แนวทางการรักษาที่จะเป็นไปหลังจากนี้ เกิดขึ้นจากการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์กับคนไข้อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจเมื่อถึงปลายทาง


‘การรักษาโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง แทนที่จะมุ่งรักษาตามสูตรสำเร็จทางการแพทย์อย่างเดียวนั้น เป็นไปตามหลักที่เรียกว่า Customer Centric ซึ่งนามนินเองก็นำหลักการนี้มาใช้ เพื่อให้แนวทางการรักษานั้น ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้จริง’


3
นัดหมายวันที่คนไข้สะดวกเข้ารับการปลูกผม โดยจะใช้เวลาทำหัตถการปลูกผมจบภายใน 1 วัน



ขั้นตอนในวันปลูกผม

4
เริ่มต้นปฏิบัติการเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ด้วยการออกแบบ Hairline หรือแนวผมบริเวณหน้าผาก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การลากเส้นใหม่ตามใจแพทย์ แต่เป็นการออกแบบจากความต้องการของคนไข้ ประกอบกับหลักสัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า นอกจากจะเติมเต็มเส้นผมให้ดูหนาแน่น เพื่อแก้ปัญหาผมร่นขึ้นสูงบริเวณหน้าผากแล้ว Hairline ใหม่ยังช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้เจ้าของเส้นผม เติมความหวานละมุนให้ใบหน้าของคุณผู้หญิง ขณะเดียวกันก็เติมความสมาร์ทคมเข้มให้กับใบหน้าของคุณผู้ชาย เรื่องของ Hairline จึงเป็นมากกว่าแค่ขั้นตอนหนึ่งของการปลูกผมทั่วไป แต่ยังเป็นการใช้มุมมองความงามเชิงศิลป์ เพื่อเรียกคืนความมั่นใจให้กับคนไข้หลังปลูกผมด้วย


‘สัดส่วนความงามตามธรรมชาติของใบหน้า รู้จักกันในชื่อ สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio เป็นทฤษฎีด้านความงามที่จับเอาหลักคณิตศาสตร์โดย Leonardo Fibonacci มาประยุกต์ใช้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ช่วยให้สามารถออกแบบรูปหน้าได้สวยสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สัดส่วนทองคำยังนำถูกไปใช้อย่างกว้างขวางในวงการศิลปะและการออกแบบทั่วไป’


5
หลังจากวาดเส้น Hairline ใหม่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเป็นผู้เตรียมตัดแต่งทรงผมด้านหลังท้ายทอยของคนไข้ หลายคนอาจเคยได้ยินว่า ต้องมีการโกนผมก่อนลงมือปลูกผมใหม่ด้วย แต่เทคนิคการปลูกผมในปัจจุบันพัฒนาไปมาก และที่สำคัญ ยังออกแบบมาเพื่อเอื้อให้คนไข้ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ดังนั้น ผมของคนไข้จึงจะได้รับการตัดแต่งอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องโกนผมทิ้ง ช่วยให้คนไข้ยังสามารถทำผมทรงต่าง ๆ ได้อย่างอิสระหลังปลูกผม ไม่ต้องคอยระวังซ่อนแผลจนเป็นกังวลและหมดความมั่นใจ


6
ขอต้อนรับเข้าสู่ห้องหัตถการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะได้รับคำแนะนำให้สวมเสื้อผ้าสบาย ๆ ติดกระดุมหน้าเพื่อให้ถอดได้สะดวก โดยในขั้นตอนนี้ คนไข้จะได้รับการเตรียมให้อยู่ท่านอนที่สบายที่สุด ก่อนจะเริ่มนำกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอยออก โดยไม่ต้องผ่าตัด เพียงใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเจาะย้ายกราฟต์ผมออกมา

ที่นามนิน แพทย์ยังใช้เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได โดยนำกราฟต์ผมออกเป็นแถบ ๆ สลับกัน และใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกแบบกระจาย เพื่อให้รอยแผลได้รับการซ่อนแนบเนียนไปกับเส้นผมเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องพยายามปกปิดรอยแผลด้านหลังเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้วนั่นเอง


‘กราฟต์ผม หรือกอผม คือกลุ่มเส้นผมที่มาอยู่รวมกัน กราฟต์ผมแต่ละกราฟต์อาจมีเส้นผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ต่างกันไปในแต่ละคน และเหตุผลที่ต้องใช้กราฟต์ผมบริเวณท้ายทอยเพื่อนำไปปลูกใหม่ ก็เพราะผมบริเวณนี้มีความแข็งแรง ต้านทานฮอร์โมนที่ทำให้ผมหลุดร่วงง่าย และแม้จะย้ายไปปลูกใหม่ คุณสมบัตินี้ก็จะยังอยู่ไปตลอดวงจรของเส้นผม’


7
กราฟต์ผมของคนไข้ จะได้รับการดูแลอย่างดี โดยแช่ไว้ในน้ำยารักษากราฟต์ผมคุณภาพเยี่ยม ซึ่งผู้ช่วยแพทย์จะค่อย ๆ แยกและตัดแต่งกราฟต์ผม ให้ได้จำนวนเส้นผมในกราฟต์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปลูกใหม่ เนื่องจากผมบริเวณต่าง ๆ ของคนเรา จะมีลักษณะทางกายภาพที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผมบริเวณกลางศีรษะ จะเป็นผมเส้นใหญ่ หนา และมีจำนวน 2 – 4 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผม ขณะที่ผมบริเวณแนวหน้าผาก จะเป็นผมเส้นเล็ก บาง และมีจำนวนเพียง 1 – 2 เส้นต่อ 1 กราฟต์ผมเท่านั้น


8
ในระหว่างที่ผู้ช่วยแพทย์กำลังตัดแต่งกราฟต์ผมนั่นเอง ก็ได้เวลาพักรับประทานอาหารกลางวันของคนไข้ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของวันนี้


9
แพทย์จะเป็นผู้ปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเอง โดยลงมือปักกราฟต์ผมใหม่เองทุกกราฟต์ ซึ่งเหตุผลที่ขั้นตอนนี้ต้องเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมเท่านั้น ก็เป็นเพราะว่า การปักกราฟต์ผมใหม่ เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อน และมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ส่งผลต่อความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ให้ต้องคำนึงถึงมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

การเลือกกราฟต์ผม ให้มีจำนวนเส้นผม และขนาดความหนาบางของเส้นผม ที่เหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก  ความหนาแน่นของกราฟต์ผมที่ปลูกใหม่ ไม่ควรแน่นเกินไปจนอาจทำให้กราฟต์ผมหลุดร่วงง่าย แต่ก็ไม่ควรบางเกินไปจนดูเหมือนปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ต้องกระจายระยะปักกราฟต์ให้เกิดความพอดี ทิศทางผม แพทย์จะค่อย ๆ ปักกราฟต์ผมใหม่ให้เรียงตัวไปตามทิศทางผมเดิม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติ 

องศาผม เพราะผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งในแบบของตัวเอง แพทย์จึงต้องเลือกเส้นผมที่มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะนำไปปลูกด้วย
ความลึกของกราฟต์ผม ข้อนี้จะส่งผลต่อการเชื่อมต่อของรากผมกับเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ซึ่งมีส่วนต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่โดยตรง


‘ทิศทางและองศาผม เป็นปัจจัยสำคัญที่แพทย์จะใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากหากปลูกผมผิดทิศทาง จะทำให้ผมที่งอกขึ้นใหม่ชี้ไปมาย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ก็ต่อเมื่อปลูกไปแล้วระยะหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถแก้ไขด้วยการปลูกใหม่ได้อีกแล้ว’


ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ในขั้นตอนนี้ ก็คือ Implanter หรืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.6 มิลลิเมตร ช่วยให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมใหม่ได้อย่างแม่นยำ ละเอียด ประณีต และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็กหลังปลูก ทั้งยังช่วยให้เลือดออกน้อย ลดอาการเจ็บ และทำให้แผลหายไวขึ้นโดยแทบไม่ต้องพักฟื้น


10
เมื่อปักกราฟต์ผมเรียบร้อยแล้ว คนไข้จะได้รับการดูแลทำความสะอาดเส้นผม เริ่มตั้งแต่การสระผมอย่างอ่อนโยนที่สุด ตรวจลักษณะและความเรียบร้อยของแผล ก่อนจะเป่าผม และจัดทรงผมที่ดูดีให้กับคนไข้ เพื่อให้สามารถกลับออกไปทำกิจวัตรประจำวันต่อ หรือกลับบ้านได้อย่างสบายใจ 


ขั้นตอนหลังปลูกผม

11
วันรุ่งขึ้น แพทย์จะนัดคนไข้เข้ามาทำความสะอาดผมอีกครั้ง เพื่อแนะนำวิธีการสระผมที่ถูกต้อง พร้อมแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมในช่วงแรก โดยเตรียมชุด Namnin Hair Care ที่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ไว้ให้ เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลเส้นผมปลูกใหม่เบื้องต้นได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน


12
เพราะการปลูกผมไม่ได้จบลงแค่ในห้องหัตถการ แต่ยังหมายถึงการติดตามดูแลเส้นผมใหม่ไปอีก 1 ปีเต็ม ๆ จนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ผมสวยหนาแน่นอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ดังนั้น ในอีก 1 ปีต่อจากนี้ แพทย์จะยังคอยนัดหมายติดตามผลและให้คำแนะนำกับคนไข้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเสริมบริการ Treatment บำรุงเส้นผมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง นับเป็นเส้นทางการรักษาที่อาศัยทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ซึ่งแพทย์และคนไข้จะต้องจับมือทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ที่ก้าวออกไปใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวคุณได้อย่างมั่นใจจริง ๆ


‘การรักษาที่อาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นหัวใจหลักของเทคนิคที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินพัฒนาขึ้น ภายใต้ชื่อ NEAT หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งผสานทั้งศาสตร์การแพทย์ และมุมมองความงามเชิงศิลป์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์การรักษา และโจทย์ความสุขของคนไข้ไปพร้อม ๆ กันได้ในที่สุด’ 


Namnin Perfect Hair Treatment
Treatment ใหม่แต่เล่นใหญ่ครบเครื่องจากนามนิน ภายใต้ชื่อ Namnin Perfect Hair Treatment พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ ในรูปแบบของคอร์ส “Treatment กึ่งสปา” ที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่แบบไม่มีใครเหมือน 

Namnin Perfect Hair Treatment เป็นบริการนวดบำรุงหนังศีรษะครบทุกขั้นตอน โดยนำศาสตร์การนวดมาใช้ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลหนังศีรษะ ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม และเร่งการงอกของผมใหม่ พร้อมทำความสะอาดเส้นผมอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์ที่ได้จึงช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลาย ทั้งยังช่วยอาการปวดศีรษะจากไมเกรน รวมถึงความเมื่อยล้าจากการทำงานด้วย

สำหรับขั้นตอนเข้ารับบริการ Namnin Perfect Hair Treatment จะใช้เวลาประมาณ 50 – 60 นาที หลังจากผู้เข้ารับบริการเตรียมตัวพร้อม คลุมผ้าที่ขา ประคบหน้าผากและรองต้นคอด้วยผ้าขนอุ่นเรียบร้อยแล้ว 

นวดบำรุงหนังศีรษะ

  • เริ่มต้นด้วยการหยด Organic Oil ประมาณ 10-15 หยด แล้วนวดหนังศีรษะให้ทั่ว โดย Organic Oil ที่ใช้ เป็นสารสกัดธรรมชาติ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมคุณสมบัติในการทำความสะอาดหนังศีรษะได้อย่างล้ำลึก โดยเฉพาะสิ่งตกค้าง คราบไขมัน ฝุ่นละออง และสารเคมีบนหนังศีรษะ จะถูกชะล้างออกอย่างง่ายดาย ไม่ให้หลงเหลือเป็นอุปสรรคต่อการสร้างเส้นผมใหม่ ทั้งยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เส้นผมแลดูสุขภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • ตามมาด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ประมาณ 4-5 มิลลิลิตร แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ รวมไปถึงบริเวณขมับ และต้นคอด้วย สำหรับน้ำมะพร้าวสกัดเย็นนี้ จะช่วยลดแบคทีเรียบนหนังศีรษะ ลดการสร้างสะเก็ด การสร้างรังแค และช่วยให้เส้นผมมีการกักเก็บโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นผมมากขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาผมร่วงได้ ขณะเดียวกันก็ยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ทำความสะอาดเส้นผมแบบมืออาชีพ

  • จากนั้น เป็นการสระผมด้วยแชมพู Mojelim Elixer ซึ่งเป็นแชมพูที่จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม 

  • บำรุงอีกขั้นด้วยครีมนวด Mojelim Elixer Treatment ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เพื่อลดอาการผมแห้งเสีย

  • โดยแชมพูและครีมนวด Mojelim Elixer นำเข้าจากโรงพยาบาลปลูกผมชั้นนำของประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ปรับสมดุลทั้งหนังศีรษะ ส่งผลให้เส้นผมมีความเงางาม และมีน้ำหนักตั้งแต่โคนจรดปลายผม

บำรุงอีกขั้นเพื่อสุขภาพผมที่ดียิ่งขึ้น

  • หลังซับผมจนแห้งหมาด ๆ แล้ว จะเป็นการลงเซรั่มบำรุงผม NEAT HAIRNUE Elixer Hair Serum ซึ่งผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยใช้ประมาณ 5 – 10 หยด นวดให้ทั่วศีรษะ เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกของเส้นผมใหม่ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษในการลดการอักเสบของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี 

  • เป่าผมให้แห้ง โดยใช้ลมเย็นเท่านั้นในบริเวณหนังศีรษะหรือบริเวณที่ปลูกผม ขณะที่บริเวณปลายผมสามารถใช้ลมอุ่นได้

  • เสริมการบำรุงอีกระดับด้วยการลงเซรั่มช่วงปลายผมให้กับผู้เข้ารับบริการ

Namnin Perfect Hair Treatment จึงเป็นอีกหนึ่งบริการใหม่จากนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ทางการรักษาของแพทย์และความต้องการของคนไข้ เรียกได้ว่าเป็น Treatment ที่มีความโดดเด่นในด้านความครบเครื่องและครอบคลุมทุกมิติของการดูแลเส้นผม และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความก้าวหน้าของนามนิน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Medical Hair Center ในอนาคตอันใกล้

#ทีมนามนิน ทีมแห่งความใส่ใจ
Namnin is not a place, it’s a people
..เมื่อ “นามนิน” ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือผู้คน...

ไม่ว่าใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาเยี่ยมเยือนคลินิกนามนิน จะเห็นบุคลากรมากมายหลายชีวิต ที่มีบทบาทการทำงานต่าง ๆ กันไป แน่นอนว่า เรามักจะได้ยินชื่อของคุณหมอนิน – แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคลินิกนามินอยู่บ่อย ๆ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของคนไข้ภายใต้การนำของคุณหมอนินนั้น ยังมีบุคลากร #ทีมนามนิน อีกหลายคนทีเดียว ที่มีส่วนร่วมในเส้นทางแห่งความใส่ใจเพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ อันเป็นเป้าหมายและความตั้งใจร่วมกันของทุกคนที่นี่

โดยทั่วไป ในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ มักจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากหลาย ๆ ฝ่ายมาจับมือทำงานร่วมกัน ซึ่งเราเรียกว่า Multidisciplinary Teamwork หรือการดูแลแบบ “สหวิชาชีพ” เพราะเมื่อองค์ความรู้ ทักษะ หรือแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือทางด้านสุขภาพหรือการแพทย์เพิ่มมากขึ้น บุคลากรเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถลงมือปฏิบัติได้ครอบคลุมทุกมิติ ต้องอาศัยความสามารถของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลาย ๆ คนมาช่วยกัน เพื่อให้เกิดการดูแลคนไข้แบบผสมผสาน และแบบองค์รวม ตอบโจทย์เป้าหมายสุขภาพ ซึ่งหมายรวมทั้งสุขภาวะด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมด้วยนั่นเอง

ตัวอย่างของโรงพยาบาลหนึ่ง ๆ อาจมีทั้งแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด นักรังสีเทคนิค นักโภชนาการ พยาบาลหอผู้ป่วย และพยาบาลชุมชน มาร่วมกันดูแลคนไข้หนึ่งคน ภายใต้วัตถุประสงค์ทางการรักษาเดียวกัน และเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไข้เอง โดยบุคลากรในทีมจะสื่อสาร แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น วางแผน และทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการรักษา รวมถึงเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการรักษา ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไข ความต้องการ หรือสถานการณ์ของคนไข้แต่ละคน 

สำหรับ #ทีมนามนิน นอกจากแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมแล้ว ยังมีทีมสหวิชาชีพเข้ามาร่วมในกระบวนการรักษาตลอดเส้นทางแห่งความใส่ใจ เช่น ผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล เจ้าหน้าที่ให้บริการ Treatment  ตลอดจนฝ่ายดูแลและบริการลูกค้า ภายใต้การกำกับอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เนื่องจากการปลูกผมเป็นหัตถการที่ละเอียด ซับซ้อน และมีขั้นตอนมากมาย ในขั้นตอนบางอย่างจึงเป็นหน้าที่ของทีมสหวิชาชีพในการช่วยแพทย์ทำงาน ซึ่งมั่นใจได้ว่า ทุกคนผ่านการคัดเลือกและฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี 

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่เป็นหัวใจหลักอย่างขั้นตอนการปลูกผมใหม่ บทบาทนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณหมอนิน ผู้นำของทีม ซึ่งจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น แบบเส้นต่อเส้นเลยทีเดียว เนื่องจากต้องอาศัยทักษะชั้นสูงในการปักกราฟต์ผมใหม่ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันในขั้นตอนเดียว

  • ขนาดของเส้นผม 
จะต้องเลือกความหนาบางของเส้นผม ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก มักจะเป็นผมเส้นเล็กบาง ไม่ใช่ผมเส้นหนาและใหญ่

  • จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ 
จะต้องเลือกกราฟต์ผมที่มีจำนวนผมได้ตั้งแต่ 1 – 4 เส้น ให้เหมาะกับบริเวณที่จะปลูก เช่น บริเวณไรผมตรงหน้าผาก ควรใช้กราฟต์ผมที่มีผมเส้นเดี่ยว และในบริเวณลึกเข้าไป จึงใช้กราฟต์ผมที่มีผมจำนวน 2 – 4 เส้น ตามลำดับ

  • องศาความโค้งของเส้นผม 
ทราบมั้ยว่า ผมแต่ละเส้นยังมีองศาความโค้งไม่เท่ากันด้วย ซึ่งเป็นโจทย์ของแพทย์อีกเช่นกันที่จะต้องเลือกผมที่มีความโค้งมากน้อยให้เข้ากับบริเวณที่จะปลูกใหม่

  • ทิศทางของเส้นผม 
โดยแพทย์ต้องวางทิศทางผมให้เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือเหมาะกับผมในบริเวณนั้น ๆ ไม่อย่างนั้น เมื่อผมใหม่ยาวขึ้น อาจจะเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่ชี้ผิดทิศผิดทาง แลดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งยากจะแก้ไขในภายหลัง

  • ระยะความลึกในการปักกราฟต์ผม 
แพทย์ยังต้องประมาณความลึกในการปักกราฟต์ผมใหม่ให้พอดี เพื่อให้รากผมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นเลือดต่าง ๆ และลำเลียงอาหารมาหล่อเลี้ยงเส้นผมให้เติบโตแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

  • ความหนาแน่นในการปลูก 
ปลูกให้แน่นที่สุด ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับการปลูกผม ปลูกให้หนาแน่นกำลังดี ไม่บางหรือแน่นเกินไปต่างหาก จะทำให้ผมปลูกใหม่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่หลุดร่วงง่ายอีกด้วย

  • Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ 
ในขั้นตอนก่อนหน้านี้ แพทย์และคนไข้จะได้ร่วมกันวางแผนการรักษา และออกแบบกรอบหน้าใหม่ ซึ่งในขั้นตอนการปักกราฟต์ผมนี้เอง ที่แพทย์จะเป็นผู้เนรมิตกรอบหน้าใหม่ ให้ออกมาดูสวย เป็นธรรมชาติ และขับบุคลิกของคนไข้ให้โดดเด่นขึ้นได้จริง ๆ 

หลังจากจบขั้นตอนการปลูกผม คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอนิน และ #ทีมนามนิน อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คำปรึกษา คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่าง ๆ รวมถึงให้บริการ Treatment เพื่อเส้นผม ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่ของคนไข้จะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด

ปลูกผมเสริมรูปหน้าสวย ด้วยเทคนิค NEAT
ปัญหาผมบางไม่ได้มีแต่เฉพาะในผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็พบเจอกับปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน ความรุนแรงอาจจะน้อยกว่าแต่ก็ทำให้สูญเสียความมั่นใจและรบกวนจิตใจได้ไม่น้อยทีเดียว ผู้หญิงหลายคนจึงเลือกแก้ปัญหาระยะยาวด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งการปลูกผมของผู้ชายและผู้หญิงก็จะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกัน มาดูกันค่ะว่าการปลูกผมให้สวยดูเป็นธรรมชาติในผู้หญิงมีเทคนิคอะไรบ้าง


เริ่มด้วยปัญหาผมบางที่พบบ่อยในผู้หญิงกันก่อน หากผมบริเวณรอยแสกกลางศีรษะบางกว่าส่วนอื่น เรียกว่า “ผมบางแบบต้นคริสมาสต์” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะเจอปัญหา “ผมบางทั่วศีรษะ” ที่ทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อย เพราะผมดูบางทั่วทั้งศีรษะ จะทำผมทรงไหนก็ยาก อีกปัญหาหนึ่งที่พบได้คือ ผมบริเวณด้านหน้าร่นขึ้นไปแบบตัว M ซึ่งทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม ปัญหาเหล่านี้ล้วนทำให้สูญเสียความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง   
การปลูกผมให้สวยและดูเป็นธรรมชาติเริ่มด้วยการสำรวจรูปหน้าและแนวผมเดิมก่อน ผู้หญิงมีรูปหน้าที่แตกต่างกับผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีใบหน้ารูปไข่ รูปหัวใจและรูปทรงกลม แนวผมโค้งมนหรือเป็นทรงหัวใจ ขั้นตอนแรก แพทย์จะออกแบบกรอบหน้าใหม่ให้รับกับรูปหน้า โดยเน้นความชอบของคนไข้เป็นหลัก เพียงแต่ปรับให้สวยงามขึ้นตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองคำ แนวผมของผู้หญิงจะโค้งเพื่อให้รับกับรูปหน้าหรือเป็นทรงหัวใจ มีรอยหยักตรงกลาง อาจจะมีริ้วไรผมบางๆ เพื่อเพิ่มความละมุนของใบหน้าและดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น


เทคนิคที่แพทย์ใช้ในการปลูกผมของผู้หญิงคือ การปลูกไล่ระดับความหนาบางและจำนวนของเส้นผมในแต่ละกราฟท์ ปลูกผมแต่ละเส้นลงในตำแหน่งที่เหมาะสม กราฟท์ผมเดี่ยวจะอยู่ด้านล่างเพื่อเป็นไรผมบางๆ และปลูกไล่ระดับความหนาขึ้นไปเรื่อยๆ และปลูกแทรกเลยแนวผมเดิมเข้าไปเล็กน้อยเพื่อความเป็นธรรมชาติ การจัดวางทิศทางของเส้นผมเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะหลังจากปลูกผมไปแล้ว ทิศทางของเส้นผมจะแก้ไขไม่ได้ แพทย์จึงต้องลงมือปลูกผมแต่ละเส้นด้วยตัวเอง เพื่อกำหนดทิศทางและความหนาแน่นให้สวยงามและเหมาะสมที่สุด


ความพิเศษของการปลูกผมเทคนิค NEAT คือ การใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มม.เจาะเพื่อนำกราฟท์ผมทางด้านหลังออกเป็นแนวขั้นบันไดซ่อนแผลให้แนบเนียนกับผมเดิม ไม่ต้องโกนผมหรือตัดผมสั้น ไม่เห็นรอยแผล ตอบโจทย์ของผู้หญิงมากๆ และใช้ Implanter ขนาดเล็กในการปลูกผม ไม่เจ็บ มีเลือดออกน้อย แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็ก ไม่เกิดอาการบวมช้ำ แทบไม่มีสะเก็ดแผล ไม่ต้องพักฟื้นหรือหยุดงาน สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ตามปกติในวันรุ่งขึ้นทันที

หลังจากการปลูกผม แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะคุณจะต้องผ่านช่วงเวลาที่หลากหลาย บางคนอาจจะพบกับภาวะ Shock Loss ภายหลังการปลูกผม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะหลุดร่วงของเส้นผม อาจเกิดขึ้นได้ 3 ลักษณะ คือ ผมร่วงทั้งหมดก่อนจะเข้าสู่ระยะพักเพื่อเตรียมงอกขึ้นมาใหม่ บางคนโชคดีที่ผมไม่ร่วงเลยและยาวต่อไปเรื่อยๆ หรือบางคนอาจจะมีผมใหม่ขึ้นเป็นตอสั้นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวงจรปกติของเส้นผมหลังการปลูกผม ภายในเวลา 4 เดือน เส้นผมใหม่ก็จะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แพทย์จะอธิบายถึงภาวะที่คนไข้อาจต้องพบเจอทั้งหมดหลังการปลูกผมให้เข้าใจ จึงไม่ต้องวิตกกังวลใดๆ

แพทย์จะนัดหมายให้เข้ามา follow up ผลการรักษาเป็นระยะ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกช่วงเวลาหลังการปลูกผม ทั้งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและการเข้ารับทรีทเมนท์ เช่น Hair Growth Treatment หรือ LLLT เพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมให้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม คนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้สัมผัสกับเส้นผมใหม่ที่สวยและสมบูรณ์ที่สุดในอีก 18 เดือน

ไม่ว่าคุณจะปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง หรือปรับรูปหน้าเพื่อเสริมความมั่นใจ สิ่งที่สำคัญคือควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนการตัดสินใจ ผู้ที่ให้ข้อมูลได้ชัดเจนที่สุดคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะปัญหา ความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละคนแตกต่างกัน  การปลูกผมจึงต้องออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาให้เป็นรายบุคคล ไม่มีใครเหมือนใคร การปรึกษาแพทย์จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ “ตรงจุด” และได้ผลลัพธ์ “ตรงใจ” ที่สุด  

ปลูกผม “ผิด” ทิศทางและองศา
เส้นผมที่เราเห็นว่ามีลักษณะหน้าตาเหมือน ๆ กันไปหมดนั้น ที่จริงแล้ว แต่ละเส้นมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหมือนกันเลย 

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เส้นผมบนหนังศีรษะแต่ละส่วนของเรา จะเรียงตัวไปใน “ทิศทาง” ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบริเวณใกล้หน้าผาก ด้านข้างบริเวณใบหู หรือบริเวณขวัญกลางศีรษะ ขณะเดียวกัน ผมแต่ละเส้นก็ยังมี “องศาความโค้ง” มากน้อยไม่เท่ากันด้วย 

หลายคนอาจสงสัยว่า ทิศทางและองศาผมที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ มีความสำคัญอย่างไร เราอาจต้องลองนึกภาพว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในการปลูกผมใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต เราสนใจแต่ความหนาแน่นของผม จนลืมใส่ใจเรื่องการปลูกผมตามทิศทางและองศาไป...



นี่คือภาพตัวอย่างของผลลัพธ์จากการปลูกผมที่มองข้ามเรื่องทิศทางและองศา จะเห็นได้ว่าเส้นผมใหม่ชี้ผิดทิศผิดทาง ย้อนแย้งกับเส้นผมเดิม จนดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างชัดเจน 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาเส้นผมผิดทิศนี้ เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้า ก็คงจะทำให้เจ้าของเส้นผมไม่กล้าปล่อยผม หรือหากจะจัดแต่งทรงผม ก็คงจำกัดอยู่แค่ทรงเดียวหรือไม่กี่ทรงเท่านั้น ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนทรงผมเพื่อเสริมบุคลิกภาพได้ตามใจ

ที่สำคัญ ทิศทางและองศาของผมปลูกใหม่ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นผลหลังปลูกได้ทันที เพราะในช่วงแรก เราจะเห็นเพียงตอผมขนาดสั้น ๆ ก่อน จนเวลาผ่านไปประมาณ 6 – 12 เดือนแล้วนั่นล่ะ ผมจึงจะยาวพอให้เห็นว่าทิศทางและองศาของเส้นผมใหม่ เรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม หรือออกมาแบบผิดทิศผิดทางหรือไม่

และที่น่ากังวลใจยิ่งกว่า ก็คือปัญหาเส้นผมที่ชี้ไปมาและย้อนแย้งกับทิศทางที่ถูกต้อง เป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เรียกได้ว่าปลูกแล้วปลูกเลย หรือแก้ไขได้ยากมาก ๆ นั่นหมายความว่า เราจะต้องอยู่กับเส้นผมผิดทิศแบบนี้ไปจนตลอดชีวิต!!

