ชื่อของ Minoxidil น่าจะเคยผ่านสายตาของผู้ที่กำลังประสบปัญหาผมร่วงหรือผมบางกันมาบ้าง เพราะ Minoxidil คือตัวยารักษาอาการดังกล่าวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีทั้งในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน หรือยาทาภายนอก เช่นแบบโลชั่น แบบน้ำ และแบบเนื้อโฟม สามารถพบตัวยา Minoxidil ในผลิตภัณฑ์หลากหลายยี่ห้อ ซึ่งมีทั้งแบบความเข้มข้น 2% และ 5% หลายคนอาจยังสงสัยว่า Minoxidil มีคุณสมบัติอย่างไรในการแก้ปัญหาผมร่วงและผมบาง และจะสามารถเพิ่มเส้นผมให้หนาแน่นและแข็งแรงขึ้นได้จริงหรือไม่ มาลองทำความรู้จักกับตัวยาชนิดนี้ให้มากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
ทราบหรือไม่ว่า เดิม Minoxidil ไม่ได้ผลิตขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาอาการผมร่วงและผมบาง แต่เป็นยาที่ใช้ลดความดัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการความดันโลหิตสูง เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันลดลงได้ โดยผู้ป่วยจะรับประทาน Minoxidil ในรูปแบบเม็ด แต่ในตอนนั้น แพทย์เริ่มสังเกตเห็นว่า หลังจากผู้ป่วยใช้ยาตัวนี้ติดต่อกันประมาณ 4 – 6 เดือน จะพบผลข้างเคียงจากยานั่นคือทำให้ผู้ป่วยที่มีผมบาง กลับมีเส้นผมใหม่เกิดเพิ่มขึ้น แพทย์จึงทดสอบเพิ่มเติมกับอาสาสมัครและผู้ป่วย และพบว่าร้อยละ 70 ของผู้เข้ารับการทดสอบด้วยการใช้ยา Minoxidil มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นจริง สันนิษฐานว่าเกิดจากคุณสมบัติของตัวยาในการขยายหลอดเลือดนี่เอง ที่อาจทำให้มีเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ยา Minoxidil สำหรับการรักษาอาการผมร่วงและผมบางมาจนถึงปัจจุบัน
หากจะทำความเข้าใจกลไกการทำงานของ Minoxidil ที่มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงของหนังศีรษะและเส้นผมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจวงจรของเส้นผม หรือ Hair Life Cycle เสียก่อน โดยปกติแล้ว เส้นผมของคนเราซึ่งมีประมาณ 100,000 – 150,000 เส้นทั่วทั้งศีรษะนั้น จะมีระยะการเจริญเติบโตและหลุดร่วงไปตามธรรมชาติอยู่ 4 ระยะ ดังนี้
- ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase
ระยะนี้ ต่อมรากผมที่อยู่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ จะเริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นผมที่ค่อย ๆ ยาวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3 – 7 ปี ยิ่งระยะนี้ยาวนานเท่าไหร่ ผมของเราก็ยิ่งยาวและหนาแน่นขึ้น แต่หากระยะนี้กินเวลาสั้นลง ผมเกิดใหม่ก็จะกลับสั้น บาง และไม่แข็งแรง จนเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการผมร่วง ผมบาง ที่นำไปสู่ภาวะผมล้านได้
- ระยะหยุดการเจริญเติบโต หรือ Catagen Phase
เมื่อเข้าสู่ระยะนี้ ต่อมรากผมจะหยุดการแบ่งเซลล์ ส่งผลให้เส้นผมเจริญเติบโตช้าลงจนค่อย ๆ หยุดไปในที่สุด ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์
- ระยะพัก หรือ Telogen Phase
หลังจากเส้นผมหยุดการเจริญเติบโตแล้ว จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมายังบริเวณผิวหนังศีรษะเพื่อรอการหลุดร่วง เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ขณะเดียวกันเส้นผมที่กำลังจะเกิดใหม่ ก็จะทำหน้าที่ช่วยผลักให้เส้นผมเก่าหลุดร่วงออกไป ซึ่งโดยทั่วไป ผมของคนเราอาจร่วงได้ประมาณ 50 – 100 เส้นในแต่ละวัน
หลังจากนั้น เส้นผมที่เกิดใหม่ก็จะเริ่มเข้าสู่วงจรเส้นผมในระยะแรกคือ Anagen Phase เพื่อเริ่มต้นวัฏจักรใหม่อีกครั้ง หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ซึ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่วงจรเส้นผมจะย่นระยะเวลาสั้นลงตามวัย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เส้นผมอ่อนแอลงได้เช่นกัน
(PHOTO REFERENCE) ภาพวงจรเส้นผมในระยะต่าง ๆ
เมื่อเห็นภาพการเติบโตในแต่ละระยะของเส้นผมแล้ว ลองมาดูกลไกการออกฤทธิ์ของ Minoxidil กันบ้าง ในระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ซึ่งเป็นระยะที่เส้นผมค่อย ๆ งอกขึ้นใหม่ ตัวยานี้จะช่วยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะให้กว้างขึ้น เปิดทางให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น นำพาสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ มาหล่อเลี้ยงและบำรุงหนังศีรษะและรากผมได้มากขึ้น จนส่งผลให้รากผมแข็งแรง พร้อมที่จะเติบโตไปเป็นไรผม และเส้นผมที่มีสุขภาพดีต่อไป
ไม่เพียงเท่านั้น Minoxidil ยังช่วยกระตุ้นให้รากผมที่อยู่ในระยะพัก หรือ Telogen Phase เข้าสู่ระยะเจริญเติบโต หรือ Anagen Phase ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหากผู้ใช้ยาตัวนี้จะพบว่าผมหลุดร่วงมากขึ้นในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้ หรือประมาณ 2 สัปดาห์แรก เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ดี แสดงถึงประสิทธิภาพของตัวยาในการเร่งการผลัดเส้นผมเก่าที่หยุดการเจริญเติบโตแล้ว หรือเส้นผมที่ลีบเล็กและบางทิ้งไป เพื่อเตรียมรากผมให้พร้อมสำหรับการเกิดของเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้น
