เส้นผมอาจเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ของร่างกายมนุษย์ ส่องกระจกก็เห็นทุกวันจนชินตา หวีผมหรือสระผมก็ได้ใช้มือสัมผัสอยู่บ่อย ๆ จนเราแทบไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อถึงวันที่เส้นผมแสนธรรมดาหลุดร่วงจากไปมากผิดปกติ เมื่อนั้นหลายคนจึงเริ่มรับรู้ว่า เส้นผมสำคัญกับเรามากขนาดไหน เพราะเวลาส่องกระจก ภาพใบหน้าตัวเองที่เห็นอาจดูเปลี่ยนไปจากเดิม เวลาหวีผมหรือสระผม ก็อาจรู้สึกได้ว่าความหนาแน่นที่เคยสัมผัสได้เต็มมือ ลดหายไปจากเดิมเช่นกัน
ปัญหาเส้นผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพทางกาย แต่เป็นปัญหาสุขภาพทางใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเส้นผมคือส่วนเสริมความงามให้กับใบหน้า คือส่วนสร้างบุคลิกภาพให้ดูดี และคือส่วนสะท้อนตัวตนหรือสไตล์ของเจ้าของเส้นผม ซึ่งแพทย์ของนามนินเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เส้นผมมีความหมายกับคนไข้มากแค่ไหน และการปลูกผมคืนความสุขความมั่นใจให้กับคนไข้นั้น จะช่วยเปิดไปสู่โอกาสการใช้ชีวิตใหม่ ๆ ได้มากมายเพียงใด
แพทย์ของนามนินจึงอาศัยทักษะและประสบการณ์ที่ยังคงศึกษาและพัฒนาตัวเองไม่เคยหยุด นำมาต่อยอดเทคนิคปลูกผมที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นในปัจจุบัน ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของคนไข้ได้ดีกว่าเดิม โดยมีหัวใจสำคัญ คือการนำ “ศาสตร์” และ “ศิลป์” มาผสานกันในภารกิจดูแลฟื้นฟูเส้นผม ดังนั้น นอกจากศาสตร์การรักษาอาการผมร่วง ผมบาง และกระบวนการปลูกผมที่ถูกต้องปลอดภัยตามหลักการแพทย์แล้ว แพทย์จะใช้มุมมองเชิงศิลปะในการเติมเต็มเส้นผม โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่สมดุลของใบหน้า รูปลักษณ์ความงาม และบุคลิกภาพที่ปรับให้ดูดีขึ้นได้ จนคนไข้รู้สึกราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่หลังปลูกผม
ที่สำคัญ แพทย์ของนามนินยังเติม “ความใส่ใจ” ไปพร้อมกับศาสตร์และศิลป์ในทุก ๆ ขั้นตอนการปลูกผม ซึ่งคนไข้จะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาพูดคุยปรึกษา เนื่องจากแพทย์จะออกแบบแนวทางแก้ปัญหาผมแบบเฉพาะบุคคลโดยยึดคนไข้เป็นศูนย์กลาง เคสใหม่ คิดใหม่ ไม่มีซ้ำ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทั้งยังลงมือปลูกผมให้ด้วยตัวเองแบบเส้นต่อเส้น และดูแลติดตามผลพร้อมให้คำแนะนำหลังปลูกตลอด 1 ปีเต็ม จนกว่าผมใหม่จะเติบโตแข็งแรง แลดูหนาแน่นเป็นธรรมชาติ
และเพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แพทย์จึงนำ 2 ศาสตร์การฟื้นฟูผมมาผสานกัน นั่นคือการปลูกผมเทคนิค NEAT ซึ่งแพทย์ของนามนินต่อยอดขึ้นเพื่อคนรักเส้นผมโดยเฉพาะ เสริมด้วยการฉีดบำรุง PHB หลังปลูก หากใครที่สงสัยว่า ทั้ง 2 ศาสตร์นี้จะช่วยเสริมพลังบำรุงและฟื้นฟูดูแลผมได้ตรงจุดอย่างไร เราคงต้องขอย้อนกลับไปเล่าถึงต้นตอปัญหาผมร่วงและผมบางของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ซึ่งแม้จะมีสาเหตุและลักษณะที่ต่างกัน แต่แพทย์ก็สามารถเลือกใช้ NEAT + PHB เพื่อตอบโจทย์ปัญหาแต่ละแบบได้อย่างลงตัว
หลายคนน่าจะพอทราบแล้วว่า ปัญหาผมร่วง ผมบาง ที่อาจนำไปสู่ภาวะผมล้านของคุณผู้ชายนั้น มีสาเหตุส่วนใหญ่จากกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่นในครอบครัว บางคนได้รับกรรมพันธุ์เช่นนี้จากรุ่นพ่อแม่ แต่บางคนก็อาจจะได้รับข้ามรุ่นมาจากปู่ย่าตายายเลยก็เป็นได้ อาการผมร่วง ผมบาง จะเริ่มปรากฏหลังพ้นช่วงวัยรุ่นเป็นต้นไป และอาการจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามวัยที่เพิ่มขึ้น สังเกตลักษณะของผมบางตามกรรมพันธุ์แบบคุณผู้ชายได้ดังนี้
- แนวผมบริเวณหน้าผากร่นลึกขึ้น และเว้าเข้าไป 2 ข้างขมับเป็นรูปตัว M
- ผมบางลงเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ เป็นรูปตัว O
- ทั้งนี้ ในบางราย อาจจะเกิดอาการผมบางทั้งในแบบ M และ O ควบคู่กัน และในท้ายที่สุด ผมทั่วศีรษะก็จะบางลงตามไปด้วย จนอาจเหลือแต่ผมบริเวณท้ายทอยด้านข้างและด้านหลัง