ดังนั้น การปลูกผมตามทิศทางและองศา จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงทักษะ ฝีมือ และความใส่ใจของแพทย์ผู้ทำการปลูกผมได้เป็นอย่างดี เพราะแพทย์จะต้องเป็นผู้คัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะปลูกผมใหม่ และปักกราฟต์ผมให้เรียงตัวไปในทิศทางกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

นอกจากทิศทางและองศาผมแล้ว แพทย์ยังต้องคัดเลือกขนาดของเส้นผมด้วย ตัวอย่างเช่น เส้นผมเล็กและบาง จะเหมาะกับการปลูกใหม่ตามไรผมบริเวณหน้าผาก ส่วนในบริเวณที่ลึกเข้ามา จะเหมาะกับผมเส้นเดี่ยว และกราฟต์ผมที่มีผมอยู่ร่วมกัน 2 – 4 เส้นตามลำดับ จึงจะใกล้เคียงกับเส้นผมเดิมตามธรรมชาติมากที่สุด

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องคำนึงถึงความลึกที่เหมาะสมในการปักกราฟต์ผม เพื่อให้ผมใหม่ได้รับสารอาหารผ่านเส้นเลือดต่าง ๆ ที่มาหล่อเลี้ยง ทำให้เส้นผมเติบโต แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ แพทย์จะค่อย ๆ คัดแยกและปักกราฟต์ผมที่มีจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ ทีละเส้น ทีละเส้น จนอาจเรียกได้ว่า นี่คืองานคราฟท์ หรืองานฝีมือสุดประณีตกลางห้องหัตถการปลูกผมเลยก็ว่าได้ 

รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังศึกษาข้อมูลการปลูกผม หรือกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ปัญหาผม ด้วยการปลูกผมที่ตอบโจทย์มากที่สุด ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการปลูกผมตามทิศทางและองศา ซึ่งต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูก เพื่อให้เส้นผมใหม่เรียงตัวกันกลมกลืนเป็นธรรมชาติ และให้เจ้าของเส้นผมได้อวดผมสวยในทุก ๆ สไตล์ได้อย่างอิสระและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คุ้มค่ากับการลงทุนปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดนั่นเอง

NEAT พลังแห่ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์”
Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique (NEAT) คือเทคนิคปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่พัฒนาขึ้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเส้นผม ผู้สั่งสมประสบการณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเข้าใจอย่างแท้จริงว่า “การปลูกผม” เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” 

นั่นหมายความว่า การปลูกผมให้คนไข้แต่ละคนนั้น ต้องผสานทั้งศาตสร์ความรู้ด้านวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้ เข้ากับมุมมองด้านศิลปะความงามเชิงสร้างสรรค์ เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ทรงพลังในการแก้ปัญหาเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน และยังสามารถคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี ให้เจ้าของเส้นผมได้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ต่อไปนี้คือองค์ประกอบสำคัญของ NEAT เทคนิคสุดประณีตจากนามนิน ที่จะมาเติมเต็มภาพผลลัพธ์ผมใหม่ของคุณและผู้คนอีกมากมาย ให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด


วางแผนการปลูก “เฉพาะบุคคล”
ก้าวแรกของการรักษา คือการพบปะพูดคุยกันระหว่างคนไข้และแพทย์ ซึ่งแพทย์จะรับฟังปัญหาและความต้องการของคนไข้ ก่อนจะตรวจสอบสภาพปัญหาผม เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่เป็นไปได้และให้ประสิทธิภาพดีที่สุดร่วมกัน 

รวมถึงการประเมินกราฟต์ผม ว่าคนไข้มีผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยที่แข็งแรงพร้อมนำไปปลูกใหม่มากน้อยแค่ไหน และปัญหาผมของคนไข้นั้น ต้องการกราฟต์ผมไปช่วยเติมเต็มในปริมาณเท่าใด เพื่อคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะนำมาปลูกใหม่ให้เหมาะสมและลงตัว โดยแพทย์ไม่ลืมที่จะอธิบายถึงขั้นตอนต่าง ๆ ของการปลูกผมใหม่อย่างละเอียด เพื่อให้คนไข้เข้าใจกระบวนการรักษาและสามารถเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

ไม่เพียงเท่านั้น แพทย์ยังช่วยออกแบบ Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ให้ดูหวานละมุนขึ้น ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น หรือดูสมาร์ทคมเข้มขึ้น ตามหลัก Golden Ratio หรือสัดส่วนทองของใบหน้า เพื่อเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจของคนไข้อีกด้วย

ที่สำคัญ การวางแผนการปลูกผมใหม่ของแพทย์แต่ละครั้ง จะเป็นการออกแบบแนวทางแก้ปัญหาแบบเฉพาะบุคคล หรือเคสต่อเคส เพราะนามนินตระหนักดีว่า คนไข้แต่ละคนมีลักษณะปัญหาผม มีข้อจำกัด และมีเป้าหมายความต้องการที่ต่างกัน ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่คนเดียว แพทย์จึงไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จที่ซ้ำ ๆ กันในการรักษา แต่จะต้องเริ่มต้นทำความรู้จักคนไข้ ทำความเข้าใจสภาพปัญหา และคิดใหม่ทุก ๆ ครั้งว่าจะเลือกแนวทางการรักษาแบบใด ปรับรายละเอียดตรงส่วนไหน เพื่อตอบโจทย์คนไข้ให้ได้มากที่สุด 


ปลูกผมโดยแพทย์ “เส้นต่อเส้น”
ที่นามนิน แพทย์จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกครั้ง เพราะนี่คือหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความละเอียดอ่อนอย่างที่สุด 

และคำว่าปลูกผม “เส้นต่อเส้น” ก็ไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจสำคัญของการปลูกผม ก็คือการนำกราฟต์ผมที่เจาะย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอย มาสังเกตขนาด ความหนาบาง องศาความโค้ง จำนวนเส้นผมต่อกราฟต์ และลงมือคัดแยกให้เหมาะกับบริเวณที่จะนำไปปลูกใหม่

จากนั้น จะเป็นการนำกราฟต์ผม ค่อย ๆ ปลูกลงในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้เอง แพทย์จะต้องอาศัยทักษะขั้นสูง ในการปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ประกอบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระยะความลึกที่เหมาะสมต่อการเชื่อมต่อเส้นเลือดฝอยบริเวณรากผม ทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่จะต้องกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ไม่ชี้ผิดทิศผิดทางจนดูไม่เป็นธรรมชาติ รวมไปถึงความหนาแน่นของผมใหม่ที่จะต้องระวังไม่ให้ดูแน่นจนเบียดกันเกินไป หรือดูบางและห่างกันจนเกินไป เพื่อให้เส้นผมใหม่สามารถเติบโตต่อได้อย่างแข็งแรง ซึ่งคนไข้จะมั่นใจได้ว่า กราฟต์ผมจำนวนมากกว่าพันกราฟต์ที่ปลูกใหม่นั้น เป็นผลลัพธ์จากความใส่ใจของแพทย์ทุกกราฟต์จริง ๆ 


Customer Centric เมื่อ “คนไข้” มาเป็นที่หนึ่ง
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนไข้หลายต่อหลายคนสะท้อนเสียงยืนยันกลับมาว่า พวกเขาได้รับประสบการณ์การปลูกผมที่พิเศษแค่ไหนจากนามนิน ก็คือการที่แพทย์ยึดหลัก Customer Centric หรือการยึดคนไข้เป็นศูนย์กลางของการรักษา 

ที่นี่ แพทย์จะทำความรู้จักคนไข้ให้ชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่ม หลาย ๆ ครั้งในการพูดคุยปรึกษากันระหว่างแพทย์กับคนไข้ แพทย์ไม่เพียงวินิจฉัยเฉพาะอาการของโรคหรือปัญหาเส้นผมที่เห็นตรงหน้า แต่ยังลงลึกถึงพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนไข้กำลังเผชิญ เพื่อให้เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา รวมไปถึงการรับฟังเสียงความต้องการของคนไข้ด้วย

เพราะทั้งหมดนั้น คือหัวใจที่จะทำให้แพทย์ออกแบบแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคล ได้อย่างตอบโจทย์และเหมาะสมมากที่สุดนั่นเอง


เลือก “อุปกรณ์” และ “เทคนิค” ที่ดีที่สุด
ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์ ก็คืออุปกรณ์ปลูกผมนำเข้า หรือ Implanter ที่มีขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้แพทย์สามารถปักกราฟต์ผมทีละกราฟต์ได้อย่างปลอดภัย เพิ่มความแม่นยำทั้งในเรื่องของระยะห่างระหว่างแต่ละกราฟต์ผม ระยะความลึก รวมถึงทิศทางองศาผม 

ขนาดของหัวเจาะที่เล็กพิเศษนั้น ยังช่วยลดผลข้างเคียง อย่างเช่นอาการเจ็บและบวมจากการปลูกผม และทิ้งไว้เพียงรอยแผลขนาดเล็ก เลือดออกน้อย ดูแลง่าย จนคนไข้แทบไม่ต้องพักฟื้นหรือลางาน หลังปลูกผมเสร็จแล้วสามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ทันที 

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังพัฒนาเทคนิคต่าง ๆ ที่จะช่วยเอื้อให้คนไข้สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากที่สุด ตัวอย่างเช่น เทคนิคซ่อนแผลด้านหลังแบบขั้นบันได เนื่องจากแพทย์เข้าใจว่า คนไข้หลังปลูกผมส่วนใหญ่ จะต้องกังวลใจและคอยระมัดระวังในการปกปิดรอยแผลด้านหลังท้ายทอย ที่เกิดจากการเจาะย้ายกราฟต์ผมออก และอาจทำให้คนไข้ไม่สามารถจัดแต่งทรงผมหลากหลายสไตล์ได้ดังใจ แพทย์จึงใช้วิธีเจาะย้ายกราฟต์ผมออกเป็นแถบบาง ๆ สลับกันแบบขั้นบันได เพื่อช่วยซ่อนแผลเล็ก ๆ เหล่านี้ไว้ใต้ผมเดิมที่เหลืออยู่อย่างแนบเนียนและกลมกลืน ไม่ว่าจะปล่อยผมหรือทำผมทรงอะไรก็ตาม


แนะนำ “การดูแลหลังปลูก”
...ปลูกผมจบ ใครว่าจบ... ทราบมั้ยว่า ความสำเร็จของการปลูกผม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับคนไข้เจ้าของเส้นผมเองด้วย เพราะคนไข้คือคนสำคัญที่จะต้องหมั่นคอยดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่หลังปลูก ให้เติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรง 

แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะแพทย์ได้เตรียมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ลดอาการคัน ผลิตภัณฑ์สระผมสูตรอ่อนโยน และผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่าง ๆ ที่แพทย์เลือกสรรแล้วว่า สามารถลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ขณะเดียวกัน แพทย์ยังเตรียม Treatment หลังปลูกผม เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมใหม่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการฉีด Growth Factor บริเวณหนังศีรษะเพื่อเน้นการบำรุงรากผมเป็นพิเศษ และการฉายเลเซอร์ LLLT หรือ Low-Level Laser Therapy ซึ่งเป็นนวัตกรรมการบำรุงด้วยแสงที่ออกแบบมาเพื่อเส้นผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ


ติดตามผลใกล้ชิด “ตลอด 1 ปีเต็ม”
และสุดท้าย ก็คือความใส่ใจระดับเต็มร้อยจากแพทย์ ที่จะอยู่เคียงข้างคนไข้ตลอดเส้นทางการรักษา ซึ่งยาวนานถึง 1 ปีเต็ม เพราะแม้ว่าเราจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยแค่ไหนในการปลูกผม แต่หลังจากนั้น ก็ต้องปล่อยให้เส้นผมได้เติบโตตามระยะและวงจรของเขาเองตามธรรมชาติ โดยแพทย์จะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่องทุกระยะ และให้คำปรึกษาพร้อมตอบข้อสงสัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังการปลูกผมเดือนแรก ๆ อาจเกิดภาะ Shock loss หรือการหลุดร่วงของเส้นผมจำนวนมากเป็นปกติ ซึ่งคนไข้ที่ไม่ทราบมาก่อนมักจะตกใจ แต่ที่นามนิน แพทย์จะอธิบายให้คนเข้าใจและเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ และสำหรับผมที่หลุดร่วงไปนั้น สุดท้ายแล้วก็จะงอกขึ้นใหม่ กลายเป็นผมที่แข็งแรงและเติบโตต่อไปอย่างดีในที่สุด 


ทั้งหมดนี้ ก็คือพลังของเทคนิค NEAT ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อมอบประสบการณ์การรักษาสุดประณีตและพิเศษ ให้คนไข้ของนามนินสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงเริ่มจาก “เส้นผม” ของคุณเอง

เคลียร์ 4 ข้อสงสัย “ปลูกผมครั้งที่ 2”
คำว่า “การปลูกผมครั้งที่ 2” น่าจะชวนให้หลาย ๆ คนเกิดความสงสัยในใจอยู่ไม่น้อย ว่าการปลูกผมแค่ครั้งเดียวไม่เพียงพอหรืออย่างไร ทำไมจึงต้องปลูกเพิ่มอีกครั้งด้วย การปลูกผมครั้งที่ 2 จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างไร แล้วตัวเราเองจำเป็นจะต้องปลูกผมถึง 2 ครั้งหรือไม่ 

...มาเคลียร์ 4 คำถามคาใจเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ไปพร้อม ๆ กันได้เลย...

1. ทำไมต้องปลูกผมครั้งที่ 2 ??

การปลูกผม เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ ไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะปลูกผมให้จบในครั้งแรกครั้งเดียว แต่บางครั้งก็มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกผมอีกเป็นครั้งที่ 2 อย่างเช่น

ปลูกผมครั้งแรกผ่านไปแล้ว แต่ยังดูผมบางอยู่เลย



ความผิดพลาดจากการปลูกผมครั้งแรกที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือคำนวณและวางแผนการปลูกอย่างไม่รอบคอบนัก อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ปลูกผมแล้วยังรู้สึกว่าผมบาง หรือที่เรามักได้ยินกันว่าปลูกผมไม่ติดนั่นเอง

และในบางกรณีอาจเป็นตัวคนไข้เองที่ดูแลสุขภาพเส้นผมหลังปลูกด้วยความใส่ใจน้อยเกินไป ไม่ได้รับประทานยาหลังปลูกผมครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง เผลอทำพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุให้ผมใหม่หลุดร่วงก่อนเวลาอันควรในปริมาณมาก เช่น ปล่อยให้บริเวณผมปลูกใหม่ถูกกระทบกระเทือน ออกกำลังกายหนักเกินไป หรือใช้ความร้อนกับเส้นผม โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ซึ่งรากผมยังไม่ฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ 

เมื่อเป็นเช่นนี้ แทนที่ผมจะแลดูหนาแน่นสุขภาพดีขึ้น กลับยังดูบาง จนไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับเจ้าของเส้นผมได้ ดังนั้น การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้ได้ดีทีเดียว

ปลูกผมครั้งแรกไปแล้วนะ แต่ก็ยังเกิดภาวะผมล้านต่อ!!

ในบางครั้ง การปลูกผมใหม่อาจไม่สามารถแก้ปัญหาผมร่วงผมบางทั่วทั้งศีรษะได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องมาจากปัจจัยทางชีวภาพของร่างกายเราเอง ทำให้แม้ว่าจะปลูกผมใหม่ไปแล้ว รวมทั้งดูแลสุขภาพผมอย่างดีแล้ว ก็ยังเกิดภาวะผมร่วง ผมบาง และผมล้านตามมาหลังจากนั้นได้

ภาวะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง เกิดจากลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดสู่กันในครอบครัว ร่วมกับปัจจัยจากฮอร์โมนเพศ โดยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) จะถูกเจ้าเอนไซม์ที่มีชื่อว่า 5-alpha reductase บริเวณหนังศีรษะ เปลี่ยนให้เป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมที่เกิดขึ้นใหม่ มีรากผมอ่อนแอ มีลักษณะของเส้นผมที่บางและสั้น จนหลุดร่วงได้เร็วกว่าที่ควร 




อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า อาการผมร่วงและผมบางมักเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากหรือกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยมักจะหลงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้าย นั่นเป็นเพราะรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง ทนทานต่อฮอร์โมน DHT มากเป็นพิเศษ ดังนั้น ในการปลูกผมใหม่ แพทย์จึงต้องเลือกนำผมจากบริเวณท้ายทอยนี่เอง ย้ายมาปลูกทดแทนใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยคุณสมบัติด้านฮอร์โมน DHT จะยังคงติดมากับรากผมเหล่านี้ด้วย ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนเส้นผมเก่า 

ถึงแม้เราจะมั่นใจได้ว่า ผมปลูกใหม่จะมีความแข็งแรงและสามารถอยู่กับเราได้ไปตลอดชีวิต แต่อย่าลืมว่าเราทำการปลูกผมใหม่เฉพาะในบางจุดของศีรษะเท่านั้น ดังนั้น ในส่วนที่เป็นผมเดิม ก็จะยังคงได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่ายอยู่ นี่เองที่เป็นสาเหตุของภาวะผมล้านต่อแม้จะทำการปลูกผมใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

จริงอยู่ที่ว่า การดูแลบำรุงเส้นผมอย่างดี และการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำร้ายเส้นผม ก็สามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมลงได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่า มีภาวะผมร่วงและผมบางจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ แพทย์อาจให้คำแนะนำในการปลูกผมเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเติมผมให้ดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไม่พอใจทรงผมเดิมจากการปลูกครั้งแรก

ความชอบและความพึงพอใจ เป็นรสนิยมส่วนตัวของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะรู้สึกยังไม่มั่นใจเต็มร้อยกับทรงผมที่เกิดจากการปลูกผมใหม่ในครั้งแรก หรือต้องการเปลี่ยนบุคลิกเพื่อเป้าหมายในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ในกรณีนี้ การปลูกผมซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ก็เป็นทางออกที่สามารถช่วยได้เช่นกัน


2. การปลูกผมครั้งที่ 2 มีข้อจำกัดอย่างไร ??

จำนวนกราฟต์ผมที่พร้อมสำหรับการปลูกใหม่ อาจไม่เพียงพอ


อย่างที่ทราบแล้วว่า แพทย์จะย้ายกราฟต์ผมต้นทุนจากบริเวณท้ายทอยด้านหลัง ซึ่งมีความแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย เพื่อนำมาปลูกทดแทนในบริเวณที่ผมบาง อย่างไรก็ตาม กราฟต์ผมคุณภาพดีแบบนี้มีอยู่เพียงจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนไข้ผ่านการปลูกผมครั้งแรกและใช้กราฟต์ผมบางส่วนไปเรียบร้อยแล้ว จึงจำเป็นต้องประเมินอีกครั้งว่า กราฟต์ผมคุณภาพดีที่ยังเหลืออยู่ จะมีจำนวนเพียงพอที่จะแก้ปัญหาผมในครั้งที่ 2 ได้อย่างครอบคลุมหรือไม่

พื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ อาจกินบริเวณกว้าง

ยิ่งถ้าปัญหาผมบางกินพื้นที่ค่อนขว้างกว้าง หรือมีหลายจุด ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมต้นทุนจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเหลืออยู่จากการปลูกผมครั้งแรก จะมีจำนวนไม่เพียงพอ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ ทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการวางแผนการปลูกผมใหม่ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยบริหารจำนวนกราฟต์ผมต้นทุน ให้เหมาะสมกับลักษณะหรือระดับความรุนแรงของปัญหาผม รวมถึงพื้นที่ที่ต้องการปลูกผมใหม่ ส่งผลให้การปลูกผมครั้งที่ 2 บนข้อจำกัดต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถที่จะประสบความสำเร็จอีกครั้งก็เป็นได้

รอยแผลจากการปลูกครั้งแรก 

หนังศีรษะที่หลงเหลือรอยแผลจากการปลูกผมครั้งแรก ก็เป็นข้อจำกัดอีกข้อหนึ่งที่อาจทำให้ผมใหม่ปลูกติดยากขึ้น หลุดร่วงง่ายขึ้น ดังนั้น การเลือกแนวทางการรักษาที่ทิ้งรอยแผลไว้น้อยที่สุดตั้งการปลูกผมครั้งแรก ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้การปลูกผมครั้งที่ 2 มีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเช่นกัน


3. สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปลูกผมครั้งที่ 2 ??

หลายคนคิดว่า การปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยจัดการกับปัญหาผมบาง และเติมผมให้แลดูหนาแน่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การปลูกผมซ้ำหลังจากที่เคยปลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีข้อจำกัดอย่างที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถการันตีได้ว่าการปลูกผมจะประสบความสำเร็จเต็มร้อยอย่างที่คิดภาพไว้ 

ขณะเดียวกัน คนไข้บางคนก็มีปัญหากับทิศทางเส้นผมหลังจากทำการปลูกใหม่ในครั้งแรก ซึ่งผมใหม่อาจจะเรียงตัวแบบย้อนแย้งหรือชี้ผิดทิศผิดทางไปจากเส้นผมเดิม ทำให้ดูไม่กลมกลืน ไม่เป็นธรรมชาติ อยากจะจัดแต่งทรงผมก็ทำได้แค่เฉพาะบางทรงเท่านั้น คนไข้ที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ก็คาดหวังว่าการปลูกผมครั้งที่ 2 จะช่วยแก้ไขเรื่องทิศทางเส้นผมได้ ซึ่งนี่ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะทิศทางของเส้นผม เมื่อปลูกลงไปแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ 

ดังนั้น ทิศทางของเส้นผมจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และควรให้ความสำคัญตั้งแต่การปลูกครั้งแรก ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เส้นผมแต่ละเส้นมีองศาความโค้งต่างกัน พื้นที่ปลูกผมแต่ละบริเวณก็มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมต่างกัน แพทย์จึงต้องคัดเลือกเส้นผมให้มีองศาความโค้งเหมาะสมกับบริเวณที่จะปลูก และค่อย ๆ ปลูกโดยปักกราฟต์ผมให้ได้ทิศทางที่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จนสามารถจัดแต่งทรงผมได้อิสระทุกสไตล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมยาวขึ้นแล้วและยิ่งเห็นทิศทางของเส้นผมชัดเจน ซึ่งคนไข้จะต้องอยู่กับเส้นผมในทิศทางเช่นนั้นไปจนตลอดชีวิต


4. ทำอย่างไรหากไม่อยากเสี่ยงปลูกผมซ้ำครั้งที่ 2 ??

เพราะการปลูกผมครั้งที่ 2 มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเต็มร้อยอย่างที่คาดหวังไว้ และคนเราก็คงไม่สามารถปลูกผมได้บ่อย ๆ หลายคนปลูกได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้นเอง เนื่องจากจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนด้านหลังท้ายทอยมีจำกัด ดังนั้น คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือ ปลูกผมให้ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ให้ความสำคัญกับการเลือกแนวทางรักษาที่น่าเชื่อถือและตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด รวมไปถึงความใส่ใจในการดูแลเส้นผมหลังปลูก รับประทานยา และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์จากการปลูกผมครั้งแรกออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด

และสำหรับบางคนที่มีปัญหาภาวะผมร่วง ผมบาง อยู่ในระดับรุนแรง ก็สามารถเข้ามาพูดคุยปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะช่วยคำนวณกราฟต์ผมต้นทุน และประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนผมสวย หนาแน่น สุขภาพดี พร้อมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้กับเจ้าของเส้นผมได้อีกครั้ง


เจาะลึก 1 วันของการปลูกผม
“จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันปลูกผม?” 
คำถามนี้ น่าจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผม บางคนอาจกำลังกังวลว่า ขั้นตอนต่าง ๆ จะต้องเริ่มจากอะไร ยุ่งยากหรือไม่ ปลูกผมเจ็บมั้ย ใช้เวลานานแค่ไหน ทำไมนานจัง คุณหมอเป็นผู้ปลูกให้เองหรือเปล่า แล้วเราสามารถบอกทรงผมที่ต้องการกับคุณหมอได้หรือไม่ 

วันนี้ เราจึงชวนมาเจาะลึก 4 ขั้นตอนหลัก ๆ ใน “1 วันของการปลูกผม” เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัยที่อาจอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำถาม และช่วยให้คุณเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมเพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่อย่างสบายหัวใจมากขึ้น 


Step 1 ออกแบบทรงผมและกรอบหน้าใหม่
ระยะเวลา 30 – 45 นาที
เตรียมบอกลาคุณคนเดิมได้เลย เพราะในขั้นตอนนี้ คุณหมอจะเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนไข้เพื่อทำความเข้าใจปัญหาเส้นผม รวมถึงความต้องการของคนไข้เอง ว่าอยากได้รูปหน้าหรือทรงผมใหม่แบบไหน มีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขอะไร เพื่อวางแผนแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ที่สุดร่วมกัน โดยคุณหมอจะคำนวณปริมาณกราฟต์ผมที่จะต้องย้ายออกจากด้านหลังท้ายทอยของคนไข้เอง เพื่อนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหาอย่างเหมาะสมที่สุด


เมื่อพร้อมแล้ว คุณหมอจะเริ่มวาดเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ ตามสัดส่วนทองหรือ golden ratio โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับแต่งโครงหน้าให้คุณผู้ชายดูสมาร์ทและคมเข้มขึ้น และให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งขึ้น รวมถึงแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย เมื่อได้รูปหน้าใหม่ที่ตรงใจคนไข้แล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลย


Step 2 เตรียมพื้นที่ด้านหลังท้ายทอย
ระยะเวลา 15 – 30 นาที
สำหรับขั้นตอนนี้ คุณหมอจะใช้เวลาเพียงไม่นานในการค่อย ๆ ตัดแต่งผมด้านหลังท้ายทอยออกด้วยตัวเอง เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการย้ายกราฟต์ผมออก ถึงตรงนี้หลายคนอาจกังวลว่า ผมด้านหลังจะแหว่งหายไปแค่ไหน คนอื่นจะสังเกตเห็นได้ง่ายหรือเปล่า แล้วจะต้องคอยทำทรงผมเพื่อปิดบังรอยแผลด้านหลังหรือไม่ 

คำตอบก็คือไม่ต้องห่วงเลย เพราะคุณหมอได้ออกแบบเทคนิคเพื่อซ่อนแผลด้านหลัง ด้วยการตัดเล็มผมและย้ายกราฟต์ผมออกเป็นลักษณะแถบบาง ๆ สลับกัน “แบบขั้นบันได” ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณสามารถทำผมทรงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเผลอโชว์รอยแผลจากการปลูกผม


Step 3 ย้ายกราฟต์ผมออก
ระยะเวลา 2 – 3 ชั่วโมง
มาถึงขั้นตอนของการย้ายกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากเป็นการค่อย ๆ เจาะนำกราฟต์ผมออกทีละกราฟต์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่จะใช้เครื่องมือนำเข้าจากต่างประเทศที่มีหัวเจาะขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร ดังนั้นจึงเหลือไว้เพียงรอยขนาดเล็ก ๆ ด้านหลัง ในขั้นตอนนี้ คนไข้จะอยู่ในท่านอนเพื่อให้รับบริการได้อย่างสะดวกสบายที่สุด

หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการย้ายกราฟต์ผมออก ก็ถึงเวลาที่คนไข้จะหยุดพักเพื่อรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกราฟต์ผมที่ได้นั้น คุณหมอจะนำไปคัดเลือก แยกขนาด และตัดแต่งเพื่อความเรียบร้อย จนได้กราฟต์ผมที่มีขนาดและคุณภาพเหมาะสมสำหรับนำไปปลูกใหม่


Step 4 ปลูกผมใหม่ แบบ “เส้น-ต่อ-เส้น”
ระยะเวลา 3 – 5 ชั่วโมง
และในขั้นตอนสำคัญนี้เอง คุณหมอจะเป็นผู้ลงมือนำผมใหม่มาปลูกในบริเวณที่เป็นปัญหาด้วยตัวเอง ทีละเส้น ทีละเส้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากคุณหมอต้องคอยควบคุมการปักเส้นผมนับพันเส้น โดยคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นทิศทาง องศา ความลึก ขนาดเส้นผม หรือความหนาแน่น เพื่อให้เส้นผมใหม่กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด 

แน่นอนว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความประณีตและตั้งใจในการทำงานกับเส้นผมเป็นพิเศษ แต่จะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับจำนวนกราฟต์ผมและความซับซ้อนของปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วยนั่นเอง

เมื่อเสร็จสิ้น 1 วันของการปลูกผม คุณหมอจะแนะนำวิธีการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงข้อควรหลีกเลี่ยงต่างๆเพื่อให้กราฟต์ผมใหม่ฝังรากมั่นคงในชั้นหนังศีรษะโดยไม่หลุดร่วงไปง่าย ๆ และสามารถเติบโตแข็งแรงตามวงจรเส้นผมต่อไป เพื่อเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ได้อย่างที่คุณต้องการ


ปลูกผมฝีมือ “หมอ” เส้น-ต่อ-เส้น
ปลูกผม “เส้น-ต่อ-เส้น” ด้วยมือของคุณหมอเอง ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเลยสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและการปลูกผมตัวจริง เพราะเสียงจากคนไข้มากมายช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ผมใหม่ของพวกเขาผ่านมือ “คุณหมอ” มาแล้วทุกเส้น!! โดยคุณหมอเป็นผู้ลงมือคัดเลือก ตัดแต่ง และปักกราฟต์ผมใหม่นับพันกราฟต์อย่างตั้งใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มบริเวณที่ผมบางให้กลับมาหนาแน่นดูเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เพื่อเติมเต็มตัวตนให้เจ้าของเส้นผมได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจได้เต็มที่อีกครั้งด้วย

และความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของคุณหมอ ก็ไม่ได้มอบให้คนไข้แค่เพียง 1 วันในห้องหัตถการปลูกผมเท่านั้น แต่เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาอันยาวนาน ในทุก ๆ กระบวนการตั้งแต่ขั้นแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย 

ใส่ใจใน “ศาสตร์” ผม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้ที่รอบรู้และแม่นยำใน “ศาสตร์การปลูกผม” มากกว่าใคร ยิ่งเมื่อบวกกับทักษะและประสบการณ์ที่แพทย์สั่งสมจากการทำงานและการศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากจะมั่นใจได้ว่า การแก้ไขปัญหาเส้นผมนั้นเป็นไปตามหลักวิชาการแพทย์ที่เชื่อถือได้แล้ว แนวทางการรักษายังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ “เฉพาะบุคคล” อีกด้วย


เพราะการปลูกผมไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แพทย์จึงต้องนำศาสตร์มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบปัญหาเส้นผมของคนไข้ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคน นับเป็นความท้าทายที่แพทย์ต้องแก้โจทย์ต่างจากเดิมทุกครั้งที่ลงนั่งรับฟังและพูดคุยกับคนไข้ เรียกได้ว่า คิดใหม่แบบ “เคสต่อเคส”

ทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และความต้องการของคนไข้
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันไปตามเพศและวัย ทั้งลักษณะของผมที่ถอยร่นสูงขึ้นบริเวณหน้าผาก ผมบางเป็นวงจากกลางศีรษะ หรือผมบางจากบริเวณรอยแสก ซึ่งแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางไม่เท่ากัน ทั้งนี้ แพทย์จะวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากสุขภาพผมและหนังศีรษะที่ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมเส้นบาง ลีบเล็กกว่าที่ควร หรืออาจเกิดจากกรรมพันธุ์ที่ได้รับมาจากคนในครอบครัว ฮอร์โมนเพศ โรคหรือความเจ็บป่วย พฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างที่อาจทำร้ายเส้นผม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดสารอาหารบางชนิด การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ตลอดจนภาวะเครียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ และส่งผลให้แนวทางการรักษาแตกต่างกันตามไปด้วย ที่สำคัญ แพทย์ที่ใส่ใจอย่างแท้จริงจะไม่ลืมคำนึงถึงความต้องการของคนไข้ เพราะเส้นผมบนศีรษะส่งผลถึงการสะท้อนตัวตนและความมั่นใจในการใช้ชีวิตของคนไข้ด้วย แพทย์จึงควรทำความเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว รวมถึงทรงผมใหม่ที่จะดึงความมั่นใจของคนไข้ออกมาได้มากที่สุด ตามนิยามความงามของคนไข้เอง