ทั้งนี้ Minoxidil จะช่วยฟื้นฟูรากผมที่หดตัวและอ่อนแอ ให้สามารถกลับมาสร้างเส้นผมใหม่ได้อีกครั้ง ที่สำคัญ ตัวยานี้ยังช่วยขยายรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะ ขนาดของเส้นผมที่งอกขึ้นใหม่จึงมีโอกาสที่จะใหญ่และหนากว่าเดิมด้วย เมื่อรากผมที่เคยเป็นปัญหากลับมาสร้างเส้นผมใหม่ที่แข็งแรงขึ้นได้ เราจึงเห็นผลลัพธ์เส้นผมที่เพิ่มปริมาณหนาแน่นขึ้นทั่วศีรษะในที่สุด
เรียกได้ว่า Monoxidil จะส่งผลให้ระยะพัก หรือ Telogen Phase สั้นลง ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโตของเส้นผม หรือ Anagen Phase ให้ยาวนานขึ้น ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย การทำงานของตัวยานี้จึงเท่ากับเป็นการรีเซ็ตวงจรเส้นผมใหม่ให้กลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้น ระยะเห็นผลของยา จึงต้องใช้เวลาประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะและเส้นผมของแต่ละคน ระหว่างการรักษาจึงต้องอาศัยความอดทนและความสม่ำเสมอในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเกิดของผมสักเส้นหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลาหลายเดือนตามวงจรเส้นผมโดยธรรมชาตินั่นเอง
แม้การรักษาด้วยตัวยา Minoxidil จะช่วยชะลออาการผมร่วงและผมบาง รวมถึงช่วยสร้างเส้นผมใหม่ ให้เติบโตจากไรผม เป็นเส้นผมที่แข็งแรงกว่าเดิมได้ แต่ก็เช่นเดียวกับยาทั่วไปที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียควบคู่กัน ผู้ใช้จึงควรศึกษาทำความเข้าใจการทำงานของตัวยา หรือใช้ภายใต้ความดูแลของแพทย์ เพื่อระวังผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างเช่นอาการระคายเคือง หรือการมีขนขึ้นในบริเวณอื่นนอกจากหนังศีรษะ เป็นต้น
ทั้งนี้ อาจมีผู้ประสบปัญหาผมร่วงและผมบางที่พบว่าการใช้ยา Minoxidil ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ซึ่งนอกจากสาเหตุที่พบได้บ่อย อย่างเช่นการใช้ยาไม่ต่อเนื่องยาวนานเพียงพอแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การเริ่มต้นรักษาช้าเกินไป หากปล่อยให้ผมร่วงอย่างต่อเนื่อง จนเส้นผมเล็กลงเรื่อย ๆ และรูขุมขนบนหนังศีรษะหดตัวจนเส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก โอกาสที่จะรักษาโดยการใช้ยาตามที่กล่าวมา ก็จะเป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นแล้ว การตอบสนองต่อตัวยาของแต่ละคนยังแตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการใช้ยาจึงขึ้นอยู่กับสุขภาพของหนังศีรษะและเส้นผมด้วย หากหนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอ การใช้ยา Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ที่สำคัญ หลายคนพบว่า Minoxidil อาจช่วยรักษาอาการผมร่วงและผมบางบริเวณกลางศีรษะได้ แต่รักษาอาการดังกล่าวบริเวณแนวผมด้านหน้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร
หากต้องการผลลัพธ์การรักษาแบบถาวรร การเข้ารับการปลูกผมจากคลินิกหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้ ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เช่นเทคนิคการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE (Follicular Unit Excision) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะนำรากผมที่แข็งแรงจากบริเวณท้ายทอยมาปลูกใหม่ในบริเวณที่มีปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมือนเป็นการย้ายกอผมที่สมบูรณ์แข็งแรงไปซ่อมแซมในบริเวณที่เส้นผมบางลงไป โดยอาศัยความชำนาญในการระวังไม่ให้รากผมขาด รวมถึงความละเอียดอ่อนในการวางทิศทางแนวผมให้ดูเป็นธรรมชาติหรือเหมาะกับกรอบหน้ามากที่สุด เพื่อให้วงจรชีวิตของรากผมใหม่สามารถอยู่กับผู้เข้ารับการรักษาได้นานที่สุดนั่นเอง
สำหรับขั้นตอนการตรวจวิเคราะห์และรักษา แพทย์อาจเริ่มจากการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาผมร่วงและผมบางในแต่ละคนก่อน ร้อยละ 90 ของผู้ประสบปัญหาทั้งผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่ เกิดมาจากกรรมพันธุ์ มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่นโรคที่เกี่ยวข้องกับหนังศีรษะ ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย รวมไปถึงภาวะความเครียด ซึ่งการรักษาให้ตรงกับที่มาหรือต้นเหตุของโรค ภายใต้การวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
อย่างไรก็ตาม หลังการปลูกผมแบบถาวร แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยา หรือ treatment ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมบริเวณอื่นหลุดร่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทั้งการปลูกผมและการใช้ยาต่างก็มีบทบาทในการรักษาในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ในการเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสม หรือใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาวที่ดีที่สุดนั่นเอง