ที่มาของการอาการผมร่วงและผมบางในกรณีนี้ เกิดจากเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เพิ่มระดับขึ้นบริเวณหนังศีรษะ ซึ่งเอนไซม์เจ้าปัญหาตัวนี้ จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ให้กลายเป็นฮอร์โมน Dihydrotestosterone หรือ DHT ส่งผลให้รูขุมขนบริเวณหนังศีรษะมีขนาดเล็กลง ทำร้ายรากผมให้อ่อนแอ ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่มีลักษณะเส้นเล็กบางและสั้น หลุดร่วงได้ง่ายก่อนเวลาอันควร เนื่องจากมีวงจรระยะเจริญเติบโตสั้น ขณะเดียวกันก็มีระยะพักที่ยาวขึ้น จึงใช้เวลานานกว่าเดิมในการงอกขึ้นใหม่ ทั้งยังสังเกตได้ว่า เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่มีชีวิตชีวา ไม่เงางามเหมือนเดิม
สำหรับคุณผู้ชายที่มีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ ซึ่งมีตัวการคือฮอร์โมน DHT แพทย์จึงแนะนำให้ปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยจะเป็นการเจาะย้ายกราฟต์ผมจากด้านหลังท้ายทอย หรือที่เรียกว่า Safe Zone ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่มีภาวะผมบางเพื่อคืนความหนาแน่น ซึ่งกราฟต์ผมด้านหลังท้ายทอย มีคุณสมบัติพิเศษคือทนทานต่อฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT เส้นผมบริเวณนี้จึงแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย แม้จะย้ายไปปลูกใหม่ในบริเวณอื่น ก็ยังสามารถหลุดร่วงและงอกใหม่ตามวงจรธรรมชาติของเส้นผม อยู่กับศีรษะของเราไปได้ตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายบางท่านอาจพบปัญหาผมร่วงและบางต่อเนื่องหลังปลูกผมไปแล้ว เนื่องจากผมเดิมยังคงได้รับผลกระทบจากฮอร์โมน DHT อยู่ ตรงนี้เองที่ NEAT + PHB จะเข้ามาตอบโจทย์ โดยหลังจากปลูกผมใหม่ด้วยเทคนิค NEAT ไปแล้ว แพทย์จะมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และแนะนำให้คนไข้เข้ารับบริการฉีดบำรุง PHB ในระยะหลังปลูกด้วย
PHB คือทรีตเมนต์บำรุงที่จะช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นผมเดิม หรือผมใหม่ที่เพิ่งปลูก สำหรับผมเดิมที่ลักษณะเล็ก ลีบ แบน จากฤทธิ์ของฮอร์โมน DHT จะได้รับการบำรุงให้มีขนาดเส้นผมที่ใหญ่ขึ้น หนาขึ้น สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันก็ยืดระยะเจริญเติบโต ลดโอกาสการหลุดร่วงของเส้นผม พร้อมกับลดเวลาระยะพัก ทำให้เส้นผมงอกใหม่เร็วขึ้นด้วย
คนไข้หลาย ๆ ท่านเข้ารับการฉีดบำรุง PHB ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างต่อเนื่อง เส้นผมเดิมและเส้นผมใหม่จึงแข็งแรง แลดูหนาแน่น ดกดำ บางท่านยังคงวางใจให้แพทย์ของนามนินดูแลด้วยการฉีด PHB แม้ครบระยะติดตามผลหลังปลูก 1 ปีเต็มไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นความตั้งใจของแพทย์ที่จะมอบการดูแลต่อเนื่องให้กับคนไข้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ ในส่วนของคุณผู้หญิง แพทย์จะออกแบบแนวทางการรักษาที่ต่างออกไป ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละเคส
- หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางด้านหน้า หรือผมร่นลึกบริเวณหน้าผาก กรณีนี้ แพทย์สามารถปลูกผมใหม่เพื่อปรับกรอบหน้าให้สมส่วนตามหลัก Golden Ratio ได้
- แต่หากคุณผู้หญิงมีปัญหาผมบางทั่วศีรษะ ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมอาจไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากผู้หญิงไม่มีบริเวณ Safe Zone ด้านหลังท้ายทอย ที่เส้นผมมีคุณสมบัติทนทานต่อการหลุดร่วงเหมือนผู้ชาย เป็นไปได้ว่า แม้จะทำการปลูกผมใหม่แล้ว เส้นผมใหม่ก็ยังมีโอกาสหลุดร่วงได้ในอนาคต กรณีนี้ แพทย์จะแนะนำการฉีดบำรุงด้วย PHB เพื่อฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะให้กลับมาแข็งแรง แทนการปลูกผม
- และสำหรับคุณผู้หญิงที่เผชิญกับปัญหาผมร่วง ผมบาง จากสาเหตุพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม เช่นการยืด ดัด ทำสี รวมไปถึงสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นภาวะผมร่วงหลังคลอด การฉีดบำรุง PHB ก็เป็นทางเลือกที่แพทย์แนะนำเช่นกัน



จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเส้นผม จึงเป็นการก้าวเข้ามาพูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ตรวจสภาพผม วิเคราะห์ปัญหา และรับฟังความต้องการของคนไข้ ซึ่งจะนำไปสู่การออกแบบแนวทางการรักษา ผสาน 2 ศาสตร์ NEAT + PHB เข้าด้วยกัน จนตอบโจทย์การฟื้นฟูดูแลผมของคนไข้แต่ละคนได้มากที่สุดนั่นเอง