วางแผนและคำนวณการใช้กราฟต์ผม
กราฟต์ผมต้นทุน หมายถึงผมที่มีคุณภาพและแข็งแรงเพียงพอที่แพทย์จะสามารถย้ายไปปลูกยังบริเวณที่เป็นปัญหาได้ เนื่องจากมีความทนทานต่อฮอร์โมนที่ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงก่อนเวลาที่ควร กราฟต์ผมต้นทุนดังกล่าวจะอยู่ในบริเวณท้ายทอยด้านหลังไปจนถึงหลังกกหู ซึ่งกราฟต์ผมต้นทุนของแต่ละคนนั้นจะมีปริมาณและคุณภาพไม่เท่ากัน และในบางกรณี หากคนไข้มาปรึกษาแพทย์เมื่ออาการค่อนข้างรุนแรงแล้ว จำนวนกราฟต์ผมต้นทุนที่เหลืออยู่ก็อาจไม่สัมพันธ์กับบริเวณที่ต้องการปลูกผมซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น แพทย์จึงต้องนำปัจจัยนี้มาคำนวณร่วมด้วยในการวางแผนใช้กราฟต์ต้นทุนเพื่อปลูกผมใหม่แบบเฉพาะบุคคลนั่นเอง

เลือกเทคนิคการปลูกผมที่เหมาะสม
แพทย์ยังต้องเลือกเทคนิคต่าง ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ปัญหาหลาย ๆ รูปแบบ เช่น เทคนิคการซ่อนแผลด้านหลังท้ายทอยแบบขั้นบันได หรือเทคนิคการปลูกผมแทรก ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาผมบาง และต้องการเติมความหนาแน่นให้กับผมบริเวณนั้น เป็นต้น


วางแผนการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กับการปลูกผม
นอกจากการปลูกผมใหม่แล้ว การแก้ปัญหาเส้นผมในภาพรวมอาจต้องอาศัยกระบวนการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำร้ายเส้นผม การดูแลเอาใจใส่และบำรุงเส้นผมให้มากขึ้น การรับประทานยา ตลอดจนการเข้ารับบริการเสริมต่าง ๆ เช่น การฉีด Growth hormone หรือการฉายแสงเลเซอร์ LLLT เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและลดการหลุดร่วงของเส้นผมร่วมด้วย

ใส่ใจในความงามเชิง “ศิลป์”
เพราะการปลูกผมคือศาสตร์และศิลป์ ความสำเร็จของการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง ต้องมาพร้อมกับความพึงพอใจในด้าน “ความงาม” ด้วย แพทย์จึงไม่เพียงเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์เส้นผม แต่ยังต้องมีมุมมองเชิงศิลป์ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ความงามของคนไข้เจ้าของเส้นผมได้


ดังนั้น แพทย์จึงให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบเส้น Hairline หรือกรอบหน้าใหม่ โดยอาศัยพื้นฐานของสัดส่วนความงาม golden ratio เพื่อปรับโครงหน้าคืนความอ่อนวัยให้กับคนไข้ โดยปรับให้ใบหน้าของคุณผู้ชายมีความคมเข้ม กรอบหน้าชัด แลดูสมาร์ทยิ่งขึ้น และสำหรับคุณผู้หญิงก็ปรับให้มีความหวานละมุนชวนมอง และอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทำการปลูกผม แพทย์จะต้องอาศัยศิลปะในการไล่ลำดับความหนาแน่นของเส้นผมให้เข้ากับบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณไรผมด้านหน้า ต้องการเส้นผมที่มีขนาดเล็กและบางกว่า ส่วนบริเวณที่ลึกเข้าไป จะต้องการเส้นผมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเรียงตัวหนาแน่นขึ้น ซึ่งแพทย์จะต้องนำกราฟต์ผมที่ได้จากท้ายทอยด้านหลังมาคัดแยกคุณภาพและขนาด และเลือกปลูกใหม่ให้เหมาะสมกลมกลืนกับเส้นผมเดิมในบริเวณนั้น ๆ

นอกจากขนาดของเส้นผมและความหนาแน่นแล้ว แพทย์ยังใส่ใจเรื่องทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ซึ่งจะต้องควบคุมให้เส้นผมเรียงตัวในทิศทางเดียวกับเส้นผมเดิม และวางตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม เพื่อความกลมกลืน แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด จะเห็นได้ว่า การแก้ปัญหาเส้นผมให้คนไข้ แทบไม่ต่างจากการสร้างงานฝีมือของช่างศิลป์ หรือการสร้างผลงานศิลปะของแพทย์เอง


ใส่ใจในทุก “เส้นผม”
หลังจากคัดแยก แบ่ง และตัดแต่งกราฟต์ผมทีละกราฟต์ ให้มีความเรียบร้อยและพร้อมที่จะนำไปปลูกใหม่แล้ว แพทย์จะลงมือปลูกผมแบบ “เส้น-ต่อ-เส้น” โดยอาศัยความละเอียด ประณีต ในการปักผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสม ไม่บางเกินไป และไม่หนาแน่นเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ ควบคุมทิศทางและองศาให้กลมกลืนกับเส้นผมเดิม รวมถึงปักเส้นผมให้ได้ความลึกที่พอดี เพื่อให้สามารถรับสารอาหารที่ลำเลียงมาเลี้ยงเส้นผมได้อย่างเต็มที่ โดยทั้งหมดนี้ ต้องค่อย ๆ ปลูกทีละเส้น ทีละเส้น และอาศัยทักษะจากประสบการณ์การปลูกผมที่ผ่านมา จนเกิดความเชี่ยวชาญ แม่นยำ ที่ผสมผสานทั้งศาสตร์ ศิลป์ และความใส่ใจ ไว้ในขั้นตอนเดียว

ใส่ใจตลอด “เส้นทางสู่คุณคนใหม่”
และความใส่ใจยังไม่จบลงแค่ในวันปลูกผม เพราะจากนี้คือการปล่อยให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ ค่อย ๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม โดยแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดูแลและบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ต้องระมัดระวังเส้นผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ หรือช่วง shock loss ที่เส้นผมใหม่จะหลุดร่วงออกตามธรรมชาติ ก่อนจะค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ตามเดิม รวมทั้งคอยติดตามผลและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษา ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผมสวยสุขภาพดี คุ้มค่ากับเวลาที่อดทนรอคอย บนเส้นทางที่จะเปลี่ยนคุณไปสู่คนใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความใส่ใจระดับ “เส้น-ต่อ-เส้น” ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมตัวจริง

ปลูกผมเสริมขวัญ
เราทุกคนมีขวัญบนศีรษะติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด คนส่วนใหญ่จะมีเพียงขวัญเดียว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีมากกว่า 1 ขวัญขึ้นไป ขวัญมีลักษณะเป็นก้นหอย หมุนเป็นวงไปทางซ้ายหรือทางขวา ขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของแต่คน

รูปแบบการหมุนของขวัญบนศีรษะ จะเป็นตัวบอกทิศทางเส้นผมได้คร่าวๆ ว่าเส้นผมจะไปในทิศทางตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา โดยสังเกตจากผมบริเวณรอบๆ ต่อเนื่องจนมาถึงบริเวณหน้าผาก จะเห็นบริเวณโคนผมว่าองศาไปในทิศทางใด และยังอาจสังเกตตัวเองได้อีกว่าเวลาปัดผม การปัดข้างซ้ายหรือข้างขวาปัดไปได้ง่ายและดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน

จริงๆแล้วขวัญบนศีรษะไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่สำหรับบางคน รูปแบบหรือลักษณะของขวัญก็อาจจะสร้างปัญหาและความวิตกกังวลให้พอสมควร ลองมาดูกันว่าคุณมีปัญหาแบบนี้บ้างหรือไม่

ผมบริเวณรอบๆขวัญขึ้นไร้ทิศทาง ไม่เรียงเส้น จนต้องเรียกว่า “ชี้โด่ชี้เด่” พยายามหวีผมปิดแล้วก็ยังปิดไม่มิด สร้างความรำคาญใจให้พอสมควรทีเดียว บางคนมี 2-3 ขวัญ และบางครั้งก็อยู่ในบริเวณที่ไม่ควรจะอยู่ เช่น ด้านหน้าศีรษะ หน้าผากหรือขมับ อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องทิศทางของเส้นผม และบริเวณขวัญจะดูเหมือนผมบางเป็นหย่อมๆ ซึ่งทำให้เสียความมั่นใจได้ไม่น้อยเลย


ปัญหาที่พบได้บ่อยและพบตั้งแต่อายุยังน้อยคือผมบริเวณขวัญบางลงเรื่อยๆ และขยายวงกว้างขึ้นจนอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ลักษณะที่พบได้คือ ผมบางเป็นรูปตัว O บริเวณกลางศีรษะ ซึ่งหากใครรู้สึกว่ากำลังเจอกับปัญหานี้ นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ควรต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไรในเมื่อขวัญก็ต้องอยู่บนศีรษะเราไปตลอดชีวิต คำตอบคือ การปลูกผมช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยเฉพาะการปลูกผมเทคนิค NEAT ที่มีจุดเด่นคือสามารถปลูกผมทีละเส้นแทรกเข้าไปในช่องว่างได้ เพื่อเสริมความหนาแน่นของเส้นผม ในกรณีที่ต้องปลูกผมบริเวณขวัญตรงกลางศีรษะเช่นนี้ แพทย์จะออกแบบทิศทางของเส้นผมให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันกับขวัญ ไม่ว่าจะไปตามเข็มนาฬิกา หรือ ทวนเข็มนาฬิกา เพื่อให้ผมแนบเนียนไปกับผมเดิมและดูเป็นธรรมชาติ



ที่นามนินมีมาตรฐานที่โดดเด่นคือ แพทย์จะประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาเฉพาะเป็นรายบุคคล หากมาพบแพทย์ตอนที่ปัญหายังไม่รุนแรง แพทย์ก็จะแนะนำการรักษาที่เหมาะสมให้ก่อน แต่หากผมบางรุนแรงมาก และต้องทำการปลูกผมถาวร แพทย์ก็จะเป็นผู้ลงมือปลูกผมทุกเส้นให้คนไข้ด้วยตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผมร่วงผมบาง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดของศีรษะ ไม่ควรรอจนปัญหาขยายวงกว้างมากเกินไป การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากที่สุด  


“ผมร่วง ผมบาง” รักษาแบบไหนดี
ปัญหาผมร่วงและบางมีหลายรูปแบบและหลายระดับความรุนแรง การจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด จึงควรประเมินให้ถูกต้องก่อนว่าภาวะผมร่วงและบางอยู่ในระดับใด สามารถรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง เช่น การกินยา ทำทรีทเมนต์ หรือการปลูกผมถาวร

ผมร่วงและบางระดับเริ่มต้น ผมจะยังบางไม่มากนัก รูขุมขนบนหนังศีรษะยังเปิดอยู่ เซลล์รากผมยังทำงาน การแก้ปัญหาผมร่วงที่ยังอยู่ในระดับนี้สามารถรักษาได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้ยาในกลุ่มไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) มีทั้งแบบกิน และแบบทาภายนอก โดยตัวยาจะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นมีขนาดใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมแข็งแรงขึ้น ผมหลุดร่วงน้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นเป็นลำดับ

แต่ผลของการใช้ยาขึ้นอยู่กับความมีวินัยและความอดทนของผู้รับการรักษาด้วย เพราะใช้เวลานานต้องใช้ยาในปริมาณที่ถูกต้องและต่อเนื่องและถ้าเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนผมไม่สามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้แล้ว การใช้ยาก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกัน และข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร



การทำทรีทเมนต์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการรักษาผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้น เพราะสะดวกสบาย ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลชัดเจนด้วยการเข้ารับบริการเพียงไม่กี่ครั้ง ทรีทเมนต์ที่ได้รับความนิยมมี 2 วิธี วิธีแรกคือ Hair Growth Treatment  เป็นนวัตกรรมการนำ Growth factor ของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ โดยการเก็บเลือดจากบริเวณข้อพับแขนเพียงเล็กน้อย และนำเลือดที่ได้มาเติมสารต้านการแข็งตัวของเลือด แล้วจึงปั่นด้วยเครื่องเหวี่ยงสาร เพื่อให้เลือดแยกชั้นออกเป็นชั้นเซลล์ จากนั้นนำ Growth factor ที่ได้มาผสานกับวิตามินเข้มข้นสูตรเฉพาะแล้วจึงฉีดเข้าสู่หนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมให้กลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่หนาและแข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม รวมถึงบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีขึ้น


อีกวิธีหนึ่งคือ การฟื้นฟูผมด้วยแสง LLLT (Low Level Laser Therapy) คือการฉายเลเซอร์จากคลื่นแสงความถี่ต่ำที่มีความยาวคลื่นในช่วง 620-660 นาโนเมตร เป็นแสงสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลงบนหนังศีรษะ ช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ผิวหนัง  ออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ จึงมาเลี้ยงรากผมได้ดีขึ้น ช่วยให้เซลล์ทำงานได้ตามปกติ นำไปสู่การสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่ายและเส้นผมหนาขึ้น


Hair Growth Treatment และ LLLT เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ และไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังเข้ารับบริการ อีกทั้งยังดูแลง่าย เพียงห้ามหนังศีรษะโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก จากนั้นผู้เข้ารับการรักษาสามารถสระผมหรือเช็ดผมอย่างเบามือได้ตามปกติ และที่สำคัญ การทำทรีทเมนต์ทั้ง 2 แบบนี้ นอกจากจะรักษาภาวะผมร่วงและบางในระดับเริ่มต้นได้แล้ว ยังมีประสิทธิภาพดีมากกับผู้ที่ได้รับการปลูกผมมาใหม่ๆอีกด้วย ช่วยให้แผลหายเร็ว เส้นผมใหม่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้น  

สำหรับผู้ที่มีภาวะผมร่วงและบางระดับที่รุนแรงขึ้น ผมร่วงรุนแรงและบางมากจนเห็นหนังศีรษะได้ชัดเจนขึ้น รูขุมขนไม่ทำงาน ผมร่วงไปแล้วไม่มีผมขึ้นใหม่ การใช้ยาหรือทรีทเมนต์เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้รักษาด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาจะตัดสินใจเลือก

ที่นามนินมีการดูแลรักษาปัญหาผมร่วงผมบางอย่างครอบคลุม ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา หากแพทย์ประเมินแล้วว่าปัญหายังไม่รุนแรงมากนัก ก็จะแนะนำให้รักษาด้วยการใช้ยาหรือทำทรีทเมนต์ก่อน แต่หากปัญหารุนแรงขึ้น นามนินก็มีการปลูกผมที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว คือ เทคนิค NEAT ที่ลงตัวทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” เป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์ทุกด้านของการปลูกผมถาวร ทั้งนวัตกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัย ดูแลและรักษาด้วยความเชี่ยวชาญ เหนือกว่าด้วยความใส่ใจและฝีมือที่ไม่เป็นรองใครของคุณหมอนิน คนไข้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายหลังการปลูกผม และที่สำคัญคือผลลัพธ์ที่ได้นั้นมากกว่าการสัมผัสเส้นผมใหม่ที่สวยเป็นธรรมชาติด้วยตาเห็นเพียงอย่างเดียว แต่สัมผัสถึงความรู้สึกดีได้จากภายใน เมื่อรู้สึกมีความสุขและมั่นใจ ตัวตนใหม่ที่โดดเด่นก็จะสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน

อย่าใช้คำว่า “ไม่เป็นไร รอก่อน” กับปัญหาผมร่วงผมบาง เพราะมันอาจไม่ได้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ลึกๆแล้วมันส่งผลกระทบด้านจิตใจ ผู้ที่รู้สึกว่าผมร่วงมากผิดปกติควรหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ และไม่ต้องลังเลที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวคุณเองโดยเร็วที่สุด 

ผมแข็งแรง ด้วยแสง LLLT
ปัจจุบัน นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้รับการคิดค้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบำรุงดูแลเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือนวัตกรรม แสงเลเซอร์ LLLT ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าแสงเลเซอร์นั้นสามารถช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือ และทำได้อย่างไร 
...มาคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับแสงเลเซอร์ LLLT ไปพร้อม ๆ กัน...

ชื่อเต็ม ๆ ของ LLLT ก็คือ  Low Level Laser Therapy หมายถึงการรักษาด้วยเลเซอร์คลื่นความถี่ต่ำ โดยเลเซอร์ที่ว่านี้มีความยาวคลื่นที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 650 – 680 นาโนเมตร ซึ่งเราสามารถมองเห็นแสงเลเซอร์เป็นสีแดงได้ด้วยตาเปล่า 

เมื่อแสงเลเซอร์ถูกฉายลงบนหนังศีรษะของเรา บรรดาเซลล์ทั้งหลายจะพากันดูดซับพลังงานจากคลื่นความถี่ต่ำ และพลังงานนี้เองจะไปกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด ให้สามารถนำสารอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ

เซลล์รากผม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพเส้นผมเลยก็ว่าได้ ทำให้สามารถดูดซับสารอาหารต่าง ๆ ได้มากขึ้น และพร้อมที่จะสร้างเส้นผมใหม่ที่มีคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เส้นผมที่เคยเล็ก ลีบบาง จะกลับหนาและแข็งแรงจากภายในอย่างแท้จริง

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือเส้นผมใหม่ที่งอกได้เร็วขึ้น ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง ผมที่เคยแลดูบางก็กลับหนาแน่นขึ้นด้วย แสงเลเซอร์ LLLT จึงสามารถรักษาอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรม จากความผิดปกติของหนังศีรษะ หรือจากการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและสุขภาพเส้นผมแต่เดิมของแต่ละคน ตลอดจนสีของหนังศีรษะและเส้นผม รวมถึงความดกหนาของเส้นผมด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดการตอบสนองต่อแสงเลเซอร์และดูดซับพลังงานได้มากน้อยต่างกัน 

ไม่เพียงเท่านั้น พลังแสงเลเซอร์ยังช่วยบำรุงสุขภาพหนังศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเพิ่งเข้ารับการปลูกผมมาใหม่ ๆ แสงเลเซอร์นี้จะช่วยกระตุ้นการสมานแผลบนหนังศีรษะ และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผมปลูกใหม่เสี่ยงต่อการหลุดร่วงน้อยลง และเห็นผลลัพธ์ผมใหม่ที่หนาแน่นแข็งแรงได้เร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ แพทย์แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการสระผมมาก่อน และใช้เวลาในการฉายแสงเลเซอร์ตามคำแนะนำซึ่งจะอยู่ในช่วงระยะเวลาครั้งละ 15 – 30 นาที ความถี่ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 – 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งยังไม่ควรรับการฉายแสงบ่อยจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการศีรษะแห้งได้ และหลังจากการฉายแสง ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการรักษาด้วย LLLT จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผมโดยตรง โดยไม่สามารถสร้างเซลล์รากผมใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมได้ ดังนั้น จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผมล้านอย่างรุนแรงหรือไม่มีรากผมหลงเหลืออยู่แล้ว (ในกรณีนี้ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป) 

การฉายแสงเลเซอร์ LLLT ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ไม่มีผลข้างเคียงให้ต้องกังวลใจ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่ต่ำกระตุ้นหนังศีรษะจากภายนอกหรือบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บระหว่างการฉายแสงด้วย

แสงเลเซอร์ LLLT จึงเป็นนวัตกรรมที่ “นามนิน” เลือกให้เป็นหนึ่งในบริการ Treatment สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วง ผมบาง และผู้ที่เพิ่งเข้ารับการปลูกผม หรืออยู่ในระหว่างช่วง Shock loss หลังปลูกผม ซึ่งผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงไปตามวงจรธรรมชาติก่อนงอกกลับขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูเซลล์รากผมให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนความหนาแน่นแข็งแรงให้กับเส้นผมได้อีกครั้ง 

ปลูกผม“ครั้งแรก”เลือกให้ดีที่สุด
“ปลูกผมครั้งแรก” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่พอควรสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะเมื่อคุณตอบคำถามแรกของตัวเองได้แล้วว่า จะลองปลูกผมดีหรือไม่ คำถามต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกปลูกผมครั้งแรกอย่างไรให้ “ดีที่สุด”

นี่เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการการปลูกผมแบบถาวร ซึ่งคุณอาจจะต้องใช้เวลาไปกับการศึกษาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นถูกต้องแล้ว!! การเลือกปลูกผมครั้งแรกที่ไหนและอย่างไร เป็นคำถามที่ไม่ง่าย และไม่ควรง่ายด้วย!! เพราะการปลูกผมครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เส้นผมบนศีรษะของคุณจะเป็นอย่างไรทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกผมครั้งแรกนี่เอง 

ทำไมเราจึงย้ำหลายครั้งถึง “ความสำคัญ” ของการ “ปลูกผมครั้งแรก” ต้องเข้าใจก่อนว่า การปลูกผม ไม่ใช่การนำเส้นผมจากใครที่ไหนก็ได้มาปลูกใหม่บนหนังศีรษะของเรา แต่จะต้องเป็นผมจากร่างกายของเราเองเท่านั้น และไม่ใช่ผมทั่วทั้งศีรษะที่จะนำมาปลูกใหม่ได้ แต่จะต้องเป็นผมจากบริเวณ Safe Zone ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของหนังศีรษะเท่านั้น อย่าลืมลองจินตนาการเพิ่มเติมอีกสักนิดว่า แต่ละคนมีปัญหาสุขภาพผม รวมถึงอาการผมร่วงและผมบางรุนแรงไม่เท่ากัน “ทรัพยากรผมต้นทุน” ที่จะสามารถนำไปปลูกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับแต่ละคน จึงมากน้อยต่างกันตามไปด้วย 



เมื่อทรัพยากรผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ของคนเรามีอยู่อย่างจำกัด การบริหารจัดการผมต้นทุนเพื่อนำมาปลูกใหม่อย่างรอบคอบและเหมาะสมตั้งแต่การปลูกครั้งแรก จึงเป็นหัวใจของการรักษา ที่จะส่งผลต่อเส้นผมของเราทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการปลูกผมครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด และต้อง “เลือก” แนวทางการรักษาที่ใช่ ด้วยความใส่ใจอย่างแท้จริง

มาทำความเข้าใจธรรมชาติของผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone กันอีกสักนิด Safe Zone อาจเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเส้นผม ซึ่งผมมีความแข็งแรง ไม่ลีบแบน เรียงตัวค่อนข้างหนาแน่น และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด โดย Safe Zone คือพื้นที่ผมบริเวณท้ายทอย ตั้งแต่เหนือหูด้านซ้ายไปถึงเหนือหูด้านขวา ยาวประมาณ 10 – 12 นิ้ว และสูงประมาณ 3 นิ้ว สังเกตง่าย ๆ ว่า คุณผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงและผมล้าน มักจะหลงเหลือผมตรงท้ายทอยด้านหลังอยู่เป็นบริเวณสุดท้ายนั่นเอง 

เหตุผลที่เส้นผมบริเวณ Safe Zone หรือด้านหลังท้ายทอย มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงมากกว่าผมในบริเวณอื่น ๆ นั้น ก็เพราะรากผมบริเวณนี้ ไม่ ตอบสนองต่อฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT เจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รูขุมขนบนหนังศีรษะของเรามีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ผมเกิดใหม่มีรากผมอ่อนแอ จนนำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และผมล้าน แบบที่เราพบได้ทั่ว ๆ ไป 

โชคดีที่ DHT ไม่สามารถทำลายรากผมบริเวณ Safe Zone ได้ หรืออย่างน้อยก็เข้าไปทำลายได้ช้ากว่าบริเวณอื่น เราจึงยังเหลือเส้นผมคุณภาพดีที่สามารถนำไปปลูกแบบถาวรในบริเวณที่เป็นปัญหาได้ ทั้งยังคงคุณสมบัติเรื่องความทนทานต่อการถูกทำลายจากฮอร์โมน DHT ไม่ว่าจะย้ายไปปลูกใหม่ยังส่วนไหนก็ตามอีกด้วย ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่เติบโต หลุดร่วง และงอกใหม่ได้ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมไปได้ตลอดชีวิตของเราเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากเราลองคำนวณจำนวนกราฟต์ผมต้นทุนบริเวณ Safe Zone ก็น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 12,500 กราฟต์ จากกราฟต์ผมทั้งศีรษะกว่า 50,000 กราฟต์โดยประมาณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงต้องประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่เหมาะสมที่สุด ก่อนจะทำการย้ายเส้นผมไปปลูกใหม่ ซึ่งจะต้องคำนึงด้วยว่า เมื่อย้ายเส้นผมออกจากบริเวณ Safe Zone แล้ว บริเวณนั้นจะต้องไม่เหลือเส้นผมอยู่น้อยเสียจนดูบางเกินไป ที่สำคัญ ยังต้องคำนึงถึงอนาคต เพราะมีโอกาสที่เราอาจจะต้องพึ่งพาผมบริเวณ Safe Zone เพื่อปลูกผมใหม่อีกครั้งหรือหลายครั้งก็เป็นได้ อีกทั้งถ้าหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ในการปลูกผมครั้งแรก การแก้ไขอาจเป็นเรื่องยาก และแน่นอนว่าคงไม่ได้ผลดีเท่าเดิม 

ดังนั้นแล้ว นอกจากการทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกผมครั้งแรก เนื่องจากทรัพยากรผมต้นทุนที่มีอยู่จำกัด ผู้ที่ตัดสินใจว่าจะเข้ารับการปลูกผมควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ หรือแนวทางการรักษาที่ตอบโจทย์ตนเองมากที่สุด รวมถึงหาโอกาสพูดคุยปรึกษากับแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่า ปลูกผมที่ไหนก็เหมือน ๆ กัน แพทย์ก็คงใช้หลักการและเทคนิคไม่ต่างกัน ทำให้หลายคนใช้ปัจจัยด้านตัวเลขค่ารักษาเป็นตัวตัดสิน แต่ที่จริงแล้ว การปลูกผมครั้งแรกให้ดีที่สุดนั้น มีปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามมากมาย ซึ่งเราได้รวบรวมประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกแนวทางการปลูกผมมาไว้ให้ตรงนี้แล้ว


1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์

ถ้าใครคิดว่าปลูกผมที่ไหนก็เหมือนกัน เราขอชวนให้ลองคิดใหม่ เพราะแพทย์ผู้ดูแลสุขภาพผมแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ และแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน จะดีแค่ไหนหากเราได้แก้ปัญหาผมกับแพทย์ที่รู้ลึก รู้จริง แพทย์ที่เข้าใจว่าปัญหาของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ที่มองเห็นความแตกต่างของปัญหาเหล่านั้น และสามารถวิเคราะห์หรือออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้แต่ละคนโดยเฉพาะ เคสใหม่ คิดใหม่ แบบไม่มีซ้ำกัน

ไม่เพียงเท่านั้น การปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แพทย์ควรยกให้คนไข้เป็นศูนย์กลางในการรักษา โดยเริ่มต้นจากการรับฟังปัญหา ความกังวลใจ และความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด และในการปลูกผมยังเป็นผู้ที่ลงมือปลูกเส้นต่อเส้นด้วยตนเอง   ยังสามารถตอบโจทย์ตัวตนของคนไข้และเรียกคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันกลับมาได้ด้วย


2. เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม

นอกจากฝีมือหรือความชำนาญของแพทย์แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่แพทย์เลือกใช้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพการปลูกผมเช่นกัน เราจึงควรมองหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ เครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีขนาดเล็กพิเศษจนสามารถช่วยให้แพทย์ลงมือปลูกผมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางทิศทางและองศาผม การประมาณความลึกในการปัก การกระจายกราฟต์ผมให้หนาแน่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี


3. วิธีการและเทคนิคในการปลูกผม

การปลูกผมถาวร แบบ FUT หรือ FUE นั้น อาจจะมีหลักการทั่วไปที่ไม่แตกต่างกันนักในแพทย์แต่ละคน อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจคิดค้นและพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมให้คนไข้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเจาะย้ายกราฟต์ผมออกจากท้ายทอย อาจทำให้คนไข้ต้องคอยกังวลกับการปกปิดรอยแผลด้านหลัง ซึ่งเทคนิคการซ่อนแผลของแพทย์สามารถตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ขณะเดียวกัน การปลูกผมใหม่ในบริเวณที่ผมบาง อาจทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างเส้นผมใหม่และเก่าค่อนข้างชัดเจน ซึ่งแพทย์ก็จะมีเทคนิคเฉพาะตัวในการปลูกผมให้กลมกลืนจนแทบแยกไม่ออกได้เช่นกัน 


4. ความใส่ใจในการรักษา

นี่อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างเส้นทางการรักษา ลองมองหาสถานบริการหรือแพทย์ที่ “ใส่ใจ” ดูแลเส้นผมของเราอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการพูดคุยก่อนออกแบบวิธีการรักษา หรือการดูแลติดตามผลหลังการปลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างขั้นตอนการปลูกนั้น แพทย์ที่ใส่ใจจะเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้เองอย่างประณีตทุก ๆ เส้น เพื่อควบคุมคุณภาพการปลูกผมให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเตรียมพร้อมให้คนไข้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันดังเดิมได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุดด้วย


5. การดูแลหลังการปลูกผม

นอกเหนือจากการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันแรกที่คนไข้ก้าวเข้ามารับการปลูกผม รวมถึงให้ข้อมูลที่ชัดเจนตลอดการรักษาเพื่อคลายทุกข้อสงสัยและความกังวลใจของคนไข้แล้ว เราควรพิจารณาถึงบริการดูแลหลังการปลูกผมด้วย เพราะการปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องอาศัยเวลาถึง 1 ปีเต็มเพื่อให้เส้นผมเติบโตอย่างสมบูรณ์ ในระหว่าง 1 ปีนั้น คนไข้ควรได้รับคำแนะนำ การเอาใจใส่ และการติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเตรียมบริการ Treatment กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ตลอดจนผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยและช่วยเสริมให้เกิดผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น แข็งแรงสมบูรณ์อย่างเป็นธรรมชาติ

และนี่ก็คือ Checklists สำคัญ สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกเข้ารับบริการปลูกผม เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ปลูกผมที่ดีที่สุดตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี และอยู่คู่กับหนังศีรษะของคุณไปได้อีกยาวนาน 

หัวใจของนามนิน พัฒนาต่อเนื่อง
ความทุ่มเท ใส่ใจ และไม่เคยหยุดพัฒนาของนามนิน
ถ้าพูดถึง “การปลูกผม” เมื่อหลายปีก่อนจะหมายถึงการผ่าตัดในรูปแบบหนึ่งที่มีความเสี่ยง ต้องพักฟื้นนาน ทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ และบางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็กลับไม่เป็นที่น่าพอใจเสียอีก แต่ในปัจจุบันการปลูกผมมีวิวัฒนาการขึ้นมาก มีเทคนิคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

เทคนิค NEAT เป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของอาจารย์แพทย์ด้านการปลูกผม พญ.ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น โดดเด่นด้วยนวัตกรรมจากต่างประเทศและผลลัพธ์หลังการรักษาที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าเทคนิค FUE หรือการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมโดยทั่วไป สามารถแก้ปัญหาให้กับคนไข้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางและศีรษะล้านได้ในเทคนิคเดียว

คุณหมอนินใช้ทั้งความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาเทคนิคการปลูกผม NEAT  เพื่อยกระดับมาตรฐานการปลูกผมให้สูงขึ้น มีความปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งด้านการรักษาและความสวยงาม นอกจากวิธีการปลูกผมที่ได้มาตรฐานระดับสากลแล้ว เทคนิค NEAT ยังเหนือกว่าด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยตัวคุณหมอนินเอง ทุกความกังวลใจและความต้องการของคนไข้สำคัญเสมอสำหรับการวางแนวทางการรักษา ซึ่งที่นามนิน คุณหมอและคนไข้จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ถึงแม้เทคนิคการปลูกผมของคุณหมอนินจะได้รับการยอมรับจากแพทย์อีกหลายท่านทั่วประเทศ ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ด้วยตนเองที่นามนินแล้วก็ตาม คุณหมอนินก็ยังไม่หยุดการพัฒนาคุณภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมไปถึงการดูแลหลังการรักษา เช่น Hair Growth Treatment ,  LED Light Therapy ที่ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาปรับใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อเป็นการดูแลอย่างต่อเนื่องหลังการปลูกผมที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อความทุ่มเทและใส่ใจของคุณหมอได้สะท้อนและส่งต่อผ่านเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง ประกอบกับการรักษาที่ประณีตและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงเกิดเป็นคุณค่าที่แตกต่าง ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ จนในหลายๆครั้ง คุณหมอนินก็เป็นแพทย์ผู้ที่เปลี่ยนชีวิตใหม่ด้วย “เส้นผม” ให้กับคนไข้ได้จริงๆ

ปลูกผม ความคุ้มค่าคือหัวใจ
สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

ปลูกผม = การลงทุนครั้งใหญ่
“ความคุ้มค่า” คือหัวใจ ไม่ใช่ที่ “ราคา”

สำหรับหลาย ๆ คน การปลูกผมไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณกำลังจะตัดสินใจปลูกผมใหม่ และเลือกฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคลิกนิกสักแห่ง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตรงใจเพียงหนึ่งเดียวนั้น แน่นอนว่าคงจะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณามากมาย และสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกมองเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือเรื่องของ “ราคา” เนื่องจากการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรของคลินิกหลาย  ๆ แห่ง มีค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่น้อย 

แต่คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่เสียเงิน แพง แค่ไหน”

คำถามสำคัญน่าจะเป็น
“การปลูกผมของคุณ เป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า หรือไม่” 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโปรแกรมการรักษาและแก้ปัญหาเส้นผมที่ใช่ เราขอแนะนำว่า “ราคา” อาจไม่ใช่ปัจจัยข้อใหญ่ที่สุด แต่ราคาควรเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา “ความคุ้มค่า” ว่าสำหรับค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไปนั้น เราได้คลินิกปลูกผมที่สามารถมอบคุณภาพการรักษาที่ดีแค่ไหน 

ที่นามนิน เราตระหนักดีว่าการปลูกผมถาวร คือการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวสำหรับคนไข้ ซึ่งคุณภาพและความคุ้มค่าจะต้องมาเป็นที่หนึ่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงคิดค้นและพัฒนาเทคนิค NEAT ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้ในทุกมิติ 

NEAT 
เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน 

NEAT คือ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ของการแก้ปัญหาเส้นผมที่มาผนวกรวมกัน โดยมีความหมายที่ผ่านการคิดและออกแบบมาแล้วอย่างตั้งใจ


N แทนแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมของนามนิน ผู้ไม่เคยหยุดพัฒนาและเติมเต็มประสบการณ์การรักษาของตัวเอง


E แทนความชำนาญของแพทย์ในการคิด วิเคราะห์ และออกแบบแนวทางการรักษาในแต่ละครั้งแบบเฉพาะบุคคลเท่านั้น


A แทนนวัตกรรมการปลูกผมถาวรขั้นสูงของนามนิน ที่มีแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ลงมือปลูกผมใหม่ให้คนไข้ด้วยตัวเองทุกเส้น


T แทนเทคนิคต่าง ๆ ที่แพทย์คิดค้นและพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบกับอุปกรณ์ทันสมัย ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

จะเห็นได้ว่า นามนินเลือกนำศาสตร์การแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มาสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปะการรักษาที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์คนไข้เฉพาะบุคคลได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค ขั้นตอน และอุปกรณ์การปลูกผมที่เอื้อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำสูงสุดในการรักษา บวกกับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นามนิน คนไข้คือศูนย์กลางในการรักษา ซึ่งทั้งแพทย์และคนไข้จะเป็นผู้วางแผนการแก้ปัญหาเส้นผมตั้งแต่ต้นจนจบร่วมกัน 


นอกจากเทคนิค NEAT ซึ่งคนไข้ ๆ หลาย ๆ คนยกให้เป็นที่สุดของความคุ้มค่าในการแก้ปัญหาเส้นผมแล้ว นามนินยังเตรียมความพร้อมในด้านบริการต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการรักษาที่ยาวนานถึง 1 ปี และนี่คือส่วนหนึ่งของเครื่องพิสูจน์ความคุ้มค่าในการเลือกรักษาและดูแลเส้นผมที่นามนิน

คุณภาพของอุปกรณ์การรักษา ผู้ช่วยคนสำคัญของแพทย์

เครื่องมือที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน เลือกนำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น จะต้องได้มาตรฐาน และช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.60 มิลลิเมตร ซึ่งแพทย์ใช้ในการปักกราฟต์ผมใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา Implanter ตัวนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ทำให้แพทย์สามารถควบคุมการปักกราฟต์ผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการวางทิศทางและองศา เพื่อให้ผมเรียงตัวกลมกลืนไปกับเส้นผมชุดเก่าอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงการประเมินความลึกในการปัก เพื่อให้ผมสามารถรับสารอาหารที่มาหล่อเลี้ยงรากผม และเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังช่วยในการกระจายกราฟต์ผมให้ได้ความหนาแน่นที่เหมาะสมพอดี ไม่หนาแน่นเกินไป และไม่บางจนเกินไป ที่สำคัญ ยังทำให้แผลที่เกิดจากการปลูกผมใหม่มีขนาดเล็กมาก จึงช่วยลดอาการเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี

หลังปลูกผมทันที ช่วงเวลาที่ต้องการการเอาใจใส่

ช่วงเวลาหลังปลูกผมใหม่ ๆ นั้น รากผมใหม่กำลังค่อย ๆ ฝังตัวในชั้นหนังศีรษะ และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเส้นผม อีกทั้งยังมีแผลขนาดเล็กที่ต้องคอยดูแล นี่คือช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนใด ๆ กับหนังศีรษะ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กราฟต์ผมใหม่ได้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง 



แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนินจึงให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้ โดยนอกจากการให้คำแนะนำและข้อควรระวังต่าง ๆ แล้ว แพทย์ยังลงมือทำความสะอาดผมหลังปลูกให้กับคนไข้ด้วยตัวเอง และตรวจผลลัพธ์ความเรียบร้อยของกราฟต์ผมใหม่ไปด้วย ขณะเดียวกันก็จัดเตรียมชุดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมให้กับคนไข้ทุกคน ประกอบไปด้วยสเปรย์สระผม สเปรย์ลดอาการคัน และเซรั่มบำรุงผม เพื่อลดความเสี่ยงในการหลุดร่วงของผมปลูกใหม่ ซึ่งอาจเกิดจากการที่คนไข้ไปหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาลองใช้เอง

Treatment หลังปลูก เพื่อการดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในบริการ Treatment หลังปลูกผมจากนามนิน ก็คือ Hair Growth Treatment ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการรักษาที่นำเอา Growth Factor จากเซลล์ของตัวคนไข้เอง ผสานเข้ากับคุณค่าจากกับวิตามินเข้มข้น ฉีดเข้าไปยังบริเวณหนังศีรษะที่ต้องการการดูแล เช่นเดียวกับการฉีดยาทั่วไป เพื่อช่วยซ่อมแซมและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผม ให้สามารถกำเนิดผมใหม่ที่มีความแข็งแรง ไม่ลีบบาง รวมทั้งบำรุงหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยลดโอกาสผมหลุดร่วงได้ และช่วยให้แผลหลังการปลูกผมหายเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การนำสาร Growth Factor ที่แยกออกมาจากเลือดของตัวคนไข้เองมาใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ ติดเชื้อ หรืออาการไม่เข้ากันของภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย


เมื่อร่างกายตอบรับผลการรักษาได้ดี ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการฟื้นคืนวงจรชีวิตของเส้นผมให้กลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง วิธีการนี้ยังปราศจากการใช้สารเคมี และไม่มีการผ่าตัดที่ทำให้เกิดบาดแผลใด ๆ Hair Growth Treatment จึงเป็นบริการ Treatment ที่มีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญ คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

ไม่เพียงเท่านั้น นามนินยังเลือกสรรเทคโนโลยี LED Light Therapy เป็นส่วนหนึ่งของบริการคุณภาพหลังปลูกผม โดยจะเป็นการใช้หลอด LED จำนวนมาก ฉายลำแสงเพื่อบำรุงหนังศีรษะและรากผมอย่างทั่วถึง เป็นการกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้น และเร่งการเจริญเติบโตของเส้นผมเกิดใหม่ ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรงยืดหยุ่น และชะลอการหลุดร่วงของเส้นผมเดิม ซึ่งลำแสงสีแดงและสีเหลืองที่ใช้การรักษานั้น มีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์กันมานานแล้ว และเป็นลำแสงชนิดเดียวกับที่เราได้รับจากดวงอาทิตย์ตามธรรมชาตินั่นเอง

LED Light Therapy มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่เจ็บ และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ รวมถึงมีความปลอดภัยสูง ในส่วนของคนไข้เองก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงครั้งละ 15 – 20 นาทีเท่านั้น นับเป็นนวัตกรรมฟื้นฟูเซลล์รากผมจากภายใน ให้คืนความแข็งแรงสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยให้ผมปลูกใหม่สามารถอยู่คงทนไปได้ตลอดวงจรชีวิตของเส้นผม

หนึ่งปีแห่งการติดตามผลลัพธ์ในระยะยาว

การปลูกผมเป็นหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ที่ต้องใช้เวลาดูแลและเฝ้าติดตามผลลัพธ์ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม เนื่องจากเส้นผมมีวงจรการเติบโตตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการงอกขึ้นเป็นตอผมสั้น ๆ ในช่วงหลังจากสองสัปดาห์แรก ผ่านช่วง Shock Loss ที่เส้นผมปลูกใหม่จะหลุดร่วงออกไปเป็นปกติหลังจากปลูกผมไปแล้ว 1 เดือน ก่อนที่ผมจะกลับงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4 – 6 และเข้าสู่ระยะการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอจนครบ 1 ปีเต็ม จึงจะเห็นผลลัพธ์ผมสวย หนาแน่น และแข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ 

ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะติดตามความเปลี่ยนแปลงของเส้นผมคนไข้อย่างใกล้ชิด และนัดคนไข้เข้ามาติดตามอาการและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเสียงยืนยันจากคนไข้หลาย ๆ คน บอกกับเราว่า เมื่อเวลาผ่านไป จากแพทย์ กลายเป็นเพื่อนที่ปรึกษาคู่ใจเรื่องเส้นผมเลยก็มี เพราะที่นามนิน แพทย์และคนไข้จะเปิดใจพูดคุย รับฟังกัน และช่วยเหลือกันตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง


ทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของการพิจารณาความคุ้มค่าในการปลูกผม ที่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ “ความใส่ใจ” จากแพทย์ ประเมินออกมาเป็นตัวเลขราคาไม่ได้ และการเปลี่ยนตัวเองไปสู่ “คุณคนใหม่” ได้สำเร็จ ก็คือรางวัลชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว สำหรับการตัดสินใจเข้ารับการปลูกผมครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณเอง

Easy Step นับถอยหลังสู่คุณคนใหม่
การปลูกผมใหม่อาจจะเคยเป็นภาพที่น่ากลัวหรือน่ากังวลใจสำหรับใครหลายๆ คน แต่ทุกวันนี้ เทคนิคใหม่ๆ บวกกับความทันสมัยของเครื่องมือต่างๆ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้มากประสบการณ์ ได้เปลี่ยนให้การปลูกผมกลายเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ และไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

เมื่อคนไข้วางใจที่จะฝากอนาคตของเส้นผมไว้ในมือของคุณหมอแล้ว ที่เหลือก็มีเพียงแค่การทำความเข้าใจขั้นตอนการปลูกผม และการเตรียมดูแลตนเองเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง 

ต่อไปนี้คือ Step ง่ายๆ สำหรับการเตรียมความพร้อมเข้ารับการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินที่เราขอรวบรวมไว้จบครบทุกขั้นตอนในที่เดียว ...มาเดินตาม Step สบายๆ สู่เส้นทางผมสวยที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ไปพร้อมๆ กัน

1st Step - ก่อนปลูกผม

นามนินมอบประสบการณ์ปลูกผมแบบสบายใจไร้กังวลตั้งแต่ Step แรก เริ่มจากมาพบพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาเส้นผมร่วมกัน ในขั้นตอนนี้ ขอแนะนำให้คนไข้บอกเล่าปัญหาและความต้องการให้คุณหมอทราบอย่างตรงไปตรงมา มีความกังวลใจเรื่องอะไร มีข้อสงสัยตรงไหน หรืออยากไว้ผมทรงใดหลังจากปลูกผม ก็สามารถบอกกับคุณหมอได้เลย

จากนั้นคุณหมอจะประเมินแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและตอบโจทย์ตรงใจคนไข้มากที่สุด โดยคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องนำออกจากด้านหลังท้ายทอยมาปลูกยังพื้นที่ที่ต้องการ ทั้งยังออกแบบกรอบหน้าหรือ Hairline ใหม่ ตามหลัก Golden Ratio เพื่อให้รับกับสัดส่วนใบหน้า และเพิ่มความคมเข้มหรือความหวานละมุนให้คนไข้ดูสมาร์ทหรืออ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นหลังปลูกผมอีกด้วย

ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวันเข้ารับการปลูกผม ตามแนวทางเหล่านี้
  • แจ้งโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ยาให้คุณหมอทราบ รวมถึงแจ้งรายละเอียดการใช้ยาตลอดจนวิตามินอาหารเสริมที่รับประทานอยู่เป็นประจำ
  • งดยาหรือวิตามินบางชนิดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์ ตัวอย่างเช่น แอสไพริน น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น
  • งดสูบบุหรี่ ก่อนวันปลูกผม 1 สัปดาห์
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนปลูกผม 1 วัน



2nd Step - วันปลูกผม

ไม่ต้องตื่นเต้นหรือกังวลใจ เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Step ง่ายๆ ที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องเครียดเลย คุณหมอจะเป็นผู้ดูแลการรักษาอย่างใกล้ชิดตลอดวัน ขอเพียงคนไข้เตรียมตัวมาเล็กๆน้อยๆ ในวันปลูกผม เพื่อให้ตัวคนไข้เองได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดในวันสำคัญวันนี้
  • เริ่มจากนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารเช้าเบาๆ ได้ตามปกติ แต่ขอให้งดดื่มชาหรือกาแฟ เพื่อหลีกเลี่ยงคาเฟอีน
  • คนไข้สามารถรับประทานยาสำหรับโรคเบาหวานหรือความดันได้ตามปกติ
  • สระผมให้สะอาดตามคำแนะนำของแพทย์
  • สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย แนะนำเป็นเสื้อกระดุมหน้าที่สามารถถอดได้ง่าย เพื่อไม่ให้กระทบกับหนังศีรษะหลังการปลูกผม

ในวันปลูกผมนี้เอง คุณหมอจะเริ่มฉีดยาชาที่หนังศีรษะ และเจาะนำกราฟต์ผมออกจากด้านหลังท้ายทอย โดยใช้เทคนิคซ่อนแผลแบบขั้นบันได แล้วนำมาปลูกใหม่ยังพื้นที่ที่ต้องการ โดยใช้ Implanter ขนาดเล็กพิเศษเพียง 0.60 มิลลิเมตร ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กและหายเร็ว ซึ่งเสียงจากคนไข้หลายๆ คนยืนยันว่าไม่เจ็บเลย หรือเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


3rd Step - หลังปลูกผมใหม่ๆ

Step ที่สาม เราขอแนะนำข้อปฏิบัติหรือข้อควรระวังต่างๆช่วงหลังปลูกผมใหม่ๆซึ่งความเป็นจริงแล้ว ในการปลูกผมด้วยเทคนิค NEAT ของคุณหมอนิน คนไข้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกระเทือนกราฟต์ผมใหม่เท่านั้น 

  • ข้อแรก อย่าลืมรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่  3 – 5 วัน
หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ปลูกผมใหม่ เพราะจะทำให้กราฟต์ผมมีโอกาสหลุดได้ ส่วนสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้น จะหลุดออกไปเองได้ตามธรรมชาติภายใน 2 สัปดาห์
  • สระผมได้เองตามคำแนะนำของแพทย์ โดยใช้น้ำที่อุณหภูมิห้องใช้แชมพูอ่อนๆหรือแชมพูที่แพทย์แนะนำ สระเบาๆ โดยไม่ต้องขยี้ ซึ่งคนไข้สามารถสระผมเช่นนี้ได้ทุกวัน
  • ระวังการกระทบกระเทือนศีรษะระหว่างชีวิตประจำวัน เช่นขณะขึ้นลงจากรถ เพราะจะมีผลต่อกราฟต์ผมที่เพิ่งปลูกไป
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน สารเคมีต่างๆ
  • หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เส้นผมโดนแสงแดดโดยตรง
  • คนไข้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรงดออกกำลังกายหนัก ๆ รวมถึงซาวน่า หรือว่ายน้ำ เป็นเวลา 1 เดือน
  • สามารถรับประทานอาหารต่างๆ ได้ตามปกติ
  • หากต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม สามารถใช้ได้หลังปลูกผม 2 สัปดาห์ขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงการย้อมผม โกรกผม หรือดัดผม เป็นเวลา 1 เดือน



4th Step - หนึ่งขวบปีหลังปลูกผม

Step ที่สี่ เรียกได้ว่าเป็น Step สุดท้ายที่อาจจะกินเวลายาวนานสักหน่อย เพราะแม้จะปลูกผมใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่เราก็จำเป็นต้องให้เวลาเส้นผมได้ค่อยๆ เติบโตตามวงจรธรรมชาติ ซึ่งรับรองว่าเป็นการรอคอยที่คุ้มค่ากับผลลัพธ์ผมสวย ที่พร้อมจะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่แน่นอน

และเนื่องจากเส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลง คนไข้จะยังอยู่ในความดูแลของคุณหมอไปอีก 1 ปีเต็มๆ โดยคุณหมอจะนัดคนไข้เข้ามาติดตามผลรักษาเป็นระยะๆ พร้อมให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเส้นผมก็มีจังหวะการเติบโตตามระยะต่างๆ ดังนี้

  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 1 สัปดาห์ คนไข้จะเริ่มสังเกตเห็นตอผมสั้น ๆ ความยาวประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตร งอกขึ้นมาจากหนังศีรษะ
  • หลังจากผ่านการปลูกผมไปแล้ว 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่เพิ่งงอกใหม่ จะหลุดร่วงตามวงจรเส้นผมปกติ 
  • ในช่วงเดือนที่ 4 - 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • และเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี ...ดีใจด้วย คุณมาถึงเส้นชัยแล้ว... เพราะเส้นผมจะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่ แลดูหนาแน่น และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ

คุณหมอยังฝากคำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับช่วงเวลาสำคัญๆตลอด 1 ปี ซึ่งถ้าคนไข้ได้รับทราบข้อมูลทำความเข้าใจและเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็จะยิ่งทำให้ทุก Step การปลูกผมเป็นไปอย่างราบรื่น 



2 สัปดาห์แรกหลังปลูก ช่วงเวลาวัดใจ!!
ช่วงเวลาชี้ชะตาสำหรับผมปลูกใหม่ ว่าจะร่วงหรือรอด ก็ขึ้นอยู่กับช่วง 2 สัปดาห์นี้นี่เอง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่ที่อยู่ใต้หนังศีรษะ กำลังค่อย ๆ เชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ที่เพิ่งปลูกลงไป เพื่อจะได้ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมให้เจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง

ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังแข็งตัว เกิดเป็นสะเก็ดแผล ซึ่งหากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ เผลอไปสัมผัส แกะ เกา หรือเกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหนังศีรษะ ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกมาได้ นอกจากนั้นยังต้องระวังเรื่องการเกิดสิวหรืออาการรากผมอักเสบที่เป็นสาเหตุการหลุดร่วงของเส้นผมด้วยเช่นกัน

ผมใหม่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ!!
เมื่อผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปได้ นั่นหมายความว่า รากผมของเรากำลังเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จังหวะนี้เอง ที่คุณหมอแนะนำให้เข้ามารับบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม

อีกหนึ่งการบำรุงที่สำคัญก็คือ Hair Growth Treatment โดยเป็นการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของคนไข้เอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินต่าง ๆ เพื่อช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม ทั้งยังลดการหลุดร่วงของเส้นผมอีกด้วย 

รู้ทันปรากฏการณ์ Graft Shedding !!
เมื่อถึงระยะ 2 - 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม หลายๆ คนที่เคยปลูกผมอาจจะรู้สึกช็อกไปกับอาการ Graft Shedding เนื่องจากเส้นผมที่เพิ่งขึ้นใหม่จะพากันทยอยหลุดร่วงออกไปถึงประมาณร้อยละ 80 ทีเดียว ก่อนจะเข้าสู่ระยะพักทำให้ไม่มีผมขึ้นใหม่อีกประมาณ 1 - 2 เดือน 

แต่คุณหมอบอกว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพราะนั่นเป็นอาการหลุดร่วงของเส้นผมในวงจรการเติบโตโดยปกติทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่สำคัญรากผมที่คุณหมอปลูกไว้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพื่อเตรียมที่จะงอกเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่าในช่วงเดือนที่ 4 ต่อไป

และหลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป ผลลัพธ์การปลูกผมจะเริ่มปรากฏให้คนไข้ได้ชื่นใจ สังเกตได้เลยว่าเส้นผมขึ้นใหม่จะมีความหนากว่าเดิม แข็งแรง แลดูหนาแน่น มีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี เส้นผมจะสมบูรณ์เต็มที่และรากผมก็จะคงอยู่อย่างถาวร 

หวังว่า Easy Step เหล่านี้ จะช่วยให้มือใหม่ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการปลูกผมทุกคน พอจะมองเห็นภาพรวมของขั้นตอนการปลูกผม รวมถึงเข้าใจข้อปฏิบัติและคำแนะนำต่างๆ มากขึ้น ซึ่งคุณหมอเองตั้งใจออกแบบการปลูกผมเทคนิค NEAT ขึ้นมา เพื่อให้คนไข้สะดวกสบายและได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการปลูกผม 

มาลองพิสูจน์ความใส่ใจของคุณหมอ และเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ด้วยผมสวยสุขภาพดี ได้ที่นามนิน

สำรวจ Timeline เส้นผมใหม่หลังปลูกผม
การดูแลเส้นผมปลูกใหม่ ก็ไม่ต่างจากการเฝ้าดูแลต้นไม้ตั้งแต่แรกปลูกจนกระทั่งค่อย ๆ เติบโต ซึ่งต้องการทั้งความเอาใจใส่ และอาศัยความอดทนในการรอคอยเวลา เพราะแม้วิทยาการที่ล้ำหน้าในวันนี้ จะช่วยให้เราเอาชนะความร่วงโรยของร่างกาย ด้วยการปลูกผมใหม่เพื่อทดแทนและเติมเต็มในบริเวณที่ผมบางหรือเป็นปัญหาได้สำเร็จ แต่กว่าเส้นผมจะแข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างเต็มที่นั้น เรายังคงต้องปล่อยให้ “ธรรมชาติ” เป็นเหมือนวาทยกรประจำวงผู้คอยกำกับจังหวะการเติบโตของเส้นผมอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอด 1 ปีเต็ม ๆ

ใครที่กำลังสนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม และอยากเห็นภาพว่า เส้นผมของเราจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นแค่ไหน อย่างไร และมีช่วงไหนที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษบ้าง มาทำความเข้าใจ Timeline การเติบโตของเส้นผมตามวงจรธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน


หลังปลูกผมทันที
วันแรก เราจะเห็นเพียงตอผมใหม่ขนาดเล็ก ๆ ซึ่งหากปลูกด้วยเทคนิค NEAT  หนังศีรษะจะมีอาการบวมแดงน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย 


เมื่อเข้าวันที่ 2-5 แผลขนาดเล็กจากการปลูกผมใหม่จะเริ่มตกสะเก็ด กระทั่ง 1 สัปดาห์ผ่านไป สะเก็ดแผลจะเริ่มร่วง รวมถึงไม่มีอาการบวมแดงอีกต่อไป และในวันที่ 10 ของการปลูกผม เราจะสังเกตเห็นผมใหม่ที่เริ่มยาวขึ้นประมาณ 2-4 มิลลิเมตร โดยยังเหลือสะเก็ดแผลอยู่เพียงเล็กน้อย


หลังปลูกผม 14 วัน
เป็นช่วงที่สะเก็ดแผลร่วงจนหมด และเริ่มมั่นใจได้ว่า เส้นผมของเราได้ไปต่อ!! เนื่องจากเซลล์รากผมใหม่เริ่มฝังตัวติดกับหนังศีรษะแล้วนั่นเอง



หลังปลูกผม 1-2 เดือน 
ช่วงนี้ หลาย ๆ คนอาจจะตกใจเนื่องจากผมที่ปลูกใหม่เริ่มหลุดร่วงจนเกือบหมด ที่จริงแล้ว นี่คือปรากฏการณ์ Shock loss ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ โดยเส้นผมใหม่จะทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 ก่อนเข้าสู่ระยะพัก และหยุดการงอกใหม่ไปอีกประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นไปตามวงจรธรรมชาติเพื่อให้รากผมที่ฝังตัวเรียบร้อยแล้วนั้น เตรียมงอกขึ้นเป็นเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงกว่าในช่วงเดือนต่อไป



หลังปลูกผม  3-4 เดือน
ผมปลูกใหม่ที่หลุดร่วงไป จะเริ่มทยอยงอกกลับขึ้นมาใหม่ โดยมีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ 



หลังปลูกผม 6 เดือน
สังเกตได้ว่า เส้นผมของเราเริ่มยาวและแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเดือนที่ 9 เส้นผมจะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม



หลังปลูกผม 1 ปี
ผมใหม่ขึ้นอย่างหนาแน่นถึงประมาณร้อยละ 95 และจะค่อย ๆ เพิ่มปริมาณและความแข็งแรงสมบูรณ์เต็มร้อยภายในช่วง 1-2 ปี จนได้ผลลัพธ์แห่งการรอคอยเป็นผมสวยสุขภาพดีที่จะคงอยู่ต่อไปอย่างถาวร ไม่ต่างจากผมธรรมชาติแท้ ๆ ของเราเลย


ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้คอยติดตามผลการรักษาและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เส้นผมปลูกใหม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ นั่นคือช่วง 14 วันแรกหลังเข้ารับการปลูก ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นระยะชี้ชะตาเส้นผมใหม่ว่าจะรอดหรือร่วงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยซึ่งจะทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผม กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นช่วงที่เกล็ดเลือดเริ่มแข็งตัวเป็นสะเก็ดแผล ทำให้มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีพอ ที่สำคัญ ในช่วงนี้ยังต้องระวังการเกิดสิว และการเกิดรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผลหลุดร่วงได้เช่นกัน


และเมื่อผ่านช่วง 2 สัปดาห์แรกไปเรียบร้อยแล้ว รากผมจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ จากนี้ แพทย์อาจจะแนะนำให้เสริมการดูแลเส้นผมด้วยการฉายแสง LED Light Therapy ซึ่งเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม รวมถึงสามารถฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเอง ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การปลูกผม จึงไม่ต่างจากการตัดสินใจก้าวออกเดินทางครั้งใหม่ร่วมกันระหว่างผู้เข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องช่วยกันวางแผน และประคับประคองดูแลด้วยความใส่ใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเดินทางอันยาวไกลตลอด 1 ปีเต็ม ๆ นั้น กลายเป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ และให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่คุ้มค่าสมกับการรอคอย

ปลูกผมใหม่ ปลอดภัยกว่า ถ้าบอกลา “บุหรี่”
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงมักแนะนำให้ “งดการสูบบุหรี่” ในระหว่างช่วงที่กำลังเข้ารับการปลูกผม ...บุหรี่เป็นตัวร้ายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการปลูกผมใหม่จริงหรือ... แล้วการสูบบุหรี่นั้นส่งผลกระทบต่อเส้นผมได้อย่างไร ลองมาทำความเข้าใจผลลัพธ์ของการสูบบุหรี่ต่อร่างกายของเรากัน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บุหรี่และควันบุหรี่เป็นแหล่งรวมของสารต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นนิโคติน ทาร์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ รวมไปถึงสารโลหะหนักบางประเภท ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้สูบบุหรี่มีอาการเสพติด อยากสูบต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว สารเหล่านี้ยังส่งผลให้เส้นเลือดแดงทั่วร่างกายมีอาการหดตัว และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์นั้นยังไปเบียดเบียนพื้นที่สำหรับก๊าซออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง นั่นหมายความว่า ร่างกายจะลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง โอกาสที่จะเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายจึงเพิ่มมากขึ้น ตามมาด้วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน อวัยวะต่าง ๆ ก็จะเสื่อมโทรมเร็วขึ้น โดยรวมแล้ว ผู้สูบบุหรี่จึงมักจะดูแก่กว่าวัย ตามที่คนทั่วไปเข้าใจกันนั่นเอง

และส่วนหนึ่งของร่างกาย ที่ได้รับผลกระทบจากการสูบบุหรี่โดยตรง ก็คือเส้นผมและหนังศีรษะ ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นก็ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเกิดผมหลุดร่วงได้มากกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่สูบ และนี่คือคำตอบว่าสารต่าง ๆ ในบุหรี่ส่งผลต่อเส้นผมที่ควรได้รับการทะนุถนอมบำรุง มากแค่ไหน และอย่างไร

  • การสูบบุหรี่ จะไปรบกวนระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างที่ได้อธิบายไว้แล้ว ทั้งยังทำให้ผนังเส้นเลือดอ่อนแอลง หรือทำให้เกิดเส้นเลือดตีบและอุดตัน ซึ่งจะทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเพียงพอ จนเกิดอาการผมหลุดร่วงได้ในที่สุด
  • โดยทั่วไป ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) เป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ผู้ชายมีอาการผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรมมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่อยู่บริเวณหนังศีรษะ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งมีผลทำให้รู้ขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมเกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สารในบุหรี่ถูกพบว่าเป็นตัวการเร่งการสร้างฮอร์โมน DHT ให้มีปริมาณมากขึ้น ดังนั้น การสูบบุหรี่จึงสัมพันธ์กับอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะศีรษะล้านอย่างชัดเจน
  • นอกจากนั้น สารในบุหรี่ยังทำลายเซลล์รากผมโดยตรง รวมถึงฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมด้วย


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปลูกผม จำเป็นต้องเข้าใจว่า เส้นผมงอกใหม่นั้นต้องการเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ให้เติบโต เมื่อสารในบุหรี่เป็นอุปสรรคต่อการลำเลียงเลือดและออกซิเจนไปยังหนังศีรษะ เส้นผมเกิดใหม่จึงงอกได้ช้า หรือมีโอกาสอยู่รอดน้อยลง และมักจะหลุดร่วงไปก่อนเวลาอย่างน่าเสียดาย ขณะเดียวกัน สารในบุหรี่ยังรบกวนกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์เพื่อสมานแผลที่เกิดขึ้นหลังปลูกผม ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ ส่งผลให้ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยการปลูกผมใหม่ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควร

ดังนั้น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ จึงควรงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 วันก่อนการปลูกผม เพื่อให้ระดับออกซิเจนในเลือดกลับมาเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มโอกาสความอยู่รอดของผมปลูกใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังสร้างและเชื่อมต่อเส้นเลือดเล็ก ๆ เข้ากับเซลล์รากผมใหม่ภายใต้หนังศีรษะนั่นเอง

ที่สำคัญ ไม่เพียงแค่ผู้สูบบุหรี่เท่านั้น ที่ควรต้องปรับพฤติกรรมระหว่างเข้ารับการปลูกผม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ และมีโอกาสรับควันบุหรี่เข้าสู่ร่างกาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูดดมควันบุหรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ของการปลูกผมด้วยเช่นกัน
“ผมบางหลายจุด” หยุดสัญญาณปัญหาใหญ่ก่อนสายเกินแก้
เราน่าจะเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่า ...หากพบว่าผมเริ่มบาง ให้รีบปรึกษาแพทย์ ก่อนสายเกินไป... หลายคนอาจจะสงสัยว่า การรักษาอาการผมร่วงหรือผมบาง เป็นไปได้จริงหรือที่จะมีคำว่าสายเกินไป วันนี้ เราลองมาทำความเข้าใจข้อจำกัดของการแก้ปัญหาเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีอาการผมบางพร้อม ๆ กันหลายจุด ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงยิ่งขึ้น จนแม้วิธีการ “ปลูกผมแบบถาวร” ที่แทบจะเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาก็อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่ควรเป็น

อาการผมร่วงและผมบางที่พบในผู้ชายส่วนใหญ่ มักเกิดจากสาเหตุเกี่ยวกับลักษณะทางกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว แต่ละคนอาจจะมีรูปแบบของอาการที่แตกต่างกัน ลองสังเกตดูว่าผมของเราหรือคนใกล้ตัว กำลังเริ่มบอกลาจากศีรษะไปแบบไหน



รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผาก เว้าเข้าไปถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ ขยายออกมาเรื่อย ๆ หรืออย่างที่คนทั่วไปมักเรียกว่า ศีรษะล้านแบบไข่ดาว ซึ่งสุดท้าย อาจทำให้ศีรษะของเราเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอยได้ในที่สุด

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงและบาง จากหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปคล้ายตัว M เป็นลักษะที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อยทีเดียว ทั้งยังเริ่มพบได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ประมาณ 17 – 18 ปีเท่านั้น

รูปแบบ O + M ผมเริ่มร่วงและบาง จากกลางศีรษะ และหน้าผากทั้งสองข้าง พร้อมกันในคราวเดียว


ในที่นี้ ลักษณะของผมร่วงและผมบางในรูปแบบ O + M อาจเรียกได้ว่าเป็นลักษณะที่น่ากังวลมากกว่ารูปแบบอื่น และทำการรักษาได้ยากที่สุด เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นหลายจุดพร้อมกัน 


ซึ่งจากประสบการณ์การรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าในคนไข้ที่มีอาการผมร่นขึ้นไปจากหน้าผากค่อนข้างสูง อีกทั้งผมยังร่วงหายไปจากกลางศีรษะเป็นบริเวณกว้าง การที่แพทย์จะนำกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย ซึ่งเป็นเส้นผมที่แข็งแรงทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด มาปลูกใหม่ยังบริเวณที่เป็นปัญหา อาจไม่สามารถเฉลี่ยกราฟต์ผมเพื่อช่วยเติมเต็มเส้นผมที่หลุดร่วงหายไปได้ครบถ้วนทั่วทุกจุด เนื่องจากต้นทุนเส้นผมบริเวณท้ายทอยนั้นมีอยู่จำกัด อาจไม่เพียงพอที่จะทดแทนเส้นผมบริเวณอื่นได้ทั้งหมด 

ที่สำคัญ การปลูกผมใหม่ต้องอาศัยเส้นผมของคนไข้เองเท่านั้น นี่จึงกลายเป็นข้อจำกัดที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น หากยิ่งปล่อยให้อาการผมร่วงและผมบางรุนแรงหรือขยายวงกว้างขึ้น การแก้ปัญหาด้วยการปลูกผมถาวร เพื่อคืนผมสวยสุขภาพดีให้กลับมาหนาแน่นได้อีกครั้ง ก็จะยิ่งเป็นไปได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง เริ่มสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเส้นผม และมาพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากขึ้น หรือรอให้เส้นผมหายไปอย่างชัดเจนเป็นบริเวณกว้างเสียก่อน โดยแพทย์จะช่วยประเมินอาการ พูดคุยซักถามเพื่อทราบความต้องการของคนไข้ และออกแบบวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเฉลี่ยกราฟต์ผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในทุกจุดที่ผมเริ่มบาง หรือเลือกเน้นปลูกผมใหม่ในบางจุด และใช้การบำรุงฟื้นฟูช่วยในจุดที่เหลือควบคู่กันไป 

คนไข้จึงได้สัมผัสผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่น และเรียงตัวไปกับเส้นผมเดิมอย่างกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ พร้อมกับกรอบหน้าใหม่ที่ออกแบบมาอย่างได้สัดส่วน เพราะอย่างนี้เอง การปลูกผมใหม่ จึงสามารถเปลี่ยนคุณเป็นใหม่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม


เรื่องของควันจางๆ กับผมบางๆ
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การสูบบุหรี่  ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพเลยในทุกๆ ด้าน เพราะสารต่างๆ ที่อยู่ในบุหรี่เมื่อเข้าไปในร่างกายเราแล้วจะทำลายอวัยวะแทบทุกส่วน โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง หัวใจ และปอด และยังเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ ของโรคร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมโป่งพอง ไปจนถึงมะเร็ง ที่สำคัญสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผมยิ่งต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มากขึ้นด้วย

ผลกระทบจากการสูบบุหรี่กับการปลูกผม

ในการสูบบุหรี่แต่ละครั้งนั้น สารเคมีที่เข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะปิดกั้นไม่ให้เลือดได้รับออกซิเจน ทำให้ประสิทธิภาพการนำพาออกซิเจนไปยังปลายอวัยวะต่างๆ ลดน้อยลง แน่นอนว่าผู้ที่เพิ่งรับการปลูกผม จะมีแผลที่ต้องการการรักษาตัวจากร่างกาย เมื่อเส้นเลือดไม่แข็งแรงก็จะทำให้การสมานแผลเกิดขึ้นช้าลง ซ้ำร้ายเซลล์บริเวณนั้นก็ทำงานได้ไม่เต็มร้อย หรืออาจมีการตายลงของเซลล์กราฟผมที่เราปลูก ทำให้การงอกใหม่ของเส้นผมทำได้น้อยกว่าปกติ ผลลัพธ์ของเส้นผมที่คาดการณ์ไว้ก็อาจไม่ดีตามที่คิด ไหนๆ เราก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้นแล้ว เราก็ควรต้องให้ความสำคัญในจุดนี้ให้มาก จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลัง


เตรียมพร้อม เพื่อผมใหม่ที่ดูดี
สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ต้องเตรียมตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่สูบคือ ควรงดการสูบบุหรี่ให้ได้อย่างน้อย 3 วัน เพื่อให้เลือดมีการสะสมออกซิเจน และคงระดับไว้เพื่อให้เส้นเลือดมีความแข็งแรง จนถึงวันที่เข้ารับการปลูกผม เพื่อให้เส้นเลือดเหล่านั้นพร้อมเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำ ออกซิเจน รวมถึงสารอาหารสำคัญไปยังจุดที่เราทำการย้ายเซลล์รากผม และเมื่อเราทำการปลูกผมเสร็จแล้ว ก็ควรงดการสูบบุหรี่ไปอีกไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงนาทีทองของการปลูกผม และยังช่วยทำให้แผลของเราสมานตัวเร็วขึ้น รากผมแข็งแรงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเท่ากับว่าเราได้ผลลัพธ์ของผมชุดใหม่ที่ดูดีมากด้วยเช่นกัน

เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรระวัง

สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขอแนะนำแถมเอาไว้ให้สำหรับสิงห์อมควันทั้งหลาย เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าไปในร่างกายนั้น จะมีผลต่อเส้นเลือดโดยตรง เพราะทำให้เลือดออกง่าย โอกาสของแผลอักเสบก็จะมีมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม 

เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเข้ารับการปลูกผมต้องใส่ดอกจันให้ตัวเองชัดๆ เลยว่า อยากได้ผมขึ้นดี ได้ผลลัพธ์แบบเกินคาด และกลับมาเป็นคนใหม่ที่ดูอ่อนกว่าวัย ควรอดใจงดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่า  “รู้งี้เชื่อหมอดีกว่า”

เปลี่ยนคุณเป็น “คนใหม่” ด้วยการปลูกผมเทคนิค NEAT
เส้นผม มีคุณค่าและความหมายสำหรับใครแต่ละคน ในแบบที่แตกต่างกันออกไป
...ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับใบหน้า ที่ช่วยแต่งเติมความงามอย่างเป็นธรรมชาติ
...สร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโดดเด่น
...บ่งบอกอัตลักษณ์และตัวตนของเจ้าของเส้นผม ในสไตล์เฉพาะตัวที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
...มอบความมั่นใจ ให้ผู้คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

นามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณค่าและความหมายของเส้นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับปัญหาผมในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ภาวะผมร่น ผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงเป็นความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ ของร่างกาย แต่ยังส่งผลลึกถึงระดับจิตใจ ความเครียด ความเชื่อมั่นในตัวเอง ตลอดจนการใช้ชีวิตในสังคมด้วย 

นั่นจึงเป็นแรงผลักดันให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งนามนิน นำองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านเส้นผมมาคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผมที่ทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาเส้นผม และคืนรอยยิ้มอันมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยน “คุณ” เป็น “คนใหม่” ด้วยมาตรฐานและความใส่ใจในการให้บริการจากนามนิน ผ่านเทคนิคที่มีชื่อว่า NEAT 


เบื้องหลังชื่อเทคนิค NEAT 
ที่คิดมาแบบประณีต เพื่อคุณคนใหม่


แนวคิดที่ว่าการปลูกผม เป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องเดินควบคู่กันไปอย่างสมดุล คือแนวคิดที่แฝงอยู่เบื้องหลังการออกแบบเทคนิค NEAT 


ในแง่ของศาสตร์เชิงการแพทย์ “N / E / A / T” ย่อมาจาก Namnin’s Exclusive Advanced Hair Transplant Technique หรือ เทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ซึ่งทุกขั้นตอนการปลูกผมจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง เติบโตอย่างมั่นคง การันตีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา รวมถึงสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้ารับบริการ




ขณะเดียวกัน ในแง่ของศิลปะการปลูกผม NEAT ยังสื่อความหมายถึงความประณีต พิถีพิถัน ในการที่แพทย์จะต้องออกแบบแนวทางการปลูกผม โดยคำนึงถึงความสวยงาม ความพึงพอใจ และอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในผู้เข้ารับบริการแต่ละคน เพื่อให้ผลลัพธ์ความงามที่แลดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ราวกับเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่นั่นเอง

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของเทคนิค NEAT ซึ่งผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ด้วยการเปิดทางให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำงานควบคู่ไปกับความต้องการของผู้ประสบปัญหาผมเอง ทั้งยังสร้างแนวทางการรักษาที่พิถีพิถันแฝงความอ่อนโยนละเมียดละไม แต่ก็เป็นไปด้วยความละเอียดหนักแน่นแม่นยำในหลักวิชาทางการแพทย์ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา ที่ไม่มองข้ามคุณค่าความงามของมนุษย์ 

เทคนิค NEAT จึงเป็นชื่อและสัญลักษณ์ที่ผู้เข้ารับบริการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยกัน ต่างมั่นใจและเชื่อใจ

NEAT เทคนิคการปลูกผมขั้นสูง
เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน

NEAT คือเทคนิคการปลูกผมถาวรขั้นสูง ด้วยการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงเป็นพิเศษจากบริเวณท้ายทอยด้านหลังศีรษะ มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วงและผมบาง ไปจนถึงภาวะผมล้าน เทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเหมือนการปลูกผมในอดีต เนื่องจากแพทย์จะใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กในการเจาะนำกราฟต์ผมออกมาทีละกราฟต์ และใช้เทคนิคการซ่อนแผลขนาดเล็กไว้ใต้เส้นผมของผู้เข้ารับบริการอย่างแนบเนียน

จากนั้น แพทย์จะนำกราฟต์ผมมาบรรจงปลูกใหม่ทีละกราฟต์ด้วยความละเอียดอ่อน คำนึงถึงการวางทิศทางเส้นผมให้กลมกลืนไปกับผมเก่า โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร หรือที่เรียกว่า Implanter ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กมาก ลดอาการเจ็บและบวม สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหลังปลูกผมได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น 

เทคนิค NEAT จึงให้ผลลัพธ์เส้นผมสวย แข็งแรง หนาแน่น แลดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงมีอัตราการเติบโตและการอยู่รอดสูง ซึ่งแพทย์จะช่วยออกแบบปรับแต่งกรอบหน้าใหม่ เพื่อใบหน้าที่แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้นด้วย คุณจึงก้าวออกไปใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

ผมบาง ผมร่วง เป็นได้ ก็หายได้
คุณเป็นคนหนึ่งมั๊ยที่กำลังเผชิญปัญหาผมร่วง ผมบาง หวีผมทีไรเส้นผมติดหวีติดแปรงมาเป็นกระจุก หรือเวลาสระผมก็มีผมหลุดออกมาเยอะจนผิดสังเกต หรือบางทีแค่เอามือสางผม ก็มีเส้นผมติดมือมาให้น่าตกใจ แล้วจะยอมปล่อยให้เป็นปัญหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรือจะเริ่มต้นหาทางออกที่ดี 

จริงๆ แล้วตามธรรมชาติของเส้นผม ทุกวันจะมีผมหลุดร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เรามีปัญหาผมร่วงนั้นให้เข้าใจง่ายๆ เราก็จะแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายใน และปัจจัยภายนอก


สำหรับปัจจัยภายในก็หนีไม่ได้ว่าเป็นเรื่องของวัยที่เพิ่มมากขึ้น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และข้อสำคัญคือ พันธุกรรม 
ส่วนปัจจัยภายนอกนั้น ก็จะเป็นในเรื่องของการใช้ยา อย่างที่เห็นชัดเจนก็จะเป็นเรื่องของเคมีบำบัด รวมไปถึงกับผู้ที่ชอบการทำผม ไม่ว่าจะเป็น ดัดผม ย้อมผม หรือแม้กระทั่งการสระผมบ่อยเกินไป ก็เป็นสิ่งที่เร่งเร้าให้เส้นผมอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน

และเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ควรละเลย เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ใหญ่มากขึ้นไปอีก เราจึงควรต้องหาสาเหตุให้ได้ก่อนว่าปัญหาของเรานั้นเกิดจากปัญหาอะไร เพื่อจะได้เลือกใช้การแก้ไขได้ตรงจุด อย่างการปลูกผม เป็นต้น 

สำหรับการแก้ปัญหาผมร่วงที่ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมนั้น เป็นภาวะที่รักษาให้หายได้ โดยทางที่ได้รับความนิยมก็คือการใช้ยา ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งแบบกิน และแบบทา โดยเฉพาะยาในกลุ่มของไมน๊อกซิดิล (Minoxidil) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจะเป็นยาในกลุ่มที่ใช้ทามากกว่า เพราะสามารถกำหนดจุดบริเวณที่เราต้องการรักษาได้ดีกว่าใช้แบบรับประทาน โดยสรรพคุณของยานี้ จะช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ทำให้ขนาดของเส้นผมที่งอกมาใหม่นั้นใหญ่และหนากว่าเดิม รากผมก็จะแข็งแรงขึ้นจึงทำให้เห็นผลลัพธ์ของการหลุดร่วงของเส้นผมที่น้อยลง และการงอกใหม่จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นจนเป็นที่พอใจ


ทั้งนี้ก็ใช่ว่าการใช้ยาจะให้ผลดี 100% เพราะขึ้นอยู่กับผู้รักษาด้วยว่าใช้ยาได้ต่อเนื่องหรือไม่ ปริมาณยาที่ทาพอเหมาะไม่น้อยเกินไป การรักษาที่ใช้เวลานาน 3-4 เดือน ทำให้ต้องใช้ความอดทน ความสม่ำเสมอในการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงสาเหตุอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาเริ่มต้นรักษาที่อาจช้าเกินไป รูขุมขนหดตัวจนไม่สามารถงอกผมเส้นใหม่ขึ้นมาได้  นอกจากนี้การตอบสนองต่อยาของแต่ละคนก็อาจมีความแตกต่างกัน รวมไปถึงข้อด้อยของการใช้ยานี้เท่าที่มีการศึกษาจะพบว่าการตอบสนองของบริเวณที่ต้องการรักษาจะเป็นช่วงกลางศีรษะที่ดีกว่าบริเวณแนวผมด้านหน้า และเป็นการรักษาที่ไม่ถาวร 

และหากว่าต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวร วิธีที่ให้ผลดีคงหนีไม่พ้นการปลูกผม ที่ปัจจุบันมีวิทยการที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคใหม่ๆ อย่างการย้ายรากผม (FUE : Follicular Unit Excision) โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กทำการเจาะรากผมตามแนวผมบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา โดยที่นามนิน คลินิก ใช้การปลูกผมเทคนิค N/E/A/T ซึ่งมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ Hairline ระหว่างแพทย์กับคนไข้เพื่อให้ได้กรอบหน้าใหม่ การซ่อนแผลด้านหลังกับผมทรงเดิม การปลูกผมด้วย Implanter ขนาดเล็ก 0.6 มม.ทำให้แผลมีขนาดเล็ก และฟื้นตัวได้ไว  รวมไปถึงความประณีตในการจัดวางรากผมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นข้อที่คุณไม่ควรมองข้าม ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลปัญหาผมร่วงผมบาง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง เพื่อแพทย์จะได้แนะนำการรักษาที่ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพอย่างที่คุณพอใจ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้คุณขาดความมั่นใจ เลือกที่จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่กับบุคลิกภาพที่ดูดีได้แค่ตัดสินใจ


“ผมบาง” เพราะชอบ “ดึง” ?? อาจเป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช
ในบางครั้ง ภาวะผมร่วงและผมบาง ก็ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากปัญหาพฤติกรรมหรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจก็เป็นได้ หลาย ๆ คนอาจสังเกตว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีพฤติกรรมชอบ “ดึงผม” หรือ “ถอนผม” ตัวเองบ่อย ๆ บางคนมักจะดึงผมเวลาที่ต้องใช้ความคิดหรือรู้สึกเครียด ขณะที่บางคนก็ชอบดึงผมขณะกำลังเพลิดเพลินกับการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจก็มี มารู้ตัวอีกที ผมบริเวณนั้นก็อาจจะบางลงไปเยอะแล้ว ...ทราบหรือไม่ว่า นิสัยชอบดึงผมเช่นนี้ เป็นอาการหนึ่งของโรคทางจิตเวช ที่มีชื่อว่า Trichotillomania หรือ Hair-pulling disorder นั่นเอง...

“โรคดึงผมตนเอง” คือภาวะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมดึงหรือถอนผมตนเองซ้ำ ๆ ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ จัดอยู่ในกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชแบบย้ำคิดย้ำทำ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า ความเครียด ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือแม้แต่กรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดจากสมาชิกในครอบครัว 

นอกจากเส้นผมแล้ว ผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีพฤติกรรมดึงขนบริเวณอื่น ๆ อย่างเช่น ขนคิ้ว ขนตา หรือหนวดเคราก็ได้ด้วย แม้ว่าอาการของโรคอาจส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและสภาวะจิตใจ แต่โรคนี้ในประเทศไทยยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทำให้มีผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อรักษาเพียงไม่มาก 


หากต้องการสังเกตอาการของ “โรคดึงผมตนเอง” ให้ละเอียดขึ้น ลักษณะของอาการสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่

การดึงผมแบบรู้ตัว 
นั่นคือผู้ป่วยจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับการดึงผมตัวเอง บางคนก็อาจจะมีความเครียดหรือกังวลสะสมอยู่ ขณะที่บางคนรู้สึกคันและไม่สบายหนังศีรษะ หรือแค่เห็นว่าเส้นผมไม่เรียบ เมื่อดึงผมออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น ผ่อนคลาย และสบายใจมากขึ้น

การดึงผมแบบไม่รู้ตัว 
มักเกิดระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ หรือทำงาน แล้วเผลอเอามือไปดึงผมโดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ป่วยมักจะมีพฤติกรรมการดึงผมทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัวผสมกัน ผู้ป่วยอาจไม่ได้ทำพฤติกรรมนี้ติดต่อกันนาน ๆ แต่จะเป็นการดึงซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เรื่อย ๆ ซึ่งในผู้ป่วยบางคนอาจไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาการดังกล่าวก็เป็นได้

สำหรับผลกระทบที่ตามมาจากพฤติกรรมการดึงผมเช่นนี้ แน่นอนว่าการยกมือขึ้นมาดึงผมอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้เสียบุคลิกภาพ ตามมาด้วยความเครียดหรือโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานเส้นผมเข้าไปด้วยจนส่งผลเสียต่อระบบลำไส้ ที่สำคัญ เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดึงผมนาน ๆ อาจทำให้เส้นผมบริเวณนั้นมีรูปทรงผิดปกติ ไม่แข็งแรง เนื่องจากอาการอักเสบของหนังศีรษะที่ถูกทำร้ายบ่อย ๆ รวมไปถึงการเกิดภาวะผมบาง หรือศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ได้

ผู้ป่วยด้วย “โรคดึงผมตนเอง” สามารถลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเข้ารับการรักษาไปตามลำดับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
  • ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ หรือมีพฤติกรรมดึงผมโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ตั้งใจ จำเป็นต้องทำให้ผู้ป่วยทราบและยอมรับเสียก่อนว่าเป็นโรค จึงจะสามารถเริ่มต้นควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้

  • ตัวผู้ป่วยและคนรอบข้าง ช่วยกันสังเกตว่าพฤติกรรมการดึงผมมักเกิดขึ้นเวลาไหน เช่น เวลาเบื่อ เศร้า หรือเครียด และเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด หรือระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไร เพื่อให้สามารถควบคุมพฤติกรรมได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการใช้วิธีต่อว่าหรือตำหนิผู้ป่วยแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยยิ่งมีพฤติกรรมการดึงผมถี่ขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้วิธีการเตือนอย่างเหมาะสม

การพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นที่กล่าวมา สามารถทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คนหายจากโรคได้ แต่สำหรับผู้ป่วยบางคนอาจต้องการการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการหรือค้นหาความผิดปกติทางจิตใจ ซึ่งแพทย์อาจใช้วิธีรักษาโดยการให้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ “โรคดึงผมตนเอง” ควรได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากอาการในวัยเด็กหรือวัยรุ่น สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ และที่สำคัญ วิธีการหนึ่งที่จะช่วยคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ ก็คือ “การปลูกผม” โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเติมเต็มเส้นผมบริเวณที่ถูกดึงหายไป ให้กลับมาหนาแน่น แข็งแรงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ป่วยพร้อมที่จะทำการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกันนั่นเอง

หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เพื่อเส้นผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ตลอดจนผมล้าน นับเป็นหัตถการทางแพทย์ที่ต้องดูแลต่อเนื่องในระยะยาว หากถามว่าในการปลูกผมให้ประสบความสำเร็จแต่ละครั้ง ต้องอาศัยปัจจัยข้อใดบ้าง คำตอบแรกก็คงจะเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของแพทย์ ที่จะเป็นผู้นำองค์ความรู้ทางการแพทย์มาทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ แต่เมื่อการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ผสานรวมกัน แพทย์จึงต้องสวมหัวใจและสายตาของศิลปิน เพื่อสร้างสรรค์ผลลัพธ์ที่ตั้งอยู่บนความงามอย่างเป็นธรรมชาติ สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ตัวตน และความต้องการของผู้เข้ารับบริการด้วย

ปัจจัยสำคัญต่อมา คือ “ความประณีตและพิถีพิถัน” เนื่องจากแพทย์จะต้องทำงานกับเส้นผมเส้นเล็ก ๆ นับพันนับหมื่นเส้น บนพื้นที่แคบ ๆ เพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของหนังศีรษะ โดยใช้สองมือในการทำอย่างบรรจงและตั้งใจ งานปลูกผมจึงเป็นงานฝีมือแสนละเอียดอ่อน และมีความท้าทาย แบบที่หุ่นยนต์ AI ก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้ในเวลาอันใกล้

ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ข้อไหน ๆ นั่นก็คือ “เวลา” ต้องอย่าลืมว่า เรากำลังทำงานกับระบบร่างกายของมนุษย์ เส้นผมที่ปลูกลงไปนั้น คือเส้นผมจริง ที่มีวงจรชีวิตตามธรรมชาติเป็นของตัวเอง ตราบใดที่ยังไม่มีวิทยาการหรือเทคโนโลยีใดในโลกที่สามารถสั่งให้เส้นผมงอกยาวขึ้นได้ในวันเดียว ทั้งแพทย์และเจ้าของเส้นผม ต่างก็ต้องอดทนรอให้เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่และค่อย ๆ ยาวขึ้นตามจังหวะการเติบโตของเส้นผมเอง ซึ่งนั่นอาจใช้เวลาถึง 1 ปีเต็ม ๆ 

ดังนั้น จึงสามารถพูดได้ว่า การปลูกผมคือศิลปะและหัตถการทางการแพทย์ระยะยาว ซึ่งความต่อเนื่องยาวนานในการรักษานั้น ก็ทำให้มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแพทย์ในกระบวนการปลูกผม คือ “ความใส่ใจ” เพราะหากละทิ้งหรือหลงลืมที่จะดูแลติดตามการเติบโตของเส้นผมไปแม้ช่วงใดช่วงหนึ่ง หรือขาดความต่อเนื่องในการรักษา ผลลัพธ์การปลูกผมอาจจะออกมาไม่สมบูรณ์ และระหว่างเส้นทางการปลูกผมตลอดระยะเวลา 1 ปีนั้น แพทย์ไม่เพียงเป็นผู้รักษา แต่หลายครั้งแพทย์ยังเป็นเพื่อนที่ปรึกษา ที่จะต้องดูแลแนะนำด้วยความเข้าอกเข้าใจด้วย เพื่อให้หนึ่งปีนั้นเป็นหนึ่งปีแห่งประสบการณ์การปลูกผมที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เข้ารับบริการทุก ๆ คน


NEAT – Namnin / Exclusive / Advanced Hair Transplant / Technique

กระบวนการรักษาทั้งหมด มีหัวใจสำคัญอยู่ที่เทคนิค NEAT  หรือ Namnin Exclusive Advance Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน พัฒนาขึ้นโดยแพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งคลินิกนามนิน ใช้นวัตกรรมจากต่างประเทศเข้ามาช่วยในการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หมายถึงการย้ายรากผมที่แข็งแรงสุขภาพดีจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน เพื่อให้ผลลัพธ์เส้นผมดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ 

จุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งความใส่ใจ

เส้นทางหนึ่งปีแห่งความใส่ใจ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่คุณก้าวเท้าเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของนามนิน ซึ่งจะช่วยประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะปัญหาของแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากความกังวลของผู้เข้ารับคำปรึกษาเป็นอันดับแรก จากนั้น จึงเป็นการประเมินพื้นที่ในการปลูกผม ซึ่งเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างแพทย์และผู้เข้ารับคำปรึกษา หลาย ๆ คนสามารถจบปัญหาเส้นผมได้สมบูรณ์แบบจากการปลูกผมเพียงครั้งเดียว แต่หากภาวะผมร่วง ผมบาง หรือผมล้าน กินพื้นที่หนังศีรษะเป็นบริเวณกว้าง ก็สามารถวางแผนบริหารทรัพยากรผมบริเวณท้ายทอยด้านหลัง เพื่อทำการปลูกผม 2 ครั้งได้เช่นกัน 

ขั้นตอนสำคัญยังรวมไปถึงการออกแบบ Hairline หรือแนวผมที่จะปลูกลงใหม่ ให้สอดรับกับสัดส่วนใบหน้า ตลอดจนเพศ วัย และแนวผมเดิมของผู้เข้ารับคำปรึกษา โดยใช้หลัก Golden ratio หรือสัดส่วนทอง มาช่วยในการสร้างสรรค์กรอบหน้าใหม่ให้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้เอง แพทย์จะต้องใช้ศิลปะในการวาดเส้น Hairline เฉพาะบุคคล ให้ออกมาได้อย่างลงตัวมากที่สุด



เทคนิคซ่อนแผลบริเวณท้ายทอยด้านหลัง

บริเวณท้ายทอยด้านหลังเป็นบริเวณที่เซลล์รากผมมีความแข็งแรงโดยธรรมชาติ และทนทานต่อการหลุดร่วงมากที่สุด แพทย์จึงเลือกนำเซลล์รากผมออกจากบริเวณนี้เพื่อนำไปปลูกใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหา โดยใช้เทคนิคแบบ “ขั้นบันได” ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก เจาะนำเซลล์รากผมออกมาเป็นแถบ ๆ เหมือนขั้นบันได โดยไม่ต้องโกนผม ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ สามารถซ่อนแผลเล็ก ๆ แนบเนียนกลมกลืนไปกับทรงผมเดิมของผู้เข้ารับการปลูกผมได้เลย 

ปลูกผมใหม่ด้วย Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร

หลังจากนำเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยมาตรวจสอบและแยกเซลล์ด้วยกล้องไมโครสโคป รวมถึงแช่ในน้ำยารักษาเซลล์ เพื่อคงสภาพความแข็งแรงของเซลล์รากผมไว้ให้ได้มากที่สุดแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการปลูกผมใหม่ แพทย์จะเลือกใช้อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร เจาะเปิดลงไปบนหนังศีรษะ แล้วค่อย ๆ นำกลุ่มเซลล์รากผม หรือกราฟต์ผมมาปักใหม่ ให้ได้ความลึกที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสให้เส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงรากผมได้มากขึ้น เป็นเพิ่มอัตราการอยู่รอดให้กับเส้นผมที่จะงอกขึ้นใหม่

ขณะเดียวกัน แพทย์ยังต้องวางทิศทางและองศาในการปักกราฟต์ผม ให้สอดคล้องกับทิศทางของเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความหนาแน่นผมที่แตกต่างกันในผู้ชายและผู้หญิง ตลอดจนลักษณะของทรงผมเดิมด้วย เพื่อให้ผมชุดใหม่มีความหนาแน่นเพียงพอและเหมาะสม หากผู้เข้ารับการปลูกผมมีปัญหาผมบาง แพทย์จะใช้เทคนิคปลูกผมแทรก หรือปลูกผมตามแนวไรผม โดยระมัดระวังเป็นพิเศษให้เส้นผมที่ปลูกใหม่สามารถเชื่อมต่อกับแนวผมเดิมที่มีอยู่ได้อย่างกลมกลืนจนแทบแยกไม่ออก 

อุปกรณ์ Implanter ขนาดเล็ก จะช่วยให้แผลที่เกิดขึ้นหลังการปลูกผมมีขนาดเล็กและมีเลือดออกน้อย แทบไม่เกิดอาการบวมช้ำ รวมถึงแทบไม่มีสะเก็ดแผลหรือมีเพียงขนาดเล็กมาก ผู้เข้ารับปลูกผมจึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ หรือไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ทันที

การดูแลหลังการปลูกผม 

แน่นอนว่า เส้นทางการปลูกผมยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากทำหัตถการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนัดตรวจสภาพผมและบริการสระผมหรือล้างแผลให้ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นจึงเป็นการติดตามผลการรักษาเพื่อให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ได้แก่ ระยะหลังปลูก 14 วัน, 1 เดือน, 4 เดือน, 8 เดือน, และ 1 ปีตามลำดับ เนื่องจากเส้นผมมีวงจรในการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

  • เริ่มตั้งแต่ช่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 หลังการปลูกผม จะสามารถสังเกตตอผมสั้น ๆ ประมาณ 2 – 4 มิลลิเมตรงอกขึ้นมาจากหนังศีรษะได้ 
  • หลังปลูกผมผ่านไป 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือน เส้นผมที่งอกใหม่จะหลุดร่วงออกตามวงจรเส้นผมปกติ
  • ในช่วงเดือนที่ 4 – 6 เส้นผมจะเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง และเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ในช่วงเดือนที่ 9 เส้นผมเพิ่มจำนวนและเติบโตแข็งแรงจนแลดูเป็นธรรมชาติ
  • เมื่อครบ 1 ปี เส้นผมหนาแน่นและเติบโตสมบูรณ์เต็มที่


ตลอดระยะเวลา 1 ปีนี้ แพทย์จะคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและเติบโตของเส้นผม

  • ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังการปลูกผม 
นับเป็นช่วงสำคัญสุดที่จะดูแลประคับประคองเส้นผมใหม่ให้อยู่รอด ไม่หลุดร่วงหายไป และเจริญเติบโตต่อไปอย่างแข็งแรง เนื่องจากเป็นช่วงที่เส้นเลือดฝอยใหม่กำลังเชื่อมต่อกับเซลล์รากผมใหม่ เพื่อทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้ตามปกติ ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่ก็กำลังค่อย ๆ แข็งตัว หากดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผมจะหลุดออกได้ ทั้งยังต้องระวังการเกิดสิว ซึ่งมีสาเหตุมาจากต่อมไขมันอุดตัน รวมถึงอาการรากผมอักเสบ ที่อาจทำให้ผมหลุดร่วงได้เช่นกัน

  • เมื่อ 2 สัปดาห์แรกผ่านไป 
รากผมเริ่มจะเริ่มฝังตัวมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ แพทย์จะนัดเข้ามาติดตามอาการเบื้องต้น และเสริมด้วยบริการ LED Light Therapy หรือการฉายแสงที่มีความยาวคลื่นเหมาะสม เพื่อกระตุ้นและเร่งการเจริญเติบโตของรากผม ร่วมกับการให้บริการ Hair Growth Treatment หรือการฉีด Growth Factors ความเข้มข้นสูง ที่ได้จากเกล็ดเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง เข้าที่บริเวณหนังศีรษะ ร่วมกับวิตามินมากคุณประโยชน์  เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย ซึ่งทั้งสองวิธีล้วนเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อผู้เข้ารับการรักษา

ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม 
จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ไปอีกประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่แพทย์จะเป็นผู้ทำความเข้าใจว่า นี่เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่ทำการปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

  • หลังจากเดือนที่ 4 เป็นต้นไป 
จะเริ่มเห็นผลลัพธ์การปลูกผมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สังเกตได้ว่าเส้นผมมีความแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม 

หลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร ซึ่งตลอดการเดินทาง “หนึ่งปีแห่งความใส่ใจ” นี้ จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เคียงข้างคอยดูแลอย่างใกล้ชิดเสมอ ...เพื่อผลลัพธ์ผมใหม่ ...เพื่อคุณคนใหม่

NEAT for NEW
ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่



รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?
รอยแยกหลังปลูกผม..เกิดจากอะไร?

การปลูกผม จะทำให้เกิดแผลเล็กๆ ขึ้นในจุดที่เราปักรากผมใหม่ เมื่อร่างกายมีการซ่อมแซมก็จะเริ่มเกิดสะเก็ดเล็กๆ แผลเริ่มแห้งและมีอาการคันร่วมด้วย

แผลที่มีสะเก็ดและแห้งมาก จะเกาะกันเป็นกลุ่มกับเส้นผมและดึ้งรั้งผมออกจากกันเป็นอาการปกติ ถึงแม้ว่าหลังปลูกเส้นผมจะเรียงตัวสวยดูชิดกันก็ตาม ดังนั้น ในช่วงวันที่ 4-5 หลังจากปลูกผม ควรทำให้แผลเกิดความชุ่มชื่น โดยการใช้วิตามินอี หรือน้ำมันมะพร้าวทาเพื่อให้สะเก็ดแผลอ่อนนุ่มและค่อยๆหลุดออก ลดการดึงรั้งของเส้นผมค่ะ
เรื่องสิวๆ หลังปลูกผม
สำหรับผู้ที่ปลูกผมแล้ว ก็ต้องมีข้อควรระวังหลังการปลูกผม โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกๆ ที่จะมีสะเก็ดแผล และทำให้เกิดอาการคันได้ นอกจากนี้ยังมีบางรายที่อาจเกิดเป็นสิวขึ้นได้ โดยจะพบในช่วงที่ผมร่วงไปแล้ว ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดมาจากการอุตันของรูขุมขน ทำให้ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาได้

ในทางการแพทย์ได้มีข้ออธิบายไว้ว่า การเกิดสิวหลังการปลูกผมนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเรารู้จักดูแลได้อย่างถูกต้อง สิวที่ว่านี้ก็จะหายไปเป็นปกติ ส่วนใหญ่แล้วสิวที่ขึ้นจะเป็นสิวอักเสบ หรือสิวหัวขาวที่เกิดจากการอุดตันของไขมัน จริงๆ แล้วในคนปกติที่ไม่ได้รับการปลูกผมก็อาจเกิดสิวบนหนังศีรษะได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่คนไข้ที่ได้รับการปลูกผมจะเกิดเป็นความกังวลมากกว่าปกติ

สำหรับการดูแลนั้น คนไข้ควรหมั่นทำความสะอาดเส้นผม ด้วยแชมพูที่คลินิกให้ไว้เพื่อไม่ให้ต่อมไขมันทำงานหนักมากจนเกินไป เมื่อเกิดอาการคัน พยายามอย่าเกา เพราะการเกาอาจทำให้เชื้อโรคที่ติดไปกับเล็บเข้าสู่แผลทำให้เกิดการอักเสบร่วมด้วย

ทั้งนี้เมื่อผมใหม่เริ่มมีการงอกแล้ว ปัญหาสิวดังกล่าวก็จะค่อยๆ หมดไป ยกเว้นในบางรายที่เกิดเป็นสิวขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีการอักเสบร่วมด้วย แนะนำให้กลับมาพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร เพื่อไม่ให้การอักเสบนั้นส่งผลกระทบกับกราฟท์ผมที่ทำการปลูก

ขอให้คิดว่าการเกิดสิวเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ หรือแม้กระทั่งเกิดได้ในผู้ที่ทำการปลูกผม หรือไม่ได้ปลูกผม มีเพียงข้อสำคัญมากที่สุดเพียงข้อเดียวที่ต้องทำก็คือการรักษาความสะอาดของหนังศีรษะอยู่เสมอ

ที่นามนินเอง คนไข้สามารถเข้าพบแพทย์ หรือส่งข้อความพร้อมภาพในช่องทางต่างๆ เพื่อปรึกษากับแพทย์ถึงปัญหาและอาการต่างๆที่พบ โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติให้กับคนไข้อย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามหลังการปลูกผมตลอด 1 ปี ด้วยมาตรฐานการดูแลคนไข้เสมือนเป็นคนในครอบครัว เพื่อให้คนไข้ทุกรายได้รับความพึงพอใจสูงสุด
ไขสาเหตุอาการคันหลังปลูกผม
การปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม เป็นทางเลือกที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้กระทั่งวัยเรียน ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการย้ายเซลล์รากผมจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยไม่ต้องโกนผมบริเวณนั้นออก แล้วจึงนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วงเหล่านั้น มาตรวจสอบ คัดแยก และปลูกลงใหม่ในบริเวณที่เป็นปัญหา ให้กลมกลืนไปกับสภาพผมเดิม และสอดรับกับรูปหน้าของผู้ปลูกผม




แม้ว่าเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม จะไม่ต้องผ่าตัด ทำให้เกิดแผลเพียงขนาดเล็ก และเจ็บน้อย แต่หลังปลูกผม ก็ยังสามารถเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ ในระยะแรก ๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ “อาการคัน” ทั้งตรงบริเวณท้ายทอยที่เจาะนำรากผมออกมา และบริเวณที่ทำการปลูกผมลงไปใหม่ หลาย ๆ คนจึงตั้งข้อสงสัยว่า อาการคันเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า แล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรดีหากเกิดอาการคันขึ้น 

ลองมาดูสาเหตุของอาการคันที่เกิดขึ้นหลังจากการปลูกผม อย่างที่ทราบกันดีว่า แผลที่ใกล้หาย มักจะเกิดอาการคันมากกว่าปกติ ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจกระบวนการสมานแผลของร่างกายกันก่อน 

  • ขั้นแรก เมื่อเกิดบาดแผลขึ้น ร่างกายของเราจะเริ่มห้ามเลือด โดยเส้นเลือดจะบีบแคบลง ทำให้เลือดไหลช้าลง ขณะเดียวกัน เกล็ดเลือดจะเกาะกลุ่มกันกลายเป็นลิ่มเลือดบริเวณปากแผล พร้อมกับเกิดการสร้างตาข่ายเส้นใยทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด 

  • ขั้นต่อมา เป็นระยะของการอาการอักเสบ ซึ่งหมายถึงการที่ร่างกายเริ่มทำความสะอาดบาดแผลและกำจัดสิ่งสกปกรกต่าง ๆ ออกไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

  • จากนั้น เข้าสู่ระยะที่ร่างกายเริ่มสร้างเส้นเลือดใหม่และผิวหนังใหม่ ในขั้นตอนนี้เองจะทำให้เกิดเป็นสะเก็ดปกคลุมแผล และรู้สึกว่าผิวตึงขึ้น

  • สุดท้าย คือขั้นตอนของการปรับตัวและฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ต่าง ๆ ที่ถูกทำลาย

คำตอบของสาเหตุอาการคันอาจอยู่ตรงนี้นี่เอง เมื่อร่ายกายสร้างสะเก็ดแผล หรือสะเก็ดเลือดขึ้น จะพบว่าภายในสะเก็ดแผลนั้นมี “ฮิสตามีน” (histamine) ที่ออกฤทธิ์ทำให้ผิวหนังรอบบาดแผลเกิดการระคายเคือง ฮิสตามีนนั้นเป็นโมเลกุลที่ปล่อยออกมาโดยมาสต์เซลล์ (mast cell) ที่อยู่ใต้ผิวหนัง จะถูกสร้างและหลั่งออกมาเมื่อเกิดอาการแพ้ ทำให้รู้สึกคันหรือเกิดผื่นแดงเช่นเวลาถูกแมลงกัด มีข้อสันนิษฐานว่า การที่มีฮิสตามีนอยู่ในสะเก็ดแผล อาจเป็นกลไกของร่างกาย ที่ทำให้เรารู้สึกคันและเกาบริเวณนั้น เพื่อกำจัดสะเก็ดแผลที่ไม่ต้องการให้หลุดออกไป 



นอกจากนั้น ยังมีทฤษฎีที่มาของอาการคัน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมานแผลในระยะที่ 3 หรือระยะสร้างเส้นเลือดและผิวหนังใหม่ เพราะสะเก็ดแผลจะดึงรั้งผิวหนังใหม่ จนเกิดอาการคันได้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ยังมีคำอธิบายอื่น ๆ อีก เช่น การทำหัตถการทางการแพทย์ต่าง ๆ ทำให้เกิดแผลที่ผิวหนัง และกระทบกับเส้นประสาทบางส่วน รวมถึงต่อมเหงื่อด้วย ทำให้ผลิตน้ำมันออกมาน้อยลง จนทำให้เกิดอาการผิวแห้งและรู้สึกคันตามมา ไม่เพียงเท่านั้น ในขณะที่ร่างกายของเรากำลังซ่อมแซมตัวเองจากบาดแผลและความเสียหายของเส้นประสาท เส้นประสาทจะมีความไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อแผลเริ่มหาย สัญญาณประสาทต่าง ๆ อาจทำให้สมองตีความอาการที่เกิดขึ้นว่าเป็นอาการคันก็เป็นได้

ดังนั้นแล้ว อาการคันจึงอาจนับเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าการฟื้นตัวของบาดแผลกำลังเป็นไปด้วยดี ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับอาการคันหลังการปลูกผม เพราะพบได้ทั่วไปเป็นปกติ ส่วนวิธีการดูแลผิวหนังบริเวณที่คัน ก็เริ่มจากการอดทน พยายามไม่เกาบริเวณนั้น เพราะอาจทำให้กราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมที่ปลูกใหม่หลุดออกมาได้ แพทย์อาจให้สเปรย์หรือน้ำมัน เช่นน้ำมันมะกอก เพื่อช่วยลดอาการคัน หรือแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มยาต้านฮิสตามีน เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าวได้

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่เข้ารับการปลูกผม ไม่เพียงหมั่นสังเกตอาการดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นวิธีปฏิบัติตัว เพื่อให้การปลูกผมได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเกิดการหลุดร่วงของกราฟต์ผม หรือกลุ่มเซลล์รากผมน้อยที่สุด
  • ไม่ทำผมที่เพิ่งปลูกหลุด
  • ไม่ควรสัมผัสกราฟท์ผม
  • ควรนอนยกหัวสูง ลดการบวม
  • งดออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
  • งดการใช้สารเคมีหรือทำสีผม เป็นเวลา 2 – 3 เดือน
  • ป้องกันไม่ให้หนังศีรษะสัมผัสแสงแดด หรือความร้อนจากกิจกรรมต่าง ๆ อย่างน้อย  1 เดือน

ที่สำคัญที่สุด คือ ควรมาพบแพทย์ตาม ที่แพทย์นัดหมายเพื่อติดตามผล

เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยการันตีผลลัพธ์ผมสวยและแข็งแรงหลังการปลูกผม รวมถึงสามารถดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี พร้อมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่มั่นใจมากขึ้น

การออกแบบ Hairline และการปลูกผมเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ
ที่นามนิน คุณหมอนินจะออกแบบ Hairline โดยวิเคราะห์กรอบหน้าและโครงสร้างของเส้นผมโดยจะทำการปลูกผมโดยใช้เส้นผมลักษณะต่างๆ ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้หลังปลูกผมนั้น เส้นผมของคุณดูเป็นธรรมชาติ
ปัญหาเส้นผม... อุปสรรคความมั่นใจของผู้หญิง
ไม่ใช่แค่ผู้ชายเท่านั้นที่ต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบาง เพราะผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็ประสบกับปัญหาผมที่ส่งผลกระทบไปถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน บ้างก็ไม่สามารถจัดทรงผมได้ตามใจต้องการ บ้างต้องคอยปกปิดส่วนที่ผมบางหรือหายไป และบางคนก็ดูมีอายุเกินวัยเพียงเพราะเส้นผมที่ไม่หนาแน่นเหมือนเคย นั่นจึงทำให้การปลูกผมเริ่มกลายเป็นที่สนใจในหมู่ผู้หญิงหลากหลายช่วงวัยมากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมักจะให้ความสำคัญกับความสวย บุคลิกภาพ และการดูแลตัวเองให้ดูดีมาเป็นอันดับแรก ๆ ...มาทำความรู้จักกับปัญหาเส้นผมของผู้หญิง ว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร และจะมีความแตกต่างจากปัญหาผมของผู้ชายอย่างไรบ้าง...



แม้ว่าเส้นผมของเราจะหลุดร่วงเป็นปกติอยู่แล้วในทุก ๆ วัน แต่นี่คือสัญญาณผมร่วงที่บ่งบอกว่า สภาพหนังศีรษะและเส้นผมของเรากำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการผมร่วงแล้วไม่งอกขึ้นมาใหม่ทดแทน หรือขึ้นใหม่แต่เส้นเล็กและบางลงกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และที่สำคัญคือ ผมร่วงในแต่ละวันมากกว่า 100 เส้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาการผิดปกติ หรือเข้าสู่ภาวะผมร่วงและผมบางแล้วนั่นเอง 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงในผู้หญิง ก็มาจากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต โรคและความเจ็บป่วย รวมถึงความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของร่างกาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
  • กรรมพันธุ์
อาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ สามารถส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว พบได้ในทั้งผู้ชายและผู้หญิง

  • อายุ
สังเกตได้ว่า เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ผมจะค่อย ๆ บางลงจนเห็นหนังศีรษะชัดเจนขึ้นในบางราย ทั้งนี้ เป็นเพราะการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะลดน้อยลงประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์รากผมก็เสื่อมถอยลง ทำให้รากผมหดตัว และเส้นผมไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่เหมือนเมื่อช่วงที่อายุยังน้อย

  • ความเครียด
ความเครียดในระดับที่รุนแรง อาจทำให้การทำงานของรากผมหยุดชะงัก จนเส้นผมหลุดร่วงจำนวนมากในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนในบางราย ความเครียดหรือความวิตกกังวลอาจส่งผลต่อเนื่องไปสู่อาการชอบดึงผมตัวเอง ซึ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง

  • การขาดสารอาหาร
ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก อดอาหาร หรือผู้ป่วยโรค Anorexia หรือ Bulimia ซึ่งได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนเพียงพออาจพบอาการเส้นผมหลุดร่วง เนื่องจากขาดโปรตีนหรือวิตามินสำคัญจนทำให้รากผมอ่อนแอ

  • สารเคมี
สารเคมีและความร้อนจากการย้อม ดัด ยืด หรือทำสีผมบ่อยเกินไปโดยขาดการบำรุง จะทำให้เส้นผมเปราะบางและหลุดร่วงง่ายยิ่งขึ้น

  • โรคและการบาดเจ็บต่าง ๆ
อาการผมร่วงอาจพบได้ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดัน โรคไต ฯลฯ รวมไปถึงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดต่าง ๆ ด้วย

  • การตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิดในช่วงตั้งครรภ์และช่วงหลังคลอดบุตร อาจส่งผลให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่เส้นผมจะกลับขึ้นมาใหม่ตามปกติภายในช่วงระยะ 6 – 12 เดือน

รูปแบบของอาการผมร่วงและผมบางในผู้หญิง ก็ค่อนข้างต่างจากผู้ชาย โดยจะมีลักษณะเด่นอยู่ 2 รูปแบบ นั่นคือรูปแบบผมบางบริเวณกลางศีรษะ และรูปแบบแนวผมถอยร่นจนทำให้หน้าผากกว้าง ซึ่งสาเหตุหลักของอาการดังกล่าวก็คือการส่งต่อพันธุกรรมลักษณะผมร่วงสู่กันในครอบครัวนั่นเอง

ผู้หญิงที่ประสบปัญหาผมบางตรงกลางศีรษะ เกิดจากการความไม่สมดุลระหว่างเส้นผมที่หลุดร่วงไป กับแส้นผมที่งอกขึ้นใหม่ เมื่อผมใหม่งอกขึ้นน้อยกว่า ผมจึงดูบางลงเรื่อย ๆ สังเกตได้ว่าผมมักจะเริ่มบางจากบริเวณรอยแสก จนกระทั่งเห็นหนังศีรษะชัดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง แต่จะไม่ถึงกับศีรษะล้านอย่างชัดเจนทั้งหมดเหมือนผู้ชาย เนื่องจากผู้ชายจะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เองมีโอกาสจะถูกเอนไซม์เปลี่ยนให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของรากผมลดลง ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่ยิ่งมีขนาดเล็ก อ่อนแอ หลุดร่วงง่าย


ขณะเดียวกัน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็กำลังพบเจอกับปัญหาแนวผมด้านหน้าถอยร่นเข้าไปจนทำให้หน้าผากกว้าง บางคนอาจเห็นพื้นที่ผมเว้าเข้าไปสองข้างเป็นรูปตัว M ทำให้เป็นกังวลเรื่องความสวยงาม ความอ่อนวัย หรือสูญเสียความมั่นใจในการออกไปพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน 


ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผมบางกลางศีรษะ หรือปัญหาแนวผมถอยร่นจนหน้าผากกว้าง “การปลูกผม” เป็นทางออกหนึ่งที่สามารถช่วยคืนเส้นผมหนาแน่นและกรอบหน้าเนียนสวยให้กับผู้หญิงได้ เพียงลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเส้นผม ถึงรูปแบบของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงแนวความต้องการในการแก้ไขปัญหา ซึ่งแพทย์สามารถใช้เทคนิคการปลูกผมแบบถาวร ด้วยการย้ายรากผมจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาเติมเต็มบริเวณที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นหน้าผากหรือกลางศีรษะ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น นอกจากเส้นผมใหม่จะดูหนาแน่น กลมกลืน และเป็นธรรมชาติแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้ปรับแต่งแนวผมและกรอบหน้าใหม่ เพื่อความอ่อนวัยและความสวยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วย


Shock Loss ภาวะปกติที่ไม่ต้องกังวล
ส่วนใหญ่แล้วการหาข้อมูลคือเรื่องสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผม และเชื่อว่าหลายคนอาจจะเจอกับคำว่า Shock Loss หรือที่เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นภาวะผมร่วงหลังการปลูกผม พอเจอแบบนี้เข้าไปก็อาจมีบ้างที่กังวลไปต่างๆ นานา แต่อย่าเพิ่งช็อคกับ Shock Loss เพราะจริงๆ แล้วภาวะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติของผู้ที่ทำการปลูกผม ไม่ว่าจะใช้เทคนิคอะไรก็เกิดขึ้นได้ 
สำหรับภาวะ Shock Loss นี้ จะเกิดขึ้นเพียง 5% เท่านั้น โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นกับเส้นผมที่ย้ายมาปลูกใหม่และอยู่ในช่วงพักฟื้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่ในช่วงหลัง 2 สัปดาห์แรกที่ทำการปลูกผม 

หากบังเอิญเราเกิดแจ็คพอตเป็น 1 ใน 5% ที่เกิดภาวะ Shock Loss ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะอยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวงจรการหลุดร่วงตามธรรมชาติของเส้นผม แต่รากผมที่ได้ทำการย้ายมาแล้วจะติดแน่นดีตั้งแต่ช่วง 2 สัปดาห์แรก และจะเริ่มเข้าสู่วงจรการงอกใหม่ของเส้นผมอีกครั้งในช่วง 6 - 12 เดือน ก็จะงอกใหม่ได้สมบูรณ์




แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเส้นผมที่ติดมานั้น ไม่ใช่กราฟท์ผมที่ทำการปลูกไว้ เรื่องนี้สังเกตได้ง่ายๆ ว่ากราฟท์ผมจะฝังตัวแน่นบนหนังศีรษะตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก ซึ่งมีข้อควรระวังมากๆ  ที่กราฟท์ยังอ่อนแอ คุณหมอจึงมักให้เราระวังไม่ให้บริเวณที่ทำการปลูกถูกรบกวน ไม่ว่าจะเป็นการจับ การแกะ เกา หรือเผลอไปถูไถกับหมอนระหว่างนอน รวมไปถึงการออกกำลังกายหนักๆ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อศีรษะกระแทก อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งหากเลยช่วงนี้แล้ว และพบการหลุดร่วงก็จะได้สบายใจว่าไม่ใช่รากผมแน่นอน

นอกจากนี้ การเข้ารับการปลูกผมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดภาวะ Shock Loss ได้ เพราะแพทย์จะให้ความใส่ใจในทุกขั้นตอน และสามารถประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างที่ Namnin นอกจากแพทย์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรงแล้ว ยังมีอุปกรณ์เครื่องมือขนาดเล็กมากในการทำการเจาะ หรือปลูกกราฟท์ผม ทำให้บาดแผลที่ได้เล็ก และการฟื้นตัวของกราฟท์ผมที่นำมาปลูกก็จะฟื้นตัวไว นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารบำรุงรากผม ก็จะเป็นการดูแลจากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะวิตามินอี บี ซี และโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยให้หนังศีรษะเราแข็งแรงได้อีกทาง 



เห็นไหมว่าภาวะ Shock Loss เป็นแค่เรื่องธรรมชาติของวงจรการเกิดใหม่ของเส้นผม ทีนี้ เราก็สามารถเดินเข้ามาปรึกษา พร้อมนัดวันเปลี่ยนแปลงเป็นคุณคนใหม่ได้อย่างมั่นใจ ด้วยการปลูกผมเปลี่ยนแปลงบุคลิกกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Namnin ได้เลยทันที

เพราะปัญหาผมร่วง รอไม่ได้ ปลูกผมคืนความมั่นใจก่อนสายเกิน
...ถึงเวลาที่เราควรเริ่มปลูกผมได้หรือยังนะ...

นี่คงเป็นคำถามซึ่งหลาย ๆ คนที่กังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางของตัวเอง กำลังชั่งใจเพื่อหาคำตอบกันอยู่ใช่หรือไม่ บางคนอาจคิดว่า รอให้อาการผมบางชัดเจนกว่านี้ก่อนดีกว่า จะได้ไปปลูกทีเดียวเลย หรือบางคนก็มองว่า เรายังอายุไม่มากเท่าไหร่ คงยังไม่สายเกินไปหรอกที่จะรออีกสักหลาย ๆ ปีค่อยตัดสินใจปลูกผม 

แต่ทั้งหมดนั้นอาจเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผมคือ ถ้าเริ่มมีปัญหาผมร่วง ผมบาง ควรรีบมาปรึกษาแพทย์ ไม่ควรรอจนสายเกินไป เพราะเมื่อถึงวันนั้น โอกาสที่จะเรียกคืนผมสวยหนาแน่นสุขภาพดีให้กลับมา อาจเป็นไปได้ยาก หรือเป็นไปไม่ได้เลย



หลายคนอาจสงสัยว่า การปลูกผม มีคำว่า “สายเกินไป” ด้วยหรือ... ประการแรก ควรทำความเข้าใจก่อนว่า การปลูกผมใหม่ ควรต้องอาศัยรากผมของตัวเราเองในการปลูก เพราะการปลูกผมก็ไม่ต่างจากการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งปกติแล้ว ร่างกายของเราจะมีปฏิกิริยาต่อต้านหากมีเซลล์แปลกปลอมใด ๆ เข้ามาในร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจ ตับ หรือไต จึงจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่คุ้มค่าในระยะยาวหากต้องรับประทานยาเช่นนี้ในกรณีการปลูกถ่ายรากผม นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถฝากความหวังในการปลูกผมใหม่จากรากผมของคนอื่นได้ 

และเพราะเราต้องพึ่งพาเส้นผมส่วนที่เหลือของเราในการปลูกผมนี่เอง ทำให้การตัดสินใจปลูกผมเป็นสิ่งที่รอช้าไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลือก็อาจกำลังค่อย ๆ หลุดร่วงตามไปเช่นกัน!! ...เรามาลองทบทวนที่มาของปัญหาผมร่วงและผมบางที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดของปัญหาร่วงและผมบางที่ผู้คนทั่วโลกพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชาย ทราบหรือไม่ว่า ยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ซึ่งยีนดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดส่งผ่านคนในครอบครัวไปสู่ลูกหลานรุ่นถัดไป




หากคุณคือผู้ที่ได้รับมรดกพันธุกรรมผมร่วงและผมบางจากคนในครอบครัว บริเวณหนังศีรษะของคุณจะมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อ 5-alpha reductase มากเป็นพิเศษ เจ้าเอนไซม์ตัวนี้ จะไปเปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่ร่างกายผลิตขึ้นปกติ ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT และเมื่อคุณมีฮอร์โมน DHT ที่หนังศีรษะในระดับสูง ผลที่ตามมาก็คือทำให้รูขุมขนบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลง เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่จึงมีรากผมอ่อนแอ ทั้งบางและสั้น จนหลุดร่วงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และนี่ก็คือสาเหตุของอาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ความหวังในการปลูกผมใหม่ของพวกเรายังคงเหลืออยู่ที่ผมบริเวณด้านหลังท้ายทอย โชคดีที่หนังศีรษะบริเวณนี้มีคุณสมบัติไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ดังนั้น เส้นผมบริเวณท้ายทอยจึงมีรากผมที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเทียบกับหนังศีรษะบริเวณอื่น ๆ และถูกเลือกนำไปปลูกทดแทนในพื้นที่ที่ผมบางลงหรือหลุดร่วงหายไป ที่สำคัญ แม้จะนำรากผมและเส้นผมไปปลูกใหม่ในบริเวณที่เคยมีปัญหา แต่รากผมก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้รากผมสามารถผลิตผมที่แข็งแรงภายใต้ปัจจัยที่เหมาะสมต่อไปได้อีกเป็นร้อยปี ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผมนั่นเอง

ได้ยินคุณสมบัติพิเศษของผมด้านหลังท้ายทอยอย่างนี้แล้ว ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เพราะเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเมื่อถึงวันที่เราตัดสินใจปลูกผม วันนั้น เส้นผมของเราจะยังเหลือเพียงพอให้นำมาปลูกทดแทนบริเวณผมร่วงและบางลงไป 



นี่คือตัวอย่างภาพลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายแต่ละรูปแบบ ซึ่งผมจะเริ่มร่วงจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ
รูปแบบ O 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย พบค่อนข้างมากในผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก
รูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M เริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี
รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M 
ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด

ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น จะเห็นว่าในระยะท้าย ๆ เมื่อปัญหาผมลุกลามรุนแรงขึ้น ไม่ใช่แค่ผมด้านหน้าหรือตรงกลางที่บอกลาเจ้าของเส้นผมไป แต่ผมด้านหลังบริเวณท้ายทอยก็จะยิ่งเหลือน้อยลง ๆ ตามไปด้วย ซึ่งปริมาณของเส้นผมอาจไม่เพียงพอที่จะนำมาปลูกใหม่เพื่อช่วยเติมเต็มความหนาแน่นของเส้นผมในบริเวณที่เป็นปัญหาก็เป็นได้

สำหรับการย้ายรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย มาปลูกใหม่แบบถาวรในบริเวณที่ต้องการนั้น เรียกว่าเทคนิค FUE หรือ (Follicular Unit Excision) ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูง เอกสิทธิ์เฉพาะของนามนินเท่านั้น แพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กพิเศษ นำเซลล์รากผมที่แข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วง ออกจากหนังศีรษะด้านหลังท้ายทอย โดยจะไม่มีการโกนผมบริเวณด้านหลังออก แต่ใช้เทคนิคแบบขั้นบันได เพื่อซ่อนแผลให้แนบเนียนและกลมกลืนไปกับทรงผมเดิม

ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องอาศัยความละเอียดอ่อนและทักษะเฉพาะตัวของแพทย์ในการปลูกรากผมลงใหม่ เพื่อให้เส้นผมใหม่มีอัตราการอยู่รอดมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งยังลดอาการเจ็บ บวม แผลเล็ก เลือดออกน้อย จนสามารถออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ในวันต่อมาโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ๆ ที่สำคัญ แพทย์จะคอยติดตามผลการรักษา และแนะนำการดูแลเส้นผมที่ถูกต้อง เพื่อให้ผมใหม่สามารถเติบโตต่อตามวงจรเส้นผมได้อย่างสมบูรณ์



อีกเทคนิคหนึ่งจากคลินิกนามนินที่จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับผม ก็คือเทคนิคการปลูกผมแทรก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะ โดยแพทย์จะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอย ไปปลูกแทรกหรือปลูกกระจายในบริเวณนั้น เพื่อให้รากผมแข็งแรงที่ปลูกใหม่ ไปช่วยพยุงโคนผมเก่าที่อ่อนแอ ทำให้ผมในบริเวณกลางศีรษะกลับดูหนาแน่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้น หากเราตัดสินใจปลูกผมในวันที่ผมส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังท้ายทอยยังเหลืออยู่มากเพียงพอ ก็จะทำให้การปลูกผมใหม่มีโอกาสสูงที่จะคืนความหนาแน่นให้กับเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับผู้ต้องการปลูกผมบางราย ยังสามารถปลูกผมซ้ำได้อีกเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 เพื่อความสมบูรณ์มากที่สุดอีกด้วย



ปัญหาผมร่วงและผมบาง จึงเป็นปัญหาที่รอไม่ได้ เพราะเส้นผมที่เหลืออาจแก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดหวังไว้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว เนื่องจากการปลูกผมเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนการรักษาในระยะยาว และต้องอาศัยการพูดคุยร่วมกันระหว่างแพทย์กับผู้เข้ารับการปลูกผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการประเมินแนวทางการรักษา ซึ่งแพทย์จะต้องพิจารณาจากความต้องการของผู้เข้ารับการปลูก ลักษณะของปัญหาผมที่เป็นอยู่ รวมถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะปลูกผมสำเร็จด้วย ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแนวผมหรือกรอบหน้าใหม่ โดยคำนึงถึงสัดส่วนใบหน้าที่สอดคล้อง สวยงาม และเหมาะสม ก่อนจะประเมินพื้นที่ปลูก และคำนวณจำนวนกราฟต์ผมที่จะต้องดึงออกจากบริเวณท้ายทอย มาปลูกเสริมในบริเวณที่เป็นปัญหา เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์เส้นผมแข็งแรง สุขภาพดี หนาแน่นเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะช่วยให้คุณแลดูอ่อนกว่าวัย คืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีให้กับคุณได้อีกครั้ง 

ปรึกษาและปลูกผมกับแพทย์ 
NAMNIN forV Clinic สาขาอารีย์
Tel. 093-0935639
Line. @namninclinic

กลับมารักผมได้มั๊ย
เรื่องเครียดๆ ที่ไม่คาดฝันก็มักมาแบบไม่รู้ตัว ส่งผลทำลายทั้งจิตใจและร่างกาย บางครั้งเราก็รู้ตัวทันเพราะเป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้โดยตรง เช่น เครียดจนปวดหัว กินข้าวไม่ได้ หน้าตาหมองคล้ำ แต่บางครั้งความเครียดก็แอบซุ่มทำลายบุคลิกภาพไปอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาการผมร่วง ซึ่งก็มักจะไปแอบร่วงแถวบริเวณกลางศีรษะ จนมีคนทักนั่นแหละถึงได้รู้ว่ากำลังมีผมทรงไข่ดาว

โรคผมร่วงเป็นหย่อม จะมีลักษณะของเส้นผมที่หลุดร่วงเป็นกระจุก เป็นวงๆ มักเกิดขึ้นบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันไปทำลายรากผม สำหรับสาเหตุนั้นก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ หรือมีโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ด่างขาว ไทรอยด์ ภูมิแพ้ หอบหืด อย่างนี้เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด และที่น่ากลัวมากคือการมีความเครียดเรื้อรังสูง ยิ่งเครียดผมยิ่งร่วง แต่พอหายเครียด อ้าวมีไข่ดาวมาซะงั้น ที่สำคัญโรคผมร่วงเป็นหย่อมแบบนี้ เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่จะพบมากก็ในวัยทำงาน ทำให้เสียบุคลิก ขาดความมั่นใจ

แล้วถ้าถามว่าโรคนี้รักษาหายหรือเปล่า คำตอบคือ รักษาได้ ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้

50% ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เมื่อได้รับการวินิจฉัยถึงต้นเหตุแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติภายใน 6 เดือน – 1 ปี

90% ปล่อยให้หายเอง แต่กว่าจะกลับมาเป็นปกติก็อาจใช้ระยะเวลานานถึง 2 ปี

10% ที่ไม่พบหมอ และผมหลุดร่วงแบบถาวร เซลล์รากผมตาย ไม่งอกกลับมาเหมือนเดิม หรืองอกใหม่แต่ก็ร่วงอีก

แล้วถ้าต้องกลายเป็นคนใน 10% นั้น คุณจะปล่อยให้ผมรับชะตากรรมไปแบบนั้น หรือเลือกที่จะคืนชีพให้เส้นผม

“อยากชวนคุณมารักผม”

สมัยนี้การปลูกผม ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่ NAMNIN ใช้เทคนิค NEAT ที่ไม่ใช่แค่การปลูกผมให้ขึ้น แต่ยังเป็นการคำนึงถึงผู้ที่เข้ารับการรักษา เพราะความกังวลแรกของผู้ที่อยากปลูกผมคือกลัวเจ็บ และกลัวว่าจะต้องโกนผมทิ้งเพื่อเจาะย้ายเซลล์รากผม รวมไปถึงระยะเวลาพักฟื้นอีก ข้อกังวลใจเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะ NAMNIN เลือกใช้เครื่องมือขนาดเล็กที่ทันสมัยสุดตอนนี้จากประเทศเกาหลี แผลที่เกิดจากการย้ายเซลล์รากผมก็จะเป็นเพียงสะเก็ดเล็กๆ ทำให้แผลแห้งไว รวมไปถึงการใช้เทคนิคการย้ายแบบขั้นบันได ไม่ต้องโกนผมให้เสียทรง เพราะยังมีเส้นผมปกปิดรอยแผลจนเป็นที่สังเกตได้ยาก นอกจากนี้การนำเซลล์รากผมย้ายไปปลูกในบริเวณที่ต้องการรักษา คุณหมอก็จะออกแบบทิศทางการงอกได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญมากที่สุดคือ ทุกขั้นตอนที่ NAMNIN  คุณหมอจะเป็นผู้ที่ดูแลทำการรักษาเองทั้งหมด เรียกว่าเป็นความใส่ใจที่คุณหมอมีให้กับทุกคนจริงๆ

ถ้าเริ่มรักผมขึ้นมาแล้ว อย่าลืมให้ NAMNIN เป็นเสมือนกามเทพคืนชีพให้เส้นผม เพื่อเปลี่ยนลุค ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น เพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างมั่นใจ
ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”
ไขปริศนา “ผมหงอก” กับ “ความเครียด”

“ผมหงอก” เป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจที่หลายคนกังวลว่าจะทำให้เสียภาพลักษณ์จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ผู้คนมักจับคู่ว่าเป็นสาเหตุของอาการผมหงอกก็คงหนีไม่พ้น “ความเครียด” แต่ทราบหรือไม่ว่า ความเครียดกับอาการผมหงอกขาวก่อนวัย ยังคงเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบอยู่จนถึงทุกวันนี้ ว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันในลักษณะใด

โดยปกติแล้ว สีผมของคนเราจะเริ่มหงอกขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัย ถือเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามธรรมชาติ  โดยเซลล์เม็ดสีที่เรียกว่าเมลาโนโซต์ (melanocytes) ที่เป็นผู้ผลิตเม็ดสีเมลานิน (melanin) นี่เอง ทำให้เส้นผมของเราเป็นสีดำ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น ความสามารถในการปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระก็จะลดลงจากในวัยหนุ่มสาว ทำให้เซลล์เมลาโนโซต์ค่อย ๆ หายไป ส่งผมให้เส้นผมเปลี่ยนสีตามไปด้วยนั่นเอง แต่ถ้าเราเริ่มมีผมหงอกขาวตั้งแต่ก่อนวัย 30 ล่ะ ความเครียดจะเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการดังกล่าวอย่างไร

นอกจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นการสูบบุหรี่ การสัมผัสมลพิษทางอากาศ หรือการขาดสารอาหารที่เหมาะสม เป็นที่ทราบกันดีว่าความเครียดสามารถส่งผลต่ออาการผมหงอกอย่างฉับพลันได้ เช่น กลุ่มอาการมารี อองตัวเน็ตต์ (Marie Antoinette Syndrome) ที่ทำให้พระนางมารี อองตัวเน็ตต์ อดีตราชินีฝรั่งเศส เกิดอาการผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนก่อนถูกประหารด้วยกิโยติน แต่ก็ยังไม่พบคำตอบอยู่ดีว่าความเครียดส่งผลให้ผมของคนเราหงอกขาวได้ในเวลาอันสั้นด้วยกลไกแบบใด

ไม่นานมานี้ นักวิจัยเริ่มค้นพบความเชื่อมโยงของ “ความเครียด” กับกลไกการผลิตเม็ดสีบริเวณเส้นผม โดยพวกเขาทดลองสร้างภาวะเครียดรุนแรงให้กับกลุ่มหนูทดลองขนสีดำอายุน้อย ผลที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านไม่กี่สัปดาห์ พบว่าขนสีดำของหนูทดลองกลุ่มนี้กลายเป็นสีขาวทั่วทั้งตัว 

สาเหตุเนื่องมาจากเมื่อหนูทดลองรู้สึกเจ็บปวดหรือหวาดกลัว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล ทำให้หัวใจเต้นถี่ขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ส่งผลต่อระบบประสาทที่ทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรง นำไปสู่การทำลายเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์เมลาโนโซต์ที่ผลิตเม็ดสีในปุ่มรากผม หลังจากสเต็มเซลล์ผลิตเม็ดสีเหล่านี้ถูกทำลายจนหมดลง หนูทดลองจึงไม่สามารถสร้างสีขนได้อีกเลย 

นอกจากนั้น นักวิจัยยังตรวจสอบเปรียบเทียบหน่วยพันธุกรรมหรือยีนของหนูในภาวะเครียดกับหนูทดลองปกติ พบว่าหนูที่มีความเครียดจะผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งออกมาสร้างความเสียหายต่อสเต็มเซลล์เมลาโนไซต์ ซึ่งถ้าให้ยาที่ยับยั้งโปรตีนชนิดนี้กับหนูทดลองในภาวะเครียด ก็จะช่วยชะลอการเกิดการเปลี่ยนสีขนได้

ทั้งหมดนี้เป็นผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Harvard สหรัฐอเมริกา ร่วมกับมหาวิทยาลัย Sao Paulo ประเทศบราซิล ที่พยายามจะไขความลับเกี่ยวกับภาวะเครียดและอาการผมหงอกมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าการค้นพบครั้งล่าสุดนี้จะยังเป็นเพียงการวิจัยในกลุ่มหนูทดลอง แต่นักวิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ในการพัฒนายาตัวใหม่ ๆ หรือวิธีการที่จะป้องกันและชะลออาการผมหงอกก่อนวัยที่เกิดจากความเครียดได้ในอนาคต

New Normal New You
นามนิน เข้าใจปัญหาเส้นผมของคนทุกเพศวัย ขอเชิญผู้ที่มีปัญหาเส้นผมและต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง 
ร่วมกิจกรรม ปลูกผม...เปลี่ยนคุณ New Normal New You

คุณสมบัติผู้สมัคร
1. ไม่จำกัดเพศ อายุ 22-45 ปี
2. ไม่เคยปลูกผมมาก่อน

กติกาการร่วมสนุก :
1.ลงทะเบียนเพื่อยืนยันการเข้าร่วมกิจกรรม ที่ลิงค์นี้ shorturl.at/qCDF6
2โพสต์รูปตัวคุณในช่วงเวลาที่คุณมั่นใจและรูปปัจจุบันที่มีปัญหา ในคอมเม้นท์ของโพสนี้ พร้อมบอกเหตุผลว่าทำไมคุณควรได้รับการปลูกผมฟรี
3.แชร์โพสต์ของแคมเปญนี้ออกไปบนหน้าเฟสบุ้คของคุณ เปิดเป็น public


รางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
รางวัลที่ 1 ปลูกผมถาวรฟรี ด้วยเทคนิค N / E / A / T  พร้อมคอร์สดูแลหลังปลูกผมจากนามนิน คลินิก จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 350,000 บ.
รางวัลที่ 2 รับส่วนลดพิเศษ 50% ในการปลูกผมถาวร ด้วยเทคนิค N / E / A / T  พร้อมคอร์สดูแลหลังปลูกผม  จำนวน 4  รางวัล มูลค่า 700,000 บ.
รางวัลที่ 3 รับบริการ Hair Growth Treatment  ฟรี จำนวน 5 รางวัล มูลค่า 39,500 บ.

ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง  31 มี.ค.2564
ประกาศผลวันที่ 3 เม.ย. 2564

กติกาและเกณฑ์การตัดสิน 
1.เป็นผู้มีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมบางกลางศีรษะ 
2.ไม่เคยปลูกผมมาก่อน
3.ไม่เคยใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เพื่อกระตุ้นเซลล์รากผมหรือแก้ปัญหาผมบาง
4.ไม่เป็นโรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ หรือเส้นผมมาก่อน
5.ผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการปลูกผม  เช่น โรค HIV, หัวใจ, ความดัน, เบาหวาน, โรคเลือดออกไม่หยุด, 
6.มีบุคลิกภาพ และการพูดที่ดี เหมาะกับการเป็นประชาสัมพันธ์
7.มีการสนับสนุนในโพสต์ด้วยการกดถูกใจ
8.เหตุผลที่น่าประทับใจคณะกรรมการ

เงื่อนไข
1. เมื่อมีการลงทะเบียน จะถือว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทำความเข้าใจ และตกลงยอมรับในกติกาที่กำหนดไว้แล้ว โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น
2.ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยินดีและตกลงที่จะทำตามข้อกำหนดและเงื่อนไข รวมทั้งการตัดสินของคณะกรรมการการจัดกิจกรรม
3.รางวัลทุกๆรางวัลในโครงการนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเงินสด หรือโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้
4. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ยกเลิกหรือหยุดกิจกรรมดังกล่าวได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
5. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวไม่มีสิทธิ์ในการเรียกร้อง หรือร้องขอ ผลจากการสูญเสียหรือเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งทางตรง และทางอ้อมจากการเข้าร่วมกิจกรรม
6. หากผู้เข้าร่วมกิจกรรมรายใดประพฤติตัวไม่เหมาะสม สร้างความเสื่อมเสีย หรือทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน ทางทีมงาน สามารถตัดสิทธิ์บุคคลนั้นได้ทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
7. ทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ที่เกิดจากการกระทำของผู้เข้าร่วมกิจกรรม อันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมผู้นั้นต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตนแต่ฝ่ายเดียว
8. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ หรือแสดงรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าวเพื่อประโยชน์สำหรับกิจกรรมทางการตลาด การโฆษณา รวมทั้งวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีสิทธิ์ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมสำหรับวัตถุประสงค์ที่เหมาะสมอย่างเช่น การใช้ ชื่อ และ นามสกุล เพื่อการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สื่อวิทยุ โทรทัศน์ สื่อกลางแจ้ง สื่ออินเตอร์เนต สื่อสิ่งพิมพ์ และ อื่นๆ ซึ่งทางบริษัทฯถือว่าได้รับอนุญาตจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว
9.คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

ข่าวกรุงเทพธุรกิจ “นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน” บุกตลาดคนทำงาน ด้วยหนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม”

Link ข่าว : https://www.bangkokbiznews.com/pr/detail/76064
ข่าว Manager online “นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”


Link ข่าว : https://mgronline.com/business/detail/9640000015183?fbclid=IwAR1pPKn97mDHXy8PR0zOZM8cncBPhk6N8TQwvb658-8Fqg05PjhDjpEOLsg
“นามนิน คลินิก” ชูจุดเด่น “ปลูกผมไม่ต้องลางาน”
ในระยะ 5-10 ปีที่ผ่านมา การศัลยกรรมในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การทำศัลยกรรมกลายเป็นที่ยอมรับและผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงทำให้อายุโดยเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมลดลง จากผลการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมเสริมความงามนานาชาติ พบว่า ประเทศไทยทำศัลยกรรมมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก เป็นอันดับ 5 ของเอเชีย และเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)



“ปลูกผม” คือ หนึ่งในการทำศัลยกรรมของประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ในทุกปี เพราะการปลูกผมเป็นทั้ง “ศาสตร์” และ “ศิลป์” จึงต้องประกอบไปด้วยความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง ความประณีตพิถีพิถันและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รวมถึงประสิทธิภาพด้านความสวยงาม เน้นความเป็นธรรมชาติของเส้นผมที่ได้รับการปลูกขึ้นใหม่ และแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพตามธรรมชาติของผู้รับการปลูกผม


เพราะ “เส้นผม” เป็นมากกว่าแค่องค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ “เส้นผม” เป็นเครื่องสะท้อนถึงบุคลิกภาพและตัวตนของบุคคลนั้นได้ดีที่สุด “Namnin Clinic” จึงใช้โอกาสในช่วงวันแห่งความรัก เปิดตัวหนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” บน Facebook  เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงคุณค่าของความรักที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของชีวิต แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต เปรียบเสมือนการปลูกผมที่ช่วยสร้างบุคลิกใหม่ และเพิ่มความมั่นใจให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ



“Namnin Clinic” เป็นคลินิกแห่งแรกที่บุกตลาดการศัลยกรรมปลูกผมในมุมมองใหม่ โดยใช้หนังสั้น “ขอบคุณที่รักผม” ช่วยนำเสนอความสำคัญและผลลัพธ์ของการปลูกผมตามแนวคิด “NEAT FOR NEW ใส่ใจเพื่อคุณคนใหม่” เพราะเชื่อมั่นว่า ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอและอยู่เคียงข้างทุกความตั้งใจเพื่อให้คุณพร้อมเป็นคนใหม่ได้อย่างที่ใจต้องการ





 “นามนิน” ขอชวนให้คุณมาร่วมหาคำตอบร่วมกันว่า ความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงหรือแท้จริงแล้วเราเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความรักกันแน่ในหนังสั้นเรื่องนี้ 

แกะรอยความแตกต่าง ภาวะผมร่วงผมบางจากกรรมพันธุ์ ในผู้ชายและผู้หญิง
อาการผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะศีรษะล้าน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยมีปัจจัยหลายประการที่อาจเป็นสาเหตุของอาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด การขาดสารอาหาร โรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผลข้างเคียงจากยาหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมหรือมลภาวะ แต่ตัวการสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมของคนเรา ก็คือ “กรรมพันธุ์” ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว เรียกได้ว่าอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์นั้น สามารถพบได้ถึงร้อยละ 90 – 95 จากสาเหตุทั้งหมดทีเดียว

อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าสังเกตของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ ที่แตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งหากเราสังเกตพบอาการเหล่านี้ ก็จะทำให้สามารถรักษาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และยิ่งสังเกตพบเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชาย

ในความเป็นจริงแล้ว เรามักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะดังกล่าวนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง ไม่เพียงเท่านั้น ฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) ยังเป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ กล่าวคือ ผู้ชายที่ได้รับการส่งต่อลักษณะผมร่วงและผมบางทางพันธุกรรม จะมีเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase ในปริมาณสูงบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ซึ่งทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะหดตัวลง จนเส้นผมที่เกิดใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ และหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ โดยเราจะพบลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้ชายได้ดังนี้ 

  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ (รูปแบบ A)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย มักพบได้ทั่วไปในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย (รูปแบบ O)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M สามารถพบได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (รูปแบบ M)
  • ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางอย่างรุนแรงที่สุด (รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M)
  • เป็นที่น่าสังเกตว่า ผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้าง และผมบริเวณท้ายทอย จะมีความหนาแน่นและมีขนาดเส้นผมปกติ เนื่องจากรากผมบริเวณนั้นมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • มีลักษณะหนวดเคราดก และผิวหน้ามันร่วมด้วย เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้




ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง

  • จุดแตกต่างที่สำคัญคือ ผลจากกรรมพันธุ์ไม่ได้มีผลต่อการร่นของแนวผมบริเวณหน้าผากของผู้หญิง หรือมีผลน้อยมาก (ดังนั้น หากคุณพบปัญหาผมร่วงและผมบางบริเวณหน้าผาก อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ก็เป็นได้ เช่น การมัดผมแน่น ๆ เป็นเวลานาน การเสียสมดุลของฮอร์โมนเอนโดรเจนในผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร ตลอดจนปัญหาสุขภาพ อย่างเช่นโรคเบาหวาน หรือโรคไทรอยด์ เป็นต้น)
  • จุดที่น่าสังเกตคือ ผู้หญิงจะมีผมบางลงบริเวณกลางศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงรอยแสกผมที่จะค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเส้นผมบริเวณนั้นก็จะมีขนาดเล็กและอ่อนแอลงด้วย ในที่นี้อาจแบ่งความรุนแรงออกได้เป็น 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ไปจนถึงระดับรุนแรง ซึ่งบริเวณที่ผมร่วงและผมบางจะขยายไปทางด้านข้างเป็นวงกว้าง
  • ในขณะที่ผู้ชายจะยังคงมีผมบริเวณเหนือกกหูทั้งสองข้างและบริเวณท้ายทอยที่หนาแน่นและแข็งแรง ตรงกันข้าม ผมของผู้หญิงในบริเวณดังกล่าวอาจมีความหนาแน่นลดลง หรือมีขนาดของเส้นผมเล็กลงได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าบริเวณกลางศีรษะ
  • ผู้หญิงจะมีความรุนแรงของอาการผมร่วงและผมบางจากพันธุกรรมน้อยกว่าผู้ชาย ไม่ถึงขั้นนำไปสู่ภาวะผมล้าน
  • อาจมีอาการหนังศีรษะอักเสบเป็นจุดแดงบริเวณรอบรูขุมขน
  • ไม่จำเป็นต้องมีประวัติของอาการผมร่วงและผมบางในรุ่นพ่อกับแม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการแสดงออกของยีน ที่อาจแสดงออกข้ามรุ่นได้
  • อาจมีประวัติความผิดปกติของรอบเดือนในอดีตร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ลักษณะผมร่วงและผมบางจากกรรมพันธุ์ในผู้หญิง จะยิ่งแสดงเด่นชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดรอบเดือน



หากสันนิษฐานได้ว่า อาการผมร่วงและผมบางของเราน่าจะมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ สามารถขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับการรักษาด้วยการปลูกผมแบบถาวรได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการรักษา ที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็ก ลดอาการเจ็บและอาการบวมช้ำหลังการรักษา ลดระยะเวลาในการพักฟื้นเนื่องจากเหลือเพียงแผลขนาดเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังเส้นผม ทำให้สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติได้ทันที ทั้งยังให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่หนาแน่น แข็งแรง และกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ 




ไขความลับยา Minoxidil แก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้จริงหรือ?
ชื่อของ Minoxidil น่าจะเคยผ่านสายตาของผู้ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงหรือผมบางกันมาบ้าง เพราะ Minoxidil คือตัวยารักษาอาการดังกล่าวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีทั้งในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน หรือยาทาภายนอก เช่นแบบโลชั่น แบบน้ำ และแบบเนื้อโฟม สามารถพบตัวยา Minoxidil ในผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งมีทั้งแบบความเข้มข้น 2% และ 5% หลายคนอาจยังสงสัยว่า Minoxidil มีคุณสมบัติอย่างไรในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบาง และจะสามารถเพิ่มเส้นผมให้หนาแน่นและแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือไม่ มาลองทำความรู้จักกับตัวยาชนิดนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

ทราบหรือไม่ว่า เดิม Minoxidil ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง แต่เป็นยาที่ใช้ลดความดัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการความดันโลหิตสูง เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันลดลงได้ โดยผู้ป่วยจะรับประทาน Minoxidil ในรูปแบบเม็ด แต่ในตอนนั้น แพทย์เริ่มสังเกตเห็นว่า หลังจากผู้ป่วยใช้ยาตัวนี้ติดต่อกันประมาณ 4 – 6 เดือน จะพบผลข้างเคียงจากยานั่นคือทำให้ผู้ป่วยที่มีผมบาง กลับมีเส้นผมใหม่เกิดเพิ่มขึ้น แพทย์จึงทดสอบเพิ่มเติมกับอาสาสมัครและผู้ป่วย และพบว่าร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการทดสอบด้วยการใช้ยา Minoxidil มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นจริง สันนิษฐานว่าเกิดจากคุณสมบัติของตัวยาในการขยายหลอดเลือดนี่เอง ที่อาจทำให้มีเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ยา Minoxidil สำหรับการรักษาอาการผมร่วงและผมบางมาจนถึงปัจจุบัน 

หากจะทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Minoxidil ที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะและเส้นผมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจวงจรของเส้นผม หรือ Hair Life Cycle เสียก่อน โดยปกติแล้ว เส้นผมของคนเราซึ่งมีประมาณ 100,000 – 150,000 เส้นทั่วทั้งศีรษะนั้น จะมีระยะการเจริญเติบโตและหลุดร่วงไปตามธรรมชาติอยู่ 4 ระยะ ดังนี้

- ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase 
ระยะนี้ ต่อมรากผมที่อยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ จะเริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นผมที่ค่อย ๆ ยาวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 ปี ยิ่งระยะนี้ยาวนานเท่าไหร่ ผมของเราก็ยิ่งยาวและหนาแน่นขึ้น แต่หากระยะนี้กินเวลาสั้นลง ผมเกิดใหม่ก็จะกลับสั้น บาง และไม่แข็งแรง จนเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะผมล้านได้

- ระยะหยุดการเจริญเติบโต หรือ Catagen Phase
เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ต่อมรากผมจะหยุดการแบ่งเซลล์ ส่งผลให้เส้นผมเจริญเติบโตช้าลงจนค่อย ๆ หยุดไปในที่สุด ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

- ระยะพัก หรือ Telogen Phase
หลังจากเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตแล้ว จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมายังบริเวณผิวหนังศีรษะเพื่อรอการหลุดร่วง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ขณะเดียวกันเส้นผมที่กำลังจะเกิดใหม่ ก็จะทำหน้าที่ช่วยผลักให้เส้นผมเก่าหลุดร่วงออกไป ซึ่งโดยทั่วไป ผมของคนเราอาจร่วงได้ประมาณ 50 – 100 เส้นในแต่ละวัน 

หลังจากนั้น เส้นผมที่เกิดใหม่ก็จะเริ่มเข้าสู่วงจรเส้นผมในระยะแรกคือ Anagen Phase เพื่อเริ่มต้นวัฏจักรใหม่อีกครั้ง หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่วงจรเส้นผมจะย่นระยะเวลาสั้นลงตามวัย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้เช่นกัน

(PHOTO REFERENCE) ภาพวงจรเส้นผมในระยะต่าง ๆ


เมื่อเห็นภาพการเติบโตในแต่ละระยะของเส้นผมแล้ว ลองมาดูกลไกการออกฤทธิ์ของ Minoxidil กันบ้าง ในระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ซึ่งเป็นระยะที่เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ ตัวยานี้จะช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะให้กว้างขึ้น เปิดทางให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นำพาสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มาหล่อเลี้ยงและบำรุงหนังศีรษะและรากผมได้มากขึ้น จนส่งผลให้รากผมแข็งแรง พร้อมที่จะเติบโตไปเป็นไรผม และเส้นผมที่มีสุขภาพดีต่อไป 

ไม่เพียงเท่านั้น Minoxidil ยังช่วยกระตุ้นให้รากผมที่อยู่ในระยะพัก หรือ Telogen Phase เข้าสู่ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหากผู้ใช้ยาตัวนี้จะพบว่าผมหลุดร่วงมากขึ้นในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ดี แสดงถึงประสิทธิภาพของตัวยาในการเร่งการผลัดเส้นผมเก่าที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว หรือเส้นผมที่ลีบเล็กและบางทิ้งไป เพื่อเตรียมรากผมให้พร้อมสำหรับการเกิดของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้น 

ทั้งนี้ Minoxidil จะช่วยฟื้นฟูรากผมที่หดตัวและอ่อนแอ ให้สามารถกลับมาสร้างเส้นผมใหม่ได้อีกครั้ง ที่สำคัญ ตัวยานี้ยังช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่จึงมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิมด้วย เมื่อรากผมที่เคยเป็นปัญหากลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้ เราจึงเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่เพิ่มปริมาณหนาแน่นขึ้นทั่วศีรษะในที่สุด


เรียกได้ว่า Monoxidil จะส่งผลให้ระยะพัก หรือ Telogen Phase สั้นลง ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผม หรือ Anagen Phase ให้ยาวนานขึ้น ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย การทำงานของตัวยานี้จึงเท่ากับเป็นการรีเซ็ตวงจรเส้นผมใหม่ให้กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น ระยะเห็นผลของยา จึงต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคน ระหว่างการรักษาจึงต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเกิดของผมสักเส้นหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือนตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาตินั่นเอง

แม้การรักษาด้วยตัวยา Minoxidil จะช่วยชะลออาการผมร่วงและผมบาง รวมถึงช่วยสร้างเส้นผมใหม่ ให้เติบโตจากไรผม เป็นเส้นผมที่แข็งแรงกว่าเดิมได้ แต่ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไปที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กัน ผู้ใช้จึงควรศึกษาทำความเข้าใจการทำงานของตัวยา หรือใช้ภายใต้ความดูแลของแพทย์ เพื่อระวังผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นอาการระคายเคือง หรือการมีขนขึ้นในบริเวณอื่นนอกจากหนังศีรษะ เป็นต้น 

ทั้งนี้ อาจมีผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบางที่พบว่าการใช้ยา Minoxidil ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร  ซึ่งนอกจากสาเหตุที่พบได้บ่อย อย่างเช่นการใช้ยาไม่ต่อเนื่องยาวนานเพียงพอแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป หากปล่อยให้ผมร่วงอย่างต่อเนื่อง จนเส้นผมเล็กลงเรื่อย ๆ และรูขุมขนบนหนังศีรษะหดตัวจนเส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก โอกาสที่จะรักษาโดยการใช้ยาตามที่กล่าวมา ก็จะเป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นแล้ว การตอบสนองต่อตัวยาของแต่ละคนยังแตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการใช้ยาจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมด้วย หากหนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอ การใช้ยา Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญ หลายคนพบว่า Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะได้ แต่รักษาอาการดังกล่าวบริเวณแนวผมด้านหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร

หากต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวรร การเข้ารับการปลูกผมจากคลินิกหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมือนเป็นการย้ายกอผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดนั่นเอง 


สำหรับขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์และรักษา แพทย์อาจเริ่มจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาผมร่วงและผมบางในแต่ละคนก่อน ร้อยละ 90 ของผู้ประสบปัญหาทั้งผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่ เกิดมาจากกรรมพันธุ์ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่นโรคที่เกี่ยวข้องกับหนังศีรษะ ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย รวมไปถึงภาวะความเครียด ซึ่งการรักษาให้ตรงกับที่มาหรือต้นเหตุของโรค ภายใต้การวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด 

อย่างไรก็ตาม หลังการปลูกผมแบบถาวร แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา หรือ treatment ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมบริเวณอื่นหลุดร่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทั้งการปลูกผมและการใช้ยาต่างก็มีบทบาทในการรักษาในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสม หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวที่ดีที่สุดนั่นเอง 

“สองสัปดาห์แรก” สำคัญแค่ไหน ชี้ชะตาผมปลูกใหม่ “รอด” หรือ “ร่วง”
หลังเข้ารับการปลูกผมถาวรเรียบร้อยแล้ว ทราบหรือไม่ว่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการดูแลเส้นผมใหม่ให้อยู่รอดเติบโตอย่างแข็งแรงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงระยะ 1 - 5 วันแรก เป็นช่วงที่เซลล์รากผมที่เพิ่งปลูกใหม่ยังไม่แข็งแรงดี ขณะเดียวกันเส้นเลือดฝอยใหม่ก็ยังเชื่อมต่อกับรากผมไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำหน้าที่ลำเลียงอาหารและออกซิเจนมาเลี้ยงเส้นผมได้เต็มที่ ประกอบกับการที่เกล็ดเลือดบริเวณที่ปลูกผมใหม่กำลังค่อย ๆ แข็งตัว
หากเราดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไม่ดีเพียงพอ หรือดูแลผิดวิธี ก็มีโอกาสที่กราฟต์ผม หรือกอผมที่ปลูกใหม่จะหลุดออก หรือมีเลือดออกเพิ่มเติมได้ บางรายอาจเกิดสิวขึ้นบริเวณกราฟต์ผมใหม่ จากการที่ต่อมไขมันไม่สามารถขับไขมันออกมาภายนอกได้ จนเกิดการอุดตันของรูขุมขน และบางรายอาจเกิดอาการรากผมอักเสบจนผมหลุดร่วงได้เช่นกัน



ดังนั้น ช่วง 2 สัปดาห์แรก จึงอาจเรียกว่าเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาความอยู่รอดของเส้นผมใหม่ ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ ต่อไปนี้คือวิธีการดูแลเส้นผมบริเวณที่ปลูกใหม่อย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เส้นผมใหม่โบกมือลาหลุดร่วงไปก่อนกำหนด

  • อาการคันศีรษะหลังปลูกผมเป็นอาการที่พบได้บ่อย เนื่องจากแผลกำลังเริ่มแห้ง อย่างไรก็ตาม อาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเอง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสบริเวณที่ปลูกผมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแคะ แกะ เกา 

  • แผ่นสะเก็ดสีแดงหรือสีน้ำตาลเข้ม เกิดจากเลือดและน้ำเหลืองแห้งแข็งหลังการปลูกผม ทำหน้าที่หยุดการไหลของเลือด ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล และยังช่วยยึดกราฟต์ผมไว้ด้วย การแกะแผ่นสะเก็ดอาจส่งผลให้กราฟต์ผมหลุดได้ อย่างไรก็ตาม สะเก็ดเหล่านี้จะทยอยหลุดร่วงออกไปเองตามธรรมชาติภายในระยะ 1 – 2 สัปดาห์  แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมให้มาสระผมเพื่อทำความสะอาดสะเก็ดออก หรืออาจให้คำแนะนำแก่ผู้เข้ารับการปลูกผมในการสระผมเองที่บ้าน

  • ระมัดระวังการสวมหมวก ผ้าคลุมผม ที่อาจทำให้เกิดการเสียดสีกับบริเวณผมปลูกใหม่ 

  • หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกใด ๆ บริเวณศีรษะ เช่น การขึ้นลงจากรถ เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน เช่น แสงแดดแรง ๆ ความร้อนจากไดร์เป่าผม น้ำอุ่น โยคะร้อน หรือการอบซาวน่า เป็นต้น

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายทุกชนิด อย่างน้อย 3 วันหลังการปลูกผม จากนั้นจึงเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ และระมัดระวังกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกในปริมาณมาก

  • ควรงดการว่ายน้ำเป็นระยะเวลา 1 เดือน

  • ดูแลท่านอนให้ถูกต้องและเหมาะสม เช่น หากปลูกผมบริเวณหน้าผาก ควรนอนหงาย เพื่อป้องกันโอกาสการหลุดร่วงของผมใหม่

  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • รับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นสำหรับเส้นผม เช่น โปรตีน และวิตามินต่าง ๆ รวมถึงรับประทานอาหารเสริมตามความจำเป็น ภายใต้การดูแลของแพทย์


หลังจากผ่านช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกไปแล้ว เราจึงสามารถวางใจได้ว่ารากผมฝังตัวอย่างมั่นคงในชั้นหนังศีรษะ ในช่วงนี้ แพทย์อาจนัดผู้เข้ารับการปลูกผมมาตรวจสุขภาพผมและหนังศีรษะเบื้องต้น เพื่อประเมินความหนาแน่นของเส้นผมปลูกใหม่ ที่สำคัญ แพทย์จะดูแลอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการฉายแสงกระตุ้นรากผม โดยใช้แสง Low level laser ความยาวคลื่น 650 นาโนเมตร ซึ่งผ่านการวิจัยรับรองแล้วถึงความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตของรากผม และความปลอดภัยต่อร่างกายและดวงตาของผู้เข้ารับการรักษา


ภาพการฉายแสง

นอกจากนั้น ยังมีบริการ Plasma Hair PRP ซึ่งแพทย์จะเจาะเลือดของผู้เข้ารับการปลูกผมเพียงเล็กน้อย นำไปเข้าเครื่องเหวี่ยงสารเพื่อแยกเอาเฉพาะส่วนของเลือดที่มี Growth Factors ความเข้มข้นสูง ฉีดกลับเข้าไปบริเวณหนังศีรษะร่วมกับวิตามิน เพื่อลดการอักเสบ กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของรากผม รวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย


การฉีด PRP ที่รากผม


ในระยะต่อ ๆ มา ช่วง 2 – 4 สัปดาห์หลังการปลูกผม จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shock loss นั่นคือการที่เส้นผมใหม่เริ่มทยอยหลุดร่วงออกประมาณร้อยละ 80 และอาจเข้าสู่ระยะพัก ทำให้ไม่มีผมงอกขึ้นใหม่ประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งผู้เข้ารับการปลูกผมหลาย ๆ คนอาจจะตกใจ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการหลุดร่วงของเส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น โดยรากผมที่เราปลูกไว้ยังคงอยู่ เพื่อให้เส้นผมเตรียมงอกขึ้นใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนที่ 4

ซึ่งหลังจากเดือนที่ 4 นี้เอง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการปลูกผมได้อย่างชัดเจน นั่นคือเส้นผมแข็งแรง หนาแน่น มีอัตราความยาวเท่ากับเส้นผมเก่า ทั้งยังมีทิศทางการเรียงตัวของเส้นผมดูเป็นธรรมชาติและกลมกลืนไปกับเส้นผมเดิม และหลังจากปลูกผมแล้วประมาณ 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง เส้นผมจะเติบโตแข็งแรงอย่างสมบูรณ์ และคงอยู่อย่างถาวร

Workshop การเรียนปลูกผม หลักสูตรสำหรับแพทย์
อีกบทบาทหนึ่งของ คุณหมอนิน – แพทย์หญิงนิล นามทองต้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงแห่งนามนิน ก็คือการทำหน้าที่เป็น “อาจารย์แพทย์” ผู้ถ่ายทอดความรู้และเทคนิคให้กับแพทย์ท่านอื่น ๆ ในการจัดการกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ไปจนถึงศีรษะล้าน ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อคืนความมั่นใจให้คนไข้ก้าวออกไปใช้ชีวิตใหม่ได้ในทันที

และนี่คือ 3 เหตุผลที่แพทย์ต่างให้ความสนใจมาร่วมอบรมกับคุณหมอนิน

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของคุณหมอนิน ที่ใช้เวลาในการศึกษา ฝึกฝน และพัฒนาทักษะการปลูกผมจากทั้งในและต่างประเทศ จนเกิดเป็นเทคนิคเฉพาะตัว

  • เทคนิค NEAT หรือ Namnin Exclusive Advanced Hair Transplant Technique ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมขั้นสูงเอกสิทธิ์เฉพาะของนามนิน ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างเหนือเทคนิคทั่ว ๆ ไป ในการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหา และใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กพิเศษ ผสานกับความใส่ใจและความละเอียดประณีตในการรักษา จนให้ผลลัพธ์เส้นผมใหม่ที่แข็งแรงและเป็นธรรมชาติ โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย

  • นามนินยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วประเทศ ที่เลือกเข้ามาศึกษาอบรมกับคุณหมอนิน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการปลูกผม และสร้างเครือข่ายทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ในทุก ๆ ภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนกลุ่มคนไข้จากต่างประเทศด้วย























เปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ
เปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง และบริการด้านการปรับรูปหน้า รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม สมบูรณ์แบบ ครบวงจร
 “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” คลินิกปลูกผม ปลูกคิ้วถาวร ด้วยเทคนิคใหม่จากประเทศเกาหลี เป็นสถาบันชั้นนำที่ดูแลด้านสุขภาพความงามและผิวพรรณ รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งด้วยแพทย์ทุกขั้นตอน  ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดงานฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯอย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และนายแพทย์นรากร แสนศิลา   แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง เป็นประธานจัดงาน พร้อมทั้ง รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณติ๊ก  กิตติพันธ์ พุ่มสุโข  ดารานักแสดงมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผมและการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย  ด้วยบรรยากาศงานที่อบอุ่นใกล้ชิดเป็นกันเอง ฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ชูจุดเด่นการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง และบริการด้านการปรับรูปหน้า รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมให้บริการระดับพรีเมี่ยม สมบูรณ์แบบ ครบวงจร
 “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” คลินิกปลูกผม ปลูกคิ้วถาวร ด้วยเทคนิคใหม่จากประเทศเกาหลี เป็นสถาบันชั้นนำที่ดูแลด้านสุขภาพความงามและผิวพรรณ รวมถึงการให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งด้วยแพทย์ทุกขั้นตอน  ซึ่งในครั้งนี้ได้จัดงานฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สาขาอารีย์ กรุงเทพฯอย่างเป็นทางการ โดยมี แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และนายแพทย์นรากร แสนศิลา   แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปรับรูปหน้า เสริมจมูกและคาง เป็นประธานจัดงาน พร้อมทั้ง รับฟังสาระความรู้เกี่ยวกับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” การย้ายเซลล์รากผม สร้างรูขุมขนใหม่ ด้วยเทคนิคซ่อนแผล เจาะรากผมด้วยแขนกลที่มีความแม่นยำสูง  นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก คุณติ๊ก  กิตติพันธ์ พุ่มสุโข  ดารานักแสดงมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผมและการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย  ด้วยบรรยากาศงานที่อบอุ่นใกล้ชิดเป็นกันเอง ณ นามนิน ฟอร์วี คลินิก  พหลโยธิน 2

 แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม นามนิน ฟอร์วี คลินิก เปิดเผยว่า  ตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบัน เป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงและเริ่มมีความอิ่มตัว เนื่องจากอัตราผู้บริโภคมีจำนวนมากที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการ จึงทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้คลินิกฯ ได้มองเห็นจุดต่างที่แตกต่างจากคนอื่นที่เราสามารถนำเสนอได้  และต้องการให้ลูกค้าได้รับความแตกต่างโดยชูจุดเด่นในเรื่องของการปลูกผม ทำให้เรามองเห็นช่องทาง จึงได้ก่อตั้งคลินิกขึ้นมา โดยใช้แพทย์ในการทำในทุกขั้นตอน
ณ นามนิน ฟอร์วี คลินิก  พหลโยธิน 2

 แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม นามนิน ฟอร์วี คลินิก เปิดเผยว่า  ตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามในปัจจุบัน เป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงและเริ่มมีความอิ่มตัว เนื่องจากอัตราผู้บริโภคมีจำนวนมากที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการ จึงทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้คลินิกฯ ได้มองเห็นจุดต่างที่แตกต่างจากคนอื่นที่เราสามารถนำเสนอได้  และต้องการให้ลูกค้าได้รับความแตกต่างโดยชูจุดเด่นในเรื่องของการปลูกผม ทำให้เรามองเห็นช่องทาง จึงได้ก่อตั้งคลินิกขึ้นมา โดยใช้แพทย์ในการทำในทุกขั้นตอน


สำหรับการปลูกผมด้วยเทคนิคใหม่ “FUE KIP” คือ การย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณเซลล์ผมที่แข็งแรงด้านหลังศีรษะถึงท้ายทอย มาไว้บริเวณที่มีปัญหาผมบางหรือหนังศีรษะล้านทีละรากผม สร้างรูขุมขนใหม่ได้ตามต้องการ เป็นเทคนิคเฉพาะของนามนิน ฟอร์วี คลินิก  โดยคนไข้ไม่จำเป็นต้องตัดผม โกนผมมา ใช้เทคนิคซ่อนแผลจากบริเวณที่ย้ายรากผม เจาะรากผมด้วยแขนกลจึงมีความแม่นยำสูง แผลเล็ก หลังทำจะเสมือนไม่ได้ปลูกผมมา สามารถสระผมได้เลยหลังจากปลูกหรือวันรุ่งขึ้น แผลด้านหน้าบริเวณที่นำผมมาปลูก ใช้อุปกรณ์พิเศษเฉพาะ เล็กเพียง 0.6 มิลลิเมตร แผลเล็กเพิ่มความละเอียดของการปลูกทำให้เส้นผมแน่นกว่าวิธีปกติ เป็นเทคนิคเฉพาะ ที่คำนึงถึงทิศทางเส้นผมการเชื่อมต่อระหว่างผมเก่าและผมใหม่ทำให้การขึ้นของผมดูมีความเป็นธรรมชาติ เลือดออกน้อย  ใช้ยาปริมาณเล็กน้อยทำให้แผลดี แห้ง หายเร็ว แทบไม่มีสะเก็ด และไม่บวม ไม่ต้องพักฟื้น จึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมได้เลย นอกจากนี้เรามีจุดขายที่สามารถคอนเฟิร์มผลลัพธ์ให้กับลูกค้าที่มาปลูกผม พร้อมกับรับประกันผลใน 1 ปี เรากล้าปลูกให้ฟรีโดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย หากมีปัญหาใดใดก็ตาม
สำหรับ“นามนิน ฟอร์วี คลินิก” เกิดจากความร่วมมือของคุณหมอนิน (แพทย์หญิงดิลกณิกนันต์ นามทองต้น) และคุณหมอแม็ค (นายแพทย์นรากร แสนศิลา ) ผู้ก่อตั้ง  โดย “นามนิน”  คือนามสกุล และ ชื่อเล่นของคุณหมอนินซึ่งเป็นแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการปลูกผมถาวรและได้ศึกษาเพิ่มเติมจากโรงพยาบาลชั้นนำในการปลูกผมจากประเทศเกาหลีใต้  และ “ฟอร์วี” ก็คือคลินิกแรกเริ่มของคุณหมอแม็คซึ่งมีสาขาที่จังหวัด มหาสารคาม และ จังหวัดร้อยเอ็ด คลุมโซนฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความโดดเด่นในเรื่องของการแก้ไขปรับรูปหน้าเป็นหลัก ด้วยฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท็อกซ์ ศัลยกรรมเสริมจมูกและเสริมคาง  ทั้งนี้ฯเรามองเห็นว่า การผนวกรวมศาสตร์ทั้ง 2 แขนงเข้าร่วมกันจะทำให้คลินิกมีความหลากหลายเป็นประโยชน์ต่อคนไข้มากยิ่งขึ้น จึงเกิดการรวมตัวขึ้นเป็น  “นามนินฟอร์วี คลินิก สาขาอารีย์ กรุงเทพฯ” ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 3  เป็นคลินิกระดับพรีเมี่ยมที่สมบูรณ์แบบ ครบวงจร โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการมารับบริการจากคลินิกของเรานั้น จะได้รับบริการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อประโยชน์ของคนไข้ทุกคนโดยยังอิงการรักษาแบบสมเหตุผลจากความต้องการที่แท้จริงของคนไข้เป็นหลัก
ด้านแผนการตลาดในปี 2563 ของ “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” เราใช้กลยุทธ์ด้านประชาสัมพันธ์ โดยเน้น   สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเป็นหลัก เช่นในเฟสบุ๊คแฟนเพจ การทำช่องยูทูปเพื่อเจาะตลาดและโปรโมทคลินิกผ่านทางช่องทางยูทูปซึ่งเป็นสื่อที่มีผลมากในปัจจุบัน รวมถึงช่องทางไอจี และเว็บไซต์ โดยเน้นการบอกต่อปาก ต่อปากซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเรา และคาดว่าจะมีการขยายตลาดด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในอีก 2 ปีข้างหน้าในลักษณะการก่อตั้งศูนย์หรือสถาบันทางฝั่งภาคอีสาน เช่น ในจังหวัดขอนแก่น โดยเน้นให้เป็นศูนย์กลางด้านศัลยกรรมเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อม นอกจากนี้เรายังได้ขยายเทคนิคการปลูกผม ด้วยการเปิดสอนให้กับแพทย์ ที่สนใจ พร้อมกับทำเชนตลาดในเครือเทคนิคของเราเอง ซึ่งขณะนี้เริ่มมีแพทย์เข้ามาเรียน รวมถึงส่งผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ที่เป็นของคลินิก ให้กับในเครือหรือคนที่มาเรียนอีกด้วย  ทั้งนี้เราให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือคนไข้เป็นหลัก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า สร้างฐานลูกค้าให้เกิดการบอกต่อมากที่สุดและติดตามผลหลังจากบริการ ทุกครั้งเพื่อทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในคลินิกของเรา “แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ กล่าวทิ้งท้าย”
 
พิเศษสุด…ฉลองเปิดตัว “นามนิน ฟอร์วี คลินิก” สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการที่คลินิกและรีวิว รับส่วนลดพิเศษทันที

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  FB :  Namnin For V Clinic และ Line@Namninclinic   โทร 093 093 5639

ที่มา : https://www.matichon.co.th/publicize/news_2059176



ปลูกผม “ครั้งเดียวจบ” จริงหรือไม่ ทำความเข้าใจ “ที่มา” ของภาวะผมร่วงและผมบางหลังการปลูกผม
แม้ว่าการปลูกผมใหม่ จะเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้าน สามารถคืนเส้นผมแข็งแรงเป็นธรรมชาติ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้หลาย ๆ คนออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่บางส่วนของผู้ที่เข้ารับการปลูกผมเรียบร้อยแล้ว กลับยังต้องกังวลใจกับปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่อง ทั้งนี้ หลาย ๆ คนยังเข้าใจผิดว่า เมื่อเข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาผมร่วงและผมบางได้ทั่วทั้งศีรษะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นจริงนั้น ด้วยปัจจัยทางชีวภาพของมนุษย์เอง ทำให้ปัญหาผมร่วงและผมบาง ต้องการการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกว่าที่คิด
มาลองทำความเข้าใจถึงสาเหตุหลักที่แท้จริงของอาการผมร่วงและผมบางกันก่อน เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ชายมักจะพบปัญหาผมร่วงและผมบางมากกว่าผู้หญิง คำตอบของปัญหานี้ ซ่อนอยู่ลึกลงไปในพันธุกรรมของคนเรา เนื่องจากยีนหรือหน่วยพันธุกรรมที่ควบคุมลักษณะผมร่วงและผมบางนั้น จะแสดงลักษณะเด่นในเพศชาย และแสดงลักษณะด้อยในเพศหญิง เรียกว่าเป็นลักษณะที่อยู่ใต้อิทธิพลทางเพศ (sex – influenced trait) ยีนที่ว่านี้ ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมส่งต่อถึงกันผ่านคนในครอบครัว และเป็นสาเหตุหลักของอาการผมร่วงและผมบางมากถึงร้อยละ 95 ทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น อาการผมร่วงและผมบาง ยังมีฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการแสดงออกของลักษณะดังกล่าว นั่นคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) โดยผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะผมร่วงและผมบางผ่านทางพันธุกรรมนั้น จะพบระดับเอนไซม์ที่ชื่อ 5-alpha reductase เพิ่มขึ้นบริเวณหนังศีรษะ และเอนไซม์ตัวนี้เอง ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ให้กลายเป็นฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (dihydrotestosterone) หรือ DHT ผลจากฮอร์โมน DHT จะทำให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้เส้นผมที่เกิดขึ้นใหม่มีรากผมที่อ่อนแอ ทั้งยังมีลักษณะบางและสั้นลง จนหลุดร่วงไวกว่ากำหนดตามไปด้วย นำไปสู่อาการผมร่วง ผมบาง และภาวะศีรษะล้านได้ในที่สุด
หากลองสังเกตจะพบว่า ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางในผู้ชายนั้น จะแตกต่างจากผู้หญิง โดยมีรูปแบบการร่วงของเส้นผมเริ่มจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่

รูปแบบ A ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผาก เว้าเข้าไปจนถึงกลางศีรษะ

รูปแบบ O ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ ขยายออกมารอบ ๆ จนเหลือเพียงผมบริเวณท้ายทอย รูปแบบนี้เป็นลักษณะที่พบค่อนข้างมากในผู้ชายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายเอเชีย และมักเกิดจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก

รูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณหน้าผากทั้งสองข้าง เว้าเข้าไปเป็นรูปตัว M รูปแบบนี้อาจเริ่มต้นพบได้ในผู้ชายที่อายุยังไม่มาก หรือประมาณ 18 ปีเรื่อยไปจนกระทั่ง 30 ปี

รูปแบบ O ผสมกับรูปแบบ M ผมเริ่มร่วงจากบริเวณกลางศีรษะ และบริเวณหน้าผากทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เป็นรูปแบบที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้หนักที่สุด



(PHOTO REFERENCE) ภาพตัวอย่างรูปแบบของผมร่วงและผมบาง


ลักษณะของอาการผมร่วงและผมบางเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วัยหนุ่ม และปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ในผู้ชายทั่วไปที่ต้องเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง มักจะเกิดกับเส้นผมบริเวณหน้าผากและกลางศีรษะ ในขณะที่ผมบริเวณท้ายทอยจะคงเหลืออยู่เป็นบริเวณสุดท้ายเสมอ เนื่องจากรากผมบริเวณท้ายทอยมีความแข็งแรง และมีลักษณะพิเศษที่สามารถทนทานต่อฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการผมร่วงและผมบางได้มากกว่าปกติ โดยทั่วไปนั้น รากผมที่แข็งแรงจะสามารถสร้างเส้นผมได้ถึงประมาณ 20 รอบตลอดอายุของรากผม โดยเส้นผมจะมีวงจรชีวิต 1 รอบอยู่ที่ประมาณ 6 – 10 ปีก่อนจะหลุดร่วงไปเองตามธรรมชาติ ดังนั้น รากผมที่แข็งแรงเพียงพอ และอยู่ในปัจจัยที่เหมาะสม อาจมีอายุได้สูงสุดถึง 200 ปี เลยทีเดียว

นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมการปลูกผมใหม่ จึงต้องนำรากผมบริเวณท้ายทอย ไปปลูกทดแทนบริเวณที่ผมบางลงไป อย่างเช่นหน้าผากหรือกลางศีรษะ นั่นก็เพราะคุณสมบัติในการไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน DHT ทำให้เส้นผมบริเวณท้ายทอยนี้มีรากผมที่แข็งแรงที่สุด เมื่อนำไปปลูกใหม่ แม้จะเป็นการปลูกลงในบริเวณที่เคยเกิดปัญหาผมร่วงและผมบาง เส้นผมที่ปลูกใหม่นี้ ก็จะยังคงคุณสมบัติต้านฮอร์โมน DHT ไว้เหมือนเดิม ทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ยากที่จะเกิดปัญหารากผมอ่อนแออย่างเก่าได้อีก ทั้งยังสามารถมีอายุอยู่ต่อไปได้เป็นร้อยปี



สำหรับวิธีการปลูกผมถาวรนั้นก็มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ขึ้นตลอดเวลา ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) เทคนิคนี้เป็นการเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เครื่องมือเจาะรอบกอผมลึกลงไปยังรากผม กอผมหรือเนื้อเยื่อของรากผมตรงนี้เรียกว่า กราฟต์ (Graft) ซึ่งในแต่ละกราฟต์จะประกอบด้วยเส้นผมอยู่รวมกันประมาณ 1 – 4 เส้น

หลังจากดึงกราฟต์หรือกอผมเหล่านั้นออกมาแล้ว จะต้องนำกราฟต์ไปผ่านกระบวนการคัดแยกตามลักษณะทิศทางของเส้นผม รวมถึงจำนวนเส้นผมในแต่ละกราฟต์เสียก่อน จากนั้น แพทย์จะเปิดช่องหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาและต้องการปลูกผมใหม่ เพื่อนำกราฟต์ใหม่ใส่ลงไป ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงจำนวนกราฟต์ที่ใช้ปลูกใหม่ตามสภาพปัญหาผมและบริเวณที่จะปลูกผมของแต่ละคน เหมือนเป็นการย้ายกราฟต์ผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดไปจนตลอดชีวิตนั่นเอง

ถ้าอย่างนั้น สาเหตุของภาวะผมร่วงและผมบาง หลังจากการปลูกผมใหม่ เกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นก็เป็นเพราะเรานำรากผมจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่เฉพาะบริเวณที่ผมบางลงอย่างชัดเจนเท่านั้น ในขณะที่ผมบริเวณอื่น ๆ ยังคงเป็นรากผมเดิม ที่ได้รับผลจากกรรมพันธุ์ซึ่งเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายให้กลายเป็นฮอร์โมน DHT จนส่งผลให้รากผมอ่อนแอและเส้นผมหลุดร่วงอยู่ หลาย ๆ คนที่เข้ารับการปลูกผมใหม่แล้ว จึงอาจพบปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องได้

ในกรณีนี้ สามารถลองปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเส้นผม เพื่อขอคำปรึกษาในการรับมือกับภาวะผมร่วงและผมบางได้ โดยแพทย์จะวิเคราะห์สาเหตุและออกแบบบริการดูแลเส้นผมต่าง ๆ ซึ่งหากพบว่าสาเหตุของอาการผมร่วงมาจากกรรมพันธุ์ แพทย์มักแนะนำให้ทำการปลูกผมเพิ่มเติม เพื่อให้ผมดูหนาแน่นขึ้น โดยเลือกเทคนิคการรักษาใหม่ ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ให้ประสิทธิผลสูง สามารถลดอาการบาดเจ็บ ลดขนาดของรอยแผล รวมถึงใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยลงได้




นอกจากนั้น การหันมาใส่ใจดูแลเส้นผมในชีวิตประจำวัน ตลอดจนการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการหลุดร่วงของเส้นผม หรือทำให้รากผมอ่อนแอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยยืดระยะเวลาการหลุดร่วงของเส้นผมให้ช้าลงได้ เช่น

- พฤติกรรมการบำรุงผม
ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีหรือการทำสีผม และเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยน เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะ ทั้งยังไม่ควรสระผมบ่อยครั้งจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนหรือน้ำอุ่นในการสระผม รวมถึงการใช้ไดร์เป่าผมแบบลมร้อนกับหนังศีรษะโดยตรง เพราะความร้อนจะทำให้เส้นผมยิ่งเปราะบางเนื่องจากโปรตีนถูกทำลาย ที่สำคัญ ไม่ควรหวีผมขณะที่ผมยังเปียก เพราะเป็นช่วงที่เส้นผมอยู่ในสถานะที่อ่อนแอที่สุด จะเป็นการรบกวนฐานผมและทำให้ผมยิ่งหลุดร่วงง่าย

- พฤติกรรมการรับประทานอาหาร
เลือกรรับประทานอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนหรือวิตามินต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพและความแข็งแรงของเส้นผม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฐานผมเช่นกัน

- พฤติกรรมการจัดการกับความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการผมร่วงและผมบางได้ วิธีง่าย ๆ อย่างเช่นการฝึกสมาธิหรือออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนและช่วยให้เราจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น

ปัญหาผมร่วงและผมบางต่อเนื่องหลังการปลูกผม ต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องถึงที่มาและสาเหตุที่แท้จริงของอาการดังกล่าว จึงจะนำไปสู่การเลือกวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะผมร่วงและผมบาง สามารถเรียกคืนความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีกลับมาได้ พร้อมกับเส้นผมแข็งแรงและสุขภาพดีที่จะอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน